Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เสขิยวัตร

Description: เสขิยวัตร

Search

Read the Text Version

i ต้นบญญติมารยาทไทย พระราฃภาวนาจารย์วิ.(เผด็จ ทตฺตชีโว) www.kalyanamitra.org

เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย พระราชภาวนาจารย์ (เผด็จ ทตฺตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทมธานี www.kalyanamitra.org

คำ นำ ฉบับพิมพ์ครั้งแรก ในสังคมทั่วไป การอยู่ร่วมกันอย่างมีดวามสุขนั้น มารยาทเป็นสิ่ง ที่สำ คัญมาก เพราะมารยาท จะปกปิดความไม่งามต่าง ๆ ของร่างกาย และป้องกันการกระทบกระทั่งภายในหมู่คณะ สำ หรับประเทศไทย พุทธศาสนามีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มารยาทไทย สามารถกล่าวได้ว่า พระวินัย ในหมวดนี้ เสขิยวัตร เป็นต้นบัญญัติของมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

หลวงพ่อทัตตชึ๋[วได้กรุณาเทศนาอธิบาย ถึงพระวินัยหมวดนี้อย่าง ละเอียด เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และสามารถนัาไป ประพฤติปฏิบัติได้ทันที สำ นักพิมพ์รวิกานต์ (1988) สำ นึกในพระคุณของหลวงพ่อ ท้ตตชีโว ที่ได้อนุญาตให้จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ขึ้น สำ นักพิมพ์ รวิกานต์ (1988) ค่านำ (t)) เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

คำ นำ ผ้แต่ง เรามักเข้าใจกันว่า มารยาทเป็นเรื่องของการปรับตัวให้เข้ากับสังคม เพื่อความงดงาม น่าดู เพื่อการยอมรับเข้าเป็นหมู่คณะเท่านั้น แต่ที่แท้ จริงแล้ว มีเรื่องเบื้องหลังลึกซึ้งเกี่ยวกับ ต้นบ้ญญัติของมารยาท ที่เรา ยอมรับกันอยู่ในปัจจุบันนี้ www.kalyanamitra.org

ถ้าเราย้อนกลับมาสำรวจตัวเอง เราจะพบว่า ในตัวของเรานั้นมีแต่ สิงที่ไม่งามทั้งสิ้น ของเสิยที่ฃับออกจากร่างกายทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่ ไม่น่าพิสมัยทั้งนั้น จึงเป็นปัญหาว่า จะทำอย่างไรที่จะไม่ไห้ความไม่น่าดู เหล่านั้นไปรบกวนผู้ที่อยู่รอบข้างเรา และจะทำอย่างไร จึงจะป้องกันการ กระทบกระทั่ง อันเกิดจากความไม่งามของสิ่งเหล่านั้นได้ จากปัญหาเหล่านี้ จึงได้มีการบัญญัติมารยาทขึ้น เพื่อเป็นกฎเกณฑ์ ไข้สิบต่อกันมา ซึ่งตันบัญญัติของมารยาทต่าง ๆ ที่เก่าแก่และถือเป็น ต้นแบบของมารยาทไทยไนปัจจุบัน ก็คือ \"เสขิยวัตร\"ซึ่งเป็นหมวดหนึ่ง ของพระวินัยไนพระพุทธศาสนานั่นเอง ความงามสง่าไนศีลาจารวัตรของสมเด็จพระลัมมาลัมพุทธเจ้า ได้ ยังความเลื่อมไสศรัทธาแก'ผู้ที่ได้พบเห็น และพระพุทธองค์ทรงอบรม ลังสอนพระภิกษุสงฆ์ไห้มีคืลาจารวัตรงดงามเรียบร้อย โดยทรงบัญญัติ หมวดพระวินัย \"เสขิยวัตร\" ขึ้นมาไข้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสงฆ์ ครั้นพระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติตามพระวินัยหมวดนี้แล้ว ทำ ไห้เกิด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย สงบ สำ รวม งามสง่า ทำ ไห้^ด้พบเห็นเกิด ความเลื่อมไสศรัทธาไนพระรัตนตรัย ตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษไทยสิบต่อมาจนถึงปัจจุบัน พระพุทธศาสนา ได้หยั่งรากลึกลงไนประเทศไทย ชนชาติไทยได้คุ้นเคยกับคืลาจารวัตรอัน งดงามของพระภิกษุสงฆ์ จนได้ซึมซับและถ่ายทอดกิริยามารยาทที่ นุ่มนวลนั้น อบรมลังสอนลูกหลานสิบทอดต่อ ๆ กันง^า คำ นำ ผู้.ฒ่ง (c?) เสซิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

\"เสขิยวัตร\" จึงเปรียบเสมือนเพชรนํ้าหนึ่ง ที่ทำ ให้คนไทยเป็น คนพิเศษมืความน่ารัก นุ่มนวล ซึ่งสิงเหล่านึ่!ม่มืในซนชาติอื่น จึงสมควร ที่ลูกหลานไทยในยุคปัจจุบัน จะต้องกลับมาทบทวน ฝึกตนเองอีก ครั้งหนึ่ง เพื่อรักษาสมบัติทางวัฒนธรรม อันทรงคุณค่าและเป็น เอกลักษณ์ของชนชาวไทย พระราชภาวนาจารย์ (เผด็จ ทตุดรโว) เสขิอวัตร ต้นบัญญัตมารยาทไทย (oc) คำ นำ ผู้แต่ง www.kalyanamitra.org

คำ นำ ฉบับจัดพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประเทศชาติบ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองหรือตกตํ่าขึ้นอยู่กับแนวทาง การดำเนินชีวิตประจำวันของคนในชาติเป็นสำคัญ ถ้าคนในชาติดำเนิน ชีวิตไปในแนวทางที่ถูกต้องประเทศชาติย่อมประสบความเจริญรุ่งเรือง ตามไปด้วย แต่ถ้าคนในชาติดำเนินชีวิตไปในแนวทางที่ผิดพลาด ประเทศ ชาติย่อมมืแต่ความหายนะตกตํ่า และอาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นประเทศ ส่มสลายไดํในที่สุด www.kalyanamitra.org

สาเหตุที่ทำให้ชีวิตคนล้มเหลวและประเทศชาติล่มสลายนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกว่า \"วิบัติ ๔\"ได้แก่ ๑. สืลวิบัติ คือ ความล้มเหลวในการรักษาคืล (ศีล คือความ สำ รวมกายและวาจาไม่ให้เบียดเบียนผู้อื่น) ๒. อาจารวิบัติ คือ ความล้มเหลวในการฝึกมารยาท (มารยาท คือความประพฤติที่ดีงามในการอยู่ร่วมกัน) ฅ. ทิฏฐิวิบัติ คือ ความล้มเหลวในการปลูกฝังสัมมาทิฐิ (สัมมาทิฐิ คือทัศนคติที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิตโดยไม่ผิดศีลธรรม) ๔. อาชีววิบัติ คือ ความล้มเหลวในการประกอบสัมมาอาชีพ (สัมมาอาชีพ คือการหาเลี้ยงชีพโดยสุจริตไม่ผิดศีลธรรม) ผู้มีปัญญามองเห็นสาเหตุความล้มเหลวเหล่านี้ จึงพยายามอย่าง สุดชีวิตที่จะหาทางป้องกันความวิบัติตกตํ่าทั้ง ๔ ประการนี้ไม่ให้เกิดขึ้น แก่ชีวิตตนและบุตรหลานอันเป็นที่รักของตน ความวิบัติทั้ง ๔ประการนี้ ป้องกันได้ด้วยการฝึกฝนอบรมตนเอง ให้เป็น \"ประชาชนที่มีคุณภาพ\" ต่อครอบครัว ต่อสังคม ต่อเศรษฐกิจ ต่อความมั่นคงของประเทศชาติ และต่อความเจริญรุ่งเรีองของพระพุทธ ศาสนา วิธีฝึกตนให้เป็นประชาชนที่มีคุณภาพนั้น บรรพชนไทยได้เลือก เอาพระวินัยสงฆ์หมวดหนึ่งมีชื่อว่า \"เสขิยวตร\" ซึ่งเป็นสํวนหนึ่งในศีล เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย (๑(ะ)) คำ นำ ฉบับจัดพิมพ์ www.kalyanamitra.org

๒๒๗ ข้อ และเป็นส่วนหนึ่งในอภิสมาจาริกวัตรของพระสงฆ์ มาเป็นบท ฝึกคุณธรรมในชีวิตประจำวันให้แก่ชนชาติไทยนับตั้งแต่ครั้งสร้างชาติบ้าน เมืองในยุคโบราณมาแล้ว เพราะเสขิยวัตรเป็นบทฝึกพื้นฐานหรือเป็นจุด เริ่มต้นในการที่จะป้องกันความวิบัติทั้ง ๔ ได้เป็นอย่างดี ด้งที่พระบรม ศาสดาตรัสว่า \"ข้อที่ภิกษุบำเพ็ญธรรม คืออภิสมาจาริกวัตรให้บริบูรณ์แล้ว จักบำเพ็ญธรรมของพระเสขะ(คืลอันเป็นข้อบัญญัติ)ให้บริบูรณ์Iด้นั้น เป็นฐานะที่จะมีได้ ข้อที่ภิกษุบำเพ็ญธรรมของพระเสขะให้บริบูรณ์แล้ว จักวักษาคืล (ที่เหลือทั้งหมด) ให้บริบูรณ์Iด้นั้น เป็นฐาาเะที่จะมีได้ ข้อที่ภิกษุวักษาคืลให้บริบูรณ์แล้ว จักอบรมอัมมาทิฐิให้บริบูรณ์ ได้นั้น เป็นฐานะที่จะมีได้ ข้อที่ภิกษุอบรมอัมมาทิฐิให้บริบูรณ์แล้ว จักเจริญอัมมาสมาธิให้ บริบูรณ์!ด้นั้น เป็นฐานะที่จะมีได้\" ต่อมาเสขิยวัตรนั้!ด้รับการสิบทอดมาตามลำดับจนกลายมาเป็น รากฐานวัฒนธรรมอันดีงามของประเทศไทยในป้จจุบัน คณะผู้จัดทำมืความเห็นว่า การที่ประเทศชาติบ้านเมืองเกิดความ วุ่นวายจนกลายเป็นความแตกแยกในสังคมนั้นมืสาเหตุเกิดจากชาวไทย มิได้สามัคคีร่วมใจกันป้องกันวิบัติ ๔ ไม่ให้เกิดขึ้นแก่บ้านเมืองของเรา คำ นำ ฉบับจัดพิมพ์ (qi©) เสขิยวัตร ต้นใ5ญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

