Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิทานชาดกอันดับที่2

Description: นิทานชาดกอันดับที่2

Search

Read the Text Version

^Mmt ฒ5^เร^^ ฒ^ร^ Pเ^^^./ /-^^-(3/^\\I^\",(i\\ /c*y(^9 r7tf^rA

นิทานชาดก lau ๒ พระธรรบเทฒาของ พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ กตฺตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพ่ระธรรมกาย จ.บ่!ในธานี ขอมอบเป็นธรรมบรรณาการ

นิทานชาดก เล่ม ๒ พระธรรมเทศนาของ พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี จัดพิมพ์และพิมพ์โดย ๑0๕:/๑๙-๒๑ ถนนนเรศ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ๑๐๕:00 โทร.๒๓๓๐๓๐๒-๕: โทรสาร ๒๓๙๕:๙0:๕: จัดจำหน่ายโดย ulun บีเอ็นแก บุเกส์ จำ กัค ๙๖ ถนนสี่พระยา แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ๑๐๕:๐๐ โทร.๒๓๕:๐๓๙๐-๑ โทรสาร ๒๓๙๕:๐๙๕: ธนาณัติสั่งจ่าย \"บริษัท ปีเอ็นเค ปัคส์ จำ กัด\" ป.ณ.กลาง สิฃสิทธิ้เป็นของมูลนิธิธรรมกาย ISBN 974-8932M-7 ราคา (olfo บาท 005-2-0142-3000



คำ ปรารภ คนในโลกนี้อยากทำดี อยากเป็นคนดีทุกคน แต่เพราะเหตุ ที่ไม่มีต้นแบบดีๆ เป็นแบบอย่าง จึงต่างคิดหามาตรฐานทำความดี ต่าง ๆ กันไป ที่พอมีป๋'ญญาก็ทำดีถูกวิธีไต้สร้างสมความดีเป็นบารมี เพิ่มพูนติดตัวไป ไม่เสียทีที่ไต้เกิดมาเป็นคน แต่ที่มีป๋'ญญาน้อย เห็นผิดเป็นชอบก็หลงทาง ขาดทุนไปชาติหนึ่ง ต้วยเหตุนี้เราจึงควรศึกษาต้นแบบการทำความดีจาก \"ชาดก\" แม้ว่ามีบางเรื่องที่เป็นนิทานพื้นน้านปนเปเข้ามา แต่กระนั้นก็ดีเรา ก็น่าจะศึกษาชาดกไนต้านที่เป็นวัฒนธรรมซาวพุทธ แทนที่จะตั้งข้อ กังขาไนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒(เ:๒๙ ระหว่างที่เดินทางไปยุโรป และประเทศอังกฤษ อาตมภาพไต้มีโอกาสพบปะ สนทนากับ อาจารย์ทางปรัชญาไนมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด แสะเคมบริดจ์ หสายท่านศาสตราจารย์ท่านหนึ่งไดีไห้ข้อคิดว่า ท่านไต้ทราบข่าวว่าขณะนี้พระภิกษุไทยแสะพุทธศาสนิก-ชน ชาวไทยไม่สนไจชาดก เนื่องจากเพราะไต้พบว่า บางเรื่องมีนิทาน พื้นน้านมาปะปนอยู่ต้วย เดี๋ยวนี้ไศรพูดถึงชาดกทำไห้รูสีกว่าเป็น เรื่องครื่าครึ งมงาย ดังนั้นท่านจึงขอฝากเตือนใจว่า คนที่คิดอย่างนี้นั้นแหละ งมงาย เพราะถ้าเราเรียนแต่ทฤษฏีล้วนๆ เราก็ได้แต่ท่องจำเป็น เพียงความร้คิบ ความทกิดจากการจำนั้นไม่สามารถนำมาใช้งาน

อย่าว่าแต่จะไปสอนลูกหลานเลย แม้แต่จะนำมาลอนตัวเองก็ไม่ได้ ความรู้ทางทฤษฎีเช่นนี ผู้เป็นครูบาอาจารย์ ด้องลองแล้วลองอีก กว่าจะได้ความรู้สุกๆ ขึน้ มา ก็ผ่านการลองชนิดผิดๆ ถูกๆ มาเสีย มากต่อมาก แต่ล้ามีเรื่องราวประกอบ ก็จะมองเห็นวิธีการนำ ทฤษฎีมาใช้เปลี่ยนจากนามธรรมเป็นรูปธรรม ได้ชัดเจนขึ้น ท่านคาลตราจารย่ได้ยกตัวอย่างถึงนิทานอีลป ซึ่งเป็นเรื่อง ไม่จริง ก็ยังเอามาลอนคนได้ ส่วนนิทานชาดกเป็นวัฒนธรรมขาว พุทธเป็นแบบแผนในการทำความดื เป็นเครื่องยืนยัน การเวียนว่าย ตายเกิด ชาวพุทธเองยังเมินไม่เอาใจใส่ใยดี เป็นการดูถูกคำสอน ของพระสัมมาส้มพุทธเด้า และดูถูกตัวเอง ดังนั้นอาตมภาพจึงใคร่ขอให้เราลองพิจารณาความหมาย และคุณค่าของนิทานชาดก ซึ่งเป็นสมบัติทาง{โญญาอันลาค่าของ ชาวพุทธ ใ'เฒถ้วนและรอบคอบ นิทาน แปลว่า เหตุเป็นเครื่องมอบใ'เฬงผล, มูลเค้า, เรื่อง เติม, สมุฏฐาน ชาดก แปลว่า ประว้ติการทำความดีของพระสัมมาล้มพุทธเค้า ที่มีมาในชาติก่อนๆ นิทานชาดก มิใ'ช่เรื่องที่แต่งขึ้นเ'พื่อสอนคุณธรรม แต่นิทาน ชาดก คือ เรื่องในอดีตชาติของพระสัมมาล้มพุทธเค้า ที่พระองค์ ทรงแสดงแก่พระภิกษุในโอกาสต่าง ๆ บางครั้งก็เพื่อแสดงภูมิหสัง ของผู้ที่พระองค์ต้องการแสดงธรรมให้ฟัง บางครั้งก็เพื่ออธิบาย เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เมื่อ'อ่านนิทานชาดก นอกจากจะไค้ทราบเหตุการณ์ต่าง ๆ

แล้วเรายังได้ทราบอุปนิสัยใจคอของบุคคล ในแง่มุมที่เราอาจนึกไม่ ถึงว่าจะมีหรือเป็นไ!นิด้อีกด้วย ไม่เพียงแต่เท่านี้ เรายังทราบอีกว่า ทำ ไมเขาจึงเป็นเช่นนั้น และพระพุทธองค็ได้ทรงช่วยเหลือเขา อย่างไรบ้าง ในวัฎสงลารอันยาวนานนับภพนับชาติไม่ถ้วนนี้ พระพุทธ- องค์ เมื่อครั้งดำรงพระชนม์เป็นพระโพธิสัตว์ ได้เวียนว่ายตาย เกิดเป็นมนุษย์บ้าง พลาดพลั้งไปเป็นสัตว์เดียรัจฉานบ้าง แต่ก็ ได้ประกอบคุณงามความดีมาทุกภพทุกชาติ จนกระทั่งได้มาเป็น พระสัมมาสัมพุทธเด้าในพระชาติสุดท้าย ผู้ที่อ่านหรือฟ้งนิทานชาดก จึงควรอ่านหรือพีงด้วยความ พิจารณา และในที่สุด นำ หสักธรรมที่ไดํไปใช้เป็นคุณประโยชน์แก่ ตนเองและผู้อื่น จึงจะถือว่าถูกด้อง ส่วนความลนุกลนานเพลิดเพลิน นั้น ใหถึอว่าเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น จึงจะนับว่าได้ประโยชน์ จากนิทานชาดกที่พระพุทธองค์ทรงแลดงไว่ไท้แล้วอย่างแท้จริง ๑ 3^nราคม ๒๕๓๑

คำ นำ ในระหว่างปีพุทธศักราช ๒๕rte๗ ถึงต้นปี ๒๕r๒cr หลวงพ่อ ทัตตชีโว ไต้นำ นิทานชาดก มาแสดงพระธรรมเทศนาทุกบ่าย วันอาทิตย์ ติดต่อกันเป็นเวลากว่า ๑ ปี การเล่านิทานชาดกของ หลวงพ่อมิไต้เป็นเพียงการเล่าเรื่องลู่กันฟังอย่างเดียวเท่านั้น แต่ ท่านไต้อธิบายลรุบ่ และวิเคราะห์ชาดกเรื่องนั้นๆ ทั้งยังไห้ข้อคิด จากชาดกอันเป็นบ่ระโยชน์ต่อผู้ฟังอย่างยิ่ง ท่าไห้การฟังพระธรรม เทศนาเป็นเรื่องที่ต้องติดตามฟัง ติดต่อกันทุกลับ่ดาห์ ผู้ฟังต่าง จดบันทึกเอาไว้เพื่อจะไต้อ่านอีกไนภายหลัง อาทิตย่ไดที่มิไดีไบ่วัด ทำ ไห้ต้องพลาดเรื่องชาดกก็จะต้องติดตามขออ่านจากบันทึก ของ กัลยาณมิตรที่ไต้บันทึกไว้ กาลเวลาผ่านไบ่ ผู้ที่เคยฟังนิทานชาดก ยังคงระลึกถึงเรื่องราว ที่สนุกสนานของชาดก แม้จะไต้มีการนำนิทานชาดกหสายเรื่องมา เรียบเรียงไหม' สำ หรับนักอ่านรุ่นเยาว์ แต่หลายคนยังคงระลึกถึง ต้นเรื่อง ที่หลวงพ่อไต้แสดงพระธรรมเทศนาไว้ นิทานชาดก ที่บริษัท กราพีคอาร์ต 28 จำ กัด ไดีรับอนุญาต ไห้นำมาจัดพีมฟไนครั้งนี้ เป็นการรวมหัวข้อนิทานชาดก ที่หลวงพ่อ เทศน์ทั้งหมด เรียงสำดับไนอรรถกถา จากวรรค ๑ ถึงวรรค ๗ และ เพื่อความเหมาะสมไนการจัดพิมพ์ จึงไต้แยกพิมพ์เป็น ๗ เล่ม บริษัท กราพิคอาร์ต 28 จำ กัด ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อ ทัตตชีโว ที่ไต้อนุญาตไห้จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ขึ้น



นิทานชาดก เล่ม ๒ ลักขณชาดก ๑๐ นิโครธมิคชาดก ๒๔ กัณพินชาดก ๔๐ ๔๘ วาดมิคชาดก >00 ชราทิยชาดก ๒๘ ๗๘ ติป๋'ลลัดลมิคชาดก ๘๔ มาลุดชาดก ๙๔ มดกภัดดชาดก อายาจิดภัตดชาดก ๑๐๐ นฬปานชาดก ๑๐๘ วิธีปึกสมาธิ

