๙. อ(.อเรัน่ือขง้าแพหเ่งจน้าาจงะจกญิ ลจ่ามวา)ณฯวกิ า ๙. จญิ จฺ มาณวกิ าวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เม่ือประทับอยู่ ในพระเชตวัน ทรงปรารภ “เอกธมมฺ มตตี สฺสาติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซง่ึ นางจญิ จมาณวกิ า ตรสั แลว้ ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้วา่ เอกธมมฺ มตตี สสฺ เชตวเน วิหรนฺโต จิญฺจมาณวิกํ อารพฺภ กเถส.ิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกล่าวโดยพิสดาร ในกาลแห่งการตรัสรู้อนั มีเบือ้ งต้น ปฐมโพธิยํ หิ ทสพลสฺส ปุถุภูเตสุ สาวเกสุ ครัน้ เมื่อสาวก ท. ของพระทศพล ผ้เู ป็นผ้หู นาแนน่ เป็นแล้ว (มอี ย)ู่ อปริมาเณสุ เทวมนุสฺเสสุ อริยภูมึ โอกฺกนฺเตสุ ครัน้ เมื่อเทวดาและมนษุ ย์ ท. ผ้หู าประมาณมิได้ ก้าวลงแล้ว สตฺถุ ปตฺถเตสุ คุณสมุทเยสุ มหาลาภสกฺกาโร สภู่ มู แิ หง่ อริยะ ครนั้ เมอ่ื ความตงั้ ขนึ ้ แหง่ พระคณุ ท. ของพระศาสดา อทุ ปาทิ. ตติ ฺถิยา สรุ ิยคุ ฺคมเน ขชฺโชปนกสทิสา อเหสํุ แผไ่ ปแล้ว อ.ลาภและสกั การะใหญ่ เกิดขนึ ้ แล้ว ฯ อ.เดียรถีย์ ท. หตลาภสกฺการา. เป็ นเช่นกับด้วยหิ่งห้อย ในกาลเป็ นที่ขึน้ ไปแห่งดวงอาทิตย์ เป็นผ้มู ีลาภและสกั การะอนั โทษขจดั แล้ว ได้เป็นแล้ว ฯ (อ.เดยี รถยี ์ ท.)เหลา่ นนั้ ยนื แลว้ ในระหวา่ งแหง่ ถนน แม้ ยงั มนษุ ย์ ท. เต อนฺตรวีถิยํ ฐตฺวา “กึ สมโณ ให้รู้แจ้งอยู่ อยา่ งนนั้ วา่ อ.พระสมณ ผ้โู คดมเทยี ว เป็นพระพทุ ธเจ้า โคตโมว พทุ ฺโธ, มยํปิ พทุ ฺธา; กินฺตสเฺ สว ทินฺนํ (ยอ่ มเป็น) หรือ (หรือวา่ ) แม้ อ.เรา ท. เป็นพระพทุ ธเจ้า (ยอ่ มเป็น) มหปผฺ ลํ, อมหฺ ากํปิ ทินฺนํ มหปผฺ ลเมว; อมฺหากํปิ (อ.ทาน) (อนั บคุ คล) ให้แล้ว (แก่พระสมณะ ผ้โู คดม) นนั้ นนั่ เทียว เทถ กโรถาติ เอวํ มนสุ ฺเส วญิ ฺญาเปนฺตาปิ เป็นทานมีผลใหญ่ (ยอ่ มเป็น) หรือ (อ.ทาน) (อนั บคุ คล) ให้แล้ว ลาภสกฺการํ อลภิตฺวา รโห สนฺนิปตติ ฺวา “เกน แม้แก่เรา ท. เป็นทานมผลใหญ่นนั่ เทียว (ยอ่ มเป็น ) (อ.ทา่ น ท.) นุ โข อปุ าเยน สมณสสฺ โคตมสสฺ มนสุ สฺ านํ จงให้ (ซึ่งทาน) จงกระท�ำ (ซึ่งสักการะ) แม้แก่เรา ท. ดังนี ้ อนฺตเร อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ ไมไ่ ด้แล้ว ซง่ึ ลาภและสกั การะ ประชมุ กนั แล้ว ในที่ลบั คดิ แล้ว นาเสยฺยามาติ จินฺตยสึ .ุ วา่ (อ.เรา ท.) ยงั โทษอนั บคุ คลไมพ่ งึ พรรณนา ให้เกิดขนึ ้ แล้ว แกพ่ ระสมณะ ผ้โู คดม ในระหวา่ ง แหง่ มนษุ ย์ ท. ยงั ลาภและสกั การะ พงึ ให้พินาศ ด้วยอบุ าย อะไร หนอ แล ดงั นี ้ฯ ในกาลนัน้ อ.ปริพาชิกา คนหนึ่ง ชื่อว่า จิญจมาณวิกา ตทา สาวตฺถิยํ จิญฺจมาณวิกา นาเมกา เป็ นผู้ทรงไว้ซึ่งรูปอันสูงสุด เป็ นผู้ถึงแล้วซ่ึงความงามอันเลิศ ปริพฺพาชิกา อตุ ฺตมรูปธรา โสภคฺคปปฺ ตฺตา เทวจฺฉรา เป็ นผ้รู าวกะว่า นางเทพอปั สร (ได้มีแล้ว) ในเมืองชื่อว่าสาวตั ถี วิย, อสฺสา สรีรโต รํสโิ ย นิจฺฉรนฺต.ิ อ.รัศมี ท. ยอ่ มเปลง่ ออก จากสรีระ (ของปริพาชิกา) นนั้ ฯ ครงั้ นนั้ (อ.เดยี รถยี )์ ผ้มู คี วามรู้เฉยี บแหลม คนหนงึ่ กลา่ วแล้ว อเถโก ขรมนฺตี เอวมาห “จิญฺจมาณวกิ ํ ปฏิจฺจ อยา่ งนี ้ วา่ (อ.เรา ท.) อาศยั แล้ว ซง่ึ นางจิญจมาณวกิ า ยงั โทษ สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อปุ ปฺ าเทตฺวา ลาภสกฺการํ อนั บคุ คลไมพ่ งึ พรรณนา ให้เกิดขนึ ้ แล้ว แก่พระสมณะ ผ้โู คดม นาเสยฺยามาต.ิ เต “อตฺเถโส อปุ าโยติ สมปฺ ฏิจฺฉึส.ุ ยงั ลาภและสกั การะ พงึ ให้พนิ าศ ดงั นี ้ฯ (อ.เดยี รถยี ์ ท.) เหลา่ นนั้ รับพร้อมแล้ว วา่ อ.อบุ าย นน่ั มีอยู่ ดงั นี ้ฯ ครัง้ นัน้ (อ.นางจิญจมาณวิกา) นัน้ ไปแล้ว สู่อาราม อถ สา ตติ ฺถิยารามํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺ ฐาส.ิ ของเดียรถีย์ ได้ยืน ไหว้แล้ว ฯ อ.เดียรถีย์ ท. ไมก่ ลา่ วแล้ว กบั ตติ ฺถิยา ตาย สทฺธึ น กเถสํ.ุ (ด้วยนางจิญจมาณวกิ า)นนั้ ฯ (อ.นางจิญจมาณวกิ า) นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ อ.โทษ ของเรา อะไร สา “โก นุ โข เม โทโสติ ยาวตตยิ ํปิ “วนฺทามิ หนอ แล ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว แม้เพียงไรแตว่ าระท่ี ๓ วา่ ข้าแตพ่ ระ- อยฺยาติ วตฺวา “อยฺยา โก นุ โข เม โทโส, กึ มยา ผ้เู ป็นเจ้า ท. (อ.ดิฉนั ) ยอ่ มไหว้ ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระ- สทฺธึ น กเถถาติ อาห. ผ้เู ป็นเจ้า ท. อ.โทษ ของดฉิ นั อะไร หนอ แล (อ.ทา่ น ท.) ยอ่ มไมก่ ลา่ ว กบั ด้วยดฉิ นั เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ 46 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.เดยี รถยี ์ ท. กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู อ่ นน้องหญงิ (อ.เธอ) ยอ่ มไมร่ ู้ “ภคนิ ิ สมณํ โคตมํ อมเฺ ห วเิ หเฐนตฺ ํ หตลาภสกกฺ าเร ซง่ึ พระสมณะ ผ้โู คดม ผ้เู บยี ดเบยี นอยู่ ซง่ึ เรา ท. ผ้เู ทย่ี วกระทำ� อยู่ กตฺวา วิจรนฺตํ น ชานาสีต.ิ “น ชานามิ อยฺยา, กึ (ซงึ่ เรา ท.) ให้เป็นผ้มู ลี าภและสกั การะอนั โทษขจดั แล้ว หรือ ดงั นี ้ฯ ปเนตฺถ มยา กตฺตพฺพนฺต.ิ “สเจ ตฺวํ ภคนิ ิ อมหฺ ากํ (อ.นางจิญจมาณวิกา กล่าวแล้ว) ว่า ข้าแต่พระผ้เู ป็ นเจ้า ท. สขุ มิจฺฉส,ิ อตฺตานํ ปฏิจฺจ สมณสสฺ โคตมสฺส อวณฺณํ (อ.ดฉิ นั ) ยอ่ มไมร่ ู้ ก็ (อ.กรรม) อะไร อนั ดฉิ นั พงึ กระทำ� (ในเพราะเหต)ุ อปุ ปฺ าเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสหีต.ิ นี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ.เดียรถีย์ ท. กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนน้องหญิง ถ้าวา่ (อ.เธอ) ยอ่ มปรารถนา ซงึ่ สขุ แกเ่ รา ท. ไซร้ (อ.เธอ) อาศยั แล้ว ซง่ึ ตน ยังโทษอันบุคคลไม่พึงพรรณนา ให้เกิดขึน้ แล้ว แก่พระสมณะ ผ้โู คดม ยงั ลาภและสกั การะ จงให้พินาศ ดงั นี ้ฯ (อ.นางจญิ จมาณวกิ า) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระผ้เู ป็นเจ้า ท. สา “สาธุ อยฺยา, มยฺหเมเวโส ภาโร, มา อ.ดลี ะ,(อ.ภาระ)นนั่ เป็นภาระ ของดฉิ นั นน่ั เทยี ว(ยอ่ มเป็น),(อ.ทา่ นท.) จินฺตยิตฺถาติ วตฺวา ปกฺกมิตฺวา อิตฺถีมายาย กสุ ลตาย อยา่ คดิ แล้ว ดงั นี ้หลกี ไปแล้ว หม่ แล้ว ซง่ึ แผน่ ผ้า มีสีเพียงดงั สแี หง่ นตโิกตฺขมปนฏฺฐสามยเยสาอวินตฺฺถทีวโาคสปีนกํ วธณมฺมฺณกํถํปสฏตุ ํ ฺวปาาเรชุปติ ตวฺนวาา แมลงคอ่ มทอง มีวตั ถมุ ีของหอมและระเบียบเป็นต้นในมือ มีหน้า- เฉพาะตอ่ พระเชตวนั ไปอยู่ ในสมยั เป็นที่ ฟังแล้ว ซง่ึ ธรรมกถา คนธฺ มาลาทหิ ตถฺ า เชตวนาภมิ ขุ ี คจฉฺ นตฺ ,ี “อมิ าย เวลาย ออกไป จากพระเชตวนั (แหง่ ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นเมืองชื่อวา่ สาวตั ถี กหุ ึ คจฺฉสตี ิ วตุ ฺเต, “กึ ตมุ หฺ ากํ มม วคสมติ นฺวฏาฺฐาเปนานโตาตวิ โดยปกติ จ�ำเดมิ (แตก่ าล) นนั้ เพราะความท่ี (แหง่ ตน) เป็นผ้ฉู ลาด วตฺวา เชตวนสมีเป ตติ ฺถิยาราเม ในมายาแหง่ หญงิ , (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ (อ.เธอ) จะไป (ในท)ี่ ไหน ในเวลา “ภควนฺตํ วนฺทิสฺสามาติ นครา นิกฺขมนฺเต อปุ าสกชเน นี ้ ดงั นี ้ (อนั ชน ท.) กลา่ วแล้ว, กลา่ วแล้ว วา่ อ.ประโยชน์ อะไร เชตวเน วตุ ฺถา วยิ หตุ ฺวา นครํ ปวสิ นฺตี, “กหุ ึ แกท่ า่ น ท. ด้วยทเี่ ป็นทไ่ี ป แหง่ ดฉิ นั ดงั นี ้ อยแู่ ล้ว ในอารามของเดยี รถรี ์ เวอตุ กฺถมาาสสีตทิ ววฺ ตุมิ ฺเาตส,จ“จฺกเึ ยตนมุ ฺหปาจุ กฉฺ ํ มิยมมาวนตุ าฺถฏ“เฺฐชาตเวนเนนาสตมิ วเตณฺวนา ในที่ใกล้แหง่ พระเชตวนั ครัน้ เม่ือชนผ้เู ป็นอบุ าสก ออกไปอยู่ จากเมือง (ด้วยความประสงค์) วา่ (อ.เรา ท.) จกั ถวายบงั คม โคตเมน สทฺธึ เอกคนฺธกฏุ ิยา วตุ ฺถมหฺ ีติ ปถุ ชุ ฺชนานํ ซง่ึ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ดงั นี ้ในเวลาเช้าเทียว เป็นราวกะวา่ อยแู่ ล้ว “สจฺจํ นโุ ข เอตํ โนติ กงฺขํ อปุ ปฺ าเทตฺวา เตมาส- ในพระเชตวนั เป็น เข้าไปอยู่ สเู่ มอื ง, (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ (อ.เธอ) จาตมุ มฺ าสจฺจเยน ปิ โลติกาหิ อทุ รํ เวเฐตฺวา เป็นผ้อู ยแู่ ลว้ (ในท)่ี ไหน ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ (อนั ชน ท.) กลา่ วแลว้ , กลา่ วแลว้ คพฺภินีวณฺณํ ทสเฺ สตฺวา “สมณํ โคตมํ ปฏิจฺจ คพฺโภ วา่ (อ.ประโยชน์) อะไร แก่ทา่ น ท. ด้วยท่ี แหง่ ดฉิ นั อยแู่ ล้ว อปุ ปฺ นโฺ นติ อนธฺ พาเล พคนาหฺธิตาเฺวปาตวฺ อาปุ อริฏฺฐปนฏวํ มปาาสรจุปจฺ ิ ตเยฺวนา ดงั นี ้ (อนั ชน ท.) ถามอยู่ โดยอนั ลว่ งไปแหง่ เดือนหนงึ่ และเดือน อทุ เร ทารุมณฺฑลกิ ํ สอง (กลา่ วแล้ว)วา่ (อ.ดฉิ นั ) เป็นผ้อู ยแู่ ล้ว ในพระคนั ธกฎุ ีหลงั หทตสฺเฺถสปตาฺวทาปิ ฏฺฐกโิ ิลยนฺตโนิคฺหทฺนริยเุ กาน หโกตุ ฏฺวฺฏาาเปสตาฺวยาณฺหอสสุ มสฺ เเทย เดียวกนั กบั ด้วยพระสมณะ ผ้โู คดม ในพระเชตวนั ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ยงั ความสงสยั วา่ (อ.เรอ่ื ง) นนั่ เป็นเรอื่ งจรงิ (ยอ่ มเป็น) หรอื หนอแล (หรอื วา่ ตถาคเต อลงฺกตธมมฺ าสเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺเต อ.เร่ืองนนั่ เป็นเร่ืองจริง ยอ่ มเป็น) หามิได้ ดงั นี ้ ให้เกิดขนึ ้ แล้ว ธมมฺ สภํ คนฺตฺวา ตถาคตสฺส ปรุ โต ฐตฺวา “มหาสมณ แก่ปถุ ชุ น ท. พนั แล้ว ซง่ึ ท้อง ด้วยผ้าเก่า ท. โดยอนั ลว่ งไปแหง่ มหาชนสฺส ตาว ธมมฺ ํ เทเสส,ิ ประชมุ แหง่ เดือน ๓ และประชมุ แหง่ เดือน ๔ แสดงแล้ว ซง่ึ เพศ แหง่ หญิงมีครรภ์ (ยงั ชน ท.) ผ้ทู งั้ บอดทงั้ เขลา ให้ถือเอาแล้ว วา่ อ.สตั ว์ผ้เู กิดแล้วในครรภ์ เกิดขนึ ้ แล้ว เพราะอาศยั ซงึ่ พระสมณะ ผ้โู คดม ดงั นี ้ ผกู แล้ว ซง่ึ บงั เวียนอนั เป็นวิการแหง่ ไม้ ที่ท้อง โดยอนั ลว่ งไปแหง่ เดอื น ๘ และเดอื น ๙ หม่ แลว้ ซง่ึ แผน่ ผ้า ในเบอื ้ งบน ยงั บคุ คล ให้ทบุ แล้ว ซงึ่ หลงั แหง่ มือและเท้า ท. ด้วยไม้มีสณั ฐาน เพียงดงั คางแหง่ โค แสดงแล้ว ซง่ึ อนั บวมขนึ ้ ท. เป็นผ้มู ีอินทรีย์ อนั บอบช�ำ้ แล้ว เป็น ครัน้ เม่ือพระตถาคตเจ้า ประทบั นง่ั แล้ว บนธรรมาสน์อันบุคคลตกแต่งแล้ว ทรงแสดงอยู่ ซึ่งธรรม ในสมยั คือเวลาเยน็ แหง่ วนั ไปแล้ว สโู่ รงเป็นที่กลา่ วกบั ด้วยการ แสดงซง่ึ ธรรม ยนื แล้ว ข้างพระพกั ตร์ ของพระตถาคตเจ้า ราวกะวา่ พยายามอยู่ เพื่ออันจับแล้ว ซึ่งก้อนแห่งคูถ ประทุษร้ ายแล้ว ซง่ึ มณฑลแหง่ พระจนั ทร์ ดา่ แล้ว ซง่ึ พระตถาคตเจ้า ในทา่ มกลาง แห่งบริษัท ว่า ข้าแต่มหาสมณะ (อ.พระองค์) ทรงแสดงแล้ว ซงึ่ ธรรม แกม่ หาชน กอ่ น, ผลติ สือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 47 www.kalyanamitra.org
อ.พระสรุ เสียง ของพระองค์ ไพเราะ, (อ.มงั สะ) เป็นเคร่ืองปกปิ ด มธโุ ร เต สทฺโท, สมผฺ สุ ติ ํ เต ทนฺตาวรณํ, อหํ ปน ตํ ซง่ึ พระทนต์ ของพระองค์ สนทิ ดแี ล้ว, สว่ นวา่ อ.หมอ่ มฉนั อาศยั แล้ว ปฏิจฺจ คพฺภํ ลภิตฺวา ปริปณุ ฺณคพฺภา ชาตา, เนว ซง่ึ พระองค์ ได้แล้ว ซงึ่ ครรภ์ เป็นผ้มู คี รรภเ์ ตม็ รอบแล้ว เป็นผ้เู กดิ แล้ว เม ปสตู ฆิ รํ ชานาส,ิ น สปปฺ ิ เตลาทีนิ, สยํ (ย่อมเป็ น), (อ.พระองค์) ย่อมทรงทราบ ซึ่งเรือนเป็ นท่ีคลอด อวากโรนอฺโนตาถปอิ ณปุ ฺฏฑฺฐิกาํ กาวนาํปิ อญฺญตรํ โกสลราชานํ ของหมอ่ มฉนั หามิได้นน่ั เทียว, (อ.พระองค์ ยอ่ มทรงทราบ วิสาขํ วา มหาอปุ าสกํ ซง่ึ เภสชั ท.) มีเนยใสและน�ำ้ มนั เป็นต้น หามิได้, (อ.พระองค์) “อิมิสสฺ า จิญฺจมาณวิกาย กตฺตพฺพยตุ ฺตกํ กโรหีติ เมอื่ ไมท่ รงกระทำ� เองไมต่ รสั แลว้ วา่ (อ.ทา่ น)จงกระทำ� (ซงึ่ กรรม)อนั ควรแลว้ น วเทสิ; อภิรมิตุเมว ชานาสิ, คพฺภปริหารํ แก่กรรม (อนั ตน) พงึ กระท�ำ แก่นางจิญจมาณวิกา นี ้ ดงั นี ้ แม้ น ชานาสีติ คูถปิ ณฺฑํ คเหตฺวา จนฺทมณฺฑลํ แหง่ อปุ ัฏฐาก ท. หนา (กะอปุ ัฏฐาก) คนใดคนหนงึ่ คือกะพระราชา ทเู สตํุ วายมนฺตี วยิ ปริสมชฺเฌ ตถาคตํ อกฺโกส.ิ พระนามวา่ โกศล หรือ หรือวา่ คือกะเศรษฐีชื่อวา่ อนาถบณิ ฑิกะ หรือวา่ คอื กะนางวสิ าขา ผ้มู หาอบุ าสกิ า (อ.พระองค)์ ยอ่ มทรงทราบ เพ่ืออนั ทรงยินดียิ่งนน่ั เทียว, (อ.พระองค์) ไมท่ รงทราบ ซงึ่ วตั ถุ เป็นเครื่องบริหารซง่ึ ครรภ์ ดงั นี ้ฯ อ.พระตถาคตเจ้า ทรงพกั ไว้แล้ว ซงึ่ ธรรมกถา ทรงบนั ลอื ยง่ิ อยู่ ตถาคโต ธมมฺ กถํ ฐเปตฺวา สโี ห วยิ อภินทนฺโต ราวกะ อ.สีหะ ตรัสแล้ว ว่า ดูก่อนน้องหญิง อ.เรา นั่นเทียว “ภคนิ ิ ตยา กถิตสสฺ ตถภาวํ วา วติ ถภาวํ วา ด้วย อ.เธอ ด้วย ยอ่ มรู้ ซง่ึ ความท่ี (แหง่ ค�ำ) อนั อนั เธอ กลา่ วแล้ว อหเมว ตฺวญฺจ ชานามาติ อาห. “อาม มหาสมณ เป็นค�ำแท้ หรือ หรือวา่ ซง่ึ ความที่ (แหง่ ค�ำ) อนั อนั เธอ กลา่ วแล้ว ตยา จ มยา จ ญาตภาเวเนตํ ชาตนฺต.ิ เป็นคำ� มคี วามแท้ไปปราศแล้ว ดงั นี ้ (อ.นางจญิ จมาณวกิ า กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระมหาสมณะ เพคะ่ (อ.เร่ือง)นน่ั เกดิ แล้ว โดยความเป็น (แหง่ เรื่อง) อนั พระองค์ ด้วย อนั หมอ่ มฉนั ด้วย ทราบแล้ว ดงั นี ้ ฯ ในขณะ นนั้ อ.อาสนะ ของท้าวสกั กะ แสดงแล้ว ซงึ่ อาการ- ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส อาสนํ อณุ ฺหาการํ ทสฺเสส.ิ อนั ร้อน ฯ (อ.ท้ าวสักกะ) นัน้ ทรงร�ำพึงอยู่ ทรงทราบแล้ว ว่า โส อาวชฺชมาโน “จิญฺจมาณวิกา ตถาคตํ อ.นางจญิ จมาณวกิ า ยอ่ มดา่ ซงึ่ พระตถาคตเจ้า (ด้วยคำ� ) อนั ไมม่ แี ล้ว อภเู ตน อกฺโกสตีติ ญตฺวา “อิทํ วตฺถํุ โสเธสฺสามีติ ดงั นี ้ (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ (อ.เรา) ยงั เร่ือง นี ้ จกั ให้หมดจด ดงั นี ้ จตหู ิ เทวปตุ ฺเตหิ สทฺธึ อาคมิ. เทวปตุ ฺตา มสู กิ โปตกา มาแล้ว กบั ด้วยเทพบตุ ร ท. ๔ ฯ อ.เทพบตุ ร ท. เป็นหนผู ้ลู กู น้อย เป็น หตุ ฺวา ทารุมณฺฑลกิ สฺส พนฺธนรชฺชเุ ก เอกปปฺ หาเรเนว ตดั แล้ว ซง่ึ เชือกเป็นเคร่ืองผกู ซง่ึ บงั เวียนอนั เป็นวกิ ารแหง่ ไม้ ท. ฉินฺทสึ .ุ ด้วยการประหารครัง้ เดียวนน่ั เทียว ฯ อ.ลม เพกิ ขนึ ้ แล้ว ซงึ่ แผน่ ผ้า (อนั นางจญิ จมาณวกิ า) หม่ แล้ว ฯ ปารุตปฏํ วาโต อกุ ฺขิปิ . อ.ท่อนไม้ อันกลม เม่ือตก ตกแล้ ว บนหลังแห่งเท้ า ทารุมณฺฑลํ ปตมานํ ตสฺสา ปาทปิ ฏฺฐยิ ํ ปต.ิ (ของนางจญิ จมาณวกิ า) นนั้ ฯ อ.ปลายแหง่ เท้า ท. ทงั้ ๒ แตกแล้ว ฯ อโุ ภ อคฺคปาทา ภิชฺชสึ .ุ แม้มนษุ ย์ ท. ยงั น�ำ้ ลาย ให้ตกแล้ว บนศรี ษะ (ด้วยอนั กลา่ ว) วา่ มเนขสุฬสฺ ํ าปปิ าเ“ตกตาฺลวากณเฺณลฑิ ฺฑสมทุ มฺณาฺฑสมหพฺตฺถทุ าฺธํ อกฺโกสีติ อ.หญงิ กาฬกณั ณี ดา่ แล้ว ซง่ึ พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า ดงั นี ้ มกี ้อนดนิ - สีเส เชตวนา และทอ่ นไม้ในมือ น�ำออกแล้ว จากพระเชตวนั ฯ นีหรึส.ุ ครัง้ นนั้ อ.แผน่ ดนิ ใหญ่ แยกแล้ว ได้ไห้ใแล้ว ซง่ึ ชอ่ ง ในกาล อถสสฺ า ตถาคตสฺส จกฺขปุ ถํ อตกิ ฺกนฺตกาเล (แห่งนางจิญจมาณวิกา) นัน้ ก้าวล่วงแล้ว ซึ่งคลองแห่งจักษุ มหาปฐวี ภิชฺชิตฺวา ววิ รมทาส.ิ ของพระตถาคตเจ้า ฯ อ.เปลวแหง่ ไฟ ตงั้ ขนึ ้ แล้ว จากนรกชื่อวา่ อเวจี ฯ อสวาีจิโกตลุ ทอตคฺตฺคิยชิ ํ ากลมาพฺ อลฏุํ ฺฐปหาิ.รุปมานา วิย คนฺตฺวา (อ.นางจิญจมาณวิกา) นนั้ ราวกะวา่ หม่ อยู่ ซงึ่ ผ้ากมั พล อนั อนั ตระกลู ให้แล้ว ไปแล้ว บงั เกิดแล้ว ในนรกช่ือวา่ อเวจี ฯ อวีจิมหฺ ิ นิพฺพตฺต.ิ 48 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.ลาภและสกั การะ ของอญั ญเดียรถีย์ ท. เส่อื มรอบแล้ว ฯ อญฺญติตฺถิยานํ ลาภสกฺกาโร ปริหายิ. ทสพลสฺส อ.ลาภและสกั การะ เจริญแล้ว โดยยง่ิ โดยประมาณ แกพ่ ระทศพล ฯ ภิยฺโยโส มตฺตาย วฑฺฒิ. ในวนั รุ่งขนึ ้ อ.ภิกษุ ท. ยงั วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว วา่ ดกู ่อนทา่ น จิญฺจปมุนาทณิววเสิกาธมเฺมอสวภํ าอยุฬํ กาถรคํ สุณมํ ุฏฺอฐาคเฺคปทสกํุ ฺ“ขอิเณาวยุโฺสยํ ผ้มู ีอายทุ . อ.นางจิญจมาณวิกา ดา่ แล้ว ซง่ึ พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า ผ้คู วรซง่ึ ทกั ษิณาอนั เลศิ ผ้มู ีพระคณุ อนั ย่ิง อยา่ งนี ้ (ด้วยค�ำ) สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา มหาวินาสํ อนั ไมม่ ีแล้ว ถงึ แล้ว ซงึ่ ความพินาศใหญ่ ดงั นี ้ ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ปตฺตาติ. ในโรงเป็นท่ีกลา่ วกบั ด้วยการแสดงซง่ึ ธรรม ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. สตฺถา อาคนฺตฺวา “กาย นตุ ฺถ ภิกฺขเว เอตรหิ (อ.เธอ ท.) เป็นผ้นุ ง่ั พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเครื่องกลา่ ว อะไร กถาย สนฺนิสนิ ฺนาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “อิมาย นามาติ วตุ ฺเต, หนอ ยอ่ มมี ในกาลนี ้ ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ.