๕. อ.เร่ืองแห่งกุมารช่ือว่าอนิตถคิ ันธะ ๕. อนิตถฺ คิ นฺธกุมารวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทับอยู่ ในพระเชตวัน ทรงปรารภ “กามโต ชายเตติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน ซึ่งกุมารชื่อว่าอนิตถิคันธะ ตรัสแล้ว ซ่ึงพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า วหิ รนฺโต อนิตฺถิคนฺธกมุ ารํ อารพฺภ กเถส.ิ กามโต ชายเต ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ (อ.กมุ าร) นนั้ เป็นสตั ว์ผ้เู คลอ่ื นแล้ว จากพรหมโลก โส กริ พรฺ หมฺ โลกา จตุ สตโฺ ต สาวตถฺ ยิ ํ มหาโภคกเุ ล (เป็น) บงั เกิดแล้ว ในตระกลู มีโภคะมาก ในเมืองชื่อวา่ สาวตั ถี ยอ่ ม นิพฺพตฺโต อชิตาตฺถิยทาิวสคโตยฺหมปาฏโฺฐนายโรทอติต,ิ ฺถวีสตมฺถีปํจมุ อพฺ ปุ ิตคเนกนฺตํุ ไมป่ รารถนา เพอ่ื อนั เข้าไป สทู่ ใี่ กล้แหง่ หญิง จำ� เดมิ แตว่ นั (แหง่ ตน) น อิจฺฉต,ิ เกิดแล้ว, อนั หญิง จบั อยู่ ยอ่ มร้องไห้, (อ.มารดา) อ้มุ แล้ว (ซง่ึ กมุ าร) นํ คเหตฺวา ถญฺญํ ปาเยต.ิ นนั้ ด้วยเทริดอนั เป็นวิการแหง่ ผ้า ยอ่ ม (ยงั กมุ าร นนั้ ) ให้ดื่มกิน ซงึ่ น�ำ้ นม ฯ (อ.กมุ าร)นนั้ ผ้ถู งึ แล้วซงึ่ วยั (ครัน้ เม่ือค�ำ)วา่ แนะ่ พอ่ (อ.เราท.) โส วยปปฺ ตฺโต มาตาปิ ตหู ิ “ตาต อาวาหนฺเต จกั กระทำ� ซง่ึ อาวาหะ แกเ่ จ้า ดงั นี ้ (อนั มารดาและบดิ า ท.) กลา่ วแล้ว, กริสฺสามาติ วตุ ฺเต, “น เม อิตฺถิยา อตฺโถติ ปฏิกฺขิปิ ตฺวา ห้ามแล้ว ว่า อ.ความต้องการ ด้วยหญิง (มีอยู่) แก่กระผม ปนุ ปปฺ นุ ํ ยาจิยมาโน ปญฺจสเต สวุ ณฺณกาเร หามไิ ด้ ดงั นี ้ (อนั มารดาและบดิ า ท.) อ้อนวอนอยู่ บอ่ ย ๆ (ยงั บคุ คล) ปกฺโกสาเปตฺวา รตฺตสุวณฺณสฺส นิกฺขสหสฺสํ ให้ร้องเรียกแล้ว (ซงึ่ บคุ คล ท.) ผ้กู ระท�ำซงึ่ ทอง มีร้อยห้าเป็น- ทาเปตฺวา อติวิย ปาสาทิกํ ฆ“ตนาโตกฏฺ ฏติมยํิ อิตฺถีรูปํ ประมาณ (ยงั บคุ คล) ให้ให้แล้ว ซงึ่ พนั แหง่ ลมิ่ แหง่ ทองอนั มีสีสกุ กาเรตฺวา, ปนุ มาตาปิ ตหู ิ อาวาหํ (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซงึ่ รูปแหง่ หญิง อนั บคุ คลพงึ บโุ ดยความ ออากเโนรนสฺเฺสตามากตลุ ิ วํโวสตุ ฺเตน,ปปฺ “เตติฏนฺ ฐหหิ ิสฺสสตเจิ, กมุ าริกนฺเต เป็นแทง่ อนั ยงั ความเล่อื มใสให้เกิด เกินเปรียบ, (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ เม เอวรูปํ แนะ่ พอ่ ครัน้ เม่ือเจ้า ไมก่ ระท�ำอยู่ ซงึ่ อาวาหะ อ.วงศ์แหง่ ตระกลู กมุ าริกํ อาเนสฺสถ, กริสฺสามิ โว วจนนฺติ ตํ จกั ไมต่ งั้ อยเู่ ฉพาะ, อ.เรา ท. จกั น�ำมา ซง่ึ เดก็ หญิง แก่เจ้า ดงั นี ้ สวุ ณฺณรูปกํ ทสเฺ สส.ิ อนั มารดาและบดิ า ท. กลา่ วแล้ว อีก, (กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ ถ้าวา่ (อ.ทา่ น ท.) จกั น�ำมา ซงึ่ เดก็ หญิง ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป แก่ กระผมไซร้,(อ.กระผม)จกั กระท�ำซงึ่ ค�ำของทา่ นท.ดงั นีแ้ สดงแล้ว ซง่ึ รูปเปรียบอนั เป็นวิการแหง่ ทอง นนั้ ฯ ครัง้ นนั้ อ.มารดาและบดิ า ท. (ของกมุ าร) นนั้ (ยงั บคุ คล) อถสฺส มาตาปิ ตโร อภิญฺญาเต พฺราหฺมเณ ให้ร้องเรียกแล้ว ซง่ึ พราหมณ์ ท. ผู้ (อนั มหาชน) รู้ยง่ิ แล้ว (บอกแล้ว) ปกฺโกสาเปตฺวา “อมหฺ ากํ ปตุ ฺโต มหาปญุ ฺโญ, อวสสฺ ํ วา่ อ.บตุ ร ของเรา ท. เป็นผ้มู ีบญุ มาก (ยอ่ มเป็น), อ.เดก็ หญิง อิมินา สทฺธึ กตปญุ ฺญา กมุ าริกา ภวิสฺสต;ิ คจฺฉถ, ผู้มีบุญอันกระท�ำแล้ว กับ (ด้ วยบุตร) นี ้ จักมี แน่แท้ , อิมํ สวุ ณฺณรูปกํ คเหตฺวา เอวรูปํ กมุ าริกํ อาหรถาติ (อ.ทา่ น ท.) จงไป, ถือเอาแล้ว ซง่ึ รูปเปรียบอนั เป็นวิการแหง่ ทอง นี ้ ปหิณสึ .ุ จงน�ำมา ซง่ึ เดก็ หญิง มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ดงั นี ้สง่ ไปแล้ว ฯ (อ.พราหมณ์ ท.) เหลา่ นนั้ (รับพร้อมแล้ว) วา่ อ.ดีละ ดงั นี ้เที่ยว เต “สาธตู ิ จาริกํ จรนฺตา มทฺทรฏฺ เฐ สาคลนครํ ไปอยู่ สทู่ ่ีจาริก ถงึ แล้ว ซง่ึ เมืองช่ือวา่ สาคละ ในแวน่ แคว้นชื่อวา่ คตา. มทั ทะ ฯ ก็ อ.เดก็ หญิง ผ้มู ีรูปงาม ผ้อู นั บคุ คลพงึ แสดงขนึ ้ วา่ มีกาลฝน ตสมฺ ึ จ นคเร เอกา โสฬสวสสฺ ทุ ฺเทสกิ า อภิรูปา ๑๖ นางหนง่ึ ได้มีแล้ว ในเมือง นนั้ ฯ กมุ าริกา อโหส.ิ อ.มารดาและบดิ า ท. (ยงั เดก็ หญิง) นนั้ ให้อยแู่ ล้ว ที่พืน้ อนั มี- ตํ มาตาปิ ตโร สตฺตภมู ิกสสฺ ปาสาทสฺส อปุ ริมตเล ในเบือ้ งบน แหง่ ปราสาท อนั ประกอบแล้วด้วยชนั้ ๗ ฯ วาเสสํ.ุ อ.พราหมณ์ ท. แม้เหลา่ นนั้ แล (ปรึกษากนั แล้ว) วา่ ถ้าวา่ เตปิ โข พฺราหฺมณา “สเจ อิธ เอวรูปา กมุ าริกา อ.เดก็ หญิง ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป จกั มี (ในที่) นี ้ไซร้, ภวสิ ฺสต,ิ 146 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.ชน ท.) เห็นแล้ว (ซ่ึงรูปเปรียบอันเป็ นวิการแห่งทอง) นี ้ อิมํ ทิสฺวา `อยํ อสกุ กลุ สฺส ธีตา วิย อภิรูปาติ จกั กลา่ ว วา่ (อ.หญงิ ) นี ้เป็นผ้มู รี ูปงาม ราวกะ อ.ธดิ า ของตระกลู โน้น วกฺขนฺตีติ ตํ สวุ ณฺณรูปกํ ตติ ฺถมคฺเค ฐเปตฺวา เอกมนฺตํ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ดงั นี ้วางไว้แล้ว ซง่ึ รูปเปรียบอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง นิสีทสึ .ุ นนั้ ใกล้หนทางเป็นที่ไปสทู่ า่ นงั่ แล้ว ณ สว่ นข้างหนง่ึ ฯ ครัง้ นนั้ อ.หญิงแมน่ ม (ของเดก็ หญิง) นนั้ ยงั เดก็ หญิง นนั้ อถสฺสา กมุ าริกาย ธาตี ตํ กมุ าริกํ นหาเปตฺวา ให้อาบแล้ว เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั อาบ แม้เอง เป็น ผ้มู าแล้ว สทู่ า่ สยํปิ นหายิตกุ ามา หตุ ฺวา ตติ ฺถํ อาคตา ตํ เหน็ แล้ว ซง่ึ รูปเปรียบ นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ โอ (อ.ทา่ น) เป็นผ้อู นั ฉนั รูปกํ ทิสวฺ า “ธีตา เมติ สญฺญาย “อโห ทพุ ฺพินีตาส,ิ แนะน�ำได้โดยยากแล้ว ยอ่ มเป็น, อ.ฉนั ยงั ทา่ น ให้อาบแล้ว เป็น อิทาเนวาหํ ตํ นหาเปตฺวา นิกฺขนฺตา, ตฺวํ มยา ผ้อู อกไปแล้ว ในกาลนีน้ น่ั เทียว (ยอ่ มเป็น), อ.ทา่ น เป็นผ้มู าแล้ว ปเุ รตรํ อิธาคตาสตี ิ หตฺเถน ปหริตฺวา ถทฺธภาวญฺเจว (ในท่ี) นี ้ ก่อนกวา่ กวา่ ฉนั ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ด้วยความสำ� คญั วา่ นิพฺพิการญฺจ ญตฺวา “อยํ มม ธีตาติ สญฺญํ อกาส,ึ อ.ธิดา ของเรา ดงั นี ้ ตีแล้ว ด้วยมือ รู้แล้ว ซง่ึ ความเป็นแหง่ กินฺนาเมตนฺติ อาห. ของแข็งด้วยนนั่ เทียว ซง่ึ ความเป็นแหง่ การเปลยี่ นแหลงด้วย กลา่ วแล้ว วา่ (อ.เรา) ได้กระทำ� แล้ว ซง่ึ ความสำ� คญั วา่ (อ.หญงิ ) นี ้ เป็นธิดา ของเรา (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ (อ.เหต)ุ นนั่ ช่ือ อะไร ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.พราหมณ์ ท. เหลา่ นนั้ ถามแล้ว (ซงึ่ หญิง) นนั้ วา่ อถ นํ เต พฺราหฺมณา “เอวรูปา เต อมมฺ ธีตาติ แนะ่ แม่ อ.ธิดา ของทา่ น เป็นผ้มู ีรูปอยา่ งนี ้ (ยอ่ มเป็น หรือ) ดงั นี ้ ฯ ปจุ ฺฉึส.ุ “อยํ มม ธีตุ สนฺตเิ ก กึ อคฺฆตีต.ิ “เตนหิ เต (อ.หญิง นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.หญิง) นี ้จะถงึ คา่ ซงึ่ อะไร ในที่ใกล้ ธีตรํ อมหฺ ากํ ทสเฺ สหีต.ิ สา เตหิ สทฺธึ เคหํ คนฺตฺวา แหง่ ธิดา ของดิฉนั ดงั นี ้ ฯ (อ.พราหมณ์ ท. กลา่ วแล้ว) วา่ สามิกานํ อาโรเจส.ิ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ทา่ น) ขอจงแสดง ซงึ่ ธิดา ของทา่ น แก่เรา ท. ดงั นี ้ฯ (อ.หญิง) นนั้ ไปแล้ว สเู่ รือน กบั (ด้วยพราหมณ์ ท.) เหลา่ นนั้ บอกแล้ว แก่นาย ท. ฯ (อ.นาย ท.) เหลา่ นนั้ มคี วามพลอยบนั เทงิ พร้อมเฉพาะอนั กระทำ� แลว้ เต พฺราหฺมเณหิ สทฺธึ กตปปฺ ฏิสมโฺ มทนา ธีตรํ กบั ด้วยพราหมณ์ ท. เหลา่ นนั้ ยงั ธิดา ให้ข้ามลงแล้ว พกั ไว้แล้ว โฐอเปตสาํ.ุเรสตวุ ฺวณาฺณเหรูปฏฺกฐาํ นปิปาปฺสาภเํ ทอโหสสวุ .ิณฺณรูปกสฺส สนฺตเิ ก ในที่ใกล้ แห่งรูปเปรียบอันเป็ นวิการแห่งทอง ในภายใต้แห่ง- ปราสาท ฯ อ.รูปเปรียบอันเป็ นวิการแห่งทอง เป็ นรูปมีรัศมี ออกแล้ว ได้เป็นแล้ว ฯ อ.พราหมณ์ ท. ให้แล้ว (ซงึ่ รูปเปรียบอนั เป็นวิการแหง่ ทอง) พฺราหฺมณา ตํ เตสํ ทตฺวา กมุ าริกํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา นนั้ (แกช่ น ท.) เหลา่ นนั้ (ยงั ชน ท. เหลา่ นนั้ ) ให้รบั รองแล้ว ซง่ึ เดก็ หญงิ คนฺตฺวา อนิตฺถิคนฺธกมุ ารสฺส มาตาปิ ตนู ํ อาโรจยสึ .ุ ไปแล้ว บอกแล้ว แก่มารดาและบิดา ท. ของกุมารชื่อว่า อนิตถิคนั ธะ ฯ (อ.มารดาและบดิ า ท.) เหลา่ นนั้ มใี จอนั ยนิ ดแี ล้ว (กลา่ วแล้ว) วา่ เต ตสฏุ กฺฐฺกมาาเนรนสาปห“ิณคจสึ ฺฉ.ุ ถ, ตํ สีฆํ อาเนถาติ (อ.ทา่ น ท.) จงไป, จงน�ำมา (ซงึ่ เดก็ หญิง) นนั้ พลนั ดงั นี ้สง่ ไปแล้ว มหนฺเตน ด้วยสกั การะ อนั ใหญ่ ฯ แม้ อ.กมุ าร ฟังแล้ว ซงึ่ ความเป็นไปทว่ั นนั้ ยงั ความรัก ให้เกิด กมุ าโรปิ ตํ ปวตฺตึ สตุ ฺวา “กาญฺจนรูปกโตปิ ขนึ ้ แล้ว ด้วยอ�ำนาจแหง่ การฟัง วา่ ได้ยินวา่ อ.เดก็ หญิง มีรูปงาม กิร อภิรูปตรา ทาริกา อตฺถีติ สวนวเสน สเิ นหํ กวา่ แม้กวา่ รูปเปรียบอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง มอี ยู่ ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว วา่ อปุ ปฺ าเทตฺวา “สีฆํ อาเนถาติ อาห. (อ.ทา่ น ท.) จงน�ำมา พลนั ดงั นี ้ฯ (อ.เดก็ หญงิ ) แม้นนั้ แล (อนั บคุ คล) ยกขนึ ้ แล้ว สยู่ าน นำ� มาอยู่ สาปิ โข ยานํ อาโรเปตฺวา อานียมานา มีโรคอนั เกิดแล้วแตล่ ม อนั ความตามกระทบแหง่ ยาน ให้เกิดขนึ ้ อตสิ ขุ มุ าลตาย ยานานฆุ าเตน สมปุ ปฺ าทิตวาตโรคา พร้อมแล้ว ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ กาละ ในระหวา่ งแหง่ หนทางนน่ั เทียว อนฺตรามคฺเคเยว กาลมกาส.ิ เพราะความที่ (แหง่ ตน) เป็นผ้ลู ะเอียดออ่ นย่ิง ฯ ผลติ ส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 147 www.kalyanamitra.org
แม้ อ.กมุ าร ยอ่ มถาม ตอ่ เนื่อง วา่ อ.เดก็ หญิง มาแล้ว หรือ กมุ าโรปิ “อาคตาติ นิรนฺตรํ ปจุ ฺฉต.ิ ตสสฺ ดงั นี ้ฯ (อ.ชน ท.) ไมบ่ อกแล้ว (แกก่ มุ าร) นนั้ ผ้ถู ามอยู่ ด้วยความรกั ยงิ่ อตสิ เิ นเหน ปจุ ฺฉนฺตสฺส สหสาว อนาโรเจตฺวา โดยพลันเทียว กระท�ำแล้ว ซ่ึงความผัดเพีย้ น สิน้ วันเล็กน้อย กตปิ าหํ วิกฺเขปํ กตฺวา ตมตฺถํ อาโรจยสึ .ุ บอกแล้ว ซงึ่ เนือ้ ความ นนั้ ฯ (อ.กุมาร) นัน้ มีความโทมนัสอันเกิดขึน้ แล้ว ว่า (อ.เรา) โส “ตถารูปาย นาม อิตฺถิยา สทฺธึ สมาคมํ ไมไ่ ด้ได้แล้ว ซงึ่ การสมาคม กบั ด้วยหญิง ช่ือ มีรูปอยา่ งนนั้ ดงั นี ้ นาลตถฺ นตฺ ิ อปุ ปฺ นนฺ โทมนสโฺ ส ปพพฺ เตน วยิ โสกทกุ เฺ ขน เป็นผู้ อนั ความทกุ ข์คือความโศก อนั ราวกะวา่ ภเู ขา ทว่ มทบั แล้ว อชฺโฌตฺถโฏ อโหส.ิ ได้เป็นแล้ว ฯ อ.พระศาสดา ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ อปุ นิสยั (ของกมุ าร) นนั้ เสดจ็ สตฺถา ตสสฺ อปุ นฺ ิสฺสยํ ทิสฺวา ปิ ณฺฑาย จรนฺโต เท่ียวไปอยู่ เพ่ือก้อนข้าว ได้เสดจ็ ไปแล้ว สปู่ ระตแู หง่ เรือน นนั้ ฯ ตํ เคหทฺวารํ อคมาส.ิ อถสฺส มาตาปิ ตโร สตฺถารํ ครัง้ นนั้ อ.มารดาและบดิ า ท. (ของกมุ าร) นนั้ ทลู ยงั พระศาสดา อนฺโตเคหํ ปเวเสตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวสิ สึ .ุ สตฺถา ให้เสดจ็ เข้าไปแล้ว สภู่ ายในแหง่ เรือน องั คาสแล้ว โดยเคารพ ฯ ภตฺตกิจฺจาวสาเน “กหํ อนิตฺถิคนฺธกมุ าโรติ ปจุ ฺฉิ. อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว วา่ อ.กมุ ารชื่อวา่ อนิตถิคนั ธ์ (ไปแล้ว) “เอส ภนฺเต อาหารุปจฺเฉทํ กตฺวา อนฺโตคพฺเภ (ในท่ี)ไหน ดงั นี ้ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ กิจด้วยภตั ร ฯ (อ.ชน ท. นิปนฺโนต.ิ “ปกฺโกสถ นนฺต.ิ เหลา่ นนั้ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.กมุ ารช่ือวา่ อนิตถิคนั ธะ กระท�ำแล้ว ซงึ่ การเข้าไปตดั ซง่ึ อาหาร นอนแล้ว ในภายในแหง่ ห้อง ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงร้องเรียก (ซงึ่ กมุ าร) นนั้ ดงั นี ้ฯ (อ.กมุ าร)นนั้ มาแล้ว ถวายบงั คมแล้ว ซงึ่ พระศาสดา นง่ั แล้ว โส อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ณ สว่ นข้างหนงึ่ , (ครัน้ เมื่อพระด�ำรัส) วา่ ดกู ่อนกมุ าร อ.ความโศก นิสีทิตฺวา, สตฺถารา “กึ นุ โข เต กมุ าร พลวโสโก มกี ำ� ลงั เกดิ ขนึ ้ แล้ว แกท่ า่ น หรือ หนอ แล ดงั นี อ้ นั พระศาสดา ตรสั แล้ว, อปุ ปฺ นฺโนติ วตุ ฺเต, “อาม ภนฺเต, `เอวรูปา นาม กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ พระเจ้าข้า, อ.ความโศกมี อิตฺถี อนฺตรามคฺเค กาลกตาติ สตุ ฺวา พลวโสโก เม กำ� ลงั เกดิ ขนึ ้ แล้ว แกข่ ้าพระองค์ เพราะฟัง วา่ อ.หญิง ชอ่ื มรี ูปอยา่ ง อปุ ปฺ นฺโน, ภตฺตํปิ เม นจฺฉาเทตีติ อาห. นี ้ เป็นผ้มู ีกาละอนั กระท�ำแล้ว ในระหวา่ งแหง่ หนทาง (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ แม้ อ.ภตั ร ยอ่ มไมช่ อบ แก่ข้าพระองค์ ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (กะกมุ าร) นนั้ วา่ ดกู ่อนกมุ าร อถ นํ สตฺถา อาห “ชานาสิ ปน ตฺวํ กมุ าร `กินฺเต ก็ อ.ทา่ น ยอ่ มรู้ วา่ อ.ความโศก เกิดขนึ ้ แล้ว แก่ทา่ น เพราะอาศยั นิสสฺ าย โสโก อปุ ปฺ นฺโนต.ิ “น ชานามิ ภนฺเตต.ิ “กามํ ซง่ึ อะไร (ดงั นี)้ ดงั นีฯ้ (อ.กมุ าร กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์- นิสฺสาย เต กมุ าร พลวโสโก อปุ ปฺ นฺโน, โสโก วา หิ ผ้เู จริญ (อ.ข้าพระองค)์ ยอ่ มไมร่ ู้ ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา) ตรัสแล้ว วา่ ภยํ วา กามํ นิสฺสาย อปุ ปฺ ชฺชตีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห ดกู ่อนกมุ าร อ.ความโศกมีก�ำลงั เกิดขนึ ้ แล้ว แก่ทา่ น เพราะอาศยั ซง่ึ กาม, จริงอยู่ อ.ความโศก หรือ หรือวา่ อ.ความกลวั ยอ่ มเกิดขนึ ้ เพราะอาศยั ซงึ่ กาม ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้ วา่ อ.ความโศก ย่อมเกิด แต่กาม, อ.ความกลวั ย่อมเกิด “กามโต ชายเต โสโก, กามโต ชายเต ภยํ; แต่กาม, (เมื่อบุคคล) หลุดพ้นวิเศษแล้ว จากกาม, กามโต วิปปฺ มตุ ฺตสฺส นตฺถิ โสโก, กโุ ต ภยนตฺ ิ. อ.ความโศก ย่อมไม่มี, อ.ความกลวั (จกั มี) (แต่ที)่ ไหน ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) แตว่ ตั ถกุ ามและกเิ ลสกาม (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ ตตฺถ “กามโตติ: วตฺถุกามกฺกิเลสกามโต, นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ กามโต ดงั นี,้ อ.อธิบายวา่ (อ.ความโศก ทพุ ฺพิธํเปตํ กามํ นิสฺสาย ชายตีติ อตฺโถ. หรือ หรือวา่ อ.ความกลวั ) ยอ่ มเกิด เพราะอาศยั ซงึ่ กาม แม้มีอยา่ ง ๒ นนั่ ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา อ.กมุ ารช่ือวา่ อนิตถิคนั ธะ ตงั้ เทสนาวสาเน อนิตฺถิคนฺธกมุ าโร โสตาปตฺติผเล อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตติผล ดงั นีแ้ ล ฯ ปตฏิ ฺฐหีต.ิ อ.เร่ืองกุมารช่ือว่าอนิตถคิ ันธะ อนิตถฺ คิ นฺธกุมารวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ 148 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๖. อ.เร(่ือองันแขห้า่งพพเรจา้าหจมะณก์ลค่านวใ)ดฯคนหน่ึง ๖.อญญฺ ตรพรฺ าหมฺ ณวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เม่ือประทับอยู่ ในพระเชตวัน ทรงปรารภ “ตณฺหาย ชายเตติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซึ่งพราหมณ์ คนใดคนหน่ึง ตรัสแล้ว ซึ่งพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า เชตวเน วิหรนฺโต อญฺญตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถส.ิ ตณฺหาย ชายเต ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ (อ.พราหมณ์) นนั้ เป็นผ้มู ีความเหน็ ผิด (เป็น) ไปแล้ว เขตฺตโํสโสกเธิรต.ิมิจฺฉาทิฏฺฐโิ ก เอกทิวสํ นทีตีรํ คนฺตฺวา สฝู่ ั่งแหง่ แมน่ �ำ้ ในวนั หนง่ึ ยงั นา ยอ่ มให้หมดจด ฯ อ.พระศาสดา ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ ความถงึ พร้อมแหง่ อปุ นิสยั สตฺถา ตสฺส อปุ นิสฺสยสมปฺ ตฺตึ ทิสวฺ า ตสฺส สนฺตกิ ํ (ของพราหมณ์) นนั้ ได้เสดจ็ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั (ของพราหมณ์) นนั้ ฯ อคมาส.ิ (อ.พราหมณ์) นนั้ แม้เหน็ แล้ว ซง่ึ พระศาสดา ไมก่ ระท�ำแล้ว โส สตฺถารํ ทิสฺวาปิ สามีจิกมมฺ ํ อกตฺวาว ตณุ ฺหี ซง่ึ สามีจิกรรม เทียว เป็นผ้นู ิ่ง ได้เป็นแล้ว ฯ อโหส.ิ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดาตรัสเรียกแล้ว(ซง่ึ พราหมณ์)นนั้ ก่อนกวา่ อถ นํ สตฺถา ปเุ รตรํ อาลปิ ตฺวา “พฺราหฺมณ กึ ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนพราหมณ์ (อ.ทา่ น) กระท�ำอยู่ ซงึ่ อะไร ดงั นี ้ ฯ กโรสีติ อาห. “เขตฺตํ โภ โคตม โสเธมีต.ิ (อ.พราหมณ์ กราบทลู แลว้ ) วา่ ข้าแตพ่ ระโคดม ผ้เูจรญิ อ.ข้าพเจ้า ถางอยู่ ซงึ่ นา ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (ซ่ึงพระด�ำรัส) มีประมาณเท่านี ้ สตฺถา เอตฺตกเมว วตฺวา คโต, นน่ั เทียว เสดจ็ ไปแล้ว ฯ (อ.พระศาสดา) เสดจ็ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั (ของพราหมณ)์ นนั้ ผ้มู าแล้ว ปนุ ทิวเสปิ ตสสฺ เขตฺตํ กสติ ํุ อาคตสฺส เพ่ืออนั ไถ ซง่ึ นา แม้ในวนั รุ่งขนึ ้ ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนพราหมณ์ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา “พฺราหฺมณ กึ กโรสีติ ปจุ ฺฉิตฺวา (อ.ทา่ น) กระท�ำอยู่ ซงึ่ อะไร ดงั นี ้ทรงสดบั แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระโคดม- “เขตฺตํ กสามิ โภ โคตมาติ สตุ ฺวา ปกฺกามิ, ผ้เู จริญ (อ.ข้าพเจ้า) ไถอยู่ ซงึ่ นา ดงั นี ้ เสดจ็ หลกี ไปแล้ว, เสดจ็ ไปแล้ว ปนุ ทิวสาทีสปุ ิ ตเถว คนฺตฺวา ปจุ ฺฉิตฺวา “โภ โคตม ตรัสถามแล้ว อยา่ งนนั้ นนั่ เทียว (ในวนั ท.) แม้มีวนั รุ่งขนึ ้ เป็นต้น เขตฺตํ วปามิ นิทฺเธมิ รกฺขามีติ สตุ ฺวา ปกฺกามิ. ทรงสดบั แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระโคดม ผ้เู จริญ (อ.ข้าพเจ้า) หวา่ นอยู่ ซง่ึ นา ไขอยู่ (ซง่ึ น�ำ้ ) รักษาอยู่ (ซง่ึ นา) ดงั นี ้เสดจ็ หลกี ไปแล้ว ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั หนง่ึ อ.พราหมณ์ ทลู แล้ว (กะพระศาสดา) อถ นํ เอกทิวสํ พฺราหฺมโณ อาห “โภ โคตม พระองค์นนั้ วา่ ข้าแตพ่ ระโคดมผ้เู จริญอ.ทา่ นเป็นผ้มู าแล้วจ�ำเดิม สตสฺวํฺสํเขตสฺตมํ ปฺ โชสฺชธิสนสฺ ทติว,ิสโตตยุ ปฺหฏํปฺฐิ ายสวํ อภิ าาคคโํต, สเจ เม แต่วันเป็ นท่ียังนาให้หมดจด (ย่อมเป็ น), ถ้าว่า อ.ข้าวกล้า กริสฺสามิ, ของข้าพเจ้า จกั ถงึ พร้อม ไซร้, (อ.ข้าพเจ้า) จกั กระท�ำ ซง่ึ การแบง่ ตยุ ฺหํ อทตฺวา สยํ น ขาทิสสฺ ามิ; อิโตทานิ ปฏฺ ฐาย แม้แก่ทา่ น, (อ.ข้าพเจ้า) ไมใ่ ห้แล้ว แก่ทา่ น จกั ไมเ่ คีย้ วกิน แม้เอง, ตฺวํ มม สหาโยต.ิ อ.ท่าน เป็ นสหาย ของข้าพเจ้า (จงเป็ น) จ�ำเดิม (แต่วนั ) นี ้ ในกาลนี ้ดงั นี ้ฯ ครงั้ นนั้ โดยสมยั อน่ื อกี อ.นา (ของพราหมณ)์ นนั้ ถงึ พร้อมแล้ว ฯ อถสฺส อปเรน สมเยน สสฺสํ สมฺปชฺชิ. (เมอื่ พราหมณ์) นนั้ เป็นผ้มู กี จิ ทงั้ ปวงอนั กระทำ� แล้ว เพอ่ื อนั เกย่ี ว ตสฺส “สมปฺ นฺนํ เม สสฺสํ, เสฺวทานิ ลายาเปสฺสามีติ (ด้วยความคดิ ) วา่ อ.ข้าวกล้า ของเรา ถงึ พร้อมแล้ว, (อ.เรา ยงั บคุ คล) ลายนตฺถํ กตสพฺพกิจฺจสสฺ รตฺตึ มหาเมโฆ วสสฺ ติ ฺวา จกั ให้เกี่ยว ในวนั พรุ่ง ในกาลนี ้ดงั นี ้(มีอย)ู่ อ.เมฆก้อนใหญ่ ตกแล้ว สพฺพํ สสสฺ ํ หริ. ในราตรี พดั ไปแล้ว ซงึ่ ข้าวกล้าทงั้ ปวง ฯ อ.นา เป็นเชน่ กบั ด้วยท่ี (อนั บคุ คล) ถากแลว้ ตงั้ไว้แลว้ ได้เป็นแลว้ ฯ เขตฺตํ ตจฺเฉตฺวา ฐปิ ตสทิสํ อโหส.ิ ก็ อ.พระศาสดา ได้ทรงทราบแล้ว ในวันแรกนั่นเทียวว่า สตฺถา ปน ปฐมทิวสํเยว “ตํ สสสฺ ํ น สมปฺ ชฺชิสฺสตีติ อ.ข้าวกล้า นนั้ จกั ไมถ่ งึ พร้อม ดงั นี ้ในวนั แรกนนั่ เทียว ฯ อญฺญาส.ิ ผลิตสือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 149 www.kalyanamitra.org
อ.พราหมณ์ ผ้ไู ปแล้ว ในเวลาเช้าเทียว (ด้วยความคดิ ) วา่ พฺราหฺมโณ ปาโตว “เขตฺตํ โอโลเกสฺสามีติ (อ.เรา) จกั ตรวจดู ซงึ่ นา ดงั นี ้เหน็ แล้ว ซงึ่ นา อนั เปลา่ มีความโศก คโต ตจุ ฺฉํ เขตฺตํ ทิสวฺ า อปุ ปฺ นฺนพลวโสโก จินฺเตสิ มีก�ำลงั เกิดขนึ ้ แล้ว คดิ แล้ว วา่ อ.พระสมณะ ผ้โู คดม มาแล้ว จ�ำเดมิ “สมโณ โคตโม มม เขตฺตํ โสธนกาลโต ปตฏยุ ฺ ฐฺหาํปยิ แต่กาลเป็ นท่ียังนาให้หมดจด ของเรา, แม้ อ.เรา ได้ กล่าวแล้ว อาคโต, อหํปิ ตํ `อิมสฺมึ สสฺเส นิปผฺ นฺเน (กะพระสมณะ ผ้โู คดม) นนั้ วา่ ครนั้ เมอื่ นานี ้ สำ� เร็จแล้ว (อ.ข้าพเจ้า) สวํ ิภาคํ กริสฺสามิ, ตยุ ฺหํ อทตฺวา สยํ น ขาทิสฺสามิ, จกั กระทำ� ซงึ่ การแบง่ แม้แกท่ า่ น, (อ.ข้าพเจ้า) ไมใ่ ห้แล้ว แกท่ า่ น อิโตทานิ ตฺวํ มม สหาโยติ อวจํ, โสปิ เม มโนรโถ จกั ไมเ่ คยี ้ วกนิ เอง, อ.ทา่ น เป็นสหาย ของข้าพเจ้า (จงเป็น) มตฺถกํ น ปาปณุ ีต.ิ (แตว่ นั ) นี ้ ในกาลนี ้ ดงั นี,้ อ.มโนรถ ของเรา แม้นนั้ ไมถ่ งึ แล้ว ซงึ่ ท่ีสดุ ดงั นี ้ฯ (อ.พราหมณ)์ นนั้ กระทำ� แล้ว ซงึ่ การเข้าไปตดั ซง่ึ อาหาร นอนแล้ว โส อาหารุปจฺเฉทํ กตฺวา มญฺจเก นิปชฺชิ. บนเตยี งน้อย ฯ ครงั้ นนั้ อ.พระศาสดา ได้เสดจ็ ไปแล้ว สปู่ ระตแู หง่ เรือน อถสฺส สตฺถา เคหทฺวารํ อคมาส.ิ โส สตฺถุ อาคมนํ (ของพราหมณ์) นนั้ ฯ (อ.พราหมณ์) นนั้ ฟังแล้ว ซงึ่ การเสดจ็ มา สตุ ฺวา “สหายํ เม อาเนตฺวา อิธ นิสที าเปถาติ อาห. แหง่ พระศาสดา กลา่ วแล้ว วา่ (อ.เจ้า ท.) นำ� มาแล้ว ซง่ึ สหาย ของเรา ปริชโน ตถา อกาส.ิ (ยงั สหาย นนั้ ) จงให้นง่ั (ในท)ี่ นี ด้ งั นี ฯ้ อ.ชนผ้เู ป็นบริวาร ได้กระทำ� แล้ว อยา่ งนนั้ ฯ อ.พระศาสดา ประทบั นง่ั แล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ อ.พราหมณ์ สตฺถา นิสที ิตฺวา “กหํ พฺราหฺมโณติ ปจุ ฺฉิตฺวา, (ไปแล้ว) (ในที่) ไหน ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ (อ.พราหมณ์)นอนแล้ว “คพเฺ ภ นปิ นโฺ นติ วตุ เฺ ต, “ปกโฺ กสถ นนตฺ ิ ปกโฺ กสาเปตวฺ า, ในห้อง ดงั นี ้ (อนั ชนผ้เู ป็นบริวาร) กราบทลู แล้ว ทรงยงั ชนผ้เู ป็น อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสนิ ฺนํ อาห “กึ พฺราหฺมณาติ. บริวาร ให้ร้องเรียกแล้ว (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงร้องเรียก “โภ โคตม ตมุ เฺ ห มม เขตฺตํ โสธนทิวสโต ปสวํฏภิฺ ฐาาคยํ ซง่ึ พราหมณ์ นนั้ ดงั นี,้ ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนพราหมณ์ อ.อะไร ดงั นี ้ อาคตา, อหํปิ `สสเฺ ส นิปผฺ นฺเน ตมุ หฺ ากํปิ (กะพราหมณ์) ผู้ มาแล้ว นง่ั แล้ว ณ สว่ นข้างหนง่ึ ฯ (อ.พราหมณ์ กริสฺสามีติ อวจํ, โส เม มโนรโถ น นิปผฺ นฺโน, เตน ทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระโคดม ผ้เู จริญ อ.ทา่ น ท. เป็นผ้มู าแล้ว จ�ำเดมิ เม โสโก อปุ ปฺ นฺโน, ภตฺตํปิ เม นจฺฉาเทตีต.ิ แตว่ นั เป็นทย่ี งั นา ของข้าพเจ้า ให้หมดจด (ยอ่ มเป็น), แม้ อ.ข้าพเจ้า ได้กล่าวแล้ว ว่า ครัน้ เมื่อนา ส�ำเร็จแล้ว (อ.ข้าพเจ้า) จักกระท�ำ ซง่ึ การแบง่ แม้แกท่ า่ น ท. ดงั น,ี ้ อ.มโนรถ ของข้าพเจ้า นนั้ ไมส่ ำ� เร็จ แล้ว, เพราะเหตนุ นั้ อ.ความโศก เกดิ ขนึ ้ แล้ว แกข่ ้าพเจ้า, แม้ อ.ภตั ร ยอ่ มไมช่ อบใจ แก่ข้าพเจ้า ดงั นี ้ฯ ครัง้ นัน้ อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว (ซึ่งพราหมณ์) นัน้ ว่า อถ นํ สตฺถา “ชานาสิ ปน พฺราหฺมณ `กินฺเต ดกู อ่ นพราหมณ์ ก็ (อ.ทา่ น) ยอ่ มรู้ วา่ อ.ความโศก เกดิ ขนึ ้ แล้ว แกท่ า่ น นิสฺสาย โสโก อปุ ปฺ นฺโนติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “น ชานามิ โภ เพราะอาศยั ซง่ึ อะไร ดงั นี ้หรือ ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอื่ คำ� ) วา่ ข้าแตพ่ ระโคดม โคตม, ตฺวํ ปน ชานาสีติ วตุ ฺเต, “อาม พฺราหฺมณ, (อ.ข้าพเจ้า) ยอ่ มไมร่ ู้, ก็ (อ.ทา่ น) ยอ่ มรู้ หรือ ดงั นี ้ (อนั พราหมณน์ นั้ ) อปุ ปฺ ชฺชมาโน หิ โสโก วา ภยํ วา ตณฺหํ นิสสฺ าย กราบทลู แล้ว ตรัสแล้ววา่ ดกู ่อนพราหมณ์ เออ (อ.อยา่ งนนั้ ), อปุ ปฺ ชฺชตีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห จริงอยู่ อ.ความโศก หรือ หรือวา่ อ.ความกลวั เมอื่ เกดิ ขนึ ้ ยอ่ มเกดิ ขนึ ้ เพราะอาศยั ซงึ่ ตณั หา ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ อ.ความโศก ย่อมเกิด แต่ตณั หา, อ.ความกลวั ย่อมเกิด “ตณฺหาย ชายเต โสโก, ตณฺหาย ชายเต ภยํ; แต่ตณั หา, (เมือ่ บคุ คล) หลดุ พน้ วิเศษแลว้ จากตณั หา ตณฺหาย วิปปฺ มตุ ฺตสสฺ นตฺถิ โสโก, กโุ ต ภยนตฺ ิ. อ.ความโศก ย่อมไม่มี, อ.ความกลวั (จกั มี) (แต่ที)่ ไหน ดงั นี้ ฯ 150 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.อรรถ) วา่ แตต่ ณั หาอนั เป็นไปในทวาร ๖ (ดงั นี ้ในบท ท.) เหลา่ ตตฺถ “ตณฺหายาต:ิ ฉทฺวาริกตณฺหาย, เอตํ ตณฺหํ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ ตณฺหาย ดงั นี,้ อ.อธิบาย วา่ (อ.ความโศก นิสสฺ าย อปุ ปฺ ชฺชตีติ อตฺโถ. หรือ หรือวา่ อ.ความกลวั ) นน่ั ยอ่ มเกิดขนึ ้ เพราะอาศยั ซง่ึ ตณั หา นน่ั ดงั นี ้ฯ เทสนาวสาเน พรฺ าหมฺ โณ โสตาปตตฺ ผิ เล ปตฏิ ฺฐหตี .ิ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา อ.พราหมณ์ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ดงั นีแ้ ล ฯ อญญฺ ตรพรฺ าหมฺ ณวตถฺ ุ. อ.เร่ืองแห่งพราหมณ์คนใดคนหน่ึง (จบแล้ว) ฯ ๗. อ.เร่ืองแห่งเดก็ มีร้อยห้าเป็ นประมาณ ๗. ปญจฺ สตทารกวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ “สีลทสสฺ นสมปฺ นฺนนฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา อ.พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภ เวฬวุ เน วิหรนฺโต อนฺตรามคฺเค ปญฺจสเต ทารเก ซงึ่ เดก็ ท. มีร้อยห้าเป็นประมาณ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ อารพฺภ กเถส.ิ วา่ สีลทสสฺ นสมปฺ นฺนํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ เอกทิวสํ หิ สตฺถา อสีตมิ หาเถเรหิ สทฺธึ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ในวนั หนง่ึ อ.พระศาสดา กบั ปญฺจสตภิกฺขปุ ริวาโร ราชคหํ ปิ ณฺฑาย ปวิสนฺโต ด้วยพระมหาเถระ ๘๐ รูป ท. มภี กิ ษมุ รี ้อยห้าเป็นประมาณเป็นบริวาร เอกสฺมึ ฉณทิวเส ปญฺจสเต ทารเก ปวู ปจฺฉิโย เสดจ็ เข้าไปอยู่ สเู่ มืองชื่อวา่ ราชคฤห์ เพื่อก้อนข้าว ได้ทรงเหน็ แล้ว อกุ ฺขิปาเปตฺวา นครา นิกฺขมมฺ อยุ ฺยานํ คจฺฉนฺเต ซง่ึ เดก็ ท. มีร้อยห้าเป็นประมาณ ผู้ (ยงั กนั และกนั ) ให้ยกขนึ ้ แล้ว อทฺทส. ซงึ่ กระเช้าแหง่ ขนม ท. ออกแล้ว จากเมือง ไปอยู่ สสู่ วน ในวนั แหง่ - มหรสพ วนั หนงึ่ ฯ เตปิ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปกฺกมสึ .ุ เอกํ ภิกฺขํปุ ิ (อ.เดก็ ท.) แม้เหลา่ นนั้ ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระศาสดา หลกี ไปแล้ว ฯ “ปวู ํ คณฺหถาติ น วทสึ .ุ (อ.เดก็ ท. เหลา่ นนั้ ) ไมก่ ลา่ วแล้ว วา่ อ.ทา่ น ท. ขอจงรับ ซงึ่ ขนม ดงั นี ้แม้กะภิกษุ รูปหนงึ่ ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.เธอ ท.) จกั ฉนั สตฺถา เตสํ คตกาเล ภิกฺขู อาห “ขาทิสสฺ ถ ซงึ่ ขนม ท. หรือ ดงั นี ้ กะภิกษุ ท. ในกาล (แหง่ ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ ภิกฺขเว ปเู วต.ิ “กหํ ภนฺเต ปวู าต.ิ “กึ น ปสฺสถ ไปแลว้ ฯ (อ.ภกิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ กราบทลู แลว้ ) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เูจรญิ ทารเก ปวู ปจฺฉิโย อกุ ฺขิปาเปตฺวา อตกิ ฺกนฺเตต.ิ อ.ขนม ท. (มอี ย)ู่ (ในท)่ี ไหน ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรสั แลว้ ) วา่ (อ.เธอ ท. ) “ภนฺเต เอวรูปา นาม ทารกา กสฺสจิ ปูวํ ยอ่ มไมเ่หน็ ซง่ึ เดก็ ท. ผู้ (ยงั กนั และกนั )ให้ยกขนึ ้ แลว้ ซง่ึ กระเช้าแหง่ - น เทนฺตีต.ิ “ภิกฺขเว กิญฺจาปิ เอเต มํ วา ตมุ เฺ ห วา ขนม ท. ก้าวลว่ งแล้ว หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.ภกิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ กราบทลู แล้ว) ปเู วหิ น นิมนฺตยสึ ,ุ ปวู สามิโก ปน ภิกฺขุ ว่า ข้ าแต่พระองค์ผู้เจริญ อ.เด็ก ท. ช่ือ มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป ปจฺฉโต อาคจฺฉต,ิ ปเู ว ขาทิตฺวา ว คนฺตํุ วฏฺฏตีต.ิ ยอ่ มไมใ่ ห้ ซงึ่ ขนม แก่ใคร ๆ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. (อ.เดก็ ท.) เหลา่ นน่ั ไมน่ มิ นตแ์ ล้ว ซงึ่ เรา หรือ หรือวา่ ซงึ่ เธอ ท. ด้วยขนม ท. แม้โดยแท้, ถงึ อยา่ งนนั้ อ.ภิกษุ ผ้เู ป็น- เจ้าของแหง่ ขนม ยอ่ มมา ข้างหลงั , อ.อนั (อนั เรา ท.) เคีย้ วกินแล้ว ซงึ่ ขนม ท. เทียว ไป ยอ่ มควร ดงั นี ้ฯ จริงอยู่ อ.ความริษยา หรือ หรือว่า อ.ความประทุษร้ าย พทุ ฺธานํ หิ เอกปคุ ฺคเลปิ อิสสฺ า วา ปโทโส วา แม้ในบคุ คลหนง่ึ ยอ่ มไมม่ ี แก่พระพทุ ธเจ้า ท., นตฺถิ; ผลติ ส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 151 www.kalyanamitra.org