ลักฃณชาดก ซาดกว่าด้วยคุณธรรมของผ้นำ สถานที่ดรสซๆดก เวฬุวันมหาวิหาร นครราชคฤห์ แควันมคธ สาเหตุที่ตรสซาดก หลังจากพระบรมศาสดาสัมมาส้มพุทธเจ้า ทรงประกาศ พระศาลนาได้!ม'นานนัก ในครงนั้น มีผู้เลื่อมใสออกบวชตามเป็น จำ นวนมาก รวมทงพระประยูรญาติของพระองค์เอง ในจำนวนนี้ มีพระเทวทัตซึ่งเป็นพระอนุชาของพระนางพิมพารวมอยู่ด้วย

นิทานชาดกเล่มสอง บรรดาพระประยูรญาติทั้งหลายล้วนบรรลุอริยธรรม ลำ แจ เป็นพระอรหันต์บ้าง พระโสดาบันบ้าง แต่พระเทวทัตซึ่งขยันปฎิบ้ติ ธรรมเพียงระยะแรกจึงได้สำเร็จเพียงฌานโลกีย์เท'านน ยิ่งกว่านน ต่อมายังลุ่มหลงอยู่กับการอวดอิทธิฤทธี้ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ครั้งแรก ก็มีคนนิยมยกย่องมาก แต่ภายหลังคนทั้งหลายพากันเลื่อมความ นับถือ แม้จะพำนักอยู่ในสถานที่เดียวกับพระลัมมาลัมพุทธเจ้า และพระสาวกทั้งหลาย ก็ไม่ค่อยมีใครรู้จักหรือให้ความสนใจ แต่ ละวันจะไดียิน ได้เห็น ประชาชนสรรเสริญกราบไหว้พระคุณของ พระบรมศาสดา และพระอรหันตสาวกองค์อื่น ๆ เท'านน พระเทวทัตจึงคิดน้อยใจว่า ตัวเองก็เป็นพระภิกษุเช่นกัน และเป็นถืงพระประยูรญาติของพระลัมมาลัมพุทธเจ้าด้วย แต่กลับ มีคนเคารพนับถือน้อยกว่าพระสาวกองค์อื่น ๆ ทีเป็นลูกชาวบ้าน ธรรมดา ซึ่งมีวรรณะและตระกูลตํ่ากว่าจนเทียบกันไม'ได้ จึงเกิด ความริษยาพระบรมศาสดา ถึงขนคิดจะปลงพระชนม์ โดยอาศัย ^น แต่ไม'ว่าจะใช้คนหรือสัตว์ร้าย ก็ไม'สามารถทำอันตราย พระพุทธองค์ได้เลย ในที่ลุดจึงหาทางทำลายพระสัมมาลัมพุทธเจ้า ด้วยตนเอง โดยออกอุบายใช้พระภิกษุบวชใหม่เป็นเครืองมีอ วันหนึ่ง ในขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ทำมกลาง สงฆ์ พระเทวทัตได้ลุกฃึนกราบทูลด้วยเลียงอันตังว่า \"พระพุทธเจ้าข้า บัดนีพระองค์ก็ชรามากแล้ว สมควรจะทรง แสวงหาที'สงบเพื่อทรงพักผ่อนให้เกษมสำราญเถิด ข้าพระพุทธเจ้า จะปกครองคณะสงฆ์แทนเอง\"

๑๒ นิทานชาดกเล่มสอง พระพุทธองค์ทรงหยังรู้เจตนาลามกของพระเทวทํโตดี จึง ทรงตอบว่า \"ดูก่อน เทวทัต เธออย่าขวนขวายที่จะเป็นผู้ปกครองสงฆ์เลย จงหมั่นtเกฝนอบรมตนปกครองตนเองใ■ปได้เสียก่อนเถิด\" พระเทวทัตไดยินดังนั้นก็โกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที คิด หาทางที'จะทำให้บรรดาสงฆ์ลาวกทงหลายเลื่อมความเคารพเลื่อมใส ในพระบรมศาสดาให้จงได้ จึงกราบทูลข้อเสนอให้พระพุทธองค์ ทรงบัญเบ้ติพระวินัยให้คณะสงฆ์ปฏิบ้ติ ๕ ประการ ดังนี้ ข้อ ๑. พระภิกษุต้องอยู่ป่าตลอดชีวิต จะเข้ามาพักอาศัย อยู่ในเมืองไม'ไต้ พระสัมมาลัมพุทธเจ้าทรงรู้เท่าทันเจตนาของพระเทวทัต จึงทรงตอบว่า \"เราจะไม่บัญญ้ติพระวินัยอย่างนั้น ใครปรารถนาจะอยู่ปา ก็จงอยู่ ใครไม่ปรารถนาอยู่ก็ตามใจ\" พระเทวทัตก็แสดงอาการเย้ยหยัน แล้วป่ระกาศขึ้นว่า \"พระบรมศาสดาไม่ทรงเคร่งครัดในพระวินัย จะปกครอง หมู่สงฆ์ได้อย่างไร\" ข้อ ๒. พระภิกษุต้องเที่ยวบิณฑบาตไป่จนตลอดชีวิต พระพุทธองค์ทรงตอบว่า \"ใครปรารถนาจะบิณฑบาตตลอดชีวิตก็ยินดี แต่ถ้าจะรับ อาหารที่เขาทำมาถวายก็ไม่หาม\" พระเทวทัตก็แสดงอาการเย้ยหยันอีก

นิทานชาดกเล่มสอง ๑๓ ข้อ ๓. พระภิกษุต้องนุ่งห่มแต่เฉพาะ ผ้าบ้งสุกล ตลอดชีวิต เท่านั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ทรงเห็นต้วย และทรงอนุญาต ให้พระภิกษุรับผ้าที่เขาถวายไต้ ข้อ <r. พระภิกษุต้องอยู่โคนไม้ตลอดชีวิต จะอยู่ในกุฏิหรือ ที่มุงที่บังไม่ไต้ พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงบัญเ^พระวินัยอย่างนั้น กสับทรง อนุญาตให้พระภิกษุถือปฏิป้ติตามความพอใจ ข้อ ห้ามพระภิกษุฉันเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต พระบรมศาสดาทรงตอบว่า \"เราจะห้ามพระภิกษุไม่ให้ฉันเฉพาะเนื้อสัตว์ต่อไปนี้คือ เนื้อที่ฆ่าเอง ที่สัง่ให้เขาฆ่า และเนื้อที่รู้ว่าเขาเจาะจงฆ่าเพื่อนำมาทำ เป็นอาหารถวาย\" เมื่อปรากฎว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงบัญญ้ติพระวินัย ตามข้อเลนอชองตนเลยสักข้อเดียว พระเทวทัตจึงประกาศต่อที่ ประชุมสงฆ์เป็นการสรุปว่า \"ดูเถิด ท่านผูปีปัญญาทั้งหลาย พระบรมคาสดาไม่ทรง เคร่งครัดไนพระวินัยอย่างแท้จริงเข่นนื้สมควรจะปกครองหมู่สงฆ์ ต่อไปอีกหรือ ใครต้องการปฏิปติธรรมอย่างเคร่งครัดก็จงดามเรามา เราจะบัญญ้ติพระวินัยโดยครบถ้วนอย่างนี้\" ว่าแล้วพระเทวทัตก็เดินออกจากที่ประชุมไป

๑cr นทานชาดกเลมสอง การกระทำของพระเทวทัตครั้งนีเป็นเหตุให้พระภิกษุบวชใหม่ ผู้ด้อยความคิดใม่รู้ท้นเล่ห์เหลี่ยมเภิดความหวั่นไหวและเหินดีเห็นงาม ตามใปด้วย จึงใด้ลุกออกจากที่ประชุมติดตามพระเหวทัตใปถึง ๕๐๐ รูป พระบรมศาลดามิใด้ทรงขัดขวาง และพระอรหันต์องค์อื่น ๆ ก็ไม'ห้าม พระเทวทัตพาพระภิกษุทง ๕:๐๐ รูปนั้นไปตั้งลำนักสงฆ์ ขึ้นไหม'ที่ตำบลคยาสีละ ครั้นเวลาผ่านไป พระภิกษุเหล่านั้นมีปัญญา แก่กล้าขึ้น เพราะไดีสืกผ่นและปฎิป้ติธรรมตามแนวคำลอนของ พระลัมมาลัมพุทธเจ้าตั้งแต่แรกที่บวชแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบวาระจิตของภิกษุเหล่านั้น จึงทรงสั่งไห้พระโมคคัลลานะและพระลารีบุตรไปรับพระภิกษุเหล่านั้น กลับมา โดยทรงแนะไห้พาพระภิกษุไนลำนักของพระองค์ไปด้วย ฝ่ายพระเทวทัต เหินพระโมคคัลลานะและพระลารีบุตร พาพระภิกษุมายังลำนักของตน ก็หลงดีไจว่าประลพผลลำแจตาม อุบายแล้ว เพราะแม้แต่พระโมคคัลลานะและพระลารีบุตรซึ่งเป็น พระอัครลาวกของพระพุทธเจ้ายังทิงพระพุทธองค์ติดตามตนมา จึงวางมาดไม่ออกมาต้อนรับ หลบไปนอนเล่นเสีย ปล่อยไห้พระเถระ ทงลองลนทนาธรรมกับพระภิกษุเหล่านั้นตามลำพัง พระลารีบุตรเหินเป็นโอกาลเหมาะ จึงแลดงพระธรรม เทศนาโปรดพระภิกษุที่ติดตามพระเทวทัตมา จนกระทั่งบรรลุ ธรรมกายหมดทั่ง ๕:๐๐ รูป ครั้นรุ่งเช้า ก็พาพระภิกษุเหล่านันกลับมา เฝัาพระพทธองค์