ข้าพระองค์ ท. “น ภิกฺขเว อิทาเนว, ปพุ ฺเพเปสา มํ อภเู ตน อกฺโกสติ ฺวา เป็นผ้นู ง่ั พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเครอ่ื งกลา่ ว) ชอื่ นี ้(ยอ่ มมี ในกาลน)ี ้ วินาสํ ปตฺตาเยวาติ วตฺวา ดงั นี ้(อนั ภกิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. (อ.นางจิญจมาณวิกา นั่น ด่าแล้ว ซึ่งเรา ด้วยค�ำ อันไม่มีแล้ว ยอ่ มถงึ ซงึ่ ความพินาศ) ในกาลนีน้ น่ั เทียว หามิได้, แม้ในกาลก่อน (อ.นางจิญจมาณวกิ า) นนั่ ดา่ แล้ว ซงึ่ เรา (ด้วยค�ำ) อนั ไมม่ ีแล้ว ถงึ แล้ว ซงึ่ ความพินาศนนั่ เทียว ดงั นี ้ ทรงยงั มหาปทมุ ชาดก ในทวาทสนิบาต นี ้วา่ อ.บคุ คลผูเ้ ป็นใหญ่ ไม่เห็นแลว้ ซึ่งโทษ ทง้ั ละเอียด “อนิสาฺสทิโฏรฺ ฐปาณปเรยโตทโณทฺฑสํ ํ อณํถุ ูลานิ สพพฺ โส ทง้ั หยาบ (ของบคุ คล) อืน่ โดยประการทง้ั ปวง ไมพ่ ิจารณาแลว้ สามํ อปปฺ ฏิเวกฺขิยาติ เอง ไม่พึงลง ซึ่งอาชญา ดงั นี,้ ให้ พิสดารแล้ ว ตรัสแล้ ว ว่า ได้ ยินว่า ในกาลนัน้ อิมํ ทฺวาทสนิปาเต มหาปทมุ ชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา (อ.นางจญิ จมาณวกิ า) นน่ั เป็นอคั รมเหสี ของพระราชา ผ้เู ป็นไป กเถสิ “ตทา กิเรสา มหาปทมุ กมุ ารสสฺ โพธิสตฺตสฺส กับด้ วยพระสวามี ของพระมารดา ของพระโพธิสัตว์ มาตุ สปตฺตี รญฺโญ อคฺคมเหสี หตุ ฺวา มหาสตฺตํ ผู้เป็ นมหาปทุมกุมาร เป็ น เชือ้ เชิญแล้ว ซึ่งพระมหาสัตว์ อสทฺธมเฺ มน นิมนฺเตตฺวา ตสฺส มนํ อลภิตฺวา อตฺตนาว โดยอสทั ธรรม ไมไ่ ด้แล้ว ซง่ึ พระทยั (ของพระโพธสิ ตั ว)์ นนั้ กระทำ� แล้ว อตฺตนิ วปิ ปฺ การํ กตฺวา คลิ านาลยํ ทสเฺ สตฺวา “ตว ซงึ่ ประการอนั แปลก ในตน ด้วยตนเทียว แสดงแล้ว ซง่ึ อนั ลวง ปตุ ฺโต มํ อนิจฺฉนฺตึ อิมํ วปิ ปฺ การํ ปาเปสตี ิ รญฺโญ วา่ เป็นไข้ กราบทลู แล้ว แก่พระราชา วา่ อ.โอรส ของพระองค์ อาโรเจส.ิ ยงั หมอ่ มฉนั ผ้ไู มป่ รารถนาอยู่ ให้ถงึ แล้ว ซงึ่ ประการอนั แปลก นี ้ ดงั นี ้ฯ อ.พระราชา กริว้ แล้ว ทรงโยนไปแล้ว ซงึ่ พระมหาสตั ว์ ในเหว ราชา กทุ ฺโธ มหาสตฺตํ โจรปปฺ ปาเต ขิปิ . เป็นท่ียงั โจรให้ตกไป ฯ ครัง้ นนั้ อ.เทวดา ผ้สู งิ อยแู่ ล้ว ท่ีท้องแหง่ ภเู ขา รับเฉพาะแล้ว อถ นํ ปพพฺ ตกจุ ฉฺ ิยํ อธิวตถฺ า เทวตา ปฏคิ คฺ เหตวฺ า (ซึ่งพระมหาสัตว์) นัน้ พักไว้แล้ว ในห้องแห่งพังพาน ของนาค นาคราชสสฺ ผณคพฺเภ ฐเปส.ิ ผ้พู ระราชา ฯ อ.นาคผ้พู ระราชา นำ� ไปแล้ว (ซง่ึ พระมหาสตั ว)์ นนั้ สภู่ พแหง่ นาค นาคราชา ตํ นาคภวนํ เนตฺวา อปุ ฑฺฒรชฺเชน ทรงต้อนรับแล้ว ด้วยความเป็นแหง่ พระราชาเข้าไปด้วยทงั้ กงึ่ ฯ สมมฺ าเนส.ิ (อ.พระมหาสตั ว)์ นนั้ ประทบั อยแู่ ล้ว (ในภพแหง่ นาค) นนั้ ตลอดปี โส ตตถฺ สวํ จฉฺ รํ วสติ วฺ า ปพพฺ ชติ กุ าโม หมิ วนตฺ ป-ฺ เป็นผ้ปู ระสงค์เพื่ออนั ผนวช (เป็น) เสดจ็ มาแล้ว สปู่ ระเทศแหง่ ป่ า ปเทสํ อาคนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิญฺญาโย หิมพานต์ ผนวชแล้ว ทรงยงั ฌานและอภิญญา ท. ให้บงั เกิดแล้ว ฯ นิพฺพตฺเตส.ิ ครัง้ นัน้ อ.นายพรานผู้เท่ียวไปในป่ า คนหนึ่ง เห็นแล้ว อถ นํ เอโก วนจรโก ทิสฺวา รญฺโญ อาโรเจส.ิ (ซง่ึ พระมหาสตั ว์) นนั้ กราบทลู แล้ว แก่พระราชา ฯ ผลิตสอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 49 www.kalyanamitra.org
อ.พระราชา เสดจ็ มาแล้ว สสู่ �ำนกั (ของพระมหาสตั ว์) นนั้ ราชา ตสฺส สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา กตปปฺ ฏิสนฺถาโร มีปฏิสนั ถาร (อนั พระมหาสตั ว์ นนั้ ) ทรงกระท�ำแล้ว ทรงทราบแล้ว สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ ญตฺวา มหาสตฺตํ รชฺเชน นิมนฺเตตฺวา ซงึ่ ความเป็นไปทว่ั นนั้ ทงั้ ปวง ทรงเชือ้ เชิญแล้ว ซงึ่ พระมหาสตั ว์ เตน “มยฺหํ รชฺเชน กิจฺจํ นตฺถิ, ตฺวํ ปน ทส ด้วยความเป็นแหง่ พระราชา ผู้ (อนั พระมหาสตั ว)์ นนั้ ตรสั สอนแล้ว วา่ ราชธมเฺ ม อโกเปตฺวา อคตคิ มนํ ปหาย ธมเฺ มน อ.กิจ ด้วยความเป็ นแห่งพระราชา ของหม่อมฉัน ย่อมไม่มี รชฺชํ กาเรหีติ โอวอทนิโฺตตรามอคฏุ ฺเฺคฐายาสอมนาจฺเจ โรทิตฺวา ก็ อ.พระองค์ ทรงยงั ราชธรรม ท. ๑๐ ไมใ่ ห้กำ� เริบแล้ว ทรงละแล้ว นครํ คจฺฉนฺโต ปจุ ฺฉิ ซง่ึ การถงึ ซง่ึ อคติ (ทรงยงั บคุ คล) จงให้กระท�ำ ซง่ึ ความเป็นแหง่ - “อหํ กํ นิสฺสาย เอวํ อาจารสมปฺ นฺเนน ปตุ ฺเตน พระราชา โดยธรรม เถิด ดังนี ้ เสด็จลุกขึน้ แล้ว จากอาสนะ วิโยคํ ปตฺโตต.ิ “อคฺคมเหสึ เทวาติ. กนั แสงแล้ว เสดจ็ ไปอยู่ สเู่ มือง ตรัสถามแล้ว ซง่ึ อ�ำมาตย์ ท. ในระหวา่ งแหง่ หนทาง วา่ อ.เรา อาศยั แล้ว ซง่ึ ใคร เป็นผ้ถู งึ แล้ว ซงึ่ ความพลดั พราก จากบตุ ร ผ้ถู งึ พร้อมแล้วด้วยมรรยาท อยา่ งนี ้ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.อ�ำมาตย์ ท. กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ ผ้สู มมตเิ ทพ (อ.พระองค์ ทรงอาศยั แล้ว) ซงึ่ พระอคั รมเหสี (เป็นผ้ทู รงถงึ แล้ว ซง่ึ ความพลดั พราก จากพระโอรส ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ อ.พระราชา ทรงจบั แล้ว (ซงึ่ พระอคั รมเหส)ี นนั้ (กระทำ� ) ให้เป็น ราชา ตํ อทุ ฺธปาทํ คเหตฺวา โจรปปฺ ปาเต ผ้มู ีเท้าในเบือ้ งบน (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้โยนไปแล้ว ในเหวเป็นท่ี- ขิปาเปตฺวา นครํ ปวิสติ ฺวา ธมเฺ มน รชฺชํ กาเรส.ิ ยงั โจรให้ตกไป เสดจ็ เข้าไปแล้ว สเู่ มอื ง (ทรงยงั บคุ คล) ให้กระทำ� แล้ว ซง่ึ ความเป็นแหง่ พระราชา โดยธรรม ฯ อ.มหาปทุมกุมาร ในกาลนัน้ เป็ นมหาสัตว์ ได้เป็ นแล้ว ตทา มหาปทมุ กมุ าโร มหาสตฺโต อโหส,ิ มาตุ (ในกาลนี)้ , (อ.หญิง) ผ้ปู ็นไปกบั ด้วยพระสวามี ของพระมารดา สปตฺตี จิญฺจมาณวิกาต.ิ (ในกาลนนั้ ) เป็นนางจญิ จมาณวกิ า (ได้เป็นแล้ว) (ในกาลนี)้ ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ครัน้ ทรงประกาศแล้ว ซงึ่ เนอื ้ ความ นี ้ตรัสแล้ว วา่ สตฺถา อิมมตฺถํ ปกาเสตฺวา “ภิกฺขเว เอกธมมฺ ํ หิ ดกู ่อนภิกษุ ท. ก็ ชื่อ อ.กรรมอนั ลามก อนั (อนั ชน ท.) ผ้ลู ะแล้ว สจจฺ วจนํ ปหาย มสุ าวาเท ปนตตฏิ ฺถฺฐีตติ ิ าวนตํ ฺววาสิ สฺอฏิมฺฐํ ปคราโถลมกาานหํ ซงึ่ ค�ำสตั ย์ อนั เป็นธรรมอนั เอก ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในมสุ าวาท อกตฺตพฺพํ ปาปกมมฺ ํ นาม ผ้มู ีโลกอ่ืนอนั สละวิเศษแล้ว ไมพ่ งึ กระท�ำ ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถานี ้วา่ อ.บาป อนั อนั สตั ว์เกิด ผูไ้ ปล่วงแลว้ ซ่ึงธรรมเอก “เอกธมฺมมตีตสสฺ มสุ าวาทิสสฺ ชนตฺ โุ น ผูก้ ล่าวเท็จโดยปกติ ผูม้ ีโลกอืน่ อนั ขา้ มพน้ แลว้ วิติณฺณปรโลกสสฺ นตฺถิ ปาปํ อการิยนตฺ ิ. ไม่พึงกระท�ำ ย่อมไม่มี ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ ว่า) ซ่ึงค�ำสัตย์ (ดังนี ้ ในบท ท.) เหล่านัน้ หนา ตตฺถ “เอกธมมฺ นฺต:ิ สจฺจํ. มุสาวาทสิ ฺสาต:ิ (แหง่ บท) วา่ เอกธมมฺ ํ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ในค�ำ ท. ๑๐ หนา ยสสฺ ทสสุ วจเนสุ เอกํปิ สจฺจํ นตฺถิ, เอวรูปสสฺ อ.ค�ำสตั ย์ แม้ค�ำหนง่ึ ยอ่ มไมม่ ี (แก่สตั ว์เกิด) ใด, (อนั สตั ว์เกิด) มสุ าวาทโิ น. ว“ติมณินสุณฺ ฺสปสรมโปฺ ลตกฺตสึ สฺ เาทตว:ิ สวมสิ ปฺ สฺ ตฏฺฺตฐปึ รอโลวสกาสเสฺ น. ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ช่ือวา่ ผ้กู ลา่ วเทจ็ โดยปกติ (ดงั นี ้ แหง่ บท)วา่ เอวรูโป หิ มสุ าวาทสิ สฺ ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ผ้มู โี ลกอน่ื อนั สละวเิ ศษแล้ว (ดงั นี ้ นพิ พฺ านสมปฺ ตตฺ นิ ตฺ ิ อมิ า ตสิ โฺ ส สมปฺ ตตฺ โิ ย น ปสสฺ ต.ิ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ วติ ณิ ณฺ ปรโลกสสฺ ดงั นี ้ ฯ (อ.อธบิ าย) วา่ นตถฺ ิ ปาปนฺต:ิ ตสสฺ เอวรูปสสฺ อิทํ นาม ปาปํ ก็ (อ.สตั ว์เกิด) ผ้มู อี ยา่ งนีเ้ป็นรูป ยอ่ มไมเ่ หน็ ซงึ่ สมบตั ิ ท. ๓ เหลา่ นี ้ อกตฺตพฺพนฺติ นตฺถิ. คือ ซ่ึงสมบัติในมนุษย์ ซ่ึงสมบัติในเทพเจ้ า ซึ่งสมบัติคือ พระนิพพาน ในท่ีสดุ ลง (ดงั นี ้ อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ (อ.อรรถ) วา่ (อ.ความสงสยั ) วา่ อ.บาป ช่ือ นี ้ อนั (อนั สตั ว์เกิด) นนั้ คือวา่ ผ้มู ีอยา่ งนนั้ เป็นรูป ไมพ่ งึ กระท�ำ ดงั นี ้ ยอ่ มไมม่ ี (ดงั นี ้ แหง่ หมวด- สองแหง่ บท) วา่ นตถฺ ิ ปาปํ ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งนางจญิ จมาณวกิ า จญิ จฺ มาณวกิ าวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ 50 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๑๐. อ.เร่ืองแห่งทานอันไม่มีทานอ่ืนเช่นกับ ๑๐. อสทสิ ทานวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “น เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺตตี ิ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ซง่ึ ทานอนั ไมม่ ีทานอื่นเชน่ กบั ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อสทิสทานํ อารพฺภ กเถส.ิ น เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺติ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพสิ ดาร ในสมยั หนงึ่ อ.พระศาสดา เสดจ็ เทยี่ ว- เอกสฺมึหิสมเยสตฺถาจาริกํจริตฺวาปญฺจสตภิกฺข-ุ ไปแล้ว สทู่ ี่จาริก มีภิกษุมี ๕๐๐ เป็นประมาณเป็นบริวาร ได้เสดจ็ ปริวาโร เชตวนํ ปาวสิ .ิ ไปแล้ว สพู่ ระเชตวนั ฯ อ.พระราชา เสดจ็ ไปแล้ว สวู่ หิ าร ทรงนมิ นตแ์ ล้ว ซงึ่ พระศาสดา ราชา วหิ ารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ปนุ ทิวเส ทรงตระเตรียมแล้ว ซ่ึงทานเพ่ือภิกษุผู้จรมา ในวันรุ่งขึน้ อาคนฺตกุ ทานํ สชฺเชตฺวา “ทานํ เม ปสฺสนฺตตู ิ นาคเร ทรงร้องเรียกแล้ว (ซง่ึ ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นนคร วา่ (อ.ชน ท. ผ้อู ยใู่ นนคร) ปกฺโกส.ิ จงดู ซง่ึ ทาน ของเรา ดงั นี ้ฯ (อ.ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นนคร มาแล้ว เหน็ แล้ว ซงึ่ ทาน ของพระราชา นาครา อาคนฺตฺวา รญฺโญ ทานํ ทิสฺวา ปนุ ทิวเส ทลู นิมนต์แล้ว ซงึ่ พระศาสดา ในวนั รุ่งขนึ ้ ตระเตรียมแล้ว ซง่ึ ทาน สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ สชฺเชตฺวา “อมหฺ ากํ ทานํ ส่งไปแล้ว (ซ่ึงข่าวสาส์น) แก่พระราชา (มีอันให้ทรงทราบ) เทโว ปสฺสตตู ิ รญฺโญ ปหิณสึ .ุ ว่า อ.พระองค์ผู้สมมติเทพ ขอจงทอดพระเนตร ซึ่งทาน ของข้าพระพทุ ธเจ้า ท. ดงั นี ้(เป็นเหต)ุ ฯ อ.พระราชา เสดจ็ ไปแล้ว ทรงเหน็ แล้ว ซงึ่ ทาน (ของชน ท. ราชา คนฺตฺวา เตสํ ทานํ ทิสฺวา “อิเมหิ มม ทานโต ผ้อู ยใู่ นนคร) เหลา่ นนั้ (ทรงดำ� ริแล้ว) วา่ (อ.ทาน) อนั ยงิ่ กวา่ กวา่ ทาน อตุ ฺตริตรํ กตํ, ปนุ ทานํ กริสสฺ ามีติ ปนุ ทิวเสปิ ทานํ ของเรา (อนั ชน ท. ผ้อู ยใู่ นนคร) เหลา่ นี ้กระทำ� แล้ว, (อ.เรา) จกั กระทำ� สชฺเชส.ิ ซงึ่ ทาน อีก ดงั นี ้ทรงตระเตรียมแล้ว ซง่ึ ทาน ในวนั รุ่งขนึ ้ ฯ แม้ (อ.ชน ท.) ผู้อยู่ในพระนคร เห็นแล้ว (ซึ่งทาน) นัน้ นาคราปิ ตํ ทิสฺวา ปนุ ทิวเส สชฺชยสึ ตู .ิ ตระเตรียมแล้ว (ซง่ึ ทาน) ในวนั รุ่งขนึ ้ ดงั นีแ้ ล ฯ อ.พระราชา ยอ่ มทรงอาจ เพอ่ื อนั (ยงั ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นนคร เอวํ เนว ราชา นาคเร ปราเชตํุ สกฺโกต,ิ ให้แพ้ หามิได้นนั่ เทียว, (อ.ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นนคร (ยอ่ มอาจ) น นาครา ราชานํ. เพื่ออนั ยงั พระราชา (ให้ทรงแพ้) หามิได้ ด้วยประการฉะนี ้ฯ ครัง้ นนั้ ในวาระ ที่ ๖ (อ.ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นนคร (ยงั ทาน) อนั คณู ยถา อนถสฉกฏฺกฺเฐา วาเร นาครา สตคณุ ํ สหสสฺ คณุ ํ วฑเฺ ฒตวฺ า, ด้วยร้อย อนั คณู ด้วยพนั ให้เจริญแล้ว, (อ.ทาน) เป็ นทาน โหติ “อิทํ นาม อิเมสํ ทาเน นตฺถีติ วตฺตํ,ุ (อนั ใคร ๆ) ไมอ่ าจ เพอื่ อนั กลา่ ว วา่ (อ.วตั ถ)ุ ชอื่ นี ้ยอ่ มไมม่ ี ในทาน เอวํ ทานํ สชฺชยสึ .ุ (ของชน ท.) เหลา่ นี ้ดงั นี ้ยอ่ มเป็น โดยประการใด, ตระเตรียมแล้ว ซงึ่ ทาน โดยประการนนั้ ฯ ผลิตสือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 51 www.kalyanamitra.org
อ.พระราชา ทรงเหน็ แล้ว (ซงึ่ ทาน) นนั้ (ทรงดำ� ริแล้ว) วา่ ถ้าวา่ อ.เรา ราชา ตํ ทิสวฺ า “สจาหํ อิเมสํ ทานโต อตุ ฺตริตรํ จกั ไมอ่ าจ เพื่ออนั กระท�ำ (ซง่ึ ทาน) ให้เป็นทานยิ่งกวา่ กวา่ ทาน ของ กาตํุ น สกฺขิสฺสามิ, กึ เม ชีวิเตนาติ อปุ ายํ จินฺเตนฺโต (ของชน ท. ผ้อู ยใู่ นนคร) เหลา่ นี ้ ไซร้, (อ.ประโยชน์) อะไร แก่เรา นิปชฺชิ. ด้วยชีวติ ดงั นี ้บรรทมทรงด�ำริอยแู่ ล้ว ซง่ึ อบุ าย ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระเทวี ทรงพระนามวา่ มลั ลกิ า เสดจ็ เข้าไปเฝ้ าแล้ว อถ นํ มลฺลกิ า เทวี อปุ สงฺกมิตฺวา “กสฺมา (ซงึ่ พระราชา)นนั้ ทลู ถามแล้ววา่ ข้าแตม่ หาราชเจ้า (อ.พระองค์) มหาราช เอวํ นิปนฺโนส,ิ เกน เต อินฺทฺริยานิ กิลนฺตานิ เป็นผ้บู รรทมแล้ว อยา่ งนี ้ ยอ่ มเป็น เพราะเหตไุ ร, อ.อินทรีย์ ท. วิยาติ ปจุ ฺฉิ. ของพระองค์ เป็นราวกะวา่ บอบชำ� ้ แล้ว (ยอ่ มเป็น) เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ อ.พระราชา ตรัสแล้ว วา่ ดกู อ่ นเทวี ในกาลนี อ้ .เธอ ยอ่ มไมร่ ู้ หรือ ราชา อาห “นทานิ ตฺวํ เทวิ ชานาสตี .ิ “น ชานามิ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเทวี กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ เทวาต.ิ (อ.หมอ่ มฉนั ) ยอ่ มไมร่ ู้ ดงั นี ้ฯ (อ.พระราชา) นนั้ ตรสั บอกแล้ว ซง่ึ เนอื ้ ความ นนั้ (แกพ่ ระเทว)ี นนั้ ฯ โส ตสสฺ า ตมตฺถํ อาโรเจส.ิ อถ นํ มลฺลกิ า อาห ครัง้ นนั้ อ.พระนางมลั ลกิ า กราบทลู แล้ว (กะพระราชา) นนั้ วา่ “เทว มา จินฺตยิ, กหํ ตยา ปฐวิสสฺ โร ราชา นาคเรหิ ข้ าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ (อ.พระองค์) อย่าทรงด�ำริแล้ว, ปทารานชํ ิยสมํวาิทโหนิสสฺ ทาิฏมฺฐีตป.ิ พุ ฺโพ วา สตุ ปพุ ฺโพ วา, อหนฺเต อ.พระราชา ผ้ทู รงเป็นใหญ่ในแผน่ ดนิ (อนั ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นนคร ให้ทรงแพ้อยู่ เป็นผู้ อนั พระองค์ ทรงเคยเหน็ แล้ว หรือ หรือวา่ เป็ นผู้ อันพระองค์ ทรงเคยสดับแล้ว (ในท่ี)ไหน (ย่อมเป็ น), อ.หมอ่ มฉนั จกั ตระเตรียม ซงึ่ ทาน แก่พระองค์ ดงั นี ้ฯ (อ.พระนางมลั ลกิ า) นนั้ กราบทลู แล้ว (แกพ่ ระราชา) นนั้ อยา่ งนี ้ อิตสิ สฺ สา อสทิสทานํ สวํ ิทหิตกุ ามตาย เอวํ ด้วยประการฉะนี ้ เพราะความท่ี (แหง่ พระองค์) เป็นผ้ทู รงประสงค์ วตฺวา “มหาราช สาลกลฺยาณิปทเรหิ ปญฺจนฺนํ เพื่ออันทรงตระเตรียม ซ่ึงอสทิสทาน (กราบทูลแล้ว) ว่า กเภสาิกสเฺขราสุหพติ, หาตนอิ าํานวอฏิ นฺเคฏฺโเตหนอตสิาฺวทีวาฏสิ ฺสเฺ ฏปนญตฺ ;ินฺจปิสสญีทตนาฺจมเณหสตตฺฑฺถจปีฉฺ ํ ตปตฺ กญสาฺจตเรนาหฺนนิ,ํิ ข้าแตม่ หาราชเจ้า (อ.พระองค์ ทรงยงั ราชบรุ ุษ) จงให้กระท�ำ ภิกฺขสุ ตานํ ซงึ่ ปะร�ำเป็นท่ีนงั่ ในภายในแหง่ วงเวียน เพื่อร้อยแหง่ ภิกษุ ท. วา ทส ๕ ด้วยไม้เลียบอนั บคุ คลกระท�ำแล้วด้วยไม้รังและไม้ขานาง ท. มตฺถเก ธารยมานา ฐสสฺ นฺต,ิ อตฏฺ าฐ (อ.ภิกษุ ท.) ผ้เู หลือ จกั นง่ั ในภายนอก แหง่ วงเวียน, (อ.พระองค์ วา รตฺตสวุ ณฺณนาวาโย กาเรหิ, ทรงยงั ราชบรุ ุษ) จงให้กระท�ำ ซงึ่ ร้อยแหง่ เศวตฉตั ร ท. ๕, อ.ช้าง ท. มณฺฑปมชฺเฌ ภวสิ ฺสนฺต,ิ ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขนู ํ มรี ้อยห้าเป็นประมาณถอื เอาแล้ว(ซงึ่ ร้อยแหง่ เศวตฉตั รท.๕เหลา่ นนั้ จกั อนฺตเร เอเกกา ขตฺตยิ ธีตา นิสที ิตฺวา คนฺเธ ยืนกนั้ อยู่ บนกระหมอ่ ม แหง่ ร้อยแหง่ ภิกษุ ท. ๕, (อ.พระองค์)ทรง ปึสสิ ฺสต,ิ เอเกกา ขตฺตยิ ธีตา วีชนึ อาทาย (ยงั ราชบรุ ุษ) จงให้กระทำ� ซง่ึ เรืออนั เป็นวกิ ารแหง่ ทองอนั มสี สี กุ ท. เทฺว เทฺว ภิกฺขู วีชยมานา ฐสสฺ ติ, เสสา ขตฺตยิ ธีตโร ๘ ล�ำ หรือ หรือวา่ ๑๐ ลำ� , (อ.เรืออนั เป็นวิการแหง่ ทองอนั มีสีสกุ ท.) ปปิ กฏฺฺขฐิปปิิ ฏสฺฺสเฐนฺติค, นฺเธตาสอุ าหเรอิตกฺวจาฺจา สุวณฺณนาวาสุ เหลา่ นนั้ จกั มี ในทา่ มกลางแหง่ ปะร�ำ, อ.พระธิดาผ้เู ป็นกษัตริย์ ขตฺติยธีตโร พระองค์หนงึ่ ๆ ประทบั นงั่ แล้ว ในระหวา่ ง แหง่ ภิกษุ ท. ๒ รูป นลี ปุ ปฺ ลกลาเป คเหตวฺ า สวุ ณณฺ นาวาสุ ปกขฺ ติ ตฺ คนเฺ ธ จกั บด ซง่ึ ของหอม ท., อ.พระธิดาผ้เู ป็นกษัตริย์ พระองค์หนงึ่ ๆ อาโลเฬตฺวา วาสํ คาหาเปสฺสนฺต;ิ ทรงถือเอา ซง่ึ พดั จกั ประทบั ยืนทรงพดั อยู่ ซง่ึ ภิกษุ ท. ๒ รูป ๆ, อ.พระธิดาผ้เู ป็นกษัตริย์ ท. ผ้เู หลอื ทรงน�ำมาแล้ว ซงึ่ ของหอม ท. (อนั พระองค์) ทงั้ ทรงบดแล้ว ๆ จกั ทรงใสเ่ ข้า ในเรืออนั เป็นวิการ แหง่ ทอง ท., ในพระธิดาผ้เู ป็นกษัตริย์ ท. เหลา่ นนั้ หนา อ.ธิดา ผ้เู ป็นกษตั ริย์ ท. บางพวก ทรงถอื เอาแล้ว ซง่ึ กำ� แหง่ ดอกอบุ ลเขยี ว ท. ทรงเคล้าแล้ว ซง่ึ ของหอม (อนั พระองค์) ทรงใสเ่ ข้าแล้ว ท. ในเรือ อนั เป็นวิการแหง่ ทอง ท. (ทรงยงั ภิกษุ ท.) จกั ให้ถือเอา ซงึ่ อนั อบ, 52 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