เพราะเหตุนัน้ (อ.พระศาสดา) ตรัสแล้ว (ซ่ึงพระด�ำรัส) นี ้ ตสฺมา อิมํ วตฺวา ภิกฺขสุ งฺฆํ อาทาย เอกสมฺ ึ ทรงพาไปแล้ว ซงึ่ หมแู่ หง่ ภกิ ษุ ประทบั นง่ั แล้ว ทเ่ี งา ณ โคนแหง่ ต้นไม้ รุกฺขมเู ล ฉายาย นิสีทิ. แหง่ หนง่ึ ฯ อ.เด็กชาย ท. เห็นแล้ ว ซึ่งพระเถระช่ือมหากัสสปะ ทารกา มหากสฺสปตฺเถรํ ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ ผ้มู าอยู่ ข้างหลงั เป็นผ้มู คี วามรกั เกดิ ขนึ ้ แล้ว เป็นผ้มู สี รีระเตม็ รอบแล้ว ทิสวฺ า อปุ ปฺ นฺนสเิ นหา ปี ตเิ วเคน ปริปณุ ฺณสรีรา ด้วยกำ� ลงั แหง่ ปีติ เป็น ยงั กระเช้า ท. ให้ข้ามลงแล้ว (วาง) ไหว้แล้ว หตุ ฺวา ปจฺฉิโย ปโจอฺฉตีหาิเรสตทฺวฺธาึเยวเถรอํ กุ ปฺขญิปิ ตฺจฺวปาปฺ ต“คฏิ ฺณฐเิ ตฺหนถ ซง่ึ พระเถระ ด้วยการตงั้ ไว้เฉพาะแหง่ องคห์ ้า ยกขนึ ้ แล้ว ซง่ึ ขนม ท. วนฺทิตฺวา ปเู ว กับ ด้ วยกระเช้ า ท. น่ันเทียว กล่าวแล้ ว กะพระเถระ ว่า ภนฺเตติ เถรํ วทสึ .ุ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ทา่ น) ขอจงรับ ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว (กะเดก็ ชาย ท.) เหลา่ นนั้ วา่ อถ เน เถโร อาห “เอส สตฺถา ภิกฺขสุ งฺฆํ คเหตฺวา อ.พระศาสดา นน่ั พาแลว้ ซง่ึ หมแู่ หง่ ภกิ ษุ ประทบั แลว้ ทโ่ี คนแหง่ ต้นไม้ รุกฺขมเู ล นิสนิ ฺโน, ตมุ เฺ ห เทยฺยธมมฺ ํ อาทาย คนฺตฺวา อ.เธอ ท. ถอื เอาแล้ว ซง่ึ ไทยธรรม ไปแล้ว จงกระท�ำ ซงึ่ การแบง่ ภิกฺขสุ งฺฆสฺส สํวิภาคํ กโรถาต.ิ แก่หมู่แห่งภิกษุ ดังนี ้ ฯ (อ.เดก็ ชาย ท.) เหลา่ นนั้ (รบั พร้อมเฉพาะแลว้ ) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เูจรญิ เต “สาธุ ภนฺเตติ นิวตฺตติ ฺวา เถเรน สทฺธึเยว อ.ดลี ะ ดงั นี ้ กลบั แล้ว ไปแล้ว กบั ด้วยพระเถระ นนั่ เทียว ถวายแล้ว คนฺตฺวา ปเู ว ทตฺวา โอโลกยมานา เอกมนฺเต ฐตฺวา ซงึ่ ขนม ท. ยืนมองอยแู่ ล้ว ในท่ีสดุ ข้างหนง่ึ ได้ถวายแล้ว ซง่ึ นำ� ้ ปริโภคาวสาเน อทุ กํ อทํส.ุ ในกาลอนั เป็นทสี่ ดุ แหง่ การบริโภค ฯ อ.ภิกษุ ท. เพ่งโทษแล้ว ว่า อ.ภิกษา อันเด็กชาย ท. ภิกฺขู อุชฺฌายึสุ “ทารเกหิ มุโขโลกเนน ภิกฺขา ถวายแล้ว ด้วยการแลดซู งึ่ หน้า, (อ.เด็กชาย ท.) ไม่ถามแล้ว ทินฺนา, สมฺมาสมฺพุทฺธํ วา มหาเถเร วา ปูเวหิ ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ หรือว่า ซ่ึงพระเถระผู้ใหญ่ ท. อปุจฺฉิตฺวา มหากสฺสปตฺเถรํ ทิสฺวา ปูเว ปจฺฉีหิ ด้วยขนม ท. เห็นแล้ว ซง่ึ พระเถระช่ือว่ามหากสั สปะ ถือเอาแล้ว สทฺธึเยว อาทาย อาคมสึ ตู .ิ ซงึ่ ขนม ท. กบั ด้วยกระเช้า ท. นน่ั เทยี ว มาแล้ว ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดาสดบั แล้ว ซง่ึ วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว(ของภิกษุท.) สตฺถา เตสํ กถํ สตุ ฺวา “ภิกฺขเว มม ปตุ ฺเตน เหล่านัน้ ตรัสแล้ว ว่า ดูก่อนภิกษุ ท. อ.ภิกษุ ผู้เช่นกับ มหากสสฺ เปน สทิโส ภิกฺขุ เทวมนสุ สฺ านํ ปิ โย โหติ, ด้ วยมหากัสสปะ ผ้เู ป็นบตุ ร ของเรา เป็นท่ีรัก ของเทวดาและ- ตสสฺ จตปุ ปฺ จฺจยปชู ํ กโรนฺตเิ ยวาติ วตฺวา อิมํ มนุษย์ ท. ย่อมเป็ น (อ.เทวดาและมนุษย์ ท.)ยอ่ มกระท�ำ คาถมาห ซงึ่ การบชู าด้วยปัจจยั สี่ (แกม่ หากสั สปะ) นนั้ นนั่ เทยี ว ดงั นี ้ ตรสั แล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ อ.ชน ย่อมกระท�ำ (ซ่ึงบคุ คล) ผูถ้ ึงพร้อมแลว้ ดว้ ยศีล “สีลทสฺสนสมฺปนนฺ ํ ตธํมฺมชโฏนฺ ฐํ สจฺจวาทินํ และทสั สนะ ผตู้ งั้ อยใู่ นธรรม ผกู้ ลา่ วซ่ึงคำ� สตั ย์โดยปกติ อตฺตโน กมฺมกพุ พฺ านํ กรุ ุเต ปิ ยนตฺ ิ. ผูก้ ระท�ำอยู่ ซึ่งงาน ของตน นน้ั ใหเ้ ป็นทีร่ กั ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ด้วยปาริสทุ ธิศีลสีด่ ้วย นนั่ เทียว ตตถฺ สลี ทสสฺ นสมปฺ นนฺ นตฺ :ิ จตปุ ปฺ าริสทุ ธฺ ิสเี ลน ด้วยสมั มาทสั สนะ อนั ประกอบพร้อมแล้วด้วยมรรคและผล ด้วย เจว มคฺคผลสมปฺ ยตุ ฺเตน จ สมมฺ าทสสฺ เนน สมปฺ นฺนํ. ดังนี ้ (แห่ง- ในบท ท.) เหล่านัน้ หนา (-บาทแห่งพระคาถา) ว่า สีลทสุสนสมปฺ นฺนํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ผ้ตู งั้ อยแู่ ล้ว ในธรรมอนั เป็นโลกตุ ตระ อนั มอี ยา่ ง ๙ สจฺฉิกธตมโฺมลกฏฺตุ ฐฺตนรฺตธมิ: มฺ นนฺตวิ วอิเตธฺโถ.โลกุตฺตรธมฺเม ติ ํ, อ(ดนั ังเปน็นี ้ โแลกหตุ่งตบรทะ)อนัวก่าระธทมำ� ใฺมห้ฎแฺจฐ้งํ แลด้วังนี,ด้ งั อน.ี ้(ออธนั ิบบาณั ยฑวติ ่า ผู้มีธรรม- พงึ ทราบ) ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ช่ือวา่ ผ้กู ลา่ วซงึ่ ค�ำสตั ย์โดยปกติ ด้วยสจั จญาณ สจจฺ วาทนิ นฺต:ิ จตนุ ฺนํ สจฺจานํ โสฬสหากาเรหิ เพราะความท่ี แห่งสัจจะ ท. ๔ อันตน กระท�ำให้ แจ้ งแล้ว สจฺฉิกตตฺตา สจฺจญฺญาเณน สจฺจวาทินํ. โดยอาการ ท. ๑๖ (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ สจจฺ วาทนิ ํ ดงั นี ้ฯ 152 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.อรรถ ว่า ผู้ (ยัง- อ.สิกขา ท. ๓ ช่ือว่า งาน ของตน อตตฺ โน กมมฺ กพุ พฺ านนตฺ :ิ อตตฺ โนกมมฺ ํนามตสิ โฺ ส ( - สกิ ขา ท. สาม) เหลา่ นนั้ ให้เตม็ อยู่ ดงั นี ้ (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) สกิ ฺขา, ตา ปรู ยมานนฺติ อตฺโถ. วา่ อตตฺ โน กมมฺ กุพพฺ านํ ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ อ.มหาชนผ้อู ยใู่ นโลก ยอ่ มกระท�ำ ซงึ่ บคุ คล นนั้ ตํ ชโนต:ิ ตํ ปคุ ฺคลํ โลกิยมหาชโน ปิ ยํ กโรติ ให้เป็นท่ีรัก คือวา่ เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั เหน็ เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั ไหว้ โทหฏตฺฐเิ ุกยาวโามติ วนฺทิตกุ าโม จตปุ ปฺ จฺจเยน ปเู ชตกุ าโม เป็นผ้ใู คร่เพอื่ อนั บชู า (ซง่ึ บคุ คล นนั้ ) ด้วยปัจจยั ๔ ยอ่ มเป็นนนั่ เทยี ว อตฺโถ. ดงั นี ้ (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ ตํ ชโน ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา อ.เดก็ ท. เหลา่ นนั้ แม้ทงั้ ปวง เทสนาวสาเน สพฺเพปิ เต ทารกา โสตาปตฺตผิ เล ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ดงั นีแ้ ล ฯ ปตฏิ ฺฐหสึ ตู .ิ อ.เร่ืองแห่งเดก็ มีร้อยห้าเป็ นประมาณ ปญจฺ สตทารกวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ๘. อ.(เอร่ืันองขแ้าหพ่งเจพ้าระจเะถกรละ่าผวู้อ)นฯาคามี ๘. อนาคามติ เฺ ถรวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “ฉนฺทชาโตติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน ซงึ่ พระเถระผ้อู นาคามี รูปหนงึ่ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา วิหรนฺโต เอกํ อนาคามิตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ นี ้วา่ ฉนฺทชาโต ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ในวนั หนง่ึ อ.สทั ธิวหิ าริก ท. ถามแล้ว เอกทิวสํ หิ ตํ เถรํ สทฺธิวหิ าริกา ปจุ ฺฉึสุ “อตฺถิ ซง่ึ พระเถระ นนั้ วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ก็ อ.อนั บรรลซุ งึ่ คณุ วิเศษ ปน โว ภนฺเต วิเสสาธิคโมต.ิ แหง่ ทา่ น ท. มีอยู่ หรือ ดงั นี ้ฯ อ.พระเถระ คดิ แล้ว วา่ แม้ อ.คฤหสั ถ์ ท. ยอ่ มบรรลุ ช่ือ เถโร “อนาคามิผลํ นาม คหสฏทฺ ฐฺธาึ ปิ ปาปณุ นฺต,ิ ซงึ่ อนาคามิผล, อ.เรา จกั กลา่ ว กบั (ด้วยสทั ธิวิหาริก ท.) เหลา่ นนั้ อรหตฺตํ ปตฺตกาเลเยว เตหิ กเถสฺสามีติ ในกาล (แหง่ เรา) บรรลแุ ล้ว ซงึ่ ความเป็นแหง่ พระอรหนั ต์ นน่ั เทียว หรายมาโน กิญฺจิ อกเถตฺวาว กาลกโต สทุ ฺธาวาส- ดงั นี ้ ละอายอยู่ ไม่ กลา่ วแล้ว (ซงึ่ ค�ำ) อะไร ๆ เทียว เป็นผ้มู ีกาละ เทวโลเก นิพฺพตฺต.ิ อนั กระท�ำแล้ว (เป็น) บงั เกิดแล้ว ในเทวโลกช่ือวา่ สทุ ธาวาส ฯ ครัง้ นนั้ อ.สทั ธิวหิ าริก ท. (ของพระเถระ) นนั้ ร้องไห้แล้ว อถสฺส สทฺธิวิหาริกา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา คร�่ำครวญแล้ว ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของพระศาสดา ถวายบงั คมแล้ว สตฺถุ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา โรทนฺตา ว ซงึ่ พระศาสดา ร้องไห้อยเู่ ทียว นงั่ แล้ว ณ สว่ นข้างหนง่ึ ฯ เอกมนฺตํ นิสีทสึ .ุ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (กะภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ วา่ อถ เน สตฺถา “กึ ภิกฺขเว โรทถาติ อาห. ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. (อ.เธอ ท.) ยอ่ มร้องไห้ ทำ� ไม ดงั นี ้ฯ (อ.ภกิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ “อปุ ชฺฌาโย โน ภนฺเต กาลกโตต.ิ “โหตุ ภิกฺขเว, กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ อ.อปุ ัชฌาย์ ของข้าพระองค์ ท. มา จินฺตยิตฺถ, ธวุ ธมโฺ ม นาเมโสต.ิ “อาม ภนฺเต, เป็นผ้มู กี าละอนั กระทำ� แล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรสั แล้ว) มยํปิ ชานาม; อปิ จ มยํ อปุ ชฺฌายํ วเิ สสาธิคมํ วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.ข้อนน่ั ) จงมีเถิด, (อ.เธอ ท.) อยา่ คดิ แล้ว, อปจุ ฺฉิมหฺ า, โส กิญฺจิ อกเถตฺวาว กาลกโต,เตนมหฺ (อ.มรณธรรม) นั่น ช่ือว่า เป็ นธรรมย่ังยืน ย่อมเป็ น ดังนี ้ ฯ ทกุ ฺขิตาต.ิ (อ.ภิกษุ ท. เหล่านัน้ กราบทูลแล้ว) ว่า ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ พระเจ้าข้า (อ.อยา่ งนนั้ ), แม้ อ.ข้าพระองค์ ท. ยอ่ มรู้, เออก็ อ.ข้าพระองค์ ท. ได้ถามแล้ว ซง่ึ การบรรลซุ งึ่ คณุ วเิ ศษ กะอปุ ัชฌาย,์ (อ.อปุ ัชฌาย์) นนั้ ไมก่ ลา่ วแล้ว (ซงึ่ ค�ำ) อะไร ๆ เทียว เป็นผ้มู ีกาละ อันกระท�ำแล้ว (ย่อมเป็ น), เพราะเหตุนัน้ (อ.ข้าพระองค์ ท.) เป็นผ้ถู งึ แล้ว ซง่ึ ทกุ ข์ ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ฯ ผลิตส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 153 www.kalyanamitra.org
อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ว่า ดูก่อนภิกษุ ท. (อ.เธอ ท.) สตฺถา “ภิกฺขเว มา จินฺตยิตฺถ, อปุ ชฺฌาเยน โว อยา่ คดิ แล้ว, อ.อนาคามิผล อนั อปุ ัชฌาย์ ของเธอ ท. บรรลแุ ล้ว, อนาคามิผลํ ปตฺตํ, โส `คหิ ีเปตํ ปาปณุ นฺติ, (อ.อปุ ัชฌาย์ ของเธอ ท.) นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ แม้ อ.คฤหสั ถ์ ท. ยอ่ มบรรลุ อรหตฺตํ ปตฺวาว เนสํ กเถสสฺ ามีติ หรายนฺโต (ซง่ึ อนาคามผิ ล) นนั่ , (อ.เรา) บรรลแุ ล้ว ซง่ึ ความเป็นแหง่ พระอรหนั ต์ ตมุ หฺ ากํ กิญฺจิ อกเถตฺวาว กาลํ กตฺวา สทุ ฺธาวาเสสุ เทยี ว จกั บอก (แกส่ ทั ธวิ หิ าริก ท.) เหลา่ นนั้ ดงั นี ้ละอายอยู่ ไมก่ ลา่ วแล้ว นิพฺพตฺโต; อสฺสาสถ ภิกฺขเว, อปุ ชฺฌาโย โว กาเมสุ (ซง่ึ ค�ำ) อะไร ๆ แก่เธอ ท. เทียว กระท�ำแล้ว ซง่ึ กาละ บงั เกิดแล้ว อปปฺ ฏิพทฺธจิตฺตํ ปตฺโต อทุ ฺธํโสโตติ วตฺวา อิมํ (ในเทพ ท.) ผ้อู ยใู่ นภพชื่อวา่ สทุ ธาวาส, ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.เธอ ท.) คาถมาห จงเบาใจเถดิ , อ.อปุ ัชฌาย์ ของเธอ ท. เป็นผ้ถู งึ แล้ว ซงึ่ จติ อนั ไมเ่ นอื่ ง เฉพาะแล้ว ในกาม ท. เป็นผ้มู ีกระแสในเบือ้ งบน (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ (อ.ภิกษุใด) เป็นผมู้ ีความพอใจอนั เกิดแลว้ (ในพระนิพพาน) “ฉนทฺ ชาโต อนกฺขาเต มนสา จ ผโุ ฏ สิยา อัน (อันใคร ๆ) ไม่บอกแล้ว ด้วย เป็ นผู้ อันใจ กาเมสุ อปปฺ ฏิพทฺธจิตฺโต `อทุ ฺธํโสโตติ วจุ ฺจตีติ. ถูกตอ้ งแลว้ ดว้ ย เป็นผูม้ ีจิตไม่เนือ่ งเฉพาะแลว้ ในกาม ท. ดว้ ย, (อ.ภิกษุนน้ั อนั บณั ฑิต) ย่อมเรียก ว่า เป็นผูม้ ีกระแส- ในเบือ้ งบน ดงั นี้ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) เป็นผ้มู คี วามพอใจอนั เกดิ แลว้ คอื วา่ เป็นผ้ถู งึ แลว้ ตตฺถ “ฉนฺทชาโตติ: กตฺตุกมฺยตาฉนฺทวเสน ซึ่งความอุตสาหะ ด้วยอ�ำนาจแห่งความพอใจในความเป็ น ชาตฉนฺโท อสุ ฺสาหปปฺ ตฺโต. แหง่ บคุ คลผ้ใู คร่เพื่ออนั กระท�ำ (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ ฉนฺทชาโต ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ในพระนิพพาน (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ อนกขฺ าเต อนกขฺ าเตต:ิ นิพฺพาเน. ดงั นี ้ฯ จริงอยู่ (อ.พระนิพพาน) นนั้ ชื่อวา่ อนกั ขาตะ เพราะความที่ ตญฺหิ “อสเุ กน กตํ วา นีลาทีสุ เอวรูปํ วาติ (แห่งพระนิพพาน) เป็ นคุณ (อันใคร ๆ) ไม่พึงกล่าว ว่า อวตฺตพฺพตาย อนกฺขาตํ นาม. (อ.พระนิพพาน) เป็นคณุ (อนั ปัจจยั ) โน้น กระท�ำแล้ว หรือ หรือวา่ เป็นคณุ (ในสี ท.) มสี เี ขยี วเป็นต้นหนา มรี ูปอยา่ งนี ้(ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) เป็นผู้ อนั จิตประกอบพร้อมแล้วด้วยมรรคและ มนสา จ ผโุผฏุโฏปรู ิโสติยาภตเวิ:ยฺยเ.หฏฺ ฐิเมหิ ตีหิ ผล ท. ๓ อนั มีในภายใต้ ถกู ต้องแล้ว คือวา่ ให้เตม็ แล้ว พงึ เป็น มคฺคผลจิตฺเตหิ (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ มนสา จ ผุโฏ สยิ า ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) เป็นผ้มู จี ติ ไมเ่ นอื่ งเฉพาะแล้ว ในกาม ท. ด้วยอำ� นาจ อปปฺ ฏพิ ทธฺ จติ โฺ ตต:ิ อนาคามิมคฺควเสน กาเมสุ แหง่ อนาคามิมรรค ด้วย (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ อปปฺ ฏพิ ทธฺ จติ โฺ ต จ อปปฺ ฏิพทฺธจิตฺโต. ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ อ.ภิกษุ ผ้มู ีรูปอยา่ งนี ้บงั เกิดแล้ว (ในเทพ ท.) ผ้อู ยู่ อุทธฺ โํ สโตต:ิ เอวรูโป ภิกฺขุ อวิเหสุ นิพฺพตฺตติ ฺวา ในภพชอื่ วา่ อวหิ า ไปอยู่ สภู่ พชอื่ วา่ อกนฏิ ฐ์ จำ� เดมิ (แตภ่ พ) นนั้ ด้วย `ตอโทุตฺธํโสปโตฏฺตฐาิ ยวจุ ฺจตป,ิฏิสตนาทฺธิวิโสเสนโว ออปุ กชนฺฌิฏฺฐาํโยตคิ จอฺฉตนฺโฺโถต. อ�ำนาจแหง่ การปฏิสนธิ (อนั บณั ฑิต) ยอ่ มเรียก วา่ เป็นผ้มู ีกระแส ในเบือ้ งบน ดงั นี,้ อ.อปุ ัชฌาย์ ของเธอ ท. เป็นผ้เู ชน่ นนั้ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้(แหง่ บท) วา่ อุทธฺ โํ สโต ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา อ.ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ตงั้ อยู่ เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺตผเล ปตฏิ ฺฐหสึ .ุ เฉพาะแล้ว ในอรหตั ผล ฯ อ.พระเทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั มหาชนสสฺ าปิ สาตฺถิกา เทสนา อโหสีต.ิ ด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว แม้แก่มหาชน ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระผู้อนาคามี อนาคามติ เฺ ถร วตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ 154 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๙(.ออัน.ขเร้า่ือพงเแจห้า่งจนะากยลน่าันวท) ยฯิ ะ ๙. นนฺทยิ วตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในป่ าชื่อวา่ อิสปิ ตนะ ทรงปรารภ “จริ ปปฺ วาสนิ ฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา อิสปิ ตเน ซ่ึงนายนันทิยะ ตรัสแล้ว ซ่ึงพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า จิรปฺปวาสึ วิหรนฺโต นนฺทิยํ อารพฺภ กเถส.ิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ อ.บตุ ร ช่ือวา่ นนั ทิยะ ของตระกลู อนั ถงึ พร้อมแล้ว พาราณสยิ ํ กิร สทฺธาสมปฺ นฺนสฺส กลุ สฺส นนฺทิโย ด้วยศรัทธา ได้มีแล้ว ในเมืองช่ือวา่ พาราณสี ฯ นาม ปตุ ฺโต อโหส.ิ (อ.นายนนั ทยิ ะ) นนั้ เป็นผ้มู รี ูปอนั สมควร แกม่ ารดาและบดิ า ท. โส มาตาปิตนู ํ อนรุ โู ป สทธฺ าสมปฺ นโฺ น สงฆฺ ปุ ฏฺฐาโก ว เป็นผ้ถู งึ พร้อมแล้วด้วยศรทั ธา เป็นผ้บู ำ� รุงซง่ึ สงฆเ์ ทยี ว ได้เป็นแล้ว ฯ อโหส.ิ ครัง้ นนั้ อ.มารดาและบดิ า ท. (ของนายนนั ทิยะ) นนั้ เป็นผู้ อถสฺส มาตาปิ ตโร วยปปฺ ตฺตกาเล สมมฺ ขุ เคหโต ใคร่เพื่ออนั น�ำมา ช่ือซง่ึ นางเรวดี ผ้เู ป็นลกู สาวของลงุ จากเรือน มาตลุ ธีตรํ เรวตึ นาม อาเนตกุ ามา อเหสํ.ุ ในท่ีพร้อมหน้า ในกาล (แหง่ นายนนั ทิยะ) เป็นผ้ถู งึ แล้วซง่ึ วยั ได้เป็นแล้ว ฯ สา ปน อสฺสทฺธา อทานสลี า, นนฺทิโย ตํ ก็ (อ.นางเรวด)ี นนั้ เป็นผ้ไู มม่ ศี รทั ธา เป็นผ้มู อี นั ไมใ่ ห้เป็นปกติ น อิจฺฉิ. อถสฺส มาตา เรวตึ อาห “อมมฺ ตฺวํ อิมสมฺ ึ (ยอ่ มเป็น), อ.นายนนั ทิยะ ไมป่ รารถนาแล้ว (ซง่ึ นางเรวดี) นนั้ ฯ อเคาเสหนานภิ ิกฺขปสุ ญงฺฆฺญสาสฺเปหิ,นิสอชาฺชธนาฏรฺฐเกานํ อปุ ลมิ ปฺ ิ ตฺวา ครัง้ นนั้ อ.มารดา (ของนายนนั ทิยะ) นนั้ กลา่ วแล้ว กะนางเรวดี วา่ ฐเปหิ, ภิกฺขนู ํ แน่ะแม่ อ.เธอ ฉาบทาแล้ว ซ่ึงท่ีเป็ นท่ีนั่ง แห่งหมู่แห่งภิกษุ อาคตกาเล ปตฺเต คเหตฺวา นิสที าเปตฺวา ธมมฺ กรเกน จงปลู าด ซงึ่ อาสนะ ท., จงตงั้ ไว้ ซง่ึ เชิงรอง ท. ในเรือน นี,้ รับแล้ว ปานียํ ปริสสฺ าเวตฺวา ภตุ ฺตกาเล ปตฺเต โธว; เอวํ ซง่ึ บาตร ท. ในกาล แหง่ ภิกษุ ท. มาแล้ว (ยงั ภิกษุ ท.) ให้นง่ั แล้ว เม ปตุ ฺตสฺส อาราธิกา ภวสิ สฺ ตีต.ิ สา ตถา อกาส.ิ กรองแล้ว ซงึ่ นำ� ้ อนั บคุ คลพงึ ดม่ื ด้วยเคร่ืองกรอง จงล้าง ซง่ึ บาตร ท. ในกาล (แหง่ ภตั ร อนั ภิกษุ ท.) ฉนั แล้ว, (อ.เธอ) เป็นผ้โู ปรดปราน แหง่ บตุ ร ของฉนั จกั เป็น ด้วยประการฉะนี ้ดงั นี ้ฯ (อ.นางเรวดี) นนั้ ได้กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ ฯ อถ นํ “โอวาทกขฺ มา ชาตาติ ปตุ ตฺ สสฺ อาโรเจตวฺ า, ครัง้ นนั้ (อ.มารดาและบดิ า ท.) บอกแล้ว (ซง่ึ นางเรวดี) นนั้ เตน “สาธตู ิ สมปฺ ฏิจฺฉิเต, ทิวสํ ฐเปตฺวา อาวาหํ กรึส.ุ แก่บตุ ร วา่ (อ.นางเรวดี) เป็นผ้อู ดทนตอ่ โอวาท เกิดแล้ว ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ อ.ดีละ ดงั นี ้ (อนั นายนนั ทิยะ) นนั้ รับพร้อมแล้ว, ตงั้ ไว้แล้ว ซงึ่ วนั กระท�ำแล้ว ซง่ึ อาวาหะ ฯ อถ นํ นนฺทิโย อาห “สเจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ ครัง้ นนั้ อ.นายนนั ทิยะ กลา่ วแล้ว (กะนางเรวดี) นนั้ วา่ ถ้าวา่ มาตาปิ ตโร จ เมอปอปฺปุ มฏฺตฐหฺติสาสฺ สโ,ิหหเอีตวิ.ํ อิมสมฺ ึ เคเห (อ.เธอ) จกั บำ� รุง ซง่ึ หมแู่ หง่ ภกิ ษุ ด้วย ซงึ่ มารดาและบดิ า ท. ของเรา วตฺถํุ ลภิสฺสสิ, สา “สาธูติ ด้วย ไซร้, (อ.เธอ) จกั ได้ ซงึ่ วตั ถุ ในเรือน นี ้ ด้วยประการฉะน,ี ้ (อ.เธอ) ปฏิสสฺ ณุ ิตฺวา กตปิ าหํ สทฺธา วมยิ าตหาตุปฺวิ ตาโรอกปุ าฏลฺฐมหกนํสฺต.ุ ี เป็นผ้ไู มป่ ระมาทแล้ว จงเป็น ดงั นี ้ ฯ (อ.นางเรวด)ี นนั้ รบั คำ� แล้ว วา่ เทฺว ปตุ ฺเต วชิ ายิ. นนฺทิยสฺสปิ อ.ดีละ ดงั นี ้ เป็นราวกะวา่ มีศรัทธา เป็น บ�ำรุงอยู่ สนิ ้ วนั เลก็ น้อย เคเห สพฺพิสฺสริยํ ตสสฺ าเยว อโหส.ิ คลอดแล้ว ซงึ่ บตุ ร ท. ๒ ฯ อ.มารดาและบดิ า ท. แม้ของนายนนั ทยิ ะ ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ กาละ, อ.ความเป็นใหญ่ทงั้ ปวง ในเรือน ได้มีแล้ว (แก่นางเรวดี) นนั้ นนั่ เทียว ฯ ผลิตสื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 155 www.kalyanamitra.org
แม้ อ.นายนันทิยะ เป็ นเจ้ าของแห่งทานใหญ่ เป็ น นนฺทิโยปิ มาตาปิ ตนู ํ กาลกิริยโต ปปฏฏปฺฺ ฐฐฏเเฺ ฐปปาสสย,.ิิ เร่ิมตงั้ แล้ว ซงึ่ ทาน เพ่ือหมแู่ หง่ ภิกษุ, เริ่มตงั้ แล้ว ซง่ึ วตั ถอุ นั เป็นไป มหาทานปติ หตุ ฺวา ภิกฺขสุ งฺฆสสฺ ทานํ เพ่ือการหงุ ต้ม ณ ประตแู หง่ เรือน (เพ่ือชน ท.) แม้มีชนผ้กู �ำพร้า กปณทฺธิกาทีนํปิ เคหทฺวาเร ปากวตฺตํ และชนผ้ไู ปสหู่ นทางไกลเป็นต้น จ�ำเดมิ แตก่ ารกระท�ำซง่ึ กาละ แหง่ มารดาและบดิ า ท. ฯ ในกาลอันเป็ นส่วนอื่นอีก (อ.นายนันทิยะ) นัน้ ฟังแล้ว โส อปรภาเค สตถฺ ุ ธมมฺ เทสนํ สตุ วฺ า อาวาสทาเน ซง่ึ พระธรรมเทศนา ของพระศาสดา กำ� หนดแลว้ ซงึ่ อานสิ งส์ ในการถวาย อานิสสํ ํ สลลฺ กฺเขตฺวา อิสปิ ตเน มหาวหิ าเร จตหู ิ ซง่ึ อาวาส (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ซงึ่ ศาลา ๔ หลงั อนั ประดบั คพฺเภหิ ปฏิมณฺฑิตํ จตสุ ฺสาลํ กาเรตฺวา มญฺจปี ฐาทีนิ เฉพาะแล้ว ด้วยห้อง ท. ๔ ในมหาวหิ าร ในป่ าชื่อวา่ อิสปิ ตนะ อตฺถราเปตฺวา ตํ อาวาสํ นิยฺยาเทนฺโต พทุ ฺธปปฺ มขุ สสฺ (ยงั บคุ คล) ให้ลาดแล้ว (ซงึ่ วตั ถุ ท.) มเี ตยี งและตงั่ เป็นต้น มอบถวายอยู่ ภิกฺขสุ งฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ตถาคตสสฺ ทกฺขิโณทกํ ซงึ่ อาวาส นนั้ ถวายแล้ว ซง่ึ ทาน แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้า อทาส.ิ เป็นประมขุ ได้ถวายแล้ว ซง่ึ น�ำ้ เพื่อทกั ษิณา แก่พระตถาคตเจ้า ฯ อ.ปราสาทอันเป็ นทิพย์ อันถึงพร้ อมแล้วด้วยหมู่แห่งนารี สตฺถุ ทกสฺขพิโณฺพททิกสปาสปฺ ุตฏิ ฺฐทาฺวเานทนสสโยทชฺธึเนยิโวกตาวอตุทสึ ฺธ-ํ อันเป็ นวิการแห่งรัตนะ ๗ อันสูงโดยร้ อยแห่งโยชน์ในเบือ้ งบน เทวโลเก อันประกอบแล้วด้วยโยชน์ ๑๒ ในทิศทัง้ ปวง ท. ผุดขึน้ แล้ว โยชนสตพุ ฺเพโธ สตฺตรตนมโย นารีคณสมปฺ นฺโน ในเทวโลกชื่อว่าดาวดึงส์ กับ ด้ วยอันตัง้ อยู่เฉพาะแห่งน�ำ้ ทิพฺพปปฺ าสาโท อคุ ฺคจฺฉิ. เพ่ือทกั ษิณา เพ่ือพระศาสดา นนั่ เทียว ฯ ครัง้ นัน้ ในวันหน่ึง อ.พระเถระชื่อว่ามหาโมคคัลลานะ อเถกทิวสํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร เทวจาริกํ เที่ยวไปแล้ว สทู่ ่ีจาริกในเทวโลก ผ้ยู ืนแล้ว ในที่ไมไ่ กล แหง่ ปราสาท คนฺตฺวา ตสฺส ปาสาทสสฺ อวทิ เู ร โิ ต อตฺตโน นนั้ ถามแล้ว ซง่ึ เทพบตุ ร ท. ผ้มู าแล้ว สสู่ �ำนกั ของตน วา่ อ.ปราสาท สนฺตกิ ํ อาคเต เทวปตุ ฺเต ปจุ ฺฉิ “กสฺเสโส อจฺฉราคณ- อนั เป็นทิพย์ อนั เตม็ รอบแล้วด้วยหมแู่ หง่ นางอปั สร นนั่ บงั เกิดแล้ว ปริปณุ ฺโณ ทิพฺพปปฺ าสาโท นิพฺพตฺโตต.ิ เพ่ือใคร ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.เทพบตุ ร ท. เหลา่ นนั้ เม่ือบอก ซงึ่ เจ้าของแหง่ วิมาน อถสสฺ เต เทวปตุ ฺตา วมิ านสามิกํ อาจิกฺขนฺตา (แก่พระเถระ) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.วิหาร อนั บตุ ร อาหํสุ “ภนฺเต เยน นนฺทิเยน นาม คหปตปิ ตุ ฺเตน ของคฤหบดี ชื่อวา่ นนั ทิยะ ใด (ยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว ถวายแล้ว อิสปิ ตเน สตฺถุ วหิ าโร กาเรตฺวา ทินฺโน, ตสฺสตฺถาย แก่พระศาสดา ในป่ าชื่อว่าอิสิปตนะ, อ.วิมาน น่ัน บังเกิดแล้ว เอตํ วมิ านํ นิพฺพตฺตนฺต.ิ เพื่อประโยชน์ (แก่บตุ รของคฤหบดี) นนั้ ดงั นี ้ฯ แม้ อ.หมแู่ หง่ นางอปั สร เหน็ แล้ว (ซงึ่ พระเถระ) นนั้ ข้ามลงแล้ว อจฺฉราสงฺโฆปิ นํ ทิสวฺ า ปาสาทโต โอตริตฺวา จากปราสาท กล่าวแล้ว ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ อ.ดิฉัน ท. อาห “ภนฺเต มยํ `นนฺทิยสสฺ ปริจาริกา ภวสิ สฺ ามาติ เป็นผ้บู งั เกดิ แล้ว (ในท)ี่ นี ้(ด้วยความคดิ ) วา่ (อ.เรา ท.) เป็นหญงิ บำ� เรอ อิธ นิพฺพตฺตา, ตํ ปน อปสฺสนฺตา อตวิ ยิ อกุ ฺกณฺฐติ มหฺ ; ของนนั ทิยะ จกั เป็น ดงั นี ้(ยอ่ มเป็น), แตว่ า่ (อ.ดฉิ นั ท.) เมื่อไมเ่ หน็ มตฺตกิ ปาตึ ภินฺทิตฺวา สวุ ณฺณปาตึ คหณสทิสํ (ซึ่งนันทิยะ) นัน้ เป็ นผู้กระสันขึน้ แล้ว เกินเปรียบ (ย่อมเป็ น), หิ มนสุ สฺ สมปฺ ตฺตึ หิตฺวา ทิพฺพสมปฺ ตฺตึ คหณํ, ก็ อ.