การที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวผ่านปัญหาความแตกแยกในประเทศน!ด้ สำ เร็จ จำ เป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนในชาติจะต้องสร้างหลักประกันที่ทำให้ชีวิต ไม่ล้มเหลว ประเทศชาติไม่ตกตํ่าด้วยการเลิกโทษผู้อื่น แต่หันกลับมา ฝึกฝนตนเองตามบทฝึกเสขิยวัตรร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนเป็นประชาชนที่ มีคุณภาพของประเทศไทยตามเจตนารมณ์ที่บรรพชนได้วางรากฐานไว้ ตั้งแต่ครั้งแรกเริ่มสร้างชาติสร้างแผ่นดิน ด้วยเหตุนี้ คณะผู้จัดทำจึงได้กราบขอความเมตตาจากพระเดช พระคุณพระราชภาวนาจารย์ (หลวงพ่อทัตตชีโว) นำ ต้นฉบับหนังสือ \"เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย\"ซึ่งได้แสดงธรรมเป็นครั้งแรกไว้เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ มาจัดพิมพ์ใหม่อีกครั้ง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการ รณรงค์ให้ชาวพุทธนำบทฝึกจากพระวินัยในพระพุทธศาสนามาช่วยกัน แก้!ขประเทศชาติบ้านเมีองให้เกิดความสามัคคีปรองดอง ผ่านพ้นวิกฤต ความแตกแยก ผ่านพ้นวิบัติ ๔ ของประเทศ สามารถนำความสงบร่มเย็น ของพระธรรมคำสอนของพระล้มมาล้มพุทธเจ้าและความเจริญรุ่งเรือง ของพระพุทธศาสนากลับคืนสู่ล้งคมไทยร่วมกัน เพื่อทำให้ความองอาจ สง่างามของประเทศไทยปรากฏขึ้นในสายตาของชาวโลกอีกครั้ง คณะผู้จัดทำ กองวิชาการ อาศรมบัณฑิต ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย (qco) คำ นำ ฉบับจัดพิมพ์ www.kalyanamitra.org

สารบัญ ดำ นำ ผู้แต่ง (๗) ดำ นำ ฉบับจัดพิมพ์ (๑๐) เสซิยวัตร ต้นบัญญัติของมารยาทไทย ฅ หมวดที่ ๑ สารูป ๑๑ หมวดที่ ๒ โภชนปฏิเ(งยุด ๔๗ หมวดที่ ฅ ธัมมเทสนาปฏิสังยุด ๑๐๗ หมวดที่ ๔ ปกิณณกะ ๑๒ฅ www.kalyanamitra.org

f/ \"เสขิยวัตร\" เปรียบเสมือนเพชรนํ้าหนึ่ง ที่ทำ ให้คนไทยเป็นคนพิเศษ มืความน่ารัก นุ่มนวล ซึ่งสิงเหล่านื้!ม่มืในชนชาติอื่น จึงสมควรที่ลูกหลานไทยในยุคปัจจุบัน จะต้องกลับมาทบทวน ฝึกตนเองอีกครั้งหนึ่ง เพื่อรักษาสมบัติทางวัฒนธรรม อันทรงคุณค่า และเป็นเอกลักษณ์ชองชนชาวไทย j. www.kalyanamitra.org

1 s. t' ,» , 'J'r /I -J1 iim เสเยวัตร « IZ. 1 ^■'องมารยาทเทย -๙ _ 11 M f www.kalyanamitra.org

, iI T*' ^ 2- ■^. .73j^ •• ^•^' liM^m:six<W^. p- \"ฟ' I www.kalyanamitra.org

เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติของมารยาทไทย เรื่องที่นำมาฝากในวันนี้ คือ \"บ่อ๓ดของมารยาทไทย\" เราสงสัย กันมานานว่า มารยาทไทย ตลอดจนขนบธรรมเนียมที่เราใช้กัน เราได้มา จากไหนกันแนํ ชํ้ายังแตกต่างไปจากชนชาติอื่น ๆ รอบ ๆ บ้าน แต่ว่ามี ความทันสมัยอยู่ตลอดเวลาแล้วเป็นที่ประทับใจของคนทั่วโลก ก็พบว่า มารยาทและขนบธรรมเนียมประเพณีไทยได้มาจาก \"พระพุทธศาสนา\" นั่นเอง มารยาทไทยที่จะพูดในวันนี้ เป็นการยกเอา \"หมวดพระวินัย\" หมวดหนึ่งในวินัยของพระสงฆ์ เรียกว่า \"หมวดเสขิยวัตร\" ว่าด้วย มารยาทอันงดงามของพระภิกษุ ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้นำมา www.kalyanamitra.org

จากมารยาทกษัตริย์ เพราะพระองค์เป็นเจ้าชายในราชวงส์ศากยะของ กรุงกบิลพัสดุ แคว้นสักกะมาก่อน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงนำมารยาทกษัตริย์ที่ดีงามมารวมกับ มารยาทของนักบวชที่ดีงามในยุคนั้น ซึ่งพระองค์ได้พิสูจน์มาแล้วว่าดี จริง ๆ แล้วปร้บปรุงเปลี่ยนแปลงแกไขเพิ่มเติม มาบัญญัติเป็นมารยาท ของพระภิกษุ จากนั้นได้กลายมาเป็นมารยาทของชาวไทยเราด้วย ก่อนอื่นต้องทำความเข้าไจกันเสิยก่อนว่า ทำ ไมจึงต้องมาฝึก มารยาทกัน ถ้าว่ากันจริง ๆ ตามหสักการขั้นพื้นฐานแล้วละก็ ๑. เพื่อปกปิดความไม่งามไนร่างกายของเรา ๒. เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งกัน ไนตัวของเรานั้!ปดูเถอะ ไม่ว่าของแข็ง ของเหลว ไม่ว่าอากาศ ไม่ว่าลมที่ออกจากตัวเรา แม้ที่สุด เสิยงที่ออกจากตัวเรา จริง ๆ แล้ว ไม่น่ารักสักอย่าง จริง ๆ แล้วน่าสะอิดสะเอียนทั้งนั้นแหละ นํ้าที่ออกมาจากตัวเรา เช่น นํ้ามูก ม้นน่าดูชะเมื่อไร นํ้าลายงี้ ลองใครบ้วนนํ้าลายไห้เรากินชักถ้วย จ้างก็ไม่เอา เคืองตาย เห็นจะพอดู ได้ก็นํ้าตาของบางคน ดูม้นสวยดีหรอก หยดยังกะนํ้าค้าง แต่พอเข้าไป ใกล้ ไม่ไหว ยิ่งนํ้าปัสสาวะเลิกพูดกัน นี่ของเหลวออกจากร่างกาย เอาเข้า จริงๆจังๆแล้วน่าสะอิดสะเอียนของแข็งออกจากร่างกายยิ่งไม่ต้อง อธิบายล่ะนะ ของตัวเองยังรังเกียจรำคาญเลย ออกมาแล้วต้องรีบล้าง รีบเช็ด เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติของมารยาทไทย GT เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

กลิ่นที่ออกจากตัวเราไม่มีดี เอาเถอะ พอเหงื่อออกแล้วต้องหานํ้าอบ นํ้าหอมมาชโลมกันเอาไว้ ไม่งั้นกลิ่นไม่ดีในร่างกายเป็นต้องรบกวน ซาวบ้าน สีตัวเรานี่ก็เหมือนกันไม่ค่อยมีดี ยิ่งพอโกรธ หน้าเขียว หน้าดำ ปากสันหน้าเป็นผีเสียเลย หน้าเป็นยักษ์ไปเลยทั้งเนื้อทั้งตัวเรานอกจาก คุณธรรมแล้ว จะเอาของดี ๆ ...หายาก ทั้งเนื้อทั้งตัวเรานั้น มันมืของไม่ดีอย่างนื้ ถ้าเราไม่ระวังก็ไปก่อ ความรำคาญให้ซาวบ้าน เมื่อก่อความรำคาญเข้า ใครล่ะจะรัก ความน่ารัก หมดไปเลย แมไม่ได้ทำอะไรหรอก นั่งอยู่เฉย ๆ แต่นั่งไปท้องมันร้อง จ๊อก ๆ ไป คนข้าง ๆ ก็รำ คาญ นี่เสียงออกจากตัวเรา มันก็ไม่ใช่เสียงที่ ไพเราะอะไร บางคนยิ่งเจ็บไข้ได้ปวยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เราไม่อยาก เข้าใกล้ หายใจเข้า หายใจออก เสียงดังครืดคราด ยังกะเสียงแมวกรน ยิ่งบางคนไมใช่แมวกรนหรอก นอนกรนเสียงยังกะโรงสีไฟ ครืดคราด ๆ เสียงที่ออกจากตัว กลิ่นที่ออกจากตัว ของแข็งที่ออกจากตัว ของเหลวที่ออกจากตัว ของที่ออกจากตัวเรานี่ ไม่ต้องมากหรอก อาหาร ตั้งบนโต๊ะ แหม! มันน่ากินหอมเชียว ตักใส่ปากเคี้ยวชัก ๓ - ๔ ที คายออกมาใหม่ แล้วบอกให้ตักเข้าไปอีกทีชิไม่เอาแล้วกลายเป็นลิ่งที่ไม่ น่ากิน ไม่น่าดู นี่คือตัวของเรา เพราะฉะนั้น ที่ส่องกระจกทุกวัน ๆ ว่า แหม! ...ฉันนี่มันสวยจริง หมุนอยู่หน้ากระจก ๕ รอบ ๑๐ ตลบน่ะ หลงตัวเอง เสซิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย เสขิยวัตร ต้นบัญญัติของมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทรงมองทะลุปรุโปร่งหมดเลย ทรง บัญญัติมารยาทให้พระภิกษุหมวดหนึ่ง เรียกว่า \"เสขิยวัตร\" เพื่อป้องกัน ความน่าสะอิดสะเอียนในตัวของเราให้หมดไป แล้วก็ในเวลาเดียวกันช่วย ส่งเสัริมบุคลิกให้ดีน่าเคารพรักขึ้นมา หมวดธรรมหมวดนี้ ต่อมาได้กลายฟ้นพื้นฐานของมารยาทไทย ฉะนั้น วันนี้เรามาสืกษา \"เสขิยวัดร\" เพื่อว่าล้าเรามีข้อบกพร่องอะไร ในด้วเรา จะได้รู้และแกไขทัน บางคนทำงานก็เก่ง จะพูดจาก็เพราะ พรรคพวกเพื่อนฝูงก็รักใน เชิงของการทำงาน ในการพูดจา แต่ว่าพอถึงเวลากินข้าว มีงานเลี้ยง เขา ไม่เคยเชิญเราไปเลย เราก็อดจะนึกเคืองไม่ได้ อะไรกัน ทีงานหนักมา ตามเรา ทีจะกินไม่มาตาม ชักโมโห อ๋อ แท้ที่จริงมารยาทในการ รับประทานอาหารของเรานึ่มันแย่จริง ๆ กินแล้วเหมือนหมูกิน เขาเลย เอ๊ะ เรานึ่ความรู้ก็ดี ความสามารถก็ดี แต่ว่าทำไมส่ะ พวกเพื่อน ๆ ไม่รัก เราเข้าไปคุยกับเขาทีไรนึ่ หนีทุกทีเลย อ๋อ...กลิ่นตัวของเรามันแรง จริง ๆ เวลาพูด นํ้าลายมันกระเซ็นฟอดเชียว เพื่อนทนไม่ไหวจริง ๆ หนีหน้าหมด อะไร ๆ ก็ดีหรอก ท่านั่งก็ดี ท่ายืนก็ดี แต่เวลาเดินเสิย บุคลิกหมดไม่น่าดู เดินขาถ่าง ๆ หมาวิ่งลอดได้สบาย ฯลฯ เพื่อแก้ความไม่น่าดูควรมาศึกษา \"เสฃิยวัตร\" ซึ่งมือยู่ ๔ หมวด ด้วยกัน ทั้งที่เป็นของพระภิกษุ แต่จะขยายความให้เห็นแนวทางว่าจะน่า เอามาใช้กับประชาชนได้อย่างไร เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติของมารยาทไทย 'อ เสขิอวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