เพราะวา่ อ.พระธิดาผ้เู ป็นกษัตริย์ ท. (ของชน ท.) ผ้อู ยใู่ นนคร นาครานํ หิ เนว ขตฺตยิ ธีตโร อตฺถิ, น เสตจฺฉตฺตานิ, มีอยู่ หามิได้นนั่ เทียว, อ.เศวตฉตั ร ท. (ของชน ท. ผ้อู ยใู่ นนคร น หตฺถิโน, อิเมหิ การเณหิ นาครา ปราชิสสฺ นฺติ; มีอย)ู่ หามิได้, อ.ช้าง ท. (ของชน ท. ผ้อู ยใู่ นนคร มีอย)ู่ หามิได้, เอวํ กาเรหิ มหาราชาต.ิ (อ.ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นนคร จกั แพ้ ด้วยเหตุ ท. เหลา่ น,ี ้ ข้าแตม่ หาราชเจ้า อ.พระองค์ (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) จงให้กระท�ำ อยา่ งนี ้ดงั นี ้ฯ อ.พระราชา (ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนเทวี อ.ดีละ, อ.ค�ำ อนั งาม ราชา “สาธุ เทว,ิ กลฺยาณนฺเต กถิตนฺติ ตาย อนั เธอ บอกแล้ว ดงั นี ้ (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้กระท�ำแล้ว (ซง่ึ กิจ) กถิตนิยาเมเนว สพฺพํ กาเรส.ิ เอกสสฺ ปน ภิกฺขโุ น ทงั้ ปวง ตามทำ� นองแหง่ คำ� (อนั พระเทว)ี นนั้ กราบทลู แล้ว นน่ั เทยี ว ฯ เอโก หตฺถี นปปฺ โหต.ิ แตว่ า่ อ.ช้าง เชือกหนงึ่ ยอ่ มไมเ่ พียงพอ แก่ภิกษุ รูปหนงึ่ ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระราชา ตรัสแล้ว กะพระนางมลั ลกิ า วา่ อถ ราชา มลลฺ กิ ํ อาห “ภทฺเท เอกสฺส ภิกฺขโุ น แนะ่ นางผ้เู จริญ อ.ช้าง เชือกหนงึ่ ยอ่ มไมเ่ พียงพอ แก่ภิกษุ รูปหนงึ่ , เอโก หตฺถี นปปฺ โหต,ิ กึ กริสสฺ ามาต.ิ “กึ เทว (อ.เราท.)จกั กระทำ� อยา่ งไรดงั นีฯ้ (อ.พระนางมลั ลกิ านนั้ ทลู ถามแล้ว) ปญฺจหตฺถิสตานิ นตฺถีติ. “อตฺถิ เทวิ, อวเสสา ปน วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ อ.ร้อยแหง่ ช้าง ๕ ท. ยอ่ มไมม่ ี หรือ ท“คโหอเฏุ หยนฺฐตฺยฺตหวฺสีตตาฺส.ิ ฺถติโ“อนฏิเทงฺ,ฐฺควนเตลุ ฏอมิฺภฐหาาิกลํนฺขเสํ ูอชทฺสกาิสนสสวฺ าฺสานมวฺตตีทเเิ .ิฏวกุ “ฺรตฐกมห.ิตภฺ ตถฺ วฺถานิโตปํ ฐาตเปกวสสิยสฺสฺ จาณมฉาฺฑตตฺตา.ิ ํ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา ตรสั แล้ว) วา่ ดกู อ่ นเทวี (อ.ร้อยแหง่ ช้าง ๕ ท.) มอี ย,ู่ แตว่ า่ (อ.ช้าง ท.) ตวั เหลอื ลง เป็นช้างอนั โทษประทษุ ร้ายแล้ว (ยอ่ มเป็น), (อ.ช้าง ท.) เหลา่ นนั้ เหน็ แล้ว ซง่ึ ภิกษุ ท. เทียว เป็นสตั ว์ดรุ ้าย ยอ่ มเป็น ราวกะ อ.ลมหวั ด้วน ท. ดงั นี ้ฯ (อ.พระนาง- มลั ลกิ า กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้สู มมตเิ ทพ อ.หมอ่ มฉนั ยอ่ มรู้ ซงึ่ ที่เป็นท่ียืนถือเอา ซงึ่ ร่ม แหง่ ช้างผ้ลู กู น้อย ผ้อู นั โทษ ประทษุ ร้ายแล้วเชอื กหนงึ่ ดงั นีฯ้ (อ.พระราชาตรสั ถามแล้ว)วา่ อ.เราท. จกั พกั ไว้ (ซงึ่ ช้างตวั ลกู น้อย)นนั้ (ในที่)ไหน ดงั นี ้ ฯ (อ.พระนาง มลั ลกิ า กราบทลู แล้ว) วา่ (อ.เรา ท. จกั พกั ไว้ ซงึ่ ช้างตวั ลกู น้อย) ในส�ำนกั ของพระองคลุ มี าล ผ้เู ป็นเจ้า ดงั นี ้ฯ อ.พระราชา (ทรงยงั ราชบรุ ุษ) ให้กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ ฯ อ.ช้าง ราชา ตถา กาเรส.ิ หตฺถิโปตโก วาลธึ อนฺตร- ตวั ลกู น้อย ใสเ่ ข้าแล้ว ซงึ่ หาง ในระหวา่ งแหง่ ขา ยงั หู ท. ทงั้ สอง สตฺถิมหฺ ิ ปกฺขิปิ ตฺวา อโุ ภ กณฺเณ ปาเตตฺวา อกฺขีนิ ให้ตกแล้ว หลบั แล้ว ซง่ึ นยั น์ตา ท. ได้ยืนแล้ว ฯ นิมมฺ มิเลหตาฺวชาโนอ“ฏเฺอฐวารสูป.ิ สสฺ นาม จณฑฺ หตถฺ โิ น อยมากาโร, อ.มหาชน (กลา่ วแล้ว) วา่ อ.อาการ นี ้ เป็นอาการ ของช้าง ตวั ดรุ ้าย ชื่อมีอยา่ งนีเ้ป็นรูป (ยอ่ มมี), อ.พระเถระช่ือวา่ องคลุ มิ าล [อายสมฺ า] องฺคลุ มิ าลตฺเถโร กโรตีติ เถรสสฺ เสตจฺฉตฺต- (ผ้มู อี าย)ุ ยอ่ มกระทำ� ได้ ดงั นี ้ แลดแู ล้ว ซงึ่ ช้างตวั ทรงไว้ซง่ึ เศวตรฉตั ร หตฺถิเมว โอโลเกส.ิ เพ่ือพระเถระนนั้ นน่ั เทียวฯ อ.พระราชา ทรงองั คาสแล้ว ซง่ึ หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้า ราชา ปณีตาหาเรน พทุ ฺธปปฺ มขุ ํ ภิกฺขสุ งฺฆํ เป็ นประมุข ด้วยพระกระยาหารอันประณีต ถวายบังคมแล้ว ปริวิสติ ฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา “ภนฺเต ยํ อิมสมฺ ึ ทานคฺเค ซงึ่ พระศาสดา กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.วตั ถใุ ด) กปปฺ ิยภณฑฺ ํ วา อกปปฺ ิยภณฑฺ ํ วา สพพฺ นตฺ ํ ตมุ หฺ ากเมว ในโรงแหง่ ทาน นี ้ เป็นกปั ปิ ยภณั ฑ์ หรือ หรือวา่ เป็นอกปั ปิ ยภณั ฑ์ เทมีติ อาห. (ยอ่ มเป็น), (อ.หมอ่ มฉนั ) ยอ่ มถวาย (ซง่ึ วตั ถ)ุ นนั้ ทงั้ ปวง แกพ่ ระองค์ ท. นน่ั เทียว ดงั นี ้ฯ ก็ อ.ทรัพย์มีโกฏิ ๑๔ เป็นประมาณ อนั (อนั พระราชา) ตสมฺ ึ โข ปน ทาเน เอกทิวเสเนว ปริจฺจตฺตํ จทุ ฺทส- ทรงบริจาคแล้ว โดยวนั เดียวนน่ั เทียว ยอ่ มมี ในทานนนั้ แล ฯ โกฏิธนํ โหต.ิ ก็ (อ.วตั ถุ ท.) ๔ คือ อ.เศวตฉตั ร อ.บลั ลงั ก์เป็นที่ประทบั นงั่ สตฺถุ ปน “เสตจฺฉตฺตํ นิสีทนปลฺลงฺโก อาธารโก อ.เชิงบาตร อ.ตง่ั น้อยเป็นท่ีรองพระบาท เป็นของหาคา่ มิได้ ปาทปี ฐโกติ จตฺตาริ อนคฺฆาเนว. ปนุ เอวรูปํ กตฺวา นน่ั เทียว (ได้มีแล้ว) เพื่อพระศาสดา ฯ (อ.บคุ คล) ผ้สู ามารถ เพื่ออนั พทุ ฺธานํ ทานํ นาม ทาตํุ สมตฺโถ นาโหส;ิ เตเนว ตํ กระท�ำแล้ว ซึ่งทาน มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป ถวาย ชื่อ ซ่ึงทาน “อสทิสทานนฺติ ปญฺญายิ. แก่พระพุทธเจ้า ท. ไม่ได้มีแล้ว อีก, เพราะเหตุนัน้ น่ันเทียว (อ.ทาน)นนั้ ปรากฏแลว้ วา่ อ.อสทสิ ทาน ดงั นีฯ้ ผลิตส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 53 www.kalyanamitra.org
ได้ยินวา่ (อ.ทาน) นนั้ ยอ่ มมี เพ่ือพระพทุ ธเจ้าทงั้ ปวง ท. ตํ กิร สพฺพพทุ ฺธานํ เอกวารํ โหตเิ ยว. สตฺถุ จ สิน้ วาระหน่ึง น่ันเทียว ฯ อ.หญิงน่ันเทียว ย่อมจัดแจง สพฺเพสญฺจ อิตฺถีเยว สํวทิ หต.ิ รญฺโญ ปน “กาโฬ จ แก่พระศาสดา ด้วย (แก่ภิกษุ ท.) ทงั้ ปวง ด้วย ฯ ก็ อ.อ�ำมาตย์ ท. ๒ ชณุ ฺโห จาติ เทฺว อมจฺจา อเหสํ.ุ เตสุ กาโฬ คือ อ.อ�ำมาตย์ชื่อวา่ กาฬะ ด้วย อ.อ�ำมาตย์ชื่อวา่ ชณุ หะ ด้วย ของ จินฺเตสิ “อโห ราชกลุ สสฺ ปริหานิ, เอกทิวเสเนว พระราชา ได้มแี ล้ว ฯ (ในอำ� มาตย์ ท. ๒) เหลา่ นนั้ หนา อ.อำ� มาตย์ชอื่ จทุ ฺทสโกฏิธนํ ขยํ คจฺฉต,ิ อิเม อิมํ ทานํ วา่ กาฬะ คดิ แล้ว วา่ โอ อ.ความเสื่อมรอบ แหง่ ราชตระกลู , อ.ทรัพย์ ภญุ ฺชิตฺวา คนฺตฺวา นิปนฺนา นิทฺทายิสสฺ นฺต;ิ อโห มีโกฏิ ๑๔ เป็นประมาณ ยอ่ มถงึ ซง่ึ ความสนิ ้ ไป โดยวนั เดียว นฏฺฐํ ราชกลุ นฺต.ิ นนั่ เทียว, (อ.ภิกษุ ท.) เหลา่ นี ้ฉนั แล้ว ซงึ่ ทาน นี ้ไปแล้ว ผ้นู อนแล้ว จกั หลบั , โอ อ.ตระกลู ของพระราชา ฉิบหายแล้ว ดงั นี ้ฯ สว่ นวา่ อ.อ�ำมาตย์ช่ือวา่ ชณุ หะ คดิ แล้ว วา่ โอ อ.ทาน ชณุ ฺโห ปน จินฺเตสิ “อโห รญฺโญ ทานํ, น หิ ของพระราชา, ก็ (อนั ใครๆ) ผ้ไู มด่ ำ� รงอยแู่ ลว้ ในความเป็นแหง่ พระราชา สกฺกา ราชภาเว ออฏเฺ ฐทเิ นตฺโนต เอวรูปํ ทานํ ทาตํ,ุ ไมอ่ าจ เพื่ออนั ถวาย ซง่ึ ทาน มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป, (อ.พระราชา) สพฺพสตฺตานํ ปตฺตึ นาม นตฺถิ; อหํ ปน ช่ือวา่ ผ้ไู มพ่ ระราชทานอยู่ ซงึ่ สว่ นบญุ แก่สตั ว์ทงั้ ปวง ท. ยอ่ มไมม่ ี, อิทํ ทานํ อนโุ มทามีต.ิ ก็ อ.เรา ยอ่ มอนโุ มทนา ซง่ึ ทาน นี ้ดงั นี ้ฯ อ.พระราชา ทรงรับแล้ว ซ่ึงบาตร เพ่ือต้ องการแก่การ สตถฺ ุ ภตตฺ กจิ จฺ าวสาเน ราชา อนโุ มทนตถฺ าย ปตตฺ ํ อนโุ มทนา ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ กิจด้วยภตั ร แหง่ พระศาสดา ฯ คณฺหิ. สตฺถา จินฺเตสิ “รญฺญา มโหฆํ ปวตฺเตนฺเตน อ.พระศาสดา ทรงดำ� ริแล้ว วา่ อ.ทานใหญ่ อนั พระราชา ผ้รู าวกะวา่ วยิ มหาทานํ ทินฺนํ: อสกฺขิ นุ โข มหาชโน จิตฺตํ ทรงยงั ห้วงน�ำ้ ใหญ่ ให้เป็นไปทว่ั อยู่ ทรงถวายแล้ว, อ.มหาชน ปสาเทตํุ อทุ าหุ โนต.ิ ได้อาจแล้ว เพอื่ อนั ยงั จติ ให้เลอื่ มใส หรือ หนอ แล หรือวา่ (อ.มหาชน) ไม(่ ได้อาจแล้ว เพื่ออนั ยงั จิต ให้เลอื่ มใส) ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา) นนั้ ทรงทราบแล้ว ซง่ึ วาระแหง่ จติ ของอำ� มาตย์ ท. โส เตสํ อมจฺจานํ จิตฺตวารํ ญตฺวา “สเจ เหลา่ นนั้ ทรงทราบแล้ว วา่ ถ้าวา่ (อ.เรา) จกั กระทำ� ซงึ่ การอนโุ มทนา รญฺโญ ทานสฺส อนจุ ฺฉวิกํ อนโุ มทนํ กริสฺสามิ; อนั สมควร แก่ทาน ของพระราชา ไซร้, อ.ศีรษะ ของอ�ำมาต์ชื่อ กาฬสสฺ สตตฺ ธา มทุ ธฺ า ผลสิ สฺ ต,ิ ชณุ โฺ ห โสตาปตตฺ ผิ เล วา่ กาฬะ จกั แตก โดยสว่ น ๗, อ.อ�ำมาตย์ชื่อวา่ ชณุ หะ จกั ตงั้ อยู่ เปอตวฏิรฺูปฐํหิสทสฺ าตนีตํิ ญตฺวา กาเฬ อนกุ มปฺ ํ ปฏิจฺจ เฉพาะ ในโสดาปัตตผิ ล ดงั นี ้ ทรงอาศยั แล้ว ซง่ึ ความอนเุ คราะห์ ทตฺวา ติ สสฺ รญฺโญ จตปุ ปฺ ทิกํ ในอ�ำมาตย์ชื่อวา่ กาฬะ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา อนั ประกอบแล้ว คาถเมว วตฺวา อฏุ ฺฐายาสนา วหิ ารํ คโต. ด้วยบท ๔ น่ันเทียว แก่พระราชา ผู้ ทรงถวายแล้ว ซึ่งทาน มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป ประทับยืนแล้ว เสด็จลุกขึน้ แล้ว จากอาสนะ เสดจ็ ไปแล้ว สวู่ หิ าร ฯ อ.ภิกษุ ท. ถามแล้ว ซงึ่ พระเถระช่ือวา่ องคลุ มิ าล วา่ ดกู ่อนทา่ น ภิกฺขู องฺคลุ มิ าลตฺเถรํ ปจุ ฺฉึสุ “กึ นุ โข อาวโุ ส ผ้มู ีอายุ (อ.ทา่ น) เหน็ แล้ว ซงึ่ ช้างตวั อนั โทษประทษุ ร้ายแล้ว ตวั ยืน “ทนฏุ ฺฐหภตายฺถาึ มฉิ ตอฺตาวํ โุ สธตา.ิเรตฺวา ติ ํ ทิสฺวา ภายสีติ. กนั้ แล้ว ซงึ่ ฉตั ร ยอ่ มกลวั หรือ หนอ แล ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระชื่อวา่ - องคุลีมาล กล่าวแล้ว) ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ท. อ.กระผม ยอ่ มไมก่ ลวั ดงั นี ้ฯ (อ.ภกิ ษุ ท.) เหลา่ นนั้ เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซงึ่ พระศาสดา กราบทลู แล้ว เต สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา อาหํสุ “องฺคลุ มิ าโล ว่า ข้ าแต่พระองค์ผู้เจริญ อ.พระองคุลิมาล ย่อมพยากรณ์ ภนฺเต อญฺญํ พฺยากโรตีต.ิ ซง่ึ พระอรหตั ผลอนั บคุ คลพงึ รู้ย่ิง ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ว่า ดูก่อนภิกษุ ท. อ.องคุลีมาล สตฺถา “น ภิกฺขเว องฺคลุ มิ าโล ภายติ, ขีณาสว- ยอ่ มกลวั หามไิ ด้, เพราะวา่ อ.ภกิ ษุ ท. ผ้เู ชน่ กบั ด้วยบตุ ร ของเรา อสุ ภานํ หิ อนตฺ เร เชวฏตฺฐฺวกาอสุ พภฺรสาทหสิ ฺมาณวมคมฺเคปคตุ าตฺ ถสมทาสิ หา ผ้เู ชน่ กบั ด้วยโคผ้ตู วั เจริญทสี่ ดุ ในระหวา่ ง แหง่ โคผ้คู อื ผ้ขู ณี าสพ ท. ภิกฺขู น ภายนฺตีติ ยอ่ มไมก่ ลวั ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ในพราหมณวรรค วา่ 54 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.เรา ย่อมเรียก (ซึ่งบคุ คล) ผูอ้ งอาจ ผูป้ ระเสริฐ “อสุ ภํ ปวรํ วีรํ มเหสึ วิชิตาวินํ ผู้แกล้วกล้า ผู้แสวงหาซ่ึงคุณใหญ่โดยปกติ อเนชํ นหฺ าตกํ พทุ ฺธํ ตมหํ พรฺ ูมิ พรฺ าหฺมณนตฺ ิ. ผูช้ นะโดยวิเศษแลว้ ผูไ้ ม่หวนั่ ไหว ผูอ้ าบแลว้ ผูร้ ู้แลว้ นน้ั ว่าเป็นพราหมณ์ ดงั นี้ ฯ แม้ อ.พระราชา ผ้ทู รงถงึ แล้วซงึ่ ความโทมนสั (ทรงดำ� ริแล้ว) วา่ ราชาปิ โทมนสสฺ ปปฺ ตฺโต “เอวรูปาย ปริสาย อ.พระศาสดา ไมท่ รงกระท�ำแล้ว ซงึ่ การอนโุ มทนา อนั สมควร มชฺเฌ ทานํ ทตฺวา ติ สฺส มยฺหํ อนจุ ฺฉวกิ ํ อนโุ มทนํ แก่เรา ผู้ ถวายแล้ว ซง่ึ ทาน ยืนแล้ว ในทา่ มกลาง แหง่ บริษัท อกตฺวา คาถเมว วตฺวา สตฺถา ออนฏุ ฺนฐาจุ ยฺฉาวสิกนํ กาตคํ ภโตว,สิ มฺสยตา,ิ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถานน่ั เทียว เสดจ็ ลกุ ขนึ ้ แล้ว สตฺถุ อนจุ ฺฉวกิ ํ ทานํ อกตฺวา จากอาสนะ เสดจ็ ไปแล้ว, (อ.ทาน) อนั ไมส่ มควร เป็นทาน อนั เรา กปปฺ ิยภณฑฺ ํ อทตวฺ า อกปปฺ ิยภณฑฺ เมว ทนิ นฺ ํ ภวสิ สฺ ต,ิ ไมก่ ระท�ำแล้ว ซง่ึ ทาน อนั สมควร แก่พระศาสดา กระท�ำแล้ว สตฺถารา เม กปุ ิ เตน ภวิตพฺพํ, ยสฺส กสฺสจิ นาม จกั เป็น, อ.ภณั ฑะอนั เป็นอกปั ปิ ยะนน่ั เทียว เป็นของ (อนั เรา) สทตานฺถาานรํ รุ ูปวํ นฺทอนิตโฺุวมาทนเอํ ตกทาโตวํุ จวฏ“ฺ ฏกิตนีตฺนิุ วิหารํ คนฺตฺวา ไมถ่ วายแล้ว ซงึ่ ภณั ฑะอนั เป็นกปั ปิ ยะ ถวายแล้ว จกั เป็น, อนั เรา โข เม ภนฺเต เป็นผู้ อนั พระศาสดา ทรงพโิ รธแล้ว พงึ เป็น, อ.อนั (อนั พระศาสดา) ทาตพฺพยตุ ฺตกํ ทานํ น ทินฺนํ อทุ าหุ ทานานรุ ูปํ ทรงกระทำ� ซงึ่ การอนโุ มทนา อนั สมควรแกท่ าน ชอ่ื (แกบ่ คุ คล)ใดบคุ คล กปปฺ ิ ยภณฺฑํ อทตฺวา อกปปฺ ิ ยภณฺฑเมว ทินฺนนฺติ. หนงึ่ ยอ่ มควร ดงั นี ้ เสดจ็ ไปแล้ว สวู่ ิหาร ถวายบงั คมแล้ว ซงึ่ พระศาสดา ได้กราบทลู แลว้ (ซง่ึ พระดำ� รสั ) นน่ั วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เูจรญิ อ.ทาน อนั ควรแล้วแกท่ าน (อนั บคุ คล) พงึ ให้ อนั หมอ่ มฉนั ไม่ถวายแล้ว หรือ หนอ แล หรือว่า อ.ภัณฑะอันเป็ นอกัปปิ ยะ นน่ั เทียว (อนั หมอ่ มฉนั ) ไมถ่ วายแล้ว ซง่ึ ภณั ฑะอนั เป็นกปั ปิ ยะ อนั สมควรแก่ทาน ถวายแล้ว ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ ดกู อ่ นมหาบพติ ร (อ.เหต)ุ นน่ั “กเิ มตํ มหาราชาต.ิ “น เม ตมุ เฺ หหิ ทานานจุ ฉฺ วกิ า อะไร ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา กราบทลู แล้ว) วา่ อ.การอนโุ มทนา อนโุ มทนา กตาต.ิ “มหาราช อนจุ ฺฉวิกเมว เต ทานํ อนั สมควรแก่ทาน อนั พระองค์ ท. ไมท่ รงกระท�ำแล้ว แก่หมอ่ มฉนั ทินฺนํ, เอตํ หิ อสทิสทานํ นาม, เอกสฺส พทุ ฺธสสฺ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร อ.ทาน เอกวารเมว สกฺกา ทาตํ,ุ ปนุ เอวรูปํ นาม ทานํ อนั สมควรนนั่ เทียว อนั พระองค์ ทรงถวายแล้ว, จริงอยู่ (อ.ทาน) นน่ั ททุ ฺททนฺต.ิ “อถ กสมฺ า เม ภนฺเต ทานานรุ ูปํ อนโุ มทนํ ช่ือวา่ เป็นอสทิสทาน (ยอ่ มเป็น), (อ.อสทิสทานนี ้ อนั ใคร ๆ) อาจ น กริตฺถาต.ิ “ปริสาย อสทุ ฺธตฺตา มหาราชาต.ิ เพื่ออนั ถวาย แก่พระพทุ ธเจ้า พระองค์หนง่ึ สนิ ้ วาระหนง่ึ นนั่ เทียว, “ โก นุ โข ภนฺเต ปริสาย โทโสต.ิ อ.ทาน ช่ือ มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป เป็ นทานอนั บคุ คลถวายได้โดยยาก อีก (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.พระราชา ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ ผู้เจริญ (ครัน้ เมื่อความเป็ น) อย่างนัน้ (มีอยู่) อ.พระองค์ ท. ไมท่ รงกระทำ� แล้ว ซง่ึ การอนโุ มทนา อนั สมควรแกท่ าน แกห่ มอ่ มฉนั เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร (อ.อาตมภาพ ไมก่ ระท�ำแล้ว ซงึ่ การอนโุ มทนา อนั สมควรแก่ทาน แก่พระองค์)เพราะความที่แห่งบริษัทเป็ นบริษัทไม่หมดจดแล้ว ดงั นี ้ฯ (อ.พระราชา ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.โทษ อะไร หนอ แล (ยอ่ มมี) แก่บริษัท ดงั นี ้ฯ ครัง้ นัน้ อ.พระศาสดา ตรัสบอกแล้ว ซึ่งวาระแห่งจิต อถสฺส สตฺถา ทฺวินฺนํปิ อมจฺจานํ จิตฺตวารํ ของอ�ำมาตย์ ท. แม้ ๒ (แก่พระราชา) นนั้ ตรัสบอกแล้ว ซง่ึ ความที่- อาโรเจตฺวา กาเฬ อนกุ มปฺ ํ ปฏิจฺจ อนโุ มทนาย แห่งการอนุโมทนา เป็ นกิริยา (อันพระองค์) ไม่ทรงกระท�ำแล้ว อกตภาวํ อาจิกฺขิ. เพราะอาศยั ซง่ึ ความอนเุ คราะห์ ในอ�ำมาตย์ชื่อวา่ กาฬะ ฯ อ.พระราชา ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู อ่ นกาฬะ ได้ยนิ วา่ (อ.ความคดิ ) ราชา “สจฺจํ กิร เต กาฬ เอวํ จินฺตติ นฺติ ปจุ ฺฉิตฺวา, อยา่ งนี ้อนั ทา่ น คดิ แล้ว จริงหรือ ดงั นี ้ฯ (ครนั้ เมอื่ คำ� ) วา่ (อ.ความคดิ “สจฺจนฺติ วตุ ฺเต, อยา่ งนี ้อนั ข้าพระองค์ คดิ แล้ว) จริง ดงั นี ้(อนั อ�ำมาตย์ชื่อวา่ กาฬะ) กราบทลู แล้ว, ผลิตส่อื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 55 www.kalyanamitra.org