การ ละแล้ว ซงึ่ สมบตั ใิ นมนษุ ย์ ถือเอา ซงึ่ สมบตั อิ นั เป็นทิพย์ อิธาคมนตฺถาย นํ วเทยฺยาถาต.ิ เป็นเชน่ กบั ด้วยการ ท�ำลายแล้ว ซง่ึ ถาดอนั วกิ ารแหง่ ดนิ เหนียว ถอื เอา ซง่ึ ถาดอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง (ยอ่ มเป็น), (อ.ทา่ น ท.) พงึ กลา่ ว (กะนนั ทิยะ) นนั้ เพ่ือประโยชน์แก่การมา (ในที่) นี ้ดงั นี ้ฯ อ.พระเถระ มาแล้ว (จากเทวโลก) นนั้ เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซงึ่ พระศาสดา เถโร ตโต อาคนตฺ วฺ า สตถฺ ารํ อปุ สงกฺ มติ วฺ า ปจุ ฉฺ ิ ทลู ถามแล้ว วา่ 156 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ข้ าแต่พระองค์ผู้เจริ ญ อ.สมบัติอันเป็ นทิพย์ ย่อมบังเกิด “นิพฺพตฺตติ นุ โข ภนฺเต มนสุ สฺ โลเก ติ านญฺเญว หรือ หนอ แล (แก่ชน ท.) ผ้ดู �ำรงอยแู่ ล้ว ในมนษุ ย์โลก นน่ั เทียว กตกลฺยาณานํ ทิพฺพสมปฺ ตฺตีต.ิ “โมคฺคลฺลาน นนุ ผ้มู ีกรรมอนั งามอนั กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ เต เทวโลเก นนฺทิยสสฺ นิพฺพตฺตา ทิพฺพสมปฺ ตฺติ ดกู อ่ นโมคคลั ลานะ อ.สมบตั อิ นั เป็นทพิ ย์ อนั บงั เกดิ แล้ว แกน่ นั ทยิ ะ สนาิพมฺพํ ตฺตทติฏีตฺฐ.ิา, กสมฺ า มํ ปจุ ฺฉสีติ. “เอวํ ภนฺเต ในเทวโลก อนั เธอ เหน็ แล้ว เอง มิใชห่ รือ, (อ.เธอ) ยอ่ มถาม ซงึ่ เรา เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ ผ้เู จริญ (อ.สมบตั อิ นั เป็นทิพย์) ยอ่ มบงั เกิด อยา่ งนนั้ หรือ ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (กะพระเถระ) นนั้ วา่ ดกู ่อน- อถ นํ สตฺถา “โมคฺคลลฺ าน กึ นาเมตํ กเถส;ิ โมคคลั ลานะ (อ.เธอ) กลา่ วแล้ว (ซงึ่ คำ� ) นน่ั ชอื่ อะไร, เหมอื นอยา่ งวา่ ยถา หิ จิรปปฺ วตุ ฺถํ ปตุ ฺตํ วา ภาตรํ วา ปวาสโต อ.ใคร ๆ นนั่ เทียว ผ้ยู ืนแล้ว ณ ประตแู หง่ บ้าน เหน็ แล้ว ซงึ่ บตุ ร หรือ อาคจฺฉนฺตํ คามทฺวาเร โิ ต โกจิเทว ทิสฺวา เวเคน หรือวา่ ซงึ่ พน่ี ้องชาย ผ้อู ยปู่ ราศแล้วสนิ ้ กาลนาน ผ้มู าอยู่ จากประเทศ- เคหํ อาคนฺตฺวา `อสโุ ก นาม อาคโตติ อาโรเจยฺย, เป็นทอ่ี ยปู่ ราศ มาแล้ว สเู่ รือน โดยเร็ว พงึ บอกวา่ (อ.บคุ คล) ชอื่ โน้น อถสฺส ญาตกา อหาฏคฺฐโปตปฺสหิ ฏตฺาฐาตาตเวิ เตคํนอภนินิกนฺขฺเมทิตยฺวฺยาํ;ุ มาแล้ว ดังนี,้ (ครัน้ เม่ือความเป็ น) อย่างนัน้ (มีอยู่) อ.ญาติ ท. `อาคโตสิ ตาต, (ของบคุ คล) นนั้ ผ้ทู งั้ ร่าเริงแล้วทงั้ ร่าเริงทว่ั แล้ว ออกไปแล้ว โดย เอวเมว อิธ กตกลฺยาณํ อิตฺถึ วา ปรุ ิสํ วา อิมํ โลกํ เร็ว พงึ เพลดิ เพลนิ ยง่ิ (กะบคุ คล) นนั้ วา่ แนะ่ พอ่ (อ.ทา่ น) เป็นผ้มู าแล้ว หิตฺวา ปรโลกํ คตํ ทสวิธํ ทิพฺพปณฺณาการํ อาทาย ยอ่ มเป็น, แนะ่ พอ่ (อ.ทา่ น) เป็นผ้มู าแล้ว ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ฉนั ใด, `อหํ ปรุ โต, อหํ ปรุ โตติ ปจฺจคุ ฺคนฺตฺวา เทวตา อ.เทวดา ท. ถอื เอาแล้ว ซง่ึ เครอ่ื งบรรณาการอนั เป็นทพิ ย์ อนั มอี ยา่ ง ๑๐ อภินนฺทนฺตีติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ ต้อนรับแล้ว (ด้วยความคดิ ) วา่ อ.เรา (จกั มี) ข้างหน้า, อ.เรา (จกั มี) ข้างหน้า ดงั นี ้ ยอ่ มเพลดิ เพลนิ ย่ิง กะหญิง หรือ หรือวา่ กะชาย ผ้มู กี รรมอนั งามอนั กระทำ� แล้ว (ในโลก) นี ้ผู้ ละแล้ว ซง่ึ โลก นี ้ ไปแล้ว สโู่ ลกอ่ืน ฉนั นนั้ นน่ั เทียว ดงั นี ้ ได้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ “จิรปปฺ วาสึ ปรุ ิสํ ทูรโต โสตฺถิมาคตํ อ.ญาติ ท. ด้วย อ.มิตร ท. ด้วย อ.บคุ คลผูม้ ีใจดี ท.ด้วย ญาตี มิตฺตา สหุ ชฺชา จ อภินนทฺ นตฺ ิ อาคตํ, ยอ่ มเพลิดเพลินยิ่ง กะบรุ ุษ ผอู้ ยปู่ ราศโดยปกติ ผมู้ าแลว้ ตเถว กตปญุ ฺญํปิ อสมฺ า โลกา ปรํ คตํ แต่ที่ไกล โดยสวสั ดี (ว่า) ผู้มาแล้ว (ดงั นี้) (ฉนั ใด), ปญุ ฺญานิ ปฏิคฺคณฺหนตฺ ิ; ปิ ยํ ญาตีว อาคตนตฺ ิ. อ.บญุ ท. ย่อมตอ้ นรบั (ซึ่งบคุ คล) แมผ้ ูม้ ีบญุ อนั กระท�ำแลว้ ผไู้ ปแลว้ (สโู่ ลก) อืน่ จากโลก นี้ ฉนั นนั้ นน่ั เทียว, เพียงดงั อ.ญาติ ท. (ตอ้ นรบั อยู่ ซ่ึงบคุ คล) ผเู้ ป็นทีร่ กั ผมู้ าแลว้ ดงั นี้ ฯ ตตฺถ “จริ ปปฺ วาสินฺต:ิ จิรปปฺ วตุ ฺถํ. ทรู โต (อ.อรรถ วา่ ) ผ้อู ยปู่ ราศแลว้ สนิ ้ กาลนาน (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ โสตถฺ มิ าคตนฺต:ิ วณิชฺชํ วา ราชโปริสํ วา กตฺวา หนา (แห่งบท) ว่า จิรปฺปวาสึ ดังนี ้ ฯ (อ.อรรถ ว่า) ผู้มีลาภ อลาทคฺธตลํ.าภญํ านติปี มผฺ นติ ฺนตฺ สามสปฺ ุหตชฺตชฺึ าอนจปุ าทตฺท:ิ เกวลุนสมทพฺ รู ฏนฺฐฺธาวนเสโนต อนั กระท�ำแล้ว ซงึ่ การค้าขาย หรือ หรือวา่ ซง่ึ ความเป็นแหง่ บรุ ุษ สญหุ าชตฺชี าจจ.สนฺทิฏฺฐาทิภาเวน มิตฺตา จ สหุ ทยภาเวน ของพระราชา ได้แล้ว ผ้มู ีสมบตั อิ นั ส�ำเร็จแล้ว ผ้มู าแล้ว แตท่ ่ีไกล โดยความไมม่ แี หง่ อนั ตราย (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ทรู โต โสตถฺ มิ าคตํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) (อ.ชน ท.) ชื่อวา่ ผ้เู ป็นญาติ เพราะอ�ำนาจแหง่ ความสมั พนั ธ์แหง่ ตระกลู ด้วย ชื่อวา่ เป็นมิตร เพราะความเป็นแหง่ บคุ คลมีบคุ คลผ้อู นั ตนเหน็ ดีแล้วเป็นต้น ด้วย ชอ่ื วา่ เป็นบคุ คลผ้มู ใี จดี เพราะความเป็นแหง่ บคุ คลผ้มู ใี จดี ด้วย (ยอ่ ม เป็น) (ดงั นี ้แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ญาตี มติ ตฺ า สหุ ชชฺ า จ ดงั นี ้ฯ อภินนฺทนฺติ อาคตนฺติ : นํ ทิสฺวา (อ.อรรถ วา่ ) (อ.ชน ท.) เหน็ แลว้ (ซงึ่ บรุ ษุ ) นนั้ (ยอ่ มเพลดิ เพลนิ ยงิ่ ) “สวฺ าคตนฺติ วจนมตฺเตน วา อญฺชลกิ รณมตฺเตน วา, (กะบุรุษนัน้ ด้ วยเหตุ) สักว่าค�ำ ว่า เป็ นผู้มาดีแล้ว ดังนี ้ เคหํ สมปฺ ตตฺ ํ ปน นานปปฺ การปณณฺ าการาภหิ รณวเสน หรือ หรือว่า (ด้ วยอาการ) สักว่าการกระท�ำซึ่งอัญชลี, อนึ่ง อภินนฺทนฺต.ิ (อ.ชน ท.) ยอ่ มเพลดิ เพลนิ ยิ่ง (กะบรุ ุษ) ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ซงึ่ เรือน ด้วยสามารถแห่งการน�ำไปเฉพาะซึ่งเครื่องบรรณาการมีประการ ตา่ ง ๆ (ดงั นี ้แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ อภนิ นทฺ นตฺ ิ อาคตํ ดงั นี ้ฯ ผลติ สือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 157 www.kalyanamitra.org
(อ.อรรถ วา่ ) อ.บญุ ท. อนั ตงั้ อยแู่ ล้ว ในฐานะแหง่ มารดาและบดิ า ตเถวาต:ิ เตเนว การเณน กตปญุ ฺญํปิ ปคุ ฺคลํ ถือเอา ซ่ึงเคร่ืองบรรณาการ อันมีอย่าง ๑๐ นี ้ คือ ซึ่งอายุ อิมมหฺ า โลกา ปรโลกํ คตํ “ทิพฺพํ อายํ,ุ วณฺณํ อันเป็ นทิพย์ ซึ่งวรรณะ (อันเป็ นทิพย์) ซึ่งสุข (อันเป็ นทิพย์) สขุ ํ ยสํ อธิปเตยฺยํ; ทิพฺพํ รูปํ สทฺทํ คนฺธํ รสํ ซ่ึงยศ (อันเป็ นทิพย์) ซึ่งความเป็ นใหญ่ (อันเป็ นทิพย์), ซ่ึงรูป มปโผาฏฏติคฺฐาฺคพปณฺพิ ตฺหนฏุ ฺนฺตฐาฺิตเ.ิ นอิมํ ติ าทนสิ วธิ ปํ ญุ ฺปญณานฺณิ ากอาภรินํ นฺทอนาฺตทาานยิ (อนั เป็นทิพย์) ซง่ึ เสยี ง (อนั เป็นทิพย์) ซง่ึ กลน่ิ (อนั เป็นทิพย์) ซง่ึ รส (อนั เป็นทิพย์) ซงึ่ โผฏฐัพพะ (อนั เป็นทิพย์) เพลดิ เพลนิ ย่ิงอยู่ ช่ือวา่ ยอ่ มต้อนรับ ซง่ึ บคุ คล แม้ผ้มู ีบญุ อนั กระท�ำแล้ว ผ้ไู ปแล้ว สโู่ ลกอื่น จากโลก นี ้ (ด้วยเหต)ุ นนั้ นน่ั เทียว (ดงั นี ้ แหง่ ค�ำ) วา่ ตเถว ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.อรรถ วา่ ราวกะ อ.ญาติผ้เู หลือ ท. (ต้อนรับอย)ู่ ซงึ่ ญาติ ปิ ยํ ญาตวี าต:ิ อิธ โลเก ปิ ยํ ญาตกํ อาคตํ ผ้เู ป็นท่ีรัก ผ้มู าแล้ว ในโลก นี ้ ดงั นี ้ (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ เสสญาตกา วิยาติ อตฺโถ. ปิ ยํ ญาตวี ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึสตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งนายนันทยิ ะ นนฺทยิ วตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ปิ ยวคคฺ วณฺณนา นิฏฺ ฐิตา. อ.กถาเป็ นเคร่ืองพรรณาซ่งึ เนือ้ ความแห่งวรรค โสฬสโม วคโฺ ค. อันบณั ฑติ กำ� หนดแล้วด้วยอารมณ์อันเป็ นท่รี ัก (จบแล้ว) ฯ อ. วรรค ท่ี ๑๖ (จบแล้ว) ฯ ๑๗. อ.อกันถาบเณัป็ น(ฑอเติันคกขร่ำื�้อาหพงพนเจดร้ารแณจล้ะวากดซล้่งึวเ่ยานวคือ)้ วคฯาวมาโมกแรธห่งวรรค ๑๗. โกธวคคฺ วณฺณนา ๑. อ.เร่ือ(งอแันหข่ง้าเพจ้เาจห้าญจิงะพกรละ่านวา)มฯว่าโรหณิ ี ๑. โรหณิ ีขตตฺ ยิ กญญฺ าวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในนิโครธาราม ทรงปรารภ “โกธํ ชเหติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา นิโคฺรธาราเม ซง่ึ เจ้าหญิง พระนามวา่ โรหิณี ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ วหิ รนฺโต โรหิณึ ขตฺติยกญฺญํ อารพฺภ กเถส.ิ โกธํ ชเห ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ ในสมยั หนง่ึ อ.พระอนรุ ุทธ์ ผ้มู ีอายุ ได้ไปแล้ว สเู่ มือง เอกสฺมึ กิร สมเย อายสมฺ า อนรุ ุทฺโธ ปญฺจสเตหิ ชื่อวา่ กบลิ พสั ด์ุ กบั ด้วยภิกษุ ท. มีร้อยห้าเป็นประมาณ ฯ ภิกฺขหู ิ สทฺธึ กปิ ลวตฺถํุ อคมาส.ิ ครัง้ นนั้ อ.พระญาติ ท. (ของพระเถระ) นนั้ ทรงสดบั แล้ว วา่ อถสสฺ ญาตกา “เถโร อาคโตติ สตุ ฺวา เถรสฺส อ.พระเถระ มาแล้ว ดงั นี ้ ได้เสดจ็ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของพระเถระ สนฺตกิ ํ อคมํสุ ฐเปตฺวา โรหิณึ นาม เถรสฺส ภคนิ .ึ เว้น ซง่ึ พระภคนิ ี ของพระเถระ พระนามวา่ โรหิณี ฯ 158 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.พระเถระ ถามแล้ว ซง่ึ พระญาติ ท. วา่ อ.โรหิณี (ไปแล้ว) เถโร ญาตเก ปจุ ฺฉิ “กหํ โรหิณีต.ิ “เคเห ภนฺเตต.ิ (ในท)่ี ไหน ดงั นี ฯ้ (อ.พระญาติ ท. กราบเรียนแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ “กสฺมา นาคตาต.ิ “สรีเร เม ฉวโิ รโค อปุ ปฺ นฺโนติ (อ.พระนางโรหิณี ประทบั อยแู่ ล้ว) ในต�ำหนกั ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ ลชฺชาย นาคตา ภนฺเตต.ิ ถามแล้ว) วา่ (อ.โรหณิ ี) ไมม่ าแล้ว เพราะเหตไุ ร ดงั นฯี ้ (อ.พระญาติ ท. กราบเรียนแล้ว)วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ(อ.พระนางโรหณิ )ี ไมเ่ สดจ็ มาแล้ว เพราะอันทรงละอาย ว่า อ.โรคแห่งผิว เกิดขึน้ แล้ว ในร่างกาย ของเรา ดงั นี ้ดงั นี ้ฯ อ.พระเถระ (ยงั พระญาติ ท.) ให้ร้องเรียกแล้ว (ด้วยค�ำ) วา่ เถโร “ปกฺโกสถ นนฺติ ปกฺโกสาเปตฺวา ปฏกญฺจกุ ํ (อ.ทา่ น ท.) จงร้องเรียก (ซงึ่ โรหิณี) นนั้ ดงั นี ้กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้วา่ ปฏิมญุ ฺจิตฺวา อาคตํ เอวมาห “โรหิณิ กสฺมา ดกู ่อนโรหิณี (อ.เธอ) เป็นผ้ไู มม่ าแล้ว ยอ่ มเป็น เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ นาคตาสีต.ิ “สรีเร เม ภนฺเต ฉวโิ รโค อปุ ปฺ นฺโน; (กะพระนางโรหิณี) ผู้ สวมแล้ว ซง่ึ ฉลองพระองค์ เสดจ็ มาแล้ว ฯ ตสมฺ า ลชฺชาย นาคตมหฺ ีต.ิ “กึ ปน เต ปญุ ฺญํ กาตํ.ุ (อ.พระนางโรหณิ ี กราบเรียนแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.โรคแหง่ ผวิ น วฏฺฏตีต.ิ “กึ กโรมิ ภนฺเตต.ิ “อาสนสาลํ กาเรหีต.ิ เกดิ ขนึ ้ แล้ว ในรา่ งกาย ของดฉิ นั , เพราะเหตนุ นั้ (อ.ดฉิ นั ) เป็นผ้ไู มม่ าแล้ว เพราะความละอาย ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ก็ อ.อนั อนั เธอ กระท�ำ ซงึ่ บญุ ยอ่ มไมค่ วร หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระนางโรหิณี กราบเรียนแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ดฉิ นั ) จะกระท�ำ ซง่ึ อะไร ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.เธอ) (ยงั นายชา่ ง) จงให้กระท�ำ ซง่ึ โรงเป็นท่ีฉนั ดงั นี ้ฯ (อ.พระนางโรหิณี เรียนถามแล้ว) วา่ (อ.ดฉิ นั ) ถือเอาแล้ว “กึ คเหตฺวาต.ิ “กินฺเต ปสาธนภณฺฑกํ นตฺถีต.ิ ซ่ึงอะไร (จัก ยังนายช่าง ให้กระท�ำ ซ่ึงโรงเป็ นที่ฉัน) ดังนี ้ ฯ “อตฺถิ ภนฺเตต.ิ “กมึ ลู นฺต.ิ “ทสสหสสฺ มลู ํ ภวสิ สฺ ตีติ. (อ.พระเถระ ถามแล้ว) ว่า อ.ส่ิงของคือเคร่ืองประดับ ของเธอ “เตนหิ ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา อาสนสาลํ กาเรหีต.ิ “โก เม ไม่มีอยู่ หรือ ดังนี ้ ฯ (อ.พระนางโรหิณี กราบเรียนแล้ว) ว่า ภนฺเต กาเรสสฺ ตีต.ิ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (อ.สิ่งของคือเครื่องประดับ ของดิฉัน) มีอยู่ ดงั นีฯ้ (อ.พระเถระ ถามแล้ว) วา่ (อ.สง่ิ ของคือเครื่องประดบั นนั้ ) เป็นของมีคา่ อยา่ งไร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.พระนางโรหิณี กราบ เรียนแล้ว) วา่ (อ.สงิ่ ของคือเคร่ืองประดบั นนั้ ) เป็นของมีคา่ หมื่น หนงึ่ จกั เป็น ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.เธอ) จำ� หนา่ ยแล้ว(ซงึ่ สง่ิ ของคอื เคร่ืองประดบั )นนั้ (ยงั นายชา่ ง)จงให้กระทำ� ซึ่งโรงเป็ นท่ีฉัน ดังนี ้ ฯ (อ.พระนางโรหิณี เรียนถามแล้ว) ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ อ.ใคร (ยังนายช่าง) จักให้กระท�ำ เพื่อดิฉัน ดงั นี ้ฯ อ.พระเถระ แลดูแล้ว ซึ่งพระญาติ ท. ผู้ประทับยืนแล้ว เถโร สมีเป เิ ต ญาตเก โอโลเกตฺวา “ตมุ หฺ ากํ ในท่ีใกล้ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ภาระ นี)้ เป็นภาระ ของทา่ น ท. จงเป็น ภาโร โหตตู ิ อาห. “ตมุ เฺ ห ปน ภนฺเต กึ กริสสฺ ถาต.ิ เถิด ดงั นี ้ ฯ (อ.พระญาติ ท. เรียนถามแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ ก็ อ.ทา่ น ท. จกั กระท�ำ ซงึ่ อะไร ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ แม้ อ.อาตมา จกั มี (ในท)่ี นนี ้ นั่ เทยี ว, “อหปํ ิ อเิ ธว ภวสิ สฺ าม,ิ เตนหิ เอตสิ สฺ า ทพพฺ สมภฺ าเร ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ทา่ น ท.) จงน�ำมา ซง่ึ ทพั พะและสมั ภาระ ท. (เพื่อ อาหรถาต.ิ เต “สาธุ ภนฺเตติ อาหรึส.ุ โรงเป็นที่ฉนั ) นน่ั ดงั นี ้ ฯ อ.พระญาติ ท. เหลา่ นนั้ (ทรงรับพร้อม แล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ดีละ ดงั นี ้ทรงน�ำมาแล้ว ฯ ผลติ ส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วดั พระธรรมกาย 159 www.kalyanamitra.org
อ.พระเถระ เมื่อจดั แจง ซงึ่ โรงเป็นท่ีฉนั กลา่ วแล้ว เถโร อาสนสาลํ สํวทิ หนฺโต โรหิณึ อาห กะพระนางโรหณิ ี วา่ (อ.เธอ) (ยงั นายชา่ ง) ให้กระทำ� แล้ว ซงึ่ โรงเป็นทฉี่ นั “ทฺวภิ มู ิกํ อาสนสาลํ กาเรตฺวา อปุ ริ ปทรานํ อันประกอบแล้วด้วยชัน้ ๒ กวาดแล้ว เนืองนิตย์ ในภายใต้ อทาินสฺนนกาานลิ ปโตญฺญปาฏเฺฐปาหย,ิ นพิเหทฏธฺ ฺฐํ ปาานนยี ิพฆทเฏฺธํ สมมฺ ชฺชิตฺวา จงปลู าด ซง่ึ อาสนะ ท., จง ยงั หม้อแห่งน�ำ้ อนั บคุ คลพึงดื่ม ท. สา “สาธุ ภนฺเตติ ปสาธนภณฺฑกํ อวปุ ิสฏสฺ ฺฐชาฺเเชปตหฺวตี า.ิ ให้เข้าไปตัง้ ไว้ เนืองนิตย์ จ�ำเดิม แต่กาล แห่งไม้เรียบ ท. (อนั นายชา่ ง) ให้แล้ว ในเบอื ้ งบน ดงั นี ้ฯ (อ.พระนางโรหณิ )ี นนั้ (ทรงรบั ทวฺ ภิ มู กิ ํ อาสนสาลํ กาเรตวฺ า อปุ ริ ปทรานํ ทนิ นฺ กาลโต พร้อมแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ดีละ ดงั นี ้ ทรงจ�ำหนา่ ยแล้ว นปิพฏฺฐทาฺธยํ ภิกเฺขหูฏนฺฐิสาีทนนฺติพ.ิ ทฺธํ สมมฺ ชฺชนาทีนิ อกาส.ิ ซึ่งสิ่งของคือเคร่ืองประดับ (ทรงยังนายช่าง) ให้กระท�ำแล้ว ซ่ึงโรงเป็ นที่ฉัน อันประกอบแล้วด้วยชัน้ ๒ ได้ทรงกระท�ำแล้ว (ซง่ึ กิจ ท.) มีการกวาดเป็นต้น เนืองนิตย์ ในภายใต้ จ�ำเดมิ แตก่ าล แหง่ ไม้เรียบ ท. (อนั นายชา่ ง) ให้แล้ว ในเบือ้ งบน ฯ อ.ภิกษุ ท. ยอ่ มนงั่ เนืองนิตย์ ฯ ครงั้ นนั้ (เมอ่ื พระนางโรหณิ )ี นนั้ ทรงกวาดอยู่ ซง่ึ โรงเป็นทฉี่ นั เทยี ว อถสฺสา อาสนสาลํ สมฺมชฺชนฺติยาว ฉวิโรโค อ.โรคแห่งผิว เห่ียวแห้ งแล้ ว ฯ (อ.พระนางโรหิณี) นัน้ มิลายิ. สนาิมนอฺเตาตสฺวนาสาอลาาสยนสนาิลฏฺํฐปิตเู ารยตฺวาพุทนฺธิสปนิ ฺปฺนมสสฺุขํ ครัน้ เมื่อโรงเป็นท่ีฉนั สำ� เร็จแล้ว ทรงนิมนต์แล้ว ซงึ่ หมแู่ หง่ ภิกษุ ภิกฺขสุ งฺฆํ มีพระพุทธเจ้ าเป็ นประมุข ได้ ถวายแล้ว ซ่ึงของอันบุคคล พทุ ฺธปปฺ มขุ สฺส ภิกฺขสุ งฺฆสฺส ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ พงึ เคีย้ ว ซงึ่ ของอนั บคุ คลพงึ บริโภค อนั ประณตี แกห่ มแู่ หง่ ภกิ ษุ อทาส.ิ มพี ระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ ผ้นู ง่ั ยงั โรงเป็นท่ีฉนั ให้เตม็ แล้ว ฯ อ.พระศาสดา มกี จิ ด้วยภตั รอนั ทรงกระทำ� แล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ “กสเฺ สตํ ทานนฺติ ปจุ ฺฉิ. (อ.ทาน) นนั่ เป็นทาน ของใคร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ “ภคนิ ิยา เม ภนฺเต โรหิณิยาต.ิ “สา ปน กหนฺต.ิ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.ทานนนั่ เป็นทาน) “เคเห ภนฺเตต.ิ “ปกฺโกสถ นนฺต.ิ สา อาคนฺตํุ น อิจฺฉิ. ของโรหิณี ผ้เู ป็นน้องสาว ของข้าพระองค์ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ก็ (อ.โรหิณี ไปแล้ว ในที่) ไหน ดงั นีฯ้ (อ.พระเถระ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.โรหิณี อยแู่ ล้ว) ในต�ำหนกั ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงร้ องเรียก (ซ่ึงโรหิณี) นัน้ ดังนี ้ ฯ (อ.พระนางโรหิณี) นัน้ ไมท่ รงปรารถนาแล้ว เพ่ืออนั เสดจ็ มา ฯ ครงั้ นนั้ อ.พระศาสดา (ทรงยงั บคุ คล) ให้ร้องเรยี กแลว้ (ซง่ึ พระนาง- อถ นํ สตฺถา อนิจฺฉมานํปิ ปกฺโกสาเปสเิ ยว, โรหณิ )ี นนั้ แม้ผ้ไู มท่ รงปรารถนาอยู่ นนั่ เทยี ว, ก็ แล (อ.พระศาสดา) อาคนฺตฺวา จ ปน วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ อาห ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนโรหิณี (อ.เธอ) ไมม่ าแล้ว เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ “โรหิณิ กสมฺ า นาคมีต.ิ “สรีเร เม ภนฺเต (กะพระนางโรหณิ )ี ผู้ เสดจ็ มาแล้ว ถวายบงั คมแล้ว ประทบั นง่ั แล้ว ฯ ฉวิโรโค อตฺถิ, เตน ลชฺชมานา นาคตมหฺ ีต.ิ (อ.พระนางโรหิณี กราบทูลแล้ว) ว่า ข้ าแต่พระองค์ผู้เจริญ “ชานาสิ ปน `กึ เต นิสฺสาย เอส อปุ ปฺ นฺโนต.ิ อ.โรคแห่งผิว มีอยู่ ในร่างกาย ของหม่อมฉัน, อ.หม่อมฉัน “น ชานามิ ภนฺเตต.ิ “ตว โกธํ นิสสฺ าย อปุ ปฺ นฺโน ละอายอยู่ (ด้วยโรค) นัน้ เป็ นผู้ไม่มาแล้ว ย่อมเป็ น ดังนี ้ ฯ เอโสต.ิ “กึ ปน เม ภนฺเต กตนฺต.ิ [เตนหิ สณุ าหีต.ิ ] (อ.พระศาสดาตรัสถามแล้ว)วา่ ก็(อ.เธอ)ยอ่ มรู้ หรือวา่ (อ.โรค)นน่ั เกดิ ขนึ ้ แลว้ แกเ่ ธอ เพราะอาศยั ซง่ึ อะไร (ดงั น)ี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระนางโรหณิ ี กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ อ.หมอ่ มฉนั ยอ่ มไมร่ ู้ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ ว) ว่า (อ.โรค)น่ัน เกิดขึน้ แล้ ว แก่เธอ เพราะอาศยั ซงึ่ ความโกรธ ดงั นีฯ้ (อ.พระนางโรหิณี ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ก็ (อ.กรรม) อะไร อนั หมอ่ ม ฉนั กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ อ.เธอ จงฟัง ดงั นี)้ ฯ ค รั้ง นัน้ อ.พระศาส ดา ทรงน� ำม า แล้ ว ซึ่ง เรื่ อ ง อถสสฺ า สตถฺ า อตตี ํ อาหริ: อตเี ต พาราณสรี ญโฺ ญ อนั ไปลว่ งแล้ว (ทรงแสดงแล้ว) (แก่พระนางโรหิณี) นนั้ วา่ , อคฺคมเหสี เอกิสสฺ า รญฺโญ นาฏกิตฺถิยา อาฆาตํ ในกาลอนั ไปลว่ งแลว้ อ.อคั รมเหสี ของพระราชาผ้ทู รงเป็นใหญใ่ นเมอื ง พนฺธิตฺวา “ทกุ ฺขมสฺสา อปุ ปฺ าเทสฺสามีติ จินฺเตตฺวา ชื่อวา่ พาราณสี ทรงผกู แล้ว ซง่ึ ความอาฆาต ในหญิงนกั ฟ้ อน ของพระราชา คนหนึ่ง ทรงด�ำริแล้ว ว่า อ.เรา ยังความทุกข์ จกั ให้เกิดขนึ ้ (แก่หญิงนกั ฟ้ อน) นนั้ ดงั นี ้ 160 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(ทรงยงั บคุ คล) ให้นำ� มาแล้ว ซง่ึ ผลแหง่ หมามยุ่ ใหญ่ ท. (ทรงยงั บคุ คล) มหากจฺฉผุ ลานิ อาหราเปตฺวา ตํ นาฏกิตฺถึ อตฺตโน ให้ร้ องเรียกแล้ว ซึ่งหญิงนักฟ้ อน นัน้ สู่ส�ำนัก ของพระองค์, สนฺตกิ ํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ยถา สา น ชานาต,ิ เอวมสสฺ า (อ.หญิงนกั ฟ้ อน) นนั้ ย่อมไม่รู้ โดยประการใด (ทรงยงั บคุ คล) กสจยฺฉเนจุ ณุ จฺณปานาริ ุปฐเปนาเจปสป,ิ จเฺจกตฬฺถึ รกณรุ ุมาทานีนาญฺจวยิ อนอฺตสเสฺรสาุ ให้วางไว้แล้ว ซง่ึ ผงแหง่ หมามยุ่ ท. ในที่เป็นท่ีนอน ด้วย ในผ้าเป็น เคร่ืองหม่ ด้วย ในระหวา่ ง ท. (แหง่ วตั ถุ ท.) มีวตั ถเุ ป็นเครื่องลาด สรีเรปิ โอกิริ. เป็นต้น (ของหญิงนกั ฟ้ อน) นนั้ โดยประการนนั้ เป็นราวกะ วา่ ทรงกระท�ำอยู่ ซงึ่ การเยาะเย้ย (เป็น) ทรงโปรยแล้ว แม้บนร่างกาย ของหญิงนกั ฟ้ อน นนั้ ฯ ในขณะนัน้ นั่นเทียว อ.ร่างกาย (ของหญิงนักฟ้ อน) นัน้ ตํขณญฺเญว ตสฺสา สรีรํ อปุ ปฺ กฺกปุ ปฺ กฺกํ เป็ นร่างกายพองขึน้ แล้วและพองขึน้ แล้ว เป็ นร่างกายมีต่มุ น้อย- คณฺฑาคณฺฑชาตํ อโหส.ิ และตมุ่ ใหญ่เกิดแล้ว ได้เป็นแล้ว ฯ (อ.หญงิ นกั ฟ้ อน) นนั้ เกาอยู่ ไปแล้ว นอนแล้ว บนทเี่ ป็นทนี่ อน ฯ สา กณฺฑวุ นฺตี คนฺตฺวา สยเน นิปชฺชิ. ตตฺราปิ สฺสา (เมื่อหญิงนกั ฟ้ อน) นนั้ อนั ผงแหง่ หมามยุ่ ท. กดั กินอยู่ (บนที่เป็น กจฺฉจุ ณุ ฺเณหิ ขาทิยมานาย ขรตรา เวทนา อปุ ปฺ ชฺชิ. ท่ีนอน) แม้ นนั้ อ.เวทนา อนั แข็งกวา่ เกิดขนึ ้ แล้ว อ.พระอคั รมเหสี ตทา อคฺคมเหสี โรหิณี อโหส.ิ ในกาลนนั้ เป็นโรหิณี ได้เป็นแล้ว (ในกาลนี)้ ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ครัน้ ทรงน�ำมาแล้ว ซง่ึ เร่ืองอนั ลว่ งไปแล้ว นี ้ สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา “โรหิณิ ตทา ตยา ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นโรหณิ ี ก็ อ.กรรมนนั่ อนั เธอ กระทำ� แล้ว ในกาลนนั้ , เจตํ กมมฺ ํ กตํ, อปปฺ มตฺตโกปิ หิ โกโธ วา อิสฺสา วา จริงอยู่ อ.ความโกรธ หรือ หรือวา่ อ.ความริษยา แม้มีประมาณ กาตํุ น ยตุ ฺตรูปาเยวาติ วตฺวา อิมํ คาถมาห น้อย เป็นกิริยามีรูปไมค่ วรแล้ว เพื่ออนั กระท�ำ นนั่ เทียว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ (อ.บคุ คล) พึงละ ซึ่งความโกรธ, พึงละขาดวิเศษ ซึ่งมานะ, “โกธํ ชเห, วิปปฺ ชเหยฺย มานํ, พึงกา้ วล่วง ซึ่งสงั โยชน์ ทงั้ ปวง, อ.ทกุ ข์ ท. ย่อมไม่ตกไปตาม สํโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย, (ซ่ึงบคุ คล) นนั้ ผไู้ มข่ อ้ งอยู่ ในนามและรูป ผไู้ มม่ ีกิเลสชาต- ตํ นามรูปสฺมิมสชฺชมานํ, เป็นเครื่องกงั วล ดงั นี้ ฯ อกิญฺจนํ นานตุ ปนตฺ ิ ทกุ ฺขาติ. (อ.อรรถ วา่ ) (อ.บคุ คล) พงึ ละ ซง่ึ ความโกรธ แม้มีอาการ ตตฺถ “โกธนฺต:ิ สพฺพาการํปิ โกธํ นววิธํปิ มานํ ทงั้ ปวง ซงึ่ มานะ แม้มีอยา่ ง ๙ (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา ชเหยฺย. แหง่ บท วา่ โกธํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ.อรรถ วา่ ) (อ.บคุ คล) พงึ ก้าวลว่ ง ซง่ึ สงั โยชน์ แม้มีอยา่ ง สโํ ยชนนฺต:ิ กามราคสํโยชนาทิกํ ทสวิธํปิ สพฺพํ ๑๐ มีสงั โยชน์คือกามราคะเป็นต้น ช่ือวา่ ทงั้ ปวง (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ สโํ ยชนํ อตกิ ฺกเมยฺย. สโํ ยชนํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ผ้ไู มข่ ้องอยู่ (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ อสชชฺ มานํ ดงั นี ้ฯ อสชชฺ มานนฺต:ิ อลคฺคมานํ. อ.อธิบายวา่ ก็(อ.บคุ คล)ใดยอ่ มถือเอาซงึ่ นามและรูปโดยนยั โย หิ “มม รูปํ , มม เวทนาตอิ าทินา นเยน นามรูปํ มวี า่ อ.รปู ของเรา, อ.เวทนา ท. ของเรา ดงั นเี ้ป็นต้น, ก็ ครนั้ เมอ่ื นามและ คณฺหาต,ิ ตสฺมิญฺจ ภิชฺชมาเน โสจติ วหิ ญฺญต;ิ อยํ รปู นนั้ แตกไปอยู่ ยอ่ มเศร้าโศก ยอ่ มเดือดร้อน, (อ.บคุ คลนี)้ ชื่อวา่ นามรูปสฺมึ สชฺชติ นาม; เอวํ อคฺคณฺหนฺโต ปน น ยอ่ มข้อง ในนามและรูป, สว่ นวา่ (อ.บคุ คล ใด) ไมถ่ ือเอาอยู่ อยา่ งนี ้ สชฺชติ นาม; ตํ ปคุ ฺคลํ เอวํ อสชฺชมานํ ราคาทีนํ ช่ือวา่ ยอ่ มไมข่ ้อง, ช่ือ อ.ทกุ ข์ ท. ยอ่ มไมต่ กไปตาม ซงึ่ บคุ คล นนั้ อภาเวน อกิญฺจนํ ทกุ ฺขา นาม นานปุ ตนฺตีติ อตฺโถ. ผ้ไู มข่ ้องอยู่ อยา่ งนี ้ ชื่อวา่ ผ้ไู มม่ ีกิเลสชาตเป็นเครื่องกงั วล เพราะความไมม่ ี (แหง่ กิเลส ท.) มีราคะเป็นต้น ดงั นี ้ (อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 161 www.kalyanamitra.org
ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ .ุ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ฯ แม้ อ.พระนางโรหิณี ทรงตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ฯ ตโรํขหณิณํเีปยิวสโสสฺ ตาาปสตรีรฺตํ ผิ สเวุลณปฺณตวฏิ ณฺฐหฺณิ.ํ อโหส.ิ ในขณะนัน้ นั่นเทียว อ.พระสรีระ (ของพระนางโรหิณี) นัน้ เป็นพระสรีระมีวรรณะ เพียงดงั วรรณะแหง่ ทอง ได้เป็นแล้ว ฯ (อ.พระนางโรหิณี) นัน้ ทรงเคล่ือนแล้ว จากอัตภาาพนัน้ สา ตโต จตุ า ตาวตสึ ภวเน จตนุ ฺนํ เทวปตุ ฺตานํ ทรงบงั เกิดแล้ว ในระหวา่ งแหง่ แดน ของเทพบตุ ร ท. ๔ ในภพช่ือวา่ สีมนฺตเร นิพฺพตฺตติ ฺวา ปาสาทิกา รูปโสภคฺคปปฺ ตฺตา ดาวดงึ ส์ เป็นผ้ยู งั ความเล่อื มใสให้เกิด เป็นผ้ถู งึ แล้วซงึ่ ความงาม อโหส.ิ แหง่ รูปอนั เลศิ ได้เป็นแล้ว ฯ อ.เทพบตุ ร ท. แม้ ๔ เหน็ แล้ว (ซง่ึ เทพธิดา) นนั้ เป็นผ้มู ีความ จตฺตาโรปิ เทวปตุ ฺตา ตํ ทิสฺวา อปุ ปฺ นฺนสเิ นหา รกั อนั เกดิ ขนึ ้ แลว้ เป็น เถยี งกนั อยู่ วา่ (อ.เทพธดิ า) บงั เกดิ แลว้ ในภายใน หตุ ฺวา “มม สมี าย อนฺโต นิพฺพตฺตา, มม สีมาย แหง่ เขตแดน ของเรา, (อ.เทพธดิ า) บงั เกดิ แลว้ ในภายใน แหง่ เขตแดน อนฺโต นิพฺพตฺตาติ วิวทนฺตา สกฺกสฺส เทวรญฺโญ ของเรา ดงั นี ้ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของท้าวสกั กะ ผ้พู ระราชาแหง่ เทพ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา “เทว อิมํ โน นิสสฺ าย อฏฺ โฏ กราบทลู แล้ววา่ ข้าแตเ่ ทพเจ้า อ.คดี เกิดขนึ ้ แล้ว แก่ข้าพระองค์ ท. อปุ ปฺ นฺโน, ตํ วินิจฺฉินถาติ อาหํส.ุ เพราะอาศยั (ซงึ่ เทพธดิ า) น,ี ้ (อ.พระองค์ ท.) ขอจงทรงตดั สนิ (ซง่ึ คด)ี นนั้ เถิด ดงั นี ้ฯ แม้ อ.ท้าวสักกะ ทรงแลดูแล้ว (ซึ่งเทพธิดา) นัน้ เทียว สกฺโกปิ ตํ โอโลเกตฺวาว อุปฺปนฺนสิเนโห หุตฺวา เป็นผ้มู ีพระสเิ นหาอนั เกิดขนึ ้ แล้ว เป็น ตรัสแล้ว อยา่ งนี ้วา่ อ.จิตท. เอวมาห “อิมาย โว ทิฏฺ ฐกาลโต ปฏฺ ฐาย กถํ (ของทา่ น ท.) เกิดขนึ ้ แล้ว อยา่ งไร จ�ำเดมิ แตก่ าล (แหง่ เทพธิดา) นี ้ จิตฺตานิ อปุ ปฺ นฺนานีต;ิ อนั ทา่ น ท. เหน็ แล้ว ดงั นี ้ฯ ครัง้ นัน้ (อ.เทพบุตร) องค์หนึ่ง กราบทูลแล้ว ว่า อ.จิต อเถโก อาห “มม ตาว อปุ ปฺ นฺนํ จิตฺตํ สงฺคามเภริ ของข้าพระองค์ อนั เกิดขนึ ้ แล้ว ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพ่ืออนั สงบ ราวกะ วิย สนฺนิสีทิตํุ นาสกฺขีต.ิ อ.กลองอนั บคุ คลพงึ ตีในสงคราม ก่อน ดงั นี ้ฯ (อ.เทพบตุ ร) องค์ที่ ๒ (กราบทลู แล้ว) วา่ อ.จิต ของข้าพระองค์ ทุติโย “มม จิตฺตํ ปพฺพตนที วิย สีฆํ ยอ่ มเป็นไปทว่ั พลนั นนั่ เทียว ราวกะ อ.แมน่ �ำ้ อนั ตกแล้วจากภเู ขา ปวตฺตติเยวาต.ิ นน่ั เทียว ดงั นี ้ฯ (อ.เทพบุตร) องค์ที่ ๓ (กราบทูลแล้ว) ว่า อ.นัยน์ตา ท. ตตโิ ย ว“ิยมมอกฺขอีนิมิ ิสนฺสิกาฺขมสึ ทตู ิฏ.ิ ฺฐกาลโต ปฏฺ ฐาย (ของข้าพระองค)์ ถลนออกแล้ว ราวกะ (อ.นยั นต์ า ท.) ของปู จำ� เดมิ กกฺกฏกสสฺ แตก่ าล (แหง่ เทพธิดา) นี ้อนั ข้าพระองค์ เหน็ แล้ว ดงั นี ้ฯ (อ.เทพบตุ ร) องค์ท่ี ๔ (กราบทลู แล้ว) วา่ อ.จิต ของข้าพระองค์ จตตุ ฺโถ “มม จิตฺตํ เจติเย อสุ สฺ าปิ ตทฺธโช วิย ไม่ได้อาจแล้ว เพ่ืออันตัง้ อยู่ มีอันไหวออกแล้ว ราวกะ อ.ธง นิจฺจลํ ฐาตํุ นาสกฺขีต.ิ (อนั บคุ คล) ให้ยกขนึ ้ แล้ว บนเจดีย์ ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.ท้าวสกั กะ ตรัสแล้ว (กะเทพบตุ ร ท.) เหลา่ นนั้ วา่ อถ เน สกฺโก อาห “ตาตา ตมุ หฺ ากํ ตาว ดกู ่อนพอ่ ท. อ.จิต ท. ของทา่ น ท. เป็นจิตมีรูปอนั บคุ คลพงึ ขม่ ได้ จิตฺตานิ ปสยฺหรูปานิ; อหํ ปน อิมํ ลภนฺโต (ยอ่ มเป็น) ก่อน, สว่ นวา่ อ.เรา เมื่อได้ (ซงึ่ เทพธิดา) นี ้ จกั เป็นอย,ู่ ชีวสิ ฺสามิ, อลภนฺตสสฺ เม มรณํ ภวสิ สฺ ตีต.ิ เมื่อเรา ไมไ่ ด้อยู่ อ.ความตาย จกั มี ดงั นี ้ฯ อ.เทพบุตร ท. (กราบทูลแล้ว) ว่า ข้ าแต่มหาราชเจ้ า เทวปตุ ฺตา “มหาราช ตมุ หฺ ากํ มรเณน อตฺโถ อ.ความต้องการ ด้วยความตาย ของพระองค์ ท. ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ นตฺถีติ ตํ สกฺกสสฺ วสิ สฺ ชฺเชตฺวา ปกฺกมสึ .ุ สละวิเศษแล้ว (ซงึ่ เทพธิดา) นนั้ แก่ท้าวสกั กะ หลีกไปแล้ว ฯ (อ.เทพธิดา) นัน้ เป็ นผู้เป็ นท่ีรัก เป็ นผู้ยังใจให้ เจริญ สา สกฺกสฺส ปิ ยา อโหสิ มนาปา. “อสกุ กีฬํ นาม ของท้าวสกั กะ ได้เป็นแล้ว ฯ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ อ.หมอ่ มฉนั ท. คจฺฉามาติ วตุ ฺเต, สกฺโก ตสฺสา วจนํ ปฏิกฺขิปิ ตํุ จะไป ช่ือ สู่ท่ีเล่นโน้น ดังนี ้ (อันเทพธิดา นัน้ ) กราบทูลแล้ว, นาสกฺขิเยวาต.ิ อ.ท้าวสกั กะ ไมไ่ ด้ทรงอาจแล้ว เพอ่ื อนั ทรงห้าม ซง่ึ คำ� (ของเทพธดิ า) นนั้ นน่ั เทียว ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งเจ้าหญิงพระนามว่าโรหณิ ี โรหณิ ีขตตฺ ยิ กญญฺ าวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ 162 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๒. อ(.อเรัน่ือขง้าแพหเ่งจภ้ากิ จษะุรกูปลใ่าดวร)ูปฯหน่ึง ๒. อญญฺ ตรภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เม่ือประทับอยู่ ในเจดีย์ ช่ือว่าอัคคาฬวะ “โย เว อุปปฺ ตติ ํ โกธนฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ทรงปรารภ ซง่ึ ภิกษุ รูปใดรูปหนง่ึ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา อคฺคาฬเว เจตเิ ย วหิ รนฺโต อญฺญตรํ ภิกฺขํุ อารพฺภ นี ้วา่ โย เว อุปปฺ ตติ ํ โกธํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ กเถส.ิ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ครัน้ เม่ือเสนาสนะ อนั พระศาสดา สตฺถารา หิ ภิกฺขสุ งฺฆสสฺ เสนาสเน อนญุ ฺญาเต ทรงอนญุ าตแล้ว แกห่ มแู่ หง่ ภกิ ษุ ครนั้ เมอ่ื เสนาสนะ ท. (อนั เศรษฐี ท.) อราาชฬควหโิ กเสภฏฺิกฐอิฺขาุ อทตีหฺติ โเนสนเสานสาเนสสนุ ํ การิยมาเนสุ เอโก มเี ศรษฐีผ้อู ยใู่ นเมอื งชอ่ื วา่ ราชคฤห์เป็นต้น (ยงั บคุ คล) ให้กระทำ� อยู่ กโรนฺโต เอกํ มนาปํ อ.ภิกษุ ผ้อู ยใู่ นเมืองชื่อวา่ อาฬวี รูปหนงึ่ เม่ือกระท�ำ ซงึ่ เสนาสนะ รุกฺขํ ทิสวฺ า ฉินฺทิตํุ อารภิ. เพ่ือตน เหน็ แล้ว ซงึ่ ต้นไม้ อนั ยงั ใจให้เจิญ ต้นหนงึ่ ปรารภแล้ว เพื่ออนั ตดั ฯ ก็ อ.เทวดา ผ้มู ีบตุ รออ่ น ตนหนง่ึ ผ้บู งั เกิดแล้ว (ในต้นไม้) ตตฺถ ปน นิพฺพตฺตา เอกา ตรุณปตุ ฺตา เทวตา นนั้ ผ้ยู ืนอ้มุ แล้ว ซง่ึ บตุ ร ด้วยสะเอว วงิ วอนแล้ว วา่ ข้าแตน่ าย ปตุ ฺตํ องฺเกนาทาย ติ า ยาจิ “มา เม สามิ วิมานํ (อ.ทา่ น) ขอจงอยา่ ตดั ซง่ึ วมิ าน ของข้าพเจ้า, (อ.ข้าพเจ้า) จกั ไมอ่ าจ ฉินฺท, น สกฺขิสสฺ ามิ ปตุ ฺตกํ อาทาย อนาวาสา เพื่ออนั อ้มุ ซง่ึ บตุ รน้อย เป็นผ้ไู มม่ ีที่อยู่ (เป็น) เท่ียวไป ดงั นี ้ ฯ วจิ ริตนุ ฺต.ิ (อ.ภิกษุ) นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ อ.เรา จกั ไมไ่ ด้ ซงึ่ ต้นไม้ อนั เชน่ นี ้ โส “อหํ อญฺญตฺถ อีทิสํ รุกฺขํ น ลภิสสฺ ามีติ (ในท่ี) อื่น ดงั นี ้ไมเ่ อือ้ เฟื อ้ แล้ว ซง่ึ ค�ำ (ของเทวดา) นนั้ ฯ ตสฺสา วจนํ อนาทยิ. (อ.เทวดา) นัน้ (คิดแล้ว) ว่า (อ.ภิกษุ นี)้ แลดูแล้ว ซึ่งเด็ก นี ้ สา “อิมํ ตาว ทารกํ โอโลเกตฺวา โอรมิสฺสตีติ จกั งด ก่อน ดงั นี ้วางไว้แล้ว ซง่ึ บตุ ร บนก่ิงแหง่ ต้นไม้ ฯ ปตุ ฺตํ รุกฺขสาขาย ฐเปส.ิ (อ.ภิกษุ) แม้นัน้ ไม่อาจอยู่ เพ่ืออันยัง้ ไว้ ซ่ึงขวาน (อันตน) โสปิ ภิกฺขุ อกุ ฺขิตฺตผรสํุ สนฺธาเรตํุ อสกฺโกนฺโต เงือ้ ขนึ ้ แล้ว ตดั แล้ว ซงึ่ แขน ของเดก็ ฯ ทารกสฺส พาหํุ ฉินฺทิ. อ.เทวดา เป็นผ้มู คี วามโกรธมกี ำ� ลงั อนั เกดิ ขนึ ้ แล้ว (เป็น คดิ แล้ว) วา่ เทวตา อปุ ปฺ นนฺ พลวโกธา “ปหริตวฺ า นํ มาเรสสฺ ามตี ิ (อ.เรา) ประหารแล้ว (ยงั ภกิ ษ)ุ นนั้ จกั ให้ตาย ดงั นี ้ยกขนึ ้ แล้ว ซง่ึ มอื ท. อโุ ภ หตฺเถ อกุ ฺขิปิ ตฺวา เอวนฺตาว จินฺเตสิ “อยํ ภิกฺขุ ทงั้ ๒ คดิ แล้ว อยา่ งนี ้ ก่อน วา่ อ.ภิกษุ นี ้ เป็นผ้มู ีศีล (ยอ่ มเป็น), สีลวา, สจาหํ อิมํ มาเรสฺสามิ, นิรยคามินี ถ้าวา่ อ.เรา (ยงั ภิกษุ) นี ้ จกั ให้ตาย ไซร้, (อ.เรา) เป็นผ้ไู ปสนู่ รก ภวสิ สฺ ามิ: เสสเทวตาปิ อตฺตโน รุกฺขํ ฉินฺทนฺเต ภิกฺขู โดยปกติ จกั เป็น, แม้ อ.เทวดาผ้เู หลือ ท. เหน็ แล้ว ซงึ่ ภิกษุ ท. ทิสวฺ า `อสกุ เทวตาย เอวนฺนาม มาริโต ภิกฺขตู ิ ผ้ตู ดั อยู่ ซง่ึ ต้นไม้ ของตน กระท�ำแล้ว แม้ซงึ่ เรา ให้เป็นประมาณ วา่ มํปิ ปมาณํ กตฺวา ภิกฺขู มาเรสสฺ นฺตีต;ิ อยญฺจ อ.ภิกษุ อนั เทวดาโน้น ให้ตายแล้ว ช่ือ อยา่ งนี ้ ดงั นี ้ ยงั ภิกษุ ท. สสฺสามิโก [ภิกฺข]ุ , สามิกสเฺ สว นํ กเถสฺสามีติ จกั ให้ตาย ดงั นีแ้ ล, ก็ (อ.ภิกษุ) นี ้ เป็นผ้เู ป็นไปกบั ด้วยเจ้าของ อกุ ฺขิตฺเต หตฺเถ อปเนตฺวา โรทมานา สตฺถุ สนฺตกิ ํ (ยอ่ มเป็น), (อ.เรา) จกั บอก (ซง่ึ ภิกษุ) นนั้ แก่เจ้าของนน่ั เทียว ดงั นี ้ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐาส.ิ น�ำไปปราศแล้ว ซงึ่ มือ ท. อนั (อนั ตน) ยกขนึ ้ แล้ว ร้องไห้อยู่ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของพระศาสดา ถวายบงั คมแล้ว ได้ยนื แล้ว ณ สว่ นข้างหนงึ่ ฯ ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 163 www.kalyanamitra.org
ครงั้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรสั แล้ว (กะเทวดา) นนั้ วา่ ดกู อ่ นเทวดา อถ นํ สตฺถา “กึ เทวเตติ อาห. สา “ภนฺเต อ.อะไร ดงั นี ้ ฯ (อ.เทวดา) นนั้ (กราบทลู แล้ว) ว่า ข้าแต่พระองค์ ตมุ หฺ ากเมว สาวเกน อิทํ นาม กตํ, อหํปิ ตํ ผ้เู จรญิ (อ.กรรม) ชอ่ื นี ้อนั สาวก ของพระองค์ ท. นนั่ เทยี ว กระทำ� แล้ว, มาเรตกุ ามา หตุ ฺวา อิทํ นาม จินฺเตตฺวา อมาเรตฺวาว แม้ อ.ข้าพระองค์ เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั (ยงั สาวก ของพระองค์ ท.) นนั้ อิธาคตาติ สพฺพนฺตํ ปวตฺตึ วติ ฺถารโต อาโรเจส.ิ ให้ตาย เป็น คดิ แล้ว (ซงึ่ เหต)ุ ชอ่ื นี ้ไม่ (ยงั สาวก ของพระองค์ ท. นนั้ ) ให้ตายแล้วเทยี ว เป็นผ้มู าแล้ว (ในท)่ี นี ้(ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้กราบทลู แล้ว ซงึ่ ความเป็นไปทวั่ นนั้ ทงั้ ปวง โดยพิสดาร ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว (ซงึ่ คำ� ) นนั้ ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นเทวดา สตฺถา ตํ สตุ ฺวา “สาธุ สาธุ เทวเต, สาธุ เต กตํ อ.ดีละ อ.ดีละ, อ.กรรมอันยังประโยชน์ให้ส�ำเร็จ อันท่าน เอวํ อปุ ปฺ นฺนํ โกธํ ภนฺตํ รถํ วิย นิคฺคยฺหมานายาติ ผู้ข่มอยู่ ซึ่งความโกรธ อันเกิดขึน้ แล้ว อย่างนี ้ ผู้ราวกะว่า วตฺวา อิมํ คาถมาห (นายสารถี ผ้ยู ดึ ไว้อย)ู่ ซงึ่ รถ อนั แลน่ ไปอยู่ กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ (อ.บคุ คล) ใด แล พึงหา้ ม ซ่ึงความโกรธ อนั เกิดขึ้นแลว้ “โย เว อปุ ปฺ ติตํ โกธํ รถํ ภนตฺ ํว ธารเย, เพียงดงั (อ.นายสารถี หยดุ อยู่) ซึ่งรถ อนั แล่นไปอยู่, อ.เรา ตมหํ สารถึ พรฺ ูมิ, รสฺมิคฺคาโห อิตโร ชโนติ. ย่อมเรียก (ซึ่งบคุ คล) นนั้ ว่า เป็นสารถี, อ.ชน นอกนี้ เป็นผูจ้ บั ซึ่งเชือก (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) อนั เกิดขนึ ้ แล้ว (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา ตตฺถ “อุปปฺ ตติ นฺต:ิ อปุ ปฺ นฺนํ. (แหง่ บท) วา่ อุปปฺ ตติ ํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) อ.นายสารถี ผ้ฉู ลาด ยดึ ไว้แล้ว ซงึ่ รถ อนั แลน่ ไปอยู่ รถํ ภนฺตํ วาต:ิ ยถา นาม เฉโก สารถิ โดยเร็วยง่ิ หยดุ ได้แล้ว ตามความปรารถนา ชอื่ ฉนั ใด, อ.บคุ คล ใด อตเิ วเคน ธาวนฺตํ รถํ นิคฺคณฺหิตฺวา ยถิจฺฉกํ ฐเปส;ิ พงึ ห้าม คือวา่ ยอ่ มอาจ เพ่ืออนั ขม่ ซงึ่ ความโกรธ อนั เกิดขนึ ้ แล้ว เอวํ โย ปคุ ฺคโล อปุ ปฺ นฺนํ โกธํ ธารเย นิคฺคณฺหิตํุ ฉนั นนั้ (ดงั นี ้แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ รถํ ภนฺตํ ว ดงั นี ้ฯ สกฺโกต.ิ (อ.อรรถ ว่า) อ.เรา ย่อมเรียก (ซึ่งบุคคล) นัน้ ว่าเป็ นสารถี ตมหนฺต:ิ ตํ อหํ สารถึ พฺรูมิ. (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ ตมหํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ.อรรถ วา่ ) สว่ นวา่ (อ.ชน) นอกนี ้คอื วา่ ผ้ยู งั รถ (ของอสิ รชน ท.) อติ โร ชโนต:ิ อติ โร ปน ราชอปุ ราชาทนี ํ รถสารถิ มีพระราชาและอปุ ราชเป็นต้น ให้แลน่ ไป ชื่อวา่ เป็นผ้จู บั ซง่ึ เชือก ชโน รสฺมิคฺคาโห นาม โหติ น อตุ ฺตมสารถีต.ิ ย่อมเป็ น คือว่า เป็ นสารถีผู้สูงสุด (ย่อมเป็ น) หามิได้ ดังนี ้ (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ อติ โร ชโน ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา อ.เทวดา ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว เทสนาวสาเน เทวตา โเทสตสนาปาตอฺตโผิ หเสลีติ.ปตฏิ ฺฐหิ, ในโสดาปัตตผิ ล ฯ อ.พระเทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจามี สมปฺ ตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ประโยชน์ ได้มีแล้ว แม้แก่บริษัทผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ สว่ นวา่ อ.เทวดา เป็นโสดาบนั แม้เป็น ได้ยืนร้องไห้อยแู่ ล้ว ฯ เทวตา ปน โสตาปนฺนา หตุ ฺวาปิ โรทมานา ครงั้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรสั ถามแล้ว (ซงึ่ เทวดา) นนั้ วา่ ดกู อ่ นเทวดา “อภฏนฺฐฺเาตส.ิ วมิ อาถนํ นํ สตฺถา “กึ เทวเตติ ปจุ ฺฉิตฺวา, อ.อะไร ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.วิมาน เม จนินฏฺตฺฐย,ํ ิ,อิทอหานนิฺเตกึ กริสสฺ ามีติ วตุ ฺเต ของข้าพระองค์ ฉิบหายแล้ว, (อ.ข้าพระองค์) จกั กระท�ำ อยา่ งไร “อลํ เทวเต, มา วมิ านํ ทสฺสามีติ ในกาลนี ้ ดงั นี ้ (อนั เทวดา) กราบทลู แล้ว, (ตรสั แล้ว) วา่ ดกู อ่ นเทวดา เชตวเน คนฺธกฏุ ิสมีเป ปรุ ิมทิวเส จตุ เทวตํ เอกํ อ.อย่าเลย, (อ.ท่าน) อย่าคิดแล้ว, อ.เรา จักให้ ซ่ึงวิมาน รุกฺขํ อปทิสนฺโต “อสกุ สฺมึ โอกาเส อสโุ ก รุกฺโข แก่ทา่ น ดงั นี ้ ทรงชีอ้ ยู่ ซงึ่ ต้นไม้ ต้นหนงึ่ อนั มีเทวดาเคล่อื นแล้ว ววิ ติ ฺโต, ตตฺถ อปุ คจฺฉาติ อาห. ในวนั อนั มีในก่อน ในที่ใกล้แหง่ พระคนั ธกฎุ ี ตรัสแล้ว วา่ อ.ต้นไม้ โน้น ในโอกาส โน้น สงดั แล้ว, (อ.ทา่ น) จงเข้าไปสถิต (ในต้นไม้) นนั้ เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.เทวดา) นนั้ เข้าไปสถิตแล้ว (ในต้นไม้) นนั้ ฯ สา ตตฺถ อปุ คญฺฉิ. 164 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
แม้ อ.เทวดา ท. ผ้มู ีศกั ดิ์ใหญ่ (รู้แล้ว) วา่ อ.วิมาน (ของเทวดา) นี ้ มตโเหตสกฺขปาฏฺฐเาทยวตาป“พิ ทุอฺธาทคนตฺตฺตยิฺวาํ อิมิสสฺ า วมิ านนฺติ เป็นวมิ านอนั พระพทุ ธเจ้าประทานแล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ มาแล้ว ตํ จาเลตํุ นาสกฺขสึ :ุ ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพื่ออนั (ยงั วิมาน) นนั้ ให้หวน่ั ไหว, อ.พระศาสดา สตฺถา ตํ อตฺถปุ ปฺ ตฺตึ กตฺวา ภิกฺขนู ํ ภตู คามสกิ ฺขาปทํ ทรงกระท�ำแล้ว (ซ่ึงเรื่อง) นัน้ ให้เป็ นเหตุเกิดขึน้ แห่งเนือ้ ความ ปญฺญเปสตี .ิ ทรงบญั ญตั แิ ล้ว ซงึ่ ภตู คามสกิ ขาบท แก่ภิกษุ ท. ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุรูปใดรูปหน่ึง อญญฺ ตรภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ๓. อ.เร่ืองแห่งอุบาสิกาช่ือว่าอุตตรา ๓. อุตตฺ ราอุปาสกิ าวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั มีกิจด้วยภตั รอนั “อกโฺ กเธน ชเิ น โกธนฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ทรงกระท�ำแล้ว ในเรือน ของนางอตุ ตรา ทรงปรารภ ซง่ึ อบุ าสกิ า เวฬวุ เน วหิ รนฺโต อตุ ฺตราย เคเห กตภตฺตกิจฺโจ อตุ ฺตรํ ช่ือวา่ อตุ ตรา ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ อกโฺ กเธน ชเิ น อปุ าสกิ ํ อารพฺภ กเถส.ิ โกธํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ วโดยลำ� ดบั (ในเรื่อง) นนั้ นี,้ ได้ยินวา่ นิสฺสาตยตฺรปายณุ ํ ฺโอณนปุ นพุ าฺพมีกถทาล:ทิ ฺโรทาชภคตเหึ กกติรฺวาสชมุ ีวนตเ.ิสฏฺฐึ อ.คนขดั สน ชอ่ื วา่ ปณุ ณะ อาศยั แล้ว ซง่ึ เศรษฐีชอื่ วา่ สมุ นะ กระทำ� แล้ว ซง่ึ การรับจ้าง ยอ่ มเป็นอยู่ ในเมืองชื่อวา่ ราชคฤห์ ฯ อ.ประชมุ แหง่ มนษุ ย์ ท. ในเรือน ๒ นน่ั เทียว คือ อ.ภรรยา “ตสสฺ ภริยา จ อตุ ฺตรา นาม จ ธีตาติ เทฺวเยว (ของนายปณุ ณะ) นนั้ ด้วย อ.ธิดา ชื่อวา่ อตุ ตรา ด้วย (ได้มีแล้ว) ฯ เคเห มานสุ กา. ครัง้ นนั้ ในวนั หน่ึง (อ.ชน ท.) กระท�ำแล้ว ซงึ่ การป่ าวร้อง อเถกทวิ สํ “สตตฺ าหํ นกขฺ ตตฺ ํ กฬี ติ พพฺ นตฺ ิ ราชคเห ในเมืองชื่อวา่ ราชคฤห์ (มีอนั ให้รู้) วา่ อ.นกั ษัตร (อนั บคุ คล) พงึ เลน่ โฆสนํ กรึส.ุ ตลอดวนั ๗ ดงั นี ้(เป็นเหต)ุ ฯ อ.เศรษฐีชอ่ื วา่ สมุ นะ ฟังแล้ว (ซง่ึ การป่าวร้อง) นนั้ เรียกมาแล้ว กอีาฬมิตนตกุ ฺเําตโตมสฺวตุ, าฺวตาฺว“ํ สตกมุาึตนเนสกฏอฺขฺฐมตี หฺฺตปาํ กากํโีฬตวิสปสฺ รสิชอิโานคอตทุ ํานหปกุ ฺณขุ ภตฺณฺตตํํึ ซงึ่ นายปณุ ณะ ผ้มู าแล้ว ในเวลาเช้าเทียว กลา่ วแล้ว วา่ แนะ่ พอ่ อ.ชนผู้เป็ นบริวาร ของเรา ท. เป็ นผู้ใคร่เพ่ืออันเล่น ซึ่งนักษัตร (ยอ่ มเป็น), อ.เจ้า จกั เลน่ ซงึ่ นกั ษตั ร หรือ หรือวา่ (อ.เจ้า) จกั กระทำ� กริสสฺ สตี ิ อาห. “สามิ นกฺขตฺตกีฬนนฺนาม สธนานํ ซง่ึ การรับจ้าง ดงั นี ้ฯ (อ.นายปณุ ณะ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย ช่ือ โหต,ิ มม ปน เคเห สวฺ าตนาย ยาคตุ ณฺฑลุ ปํ ิ นตฺถิ, อ.การเลน่ ซงึ่ นกั ษัตร ยอ่ มมี (แก่ชน ท.) ผ้เู ป็นไปกบั ด้วยทรัพย์, กึ เม นกฺขตฺเตน, โคเณ ลภนฺโต กสติ ํุ คมิสฺสามีต.ิ ก็ แม้ อ.ข้าวสารเพอ่ื ข้าวต้มเพอ่ื การบริโภคอนั จะมใี นวนั พรุ่ง ยอ่ มไมม่ ี “เตนหิ โคเณ คณฺหสฺสตู .ิ ในเรือน ของกระผม, (อ.ประโยชน์) อะไร ของกระผม ด้วยนกั ษัตร, (อ.กระผม) เมื่อได้ ซง่ึ โค ท. จกั ไป เพื่ออนั ไถ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.เจ้า) จงรับเอา ซง่ึ โค ท. ดงั นี ้ฯ (อ.นายปณุ ณะ) นนั้ รบั เอาแลว้ ซง่ึ โคตวั มกี ำ� ลงั ท. ด้วย ซงึ่ ไถ ด้วย โส พลวโคเณ จ นงฺคลญฺจ คเหตฺวา “ภทฺเท กลา่ วแล้ว กะภรรยา วา่ แนะ่ นางผ้เู จริญ (อ.ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นนคร นาครา นกฺขตฺตํ กีฬนฺต,ิ ยอ่ มเลน่ ซงึ่ นกั ษัตร, ผลิตส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 165 www.kalyanamitra.org
อ.เรา จกั ไป เพื่ออนั กระท�ำ ซงึ่ การรับจ้าง เพราะความท่ี (แหง่ เรา) อหํ ทลทิ ฺทตาย ภตึ กาตํุ คมิสสฺ ามิ, มยฺหํปิ ตาว เป็นคนขดั สน, (อ.เธอ) ต้มแล้ว ซงึ่ ผกั อนั คณู ด้วยสอง พงึ น�ำมา อชฺช ทฺวิคณุ ํ นิวาปํ ปจิตฺวา ภตฺตํ อาหเรยฺยาสตี ิ ซง่ึ ภตั ร แม้เพื่อเรา ในวนั นี ้ก่อน ดงั นี ้ได้ไปแล้ว สนู่ า ฯ ภริยํ วตฺวา เขตฺตํ อคมาส.ิ ในกาลนนั้ อ.พระเถระชื่อวา่ สารีบตุ ร เป็นผ้เู ข้าแล้วซง่ึ สมาบตั ิ ตทา สารีปตุ ฺตตฺเถโร สตฺตาหํ นิโรธสมาปนฺโน ช่ือวา่ นิโรธ (เป็น) ตลอดวนั ๗ ออกแล้ว ในวนั นนั้ ตรวจดอู ยู่ วา่ ตวอเมฏนํทฺฏฺโิวตสสตงํีตปฺควิ หวฏุ โฏิํฺฐอฺฐากโํลยาทเตกิส“นุ นกวฺ ฺตาฺโสติ สฺ “โสอปนทโณลฺุุโธโเฺณกขนนํ อฺโุ อตโชขตฺชฺตตเอโมสนสยฺส,าญสสสกทางฺขณฺธฺคิสภหชฺสาาํ ตวลกญิ สาวตฺสฺจาํุ ในวนั นี ้ อ.อนั อนั เรา กระท�ำ ซง่ึ การสงเคราะห์ แก่ใคร หนอ แล ยอ่ มควร ดงั นี ้ เหน็ แล้ว ซง่ึ นายปณุ ณะ ผ้เู ข้าไปแล้ว ในภายใน แหง่ ขา่ ยคอื ญาณ ของตน ตรวจดอู ยู่ วา่ (อ.นายปณุ ณะ) นนั่ เป็นผ้มู -ี ศรัทธา (จกั เป็น) หรือ หนอ แล หรือวา่ จกั อาจ เพ่ืออนั กระท�ำ สงฺคหํ กาตํุ สมตฺถภาวญฺจ ตปปฺ จฺจยา จสสฺ ซงึ่ การสงเคราะห์ แก่เรา ดงั นี ้รู้แล้ว ซง่ึ ความท่ี แหง่ นายปณุ ณะ นนั้ มหาสมปฺ ตฺตปิ ปฺ ฏิลาภํ ญตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เป็นผ้มู ีศรัทธาด้วย ซง่ึ ความที่ แหง่ (นายปณุ ณะนนั้ ) เป็นผ้สู ามารถ ตโอสโสฺลเกกนสฺโตนฏอฺฐฏาฺนฐาํ สค.ิ นฺตฺวา อาวาฏตีเร เอกํ คมุ พฺ ํ เพอ่ื อนั กระทำ� ซง่ึ การสงเคราะหด์ ้วย ซง่ึ การได้เฉพาะซงึ่ สมบตั ใิ หญ่ (แหง่ นายปณุ ณะ) นนั้ เพราะปัจจยั คือบญุ นนั้ ด้วย ถือเอา ซงึ่ บาตร และจวี ร ไปแล้ว สทู่ เี่ ป็นทไ่ี ถ (ของนายปณุ ณะ) นนั้ ได้ยนื แลดอู ยแู่ ล้ว ซงึ่ พมุ่ ไม้ พมุ่ หนง่ึ ณ ฝ่ังแหง่ บอ่ ฯ อ.นายปณุ ณะ เหน็ แล้ว ซง่ึ พระเถระ หยดุ ไว้แล้ว ซงึ่ การไถ ทเถนรฺตํ ปกฏณวุ ฺนฐโฺ ํฺทณกิตปเฺวถปฺ าริ ยํ ทํ “กสิ ทตวฺ นาฺวฺาตกกสอฏึ ทฐฺ เเาฐปสนต.ิ วฺ าอปตญฺโถฺจปปฺภตวฏิิสฺฐฺสเิ ตตีนติ ไหว้แล้ว ซงึ่ พระเถระ ด้วยอนั ตงั้ ไว้เฉพาะแหง่ องค์ ๕ คดิ แล้ว วา่ อ.ความต้องการ ด้วยไม้เป็นเครื่องชำ� ระซงึ่ ฟัน จกั มี ดงั นี ้ กระทำ� แล้ว ซง่ึ ไม้เป็นเคร่ืองช�ำระซงึ่ ฟัน ให้เป็นกบั ปิ ยะ ได้ถวายแล้ว ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระเถระ น�ำออกแล้ว ซงึ่ บาตร ด้วย ซงึ่ ภาชนะ อถสสฺ เถโร ปตฺตญฺจ ปริสสฺ าวนญฺจ นีหริตฺวา เคร่ืองกรองน�ำ้ ด้วย ได้ให้แล้ว (แก่นายปณุ ณะ) นนั้ ฯ อทาส.ิ (อ.นายปุณณะ) นัน้ (คิดแล้ว) ว่า อ.ความต้ องการ โส “ปานีเยน อตฺโถ ภวสิ ฺสตีติ ตํ อาทาย ปานียํ (ด้วยน�ำ้ อันบุคคลพึงด่ืม) จักมี ดังนี ้ ถือเอาแล้ว (ซึ่งภาชนะ- ปริสฺสาเวตฺวา อทาส.ิ เป็ นเคร่ืองกรองซ่ึงน�ำ้ ) นัน้ กรองแล้ว ซึ่งน�ำ้ อันบุคคลพึงด่ืม ได้ถวายแล้ว ฯ อ พระเถระ คดิ แล้ว วา่ (อ.นายปณุ ณะ) นี ้ยอ่ มอยู่ ในเรือน เถโร จินฺเตสิ “อยํ ปเรสํ ปจฺฉิมเคเห วสต,ิ อนั มใี นภายหลงั (ของชน ท.) เหลา่ อน่ื ถ้าวา่ (อ.เรา) จกั ไปสปู่ ระต-ู นสจสลสฺภิสเฺสคตห;ิ ทยฺวาาวรํสคฺสมภิสตสฺ ฺตามํ อิ, าอทิมาสยฺสมภครฺคิยํ าปฏมิปํ ชทฺชฏตฺฐิ,ํุ แหง่ เรือน (ของนายปณุ ณะ) นนั้ ไซร้ อ.ภรรยา (ของนายปณุ ณะ) นี ้ จกั ไมไ่ ด้ เพอื่ อนั เหน็ ซงึ่ เรา (อ.ภรรยา) ถือเอาแล้ว ซง่ึ ภตั ร ตาว อิเธว ภวิสสฺ ามีต.ิ (เพอ่ื นายปณุ ณะ) นนั้ จะดำ� เนนิ ไป สหู่ นทาง เพยี งใด (อ.เรา) จกั มี (ในท่ี) นีน้ น่ั เทียว เพียงนนั้ ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ (ยงั กาล) ให้น้อมไปลว่ งวเิ ศษแล้ว หนอ่ ยหนง่ึ โส ตตเฺ ถว โถกํ วตี นิ าเมตวฺ า ตสสฺ า มคคฺ ารุฬหฺ ภาวํ (ในที่) นนั้ นนั่ เทียว รู้แล้ว ซง่ึ ความที่ (แหง่ ภรยาของนายปณุ ณะ) ญตฺวา อนฺโตนคราภิมโุ ข ปายาส.ิ นนั้ เป็นผ้ขู นึ ้ แล้วสหู่ นทาง เป็นผ้มู ีหน้าเฉพาะตอ่ ภายในแหง่ นคร (เป็น) ออกไปแล้ว ฯ (อ ภรรยาของนายปุณณะ) นัน้ เห็นแล้ว ซ่ึงพระเถระ สา อนฺตรามคฺเค เถรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ “อปเฺ ปกทาหํ ในระหว่างแห่งหนทาง คิดแล้ว ว่า ในกาลบางคราว อ.เรา เทยฺยธมเฺ ม สติ อยฺยํ น ปสสฺ ามิ, อปเฺ ปกทา เม อยฺยํ ครนั้ เมอื่ ไทยธรรม มอี ยู่ ยอ่ มไมเ่ หน็ ซง่ึ พระผ้เู ป็นเจ้า ในกาลบางคราว ปสฺสนฺตยิ า เทยฺยธมโฺ ม น โหต,ิ เมื่อเรา เหน็ อยู่ ซง่ึ พระผ้เู ป็นเจ้า อ.ไทยธรรม ยอ่ มไมม่ ี, 166 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ก็ ในวนั นี ้ อ.พระผ้เู ป็นเจ้า (อนั เรา) เหน็ แล้ว ด้วย อ.ไทยธรรม อชฺช ปน อเยมฺโยสจงฺคทหิฏนฺ โฺตฐ.ิ , เทยฺยธมโฺ ม จายํ อตฺถิ, นี ้ มีอยู่ ด้ วย (อ.พระผู้เป็ นเจ้ า) จักกระท�ำ หรื อ หนอ แล กริสสฺ ติ นุ โข ซง่ึ การสงเคราะห์ แก่เรา ดงั นี ้ฯ (อ.ภรรยาของนายปณุ ณะ) นนั้ ยงั ภาชนะแหง่ ภตั ให้ข้ามลงแล้ว สา ภตฺตภาชนํ โอตาเรตฺวา เถรํ ปญฺจป-ฺ ไหว้แล้ว ซงึ่ พระเถระ ด้วยอนั ตงั้ ไว้เฉพาะแหง่ องค์ ๕ กลา่ วแล้ว อปจตินฏิ ฺเฺฐตเิ ตตฺวนาวทนาฺทสิตสฺวฺสาโว“ภสนงฺเฺคตหํ`กอโิทรํถลาขู ตํ ิ วา ปณีตํ วาติ ว่า ข้ าแต่ท่านผู้เจริญ (อ.ท่าน) ไม่คิดแล้ว ว่า (อ.ภัตร) นี ้ อาห. เป็นของเศร้าหมอง หรือวา่ เป็นของประณีต (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ขอจงกระท�ำ ซงึ่ การสงเคราะห์ แก่ทาส ของทา่ น ท. ดงั นี ้ฯ อ.พระเถระ ยังบาตร ให้น้อมเข้าไปแล้ว ครัน้ เมื่อภัตร- เถโร ปตฺตํ อปุ นาเมตฺวา ตาย เอเกน หตฺเถน อนั เข้าไปด้วยทงั้กงึ่ (อนั ภรรยาของนายปณุ ณะ) นนั้ ผู้ ทรงไว้ ซง่ึ ภาชนะ ภาชนํ ธาเรตฺวา เอเกน หตฺเถน ภตฺตํ ททมานาย ด้วยมือ ข้างหนง่ึ แล้ว จงึ ถวายอยู่ ซงึ่ ภตั ร ด้วยมือ ข้างหนง่ึ อปุ ฑฺฒภตฺเต ทินฺเน “อลนฺติ หตฺเถน ปตฺตํ ปิ ทหิ. ถวายแล้ว ปิ ดแล้ว อซึ่งบาตร ด้วยมือ (มีอันให้รู้) ว่า อ.พอละ ดงั นี ้(เป็นเหต)ุ ฯ (อ.ภริยาของนายปณุ ณะ) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ สา “ภนฺเต เอโกว ปฏิวโึ ส น สกฺกา ทฺวธิ า อ.ส่วน ส่วนเดียวเทียว (อันดิฉัน) ไม่อาจ เพ่ีออันกระท�ำ กาตํ,ุ ตมุ หฺ ากํ ทาสสฺส อิธโลกสงฺคหํ อกตฺวา โดยสว่ น ๒ (อ.ทา่ น ท.) ไมก่ ระท�ำแล้ว ซง่ึ การสงเคราะห์ในโลกนี ้ ปรโลกสงฺคหํ กโรถ, นิรวเสสเมว ทาตกุ ามามหฺ ีติ ขอจงกระท�ำ ซึ่งการสงเคราะห์ในโลกอื่น แก่ทาส ของท่าน ท. ทวติฏฺวฺฐาธมสมฺ พสฺพเฺ สํ วเถภรสาฺสคนิ ปี ตอสฺเตสฺ นปฺตติ ฏิ ปฺฐตเปฺถนตํฺวาอกา“สต.ิ มุ เฺ หหิ (อ.ดฉิ นั ) เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั ถวาย (ซงึ่ ภตั ร) (กระท�ำ) ให้เป็นของ- มีสว่ นเหลือลงออกแล้วนนั่ เทียว ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ (ยงั ภตั ร) ทงั้ ปวง ให้ตัง้ ไว้เฉพาะแล้ว ในบาตร ของพระเถระ ได้กระท�ำแล้ว ซึ่งความปรารถนา ว่า (อ. ดิฉัน) พึงเป็ นผู้มีส่วน แห่งธรรม (อนั ทา่ น ท.) เหน็ แล้วนนั่ เทียว พงึ เป็น ดงั นี ้ฯ อ.พระเถระ กล่าวแล้ว ว่า (อ.ความปรารถนา อันท่าน เถโร “เอวํ โหตตู ิ วตฺวา ติ โกว อนโุ มทนํ กตฺวา ปรารถนาแล้ว) อยา่ งนี ้จงมีเถิด ดงั นี ้ผ้ยู ืนแล้วเทียว กระท�ำแล้ว เอกสมฺ ึ อทุ กผาสกุ ฏฺฐาเน นิสที ิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ อกาส.ิ ซง่ึ การอนโุ มทนา นง่ั แล้ว ในทอี่ นั ผาสกุ ด้วยนำ� ้ แหง่ หนงึ่ ได้กระทำ� แล้ว ซง่ึ กิจด้วยภตั ร ฯ (อ.ภรรยาของนายปุณณะ) นัน้ กลับแล้ว แสวงหาแล้ว สาปิ นิวตฺตติ ฺวา ตณฺฑเุ ล ปริเยสติ ฺวา ภตฺตํ ซง่ึ ข้าวสาร ท. หงุ แล้ว ซง่ึ ภตั ร ฯ แม้ อ.นายปณุ ณะ ไถแล้ว ซงึ่ ที่ มกี รสี ๘ ปจิ. ปณุ ฺโณปิ อฑฺฒกรีสมตฺตํ ฐานํ กสติ ฺวา ชิฆจฺฉํ เป็นประมาณ ไมอ่ าจอยู่ เพื่ออนั อดกลนั้ ซง่ึ ความหิว ปลอ่ ยแล้ว สหิตํุ อสกฺโกนฺโต โคเณ วสิ สฺ ชฺเชตฺวา เอกํ รุกฺขจฺฉายํ ซง่ึ โค ท. เข้าไปแล้ว สเู่ งาแหง่ ต้นไม้ หนง่ึ นง่ั แลดอู ยแู่ ล้ว ซงึ่ หนทาง ฯ ปวิสติ ฺวา มคฺคํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. ครัง้ นนั้ อ.ภรรยา (ของนายปณุ ณะ) นนั้ ถือเอา ซงึ่ ภตั ร ไปอยู่ อถสสฺ ภริยา ภตฺตํ อปีาฬทิโาตย คจฺฉมานา ตํ เหน็ แล้ว(ซง่ึ นายปณุ ณะ)นนั้ เทยี วคดิ แล้ววา่ (อ.สาม)ี นน่ั ผ้อู นั ความหวิ ทิสวฺ าว “เอส ชิฆจฺฉาย มํ โอโลเกนฺโต บีบคนั้ แล้ว นงั่ แลดอู ยแู่ ล้ว ซง่ึ เรา, ถ้าวา่ (อ.สามี) คกุ คามแล้ว วา่ นิสนิ ฺโน: สเจ มํ `อตวิ ยิ เต จิรายิตนฺติ ตชฺเชตฺวา อนั เจ้า ประพฤตชิ ้าแล้ว เกินเปรียบ ดงั นี ้จกั ตี ซง่ึ เรา ด้วยด้ามแหง่ ภปวโติสทฺสยตฏ,ิ ฺฐยิ ปาฏิกจปฺเหจรวิสสฺสฺสต,ิ มยา กตกมมฺ ํ นิรตฺถกํ ปฏกั ไซร้, อ.กรรม อนั เรา กระท�ำแล้ว เป็นกรรมมีประโยชน์ออกแล้ว อาโรเจสสฺ ามีติ จินฺเตตฺวา จกั เป็น, (อ.เรา) จกั บอก (แก่สามี) นนั้ ก่อนนน่ั เทียว ดงั นี ้กลา่ วแล้ว เอวมาห “สามิ อชฺเชกทิวสํ จิตฺตํ ปสาเทหิ, มา มยา อยา่ งนี ้ วา่ ข้าแตน่ าย ในวนั นี ้ (อ.ทา่ น) ขอจง ยงั จิต ให้เลอ่ื มใส กตกมมฺ ํ นิรตฺถกํ อกาส;ิ ตลอดวนั หนงึ่ , (อ.ทา่ น) อยา่ ได้กระท�ำแล้ว ซง่ึ กรรม อนั ดฉิ นั กระท�ำแล้ว ให้เป็นกรรมมีประโยชน์ออกแล้ว, ผลติ ส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 167 www.kalyanamitra.org
