Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เสขิยวัตร

Description: เสขิยวัตร

Search

Read the Text Version

ข้อ ๒๓ - ๒๔ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝเอาผ้าคลุมศีรษะไปในบ้าน- นั่งในบ้าน\" ถ้าเราเป็นฆราวาสจะนำวินัยข้อน!ปใช้อย่างไรดูอย่างนี้ณ็เล้วกันนะ ไปบ้านใครละก็ แต่งตัวอย่าให้รุ่มร่าม ๆ แม้เป็นเพื่อนสนิท ญาติสนิท ก็อย่าไปทำ เดี๋ยวเป็นขี้ปากชาวบ้าน เพื่อนเราอาจไม่นึกอะไร แต่พ่อเขา แม่เขา น้องเขา พื่เขา สามี-ภรรยาเขาจะนึกตำหนิเอาได้ แม้ที่สุดเป็น ธรรมเนึยมเลยว่าเช้าบ้านใคร หรือเข้าไปในอาคารตึกรามที่ไหน ต้องถอด หมวกออกขืนไม่ถอด มีหวังถูกค้อนหรือใ5เดกระแทกแดกด้นว่าหัวล้าน หัวโล้น ไปโน่น เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย หมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

ข้อ ๒๕ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่เดินกระโหย่งเท้าไปในบ้าน\" เดินกระโหย่งเท้าคือ เดินเขย่งปลายเท้า สำ หรับพระภิกษุห้ามท้า เด็ดขาด แต่สำหรับพวกเราชาวบ้านก็ไม่ห้าม เวลาเดินผ่านหน้าผู้ใหญ่ ท่านกำลังสนทนาหรือกำลังท้าอะไรกันอยู่ หรือเวลาเราต้องการเดินให้ เสิยงเบา ๆ เราอาจจะกระโหย่ง แต่จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องท้าอย่างนั้น ก็ได้ เดินเต็มฝีเท้านี่แหละ แต่อย่าลงส้น แส้วก้มหลังลักนิดหนี่งก็พองาม ถ้าไปเขย่งเก็งกอยไม่ค่อยน่าดู หมวดที่ ๑ สารูป (TO เสชิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ข้อ ๒๖ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝนั่งรัดเข่าในบ้าน\" คนนั่งรัดเข่า คือนั่งชันเข่าขึ้นมาชิดอก กอดเข่าเจ่าจุกคอตก เข่าท่วมหัว คล้ายจะบอกว่าคราวนี้ตายแน่ ๆ คือเป็นอาการของคน เจ้าทุกข์ เราเข้าวัดกันมาขนาดนี้แล้ว มีอะไรกระทบกระทั่งใจขนาดไหน ก็ต้องคุมสติให้มั่น ยืดคอตั้งบ่าเอาไว้ แล้วค่อยคิดค่อยพิจารณากัน เดี๋ยวก็มีทางแกัไขจนได้ อย่าไบ่นั่งเป็นคนเจ้าทุกข์ เป็นปีศาจครํ่าครวญ เป็นวิญญาณที่บ่ลงไม่ตกอย่างนั้นเสียหายหมด โบราณท่านว่า เวลาเราทุกข์หนัก อย่าไบ่กอดเข่าเจ่าจุก ให้เตือน ตัวเองว่าอย่างนี้\"ยิ่งมีดแสดงว่ายิ่งดึก ยิ่งดึกก็แสดงว่าใกล้สว่างมากแล้ว\" เพราะฉะนั้น ที่ทุกข์เจียนตายอย่างนี้ก็แสดงว่า เกือบแล้ว เกือบจะพ้น ทุกข์ พ้นอุบ่สรรคแล้ว เตือนใจตัวเองได้อย่างนี้ เดี๋ยวก็ยืดคอขึ้นมาสู้ อุปสรรคได้ มัวไบ่นั่งกอดเข่าเจ่าจุกอย่างนั้น เสียเวลาเปล่า ๆ อีกอย่างหนึ่ง ทุกครั้งที่เราประสบปัญหาชีวิต ไม่รู้จะหันหน้าไป ปรึกษาใครให้ทำอย่างนี้นั่งหลับตาลงไปเฉย ๆ วางใจนึ่ง ๆที่ศูนย์กลาง กาย ทีแรกใจจะยังไม่ยอมนึ่งหรอก ก็ปล่อยไปก่อน มันจะชัดมันจะส่าย ยังไงก็ช่าง ฝืนนั่งไปสักพัก ถ้ายังพิงนักก็มีวิธีแกั เช่น เออ...มันคิดไดึให้ มันคิดไป ดูซิมันจะคิดไปได้สักแค่ไหน เดี๋ยวมันจะเขิน หยุดคิดไปเอง เสชิยวัตร ตนบัญญัติมารยาทไทย CiC) หมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

บางทีมันไม่ยอมหยุดจะทำอย่างไร ก็ลองดู เอาลิ้นดันเพดาน กลั้น ลมหายใจ พอมันจะตาย มันก็ลืมความทุกข์หมด ลืมความฟังซ่าน แล้ว จะเกิดความโล่งตามมาทีเดียว คราวนี้เราก็เอาใจวางเข้าศูนย์กลางกายได้ พอใจวางเข้าศูนย์กลางกาย เดี๋ยวก็เป็นสมาธิสว่างโพลงไปเลย ปัญหาที่ ว่าแกไม่ได้ เดี๋ยวก็เห็นช่องทางแก้ไขจนได้ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำ อย่าง นี้จึงจะถูกวิธี ยังมีบางกรณี สอนก็ไม่เชื่อ ห้ามก็ไม่ฟัง มีเรื่องกลัดกลุ้มตีโพย ตีพายมาเชียว คราวนี้ต้องตายแน่ ๆ ไม่มีใครในโลกจะทุกข์เท่าเรา อีกแล้ว อยากตายให้รู้แล้วรู้รอดไป ถ้าเป็นอย่างนี้ยังมีวิธีแก้อีก ๒ วิธี หลวงพ่อเคยใช!ด้ผลมาแล้ว บางคนมีเรื่องทุกข์มากเลย อยากตาย มาถึงหลวงพ่อ หลวงพ่อ... ลูกอยากตาย เอ้า...อยากตายจริง ๆ รึ...อยากตายจริง ๆ มันเป็นอย่าง นั้น อย่างนี้อย่างโน้น พูดกันไม่รู้เรื่องแล้วไอ้หมอนี่ เอ้าอยากตายจริง ๆ เดี๋ยวหลวงพ่อจะช่วย มา มานี่เอาไอ้นีไปกิน ๒ เม็ด ไม่เกิน ๑๕ นาที ตาย เอาไหม? เออ...หมอนั่นใจถึง อยากตาย ส่งให้กินก็กิน กินอะไรเข้าไป...ยาถ่าย...พอกินเสร็จ บอกให้กินนี้าอุ่น ๆ ตามไปมาก ๆ ๑๕ นาที เท่านั้นแหละ วิ่งตั้ก ๆ เข้าห้องนํ้าไปแล้ว พอมันพรวด ๒ พรวด เท่านั้นแหละ ความเครียดหาย เดี๋ยวก็พูดกัน รู้เรื่อง หมวดที่ ๑ สารูป (ราอ เสชิอวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

เพราะฉะนั้น พวกเรานะ ถ้ารู้สิกเครียดหนัก ๆ แก!ม่ตกล่ะก็ ไป คว้ายาถ่ายก่อนเลย ระบายเสียสักหน่อย เส้นมันยึด เดี๋ยวมานั่งสมาธิใจ สบาย ๆ คิดออก อีกวิธีหนึ่ง ให้มันกินมันก็ไม่กิน หาว่าเราหลอกเสียนึ่ หลวงพ่อก็มี อีกวิธีบอกไปเลย...เอ็งตายขณะใจเศร้าหมองอย่างนี้ตกนรกนะ ตายแส้ว ตกนรกยิ่งทุกข์กว่านี้อีก เอาอย่างนี้ชิ เอาชนิดตายแส้วไปสวรรค์ เอา ไหม...มี บางคนมันเอา ตายแส้วได!ปสวรรค์มันชอบ เอ้า...ถ้าอย่างนั้น เข้าไปในโบสถ์ จุดธูปเทียนอธิษฐานตรงหน้าพระประธานเลยว่า \"ข้าพเจ้า จะนั่งตายอยู่อย่างนี้แหละ\" พักเดียว...มันเมื่อย กลัวตายเสียนึ่ ลุกขึ้น กลับบ้าน บางคนนั่งไปได้พักหนึ่ง ใจสงบ เห็นช่องทางแก!ขไปได้ กลับ มากราบหลวงพ่อ ขอบคุณครับ ผมคิดได้แส้ว...อย่างนี้ก็มี วิธีแก!ขมีมากมาย เพราะฉะนั้นห้ามเด็ดขาดเลยว่า อย่าไปนั่งกอด เช่าเจ่าจุกอย่างนั้นถึงจะมีเรื่องเดือดร้อนหนักหนาสาหัสอย่างไรก็อย่าไป ทำ ตั้งแต่เด็กแต่เล็กมาแส้ว หลวงพ่อไม่เคยทำเลย คอยังยึดตั้งอยู่บน ปาตลอดเวลา พวกเราอย่าไปเป็นกันนะ รักษาบุคลิกลักษณะของเราไว้ 6| 2/๘ เหัด เสขิขวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย GTO หมวดที่ ๑ สารูป www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ฟ้มวดท ๒ www.kalyanamitra.org

หมวดที่ ๒ โภชนปฏิสังยุต หมวดธรรมว่าด้วยมารยาทในการรับประทานอาหาร บางคนมารยาทในการนั่ง ยืน เดิน ตลอดจนการนุ่งห่มเรียบร้อย สง่างามดีมาก แต่มาพลาดในหมวดที่ ๒ คือ มารยาทในการรับประทาน อาหารไม่ค่อยน่าดู เพื่อนฝูงพากันตั้งข้อรังเกียจ แต่เนื่องจากไม่รู้ตัวจึง นึกน้อยใจว่า www.kalyanamitra.org

\"ดูนะ...เวลาใช้งานละก็เรียกหา ไม่ให้คลาดสายตาไปเชียว แต่พอ ถึงเวลากิน กลับลืมเราเสิยนี่...\" พระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญของเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ทรงบัญญัติพระวินัยว่าด้วยการบิณฑบาตและการขบฉันภัตตาหารของ พระภิกษุไว้ถึง ๓๐ ช้อ เต็มไปด้วยเหตุผล แม้ฆราวาสก็ควรใส่ใจสืกษา และยึดแนวปฏิบัติอย่างเดียวกันนี้ หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต arc? เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ข้อ ๑ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักรับบิณฑบาตโดยเคารพ\" ข้อนี้ทรงสอนให้เคารพในบุคคลผู้ให้ และเคารพในของที่เขาให้ ไม่แสดงอาการดูหมิ่นหรือรับมาอย่างเสียไม่ได้ ชวนให้เข้าใจว่าเมื่อพ้น หน้าเขาแล้วท่านคงเททิ้ง หรือตั้งแลไวไม่ยอมฉัน ธรรมดามีอยู่ว่า พระภิกษุที่บวชใหม่บางรูป ท่านเพิ่งมาจากตระกูล ที่รํ่ารวย ยังแก้ไขตัวเองในหลาย ๆ เรื่องไม่สำเร็จ บางท่านที่ยังติดรส อาหารอยู่ จึงมักจุกจิกเสือกอาหาร ญาติโยมเห็นแล้วก็อย่านึกตำหนิท่าน เลย บวชใหม่ก็อย่างนี้แหละ ต้องปล่อยเวลาให้ท่านฝึกตัวอีกสักพ้ก การแก้ไขเรื่องติดรสอาหารนี้ ไม่ใช่ของง่าย บางท่านใช้เวลานาน หลายปี ในการศึกษาทางธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงวางหสักสูตร ของพระภิกษุไว้ถึง ๔ ระดับ เช่นเดียวกับการศึกษาทางโลก แต่ช่วงเวลา การศึกษาอบรมในแต่ละระดับยาวนานกว่า ชีวิตทางโลก เมื่อเราเข้าเรืยนในมหาวิทยาสัยปีแรกเรืยกว่า เฟรชชี่(Freshy)หรือน้องใหม่ ตอนนั้นเราท่าอะไรผิดพลาดไปบ้างรุ่นพิ่ ก็ยังให้อภัย ตักเตือนแล้วก็แล้วกันไป เพราะเห็นว่ายังต้องการเวลาเพิ่อ ปรับตัวอีกสักพัก แต่พอขึ้นปี ๒ เรืยก โซฟอมอร์ (Sophomore) ตอนนี้ ถ้าท่าผิดต้องถูกตำหนิถูกลงโทษแล้ว เพราะถือว่าควรจะปรับตัวได้พอ ประมาณ พอปี ๓ เรืยกว่า จูเนึยร์ (Junior) ปี ๔ เรืยกว่า ชีเนึยร์ (Senior) คราวนี้ถ้าเผลอท่าผิดระเบียบ ผิดวินัย ต้องถูกลงโทษหนักขึ้น ตามสำดับ ไม่มีการรอลงอาญาแล้ว เสชิอวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย GTOf หมวดที่ ๒ โภชนปฎิลังยุต www.kalyanamitra.org