นิทานชุาดกเล่มลอง ๑๕ ขณะที่พระลารีบุตรยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระผู้มี พระภาคเจ้า ท่ามกลางหมู่สงฆ์ที่แวดล้อมอยู่อย่างมีระเบียบประกอบ กับดวงจิตที่อิ่มเอิบด้วยความปีติที่ลามารถพาพระภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป กลับมาเฝัาพระบรมศาลดาได้ จึงดูงามลง่าน่าเลื่อมใลยิ่งนัก จน กระทั้งพระภิกษุทั้งหลายที่คอยต้อนรับอยู่ถึงกับเปล่งวาจาว่า \"พระสารีบุตร พี่ชายใหญ่ของเราอยู่ท่ามกลางหมู่สงฆ์ ช่างงดงามเหลือเกิน\" พระบรมศาลดาจึงทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาลานุลติญาณ แล้วตรัลว่า \"ดูก่อน ภิกษุทงหลาย พระสารีบุตรไม่ได้งดงามแต่เฉพาะ ชาตินี้เท่านน แม้ชาติก่อนก็งดงาม เพราะปีบริวารแวดล้อมเช่น เดียวกัน ส่วนพระเทวท้ต เมื่อชาติก่อนเคยเสื่อมจากบริวารอย่างไร ชาตินี้ก็เสื่อมจากบริวารเช่นนี้นอีก\" พระภิกษุทั้งหลายจึงอาราธนาให้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเล่า เรื่องในอดีตชาติให้พัง พระพุทธองค์จึงทรงแลดง ลักขฌ,ชาดก มีเนื้อความดังนี้

๑๖ 'นิทานชาดกเล่มสอง เนอ'พาชาดก ในอดีตกาลมีพญากวางตัวหนึ่ง คุมนริวาร ๑,000 ตัว อยู่ ในป่าใกล้เขตแดนแคว้นมคธ พญากวางมีลูกตัวผู้อยู่ ๒ ตัว ตัวหนึ่ง ฃี่อ สักฃผ.ะ อีกตัวหนึ่งชื่อ กา\"พะ เมื่อพญากวางแก่ตัวลง จึงได้มอบภาระในการปกคร.อง ฝูงกวางให้แก่ลูก โดยแบ่งบริวารให้ลูกฝ่ายละ <Sroo ตัวเท่า ๆ กัน แล้วให้แยกย้ายกันคุมบริวารออกใปหากิน ก่อนจะใป พญากวางใดีให้คำแนะนำอันเป็ธรรมปฏิสันถาร แก่ลูกทั้งสองถึงการดูแลบริวารให้พ้นอันตราย โดยอธิบายถึงภัย ที่จะเกิดแก่ฝูงกวางในรูปแบบต่าง ๆ จนหมดสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภัยในด้นฤดูฝ่นว่า ในระยะนนฝูงสัตว์มักจะถูกมนุษย์ล่าด้วยสาเหตุ ๓ ประการ คือ ประการที่หนึ่ง ในตอนด้นฤดูฝน หญ้าเริ่มแตกใบอ่อน มนุษย์รู้ว่าพวกเก้ง กวาง สัตว์กินหญ้าทั้งหลายจะออกมาหากินกัน มาก เพราะในฤดูก่อนหน้านนแห้งแล้ง สัตว์อดอยากมานาน ครั้น ทุ่งหญ้าบริบูรณ์ ก็พากันออกมาหากินด้วยความคะนองไม่ระมัดระวัง ตัว มนษย์จึงล่าได้โดยง่าย ประการที่สอง เนึ่องจากเป็นฤดูฝน พื้นดินชื้นแฉะ สัตว์จ: เหยียบยํ่าไปที่ใดก็จะปรากฎรอยเท้าชัดเจน จึงติดตามล่าได้ง่าย

นิทานชาดกเล่มลอง ๑๗ ประการที่สาม ในตอนต้นฤดูฝน ซาวนาเริ่มเพาะข้าวกล้า เกรงสัตว์จะมาเหยียบยํ่าทำลาย จึงหาทางป๋องกันโดยการตามล่า มาเป็นอาหารเลียก่อน ดังนั้น เพื่อให้รอดพนอันตรายจาก'ฝึมือมนุษย์ พญากวาง จึงยํ้าให้ลูกทงลองหมั่นดักเตือนบริวารว่า อย่าเห็นแก่กิน ในเวลา กลางวันให้พากันขึ้นไปอยู่ในป่าบนเชิงเขา อย่าอยู่ที่พื้นราบ เพราะ ถึงแม้จะมีหญ้าและนํ้าบริบูรณ์ แต่บริเวณราบเรียบยากแก่การหลบ หลีกและควบคุมฝูงอีกทงมนุษย์ก็เห็นไดโดยง่าย พญากวางให้คำแนะนำแก่ลูกทงสองแล้ว ก็พานางกวาง แยกตัวออกไป่อยู่กันตามลำพัง กวางกาฬะนั้นโง่เขลา และดือรน เมื่อพาบริวารไป่แล้ว ก็ไม่ใส่ใจในคำสั่งลอนของพ่อ ไม่ระมัดระวังเรื่องเวลาและลถานที่ นึกจะพาบริวารออกหากินตอนไหนก็ออก ที่ใดไม่ควรเข้าไป่ก็เข้า เพราะเห็นแก่หญ้าและนั้า ในเวลาไม'นานนักบริวารทง ๕๐๐ ตัว ก็ถูกฆ่าตายหมด เหลือแต่ตัวเองตามลำพัง จึงหนึขึ้นไป่หลบอยู่ในป่า บนเชิงเขา ส่วนสักขณะนั้นเป็นกวางที่ฉลาด ไม่ป่ระมาท จึงป่ฎิปติตาม คำ สั่งลอนของพ่ออย่างเคร่งครัด พาบริวารออกหากินเฉพาะเวลา เที่ยงคืน ส่วนเวลาเข้า กลางวันและเย็น จะช่อนตัวอยู่แต่ในป่าบน เชิงเขา ถึงอดอยากบ้างก็สู้ทน ระวังตัวอยู่อย่างนั้นจนพันฤดูข้าวกล้า แล้ว จึงพาบริวารกสับมาหาพ่อแม่ครบหมดทกตัว



นิทานชาดทเล่มสอง ๑๙ ขณะที่กวางลักขณะซึ่งแวดล้อมด้วยบริวารเดินเข้ามาหา พ่อแม่นน ดูสง่างามยิ่งนัก ส่วนกวางกาฬะเดินเข้ามาหาพ่อแม่แต่ เพียงลำพังด้วยอาการเงื่องหงอย พญากวางเห็นลูกที่งลองกลับมาในลักษณะที่แตกต่างกัน เช่นนั้น จึงกส่าวแก่แม่กวางเป็นคาถาว่า \"ความเจริญย่อมมีแก่ขนทั้งหลๆยผู้มีศีล ประพฤติใน ปฏิสันถาร ท่านจงดูลูกเนื้อชื่อสักขณะ ผู้มีหมู่ญาติแวดล้อมกสับมา และจงดูลูกเนื้อชื่อกาฬะ ผู้เสื่อมจากหมู่ญาติ กสับมาแต่ผู้เดียว\" 'ประซมซาดก พระสัมมาลัมพุทธเจ้าทรงประชุมชาดกว่า กวางกๆ'พะ ได้มาเป็นพระเทวทัต บเวารของกวางกา'พะ ได้มาเป็นภิกษุทง Sroo รูป ที่ตามไปเป็นศิษย์ของพระ- เทวทัต กวางฟิกฃผ,ะ ได้มาเป็นพระสารีบุตร บริวารของกวางฟิกฃผ,ะ ได้มาเป็นพุทธบริษัท นม่กวาง ได้มาเป็นพระนางพิมพา 'พญากวาง ยโสธรา ได้มาเป็นพระองค์เอง

๒0 นิทานชาดกเฟมสอง ย้อคิดจๆกซๆดก ๑) หมู่คณะจะเจริญได้ ผู้นำ ด้องมี สิร) และมี 'ปฏิสันดๆร สิด มี ๔ 'ประเภท คือ 0 ปๆฏโมกขสังวรสิร) หมายถึง ความสำรวมในศีลที่ จะไซ้ควบคุมกายและวาจาให้เรียบร้อย สำ หรับซาวบ้าน ได้แก่ศีล ar และศีล (qr ลำ หรับลามเณร ได้แก่ศีล ๑๐ และสำหรับพระภิกษุ ได้แก่ ศล ๒๒๗ ขอ โดยองค์ธรรม ปาฎิโมกขสังวรศีล มี สรทรๆ เป็นประธาน ๒ อนทเยสังวรสิร) หมายถึง การสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้เรียบร้อย สิ่งใดเมื่อได้ดู ได้เห็น ไดยิน ได้สูดดม ไดลิมรล ได้แตะด้อง หรือไดคิดแล้ว จะทำให้กามกำเริบ โทละกำเริบ เกิดความโลภ ความทะยานอยาก ฯลฯ ควรหลีกเลี่ยงเสีย มิฉะนน อาจจะทำให็จิตใจฟังซ่าน ขาดความละอาย ใม'รู้จักพอ และอาจจะ ประพฤติผิดศีลธรรมได้ ถ้าทุกคนมีลติยั้งคิดอยู่เลมอ ก็จะไม'ต้องเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น ฯลฯ มีความสำรวมกาย วาจา ใจ โลกนี้ก็จะมีแต่สันติสุข โดยองค์ธรรม อินทรียสังวรศีล มี ร)ติ เป็นประธาน ei อๆยีวปๆรสุทรสิร) ได้แก่ การทำมาหาเลี้ยงชีพในทาง ที่ขอบ ที่สุจริต ไม'หลอกลวง ไม'คดโกง หริอฺใซ้เล่ห์เพทุบายในการ ทำ มาหากิน และไม่ประกอบอาชีพดังต่อไปนี้ คือ

นิทานชาดกเล่มสอง ๒๑ ๑. ไม่ค้าอาวุธ เพราะเป็นเครื่องมือแห่งการประหัต ประหารกัน ๒. ไม่ค้ามนุษย์ เพราะทำให้เกิดการกักขัง ความหวาด ระแวง การตามล่า การต่อสู้ ฯลฯ ด้วยเพราะทุกชีวิตย่อมรักตนเอง รัก อิสรภาพด้วยกันทงสิน ๓. ไม่ค้าสัตว์เพื่อฆ่า เพราะก่อให้เกิดการฆ่า ซึ่งเป็นบาป sr. ไม่ค้ายาเสพย์ติด เพราะทำให้ผู้เสพขาดสติลัมปขัญญะ กล้าทำในสิ่งที่น่าละอาย กล้าก่อบาป ก่อเวรอันชั่วช้า ๕. ไมค้ายาพิษ เพราะเป็นสิ่งที่ทำลายชีวิต บุคคลจึงควรมืความขยันหมั่นเพียร ขวนขวายประกอบอาชีพ ในทางที่สุจริตเท่านั้น โดยองค์ธรรม อาชีวปาริสุทธิศีล มื ความเพียร เป็นประธาน ๔ ป๋จจัยส์นฉสสิตสืล ได้แก่ มืความพิจารณาก่อนที่จะ ใช้สอยปัจจัยสี่ อันได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยา รักษาโรค เพราะสิ่งเหล่านี้ แม้ว่าจะเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ก็ตาม แต่หากเราขวนขวายมาใช้มากเกินจำเป็น ขาดการประมาณ ก็จะทำให้เกิดโทษได้ เช่น รับประทานอาหารมากเกินไป ทำ ให้ ปวดท้อง ท้องขึ้น หรือรายได้ล่วนใหญ่หมดไปกับการกินและการ แต่งตัว ทำ ไห่ไม่อาจเก็บหอมรอมริบไว้ใช้ในยามจำเป็น ด้องกู้หนี้ ยืมสิน หรือคนที่มืรายได้น้อย แต่สร้างบ้านใหญ่โตเกินฐานะ ทำ ให้ มืรายจ่ายอื่น ๆ ตามมาไม่รู้จบ แม้กระทั่งยารักษาโรคก็เช่นกัน หาก