ก็ อ.ดฉิ นั นำ� มาอยู่ ซง่ึ ภตั ร เพอื่ ทา่ น ในเวลาเช้าเทยี ว เหน็ แล้ว อหํ หิ ปาโตว เต ภตฺตํ อาหรนฺตี อนฺตรามคฺเค ซง่ึ พระธรรมเสนาบดี ในระหวา่ งแหง่ หนทาง ถวายแล้ว ซง่ึ ภตั ร ธมมฺ เสนาปตึ ทิสวฺ า ตว ภตฺตํ ตสฺส ทตฺวา ปนุ คนฺตฺวา ของทา่ น (แก่พระธรรมเสนาบดี) นนั้ ไปแล้ว อีก หงุ แล้ว ซง่ึ ภตั ร ภตฺตํ ปจิตฺวา อาคตา, ปสาเทหิ สามิ จิตฺตนฺติ. เป็ นผู้มาแล้ว (ย่อมเป็ น), ข้ าแต่นาย (อ.ท่าน) ขอจง ยังจิต ให้เลื่อมใส เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.นายปณุ ณะ)นนั้ ถามแล้ววา่ แนะ่ นางผ้เู จริญ(อ.เธอ)กลา่ วแล้ว โส “กึ วเทสิ ภทฺเทติ ปจุ ฺฉิตฺวา ปนุ ตมตฺถํ ซ่ึงอะไร ดังนี ้ ฟังแล้ว ซึ่งเนือ้ ความ นัน้ อีก (กล่าวแล้ว) ว่า สตุ ฺวา “ภทฺเท สาธุ วต เต กตํ มม ภตฺตํ อยฺยสฺส แนะ่ นางผ้เู จริญ อ.กรรมอนั ดี หนอ อนั เธอ ผ้ถู วายอยู่ ซง่ึ ภตั ร ททมานาย, มยาปิ สฺส อชปฺชสนปฺนมาโาตนวโสทนฺตตกํ ฏฺฐวญจนฺจํ ของเรา แก่พระผู้เป็ นเจ้า กระท�ำแล้ว, อ.ไม้เป็ นเคร่ืองช�ำระ มโุ ขทกญฺจ ทินฺนนฺติ ซงึ่ ฟัน ด้วย อ.น�ำ้ เป็นเคร่ืองล้างซงึ่ หน้า ด้วย แม้อนั เรา ถวายแล้ว อภินนฺทิตฺวา อสุ สฺ เู ร ลทฺธภตฺตตาย กิลนฺตกาโย (แก่พระผู้เป็ นเจ้า) นัน้ ในเวลาเช้าเทียว ในวันนี ้ ดังนี ้ มีใจอัน ตสสฺ า องฺเก สีสํ กตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. เลอื่ มใสแล้ว เพลดิ เพลนิ ยง่ิ แล้ว ซง่ึ คำ� นนั้ มกี ายอนั เหนด็ เหนอื่ ยแล้ว เพราะความท่ี (แหง่ ตน) เป็นผ้มู ภี ตั รอนั ได้แล้ว ในกาลมพี ระอาทติ ยส์ งู กระท�ำแล้ว ซ่ึงศีรษะ บนตัก (ของภรรยา) นัน้ ก้ าวลงแล้ว สคู่ วามหลบั ฯ ครัง้ นนั้ อ.ที่ อนั นายปณุ ณะนนั้ ไถแล้ว ในเวลาเช้าเทียว อถสฺส ปาโตว กกณสติ ิกฏาฺฐราปนปุ ํ ผฺ ปรํ าสสจุ ิณุ วฺณยิ ํ อปุ าทาย เป็นทองมีสสี กุ ทงั้ ปวง เข้าไปถือเอา ซงึ่ ผงแหง่ ดนิ ร่วน (เป็น) สพฺพํ รตฺตสวุ ณฺณํ โสภมานํ ได้ตงั้ งามอยแู่ ล้ว ราวกะ อ.กองแหง่ ดอกกรรณิการ์ ฯ อฏฺฐาโสส.ิ ปพทุ ฺโธ โอโลเกตฺวา ภริยมาห “ภทฺเท เอตํ (อ.นายปณุ ณะ) นนั้ ผ้ตู ื่นแล้ว แลดแู ล้ว กลา่ วแล้ว กะภรรยา วา่ แนะ่ นางผ้เู จริญ อ.ที่ (อนั เรา) ไถแล้ว นน่ั ทงั้ ปวง เป็นทอง เป็น กกินสติฺนฏุ ฺฐาโขนํ สพฺพํ มม สวุ ณฺณํ หตุ ฺวา ปญฺญายต,ิ ยอ่ มปรากฏ แกเ่ รา, อ.นยั นต์ า ท. ของเรา ยอ่ มวงิ เวยี น เพราะความท่ี เม อตอิ สุ สฺ เู ร ลทฺธภตฺตตาย อกฺขีนิ (แหง่ เรา) เป็นผ้มู ีภตั รอนั ได้แล้ว (ในกาล) มีพระอาทิตย์สงู ยิ่ง หรือ ภมนฺตีติ. [สาปิ ] “มยฺหํปิ เอวเมว ปญฺญายตีต.ิ หนอ แล ดงั นี ้ ฯ (อ.ภรรยา ของนายปณุ ณะ แม้นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ที่นนั้ ) ยอ่ มปรากฏ แม้แก่ดฉิ นั อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว ดงั นี ้ฯ (อ.นายปณุ ณะ) นนั้ ลกุ ขนึ ้ แล้ว ไปแล้ว (ในท่ี) นนั้ จบั แล้ว นงฺคลโสสเี สอฏุ ฺฐปาหยริตตฺวตาฺถ คนฺตฺวา เอกํ ปิ ณฺฑํ คเหตฺวา ซึ่งก้อนดิน ก้อนหนึ่ง ตีแล้ว ท่ีงอนแห่งไถ รู้แล้ว ซึ่งความท่ี สวุ ณฺณภาวํ ญตฺวา “อโห (แหง่ ก้อนดนิ นนั้ ) เป็นทอง (คดิ แล้ว) วา่ โอ อ.วบิ าก อนั ทาน (อนั เรา) อยฺยสฺส ธมมฺ เสนาปตสิ สฺ ทินฺนทาเนน อชฺเชว ถวายแล้ว แก่พระธรรมเสนาบดี ผ้เู ป็นเจ้า แสดงแล้ว ในวนั นีน้ น่ั วปิ าโก ทสฺสโิ ต, น โข ปน สกฺกา เอตฺตกํ ธนํ เทียว, ก็ (อนั เรา) ไมอ่ าจ แล เพื่ออนั ปกปิ ด ซง่ึ ทรัพย์ มีประมาณ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปริภญุ ฺชิตนุ ฺติ ภริยาย อาภตํ เทา่ นี ้ ใช้สอย ดงั นี ้ ยงั ถาดแหง่ ภตั ร อนั อนั ภรรยา น�ำมาแล้ว ภตฺตปาตึ สวุ ณฺณสฺส ปเู รตฺวา ราชกลุ ํ คนฺตฺวา ให้เตม็ แล้ว ด้วยทอง ไปแล้ว สรู่ าชตระกลู มีโอกาส อนั พระราชา รญฺญา กโตกาโส ปวสิ ติ ฺวา ราชานํ อภิวาเทตฺวา, ทรงกระท�ำแล้ว เข้าไปแล้ว ถวายบังคมแล้ว ซ่ึงพระราชา, “กึ ตาตาติ วตุ ฺเต, “เทว อชฺช มยา กสสติ วุฏณฺฐาฺณนํํ (ครัน้ เม่ือพระด�ำรัส) วา่ แนะ่ พอ่ อ.อะไร ดงั นี ้ (อนั พระราชา) สพฺพํ สวุ ณฺณภริตเมว หตุ ฺวา ติ ํ, ตรัสแล้ว, (กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ อ.ที่ อาหราเปตํุ วฏฺฏตีต.ิ อนั ข้าพระองค์ ไถแล้ว ในวนั นี ้ ทงั้ ปวง เป็นทเี่ ตม็ แล้วด้วยทองนนั่ เทยี ว เป็น ตงั้ อยแู่ ล้ว, อ.อนั (อนั พระองค์ ท.) (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้น�ำมา ซงึ่ ทอง ยอ่ มควร ดงั นี ้ฯ ( อ . พ ร ะ ร า ช า ตรัสถามแล้ว ) วา่ อ.ทา่ น เป็นใคร ยอ่ มเป็น “ โ ก สิ ตฺ วนฺ ติ. “ ปุณฺ โ ณ น ามา ห นฺ ติ. ดังนี ้ ฯ (อ.นายปุณณะ กราบทูลแล้ว) ว่า อ.ข้ าพระองค์ “กึ ปน เต อชฺช กตนฺต.ิ “ธมมฺ เสนาปตสิ ฺส เป็นผ้ชู อื่ วา่ ปณุ ณะ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.พระราชา ตรัสถามแล้ว) วา่ เม อชฺช เปมาโตมวยฺหทํ นอาฺตหกรฏณฺฐญภตฺจฺตํ มโุ ขทกญฺจ ทินฺนํ, ก็ (อ.กรรม) อะไร อนั ทา่ น กระทำ� แล้ว ในวนั นี ้ดงั นี ้ฯ (อ.นายปณุ ณะ ภริยายปิ ตสเฺ สว ทินฺนนฺติ. กราบทลู แล้ว) วา่ อ.ไม้เป็นเคร่ืองชำ� ระซง่ึ ฟัน ด้วย อ.นำ� ้ เป็นเครื่องล้าง ซง่ึ หน้า ด้วย อนั ข้าพระองค์ ถวายแล้ว แก่พระธรรมเสนาบดี ในเวลาเช้าเทียว ในวนั นี,้อ.ภตั รอนั ภรรยาพงึ น�ำมา เพ่ือข้าพระองค์ แม้อนั ภรรยา ของข้าพระองค์ ถวายแล้ว แก่พระธรรมเสนาบดี นนั้ นน่ั เทียว ดงั นี ้ฯ 168 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.พระราชา ทรงสดบั แล้ว (ซงึ่ ค�ำ) นนั้ ตรัสแล้ว วา่ แนะ่ ทา่ น- ตํ สตุ ฺวา ราชา “อชฺเชว กิร โภ ธมมฺ เสนาปติสฺส ผ้เู จริญ ท. ได้ยินวา่ อ.วิบาก อนั ทาน (อนั นายปณุ ณะ) ถวายแล้ว ทินฺนทาเนน วปิ าโก ทสฺสโิ ตติ วตฺวา “ตาต กึ กโรมีติ แกพ่ ระธรรมเสนาบดี แสดงแล้ว ในวนั นนี ้ นั่ เทยี ว ดงั นี ้ ตรสั ถามแล้ว ปจุ ฺฉิ. “พหนู ิ สกฏสหสฺสานิ ปหิณิตฺวา สวุ ณฺณํ ว่า แน่ะพ่อ (อ.เรา) จะกระท�ำ อย่างไร ดังนี ้ ฯ (อ.นายปุณณะ อาหราเปถาต.ิ ราชา สกฏานิ ปหิณิ. กราบทลู แล้ว) วา่ (อ.พระองค์ ท.) ทรงสง่ ไปแล้ว ซง่ึ พนั แหง่ เกวยี น ท. มาก จงทรง (ยงั ราชบรุ ุษ ท.) ให้น�ำมา ซง่ึ ทอง ดงั นี ้ ฯ อ.พระราชา ทรงสง่ ไปแล้ว ซง่ึ เกวียน ท. ฯ ครัน้ เมื่อราชบรุ ุษ ท. (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ทอง) เป็นของมีอยู่ ราชปรุ ิเสสุ “รญฺโญ สนฺตกนฺติ คณฺหนฺเตสุ ของพระราชา (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ถือเอาอยู่ (อ.ทอง อนั ราชบรุ ุษ ท.) คหิตคฺคหิตํ มตฺตกิ าว โหต.ิ ทงั้ ถือเอาแล้ว ๆ เป็นดนิ เหนียวเทียว ยอ่ มเป็น ฯ (อ.ราชบรุ ุษ ท.) เหลา่ นนั้ ไปแล้ว กราบทลู แลวั แก่พระราชา เต คนฺตฺวา รญฺโญ อาโรเจตฺวา “ตมุ เฺ หหิ ผู้ (อนั พระราชา) ตรัสถามแล้ว วา่ (อ.ทอง) อนั เจ้า ท. กลา่ วแล้ว `กินฺติ ว“ตนฺวามยฺหคํห[ิตตนาฺตติา]ปสฏุ ฺนฐาฺตกํ,“ตคมุ จหฺ ฺฉาถก,ํ สนฺตกนฺติ อยา่ งไร ถอื เอาแล้ว ดงั นี ้ กราบทลู แล้ว วา่ (อ.ทอง อนั ข้าพระองค์ ท. อาหํส.ุ `ปณุ ฺณสสฺ กลา่ วแล้ว วา่ อ.ทอง) เป็นของมีอยู่ ของพระองค์ ท. (ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ สนฺตกนฺติ วตฺวา คณฺหถาต.ิ ถือเอาแล้ว) ดงั นี ้ฯ (อ.พระราชา ตรัสแล้ว) วา่ (ดกู ่อนพอ่ ท. อ.ทอง) เป็นของมอี ยู่ ของเรา (ยอ่ มเป็น) หามไิ ด้, (อ.เจ้า ท.) จงไป, กลา่ วแล้ว ว่า (อ.ทอง) เป็ นของมีอยู่ ของนายปุณณะ (ย่อมเป็ น) ดังนี ้ จงถือเอาเถิด ดงั นี ้ฯ อ.ราชบุรุษ ท. เหล่านัน้ กระท�ำแล้ว อย่างนัน้ ฯ )อ.ทอง) เต ตถา กรึส.ุ คหิตคฺคหิตํ สวุ ณฺณเมว อโหส.ิ อนั (อนั ราชบรุ ษุ เหลา่ นนั้ ) ทงั้ถอื เอาแลว้ ๆ เป็นทองนน่ั เทยี ว ได้เป็นแลว้ ฯ อ.ราชบรุ ุษ ท. น�ำมาแล้ว (ซงึ่ ทอง) นนั้ ทงั้ ปวง กระท�ำแล้ว ตํ สพฺพํ อาหริตฺวา ราชงฺคเณ ราสึ อกํส.ุ อสตี ิ ให้เป็นกอง ที่เนินของพระราชา ฯ อ.กอง อนั สงู โดยศอก ๘๐ หตฺถพุ ฺเพโธ ราสิ อโหส.ิ ได้มีแล้ว ฯ อ.พระราชา (ทรงยงั ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นนคร ให้ประชมุ กนั แล้ว ราชา นาคเร สนฺนิปาเตตฺวา “อิมสฺมึ นคเร (ตรัสถามแล้ว) วา่ อ.ทอง มปี ระมาณเทา่ นี ้ของใคร ๆ มอี ยู่ ในนคร นี ้ อตฺถิ กสฺสจิ เอตฺตกํ สวุ ณฺณนฺต.ิ “นตฺถิ เทวาต.ิ หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.ชน ท. ผ้อู ยใู่ นนคร กราบทลู แล้ว)วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ “สรกาทชึ ฺธาึปตน“สพสฺสฺสหธุ เสนทฏเาสฺฐตฏจิ ํฺุฐฺฉี ตวฏนฺตฺาฏํ มอตทีตาโ.ิ หสต.ิ“เตู สิ ฏมฺฐจหิ ฺฉนตฺเตฺตนํ เทวาต.ิ ผ้สู มมตเิ ทพ (อ.ทอง มีประมาณเทา่ นี ้ ของใคร ๆ) ยอ่ มไมม่ ี โภเคน (ในนคร นี)้ ดงั นี ้ฯ (อ.พระราชา ตรัสถามแล้ว) วา่ ก็ อ.อนั (อนั เรา) ให้ ซง่ึ อะไร (แกน่ ายปณุ ณะ)นนั้ ยอ่ มควร ดงั นี ้ ฯ (อ.ชน ท. ผ้อู ยู่ ในนคร กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ (อ.อนั อนั พระองค์ ท. พระราชทาน) ซงึ่ ฉตั ร แหง่ เศรษฐี (ยอ่ มควร) ดงั นี ้ ฯ อ.พระราชา (ตรัสแล้ว) วา่ (อ.นายปณุ ณะ) เป็นผ้ชู ื่อวา่ พหธุ น เศรษฐี จงเป็นเถิด ดงั นี ้ได้พระราชทานแล้ว ซง่ึ ฉตั รแหง่ เศรษฐี (แก่ นายปณุ ณะ) นนั้ กบั ด้วยโภคะ กองใหญ่ ฯ ครงั้ นนั้ (อ.พหธุ นเศรษฐีนนั้ ) กราบทลู แล้ว (กะพระราชา) นนั้ วา่ อถ นํ โส อาห “มยํ เทว เอตฺตกํ กาลํ ปรกเุ ล ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ อ.ข้าพระองค์ ท. อยแู่ ล้ว ในตระกลู วสมิ หฺ า, วเอสสนฏคฺฐมุานโฺ พํ โน เทถาต.ิ “เตนหิ ปสฺส, ของบคุ คลอ่ืน ตลอดกาล มีประมาณเทา่ นี,้ (อ.พระองค์ ท.) ขอจง ทกฺขิณโต ปญฺญายต,ิ เอตํ หราเปตฺวา พระราชทาน ซงึ่ ท่ีเป็นที่อยู่ แก่ข้าพระองค์ ท. ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา เคหํ กาเรหีติ ปรุ าณเสฏฺฐสิ ฺส เคหฏฺฐานํ อาจิกฺขิ. ตรัสแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ทา่ น) จงดเู ถิด, อ.พมุ่ ไม้นนั่ ปรากฎอยู่ ข้างขวา, (อ.ทา่ น) (ยงั บคุ คล) ให้น�ำไปแล้ว (ซงึ่ พมุ่ ไม้) นน่ั (ยงั นาย ชา่ ง) จงให้กระท�ำ ซง่ึ เรือน เถิด ดงั นี ้ตรัสบอกแล้ว ซงึ่ ต�ำแหนง่ แหง่ เรือน ของเศรษฐีผ้มู ีในก่อน ฯ (อ.พหธุ นเศรษฐี นนั้ (ยงั นายชา่ ง) ให้กระท�ำแล้ว ซง่ึ เรือน โส ตสมฺ ึ ฐาเน กตปิ าเหเนว เคหํ กาเรตฺวา โดยวนั เลก็ น้อนนน่ั เทียว ในท่ี นนั้ กระท�ำอยู่ ซงึ่ มงคลในเพราะอนั เคหปฺปเวสนมงฺคลญฺจ ฉตฺตมงฺคลญฺจ เอกโตว เข้าไปสเู่ รือน ด้วย ซงึ่ มลคลในเพราะฉตั ร ด้วย โดยความเป็นอนั กโรนฺโต สตฺตาหํ พทุ ฺธปปฺ มขุ สฺส ภิกฺขสุ งฺฆสฺส เดียวกนั เทียว ได้ถวายแล้ว ซงึ่ ทาน แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้า ทานํ อทาส.ิ เป็นประมขุ ตลอดวนั ๗ ฯ ผลติ สือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 169 www.kalyanamitra.org
ครัง้ นัน้ อ.พระศาสดา เมื่อทรงกระท�ำ ซ่ึงการอนุโมทนา อถสสฺ สตฺถา ทานานโุ มทนํ กโรนฺโต อนปุ พุ ฺพีกถํ อนั สมควรแก่ทาน ตรัสแล้ว ซง่ึ อนปุ พุ พีกถา (แก่เศรษฐี) นนั้ ฯ กเถส.ิ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ ธรรมกถา อ.ชน ท. แม้ ๓ คือ อ.เศรษฐี จ อตุธฺตมรมฺ ากตถิ าตวโสยาปเิ นช“นปาณุ โฺณสตเสาฏปฺฐนี จฺนาภรอิยเาหสจํ.ุสฺส ธีตา ชื่อว่าปุณณะ ด้วย อ.ภรรยา ด้วย อ.นางอุตตรา ผู้เป็ นธิดา (ของเศรษฐี) นนั้ ด้วย เป็นโสดาบนั ได้เป็นแล้ว ฯ ในกาลอนั เป็นสว่ นอ่ืนอีก อ.เศรษฐีผ้อู ยใู่ นเมืองช่ือวา่ ราชคฤห์ อตฺตโอนปรภปาตุเคฺตสสฺ ราชวคาหเรเสสฏ.ิ ฺฐี โสปณุ “ฺณนาเสหฏํ ฺฐโทิ นสฺสาธมีตีตรํิ ขอแล้ว ซงึ่ ธิดา ของเศรษฐีช่ือวา่ ปณุ ณะ เพื่อบตุ ร ของตน ฯ (อ.เศรษฐีชอ่ื วา่ ปณุ ณะ) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ อ.ข้าพเจ้า จกั ไมใ่ ห้ ดงั น,ี ้ วตฺวา, “มา เอวํ กโรต,ุ เอตฺตกํ กาลํ อมฺเห นิสสฺ าย (ครัน้ เมอ่ื คำ� ) วา่ (อ.เศรษฐี) จงอยา่ กระทำ� อยา่ งน,ี ้ อ.สมบตั ิ อนั ทา่ น วสนฺเตเนว เต สมปฺ ตฺติ ลทฺธา, เทตุ เม ปตุ ฺตสสฺ ผู้ อาศยั ซงึ่ เรา อยอู่ ยู่ ตลอดกาล มีประมาณเทา่ นี ้นนั่ เทียว ได้แล้ว, ธีตรนฺติ วตุ ฺเต, “วโตสฺตติ ํุมนิจฺฉาสทกิฏฺโฺกฐโติ ก,ิ , มม ธีตา (อ.เศรษฐี) จงให้ ซง่ึ ธิดา แก่บตุ ร ของเรา ดงั นี ้ (อนั เศรษฐีผ้อู ย-ู่ ตีหิ รตเนหิ วินา เนวสฺส ธีตรํ ในเมืองช่ือวา่ ราชคฤห์) กลา่ วแล้ว, กลา่ วแล้ว วา่ (อ.บตุ รของ ทสฺสามีติ อาห. ของทา่ น) นนั้ เป็นผ้มู คี วามเหน็ ผดิ (ยอ่ มเป็น), อ.ธิดา ของข้าพเจ้า ยอ่ มไมอ่ าจ เพื่ออนั เป็นไป เว้น จากรัตนะ ท. ๓, (อ.ข้าพเจ้า) จกั ให้ ซง่ึ ธิดา (แก่บตุ รของทา่ น) นนั้ หามิได้นน่ั เทียว ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.กลุ บตุ ร ท. มีเศรษฐีและคฤหบดีเป็นต้น ผ้มู าก อถ นํ วพิสหสฺ ูาเสสํ ฏภฺฐินคิ ฺทหิ,ปตเทกิ หาทิสโสฺ ย กลุ ปตุ ฺตา “มา วงิ วอนแล้ว(ซงึ่ เศรษฐีชอื่ วา่ ปณุ ณะ)นนั้ วา่ (อ.ทา่ น) อยา่ ทำ� ลายแล้ว เตน สทฺธึ ธีตรนฺติ ยาจสึ .ุ ซง่ึ ความค้นุ เคย กบั (ด้วยเศรษฐีผ้อู ยใู่ นเมืองชื่อวา่ ราชคฤห์) นนั้ , โส เตสํ วจนํ สมปฺ ฏิจฺฉิตฺวา อาสาฬฺหปณุ ฺณมายํ (อ.ทา่ น)ขอจงให้ ซงึ่ ธิดา(แกบ่ ตุ รของเศรษฐี)นนั้ เถดิ ดงั นีฯ้ (อ.เศรษฐี ธีตรํ อทาส.ิ สา ปตกิ ลุ ํ คตกาลโต ปทฏาฺฐตาํุยธภมิกมฺ ฺขํ ํุ วา ชอื่ วา่ ปณุ ณะ) นนั้ รบั พร้อมแลว้ ซง่ึ คำ� (ของกลุ บตุ ร ท.) เหลา่ นนั้ ได้ให้แลว้ ภิกฺขนุ ึ วา อปุ สงฺกมิตํุ ทานํ วา วา ซง่ึ ธดิ า(ในดถิ )ี มพี ระจนั ทร์อนั เตม็ แล้วด้วยอาสาฬหฤกษ์ ฯ(อ.ธดิ า)นนั้ โสตํุ นาลตฺถ. ไมไ่ ด้ได้แล้ว เพ่ืออนั เข้าไปหา ซงึ่ ภิกษุ หรือ หรือวา่ ซง่ึ ภิกษณี หรือ หรือวา่ เพื่ออนั ถวาย ซง่ึ ทาน หรือวา่ เพ่ืออนั ฟัง ซง่ึ ธรรม จ�ำเดมิ แตก่ าล (แหง่ ตน) ไปแล้ว สรู่ ะกลู แหง่ ผวั ฯ ครัน้ เม่ือเดือน ท. ที่ ๓ ด้วยทงั้ กง่ึ เป็นไปลว่ งวเิ ศษแล้ว อยา่ งนี ้ เอวํ อฑฺฒตเิ ยสุ มาเสสุ วีติวตฺเตสุ สา สนฺตเิ ก (อ.ธิดา)นนั้ ถามแล้วซง่ึ หญิงผ้รู ับใช้ ผ้ยู ืนแล้วในท่ีใกล้ วา่ ในกาลนี ้ ติ ํ ปริจาริกํ ปจุ ฉฺ ิ “อทิ านิ กติ ตฺ กํ อนโฺ ตวสสฺ ํ อวสฏิ ฺฐนตฺ .ิ อ.ภายในแหง่ กาลฝน มีประมาณเทา่ ใร เหลือลงแล้ว ดงั นี ้ฯ “อฑฺฒมาโส อยฺเยต.ิ (อ.หญงิ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตแ่ มเ่ จ้า อ.กงึ่ แหง่ เดอื น (เหลอื ลงแล้ว) ดงั นี ้ฯ (อ.ธิดา) นนั้ สง่ ไปแล้ว ซง่ึ ขา่ วสาส์น แก่บดิ า (มีอนั ให้รู้) วา่ สา ปิตุ สาสนํ ปหณิ ิ “กสมฺ า มํ เอวรูเป พนธฺ นาคาเร (อ.มารดาและบดิ า ท.) ใสเ่ ข้าแล้ว ซงึ่ ดฉิ นั ในเรือนเป็นท่ีจองจ�ำ ปกฺขิปึส?ุ วรํ มํ ลกฺขณาหตํ กตฺวา ปเรสํ ทาสึ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป เพราะเหตไุ ร ? อ.อนั (อนั มารดาและบดิ า ท.) [เสอวากรเํ]วํป,ติ ํ,ุปอญุ านฺญคํตกเกอาาวตลรํุูปโนตสสฺ ลภปามฏมฺิจฐีตฺาฉ.ิ ยาทิฏฺฐภกิ ิกกฺขลุ ุทสสฺสฺสนาททาีตสํุุ กระท�ำแล้ว ซง่ึ ดฉิ นั ให้เป็นผ้มู ีลกั ษณะอนั ขจดั แล้ว (ยงั บคุ คล) ให้ ฟัง วา่ เป็นทาสี ของชน ท. เหลา่ อ่ืน เป็นกิริยาประเสริฐ (ยอ่ มเป็น), อ.อนั (อนั มารดาและบดิ าท.)ให้ (ซง่ึ ดฉิ นั )แก่ตระกลู มีความเหน็ ผิด มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป (เป็นกิริยาประเสริฐ ยอ่ มเป็น) หามิได้ (อ.ดฉิ นั ) ยอ่ มไมไ่ ด้ เพื่ออนั กระท�ำ (ในบญุ ท.) มีการเหน็ ซงึ่ ภิกษุเป็นต้นหนา ซง่ึ บญุ แม้อยา่ งหนงึ่ จ�ำเดมิ แตก่ าล (แหง่ ดฉิ นั ) มาแล้ว ดงั นี ้ (เป็นเหต)ุ ฯ ครัง้ นนั้ อ.บดิ า (ของธิดา) นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ธิดา ของเรา อถสสฺ า ปิ ตา “ทกุ ฺขิตา วต เม ธีตาติ อนตฺตมนตํ เป็นผ้ถู งึ แล้วซงึ่ ทกุ ข์ หนอ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (ยงั บคุ คล) ให้รู้ทวั่ แล้ว ปเวเทตฺวา ปญฺจทส กหาปณสหสสฺ านิ เปเสสิ ซงึ่ ความที่ (แหง่ ตน) เป็นผ้มู ีใจมิใชข่ องแหง่ ตน สง่ ไปแล้ว ซงึ่ พนั “อิมสมฺ ึ นคเร สริ ิมา นาม คณิกา อตฺถิ, `เทวสกิ ํ แหง่ กหาปณะ ท. ๑๕ (ด้วยค�ำ) วา่ (อ.หญิงคณิกา ชื่อวา่ สริ ิมา สหสฺสํ คณฺหาติ อิเมหิ กหาปเณหิ ตํ อาเนตฺวา มีอยู่ ในเมือง นี,้ (อ.อตุ ตรา กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ทา่ น จงรับเอา สามิกสฺส ปทปริจาริกํ กตฺวา สยํ ปญุ ฺญานิ กโรตตู ิ. ซงึ่ พนั แหง่ ทรัพย์ ทกุ ๆ วนั ดงั นี ้ น�ำมาแล้ว (ซง่ึ นางสริ ิมา)นนั้ ด้วย กหาปณะ ท. เหลา่ นี ้ กระท�ำแล้ว ให้เป็นผ้รู ับใช้ใกล้เท้า ของสามี จงกระท�ำ ซง่ึ บญุ ท. เอง ดงั นี ้ฯ 170 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.นางอตุ ตรา) นนั้ (ยงั บคุ คล) ให้ร้องเรียกแล้ว ซง่ึ นางสริ ิมา สา สริ ิมํ ปกฺโกสาเปตฺวา “สหายิเก อิเม กหาปเณ กลา่ วแล้ว วา่ แนะ่ หญิงสหาย (อ.ทา่ น) รับเอาแล้ว ซงึ่ กหาปณะ ท. คเหตฺวา อิมํ อฑฺฒมาสํ ตว สหายกํ ปริจราหีติ อาห. เหลา่ นี ้จงบ�ำเรอ ซง่ึ สหาย ของทา่ น ตลอดกงึ่ แหง่ เดือน นี ้ดงั นี ้ฯ (อ.นางสริ มิ า) นนั้ รบั พร้อมแลว้ วา่ อ.ดลี ะ ดงั นี ้ฯ (อ.นางอตุ ตรา)นนั้ สา “สาธตู ิ สมปฺ ฏิจฺฉิ. สา ตํ อาทาย สามิกสสฺ พาเอา (ซง่ึ นางสริ ิมา) นนั้ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของสามี, (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา, เตน สริ ิมํ ทิสวฺ า “กิมิทนฺติ วตุ ฺเต, (อ.เหต)ุ นี ้ อะไร ดงั นี ้ (อนั สาม)ี นนั้ เหน็ แล้ว ซง่ึ นางสริ ิมา กลา่ วแล้ว, “สามิ อิมํ อฑฺฒมาสํ มม สหายิกา ตมุ เฺ ห ปริจรต,ุ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตน่ าย อ.หญิงสหาย ของดฉิ นั จงบำ� เรอ ซง่ึ ทา่ น ท. อหํ ปน อิมํ อฑฺฒมาสํ ทานญฺเจว ทาตกุ ามา ตลอดกง่ึ แหง่ เดือน นี,้ สว่ นวา่ อ.ดฉิ นั เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั ถวาย ธมมฺ ญฺจ โสตกุ ามาติ อาห. ซง่ึ ทาน ตลอดกง่ึ แหง่ เดือน นี ้ ด้วยนน่ั เทียว เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั ฟัง ซง่ึ ธรรม (ตลอดกงึ่ แหง่ เดือน นี)้ ด้วย (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.สาม)ี นนั้ เหน็ แล้ว (ซงึ่ หญงิ ) ผ้มู รี ูปงาม นนั้ มคี วามรกั อนั เกดิ โส ตํ อภิรูปํ [อิตฺถ]ึ ทิสฺวา อปุ ปฺ นฺนสเิ นโห ขนึ ้ แล้ว รับพร้อมแล้ว วา่ อ.ดีละ ดงั นี ้ฯ “สาธตู ิ สมปฺ ฏิจฺฉิ. แม้ อ.นางอตุ ตราแลนมิ นต์แล้วซงึ่ หมแู่ หง่ ภกิ ษุ มพี ระพทุ ธเจ้า- อตุ ฺตราปิ โข พทุ ฺธปปฺ มขุ ํ ภิกฺขสุ งฺฆํ นิมนฺเตตฺวา เป็นประมขุ (กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.ภิกษา “ภนฺเต อิมํ อฑฺฒมาสํ อญฺญตฺถ อคนฺตฺวา อิเธว (อนั พระองค์ ท.) ไมเ่ สดจ็ ไปแล้ว (ในท)ี่ อน่ื พงึ รับ (ในเรือน) นนี ้ น่ั เทยี ว ภิกฺขา คเหตพฺพาติ สตฺถุ ปฏิญฺญํ คเหตฺวา ตลอดกงึ่ แหง่ เดือน นี ้ ดงั นี ้ รับแล้ว ซงึ่ ปฏิญญา ของพระศาสดา มตส“อตฏหุ ิโฺฺถฐาตมนาทราเาํสนนสิอสาปุ พปฏ“ฺพฺฏฐเอกฺาฐวิจตาํฺจยํุ ายนธามิคยมฺํุาสญววํปทิ ฺจหถมจน, หฺตเาีอโปสวววํติจารํุปรตณเู ลว.ิ าภ,ิสปฺสจาถตมาาีตตวิิ มใี จอนั ยนิ ดแี ล้ว วา่ (อ.ดถิ มี หาปวารณา (จะม)ี เพยี งใด, (อ.เรา) จกั ได้ เพื่ออนั บ�ำรุง ซง่ึ พระศาสดา ด้วย เพื่ออนั ฟัง ซงึ่ ธรรมด้วย เพียงนนั้ จำ� เดมิ (แตว่ นั ) นี ้ในกาลนี ้ดงั นี ้ยอ่ มเทย่ี วจดั แจงอยู่ ซง่ึ กจิ ทงั้ ปวง ท. ในครัวใหญ่ (ด้วยค�ำ) วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงต้ม ซงึ่ ข้าวต้ม อยา่ งนี,้ จงทอด ซง่ึ ขนม ท. อยา่ งนี ้ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.สามี (ของนางอตุ ตรา) นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ อ.วนั พรุ่ง อถสสฺ า สามิโก “เสวฺ ปวารณา ภวสิ ฺสตีติ เป็นดถิ เี ป็นทยี่ อมให้ตกั เตอื น จกั เป็น ดงั นี ้เป็นผ้มู หี น้าเฉพาะตอ่ โรง มหานสาภิมโุ ข วาตปาเน ฐตฺวา “กินฺนุ โข กโรนฺตี ครัวใหญ่ (เป็น) ยืนแล้ว ใกล้หน้าตา่ ง แลดอู ยู่ (ด้วยความคดิ ) วา่ สา อนฺธพาลา วิจรตีติ โอโกอิณโลฺณเกํนฺโตองฺคตาํ รมเสสฏมิ ฺฐกธิ ฺขีติตรํํ อ.หญิงผ้เู ป็นอนั ธพาล นนั้ ยอ่ มเที่ยว กระท�ำอยู่ ซง่ึ อะไร หนอแล เสทกิลนิ ฺนํ ฉาริกาย ดังนี ้ เห็นแล้ว ซ่ึงธิดาของเศรษฐี นัน้ ผู้เศร้ าหมองด้วยเหงื่อ ตถา สํวิทหิตฺวา วิจรมานํ ทิสวฺ า “อโห อนฺธพาลา ผู้เกลื่อนกล่นแล้ว ด้วยเถ้า ผู้เปื ้อนแล้วด้วยถ่านเพลิงและเขม่า เอวรูเป ฐาเน อิมํ สิริสมฺปตฺตึ นานุโภติ, ผู้เที่ยวจัดแจงอยู่ อย่างนัน้ (คิดแล้ว) ว่า โอ อ.หญิงผู้อันธพาล `หมสณุ ติ ฺวฺฑากสอมปเคณญฺฉอิ.ปุ ฏฺฐหิสฺสามีติ ตฏุ ฺฐจิตฺตา วิจรตีติ ย่อมไม่เสวย ซงึ่ สมบตั ิอนั เป็ นสิริ นี ้ ในฐานะ มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป, มีจิตอันยินดีแล้ว ว่า (อ.เรา) จักบ�ำรุง ซ่ึงสมณะผู้โล้น ท. ดังนี ้ ยอ่ มเทยี่ วไป ดงั นี ้ หวั เราะแล้ว หลกี ไปแล้ว ฯ (ครัน้ เมื่อสามี) นนั้ หลีกไปแล้ว อ.นางสริ ิมา ผ้ยู ืนแล้ว ในท่ีใกล้ ตสมฺ ึ อปคเต ตสฺส สนฺตเิ ก ติ า สริ ิมา (แหง่ สามี) นนั้ (คิดแล้ว) วา่ (อ.สามี) นนั่ แลดแู ล้ว ซงึ่ อะไร หนอ แล “กินฺนุ โข โอโลเกตฺวา เอส หสีติ เตเนว วาตปาเนน หวั เราะแล้ว ดงั นี ้ แลดอู ยู่ โดยหน้าตา่ ง นนั้ นน่ั เทียว เหน็ แล้ว โอโลเกนฺตี อตุ ฺตรํ ทิสฺวา “อิมํ โอโลเกตฺวา อิมินา ซง่ึ นางอตุ ตราคดิ แล้ววา่ (อนั สาม)ี นีแ้ ลดแู ล้ว(ซงึ่ หญงิ )นีห้ วั เราะแล้ว, หสติ ํ,อทฺธา อิมสฺส เอตาย สทฺธึ สนฺถโว อตฺถีติ จินฺเตส.ิ อ.ความเชยชดิ กบั (ด้วยหญงิ ) นน่ั (แหง่ สาม)ี นี ้มอี ยู่ แน้แท้ ดงั นี ้ ฯ ผลิตส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 171 www.kalyanamitra.org
ได้ยนิ วา่ (อ.นางสริ ิมา)นนั้ เป็นหญิงมีในภายนอกเป็นแม้อยอู่ ยู่ สา กิร อฑฺฒมาสํ ตสมฺ ึ เคเห พาหิรกอิตฺถี หตุ ฺวา ในเรือน นนั้ ตลอดกง่ึ แหง่ เดือน เสวยอยู่ ซง่ึ สมบตั ิ นนั้ ไมร่ ู้แล้ว วสมานาปิ ตํ สมฺปตฺตึ อนุภวมานา อตฺตโน ซ่ึงความที่ แห่งตน เป็ นหญิงมีในภายยนอก ได้กระท�ำแล้ว พาหิรกอิตฺถีภาวํ อชานิตฺวา “อหํ ฆรสามินีติ ซงึ่ ความสำ� คญั วา่ (อ.เรา) เป็นเจ้าของแหง่ เรือน (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ สญฺญมกาส.ิ (อ.นางสริ ิมา) นนั้ ผกู แล้ว ซงึ่ ความอาฆาต ในนางอตุ ตรา สา อตุ ฺตราย อาฆาตํ พนฺธิตฺวา “ทกุ ฺขมสสฺ า (คดิ แล้ว) วา่ (อ.เรา) จกั ยงั ทกุ ข์ ให้เกิดขนึ ้ (แก่นางอตุ ตรา) นนั้ ดงั นี ้ อปุ ปฺ าเทสฺสามีติ ปาสาทา โอรุยฺห มหานสํ ปวสิ ติ ฺวา ลงแล้ว จากปราสาท เข้าไปแล้ว สโู่ รงครัวใหญ่ ถือเอา ซงึ่ เนยใส อปตุวู ปฺตรจานภฏิมฺฐขุาีเนปายปากสฺก.ิ ฏุ ฺฐติ ํ สปปฺ ึ กฏจฺฉนุ า อาทาย อนั เดือดพลา่ นแล้ว ในท่ีเป็นท่ีทอดซงึ่ ขนม ด้วยทพั พี เป็นผ้มู ีหน้า เฉพาะตอ่ นางอตุ ตรา (เป็น) ได้ออกไปแล้ว ฯ อ.นางอตุ ตรา เหน็ แล้ว (ซงึ่ นางสริ ิมา) นนั้ ผ้มู าอยู่ (คดิ แล้ว) วา่ อตุ ฺตรา ตํ อาคจฺฉนฺตึ ทจิสกฺวฺกาวา“ฬมํ ม สหายิกาย อ.อปุ การะใหญ่ อนั หญิงสหาย ของเรา กระท�ำแล้ว แก่เรา, มยฺหํ มหาอปุ กาโร กโต; อตสิ มพฺ าธํ, อ.จกั รวาล เป็นจกั รวาลแคบย่ิง (ยอ่ มเป็น), อ.พรหมโลก เป็นโลก พฺรหฺมโลโก อตนิ ีโจ, มม ปน สหายิกาย คโุ ณว ต่�ำยิ่ง (ยอ่ มเป็น), ก็ อ.คณุ ของหญิงสหาย ของเรา เทียว เป็นคณุ มหนฺโต; อหญฺหิ เอตํ นิสฺสาย ทานญฺจ ทาตํุ ใหญ่ (ยอ่ มเป็น), เพราะวา่ อ.เรา อาศยั แล้ว (ซงึ่ หญิงสหาย) นน่ั ธมมฺ ญฺจ โสตํุ ลภ;ึ สเจ มม เอตสิ สฺ า อปุ ริ โกโธ ได้แล้ว เพ่ืออนั ถวาย ซงึ่ ทาน ด้วย เพื่ออนั ฟัง ซง่ึ ธรรม ด้วย, ถ้าวา่ อตฺถิ, อิทํ สปปฺ ิ มํ ฑหต;ุ สเจ นตฺถิ, มา ฑหตตู ิ อ.ความโกรธ แหง่ เรา มีอยู่ ในเบือ้ งบน (แหง่ หญิงสหาย) นน่ั ไซร้, ตํ เมตฺตาย ผริ. อ.เนยใส นี ้ จงลวก ซงึ่ เรา, ถ้าวา่ (อ.ความโกรธ) ยอ่ มไมม่ ี ไซร้, อ.เนยใส จงอยา่ ลวก ดงั นี ้แผไ่ ปแล้ว (สนู่ างสริ ิมา)นนั้ ด้วยเมตตา ฯ อ.เนยใสอนั เดือดพลา่ นแล้ว อนั (อนั นางสริ ิมา) นนั้ รดทว่ั แล้ว ตาย ตสฺสา มตฺถเก อาสติ ฺตํ ปกฺกฏุ ฺฐติ สปปฺ ิ บนกระหม่อม (ของนางอุตตรา) นัน้ เป็ นราวกะว่า น�ำ้ อันเย็น สีตทุ กํ วยิ อโหส.ิ ได้เป็นแล้ว ฯ ครัง้ นนั้ อ.ทาสี ท. ของนางอตุ ตรา เหน็ แล้ว (ซง่ึ นางสริ ิมา) นนั้ อถ นํ “อิทํ สีตลํ ภวิสฺสตีติ ปนุ กฏจฺฉํุ ปเู รตฺวา ผู้ (คดิ แล้ว) วา่ (อ.เนยใส) นี ้ เป็นของเยน็ จกั เป็น ดงั นี ้ ยงั ทพั พี อาทาย อาคจฺฉนฺตึ อตุ ฺตราย ทาสโิ ย ทิสวฺ า ให้เตม็ แล้ว ถือเอา มาอยู่ อีก คกุ คามด้วยดีอยู่ วา่ แนะ่ หญิง “อเปหิ ทพุ ฺพินีเต, น ตฺวํ อมหฺ ากํ อยฺยาย อปุ ริ ผ้อู นั บคุ คลแนะน�ำได้โดยยากแล้ว (อ.ทา่ น) จงหลกี ไป, อ.ทา่ น อภปิโมกู ตฺกิยฏุํ จปฺฐิโาตติ เํตสจสป.ํุ อปฺ ึฏุ อฺฐาาสยญิ หฺจติตฺเํุถอหนิ จุ จฺฉวปิกาาเตทิหสิ นจฺตชโปฺเชเถนตฺตฺวิโยา เป็นผ้สู มควร เพอ่ื อนั รดทวั่ ซง่ึ เนยใส อนั เดอื ดพลา่ นแล้ว ในเบอื ้ งบน แหง่ แมเ่ จ้า ของดฉิ นั ท. (ยอ่ มเป็น) หามไิ ด้ ดงั นี ้ ลกุ ขนึ ้ แล้ว (โดยข้าง) นี ด้ ้วย นี ด้ ้วย ตีแล้ว ด้วยมือ ท. ด้วย ด้วยเท้า ท. ด้วย (ยงั นางสริ ิมา นนั้ ) ให้ล้มลงแล้ว บนภาคพืน้ ฯ อ.นางอตุ ตรา ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพื่ออนั ห้าม (ซง่ึ ทาสี ท.) เหลา่ นนั้ , อตุ ฺตรา ตา วาเรตํุ นาสกฺขิ, อถสสฺ า อปุ ริ ติ า ครัง้ นนั้ (อ.นางอตุ ตรา) ห้ามแล้ว ซง่ึ ทาสี ท. ทงั้ ปวง ผ้ยู ืนแล้ว สพฺพา ทาสโิ ย ปฏิพาหิตฺวา “กิสฺส เต เอวรูปํ ภาริยํ ในเบือ้ งบน (แหง่ นางสริ ิมา) นนั้ (ถามแล้ว) วา่ อ.กรรม อนั หนกั กมมฺ ํ กตนฺติ สริ ิมํ โอวทิตฺวา อณุ ฺโหทเกน นหาเปตฺวา มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป อนั ทา่ น กระทำ� แล้ว เพอ่ื อะไร ดงั นี ้ กลา่ วสอนแล้ว สตปากเตเลน อพฺภญฺชิ. ซงึ่ นางสริ ิมา (ยงั นางสริ ิมา) ให้อาบแล้ว ด้วยน�ำ้ อนั อนุ่ ทาแล้ว ด้วยน�ำ้ มนั อนั บคุ คลพงึ หงุ สนิ ้ ร้อยแหง่ วาระ ฯ 172 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.นางสริ ิมา) นนั้ รู้แล้ว ซง่ึ ความที่ แหง่ ตน เป็นหญิงมีใน ตสมฺ ึ ขเณ สา อตตฺ โน พาหริ ิตถฺ ภี าวํ ญตวฺ า จนิ เฺ ตสิ ภายนอก ในขณะ นนั้ คดิ แล้ว วา่ อ.