ในทางพระพุทธศาสนาก็เช่นกัน ผู้ที่เข้ามาบวชใหม่ในปีแรก เรียก ท่านว่า พระนวกะ(อ่านว่า นะวะกะ)มีฐานะเปีนเสมือนน้องใหม่ แต่ช่วง เวลาการเป็นน้องใหม่ของท่านไม่ใช่ปีเดียว โดยเฉลี่ยก็ ๕ ปี มีเวลาฝึก ตัวนานอย่างนี้ใช่ว่าจะแก!ขนิสัยที่ไม่ดีๆได้ทั้งหมดอย่างมากก็ได้เพียง อย่างสองอย่าง ท่าไมจึงเป็นอย่างนั้น...? ก็ไม่ต้องไปถามใคร ถามตัวเราเองนี่แหละ เรารู!หมว่านอนตื่นสายไม่ดี...รู้ ใคร ๆ ก็รู้ แล้วท่าไมไม่พยายามแกไข ก็พยายามแกไขจนนาฟิ[กาปลุกพังไปหลายเรีอนแล้ว ก็ยังไม่ค่อยสำเร็จ นิสัยไม่ดีอื่น ๆ ก็เช่นกัน ใครที่กำสังใจเข้มแข็งก็แก้ตกได้เร็ว แต่คนที่ กำ สังใจอ่อนปวกเปียกต้องใช้เวลามากสักหน่อย อย่างไรก็ดี ท่านว่าควร แก้ไขตัวเองใหได้ภายในเวลา ๕ ปี พ้นช่วงเวลาการเป็นพระนวกะเข้าพรรษาที่ ๖ - ๑๐ เรียกว่า พระมัซฌิมะ แปลว่า ปานกลาง มีเกณฑ์ว่าน่าจะแก้ไขตัวเองได้สักครึ่ง ค่อนแล้ว อยู่ต่อไปถึงพรรษาที่ ๑๑ - ๒๐ เรียกว่า พระเถระ เกินกว่า นั้นตั้งแต่พรรษาที่ ๒๑ เป็นตันไป เรียกว่า พระมหาเถระ ถึอเป็นพระ ญ' ระดับครูบาอาจารย์ ความสำรวมระวังของท่านก็มีมากขึ้นเป็น สำ ดับ ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ตราบใดที่ยังไม่หมดกิเลส ท่านก็ยังมีโอกาสท่าผิด พลาดพลั้งเผลอในเรึ่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง เป็นธรรมดา ในเรึ่องของการติดรสอาหารนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเล่าถึงการ บิณฑบาตครั้งแรก และการเอาชนะใจของพระองค์เองว่า หมวดที่ ๒ โกชนปฏิสังยุต dro เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

\"...ครั้งนั้นเราเสด็จออกจากวัง ทรงม้าข้ามแควันไปตามลำดับ รุ่งขึ้น เช้าก็ปลงผม อธิษฐานบวชเอง เสร็จแล้วจึงออกบิณฑบาต เราได้ร้บอาหาร จากชาวบ้านปา ได้มาแล้วก็ฉันไม่ลง...\" ® ทรงเล่าว่า เคยฉันแต่อาหารดี ๆ ในวัง ปุบป้บมาเจออาหารแบบ ชาวบ้าน ๆ ซึ่งไม่ประณีต เห็นแล้วฉันไม่ได้ มันเขละขละเหมือนอาเจียน ของสุนัข... ต้องทรงนั่งพิจารณาอยู่นานกว่าจะตัดสินใจกินเข้าไปได้ นี่ขนาดพระล้มมาล้มพุทธเจ้าซึ่งทรงมืพระกำลังใจเข้มแข็งอย่างมาก ยังต้องพิจารณาแล้วพิจารณาอีก เพราะฉะนั้น สงสารพระบวชใหม่กัน บ้างเถิด อย่าค่อนขอด จ้องจับผิดท่านนักเลย แต่อย่างไรก็ตาม ท่านที่ใจคอเด็ดเดี่ยวจริง ๆ ก็มื เช่นในอดีต มืพระอรหันต์รูปหนี่ง ท่านปลงใจไต้ในเรื่องอาหารอย่างน่าเลื่อมใสมาก มืเรื่องเล่าว่า คราวหนี่งท่านออกบิณฑบาต พบขอทานคนหนี่งกำลังนั่ง รับประทานอาหารอยู่ริมทาง ธรรมเนียมการรับประทานอาหารของชาวอินเดีย สมัยนั้นเขาเอา อาหารใส่รวมกันในถาดเพียงถาดเดียว ส่วนมากเป็นอาหารแห้ง ๆ มือะไร ก็คลุก ๆ เข้าต้วยกัน ไม่แบ่งเป็นจาน ๆ อย่างพวกเรา เวลารับประทาน ก็นั่งล้อมวง รับประทานพร้อมกันทั้งครอบครัว ช้อนอะไรก็ไม่ใช้ มือใคร มือมันหยิบอาหารใส่ปากเอาเลย ° ขุ.ชา.อ.(ไทย) ๕๕/๑๐๗-๑๐๙ ชุ.เถร.มหากัสสปเถรคาถา {ไทย) ๕๓/๓๙๘/๓๓๙ เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ๙ด ทมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org

นายขอทานคนที่ว่านี้เป็นโรคเรื้อนงอมแงม นี้วมือแต่ละข้อแทบจะ ขาดหลุดทั้งนั้น แต่ถึงแม้ยากจน เขาก็ใจบุญ พอเห็นพระอรหันต์ บิณฑบาตตรงมา ก็ดีใจว่าวันนี้จะได้ถวายทาน รีบเอามือกวดอาหารใน ถาดกันไว้เป็นแถบ ๆ ว่า แถบนี้ยังไม่ได้กิน แถบโน้นกินแล้ว จากนั้นก็ ยกถาดขึ้นสาธุท่วมหัวนิมนต์พระอรหันต์ใหัรับบาตร พระอรหันต์รับอาหารของขอทานโดยไม่แสดงอาการรังเกียจเลย แม้เขาจะเอานี้วขึ้เรื้อน ทั้ง ๕ หยิบอาหารใส่บาตรอย่างไม่ถนัดถนี่น้ก บังเอิญนี้วขึ้เรื้อนนี้วหนึ่งเกิดขาดหลุดตกลงไปในบาตร.,. เป็นเราคงไม่ปล่อยจนได้ของแถมอย่างนี้หรอก แค่เห็นนี้วร่องแร่ง ก็ปิดฝาบาตรแน่นเดินหลีกไปแล้ว แต่พระอรหันต์ท่านมืฌตตาสูง ท่านหมดกิเลสจริง ๆ เขาแถมนี้ว มือใหันี้วหนึ่ง ท่านก็ไม่ว่ากระไร เท่านั้นยังไม่พอท่านตั้งใจฉลองศรัทธา ของขอทานขึ้เรื้อนอย่างเต็มที่ หวังใหัเขาได้บุญมาก ๆ ทันตาเห็น จะได้ หมดเวรเป็นขอทานแค่ชาติสุดท้ายเลียที ท่านรับบาตรแล้วก็ตรงไปที่ร่ม ไมใกล้ๆ ลงนั่งขัดตะหมาด วางบาตรไว้ข้างหน้า หยิบนี้วขึ้เรื้อนท่อนนั้น โยนทิ้งเหมือนเป็นเศษไม้เศษผงธรรมดา แล้วท่านก็หยิบค่าข้าวขึ้นฉัน หน้าตาเฉย (ถ้าเป็นพระหนุ่มในยุคสมัยเราบางรูป ถ้าพลาดมาถึงฃั้นนี้ คงเทอาหารทิ้งหมดทั้งบาตร...) หมวดที่ ๒ โภชนปฎิส้งยุต <i\\อ เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ฝ่ายขอทานเห็นแล้วก็ดีอกดีใจยกใหญ่ เป็นพระอรหันต์ท่านทำใจ ได้ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ยากอยู่นะ ชาวบ้านทั่วไป พอตักบาตรก็อยากให้พระฉันของที่ตัวถวาย กับข้าว จะประณีตไม่ประณีต เหมาะกับวัยกับสังขารของท่านหรือไม่ ก็ไม่ค่อย คำ นึงถึง ถ้าท่านเผลอแสดงอาการไม่อยากได้ เขาก็เสิยใจ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นประโยชนึโนการรักษาศรัทธาของ ญาติโยมไวั จึงทรงบัญญัติพระวินัยขึ้นมาว่า เมื่อออกร้บบิณฑบาตต้อง ร้บอาหารไม่คำนึงว่าอาหารนั้นจะประณีตหรือไม่ เมื่อร้บแล้วต้องฉัน ห้าม เอาไปเททิ้ง ถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่งของพระภิกษุ ก็ขอฝากกับพวกเราว่า ตลอดเวลาตั้งแต่เด็กจนโตมาถึงขนาดนี้ เรา ถ้วนมีเพื่อนรักเพื่อนสนิทกันมาแล้วทั้งนั้น เพื่อนบางคนก็ยากจนกว่าเรา บางคนก็เท่าเรา ที่รวยกว่าเราก็มี เรื่องความรวยความจนนึ่ช่วยกันไม่ได้ จริง ๆ เป็นเรื่องของบุญของบาปข้ามภพข้ามชาติมา คบเป็นเพื่อนกันแล้ว ไม่ควรรังเกียจว่า คนนี้จน คบไว้เป็นบริวาร ไว้ไข้งานเท่านั้น ไม่อยาก สนิทสนมถึงขนาดตามไปกินข้าวกินปลาที่บ้าน ครั้นเขาชวนก็บ่ายเบี่ยง หรือไปแล้วก็กินไปติไปบ่นไป เดี๋ยวจะเสิยนํ้าใจกันเปล่า ๆ มีอย่างไรก็ กินอย่างนั้น ประสาจน เพราะเราเองแม้จะรวยก็ไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะ เป็นอย่างไร เคราะห์หามยามร้าย บ้านเราอาจถูกไฟไหม้ หรือถูกไล่ออก จากงานกลางคัน ถึงเวลานั้นเราอาจจนกว่าเขาก็ได้ เสซิยวัตร ตนบัญญัติมารยาทไทย <iCO หมวดที่ ๒ โภชนปฐสังยุต www.kalyanamitra.org

เพราะฉะนั้น นิสัยดูถูกคน อย่าให้เกิดมีฃึ้นได้ คบคนมองคนที่ คุณธรรมดีกว่า ถ้าเขานิสัยดี คุณธรรมดี แม้ยากจนเพียงไรก็รักษานํ้าใจ เขาไว้เถิดใครทำอย่างนั้!ด้สนิทสนมก็ถือว่ามีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม หน้าที่ การงานทุกอย่างจะคล่องตัวไปหมด เรื่องอาหารชนิดกลืนไม่ลงนี่ หลวงพ่อเจอหลายครั้ง มาเป็นพระแล้ว ก็ยังเจอก็ทนๆฝึนๆกันไปไม่แสดงออกนอกหน้าถ้าไม่หัดอดทน อย่างนี้ ก็สร้างวัดไม่สำเร็จ เคยเล่าให้เด็ก ๆ ลูกสืษย์พังกันหลายคนว่า เมื่อเรื่มสร้างวัดใหม่ ๆ หลวงพ่อยังไม่ได้บวช ตอนนั้นเราจำเป็นต้อง ขอร้องชาวนาให้ออกจากพื้นที่ แม้จะให้เงินชดเชยเขาบ้างตามสมควร ก็ รู้อยู่ว่าเขาไม่ชอบใจนัก เพราะต้องสำบากไปหาที่อยู่ใหม่ แต่โชคดีที่เขา เห็นแก่บุญแก่กุศล จึงไม่ขัดขวางอะไร ถืงกระนั้น เพื่อรักษานํ้าใจเขาไว้ หลวงพ่อก็ต้องหาเวลาออกไป เยี่ยมเยียนเขาที่บ้านบ้าง มีอะไรไม่เข้าใจ ทุกข์ร้อนอะไรพอช่วยได้ก็จะได้ ช่วยกันไป อฒิายกันไป เขาก็ดี ใจคอกว้างขวาง ต้อนรับขับสู้อย่างดี ชวนกินข้าวกินปลาเสร็จสรรพ จะปฏิเสธก็ดูไม่ควร กับข้าวพื้นบ้านก็รู้ ๆ อยู่ว่าทำกันง่าย ๆ ประสาจน ไม่พิถืพีถันนัก บางคราวเจอแกงล้มเหม็น คาวเฉียบเลย ตักเข้าไปคำหนี่งก็รู้ว่ากินต่อไปไม่ได้แล้ว แต่ถ้าขืนแสดง อาการว่ากินไม่ได้ ขยักขย้อนอ้วกอ้ากออกมาเมื่อไหร่ เป็นได้ศัตรูทันที ก็ต้องทำไม่รู!ม่ชี้ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้แกล้งทำให้เรากิน เป็นความเคยชิน ของเขาอย่างนั้น แต่เราก็มีความเคยชินของเราว่าอย่างนี้กินไม่ได้ แล้ว แกั!ขอย่างไร หมวดท ๒ โภชนปฎิสัง CiGr เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