หมวดที่ ๑ คือ \"สารูป\" ว่าด้วยธรรมเนียมที่ควรประพฤติเวลาเข้าใ!เาน ตามธรรมดาพระ ก็อยู่ในวัด แต่ถึงเวลาจะเข้าใ!เานประชาชน ไปในหมู่ใ!)านต่าง ๆ ควรจะ ปฏิใวัติอย่างไร เรื่องนี้เราจะมาใช้ปร้บปรุงตัวเราเอง เวลาเราอยู่ใวัานเราจะ ใๆาตัวยังไงก็ได้ แต่ออกนอกใวัานจะตัองทำอย่างไรใวัาง เอามาเปรียบเทียบ กันกับพระภิกใ^ หมวดที่ ๒ คือ \"โภชนปฏิสังยุต\" ว่าด้วยธรรมเนียมในการร้บบิณฑบาตและในการฉันอาหาร ซึ่งจะ เอามาปร้บใช้มารยาทในการรับประทานอาหาร หมวดที่ ๓ คือ \"ธัมมเทศนาปฏิสังยุต\" ว่าด้วยธรรมเนียมของการแสดงธรรม ถ้า'พูดอีกทีหนึ่งคือ วิธีที่จะ อบรมลูก ๆ หลาน ๆ หรีอตักเตือนคนใ'ทีได้ผลอยู่ที่นึ่อยู่ตรงนี้ ใครที่ อบรมลูกอบรมหลานไม่ค่อยได้ผล ศึกษาเสียว่าพระท่านทำอย่างไร ใคร เตือนพรรคพวกเ'ที่อนฝูง เตือนลูกน้องไม่ค่อยได้ผล มาดูชิว่า พระท่าน ทำ อย่างไร แกไขเสีย แล้วเราจะได้ดูตามนั้น หมวดที่ ๔ คือ \"ปกิณณกะ\" ว่าด้วยธรรมเนียมในการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ท่านสอนหมด'แะ ก็ขออภัย ไม่มีศาสดาที่ไหนในโลกหรอก จะมาสอนลูกศึษย์ว่าการถ่าย อุจจาระ เธอควรทำอย่างไร จะถ่ายปัสสาวะ เธอควรจะทำอย่างไร ไม่มี ศาสดาไหนในโลกสอน แต่พระใชุทธเจ้าสอนสอนละเอียดด้วย ซึ่งแน่นอน ก็กลายมาเป็นธรรมเนียมในการใช้'ที'องนํ้า'ที'องท่า ในการรักษาความ สะอาดบ้านเรีอนของพวกเรา รวมไปในนั้นเสร็จด้วย เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย d เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติของมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ร^ » ^--.•รรุ่ ^ rr'^^'-^tey f' www.kalyanamitra.org

แ I T* ะ '.■9/ _5ไ^ , . .. . Sss-aw พ^ I- £M www.kalyanamitra.org

หมวดที่ ๑ สารป <บ หมวดธรรมว่าด้วยมารยาทในการเข้าไปบ้านประชาชน ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน ก็เกี่ยวกับการรักษารูปของเรา คือ เรื่องการ แต่งเนื้อแต่งตัว และกิริยามารยาทต่าง ๆ การนุ่งห่มของพระภิกษุ ท่านมีพระวินัยว่าอย่างนื้ www.kalyanamitra.org

ข'อ ๑ - ๒ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักนุ่ง-จักห่มให้เรียบร้อย\" พระภิกษุมีวินัยไว้เลยว่า จะนุ่งห่มให้เรียบร้อย เอ๊ะ ต้องมาสอน กันด้วยรึ เรื่องนุ่งเรื่องห่ม สอนสิ...ถ้าใครนุ่งห่มเรียบร้อยก็จะรอดตัว ไม่เป็นที่น่ารังเกียจของใคร แต่ถ้านุ่งห่มไม่เรียบร้อยละก็ ภาษาพระท่าน เรียกว่า นุ่งชั่ว ห่มชั่ว พอคำว่า \"ชั่ว\" มันเข้ามาในสิงอะไรละก็ มันเป็น สิ่งที่ไม่น่าเข้าใกล้ทั้งนั้น ท่าไม?... เพราะว่า พอนุ่งชั่วห่มชั่วเข้าน่ะ ตั้งแต่ท่าให้ขวางหู ขวางตา หรีอไม่ยังงั้นอาจเป็นอันตรายจากเพศตรงข้าม เดี๋ยวเถอะ นุ่งชั่ว ห่มชั่ว จะทำให้ยั่วกิเลสกามแล้วก็กลายเป็นชุดบ่อล่อจระเข้ เดี๋ยวตัวเอง จะเดือดร้อน พระภิกษุนุ่งอย่างไร พระภิกษุนุ่งสบง ถ้าจะให้เรียบร้อย ท่านบอก ไว้ชัดว่า \"นุ่งแล้วให้ชายผ้าสบงยาวครื่งหน้าแข้ง\" คือ อยู่ตรงกลางระหว่าง หัวเข่ากับข้อเท้าแล้วจัดให้เรียบร้อย ขอบผ้าสบงไม่ให้ย้วยหน้า ย้วยหลัง อย่างนี้เรียกว่า นุ่งเรียบร้อย ถ้าฟังอย่างนี้ พวกเราอาจยังนึกไม่ออก ลองนึกถึงเวลาอยู่บ้าน คือ ที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงจะตัดผ้าถุงก็ดื จะตัด กระโบ่รงก็ดี เอ! ควรจะยาวแค่ไหน ถ้าบอกว่า ให้ยาวครื่งหน้าแข้ง หลาย คนจะหน้าเบ้ อู้ฮู! เชยแหลก แต่จริง ๆ นั่นถูกต้องที่สุด ชุดมินิตลอด จนชุดที่ยกขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามลำดับ จากพ้นครื่งหน้าแข้งขึ้นมา พระสัมมา สัมพุทธเจ้าเรียกว่า นุ่งชั่วทั้งหมด ท่าไมล่ะ ถ้าเป็นคุณผู้หญิงนี่มัน หมวดที่ ๑ สารูป ด^ เสขิยวัตร ต้นใปัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ล่อกิเลสกามนะลูกน.ะ มันชุดบ่อล่อจระเข้ เดี๋ยวเถอะ จะถูกคาบเอาไบ่ ยิ่งขาขาว ๆ น่ะ เจ้าจระเข้มันจ้องอยู่ เดี๋ยวโดนขยํ้าเสร็จ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะให้ตัวเองบ่ลอดภัยล่ะก็ พยายามเถอะ กระโบ่รงของเรา ผ้าถุงของเรา กางเกงของเรา ถ้าจะให้บ่ลอดภัยจริง ๆ พยายามดึงลงมาให้ถึงครึ่งหน้าแข้งนะลูก ถ้าไม่ยังงั้นแล้ว มันจะกลาย เป็นนุ่งชั่ว ขนาดพระภิกษุท่านยังต้องระวังเลย เคยนึกบ้างไหม ถ้าพระภิกษุท่านนุ่งสบงแค่หัวเข่านี่นะ จะเป็นยังไง ขนาดพระภิกษุท่านเป็นผู้ชาย นุ่งสบงแค่หัวเข่านี่ดูเผินๆ ก็ไม่น่าเสียหาย แต่ว่าจริง ๆ แล้วเสียหาย เพราะมันน่าทุเรศโธ่เอ๊ย...ขนหน้าแข้งยาวเป็น คืบเชียว มันออกไนลักษณะน่ารังเกียจ นี่ผู้ชาย แต่...ของผู้หญิงมันไมใช่น่ารังเกียจ บางคนก็น่ารังเกียจเหมือนกัน ขาก็สีบ ๆ อย่าวิจารถ!เลยนะ แล้วยังอุตล่าห์นุ่งมินิ นุ่งไมโคร โธ่เอ๊ย... มันไบ่ไม่ไหว แต่เอาแหละ ขาสวย ๆ ไบ่นุ่งเข้า นั่นยั่วยุกามารมณ์ นั่น... ชุดบ่อล่อจระเข้ บางทียังแบ่ลกไจว่า เออ ออกมาจากบ้านได้เป็นวัน ๆ นี่ ไม่โดนบ่ลํ้าเสียกลางทาง มันหลุดบ่ากจระเข้มาได้ยังไงนี่ กลับบ้านไบ่ดู ชะ กระโบ่รงของเรา กางเกงของเราน่ะ ที่ยังไม่ถึงครึ่งหน้าแข้งน่ะ พยายาม ดึงลงมาไห้ถึงเถอะ บางคนอาจจะค้อนแล้วบ่ระชดว่าไห้หลวงพ่อเชยไปองค์เดียวเถอะ อย่ามาดึงหนูเชยไบ่ด้วยเลย ชักไม่ถูกไจ แต่ลูกเอ๊ย...นี่มันถูกต้องนะ ถูกต้องที่สุด กลับไบ่ทำไห้ดี ถ้าไม่งั้นเกิดอันตรายขึ้นมา จะหาว่า หลวงพ่อไม่เตือน เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย QO vมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

\"ลูกเอ๊ย...นุ่งสั้น ๆ น่ะ มันล่อแหลมนะ\" อย่าไปนุ่งเลย มันอันตราย พระภิกษุเป็นผู้ชาย ท่านยังต้องนุ่งสบง ครึ่งหน้าแข้งเลย ไม่งั้น ถ้าหลวงพ่อ หลวงพี่ นุ่งสบงมินิ นุ่งไมโครเข้า ก็คงได้ตาเหลือกกันบ้าง การห่ม สำ หรับธรรมเนียมการห่มจีวรของพระภิกษุนี่อีกเหมือนกัน ถ้ายาวเกินไปแล้ว มันจะกรอมเท้า ลากโคลน ถ้าสั้นเกินไปก็ไม่สวย การห่มของพระภิกษุยังมืธรรมเนียมอีก เคยมืผู้ใหญ่มาถาม บอกว่าน้องเขามาถามว่า เอ๊ะ...พระไทยนี่มืหลายก๊กหลายเหล่าเหลือเกิน? คือบางองค์ก็ห่มคลุมไหล่เดียว ปล่อยไหล่อีกข้างโชว์ บางองค์ก็ห่มคลุม หมดสองไหล่ บางองค์ห่มคลุมไหล่ข้างเดียวแล้วมืผ้ารัดอก นี่ชุดอะไร นิกายไหน เด็กไม่รู้แกก็ถาม แล้วผู้ใหญ่มาวัดเป็นปี ๆ ตอบแกไม่ได้อีก หลวงพ่อก็เพี่งรู้นี่แหละว่า ผู้ใหญ่ก็ไม่รู้เหมือนกัน การห่มจีวรของพระภิกษุมืหลายแบบ แต่ละแบบไข้ในโอกาส ต่าง ๆ กัน ไม่เกี่ยวกับนิกายหรือยุคสมัยใด ๆ ทั้งสิ้น หมวดที่ ๑ สารูป OGT เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