๒๒ นิทานชาดกเล่มสอง ไม'พิจารณาก่อน รับประทานน้อยเกินไป โรคก็ไม่หาย รับประทาน มากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายถึงตายได้ บุคคลทั้งหลายจึงควร พิจารณาใหดี จะได้1ม่ตกเป็นทาลของสิ่งเหล่านี้ โดยองค์ธรรม ปัจจัยลันนิลสิตศีล มี ปัญญา เป็นประธาน 'ปฏิสันคๆร มี to 'ประเภท ดือ 0. ธรรม'ปฏิสันดาร ได้แก่ การอบรม ว่ากล่าว ตักเตือน กัน ให้ประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ๒. อามิสปัฏิสันดาร ได้แก่ การให้ปันกัน เช่น ให้ของกิน ของใช้ ให้ที่อยู่อาศัย หรัอให้ความช่วยเหลือ ดูแลยามเจ็บใช้!ด้ป่วย และไปมาหาลู่กัน เป็นด้น ผู้ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ พ่อแม่ ครู อาจารย์ ควรหมั่นให้ธรรม- ปฎิลันถารแก่ผู้น้อย ลูกหลาน หรือศิษย์ ด้วยการอบรมคุณธรรม สั่งสอนให้ประพฤติแต่ในทางที่ถูกที่ควร ตลอดจนถ่ายทอดวิชาให้ ผู้ที่เป็นผู้น้อย ลูกหลาน หรือศิษย์ ก็ควรให้ความเคารพ เซึ่อฟัง ปฎิป้ติตามคำสั่งลอนของท่าน ตลอดจนดูแลรับใช้ท่าน แม่ในบุคคลที่เลมอกัน การแนะนำกัน เอื้อเฟือเผื่อแผ่ ให้ ความช่วยเหลือ ดูแลทุกข์ลุข และเยี่ยมเยียนกัน ย่อมนำมาซึ่งความ ปลาบปลื้มและความรักใคร่เอ็นดูซึ่งกันและกัน ๒) บุคคลควรหมั่นรืเกตน อบรมตนให้เป็นผู้ตํ้งมั่นในศีลธรรม เลียก่อน แล้วจึงสั่งลอน^นให้ประพฤติปฎิป้ติตาม

นิทานชาดกเล่มสอง )๓ โทษของการทำให้ลงฆ์แตกแยก ๑ คุณธรรมใดที่ยังไม่บรรลุ ก็จะไม่บรรลุ ๒ คุณธรรมใดแม้บรรลุแล้ว ก็จะเสื่อม ๓ ต้องตกนรกอย่ตลอดกัป อรบายสัฬท์ ลักขณชาดก (อ่านว่า ลัก-ขะ-หนะ-ชา-ดก) ฟ้าบังสุกุล ในลมัยพุทธกาล หมายถึง ผ้าทีทิงแล้ว คลุกฝ่นอยู่ ไมมัใครต้องการ หรือเป็นผ้าห่อศพคนตาย พระภิกษุ ไปเก็บเอามาซัก ตัดเย็บ ย้อมลี ทำ เป็นสบง จีวร สมัยต่อมา พทธบริษัทที่งหลายต้องการจะลงเคราะห้ พระภิกษุให้สะดวกขน จึงนำผ้าทียังไม่ได1ซไปทิงไว้ ในป่าบ้าง หรือแขวนไว้ตามต้นไม้บ้าง ไห้พระภิกษุ มาเก็บเอาไปทำสบง จีวร ไซ้สอยตามความต้องการ \"พระคาถาบัระจำซาดก ใหติ ลีลวตํ อตฺใถ ปฏิสนฺถารวตตินํ ลกขณํ ปสฺส อายนฺตํ ณาติลงฺฆปุรกฺขตํ อถ ปลฺลลิมํ กาฬ ลุวิหีนํว ณ'าติภิ ความเจริญย่อมมีแก่ซนที่งหลายผ้บีสีส ประพฤติไนปฏิสับการ ทำ นจงดูลูกเนือซื่อลักขณะ ผู้มีหมู่ญาติแวดล้อมกลับมา และจงดูลูกเนือซือกาฬะ ผู้เลีอมจากญาต กลับมาแต่ผูเดยว

นโครธมิคชาดก ชาดกว่าด้วยการรู้จักเลือกหัวหน้า สดๆนที่ดรสซาดก เซตวันมหาวิหาร นครสาวัตถี สาเฬดุทึ่ดรัสซๆดก ในสมัยพุทธกาล ณ นครราชคฤห์ มีธิดาสาวของเศรษฐีผู้หนึ่ง เป็นผู้มีรูปร่างงดงาม ความประพฤติเรียบร้อย กิริยามารยาทนุ่มนวล น่ารัก เป็นปัจฉิมภวิกสัตว์ คือ บุคคลที่เกิดชาติมีเป็นชาติสุดท้าย เพราะนางไดสิกฝนอบรมตนสร้างสมบารมี ปักกลดอยู่ธุดงค์ข้ามภพ ข้ามชาติมาตลอด ถึงคราวจะหมดกิเลสแล้ว ดังนั้น นับแต่รู้เดียงสา เป็นด้นมา นางไม่เคยยินดีในการตกแต่งประดับประดาร่างกายด้วย เพชรนิลจินดาเซ่นหญิงสาวทั้งหลายเลย นางเฝัารบเร้าอ้อนวอน บิดามารดาขอบวชเป็นภิกษุณีอยู่รํ่าไป แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต นาง จึงหวังว่า ต่อไปเมื่อนางแต่งงานแล้ว จึงค่อยขออนุญาตสามีบวช ก็แล้วกัน

นิทานชาดกเล่มสอง ๒ เมื่อนางเจริญวัยสมควรแก่การมีเหย้าเรือน บิดามารดาของ นางจึงจัดการให้แต่งงานกับบุตรชายเศรษฐีผู้มีกัลยาณธรรมผูหนึ่ง ในเมืองํนน หลังจากแต่งงานแล้ว นางก็ตํ้งใจปฎิป้ติหน้าที่แม่บ้าน อย่างดี จึงเป็นที่รักและยกย่องของสามียิ่งนัก กันหนึ่ง ที่เมืองนึ่นมืงานนักขัตฤกษ์ ชาวเมืองที่งหลายต่าง , พากันตกแต่งประดับประดาร่างกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์อันวิจิตร พร้อมที่งเพชรนิลจินดาและเครื่องหอมต่าง ๆ แต่นางกลับแต่งกาย เรียบ ๆ สามีของนางแปลกใจมาก จึงถามว่า \"นองรัก เครื่องประดับของเราก็มีอยู่มากมาย ทำ ไมเธอ ไมนามาประดับกายให้สวยงๆมเหมือนคนอื่น ๆเขาล่ะจ๊ะ?\" นางจึงตอบว่า \"คุณพี่คะ น้องเห็นว่าร่างกายของคนเรานี้ตั้งแต่ศีรษะจรด ปลายเท้า ล้วนเต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลไมน้าดู ล้ากลับด้านในของกาย ออกข้างนอก ก็คงจะด้องถือท่อนไม้คอยไล่กาและสุนัขเป็นแน้ ร่างกายเป็นของไม่สะอาด มืกสิ่นเหม็นเหมือนซากคพ เป็นที่อาศัย ของโรคต่าง ๆเป็นที่อยู่ของหมู่หนอน ตัง้ยังเป็นทางไหลออกของ สิ่งปฏิกูลต่างๆ ถึง๙ ทาง คือ ทางตาตั้งสอง หูตัง้สองจมูกตั้งสอง ทางปาก ทางทวารเบา และทวารหนัก น้องจึงไม่เห็นประโยชน์ อะไรที่จะตกแต่งร่างกายอันเต็มไปด้วยของสกปรกนน\" เมื่อสามีของนางใด้ฟังเช่นนํ้น จึงตรึกตรอง แล้วกล่าวกับ นางว่า

๒๖ นิทานชาดกเล่มสอง \"น้องเอ๋ย เธอเห็นโทษอันแท้จ?งของร่างกายซึงคนอื่น ๆ มองไม่เห็นเซ่นน ทำ ไมเธอจึงไม่บวชเสียเล่า?\" นางได้ฟังคำถามเซ่นนั้น เลึกยินดียิ่งนัก รีบก้มลงกราบ แทบเท้าสามีแล้วกล่าวว่า \"เมือคุณพีอนุญาตให้น้องบวช น้องก็จะชอบวขในวันปีเลย\" นอกจากสามีของนางจะอนุญาตให้นางบวชแล้ว ยังซ่วย เหลือจัดหาเครื่องบวชและเครื่องไทยธรรมต่าง ๆให้อ'ย่างถูกต้องตาม พระธรรมวินัย แล้วพานางไปบวชในสำนักของภิกษุณีที่ขึ้นอยู่กับ พระเทวท้ต โดยจัดพิธีอย่างใหญ่โต เมื่อบวชแล้ว นางได้บำเพ็ญกิจของภิกษุณีอย่างเคร่งครัด โดยไม่รู้ตัวว่า นางมีครรภ์มาก่อนที่จะบวช และครรภ์ของนางก็ เติบโตขึนทุกวัน จนปรากฏซัดแก่สายตาคนทงหลาย บรรดาภิกษุณี ร่วมสำนักต่างหลงเข้าใจผิด คิดว่านางมีจิตใจตํ่าข้า กล้าละเมิด พระธรรมวินัย ประกอบเมถุนธรรมเยิ่ยงชาวโลก.จึงตั้งครรภิขึ้นมาเซ่นนี้ นางภิกษุณีทงหลายได้นำความใปแจังแก่พระเทวทัต แต่ แทนทีพระเทวท้ตจ-ะสอบสวนพิจารณาถึงด้นสายปลายเหตุที่แท้จริงว่า นางภิกษุณีนีตั้งครรภ์ก่อนหรีอหลังบวชกันแน่ กลับเกรงว่าตนจะ เสือมเลียชื่อเลียงอันเนื่องจาก ภิกษุณีในสำนักตนมีครรภ์ ประกอบ กับความแล้งนำใจ ขาดความเมตตากรุณา พระเทวท้ตจึงคิดตัดไฟ เลียแต่ด้นลม ด้วยการลังให้นางสึก ซึ่งเท่ากับเป็นการลงโทษว่า นางได้ทำผิดพระวินัยอย่างร้ายแรง ถกสึก ต่อไปภายหน้าแม้นางจะ