หลวงพ่อก็ต้องหาวิธี หาอุบายเอาตัวรอดใหได้ ยิ้มสู!ว้ก่อนแล้วก็ เริ่มพูดออก \"แหม...ผมมันคนกินรสเค็มจัดสักหน่อย ขอนํ้าปลาสักถ้วยเถอะ มีมะนาวสักนิดก็จะดี...\" ว่าไปโน้น แท้ที่จริงแล้วใจนึกว่า มื้อนี้ท่าจะต้อง คลุกนํ้าปลาเสิยแล้วชิเรา แต่ไม่บอก เดี๋ยวเขาจะอาย จะเสียใจ แล้วหลวงพ่อก็พูดเร่ไปเริ่อย \"อะไรกัน ผักแถวนี้มีเยอะแยะ ยอด ตำ ลึงก็มี ยอดกระถินก็มี ทำ ไมไม่เก็บมากินกันบ้าง ของดี ๆ มีประโยชน์ ทั้งนั้น...\" อวดรู!ปเชียว เขาบอกว่าเขากินกันอยู่ทุกวันแล้ว วันนี้เบื่อ ๆ เลยไม่เก็บมากิน... เราขืนจนแต้มแค่นั้นคงหนึแกงล้มปราบเซียนถ้วยนั้นไม่พ้นแน่ ๆ ก็เลย หาอุบายรำพันต่อ \"แต่แหม...ผมนี่แย่จัง ไม่ได้กินมานานแล้ว ไหว้ล่ะ ช่วยให้เด็กไป เก็บมาให้ผมสักกำมีอเถอะคร้บ...\" เขาก็ไปเก็บ พอมีผักแล้วก็ต้องมีนั้าพริก เราก็ไม่รอช้ารีบเข้าครัว ตำ นํ้าพริกเองทันที ปลอดภัยไว้ก่อน เดี๋ยวจะเจอนํ้าพริกเผ็ดจัดเกินไป กลายเป็นนํ้าพริกนรกเช้าอีก ผลสุดทัายมื้อนั้น กินข้าวกับนํ้าพริกบ้าง นี้าปลาบ้าง คลุก ๆ กันไปก็พอรอดตัว เสฃิอวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ๕๕ หมวดที่ ๒ ^ซนปฏิสังยุต www.kalyanamitra.org

ดูนะ แม้เราจะพิโยกพิเกนถึงขนาดนั้น เขาก็ไม่ได้มีความรู้สิกเลย ว่าเราตะฃิดตะขวง กินไม่ได้ กลับรู้สึกเอ็นดูว่า \"แหม...คุณคนนี้กินง่าย อยู่ง่าย ข้าวคลุกนํ้าปลาแกก็กินได้...\" หา รู1ม่ว่าเราแทบตาย ก็ต้องใช้เหลี่ยมคูกันไปอย่างนี้ โถ...เขามีนํ้าใจเรียก ให้กิน จะปฏิเสธก็ใช่ที่ เอ้า เรียกให้กินก็กิน กินไม่ได้ก็ต้องหาทางออก กันไป แบบนี้บัวไม่ชํ้า นํ้าก็ไม่ขุ่น แถมได้เป็นที่รักของเขาเสึยอีก บางอย่างจำเป็นต้องทำ แม้ต้องฝึนก็ต้องอดทน ท่านบัญญัติ พระวินัยไว้ ก็เพื่อฝึกให้พระภิกษุหัดข่มใจ ละความอยากเอาแตใจ ไม่ว่า จะเป็นอาหารของคนจน คนรวย ประณีตไม่ประณีตเราฉันเพื่ออยู่ ไม่ใช่ อยู่เพื่อฉัน อย่าได้ไปแสดงอาการรังเกียจรังงอนอะไรเชียว จากบัญญัติพระวินัยว่า เราจักรับบิณฑบาตโดยเคารพนี้ในที่สุดก็ มาเป็นหลักมนุษยลัมพันธ์ง่าย ๆ ขั้นต้นในชีวิตประจำวันว่า เราจะไม่เป็น คนเห็นแก่กิน ไม่เลือกอาหาร คือกินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน แต่ถ้าคน ไหนไม่ยอมที่จะอดทนนอกจากจะไม่ได้เพื่อนเพื่มแล้ว ยังเพาะต้ตรูเพื่ม ขึ้นมาอีกด้วย หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต (STD เสซิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ข้อ ๒ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เมื่อรับบิณฑบาตเราจักแลดูแต่ในบาตร\" ฃ้อนี้ ท่านห้ามไม่ให้แลดูหน้าญาติโยมที่มาตักบาตร แม้แลเหม่อ ไปทางอื่นก็ไม่ควร เวลาออกบิณฑบาตต้องสำรวมอยู่ตลอดเวลา เพราะ ตามพระวิน้ย การบิณฑบาตของพระภิกษุเป็นการขอ แต่เป็นการขอที่ แตกต่างจากการขอของขอทานโดยสินเชิง พวกเราควรท่าความเข้าใจ เดยวจะพลาด การขอของขอทาน เป็นการขอโดยชนิดอ้างเอาความน่าทุเรศเวทนา ของตัวเองยกขึ้นมาเพื่อให้เขาสงสาร แล้วก็ให้ทานมา เช่นรำพันว่า \"ช่วยผมทีเถิด พ่อก็ตาย แม่ก็ตาย เจ็ดชั่วโคตรตาย หมด เหลือผมอยู่คนเดียว นี่ก็กำ ลังจะตายเป็นคนสุดท้ายอยู่แล้ว ช่วย ทีเถิดเจ้าประอ๊ณ...\" หรือไม่อย่างนั้นก็ลากสังขารอันน่าทุเรศมาให้เขาเห็น ตาก็บอด หูก็หนวก ขาก็เป๋ มือก็แป๋ ครํ่าครวญคลุกฝ่นอยู่ข้างทาง เขาสงสารก็ให้ เงินให้ของมา นี่เป็นลักษณะของขอทานทั่ว ๆ ไป แต่ของพระภิกษุไม่ใช่อย่างนั้น พระภิกษุขอด้วยอาการสงบสำรวม ให้ก็ได้ ไม่ให้ก็แล้วไป ไม่บ่น ไม่ว่า ไมดา ไม่ขอ ถือเป็นการขอแบบ พระอริยะคือผู้เจริญแล้ว มืบางคนไม่เข้าใจ เอาไปเปรียบเทียบกันแล้ววิจารณ์ว่า พระภิกษุ นี่แย่จริง ๆ สู้ขอทานไม่ได้ ครั้แชักไซ!ล่เลืยงว่าสู้!ม่ได้ยังไง เขาก็อธิบายว่า เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย (iGTf หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org

\"ขอทานนะ เวลาผมให้มัน มันไหว้ผมทุกทีเลย แต่เวลาผมตักบาตร ให้หลวงพ่อหลวงพี่ นอกจากหลวงพ่อหลวงพี่จะไม่ไหว้ขอบคุณผมแล้ว ผมยังต้องไหว้หลวงพ่อหลวงพี่อีก โอ้โฮ! เอาเปรียบกันจังเลย\" เอาละซิ เกิดมีคนอุตริคิดอย่างนี้ขึ้นมา แม้เมื่อไม่กี่ว้นมานี้!ปอ่าน นิตยสารของณี่ปุน ก็เจอเข้าเล่มหนึ่ง เขาวิจารถ?!นทำนองนี้เหมีอนกัน เขาเขียนว่ามีชาวญี่ป่นมาเที่ยวเมีองไทยแล้วกลับไปเล่าว่า ธรรมเนียมของ ซาวไทยนึ่แปลก เวลาเอาข้าวให้พระ แทนที่พระจะไหว้ แล้วกล่าวคำ ขอบคุณ คนให้กลับต้องไหว้พระอีก เล่าเรื่องนี้ที่ไหน คนฟังก็หัวเราะกัน ที่นั่น เขาหัวเราะขำกันทั้งประเทศ เขาว่าเรื่องตลกกลับตาลปัตรอย่างนี้ เกิดขึ้นในโลกได้อย่างไร ซาวญี่ปุนเขานึกอย่างนี้นะ เด็ก ๆ ของเราหลายคนไม่สบายใจ มาถามหลวงพ่อว่าจะอธิบาย เขาอย่างไรดี หลวงพ่อก็แนะว่า เรื่องนี้อธิบายไม่ยาก บอกเขาไปเลยว่า ตามธรรมเนึยมแล้ว เวลาร้บสิงของของ{^ด แน่นอนเราต้องตอบแทนเขา ถ้าเรารับของมาจากร้านค้า เราก็ให้เงินเขาไปตามราคาที่ตั้งไว้ใครเอาของ มีค่ามากำนัล เราก็หาโอกาสตอบแทนเขาด้วยของที่มีค่าใกล้เคียงกัน แล้วพระภิกษุตอบแทนอะไรหริอเปล่า ? ความจริงท่านก็ให้ ตอบแทนกลับไปเช่นกัน แต่เราบางคนดูไม่ออก เพราะท่านตอบแทนกลับ ไปแบบพระอริยะ เรื่องการตอบแทนนี้พระสัมมาลัมพุทธเจ้าทรงกำหนด ว่า เมื่อพระภิกษุรับบิณฑบาตแล้วไม่ให้ตอบแทนด้วยสิงของ แต่ทรง เคี่ยวเข็ญพระภิกษุโดยทางอ้อม ด้วยวัตรปฏิบัติที่ว่า หมวดที่ ๒ โภชนปฏิสังยุต (Src? เส!เยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

เมื่อรับข้าวปลาอาหารของเขามา จะมากน้อยเพียงไรก็ตาม ฉัน เข้าไปแล้ว ท่านต้องอุทิศกำลังกายกำลังใจทั้งหมดของท่าน เพื่อปฏิบัติ ธรรมให้เต็มที่ ศึกษาพระไตรปิฎกให้เชี่ยวชาญ ตั้งใจรักษาศึล เจริญสมาธิ ภาวนาให้มาก ๆ จนกระทั่งใจผ่องใส เมื่อใจผ่องใสเกิดปัญญาแล้วก็ให้ เค้นความรู้ความสามารถที่ฝึกเอามาได้ เอามาเทศน้1ห้ญาติโยมฟังเป็นการ ให้ธรรมทาน ซึ่งจัดว่าเป็นทานอันสูงสุด พระทุทธองค์ทรงให้ตอบแทนญาติโยมกลับไปด้วยธรรมทาน ซึ่ง มีค่ายิ่งกว่าค่าข้าวปลาอาหารที่เขาให้มา ยิ่งกว่าค่าสบงจีวรตลอดจน หยูกยาที่เขาถวาย ค่ากุฏิ ค่าศาลาที่เขาสร้างถวาย จะมีราคาสูงมากมาย เพียงไร ต้องตอบแทนให้หมด และให้ยิ่งกว่า นี่คือเงื่อนไขที่พระสัมมาล้มพุทธเจ้าทรงผูกเอาไว้ เพราะฉะนั้นพอ ตักบาตรปับ ญาติโยมเขาก็ไหว้ เขาไหว้ด้วยวัตกุประสงค์ ๒ อย่าง คือ อย่างที่ ๑ เพื่อเตือนว่า หลวงฟอ หลวงพื่ เมื่อฉันอาหารของฉัน เข้าไปแล้ว ต้องไปศึกษาค้นหาความรู้ทางธรรมเอามาบอกฉันด้วย ฉัน ไม่มีเวลาไปศึกษาธรรมะแล้ว ต้องเลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย เลี้ยงผัวกันอยู่นี่ หลวงพ่อ หลวงพื่ มีเวลาปฏิบัติมาก รู้แล้วช่วยเอามาบอกกันด้วย แล้ว ก็ไหว้ขอบคุณล่วงหน้า อย่างที่ ๒ เขาประนมมีอไหว้ด้วยความเคารพในทาน เพราะเขารู้ ว่าทานที่เขาให้แม้เป็นข้าวทัพพีเดียว แกงช้อนเดียว ก็สามารถส่งเสัริม คุณธรรมให้เกิดขึ้นมาในโลกได้ เขาต้องการส่งเสัริมให้คุณธรรมครองโลก เสขิอวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org