แบบที่ ๑ เรียกว่า ห่มลดไหล่ เป็นการห่มนอกพิธีการขณะอยู่ในวัด ถือเหมือนว่าอยู่บ้านตนเอง ก็ห่มพอสบาย ๆ คือห่มให้คลุมไหล่ซ้าย แขนซ้าย จนถึงข้อศอก ถ้าห่ม คลุมหมดทั้งสองไหล่ เดี๋ยวจะร้อนไป จึงปล่อยให้!ด้ลมสักหน่อยทางด้าน ขวา และเผื่อจะหยิบข้าวหยิบของอะไรจะได้ถนัด อย่างที่หลวงพ่อห่มอยู่ ขณะนี้ ห่มอย่างนี้บางทีก็เรียก ห่มเฉวียงปา ถ้าเปรียบกับฆราวาส การห่มลดไหล่ ก็เสมือนกับการแต่งตัวชุด อยู่บ้าน คือนุ่งห่ม แบบหลวม ๆ ยืน-เดิน-นั่ง-นอน จะได้สบาย ๆ ทำ งาน ก็คล่องตัว แบบที่ ๒ เรียกว่า ห่มคลุม คือต้องห่มคลุมให้มิดหมดทั้ง ๒ ไหล่ คลุมจนกระทั่งไม่เห็นหลุม คอ หรีอไหปลาร้าของเรา ถ้าปล่อยให้เห็นโผล่ออกมาเมื่อไรก็ถือว่าห่ม ไม่เรียบร้อย ยิ่งกว่านั้น ยังต้องจีบม้วนเก็บชายให้เรียบร้อย ไม่ใช่ สักแต่ว่าพัน ๆ เอา การห่มคลุมใช!นโอกาสที่ออกไปนอกวัด แบบที่ ๓ เรียกว่า ห่มดอง เป็นการห่มที่ร้ดกุมทะมัดทะแมงมาก คือ ห่มคลุมไหล่ซ้ายจนมา ถึงปลายข้อศอก เปิดแขนขวาโดยปลายจีวรอยู่ใต้รักแร้และพาดทับไหล่ ซ้าย ชึ่งมืผ้าสังฆาฏิพาดเฉียงยาวลงมาที่กลางอกทับไหล่ซ้ายอีกทีหนึ่ง และผ้ารัดอก รัดอยู่เหนือเอว ผูกขวาทับซ้ายและม้วนเป็นดอกบัว ใช้ห่ม ขณะประกอบพิธีกรรมของสงฆ์ภายในวัด เช่น ในพิธีบวช พังสวด เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย 0)๕ หผวดทึ่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

ปาฏิโมกข์ เป็นต้น และในพระวินัยก็กำหนดให้พระธุดงค์ห่มจีวรแบบ ห่มดอง การห่มจีวรขณะอยู่วัด แม้ห่มคลุมไหล่ข้างเดียว ถือความสะดวก สบายพอสมควร ถืงอย่างนั้นก็ต้องให้เรียบร้อย ไม่ปล่อยให้ย้วยหน้าย้วย หลัง คือให้ชายจีวรที่ห่มตํ่ากว่าชายสบงที่นุ่งเล็กน้อย และไม่ห่มเสืยยาว ย้วยลงไปลากดิน ไม่สั้นเต่อ ๆ ลอยเริดขึ้นมาจนเห็นสบง โดยย่อ การนุ่งเบื้องบนจะต้องปิดสะดือ เบื้องล่างจะต้องปิดเข่าลง มาครึ่งแข้ง การห่มต้องทำมุมผ้าทั้งสองให้เสมอกัน และต้องไม่ปล่อยให้ ผ้าเลื้อยหน้าเลื้อยหลัง จากธรรมเนียมของพระภิกษุ ภิกษุณี แล้วกลายมาเป็นธรรมเนียม การนุ่งผ้าลุงของหญิงไทย \"ตั้งแต่โบราณมาล้วนนุ่งกันครึ่งหน้าแข้งทั้งนั้น'' เพราะฉะนั้น คดีข่มขืนในสมัยปูย่าตายายเราจึงไม่ค่อยมี คนเราเริ่มเป็น^หญ่ตั้งแต่อายุ ๑๕- ๑๖ ปี เรึ่อยมา เมื่อเริ่มเป็น ผู้ใหญ่แล้วก็ควรพยายามนุ่งห่มให้สุภาพตามพระภิกษุ แม้เด็กเล็ก ๆ ก็ เช่นกัน โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง จะให้มานุ่งกระโปรงสั้น ๆฟ่ๆ ฟ่า ๆ เพราะคิดว่าคงไม่เป็นไร ก็ขอเตือนว่าไม่สมควร เพราะจะเพาะนิลัยชอบ นุ่งชั่วห่มชั่ว และเหมีอนกับช่วยเร่งให้เด็กโตเป็นห'นุ่มเป็นสาวเร็วเกินวัย การเร่งให้เด็กมีร่างกายเติบโต สุขภาพพลานามัยแข็งแรงนั้นดีแล้ว แต่การเร่งให้เกิดความร้สิกเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็ว ๆ กลับไม่ดี ก่อนจะ อธิบายสาเหตุ ขอเท้าความหลังประกอบลักหน่อย หมวดที่ 6) สารูป 0\"อ เสชิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

หลวงพ่อเกิดและโตในชนบท สมัยนั้น นํ้าก๊อก นํ้าประปาไม่มีใช้ จะอาบนํ้าแต่ละทีก็ต้องอาบนํ้าแม่นํ้า ขออภัยเถอะ ถอดแอ ถอดกางเกง ได้ก็กระโดดนํ้า เล่นกันตูม ๆ สนุกดี อย่างที่ริมเฝนํ้าเจ้าพระยา ที่เรา เห็นกันทุกวันนี้แหละ แก้ผ้ากระโดดกันมาจนกระทั่งอายุ ๑๔ ปีแน่ะ พอ เริ่มจะเช้าอายุ ๑๕ ชักอาย จึงนุ่งผ้าขาวลงมาเล่นนํ้า เท่านั้นแหละได้เริ่อง คุณป้าท่านผ่านง^าเห็นเช้า (ขณะนี้ถ้าคุณป้า ยังมีชีวิตอยู่ก็ขาดอีกปีสองปีอายุคงครบ ๑๐๐ แล้ว) ท่านร้องเอะอะขึ้น มาทีเดียว ท่านว่า... \"โอ๊ย...ไอ้เด็กเดี๋ยวนี้ท่าไมมันเป็นหนุ่มเป็นสาวก้นเร็วจังดัดจริต เหลือเกิน ตอนป้าอายุ ๑๘ - ๑๑' ยังแก้ผ้าวิ่งเล่นก้นเป็นหมู่ โดดนั้าก้น ตูม ๆไม่เห็นต้องวุ่นวายเริ่องผ้าเริ่องผ่อน...\"(เรานุ่งผ้าเล่นนํ้ากลับถูกหา ว่าดัดจริตเลืยนี่...) ฟังคุณป้าพูดตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไร ต่อมาก่อนจะบวชได้อ่าน บันทึกของสมเด็จกรมพระยาดารงราชา'นุภาพ ครั้งเสด็จภาคไต้ พบ ช้อความท่านองเดียวก้บที่ป้าพูดเช้าอีก ท่านบันทึกว่า \"...นั่งเรือไปภาคไต้ตรวจตามจังหวัดต่าง ๆ ได้พบว่า ไนชนบท หลาย ๆ แห่ง เด็ก ๆ ทั้งหญิงทั้งชายอายุตั้งแต่ ๑๙ - ๒๐ แล้ว ยังแก้ ผ้าเล่นตี่จับก้นบ้าง เล่นตากระฉูดก้นบ้าง เห็นแล้วก็รู้ลืกแปลกตาดี...\" ครั้นใกล้ ๆ จะบวช พลิกพระไตรปิฎกดู พบข้อความตอนหนี่ง บอกว่า เสขิอวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ๑๘ หมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

\"นับตั้งแต่พระพุทธองค์ทรงปรินิพพานไปแล้วทุก ๆ ๑๐๐ ปี อายุ มนุษย์จะลดลง ๑ ปี\"® อายุเฉลี่ยของมนุษย์ในสมัยพุทธกาลนั้น ๑๐๐ ปี จึงจะตาย เพราะ ฉะนั้น พ.ศ. ๑๐๐ อายุคนจะลดลงเหลือ ๙๙ ปี พ.ศ. ๒๐๐ จะลดลง เหลือ ๙๘ ปี พ.ศ. ๒๐๐๐ อายุเฉลี่ยของคนทั้งโลกก็จะลดเหลือ ๘๐ ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ อายุเฉลี่ยก็เหลือ ๗๕ ปี นี่เราอยู่ช่วงอายุเฉลี่ย ๗๕ ปี ต่อไปก็จะค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดอายุของมนุษย์ทั้งโลก โดยเฉลี่ยก็จะเหลือเพียง ๑๐ ปี เป็น อย่างมาก คึอมีอายุพอ ๆ กับ หมู หมา กา ไก่ เมื่อถึงยุคนั้น มนุษย์ก็จะมีสภาพคล้ายสัตว์ เป็นกลียุค พ่อ-เฝก็ ฆ่ากันได้ ลูกก็ฆ่าพ่อได้ พ่อก็ฆ่าลูกได้ จับพสัดจับผลูลูกก็อาจไปคว้าแม่ มาทำเมีย พ่อหันไปหันมาก็ไปคว้าเอาลูกสาวตัวเองทำเมียเข้าอีก ว่ากัน ให้กลุ้มกสัดไปหมด พออ่านถึงตรงนี้ก็เรื่มสะดุ้งใจ ทำ ไมล่ะ?...คิดดูนะเมื่อคนเราอายุ เฉลี่ยทั้งโลกเพียง ๑๐ ปี น่ะ จะเป็นห เป็นสาวกันเมื่อไร แน่นอน... อายุแค่ ๒ - ๓ ขวบ ก็เป็นสาวเป็นหพุ่กันแล้ว พวกผู้ชายพอ ๒ ขวบ ก็อ้อนพ่อแล้ว \"พ่อ...กินเหล้ากันเถอะ พ่อ...อยากจะมีเมีย...\" ที.ปา.จักกวัตติสูตร (ไทย) ๑๕/๔๕-๔๖/๑๑๒-๑๑๖ หมวดที่ ๑ สารูป ๑๔ เสฃิอวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