นิทานชาดกเล่มลอง ๒๗ คลอดบุตรแล้ว ก็ไม่อาจจะกลับมาบวชไ^กดลอดชีวิต นับว่าเป็น การฆ่ากันอย่างเลือดเยิน โดยอาศัยพระธรรมวินัยอันสูงส่งเป็น เครี่องมือ เมื่อนางได้ฟังคำตัดสิน อธิกรณ์ ด้วยความวู่วาม เจ้าอารมณ์ ขาดวิจารณญาณของพระเทวทัตแล้ว ก็บังเกิดความเลียใจอย่างสุดซึ้ง นางจึงกส่าวศัดค้านการตัดสินอธิกรณ์นนัว่า \"ดิฉันมาบวชเป็นภิกษุณีนี้มิใข่บวชเพื่อพระเทวทัต แต่บวช ถวายชีวิตแด'องค์พระสัมมาส้มพุทธเจ้าผู้เป็นบุคคลประเสริฐสุดในโลก เพราะฉะนี้น ดิฉันจะไม่ยอมลึกโดยเด็ดขาด\" จากนั้น นางได้ขอร้องเพื่อนภิกษุณีที่มืความเห็นอกเห็นใจ ให้ร่วมเดินทางไปยังเซตวันมหาวิหารด้วยกัน นางเดินเท้าเปล่าเป็น ระยะทางถึง ร:๕ โยชน์ ได้รับทุกขเวทนาอย่างยิ่ง ทงนี้เพื่อจะ กราบทลความจริงแด'พระบรมศาสดา พระลัมมาลัมพุทธเจ้าทรงทราบด้วย หระส้พพ้ญณุตญาณ แล้วว่า นางภิกษุณีผู้นี้เป็นผู้มีศีลบริสุทธี้ ได้ตงครรภ์ตั้งแต่ยังเป็น คฤหัสถ์ แต่เพื่อป๋องกันไม่ให้บุคคลทั่วไปและนักบวชเจ้าลัทธินอก ศาลนาต่าง ๆ ศรหานินทา และถือโอกาสโจมตีได้ว่าพระองค์ปกป๋อง คนผิด จึงทรงโปรดให้ตั้งกรรมการขึนคณะหนึ่งเพื่อพิจารณาตัดสิน อธิกรณ์นี้ใหม่.โดยให้ทูลเชิญพระเจ้าปเสนทิโกศลมาเป็นประธาน กรรมการสอบสวนฝ่ายฆราวาส นางวิสาขามหาดูบาสิกา อนาถ-

๒^;^ นิทานชาดกเล่มลอง บิณฑิกเศรษฐี จูฬอนาถบิณฑิกเศรษฐี และบุคคลสำคัญอื่น ๆใน ตระกูลใหญ่ ๆ ที่มีซื่อเสียงมาเป็นกรรมการร่วม พระอุบาลีเถระ ผู้แตกฉานทางด้านพระวินัย มาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ต่อหน้าพระราชาและท่ามกลาง บริษัทลี่ ที่มาประชุมกัน อย่างล้นหลาม นางวิสาขามหาอุบาสิกาได้1ซ้ม่านกนแล้วตรวจ ร่างกายของนางภิกษุณี และสอบสวนวัน เดือน ปี ที่นางออกบวช ก็ใด้ความจริงว่า นางตั้งครรภ์ก่อนออกบวช จึงเป็นผู้บริลุทธิ้ปราศจาก ความมัวหมองทางวินัยใด ๆ ทงสิ้น ต่อมาเมื่อครรภ์ครบกำหนด นางใด้คลอดบุตรเป็นชาย แข็งแรง น่ารัก มีผิวพรรณผุดผ่องปงบอกถึงลักษณะของผู้มีบุญญานุภาพ พระเล้าปเสนทิใกคลทรงรับไปเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม ไหซื่อว่า ทมๆรภัสส'ปะ ครั้นกุมารกัสสปะอายุได้๗ ขวบ ทราบความเป็นมาไนชาติ กำ เนิดของตนแล้ว ก็มังเกิดความสลดไจไนความไม่แน่นอนของชีวิต จึงกราบลาพระเล้าปเสนทิใกคลออกบวชเป็นสามเณรไนสำนักของ พระลัมมาลัมพุทธเล้า ครั้นอายุครบ ๒๐ ปี ก็อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ตั้งไจปฎิบํ[ติธรรม โดยเข้าป่าไปบำเพ็ญภาวนา จนสำแจเป็นพระ อรหันต์ผ้เสิคไนการแสดงธรรมอันวิจิตร ส่วนนางภิกษุณีผู้เป็นมารดา นับแต่ลูกจากไปก็เฝ่าคิดถึง เมื่อรู้ว่าลูกออกบวช แล้วไปปฎิบํติธรรมไนป่า ก็ยิ่งมีความห่วงไย นางได้แต่ร้องไห่คิดถึงลูกอยู่เสมอจนไม'มีไจที่จะปฏิบํติธรรม

นิทานชาดกเล่มสอง ๒๙ เช้าวันหนึ่ง นางภิกษุณีออกไปบิณฑบาต บ้งเอิญได้พบ พระกุมารกัลลปเถระ ก็จำ ได้ว่า เป็นพระลูกชาย จึงร้องเรียกขึ้น แล้วรีบวิ่งเช้าไปหา หวังจะจับชายจีวรไหชื่นใจ แต่พระเถระผู้บุตร ได้หลบเลีย เพราะเกรงจะผิดวินัย นางคว้าไม่ถูกจึงเลียหลักล้มลง พอลุกขึ้นได้ก็วิ่งเช้าไปหาอีก แต่ก็คว้าผิดอีก พระกุมารกัสสปเถระตรวจดูวาระจิตของภิกษุณีมารดาแล้ว ก็พบว่า ถ้าหากท่านพูดด้วยถ้อยคำอันไพเราะอ่อนหวานกับมารดา มารดาจะตัดความอาลัยอาวรณ์ไม่ขาด ไม่สามารถจะทำสมาธิภาวนา ให้ก้าวหน้าได้ ด้วยอำนาจกตัญญูกตเวทิตาธรรม คิดจะแทนคุณ มารดา จึงพุดให้สติว่า \"ท่านเที่ยวทำอะไรอยู่นะ!เวลาผ่านมาตงนานแล้ว ความ อาลัยอาวรณ์แคนก็ยังตัดไม่ไตั' นางภิกษุณีได้ฟังตังนั้น เลีกสะเทือนใจมาก แทบจะไม'เชื่อ หูตัวเอง คิดว่าฟังผิดไป จึงขอให้พระเถระกล่าวซํ้า ก็ได้ยินคำพูด เซ่นเดิมอีก นางจึงได้สติหวนระลึกถึงความหลังว่า \"ตลอดระยะเวลาทีผ่านมา เราได้แด'ร้องไห้นำตานองหน้า เพราะความอาลัยอาวรณ์ลูกชายคนนี้แต่ลูกกลับไม่ลนใจไยดีเรา ผูเ้ ป็นมารดาเลย มิได้รักเราแม้แด'น้อย จะมิประโยชน์อะไรที'เรา จะมาเด้ารักเด้าห่วงใยเขาอย่ผ่ายเดียว!\"

๓๐ นทานชาดกเล่มสอง เมื่อนางตัดใจได้ดังนั้นแล้ว จึงกลับไปเฝ็าพระบรมศาสดา ตั้งใจฟังพระธรรมเทศนา ประพฤติปฎิป้ติลมณธรรม บำ เพ็ญเพียร ภาวนา จนลามารถทำใจให้หยุดนิ่ง ไม่ฟังซ่าน เข้าถึงพระธรรมกาย ในตัวบรรลุธรรมไปตามลำดับ ในที่ลุดได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ในคืนนั้นเอง พระภิกษุทงหลาย เมื่อทราบว่านางภิกษุณีและพระกุมาร กัลลปเถระได้บรรลุธรรมเป็นพระอรห้นต์แล้วตั้งคู' จึงประชุมกันกล่าว ลรรเลริญพระคุณของพระบรมศาลดาที่ทรงให้ความเมตตา ศวาม เอ็นดูแก่บุคคลตั้งลองมาแต่ด้น ซึ่งตรงกันข้ามกับพระเทวทัตเลย ทีเดียว พระลัมมาลัมพุทธเจ้าเลด็จมาในที่ประชุมลงฆ์นั้น ตรัลถาม ถึงเรื่องที่ลนทนากัน ทรงทราบความแล้ว จึงทรงระลึกชาติด้วย บุพเพนิวาลานุลติญาณ แล้วตรัลว่า \"เราเป็นที๋พึ่งแห่งนๆงภิกษณีรูปนั้นกับบุตรแต่ในบ้ดนี้ เท่านั้นก็หามิได้แมิในกาลก่อน เราก็เป็นที่พึ่งแห่งเขาทงสองมาแล้ว เหมือนกัน\" บรรดาภิกษุลงฟ้ในที่นั้น จึงทูลอาราธนาให้พระองค์ทรงแลดง เรื่องในอดีต พระบรมศาลดาจึงทรงเล่า นโครรมิดซๆดก ตังนี้

นิทานชาดกเล่มตอง ๓๑ เนอ'พาชาดก ในอดีตกาล ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่งใกล้กรุงพาราณสี เป็นที่ อาศัยของกวางฝูงใหญ่ ๒ ฝูง ฝูงละประมาณ ๕๐๐ ตัว แต่ละฝูงมี พญากวางเป็นหัวหน้าปกครอง พญากวางฝูงหนึ่งซื่อ นิโครธ พญานิโครธนี้มีลักษณะ งดงามต่างจากกวางอึ่นๆ คือมีร่างกายสูงใหญ่สง่างาม ขนสีทอง ดวงตาทั้งสองงามดุจแก้วมณี เขาสีเลื่อมพรายตังเงินยวง ปากสีแดง เรื่อ ปลายเท้าทั้งลี่สีแดงเข้มราวกับฉาบด้วยนํ้าครั่ง ส่วนหางทั้นเล่า ก็งามดั่งขนจามรี ส่วนพญากวางของอีกฝูงหนึ่งซื่อ สาชะ ก็มีลักษณะ งดงามเซ่นกัน และปกครองบริวารอยู่ใม่ใกลจากฝูงกวางของพญา นิโครธนัก ในครั้งนน พระราชาแห่งนครพาราณสีทรงโปรดเสวยเนื้อ กวางทุกวัน จึงกะเกณฑ์ประชาชนทั้งหลายให้เข้าปาล่ากวางกับ พระองค์ด้วยทุกครั้ง ทำ ให้ประชาซนไม่มีเวลาทำมาหากิน เพราะ ด้องตามเสด็จอยู่เสมอ จึงประชุมตกลงกันต้อนกวางมาใว้ในเขต พระราชอุทยานเพี่อให้พระราชาเสด็จล่าได็โดยสะดวก นับแต่ทั้นมา พระองค์ก็เสด็จใปยิงกวางเสมอ ๆ โดยเสด็จ ไปตามลำพังพระองค์เองบ้าง มีข้าราชบริพารตามเสด็จบ้าง และ แม้บางครั้งพระองคไม่ว่างจากพระราชภารกิจ ก็โปรดให้พ่อครัว ใปยิงกวางมาทำอาหารถวาย