ต้องการยืดอายุพระพุทธศาสนา ไม่ได้คิดเป็นเงินเป็นทอง และไม่ไต้ให้ เพราะสงสารว่า พระจะอดตาย พระภิกษุก็เช่นกัน พอฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ไม่ไต้นึกว่าข้าว ปลาอาหารนั้นมีมูลค่าเป็นกี่บาทกี่สตางค์ เพราะไต้บวกศร้ท่ธาเข้าไปด้วย แล้ว เลยตีราคาไม่ถูก ฉะนั้นพระภิกษุจึงต้องร้ปเงื่อนไขว่า จะต้องปฏิบัติ ธรรมให้เต็มที่ เมื่อรู้แล้วก็เอามาสอนมาแจกจ่ายกัน ไม่ใช่ฉันเข้าเแล้วก็ เอน ฉันเพลแล้วก็นอน พอปายก็พักผ่อน กลางคืนก็จำวัด อย่าให้เขาพูด ประชดได้ว่าถือคิลหมู พอเรามองออกอย่างนี้แล้วก็ต้องทำให้ถูกต้อง พระภิกษุเวลารับบาตรจึงถูกห้ามเด็ดขาดไม่ให้มองหน้าญาติโยม หรีอมองเหม่อออกไป พระล้มมาล้มพุทธเจ้าทรงหาทางตีกันลูกของท่าน ไว้อย่างรอบคอบ ขืนปล่อยให้มองเพลินไป เอ๊ะ!..,มีอก็ขาว เล็บก็สวย ขอดูหน้าหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะยุ่ง เพราะฉะนั้นไม่ว่าโยมผู้หญิงโยมผู้ชาย สวยไม่สวย แก'เฒ่าอย่างไร ห้ามมองเด็ดขาด มองแต่ในบาตรเท่านั้น เป็นการฝึกสติให้เดารพในทานของเขาด้วย สมัยเมื่อหลวงพ่อบวชใหม่ ๆ ออกบิณฑบาตครั้งแรกก็ไต้ข้อเตีอน สติมาหลายอย่าง ยังจำไต้ไม่ลืม ออกบิณฑบาตครั้งแรกก็เขินเอาการอยู่ เพราะเกิดมาเป็นผู้เป็นคน ไม่เคยไปของ้อใครกิน วันนี้เป็นวันแรกที่ต้องมาถือบาตรขอเขากิน มัน ตะขิดตะขวงใจยังไงพิกล อาศัยเดินตามพระพี่เลี้ยงไปก็พอก้าวขาตาม หมวดที่ ๒ โภชนปฏิสังยุต 'DO เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

รับบาตรรายแรกจากโยม^หญ่หน่อยก็ไม่นึกอะไร รายที่ ๒ ที่ ๓ ก็ยังเฉย ๆ แต่มาเจอรายหนึ่งหลวงพ่อต้องสะท้านใจ แกเป็นเด็กผู้หญิง ตัวเล็ก ๆ ขี้มูกยืด ๆ เสือก็ไม่ใส่ นุ่งกระโปรงนักเรียนเก่า ๆ สิซีด ๆ ฟ้องถึงฐานะว่าไม่ดีเลย ขันที่ใส่ข้าวมาตักบาตรก็มัวชัว คงไม่ได้ขัดมา นาน ข้าวก็สืหม่น ๆ กับข้าวก็ใส่ถุงมานิดหนึ่ง ขนมห่อใบตองไม่รู้ว่าเป็น อะไร ดูแล้วก็ไม่ใช่ของประณีต แกมารอพระนานเท่าไรก็ไม่รู้ พอตักบาตรเสร็จก็ยกมือไหว้ ขี้มูก ยืดออกมา แกก็เอาหลังมือป้าย ตักข้าวไปก็ป้ายขี้มูกไป เสร็จองค์หนึ่ง แล้วข้าวก็ยังไม่หมดขัน แกก็รออยู่ กระโดดโลดเต้นไปตามประสาเด็ก พอพระอีกองค์มาถึง แกก็รีบไปคว้าขันมาตักอีก ที่หลวงพ่อเก็บเอามาคิดหนัก ก็ตรงที่ว่า แหม...แกก็ยากจนอย่าง นี้ ยังอุตส่าห์แปงอาหารมาให้เราฉัน เหมือนเราบีบเอาข้าว เอาขนมจาก ลูกเขามา ถ้าฉันเข้าไปแล้วขี้เกียจนั่งสมาธิ ขี้เกียจศึกษาพระไตรปิฎกส่ะก็ ชาติต่อไปคงต้องเกิดมาเป็นควายให้เด็กคนนี้ใข้งานแน่ ๆ เลย อีกอย่างเด็กขนาดนี้ยังมืวิริยะ มืความเพียร พระมาก็ตัก ยังไม่มา ก็วิ่งเส่นไปก่อน เมื่อเราเป็นเด็กขนาดนี้ ขืนให้มารอตักบาตร ประเดี๋ยวก็ กินหมดเท่านั้น แต่เด็กคนนี้น่าเลื่อมใสจริง ๆ ไม่รู้ว่าลูกเต้าเหส่าใคร กลับถึงถุฏิ พอฉันเสร็จแล้ว รีบนั่งสมาธิทันที วันนั้นสติดีมาก จริง ๆ พอเมื่อยก็นึกถึงหน้าเด็กคนนั้น เอ๊...เมื่อยไม่ได้ต้องนั่งต่อ เคยเส่าเรื่องนี้ให้ธรรมทายาทฟ้งว่า ออกบิณฑบาตปอย ๆ จะได้ ข้อเตือนสติจากสองข้างทางหลายอย่าง ทำ ให้ได้คิดแล้วสติดีมาก แตใน เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย \"06) หมวดที่ ๒ โภชนปฐสืงยุต www.kalyanamitra.org

เวลาเดียวกัน ถ้าองค์ไหนไม่เคยฝึกสมาธิมาก่อน ไม่ฝึกสติให้ดี เห็นนิ้ว โยมสวย ๆ อดไจไม่ได้ เหลือบดูหน้า เดี๋ยวก็สึกจนได้ ทีนิ้มาพูดถึงพวกเราชาวบ้านบ้าง ต่อไปภายหลังเมื่อเราจะทำงาน อะไร ไม่ว่าจะรับราชการงานเมืองหรือลูกจ้างเอกชน ขอให้เคารพทั้ง ค่าจ้างแรงงานและเคารพด้กดี๋ต่รืฃองตัวเอง ร้บผิดชอบหน้าที่ให้ดี ชนิด \"หลบ ๆอู้ๆ พอสู้กันไป ไม่หลบไม่อู้ก็สู้!ม่ไหว\" อย่าไปจำเอามาใช้ เพราะ นายจ้างเขาก็จะถือคติว่า \"หลบ ๆ เลี่ยง ๆ ก็เลี้ยงไม่ไหว ไม่หลบไม่เลี่ยง ก็เลี้ยงกันไป\" พระภิกษุรับบาตรแล้วต้องตั้งใจปฏิบัติธรรมให้เติมที่จึงจะถูกต้อง เราชาวบ้านก็เหมือนกัน อยู่ในโลกนิ้รับปากทำงานให้ใคร ก็ต้องทำให้เติม ที่ อย่าออมแรง ร่างกายคนเรานิ้แปลก ยิ่งออกแรงยิ่งได้แรง เหมือนน้กกีฬายิ่ง ออกแรงกำลังยิ่งดี ถ้าเอาแต่กินกับนอนล่ะก็ แรงจะค่อย ๆ หายไป น้กสืกษายิ่งอ่านหนังลือ ยิ่งท่องหนังลือ อดตาหลับขับตานอน ยิ่งได้ ปัญญา อยู่ที่ไหนอย่าออมแรง โบราณท่านว่า \"คนที่เกียจคร้านไม่ชอบ ออกแรงทำงานไม่เติมแรง มักจะมืฃ้อเลืยคือเหงื่อจะตกใน เมื่อตก มาก ๆ เช้า ก็เอ่อขึ้นท่วมหัวใจ แล้วไหลล้นทะลักออกมา กลายเป็นนํ้าตา\" ขี้เกียจแล้วมักต้องนํ้าตาเช็ดหัวเข่าในภายหลังนั้น พวกเราอย่าไปเป็นกัน นะ หมวดที่ ๒ โภชนปฏิสังยุต 'อไอ เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

พวกผัดวันประกันพรุ่งก็เช่นกัน แหม...ยังเช้านัก สายนัก เอาไว้ ก่อนเถอะ ปอยเช้าจะติดนิสัยจับจด เลือกงาน ท้องาน อยู่ที่ไหนก็รกที่ นั่น แม้งานส่วนตัวก็พลาดไปหมด พวกเช้าชามเย็นชาม เลิกเลืย ใครแกไขตัวเองได้อย่างที่หลวงพ่อ ว่ามา อยู่ที่ไหนก็จะเป็นที่รักของคนที่นั่น เขารักเอง ถึงไม่หล่อ รูปร่าง อย่างกับรถกัง ก็ยังน่ารัก ถึงไม่สวย ผิวพรรณหนัาตาไม่น่าดู ดำ อย่าง กับอีกา เขาก็ยังรักเรา ขอย้อนกสับมาอธิบายเรื่อง \"ธรรมเนียมการรับบิณฑบาต\" อีก หน่อย เพื่อว่าพวกเราฆราวาสจะได้ปฏิบัติต่อพระภิกษุให้ถูกต้อง บุญกุศลจะได้เกิดแก่ทั้งสองฝ่ายอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย พระภิกษุฑ่านมีธรรมเนียมของท่าน แต่ญาติโยมไม่ค่อยรู้กัน เมื่อ ลูกชายหรือนัอง หรือพื่ บางทีสามีมาบวชแล้วออกบิณฑบาต ด้วยความ เป็นห่วง เกรงจะลำบากเรื่องอาหารการกินพอตักบาตรเสร็จก็รืบถามเลย \"หลวงพื่ด้องการอะไรบ้าง...\" หรือไม่ก็ \"หลวงพื่ขาดเหลืออะไรก็ บอกนะ...แหม! บิณฑบาตเจ็บเท้าแย่เลย...ฯลฯ\" ชวนคุยไปโน่น บางทีก็ เซ้าซี้จะให้ท่านตอบไหได้ อย่างนี้ อย่าท่า พระวินัยกำหนดให้ท่านลำรวม แลดูแตในบาตร ไม่มีลิทธพูดคุยกับญาติโยมเวลารับบาตร เพราะฉะนั้นญาติโยมทั้งหลาย ห้ามชวนพระคุยเวลาตักบาตรเด็ดขาด แม้หน้าท่านก็อย่าจ้องมอง ต่าง คนต่างท่าภาระของตัว เราเป็นคนตักบาตรก็ตักไป ส่วนพระภิกษุท่านรับ เสขิยวัดร ตนบัญญัติมารยาทไทย t>o หมวดที่ ๒ โภชนปฏิสังยุต www.kalyanamitra.org