กรรม อนั หนกั อนั เรา ผ้รู ดอยู่ “มยา ภาริยํ กมมฺ ํ กตํ สามิกสฺส หสติ มตฺตการณา ซงึ่ เนยใส อนั เดือดพล่านแล้ว ในเบือ้ งบน (แห่งนางอตุ ตรา) นี ้ อิมิสสฺ า อปุ ริ นนปฺตกิ ฺกฏทุ ฺาฐตสิ ํโิ ย สปปฺ ึ อาสญิ ฺจนฺตยิ า, เพราะเหตสุ กั วา่ การหวั เราะแหง่ สามีกระท�ำแล้ว,(อ.นางอตุ ตรา)นี ้ อยํ `คณฺหถ น อาณาเปตฺวา มํ ไมส่ ง่ั บงั คบั แล้วซง่ึ ทาสีท. (ด้วยคำ� )วา่ (อ.เจ้าท.)จงจบั (ซง่ึ นางสริ มิ า)นนั้ วิเหฐนกาเลปิ สพฺพา ทาสโิ ย ปฏิพาหิตฺวา มยฺหํ ดงั นี ้ ห้ามแล้ว ซงึ่ ทาสี ท. ทงั้ ปวง แม้ในกาลเป็นที่เบียดเบียน กตฺตพฺพเมว อกาส;ิ สจาหํ อิมํ น ขมาเปสสฺ ามิ, ซง่ึ เรา ได้กระท�ำแล้ว (ซงึ่ กรรม) อนั (อนั บคุ คล) พงึ กระท�ำ แก่เรา มทุ ฺธา เม สตฺตธา ผเลยฺยาติ ตสฺสา ปาทมเู ล นน่ั เทยี ว, ถ้าวา่ อ.เรา จกั ไม่ (ยงั นางอตุ ตรา) นี ้ให้อดโทษ ไซร้, อ.ศรี ษะ นิปชฺชิตฺวา “อยฺเย ชมาหิ เมติ อาห. “อหํ สปี ติกา ของเรา พงึ แตก โดยสว่ น ๗ ดงั นี ้ หมอบลงแล้ว ณ ที่ใกล้แหง่ เท้า ธีตา ปิ ตริ ขมนฺเต ขมิสฺสามีต.ิ “โหตุ อยฺเย, ปิ ตรํปิ (ของนางอตุ ตรา) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตแ่ มเ่ จ้า (อ.ทา่ น) ขอจงอดโทษ เชตนกปปณุิตฺณา,เวสวิ ฏฏฺฐฺเึฏขชมนากเปปสิตฺสริาขมมีตน.ิ เฺ ต“ปปณุ นาฺโณหํ ขมมมสิ สฺ วาฏมฺเตี ฏ.ิ ตอ่ ดฉิ นั เถิด ดงั นี ้ ฯ (อ.นางอตุ ตรา กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ฉนั เป็นธิดา ผ้เู ป็นไปกบั ด้วยบดิ า (เป็น) ครัน้ เมื่อบดิ าอดโทษอยู่ จกั อดโทษ ดงั นี ้ ฯ (อ.นางสริ ิมา กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตแ่ มเ่ จ้า (อ.เหตนุ น่ั ) จงมี เถิด, อ.ดฉิ นั ยงั เศรษฐีชื่อวา่ ปณุ ณะ แม้ผ้เู ป็นบดิ า ของทา่ น จกั ให้ อดโทษ ดงั นี ้ฯ (อ.นางอตุ ตรา กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เศรษฐีช่ือวา่ ปณุ ณะ เป็นบดิ าผ้ใู ห้เกิด ในวฏั ฏะ (ยอ่ มเป็น), แตว่ า่ ครัน้ เมื่อบดิ าผ้ใู ห้เกิด ในวิวฏั ฏะ อดโทษอยู่ อ.ฉนั จกั อดโทษ ดงั นี ้ฯ (อ.นางสริ ิมา ถามแล้ว) วา่ ก็ อ.ใคร เป็นบดิ า ผ้ยู งั ทา่ นให้เกดิ “โก ปน เสตทวฺธวิ ึ ฏวฺเฏสิ ฺสชานโกสปิ ตนาตตฺถ.ิีต“.ิสม“อมฺ หาสํ มกพฺริสทุ สฺ ฺโาธมติ.ิ, ในววิ ฏั ฏะ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.นางอตุ ตรา กลา่ วแล้ว) วา่ “มยฺหํ เตน อ.พระสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป็ นบิดาผู้ยังฉันให้เกิดในวิวัฏฏะ สตฺถา เสฺว ภิกฺขสุ งฺฆํ อาทาย อิธาคมิสฺสต;ิ ตฺวํ ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.นางสริ ิมา กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ความค้นุ เคย ยถาลทฺธํ สกฺการํ คเหตฺวา อิเธว อาคนฺตฺวา ตํ กบั (ด้วยพระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า) นนั้ ยอ่ มไมม่ ี แกด่ ฉิ นั ดงั นี ้ ฯ ขมาเปหีต.ิ (อ.นางอตุ ตรา กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ฉนั จกั กระท�ำได้, อ.พระศาสดา ทรงพาเอา ซงึ่ หมแู่ หง่ ภิกษุ จกั เสดจ็ มา (ในที่) นี ้ในวนั พรุ่ง, อ.ทา่ น ถือเอา ซงึ่ สกั การะ อนั อนั ตนได้แล้วอยา่ งไร มาแล้ว (ในท่ี) นี ้ นนั่ เทียว จงทลู (ยงั พระศาสดา) นนั้ ให้ทรงอดโทษเถิด ดงั นี ้ฯ (อ.นางสริ ิมา) นนั้ (รับพร้อมแล้ว) วา่ ข้าแตแ่ มเ่ จ้า อ.ดีละ ปญฺจสสาตา“สาปธรุ ิวอายรฺเิตยฺถติโิ ยอฏุ ฺอฐาาณย าอเตปฺตตโฺวนา เคหํ คนฺตฺวา ดงั นี ้ ลกุ ขนึ ้ แล้ว ไปแล้ว สเู่ รือน ของตน สงั่ บงั คบั แล้ว ซงึ่ ยงั หญิง นานาวธิ านิ ผ้เู ป็นบริวาร ท. มรี ้อยห้าเป็นประมาณ ยงั ของอนั บคุ คลพงึ เคยี ้ ว ท. ขาทนียานิ เจว สเู ปยฺยานิ จ สมปฺ าเทตฺวา ปนุ ทิวเส ด้วย (ยงั วตั ถุ ท.) อนั เกอื ้ กลู แกแ่ กง ด้วย อนั มอี ยา่ งตา่ ง ๆ ให้ถงึ พร้อมแลว้ ตํ สกฺการํ อาทาย อตุ ฺตราย เคหํ อาคนฺตฺวา ถือเอา ซง่ึ สกั การะ นนั้ มาแล้ว สเู่ รือน ของนางอตุ ตรา ในวนั รุ่งขนึ ้ พทุ ฺธปปฺ มขุ สฺส ภิกฺขสุ งฺฆสสฺ ปตฺเต ปตฏิ ฺฐาเปตํุ ไม่อาจอยู่ เพื่ออัน (ยังสักการะ) ให้ตัง้ อยู่เฉพาะ ในบาตร อวิสหนฺตี อฏฺฐาส.ิ ของหมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประะมขุ ได้ยืนแล้ว ฯ อ.นางอตุ ตรา ถอื เอาแล้ว ซงึ่ สกั การะ นนั้ ทงั้ ปวง จดั แจงแล้ว ฯ ตํ สฺพฺพํ คเหตฺวา อุตฺตรา สํวิทหิ. สิริมา อ.นางสริ ิมา หมอบลงแล้ว ในท่ีใกล้แหง่ พระบาท ของพระศาสดา ภตฺตกิจฺจาวสาเน สทฺธึ ปริวาเรน สตฺถุ ปาทมเู ล กบั ด้วยบริวาร ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ กิจด้วยภตั ร ฯ นิปชฺชิ. ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว (ซงึ่ นางสริ ิมา) นนั้ วา่ อถ นํ สตฺถา ปจุ ฺฉิ “โก เต อปราโธต.ิ อ.ความผิด อะไร (มีอย)ู่ แก่เธอ ดงั นี ้ ฯ (อ.นางสริ ิมา กราบทลู “ภนฺเต มยา หีโย อิทนฺนาม กตํ, อถ เม สหายิกา แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ (อ.กรรม) ชอ่ื นี ้ อนั หมอ่ มฉนั มํ วเิ หฐยมานา ทาสโิ ย นิวาเรตฺวา มยฺหํ อปุ การเมว กระทำ� แลว้ ในวนั วาน, (ครนั้ เมอื่ ความเป็น) อยา่ งนนั้ (มอี ย)ู่ อ.หญงิ สหาย อกาส,ิ ของหม่อมฉนั ห้ามแล้ว ซง่ึ ทาสี ท. ผ้เู บียดเบียนอยู่ ซงึ่ หม่อมฉัน ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ อปุ การะ นน่ั เทียว แก่หมอ่ มฉนั , ผลติ ส่อื การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 173 www.kalyanamitra.org
อ.หมอ่ มฉนั นนั้ รู้แล้ว ซง่ึ คณุ (ของหญงิ สหาย) นี ้ (ยงั หญงิ สหาย)นี ้ สาหํ อิมิสสฺ า คณุ ํ ชานิตฺวา อิมํ ขมาเปส,ึ ให้อดโทษแล้ว, (ครนั้ เมอ่ื ความเป็น) อยา่ งนนั้ (มอี ยู่ ) (อ.หญงิ สหาย) อถ มํ เอสา `ตมุ เฺ หสุ ขมนฺเตสุ ขมิสฺสามีติ อาหาติ. นน่ั กลา่ วแล้ว กะหมอ่ มฉนั วา่ ครัน้ เม่ือพระองค์ ท. ทรงอดโทษอยู่ “เอวํ กิร อตุ ฺตเรต.ิ “อาม ภนฺเต, หีโย สีเส เม (อ.ฉนั ) จกั อดโทษ ดงั นี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ สกึหาจยินิกฺตาติ ยนฺตป.ิ กฺก“จฏุ กฺฐฺกติ วสาปฬปฺ ํิ อาสติ ฺตนฺต.ิ “อถ ตยา ดกู ่อนอตุ ตรา ได้ยินวา่ อ.อยา่ งนนั้ หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.นางอตุ ตรา อตสิ มพฺ าธํ, พฺรหฺมโลโก กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ พระเจ้าข้า (อ.อยา่ งนนั้ ), อตนิ ีโจ, มม สหายิกาย คโุ ณว มหนฺโต; อหญฺหิ อ.เนยใสอนั เดอื ดพลา่ นแล้ว อนั หญงิ สหาย ของหมอ่ มฉนั รดแล้ว เอตํ นิสสฺ าย ทานญฺจ ทาตํุ ธมมฺ ญฺจ โสตํุ อลตฺถํ; บนศีรษะ ในวันวาน ดังนี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) ว่า สเจ เม อิมิสฺสา อปุ ริ โกโธ อตฺถิ, อิทํ มํ ฑหต,ุ (ครนั้ เมอื่ ความเป็น) อยา่ งนนั้ (มอี ย)ู่ อ.อะไร อนั เธอ คดิ แล้ว ดงั นี ้ ฯ โน เจ, มา ฑหตตู ิ เอวํ จินฺเตตฺวา อิมํ เมตฺตาย (อ.นางอตุ ตรา กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ อ.หมอ่ มฉนั ผรึ ภนฺเตต.ิ คดิ แล้ว อยา่ งนี ้ วา่ อ.จกั รวาล เป็นจกั รวาลแคบย่ิง (ยอ่ มเป็น), อ.พรหมโลก เป็นโลกต่�ำย่ิง (ยอ่ มเป็น), อ.คณุ ของหญิงสหาย ของเรา เทียว เป็นคณุ ใหญ่ ( ยอ่ มเป็น), เพราะวา่ อ.เรา อาศยั แล้ว (ซงึ่ หญิงสหาย) นน่ั ได้ได้แล้ว เพอื่ อนั ถวาย ซงึ่ ทาน ด้วย เพอื่ อนั ฟัง ซงึ่ ธรรม ด้วย, ถ้าวา่ อ.ความโกรธ แหง่ เรา มีอยู่ ในเบือ้ งบน (แหง่ หญงิ สหาย) นี ้ไซร้, (อ.เนยใส น)ี ้ จงลวก ซง่ึ เรา, หากวา่ (อ.ความโกรธ แหง่ เรา มีอยู่ ในเบือ้ งบน แหง่ หญิงสหาย นี)้ หามิได้ ไซร้, (อ.เนยใส นี)้ จงอยา่ ลวก ดงั นี ้แผไ่ ปแล้ว (สนู่ างสริ ิมา) นนั้ ด้วยเมตตา ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนอตุ ตรา อ.ดีละ อ.ดีละ, อ.อนั สตฺถา “สาธุ สาธุ อตุ ฺตเร, เอวํ โกธํ ชินิตํุ (อนั เธอ) ชนะ ซง่ึ ความโกรธ อยา่ งนี ้ยอ่ มควร, ก็ ชื่อ (อ.บคุ คล) ผ้มู ี อวฏนฺฏกฺโตก;ิ สโเกนโนธ หิ นาม อกฺโกเธน, อกฺโกสกปริภาสโก อนั โกรธเป็นปกติ (อนั บคุ คล พงึ ชนะ) ด้วยการไมโ่ กรธ, (อ.บคุ คล) อปริภาสเนน, ถทฺธมจฺฉรี อตฺตโน ผ้ทู งั้ ดา่ ทงั้ บริภาษ (อนั บคุ คล พงึ ชนะ) ด้วยการไมด่ า่ ด้วยการ สนฺตกสสฺ ทาเนน ชินิตพฺโพ, มสุ าวาที สจฺจวจเนน ไมบ่ ริภาษ, (อ.บคุ คล) ผ้มู ีความตระหนี่กระด้าง (อนั บคุ คล) พงึ ชนะ ชินิตพฺโพติ วตฺวา อิมํ คาถมาห ด้วยการให้ (ซง่ึ วตั ถ)ุ อนั เป็นของมีอยู่ แหง่ ตน, (อ.บคุ คล) ผ้กู ลา่ ว เทจ็ โดยปกติ (อนั บคุ คล) พงึ ชนะ ด้วยค�ำอนั จริง ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ (อ.บุคคล) พึงชนะ (ซึ่งบุคคล) ผู้โกรธโดยปกติ “อกฺโกเธน ชิเน โกธํ, อสาธํุ สาธนุ า ชิเน, ด้วยการไม่โกรธ, (อ.บุคคล) พึงชนะ (ซึ่งบุคคล) ผู้ไม่ดี ชิเน กทริยํ ทาเนน, สจฺเจนาลิกวาทินนตฺ ิ. ดว้ ยความดี, (อ.บคุ คล) พงึ ชนะ (ซ่ึงบคุ คล) ผมู้ ีความตระหนี่ ด้วยการให้, (อ.บุคคล พึงชนะ) (ซ่ึงบุคคล) ผู้กล่าว- ซ่ึงค�ำอนั เหลาะแหละโดยปกติ ด้วยค�ำอนั จริง ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ ว่า) ก็ อ.บุคคล ผู้โกรธโดยปกติ (อันบุคคล) ตตฺถ “อกฺโกเธนาติ: โกธโน หิ ปุคฺคโล เป็นผ้ไู มโ่ กรธ เป็น พงึ ชนะ ฯ (อ.บคุ คล) ผ้ไู มด่ ี คือวา่ ผ้ไู มเ่ จริญ อกฺโกเธน หุตฺวา ชินิตพฺโพ. อสาธุ อภทฺทโก (อนั บคุ คล) เป็นผ้เู จริญ เป็น (พงึ ชนะ), (อ.บคุ คล) ผ้มู ีความตระหนี่ ภทฺทเกน หุตฺวา, กทริโย ถทฺธมจฺฉรี อตฺตโน คือวา่ ผ้มู ีความตระหนี่กระด้าง (อนั บคุ คล พงึ ชนะ) ด้วยจิต สนฺตกสฺส จาคจิตฺเตน, อลิกวาที สจฺจวจเนน อนั ประกอบพร้อมแล้วด้วยการสละ (ซงึ่ วตั ถ)ุ อนั เป็นของมอี ยู่ แหง่ ตน, ชินิตพฺโพ; ตสฺมา เอวมาห “อกโฺ กเธน ชเิ น โกธํ (อ.บุคคล) ผู้กล่าวซ่ึงค�ำอันเหลาะแหละโดยปกติ (อันบุคคล) ฯเปฯ สจเฺ จนาลิกวาทนิ นฺต.ิ พงึ ชนะ ด้วยคำ� อนั จรงิ , เพราะเหตนุ นั้ (อ.พระผ้มู พี ระภาคเจ้า) ตรสั แล้ว อยา่ งนี ้วา่ อกโฺ กเธน ชเิ น โกธํ ฯเปฯ สจเฺ จนาลกิ วาทนิ ํ (ดงั นี)้ ดงั นี ้ (ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ อกโฺ กเธน ดงั นเี ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นทส่ี ดุ ลงแหง่ เทศนา อ.นางสริ ิมา กบั ด้วยหญิง ท. เทสนาวสาเน สริ ิมา สทฺธึ ปญฺจสตาหิ อิตฺถีหิ มีร้อยห้าเป็นประมาณ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ดงั นีแ้ ล ฯ โสตาปตฺตผิ เล ปตฏิ ฺฐหีต.ิ อ.เร่ืองแห่งอุบาสกิ าช่ือว่าอุตตรา (จบแล้ว) ฯ อุตตฺ ราอุปาสกิ าวตถฺ ุ. 174 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๔. อ.เร่ืองแห่งป(อัญันหข้าาขพอเจง้พา รจะะเกถลร่าะวช)่ือฯว่าโมคคัลลานะ ๔.โมคคฺ ลลฺ านตเฺ ถรปญหฺ วตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “สจจฺ ํ ภเณติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน ซึ่งปั ญหา ของพระเถระชื่อว่ามหาโมคคัลลานะ ตรัสแล้ว วิหรนฺโต มหาโมคฺคลลฺ านตฺเถรสสฺ ปญฺหํ อารพฺภ ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้วา่ สจจฺ ํ ภเณ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ กเถส.ิ ดังจะกล่าวโดยพิสดาร ในสมัย หนึ่ง อ.พระเถระ ไปแล้ว เอกสมฺ ึ หิ สมเย เถโร เทวจาริกํ คนฺตฺวา สผ้มทูู่ ศีี่จกาั ดริกใ์ิ หในญเท่ กวลโาล่ วกแล้วยืนอแยลา่ ้วงนี ณ ประตแู หง่ วิมาน ของเทพธิดา มเหสกฺขาย เทวธีตาย วิมานทฺวาเร ฐตฺวา ตํ อตฺตโน ้ วา่ ดกู อ่ นเทพธดิ า อ.สมบตั ิ ของทา่ น สนฺตกิ ํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ติ ํ เอวมาห “เทวธีเต ใหญ่, (อ.สมบตั ิ อนั ทา่ น) กระท�ำแล้ว ซงึ่ กรรม อะไร ได้แล้ว มหตี เต สมปฺ ตฺต,ิ กึ กมมฺ ํ กตฺวา ลทฺธาต.ิ “มา มํ ดงั นี ้(กะเทพธิดา) นนั้ ผู้ มาแล้ว สสู่ �ำนกั ของตน ไหว้แล้ว ยืนแล้ว ภนฺเต ปจุ ฺฉถาต.ิ ฯ (อ.เทพธิดา กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ทา่ น ท.) ขอจง อยา่ ถาม ซง่ึ ดฉิ นั ดงั นี ้ฯ ได้ยินวา่ อ.เทพธิดา ละอายอยู่ เพราะกรรมอนั นิดหนอ่ ย เทวธีตา กิร อตฺตโน ปริตฺตกมเฺ มน ลชฺชมานา ของตน ยอ่ มกลา่ ว อยา่ งนี ้ฯ เอวํ วทต.ิ ก็ (อ.เทพธดิ า) นนั้ อนั พระเถระ เมอื่ กลา่ ว วา่ (อ.ทา่ น) จงบอก สา ปน เถเรน “กเถหิเยวาติ วจุ ฺจมานา อาห นน่ั เทียว ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ทาน อนั ดิฉนั “ภนฺเต มยา เนว ทานํ ทินฺนํ, น ปชู า กตา, น ธมโฺ ม ถวายแล้วหามิได้นน่ั เทียว,อ.การบชู า(อนั ดฉิ นั )กระท�ำแล้วหามิได้, สโุ ต; เกวลํ สจฺจมตฺตํ รกฺขิตนฺต.ิ อ.ธรรม (อนั ดฉิ นั ) ฟังแล้ว หามิได้, (อ.เหต)ุ สกั วา่ ความสตั ย์ (อนั ดฉิ นั ) รักษาแล้ว อยา่ งเดียว ดงั นี ้ฯ อ.พระเถระ ไปแล้ว สปู่ ระตแู หง่ วิมาน ท. แม้เหลา่ อื่น ถามแล้ว เถโร อญฺญานิปิ วิมานทฺวารานิ คนฺตฺวา ซง่ึ เทพธิดา ท. แม้เหลา่ อ่ืนอีก ผ้ทู งั้ มาแล้ว ๆ ฯ อาคตาคตา อปราปิ เทวธีตโร ปจุ ฺฉิ. ในเทพธิดา ท. แม้เหลา่ นนั้ ผ้ไู มอ่ าจอยู่ เพื่ออนั ปิ ดบงั แล้ว ตาสปุ ิ ตเถว นิคหู ิตฺวา เถรํ ปฏิพาหิตํุ อสกฺโกนฺตีสุ ห้าม ซงึ่ พระเถระ อยา่ งนนั้ นน่ั เทยี ว หนา อ.เทพธดิ า นางหนง่ึ กลา่ วแล้ว เอกา ตาว อาห “ภนฺเต มยา ทานาทีสุ กตํ นาม นตฺถิ, ก่อน วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (ในบญุ กรรม ท.) มีทานเป็นต้นหนา อหํ ปน กสสฺ ปพทุ ฺธกาเล ปรสสฺ ทาสี อโหส.ึ (อ.บญุ กรรม) ช่ือวา่ อนั อนั ดฉิ นั กระท�ำแล้ว ยอ่ มไมม่ ี, ก็ อ.ดฉิ นั เป็ นทาสี (ของบุคคล) อ่ืน ได้เป็ นแล้ว ในกาลแห่งพระพุทธเจ้า- พระนามวา่ กสั สปะ ฯ อ.นาย ของดิฉัน นัน้ เป็ นคนดุร้ าย เป็ นคนหยาบคาย ตสฺสา เม สามิโก อติวิย จณฺโฑ ผรุโส เกินเปรียบ (เป็น) ยอ่ มตอ่ ย ซง่ึ ศีรษะ ด้วยทอ่ นไม้ หรือ หรือวา่ คหิตคฺคหิเตเนว อปุ กปฺ ฏนฺเฐฺเนน วา กลงิ ฺคเรน วา สสี ํ ด้วยทอ่ นฟื น อนั (อนั ตน) ทงั้ ถือเอาแล้ว ๆ นน่ั เทียว, อ.ดฉิ นั นนั้ ภินฺทต,ิ สาหํ โกเป `เอส ตว สามิโก ครัน้ เมื่อความโกรธ เกิดขนึ ้ แล้ว บริภาษแล้ว ซง่ึ ตนนน่ั เทียว วา่ ลกฺขณาหตํ วา ตํ กาตํุ นาสาทีนิ วา เต ฉินฺทิตํุ อ.นาย ของเจ้า นนั่ เป็นใหญ่ เพื่ออนั กระท�ำ ซง่ึ เจ้า ให้เป็นผ้มู ี- อิสสฺ โร, มา กชุ ฺฌีติ อตฺตานเมว ปริภาสติ ฺวา โกปํ ลกั ษณะอนั ขจดั แล้ว หรือ หรือวา่ เพื่ออนั ตดั (ซงึ่ อวยั วะ ท.) มีจมกู นาม นากาส;ึ เตน เม อยํ สมปฺ ตฺติ ลทฺธาต.ิ เป็นต้น ของเจ้า (ยอ่ มเป็น), (อ.เจ้า) อยา่ โกรธแล้ว ดงั นี ไ้ มไ่ ด้กระทำ� แล้ว ช่ือ ซง่ึ ความโกรธ, เพราะเหตนุ นั้ อ.สมบตั ิ นี ้อนั ดิฉนั ได้แล้ว ดงั นี ้ฯ ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรม วดั พระธรรมกาย 175 www.kalyanamitra.org
(อ.เทพธิดา ท.) บอกแล้ว ซง่ึ ทาน อนั นิดหนอ่ ย อนั อนั ตน อปรา อาห “อหํ ภนฺเต อจุ ฺฉกุ ฺเขตฺตํ รกฺขมานา อนั ตน กระท�ำแล้ว โดยนยั มีวา่ (อ.เทพธิดา) อื่นอีก กลา่ วแล้ว วา่ เอกสฺส ภิกฺขโุ น อเอทกาํ ส;ึ อจุ อฺฉปยุ รฏาฺฐึ อทาส;ึ อปรา ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ดิฉนั รักษาอยู่ ซง่ึ ไร่แหง่ อ้อย ได้ถวายแล้ว `เอกํ ตมิ พฺ รุสกํ `เอกํ เอลาฬกุ ํ ซงึ่ ลำ� แหง่ อ้อย ลำ� หนงึ่ แก่ภิกษุ รูปหนงึ่ (ดงั นี)้ , (อ.เทพธิดา) อื่นอีก อทาส;ึ อปรา `เอกํ ผารุสกํ อทาส;ึ อปรา `เอกํ (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ดฉิ นั ) ได้ถวายแล้ว ซง่ึ มะพลบั ผลหนง่ึ (แก่ภิกษุ มอาลู ทกินมาฏุ ฺฐนึ เอยทนาสอ;ึ ตอฺตปนราา อ`ตเอฺตกนํ านิมกฺพตมํ ปฏุ ฺฐริตึ ฺตอทกําสทนิานฺตํิ รูปหนงึ่ ดงั น)ี ้, (อ.เทพธดิ า) อน่ื อกี (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ดฉิ นั ) ได้ถวายแล้ว ซงึ่ ฟักเหลือง ผลหนงึ่ (แก่ภิกษุ รูปหนงึ่ ดงั นี)้ , อ.เทพธิดา อื่นอีก อาโรเจตฺวา “อิมินา การเณน อมเฺ หหิ อยํ สมปฺ ตฺติ (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ดฉิ นั ) ได้ถวายแล้ว ซงึ่ ลนิ ้ จ่ี ผลหนง่ึ (แก่ภิกษุ ลทฺธาติ อาหํส.ุ รูปหนง่ึ ดงั น)ี ้, (อ.เทพธดิ า)อน่ื อกี (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ดฉิ นั ) ได้ถวายแล้ว ซงึ่ ก�ำแหง่ เหง้ามนั เหง้าหนงึ่ (แก่ภิกษุ รูปหนงึ่ ดงั นี)้ , (อ.เทพธิดา) อ่ืนอีก กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ดฉิ นั ) ได้ถวายแล้ว ซง่ึ ก�ำแหง่ สะเดา ก�ำหนง่ึ (แก่ภิกษุ รูปหนึ่ง ดังนี)้ ดังนีเ้ ป็ นต้น กล่าวแล้ว ว่า อ.สมบัติ นี ้ อนั ดฉิ นั ท. ได้แล้ว เพราะเหตุ นี ้ดงั นี ้ฯ อ.พระเถระ ฟังแล้ว ซง่ึ กรรม (อนั เทพธดิ า ท.) เหลา่ นนั้ กระทำ� แล้ว เถโร ตาหิ กตกมมฺ ํ สตุ ฺวา สคฺคโต โอตริตฺวา ข้ ามลงแล้ ว จากสวรรค์ เข้ าไปเฝ้ าแล้ ว ซ่ึงพระศาสดา สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา ปจุ ฺฉิ “สกฺกา นุ โข ภนฺเต ทลู ถามแล้ววา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ(อนั บคุ คล)อาจหรือหนอแล สจฺจกถนมตฺเตน โกปนิพฺพาปนมตฺเตน อตปิ ริตฺตเกน เพื่ออันได้ ซ่ึงสมบัติอันเป็ นทิพย์ (ด้วยเหตุ) สักว่าการกล่าว ติมฺพรุสกาทิทานมตฺเตน ทิพฺพสมฺปตฺตึ ลทฺธุนฺติ. ซงึ่ ค�ำสตั ย์ (ด้วยเหต)ุ สกั ว่าการยงั ความโกรธให้ดบั (ด้วยเหต)ุ “กสมฺ า มํ โมคฺคลฺลาน ปจุ ฺฉส?ิ นนุ เต เทวธีตาหิ สกั วา่ การถวายซงึ่ ผลไม้มีมะพลบั เป็นต้น อนั นิดหนอ่ ยยิ่ง ดงั นี ้ ฯ อยมตฺโถ กถิโตต.ิ “อาม ภนฺเต, ลพฺภติ มญฺเญ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว)วา่ ดกู ่อนโมคคลั ลานะ (อ.เธอ) ยอ่ มถาม เอตฺตเกน ทิพฺพสมปฺ ตฺตีต.ิ ซงึ่ เรา เพราะเหตไุ ร ? อ.เนือ้ ความนี ้อนั เทพธิดา ท. บอกแล้ว แก่เธอ มิใชห่ รือ ดงั นีฯ้ (อ.พระเถระ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์- ผ้เู จริญ พระเจ้าข้า (อ.อยา่ งนนั้ ), อ.สมบตั อิ นั เป็นทิพย์ (อนั บคุ คล) เหน็ จะ ยอ่ มได้ (ด้วยเหต)ุ มีประมาณเทา่ นี ้หรือ ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (กะพระเถระ) นนั้ วา่ ดกู ่อน- อถ นํ สตฺถา “โมคฺคลฺลาน สจฺจมตฺตํ กเถตฺวาปิ โมคคลั ลานะ (อ.บคุ คล) กลา่ วแล้ว (ซง่ึ เหต)ุ สกั วา่ ความสตั ย์ ก็ดี โกปมตฺตํ ชหิตฺวาปิ ปริตฺตกํ ทานํ ทตฺวาปิ เทวโลกํ ละแล้ว (ซง่ึ เหต)ุ สกั วา่ ความโกรธ ก็ดี ให้แล้ว ซง่ึ ทาน อนั นิดหนอ่ ย คจฺฉตเิ ยวาติ วตฺวา อิมํ คาถมาห ก็ดี ยอ่ มไป สเู่ ทวโลก นนั่ เทียว ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ (อ.บคุ คล) พึงกล่าว ซ่ึงค�ำสตั ย์, (อ.บคุ คล) ไม่พึงโกรธ, “สจฺจํ ภเณ, น กชุ ฺเฌยฺย, ทชฺชา อปปฺ ํ ปิ ยาจิโต, (อ.บคุ คล) ผู้ (อนั บรรพชิต ท. ผูม้ ีศีล) ขอแลว้ พึงให้ เอเตหิ ตีหิ ฐาเนหิ คจฺเฉ เทวาน สนตฺ ิเกติ. (ซ่ึงไทยธรรม) แมน้ อ้ ย, (อ.บคุ คล) พึงไป ในส�ำนกั ของเทพ ท. ด้วยฐานะ ท. ๓ เหล่านนั่ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) พงึ แสดง คือวา่ พงึ กลา่ ว ซง่ึ ค�ำสตั ย์ (ดงั นี ้ ตตฺถ “สจจฺ ํ ภเณต:ิ สจฺจํ ทีเปยฺย โวหเรยฺย, สจฺเจ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ สจจฺ ํ ภเณ ปตฏิ ฺฐเหยฺยาติ อตฺโถ. ดงั นี,้ อ.อธิบายวา่ พงึ ตงั้ อยเู่ ฉพาะ ในค�ำสตั ย์ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) ว่า ไม่พึงโกรธ (ต่อบุคคล)อื่น ดังนี ้ (แห่งบท) ว่า น กุชเฺ ฌยยฺ าต:ิ ปรสฺส น กชุ ฺเฌยฺย. น กุชเฺ ฌยยฺ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) อ.บรรพชิต ท. ผ้มู ีศีล ช่ือวา่ ผ้ขู อ ฯ จริงอยู่ ยาจโิ ตต:ิ ยาจกา นาม สลี วนฺโต ปพฺพชิตา. (อ.บรรพชิต ท.) เหลา่ นนั้ ไมข่ อแล้วเทียว วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงให้ ดงั นี ้ เต หิ กิญฺจาปิ “เทถาติ อยาจิตฺวาว ฆรทฺวาเร ยอ่ มยนื ณ ประตแู หง่ เรือน แม้โดยแท้, ถงึ อยา่ งนนั้ (อ.บรรพชติ ท. ตสลีฏิ ฺวฐนนฺเฺตต,ิ หิ อตฺถโต ปน ยาจนฺตเิ ยว นาม; เอวํ เหล่านัน้ ) ช่ือว่า ย่อมขอ น่ันเทียว โดยเนือ้ ความ, (อ.บุคคล) ยาจิโต อปปฺ สฺมปึ ิ เทยฺยธมเฺ ม วชิ ฺชมาเน ผู้ (อนั บรรพชิต ท.) ผ้มู ีศีล ขอแล้ว อยา่ งนี ค้ รัน้ เมื่อไทยธรรมแม้น้อย อปปฺ มตฺตกมปฺ ิ ทเทยฺย. มีอยู่ พงึ ให้ (ซงึ่ ไทยธรรม) แม้มีประมาณน้อย (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ยาจโิ ต ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ 176 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.อรรถ วา่ (อ.บคุ คล) พงึ ไป สเู่ ทวโลก (ในเหตุ ท.) เหลา่ นน่ั หนา เอเตหิ ตหี ตี :ิ เอเตสุ เอเกนาปิ การเณน เทวโลกํ ด้วยเหตุ แม้อยา่ งหนง่ึ ดงั นี ้ (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ เอเตหิ ตหี ิ คจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ. ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งปัญหาของพระเถระช่ือว่ามหาโมคคัลลานะ โมคคฺ ลลฺ านตเฺ ถรปญหฺ วตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ๕. อ.เร่ืองแห่งปัญหา อันภกิ ษุ ท. ทลู ถามแล้ว ๕. ภกิ ขฺ ูหิ ปุฏฐปญหฺ วตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือ ทรงอาศยั ซง่ึ เมืองชื่อวา่ สาเกต ประทบั อยู่ “อหสึ กา เยติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา สาเกตํ ในอัญชนวัน ทรงปรารภ ซึ่งปัญหา อันภิกษุ ท. ทูลถามแล้ว นิสฺสาย อญฺชนวเน วิหรนฺโต ภิกฺขหู ิ ปฏุ ฺฐปญฺหํ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้วา่ อหสึ กา เย ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อารพฺภ กเถส.ิ ได้ยินวา่ อ.พราหมณ์ผ้แู ก่ ผ้อู ยใู่ นเมืองช่ือวา่ สาเกตโดยปกติ ภควโต กิร ภิกฺขสุ งฺฆปริวตุ สสฺ สาเกตํ ปิ ณฺฑาย คนหนง่ึ ออกไปอยู่ จากเมือง ในกาลเป็นที่เสดจ็ เข้าไป สเู่ มืองชื่อวา่ ปวสิ นกาเล เอโก สาเกตวาสี มหลลฺ กพฺราหฺมโณ สาเกต เพื่อก้อนข้าว แหง่ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ผ้อู นั หมแู่ หง่ ภิกษุ- นครโต นิกฺขมนฺโต อนฺตรทฺวาเร ทสพลํ ทิสฺวา แวดล้อมแล้ว เหน็ แล้ว ซงึ่ พระทศพล ในระหวา่ งแหง่ ประตู ปาเทสุ นิปตติ ฺวา โคปผฺ เกสุ ทฬฺหํ คเหตฺวา หมอบลงแล้ว ใกล้พระบาท ท. จบั แล้ว ท่ีข้อพะบาท ท. มนั่ “ตาต นนุ นาม ปตุ ฺเตหิ ชิณฺณกาเล มาตาปิ ตโร (ทลู แล้ว) วา่ แนะ่ พอ่ อ.มารดาและบดิ า ท. อนั บตุ ร ท. พงึ ปฏิบตั ิ ปฏิชคฺคติ พฺพา; กสมฺ า เอตฺตกํ กาลํ อมหฺ ากํ อตฺตานํ ในกาล (แหง่ มารดาและบดิ า ท.) แกแ่ ลว้ ชอื่ มใิ ชห่ รอื , (อ.ทา่ น) นเอหทีตสิ ฺเสสสต?ิ ฺถามรํยาคเตหาตวฺวาทิฏอฺโตฐสฺติโน, มาตรํปิ ปสฺสติ ํุ ไมแ่ สดงแล้ว ซงึ่ ตน แกเ่ รา ท. ตลอดกาล มปี ระมาณเทา่ นี ้เพราะเหตไุ ร ? เคหํ อคมาส.ิ อ.ท่าน เป็ นผู้ อันเรา เห็นแล้ว ก่อน ย่อมเป็ น, (อ.ท่าน) จงมา เพ่ืออนั เหน็ แม้ซงึ่ มารดา ดงั นี ้ พาเอา ซง่ึ พระศาสดา ได้ไปแล้ว สเู่ รือน ของตน ฯ อ.พระศาสดา เสด็จไปแล้ว (ในที่)นัน้ ประทับน่ังแล้ว สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา ปญฺญตฺเต อาสเน นิสที ิ บนอาสนะ อนั (อนั บคุ คล) ปลู าดแล้ว กบั ด้วยหมแู่ หง่ ภิกษุ ฯ สทฺธึ ภิกฺขสุ งฺเฆน. แม้ อ.นางพราหมณี มาแล้ว หมอบลงแล้ว ใกล้พระบาท ท. พฺราหฺมณีปิ อาคนฺตฺวา สตฺถุ ปาเทสุ นิปตติ ฺวา ของพระศาสดา กล่าวแล้ว ว่า แน่ะพ่อ (อ.ท่าน) เป็ นผู้ไปแล้ว “ตาต เอตฺตกํ กาลํ กหํ คโตส?ิ นนุ นาม (ในท)่ี ไหน ตลอดกาล มปี ระมาณเทา่ นี ้ ยอ่ มเป็น ? อ.มารดาและ ปมาตุ ตฺตาธปีติ ตโรโร“เอมถห,ลภลฺ ากตกราํ เวลนฺทอถปุ าฏตฺิฐาวตนพฺทฺพาเาปตสิ .ิ วตฺวา บดิ า ท. (อนั บตุ ร ท.) พงึ บ�ำรุง ในกาล (แหง่ มารดาและบดิ า ท. ) เป็นคนแก่ ชอ่ื มใิ ชห่ รือ ดงั นี ้ ยงั บตุ รและธดิ า ท. ให้ถวายบงั คมแล้ว (ด้วยค�ำ) วา่ (อ.เจ้า ท.) จงมา, จงไหว้ ซง่ึ พ่ีชาย เถิด ดงั นี ้ฯ ผลติ ส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 177 www.kalyanamitra.org