พวกผู้หญิงก็กระซิบแม่ \"แม่...หนูเหงาเหลือเกิน อยากจะมีสามี...\" แล้วเป็นยังไง จะเอาเวลาที่ไหนไปสืกษาธรรมะ จะเอาอะไรเป็น หลักพิจารณาว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรควร อะไรไม่ควร พอโตขึ้นมา ปับ ก็คิดแต่จะลืบพันธ์มีลูกมีหลาน ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดียรัจฉาน ให้ คิกษาธรรมะก็ไม่เอา วัน ๆ รู้จักแต่เรื่องทำมาหากินกับลืบพันธ์ ไม่ต้องดูอื่นไกล เทียบเคียงเอาจากเพื่อนรุ่นเดียวกับเรานี่แหละ เพื่อนบางคนอายุ ๑๔- ๑๕ ปี ก็แต่งงานแล้ว แต่เพื่อนบางคนไปแต่งงาน เอาเมื่ออายุ ๒๕ - ๓๐ ปี โน่น ผลที่ได้ร้บต่างกันอย่างไร คนที่แต่งงานเมื่ออายุ ๑๔ - ๑๕ ปี น่ะ พอแต่งป็บก็แบกภาระ ครอบครัวอานไปเลย พูดง่าย ๆ มุ่งแต่เรื่องทำมาหากินหน้าดำครื่าเครียด โอกาสคิกษาธรรมะไม่มี ส่วนพวกที่รอไปแต่งงานอายุ ๒๕ - ๓๐ ปี พวกนี้มีเวลาพอ มีโอกาสได้คิกษาธรรมะไปด้วย โอกาสเจริญกัาวหน้าจึง มีมาก ฉะนั้น เรื่องวิชาการเร่งให้โตเร็วมากเทำไรก็ยิ่งดีเท่านั้น แต่ความ เป็นหนุ่มเป็นสาว อย่าเร่งให้มันโตเร็วนัก เพราะ... ถ้าเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็ว ความขวนขวายที่จะคิกษาธรรมะ ก็หมดไป มีแต่จะหาคู่ครอง แล้วธรรมะก็มีแต่จะสูญไปจากโลกนี้ มีแต่ อธรรมเข้ามาครอง เพราะฉะนั้น คุณพ่อคุณแม่ที่ยังเลี้ยงลูกเล็ก ๆ หา ทางเถอะว่า ทำ ยังไงถึงจะให้ลูกเป็นห'นุ่มเป็นสาวข้า แต่ว่าให้ถ้าวหน้าทาง เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย QOC หมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

วิชาการมาก ๆ ถ้าทำได้อย่างนี้ ลูกก็จะเจริญถ้าวหน้าเป็นลูกแถ้ว ไม่อย่าง นั้นก็เหมือนกับแกล้งฆ่าลูก ทำ ยงไงจะให้ลูกหญิงลูกชายเป็นหนุ่มเป็นสาวด้า วิธีง่าย ๆ คือ เอาใจใส่เรื่องเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มของลูกให้มาก ๆ อย่าตามใจลูกน้ก เพื่อความถูกต้อง เพื่อความเจริญทางด้านจิตใจ เลือก แบบให้สุภาพ สอนให้นุ่งห่มให้เรียบร้อยเข้าไว้ อะไรที่จะเร่งให้ลูกมืความ รูลืกเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็ว ต้องรีบกำจัดเสีย แล้วนั่นแหละ ลูกจึงจะเอา ตัวรอดได้ เป็นความชื่นอกชื่นใจของเราตราบเท่าว้ยชรา หมวดที่ ๑ สารูป ไร)๐ เสขิยวัตร ด้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ข้อ ๓ - ๔ \"ภิกษุพึงทำความสีกษาว่า เราจักขดกายด้วยดี ไปในละแวกบ้าม- นงในละแวกบ้าน'' ตามธรรมดา พระก็อยู่ในวัด แต่บางครั้งมีกิจนิมนต์ต้องเข้าไปใน บ้านญาติโยม เข้าไปในหมู่บ้าน ถึงเวลานั้น ต้องระมัดระวังสำรวมกิริยา มารยาท ตลอดจนการนุ่งห่มให้เรียบร้อยเป็นพิเศษ จะถือความคุ้นเคย ปล่อยตัวตามสบายไม่ได้ เมื่อออกจากวัดต้องห่มคลุมให้เรียบร้อย อากาศจะร้อนหนาว อย่างไรก็ต้องอดทน เพื่อยังความเลื่อมใสให้เกิดขึ้นทุกขณะ แม้เข้าไปนั่ง ในบ้านแล้วก็ปล่อยตัวตามสบายไม่ได้ ต่อมาวินัยสงฆ์ข้อนี้จึงกลายเป็นธรรมเนียมฆราวาสว่า ควรแต่ง กายให้เรียบร้อยเข้าไปในบ้านผู้อื่น ถือเป็นมารยาทอันดีงาม เพราะ เป็นการให้เกียรติแก่เจ้าของบ้าน สำ หรับพระภิกษุนั้น เครื่องนุ่งห่มแต่ละชิ้น พระล้มมาล้มพุทธเจ้า ทรงบัญญัติให้มีรูปแบบที่เป็นบทฝึกสติทั้งนั้น อังสะของพระภิกษุแม้จะ คล้าย ๆ เสือชั้นใน แต่เป็นเสือชั้นในแบบของพระ ไม่ใช่เสือกล้าม มีคนถามหลวงพ่อว่า \"หลวงพ่อ ผมเอาเสือกล้ามมาถวายไดไหม เพราะแบบก็ดูคล้าย ๆ กัน\" ก็ต้องตอบเขาไปว่า ไม่ได้ ของพระก็มีแบบ เฉพาะ เสฃิอวัตร ตนบัญญัติมารยาทไทย '©๑ หมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

มีนักสืกษาบางคนถามหลวงพ่อว่า \"ทำไมพระภิกษุไทยไม่เปลี่ยนสบงเป็นกางเกงนุ่งอย่างกะพระเสี้ยวลิ้ม จีวรก็เหมีอนกันทำเป็นเสี้อคลุมเหมีอนพระจีนจะได้ดูทะมัดทะแมงขึ้น...\" ดูเผิน ๆ ก็ว่าดี เพราะใส่อย่างนั้นทำอะไรรู้สึกคล่องตัวกว่า แต่ไม่ ควร เพราะทะมัดทะแมงเกินไปอาจทำให้เผลอสติได้ง่าย และบ้านเราก็ ไม่ได้หนาวนักหนา ขืนเปลี่ยนสบงเป็นกางเกง เปลี่ยนจีวรเป็นเสี้อคลุม เดยวก็รำมวยจีนไปเลย เมื่อรำมวยได้ เรื่องไม่ส่ารวมอื่น ๆ ก็ตามมาเป็น แถว ดีไม่ดี ไม่ชอบใจสืลฃ้อไหนก็จะหาเหตุละเสึยง่าย ๆ เพราะฉะนั้น แม้เครื่องนุ่งห่ม พระพุทธองค์ก็ทรงกำหนดแบบให้ ใช้ผ้าเป็นผืน ๆ ค่อย ๆ คลี่ออกมา แล้วก็ห่มเพื่อฝึกสติ ถ้าเผลอสติก็ ห่มไม่ได้ดี ถ้าสติดีแล้วสมาธิก็พลอยดีไปด้วย เพราะว่าสติกับสมาธิเป็นเสมีอน พื่นัองฝาแฝดติดกัน เป็นเงาตามตัวพรากจากกันไม่ได้ ที่ไหนมีสติ ที่นั่น จะมีสมาธิ ที่ไหนมีสมาธิ ที่นั่นจะมีสติ เหมีอนอย่างกับเวลาเราจุดไพ่หรือจุดเทียน พอจุดปับความสว่างก็ เกิดขึ้นในความสว่างมีอะไรควบคู่อยู่ด้วย มีความร้อน ถามว่า ความสว่าง กับความร้อนเป็นอย่างเดียวกันไหม คนละอย่างกัน สว่างก็คือสว่าง ร้อน ก็คือร้อน คนละอย่างกันแต่แยกจากกันไม่ได้ กอดคอไปด้วยกันตลอด หมวดที่ ๑ สารูป พ^ เสฃิอวัตร ต้'นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

จะบอกว่า ฉันจุดไม้ขีดจุดเทียนนี่ จะเอาแต่แสงสว่างไม่ต้องการ ความร้อนก็ไม่ได้ มันจะต้องร้อนของมัน เวลาเราก่อไฟหุงข้าวก็เช่นกัน พอไฟติดแดงโร่ก็ร้อนจัด เดี๋ยวข้าวก็เดือดขึ้นมา เราจะบอกว่า...เจ้าความ สว่าง ข้าไม่ต้องการนะ ขณะนี้กลางวันแล้ว ข้าต้องการแต่ความร้อน ความ สว่างออกไปเถอะ มันก็ไม่ไป มันจะอยู่ด้วยกัน สติกับสมาธิก็เช่นกันเป็นพี่น้องฝาแฝดติดกันแบบฝาแฝดอิน-จัน นั่นแหละ ผ่าตัดไม่ออก จะเห็นว่า แม้การนุ่งสบง จีวร พระสัมมา สัมพุทธเจ้า ก็ทรงให้นำมาเป็นบทฝึกสติ ซึ่งเท่ากับก่าลังฝึกสมาธิ ไปด้วยในตัว ฉะนั้น รูปแบบของสบงจีวรที่ทรงกำหนดไว้ จึงไม่ควรไป เปลี่ยนแปลงเสิย สำ หรับจีวรนี่ ผู้ที่ออกแบบคือ พระอานนท์ พุทธอนุชา จัดว่าเป็นดีไซน์ที่ยืนนานมากว่า ๒,๕๐๐ ปีแล้ว เป็นดีไซน์ที่อายูยืนที่สุด Zhn นำภูTจธิง ๆ เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ISO หมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