บาตร ท่านก็แลดูแต่ในบาตร ไม่จนใจจริง ๆ ท่านไม่พูดด้วยหรอก ใครที่เคยหลงโกรธพระว่า \"เอ๊ะ...พูดด้วยหนหนึ่งก็แล้ว สองหนก็ แล้ว ยังท่าเฉย ไม่ยอมตอบสักที ไม่เต็มใจรับบาตรหรือไง...\" คราวนี้คง รู้คำ ตอบแล้วนะ อีกกรณีหนึ่ง เวลาตักบาตร บางครั้งข้าวสุกติดทัพพีเหนียวหนับ ใส่ไม่ลงบาตร ไม่รู้จะท่าอย่างไร เห็นหลวงพี่ประคองบาตรแน่นอยู่แล้ว ก็เอาทัพพีเคาะกับบาตรหลวงพี่ เส่นเอาหลวงพี่ผวาพูดไม่ออก อย่าทำ อย่างนั้นนะลูก!... ของที่ใส่ลงในบาตรก็เช่นกัน ถ้าเป็นข้าวก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นกับข้าว ควรหาถุงพลาสติกใส่ไว้สักชั้นหนึ่ง จะได้ไม่ไปปะปนเขละขละอยู่กับข้าว สุก หลายคนคงนึกสภาพออก สงสารพระบ้างเถิดนะ พวกผลไม้ เช่น มะม่วงสุก ถ้าใส่ลงไปในบาตรปนกับข้าวร้อน ๆ พระท่านฉันไม่ได้หรอก เพราะมะม่วงนอกจากจะสุกตามธรรมชาติแล้ว ยังถูกนึ่งด้วยข้าวอีก เลยกลายเป็นเป็นมะม่วงตายนึ่งไปเลย น่าเสิยดาย พวกอาหารกระป๋อง เช่น เนี้อกระป๋อง ปลากระป๋อง ก็เช่นกัน ช่วย ใส่ถุงพลาสติกให้เรียบร้อยด้วย เพราะบางทีกระป๋องเป็นสนิม หรือสิ อันตรายจากสลากติดกระป๋องมีอยู่ เมื่อใส่ลงไปในบาตร ของในบาตร เลยเปีอนหมด พระก็พูดไม่ออก ผลสุดท้ายต้องไปเสิอกทิ้งเสิยตั้งมาก กลายเป็นว่าท่าความลำบากให้กับพระโดยไม่รู้ตัว บุญกุศลเป็นเรื่องที่ ต้องการความละเอียดอ่อน จึงควรรอบคอบล้นสักหน่อย อย่าเห็นเป็น เรื่องจุกจิกจู้จี้เลย หมวดที่ ๒ โภชนปฏิสังยุต t)Gr เสฃิยวัตร ตนบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ข้อ ๓ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักรับแกงพอสมควรแก่ข้าวสุก\" คำ ว่า \"แกง\"ในที่นี้ หมายถึงกับข้าวนั่นเอง มารยาทในการร้บบาตร ข้อนี้ ท่านป้องกันไมให้พระภิกษุเดินผ่านทายกผู้ใส่ข้าวเปล่าเพื่อจะรีบไป ร้บแต่รายที่มีกับข้าว รวมทั้งมุ่งเตือนว่า อย่ากินกับข้าวเติบ เวลารับบาตร มาแล้ว เอามาฉันรวมกัน ก็อย่ากักตุนกับข้าวไว้เฉพาะตัว เฉลี่ย ๆ กัน ไปให้ทั่วถึง จริงอยู่ ใคร ๆ ก็รู้ว่ากับข้าวซึ่งมีทั้งเนี้อ ทั้งไข่ ทั้งผัก ให้คุณค่า อาหารทางด้านโปรตืนสูง มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าข้าว ซึ่งมีแต่แป้ง และนํ้าตาล แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อร่วมวงรับประทานอาหารกันหลาย ๆ คน จะมัวมานึกถึงคุณค่าอาหารอย่างนั้นอย่างนี้อยู่ไม่ได้ ใครขืนแก'วิชา 'ป้าชนาการกินแต่กับ ตักเอา ๆ ราวกับจะกินคนเดียวเสิยให้หมดอย่างนั้น ไม่ข้าเพื่อน ๆ ก็เหม็นหน้า ไม่มีใครอยากคบด้วย เพราะมีการกระทำที่ ส่อนิสัยเห็นแก่ตัวจัด ความน่ารักที่เกิดจากนิสัยดี ๆ อย่างอื่นถูกลบล้าง อย่างน่าเสิยดาย เพราะเรื่องกินแท้ ๆ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความไม่รู้จักประมาณในการกินอยู่หลายเรื่อง เรื่องแรกมีอยู่ว่า พระภิกษุรูปหนึ่ง มีลูกศิษย์อาศัยอยู่ด้วย ๒ คน วันหนึ่งท่านไปบิณฑบาตได้ปลาทูมา ๓ ตัว เนึ่องจากอยู่ชนบท ข้าวปลา อาหารบางทีก็อัตศัดเหมีอนกัน ลูกศิษย์ทั้งสองเห็นปลาแล้วก็ฝันหวาน เชียวว่า วันนี้หลวงพื่บิณฑบาตได้ปลามา ๓ ตัว อยู่กัน ๓ ชีวิตพอดี เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย »5<รโ หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org

อย่างไรเสีย ท่านคงแบ่งกันคนละตัว ตัวใหญ่นั่นหลวงพี่คงฉันเอง พวก เราได้ตัวเล็กคนละตัว หลวงพี่รูบ่นี้ท่านเป็นพระบวชใหม่ ยังฝึกตัวเองไม่พอ ท่านฉันบ่ลา ตัวแรกหมดไบ่แล้วยังไม่อิ่ม ลงมือฉันตัวที่สองต่อ ลูกสีษย์เห็นแล้วก็ ใจแป้ว นึกว่ามื้อนี้ฝึดคอ สะกิดมองหน้ากันเลิกลั่ก แต่ยังนึกบ่ลอบใจตัว เองว่า หลวงพี่คงฉันแค่ตัวครึ่งเหลือให้เราสองคนตัวครึ่ง ก็ยังดี แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด หลวงพี่ท่านเกิดเจริญอาหาร ขึ้นมาฉันหมดไบ่ตัวครึ่งแล้วยังไม่พอ พลิกอีกข้างลูกศิษย์เห็นเข้าใจหาย วาบเลย จับมือกันแน่นจ้องจานบ่ลาทูตาละห้อย นึกทอดอาลัยว่าคราวนี้ เราสองคนได้กินบ่ลาตัวเดียวแน่แล้ว...เฮ้อ...ก็ยังดี แต่ที่ไหนได้ หลวงพี่ยังไม่ยอมหยุด จิ้มตัวที่สามต่อไบ่ เด็กสอง คนเห็นอย่างนั้นแทบช็อก นึกว่าตายแล้วเรา มื้อนี้คงได้กินบ่ลาทูชีกเดียว เสียแน่ ๆ ไม่รู้จักท่าอย่างไร ได้แต่นั่งเบียดกันจ้องดูมือหลวงพี่ตาเป๋ง ใจหายควํ่าอยู่อย่างนั้นในใจจะภาวนาว่าอย่างไรคงไม่ต้องบอกนะ พอหลวงพี่พลิกอีกด้านหนึ่งของบ่ลาตัวที่สามเท่านั้น เสียงเด็กทั้ง สองก็ด้งแหวกความเงียบขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย \"เฮ้ย ๆ พลิกแล้ว ๆ ...\" หลวงพี่ได้ยินก็ชะงัก นึกขึ้นได้ว่า \"เออ...เราลืมลูกศิษย์ไบ่เสียแล้ว\" หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

แต่แหม...กว่าท่านจะนึกได้ก็เกือบหมดอีกตัว ขอฝากไว้กับพวกเรา รักษามารยาทในการกินอาหารให้ดี ถ้ากับข้าว มีแค่ ๒ - ๓ อย่าง ก็อย่าท่าตัวเป็นคนเห็นแก่กิน ไปตักกับข้าวมาโปะไว้ ที่ตัวคนเดียวตั้งครึ่งตั้งค่อนจาน ใครที่มีบริวารไปด้วย ถึงมื้อจะกินข้าวปลาอาหารอะไร ก็อย่าเอาแต่ ตัวรอด คิดถึงลูกน้องบ้าง อีกเรึ่องหนึ่ง ชาวบ้านมาเล่าให้ฟัง เป็นเรึ่องของพระเหมือนกัน {ความจริงพระที่มืมารยาทดี ๆ มืเป็นหมื่น เป็นแสน...) เขาเล่าว่า เมื่อ ตอนที่เขาบวช ได้รันนิมนต์ไปฉันที่บ้านโยมคนหนึ่ง ว้นนั้นเขาจัดไข่ต้ม มาถวายเต็มจานเลย นํ้าปลานํ้าจิ้มก็อร่อย มืพระองค์หนึ่งร่วมไปด้วย พระองค์นี้โปรดปรานไข่ต้มเป็นพิเศษ แต่ท่านโปรดเฉพาะไข่แดง ตักครั้งแรกก็เจาะไข่แดงไปทั้งฟอง เหลือแต่ ไข่ขาวไว้ แม้ครั้งที่ ๒ ที่ ๓ ท่านก็เจาะเอาเฉพาะไข่แดงอีก ท่าอย่างนี้ เรึ่อย ๆ ความที่เกรงว่าจะถูกโยมนินทา พระที่ได้รับนิมนต์ก็เลยต้องตักไข่ ขาวฉันตามไปอย่างนั้น ธรรมเนึยมชาวบ้าน เมื่อพระฉันเรียบร้อยแล้ว เขาจะเก็บข้าวปลาอาหารที่เหลือไปเลี้ยงดูแขกที่มาช่วยงานอีกต่อหนึ่ง ถ้า พระฉันไว้ไม่เรียบร้อยชาวบ้านก็เห็นหมด เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย \"oof หมวดที่ ๒ โภชนปฏิสังยุต www.kalyanamitra.org

วันนั้นโชคไม่ดีเลย ท่านต้องตามตักไข่ขาวฉันเสิยหลายใบ จะเตือน พระองค์นั้นตอนฉันก็ไม่ไดโอกาส เพราะโยมคอยนั่งปรนนิบัติอยู่ใกล้ ๆ พอฉันเสร็จ ขณะที่เดินกลับวัดมาได้ครึ่งทาง พระองค์นั้นทำหน้าระรื่น เดินแซงขึ้นมาคุยด้วย ฟังแล้วก็ฉุนกึก เพราะท่านว่า \"แหม ท่านกับผมนี่ไปด้วยกันได้ดีจริง ๆ ท่านชอบไข่ขาว ผมชอบ ไข่แดง\" มาแบบนี้ ถ้าไม่สั่งสอนเสียตอนนั้น ก็ไม่รู้จะไปสอนตอนไหน พระองค์แรกก็เลยบอกท่านตรง ๆ ว่า \"นี่ท่าน...ทีหลังไปฉันข้าวที่ไหนล่ะก็ รักษามารยาท รู้จักประมาณ เสียบ้าง ผมน่ะตามธรรมดาทั้งไข่ขาวไข่แดง ไม่ชอบทั้งนั้น ผมชอบกับ อย่างอื่น แต่ท่านเล่นฉันแต่ไข่แดงทิ้งไข่ขาวไว้เกลื่อน ญาติโยมเขาจะคิด ยังไง เขาคงนึกอย่างเดียวว่าพระพวกนี้ตะกละ ผมขายหน้าเขาเลยต้อง เก็บไข่ขาวฉันตามหลังท่าน ไม่ใช่เพราะชอบหรอกนะ คราวหน้าถ้าจะฉัน ไข่อีกล่ะก็ ทั้งไข่แดงไข่ขาวฉันให้มันพอ ๆ กันด้วย\" ใครรู้ตัวว่าไม่รู้จักประมาณในการกิน ต้องรีบแก!ขเสีย มิฉะนั้นจะ ถูกเพ่งเล็งว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่มีใครอยากคบ หลวงพ่อเองก็เคยพลาด แต่ไม่ใช่เพราะความเห็นแก'ตัว เป็นเพราะไปติดนิสัยการรับประทาน อาหารแบบฝรั่งมา หมวดทิ่ ๒ โภชนปฎิสังยุต 'DCS เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ครั้งนั้นยังไม่ได้เข้าวัด ไปเรียนอยู่ต่างประเทศ ๒ ปี เนื่องจากเป็น นักเรียนทุน เขาจึงจัดให้อยู่หอพัก อาหารการกินเป็นแบบฝรั่งไปหมด เข้าขึ้นมาก็ไฃ่ดาวหมูแฮม มื้อกลางวัน มื้อเย็น กินแต่สเต๊ก เจอแต่เนื้อ ล้วน ๆ ไม่ค่อยได้กินข้าวเท่าไร พอกลับมาเมืองไทย เลยเผลอตัวกินกับ เติบไปพักหนื่ง ยังดีที่รู้ตัวเร็วแล้วรีบแก!ข ไม่อย่างนั้นคงเป็นขึ้ปากชาว บ้าน ถูกนินทาไม่มืชิ้นดี สำ หร้บเรื่องมารยาทในการกินอาหารนื้ ต้องดูความเหมาะสมด้วย เหมือนกัน กล่าวคือ ถ้าไปไหนเขาเลี้ยงอาหารฝรั่ง ก็ต้องกินแบบฝรั่ง หากมืแต่กับไม่มืข้าว ก็อย่าไปเรียกเอาโน่นเอานื่ให้เขามองหน้า แล้วแอบ ไปหัวเราะเยาะเอาทีหลัง เขาเชิญไปกินอาหารจีนก็ต้องกินแบบอาหารจีน กินตะเกียบ อย่าไปเรียกหาช้อนหาล้อม ให้เขายุ่งยากใจ เป็นพระได้ร้ป นิมนต์ไปฉันอาหารฝรั่ง ขืนเถรตรงตามตัวหนังสือในพระวินัย มื้อนั้นอด แน่... ต้องดูความเหมาะสมตามธรรมเนียมฝรั่ง ไทย จีนด้วย เสฃิอวัตร ต้นใJญญัติมารยาทไทย t)Ov หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org