(อ.ชน ท.) เหลา่ นนั้ แม้ทงั้ สอง มีใจอนั ยินดีแล้ว องั คาสแล้ว ปริวิสเตติ ฺวาอโุ ภ“ภปินฺเตตฏุ ฺฐอมิเาธนวสานิพพททุ ฺธฺธํ ปภปฺ ิกมฺขขุ ํ ํ ภิกฺขสุ งฺฆํ ซ่ึงหมู่แห่งภิกษุ มีพระพุทธเจ้าเป็ นประมุข ทูลแล้ว ว่า ข้าแต่- วนตฺวคาณ, ฺห“นพฺตทุ ีตฺธิ าวตุ นฺเตา,ม“เตเอนกหฏิ ฺฐภานเนฺเตเยวเย คณฺหถาติ พระองค์ผ้เู จริญ (อ.พระองค์ ท.) ขอจงทรงรับ ซงึ่ ภิกษา (ในที่) นี ้ นิพทฺธํ ภิกฺขํ นนั่ เทยี ว เนอื งนติ ย์ ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอ่ื พระดำ� รสั ) วา่ ชอ่ื อ.พระพทุ ธเจ้า ท. โว นิมนฺเตตํุ ย่อมไม่รับ ซ่ึงภิกษา ในท่ีแห่งเดียวน่ันเทียว เนืองนิตย์ ดังนี ้ อาคจฺฉนฺต,ิ เต อมหฺ ากํ สนฺตเิ ก ปหิเณยฺยาถาติ (อนั พระศาสดา) ตรัสแล้ว, กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อาหํส.ุ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ชน ท.) เหลา่ ใด ยอ่ มมา เพอื่ อนั นมิ นต์ ซงึ่ พระองค์ ท., (อ.พระองค์ ท.) พึงทรงส่งไป (ซ่ึงชน ท.) เหล่านัน้ ในส�ำนัก ของข้าพระองค์ ท. ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงสง่ ไปแล้ว (ซงึ่ ชน ท.) ผ้มู าแล้ว เพอื่ อนั นมิ นต์ พฺราหสฺมตณฺถาสสฺ ตโอตาโปรฏเจฺฐถาายติ นิมนฺเตตํุ อาคเต “คนฺตฺวา จำ� เดมิ (แตก่ าล) นนั้ (ด้วยพระดำ� รสั ) วา่ (อ.ทา่ น ท.) ไปแล้ว จงบอก เปเสส.ิ แก่พราหมณ์ ดงั นี ้ฯ (อ.ชน ท.) เหลา่ นนั้ ไปแล้ว ยอ่ มกลา่ ว กะพราหมณ์ วา่ อ.ข้าพเจ้า ท. เต คนฺตฺวา “มยํ สฺวาตนาย สตฺถารํ นิมนฺเตมาติ ยอ่ มนมิ นต์ ซง่ึ พระศาสดา เพอ่ื ภกิ ษาอนั จะมใี นวนั พรุ่ง ดงั นี ้ ฯ พฺราหฺมณํ วทนฺต.ิ พฺราหฺมโณ ปนุ ทิวเส อตฺตโน ในวนั รุ่งขนึ ้ อ.พราหมณ์ ถือเอา ซง่ึ ภาขนะแหง่ ภตั รและภาชนะ เคหโต ภตฺตภาชนสเู ปยฺยภาชนานิ อาทาย สตฺถุ แหง่ วตั ถอุ นั เกือ้ กลู แก่แกง ท. จากเรือน ของตน ยอ่ มไป สทู่ ี่เป็นที่ นิสีทนฏฺฐานํ คจฺฉต.ิ ประทบั นง่ั ของพระศาสดา ฯ ก็ ครัน้ เมอ่ื อนั นมิ นต์ (ในท)ี่ ป อนื่ ไมม่ อี ยู่ อ.พระศาสดา ยอ่ มทรง อญญฺ ตถฺ ปน นมิ นตฺ เน อสติ สตถฺ า พรฺ าหมฺ ณสเฺ สว กระท�ำ ซง่ึ กิจด้วยภตั ร ในเรือน ของพราหมณ์นน่ั เทียว ฯ (อ.ชน ท.) เคเห ภตฺตกิจฺจํ กโรต.ิ เต อโุ ภปิ อตฺตโน เทยฺยธมมฺ ํ เหลา่ นนั้ แม้ทงั้ ๒ ถวายอยู่ ซงึ่ ไทยธรรม ของตน แก่พระตถาคตเจ้า นิจฺจกาลํ ตถาคตสฺส เทนฺตา ธมมฺ กถํ สณุ นฺตา ตลอดกาลเนืองนิตย์ ฟังอยู่ ซงึ่ ธรรมกถา (ของพระตถาคตเจ้า อนาคามิผลํ ปาปณุ สึ .ุ ตลอดกาลเนืองนิตย์) บรรลแุ ล้ว ซง่ึ อนาคามิผล ฯ อ.ภิกษุ ท. ยงั วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ท. ภิกฺขู ธมมฺ สภายํ กถํ `ตสถมาคฏุ ฺตฐาสเฺสปสํุ “อาวโุ ส อ.พราหมณ์ ช่ือ โน้น ยอ่ มรู้ วา่ อ.พระราชาพระนามวา่ สทุ โธทนะ อสโุ ก นาม พฺราหฺมโณ สทุ ฺโธทโน เป็นพระบดิ า ของพระตถาคตเจ้า (ยอ่ มเป็น), อ.พระนางมหามายา ปิ ตา, มหามายา มาตาติ ชานาต,ิ ชานนฺโต ว เป็นพระมารดา (ของพระตถาคตเจ้า ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ รู้อยู่ เทียว สทฺธึ พฺราหฺมณิยา ตถาคตํ `อมหฺ ากํ ปตุ ฺโตติ กบั ด้วยพราหมณี ยอ่ มเรียก ซง่ึ พระตถาคตเจ้า วา่ อ.บตุ ร ของเรา ท. วทต,ิ สตฺถาปิ ตเถว อธิวาเสส;ิ กินฺนโุ ข การณนฺต.ิ ดงั นี,้ แม้ อ.พระศาสดา (ทรงยงั ค�ำนนั้ ) ให้อยทู่ บั แล้ว อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว, อ.อะไร หนอ แล เป็นเหตุ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อม แล้ว ในโรงเป็นท่ีกลา่ วกบั ด้วยการแสดงซง่ึ ธรรม ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว ซงึ่ วาจาเป็นเครอื่ งกลา่ ว (ของภกิ ษุ ท.) สตฺถา เตสํ กถํ สตุ ฺวา “ภิกฺขเว อโุ ภปิ เต เหลา่ นนั้ ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.ชน ท.) เหลา่ นนั้ แม้ทงั้ ๒ อตฺตโน ปตุ ฺตเมว `ปตุ ฺโตติ วทนฺตีติ วตฺวา อตีตํ ยอ่ มเรียก ซงึ่ บตุ ร ของตน นนั่ เทยี ว วา่ อ.บตุ ร ดงั นี ้ดงั นี ้ทรงนำ� มาแล้ว อาหริ “ภิกฺขเว อยํ พฺราหฺมโณ อตีเต นิรนฺตรํ ปญฺจ ซึ่งเร่ืองอนั ล่วงไปแล้ว ทรงแสดงแล้ว ซึ่งความที่ (แห่งพระองค์) ชาตสิ ตานิ มยฺหํ ปิ ตา อโหส,ิ ปญฺจ ชาตสิ ตานิ เป็นบตุ ร(ของชนท.)เหลา่ นนั้ ตลอดพนั แหง่ ชาติท.๓ (ด้วยพระดำ� รสั ) จลุ ฺลปิ ตา, ปญฺจ ชาตสิ ตานิ มหาปิ ตา; สาปิ วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ.พราหมณ์ นี ้ เป็นบดิ า ของเรา ได้เป็นแล้ว พฺราหฺมณี นิรนฺตรเมว ปญฺจ ชาตสิ ตานิ มยฺหํ ตลอดร้อยแหง่ ชาติ ท. ๕ มรี ะหวา่ งออกแล้ว ในกาลอนั ไปแล้ว, เป็นอา มาตา อโหส,ิ (ของเรา ได้เป็นแล้ว) ตลอดร้อยแหง่ ชาติ ท. ๕, เป็นลงุ (ของเรา ได้เป็ นแล้ว) ตลอดร้ อยแห่งชาติ ท. ๕, อ.พราหมณี แม้นัน้ เป็ นมารดา ของเรา ได้เป็ นแล้ว ตลอดร้ อยแห่งชาติ ท. ๕ มีระหวา่ งออกแล้วนน่ั เทียว, 178 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
เป็นน้า (ของเรา ได้เป็นแล้ว) ตลอดร้อยแหง่ ชาติ ท. ๕, เป็นป้ า ปญฺจ ชาตสิ ตานิ จลุ ฺลมาตา, ปญฺจ ชาตสิ ตานิ (ของเรา ได้เป็นแล้ว) ตลอดร้อยแหง่ ชาติ ท. ๕, อ.เรา เป็นผ้เู ตบิ โต มหามาตา; เอวาหํ ทิยฑฺฒชาตสิ หสสฺ ํ พฺราหฺมณสสฺ ด้วยดีแล้ว ในมือ ของพราหมณ์ ตลอดพนั แหง่ ชาต๒ิ ด้วยทงั้ กง่ึ หตฺเถ สํวฑฺโฒ, ทิยฑฺฒชาตสิ หสสฺ ํ พฺราหฺมณิยา อย่างนี ้ (ย่อมเป็ น), อ.เรา เป็ นผู้เติบโตแล้วด้วยดีแล้ว ในมือ หตฺเถ สวํ ฑฺโฒติ ตีณิ ชาตสิ หสสฺ านิ เตสํ ปตุ ฺตภาวํ ของพราหมณี ตลอดพนั แหง่ ชาตทิ ี่ ๒ ด้วยทงั้ กงึ่ (ยอ่ มเป็น), ทสเฺ สตฺวา อิมา คาถา อภาสิ ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ อ.ใจ ยอ่ มตงั้ ลง (ในบรุ ษุ ) ใด ดว้ ย, แม้ อ.จิต ยอ่ มเลือ่ มใส “ยสมฺ ึ มโน นิวีสติ, จิตฺตญฺจาปิ ปสีทติ, (ในบรุ ษุ ใด) ดว้ ย, (อ.บคุ คล) พงึ คนุ้ เคย (ในบรุ ษุ ) แมน้ นั้ อปทพุ ิฏเฺ พฺฐวปพุสพฺนนฺเกิวาโปเสเสน กามํ ตสฺมึปิ วิสฺสเส. ผู้อนั ตนไม่เคยเห็นแล้ว แท้ ฯ อ.ดอกอุบล หรือ (หรือว่า เอวนตฺ ํ ชายเต เปมํ ปจฺจปุ ปฺ นนฺ หิเตน วา อ.ดอกไม้อนั เกิดในน้�ำ อนั เหลือ อาศยั แล้ว ซึ่งเหตุ ท. ๒ อปุ ปฺ ลํว ยโถทเกติ. คือซึ่งน�้ำ ดว้ ยนนั่ เทียว คือซึ่งเปื อกตม ดว้ ย ย่อมเกิด) ในน้�ำ ฉันใด อ.ความรัก น้ัน ย่อมเกิด (ด้วยเหตุ ท. ๒) คือด้วยการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน หรื อ หรื อว่า คือดว้ ยความเกือ้ กูลอนั เกิดข้ึนเฉพาะแลว้ ฉนั นนั้ ดงั นี้ ฯ อ.พระศาสดา ทรงอาศยั แล้ว ซง่ึ ตระกลู นนั้ ประทบั อยแู่ ล้ว สตฺถา เตมาสเมว ตํ กลุ ํ นิสสฺ าย วหิ าส.ิ ตลอดประชมุ แหง่ เดือน ๓ นนั่ เทียว ฯ (อ.ชน ท.) เหลา่ นนั้ แม้ทงั้ ๒ กระท�ำให้แจ้งแล้ว ซงึ่ ความเป็น เต อโุ ภปิ อรหตฺตํ สจฺฉิกตฺวา ปรินิพฺพายสึ .ุ แหง่ พระอรหนั ต์ ปรินิพพานแล้วฯ ครัง้ นนั้ (อ.ชน ท.) กระท�ำแล้ว ซงึ่ สกั การะใหญ่ (แก่ชน ท.) ๒ อถ เนสํ มหาสกกฺ ารํ กตวฺ า อโุ ภปิ เอกกฏู าคารเมว เหลา่ นนั้ ยกขนึ ้ แล้ว (ซง่ึ ชน ท.) แม้ทงั้ ๒ สเู่ รือนอนั ประกอบแล้ว อาโรเปตฺวา นีหรึส.ุ ด้วยยอดหลงั เดียวกนั นน่ั เทียว น�ำออกแล้ว ฯ แม้ อ.พระศาสดา มีภิกษุมีร้อยห้าเป็นประมาณเป็นบริวาร สตฺถาปิ ปญฺจสตภิกฺขปุ ริวาโร เตหิ สทฺธึเยว ได้เสดจ็ ไปแล้ว สปู่ ่ าช้า กบั (ด้วยชน ท.) เหลา่ นนั้ นน่ั เทียว ฯ อาฬาหนํ อคมาส.ิ อ.มหาชน ออกไปแล้ว (ด้ วยความคิด) ว่า ได้ ยินว่า “พทุ ฺธานํ กิร มาตาปิ ตโร กาลกตาติ มหาชโน อ.พระมารดาและพระบดิ า ท. ของพระพทุ ธเจ้า ท. เป็นผ้มู ีกาละ นิกฺขมิ. อนั ทรงกระท�ำแล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ เข้าไปแล้ว สศู่ าลา หลงั หนง่ึ ในท่ีใกล้แหง่ - สตฺถา อาฬาหนสมีเป เอกํ สาลํ ปวิสติ ฺวา ป่ าช้า ได้ประทบั ยืนแล้วฯ อฏฺฐามสน.ิ สุ ฺสา อ.มนุษย์ ท. ถวายบังคมแล้ว ซ่ึงพระศาสดา ยืนแล้ว สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺเต ฐตฺวา ณ สว่ นข้างหนงึ่ ยอ่ มกระทำ� ซง่ึ การปฏสิ นั ถาร กบั ด้วยพระศาสดา “ภนฺเต `มาตาปิ ตโร โว กาลกตาติ มา จินฺตยิตฺถาติ (ด้วยค�ำ) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.พระองค์ ท.) อยา่ ทรงด�ำริ สตฺถารา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺต.ิ แล้ววา่ อ.พระมารดาและพระบดิ า ท. ของพระองค์ ท. เป็นผ้มู ีกา ละอนั ทรงกระท�ำแล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดาไมท่ รงห้ามแล้วเทยี วซง่ึ ชนท.เหลา่ นนั้ วา่ อ.ทา่ นท. สตฺถา เต “มา เอวํ อวจตุ ฺถาติ อปปฺ ฏิกฺขิปิ ตฺวาว อย่าได้กล่าวแล้ว อย่างนี ้ ดังนี ้ ทรงตรวจดูแล้ว ซ่ึอัธยาศัย ปริสาย อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ตํขณานรุ ูปํ ธมมฺ ํ ของบริษัท เม่ือทรงแสดง ซง่ึ ธรรม อนั สมควรแก่ขณะนนั้ ตรัสแล้ว เทเสนฺโต ซงึ่ ชราสตู ร นี ้วา่ อ.ชีวิต นี้ น้อย หนอ, (อ.สตั ว์) ย่อมตาย ภายใน “อปปฺ ํ วต ชีวิตํ อิทํ, โอรํ วสสฺ สตาปิ มียติ, แมแ้ ตร่ ้อยแหง่ ปี, แมห้ ากวา่ (อ.บคุ คล) ใด ยอ่ มเป็นอยู่ โย เจปิ อติจฺจ ชีวติ, อถโข โส ชรสาปิ มียตีติ เกินไป ไซร้, (อ.บุคคล) นนั้ ย่อมตาย แม้เพราะชรา อิทํ ชราสตุ ฺตํ กเถส.ิ โดยแทแ้ ล ดงั นีเ้ ป็นตน้ ฯ ผลติ ส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 179 www.kalyanamitra.org
ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา อ.อนั รู้ตลอดเฉพาะซงึ่ ธรรม เทสนาวสาเน จตรุ าสตี ยิ า ปาณสหสสฺ านํ ได้มีแล้ว แก่พนั แหง่ สตั ว์มีปราณ ท. ๘๔ ฯ ธมมฺ าภิสมโย อโหส.ิ อ.ภกิ ษุ ท. ไมร่ ู้อยู่ ซง่ึ ความทแี่ หง่ พราหมณ์ ด้วย แหง่ พราหมณี ภกิ ขฺ ู พรฺ าหมฺ ณสสฺ จ พรฺ าหมฺ ณยิ า จ ปรินพิ พฺ ตุ ภาวํ ด้วย เป็นผ้ปู รินิพพานแล้ว ทลู ถามแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อชานนฺตา “ภนฺเต เตสํ โก อภิสมปฺ ราโยติ ปจุ ฺฉึส.ุ อ.ภพเป็ นที่ไปในเบือ้ งหน้ าพร้ อม ของชน ท. ๒ เหล่านัน้ เป็ นอยา่ งไร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. ช่ือ อ.ภพเป็นที่ไปใน สตถฺ า “ภกิ ขฺ เว เอวรูปานํ อเสขมนุ นี ํ อภสิ มปฺ ราโย เบือ้ งหน้าพร้อม ของพระอเสขมนุ ี ท. ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ยอ่ มไมม่ ี, นาม นตฺถิ, เอวรูปา หิ อจฺจตุ ํ อมตํ มหานิพฺพานเมว เพราะวา่ (อ.ชน ท.) ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ยอ่ มถงึ ซงึ่ มหานิพพาน ปาปณุ นฺตีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห อนั ไมเ่ คลอื่ นแล้ว อนั ไมต่ ายแล้ว นนั่ เทียว ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระ คาถานี ้วา่ อ.มุนี ท. เหล่าใด ผู้ไม่เบียดเบียน ส�ำรวมแล้ว โดยกาย “อหึสกา เย มนุ โย นิจฺจํ กาเยน สํวตุ า, เนืองนิตย์, (อ.ชน ท.) ไปแลว้ (ในฐานะ) ใด ย่อมไม่เศร้าโศก, เต ยนตฺ ิ อจฺจตุ ํ ฐานํ, ยตฺถ คนตฺ ฺวา น โสจเรติ. (อ.มนุ ี ท.) เหลา่ นน้ั ยอ่ มไป สฐู่ านะ (นน้ั ) อนั ไมเ่ คลือ่ นแลว้ ดงั นี้ ฯ อ.พระอเสขมนุ ี ท. ผ้บู รรลแุ ล้วซง่ึ มรรคและผล ด้วยปฏิปทาอนั ตตถฺ “มนุ โยต:ิ โมเนยยฺ ปปฺ ฏปิ ทาย มคคฺ ผลปปฺ ตตฺ า เกือ้ กลู แก่ความเป็นแหง่ บคุ คลผ้รู ู้ ช่ือวา่ มุนโย (ในพระคาถา)นนั้ ฯ อเสขมนุ โย. (อ.บท) นนั่ วา่ กาเยน ดงั นี ้ เป็นบทสกั วา่ เทศนานน่ั เทียว กาเยนาต:ิ เทสนามตฺตเมเวตํ. (ยอ่ มเป็น) ฯ อ.อธิบาย วา่ สำ� รวมแล้ว โดยทวาร ท. แม้ ๓ ดงั นี ้ฯ ตีหิปิ ทฺวาเรหิ สวํ ตุ าติ อตฺโถ. (อ.อรรถ วา่ ) อนั เท่ียงแล้ว (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ อจจฺ ุตํ ดงั นี ้ฯ อจจฺ ุตนฺต:ิ สสฺสตํ. (อ.อรรถ วา่ ) สฐู่ านะอนั ไมก่ �ำเริบ คือวา่ สฐู่ านะอนั ยง่ั ยืน ฐานนฺต:ิ อกปุ ปฺ ฏฺฐานํ ธวุ ฏฺฐานํ. (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ ฐานํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) (อ.ชน ท.) ไปแล้ว (ในฐานะคือพระนิพพาน) ใด ยตถฺ าต:ิ ยสมฺ ึ คนฺตฺวา น โสจนฺติ น วหิ ญฺญนฺต,ิ ยอ่ มไมเ่ ศร้าโศก คอื วา่ ยอ่ มไมเ่ ดอื ดร้อน, (อ.มนุ ี ท. เหลา่ นนั้ ) ยอ่ มไป ตํ นิพฺพานฏฺฐานํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. สฐู่ านะคือพระนิพพาน นนั้ ดงั นี ้(แหง่ บท) วา่ ยตถฺ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึสตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งปัญหา อันภกิ ษุ ท. ทลู ถามแล้ว ภกิ ขฺ ูหิ ปุฏฺ ฐปญหฺ วตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ 180 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๖. อ(อ.เรัน่ือขง้าแพหเ่จงท้าาจสะีชก่ือลว่า่าวป) ุณฯ ณา ๖. ปุณฺณทาสีวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ บนภเู ขา ช่ือวา่ คชิ ฌกฏู “สทา ชาครมานานนฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ทรงปรารภ ซง่ึ ทาสี ของเศรษฐีผ้อู ยใู่ นเมืองชื่อวา่ ราชคฤห์ ช่ือวา่ คชิ ฌฺ กเู ฏ ปพพฺ เต วหิ รนโฺ ต ปณุ ณฺ ํ นาม ราชคหเสฏฺฐโิ น ปณุ ณา ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ สทา ชาครมานานํ ทาสึ อารพฺภ กเถส.ิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินว่า ในวันหน่ึง (อ.เศรษฐีผู้อยู่ในเมืองชื่อว่าราชคฤห์) ตสฺสา กิร เอกทิวสํ โกฏฺฏนตฺถาย พหู วีหี อทาส.ิ ได้ให้แล้ว ซง่ึ ข้าวเปลอื ก ท. มาก (แกน่ างปณุ ณา) นนั้ เพอื่ ประโยชน์ แก่อนั ซ้อม ฯ (อ.นางปณุ ณา) นนั้ ยงั ประทีป ให้โพลงแล้ว ในเวลากลางคืน วิสสฺ มสนาตฺถราตยฺตเึ สทปตทนิ ีปฺเํ ตนชคาเตลฺเตตฺวนาพหวิ ีหวีาเตโกอฏฏฺเฺฏฐานสฺต.ิ ี ซ้อมอยู่ ซงึ่ ข้าวเปลือก ท. มีตวั อนั ชมุ่ แล้วด้วยเหง่ือ ได้ยืนแล้ว เหนือลม ในภายนอก เพื่อต้องการแก่อนั พกั ผอ่ น ฯ ในสมยั นนั้ (อ.ภิกษุ) ผ้เู ป็นโอรสแหง่ เจ้ามลั ละ ชื่อวา่ ทพั พะ ตสฺมึ สมเย ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต ภิกฺขูนํ เป็นผ้แู ตง่ ตงั้ ซง่ึ เสนาสนะ เพื่อภิกษุ ท. ยอ่ มเป็น ฯ เสนาสนปปฺ ญฺญาปโก โหต.ิ (อ.พระเถระ) นนั้ ยงั นิว้ มือ ให้โพลงแล้ว เพ่ือภิกษุ ท. ผู้ ฟังแล้ว โส ธมมฺ ํ สตุ ฺวา อตฺตโน อตฺตโน เสนาสนํ ซง่ึ ธรรม ไปอยู่ สเู่ สนานะ ของตน ๆ เนรมิตแล้ว ซง่ึ ภิกษุ ท. ผ้ไู ปอยู่ คจฺฉนฺตานํ ภิกฺขนู ํ องฺคลุ ึ ชาเลตฺวา ปรุ โต ปรุ โต เพ่ือต้องการแก่อนั แสดงซงึ่ หนทาง ข้างหน้า ๆ ฯ มคฺคเทสนตฺถาย คจฺฉนฺเต ภิกฺขู นิมมฺ ินิ. อ.นางปณุ ณา เหน็ แล้ว ซง่ึ ภิกษุ ท. ผ้เู ท่ียวไปอยู่ บนภเู ขา ปณุ ฺณา เตนาโลเกน ปพฺพเต วจิ รนฺเต ภิกฺขู ด้วยแสงสวา่ ง นนั้ คดิ แล้ว วา่ อ.เรา ผ้อู นั ทกุ ข์ ของตน เข้าไป ทิสฺวา “อหํ ตาว อตฺตโน ทกุ ฺเขน อปุ ทฺทตุ า ประทษุ ร้ายแล้ว ไมเ่ ข้าถงึ อยู่ ซง่ึ ความหลบั ในเวลานี ้ แม้นี ้ ก่อน, อิมายปิ เวลาย นิทฺทํ น อเุ ปมิ, ภทนฺตา กกึ ารณา อ.ท่านผู้เจริญ ท. ย่อมไม่หลับ เพราะเหตุไร ดังนี ้ กระท�ำแล้ว น นิทฺทายนฺตีติ จินฺเตตฺวา “อทฺธา เอตฺถ กสสฺ จิ ซงึ่ ความสำ� คญั วา่ อ.ความไมผ่ าสกุ จกั มี แก่ภิกษุ บางรูป หรือ หรือ ภิกฺขโุ น อผาสกุ ํ วา ภวิสฺสต,ิ ทีฆชาตเิ กน วา วา่ อ.อปุ ัททวะ (เพราะสตั ว์) ตวั มีชาตแิ หง่ สตั ว์ยาว จกั มี (ในที่)นน่ั อปุ ทฺทโว ภวสิ ฺสตีติ สญฺญํ กตฺวา ปาโตว กณุ ฺฑกํ แนแ่ ท้ ดงั นี ้ถือเอาแล้ว ซงึ่ ร�ำ ในเวลาเช้าเทียว (ยงั ร�ำ) ให้เปี ยกแล้ว อาทาย อทุ เกน เตเมตฺวา หตฺถตเล ปวู ํ กตฺวา ด้วยนำ� ้ กระทำ� แล้ว ซงึ่ ขนม บนพนื ้ แหง่ ฝ่ามอื ปิง้ แล้ว บนถา่ นเพลงิ ท. องฺคาเรสุ ปจิตฺวา อุจฺฉงฺเค กตฺวา “ติตฺถมคฺเค กระท�ำแล้ว ในชายพก (คดิ แล้ว) วา่ (อ.เรา) จกั เคีย้ วกิน ในหนทาง ขาทิสฺสามีติ ฆฏํ อาทาย ตติ ฺถาภิมขุ ี ปายาส.ิ เป็นท่ีไปสทู่ า่ ดงั นี ้ ถือเอาแล้ว ซงึ่ หม้อ มีหน้าเฉพาะตอ่ ทา่ ได้ออก ไปแล้ว ฯ แม้ อ.พระศาสดา ทรงด�ำเนินไปแล้ว สหู่ นทาง นนั้ นน่ั เทียว สตฺถาปิ คามํ ปวิสิตํุ ตเมว มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เพื่ออนั เสดจ็ เข้าไป สบู่ ้าน ฯ (อ.นางปณุ ณา) นนั้ เหน็ แล้ว ซง่ึ พระศาสดา คดิ แล้ว วา่ ในวนั ท. สา สตฺถารํ ทิสวฺ า [จินฺเตส]ิ “อญฺเญสุ ทิวเสสุ เหลา่ อื่น ครัน้ เม่ือพระศาสดา (อนั เรา) แม้เหน็ แล้ว อ.ไทยธรรม สสตตฺิถสริตทฺถิฏาฺรเฐํ ปนิ มม เทยฺยธมโฺ ม น โหต,ิ เทยฺยธมเฺ ม ของเรา ยอ่ มไมม่ ี, ครัน้ เม่ือไทยธรรม มีอยู่ (อ.เรา) ยอ่ มไมเ่ หน็ ปสฺสามิ; อิทานิ ปน เม เทยฺยธมโฺ ม จ ซงึ่ พระศาสดา, แตว่ า่ ในกาลนี ้ อ.ไทยธรรม ของเรา มีอยู่ ด้วย, อตฺถิ, สตฺถา จ สมมฺ ขุ ีภโู ต; สเจ `ลขู ํ วา ปณีตํ วาติ อ.พระศาสดา เป็นผ้มู ีตอ่ หน้าพร้อมเป็นแล้ว (ยอ่ มเป็น) ด้วย, อจนิ เฺ ตตวฺ า คณเฺ หยยฺ , ทเทยยฺ าหํ อมิ ํ ปวู นตฺ ิ จนิ เฺ ตตวฺ า ถ้าวา่ อ.พระศาสดา ไมท่ รงด�ำริแล้ว วา่ (อ.ทานนี)้ เป็นทานเศร้า ฆฏํ เอกมนฺเต นิกฺขิปิ ตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา “ภนฺเต หมอง หรือ หรือวา่ เป็นทานประณีต (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ พงึ รับ ไซร้, อิมํ ลขู ํ ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺตา มม สงฺคหํ กโรถาติ อ.เรา พงึ ถวาย ซง่ึ ขนม นี ้ดงั นี ้วางลงแล้ว ซงึ่ หม้อ ณ สว่ นข้างหนงึ่ อาห. ถวายบงั คมแล้ว ซงึ่ พระศาสดา กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์- ผ้เู จริญ (อ.พระองค์ ท.) ทรงรับเฉพาะอยู่ ซง่ึ ทาน อนั เศร้าหมอง นี ้ ขอจงทรงกระท�ำ ซงึ่ การสงเคราะห์ แก่หมอ่ มฉนั เถิด ดงั นี ้ฯ ผลติ ส่อื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 181 www.kalyanamitra.org
อ.พระศาสดา ทรงแลดูแล้ว ซ่ึงพระเถระช่ือว่าอานนท์ สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกตฺวา เตน นีหริตฺวา ทรงน้อมเข้าไปแล้ว ซงึ่ บาตร อนั อนั ท้าวมหาราชถวายแล้ว ทินฺนํ มหาราชทตฺตยิ ํ ปตฺตํ อปุ นาเมตฺวา ปวู ํ คณฺหิ. อนั (อนั พระเถระ) นนั้ น�ำออก ถวายแล้ว ทรงรับแล้ว ซงึ่ ขนม ฯ แม้ อ.นางปณุ ณา ตงั้ ไว้เฉพาะแล้ว (ซง่ึ ขนม) นนั้ ในบาตร ปุณฺณาปิ ตํ วสนตฺทฺถิตุ ฺวาปตฺเต“ภนฺเปตติฏฺ ฐตเปุมตฺเหฺวหาิ ของพระศาสดา ถวายบงั คมแล้ว ด้วยการตงั้ ไว้เฉพาะแหง่ องค์ ๕ ทปิฏญฺฐฺจธปมฺปโฺ มตเยิฏฺวฐิเตเมน สมิชฺฌตตู ิ อาห. กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.ธรรม อนั พระองค์ ท. ทรงเหน็ แล้ว นน่ั เทียว ขอจงสำ� เร็จ แก่หมอ่ มฉนั เถิด ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา (ตรัสแล้ว) ว่า (อ.ความปรารถนา อันเธอ สตฺถา “เอวํ โหตตู ิ ติ โกว อนโุ มทนํ อกาส.ิ ปรารถนาแล้ว) อยา่ งนี ้จงมีเถิด ดงั นี ้ผ้ยู ืนแล้วเทียว ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ การอนโุ มทนา ฯ แม้ อ.นางปณุ ณา คิดแล้ว วา่ อ.พระศาสดา ทรงกระท�ำอยู่ ปณุ ฺณาปิ จินฺเตสิ “กิญฺจาปิ เม สตฺถา สงฺคหํ ซง่ึ การสงเคราะห์ แก่เรา ทรงรับแล้ว ซงึ่ ขนม แม้โดยแท้, ถงึ อยา่ งนนั้ กโรนฺโต ปวู ํ คณฺหิ, น ปน ตํ ขาทิสฺสต;ิ อทฺธา (อ.พระศาสดา) จกั ไมเ่ สวย (ซง่ึ ขนม) นนั้ , (อ.พระศาสดา) ประทานแล้ว ปรุ โต กากสสฺ วา สนุ ขสสฺ วา ทตฺวา รญฺโญ วา แกก่ า หรือ หรือวา่ แกส่ นุ ขั ข้างหน้า เสดจ็ ไปแล้ว (สวู่ งั ) ของพระราชา มหามตตฺ สสฺ วา เคหํ คนตฺ วฺ า ปณตี โภชนํ ภญุ ชฺ สิ สฺ ตตี .ิ หรือ หรือว่า สู่เรือน ของมหาอ�ำมาตย์ จักเสวย ซึ่งโภชนะ- อนั ประณีต แนแ่ ท้ ดงั นี ้ฯ แม้ อ.พระศาสดา (ทรงดำ� ริแล้ว) วา่ (อ.นางปณุ ณา) นนั่ คดิ แล้ว สตฺถาปิ “กินฺนุ โข เอสา จินฺเตสีติ ตสฺสา จิตฺตวารํ ซงึ่ อะไร หนอ แล ดงั นี ้ทรงทราบแล้ว ซงึ่ วาระแหง่ จติ (ของนางปณุ ณา) ญตฺวา อานนฺทตฺเถรํ โอโลเกตฺวา นิสที นาการํ ทสฺเสส.ิ นัน้ ทรงแลดูแล้ว ซึ่งพระเถระชื่อว่าอานนท์ ทรงแสดงแล้ว ซง่ึ อาการคืออนั ประทบั นงั่ ฯ อ.พระเถระ ได้ ปลู าด ซงึ่ จีวร ถวายแล้ว ฯ อ.พระศาสดา เถโร จวี รํ ปญญฺ าเปตวฺ า อทาส.ิ สตถฺ า พหนิ คเรเยว ประทบั นง่ั แล้ว ในภายนอกแหง่ เมืองนนั่ เทียว ได้ทรงกระท�ำแล้ว นิสที ิตฺวา ภตฺตกิจฺจมกาส.ิ ซง่ึ กิจด้วยภตั ร ฯ อ.เทวดา ท. ในห้องแหง่ จกั รวาลทงั้ สนิ ้ บีบแล้ว ซง่ึ โอชะ เทวตา สกลจกฺกวาฬคพฺเภ เทวมนุสฺสานํ อนั เป็นเหตเุ ข้าไปสำ� เร็จ แก่เทพและมนษุ ย์ ท. ราวกะ (อ.บคุ คล อปุ กปปฺ นกํ โอชํ มธปุ ฏลํ วิย ปี เฬตฺวา ตตฺถ ปกฺขิปึส.ุ ผ้บู บี อย)ู่ ซงึ่ รวงแหง่ ผงึ ้ ใสเ่ ข้าแล้ว (ในขนม) นนั้ ฯ สว่ นวา่ อ.นางปณุ ณา ปณุ ฺณา จ โอโลเกนฺตี อฏฺฐาส.ิ ได้ยืนแลดอู ยแู่ ล้ว ฯ อ.พระเถระ ได้ถวายแล้ว ซงึ่ น�ำ้ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ กิจ ภตฺตกิจฺจาวสาเน เถโร อทุ กํ อทาส.ิ ด้วยภตั ร ฯ อ.พระศาสดา มกี จิ ด้วยภตั รอนั ทรงกระทำ� แล้ว ตรสั เรียกมาแล้ว สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ ปณุ ฺณํ อามนฺเตตฺวา ซง่ึ นางปณุ ณา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนปณุ ณา อ.เธอ ดหู ม่ินแล้ว “กสฺมา ตฺวํ ปณุ ฺเณ มม สาวเก ปริภวีติ อาห. ซงึ่ สาวก ท. ของเรา เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ (อ.นางปณุ ณา กราบทลู แล้ว) “น ปริภวามิ ภนฺเตต.ิ “อถ ตยา มม สาวเก ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ (อ.หม่อมฉัน) ย่อมไม่ดูหม่ิน ดังนี ้ ฯ โอโลเกตฺวา กึ กถิตนฺต.ิ “อหํ ตาว อิมินา ทกุ ฺขปุ ทฺทเวน (อ.พระศาสดา ตรสั ถามแล้ว) วา่ (ครนั้ เมอื่ ความเป็น) อยา่ งนนั้ (มอี ย)ู่ นิทฺทํ น อเุ ปมิ, ภทนฺตา กิมตฺถํ นิทฺทํ น อเุ ปนฺต,ิ (อ.ค�ำ) อะไร อนั เธอ แลดเู เล้ว ซง่ึ สาวก ท. ของเรา กลา่ วแล้ว ดงั นี ้ฯ อทฺธา กสฺสจิ อผาสกุ ํ วา ภวสิ ฺสต,ิ ทีฆชาตเิ กน วา (อ.นางปณุ ณา กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.เหต)ุ อปุ ทฺทโว ภวิสฺสตีติ เอตฺตกํ ภนฺเต มยา จินฺตติ นฺต.ิ มปี ระมาณเทา่ นวี ้ า่ อ.เรา ยอ่ มไมเ่ ข้าถงึ ซง่ึ ความหลบั เพราะอปุ ัทวะ คือทกุ ข์นี ้ก่อน, อ.ทา่ นผ้เู จริญ ท. ยอ่ มไมเ่ ข้าถงึ ซงึ่ ความหลบั เพื่อ ประโยชน์ อะไร, อ.ความไมผ่ าสกุ จกั มี แก่ภิกษุ บางรูป หรือ, หรือ วา่ อ.อปุ ัทวะ (เพราะสตั ว์) ตวั มีชาตแิ หง่ สตั ว์ยาว จกั มี แนแ่ ท้ ดงั นี ้ อนั หมอ่ มฉนั คดิ แล้ว ดงั นี ้ฯ 182 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.พระศาสดา ทรงสดับแล้ว ซ่ึงค�ำ (ของนางปุณณา) นัน้ สตฺถา ตสสฺ า วจนํ สตุ ฺวา “ปณุ ฺเณ ตฺวํ ตาว ตรัสแล้ว วา่ ดกู อ่ นปณุ ณา อ.เธอ ยอ่ มไมห่ ลบั เพราะอปุ ัททวะ อตฺตโน ทกุ ฺขปุ ทฺทเวน น นิทฺทายส,ิ มม ปน สาวกา คือทุกข์ ของตน ก่อน, ส่วนว่า อ.สาวก ท. ของเรา สทา ชาคริยํ อนยุ ตุ ฺตตาย น นิทฺทายนฺตีติ วตฺวา อิมํ ย่อมไม่หลับ เพราะความท่ี (แห่งตน) เป็ นผู้ตามประกอบแล้ว คาถมาห ซึ่งความเป็ นแห่งบุคคลผู้ต่ืน ในกาลทุกเม่ือ ดังนี ้ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ อ.อาสวะ ท. (ของบุคคล ท.) ผู้ตื่นอยู่ ในกาลทุกเมื่อ “สทา ชาครมานานํ อโหรตฺตานสุ ิกฺขินํ ผู้มีอนั ตามศึกษาในกลางวนั และกลางคืนเป็ นปกติ นิพพฺ านํ อธิมตุ ฺตานํ อฏฺฐํ คจฺฉนตฺ ิ อาสวาติ. ผนู้ อ้ มไปแลว้ สพู่ ระนิพพาน ยอ่ มถึง ซ่ึงอนั ไมต่ งั้ อยู่ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ผ้ศู กึ ษาอยู่ ซง่ึ สกิ ขา ท. ๓ ในกลางวนั ด้วย ตตฺถ “อโหรตตฺ านุสกิ ขฺ นิ นฺต:ิ ทิวา จ รตฺตญิ ฺจ ในกลางคืน ด้วย (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บาท ตสิ โฺ ส สกิ ฺขา สกิ ฺขมานานํ. นิพพฺ านํ อธิมุตตฺ านนฺต:ิ แหง่ พระคาถา) วา่ อโหรตตฺ านุสิกขฺ นิ ํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) นิพฺพานชฺฌาสยานํ. ผ้มู ีอธั ยาศยั ในพระนิพพาน (ดังนี ้ แห่งบาทแห่งพระคาถา) ว่า นิพฺพานํ อธิมุตตฺ านํ ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ อ.อาสวะ ท. แม้ทงั้ ปวง (ของบคุ คล ท.) ผ้มู ีอยา่ งนี ้ อฏฺฐํอวนิฏฺาฐสํ ํ คจฉฺ นฺตตี :ิ เอวรูปานํ สพฺเพปิ อาสวา เป็นรูป ยอ่ มถงึ ซง่ึ อนั ไมต่ งั้ อยู่ คือวา่ ซง่ึ ความเสอ่ื มสญู คือวา่ นตฺถิภาวํ คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ซึ่งความท่ี (แห่งอาสวะ ท.) ไม่มีอยู่ ดังนี ้ (แห่งหมวดสอง แหง่ บท) วา่ อฏฺ ฐํ คจฉฺ นฺติ ดงั นี ้ ฯ ในกาลเป็นทส่ี ดุ ลงแหง่ เทศนา อ.นางปณุ ณา ผ้ยู นื แล้วอยา่ งไร เทสนาวสาเน ยถาฐติ าว ปณุ ฺณา โสตาปตฺตผิ เล เทียว ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตติผล ฯ ปตฏิ ฺสฐหมิ.ปฺ ตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา เทสนา อโหส.ิ อ.พระเทศนา เป็ นเทศนาเป็ นไปกับด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว แม้แก่บริษัทผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ฯ อ.พระศาสดา ทรงกระท�ำแล้ว ซึ่งกิจด้วยภัตร ด้วยขนม สตฺถา กณุ ฺฑกองฺคารปเู วน ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อันบุคคลกระท�ำแล้วด้วยร�ำและอันบุคคลปิ ้งแล้วบนถ่านเพลิง วิหารํ อคมาส.ิ ได้เสดจ็ ไปแล้ว สวู่ หิ าร ฯ อ.ภิกษุ ท. ยงั วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ท. ภิกฺขู ธมมฺ สภายํ กถํ สมปฏุ ณุ ฺฐฺาณเปายสํุ “ทกุ ฺกรํ (อ.กรรม) อนั บคุ คลกระท�ำได้โดยยาก อนั พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า อาวโุ ส สมมฺ าสมฺพทุ ฺเธน กตํ ทินฺเนน ผ้เู ม่ือทรงกระท�ำ ซงึ่ กิจด้วยภตั ร ด้วยขนมอนั บคุ คลกระท�ำแล้ว กณุ ฺฑกองฺคารปเู วน ภตฺตกิจฺจํ กโรนฺเตนาต.ิ ด้วยร�ำและอันบุคคลปิ ้งแล้วบนถ่านเพลิง อัน อันนางปุณณา ถวายแล้ว ทรงกระท�ำแล้ว ดงั นี ้ ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ในโรงเป็นท่ี กลา่ วกบั การแสดงซง่ึ ธรรม ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. สตฺถา อาคนฺตฺวา “กาย นตุ ฺถ ภิกฺขเว เอตรหิ (อ.เธอ ท.) เป็นผ้นู งั่ พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว อะไร กถาย สนฺนิสนิ ฺนาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “อิมาย นามาติ หนอ ยอ่ มมี ในกาลนี ้ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ (อ.ข้าพระองค์ ท. เป็น วตุ ฺเต, “น ภิกฺขเว อิทาเนว, ปพุ ฺเพปิ มยา อิมาย ผ้นู งั่ พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว) ชอื่ นี ้ (ยอ่ มมี ในกาลน)ี ้ ทินฺนํ กณุ ฺฑกํ ปริภตุ ฺตเมวาติ วตฺวา อตีตํ อาหริตฺวา ดงั นี ้(อนั ภกิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. (อ.ร�ำ อนั อนั นางปณุ ณา นี ้ถวายแล้ว อนั เรา บริโภคแล้ว) ในกาลนี ้ นน่ั เทยี วหามไิ ด้,อ.ร�ำ อนั (นางปณุ ณา)นี ถ้ วายแล้วอนั เราบริโภคแล้ว นนั่ เทยี ว แม้ในกาลกอ่ น ดงั นี ้ ทรงนำ� มาแล้ว ซง่ึ เร่ืองอนั ลว่ งไปแล้ว ผลติ สือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 183 www.kalyanamitra.org