ฃ้อ ๕ - ๖ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักระวังมือระวังเท้าด้วยดีไปในบ้าน- นํ่งในบ้าน\" ข้อนี้หมายถึง การสำรวมกิริยามารยาทให้สงบ ไม่คะนองมือ คะนองเท้า ไม่ไหวมือ ไหวเท้าเล่น เช่น กระดิกมือ แกว่งเท้าอยู่ตลอด เวลา เป็นต้น เรื่องนี้พระภิกษุไม่ค่อยเป็นกัน เพราะเครื่องแต่งกายบังคับ ดนตรี สิเปาอะไรก็ไม่ได้ฟังอยู่แล้ว จึงไม่รู้จะเคาะเป็นจังหวะอะไร แต่พวก ฆราวาสห'นุ่มสาวสมัยนี้เป็นกันมาก บางคนอาจคิดเข้าข้างตัวเองว่า เอ๊ะ...เราก็เป็นคนดีไม่เห็นมือะไร บกพร่องทำให้!ครเดีอดร้อน แต่ทำไมพอไปบ้านเ'พื่อน กระดิกเท้าเล่น หน่อยเดียว คุณเฝเ'พื่อนมองค้อนเอาเสิยหลายตลบ บางคน'แงฃย่มเท้า กระดิกเท้า กระดิกมือตามจังหวะเพลง บางคน ถูกใจมากก็ดีดนี้วเปาะเหมือน'แกเลงตีไก่ อาการเหล่านี้ล่อความไม่สำรวม ขาดสติ ถ้าอยู่ต่อห'น้าญาติ^หญ่อาจดุว่าตักเตือนให้ แต่ถ้าเป็นคนที่จะ ต้องมืผลประโยชน์เกี่ยวข้องกันในภายหน้า เขาอาจบอกศาลาเลิกไปเลย เพราะคนขาดสติอย่างนี้ มันฟัองว่า ต้องเป็นคนเจ้าอารมณ์ ถ้ามื ใครขัดใจเข้าหน่อยเป็นได้เรื่อง พอโดนกระทบเข้าบ้าง อารมณ์จะพลุ่งพล่าน ขึ้นมาทันที ระงับไม่อยู่ อย่างนี้ใครอยากคบด้วย หมวดทื่ ๑ สารูป ไร)ร' เสขยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ข้อ ๗ - ๘ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจะมีตามองทอดลงไปในข้าม- นงในบ้าน\" ลักษณะของพระภิกษุต้องสำรวมแม้สายตา ไม่ใช่เดินไปตามถนน สายตาก็ส่ายสอดไปสองข้างทาง ชมนกชมไม้เรื่อยไป เห็นเขียว ๆ แดง ๆ เหลือง ๆ ชอบใจก็มองจนเหลืยวหลัง แม้ที่สุด เมื่อเข้าไปในบ้านใคร ก็ไม่บ้งควรเดินเรื่อยไปดูนั่นดูนี่ของ เขา นั่งอยู่ก็ต้องไม่เหลืยวลอกแลก สำ รวจตรวจตราเหมือนขโมยมองหา ทางหนีทีไส่ พวกเราฆราวาสก็เช่นกันทั้งหญิงทั้งชาย ถ้ามืความจำเป็นว่าจะหา ชื้อของก็ส่ายตาดูได้ แต่อย่าให้ถึงกับหลุกหลิกชุดค้นจนเกินเหตุ เจ้าของ ร้านจะเข้าใจผิดเกิดเรื่องเกิดราวกันเปล่า ๆ เวลาเข้าไปในบ้านใคร ขอฝากไว้ด้วย หลาย ๆ คนพอเข้าไปในบ้าน ใครก็ถึอวิสาสะเดินดูบ้านเขาทั่วไปหมดเลย หม้อข้าวหม้อแกงเปิดดูหมด ของบางอย่างเจ้าของบ้านไม่อยากให้ดู ก็เหมือนเรานั่นแหละ บางที เพื่อน ๆ เข้ามาในห้องเรา เราก็ไม่นึกอะไร แต่พอ พื่ ป้า น้า อา เข้ามา ในห้องเราบ้าง เรากลับไม่สบายใจทันที เพราะมืของหลาย ๆ อย่างที่เรา ไม่อยากให้ท่านเห็น เสขิอวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ^(1 หมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

บางทีเจ้าของบ้านอาจทำอะไรทิ้งค้างไว้ไม่ค่อยจะเรียบร้อย ฉะนั้น การเข้าไปดูโน่นดูนี่เรื่อยเปีอยไป ระวังแม่ของเพื่อนคนนั้นจะสังลูกสาว ว่า \"นี่...อย่าพายายคนนั้นมาอีกนะ ท่าทางหลุกหลิกอย่างกะขโมย\" ชื่อ เลิยงจะเสิยหายหมด ยกเว้นของที่เจ้าของบ้านเจตนาตั้งโชว์ไว้ให้ดู อย่างนี้ต้องช่วยไปดู ของเขาหน่อย เช่น เขาเป็นนักกอล์ฟฝีมือเยี่ยม ได้ถ้วยชนะเลิศมาตั้งโชว์ ไว้กลางบ้าน หรีอเขาไปจบด๊อกเตอร์มาจากต่างประเทศ ติดรูปถ่าย ด๊อกเตอร!ว้เต็มฝาห้องรับแขก อย่างนี้ต้องรีบเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ถามไถ่เขา เสิยหน่อย พอให้ชื่นใจ ขืนไม่ดู เขาจะนึกตำหนิว่า แหม...ไม่มืมารยาท เขาอยากให้เราชม ช่วยชมเขาหน่อยเถอะลูกเอ๊ย...แล้วจะได้เพื่อน รักอีกหลาย ๆ คน เพราะว่าคนในโลกนี้ล้วนชอบคำชมทั้งนั้น ในชีวิตประจำวัน เราจะตัดสินใจทำหรีอไม่ทำลิงใด เอาแต่เพียงว่า ผิดกับถูกเท่านั้นยังไม่ได้ ยังต้องมืคำว่า \"ควรหรือไม่ควร\" ด้วย การ กระทำบางอย่างมันผิด แต่ยังไม่ควรที่จะไปตำหนิ ยังไม่ควรที่จะไป คุ้ยเขี่ยขึ้นมาตอนนี้ เพราะอารมณ์เขายังรับไม่ได้ ควรชมอะไรต่ออะไรให้ เขาชื่นใจเสียก่อน แล้วคํอยไปติกันทีหลัง จึงจะพอไหว ไม่ใช่พอเจอหน้า เขายังไม่ทันตั้งตัว ก็ด้วยความหวังดี ปรื่เข้าไปเตือนเลยว่า \"คุณนี่ แต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อย กินข้าวก็ไม่มืมารยาทเลย จะเดิน เหินก็ตุ๊บ ๆ ตั้บ ๆ ...\" หมวดที่ ๑ สารูป ^X) เสขิยวัดร ต้นใJญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

เพื่อนฟังแล้วจะรู้สึกยังไง ดีที่สุดก็แค่รำพึงว่า \"เอ๊...ในตัวเรานี่หา ดีไม่ได้เลยเชียวหรือ\" แต่ถ้าเขากำลังอารมณ์เสึยมา มีหวังเพื่อนรักเท่ารัก จะตักษัย (สินชีวิต)... ถามว่า ที่เตือนไปถูกไหม? ถูก...ไม่ผิดเลย แต่ว่ายังไม่ควร ใคร อยากจะเตือนใครในเรื่องเหล่านี้ ก่อนอื่นให้หาเรื่องชมมาลัก ๔- ๕ เรื่อง ก่อนนะ เป็นตันว่า \"แหม...จัดบ้านได้สวย โอโฮเล่นกีฬาก็เก่ง มิหนำชํ้าร้องเพลงก็ เพราะด้วยนะนี่ ได้ถ้วยนักร้องมาด้วย แหม...คุณนี่มีดีตั้งเยอะแยะ ...แต่ว่า ถ้าเดินให้มันเบา ๆ กว่านี้ เดินแล้วขาไม่ถ่าง เออ...จะน่ารัก จะมีเครดิตอีกเยอะแยะเลย...\" อย่างนี้พอฟังได้ ไม่ใช่ว่า พอมาถึงก็ติ ติ ติ ที่ดีไม่ชมเลย เอ๊ะ... เราก็พูดเรื่องจริงทั้งนั้น ท่าไมเขาหน้างอ คุยกันได้ไม่กี่คำ บางทีทั้ง ๆ ที่ เขาชวนเรามากินข้าวที่บ้าน เขาอาจถามเราดื้อ ๆ ว่า \"นี่เธอ ยังไม่กลับอีก หรือนี่\" ไล่เราเสึยแล้ว หากเขามีที่จะให้ชม รืบชมเสียก่อน แล้วจะติอะไรทีหลังค่อยว่ากัน อย่างนี้ค่อยคบกันได้ สิงละอันพันละน้อยนี้แหละ ที่เป็นเครื่องฝึกให้ ตัวเรามีความนำรักขึ้นมาแล้วก็รู้จักว่า อะไรควร อะไรไม่ควรขึ้นอีก ในสิงเล็ก ๆ น้อยเหล่านี้ เมื่อเราแยกออกได้ว่าอะไรควร อะไรไม่ ควร อีกหน่อยของใหญ่ ๆ หรือของที่ละเอียด เราก็จะแยกได้[ดยอัตโนมัติ เพราะเกิดความชำนาญขึ้นมาแล้ว เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ©CV หมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

ข้อ ๙ - ๑๐ \"ภิกษุพึงทำความสิกษาว่า เราจักไฝเวิกผ้าไปในบ้าน-นั่งในบ้าน\" เวิกผ้าเป็นอย่างไร...บางคนไม่รู้ เวิกผ้าก็หมายความว่า ถกผ้าขึ้น เปิดสีข้างให้เห็น เช่น ถกจีวรขึ้นพาดไว้บนบ่า ถกสบงรั้งขึ้นจนพ้นเข่า ทั้งในเวลาเดิน ทั้งในเวลานั่ง ตามธรรมดาพระภิกษุเวลาเข้าไบ่ในบ้านใครก็ตาม พระวินัยกำหนด ให้ห่มคลุม ทีนี้เกิดร้อนขึ้นมาเลยเผลอสติถกสบงจีวรขึ้นเสียนี่ พูดง่าย ๆ ว่า ติดแอร์คอนดิชั่นไว้ข้าง ๆ เสียแล้ว กะให้เย็นสบาย ๆ ล่ะนะ อย่างนี้ ก็เริ่มไม่งาม ย้อนกลับมาถึงพวกเราบ่ระชาชนชาวบ้าน รูบ่แบบเสีอผ้าเคริ่อง นุ่งห่มก็ไม่จำกัด นับว่าสบายกว่าพระภิกษุมากนัก แต่อย่างไรก็ดี ขอฝาก ไว้ด้วย โดยเฉพาะคุณผู้หญิง ถ้าจะไม่ให้เป็นการชุดบ่อล่อจระเข้ล่ะก็ เสือ ไม่มีแขน ไม่ค่อยน่าใส่ ยังไง ๆ ก็ขอให้มีแขนเถอะ จะแขนสันแขนยาว แค่ไหนไม่ว่ากัน แล้วถ้าจะให้ดี อย่างน้อยให้ยาวสักเกือบ ๆ ถึงข้อศอก นั่นแหละ ค่อยโล่งใจ ถามว่าผู้หญิงใส่เสื้อไม่มีแขนไม่สวยตรงไหน...จะว่าไบ่ ในสายตา ของผู้ชายเขาก็ว่าสวย มองกันตาเป็นมันเลย แต่!!ว้เถอะจระเข้ตาลุกแล้ว ไม่ดีแล้ว เพราะฉะนั้น ใส่เสื้อมีแขนไว้แหละดี หมวดที่ ๑ สารูป ไร)<3 เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ขอพูดไว้ ณ ที่นี้เสียด้วยเลย คุณหนูผู้หญิงเวลามาวัด พวกเสีอ ยึดไม่ควรใส่ แม้ที่ไหน ๆ ก็ไม่ควรใส่ ยกเว้นที่บ้าน ถือเอาสบาย ๆ ก็ ไม่เป็นไร เวลาใส่เสีอยึด ถ้าเหงื่อไม่ออก หรือยังไม่เปียกนํ้าก็แล้วไป ถ้าเหงื่อ ออกเปียกนํ้าเข้าแล้ว จะรัดรูปจัด กลายเป็นชุดปอส่อจระเข้ ไม่ดีแน่ ๆ โอกาสเหมาะที่จะไดใช้เสื้อยึดก็เห็นมีแต่เวลาเส่นกีฬา แต่ถึงว่าเส่นกีฬาก็ เถอะ หาเสื้อยึดที่เนื้อผ้าหนา ๆ สักหน่อยจะได้!ม่รัดรูปเกินไป ปลอดภัย ไว้ก่อนนะลูกนะ... สวัสดีภาพบนท้องถนน สวัสดีภาพในชีวิตประจำวันของคนไทยใน ขณะนื้!ม่ค่อยดีเท่าที่ควร อะไรที่จะเป็นการป้องกันตัวเองได้ ต้องรืบ จัดแจงป้องกันไว้เสียก่อน แล้วจะรอดตัว อีกอย่างหนึ่ง เวลามานั่งสมาธิที่วัด ถ้ากระโปรงหรือผ้าถุงของเรา ยาวไม่ถึงครึ่งหน้าแข้ง หรือแคบจัด ขอเถอะ อย่าได้นั่งขัดสมาธิเลย ไม่งามแน่ เอาแค่นั่งพับเพียบก็แล้วกัน ถนัดไม่ถนัดก็ต้องยอม ถ้าลงไป นั่งขัดสมาธิแล้ว หัวเข่าโผส่ออกมาทั้งสองข้างเมื่อไร เป็นไม่งามเมื่อนั้น มันส่อแหลมเกินไป ยกเว้นมีผ้าคลุมตักผืนโต ๆ คลุมไว้ อย่างนั้นพอสู้ เวลาชวนใครมาวัดก็เหมีอนกัน ช่วยดูช่วยบอกเขาด้วยเรึ่องการนุ่งห่ม ไม่อย่างนั้นจะมาพลาดกันที่วัดนึ่เอง เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ไร)๙ หมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