ข้อ ๔ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักรับบิณฑบาตแต่พอเสมอขอบปากบาตร\" การร้บบิณฑบาตจนล้นขอบปากบาตรขึ้นมา ถือเป็นกิริยาส่อความ โลภอย่างหนึ่งไม่งามเลยท่านห้ามไว้ยกเว้นของบางอย่างห่อด้วยใบตอง ใส่ลงในบาตรแล้วปลายห่อยังพ้นขอบปากบาตรขึ้นมา อย่างนึ่!ม่ถือว่าล้น บาตร เมื่อรับบาตรแล้วจะถ่ายของออก เพื่อรับอีกตามศรัทธาของ ญาติโยม ก็ไม่ห้าม ความจริงบาตรใบหนึ่ง ถ้าโยมเอาข้าวเอากับมาตักใส่ถึงเต็มบาตร นั้นพระรูปเดียวทำยังไงๆ ก็ฉันไม่หมด แต่บางครั้งเราก็พบว่าพระภิกษุ บางรูปรับบาตรเต็มแล้วก็ถ่ายบาตรลงในถัง แล้วร้บบาตรต่อไปอีก คนที่ ไม่เข้าใจก็นึกตำหนิว่า\"เอ๊ะ...พระองค์นี้โลภ\" จริง ๆ แล้วท่านไม่ได้โลภ แต่ในบางภาวะเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องท่า อาทิเช่น กรณีที่ ๑ พระบางรูปในกรุงเทพฯ รับลูกศิษย์ไว้อยู่ด้วยปีละ ๒ - ๓ คน ก็พวกญาติ ลูก ๆ หลาน ๆ ที่อยู่ต่างจังหวัดนั่นแหละ เข้า มาเรียนหนังสิอแล้วไม่มีที่พัก ก็มาขออาศิยหลวงพ่อ หลวงพื่ หลวงน้า ท่านเมตตาเลี้ยงดูไว้ตามอัตภาพ แล้วก็ได้อาศัยใช้เด็ก ๆ พวกนี้เช็ดกุฏิ กวาดวัด ปรนนิบัติพระกันไป เพราะฉะนั้น กรณีอย่างนี้ท่านอาจจะรับ บาตรถึง ๒ บาตร ๓ บาตร ก็อย่าไปตำหนิท่านเลย หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต ๗๐ เสขิยวัตร ตนบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

กรณีที่ ๒ ท่านอาจไม่มีลูกสืษย์ลูกหาให้ต้องเลี้ยงดู ไม่ต้องการ อาหารมาก แต่ในวันนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ เช่น วันปีใหม่ วันสงกรานต์ คน ส่วนมากนิยมตักบาตร จึงเป็นเหตุให้จำยอมให้ต้องร้บบาตร ถ่ายบาตร หลายครั้ง ถ้ากำหนดเอาแค่บาตรเดียว รับรองว่าเดินห่างวัดไม่ถึง ๑๐๐ เมตร ก็เต็มบาตรแล้ว จะกลับเสียตอนนั้นก็ไม่เหมาะ เพราะญาติโยมที่ เคยตักบาตรประจำชะเง้อคอยาวอยู่โน่น ขืนไปไม่ถึง พรุ่งนี้โดนปนแน่ ก็เลยต้องไปให้ถึงบ้านโยม ตกลงงวดนั้นเลยต้องถ่ายบาตรหลายบาตร ลูกดิษย์แบกถังตามหลังหนักไหล่แทบหลุด กรณีอย่างนี้ก็อย่าว่ากัน เป็น เรื่องของการรักษาศรัทธาญาติโยม อย่างไรก็ดี บางครั้งก็ยอมรับว่า อาหารเหลือเฟือ ฉันก็แล้ว แจก ก็แล้ว ยังไม่หมด เก็บไว้\\เดเน่า ต้องทิ้งเสียบ้าง ถ้าญาติโยมพร้อมใจกัน หาของที่พระพอจะเก็บไวได้ก็จะดี อาจจะเป็นพวกอาหารกระป๋อง อาหาร แห้งที่เก็บไวได้นานก็ได้ อย่างนี้ความเสียหายก็จะลดน้อยลงไป ความรู้จักประมาณในเรื่องอาหารการกินหรือtาชเนมัตต้ญฌุตานี้ ไม่ว่าพระว่าคน พระลัมมาลัมพุทธเจ้าทรงยํ้าเตือนไว้นักหนา พระองค์ มิได้ทรงปรารภเฉพาะเรื่องกินมาก กินน้อยเท่านั้น แต่ทรงหมายความ ครอบคลุมถึงชนิดของอาหารด้วย เช่น เสฃิยวัตร ตนบัญญัติมารยาทไทย ๗๑ หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org

๑. ของอะไรที่ไม่ควรกินก็อย่าไปกิน เช่น สะอาดไม่พอ ขืนกิน เข้าไป ประเดี๋ยวก็เป็นโรคนั่นโรคนี่ ๒. อาหารที่มีรสจัดเกินไป เช่น เผ็ดจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด เสาะ ท้อง อย่าไปกินเข้า ท้องไส้จะเสีย ๓. กินอาหารไม่เป็นเวลํ่าเวลา ระบบย่อยอาหารเสียหมด กินใน เวลาที่อาหารไม่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายเท่าที่ควร ท่านก็ห้ามเสีย เช่น ที่ ปรากฏในสืลข้อ ๖ เว้นการร้บประทานอาหารในเวลาวิกาล หลังเที่ยงแส้ว ๔. อาหารใดที่มีทคาแพงจัด ท่าให้เสียเงินเสียทองมากเกินเหตุ ก็ให้เลี่ยงเสียไปหาของกิน ที่กินแทนกันได้ ที่มีราคาถูกกว่า แต่ให้คุณค่า อาหารเท่ากัน หรือแม้ด้อยกว่าลักนิดหน่อย หากไม่กระทบกระเทือน สุขภาพก็ยังดีกว่า รู้จักกินอาหารดีแส้วก็อย่าลืม \"อีก ๔ - ๕ คำ จะอิ่มให้หยุดเสีย เหลือที่ว่างไว้ให้นํ้าบ้าง\" หรืออย่างที่โบราณว่าดื่มนํ้าตามอีกลักแก้วแส้วก็ อิ่มพอดี หมวดที่ to โภชนปฎสืงยุต ตก® เส!เยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ข้อ ๕ \"ภิกษุพึงทำความสีกษาว่า เราจักฉันบิณฑบาตโดยเคารพ\" อาหารที่บิณฑบาตได้มา ไม่ว่าจะเป็นของคนจน คนรวย ประณีต หรือไม่ประณีต ท่านให้ฉันโดยไม่เลือก แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ เป็นการท่าความลำบากแก่พระมากนัก ญาติโยม ควรเอื้อเพื่อไต่ถามท่าน บ้าง เพราะพระบางรูปฉันอาหารเผ็ดจัดรสจัดไม่ได้จะถามในขณะที่ท่าน บิณฑบาตก็ไม่เสียหายอะไร เพราะเป็นเรื่องจำเป็น ถามแบบเป็นการเป็น งาน ไม่ได้ถามแบบชวนคุย พระท่านตอบได้ ข้อสำคัญต้องระวังคำถาม ให้ดี อย่าให้ท่านต้องตอบแบบเจาะจงเลือกอาหาร ชึ่งก็ไม่ยากอะไร ถาม ท่านตรง ๆ เลยว่า \"หลวงพ่อ หลวงตา อาหารรสจัด ๆ อย่างนี้ฉันไดีไหม...อาหาร ประเภทนั้นประ๓ทนี้ เป็นอุปสรรค เป็นอันตรายแก่สุขภาพของหลวงพ่อ หรือเปล่า...\" อย่างนี้ท่านตอบได้ ถ้าเราไม่ไต่ถามท่านบ้าง บางทีเราก็พลาด ท่าให้ ท่านได้รับทุกขเวทนาโดยไม่เจตนา นานมาแล้ว หลวงพ่อไปกราบพระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง ท่านเล่าให้ฟังว่า สมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่งของเรา ท่านมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับทางเดิน อาหาร ของเผ็ด ๆ ท่านฉันไม่ได้มีอยู่คราวหนึ่งท่านรับนิมนต์ไปฉันอาหาร ที่บ้านข้าราชการร^หญ่ ปรากฏว่า เขามีแต่อาหารรสเผ็ดจัด จำ พวกอาหาร ขี้เมาทั้งนั้น ท่านรู้เหมีอนกันว่าไม่เหมาะกับสุขภาพของท่าน แต่ก็ไม่ เสรอวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org

ออกปากว่าอย่างไร เขาจัดให้อย่างไรก็ฉันอย่างนั้น แต่พอกลับถึงวัดก็ อาพาธนอนปวยเป็นเดือน ๆ นี่ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจทำบุญยังพลาด เพราะฉะนั้น เวลานิมนต์พระมา ฉันอาหารที่บ้านก็ดื ตักบาตรให้พระก็ดื จัดอาหารรสพอสมควร ๆ อย่า ให้รสจัดนัก บางองค์^ม่ได้จริง ๆ หรือไม่อย่างนั้นก็ทำนํ้าจิ้มรสจัดไว้ ต่างหาก สำ หร้บองค์ที่ชอบฉันอาหารรสจัด ๆ แล้วความเชื่อถึอที่ว่า คนที่ตายไปแล้วชอบกินอาหารอะไร แล้ว ตักบาตรด้วยอาหารชนิดนั้นส่งไปให้ ก็ขอให้รู้ด้วยว่าพระไม่ใช่บุรุษ ไปรษณีย์นะจ๊ะ เดี๋ยวผีพ่อชอบกินเหล้า จะเอาเหล้ามาถวายหลวงพ่อเสีย อีก... เรื่องอาหารการกินของพระผู้ใหญ่สูงอายุนี่ ต้องระวังให้มาก เพราะ ถ้าไม่หนักหนาสาหัสจริง ๆ ท่านจะไม่ใAjด ถวายอย่างไรก็ฉันอย่างนั้น แล้วก็เลยทำให้ท่านต้องสำบากสำบนบั่นทอนอายุท่าน พวกเราช่วยเอาใจ ใส่ท่านด้วยก็แล้วกัน หลวงพ่อเองทั้ง ๆ ที่ระวังยังพลาด มีอยู่คราวหนี่ง ท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุทธชินวงค์ ท่านเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรฯ องค์ที่เวลา อบรมธรรมทายาทของวัดเรา ท่านก็เมตตาร้บเอาไปบวชให้ทุกปีนั่นแหละ ท่านเป็นโรคเบาหวาน แต่เผอิญหลวงพ่อไม่ทราบ วันนั้นท่านมาอบรม พระภิกษุที่วัด หลวงพ่อก็ให้เขาจัดนํ้าอ้อยมาถวายท่าน เนี่องจากท่านให้ ความคุ้นเคย ก็เลยพูดแบบเอ็นดูว่า หมวดที่ ๒ โภชนปฎิลังยุต ฬร' เสซิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

\"นี้แกล้งฆ่ากันนะนี่\" แล้วก็อธิบายว่า ท่านฉันไม่ได้หรอกของหวาน เนี่องจากเป็นโรค เบาหวาน อย่างนํ้าอ้อยนี่ฉันไม่ได้เลย ก็เลยจัดนํ้าแข็งเปล่ามาถวายแทน เกือบไปแล้วไหมล่ะ นี่ถ้าเป็นองค์อื่น ท่านเกรงใจเรา ฉันเข้าไป ทั้ง ๆ ที่แสลงโรค คงแย่ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เสขิยวัตร ตนบัญญัติมารยาทไทย ๗๕ หมวดท ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org