๓๒ นิทานชาดกเล่มสอง วันหนึ่ง ขณะที่พระองค์กำลังเสด็จประพาสพระราชอุทยาน อยู่นั้น ได้ทอดพระเนตรเห็นพญากวางทองทงสองตัว มีลักษณะ งดงามยิ่งนัก จึงมีพระทัยเมตตาถึงกับพระราชทานอภัยให้ว่า จะไม่ฆ่า พญากวางทงสองนี้ แต่พระองค์ก็ยังคงล่ากวางอื่น ๆ อยู่ กวาง ทงหลายจึงมีดวามสะดุ้งกลัวอยู่ตลอดเวลา เพียงแค'เห็นธนูเท่านั้น จะวิงหนีกันชุลมุน เหยียบกันเองบ้าง ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสบ้าง และ บางล่วนก็ถึงแก่ความตาย พญากวางจึงปรึกษาตกลงกันว่า เพี่อความสงบสุขของ ล่วนรวม ไม่ต้องระแวงภัยอยู่ตลอดเวลา แต่ละฝูงจะผลัดกันล่งกวาง เข้าเวรไปให้เขาฆ่าวันละ ๑ ตัว วันหนึ่งเป็นกวางจากฝูงของพญา นิโครธ อีกวันหนึ่งเป็นกวางจากฝูงของพญาลาขะ สลับกันไปเรื่อย ๆ อยู่มาวันหนึ่ง ถึงเวรของนางกวางท้องแก่ในฝูงของพญาลาขะ ด้วยความรักลูกในท้อง นางจึงเข้าไปขอร้องพญาลาขะว่า \"ได้[ปรดให้กวางตัวอื่นเข้าเวรแทนฉันด้วยเถิดเจ้าค่ะ คิดว่า ใหชีวิตแก่ลูกในท้องที่จะเกิดมาดูโลกอีกไม'กิ'วันปีด้วยเถิด เมื่อคลอด ลูกแล้ว ฉันจะไปเข้าเวรรับชะตากรรมทันที\" แต่พญาลาขะกลับกล่าวว่า \"เจ้านี่ช่างกระไรเลย จะให้ผูอื่นเขามาตายแทนเจ้าได้อย่างไร ถึงเจ้ามีท้อง มันก็เป็นเรื่องของเจ้า ไม่ได้เกี่ยวกับใครเขานี่!\" นางกวางเลียใจมากที่ไม่ได้รับความเห็นใจจากจ่าฝูงของตน จึงวิ่งเตลิดไปหาพญานิโครธเพี่อขอความช่วยเหลือ

นิทานชาดกเล่มสอง ๓๓ เมื่อพญานิโครธได้ฟ้'งเรื่องราวจากนางแล้ว ก็คิดว่า หาก ตนจะให้บริวารไปรับชะตากรรมนี้แทนก็เท่ากับเร่งความตายให้พวก เขาเร็วขึ้นอีก ๑ วัน ชีวิตแม้จะยืนยาวขึ้นอีกเพียงวันเดียว ก็เป็นสิ่ง ที่มีค่ายิ่งลำหรับผู้เป็นเล้าของชีวิตนี้น แต่หากเราใม่ช่วยนาง นาง ก็จะต้องตายพร้อมกับลูกในท้อง ซึ่งอยู่ ๆ จะต้องมารับเคราะห์กรรม ไปด้วย ไม่ลมควรเลย คิดดังนี้นแล้ว พญานิโครธจึงกล่าวกับนางว่า \"เจ้าจงกลับไปพักผ่อนเถิด เรื่องของเจ้าเราจะจัดการให้เอง ไม'ต้องวิตกหรอก\" พญานิโครธเดินไปที่โรงครัว เอาหัววางบนเชียงรอพ่อครัว อยู่ที่นั่น เมื่อพ่อครัวมาเห็นก็ตกใจ เพราะทราบว่าพระราชาทรงไห้ อภัยไว้แล้วจึงรีบนำความขึ้นกราบพูลทันที พระองค์จึงเสด็จมาที่โรง ครัว แล้วตรัสถามพญานิโครธว่า \"เราให้อภัยเจ้าแล้วมิใช่หรือ เหตุใดจึงมานอนที่เขียงนล่า?\" พญานิโครธจึงกราบทูลเรื่องราวความเป็นมาไห้ทรงทราบ พระราชาทรงสลดพระทัยยิ่งนัก ทรงดำริว่า \"พญานิโครธเป็นลัตว์เดรัจฉาน ยังมิความเมตตากรุณาต่อ ผูที่นถึงเพียงนี้ แล้วเราเป็นคน เป็นถึงพระเจ้าแผ่นดิน กลับขาด ความเมตตากรุณา เบียดเปียนชีวิต^น. \"



นิทานชาดทเล่มสอง ๓&• พระองค์จึงตัดสินพระทัย ประกาศพระราชทานอภัยชีวิตแก่ กวางทั้งหลาย พญานิโครธเห็นเป็นโอกาสดี จึงทูลขอพรต่อไปว่า \"บรรดากวางทั้งหลายได้รับพระราชทานอภัย แต่สัตว์อื่น ทัง้ <r เท้า และ ๒ เท้า หมู่นกและหมู่ปลาในปานี้เปรียบเสมือนญาติ ขอไดโปรดอภัยชีวิตแก'สัตว์เหล่าทั้นด้วยเถิด\" พระราชาจึงพระราชทานอภัยแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย และ นับแต่ทั้นมา พระองค์ทรงรักษาศีล ๕ ประกาศห้ามประชาชน ล่าสัตว์ทุกชนิด และให้ตงอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม ฝ่ายนางกวางท้องแก่ เมื่อศลอดลูกแล้ว ก็เลียงดูจนเติบโต เมื่อลูกกวางเริ่มวิ่งได้ ก็จะวิ่งเข้าไปในฝูงของพญาสาซะ นางกวาง จึงกล่าวแก่ลกน้อยเป็นคาถาว่า \"เจ้าหรือใครอื่นก็ตาม พึงคบหาแต่พญาเนื้อชื่อนิโครธ เท่านื้น ไม่ควรเข้าไปอาศ้ยอยู่กับพญาเนื้อชื่อว่าสาขะ ความตาย ในสำนักพญาเนื้อนิโครธประเสริฐกว่า การมีชีวิตอยู่ในสำนัก พญาเนื้อสาชะจะประเสริฐอะไร\" ฝ่ายกวางบริวารทั้งหลาย เมื่อได้รับพระราชทานอภัยแล้ว ก็เทียวหากินอยู่แถวทั้น และได้เข้าไปเหยียบยํ่า กินข้าวกล้าที่ชาวนา ปลูกไว้ จนประชาชนทั้งหลายได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก จึง พากันไปกราบทูลต่อพระราชา พระองค์จึงตรัสว่า \"เราได้พระราชทานอภัยให้แก'กวางทั้งหลายแล้ว ไม'อาจ คืนคำได้ แม้เหตุนี้จะทำให้เราต้องสูญเสียพระราชบัลสังก์เราก็ยอม

๓๖ นิทานชาดกเล่มสอง แต่เราจะไม่ยอมเสียสัจวาจาเป็นอันขาด\" เมื่อพญานิโครธทราบเรื่องนี้ จึงเรียกประชุมกวางทั้งหลาย แล้วกล่าวว่า \"ฟานทงหลายไม่ควรจะเกะกะระรานเที่ยวกินข้าวของมนุษย์ แต่ควรจะเจียมเนื้อเจียมตัวให้เขาเมตตาสงสารจึงจะถูกต้อง\" กวางทั้งหลายก็fบคำว่าจะไม่เที่ยวกินข้าวของมนุษย์อีก พญานิโครธจึงให้ขาวบ้านทำสัญลักษณ์ผูกใบไม่ไว้ที่ในนาเพื่อให้ เป็นที่สังเกตแก่กวาง จะได้!ม'เผลอเดินเข้าไปในนา หลังจากนน เป็นต้นมา ทั้งมนุษย์และกวางต่างดำเนินชีวิตของตนไปตามวิถีทาง ด้วยความสงบสุข 'ประขุมฃๆดก ร เมือเทศนาชาดกจบแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสุดง อริยสัจลีโดยอเนกปริยาย ภิกษุผู้ตังใจปฎิปติธรรมมาแล้วด้วยดี มื ความลำรวมอินทรีย์ มืศีลเคร่งครัด อบรมธุดงคคุณมามาก ก็สามารถ ทำ ใจให้หยุดนี้งที่ศูนย์กลางกาย เข้าถึงพระธรรมกายเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามื พระอนาคามื จนถึงพระอรหันต!ปตามลำตับเป็น จำ นวนมาก ตามกำลังบุญบารมืที่ไต้สั่งลมอบรมมา