ตรัสให้พิสดารแล้ว ซงึ่ กณุ ฑกสนิ ธวโปตกชาดก นี ้วา่ “ภตุ ฺวา ติณปริฆาสํ ภตุ ฺวา อาจามกณุ ฺฑกํ (อ.พระโพธิสตั ว์ กล่าวแล้ว ซึ่งคาถา ที่ ๑) ว่า (อ.เจ้า) เอตนเฺ ต โภชนํ อาสิ กสฺมาทานิ น ภญุ ฺชสิ? กินแลว้ ซึ่งหญา้ อนั เป็นเดน (เป็นผูเ้ ติบโตแลว้ ย่อมเป็น), ยตฺถ โปสํ น ชานนตฺ ิ ชาติยา วินเยน วา, (อน่ึง อ.เจ้า) กินแลว้ ซึ่งขา้ วตงั และร�ำ (เป็นผูเ้ ติบโตแลว้ พหุ ตตฺถ มหาพรฺ หฺเม อปิ อาจามกณุ ฺฑกํ, ย่อมเป็ น), (อ.หญ้าอนั เป็ นเดนและข้าวตงั และร�ำ) นน่ั ตฺวญฺจ โข มํ ปชานาสิ `ยทิสายํ หยตุ ฺตโม’ เป็นโภชนะ ของเจา้ เป็นแลว้ , (อ.เจา้ ) ยอ่ มไมก่ ิน (ซ่ึงโภชนะ นน้ั ) ชานนโฺ ต ชานมาคมฺม น เต ภกฺขามิ กณุ ฺฑกนตฺ ิ ในกาลนี้ เพราะเหตุไร (ดงั นี้, (อ.ม้าสินธพผู้ลูกน้อย ไดก้ ล่าวแลว้ ซึ่งคาถา ท. ๒ เหล่านอกนี)้ ว่า (อ.ชน ท.) อิมํ กณุ ฺฑกสนิ ฺธวโปตกชาตกํ วติ ฺถาเรตฺวา กเถสตี .ิ ย่อมไม่รู้ ซึ่งสตั ว์อนั บคุ คลพึงเลีย้ ง โดยชาติ หรือ หรือว่า โดยวินยั (ในที)่ ใด, ขา้ แตท่ า่ นมหาพรหม แม้ อ.ขา้ วตงั และร�ำ (ในที)่ นนั้ เป็นของมาก (ย่อมเป็น), ก็แล อ.ท่าน ย่อมรู้ทวั่ ซ่ึงข้าพเจ้า ว่า อ.ม้า ตวั เช่นใด นี้ (อ.ม้า ตวั เช่นนน้ั ) เป็นมา้ สงู สดุ (ยอ่ มเป็น) (ดงั น)ี้ อ.ขา้ พเจา้ รูอ้ ยู่ อาศยั แลว้ (ซ่ึงทา่ น) ผรู้ ูอ้ ยู่ ยอ่ มไมก่ ิน ซ่ึงร�ำ (ในสำ� นกั ) ของทา่ น (ดงั น)ี้ ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งทาสีช่ือว่าปุณณา ปุณฺณทาสีวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ๗. อ.เร่ืองแห่งอุบาสกช่ือว่าอตุละ ๗. อตุลอุปาสกวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ “โปราณเมตนฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน อ.พระศาสดา เมอื่ ประทบั อยู่ในพระเชตวนั ทรงปรารภ ซง่ึ อบุ าสก วิหรนฺโต อตลุ นฺนาม อปุ าสกํ อารพฺภ กเถส.ิ ช่ือวา่ อตลุ ะ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ โปราณเมตํ ดงั นี ้ เป็นต้น ฯ โส หิ สาวตถฺ วี าสี อปุ าสโก ปญจฺ สตอปุ าสกปริวาโร ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร อ.อบุ าสก ผ้อู ยใู่ นเมืองช่ือวา่ สาวตั ถี เอกทิวสํ เต อปุ าสเก อาทาย ธมมฺ สสฺ วนตฺถาย โดยปกติ คนหนึ่ง มีอุบาสกมีร้ อยห้าเป็ นประมาณเป็ นบริวาร วหิ ารํ คนฺตฺวา เรวตตฺเถรสสฺ สนฺตเิ ก ธมมฺ ํ โสตกุ าโม พาเอา ซง่ึ อบุ าสก ท. เหลา่ นนั้ ไปแล้ว สวู่ ิหาร เพ่ือต้องการแก่อนั ฟัง หตุ ฺวา เรวตตฺเถรํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. ซง่ึ ธรรม ในวนั หนงึ่ เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั ฟัง ซง่ึ ธรรม ในสำ� นกั ของพระ เถระชื่อวา่ เรวตะ เป็น ไหว้แล้ว ซง่ึ พระเถระช่ือวา่ เรวตะ นงั่ แล้ว ฯ โส ปนายสมฺ า ปฏสิ ลลฺ านาราโม สโี ห วยิ เอกจโร; ก็ (อ.พระเถระชอื่ วา่ เรวตะ) ผ้มู อี ายุ นนั้ เป็นผ้มู คี วามหลกี เร้น ตสมฺ า เตน สทฺธึ น กิญฺจิ กเถส.ิ เป็นทม่ี ายนิ ดี เป็ นผ้เู ที่ยวไปผ้เู ดียว ราวกะ อ.สีหะ (ย่อมเป็ น), เพราะเหตนุ นั้ อ.พระเถระ ไมก่ ลา่ วแล้ว (ซงึ่ ค�ำ) อะไร ๆ กบั (ด้วยอบุ าสก) นนั้ ฯ สารีปโสตุ ฺต“ตอฺเยถํรสเถสฺ โรสนนฺตกิกํิญคฺจนิ ฺตกฺวเาถสีตเิ อกกทุมฺโนธฺตํอฏุ ฺฐโิาตย, (อ.อบุ าสก) นนั้ ผ้โู กรธแล้ว วา่ อ.พระเถระ นี ้ไมก่ ลา่ วแล้ว ซง่ึ คำ� เถเรน “เกนตฺเถน อาคตตฺถาติ วตุ ฺเต, อะไร ๆ ดงั นี ้ลกุ ขนึ ้ แล้ว ไปแล้ว สสู่ �ำนกั ของพระเถระช่ือวา่ สารีบตุ ร ผ้ยู ืนแล้ว ณ สว่ นข้างหนง่ึ , (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ.ทา่ น ท.) เป็นผ้มู า แล้ว ด้วยความต้องการ อะไร ยอ่ มเป็น ดงั นี อ้ นั พระเถระ กลา่ วแล้ว, 184 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.กระผม พาเอาแล้ว ซง่ึ อบุ าสก ท. “ภนฺเต อหํ อิเม อปุ าสเก อาทาย ธมมฺ สสฺ วนตฺถาย เหลา่ นี ้ เข้าไปหาแล้ว ซงึ่ พระเถระชอ่ื วา่ เรวตะ เพอ่ื ต้องการแกอ่ นั ฟัง เรวตตฺเถรํ อปุ สงฺกม,ึ ตสฺส เม เถโร น กิญฺจิ กเถส,ิ ซงึ่ ธรรม, อ.พระเถระ ไมก่ ลา่ วแล้ว (ซงึ่ ค�ำ) อะไร ๆ แก่กระผม นนั้ , โสหํ ตสสฺ กชุ ฺฌิตฺวา อิธาคโต; ธมมฺ ํ เม กเถถาติ อาห. อ.กระผม นนั้ โกรธแล้ว (ตอ่ พระเถระ) นนั้ เป็นผ้มู าแล้ว (ในท่ี) นี ้ (ยอ่ มเป็น), (อ.ทา่ น ท.) ขอจงกลา่ ว ซง่ึ ธรรม แก่กระผม ดงั นี ้ฯ ครงั้ นนั้ อ.พระเถระ (กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู อ่ นอบุ าสก ท. ถ้าอยา่ งนนั้ อถ เถโร “เตนหิ อปุ าสกา นิสีทถาติ พหกุ ํ กตฺวา (อ.ทา่ น ท.) จงนงั่ เถิด ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว ซงึ่ อภิธรรมกถา กระท�ำ อภิธมมฺ กถํ กเถส.ิ ให้เป็นถ้อยค�ำมาก ฯ อ.อบุ าสก โกรธแล้ว วา่ ชื่อ อ.อภิธรรมกถา เป็นถ้อยค�ำออ่ นย่ิง อปุ าสโก “อภิธมมฺ กถา นาม อตสิ ณฺหา อตสิ ขุ มุ า, เป็ นถ้ อยค�ำละเอียดยิ่ง (ย่อมเป็ น), อ.พระเถระ กล่าวแล้ว เถโร พหํุ อภิธมมฺ เมว กเถส,ิ อมหฺ ากํ อิมินา ซึ่งอภิธรรม มาก น่ันเทียว, อ.ประโยชน์ อะไร (ด้วยอภธิ รรม) นี ้ โก อตฺโถติ กชุ ฺฌิตฺวา ปริสํ อาทาย อานนฺทตฺเถรสสฺ มี แกเ่ รา ท. ดงั นี ้ พาเอา ซงึ่ บริษทั ได้ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของพระเถระ สนฺตกิ ํ อคมาส;ิ เถเรนาปิ “กึ อปุ าสกาติ วตุ ฺเต, ชื่อวา่ อานนท์, (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ดกู ่อนอบุ าสก อ.อะไร ดงั นี ้ แม้อนั “ภนเฺ ต มยํ ธมมฺ สสฺ วนตถฺ าย เรวตตเฺ ถรํ อปุ สงกฺ มมิ หฺ า, พระเถระ กลา่ วแล้ว, (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.กระผม ท. ตสฺส สนฺตเิ ก อลฺลาปสลฺลาปมตฺตํปิ อลภิตฺวา เข้าไปหาแล้ว ซงึ่ พระเถระชื่อวา่ เรวตะ เพ่ือต้องการแก่อนั ฟัง กทุ ฺธา สารีปตุ ฺตตฺเถรสฺส สนฺตกิ ํ อาคมิมหฺ า, ซง่ึ ธรรม, ไมไ่ ด้แล้ว (ซงึ่ เหต)ุ แม้สกั วา่ การเจรจาและการสนทนา โสปิ โน อติสณฺหํ พหํุ อภิธมมฺ เมว กเถส,ิ `อิมินา ในส�ำนกั (ของพระเถระ)นนั้ โกรธแล้วมาแล้วสสู่ �ำนกั ของพระเถระ อมหฺ ากํ โก อตฺโถติ เอตสสฺ าปิ กชุ ฺฌิตฺวา อิธาคตมหฺ ; ช่ือวา่ สารีบตุ ร, (อ.พระเถระ) แม้นนั้ กลา่ วแล้ว ซง่ึ อภิธรรม อนั มาก กเถหิ โน ภนฺเต ธมฺมกถนฺต.ิ “เตนหิ นิสีทิตฺวา อนั ออ่ นยิ่ง นน่ั เทียว แก่กระผม ท., (อ.กระผม ท.) โกรธแล้ว สณุ าถาต.ิ เถโร เตสํ สวุ ญิ ฺเญยฺยํ กตฺวา อปปฺ กเมว (ตอ่ พระเถระ) แม้นนั่ วา่ อ.ประโยชน์ อะไร (ด้วยอภธิ รรม) นี ้ (ยอ่ มม)ี ธมมฺ ํ กเถส.ิ แกเ่ รา ท.ดงั นี ้ เป็นผ้มู าแล้ว (ในที่) นี ้ ยอ่ มเป็น, ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ทา่ น)ขอจงกลา่ ว ซง่ึ ธรรมกถา แก่กระผม ท. ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ทา่ น ท.) นงั่ แล้ว จงฟังเถดิ ดงั นี ้ ฯ อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว ซง่ึ ธรรม อนั น้อยนน่ั เทียว กระท�ำ ให้เป็นค�ำ อนั บคุ คลพงึ รู้แจ้งได้โดยงา่ ย (แก่อบุ าสก ท.) เหลา่ นนั้ ฯ (อ.อบุ าสก ท.) เหลา่ นนั้ โกรธแล้ว แม้ตอ่ พระเถระ ไปแล้ว เต เถรสสฺ าปิ กชุ ฺฌิตฺวา สตฺถุ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา สสู่ �ำนกั ของพระศาสดา ถวายบงั คมแล้ว นงั่ แล้ว ณ สว่ นข้าง วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทสึ .ุ อถ เน สตฺถา อาห หนง่ึ ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (กะอบุ าสก ท.) เหลา่ นนั้ วา่ “กสมฺ า อปุ าสกา อาคตตฺถาติ. “ธมมฺ สฺสวนตฺถาย ดกู ่อนอบุ าสก ท. (อ.ทา่ น ท.) เป็นผ้มู าแล้ว ยอ่ มเป็น เพราะเหตไุ ร ภนฺเตต.ิ “สโุ ต ปน โว ธมโฺ มต.ิ “ภนฺเต มยํ อาทิโต ดงั นี ้ ฯ (อ.อบาสก ท. กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ เรวตตฺเถรํ อปุ สงฺกมิมหฺ า, โส อมเฺ หหิ สทฺธึ น กิญฺจิ (อ.ข้าพระองค์ ท. เป็นผ้มู าแล้ว) เพ่ือต้องการแก่อนั ฟังซง่ึ ธรรม กเถส,ิ ตสฺส กชุ ฺฌิตฺวา สารีปตุ ฺตตฺเถรํ อปุ สงฺกมิมหฺ า, (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ ก็ อ.ธรรม อนั ทา่ น ท. ฟังแล้ว หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.อบุ าสก ท. กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.ข้าพระองค์ ท. เข้าไปหาแล้ว ซงึ่ พระเถระ- ช่ือวา่ เรวตะ แตต่ ้น, (อ.พระเถระชื่อวาเรวตะ) นนั้ ไมก่ ลา่ วแล้ว (ซง่ึ คำ� ) อะไร ๆ กบั ด้วยข้าพระองค์ ท., (อ.ข้าพระองค์ ท.) โกรธแล้ว (ตอ่ พระเถระชื่อวา่ เรวตะ) นนั้ เข้าไปหาแล้ว ซง่ึ พระเถระช่ือวา่ - สารีบตุ ร, อ.อภธิ รรม อนั มาก (อนั พระเถระชอื่ วา่ สารบี ตุ ร) นนั้ กลา่ วแล้ว เตน โน พหุ อภิธมโฺ ม กถิโต, ตํ อสลลฺ กฺเขตฺวา แกข่ ้าพระองค์ ท., (อ.ข้าพระองค์ ท.) ก�ำหนดไมไ่ ด้แล้ว (ซง่ึ อภิธรรม) กชุ ฺฌิตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อปุ สงฺกมิมหฺ า, เตน โน นนั้ โกรธแล้ว เข้าไปหาแล้ว ซง่ึ พระเถระชื่อวา่ อานนท์, อ.ธรรม อปปฺ มตฺตโกว ธมโฺ ม กถิโต, ตสสฺ าปิ กชุ ฺฌิตฺวา มีประมาณน้อยเทยี ว (อนั พระเถระชอ่ื วา่ อานนท)์ นนั้ กลา่ วแล้ว แกข่ ้า อิธาคตมหฺ าต.ิ พระองค์ ท., (อ.ข้าพระองค์ ท. )โกรธแล้ว (ตอ่ พระเถระชอ่ื วา่ อานนท)์ แม้นนั้ เป็นผ้มู าแล้ว (ในท)่ี นี ้ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ฯ ผลิตสอ่ื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 185 www.kalyanamitra.org
อ.พระศาสดา ทรงสดบั แลว้ ซง่ึ วาจาเป็นเครอื่ งกลา่ ว (ของอบุ าสก) สตฺถา ตสฺส กถํ สตุ ฺวา “อตลุ โปราณโต นัน้ ตรัสแล้ว ว่า ดูก่อนอตุละ (อ.อันนินทา หรือ หรือว่า ปมนฏฺ ฺทฐากยถํปิ อาจิณฺณเมเวตํ, ตณุ ฺหีภตู มปฺ ิ พหกุ ถํปิ อ.อนั สรรเสริญ) นนั่ (อนั ชน ท.) ประพฤติแล้วนนั่ เทียว จ�ำเดิม ครหนฺตเิ ยว, เอกนฺตํ ครหิตพฺโพเยว หิ แตก่ าลมีในก่อน, (อ.ชน ท.) ยอ่ มต�ำหนินนั่ เทียว แม้ (ซง่ึ บคุ คล) ปสํสติ พฺโพเยว วา นตฺถิ; ราชาโนปิ เอกจฺเจ ผ้เู ป็นผ้นู ่ิงเป็นแล้ว แม้ (ซงึ่ บคุ คล) ผ้มู ีวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ วมาก นินฺทนฺติ เอกจฺเจ ปสสํ นฺต,ิ มหาปฐวิมปฺ ิ , จนฺทิมสรุ ิเยปิ , แม้ (ซง่ึ บคุ คล) ผ้มู ีวาจาเป็นเครื่องกลา่ วน้อย, ด้วยวา่ (อ.บคุ คล) อากาสาทโยปิ , จตปุ ปฺ ริสมชฺเฌ นิสที ิตฺวา ธมมฺ ํ ผู้อันบุคคลพึงต�ำหนิ โดยส่วนเดียว นั่นเทียว หรือ หรือว่า กเถนฺตํ สมฺมาสมพฺ ทุ ฺธํปิ เอกจฺเจ นินฺทนฺติ เอกจฺเจ (อ.บคุ คล) ผ้อู นั บคุ คลพงึ สรรเสริญ โดยสว่ นเดยี ว นน่ั เทยี ว ยอ่ มไมม่ ,ี ปสํสนฺติ; อนฺธพาลานํ หิ นินฺทา วา ปสสํ า วา (อ.ชน ท.) บางพวก ย่อมนินทา แม้ซง่ึ พระราชา ท., (อ.ชน ท.) อปปฺ มาณํ; ปณฺฑิเตน ปน เมธาวินา นินฺทิโต บางพวก ย่อมสรรเสริญ แม้ (ซึ่งพระราชา ท.), (อ.ชน ท. นินฺทิโต นาม, ปสํสโิ ต ปสํสโิ ต นาม โหตีติ วตฺวา บางพวก ยอ่ มนินทา) แม้ซงึ่ แผน่ ดนิ ใหญ่, อ.ชน ท. บางพวก อิมา คาถา อภาสิ ยอ่ มสรรเสริญ แม้ซง่ึ แผน่ ดนิ ใหญ่, (อ.ชน ท. บางพวก ยอ่ มนินทา) แม้ซงึ่ พระจนั ทร์และพระอาทติ ย์ ท., (อ.ชนท. บางพวก ยอ่ มสรรเสริญ แม้ซง่ึ พระจนั ทร์และพระอาทติ ย์ ท.), (อ.ชน ท. บางพวก ยอ่ มนนิ ทา แม้ซง่ึ ธาตุ ท.) มอี ากาศเป็นต้น, (อ.ชน ท. บางพวก ยอ่ มสรรเสริญ แม้ซง่ึ ธาตุ ท. มอี ากาศ เป็นต้น), (อ.ชน ท.) บางพวก ยอ่ มนนิ ทา แม้ซ่ึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประทับน่ัง ตรัสอยู่ ซึ่งธรรม ในทา่ มกลางแหง่ บริษัท๔, (อ.ชน ท. บางพวก ยอ่ มสรรเสริญ แม้ซงึ่ พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า ผู้ ประทบั นง่ั ตรสั อยู่ ซง่ึ ธรรมในทา่ มกลาง แหง่ บริษัท๔), จริงอยู่ อ.การนินทา หรือ หรือวา่ อ.การสรรเสริญ แหง่ บคุ คลผ้ทู งั้ บอดทงั้ เขลา ท. เป็นประมาณหามิได้ ยอ่ มเป็น, สว่ นวา่ (อ.บคุ คล) ผู้ (อนั บคุ คล) ผ้เู ป็นบณั ฑิต ผ้มู ีปัญญา นินทา แล้ว ชื่อวา่ เป็นผ้อู นั ทา่ นนินทาแล้ว (ยอ่ มเป็น), (อ.บคุ คล) ผู้ (อนั บคุ คล) ผ้เู ป็นบณั ฑิต ผ้มู ีปัญญา สรรเสริญแล้ว ช่ือวา่ เป็ นผู้อันท่านสรรเสริญแล้ว ย่อมเป็ น ดังนี ้ ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ ดูก่อนอตลุ ะ (อ.อนั นินทา หรือ หรือว่า อ.อนั สรรเสริญ) “โปราณเมตํ อตลุ , เนตํ อชฺชตนามิว, นน่ั เป็นธรรมชาติเกา่ (ยอ่ มเป็น), (อ.อนั นินทา หรือ หรือวา่ นินทฺ นตฺ ิ ตณุ ฺหีมาสีนํ, นินทฺ นตฺ ิ พหภุ าณินํ, อ.อนั สรรเสริญ) นน่ั เป็นเพียงดงั มีในวนั นี้ (ย่อมเป็น) มิตภาณึปิ นินทฺ นตฺ ิ นตฺถิ โลเก อนินทฺ ิโต, หามิได,้ (อ.ชน ท.) ย่อมนินทา (ซึ่งบคุ คล) แมผ้ ูน้ ง่ั นิ่ง น จาหุ น จ ภวิสสฺ ติ น เจตรหิ วิชฺชติ (อ.ชน ท.) ย่อมนินทา (แมซ้ ึ่งบคุ คล) ผูม้ ีอนั พดู มาก เอกนตฺ ํ นินทฺ ิโต โปโส เอกนตฺ ํ วา ปสํสิโต; เป็นปกติ, (อ.ชน ท.) ย่อมนินทา(แมซ้ ึ่งบคุ คล) ผูม้ ีอนั พดู ยญฺเจ วิญฺญู ปสํสนตฺ ิ อนวุ ิจฺจ สเุ ว สเุ ว พอประมาณเป็นปกติ, (อ.บคุ คล) ผูอ้ นั บคุ คลไม่นินทาแลว้ อจฺฉิทฺทวตุ ฺตึ เมธาวึ ปญฺญาสีลสมาหิตํ, ย่อมไม่มี ในโลก, (อ.สตั ว์) อนั บุคคลพึงพอกเลี้ยง นิกฺขํ ชมฺโพนทสเฺ สว โก ตํ นินทฺ ิตมุ รหติ, ผอู้ นั บคุ คลนินทาแลว้ โดยสว่ นเดียว หรือ หรือวา่ ผอู้ นั บคุ คล เทวาปิ นํ ปสํสนตฺ ิ, พรฺ หฺมนุ าปิ ปสํสิโตติ. สรรเสริญแลว้ โดยส่วนเดียว ไม่ไดม้ ีแลว้ ดว้ ย จกั ไม่มี ดว้ ย ย่อมไม่มี ในบดั นี้ ดว้ ย. หากว่า อ.บคุ คลผูร้ ู้แจ้ง ท. พิจารณาแลว้ ในวนั ในวนั ย่อมสรรเสริญ (ซ่ึงบคุ คล)ใด ผูม้ ีความประพฤติไม่ขาดสาย ผูม้ ีปัญญา ผูต้ ง้ั มนั่ แลว้ ใน ปัญญาและศีล ไซร้, อ.ใคร ย่อมควร เพือ่ เพือ่ อนั นินทา (ซึ่งบุคคล) นน้ั ผู้เพียงดงั่ แท่งแห่งทองชมพูนุท, แม้ อ.เทวดาและมนษุ ย์ ท. ย่อมสรรเสริญ (ซึ่งภิกษุ) นน้ั , (อ.ภิกษุ) นนั้ แมอ้ นั พรหมสรรเสริญแลว้ ดงั นี้ ฯ 186 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.ธรรมชาติ ว่า) (อ.อันนินทา หรือ หรือว่า อ.อันสรรเสริญ) ตตฺถ “โปราณเมตนฺติ: ปุราณกํ เอตํ. นั่น เป็ นของเก่า (ย่อมเป็ น ดังนี ้ ในบท ท.) เหล่านัน้ หนา อตลุ าติ ตํ อปุ าสกํ อาลปต.ิ (แห่งหมวดสองแห่งบท ว่า โปราณเมตํ ดังนี ้ ฯ (อ.อันพระ- ผู้มีพระภาคเจ้า) ย่อมตรัสเรียก (ซ่ึงอุบาสก) นัน้ ว่า ดกู ่อนอตลุ ะ ดงั นี ้ฯ เนตํ อชชฺ ตนามวิ าต:ิ อิทํ นินฺทนํ วา ปสสํ นํ วา (อ.อรรถ วา่ ) อ.อนั นินทา หรือ หรือวา่ อ.อนั สรรเสริญ นี ้ อชฺชตนํ อธนุ า อปุ ปฺ นฺนํ วิย น โหต.ิ ตณุ ฺหีมาสนี มปฺ ิ หิ เป็นราวกะวา่ มใี นวนั นี ้ คอื วา่ เกดิ ขนึ ้ แล้ว ในกาลนี ้ ยอ่ มเป็น หามไิ ด้ “กึ เอโส มโู ค วิย พธิโร วยิ กิญฺจิ อชานนฺโต วยิ ตณุ ฺหี (ดงั นี ้แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ เนตํ อชชฺ ตนามวิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ หตุ ฺวา นิสนิ ฺโนติ นินฺทนฺต,ิ พหภุ าณินํปิ “กึ เอส อ.อธิบาย วา่ จริงอยู่ (อ.ชน ท.) ยอ่ มนินทา (ซงึ่ บคุ คล) ผ้นู งั่ นิ่ง วา่ วาตาหตตาลปณฺณํ วิย กฏกฏายต,ิ อิมสฺส กถาย (อ.บคุ คล) นน่ั นง่ั แล้ว เป็นผ้นู ิ่ง เป็น ราวกะ (อ.บคุ คล) ผ้ใู บ้ ราวกะ ปริยนฺโตเยว นตฺถีติ นินฺทนฺต,ิ มิตภาณีนํปิ “กึ เอส (อ.บคุ คล) ผ้หู นวก ราวกะ (อ.บคุ คล) ผ้ไู มร่ ู้อยู่ (ซงึ่ เร่ือง) อะไร ๆ ทำ� ไม สวุ ณฺณหิรญฺญํ วิย อตฺตโน วจนํ มญฺญมาโน เอกํ วา ดงั น,ี ้ (อ.ชน ท.) ยอ่ มนนิ ทา แม้ (ซง่ึ บคุ คล) แม้ผ้มู อี นั พดู มากเป็นปกติ วา่ เทฺว วา วตฺวา ตณุ ฺหี โหตีติ นินฺทนฺต:ิ เอวํ สพฺพถาปิ (อ.บคุ คล) นนั่ ยอ่ มประพฤตกิ ฏะกฏะ ราวกะ อ.ใบแหง่ ตาล อิมสมฺ ึ โลเก อนินฺทิโต นาม นตฺถีติ อตฺโถ. อนั ลมกระทบแล้ว ท�ำไม, อ.ที่สดุ รอบ แหง่ วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว (ของบคุ คล) นี ้ นนั่ เทียว ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี,้ (อ.ชน ท.) ยอ่ มนินทา (ซง่ึ บคุ คล) แม้ผ้มู ีอนั พดู พอประมาณเป็นปกติ วา่ (อ.บคุ คล) นน่ั สำ� คญั อยู่ ซง่ึ ค�ำ ของตน อนั ราวกะวา่ ทองและเงิน พดู แล้ว (ซง่ึ ค�ำ) หนงึ่ หรือ หรือวา่ (ซงึ่ ค�ำ ท.) ๒ เป็นผ้นู ิ่ง ยอ่ มเป็น ท�ำไม ดงั นี ้ (อ.บคุ คล) ช่ือวา่ ผู้ (อนั บคุ คล) ไมน่ ินทาแล้ว ยอ่ มไมม่ ี ในโลก นี ้ แม้โดยประการทงั้ ปวง ด้วยประการฉะนี ้ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ไมไ่ ด้มีแล้ว แม้ในกาลอนั ลว่ งไปแล้ว, จกั ไมม่ ี น จาหตู ;ิ อตีเตปิ นาโหส,ิ อนาคเตปิ น ภวิสสฺ ต.ิ แม้ในกาลอนั ไมม่ าแล้ว (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ น จาหุ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ยญเฺ จ วญิ ญฺ ตู :ิ พาลานํ นินฺทา วา ปสํสา วา (อ.อรรถ) วา่ อ.การนินทา หรือ หรือวา่ อ.การสรรเสริญ อปปฺ มาณํ, ยํ ปน ปณฺฑิตา ทิวเส ทิวเส อนวุ ิจฺจ แหง่ คนพาล ท. เป็นประมาณหามไิ ด้ (ยอ่ มเป็น), สว่ นวา่ อ.บณั ฑติ ท. นินฺทาการณํ วา ปสสํ าการณํ วา ชานิตฺวา ใคร่ครวญแล้ว ในวนั ในวนั คือวา่ รู้แล้ว ซง่ึ เหตแุ หง่ การนินทา หรือ [ปสสํ นฺต]ิ อจฺฉิทฺทาย วา สกิ ฺขาย อจฺฉิทฺทาย วา หรือวา่ ซง่ึ เหตแุ หง่ การสรรเสริญ ยอ่ มสรรเสริญ (ซงึ่ บคุ คล) ใด ผ้ชู อื่ วา่ ชีวิตวุตฺติยา สมนฺนาคตตฺตา อจฺฉิทฺทวุตฺตึ มีความประพฤตไิ มข่ าดสาย เพราะความท่ี (แหง่ ตน) เป็นผ้มู าตาม ธมฺโมชปฺปญฺญาย สมนฺนาคตตฺตา เมธาวึ พร้อมแล้ว ด้วยสกิ ขา อนั ไมข่ าดสาย หรือ หรือวา่ ด้วยความเป็นไป โลกิยโลกตุ ฺตรปปฺ ญฺญาย เจว จตปุ ปฺ าริสทุ ฺธิสเี ลน จ แหง่ ชีวิต อนั ไมข่ าดสาย ผ้ชู ่ือวา่ มีปัญญาเพราะความที่ (แหง่ ตน) สมนฺนาคตตฺตา ปญฺญาสีลสมาหิตํ ปสํสนฺต,ิ ตํ เป็นผ้มู าตามพร้อมแล้ว ด้วยปัญญาอนั รุ่งเรืองในธรรม ผ้ชู ่ือวา่ สวยิวุ ณโฺกณโนทินสฺทวิริตหมุ ิตรํหตฆีตฏิ ฺฏอตนฺโมถช.ฺชนกฺขมํ ชมพฺ นู ทนิกฺขํ ผู้ตัง้ มั่นแล้วในปั ญญาและศีล เพราะความท่ี (แห่งตน) เป็ นผู้มาตามพร้ อมแล้ว ด้ วยปั ญญาอันเป็ นโลกิยะและ โลกุตตระด้วยนนั่ เทียว ด้วยปาริสทุ ธิศีล ๔ ด้วย, อ.ใคร ยอ่ มควร เพ่ืออนั นินทา (ซง่ึ บคุ คล) นนั้ ผ้รู าวกะวา่ แทง่ แหง่ ทองชมพนุ ทุ อนั เว้นแล้วจากโทษแหง่ ทอง อนั ควรแก่อนั บแุ ละอนั ขดั ดงั นี ้ (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ ยญเฺ จ วญิ ญฺ ู ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ผลิตสื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 187 www.kalyanamitra.org
(อ.อรรถ วา่ ) แม้ อ.เทพ ท. แม้ อ.มนษุ ยผ์ ้เู ป็นบณั ฑติ ท. ลกุ ขนึ ้ แล้ว เทวาปี ต:ิ เทวาปิ ปณฺฑิตมนสุ สฺ าปิ ตํ ภิกฺขํุ ยอ่ มชมเชย คือวา่ ยอ่ มสรรเสริญ ซง่ึ ภิกษุ นนั้ (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ อฏุ ฺฐาย โถเมนฺติ ปสสํ นฺติ. เทวาปิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.เทพและมนษุ ย์ ท. (ยอ่ มสรรเสริญ) อยา่ งเดียว พรฺ หมฺ ุนาปี ต:ิ น เกวลํ เทวมนุสฺสา, ทสสหสฺส- หามิได้, (อ.ภิกษุ) นน่ั แม้อนั ท้าวมหาพรหม ท. ในจกั รวาลหมื่น จกกฺ วาเฬ มหาพรฺ หเฺ มหปิ ิ เอส ปสสํ โิ ตเยวาติ อตโฺ ถ. หนง่ึ สรรเสริญแล้วนน่ั เทียว ดงั นี ้(แหง่ บท) วา่ พรฺ หมฺ ุนาปิ ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา อ.อบุ าสก ท. เหลา่ นนั้ แม้มี เทสนาวสาเน ปญจฺ สตาปิ เต อปุ าสกา โสตาปตตฺ ผิ เล ร้อยห้าเป็นประมาณ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ดงั นีแ้ ล ฯ ปตฏิ ฺฐหสึ ตู .ิ อ.เร่ืองแห่งอุบาสกช่ือว่าอตุละ อตุลอุปาสกวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ๘. อ(.อเรัน่ือขง้าแพหเ่งจภ้ากิ จษะุผกู้มลี่ใานว)พฯวก ๖ ๘. ฉพพฺ คคฺ ยิ ภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เมอ่ื ประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั ทรงปรารภ ซง่ึ ภกิ ษุ ท. “กายปปฺ โกปนฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เวฬวุ เน ผู้มีในพวก ๖ ตรัสแล้ว ซ่ึงพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า วหิ รนฺโต ฉพฺพคฺคเิ ย ภิกฺขู อารพฺภ กเถส.ิ กายปปฺ โกปํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยยอ่ ในวนั หนงึ่ อ.พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว จคงเหฺกตมเอฺวนกาฺตทาิวนสํกํ ฏห“ฺ ฐขิ ปฏสาตขทฏฺถกุาาํตเิ ตสอสําทอรฺทุโยุ ภํ ฺหหสิ ตุหฺวตปาิฺเฏถฺ ฐหปิ“ิ อายาสฏนาฺ ฐนเโิณฺทย ซง่ึ เสียง วา่ ขฏะขฏะ ดงั นี ้ (ของภิกษุ ท. ผ้นู บั มีในพวก ๖) เหลา่ นนั้ ผู้ ถือเอาแล้ว ซงึ่ ไม้เท้า ท. ด้วยมือ ท. ทงั้ ๒ ขนึ ้ แล้ว สเู่ ขียง เท้าอนั เป็นวกิ ารแหง่ ไม้ จงกรมอยู่ บนแผน่ หนิ มหี ลงั ตรสั ถามแล้ว วา่ กึสทฺโท นาเมโสติ ปจุ ฺฉิตฺวา “ฉพฺพคฺคิยานํ ดกู ่อนอานนท์ (อ.เสียง) นน่ั ช่ือวา่ เป็นเสียงอะไร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ กสฏตุ ฺฺวฐปา าทสกุ ิกํ ฺขาอปาทรํุยฺหปญจฺญงาฺกเมปนตฺตฺวาานํ ขฏขฏสทฺโทติ ทรงสดบั แล้ว วา่ (อ.เสยี ง นน่ั ) เป็นเสยี งขฏะขฏะ (ของภิกษุ ท.) “ภิกฺขนุ า นาม ผ้มู ีในพวก ๖ ผู้ ขนึ ้ แล้ว สเู่ ขียงเท้าอนั เป็นวกิ ารแหง่ ไม้ จงกรมอยู่ อกิมายาาทคาีนถิ ารกอฺขภิตาํุ สิวฏฺ ฏตีติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ทรงบญั ญตั แิ ล้ว ซงึ่ สกิ ขาบท ตรัสแล้ว วา่ อ.อนั ช่ือ อนั ภิกษุ รักษา (ซงึ่ ทวาร ท.) มีกายเป็นต้น ยอ่ มควร ดงั นี ้ เมื่อทรงแสดง ซงึ่ ธรรม ได้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ 188 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.บุคคล) พึงรักษา ซ่ึงความก�ำเริบโดยกาย, “กายปปฺ โกปํ รกเฺ ขยยฺ , กาเยน สํวโุ ต สิยา, (อ.บุคคล) เป็ นผู้ส�ำรวมแล้ว โดยกาย พึงเป็ น, กายทจุ ฺจริตํ หิตฺวา กาเยน สจุ ริตํ จเร; (อ.บุคคล) ละแล้ว ซ่ึงกายทุจริต พึงประพฤติ วจีปโกปํ รกฺเขยฺย, วาจาย สํวโุ ต สิยา, ซ่ึงสจุ ริต โดยกาย, (อ.บคุ คล) พึงรกั ษา ซึ่งความก�ำเริบ- วจีทจุ ฺจริตํ หิตฺวา วาจาย สจุ ริตํ จเร; โดยวาจา, (อ.บคุ คล) เป็นผสู้ ำ� รวมแลว้ โดยวาจา พงึ เป็น, มโนปโกปํ รกฺเขยฺย, มนสา สํวโุ ต สิยา, (อ.บคุ คล) ละแลว้ ซึ่งวจีทจุ ริต พึงประพฤติ ซึ่งสจุ ริต มโนทจุ ฺจริตํ หิตฺวา มนสา สจุ ริตํ จเร; โดยวาจา, (อ.บคุ คล) พึงรกั ษา ซึ่งความก�ำเริบโดยใจ, กาเยน สํวตุ า ธีรา, อโถ วาจาย สํวตุ า, (อ.บคุ คล) เป็นผูส้ �ำรวมแลว้ โดยใจ พึงเป็น,(อ.บคุ คล) มนสา สํวตุ า ธีรา, เต เว สปุ ริสํวตุ าติ. ละแลว้ ซ่ึงมโนทจุ ริต พึงประพฤติ ซ่ึงสจุ ริต โดยใจ, (อ.นกั ปราชญ์ ท.) ส�ำรวมแล้ว โดยกาย , อนึ่ง (อ.นกั ปราชญ์ ท.) สำ� รวมแลว้ โดยวาจา, (อ.นกั ปราชญ์ ท.) ส�ำรวมแล้ว โดยใจ, (อ.นกั ปราชญ์ ท.) เหล่านนั้ แล เป็นผูส้ �ำรวมดว้ ยดีแลว้ (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) พงึ รกั ษา ซง่ึ กายทจุ ริต อนั มอี ยา่ ง ๓ (ดงั นี ้ในบท ท.) ตตถฺ “กายปปฺ โกปนตฺ :ิ ตวิ ธิ ํ กายทจุ จฺ ริตํ รกเฺ ขยยฺ . เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ กายปปฺ โกปํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) (อ.บคุ คล) ห้ามแล้ว ซงึ่ การเข้าไปแหง่ ทจุ ริต กาเยน สวํ ุโตต:ิ กายทฺวาเร ทจุ ฺจริตปปฺ เวสนํ ในกายทวาร เป็นผ้สู ำ� รวมแล้ว คือวา่ เป็นผ้มู ีทวารอนั ปิ ดแล้ว นิวาเรตฺวา สวํ โุ ต ปิ หิตทฺวาโร สยิ า; ยสฺมา ปน พงึ เป็น (ดงั นี ้ แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ กาเยน สวํ ุโต ดงั นี,้ กายทจุ ฺจริตํ หิตฺวา กายสจุ ริตํ จรนฺโต อภุ ยํเปตํ กโรต;ิ ก็ (อ.บคุ คล) ละแล้ว ซงึ่ กายทจุ ริต ประพฤตอิ ยู่ ซงึ่ กายสจุ ริต ตสมฺ า “กายทจุ จฺ ริตํ หติ วฺ า กาเยน สุจริตํ จเรติ ช่ือวา่ ยอ่ มกระท�ำ (ซงึ่ กรรม) นน่ั แม้ทงั้ ๒ เหตใุ ด, เพราะเหตนุ นั้ วตุ ฺตํ. (อ.พระด�ำรัส) วา่ กายสุจริตํ หติ วฺ า กาเยน สุจริตํ จเร ดงั นี ้ (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ฯ อ.นยั แม้ในพระคาถาอนั เป็นลำ� ดบั ท. นีน้ นั่ เทียว ฯ อนนฺตรคาถาสปุ ิ เอเสว นโย. (อ.อรรถ) วา่ อ.บณั ฑติ ท. เหลา่ ใด ไมก่ ระทำ� อยู่ (ซงึ่ กายทจุ ริต ท.) กาเยน สวํ ุตา ธีราต:ิ เย ปณฺฑิตา ปาณาต-ิ มีปาณาตบิ าตเป็นต้น ช่ือวา่ ส�ำรวมแล้ว โดยกาย, ไมก่ ระท�ำอยู่ ปาตาทีนิ อกโรนฺตา กาเยน สํวตุ า นาม, (ซงึ่ วจีทจุ ริต ท.) มีมสุ าวาทเป็นต้น ช่ือวา่ ส�ำรวมแล้ว โดยวาจา มสุ าวาทาทีนิ อกโรนฺตา วาจาย สํวตุ า นาม, ไม่ (ยงั มโนทจุ ริต ท.) มีอภิชฌาเป็นต้น ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมอยู่ ช่ือวา่ อเตภิชฺฌอิธาทีนโลิ กอสสฺมมึ ฏุ ฺฐสาปุ เปริสนวํฺตตุ าา มนสา สํวตุ า นาม; ส�ำรวมแล้ว โดยใจ, (อ.บณั ฑิต ท.) เหลา่ นนั้ เป็นผ้สู ำ� รวมด้วยดีแล้ว สรุ กฺขิตา สโุ คปิ ตา คือวา่ เป็นผ้รู ักษาดีแล้ว คือวา่ เป็นผ้คู ้มุ ครองดีแล้ว คือวา่ เป็น สปุ ิ หิตทฺวาราติ อตฺโถ. ผู้มีทวารอันปิ ดแล้ว (ย่อมเป็ น) ในโลก นี ้ ดังนี ้ (แห่งบาท แหง่ พระคาถา) วา่ กาเยน สวํ ุตา ธีรา ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็ นท่ีสุดลงแห่งเทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลุแล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึสตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้มีในพวก ๖ ฉพพฺ คคฺ ยิ ภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ อ.กถาเป็ นเคร่ืองพรรณนาซ่งึ เนือ้ ความแห่งวรรค โกธวคคฺ วณฺณนา นิฏฺ ฐิตา. อันบณั ฑติ กำ� หนดแล้วด้วยความโกรธ จบแล้ว ฯ อ.วรรค ท่ี ๑๗ สตตฺ รสโม วคโฺ ค (จบแล้ว) ฯ ผลิตสอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 189 www.kalyanamitra.org
บรรณานุกรม พระพทุ ธโฆษาจารย ์ ธมฺมปทฏฺ ฐกถา ฉฏฺ โฐ ภาโค . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั .๒๕๒๘ พระอมรมุนี คณั ฐีพระธัมมปทฏั ฐกถา ยกศัพท์แปล ภาค ๖ . กรุงเทพฯ : โรงพิมพม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั .๒๕๒๘. คณะกรรมการแผนกตำ� รามหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั พระธัมมปทฏั ฐกถาแปล ภาค ๖ . กรุงเทพฯ : โรงพิมพม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ๒๕๒๘ . คณาจารยโ์ รงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย สูตรส�ำเร็จ บาลไี วยากรณ์ . กรุงเทพฯ : โรงพิมพส์ ุขขมุ วทิ การพมิ พ์ จำ� กดั . ๒๕๕๔ . พระวสิ ุทธิสมโพธิ ปทานุกรมกริ ิยาอาขยาต . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พธ์ รรมบรรณาคาร . ๒๕๒๐. พระมหาสำ� ลี วสิ ุทฺโธ อกั ขรานุกรมกริ ิยาอาขยาต . กรุงเทพฯ : โรงพิมพเ์ ลี่ยงเชียงจงเจริญ . ๒๕๒๘. ป.หลงสมบุญ พจนานุกรม มคธ -ไทย . กรุงเทพฯ : โรงพิมพบ์ ริษทั ธรรมสาร จำ� กดั . ๒๕๔๖ สนามหลวงแผนกบาลี ปัญหาและเฉลยประโยคบาลสี นามหลวง . กรุงเทพฯ : โรงพิมพก์ ารศาสนา . ดร.อุทิส สิริวรรณ ธรรมบท ภาคที่ ๖ แปลโดยพยญั ชนะ . กรุงเทพฯ : โรงพิมพเ์ ล่ียงเชียง . ๒๕๕๐. บุญสืบ อินสาร ธรรมบท ภาคท่ี ๖ แปลโดยพยญั ชนะ . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พร์ ุ่งนครการพิมพ์ . ๒๕๔๖. กองพทุ ธศาสนศึกษา สำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ ธรรมปทฏั ฐกถา ภาค ๖ แปลโดยพยญั ชนะ . กรุงเทพฯ : โรงพมิ พก์ ารศาสนา . ๒๕๕๖. พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และคณะ วชิ าสมั พนั ธ์ไทย ธรรมบมภาคที่ ๖ ฉบบั สมบูรณ์ กรุงเทพฯ : หา้ งหุน้ ส่วนจำ� กดั ไทยรายวนั การพิมพ.์ ๒๕๕๗ 190 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196