ข้อ ๖ \"ภิกษุพึงทำความสืกษาว่า เมื่อฉันบิณฑบาตเราจักแลดูแต่ในบาตร'' นี่ก็เป็นมารยาทในการร้บประทานอาหารทั่ว ๆไป เมื่อเด็ก ๆโดน โยมแม่ตีก็เรื่องอาหารนี่แหละ หลวงพ่อเกิดก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ๒ - ๓ ปี ฉะนั้น จึงทัน ได้เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยนั้น แล้วบ้านหลวงพ่อเองก็ ประสบภัยสงครามกับเขาด้วย ตอนนั้นญี่ป่นเข้ามายึดเอาไร่และบ้านเพื่อ ทำ เป็นค่ายทหารของเขา เราก็เลยต้องอพยพไปอยู่ที่อื่น ฐานะซึ่งแต่เดิมปานกลาง พอปุบปับถูกไล่ออกจากบ้าน ต้องจากที่ ทำ กิน ก็จนกรอบทรุดฮวบเลย อาหารการกินฝืดเคืองไปหมด ขณะนั้น ยังเป็นเด็ก พอเห็นเพื่อน ๆ ที่เขากลับจากโรงเรียนกินไอศกรีม กินนั่น กินนี่กัน ก็อยากกินกับเขาบ้าง แต่ไม่มีเงินชื้อ ด้วยความเป็นเด็กก็อดมอง เขากินไม่ได้ การดูปากคนที่กำลังกินอาหารนี่ ถือว่าเป็นการเสิยมารยาทอย่าง แรง ผู้ใหญ่สมัยนั้นไม่ยอมปล่อยให้ลูกหลานมองใครกินอาหารเด็ดขาด ที่บ้านโยมแม่ไม่ยอมให้ลูก ๆ มองปากใครกิน ถ้าเห็นทำนตียับเลย ความ ที่ถูกเคี่ยวเข็ญมาอย่างนั้น ต่อ ๆ มาก็ดีขึ้น โดนตี ๔ - ๕ หน วันหลัง เห็นใครกินอะไร ไม่กล้ามอง ถ้มหน้างุดไปเลย หมวดทํ่ ๒ โภชนปฎิลังยุต ฅโอ เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ฉะนั้น พอโตขึ้นมาก็มีความรู้สืกอย่างหนึ่งว่า เรารู้จักพอ คือถูก ฝึกให้สันโดษนั่นเอง เราฐานะอย่างไรก็พอใจอย่างนั้น นิสัยที่จะไปอิจฉา ใครก็เลยไม่มี อิจฉาตาร้อนใครไม่เป็น เพราะเคยอดมาจนเคยแล้ว ถึง ลำ บากยากเย็นอย่างไร เราก็อยู่ได้ จากมารยาทเล็ก ๆ น้อยๆนึ่เอง ได้ส่งผลยิ่งใหญ่ต่อมาคืออิจฉา ใครไม่เป็นใครเขาได้ดิบได้ดีก็สนับสนุน ถึงจะได้ดีกว่าเรา ก็ไม่นึกอิจฉา เลย บรรพบุรุษของเรานึ่ ท่านฉลาดจริง ๆ ในการอบรมลูก ๆ หลาน ๆ มารยาทเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างนี้ อย่าปล่อยผ่าน ถึงขาดเงินขาดทองอย่างไร ก็อย่าปล่อยให้ลูกหลานไปดูปากชาวบ้านเขากิน ถ้าไม่ระวังกวดขัน ห้าม ปรามเสิยแต่ยังเด็ก นิสัยขึ้อิจฉาจะพอกพูนขึ้นจนแสดงออกอย่างน่า เกลียด หาความสบายใจไม่ได้ตลอดชาติ เสฃิอวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย ฬฬ หมวดที่ ๒ โภชนปฎิลังยุต www.kalyanamitra.org

ข้อ ๗ \"ภิกษุพึงทำความสืกษาว่า เราจะไม่ขุดข้าวสุกให้แหว่ง\" ท่านหมายความว่า เวลาตักข้าวร้บประทาน ไม่ควรแหวกกองข้าว ตรงนั้นตรงนี้จนเว้า ๆ แหว่ง ๆ เขละฃละไปทั้งจาน ควรตะล่อมข้าวเป็น คำ ๆ หมั่นปาดขอบกองข้าวให้พูนกลมอยู่ตลอดเวลา จะร้ปประทานด้วย มือหรือด้วยข้อนก็ควรทำอย่างเดียวกัน เรื่องนี้ถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่ง แม้เป็นมารยาทเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มืคุณค่ามาก นอกจากจะเป็นการฝึกสติ แล้ว ยังช่วยล่งเล่ริมบุคลิกของเราได้เป็นอย่างดี เวลาไปกินข้าวปลาอาหาร ที่ไหนจะได้ไม่มืใครรังเกียจ หลฺวงพ่อวัดปากนํ้า ^ เวลาท่านฉันข้าว ข้าวในจานของท่านจะพูน กลมอยู่เสมอ น่าดูมาก เพราะเวลาท่านฉันจะใข้ข้อนตะล่อมปาดข้าวใน จานของท่านตลอดเวลา ด้งนั้น กองข้าวจึงดูพูนกลม เหมือนข้าวเหนียว พูนในกะละมัง ไม่มืแหว่ง แต่พวกเราเวลากินไม่ค่อยระวัง เจาะเอาตามใจ ชอบ ข้าวจึงแหว่งเป็นแถบ ๆ บางคนคุ้ยข้าวเสืยกระจายเกลื่อนเป็นไก่ เขี่ย เปรอะปากชามยังไม่พอ หกกระเด็นออกมาข้างนอกอีก ไม่งามเลย พระสัมมาล้มพุทธเจ้าทรงกำหนดมารยาทข้อนี้ไว้สำหรับพระภิกษุ เพราะโดยทั่วไป พระมักฉันอาหารต่อหน้าญาติโยมที่มาท่าบุญจำนวนมาก ขณะที่พระก่าสังฉัน ชาวบ้านไม่รู้จะท่าอย่างไร ก็เลยนั่งดูพระฉันไปพลาง คุยกันไปพลาง ก็กี่สายตา ๆ ก็มองมาที่พระ ถ้าพระรูปใดเผลอตัว มารยาทขาดไปสักนิด เขาจะนีกตำหนิทันที ท่าให้ใจอุ่นมัว ศรัทธา ® พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร) หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต CVC? เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

คลอนแคลนได้บุญไม่เต็มที่ บางคนเอาไปวิพากษ์วจารณ์ต่อ แทนที่จะได้ บุญล้วน ๆ กลับแบกบาปกลับไปอีก การนั่งรับประทานอาหารต่อหน้าคนมาก ๆ นี้ ไม่ใช่ของง่ายเลย ตอนหลวงพ่อบวชพรรษาแรก พอเริ่มฉันก็ถูกญาติโยมมองตาแป๋ว เล่น เอาเขิน จับช้อนมือไม้สันไปหมด ถามพระองค์อื่นว่าเป็นไหม ก็เป็นเหมือน กัน เลยต้องหาทางออก แก้ปัญหาโดยกำหนดลงไปว่า พอพระเริ่มฉันให้ โยมสวดมนต์ทำวัตรไปเลย เขาจะไดไม่นั่งดูพระฉัน แถมยังได้บุญเพราะ การสวดมนต์อีก วัดพระธรรมกายทำอย่างนี้ ก็เลยเรียบร้อยดีทั้งพระ ทั้งชาวบ้าน ความไม่งามที่เกิดขึ้นขณะที่พระกำสังฉัน เท่าที่เจอยังมือีกหลาย อย่าง คือบางคนชอบเอาพระมาเสี่ยงทาย เช่น เขาจัดอาหารไล่จานมาตั้ง ถวายพระ ๔- ๕อย่าง แล้วก็ตั้งจิตอธิษฐานเลยว่า ถ้าหลวงพ่อตักอาหาร จานนี้เป็นจานแรก แสดงว่าลูกในท้องของเขาจะเป็นชาย ถ้าตักจานนั้น ลูกในท้องจะเป็นหญิง ถ้าไปตักจานโน้นแสดงว่าต่อไปนี้ลูกหมดแล้วไม่มื มาเกิดอีก ว่าเช้าไปนั่น บางพวกหนักขึ้นไปอีก ล่วนมากเป็นแม่บ้านที่ทำกับข้าวเก่ง ๆ พวกนี้ ชอบมาประชันฝีมือกันที่วัด พอพระลงมือฉัน คุณเธอก็จ้องเอา ๆ พระท่านก็ไม่รู้ตัวว่าถูกกำหนดให้เป็นกรรมการตัดสิน ท่านก็ฉันไปตาม สบาย ๆ พอฉันเสร็จ เขายกสำร้บกับข้าวเช้าครัวไปก็ได้เริ่อง พวกเธอ ทั้งหลายมืเริ่องอยข่มกันมาทีเดียว เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย CVGff หมวดที่ ๒ โภชนปฏิสังยุต www.kalyanamitra.org

\"อุย...ฝึมือใคร ๆ ก็เทียบฉันไม่ได้หรอก ดูชิ...หลวงพ่อฉันแต่ของ ฉันคนเดียว ของเธอท่านไม่แตะเลย...\" เฌ่นั่นก็เลยหน้างอไป ดูนะ ตั้งใจไปทำบุญถวายภัตตาหาร กลับกลายเป็นไปทะเลาะภัน ว่าพระฉันของใครมากของใครน้อย ไม่น่าเลย พระแต่ละองค์ท่านชอบ อาหารเหมือนภันเมื่อไหร่เล่า บางองค์ก็ชอบอย่างนี้ บางองค์ก็ชอบอย่างนั้น เอาแน่ไม่ได้ ยังอุตส่าห์มืคนเอามาเป็นเรื่องทะเลาะกันจนได้ เห็นแบบนี้ปอย ๆ เข้า ชักไม่ชอบมาพากล ก็เลยหากิจกรรมให้ ญาติโยมสวดมนต์ขณะพระฉันจะดีกว่า จะได้ไม่มัวมานั่งจับผิด นั่ง เส์ยงทายให้รุ่นวายกันเปล่า ๆ หมวดที่ ๒ โภชนปฏิสังยุต CsO เสขิอวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ข้อ ๘ \"ภิกษุพึงทำความสืกษาว่า เราจักฉันแกงพอสมควรกับข้าวสุก'' ข้อนี้เป็นเรื่องของการฝึกนิสัยไม่ให้กินกับเติบ เช่นเดียวกับข้อที่ ผ่านมาแล้ว ต่างกันแต่ว่า ข้อแรกเป็นกรณีตั้งเจตนาจะใหได้กับข้าว มาก ๆ ขณะบิณฑบาต ส่วนข้อนี้เป็นการกำหนดมารยาทขณะกำลังฉัน อาหาร ผลที่ได้รับ นอกจากไม่เป็นที่รังเกียจของเพื่อนฝูง ของชาวบ้าน แล้ว ยังสร้างนิสัยประหยัด เป็นผลดีในเชิงเศรษฐกิจด้วย เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย CSG) หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org

ข้อ ๙ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝขยุ้มข้าวสุกแต่ยอดลงไป\" บางคนมีนิสัยแปลก ๆ จะตักจะกินอะไร ชอบเจาะตรงกลางก่อน ตักข้าวหรือตักกับข้าวในจานก็เจาะควักตรงกลางแบบเดียวกัน มองไป เห็นเป็นสะดีอกลวงโม่ไปหมด นิสัยอย่างนี้ควรแกไขเสียเพราะไม่งาม ลำ พังของที่อยูในจานของเราก็ยังไม่ค่อยน่าดู ถ้ากินรวมถาดเดียวกันแบบ ชาวอินเดียถาดละ ๔ - ๕ คน ใครขืนเจาะตรงกลางแบบนี้ เพี่อนฝงคง พจแน่ๆ ยิ่งเป็นพระ ญาติโยมเห็นท่านเจาะฉันข้าวในบาตรเป็นปล่องเป็น ช่องกลวงโม่อย่างนั้น เขาคงนึกว่า พระองค์นี้ท่าอะไรพิลึก ๆ ครอบครัว ไหนปล่อยให้ลูกหลานท่าตามใจตัวอย่างนี้ พอลูกโตขึ้นไปเข้าสังคมไหน เขาจะมีปัญหาถูกเพี่อนฝูงรังเกียจ สิ่งละอันพันละน้อยอย่างนี้อย่ามองข้าม เพราะเป็นมารยาทที่ ล่งเสริมบุคลิกและกำจัดความน่ารังเกียจทั้งหลายข้าวสุกที่ทายกตักใส่บาตร หรือจานกองใ;เนเป็นยอดสูง เมื่อพระภิกษุจะฉันควรเกลี่ยให้ตํ่าลงหรือ เสมอกันก่อน แล้วจึงลงมือฉัน ส่วนอาหารอื่น ๆ เช่น ข'นม ไม่เป็นของ ที่พึงขยุ้มอยู่แล้ว จึงไม่ได้เอ่ยถึง หมวดที่ ๒ โภชนปฏิสังยุต C3^ เสฃิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ข้อ ๑๐ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไฝกลบแกงหรือกับข้าวด้วยข้าวสุก เพราะอยากจะได้มาก\" ฃ้อนี้ชัดอยู่แล้ว ไม่ต้องขยายความอีก เรื่องอย่างนี้มักเกิดในหมู่ ลูกกิษย์วัดจอมแก่นทั้งหลาย ในคราวที่อยู่ร่วมกันมาก ๆ และข้าวปลา อาหารค่อนข้างอัตคัดขาดแคลน วิธีช่อนกับข้าวช่อนขนมของพวกเขา แยบยลน่าดู บางทีหลงนึกสงสารว่า โถ...แย่งเขาไม่ทันไปนั่งชุกกินข้าว เปล่า ๆ อยู่คนเดียว ที่แทัเจ้านั่นแหละตัวแสบ! เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย c?o หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org