(ตรัสแล้ว) วา่ ครัน้ เมื่อเรา กบั ด้วยบตุ รและทาระ ท. ของเรา “ตว สนฺตกํ อคฺคเหตฺวา มม ปตุ ฺตทาเรหิ สทฺธึ ไมถ่ ือเอาแล้ว ซง่ึ วตั ถอุ นั เป็นของมีอยู่ ของทา่ น ถวายอยู่ ซงึ่ วตั ถุ มยิ อตฺตโน สนฺตกํ เทนฺเต ตยุ ฺหํปิ กา หานิ? ยํ อนั เป็นของมีอยู่ ของตน อ.ความเบยี ดเบยี น อะไร (ยอ่ มม)ี แม้แก่ เต มยา ทตเินํตรฺนฏํ,เตฺฐอําวํทนินจีหฺินนรฺเติตมติ ฺววนาฺตโชิหณุ ตป;ุจฺหุ ฺฉํ ริตปฏฺวฺกฐาฺโโ,ตกส“าสปเจนปฺจตนฺวเมฺตาิ ทา่ น, (อ.วตั ถ)ุ ใด อนั เรา ให้แล้ว แกท่ า่ น, (อ.วตั ถ)ุ นนั้ เป็นวตั ถุ (อนั เรา) นิกฺขมาติ ให้แล้วนน่ั เทยี ว จงเป็น, แตว่ า่ อ.ทา่ น จงออกไป จากแวน่ แคว้น “สจฺจํ กิร ของเรา ดงั นี ้ ทรงน�ำออกแล้ว (ซึ่งอ�ำมาตย์ช่ือว่ากาฬะ) นัน้ วตุ ฺเต, “สาธุ มาตลุ , ปสนฺโนสฺมิ, ตฺวํ มม รชฺชํ จากแว่นแคว้น (ทรงยังราชบุรุษ)ให้ร้องเรียกแล้ว ซงึ่ อ�ำมาตย์ คเหตฺวา มยา ทินฺนนิยาเมเนว สตฺต ทิวสานิ ชื่อวา่ ชณุ หะ ตรัสถามแล้ว วา่ ได้ยินวา่ (อ.ความคดิ ) อยา่ งนี ้ ทานํ เทหีติ ตสฺส สตฺตาหํ รชฺชํ นิยฺยาเทตฺวา อนั ทา่ น คดิ แล้ว จริง หรือ ดงั นี (้ ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ (อ.ความคดิ อยา่ งนี ้ สตฺถารํ อาห “ปสสฺ ถ ภนฺเต พาลสฺส การณํ, อนั ข้าพระองค์ คดิ แล้ว) จริง ดงั นี ้ (อนั อ�ำมาตย์ชื่อวา่ ชณุ หะ) มยา เอวํ ทินฺเน ทาเน ปหารํ อทาสตี .ิ กราบทลู แล้ว, (ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนลงุ อ.ดีละ (อ.เรา) เป็นผู้ เลอื่ มใสแล้ว ยอ่ มเป็น, อ.ทา่ น ถือเอาแล้ว ซงึ่ ความเป็นแหง่ พระ- ราชา ของเรา จงถวาย ซงึ่ ทาน สนิ ้ วนั ท. ๗ โดยนิยามแหง่ ทาน (อนั เรา) ถวายแล้วนนั่ เทียว ดงั นี ้ ทรงมอบให้แล้ว ซง่ึ ความ เป็นแหง่ -พระราชา ตลอดวนั ๗ (แก่อ�ำมาตย์ช่ือวา่ ชณุ หะ)นนั้ กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.พระองค์ ท.) ขอจง ทอดพระเนตร ซง่ึ การกระท�ำ แหง่ คนพาล, (อ.คนพาล) ได้ให้แล้ว ซงึ่ การประหาร ในทาน อนั อนั หมอ่ มฉนั ถวายแล้ว อยา่ งนี ้ ดงั นี ้ กะพระศาสดา ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร ขอถวายพระพร สตฺถา “อาม มหาราช, พาลา นาม ปรสสฺ ทานํ (อ.อยา่ งนนั้ ) ช่ือ อ.คนพาล ท. ไมย่ นิ ดยี ง่ิ แล้ว ซง่ึ ทาน (ของบคุ คล) อนภินนฺทิตฺวา ทคุ ฺคตปิ รายนา โหนฺต,ิ ธีรา ปน อนื่ เป็นผ้มู ที คุ ตเิ ป็นทไี่ ปในเบอื ้ งหน้า ยอ่ มเป็น, สว่ นวา่ อ.นกั ปาราชญ์ ท. ปเรสํปิ ทานํ อนโุ มทิตฺวา สคฺคปรายนา เอว อนโุ มทนาแล้ว ซง่ึ ทาน (ของชน ท.) แม้เหลา่ อ่ืน เป็นผ้มู ีสวรรค์เป็น โหนฺตีติ วตฺวา อิมํ คาถมาห ทไี่ ปในเบอื ้ งหน้านนั่ เทยี ว ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ (อ.ชน ท.) ผมู้ ีความตระหนี่ ยอ่ มไป สเู่ ทวโลก หามิได้ แล, “น เว กทริยา เทวโลกํ วชนตฺ ิ, อ.คนพาล ท. แล ย่อมไม่สรรเสริญ ซึ่งทาน, ส่วนว่า พาลา หเว นปปฺ สํสนตฺ ิ ทานํ, อ.นกั ปราชญ์ เป็นผูอ้ นโุ มทนาอยู่ ซึ่งทาน (ย่อมเป็น), ธีโร จ ทานํ อนโุ มทมาโน (อ.นกั ปราชญ์) นนั้ เป็นผมู้ ีความสขุ (ในโลก) อืน่ ยอ่ มเป็น เตเนว โส โหติ สขุ ี ปรตฺถาติ. เพราะบญุ อนั บงั เกิดแลว้ แต่การอนโุ มทนาซ่ึงทาน นน่ั นนั่ เทียว ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ผ้มู คี วามตระหนก่ี ระด้าง (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ ตตฺถ “กทริยาติ: ถทฺธมจฺฉริโน. พาลาติ: หนา (แหง่ บท) วา่ กทริยา ดงั นี ้ ฯ (อ.ชน ท.) ผ้ไู มร่ ู้ ซง่ึ ประโยชน์ อิธโลกปรโลกตฺถํ อชานนกา. ธีโรติ: ปณฺฑิโต. ในโลกนีแ้ ละประโยชน์ในโลกอื่น ชื่อวา่ พาลา ฯ อ.บณั ฑิต ช่ือวา่ สุขี ปรตถฺ าต:ิ เตเนว โส ทานานโุ มทนปญุ ฺเญน ธีโรฯ(อ.อรรถ)วา่ (อ.นกั ปราชญ์)นนั้ เสวยอยู่ซง่ึ สมบตั อิ นั เป็นทิพย์ ปรโลเก ทิพฺพสมปฺ ตฺตึ อนภุ วมาโน สขุ ี โหตีต.ิ ช่ือวา่ เป็นผ้มู ีสขุ ในโลกอ่ืน ยอ่ มเป็น เพราะบญุ อนั บงั เกิดแล้ว แตก่ ารอนโุ มทนาซงึ่ ทาน นนั้ นนั่ เทียว ดงั นี ้ (แหง่ หมวดสองแหง่ - บท)วา่ สุขี ปรตถฺ ดงั นี ้ ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา อ.อ�ำมาตย์ชื่อวา่ ชณุ หะ ตงั้ อย-ู่ เทสนาวสาเน ชณุ ฺโห โสเทตสานปาตฺตอผิ โเหลส.ิ ปตชฏิณุ ฺฐฺโหหิ. เฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ฯ อ.พระเทศนา เป็นเทศนาเป็นไป สมปฺ ตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา กบั ด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว แม้แก่บริษัทผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ฯ โสตาปนฺโน หตุ ฺวา สตฺตาหํ รญฺโญ ทินฺนนิยาเมเนว อ.อ�ำมาตย์ช่ือวา่ ชณุ หะ เป็นพระโสดาบนั เป็น ได้ถวายแล้ว ทานํ อทาสีต.ิ ซงึ่ ทาน โดยนยิ ามแหง่ ทาน อนั พระราชา ทรงถวายแล้วนนั่ เทยี ว ตลอด วนั ๗ ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งทานอันไม่มีทานอ่ืนเช่นกับ อสทสิ ทานวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ 56 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๑๑. อ.เร่ืองแห่งนายกาละผู้เป็ นบุตรของเศรษฐี ๑๑. อนาถปิ ณฺฑกิ ปุตตฺ กาลวตถฺ ุ. ช่ือว่าอนาถบณิ ฑกิ ะ (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมอื่ ประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ ซง่ึ บตุ ร “ปฐพยฺ า เอกรชเฺ ชนาติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ของเศรษฐีชอื่ วา่ อนาถบณิ ฑกิ ะ ชอ่ื วา่ กาละ ตรสั แล้ว ซง่ึ พระธรรเทศนา เชตวเน วิหรนฺโต กาลํ นาม อนาถปิ ณฺฑิกสสฺ ปตุ ฺตํ นี ้วา่ ปฐพยฺ า เอกรชเฺ ชน ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อารพฺภ กเถส.ิ ได้ยินวา่ (อ.นายกาละ)นนั้ เป็นบตุ รของเศรษฐี ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว โส กิร ตถาวิธสสฺ สทฺธาสมปฺ นฺนสสฺ นเสฏฺเฐคโิ นหํ ด้วยศรัทธา ผ้มู ีอยา่ งนนั้ เป็นรูป เป็น (ยอ่ มปรารถนา) เพื่ออนั ไป ปตุ ฺโต หตุ ฺวา เนว สตฺถุ สนฺตกิ ํ คนฺตํ,ุ สู่ส�ำนัก ของพระศาสดา หามิได้ น่ันเทียว, (ย่อมปรารถนา) กอาาคตตํุ อกิจาฺฉเลต;ิทปฏิฺตฐํุ,ราน ธมมฺ ํ โสต,ํุ น สงฆฺ สสฺ เวยยฺ าวจจฺ ํ เพื่ออนั เฝ้ า ในกาล (แหง่ พระศาสดา) เสดจ็ มาแล้ว สเู่ รือน หามิได้, วจนํ น สณุ าต.ิ “มา เอวํ ตาต กรีติ วตุ ฺโตปิ ตสสฺ (ยอ่ มปรารถนา) เพ่ืออนั ฟัง ซงึ่ ธรรม หามิได้, ยอ่ มปรารถนา เพอื่ อนั กระทำ� ซง่ึ ความขวนขวาย แกพ่ ระสงฆ์ หามไิ ด้, แม้ผ้อู นั บดิ า กล่าวแล้ว ว่า แน่ะพ่อ (อ.เจ้ า) อย่ากระท�ำแล้ว อย่างนี ้ ดังนี ้ ยอ่ มไมฟ่ ัง ซง่ึ ค�ำ (ของบดิ า) นนั้ ฯ ครัง้ นนั้ อ.บดิ า (ของนายกาละ) นนั้ คดิ แล้ว วา่ (อ.บตุ ร) นี ้ วิจรนอฺโถตสฺสอวปีจิ ติปาราจยินโนฺเตสภิ ว“อิสยสฺ ํตเ;ิอวนรูปํ โขทิฏฺปฐึนคเหเมตฺวตาํ ถือเอา ซงึ่ ทิฏฐิ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป เที่ยวไปอยู่ เป็นผ้มู ีนรกชื่อวา่ - ปฏิรูปํ , ยํ มยิ ปสฺสนฺเต มม ปตุ ฺโต นิรยํ คจฺเฉยฺย; อเวจีเป็นท่ีไปในเบือ้ งหน้า จกั เป็น, ก็ ครัน้ เม่ือเรา เหน็ อยู่ อ.บตุ ร อมิ สมฺ ึ โข ปน โลเก ธนทาเนน อนภชิ ฌฺ นกสตโฺ ต นาม ของเรา พงึ ไป สนู่ รก ใด, (อ.อนั ไป สนู่ รก แหง่ บตุ ร ของเรา) นนั้ นตฺถิ, ธเนน นํ ภินฺทิสฺสามีต.ิ เป็นเหตสุ มควร แก่เรา (ยอ่ มเป็น) หามิได้ แล, ก็ ช่ือ อ.สตั ว์ผ้ไู มเ่ พง่ เลง็ ด้วยการให้ซง่ึ ทรัพย์ ยอ่ มไมม่ ี ในโลก นี ้แล, (อ.เรา) จกั ท�ำลาย (ซงึ่ ทิฏฐิ) นนั้ ด้วยทรัพย์ ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ (อ.เศรษฐี) กลา่ วแล้ว (กะนายกาละ) นนั้ วา่ อถ นํ อาห “ตาต อโุ ปสถิโก หตุ ฺวา วิหารํ คนฺตฺวา แนะ่ พอ่ (อ.เจ้า) เป็นผ้รู ักษาซง่ึ อโุ บสถ เป็น ไปแล้ว สวู่ ิหาร ฟังแล้ว ธมมฺ ํ สตุ ฺวา เอหิ, กหาปณสตํ เต ทสฺสามีต.ิ “ทสฺสถ ซง่ึ ธรรม จงมา, (อ.เรา) จกั ให้ ซง่ึ ร้อยแหง่ กหาปณะ แก่เจ้า ดงั นี ้ ฯ ตาตาต.ิ “ทสสฺ ามิ ปตุ ฺตาติ. โส ยาวตตยิ ํ ปฏิญฺญํ (อ.นายกาละ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ อ่ (อ.ทา่ น ท.) จกั ให้ หรือ ดงั นี ้ฯ คเหตฺวา อโุ ปสถิโก หตุ ฺวา วิหารํ อคมาส.ิ (อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว)วา่ แนะ่ ลกู (อ.เรา)จกั ให้ ดงั นีฯ้ (อ.นายกาละ) รับแล้ว ซง่ึ ปฏิญญา เพียงใดแหง่ วาระที่ ๓ เป็นผ้รู ักษา ซงึ่ อโุ บสถ เป็น ได้ไปแล้ว สวู่ ิหาร ฯ แตว่ า่ อ.กิจ ด้วยการฟังซงึ่ ธรรม ยอ่ มไมม่ ี (แก่นายกาละ) นนั้ , ธมมฺ สสฺ วเนน ปนสสฺ กจิ จฺ ํ นตถฺ ;ิ ยถาผาสกุ ฏฺฐาเน (อ.นายกาละ นนั้ )นอนแล้ว ในที่อนั สำ� ราญอยา่ งไร ได้ไปแล้ว สยิตฺวา ปาโตว เคหํ อคมาส.ิ สเู่ รือน ในเวลาเช้าเทียว ฯ ครัง้ นนั้ อ.บดิ า (ของนายกาละ) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ อ.ลกู ของเรา อถสสฺ ปิ ตา “ปตุ ฺโต เม อโุ ปสถิโก อโหส,ิ สฆี มสสฺ เป็นผ้รู ักษาซง่ึ อโุ บสถ ได้เป็นแล้ว, (อ.เจ้า ท. )จงน�ำมา (ซง่ึ ภตั ร ท.,- ยาคอุ าทีนิ อาหรถาติ วตฺวา ทาเปส.ิ ซงึ่ โภชนะ ท.) มีข้าวต้มเป็นต้น (แก่บตุ ร) นนั้ พลนั ดงั นี ้ (ยงั บคุ คล) ให้ให้แล้ว ฯ (อ.นายกาละ) นนั้ ห้ามแล้ว ซงึ่ อาหาร (ด้วยค�ำ) วา่ (อ.เรา) โส “กหาปณํ อคฺคเหตฺวา น ภญุ ฺชิสสฺ ามีติ อาหารํ ไมร่ ับแล้ว ซง่ึ กหาปณะ จกั ไม่ ดงั นี ้ฯ ปฏิกฺขิปิ . อถสฺส ปิ ตา ปี ฬํ อสหนฺโต กหาปณภณฺฑิกํ ครัง้ นนั้ อ.บดิ า (ของนายกาละ) นนั้ อดกลนั้ ไมไ่ ด้อยู่ ทาเปส.ิ ซง่ึ อนั รบเร้า (ยงั บคุ คล) ให้ให้แล้ว ซงึ่ หอ่ มีภณั ฑะคือกหาปณะ ฯ ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 57 www.kalyanamitra.org
(อ.นายกาละ) นัน้ รับแล้ว (ซึ่งห่อมีภัณฑะคือกหาปณะ) นัน้ โส ตํ หตฺเถน คเหตฺวาว อาหารํ ปริภญุ ฺชิ. ด้วยมือ เทียว บริโภคแล้ว ซง่ึ อาหาร ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั รุ่งขนึ ้ อ.เศรษฐี สง่ ไปแล้ว (ซงึ่ นายกาละ) นนั้ เต อถ นํ ปสนุ ตทฺถิวุเสปรุ เโสตฏฺฐฐี ต“ฺวตาาตเอกกเหมาวปณธมสมฺหปสทฺสํํ (ด้วยค�ำ) วา่ แนะ่ พอ่ (อ.เรา) จกั ให้ ซงึ่ พนั แหง่ กหาปณะ แก่เจ้า, ทสสฺ ามิ; (อ.เจ้า) ยืนแล้ว ข้างพระพักตร์ ของพระศาสดา เรียนเอาแล้ว อคุ ฺคณฺหิตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสีติ เปเสส.ิ ซง่ึ บทแหง่ ธรรม บทหนงึ่ นนั่ เทียว พงึ มา ดงั นี ้ฯ (อ.นายกาละ) นนั้ ไปแล้ว สวู่ ิหาร ยืนแล้ว ข้างพระพกั ตร์ โส วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ปรุ โต ฐตฺวา เอกเมว ของพระศาสดา เป็นผ้ใู ครเ่ พอ่ื อนั เรยี นเอาแล้ว ซงึ่ บทแหง่ ธรรม บทหนง่ึ ธมมฺ ปทํ อคุ ฺคณฺหิตฺวา ปลายิตกุ าโม อโหส.ิ นนั่ เทียว หนีไป ได้เป็นแล้ว ฯ ครัง้ นัน้ อ.พระศาสดา ได้ทรงกระท�ำแล้ว ซึ่งอาการคือ อถสฺส สตฺถา อสลฺลกฺขณาการํ อกาส.ิ โส ตํ อนั กำ� หนดไมไ่ ด้ (แกน่ ายกาละ) นนั้ ฯ (อ.นายกาละ)นนั้ กำ� หนดไมไ่ ด้แลว้ ปทํ อสลฺลกฺเขตฺวา “อุปริปทํ อุคฺคณฺหิสฺสามีติ ซงึ่ บท นนั้ ได้ยนื ฟังแล้วนนั่ เทยี ว (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ.เรา) จกั เรียนเอา ฐตฺวา อสโฺ สสเิ ยว. ซง่ึ บทในเบือ้ งบน ดงั นี ้ฯ ได้ยนิ วา่ (อ.ชน ท.) เมอื่ ฟัง (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ.เรา ) จกั เรียนเอา “อคุ ฺคณฺหิสสฺ ามีติ สณุ นฺตาว กิร สกฺกจฺจํ สณุ นฺติ ดังนี ้ เทียว ชื่อว่า ย่อมฟัง เคารพ ฯ ก็ อ.ธรรม ย่อมให้ นาม. เอวญฺจ นาม สณุ นฺตานํ ธมโฺ ม โสตาปตฺต-ิ (ซ่ึงมรรค ท.) มีโสดาปัตติมรรคเป็ นต้น (แก่ชน ท.) ผู้ฟังอยู่ มคฺคาทโย เทต.ิ โสปิ “อคุ ฺคณฺหิสสฺ ามีติ สณุ าต.ิ ช่ือ อยา่ งนี ้ ฯ (อ.นายกาละ) แม้นนั้ ยอ่ มฟัง (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ.เรา) จกั เรียนเอา ดงั นี ้ฯ แม้ อ.พระศาสดา ยอ่ มทรงกระทำ� ซง่ึ อาการคอื อนั กำ� หนดไมไ่ ด้ สตฺถาปิ สฺส อสลฺลกฺขณาการํ กโรต.ิ โส “อปุ ริปทํ (แกน่ ายกาละ) นนั้ ฯ (อ.นายกาละ) นนั้ ยนื ฟังอยู่ (ด้วยความคดิ ) วา่ อคุ ฺคณฺหิสสฺ ามีติ ฐตฺวา สณุ นฺโตว โสตาปตฺตผิ เล (อ.เรา) จกั เรียนเอา ซงึ่ บทในเบือ้ งบน ดงั นี ้เทียว ยอ่ มตงั้ อยเู่ ฉพาะ ปตฏิ ฺฐาต.ิ ในโสดาปัตตผิ ล ฯ ในวนั รุ่งขนึ ้ (อ.นายกาละ) นนั้ ได้เข้าไปแล้ว สเู่ มืองช่ือวา่ - โส ปนุ ทิวเส พทุ ฺธปปฺ มเุ ขน ภิกฺขสุ งฺเฆน สทฺธึเยว สาวตั ถี กบั ด้วยหมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ นน่ั เทียว ฯ สาวตฺถึ ปาวสิ .ิ อ.มหาเศรษฐี เหน็ แล้ว (ซง่ึ นายกาละ) นนั้ เทียว คดิ แล้ว วา่ รุจฺจตมีตหิ าจเสินฏฺเฺตฐีสต.ิ ํ ทิสวฺ าว “อชฺช เม ปตุ ฺตสฺส อากาโร ในวนั นี ้ อ.อาการของบตุ รอนั เรายอ่ มชอบใจดงั นี ้ ฯ(อ.ความคดิ )นนั่ วา่ ตสฺสปิ เอตทโหสิ “อโห วต เม โอ หนอ ในวนั นี ้อ.บดิ า ของเรา ไมพ่ งึ ให้ ซง่ึ กหาปณะ ท. ในสำ� นกั ปิ ตา อชฺช สตฺถุ สนฺตเิ ก กหาปเณ น ทเทยฺย, ของพระศาสดา, พงึ ปกปิด ซง่ึ ความที่ แหง่ เรา เป็นผ้รู กั ษาซง่ึ อโุ บสถ กหาปณการณา มยฺหํ อโุ ปสถิกภาวํ ปฏิจฺฉาเทยฺยาต.ิ เพราะเหตแุ หง่ กหาปณะ ดงั นี ้ได้มีแล้ว (แก่นายกาละ) แม้นนั้ ฯ ก็ อ.พระศาสดา ได้ทรงทราบแล้ว ซงึ่ ความท่ี (แหง่ นายกาละ) สตฺถา ปนสสฺ หีโย กหาปณการณา อโุ ปสถิกภาวํ นนั้ เป็นผ้รู ักษาซง่ึ อโุ บสถ เพราะเหตแุ หง่ กหาปณะ ในวนั วาน ฯ ยอญาคฺญํุ ทาาสเ.ิ ปตมฺวหาาเปสตุฏฺตฺฐสี ฺสพปทุิ ฺธทปาปฺเปมสขุ .ิ สฺส ภิกฺขสุ งฺฆสฺส อ.มหาเศรษฐี (ยงั บคุ คล) ให้ถวายแล้ว ซงึ่ ข้าวต้ม แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ (ยงั บคุ คล) ให้ให้แล้ว แม้แก่บตุ ร ฯ (อ.นายกาละ) นนั้ นง่ั แล้ว ผ้เู ป็นผ้นู ่ิงเป็นแล้วเทียว ดื่มแล้ว โส นิสีทิตฺวา ตณุ ฺหีภโู ตว ยาคํุ ปิ วิ ขาทนียํ ซง่ึ ข้าวต้ม เคีย้ วกินแล้ว ซง่ึ ของอนั บคุ คลพงึ เคีย้ ว บริโภคแล้ว ขาทิ ภตฺตํ ภญุ ฺชิ. ซงึ่ ข้าวสวย ฯ อ.มหาเศรษฐี (ยงั บคุ คล) ให้วางไว้แล้ว ซงึ่ หอ่ มีภณั ฑะคือ- ปรุ โตมหสาหเสสฺสฏฺภฐีณฺฑสติกํฺถฐุ ปาภเตปฺตตกฺวิจาฺจา“ตวสาตาเนอหํ ปตุ ฺตสสฺ พนั แหง่ กหาปณะ ข้างหน้า ของบตุ ร ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ กิจ- `สหสฺสํ ด้วยภตั ร แหง่ พระศาสดา (กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ พอ่ อ.เรา กลา่ วแล้ว เต ทสสฺ ามีติ วา่ (อ.เรา) จกั ให้ ซง่ึ พนั แหง่ กหาปณะ แก่เจ้า ดงั นี ้ 58 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(ยงั เจ้า) ให้สมาทานแล้ว ซงึ่ อโุ บสถ สง่ ไปแล้ว สวู่ หิ าร, (อ.พนั แหง่ อุโปสถํ สมาทเปตฺวา วิหารํ ปหิณึ, อิทนฺเต กหาปณะ) นี ้เป็นพนั แหง่ กหาปณะ ของเจ้า (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ สหสสฺ นฺต.ิ (อ.นายกาละ) นนั้ เหน็ แล้ว ซงึ่ กหาปณะ ท. อนั (อนั เศรษฐี) ให้อยู่ โส สตถฺ ุ ปรุ โต กหาปเณ ทยี มาเน ทสิ วฺ า ลชชฺ นโฺ ต ข้างพระพกั ตร์ ของพระศาสดา ละอายอยู่ กลา่ วแล้ว วา่ อ.อยา่ เลย “อลํ เม กหาปเณหตี ิ วตวฺ า “คณหฺ ตาตาติ วจุ จฺ มาโนปิ แก่เรา ด้วยกหาปณะ ท. ดงั นี ้ แม้ (อนั บดิ า) กลา่ วอยู่ วา่ แนะ่ พอ่ น คณฺหิ. (อ.เจ้า) จงรับเถิด ดงั นี ้ไมร่ ับแล้ว ฯ ครงั้ นนั้ อ.บดิ า (ของนายกาละ) นนั้ ถวายบงั คมแลว้ ซงึ่ พระศาสดา อถสสฺ ปิ ตา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา “ภนฺเต อชฺช เม กราบทูลแล้ว ว่า ข้ าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในวันนี ้ อ.อาการ ป“มตุ ยฺตาสเสฺ อสอาปกรุ าิมโทร ิวรุจเสฺจต`กีตหิ วาตปฺวณา,ส“ตกํ ึเมตหทาสเสสฺ ฏาฺมฐตีีติิ วตุ ฺเต, ของบตุ ร อนั ข้าพระองค์ ยอ่ มชอบใจ ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือพระด�ำรัส) วา่ วตฺวา ดกู อ่ นมหาเศรษฐี อ.อะไร ดงั นี ้ (อนั พระศาสดา) ตรสั แลว้ กราบทลู วิหารํ เปสโิ ต ปนุ ทิวเส กหาปเณ อคฺคเหตฺวา ภญุ ฺชิตํุ แลว้ วา่ (อ.บตุ ร) นนั่ ผู้ อนั ข้าพระองค์ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.เรา) น อิจฺฉิ; อชฺช ปน ทียมาเนปิ กหาปเณ น อิจฺฉตีติ อาห. จกั ให้ ซงึ่ ร้อยแหง่ กหาปณะ แก่เจ้า ดงั นี ้ สง่ ไปแล้ว สวู่ ิหาร ในวนั อนั มีในก่อน ไมร่ ับแล้ว ซงึ่ กหาปณะ ท. ในวนั รุ่งขนึ ้ ไมป่ รารถนาแล้ว เพื่ออนั บริโภค, แตว่ า่ ในวนั นี ้ (อ.บตุ ร) ยอ่ มไม่ ปรารถนา ซง่ึ กหาปณะ ท. แม้ (อนั ข้าพระองค)์ ให้อยู่ ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู อ่ นมหาเศรษฐี เออ (อ.อยา่ งนนั้ ), สมปฺ ตสตตฺ โถิฺ ตาป“ิ อาเทมวโมลหกาพเสรฺ หฏฺมฺฐ,ิโลอกชสชฺ มตปฺ วตปตฺ ตุหี ตฺ ปิ สิ สฺ โสจตกากฺ ปวตตตตฺฺ --ิิ ใชนาวตนัปนระี ้ เสอร.โิฐสดาแปมัต้กตวผิา่ ลสนมนั่บเตั ทคิ ียือวขอขงพองรบะเตุ จร้าจกัขรอพงรทรา่ ดนิ์ เป็ นคณุ ผลเมว วรนฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห แม้กวา่ - สมบตั ิในเทวโลกและพรหมโลก ท. (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ อ.โสดาปัตติผล เป็นคณุ ชาตประเสริฐ กว่าความเป็น- “ปฐพยฺ า เอกรชฺเชน สคฺคสสฺ คมเนน วา แห่งพระราชาพระองค์เดียว ในแผ่นดิน หรือ หรือว่า สพพฺ โลกาธิปจฺเจน โสตาปตฺติผลํ วรนตฺ ิ. กวา่ การถงึ ซึ่งสวรรค์ หรือวา่ กวา่ ความเป็นแหง่ ผเู้ ป็นใหญ่ ในโลกทงั้ ปวง (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถว่า) กว่าความเป็ นแห่งพระราชาผู้จักรพรรดิ (ดังนี ้ ตตฺถ “ปฐพยฺ า เอกรชเฺ ชนาต:ิ จกฺกวตฺตริ ชฺเชน. ในบท ท.) เหล่านัน้ หนา (แห่งบาทแห่งพระคาถา) ว่า ปฐพฺยา เอกรชเฺ ชน ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ ว่า)) กว่าการบรรลุถึง ซ่ึงสวรรค์ อันมีอย่าง ๒๖ สคคฺ สฺส คมเนน วาต:ิ ฉพฺพีสตวิ ิธสฺส สคฺคสสฺ (ดงั นี ้แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ สคคฺ สฺส คมเนน วา ดงั นี ้ฯ อธิคมเนน. (อ.อรรถ วา่ ) กวา่ ความเป็นแหง่ ผ้เู ป็นใหญ่ในโลก มีประมาณ สพพฺ โลกาธิปจเฺ จนาต:ิ เอตสฺมึ เอตฺตเก โลเก เทา่ นีน้ ี ้ ชื่อวา่ ในโลก ทงั้ ปวง กบั ด้วยนาคและครุฑและเวมานิก- นาคสปุ ณฺณเวมานิกเปเตหิ สทฺธึ สพฺพสมฺ ึ โลเก เปรต ท. (ดงั นี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ สพพฺ โลกาธิปจเฺ จน อาธิปจฺเจน. ดงั นี ้ฯ ผลติ ส่ือการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 59 www.kalyanamitra.org