นิทานชาดกเล่มสอง 6ก๗ พระพุทธองค์ทรงประชุมชาดกว่า •พญากวางสาชะ ได้มาเป็นพระเทวทัต บริวารชอง•พญากวางสาชะ ได้มาเป็นบริวารของ นม่กวาง พระเทว\"ฅัต ได้มาเป็นนางภิกษุณีรูปนี •พระราชา ได้มาเป็นพระอานน'ค์ บริวารชอง•พญากวางนิโครธ ได้มาเป็นพุทธบริษัท •พญากวางนิโครธ ได้มาเป็นพระองค์เอง ฟ้อค็ดจากชาดก ๑. ผู้ที่มีบุญ ย่อมมีปัญญามองเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความ เป็นจริงได้ รู้ว่าสิ่งนั้น ๆมีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นปัจจัย มีการ ปรุงแต่งอย่างไร มีผลอย่างไร และไม่หลงติดอยู่ในกามคุณทง ๕ คือ รูป เลียง กลิ่น รส สัมผัส อันน่า'ทึงใจ มองเห็นโทษของการ ครองเรือนและวัฏสงสารว่าเป็นทุกข์ แล้วหาทางที่จะออกจากทุกข์นั้น ๒. ผู้ที่มีความตั้งใจจะสร้างบุญบารมี ควรจะตัดความห่วงใย อาสัยรักทงหลายใ'หได้ ถ้าตัดไม่ได้ จิตใจจะกังวล ไม่อาจบรรลุธรรม •ฃั้นสูงได้ ๓. บุตรควรมีความกตัญญูกตเวที คือ รู้คุณ และตอบแทนคุณ บิดามารดา นอกเหนือจากการเอาใจใส่ดูแลท่านแล้ว ควรหากุศใลบาย ให้ท่านมีโอกาสใ'ห้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เ'ทื่อเป็นทางไปลู่ ความ'ท้นทกข์ด้วย นับว่าเป็นการแทนคุณอันประเสริฐสด

๓c? นิทานชาดกเล่มสอง sr. ผู้นำ ทีควรแก่การเคารพสรรเสริญนั้น นอกจากจะต้อง มีความสามารถในหน้าที่การงานแล้ว ยังต้องมีคุณธรรมอื่น ๆอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิงความเมตตากรุณา และความยุติธรรม ๕. ผู้ที่ถูกกล่าวหา จะต้องทำใจให้หนักแนํน ยึดมั่นใน คุณความดี และอดทนเพือรอโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธี้ของตน ถือเลียว่า \"มือไม่มืแผล ย่อมไม่กลัวพิษงู ทองบริสุทธิ้อยู่ ย่อมไม่กลัวไฟลน' อริบๆยฟิ'ฬท์ นิโครธมิคชาดก (อ่านว่า นิ-ใค-ทะ-มิก-คะ-ชา-ดก) อริกรณ์ คดีหรือเรื่องที'เกิดขึนในหมู่สงฆ์ ซึ่งต้องไต้รับ การพิจารณาตัดสินความให้ถูกต้อง จึงจะ ระงับได้ พัญผุดญๆณ ญาณอันเป็นเครื่องรูซึ่งธรรมทงปวง เป็น พระญาณของพระสัมมาล้มพุทธเล้า บริษัทสิ ได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา 'พระกุมๆรกัสส'ปะ ต่อมาได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง พระสัมมา- ล้มพุทธเล้าทรงยกย่องว่าเป็นเลิศในการแสดง ธรรมอันวิจิตร คือ สามารถแสดงธรรมได้ล่มลึก

นิทานชาดกเล่มสอง ๓๙ ตามลำดับ ไม่รวบรัดดัดตอนข้ามขน ไข้ถ้อยคำ ที่กะทัดรัด สละสลวย เข้าใจง่าย อีกทงนํ้าเลียง ก็ไพเราะดับใจไม่มีใครเสมอเหมือน พระคาดา'ประจำชาดก นิโครธเมว เสเวยุย น สาขมุปสํวเส นิใคฺรธลฺมึ มตํ เสยโย ยณฺเจ สาขลฺมิ ซีวิตํ ท่านหรือคนอื่นก็ตาม พึงคบหาแต่พญาเนือซื่อว่านิโครธเท่านน ใม'ควรเข้าใปอาศัยอยู่กับพญาเนื้อซื่อว่าสาชะ ความตายในสำนักพญาเนือนิโครธประเสริฐกว่า การมีชีวิตอยู่ในสำนักพญาเนือสาขะจะประเสริฐอะไร.

กัณฑินชาดก ชาดกว่าด้วยโทษของการตกอย่ในอำนาจสตรี สดๆนทีดรสซๆดก เซตวันมหาวิหาร นครสาวัตถี สาเทดุที่ตรสซาตก ชายผู้หนึ่งได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระสัมมาสัมทุทธเจ้า แล้ว บังเกิดศรัทธาเลื่อมใสจึงบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ฝ่ายภรรยานั้นไม่เต็มใจใหบวช แต่ไม่กล้าขัดขวาง เพราะเกรงชาวบ้าน จะครหานินทา นางจึงได้แต่หมั่นแต่งตัวให้สวยงาม ปรุงอาหารที่มี รสชาติอร่อยไปถวาย หรือไม่ก็นิมนต์พระสามีมาฉันอาหารที่บ้าน อยู่เป็นประจำ อีกทงยังเล่าเรื่องราวทางบ้านและญาติพี่น้องให้ฟัง อยู่เสมอ ๆ ทำ ให้พระสามีบังเกิดความผูกพันห่วงใยในครอบครัว คิดจะลึกออกมาครองเรือนตามเติม

นิทานชาดกเล่มสอง ® เพื่อนพระภิกษุทีทราบเรืองราวและรู้ถึงความคิดของท่าน ต่างพากันตักเตือนให้สติ แต่ก็ไม่อาจโน้มน้าวจิตใจท่านได้ ในทีลุด จึงนำท่านมาเฝัาพระสัมมาลัมพุทธเจ้าเพื่อกราบทูลเรื่องราวให้ทรง ทราบ พระพุทธองค์จึงทรงระลึกชาติแต่หนหสังของพระภิกษุรูปนี แล้วตรัสว่า \"ดูก่อนภิกษุ เมื่อชาติก่อนโน้น หญิงผู้นีทำให้เธอสินชีวิต มาแล้ว\" ภิกษุทงหลายได้ฟังตังนั้น จึงกราบทูลอาราธนาพระพุทธองค์ ' ให้ทรงเล่าเรื่องในอดีตชาติของพระภิกษุผู้อยากลึกรูปนีให้ฟัง พระพุทธ องค์จึงทรงแสดง กัฉเฟ้นชาดก ตังนี เนอฬๆชาดก กาลครังหนึ่ง ในแคว้นมคธ มีกวางอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทงกวางที่อาศัยอยู่ในที่ราบใกล้หมู่บ้าน และกวางทีอาศัยอยู่ตามป้า บนเซิงเขา กวางที่อาศัยอยู่ตามที่ราบหาอาหารกินง่าย เพราะมีนำท่า อุดมสมบูรณ์ มีด้นไมใบหญ้าขืนเขียวขจีอยู่ทัวไป้ บางครั้ง กวาง พวกนี้ยังแอบเข้ามากินข้าวกล้าของชาวนาอีกด้วย และการทีหากินอยู่ ตามที่ราบนึ่เอง จึงทำให้มีนิสัยระแวดระวังภัยเก่ง เพราะต้องคอย หลบหนีการตามล่าของมนษยัอยู่เสมอ ในฤดูที่ข้าวกล้ากำสังงอกงาม ชาวบ้านจะคอยตักล่ากวางภันมาก มันจึงต้องหลบขีนไปอยู่ในป้า บนเซิงเขาในเวลากลางวัน และแอบลงมาหากินบริเวณพืนที่ราบ

<r๒ นิทานชาดกเล่มสอง ในเวลากลางคืน ส่วนกวางที่อยูในป่าบนเชิงเขาซึ่งค่อนข้างกันดารนั้น หาหญ้าและนํ้ากินลำบาก ในฤดูแล้งจะอดอยากและขาดแคลนมาก จนถึงกับล้มตายไปก็มี แต่กวางพวกนี้จะไม่ลงจากภูเขา จึงป่ลอดภัย จากการตามส่าของมนุษย์ ครั้งหนึ่ง นางกวางที่ราบตัวหนึ่งได้หลบขึ้นไป่อยู่บนเชิงเขา และได้รักซอบกับกวางหนุ่มตัวหนึ่งบนเชิงเขานั้น เมื่อนางกวางต้อง การลงมาหากินบนพื้นที่ราบ กวางหนุ่มจึงขอติดตามลงมาด้วย แต่นาง กวางกส่าวห้ามป่รามว่า \"เธออย่าลงไปเลย ข้างล่างน่ะมีอันตรายมากนะ พวกมนุษย์ คอยดักยิงพวกเราอยู่ตลอดเวลา เธอเคยอยู่แต่บนเขา ไม่ข้ทางหนี ทีไล่ เดี๋ยวจะลงไปตายเสียเปล่า ๆ\" แต่กวางหนุ่มกลับแย้งว่า \"จะให้ฉันปล่อยเธอไปตามลำพังได้อย่างไรกันล่ะจ๊ะ ไม่ว่า หนทางข้างหน้าจะมีอันตรายลักแค'ไหน ฉันจะขอติดตามเธอไป ทุกหนทุกแห่ง\" นางกวางไม่อาจทนคำรบเร้าอ้อนวอนของกวางหนุ่มได้ จึงยอมไห้ติดตามลงมาด้วย เมื่อลงมาถึงพื้นที่ราบแล้ว ด้วยลัญซาตญาณที่ระมัดระวังตัว อยู่เสมอ ขณะที่เดินเข้าเขตซายป่าใกล้หมูบาน นางกวางรูสึกผิดลังเกต แต่นางไม่บอกไห้กวางหนุ่มรู้ นางแกล้งเดินข้าลง ๆ ปล่อยไห้กวาง หนุ่มเดินออกหน้าไป่ก่อน หากมีอันตรายเกิดขึ้นนางจะได้หนีทัน



(Tcr นทานชาดกเล่มสอง กวางหนุ่มเคยอยู่แต่บนเซิงเขา ไม'คุ้นกับกลิ่นมนุษย์และ ไม่เคยระวังตัวอยู่ทุก'ฝืกัาวจึงเดินนำหน้าไปเรื่อย ๆ เป็นปกติ นายพรานซึ่งตักซุ่มคอยทีอยู่แล้ว เห็นกวางหนุ่มเดินมาอย่าง สบาย จึงยิงธนูออกไปทันที กวางหนุ่มถูกธนูอย่างจัง ล้มลงขาดใจ ตายอยู่ตรงนั้น ส่วนนางกวางก็กระโจนหนีไปในพริบตา ขณะเดียวกัน รุกขเทวดา ที่อาศัยอยู่ ณ ชายป้าแห่งนั้นได้เห็น เหตุการณ์ตลอด จึงกส่าวขึ้นว่า \"น่าสมเพชเจ้ากวางต้วนี้ ช่างโง่แท้ จึงต้องมาตายเพราะ เหตุที่ติดในรสกาม\" และได้กส่าวถึงลิ่งที่นำติเตียน ๓ ประกา'ร คือ ๑ น่าติเตียนบุรุษที่มีลูกศรเป็นอาวุธ ยิงปล่อยไป เต็มกำลัง ๒. น่าติเตียนชนบทที่มีสตรีเป็นผู้นำ ๓. น่าติเตียนบุคคลที่ตกอยู่ในอำนาจของสตรี 'ประซมซาดก เมื่อพ,ระสัมมาล้มทุทธเจ้าทรงเส่าซาดกจบแล้ว ทรงแสดง อริยสัจ cr โดยอเนกปริยาย พระภิกษุผู้อยากสึกก็สามารถทำใจให้สงบ เข้าถึงธรรมกายในตน ได้เป็นพระโสดาบัน ณ ที่นั้นเอง