ข้อ ๑๑ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า ถ้าเราไฝเจ็บไข้ จักไฝขอแกงหรือข้าวสุก เพื่อประโยชน์แก่ตนมาฉัน\" คือพระภิกษุต้องพยายามอย่างที่สุดที่จะทำตัวให้เป็นคนเลี้ยงง่าย ถ้าไม่เจ็บไขได้ป่วยจะไม่เอ่ยปากขอใคร ถ้าเมึ่อไดพระภิกษุเอ่ยป่ากขอ ก็ แสดงว่าท่านป่วยหนักแล้ว จำ เป็นต้องได้อาหารแบบนั้นแบบนี้ญาติโยม ช่วยจัดไห้ท่านตามที่ขอด้วยเถอะนะ ข้อนี้อยากจะเตือนพวกเราบางคน ที่แม้ตั้งไจเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่จน แก่เฒ่าเป็นอย่างดี อุตส่าห์หาคนมารับไข้ดูแลสังเสิยเรียบร้อยว่า ท่าน อยากจะได้อะไรไห้บอก กะจะเป็นแล้วสารพัดนึก บันดาลทุกอย่างไห้ท่าน แต่แล้วก็พลาด เพราะมองข้ามเรื่องบางเรื่องที่เป็นธรรมดาของท่านผู้เฒ่า ไป่ บางทีกว่าจะรู้ ท่านก็ป่วยเป็นโรคขาดสารอาหารไป่เสิยแล้ว เคยอ่าน วารสารทางการแพทย์พบว่า แม้แต่บ้านเศรษฐีหลาย ๆ บ้านยังเจอป้ญหา ท่านผู้เฒ่าไนครอบครัวเป็นโรคขาดสารอาหาร ท่าไมจึงเป็นอย่างนั้น มีเหตุที่นำมาอธิบายได้ว่า ข้อที่ ๑ ท่านเคยจนมาก่อน แม้ไนภายหลังจะมีฐานะดี แต่เวลากิน ข้าวป่ลาอาหาร ท่านก็ยังติดนิสัยขี้เหนียวเหมีอนเดิม ถ้ารู้ว่าอะไรแพงสัก หน่อย เป็นไม่ยอมกิน ขืนชื้อมาไห้ท่าน ต้องถูกป่น ๗ วัน๗ คืนไม่เลิก ผลสุดท้ายแม้มีเงินเป็นล้านอยู่ไนบ้าน ท่านก็ยังเป็นโรคขาดอาหารจนได้ หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต CSGl เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ฃ้อที่ ๒ ไม่ใช่ขี้เหนียว แต่คนไทยเวลากินข้าวปลาอาหาร มักไม่ ค่อยคำนึงถึงคฺณค่าอาหาร แต่กลับคำนึงถึงรสอร่อยถกใจ ชีเซ็กฉ่าย ปลาร้า ปลาเค็ม นำ พริก อย่างนีท่านผู้เฒ่าชอบนัก กินชำ ๆ อยู่อย่างนัน ไปเซ้าซี้ให้ท่านกินเนื้อกินหมู เนื้อปลา เนื้อไก่บ้าง ท่านก็ไม่เอา บอกว่า ไม่แช่บ สู้ของพวกนั้นไม่ได้ ท่านว่าทำให้กินข้าวได้หลายจาน แต่จริง ๆ แล้วไม่พอ เพราะของที่ท่านชอบไม่ค่อยมีคุณค่าทางอาหาร ในที่สุดท่าน ก็เลยต้องเป็นโรคขาดสารอาหาร ผู้เฒ่าบางคนโชคไม่ดี ได้ลูกหลานที่ไม่รู้ใจ ท่ากับข้าวไม่ถูกปาก ท่านเกรงใจเขาไม่บอกไม่ปน แล้วในที่สุดก็เป็นโรคขาดสารอาหาร เพราะ ได้อาหารไม่ถูกใจ กินไม่ลง ระวัง ๆ หนํอยนะ พ่อแม่มีได้ครั้งเดียว คือมีพ่อคนเดียวมีแม่คน เดียว ท่านตายแล้วไปหาคนอื่นมาแทนไม่ได้ เราอุตส่าห์ทำงานหาเงินหา ทอง ก็หวังจะตอบแทนบุญคุณท่านให้เต็มที่ แต่ว่าถ้าเราส่งแต่เงินไปให้ ไม่ได้ตามไปดูรายละเอียด ว่าท่านนำไปกินไปใช้อย่างไร เดี๋ยวท่านก็เป็น โรคขาดสารอาหาร ปุบปับเป็นลมเป็นแล้งไป เรานั่นแหละจะต้องเสิยใจ ไปจนตลอดชีวิต ฉะนั้น การที่ใครคนใดคนหนึ่งมีฐานะดี ส่งเงินไปให้พ่อแม่ใช้แล้ว ไม่ตามไปดู ถึอว่าเสี่ยงมาก วันดีคืนดีกลับบ้านพาลูกพาเมียไปกราบท่าน อาจพบว่าท่านนั่งเช่าท่วมหัว ผอมโกรก ใส่เสื้อผ้าเก่าขาดกะร่องกะแร่ง คล้ายขอทาน เงินทองที่ลูกส่งไปให้ยังอยู่ครบถ้วนในกำปัน เสชิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย c»<3r หมวดที่ ๒ โภชนปฏิสังยุต www.kalyanamitra.org

เรื่องเสีอผ้าเครื่องนุ่งห่มนี่ ผู้เฒ่ากี่ราย ๆ เป็นเหมือนกันหมด เพราะ ท่านไม่ห่วงแล้วว่าจะสวย ใช้จนเก่าเป็นผ้าขื้ริ้วก็ยังไม่อยากเปลี่ยน โยม พ่อของอาตมาก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันกลับไปเยี่ยมท่านทีไรต้องแอบเอา เสือผ้าชุดเก่า ๆ ไปทิ้งเสืยบ้าง ไม่อย่างนั้นไม่ยอมใช้ชุดใหม่ บางทีกลับไปเจอท่านอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ใคร ๆ ก็หาสาเหตุไม่ พบ เคราะห์ดีที่อาตมาพอจะรู1จท่าน ว่าชอบอาหารรสจัด แต่คนในบ้าน เห็นว่าท่านสูงอายุแล้ว ไม่ควรกินอาหารรสจัด เลยทำอาหารแบบจืด ๆ ให้ ท่านเป็นคนอดทนไม่ปนเลย ไม่ชอบก็กินน้อย เลยเป็นโรคขาดสารอาหาร ต้องสั่งให้นํ้าเกลือ พอแข็งแรงขึ้นมาหน่อย ท่านกลับไม่ยอมร้บนํ้าเกลือ เลียแล้ว เพราะเลียดายสตางค์ ลูก ๆ ต้องชี้แจงเหตุผลว่าขืนไม่ยอมรับ นํ้าเกลือจะเป็นไอ้โน่นไอ้นี่ ท่านจืงยอม นิสัยตระหนี่ถี่เหนียวที่เกิดกับผู้สูงอายุ ฟ้องว่าตั้งแต่หนุ่มแต่สาว ท่านไม่ค่อยจะทำบุญทำทานพอแก่ตัว ผลกรรมจืงตามมาให้ท่านไม่อยาก ใช้!ม่อยากจ่ายอะไรทั้งลีน มืเงินก็ยังพอใจอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ พวกเราดูแลผู้เฒ่าต้องช่างสังเกตหน่อยนะบั้นปลายชีวิตคนแก่มัก จะกลับเป็นเด็กอีกครั้งหนี่ง เพราะลูก ๆ ต่างคนต่างออกไปทำงาน เหลือ เด็ก ๆ ไวิให้ท่านเลี้ยง ตกลงวันหนี่ง ๆ ท่านไปไหนไม่ได้ก็คุยกับหลาน กับเหลน ผลสุดท้ายทั้งหลานทั้งเหลนก็เลยกลายเป็นเพื่อนเล่นของท่าน ไป หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสืงยุต cxo เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ผลที่ตามมาไม่ค่อยจะดีนัก เพราะเด็กที่คนแก่เลี้ยงมักจะดื้อ พูด ปดเก่ง เจ้ามารยาสารพัด เพราะรู้อยู่ว่าย่าก็ดี ยายก็ดี กำ ลังเหงา จะอ้อน เอาอะไรก็ได้ทั้งนั้น ถ้าไปอ้อนกับแม่ เดื้ยวโดนตี ต้องใช้วิธีไปอ้อนกับย่า กับยาย เดี๋ยวย่ายายก็ไปบังคับให้เฝไปชื้อของมาให้จนได้ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากได้ลูกหลานดื้อ ๆ ต้องไม่ปล่อยให้ปูย่าตา ยายเอาไปผูกขาดเลี้ยงเสียเอง ผู้เฒ่าทั้งหลายก็อย่าไปวุ่นวายเลี้ยงหลาน อยู่ทั้งวัน ช่วยดูบ้างบางครั้งบางคราวก็พอ เอาเวลาส่วนใหญ่ไปถือดีล เจริญภาวนาดีกว่า ส่วนพวกลูก ๆ ทั้งหลาย ก็อย่าละเลยพ่อแม่ ท่านอยากกินอะไรก็ ช่วยจัดมาให้ อย่าไปนึกว่าท่านจู้จี้ เพราะเมื่อเราเด็ก ๆ เราสารพัดจะอ้อน ท่าน ท่านก็อุตส่าห์ไปชื้อหามาให้ เพราะฉะนั้น ตอน^ตอบแทนท่าน เสีย เวลาจัดให้ก็ต้องท่าด้วยความเต็มใจนะ ถ้าท่าด้วยความไม่เต็มใจ ผู้เฒ่าสังเกตออกแล้วจะน้อยใจ ถ้าคนแก่น้อยใจแล้วจะอายุลัน จำ เอาไว้ ถ้าอยากให้พ่อแม่ปูย่าตายายอายุยืน อย่าไปท่าให้ท่านน้อยใจ เสขิยวัดร ต้นบัญญัติมารยาทไทย csa หมวดที่ ๒ โภชนปฎัสังยุต www.kalyanamitra.org

ข้อ ๑๒ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ดูบาตรของผู้อื่นด้วยศึดจะยกโทษ\" เวลาฉันอาหาร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ให้พระภิกษุดูบาตรคนอื่น คือไม่ให้ดูว่าคนโน้นได้กับข้าวดีกว่าของเราหรือเปล่าได้มากหรือได้น้อย เพราะดูแล้วอดเอามาเปรืยบเทียบไม่ได้ บางทีเผลอพูดกระทบใจกันเข้า อีก เรื่องแบบนี้ถ้าครอบครัวใดไม่ฝึกอบรมลูกหลานให้ดีจะเกิดป้ญหา คือ ลูก ๆ ไปบ้านคนอื่นแล้วไปเที่ยวดูกับข้าวกับปลาของเขา ครั้นเห็น เขาอยู่ดีกินดีกว่าตัวก็อิจฉาตาร้อนไปว่าเขา เป็นพวกศักดินาบ้าง นายทุน บ้าง ดีไม่ดีถึงขนาดอยากเปลี่ยนแปลงการปกครองไปโน่น เป็นผลต่อไป ในอนาคต กระทบกระเทีอนถึงในระดับแผ่นดิน เพราะไม่อบรมลูกไว้ แต่ตันนั่นเอง หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต CSCS เสขิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย www.kalyanamitra.org

ข้อ ๑๓ \"ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ทำคำข้าวใหใหญ่นัก\" ความจริงเรื่องน!ม่น่าจะต้องมาพูด แต่เห็นอยู่เป็นประจำแล้ว อยาก บอกให้รู้ เรื่องบางอย่าง เมื่อก่อนหลวงพ่อยังมีเวลา พอฉันเสร็จเรียบร้อย ก็ออกเดินไปเยี่ยมทุกคนที่กินอาหารอยู่ เห็นบางคนตักคำเบ้อเร่อ บางคน ก็ตักคำเล็ก ๆ แต่พองาม บางคนตักคำเล็กไปเหมีอนเด็กเล่น หลวงพ่อเองไม่ไช่หมอดู ไม่เคยผูกดวงไห้ไคร แต่เห็นอย่างนั้นก็ พอจะเดาได้ว่า ไครก็ตามที่ตักข้าวคำโต ๆ จนล้นปาก แสดงว่าคน ๆ นั้น มีล้กษณะด้งนี้ คือ ๑. เป็นคนทำอะไรแล้วไม่รู้จักประมาณ ทำ อะไรก็หยาบ ๆ แค่ ปากตัวเองยังประมาณไม่ถูก เพราะฉะนั้น วิชาด้านศิลปะอย่าไดไปเรียน เลย แค'ตักข้าวยังไม่รู้จักประมาณ เรื่องอื่น ๆ ประมาณไม่เป็นหรอก ๒. พ่อคนนี้ แม่คนนี้จะต้องเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร เพราะข้าวคำโต ๆ นั้น อย่างไรเสิยฟ้นก็เคี้ยวไม่ละเอียด ได้แค่เคี้ยวพอ เสียหมด ผลต่อมาก็อายุไม่ยืน และถึงแม้อายุยืนก็จะมีโรคระบบทางเดิน อาหารติดตัวไปจนตาย เสซิยวัตร ต้นบัญญัติมารยาทไทย หมวดที่ ๒ โภชนปฎิสังยุต www.kalyanamitra.org