(อ.อรรถ วา่ ) (อ.พระราชา) แม้ (ทรงยงั บคุ คล) ให้กระท�ำแล้ว โสตาปตตฺ ผิ ลํ วรนฺต:ิ ยสมฺ า เอตฺตเก ฐาเน ซง่ึ ความเป็นแหง่ พระราชา ในท่ี มปี ระมาณเทา่ นี ้ เป็นผ้ไู มท่ รงพ้นแล้ว รชฺชํ กาเรตฺวาปิ นิรยาทีหิ อมตุ ฺโตว โหต,ิ โสตาปนฺโน (จากอบาย ท.) มีนรกเป็ นต้ น เทียว ย่อมเป็ น, ส่วนว่า ปนนนปิพิหฺพติ ตาปฺตาตย;ิ ทตวฺ สาฺมโราหโตุสวฺตาาปสพตพฺตฺ ผิทลพุ เพฺ มโวลปวิ รอํ อฏฺตุฐเฺตมมภนเฺตวิ อ.พระโสดาบนั เป็นผ้มู ปี ระตแู หง่ อบายอนั ปิดแล้ว เป็น แม้เป็นผ้มู กี ำ� ลงั อนั เพลากวา่ พระอริยเจ้าทงั้ ปวง ยอ่ มไมบ่ งั เกิด ในภพ ท่ี ๘ เหตใุ ด, อตฺโถ. เพราะเหตนุ นั้ อ.โสดาปัตติผลนน่ั เทียว เป็นคณุ ชาตประเสริฐ คือ วา่ เป็นคณุ ชาตสงู สดุ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้(แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ โสตาปตตฺ ผิ ลํ วรํ ดงั นี ้ ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นี ้แล ฯ อ.เร่ืองแห่งนายกาละผู้เป็ นบุตรของเศรษฐีช่ือว่า- อนาถปิ ณฺฑกิ ปุตตฺ กาลวตถฺ ุ. อนาถบณิ ฑกิ ะ โลกวคคฺ วณฺณนา นิฏฺ ฐิตา. (จบแล้ว) ฯ เตรสโม วคโฺ ค. อ.กถาเป็ นเคร่ืองพรรณนาซ่งึ เนือ้ ความแห่งวรรค อันบณั ฑติ กำ� หนดแล้วด้วยโลก จบแล้ว ฯ อ.วรรค ท่ี ๑๓ (จบแล้ว) ฯ 60 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๑๔. อ.อกถันาบเณัป็ นฑ(เอติ คันกรข่ืำ�อ้หางพพนเดรจรแ้าณลจ้วนะดาก้วซลย่งึ ่าเพวนร)ือ้ะฯคพวุทาธมเแจห้า่งวรรค ๑๔. พุทธฺ วคคฺ วณฺณนา ๑. อ.เร่ืองแห่งธิดาของมาร ๑. มารธีตาวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ที่ควงแหง่ ต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ “ยสฺส ชติ นฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา โพธิมณฺเฑ ทรงปรารภ ซง่ึ ธิดาของมาร ท. ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ วหิ รนฺโต มารธีตโร อารพฺภ กเถส.ิ ยสฺส ชติ ํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ก็ (อ.พระศาสดา) ทรงยงั พระเทศนา ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว มาคนเทฺทสิยนพํ ฺรปานหฺมสณาวสตฺสฺถกิยเํ ถสสม.ิ ฏุ ฺฐาเปตฺวา ปนุ กรุ ุรฏฺเฐ ในเมืองชื่อวา่ สาวตั ถี ตรัสแล้ว แก่พราหมณ์ชื่อวา่ มาคนั ทิยะ ใน- แวน่ แคว้นช่ือวา่ กรุ ุ อีก ฯ ได้ยินวา่ อ.ธิดา ของพราหมณ์ช่ือวา่ มาคนั ทิยะ ในแวน่ แคว้น มาคนกฺทุรุริยฏาฺ เเยฐว กิร มาคนฺทิยพฺราหฺมณสฺส ธีตา ชื่อวา่ กรุ ุ เป็นผ้ชู ื่อวา่ มาคนั ทิยานน่ั เทียว เป็นผ้ทู รงไว้ซงึ่ รูปอนั อดุ ม นาม อโหสิ อตุ ฺตมรูปธรา. ได้เป็นแล้ว ฯ อ.พราหมณ์มหาศาลมิใชห่ นง่ึ ท. ด้วยนนั่ เทียว อ.กษัตริย์- ขตตฺ ยิตมํ หปาฏสฺฐายลามาจน“าธตี รอํ เโนนกเพทฺรตาตู หิ มฺมาณคมนทฺหยิาสสสฺาลปาหณิ เจสึ ว.ุ มหาศาล ท. ด้วย ปรารถนาอยู่ ซง่ึ นางมาคนั ทิยา นนั้ สง่ ไปแล้ว (ซ่ึงข่าวสาส์น) แก่พราหมณ์ช่ือว่ามาคันทิยะ (มีอันให้ รู้) ว่า (อ.พราหมณ์ช่ือวา่ มาคนั ทิยะ) จงให้ ซงึ่ ธิดา แก่เรา ท. ดงั นี ้ (เป็นเหต)ุ ฯ (อ.พราหมณช์ อื่ วา่ มาคนั ทยิ ะ) แม้นนั้ ห้ามแล้ว (ซงึ่ ชน ท.) ทงั้ ปวง โสปิ “น ตมุ เฺ ห มยฺหํ ธีตุ อนจุ ฺฉวกิ าติ สพฺเพ นน่ั เทยี ว วา่ อ.ทา่ น ท. เป็นผ้สู มควร แกธ่ ิดา ของข้าพเจ้า (ยอ่ มเป็น) ปฏิกฺขิปิ เยว. หามิได้ ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั หนง่ึ อ.พระศาสดา ทรงตรวจดู ซง่ึ โลก ในสมยั อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจสู สมเย โลกํ โวโลเกนฺโต อนั ขจดั เฉพาะซง่ึ มืด ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ พราหมณ์ช่ือวา่ มาคนั ทิยะ ทอติสฺตฺวาโน“กญึ นาณุ โขชาภลวสิสฺสสฺ ตอีตนิฺโอตปุ ปธวาฏิ เฺรฐนํมฺโาตคพนฺรฺทาิยหพฺมฺรณาหสฺมฺสณจํ ผ้เู ข้าไปแล้ว ในภายใน แหง่ ขา่ ยคือพระญาณ ของพระองค์ ทรงใคร่ครวญอยู่ วา่ อ.อะไร หนอ แล จกั มี ดงั นี ้ ได้ทรงเหน็ แล้ว พฺราหฺมณิยา จ ตณิ ฺณํ มคฺคผลานํ อปุ นิสสฺ ยํ อทฺทส. ซง่ึ อปุ นสิ ยั แหง่ มรรคและผล ท. ๓ ของพราหมณ์ ด้วย ของพราหมณี ด้วย ฯ แม้ อ.พราหมณ์ ยอ่ มบ�ำเรอ ซงึ่ ไฟ ในภายนอกแหง่ บ้าน พฺราหฺมโณปิ พหิคาเม นิพทฺธํ อคฺคึ ปริจรต.ิ เนืองนิตย์ ฯ อ.พระศาสดา ทรงถือเอา ซงึ่ บาตรและจีวร ได้เสดจ็ ไปแล้ว สตฺถา ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย ตํ ฐานํ อคมาส.ิ สทู่ ี่ นนั้ ในเวลาเช้าเทียว ฯ อ.พราหมณ์ แลดอู ยู่ ซงึ่ สริ ิแหง่ พระรูป ของพระศาสดา พรฺ าหมฺ โณ สตถฺ ุ รูปสริ ึ โอโลเกนโฺ ต “อมิ สมฺ ึ โลเก คดิ แล้ว วา่ ชื่อ อ.บรุ ุษ ผ้เู ชน่ กบั (ด้วยสมณะ) นี ้ยอ่ มไมม่ ี ในโลก นี,้ อมิ นิ า สทโิ ส ปรุ ิโส นาม นตถฺ ,ิ อยํ มยหฺ ํ ธีตุ อนจุ ฉฺ วโิ ก, (อ.สมณะ)นี เ้ ป็นผ้สู มควรแก่ธิดาของเรา(ยอ่ มเป็น),(อ.เรา)จกั ให้ อิมสสฺ ธีตรํ ทสฺสามีติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อาห ซงึ่ ธิดา (แก่สมณะ) นี ้ ดงั นี ้ กราบทลู แล้ว กะพระศาสดา วา่ “สมณ มม เอกา ธีตา อตฺถิ, ข้าแตส่ มณะ อ.ธิดา คนหนงึ่ ของข้าพเจ้า มีอย,ู่ ผลติ สอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 61 www.kalyanamitra.org
อ.ข้าพเจ้า ไมเ่ หน็ อยู่ ซง่ึ บรุ ุษ ผ้สู มควร (แก่ธิดา) นนั้ ไมไ่ ด้ให้แล้ว อหํ ตสฺสา อนุจฺฉวิกํ ปุริสํ อปสฺสนฺโต ตํ (ซง่ึ ธิดา) นนั้ แก่ใคร ๆ, สว่ นวา่ อ.ทา่ น เป็นผ้สู มควร (แก่ธิดา) นนั้ น กสฺสจิ อทาส,ึ ตฺวํ ปนสฺสา อนจุ ฺฉวิโก, อหํ เต (ยอ่ มเป็น), อ.ข้าพเจ้า เป็นผ้ใู คร่เพื่ออนั ให้ ซง่ึ ธิดา แก่ทา่ น กระท�ำ ธีตรํ ปาทปริจาริกํ กตฺวา ทาตกุ าโม; ยาว นํ ให้เป็นหญิงรับผ้ใู ช้ใกล้เท้า (ยอ่ มเป็น), อ.ข้าพเจ้า จะนำ� มา (ซง่ึ ธิดา) อาเนมิ, ตาว อิเธว ติฏฺ ฐาหีติ. นนั้ เพียงใด, (อ.ทา่ น) จงยืน (ในท่ี) นี ้นนั่ เทียว เพียงนนั้ ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดับแล้ว ซ่ึงวาจาเป็ นเคร่ืองกล่าว สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา เนว อภินนฺทิ (ของพราหมณ)์ นนั้ ไมท่ รงยนิ ดยี งิ่ แล้ว นนั่ เทยี ว ไมท่ รงคดั ค้านแล้ว ฯ น ปฏิกฺโกส.ิ พฺราหฺมโณปิ เคหํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ แม้ อ.พราหมณ์ ไปแล้ว สเู่ รือน กลา่ วแล้ว กะพราหมณี วา่ แนะ่ นาง อาห “โภติ อชฺช เม ธีตุ อนจุ ฺฉวิโก ปรุ ิโส อทาิฏทฺ โาฐย, ผ้เู จริญ ในวนั นี ้ อ.บรุ ุษ ผ้สู มควร แกธ่ ดิ า อนั เรา เหน็ แล้ว, (อ.เรา ท. ) ตสฺส นํ ทสฺสามาติ ธีตรํ อลงฺการาเปตฺวา จกั ให้ (ซง่ึ ธดิ า) นนั้ (แกบ่ รุ ุษ) นนั้ ดงั นี ้ (ยงั พราหมณ)ี ให้ประดบั แล้ว พฺราหฺมณิยา สทฺธึ ตํ ฐานํ อคมาส.ิ ซงึ่ ธิดา ได้ พาเอา ไปแล้ว สทู่ ่ี นนั้ กบั ด้วยพราหมณี ฯ แม้ อ.มหาชน ผู้มีความแตกต่ืนเกิดแล้ว ออกไปแล้ว ฯ มหาชโนปิ กตุ หู ลชาโต นกิ ขฺ ม.ิ สตถฺ า พรฺ าหมฺ เณน อ.พระศาสดา ไมป่ ระทบั ยืนแล้ว ในท่ี อนั พราหมณ์ กลา่ วแล้ว อวตุญฺตฺญฏฺสฐามฺ เึนฐาเอนฏฺฐอตฏฺวฺฐาาส.ิ ตตฺถ ปทเจตยิ ํ ทสฺเสตฺวา ทรงแสดงแล้วซงึ่ เจดีย์คือรอยพระบาท(ในท่ี)นนั้ ได้ประทบั ยืนแล้ว (ในท่ี) อื่น ฯ ได้ยินว่า อ.เจดีย์คือรอยพระบาท ของพระพุทธเจ้า ท. พทุ ฺธานํ กิร ปทเจตยิ ํ “อิทํ อสโุ ก นาม ปสฺสตตู ิ ย่อมปรากฏ ในที่ (อันพระพุทธเจ้า ท.) ทรงอธิษฐานแล้ว ว่า ตอธํ ฏิ ฺฐปหสติ ฺสวฺ นาฺโตอกกฺ นนาตฺ มฏฺฐานเนตเฺถยิ.ว ปพญฺรฺญาหาฺมยโตณ.ิ เสสอฏตฺฐฺตานเนา (อ.บคุ คล)ชอื่ โน้นจงเหน็ (ซง่ึ เจดยี ค์ อื รอยพระบาท)นีด้ งั นีท้ รงเหยยี บแล้ว นน่ั เทียว ฯ (อ.บคุ คล) ช่ือวา่ ผ้เู หน็ อยู่ (ซงึ่ เจดีย์คือรอยพระบาท) นนั้ ปส“อททิมฺธวสึลฺมญคึ จฺชฺฐฉํ ามทเานิสนวฺ าาตยฏิ“อฺฐพิทาฺรหมาีตสหิสฺ ฺมตณปํ ิยทอานวฺตจ“ิ นกทหฺตสํิ เฺ สโโสสอ.ิตโลิ เกปนฏุ ฺฺโโตฐ ในท่ีอนั เหลือ ยอ่ มไมม่ ี ฯ อ.พราหมณ์ ผู้ อนั พราหมณี ผ้ไู ปอยู่ กบั ด้วยตนถามแล้ววา่ (อ.สมณะ)นนั้ (ไปแล้ว)(ในท)ี่ ไหนดงั นี ต้ รวจดอู ยู่ (ด้วยความคดิ )วา่ (อ.เรา)ได้กลา่ วแล้ว(กะสมณะ)นนั้ วา่ (อ.ทา่ น) จงยนื ในที่ นี ้ ดงั นี ้ ดงั นี ้ เหน็ แล้ว ซงึ่ รอยแหง่ พระบาท แสดงแล้ว วา่ (อ.รอยเท้า) นี ้เป็นรอยเท้า (ของสมณะ) นนั้ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ (อ.พราหมณี) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ราหมณ์ (อ.รอยเท้า) นี ้ สา ลกฺขณมนฺตกสุ ลตาย “น อิทํ พฺราหฺมณ เป็นรอยเท้า (ของบคุ คล) ผ้บู ริโภคซง่ึ กามโดยปกติ (ยอ่ มเป็น) กามโภคโิ น ปทนฺติ วตฺวา, พฺราหฺมเณน “โภติ ตฺวํ หามิได้ ดงั นี ้เพราะความท่ี (แหง่ ตน) เป็นผ้ฉู ลาดในมนต์เป็นเครื่อง อทุ กจาฏิมหฺ ิ สสสมุ ารํ ปสสฺ ส,ิ มยา โส [สมโณ] ท�ำนายซึ่งลักษณะ, (ครัน้ เม่ือค�ำ) ว่า แน่ะนางผู้เจริญ อ.เธอ `ธีตรํ เต ทสสฺ ามีติ วตุ ฺโต, เตนาปิ เม อธิวาสติ นฺติ ยอ่ มเหน็ ซงึ่ จระเข้ ในตมุ่ แหง่ นำ� ้ , (อ.สมณะ) นนั้ อนั เรา กลา่ วแล้ว วา่ วตุ ฺเต, “พฺราหฺมณ กิญฺจาปิ ตฺวํ เอวํ วเทส,ิ (อ.ข้าพเจ้า) จกั ให้ ซงึ่ ธิดา แก่ทา่ น ดงั นี,้ (อ.อนั เชือ้ เชิญ) แหง่ เรา อิทํ ปน นิกฺกิเลสสฺเสว ปทนฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห (อนั สมณะ) แม้นนั้ ให้อยทู่ บั แล้ว ดงั นี ้ (อนั พราหมณ์) กลา่ วแล้ว, กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ราหมณ์ อ.ทา่ น กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้แม้โดยแท้, ถงึ อยา่ งนนั้ (อ.รอยเท้า) นี ้ เป็นรอยเท้า (ของบคุ คล) ผ้มู ีกิเลส ออกแล้วนนั่ เทียว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้กลา่ วแล้ว ซงึ่ คาถา นี ้วา่ จริงอยู่ อ.รอยเท้า (ของบุคคล) ผู้อนั ราคะย้อมแล้ว “รตฺตสฺส หโหิ อตกุ ิ ฺกสฏุ หิกสํ าปนทปุํ ภี ฬเิตวํ,, เป็นรอยเทา้ กระหย่ง พึงเป็น, (อ.รอยเทา้ ) (ของบคุ คล) มทฏฬุุ ฺฐหฺ สสฺสสฺ โหติ อวกฑฺฒิตํ ปทํ, ผู้ (อนั โทสะ) ประทษุ ร้ายแลว้ เป็นรอยเทา้ บีบตามแลว้ - วิวฏจฺฉทสฺส อิทมีทิสํ ปทนตฺ ิ. โดยพลนั ย่อมเป็น, อ.รอยเทา้ (ของบคุ คล) ผูห้ ลงแลว้ เป็นรอยเทา้ คร่าลงแลว้ ย่อมเป็น, (อ.รอยเทา้ )นี้ อนั เช่นนี้ เป็นรอยเทา้ (ของบคุ คล) ผูม้ ีกิเลสเพียงดงั เครื่องมงุ บงั - อนั เปิ ดแลว้ (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ฯ 62 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ครัง้ นนั้ อ.พราหมณ์ (กลา่ วแล้ว) วา่ แนะ่ นางผ้เู จริญ (อ.เธอ) อถ นํ พฺราหฺมโณ “โภติ มา วิรวิ, ตณุ ฺหีภตู า อยา่ ร้องแล้ว, (อ.เธอ) ผ้เู ป็นผ้นู ่ิงเป็นแล้ว จงมา ดงั นี ้ กะพราหมณี เอหีติ คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา “อยํ โส ปรุ ิโสติ นนั้ ไปอยู่ เหน็ แล้ว ซงึ่ พระศาสดา แสดงแล้ว (แก่พราหมณี) นนั้ วา่ ตสสฺ า ทสเฺ สตฺวา สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา “สมณ ธีตรํ (อ.สมณะ) นี ้ เป็นบรุ ุษนนั้ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ เข้าไปหาแล้ว ซง่ึ พระ ทสสฺ ามีติ อาห. ศาสดา กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตส่ มณะ (อ.ข้าพเจ้า) จกั ให้ ซงึ่ ธิดา ดงั นี ้ฯ สตฺถา “น เม ตว ธีตาย อตฺโถติ อวตฺวา อ.พระศาสดา ไมต่ รัสแล้ว วา่ อ.ความต้องการ ด้วยธิดา “พฺราหฺมณ เอกํ เต การณํ กเถสฺสามิ, สณุ ิสฺสสตี ิ ของทา่ น (มอี ย)ู่ แกเ่ รา หามไิ ด้ ดงั นี ้ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นพราหมณ์ (อ.เรา) วตฺวา, “กเถหิ [โภ] สมณ, สณุ ิสฺสามีติ วตุ ฺเต, จกั บอก ซง่ึ เหตุ อยา่ งหนงึ่ แก่ทา่ น, (อ.ทา่ น) จกั ฟัง หรือ ดงั นี,้ ตอตภรฺินาิกยฺขํ สมงนเฺ ขโปตกถปา:ฏฺฐาย อตีตํ อาหริตฺวา ทสเฺ สส:ิ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตส่ มณะ (ผ้เู จริญ) (อ.ทา่ น) จงบอกเถิด, อ.ข้าพเจ้า จกั ฟัง ดงั นี ้ (อนั พราหมณ)์ กราบทลู แล้ว ทรงนำ� มาแล้ว ซงึ่ เร่ืองอนั ลว่ งไปแล้ว ทรงแสดงแล้ว จำ� เดมิ แตอ่ นั เสดจ็ ออกเพอ่ื คณุ อนั ยงิ่ , (อ.วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ วโดยยอ่ (ในเร่ือง) นนั้ นี,้ อ.พระมหาสัตว์ ทรงละแล้ว ซ่ึงสิริคือความเป็ นแห่ง “มหาสตฺโต รชฺชสิรึ ปหาย กณฺฐกํ พระราชา เสด็จขึน้ เฉพาะแล้ว สู่ม้าชื่อว่ากัณฐกะ เป็ นผู้มี อภิรุยฺห ฉนฺนสหาโย อภินิกฺขมนฺโต นครทฺวาเร นายฉนั นะเป็นสหาย (เป็น) เสดจ็ ออกย่ิงอยู่ (ครัน้ เม่ือค�ำ)วา่ เิ ตน มาเรน “สทิ ฺธตฺถ นิวตฺตสสฺ ,ุ อิโต เต สตฺตเม ข้าแตส่ ทิ ธตั ถะ (อ.พระองค์) ขอจงเสดจ็ กลบั , อ.รัตนะคือจกั ร ทิวเส จกฺกรตนํ ปาตภุ วิสสฺ ตีติ วตุ ฺเต, “อหํเปตํ มาร จกั มีปรากฏ แก่พระองค์ ในวนั ที่ ๗ (แตว่ นั ) นี ด้ งั นี อ้ นั มาร ผ้ยู ืนแล้ว ชานามิ, น ปน เม เตน อตฺโถติ อาห. ณ ประตแู หง่ เมือง กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนมาร แม้ อ.เรา ยอ่ มรู้ (ซงึ่ รัตนะคือจกั ร) นน่ั , แตว่ า่ อ.ความต้องการ (ด้วยรัตนะคือ จกั ร) นนั้ (มีอย)ู่ แก่เรา หามิได้ ดงั นี ้ฯ (อ.มาร ทลู ถามแล้ว) วา่ (ครัน้ เมื่อความเป็น) อยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ (อ.พระองค์) ยอ่ มเสดจ็ ออกไป เพ่ือประโยชน์อะไร ดงั นี ้ฯ (อ.พระมหาสัตว์ ตรัสแล้ว) ว่า (อ.เรา ย่อมออกไป) “อถ กิมตฺถาย นิกฺขมสีต.ิ เพ่ือประโยชน์แก่พระสพั พญั ญตุ ญาณ ดงั นี ้ฯ (อ.มาร กราบทลู แลว้ ) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ ถ้าวา่ (อ.พระองค)์ จกั ทรงตรกึ “สพฺพญฺญตุ ญฺญาณตฺถายาต.ิ (แหง่ วิตก ท.) มีกามวิตกเป็นต้นหนา ซง่ึ วติ ก แม้อยา่ งหนง่ึ จ�ำเดมิ แตว่ นั นี ้ ไซร้, (อ.หมอ่ มฉนั ) จกั รู้ (ซงึ่ กรรม) อนั (อนั หมอ่ มฉนั ) พงึ กระท�ำ แก่พระองค์ ดงั นี ้ฯ “เตนหิ สเจ อชฺชโต ชาปนฏิสฺ ฐฺสาายมิ กามวติ กฺกาทีนํ เอกํปิ วติ กฺกํ วิตกฺเกสสฺ ส,ิ เต กตฺตพฺพนฺติ (อ.มาร) นนั้ เป็นผ้เู พง่ เลง็ ซง่ึ ชอ่ ง (เป็น) ติดตามแล้ว ซงึ่ พระ- [อาห]. มหาสตั ว์ ตลอดปี ท. ๗ จ�ำเดมิ (แตก่ าล) นนั้ ฯ แม้ อ.พระศาสดา ทรงประพฤตแิ ล้ว (ซงึ่ วตั ร) มอี นั ประกอบแล้ว มหาสโสตฺตตํ โอตนพุ ปนฏฺธฺฐิ.าย โอตาราเปกฺโข สตฺต วสฺสานิ ในการกระท�ำซง่ึ กรรมอนั บคุ คลกระท�ำได้โดยยาก สนิ ้ ปี ๖ ท. ทรงอาศยั แล้ว ซงึ่ การกระท�ำแหง่ บรุ ุษ อนั เป็นไปเฉพาะซงึ่ ตน อทัรนงบรู้ตังลเกอิดดแแลล้้ววแตซ่วงึ่ ิมพุตระตสิ พั ทพ่ีโญั คญนแตุ หญ่งาตณ้ นโพทธร์ิ งเปสรวะยทอยับู่ น่ังซแง่ึ ลส้ขุว สตฺถาปิ ฉพฺพสสฺ านิ ทกุ ฺกรการิกํ จริตฺวา ปจฺจตฺตํ ที่โคนแหง่ ต้นอชปาลนิโครธ ในสปั ดาห์ ที่ ๕ ฯ ปรุ ิสการํ นิสสฺ าย โพธิมเู ล สพฺพญฺญตุ ญฺญาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา วิมตุ ฺตสิ ขุ ํ ปฏิสเํ วทยมาโน ปญฺจเม สตฺตาเห อชปาลนิโคฺรธมเู ล นิสที ิ. ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 63 www.kalyanamitra.org