นิทานขาดกเล่มลอง พระพุทธองค์ทรงประชุมซาดกว่า กวางหนุ่ม s ได้มาเป็นพระภิกษุผ้อยากลึกรปนี้ นางกวาง ได้มาเป็นภรรยาของพระภิกษุรูปนี้ รกฃเหวดา ได้มาเป็นพระองค์เอง ข้อคิดจากชาดก ลิ่งที่น่าติเตียน ๓ ประการ อธิบายได้ดังนี คือ 0. การฆ่า^น ควรแก่การดูกคิ เพราะการฆ่าเป็นการ ก่อเวร เมื่อฆ่าเขาแล้ว ถึงคราวเรา ก็ต้องถูกฆ่าบ้าง ทำ ให้ต้องตกนรก หมกไหม้ เวียนตายเวียนเกิดไม่รู้จบ ๒. หญิง■ปกครองขนบหใด ขนบห'นนควรแก่การ ดูกคิ เป็นความจริงที่ว่า หญิงบางคนมีความลามารถในการปกครอง สูง แต่โดยที่'วไปแล้ว หญิงจะมี'ข้อเลีย คือ - หญิงมักใช้อารมณ์เป็นไหญ่ มีจิตใจ'อ่อนไหวง่าย ไม่ หนักแน่น มีจริต มารยามาก จะหาหญิงใจคอหนักแน่นนั้นหายาก (แต่ก็มีบ้าง ดังเ'ธ่น พระนางปซาบดีใคตมี พระแม่บ้าของพระล้มมา- สมพุทธเจ้า ซึ่งท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ด้วย) สภาพธรรมซาติในแต่ละเดือน ทำ ให้หญิงมีอารมณ์หงุดหงิด ง่าย ทงนี้เป็นผลลีบเนื่องมาจากเศษเวรกาเมที่ติดตัวข้ามภพข้ามซาติ ตงแต่สมัยที่หญิงนั้นเคยเกิดเป็นซาย แล้วมีนิสัยเจ้า'ชู้ จึงยังผลให้ต้อง ตกนรกหมกไหม้ เมื่อ'พ้นจากนรกมาแล้ว ต้องมาเกิดเป็นหญิงโสเภณี หรือหญิงบริการต่างๆอีกประมาณ &•๐๐ ซาติ แล้วจึงมาเกิดเป็น

crb นิทานชาดกเล่มสอง หญิงดี ๆ แต่เศษเวรกาเมก็ยังตามมาทำให้หงุดหงิดรำคาญใจอีก ๕๐0 ชาติ ในช่วงนี้ หากไม่ก่อเวรกาเมอีก คือ ไม่เจ้าชู้ รักษาศีล c;- อย่างดี จึงจะกลับไปเกิดเป็นชาย - คราวมีครรภ์ ต้องมีภาระเลี้ยงดูลูกอ่อน ทำ ให้จิตใจพะวัก พะวน จากสาเหตุเหล่านี้ โดยทั่วไป จึงไม่นิยมให้หญิงเป็นผู้นำ ครอบครัวหรือประเทคชาติ ยกเว้น บางโอกาสเท่านี้น ท. บุคคฟิใดดกอยู่ในอํๆนๆจฃองกๆม บุคคอนน ควรน.ก่กๆรกูกดิ เพราะในขณะที่บุคคลถูกอำนาจกามเข้าครอบงำ นั้น มักจะกล้าทำสิ่งที่โง'เขลา หรือทำผิดศีลธรรมไต้ ผู้[ดจะว่ากล่าว ตักเตือนก็ไม่ฟัง มีความรู้ก็เหมีอนไม'มี บัณฑิตไต้อุปมาโทษของกามไว้ ๑๐ ประการต้วยกัน คือ ๑) กามเปรียบเหมีอนสุนัขแทะกระดูก อร่อยนํ้าลายตัวเอง ไม่อิ่ม และเหนื่อยเปล่า ๒) กามเปรียบเหมีอนแร้งที่คาบชิ้นเนื้อบินมา แล้วถูกแร้ง ตัวอื่นจิกตี แย่งไปกิน ๓) กามเปรียบเหมีอนคนถือคบเพลิงหญ้าที่ลุกโชน แล้วเดิน ทวนลม มีแต่จะไหม้มีอ sr) กามเปรียบเหมีอนหลุมถ่านเพลิงอันร้อนแรง ๕) กามเปรียบเหมีอนความฝัน เพราะไม'อาจจะยึดถือเอา มาไต้ ๖) กามเปรียบเหมีอนสมปติที่ยึมเขามา ไนไม'ข้าก็ต้องคืน เขาไป ตังเช่น ความงามซึ่งไม'เที่ยงแท้ถาวร

นิทานชาดกเล่มสอง cr๗ ๗) กามเปรียบเหมือนต้นไม้ผลดกในป่า ไม่มืเจ้าของ ใคร ต้องการ ก็บุกป่าฝ่าดงไปเอามาได้ (^) กามเปรียบเหมือนเขียงสับเนื้อ เพราะต้องเอาชีวิตเข้า ไปเสี่ยง ๙) กามเปรียบเหมือนหอกหลาวคอยทิ่มแทงให้เป็นบาดแผล ผู้เกี่ยวข้องย่อมเดือดร้อน - ๑๐) กามเปรียบเหมือนงูพิษ ต้องคอยระแวงระวัง ไม่อาจ วางใจได้สนิท อธิบๆยฟิ'ฬท์ กัณฑินชาดก (อ่านว่า กัน-ติ-นะ ชา ดก) กัณฑ ลูกปีน ลูกศร ลูกธนู รุกขเ,ทวดา เป็นเทวดาซนต้น เมื่อครั้งทิ่เป็นมนุษย์ ไม่ทำความชั่ว ไม'ก่อความเดือดร้อนแก่^น แต่ก็ไม'ตั้งใจบำเพ็ญกุศล ให้เต็มที เมือตายไป บุญไม'มากพอทิ่จะไปเกิดเป็น เทวดาบนสวรรค์ เป็นได้แต่เทวดาทิ่อาศัยอยู่ในวิมาน ตามต้นไม้ \"พระคาดายระจำชาดก ธิรตฺกุ กณฺฑินํ สลฺลํ ปุริลํ คาฬฺหเวธินํ ธิรตฺกุ ตํ ชนปทํ ยตฺถิตฺถี ปริณายกา เตวาปิ ธิติกา สตฺตา เย อิตฺถีนํ วลํ คตา น่าติเตียนบุรุษผู้มืลูกศรเป็นอาวุธ ยิงปล่อ.ยไปเต็มกำสัง น่าติเตียนชนบททิ่มืสตรีเป็นผู้นำ น่าติเตียนบุศคลที'ตกอยู่ในอำนาจของสตรี

วาดมิคชาดก ชาดกว่าด้วยโทษของการติดในรสอาหาร สถๆนฑึ่ดรสขาดก เซตวันมหาวิหาร นครลาวัตถี สาเ,ร/)ดุ'ที่ตรัสขาดก ครั้งหนึ่งในสมัย'คุทธกาล เมื่อพระสัมมาส้ม'คุทธเจ้าประทับ อยู่ ณ เว'ฬุวันมหาวิหาร นครราชคฤใง์ แคว้นมคธ ประชาซน'ฅั้งหลาย ต่างพากันมา'ฟังพระธรรมเทศนาอยู่เป็นนิจ ในจำนว'นนีมีบุตรชาย เศรษฐีคนหนึ่ง ชื่อ ดิสสกุมาร ด้วย

นิทานชาดกเล่มสอง ๔๙ เมื่อติลลกุมารได้'ฟังพระธรรมเทศนาก็เกิดศรัทธาอย่างแรงกล้า จะขอบวชเป็นภิกษุบ้าง พระพุทธองค์จึงทรงใ'บ้1ปขออนุญาตบิดา มารดาเลียก่อน เมื่อติลลกุมารกลับบ้านไปขออนุญาตออกบวช บิดามารดาไม่เ'ฬ็นด้วย เพราะมีบุตรชายเพียงศนเดียว หวังจะให้เป็น ผู้ลีบสกุลดูแลทรัพย์ลมปติต่อไป ติลลกุมารจึงอดอาหารประท้วงถึง ๗ วัน บิดามารดาจึงใจอ่อนยอมอนุญาต ติลสกุมารจึงบวชอยู่ใน ลํ่านักของพระบรมศาสดา ณ เว'ฬุวันมหาวิหาร'นนเอง ต่อมาประมาณศรึ่งเดือน พระลัมมาลัมพุทธเจ้าเสด็จจาก เว'ฬุวันมหาวิหาร ไปยังแศว้นโกศลเ'พื่อประทับ ณ เขตวันมหาวิหาร นครสาวัตถึ พระติลสะก็ตามเสด็จด้วย ตลอดเวลาทีอยู่นครสาวัตถี พระติสสะตั้งใจปฎิปติธรรมวินัยและรักษา ธุดงค์สิบสามประการ อย่างเคร่งครัด จนกระ'ตั้งเวลาล่วงเลยไปกว่าลิบปี คนทงหลายเห็น จริยวัตรอันงดงามสมํ่าเสมอของท่านก็พาวันนิยมยกย่อง และสรรเสริญ ว่า พระติสสเถระ ตั้งใจปฎิปติธรรมเคร่งครัดราววับพระมหาวัสสปะ ซึ่งพระลัมมาลัมพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าเป็นเลิศในทางถีอธุดงค์ ล่วนบิดามารด'เของพระติสสเถระซึ่งอาศัยอยู่ในนครราชคฤห์ 'นั้น ยังมีความอาลัยในบุตรชายไม'เลื่อมคลาย วันหนึ่งในนครราชคฤห์ มีงานนักขัตฤกษ์ บิดามารดาได้นำเสื้อผ้าเครื่องใช้ของพระติสสเถระ ออกมาดูต่างหน้า แล้วกอดไว้วับอก ฝ่ายมารดารํ่าไห้พลางพรํ่า รำ พันว่า \"บัดน ลูกรักของแม่นั่งอยู่ที่ไหนหนอ.... ยืนอยู่ที่ไหนหนอ.... ทุกปี เมื่อถึงวันงานนี้ ลูกของแม่เคยสวมใส'ประดับประดาด้วยเสื้อผ้า