ข้อ ๑๑ - ๑๒ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่หัวเราะไปในบ้าน-นั่งในบ้าน\" ข้อนี้หมายถึงการหัวเราะแบบไม่ยั้ง ถูกใจอะไรก็ ฮ่า ฮ่า ฮ่า...ขึ้น มาทีเดียว โชว์ฟันหมด ๓๒ ชี่เลย แบบนี้ท่านว่าคงไม่งาม โบราณท่านเตือนสติเอาไว้ว่า ใครก็ตามที่เวลามีเรื่องถูกใจ ดีใจ แล้ว แผดเสิยงหัวเราะชอบใจ ดังสนั่นลั่นทุ่งไปหมด คนแบบนี้ให้รู!ว้เลยว่า เป็นคนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ถ้ามีเรื่องมากระทบใจเมื่อใดก็จะ ระงับความเสียใจไว้ไม่ได้ ควบคุมสติไว้ไม่อยู่เช่นเดียวกัน เวลาดีใจ หัวเราะดังเท่าไรเวลาเสียใจ ก็ปล่อยโฮโฮ...ไม่ยั้งเท่านั้นท่านว่าคนไหน เวลาดีใจก็แสดงอาการดีใจสุดขีด เวลาเสียใจก็จะมีอาการเสียใจสุดขีด ทำ นองเดียวกัน ถ้าจะใหัดี ท่านแนะว่า จะยิ้ม จะหัวเราะก็ยั้งไว้แค่มุมปากข้างเดียว ส่วนอีกข้างให้ขยักเอาไว้ก่อน เผื่อเวลาถูกด่า เวลาเสียใจ จะได้ปรับยิ้ม รับได้โบราณท่านว่าไว้อย่างนี้นะ ส่วนใครจะยิ้มมุมปากเดียวหัวเราะมุม ปากเดียวได้อย่างไรก็ลองไปท่าดู เรื่องนี้ขอฝากไว้เป็นหลักในการดูคน เวลารับเพื่อน รับลูกน้องมา ท่างานด้วย หรือแม้จะไปอยู่กับลูกพื่คนไหนก็ตาม ให้สังเกตว่าถ้าลูกพื่ ลูกน้องคนไหนมีอาการสุดโต่งอย่างว่า คือดีใจก็ปล่อย ฮ่า ฮ่า...ออกมา เต็มที่ ก็ใหัรู!ว้เลยว่าเจ้านี่เป็นคนเจ้าอารมณ์ คุมสติไม่อยู่ เวลาเสียใจ ตกใจจะมีอาการสุดขีด ไม่สมประดี ปลอบยาก งานการเสียหายหมด เอาเป็นหลักไม่ได้เลย หมวดทึ่ ๑ สารูป coo เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ถ้าคนไหนเวลาดีใจก็แค่หัวเราะ หึ หึ...ยิ้มนิด ๆ เวลาเสิยใจก็พอ จะหวังได้ว่า ต้องเป็นทำนองเดียวกัน คือไม่ถึงกับตีโพยตีพายให้เสิย ขบวน คนอย่างนี้น่าคบน่าทำงานด้วย ใครเคยมีอาการดีใจ เสียใจสุดโต่งอย่างนี้ใหัรีบแกไขเสิย ปรับให้ พอดี ๆ ยิ่งเป็นสาวเป็นนางยิ่งต้องระวัง ขืนไปหัวเราะ ฮ่า ฮ่า...โชว์หมด ๓๒ ชี่ ที่บ้านใครเข้า จะไม่งามนะลูก แม้พวกเราผู้ชายก็เหมีอนกัน ต้อง ระวัง เคยเจอตอนหนุ่ม ๆ เข้าร้านอาหาร ก็ล้อมวงกินอาหารกันอยู่ดี ๆ วงใครวงมัน พอเหล้ายาปลาปิงเข้าปากได้ที่ ถูกใจขึ้นมาก็ ฮ่า ฮ่า...ตาม แบบฉบับอย่างนั้นละ วงอื่น ๆ เหลียวมามองทั้งร้าน มองกันไปมองกันมา พอใกล้จะปิดร้านก็ได้เรื่อง เสียงวงข้าง ๆ แขวะขึ้นมาลอย ๆ \"ไม่รู้เป็นไง คืนไหนไม่ได้เตะคน นอนไม่หลับ...\" ก็พอดีกัน เพื่อน วงเราก็ไม่เบา สอดรับขึ้นทันควัน \"เหมือนกันเลยพวก คืนไหนไม่ได้!ดนเตะ อั๊วก็นอนไม่หลับเหมือน กัน...\" เท่านั้นแหละ ว่ากันเละ หามไปทั้งคู่เลย... ตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่น คิดว่าหัวเราะกับเพื่อนของเราตรงนี้ไม่เกี่ยว กับใคร ทำ ไมจะต้องมาเขม่นเราด้วย ก็นั่นแหละ เขากำลังปรึกษางานการ อะไรกันครํ่าเคร่ง เราก็แหกปากหัวเราะ อ่า อ่า...แทรกขึ้นมา ทำ ให้เขา ร่าคาญแล้วยังไม่รู้ตัว ก็ต้องโดนอย่างนั้น เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย OQ ทมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

เรื่องอย่างนี้อย่ามองข้าม ฝึกกันให้ดีนะลูก มีอะไรถูกใจก็ยิ้มนิด ๆ หัวเราะก็อย่าให้ปากกว้างมากนัก แค่แย้ม ๆ ก็พอ ถ้าไม่ถูกใจก็แค่หน้า เฉย ๆ อย่าให้ถึงกับหน้าหงิก ทำ ได้อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเรามีสติดีพอสมควร ทีเดียว ฝึกสติได้อย่างนี้แล้ว ต่อไปถึงเวลาฝึกสมาธิก็ไปได้เร็ว พวกดีใจก็ ฮ่า ฮ่า...เสียใจก็ โฮ โฮ...ไม่มียั้ง พวกนี้ฝึกสมาธิ ไม่ค่อยก้าวหน้าหรอก พอฝึกได้อารมณ์ทำทำจะดี ใจก็แว่บไปถึงเรื่องที่ เคยถูกใจใจก็เตลิดไปอีกนั่งไปๆเดี๋ยวเรื่องเก่าๆร้ายๆก็ผุดขึ้นมา อีกแล้ว ทำ ใจหยุดใจนิ่งไม่ได้ล้กที ส่วนพวกที่มีอะไรก็ยิ้มน้อย ๆ พวกนี้ฝึกสมาธิไปได้เร็ว อยากจะ ฝึกสมาธิไปเร็ว ก็เลิกหัวเราะเย้ยฟ้าท้าดินแบบนั้นเสียนะ หมวดที่ ๑ สารูป ฅาร) เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ข้อ ๑๓ - ๑๔ \"ภิกษุพึงทำความสิกษาว่า เราจักไฝพูดเสิยงดังไปในบ้าน-นั่งในบ้าน\" ข้อนี้ก็ทำนองเดียวกัน พูดเสียงดัง ใงัวเราะเสียงดัง ล้วนก่อความ รำ คาญให้เขา'ทั้งนั้น หรือแมไม่มีใครเลยในที่นั้น ก็ยังฟ้องว่า เราเป็นคน เผลอสติอยู่เป็นประจำ เผลอสติอย่างนี้ เมื่อไหร่จะทำสมาธิได้กับเขา สักทีล่ะ ข้อ ๑๕ - ๑๖ \"ภิกษุ'พึง'ทำความศึกษาว่า เราจักไม่โคลงกายไปในบ้าน-นั่งในบ้าน\" พวกเราคงเคยเ'ห็น บางคนนั่งคุยกับเ'ที่อนก็นั่งโยกนั่งโคลง เดยว ก็อย่างนั้นเดี๋ยวก็อย่างนี้ ออกท่าออกทางประกอบจนเกินงาม ถ้าจะพูด ให้ชัดก็คึอ ทำ เหมีอนกำสังแสดงละครอยู่ห'น้าเวทีในชีวิตประจำวัน ใครขืนพูดคุยออกท่าออกทางถึงขนาดนั้น อย่างดีก็เป็นตัวตลกประจำ หมู่บ้าน ปะเหมาะเคราะห์ร้ายไปทำความรำคาญตานักเลงเข้าก็จะเจ็บตัว โดยเฉพาะผู้ชาย ถ้าเข้าไปกินข้าวปลาอาหารในร้านที่มีพวกฃี้เมาอยู่ ด้วยแล้ว ออกท่าออกทางมากเกินไป เดี๋ยวเถอะ ๆ ขวดเหล้าลอยมาโดน หัวเมื่อไรไม่รู้นะ เสขิอวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย 00 หมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