ในสมยั นนั้ อ.มาร ผ้ถู งึ แลว้ ซงึ่ ความโทมนสั วา่ อ.เรา ตดิ ตามแลว้ ตสมฺ ึ สมเย มาโร “อหํ เอตฺตกํ กาลํ อนพุ นฺธิตฺวา ตลอดกาล มีประมาณเท่านี ้ แม้เป็ นผู้เพ่งเล็งซึ่งช่อง (เป็ น) โอตาราเปกฺโขปิ อิมสฺส กิญฺจิ ขลติ ํ นาทฺทสํ, ไมไ่ ด้เหน็ แล้ว ซง่ึ ความพลงั้ พลาด อะไร ๆ (ของพระสทิ ธตั ถะ) นี,้ อตกิ ฺกนฺโตทานิ เอส มม วสิ ยนฺติ โทมนสฺสปปฺ ตฺโต ในกาลนี ้ (อ.พระสทิ ธตั ถะ)นน่ั ก้าวลว่ งแล้ว ซงึ่ วิสยั ของเรา ดงั นี ้ มหามคฺเค นิสที ิ. นงั่ แล้ว ใกล้หนทางใหญ่ ฯ ครัง้ นนั้ อ.ธิดา ท. ๓ เหลา่ นี ้ คือ อ.นางตณั หา อ.นางอรดี อถสฺส “ตณฺหา อรตี ราคาติ อิมา ตสิ โฺ ส ธีตโร อ.นางราคา (ของมาร)นนั้ ตรวจดอู ยู่ (ด้วยความคดิ ) วา่ อ.บดิ า “ปิ ตา โน น ปญฺญายต,ิ กหํ นโุ ข เอตรหีติ ของเราท.ยอ่ มไมป่ รากฏ,(อ.บดิ าของเราท.ยอ่ มอยู่ในท่ี)ไหนหนอ โอโลกยมานา ตํ ตถา นิสนิ ฺนํ ทิสวฺ า อปุ สงฺกมิตฺวา แล ในกาลนีด้ งั นีเ้ หน็ แล้ว(ซงึ่ บดิ า)นนั้ ผ้นู ง่ั แล้วอยา่ งนนั้ เข้าไปหาแล้ว “กสมฺ า ตาต ทกุ ฺขี ทมุ มฺ โนสตี ิ ปจุ ฺฉึส.ุ ถามแล้ว วา่ ข้าแตพ่ อ่ (อ.ทา่ น) เป็นผ้มู ีทกุ ข์ เป็นผ้มู ีใจอนั โทษ ประทษุ ร้ายแล้ว ยอ่ มเป็น เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ (อ.มาร) นนั้ บอกแล้ว ซง่ึ เนือ้ ความ นนั้ (แก่ธิดา ท.) เหลา่ นนั้ ฯ โส ตาสํ ตมตฺถํ อาโรเจส.ิ อถ นํ ตา อาหํสุ ครัง้ นนั้ (อ.ธิดา ท.) เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว (กะมาร) นนั้ วา่ ข้าแตพ่ อ่ “ตาต มา จินฺตยิตฺถ, มยํ ตํ อตฺตโน วเส กตฺวา (อ.ทา่ น ท.) อยา่ คดิ แล้ว, อ.ดฉิ นั ท. กระทำ� แล้ว (ซงึ่ พระสทิ ธตั ถะ) นนั้ อาเนสฺสามาต.ิ “น สกฺกา อมมฺ า เอส เกนจิ วเส ในอ�ำนาจ ของตน จกั น�ำมา ดงั นี ้ ฯ (อ.มาร กลา่ วแล้ว) วา่ กาตนุ ฺต.ิ “ตาต มยํ อิตฺถิโย นาม อิทาเนว นํ แนะ่ แม่ ท. (อ.พระสทิ ธตั ถะ) นนั่ อนั ใคร ๆ ไมอ่ าจ เพ่ืออนั กระท�ำ ราคปาสาทีหิ พนฺธิตฺวา อาเนสฺสาม, ตุมฺเห มา ในอ�ำนาจ ดงั นี ้ ฯ (อ.ธิดา ท. เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ อ่ จินฺตยิตฺถาติ สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา “ปาเท เต สมณ อ.ดฉิ นั ท. ชื่อวา่ เป็นหญิง (เป็น) ผกู แล้ว (ซง่ึ พระสทิ ธตั ถะ) นนั้ ปริจาเรมาติ อาหํส.ุ (ด้วยบว่ ง ท.) มบี ว่ งคอื ราคะเป็นต้น จกั นำ� มา ในกาลนนี ้ น่ั เทยี ว, อ.ทา่ น ท. อยา่ คดิ แล้ว ดงั นี ้ เข้าไปหาแล้ว ซงึ่ พระศาสดา กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตส่ มณะ (อ.ดฉิ นั ท.) จะบ�ำเรอ ซง่ึ เท้า ท. ของทา่ น ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ไมไ่ ด้ทรงกระท�ำแล้วนนั่ เทียว ซงึ่ ค�ำ (ของธิดา สตฺถา เนว ตาสํ วจนํ มนสากาส,ิ น อกฺขีนิ ของมาร ท.) เหลา่ นนั้ ในพระทยั , ไมท่ รงลมื ซง่ึ พระเนตร ท. แลดแู ล้ว ฯ อมุ มฺ ีเลตฺวา โอโลเกส.ิ ปนุ มารธีตโร “อจุ จาวโจ อ.ธิดาของมาร ท. (ปรึกษากันแล้ว) ว่า อ.ความประสงค์ โข ปรุ ิสานํ อธิปปฺ าโย, เกสญฺจิ กมุ าริกาสุ เปมํ แหง่ บรุ ษุ ท. ทงั้สงู ทงั้ตำ�่ แล อ.ความรกั ในเดก็ หญงิ ท. ยอ่ มมี (แกบ่ รุ ษุ ท.) โหต,ิ เกสญฺจิ ปฐมวเย ติ าส,ุ เกสญฺจิ มชฺฌิมวเย บางพวก, (อ.ความรัก ในหญิง ท.) ผ้ตู งั้ อยแู่ ล้ว ในปฐมวยั (ยอ่ มมี ติ าส,ุ เกสญฺจิ ปจฺฉิมวเย ติ าส;ุ นานปปฺ กาเรหิ แก่บรุ ุษ ท.) บางพวก, (อ.ความรัก ในหญิง ท.) ผ้ตู งั้ อยแู่ ล้ว ตํ ปโลภิสสฺ ามาติ เอเกกา กมุ าริกาวณฺณาทิวเสน ในมชั ฌิมวยั (ยอ่ มมี แก่บรุ ุษ ท.) บางพวก, (อ.ความรัก ในหญิง ท.) สตํ สตํ อตฺตภาเว อภินิมฺมินิตฺวา กุมาริกาโย ผ้ตู งั้ อยแู่ ล้ว ในปัจฉิมวยั (ยอ่ มมี แก่บรุ ุษ ท.) บางพวก, (อ.เรา ท.) อวิชาตา สกึวิชาตา ทุวิชาตา มชฺฌิมิตฺถิโย จกั ประโลม (ซง่ึ พระสทิ ธตั ถะ) นนั้ ด้วยประการตา่ ง ๆ ท. ดงั นี ้ อีก มหลลฺ กิตฺถิโย จ หตุ ฺวา ฉกฺขตฺตํุ ภควนฺตํ อปุ สงฺกมิตฺวา คนหนง่ึ ๆ เนรมติ เฉพาะแล้ว ซง่ึ อตั ภาพ ท. ร้อย ๆ ด้วยสามารถแหง่ เพศ “ปาเท เต สมณ ปริจาเรมาติ อาหํส.ุ มเี พศของเดก็ หญงิ เป็นต้น เป็นเดก็ หญงิ ด้วย เป็นหญงิ ไมค่ ลอดแล้ว ด้วย เป็ นหญิงคลอดแล้วคราวเดียว ด้วย เป็ นหญิงคลอดแล้ว สองคราว ด้วย เป็นหญิงมีในทา่ มกลาง ด้วย เป็นหญิงแก่ ด้วย เป็น เข้าไปหาแล้ว ซง่ึ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตส่ มณะ (อ.ดฉิ นั ท.) จะบำ� เรอ ซงึ่ เท้า ท. ของทา่ น ดงั นี ้๖ ครัง้ ฯ (อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ทรงน้อมไปยิ่งแล้ว ในธรรมเป็นท่ี- ตํปิ ภควา น มนสากาส,ิ ยถา ตํ อนตุ ฺตเร สนิ ้ ไปพร้อมแหง่ กเิ ลสชอื่ วา่ อปุ ธิ มธี รรมอน่ื ยง่ิ กวา่ ไมม่ ี โดยประการใด อปุ ธิสงฺขเย อธิมตุ ฺโตต.ิ อถ สตฺถา เอตฺตเกนาปิ แล อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ไมไ่ ด้ทรงกระท�ำแล้ว (ซงึ่ ค�ำ ของธิดา ตา อนคุ จฺฉนฺตโิ ย ของมาร ท.) แม้นนั้ ในพระทยั (โดยประการนนั้ ) ดงั นีแ้ ล ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (กะธิดาของมาร ท.) เหลา่ นนั้ ผ้ไู ปตามอยู่ (ด้วยเหต)ุ มีประมาณเทา่ นี ้วา่ 64 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.เธอ ท.) จงหลกี ไป, (อ.เธอ ท.) เหน็ แล้ว ซงึ่ อะไร ยอ่ มพยายาม “อเปถ, กึ ทิสฺวา เอวํ วายมถ? เอวรูปํ นาม อยา่ งนี ้? อ.อนั (อนั เธอ ท.) กระท�ำ (ซงึ่ กรรม) ชื่อ มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป อปวหตี ีนราา,คเากนนํ ปมรุ ํโกตากราเณตํุ นวฏอฺฏตตฺต,ิ โตนถาวคเสตสเนสฺ สปสฺ นถารตาคิ วาตทฺวโยา ข้างหน้า (ของชน ท.) ผ้มู ีราคะไมไ่ ปปราศแล้ว ยอ่ มควร, สว่ นวา่ (อ.กิเลส ท.) มีราคะเป็นต้น อนั ตถาคต ละได้แล้ว, (อ.เธอ ท.) อิมา คาถา อภาสิ จกั น�ำไป ซง่ึ เรา ในอ�ำนาจ ของตน ด้วยเหตุ อะไร ดงั นี ้ได้ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ (อ.กิเลสชาตมีราคะเป็นตน้ ) อนั (อนั พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า) “ยสสฺ ชิตํ นาวชิยติ, พระองค์ใด ทรงชนะแลว้ (อนั พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า ชิตมสสฺ โนยาติ โกจิ โลเก, พระองค์นน้ั ) ย่อมไม่กลบั แพ,้ (อ.กิเลส) ไร ๆ ในโลก ตํ พทุ ฺธมนนตฺ โคจรํ ย่อมไม่ไปตาม (ซ่ึงกิเลสชาตอนั อนั พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า) อปทํ เกน ปเทน เนสสฺ ถ? พระองค์นนั้ ทรงชนะแล้ว, (อ.เธอ ท.) จักน�ำไป ยสสฺ ชาลินี วิสตฺติกา ซ่ึงพระพทุ ธเจ้า พระองค์นน้ั ผูม้ ีอารมณ์ไม่มีทีส่ ดุ ตณฺหา นตฺถิ กหุ ิญฺจิ เนตเว, ผูไ้ ม่มีร่องรอย ดว้ ยร่องรอย อะไร ฯ อ.ตณั หา มีข่าย ตํ พทุ ฺธมนนตฺ โคจรํ มีอนั ซ่านไปในอารมณ์มีอย่างต่าง ๆ ย่อมไม่มี อปทํ เกน ปเทน เนสสฺ ถาติ. แก่พระพทุ ธเจ้า พระองค์ใด เพือ่ อนั น�ำไป (ในภพ) ไหน ๆ (อ.เธอ ท.) จกั น�ำไป ซ่ึงพระพทุ ธเจ้า พระองค์นน้ั ผมู้ ีอารมณ์ไมม่ ีทีส่ ดุ ผไู้ มม่ ีร่องรอย ดว้ ยร่องรอย อะไร ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ ว่า) อ.กิเลสชาตมีราคะเป็ นต้น อัน อันพระสัมมา- ตตฺถ “ยสสฺ ชติ ํ นาวชยิ ตตี :ิ ยสสฺ สมมฺ า- สมั พทุ ธเจ้า พระองค์ใด ทรงชนะแล้ว ด้วยมรรค นนั้ ๆ (อนั พระ- สมพฺ ทุ ฺธสสฺ เตน เตน มคฺเคน ชิตํ ราคาทิกฺกิเลสชาตํ สมั มาสมั พทุ ธเจ้า พระองค์นนั้ ) ยอ่ มไมก่ ลบั แพ้ คือวา่ ช่ือวา่ เป็น ปนุ อสมทุ าจรณโต นาวชิยติ ทชุ ฺชิตํ นาม น โหต.ิ กิเลส (อนั พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า พระองค์นนั้ ) ทรงชนะได้ยากแล้ว ยอ่ มเป็น หามิได้ เพราะอนั ไมฟ่ ้ งุ ขนึ ้ อีก (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ยสสฺ ชติ ํ นาวชยิ ติ ดงั นี ้ฯ (อ.อนั ตดั ซงึ่ บท วา่ ) น อยุ ฺยาติ (ดงั นี ้แหง่ บท) วา่ โนยาติ ดงั นี ้ โนยาตตี :ิ น อยุ ยฺ าต,ิ ยสสฺ ชติ ํ กเิ ลสชาตํ ราคาทสี ุ (อนั บณั ฑิต พงึ กระท�ำ), อ.อธิบาย วา่ (ในกิเลส ท.) มีราคะเป็นต้น โกจิ เอกกฺกิเลโสปิ โลเก ปจฺฉโต นิวตฺติ นาม น โหต,ิ หนา แม้ อ.กิเลสอยา่ งหนงึ่ ไร ๆ ในโลก ชื่อวา่ เป็นกิเลสกลบั ไป นานพุ นฺธตีติ อตฺโถ. ข้างหลงั ยอ่ มเป็น หามิได้, คือวา่ ยอ่ มไมต่ ดิ ตาม ซงึ่ กิเลสชาต อนั (อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า) พระองค์ใด ทรงชนะแล้ว ดังนี ้ (อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ (อ.อรรถ ว่า) ผู้มีอารมณ์ไม่มีท่ีสุดรอบ ด้วยสามารถ อนนตฺ โคจรนตฺ :ิ อนนตฺ ารมมฺ ณสสฺ สพพฺ ญญฺ ตุ ญ-ฺ แหง่ พระสพั พญั ญตุ ญาณ มีอารมณ์ไมม่ ีท่ีสดุ (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ ญาณสฺส วเสน อปริยนฺตโคจรํ. อนนฺตโคจรํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ วา่ ) (ในร่องรอย ท.) มีร่องรอยคือราคะเป็นต้นหนา เกน ปเทนาต:ิ ยสสฺ ราคปทาทีสุ เอกปทํปิ แม้ อ.ร่องรอยหนง่ึ ยอ่ มไมม่ ี (แกพ่ ระพทุ ธเจ้า) พระองคใ์ ด, อ.ทา่ น ท. นตฺถิ, ตํ ตมุ ฺเห เกน ปเทน เนสสฺ ถ: พทุ ฺธสสฺ ปน จกั น�ำไป (ซง่ึ พระพทุ ธเจ้า) พระองค์นนั้ ด้วยร่องรอย อะไร, คือวา่ เอกปทํปิ นตฺถิ, ตํ อปทํ พทุ ฺธํ ตมุ เฺ ห เกน ปเทน เนสสฺ ถ? ก็ แม้ อ.ร่องรอยหนงึ่ ยอ่ มไมม่ ี แกพ่ ระพทุ ธเจ้า, อ.ทา่ น ท. จกั นำ� ไป ซง่ึ พระพทุ ธเจ้า ผ้ไู มม่ ีร่องรอย พระองค์นนั้ ด้วยร่องรอย อะไร (ดงั นี ้แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ เกน ปเทน ดงั นี ้ฯ ผลติ สื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 65 www.kalyanamitra.org
(อ.อนั วนิ จิ ฉยั )ในพระคาถาที่๒(อนั บณั ฑติ พงึ ทราบ)ชอื่ อ.ตณั หา ทตุ ยิ คาถายํ ตณฺหา นาเมสา สํสพิ ฺพิตปริสพิ ฺพิต- นน่ั ชื่อวา่ ชาลนิ ี (เพราะวิเคราะห์) วา่ อ.ขา่ ย มีอยู่ (แก่ตณั หา) นนั้ ปริโยนทฺธตฺเถน ชาลมสฺสา อตฺถีติปิ ชาลการิกาตปิ ิ ดงั นีบ้ ้าง (เพราะวิเคระห์) วา่ (อ.ตณั หา) อนั กระท�ำซง่ึ ขา่ ย ดงั นีบ้ ้าง ชาลปู มาตปิ ิ ชาลนิ ี, รูปาทีสุ อารมมฺ เณสุ วิสตฺตตาย (เพราะวเิ คราะห์) วา่ (อ.ตณั หา) อนั เปรียบด้วยขา่ ย ดงั นีบ้ ้าง เพราะ วสิ าหารตาย วิสปปุ ผฺ ตาย วิสผลตาย วสิ ปริโภคตาย อรรถว่า เย็บพร้อมแล้วและเย็บรอบแล้วและห้มุ ห่อแล้ว, ช่ือว่า วสิ ตฺตกิ า; สา เอวรูปา ตณฺหา ยสฺส กหุ ิญฺจิ ภเว วสิ ตฺตกิ า เพราะความที่ (แหง่ ตณั หา) เป็นธรรมชาตซิ า่ นไปแล้ว เนตํุ นตฺถิ, ตํ ตมุ เฺ ห อปทํ พทุ ฺธํ เกน ปเทน เนสสฺ ถาติ ในอารมณ์ ท. มีรูปเป็นต้น เพราะความท่ี (แหง่ ตณั หา) เป็น อตฺโถ. ธรรมชาตเิ พียงดงั อาหารอนั มีพิษ เพราะความที (แ่ หง่ ตณั หา) เป็น ธรรมชาตเิ พยี งดงั มดี อกไม้อนั เป็นพษิ เพราะความท่ี (แหง่ ตณั หา) เป็น ธรรมชาตเิ พียงดงั มีผลไม้อนั เป็นพิษ เพราะความที่ (แหง่ ตณั หา) เป็นธรรมชาตเิ พยี งดงั มกี ารบริโภคอนั เป็นพษิ , อ.อธบิ าย วา่ อ.ตณั หา มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป นนั้ ยอ่ มไมม่ ี (แก่พระพทุ ธเจ้า) พระองค์ใด เพ่ืออนั น�ำไป ในภพ ไหน ๆ, อ.เธอ ท. จกั น�ำไป ซง่ึ พระพทุ ธเจ้า ผ้ไู มม่ ีร่องรอย พระองค์นนั้ ด้วยร่องรอย อะไร ดงั นี ้ (อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ เทสนาวสาเน พหนู ํ เทวตานํ ธมมฺ าภิสมโย ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา อ.อนั รู้ตลอดเฉพาะ ซง่ึ ธรรม อโหส.ิ มารธีตโรปิ ตตฺเถว อนฺตรธายสึ .ุ ได้มีแล้ว แก่เทวดา ท. มาก ฯ แม้ อ.ธิดาของมาร ท. หายไปแล้ว (ในท่ี) นนั้ นน่ั เทียว ฯ สตฺถา อิมํ ธมมฺ เทสนํ อาหริตฺวา “มาคนฺทิย อหํ อ.พระศาสดา ครนั้ ทรงนำ� มาแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ ตรสั แล้ว ปพุ ฺเพ อิมา ตสิ ฺโส มารธีตโร อทฺทสํ เสมหฺ าทีหิ วา่ ดกู อ่ นมาคนั ทยิ ะ อ.เรา ได้เหน็ แล้ว ซงึ่ ธดิ าของมาร ท. ๓ เหลา่ นี ้ อปลิพุทฺเธน สุวณฺณกฺขนฺธสทิเสน อตฺตภาเวน ผู้มาตามพร้ อมแล้ว ด้วยอัตภาพ อันเช่นกับด้วยแท่งแห่งทอง สมนฺนาคตา, ตทาปิ เม เมถนุ สฺมึ ฉนฺโท นาโหส,ิ อนั (อนั ของไมส่ ะอาด ท.) มนี ำ� ้ ลายเป็นต้น ไมพ่ วั พนั แล้ว ในกาลกอ่ น, ตว ปน ธีตุ สรีรํ ทฺวตฺตสึ าการกณุ ปปริปรู ํ พหิ แม้ในกาลนนั้ อ.ความพอใจ ในเมถนุ ไมไ่ ด้มแี ล้ว แกเ่ รา, ก็ อ.สรีระ จิตฺโต วยิ อสจุ ิฆโฏ, สเจปิ มม ปาโท อสจุ ิมกฺขิโต ของธิดา ของทา่ น เป็นสรีระเตม็ รอบแล้วด้วยซากศพคืออาการ ภเวยฺย, อยญฺจ นอมุ ผมฺ เุาสรยฏฺยฺฐนาเฺตนิ วตตฏิ ฺวฺเาฐยฺยอ;ิมํตคถาาถปิมสาสฺ หา ๓๒ (ย่อมเป็ น) ราวกะ อ.หม้ออันเต็มแล้วด้วยของไม่สะอาด สรีรํ อหํ ปาทํ อนั งดงาม ในภายนอก, แม้ถ้าวา่ อ.เท้า ของเรา เป็นเท้าอนั ของ ไมส่ ะอาดแปดเปื อ้ นแล้ว พงึ เป็น ไซร้, อนง่ึ (อ.ธิดา ของทา่ น) นี ้ พงึ ยืน ในท่ีแหง่ ธรณี, แม้ (ครัน้ เมื่อความเป็น) อยา่ งนนั้ (มีอย)ู่ อ.เรา ไมพ่ งึ ถกู ต้อง ซง่ึ สรีระ (ของธิดา ของทา่ น) นนั้ ด้วยเท้า ดงั นี ้ ฯ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ “ทิสวฺ าน ตณฺหํ อรติญฺจ ราคํ แม้ อ.ความพอใจ ในเมถนุ ไม่ไดม้ ีแลว้ (แก่เรา) เพราะเห็น นาโหสิ ฉนโฺ ท อปิ เมถนุ สฺมึ, ซ่ึงนางตณั หา ด้วย ซ่ึงนางอรดี ด้วย ซ่ึงนางราคา ด้วย, กิเมวิทํ มุตฺตกรีสปณุ ฺณํ, (แม้ อ.ความพอใจ ในเมถนุ จกั มี แก่เรา) อย่างไรนน่ั เทียว ปาทาปิ นํ สมฺผสุ ิตํุ น อิจฺเฉติ. (เพราะเห็น ซ่ึงสรีระ แห่งธิดา ของท่าน) นี้ อนั เต็มแลว้ ดว้ ยมูตรและกรีส, (อ.เรา) ย่อมไม่ปรารถนา เพือ่ อนั ถูกตอ้ ง (ซึ่งสรีระ แห่งธิดา ของท่าน) นนั้ แม้ด้วยเท้า ดงั นี้ ฯ เทสนาวสาเน อโุ ภปิ ชายปตกิ า อนาคามิผเล ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา อ.เมียและผวั ท. แม้ทงั้ ๒ ปตฏิ ฺฐหสึ ตู .ิ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในอนาคามิผล ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งธิดาของมาร มารธีตาวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ 66 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๒. อ.(เอร่ันือขงแ้าพห่งเจป้าาฏจหิะกาลริย่า์วอ)ันฯเป็ นคู่ ๒. ยมกปปฺ าฏหิ าริยวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา ทรงปรารภ ซง่ึ เทพและมนษุ ย์ ท. มาก “เย ฌานปปฺ สุตา ธีราติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ณ ประตแู หง่ เมืองชื่อวา่ สงั กสั สะ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้วา่ สงฺกสฺสนครทฺวาเร พหู เทวมนสุ ฺเส อารพฺภ กเถส.ิ เย ฌานปปฺ สุตา ธีรา ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ก็ อ.เทศนา ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว เทสนา ปน ราชคเห สมฏุ ฺฐติ า. ในเมืองชื่อวา่ ราชคฤห์ ฯ ก็ อ.พระเทศนา ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ในเมืองชื่อวา่ ราชคฤห์ ฯ คอราางชภฺคคราเหณทยเสสาอนฏททุาฺฐนี กี ิ รกปปกีฬรนขฺ สิํณกสฺ ีฬรยตาโิ.ถฺชมญคจเนจฺหตชถฺ าสญลมกเฺฏุจรฺฐวณติ าฑฺ ป.เกมอํ กปาสเรทิกมฺ นขฺึ ปิ หาขิเลปสติตมาวฺ เนายิ กลา่ วโดยพสิ ดาร ในสมยั หนงึ่ อ.เศรษฐีผ้อู ยใู่ นเมอื ง ชอ่ื วา่ ราชคฤห์ (ยงั บคุ คล) ให้ขงึ แล้ว ซง่ึ ขา่ ยมีสณั ฐานเพียงดงั ขวด เพอ่ื อนั - เปลอื ้ งซง่ึ อนั ตรายเป็นเครื่องนอนรอบ ด้วยนนั่ เทยี ว เพื่ออันรักษา (ซงึ่ วตั ถุ ท.) มีเคร่ืองประดบั เป็นต้น อนั พลาดแล้ว ด้วยความพลงั้ เผลอ ด้วย เลน่ แล้ว เลน่ ด้วยนำ� ้ ในแมน่ ำ� ้ ชอ่ื วา่ คงคา ฯ ครัง้ นนั้ อ.ต้นจนั ทน์แดง ต้นหนง่ึ เกิดแล้ว ในเบือ้ งบนแหง่ ฝั่ง อเถโก รตฺตจนฺทนรุกฺโข คงฺคาย อปุ ริตีเร ชาโต แหง่ แมน่ �ำ้ ช่ือวา่ คงคา มีราก อนั น�ำ้ ในแมน่ �ำ้ ช่ือวา่ คงคา เซาะแล้ว คงฺโคทเกน โธตมโู ล ปตติ ฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปาสาเณสุ ล้มแล้ว หกั รานเร่ียรายอยแู่ ล้ว บนแผน่ หิน ท. (ในท่ี) นนั้ ๆ ฯ สมภฺ ญฺชมาโน วิปปฺ กิริ. ในลำ� ดบั นนั้ อ.ป่ มุ มีหม้อเป็นประมาณ ป่ มุ หนง่ึ อนั แผน่ หิน ท. ตโต เอกา ฆฏปปฺ มาณา ฆฏิกา ปาสาเณหิ เสียดสอี ยู่ อนั คลืน่ แหง่ น�ำ้ ท. เซาะอยู่ เป็นของเกลยี ้ ง เป็น (อนั น�ำ้ ) ฆํสยิ มานา อทุ กอมู ีหิ เสโปวาถลิยปมราิโนยานทฺธมาฏฺฐอาาคหนฺตตุ ฺฺววาา พดั ไปอยู่ ตามลำ� ดบั อนั สาหร่ายพวั พนั แล้ว มาแล้ว ตดิ แล้ว อนปุ พุ ฺเพน วยุ ฺหมานา ในขา่ ย (ของเศรษฐี) นนั้ ฯ ตสฺส ชาเล ลคฺค.ิ อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว วา่ (อ.วตั ถ)ุ นนั่ อะไร ดงั นี ฟ้ ังแล้ว วา่ อ.ป่ มุ ตํ เอสาฏหฺฐรี าเ“ปกติเมฺวตานฺติ วตฺวา “รุกฺขฆฏิกาติ สตุ ฺวา แหง่ ต้นไม้ ดงั นี ้ (ยงั บคุ คล) ให้น�ำมาแล้ว (ซงึ่ ป่ มุ แหง่ ต้นไม้) นนั้ “กินฺนาเมตนฺติ อปุ ธารณตฺถํ (ยงั บคุ คล) ให้ถากแล้ว ด้วยมมุ ของมีด , ด้วยปลายของมีด เพ่ือ- วาสกิ ณฺเณน ตจฺฉาเปส.ิ อนั ใคร่ครวญ วา่ (อ.วตั ถ)ุ นนั่ ช่ือ อะไร ดงั นี ้ฯ อ.จนั ทน์แดง มีสเี พียงดงั สแี หง่ คร่ังสด ปรากฏแล้ว ในขณะนนั้ ตาวเทว อลตฺตกวณฺณํ รตฺตจนฺทนํ ปญฺญายิ. นน่ั เทียว ฯ ก็ อ.เศรษฐี เป็นสมั มาทิฏฐิ (ยอ่ มเป็น) หามิได้นน่ั เทียว, โเสสฏฺฐจี ปินนฺเตเสนิ ว“สมมยมฺฺหาํ ทเฏคิ ฺฐเห,ิ นรมตจิ ฺตฉฺ จานทฺทฏิ ฺนฐ,ิํ มชฌฺ ตตฺ ธาตโุ ก; เป็นมิจฉาทิฏฐิ (ยอ่ มเป็น) หามิได้, เป็นผ้มู ีธาตแุ หง่ บคุ คลผ้มู ีตน พห,ุ กินฺนุ โข ในทา่ มกลาง (ยอ่ มเป็น), (อ.เศรษฐี) นนั้ คดิ แล้ว วา่ อ.จนั ทร์แดง อิมินา กโรมีต.ิ ในเรือน ของเรา เป็นของมาก (ยอ่ มเป็น), (อ.เรา) จะกระทำ� ซง่ึ อะไร หนอ แล (ด้วยจนั ทน์แดง) นี ้ดงั นี ้ฯ ครัง้ นนั้ (อ.ความคดิ ) นนั่ วา่ (อ.ชน ท.) ผ้กู ลา่ ว วา่ อ.เรา ท. อถสสฺ เอตทโหสิ “อิมสมฺ ึ โลเก `มยํ อรหนฺโตติ เป็นพระอรหนั ต์ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ในโลก นี ้ เป็นผ้มู าก (ยอ่ มเป็น), วตฺตาโร พห,ู อหํ เอกํ อรหนฺตํปิ น ชานามิ; เคเห อ.เรา ยอ่ มไมร่ ู้ แม้ซงึ่ พระอรหนั ต์ องค์หนง่ึ , (อ.เรา) ประกอบแล้ว ภมํ โยเชตฺวา ปตฺตํ ลขิ าเปตฺวา สกิ ฺกาย ฐเปตฺวา ซง่ึ เครื่องกลงึ ในเรือน (ยงั บคุ คล) ให้กลงึ แล้ว ซง่ึ บาตร วางไว้แล้ว `เวสฬเจปุ รอมรปฺ หราายอตสฺถฏิ,ฺฐหิอตาถฺกมาตเสเฺ ตนาอคานกฺตาฺวเสา โอลมพฺ าเปตวฺ า ในสาแหรก (ยังบาตร) ให้ ห้ อยลงแล้ว ในอากาศ มีศอก ๖๐ อิมํ คณฺหาตตู ิ เป็ นประมาณ โดยการสืบต่อแห่งไม่ไผ่ จักกล่าว ว่า ถ้าว่า วกขฺ าม;ิ โย ตํ คเหสสฺ ต,ิ ตํ สปตุ ตฺ ทาโร สรณํ คมสิ สฺ ามตี .ิ อ.พระอรหันต์ มีอยู่ ไซร้ , อ.พระอรหนั ต์นนั้ มาแล้ว โดยอากาศ จงถือเอา ซงึ่ บาตรนี ้ ดงั นี,้ (อ.บคุ คล)ใด จกั ถือเอา (ซง่ึ บาตร)นนั้ , (อ.เรา) ผ้เู ป็นไปกบั ด้วยลกู และเมีย จกั ถงึ ซงึ่ บคุ คลนนั้ วา่ เป็น สรณะ ดงั นี ้ได้มีแล้ว (แก่เศรษฐี) นนั้ ฯ ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 67 www.kalyanamitra.org
(อ.เศรษฐี) นนั้ (ยงั บคุ คล) ให้กลงึ แล้ว ซงึ่ บาตร โดยนยิ าม (แหง่ เหตุ โส จินฺตติ นิยาเมเนว ปตฺตํ ลขิ าเปตฺวา เวฬปุ รมปฺ ราย อนั ตน) คดิ แล้วนนั่ เทียว (ยงั บคุ คล) ให้ยกขนึ ้ แล้ว โดยการสบื ตอ่ อสุ ฺสาเปตฺวา “โย อิมสมฺ ึ โลเก อรหา, โส อากาเสนา- แหง่ ไม้ไผ่ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.บคุ คล) ใด เป็นพระอรหนั ต์ ในโลกนี ้ คนฺตฺวา อิมํ ปตฺตํ คณฺหาตตู ิ อาห. (ยอ่ มเป็น) , (อ.บคุ คล) นนั้ มาแล้ว โดยอากาศ จงถอื เอา ซงึ่ บาตรนี ้ ดงั นี ้ ฯ อ.ครู ท. ๖ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.บาตร) นนั่ เป็นของสมควร แกเ่ รา ท. ฉ สตฺถาโร “อมหฺ ากํ เอส อนจุ ฺฉวิโก, อมหฺ ากเมว (ยอ่ มเป็น), (อ.ทา่ น) จงให้ (ซงึ่ บาตร) นนั้ แก่เรา ท. นน่ั เทียว ดงั นี ้ฯ นํ เทหีติ วทสึ .ุ โส “อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาถาติ (อ.เศรษฐี)นนั้ กลา่ วแล้ววา่ (อ.ทา่ นท.)มาแล้วโดยอากาศจงถอื เอา อเอปานเหจุส.ฺฉสวฉิ “ิโฏคกฺเ,จฐฺฉมทถาิว, เเสสอฏปนฺฐิคปฺ ึ ฺคมเอณตวฺตํฺโฐวกเสทนสฺ ถาฏ`กปอามตุ รฺโหฺณตาากอํ นออฺเาาตจกวราาิยเสสสเิ นสฺก เถิด ดงั นี ้ ฯ ในวนั ท่ี ๖ อ.นาฏบตุ ร ผ้เู ป็นนิครนถ์ สง่ ไปแล้ว ตอสามถคาตมฺโถนววํ ทกคสึรณิ,.ุ เฺหทเาหสติฏตู กฺฐิ ิเี รอตา“ํหอป.าตกฺตานเสฺตน.ิ าเคตนฺตคฺวนาฺตฺวาคณเสฺหฏฺิตฐํุึ ซง่ึ อนั เตวาสกิ ท. (ด้วยค�ำ) วา่ (อ.เจ้า ท.) จงไป, จงกลา่ ว กะเศรษฐี อยา่ งนี ้ วา่ (อ.บาตรนนั่ ) เป็นของสมควร แก่อาจารย์ ของเรา ท. (ยอ่ มเป็น), (อ.ทา่ น) อยา่ กระท�ำแล้ว ซงึ่ การมา โดยอากาศ เพราะเหตุ (แหง่ บาตร) มปี ระมาณน้อย, ได้ยนิ วา่ (อ.ทา่ น) จงให้ (ซง่ึ บาตร) นน่ั ดงั นี ้ฯ (อ.อนั เตวาสกิ ท.) เหลา่ นนั้ ไปแล้ว กลา่ วแล้ว อยา่ งนนั้ กะเศรษฐี ฯ อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว วา่ (อ.บคุ คล) ผ้สู ามารถ เพื่ออนั มาแล้ว โดยอากาศ ถือเอา เทียว จงถือเอาเถิด ดงั นี ้ฯ อ.นาฏบตุ ร เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั ไป เอง เป็น ได้ให้แล้ว ซง่ึ สญั ญา นาฏปตุ ฺโต สยํ คนฺตกุ าโม หตุ ฺวา อนฺเตวาสกิ านํ แก่อนั เตวาสกิ ท. วา่ อ.เรา ยกขนึ ้ แล้ว ซงึ่ มือ ข้างหนง่ึ ด้วย ซงึ่ เท้า สญฺญมทาสิ “อหํ เอกํ หตฺถญฺจ ปาทญฺจ อกุ ฺขิปิ ตฺวา (ข้างหนงึ่ ) ด้วย เป็นราวกะวา่ ต้องการเพื่ออนั เหาะขนึ ้ จกั เป็น, อปุ ปฺ ตติ กุ าโม วิย ภวสิ สฺ ามิ, ตมุ เฺ ห มํ `อาจริย กึ อ.เจ้า ท. กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตอ่ าจารย์ (อ.ทา่ น ท.) จะกระทำ� ซงึ่ อะไร ? กโรถ ? ทารุมยปตฺตสสฺ การณา ปฏิจฺฉนฺนํ อรหตฺตํ (อ.ทา่ น ท.) อยา่ แสดงแล้ว ซงึ่ พระอรหตั อนั (อนั ปัจจยั ) ปกปิ ดแล้ว มหาชนสสฺ มา ทสสฺ ยิตฺถาติ วตฺวา มํ หตฺเถสุ จ แก่มหาชน เพราะเหตุ แหง่ บาตรอนั เป็นวกิ ารแหง่ ไม้ ดงั นี ้ จบั แล้ว ปาเทสุ จ คเหตวฺ า อากฑฒฺ นตฺ า ภมู ยิ ํ ปาเตยยฺ าถาต.ิ ซง่ึ เรา ท่ีมือ ท. ด้วย ที่เท้า ท. ด้วย คร่ามาอยู่ (ยงั เรา) พงึ ให้ล้มลง บนภาคพืน้ ดงั นี ้ฯ (อ.นาฏบตุ ร) นนั้ ไปแล้ว (ในท)ี่ นนั้ กลา่ วแล้ว กะเศรษฐี วา่ อยํ โส ตตฺถ คนฺตฺวา อเสญฏฺเฺฐญึ อสาํ หนาน“มจุ หฺฉาวเิโสกฏ,ฺฐมิ ามยเฺหตํ ดกู อ่ นมหาเศรษฐี อ.บาตร นี ้ เป็นของสมควร แก่เรา (ยอ่ มเป็น), ปตฺโต อนจุ ฺฉวโิ ก, เป็นของสมควร (แก่ชน ท.) เหลา่ อ่ืน (ยอ่ มเป็น) หามิได้, อ.อนั เหาะ อปปฺ มตฺตกสฺส การณา มม อากาเส อปุ ปฺ ตนํ ขนึ ้ ไป ในอากาศ แหง่ เรา เพราะเหตุ (แหง่ บาตร) มีประมาณน้อย รุจจฺ ต,ิ เทหิ เม ปตตฺ นตฺ .ิ “ภนเฺ ต อากาเสน อปุ ปฺ ตติ วฺ า อนั ทา่ น อยา่ ชอบใจอย,ู่ อ.ทา่ น ขอจงให้ ซงึ่ บาตร แก่เรา ดงั นี ้ ฯ ว คณฺหาถาต.ิ (อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ทา่ น ท. เหาะขนึ ้ ไป แล้ว โดยอากาศ เทียว จงถือเอาเถิด ดงั นี ้ฯ ในลำ� ดบั นนั้ อ.นาฏบตุ ร (กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.เจ้า ท.) ตโต นาฏปตุ ฺโต “เตนหิ อเปถ อเปถาติ จงหลกี ไป (อ.เจ้า ท.) จงหลกี ไป ดงั นี ้นำ� ไปปราศแล้ว ซง่ึ อนั เตวาสกิ ท. อนฺเตวาสิเก อปเนตฺวา “อากาเส อุปฺปติสฺสามีติ (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.เรา) จกั เหาะขนึ ้ ไป ในอากาศ ดงั นี ้ ยกขนึ ้ แล้ว เอกํ หตฺถญฺจ ปาทญฺจ อกุ ฺขิปิ . ซงึ่ มือ ข้างหนงึ่ ด้วย ซงึ่ เท้า (ข้างหนง่ึ ) ด้วย ฯ ครัง้ นนั้ อ.อนั เตวาสกิ ท. (กลา่ วแล้ว) (กะนาฏบตุ ร) นนั้ วา่ อถ นํ อนฺเตวาสกิ า “อาจริย กินฺนาเมตํ กโรถ? ข้าแตอ่ าจารย์ (อ.ทา่ น ท.) ยอ่ มกระท�ำ (ซง่ึ กรรม) นนั่ ช่ือ อะไร ? ฉวสสฺ ทารุมยปตฺตสฺส การณา ปฏิจฺฉนฺนคฺคเุ ณน อ.ประโยชน์ อะไร ด้วยคณุ (อนั ปัจจยั ) ปกปิดแล้ว อนั (อนั ทา่ น ท.) มหาชนสฺส ทสสฺ เิ ตน โก อตฺโถติ ตํ หตฺถปาเทสุ แสดงแล้ว แก่มหาชน เพราะเหตุ แหง่ บาตรอนั เป็นวิการแหง่ ไม้ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา ภมู ิยํ ปาเตส.ํุ อนั เพียงดงั ซากศพ ดงั นี ้จบั แล้ว (ซงึ่ นาฏบตุ ร) นนั้ ท่ีมือและเท้า ท. คร่ามาแล้ว (ยงั นาฏบตุ ร) ให้ล้มลงแล้ว บนภาคพืน้ ฯ 68 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.นาฏบตุ ร) นนั้ กลา่ วแล้ว กะเศรษฐี วา่ ดกู ่อนมหาเศรษฐี น โส เเทสหฏิฺ ฐเมึ ปอตาตฺ หนตฺ “.ิ ม“อหปุ าปฺเสตฏติ ฺวฺฐาิ อิเม เม อปุ ปฺ ตติ ํุ (อ.อนั เตวาสกิ ท.) เหลา่ นี ้ ยอ่ มไมใ่ ห้ เพ่ืออนั เหาะขนึ ้ แก่เรา, เทนตฺ ,ิ ว คณหฺ าถ ภนเฺ ตต.ิ (อ.ทา่ น) ขอจงให้ ซง่ึ บาตร แก่เรา ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ทา่ น ท.) เหาะขนึ ้ ไปแล้วเทียว จงถือเอา เถิด ดงั นี ้ฯ (อ.เดียรถีย์ ท.) แม้พยายามแล้ว สนิ ้ วนั ท. ๖ ไมไ่ ด้แล้ว เอวํ ตติ ฺถิยา ฉ ทิวสานิ วายมิตฺวาปิ ตํ ปตฺตํ ซง่ึ บาตร นนั้ นนั่ เทียว ด้วยประการฉะนี ้ฯ น ลภสึ เุ ยว. ในวนั ที่ ๗ อ.นกั เลง ท. ยงั วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว วา่ แนะ่ สตฺตเม ทิวเส อายสมฺ โต จ มหาโมคฺคลลฺ านสสฺ ทา่ นผ้เู จริญ ท. ในกาลก่อน อ.ครู ท. ๖ กลา่ วแล้ว วา่ อ.เรา ท. อายสมฺ โต จ ปิ ณฺโฑลภารทฺวาชสสฺ “ราชคเห ปิ ณฺฑาย เป็นพระอรหนั ต์ ยอ่ มเป็น ในโลก ดงั น,ี ้ แตว่ า่ เมอื่ เศรษฐผี ้อู ยใู่ นเมอื งชอ่ื ปฉปจรนาสิสรตฺุสปปถฺ านตามกโฺตราาํ ตเ`อโลิลสคุ เธสฺนกตุาฺตมเฺตฺวปยกาตํ าอเฺวรอากหกถนส`ํตฺสฺมสมเึจมปหฺ ฏิุาฏอฺตฐฺฐราิปิหวเทาปาสสึสอา.ุํุ เรต“ณาอฺถชมิ,คฐโฺ ตหภอฺวาเสาปกฏาพุจฺฐเฺเีวโสิ พนร-ํ วา่ ราชคฤห์ (ยงั บคุ คล) ให้ยกขนึ ้ แล้ว ซง่ึ บาตร กลา่ วอยู่ วา่ ถ้าวา่ อ.พระอรหนั ต์ มีอยู่ ไซร้, (อ.พระอรหนั ต์ นนั้ ) มาแล้ว โดยอากาศ จงถอื เอาเถดิ ดงั นี ้ อ.วนั นี ้ เป็นวนั ท่ี ๗ (ยอ่ มเป็น), (อ.บคุ คล) แม้หนง่ึ ช่ือวา่ ผ้(ู กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เรา เป็นอรหนั ต์ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้เหาะขนึ ้ นาคนฺตฺวา คณฺหาตตู ิ วทนฺตสฺส อชฺช สตฺตโม ทิวโส, ไปอยู่ ในอากาศ ยอ่ มไมม่ ี, อ.ความที่ แหง่ พระอรหนั ต์ ท. ไมม่ ีอยู่ เอโกปิ `อหํ อรหาติ อากาเส อปุ ปฺ ตนฺโต นาม นตฺถิ; ในโลก อนั เรา ท. รู้แล้ว ในวนั นี ้ ดงั นี ้ ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ในกาล- อชฺช โน โลเก อรหนฺตานํ นตฺถิภาโว ญาโตต.ิ เป็นท่ีไปแล้ว(ด้วยความคดิ )วา่ (อ.เราท.)จกั เที่ยวไปในเมืองช่ือวา่ ราชคฤห์ เพื่อก้ อนข้ าว ดังนี ้ ยืนแล้ ว บนแผ่นหินมีหลัง แผ่นหน่ึง ห่ม ซึ่งจีวร แห่งพระมหาโมคคัลลานะ ผู้มีอายุ ด้วย แหง่ พระปิ ณโฑลภารทวาชะ ผ้มู ีอายุ ด้วย ฯ อ.พระมหาโมคคลั ลานะ ผ้มู อี ายุ ฟงั แลว้ ซงึ่ วาจาเป็นเครอื่ งกลา่ ว ตํ กถํ สตุ วฺ า อายสมฺ า มหาโมคคฺ ลลฺ าโน อายสมฺ นตฺ ํ นัน้ กล่าวแล้ว กะพระปิ ณโฑลภารทวาชะ ผู้มีอายุ ว่า ปิ ณฺโฑลภารทฺวาชํ อาห “สตุ นฺเต อาวโุ ส ภารทฺวาช แนะ่ ปิ ณโฑลภารทวาชะ ผ้มู ีอายุ อ.ค�ำ (ของนกั เลง ท.) เหลา่ นี ้ อิเมสํ วจนํ, อิเม พทุ ฺธสาสนํ ปริคฺคณฺหนฺตา วยิ วทนฺต;ิ อก�นำั หทนา่ นดถฟือังเอแาลอ้วยหู่ ซรือง่ึ พ, ร(อะ.พนทุกั ธเลศงาสทน.)า,เหกล็ า่อน.ที ้ ยา่ อ่นมเกปล็นา่ ผว้มู รีฤาทวธก์ิมะาวกา่ ตฺวญฺจ มหิทฺธิโก มหานุภาโว, คจฺเฉตํ ปตฺตํ อากาเสนาคนฺตฺวา คณฺหาหีต.ิ เป็นผ้มู ีอานภุ าพมาก (ยอ่ มเป็น), (อ.ทา่ น) จงไป (อ.ทา่ น) มาแล้ว โดยอากาศ จงถือเอา (ซง่ึ บาตร) นนั่ ดงั นี ้ฯ ผ้มู อี า(อย.ุ พอร.ทะา่บนณิ เโปฑ็นลผภ้เู ลาศิรท(วกาวชา่ สากวลกา่ วทแ.)ล้วผ)้มู ฤี วทา่ ธิ์ แนะ่ โมคคลั ลานะ “อาวโุ ส โมคฺคลฺลาน ตฺวํ อิทฺธิมนฺตานํ อคฺโค, ตฺวํ (ยอ่ มเป็น) อ.ทา่ น เอตํ คณฺหาหิ; ตยิ ปน อคฺคณฺหนฺเต อหํ คณฺหิสฺสามีติ. จงถือเอา (ซงึ่ บาตร) นน่ั , แตว่ า่ ครัน้ เม่ือทา่ น ไมถ่ ือเอาอยู่ อ.เรา “คณหฺ าวโุ สติ เอวํ วตุ เฺ ต อายสมฺ า ปิณโฺ ฑลภารทวฺ าโช จกั ถอื เอา ดงั นี ้ฯ (ครนั้ เมอื่ คำ� ) อยา่ งนี ้วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ (อ.ทา่ น ) อตอตปภุิูลคริญปาิ ิวจฺญสุตุ ตํวาฺติยปปกาิ ฏฺขทฺอตฐกาิปฺตํ กํุจาาอสตเนาตุสปุณฺถรอชํิยฺฌุฏาปฺ ฐยาาานิ.ทเํปนสตฺเมตฺวาานปชราฺชปชิตรคิฺวจาหฺฉินนวฺคทฏุ ฺรนฐสาฺโฺตสย จงถือเอาเถิด ดังนี ้ (อันพระมหาโมคคัลลานะ) กล่าวแล้ว อ.พระบณิ โฑลภารทวาชะ ผ้มู อี ายุ เข้าแล้ว ซงึ่ จตตุ ถฌาน มอี ภญิ ญา เป็นเครื่องถงึ ออกแล้ว ก�ำหนดตดั อยู่ ซงึ่ แผน่ หินมีหลงั มีคาวตุ ๓ เป็นประมาณ ด้วยปลายแหง่ เท้า (ยงั แผน่ หินมีหลงั ) ให้ตงั้ ขนึ ้ แล้ว ในอากาศ ราวกะ อ.ปยุ แหง่ นนุ่ เวียนรอบแล้ว ในเบือ้ งบน แหง่ เมืองชื่อวา่ ราชคฤห์ ๗ ครัง้ ฯ ผลิตส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดพระธรรมกาย 69 www.kalyanamitra.org
(อ.แผน่ หนิ มหี ลงั ) นนั้ ปรากฏแล้ว ราวกะ อ.วตั ถเุ ป็นเคร่ืองปิด โส ตคิ าวตุ ปปฺ มาณสฺส นครสฺส ปิ ธานํ วยิ ซง่ึ เมือง มีคาวตุ ๓ เป็นประมาณ ฯ (อ.ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นนครโดยปกติ ปญฺญายิ. นครวาสโิ น “ปาสาโณ โน อวตฺถริตฺวา ผ้กู ลวั แล้ว วา่ อ.แผน่ หนิ จะทว่ มทบั จบั เอา ซง่ึ เรา ท. ดงั นี ้ กระทำ� แล้ว คณฺหาตีติ ภีตา สปุ ปฺ าทีนิ มตฺถเก กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ (ซงึ่ วตั ถุ ท.) มกี ระด้งเป็นต้น บนกระหมอ่ ม แอบแล้ว (ในท)่ี นนั้ ๆ ฯ นิลียสึ .ุ อ.พระเถระ ท�ำลายแล้ว ซงึ่ แผน่ หินมีหลงั แสดงแล้ว ซงึ่ ตน สตฺตเม วาเร มเหถโารชโนปิ ฏฺฐเถปิ ราํ สาทณิสวฺํ าภิน“ฺทภิตนฺวฺเตา ในวาระ ท่ี ๗ ฯ อ.มหาชน เหน็ แล้ว ซง่ึ พระเถระ (กลา่ วแล้ว) วา่ อตฺตานํ ทสฺเสส.ิ ข้าแตท่ า่ นปิณโฑลภารทวาชะผ้เู จรญิ (อ.ทา่ น)จงจบั ซงึ่ แผน่ หนิ ของทา่ น ปิ ณฺโฑลภารทฺวาช ตว ปาสาณํ ทฬฺหํ กตฺวา คณฺห, กระท�ำ ให้ม่ัน, (อ.ท่าน) อย่า ยังเรา ท. ทัง้ ปวง ให้ฉิบหายแล้ว มา โน สพฺเพ นาสยีต.ิ เถโร ปาสาณํ ปาทนฺเตน ดังนี ้ ฯ อ.พระเถระ เหว่ียงไปแล้ว ซึ่งแผ่นหิน ด้วยปลายแห่ง ขิปิ ตฺวา วสิ ฺสชฺเชส.ิ เท้า ปลอ่ ยแล้ว ฯ (อ.แผน่ หนิ ) นนั้ ไปแล้ว ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในทอ่ี ยา่ งไรนนั่ เทยี ว ฯ อเสเุ รฏนฺฐโสิสนฺสิปปฺคเชนคฺชฺตหิตฺวมฺวาตาฺถ, เย“กโถอาตอฐราฏถเฺฐนาสเสยา.ิวมีตติ ปวํ ตตฏิทฺวฺาิสฐาวฺ อสาา.ิ กาเสเสถฏโโฺตฐรี อ.พระเถระ ได้ยืนแล้ว บนท่ีสดุ แหง่ เรือน ของเศรษฐี ฯ อ.เศรษฐี เหน็ แล้ว (ซงึ่ พระเถระ) นนั้ หมอบลงแล้ว ด้วยอก, กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตน่ าย (อ.ทา่ น ท.) จงข้ามลงเถดิ ดงั นี ้ ยงั พระเถระ ผ้ขู ้ามลงแล้ว โอตณิ ฺณํ เถรํ นิสีทาเปตฺวา. ปตฺตํ โอตาราเปตฺวา จากอากาศ ให้นง่ั แล้ว, ยงั บาตร ให้ข้ามลงแล้ว กระท�ำแล้ว ให้เป็น จตมุ มฺ ธรุ ปณุ ฺณํ กตฺวา เถรสฺส อทาส.ิ บาตรเตม็ แล้วด้วยของอร่อย ๔ อยา่ ง ได้ถวายแล้ว แก่พระเถระ ฯ อ.พระเถระรบั แล้วซง่ึ บาตรมหี น้าเฉพาะตอ่ วหิ ารได้ออกไปแล้วฯ เถโร ปตฺตํ คเหตฺวา วหิ าราภิมโุ ข ปายาส.ิ อถสฺส ครัง้ นนั้ (อ.ชน ท.) เหลา่ ใด ผ้ไู ปแล้ว ในป่ า หรือ หรือวา่ ผ้ไู ปแล้ว เย อรญฺเญ คตา วา คามคตา วา ปาฏิหาริยํ ในบ้าน ไมเ่ หน็ แล้ว ซง่ึ ปาฏหิ าริย์ (ของพระเถระ)นนั้ , (อ.ชน ท.) เหลา่ นนั้ น ปสสฺ สึ ,ุ เต สนนฺ ปิ ตติ วฺ า “ภนเฺ ต อมหฺ ากปํ ิ ปาฏหิ าริยํ ประชมุ กนั แล้ว (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ทา่ น) ขอจงแสดง ทสฺเสหีติ เถรํ อนพุ นฺธึส.ุ โส เตสํ เตสํ ปาฏิหาริยํ ซง่ึ ปาฏิหาริย์ แม้แก่เรา ท. ดงั นี ้ ตดิ ตามแล้ว ซง่ึ พระเถระ ฯ ทสเฺ สนฺโต วหิ ารํ อคมาส.ิ (อ.พระเถระ) นนั้ แสดงอยู่ ซงึ่ ปาฏหิ ารยิ ์ (แกช่ น ท.) เหลา่ นนั้ ๆ ได้ไปแล้ว สวู่ หิ าร ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ เสยี ง ของมหาชน ผู้ ตดิ ตามแล้ว สตฺถา ตํ อนพุ นฺธิตฺวา อนุ ฺนทนฺตสสฺ มหาชนสสฺ (ซงึ่ พระเถระ) นนั้ บรรลอื ขนึ ้ อยู่ ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนอานนท์ สทฺทํ สตุ ฺวา “อานนฺท กสเฺ สโส สทฺโทติ ปจุ ฺฉิตฺวา (อ.เสียง) นนั่ เป็นเสยี ง ของใคร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ ทรงสดบั แล้ว วา่ “ภนฺเต ปิ ณฺโฑลภารทฺวาเชน อากาเส อปุ ปฺ ตติ ฺวา ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.บาตรอนั บคุ คลกระท�ำแล้วด้วยไม้จนั ทน์ จนฺทนปตฺโต คหิโต, ตสฺส สนฺตเิ ก เอโส สทฺโทติ อนั พระบณิ โฑลภารทวาชะ เหาะขนึ ้ ไปแล้ว ในอากาศ ถือเอาแล้ว, สตุ ฺวา ปิ ณฺโฑลภารทฺวาชํ ปกฺโกสาเปตฺวา “สจฺจํ (อ.เสียง) นนั่ เป็นเสยี ง ในสำ� นกั (ของพระบณิ โฑลภารทวาชะ) นนั้ กิร ตยา เอวํ กตนฺติ ปจุ ฺฉิตฺวา “สจฺจํ ภนฺเตติ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้(ทรงยงั บคุ คล) ให้ร้องเรยี กแลว้ ซง่ึ พระบณิ โฑลภารทวาชะ วตุ ฺเต, “กสมฺ า เต ภารทฺวาช เอวํ กตนฺติ เถรํ วิครหิตฺวา ตรัสถามแล้ว วา่ ได้ยินวา่ (อ.กรรม) อยา่ งนี ้อนั เธอ กระท�ำแล้ว จริง ตํ ปตฺตํ ขณฺฑาขณฺฑํ เภทาเปตฺวา ภิกฺขูนํ หรือ ดงั นี ้(ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.กรรม อยา่ งนี ้ อญชฺ นปึสนตถฺ าย ทาเปตวฺ า ปาฏหิ าริยสสฺ อกรณตถฺ าย อนั ข้าพระองค์ กระท�ำแล้ว) จริง ดงั นี ้(อนั พระบณิ โฑลภารทวาชะ) สาวกานํ สกิ ฺขาปทํ ปญฺญเปส.ิ กราบทลู แล้ว, (ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนภารทวาชะ (อ.กรรม) อยา่ งนี ้ อนั เธอ กระท�ำแล้ว เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ ทรงตเิ ตียนแล้ว ซงึ่ พระเถระ (ทรงยงั บคุ คล)ให้ท�ำลายแล้วซงึ่ บาตรนนั้ (กระท�ำ)ให้เป็นทอ่ นน้อย และทอ่ นใหญ่ (ทรงยงั บคุ คล) ให้ให้แล้ว แก่ภิกษุ ท. เพื่อประโยชน์ แก่อันบดซ่ึงยาเป็ นเคร่ืองหยอด ทรงบัญญัติแล้ว ซ่ึงสิกขาบท แก่สาวก ท. เพ่ือประโยชน์แก่อนั ไมก่ ระท�ำ ซงึ่ ปาฏิหาริย์ ฯ 70 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