ข้อ ๑๗ - ๑๘ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝไกวแขนไปในบ้าน-นั่งในบ้าน\" ไกวแขน ก็คือแกว่งแขนมากเกินกว่าปกติ แกว่งจนเกินงาม พูด อย่างนี้บางคนนึกไม่ออก ลองนึกสภาพของคนพวกหนึ่ง ขออภัยเถอะ... สังเกตดูกะเทยเวลาเขาเดินกันไปเป็นกลุ่ม ๆ เขากรีดกรายแขน กรีดกราย ยิ่งกว่าผู้หญิง เดินเป็นท่าแกว่งแขนของเขาโดยเฉพาะเลย เราดูเท่าไร ๆ ก็ไม่งาม อะไรที่ผิดปกติผิดธรรมชาติแล้วไม่ค่อยงาม คนมาวัดบางคนก็เป็น ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชายแต่เดินเหมือนผู้หญิง แกว่งแขนกระดุ้งกระติ้งมาเชียว อาจเป็นเพราะถูกเลี้ยงดูมาในกลุ่มผู้หญิง หรีอมืพี่ผู้หญิงน้องผู้หญิงมากเลยเอาอย่างกัน อย่างนี้เม่งามเลย รีบแก!ข กันเสีย แล้วก็อย่าระวังจัดถึงขนาดเดินตัวแข็งที่อเป็นทุ่นยนต์ไปเสียอีก กิริยาอาการเหล่านี้ เราเองมักไม่รู้ตัว ต้องอาตัยถามเพื่อนสนิท ๆ กัน เวลาอารมณ์ดี ๆ ขอร้องไห้เขาวิจารณ์ตรง ๆ ว่า ท่าเดินของเราเป็น อย่างไร ท่ายืน ท่านั่ง ดีไม่ดีอย่างไร แล้วพอเขาตอบตรง ๆ ก็อย่าไป โกรธเขานะ หมวดที่ ๑ สารูป <ncr (.สขิยวัตร ต้นใ5ญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ข้อ ๑๙ - ๒๐ \"ภิกษุพึงทำความสิกษาว่า เราจักไฝสั่นสีรษะไปในบ้าน-นั่งในบ้าน\" ในเรื่องของการไม่สันสีรษะต้องหัดให้เคย อยู่ในกลุ่มเพื่อนฝูงอาจ จะไม่ถือสากันแต่อยู่ในกลุ่มผูใหญ่ถือว่าไม่ดีอย่าไปทำเข้า คือเวลาท่าน ถามอะไร จะตอบรับหรือปฏิเสธก็พูดออกมาเลย อย่าพยักหน้างึกงัก เหมือนพวกกิ้งก่า หรือสั่นหัวส่ายหน้าเหมือนพวกลิงจะดูไม่งาม เวลายืน เดิน นั่ง หรือนอนอยู่ อย่างไรก็ตามทีเถิด เมื่อมืใครเขา เรืยกเขาหา อย่าเหลียวส่อกแส่กครื่ง ๆ กลาง ๆ ถ้าจะเหลียวให้เหลียว ทั้งต้ว อย่าเอี้ยวแต่คอหรือผินแต่หน้า ถ้าเขาเรืยกทางซ้ายก็หันไปทั้งตัว ทางซ้าย เรืยกทางขวาก็หันไปทั้งตัวทางขวา แม้ที่สุดกสับหสังหันก็ยังไหว ถ้าเอี้ยวแต่คอหรือผินแต่หน้าตะแคง ๆ ไปอย่างนั้น จะเหมือนไม่เต็มใจ ถ้าเขาอารมรน!ม่ดีจะพาลหาว่าเราค้อนให้จะกลายเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ถ้าได้ยินเลียงเรืยกยังไม่ชัดไม่แนใจว่าทางซ้ายหรือทางขวา ก็หยุด ยืนฟ้งให้แน่ใจ แล้วค่อย ๆ หมุนตัวหันไปทางนั้น อย่าท่าหันรืหันขวาง สะบัดหน้าไปทางโน้นทีทางนี้ที กลายเป็นหลุกหลิกเลียบุคลิกไป เข้าวัด แล้วหัดให้เคย บางคนชอบเลียนแบบดารา ท่าคอตะแคงไปตะแคงมา ถ้า ตะแคงแล้วได้เงินก็ตะแคงเข้าไปเถอะ นี่ตะแคงไม่ได้เงิน อย่าตะแคงเลย ลูกเอ๊ย.... เสซิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย 0๕ หมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

ข้อ ๒๑ - ๒๒ \"ภิกษุพึงทำความสีกษาว่า เราจะไฝเอามือคำกายไ\"ป้ในบ้าน-นั่งในบ้าน\" เอามือคํ้ากาย ก็คือเอามือเท้าเอว การเดินเท้าเอวไม่เหมาะ ยิ่ง คุณผู้หญิงเดินเท้าเอวไม่น่าดู เอาละบางครั้งเมื่อยจัด เราอาจยืนเท้าเอว นั่งเท้าเอวบ้าง ก็ขอเป็นแค่บางครั้ง อย่าบ่อยนัก การเท้าเอวมืทั้งดูแล้วพองาม และไม่งาม บางคนเท้าไม่เป็น ภาษา ชาวบ้านบอกว่าน่าหมั่นไล้ สำ นวนพระว่า ดูแล้วไม่สำรวม คือเวลาเท้าเอว ถ้าคล้อยไบ่ทางข้างหลัง แล้วหงายท้องแขน แอ่นหน้านิด ๆ หย่อนขาข้าง หนึ่งเมื่อไร แสดงว่าจะเอาเรื่องกันละนะ ก็เหมือนที่แม่ค้าในตลาดเขา เตรียมตั้งท่าด่ากันนั่นแหละ ไม่ดีอย่าทำ ถ้าเท้าเอวในลักษณะควํ่าแขน กำ มือแบบนักกีฬาอย่างนั้นพอสู้ แต่ก็ดูให้พอดี ๆ อย่าออกท่ามากนัก คราวนี้ก็มาถึงคำว่า \"นั่งคํ้า\" การนั่งคํ้านึ่หมายรวมไบ่ถึงนั่งเท้าแขน ด้วย การเท้าแขนนึ่ ถ้าไม่จนใจจริง ๆ อย่าทำ ไม่งามเลย ส่วนมากเรา นั่งเท้าแขนตอนนั่งพับเพียบ ตามธรรมดาเวลาเรานั่งก็เอามือขวาทับมือ ซ้ายวางไว้บนหน้าตัก ไม่ว่านั่งพับเพียบหรีอนั่งขัดสมาธิ แต่ถ้าเมื่อยเหลือ กำ ลังจะเท้าแขนที่เข่าตัวเองข้างใดข้างหนึ่ง หรีอทั้งสองข้างเลยก็ยังดู เรียบร้อย บุคลิกยังไม่เลืย เพราะคอยังตั้งตรงไม่ตกไตะแคง แต่พอเอา มือไบ่เท้าข้าง ๆ ตัวเมื่อไรก็เรื่มตะแคง เป็นเรีอบินปีกหักเลย บอกอาการ ว่าชักจะไม่ไหวแล้ว บางทีคอพับคออ่อนคอตกไบ่เลย ต้องรีบแกไข กันเสีย หมวดทิ่ ๑ สารูป ot) เสขิอวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

โดยที่ถูกแล้วต้องฝึกนั่งให้ตัวตรง ๆ นั่งตัวตรงดียังไง ดีมาก เพราะ ตอนนั่งสมาธิจะหาศูนย์กลางกายได้ง่าย บางคนนั่งก็นั่งเลื้อย นั่งเลื้อยก็ แบบนั่งพับเพียบนี่แหละ แต่ขามันยืดถ่างมากเกินไป แขนก็เท้าคํ้าไปข้าง หน้า ขาก็เหยืยดช!ปข้าง ๆ ไกล้ท่านอนเข้าไปทุกที ไม่งามเลย ถ้าจะถามว่า เรื่องเท้าเอวเท้าแขนนี่ ไม่มีผิดตกยกเว้นบ้างหรือ ยังไง...ก็มีบ้าง หนี่ง...คนแก่อายุสัก ๙๙ปี สอง...คนปวยหรือเพิ่งหายป่วย อย่างนี่!ม่ว่ากัน นอกนั้นไม่ควร แต่ถึงจะแก่ จะป่วย จะเท้าก็เท้าไห้สวย เขามีท่าของเขาไม่ต้องจับเข่า เท้าลงไป่ที่พื้นก็ได้ แต่ดูไห้ปลายนิ้วทั้งหมด เรืยงกันช!ปข้างหน้า อย่าแอ่นท้องแขนเชียวนะ จะกลายเป็นตัดจริตไป่ เท้าแขนแอ่นแต้ อย่าไป่ท่า โบราณท่านว่าไว้หนัก มีลูกสังลูก มีหลานสังหลาน มีเหลนสังเหลน ว่า ลูกเอ๊ย... หลานเอ๊ย... เหลนเอ๊ย...ไอ้คนนั่งเท้าแขนแอ่นหยัดพรรค์นี่ อย่าได้เอามาท่าพีชท่าพันธ์ เสิยสกุลเราหมด เพราะลักษณะมันส่อว่าเป็น คนฃี้เกียจ คนที่ไป่ไหนแล้วนั่งเท้าแขนไม่ต้องตามไป่ดูถึงบ้านหรอก เห็น ท่านั่งก็บอกได้เลยว่า แม่นี่อยู่บ้านไม่ชอบท่างาน เพราะอะไรจึงรู้ไม่ยาก ก็ขนาดตัวเองยังตั้งไม่ไหวต้องเอาแขนมาคํ้า...แล้วจะไป่ท่าอะไรกินได้ ลูกนะ เท้าแขนก็ไม่เอา เท้าเอวก็ไม่เอา แม้ที่สุดเท้าคางก็อย่าท่า เคยเจอไป่นั่งโต๊ะอาหาร แมนก็นั่งเท้าคาง หลังมันยาวผิดปกติอยู่นะ ประคองหลังไม่ไหวต้องคอยเท้าเอาไว้ เสซิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย oeif หมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

ขอแถมอีกนิดเถอะ นั่งอยู่บนศาลานี่เห็นบ่อย ๆ จะพูดหลายทีไม่มี โอกาส วันนี้ขอเหมาก็แล้วกัน คุณผู้หญิงนะ เวลาลุก เวลานั่ง หรือแม้ เวลาจะหยิบของ ขออภัย...มักจะก้มลงไปทั้งตัว โดยที่เข่าไม่ย่อ แล้วเป็นไง บั้นท้ายของเรา ลองให้เพื่อนทำให้ดูก็ได้ ท่าก้มตัวนั่งที่งาม ๆ เขาทำก้นยังไง สังเกตพระภิกษุก็แล้วก้น เวลา ท่านเดินมาจะนั่งบนเส์อ ท่านจะย่อเข่าแล้วลงทีละขา เวลาลุกก็เหมีอนก้น จะขึ้นทีละขาแล้วค่อยลุก พระภิกษุท'านเป็นผู้ชายนะ ท่านยังฝึกได้ เรืยบร้อยเสิยด้วย พวกเราผู้หญิงไบ่แก!ขก้นเสิยให้หมด เดี๋ยวเขาจะว่า อย่างนี้น่ะหรือคนเข้าวัด เสิยชื่อท้ตตชีโวหมด ไปหัดก้นเสีย สิงเหล่านี้ ถ้าไม่หัดแล้ว ค่าตัวจะตกไป สร้างความรำคาญให้ผู้อื่นอีกด้วย หลวงพ่อก็ใข้วิธีดูอย่างนี้แหละไม่ต้องไปผูกดวงกับใคร เห็นท่านั่ง ก็บอกได้เลย คนนี้ขึ้เกียจ อย่าไปร้บเข้ามา แล้วถูกทุกที ร้อยทั้งร้อยมา อย่างนี้ บางคนบอกหลวงพ่อไปเรืยนโหรามาจากไหน...โหร เหิร อะไรไม่ เคยเรืยนหรอก มองด้วยเหตุด้วยผล มันมองออกนี่นา ขนาดนั่งยังต้อง เอาอะไรมาคํ้าอย่างนี้ละก็ตาย ถึงมาสมัครเป็นธรรมทายาทก็ยังไม่รับ เพราะจะมาเป็นธรรมทายืด ไม่เอา ๆ หมวดที่ ๑ สารูป GOCJ เสฃิยวิดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org