แม้ อ.เดียรถีย์ ท. ฟังแล้ว วา่ ได้ยินวา่ อ.พระสมณะ ผ้โู คดม ตติ ฺถิยาปิ “สมโณ กิร โคตโม ตํ ปตฺตํ เภทาเปตฺวา (ทรงยังบุคคล) ให้ท�ำลายแล้ว ซ่ึงบาตร นัน้ ทรงบัญญัติแล้ว ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย สาวกานํ สกิ ฺขาปทํ ซง่ึ สกิ ขาบท แกส่ าวก ท. เพอ่ื ประโยชน์แกอ่ นั ไมก่ ระทำ� ซง่ึ ปาฏหิ ารย์ ปญฺญเปสตี ิ สตุ ฺวา “สมณสสฺ โคตมสสฺ สาวกา ดงั นี ้ เท่ียวบอกกนั อยแู่ ล้ว ในถนนในเมือง ท. วา่ อ.สาวก ท. ปญฺญตฺตํ สกิ ฺขาปทํ ชีวติ เหตปุ ิ นาตกิ ฺกมนฺต,ิ สมโณปิ ของพระสมณะ ผ้โู คดม ยอ่ มไมก่ ้าวลว่ ง ซง่ึ สกิ ขาบท อนั (อนั พระสมณะ โคตโม ตํ รกฺขิสฺสเตว, อิทานิ อมเฺ หหิ โอกาโส ลทฺโธติ ผ้โู คดม) ทรงบญั ญตั แิ ล้ว แม้เพราะเหตแุ หง่ ชวี ติ , แม้ อ.พระสมณะ นครวีถีสุ อาโรเจนฺตา วจิ รึส,ุ “มยํ อตฺตโน คณุ ํ ผู้โคดม จักทรงรักษา (ซึ่งสิกขาบท) นัน้ น่ันเทียว, ในกาลนี ้ รกฺขนฺตา ปพุ ฺเพ ทารุมยปตฺตสฺส การณา อตฺตโน อ.โอกาส อนั เรา ท. ได้แล้ว ดงั นี,้ กลา่ วแล้ว วา่ อ.เรา ท. เม่ือรักษา คณุ ํ มหาชนสฺส น ทสสฺ ยิมหฺ า, สมณสสฺ โคตมสสฺ ซง่ึ คณุ ของตน ไมแ่ สดงแล้ว ซงึ่ คณุ ของตน แก่มหาชน เพราะเหตุ สาวกา ปตฺตสสฺ การณา อตฺตโน คณุ ํ มหาชนสสฺ แหง่ บาตรอนั เป็นวกิ ารแหง่ ไม้ ในกาลกอ่ น, อ.สาวก ท. ของพระสมณะ ทสฺเสส,ํุ สมโณ โคตโม อตฺตโน ปณฺฑิตตาย ตํ ผ้โู คดม แสดงแล้ว ซง่ึ คณุ ของตน แกม่ หาชน เพราะเหตุ แหง่ บาตร, ปตฺตํ เภทาเปตฺวา สาวกานํ สกิ ฺขาปทํ ปญฺญเปส,ิ อ.พระสมณะ ผ้โู คดม (ทรงยงั บคุ คล) ให้ท�ำลายแล้ว ซง่ึ บาตร นนั้ อิทานิ มยํ เตเนว สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสสฺ ามาติ วทสึ .ุ ทรงบญั ญตั แิ ล้ว ซง่ึ สกิ ขาบท แกส่ าวก ท. เพราะความท่ี แหง่ พระองค์ เป็ นบัณฑิต ในกาลนี ้ อ.เรา ท. จักกระท�ำ ซง่ึ ปาฏิหาริย์ กบั (ด้วยพระสมณะ ผ้โู คดม) นนั้ นน่ั เทียว ดงั นี ้ฯ อ.พระราชา พระนามวา่ พิมพิสาร ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ วาจาเป็น ราชา พิมพฺ ิสาโร ตํ กถํ สตุ ฺวา สตฺถุ สนฺตกิ ํ เคร่ืองกลา่ ว นนั้ เสดจ็ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของพระศาสดา (ทลู ถามแล้ว) คนฺตฺวา “ตมุ เฺ หหิ กิร ภนฺเต ปาฏิหาริยสฺส อกรณตฺถาย วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ได้ยินวา่ อ.สกิ ขาบท อนั พระองค์ ท. สาวกานํ สกิ ฺขาปทํ ปญฺญตฺตนฺต.ิ “อาม มหาราชาติ. ทรงบัญญัติแล้ว แก่สาวก ท. เพื่อประโยชน์แก่อันไม่กระท�ำ “อิทานิ ตติ ฺถิยา `ตมุ เฺ หหิ สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามาติ ซงึ่ ปาฏิหารย์ หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ วทนฺต,ิ กินฺทานิ กริสสฺ ถาต.ิ “เตสุ กโรนฺเตสุ กริสฺสามิ ดกู ่อนมหาบพิตร ขอถวายพระพร (อ.อยา่ งนนั้ ) ดงั นี ้ฯ (อ.พระราชา มหาราชาต.ิ “นนุ ตมุ เฺ หหิ สกิ ฺขาปทํ ปญฺญตฺตนฺต.ิ ทลู ถามแล้ว) วา่ ในกาลนี ้ อ.เดียรถีย์ ท. ยอ่ มกลา่ ว วา่ (อ.เรา ท.) จกั กระท�ำ ซงึ่ ปาฏิหาริย์ กบั ด้วยพระองค์ ท. ดงั นี,้ ในกาลนี ้ (อ.พระองค์ท.)จกั ทรงกระทำ� อยา่ งไรดงั นีฯ้ (อ.พระศาสดาตรสั แล้ว)วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร (ครัน้ เม่ือเดียรถีย์ ท.) เหลา่ นนั้ กระท�ำอยู่ อ.อาตมภาพ จกั กระท�ำ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา ทลู ถามแล้ว) วา่ อ.สกิ ขาบท อนั พระองค์ ท. ทรงบญั ญตั แิ ล้ว มิใชห่ รือ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร อ.อาตมภาพ “นาหํ มหาราช อตตฺ โน สกิ ขฺ าปทํ ปญญฺ เปส,ึ ตเมว บญั ญตั ิแล้ว ซง่ึ สกิ ขาบท แก่ตน หามิได้, (อ.สกิ ขาบท) นนั้ นน่ั เทียว สาวกานํ ปญฺญตฺตนฺต.ิ “ตมุ เฺ ห ฐเปตฺวา อญฺญตฺถ (อนั อาตมภาพ) บญั ญตั แิ ล้ว แก่สาวก ท. ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา สกิ ฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ นาม โหติ ภนฺเตต.ิ “เตนหิ มหาราช ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ อ.สกิ ขาบท ชอ่ื วา่ เป็นสกิ ขาบท ตเมเวตฺถ ปฏิปจุ ฺฉิสฺสามิ, อตฺถิ ปน เต มหาราช (อนั พระองค์ ท.) ทรงบญั ญตั แิ ล้ว (ในสาวก ท.) เหลา่ อ่ืน เว้น วิชิเต อยุ ฺยานนฺต.ิ “อตฺถิ ภนฺเตต.ิ “สเจ เต มหาราช ซง่ึ พระองค์ ท. (ยอ่ มเป็น หรือ) ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ อยุ ฺยาเน มหาชโน อมฺพาทีนิ ขาเทยฺย, กิมสฺส ดกู อ่ นมหาบพติ ร ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.อาตมภาพ) จกั ถามตอบ ซง่ึ พระองค์ กตฺตพฺพนฺต.ิ “ทณฺโฑ ภนฺเตต.ิ “ตฺวํ ปน ขาทิตํุ ลภสีต.ิ นน่ั เทียว (ในเร่ือง) นี,้ ดกู ่อนมหาบพิตร ก็ อ.อทุ ยาน ในแวน่ แคว้น ของพระองค์ มีอยู่ หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.อทุ ยาน) มีอยู่ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร ถ้าวา่ อ.มหาชน พงึ เคีย้ วกิน (ซง่ึ ผลไม้ ท.) มีมะมว่ งเป็นต้น ในอทุ ยาน ของพระองค์ ไซร้, อ.อะไร (อนั พระองค์) พงึ ทรงกระท�ำ (แก่มหาชน) นนั้ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.สนิ ไหม (อนั หมอ่ มฉนั พงึ กระท�ำ แก่มหาชน นนั้ ) ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ ก็ อ.พระองค์ ยอ่ มทรงได้ เพอื่ อนั เสวย หรือ ดงั นี ้ฯ ผลิตสื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 71 www.kalyanamitra.org
(อ.พระราชา กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ พระเจ้าข้า “อาม ภนฺเต, มยฺหํ ทณฺโฑ นตฺถิ, อหํ อตฺตโน (อ.อย่างนัน้ ), อ.สินไหม ย่อมไม่มี แก่หม่อมฉัน, อ.หม่อมฉัน สนฺตกํ ขาทิตํุ ลภามีติ. “มหาราช ยถา ตว ยอ่ มได้ เพ่ืออนั เคีย้ วกิน ซง่ึ วตั ถอุ นั เป็นของมีอยู่ ของตน ดงั นี ้ ฯ ติโยชนสติเก รชฺเช อาณา ปวตฺตติ, อตฺตโน (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร อ.อาชญา อยุ ฺยาเน อมพฺ าทีนิ ขาทนฺตสสฺ ทณฺโฑ นตฺถิ, ของพระองค์ ย่อมเป็ นไปทั่ว ในความเป็ นแห่งพระราชา อญเฺ ญสํ ปน อตถฺ ;ิ เอวํ มมปิ จกกฺ วาฬโกฏสิ ตสหสเฺ ส อันประกอบแล้วด้วยร้ อยแห่งโยชน์ ๓, อ.สินไหม ย่อมไม่มี อาณา ปวตฺตต,ิ อตฺตโน สกิ ฺขาปทปปฺ ญฺญตฺตยิ า (แก่พระองค์) ผู้เสวยอยู่ (ซ่ึงผลไม้ ท.) มีมะม่วงเป็ นต้ น อตกิ ฺกโม นาม นตฺถิ, อญฺเญสํ ปน อตฺถิ; ในอทุ ยาน ของพระองค์, แตว่ า่ (อ.สนิ ไหม) มีอยู่ (แก่ชน ท.) กริสฺสามหํ ปาฏิหาริยนฺต.ิ เหลา่ อ่ืน ฉนั ใด, อ.อาชญา แม้ของอาตมภาพ ยอ่ มเป็นไปทว่ั ในแสนแหง่ โกฏิแหง่ จกั รวาฬ, ชื่อ อ.ความก้าวลว่ ง ซงึ่ บญั ญตั ิ คือสกิ ขาบท ยอ่ มไมม่ ี แก่ตน, แตว่ า่ (อ.ความก้าวลว่ ง ซง่ึ บญั ญตั ิ คือสิกขาบท) มีอยู่ (แก่ชน ท.) เหล่าอ่ืน ฉันนัน้ ฯ อ.อาตมา จกั กระท�ำ ซงึ่ ปาฏิหาริย์ ดงั นี ้ฯ อ.เดยี รถยี ์ ท. ฟงั แลว้ ซง่ึ วาจาเป็นเครอ่ื งกลา่ ว นนั้ ปรกึ ษากนั แลว้ ตติ ฺถิยา ตสํ กาถวํกสาตุนฺวญาฺเญ“อวิทานสกิิมฺขหฺ านปฏทฺฐํ าป,ญสมฺญเณตฺตนํ, วา่ ในกาลนี ้ (อ.เรา ท.) เป็นผ้ฉู ิบหายแล้ว ยอ่ มเป็น, ได้ยินวา่ กิร โคตเมน อ.สกิ ขาบท อนั พระสมณะ ผ้โู คดม ทรงบญั ญตั แิ ล้ว แก่สาวก ท. น อตฺตโน; สยเมว กิร ปาฏิหาริยํ กตฺตกุ าโม; กินฺนุ นนั่ เทียว, (อ.สกิ ขาบท อนั พระสมณะ ผ้โู คดม ทรงบญั ญตั ิแล้ว) โข กโรมาติ มนฺตยสึ .ุ ราชา สตฺถารํ ปจุ ฺฉิ “ภนฺเต แก่พระองค์ หามิได้, ได้ยินวา่ (อ.พระสมณะ ผ้โู คดม) เป็นผู้ กทา ปาฏิหาริยํ กริสสฺ ถาต.ิ “อิโต จาตมุ มฺ าสจฺจเยน ประสงค์เพื่ออนั ทรงกระท�ำ ซงึ่ ปาฏิหาริย์ เองนน่ั เทียว (ยอ่ มเป็น) อาสาฬฺหปณุ ฺณมายํ มหาราชาต.ิ “กตฺถ กริสฺสถ (อ.เรา ท.) จะกระทำ� อยา่ งไร หนอ แล ดงั นี ้ฯ อ.พระราชา ทลู ถามแล้ว ภนฺเตต.ิ “สาวตฺถึ นิสสฺ าย มหาราชาติ. “กสมฺ า ปน ซงึ่ พระศาสดา วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.พระองค์ ท.) จกั ทรง- มสสตหพาฺถฺพชาพนสุทสฺฺเธอาวสนํ นํ นฺ ทมปิ รู าหฏตาฺฐตปาถฺ นาาํฏยปิหิอาปรทิทยรู ฏิสกฺฐตราีตณน.ิ เฏมฺ ฐว“ายนอสํป;มฺ ทาสิอตปตีิ ตจ.ิ ํ กระท�ำ ซง่ึ ปาฏิหาริย์ ในกาลไร ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร (อ.อาตมภาพ จกั กระท�ำ ซง่ึ ปาฏิหาริย์ ในดถิ ี) มีพระจันทร์อันเต็มแล้ วอันประกอบแล้ วด้ วยอาสาฬหฤกษ์ โดยอนั ลว่ งไปแหง่ ประชมุ แหง่ เดอื น ๔ (แตว่ นั ) นี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ อ.พระองค์ ท. จกั ทรงกระทำ� (ในที่) ไหน ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร (อ.อาตมภาพ) อาศยั แล้ว ซงึ เมืองช่ือวา่ สาวตั ถี (จกั กระท�ำ) ดงั นี ้ฯ (อ.อนั ถาม) วา่ ก็ อ.พระศาสดา ยอ่ มทรงแสดงอ้าง ซงึ่ ที่อนั ไกล อยา่ งนี ้เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ (อ.อนั แก้) วา่ (อ.ท)่ี นนั้ เป็นทเี่ ป็นทก่ี ระทำ� ซง่ึ ปาฏหิ ารยิ ใ์ หญ่ ของพระพทุ ธเจ้าทงั้ปวง ท. (ยอ่ มเป็น) อกี อยา่ งหนง่ึ (อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ยอ่ มทรงแสดงอ้าง ซง่ึ ที่อนั ไกล นน่ั เทียว แม้เพื่อต้องการแก่อนั ประชมุ แหง่ มหาชน เหตใุ ด, (เพราะเหตนุ นั้ อ.พระศาสดา ยอ่ มทรงแสดงอ้าง ซงึ่ ท่ีอนั ไกล อยา่ งนี)้ ดงั นี ้ฯ อ.เดยี รถยี ์ ท. ฟงั แลว้ ซง่ึ วาจาเป็นเครอ่ี งกลา่ ว นนั้ (ปรกึ ษากนั แลว้ ) ตติ ฺถิยา ตํ กถํ สตุ ฺวา “อิโต กิร จตนุ ฺนํ มาสานํ วา่ ได้ยินวา่ อ.พระสมณะ ผ้โู คดม จกั ทรงกระท�ำ ซง่ึ ปาฏิหาริย์ อจฺจเยน สมโณ โคตโม สาวตฺถิยํ ปาฏิหาริยํ กริสฺสติ, ในเมอื งชอื่ วา่ สาวตั ถี โดยอนั ลว่ งไป แหง่ เดอื น ท. ๔ (แตเ่ดอื น น,ี ้ ในกาลนี ้ อิทานิ ตํ อมญุ ฺจิตฺวาว อนพุ นฺธิสฺสาม, มหาชโน (อ.เรา ท.) ไมป่ ลอ่ ยแล้ว ซงึ่ พระสมณะ ผ้โู คดมนนั้ เทียว จกั ตดิ ตาม, อมเฺ ห ทิสฺวา `กิมิทนฺติ ปจุ ฺฉิสสฺ ต,ิ อถสสฺ วกฺขาม อ.มหาชน เหน็ แล้ว ซงึ่ เรา ท. จกั ถามวา่ อ.เหตนุ ี ้ อะไร ดงั นี,้ `มยํ `สมเณน โคตเมน สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กริสฺสามาติ (ครนั้ เมอื่ ความเป็น)อยา่ งนนั้ (มอี ยู่)(อ.เราท.)จกั กลา่ ว(แกม่ หาชน)นนั้ วา่ วทิมหฺ า, โส ปลายต,ิ มยมสสฺ ปลายิตํุ อทตฺวา อ.เรา ท. กลา่ วแล้ว วา่ (อ.เรา ท.) จกั กระท�ำ ซงึ่ ปาฏิหาริย์ กบั อนพุ นฺธามาติ. สตฺถา ราชคเห ปิ ณฺฑาย จริตฺวา ด้วยพระสมณะผ้โู คดมดงั นี,้ (อ.พระสมณะผ้โู คดม)นนั้ ยอ่ มหนีไป, นิกฺขมิ. ติตฺถิยาปิ สฺส ปจฺฉโตว นิกฺขมิตฺวา อ.เรา ท. ไมใ่ ห้แล้ว เพ่ืออนั หนีไป (แก่พระสมณะ ผ้โู คดม) นนั้ ภตฺตกิจฺจฏฺฐาเน วสนฺต.ิ จะตดิ ตาม ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ เท่ียวไปแล้ว เพื่อก้อนข้าว ในเมอื งชอื่ วา่ ราชคฤห์ เสดจ็ ออกไปแล้ว ฯ แม้ อ.เดยี รถยี ์ ท. ออกไปแล้ว ข้างหลงั (ของพระศาสดา) นนั้ เทยี ว ยอ่ มอยู่ ในทเี่ ป็นทท่ี รงกระทำ� ซงึ่ กิจด้วยภตั ร ฯ 72 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.เดียรถีย์ ท. ) ย่อมกระท�ำ ซ่ึงอาหารอันบุคคลพึงกิน วสติ ฏฺฐาเน ปนุ ทิวเส ปาตราสํ กโรนฺต.ิ ในเวลาเช้า ในวนั รุ่งขนึ ้ ในที่ (แหง่ ตน) อยแู่ ล้ว ฯ (อ.เดยี รถยี ์ ท.) เหลา่ นนั้ ผู้ อนั มนษุ ย์ ท. ถามแล้ว วา่ (อ.เหต)ุ นี ้ เต มนุสฺเสหิ “กิมิทนฺติ ปุจฺฉิตา เหฏฺ ฐา อะไร ดงั นี ้ ยอ่ มบอก ตามนยั (อนั ข้าพเจ้า) กลา่ วแล้ว ในภายใต้ วตุ ฺตนเยเนว อาโรเจนฺติ. นน่ั เทียว ฯ แม้ อ.มหาชน ตดิ ตามแล้ว (ด้วยความหวงั ) วา่ (อ.เรา ท.) มหาชโนปิ “ปาฏิหาริยํ ปสฺสสิ ฺสามาติ อนพุ นฺธิ. จกั เหน็ ซงึ่ ปาฏิหาริย์ ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ ถงึ แล้ว ซงึ่ เมืองช่ือวา่ สาวตั ถี ตามลำ� ดบั ฯ สตฺถา อนปุ พุ ฺเพน สาวตฺถึ ปาปณุ ิ. ตติ ฺถิยาปิ เตน แม้ อ.เดียรถีย์ ท. ไปแล้ว กบั (ด้วยพระศาสดา) นนั้ นนั่ เทียว สทฺธึเยว ขคทนิรฺตตฺวฺถามเฺ อภปุหฏิ ฺฐมาณเกฺฑปสํ มกาาทเเรปตตฺวฺวาานสีลตปุ สปฺ หเลสหฺสิํ ชกั ชวนแล้ว ซง่ึ อปุ ัฏฐาก ท. ได้แล้ว ซงึ่ แสนแหง่ ทรัพย์ (ยงั บคุ คล) ลภิตฺวา ให้กระท�ำแล้ว ซง่ึ ปะร�ำ ด้วยเสาแหง่ ไม้ตะเคียน ท. (ยงั บคุ คล) ฉาทาเปตฺวา “อิธ ปาฏิหาริยํ กริสสฺ ามาติ นิสีทสึ .ุ ให้มงุ บงั แล้ว ด้วยดอกอบุ ลเขียว ท. (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.เรา ท.) จกั กระท�ำ ซงึ่ ปาฏิหาริย์ (ในท่ี) นี ้ดงั นี ้นงั่ แล้ว ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระราชา พระนามวา่ ปเสนทิโกศล เสดจ็ เข้าไป อถ ราชา ปเสนทิโกสโล สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา เฝ้ าแล้ว ซงึ่ พระศาสดา (กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ “ภนฺเต ตติ ฺถิเยหิ มณฺฑโป การิโต, อหํปิ ตมุ หฺ ากํ อ.ปะร�ำ อนั เดียรถีย์ ท. ให้กระท�ำแล้ว, แม้ อ.หมอ่ มฉนั (ยงั บคุ คล) มณฺฑปํ กาเรมีต.ิ “อลํ มหาราช, อตฺถิ มยฺหํ จะให้กระท�ำ ซงึ่ ปะร�ำ แก่พระองค์ ท. ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา มณฺฑปการโกต.ิ “ภนฺเต มํ ฐเปตฺวา โก อญฺโญ กาตํุ ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาบพิตร อ.อยา่ เลย, (อ.บคุ คล) ผ้กู ระท�ำ สกฺขิสสฺ ตีต.ิ “สกฺโก เทวราชาต.ิ “กหํ ปน ภนฺเต ซง่ึ ปะร�ำ ของอาตมภาพ มีอยู่ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา กราบทลู แล้ว) ปาฏหิ าริยํ กริสสฺ ถาต.ิ “คณฑฺ ามพฺ รุกขฺ มเู ล มหาราชาต.ิ วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.ใคร อ่ืน เว้น ซงึ่ หมอ่ มฉนั จกั อาจ เพ่ืออนั กระท�ำ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ อ.ท้าวสกั กะ ผ้พู ระราชาแหง่ เทพ (จกั ทรงอาจ เพอื่ อนั กระทำ� ) ดงั นี ้ ฯ (อ.พระราชา กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ ก็ อ.พระองค์ ท. จกั ทรงกระทำ� ซง่ึ ปาฏิหาริย์ (ในที่) ไหน ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดูก่อนมหาบพิตร (อ.อาตมภาพ จักกระท�ำ ซ่ึงปาฏิหาริย์) ท่ีโคนแหง่ ต้นไม้ช่ือวา่ คณั ฑามพะ ดงั นี ้ฯ อ.เดยี รถยี ์ท.ฟังแล้ววา่ ได้ยนิ วา่ (อ.สมณะผ้โู คดม)จกั ทรงกระทำ� ตติ ฺถิยา “อมพฺ รุกฺขมเู ล กิร ปาฏิหาริยํ กริสสฺ ตีติ ซงึ่ ปาฏหิ าริย์ ทโ่ี คนแหง่ ต้นแหง่ มะมว่ ง ดงั นี ้ บอกแล้ว แกอ่ ปุ ัฏฐาก ท. สฐาตุ เฺวนาออนตตฺ ฺตมโโนสอตปุ ทฏหฺฐชุ าากตาปํ นิ ํออมาพฺโรโเปจตตกฺวําอโปุ ยปฺ ชานฏพาฺภเปนตฺตวฺ เาร ของตน (ยงั บคุ คล) ให้ถอนแล้ว ซงึ่ ต้นมะมว่ งต้นออ่ น แม้อนั เกดิ แล้ว ในวันนัน้ โดยก�ำหนดอันมีในท่ีสุด ในที่ในภายในแห่งโยชน์ อรญฺเญ ขิปาเปส.ํุ (ยงั บคุ คล) ให้ทิง้ ไปแล้ว ในป่ า ฯ อ.พระศาสดา ได้เสดจ็ เข้าไปแล้ว สภู่ ายในแหง่ เมือง ในวนั คือ- สตฺถา อาสาฬฺหปณุ ฺณมีทิวเส อนฺโตนครํ ปาวิส.ิ ดถิ ีมีพระจนั ทร์อนั เตม็ แล้วด้วยอาสาฬหฤกษ์ ฯ (อ.บคุ คล) ผ้รู ักษา- รญโฺ ญ อยุ ยฺ านปาโล คณโฺ ฑ นาม เอกํ ปิงคฺ ลกปิ ิลลฺ เิ กหิ ซงึ่ อทุ ยาน ของพระราชา ชอื่ วา่ คนั ฑะ เหน็ แล้ว ซง่ึ มะมว่ งอนั สกุ แล้ว กตปตฺตปฏุ สสฺ อนฺตเร มหนฺตํ อมพฺ ปกฺกํ ทิสฺวา ตสสฺ ผลใหญ่ ในระหว่าง แห่งกลุ่มแห่งใบ อันมดแดงและมดด�ำ ท. คนฺธรสโลเภน สมปฺ ตนฺเต วายเส ปลาเปตฺวา รญฺโญ กระท�ำแล้ว ผลหนง่ึ ยงั กา ท. ตวั ประชมุ กนั อยู่ ด้วยความโลภ อตฺถาย อาทาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค สตฺถารํ ทิสวฺ า ในกลนิ่ และรส (ของมะมว่ งอนั สกุ แล้ว) นนั้ ให้หนีไปแล้ว ถือเอา จินฺเตสิ “ราชา อิมํ อมพฺ ํ ขาทิตฺวา มยฺหํ ออตฏฺตฺ ฐภาวเาว ไปอยู่ เพ่ือประโยชน์ แก่พระราชา เหน็ แล้ว ซง่ึ พระศาสดา โสฬส วา กหาปเณ ทเทยฺย, ตํ เม เอกสมฺ ึ ในระหวา่ งแห่งหนทาง คิดแล้ว ว่า อ.พระราชา เสวยแล้ว ชีวิตวตุ ฺตยิ า นาล;ํ สเจ ปนาหํ สตฺถุ อิมํ ทสฺสามิ, ซ่ึงมะม่วง นี ้ พงึ พระราชทาน ซงึ่ กหาปณะ ท. ๘ หรือ หรือวา่ ๑๖ แกเ่ รา, (อ.ทรพั ย)์ นนั้ เป็นทรพั ยพ์ อ แกค่ วามเป็นไปแหง่ ความเป็นอยู่ ในอตั ภาพ หนงึ่ แหง่ เรา (ยอ่ มเป็น) หามไิ ด้, ก็ ถ้าวา่ อ.เรา จกั ถวาย (ซง่ึ มะมว่ งผล) นี ้แก่พระศาสดา ไซร้, ผลิตสือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 73 www.kalyanamitra.org
(อ.มะมว่ งนนั้ ) เป็นของนำ� มา ซงึ่ ประโยชนเ์ กอื ้ กลู แกเ่ รา ตลอดกาล อปริยนฺตํ เม กาลํ หิตาวหํ ภวิสฺสตีต.ิ อนั ไมม่ ีที่สดุ รอบ จกั เป็น ดงั นี ้ฯ (อ.นายคณั ฑะ)นนั้ น้อมเข้าไปแล้ว ซง่ึ มะมว่ ง นนั้ แกพ่ ระศาสดา ฯ โส ตํ อมพฺ ํ สตฺถุ อปุ นาเมส.ิ สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อ.พระศาสดา ทรงแลดแู ล้ว ซง่ึ พระเถระชื่อวา่ อานนท์ ฯ ครัง้ นนั้ โอโลเกส.ิ อถสสฺ เถโร จาตมุ มฺ หาราชทตฺตยิ ํ ปตฺตํ อ.พระเถระ นำ� ออกแล้ว ซงึ่ บาตร อนั อนั ท้าวมหาราช ๔ ถวายแล้ว นีหริตฺวา หตฺเถ ฐเปส.ิ สตฺถา ปตฺตํ อปุ นาเมตฺวา วางไว้แล้ว ท่ีพระหตั ถ์ (ของพระศาสดา) นนั้ ฯ อ.พระศาสดา อมพฺ ํ ปฏิคฺคเหตฺวา ตตฺเถว นิสีทนาการํ ทสเฺ สส.ิ เถโร ยังบาต่ร ทรงน้อมเข้าไปแล้ว ทรงรับเฉพาะแล้ว ซ่ึงมะม่วง จีวรํ ปญฺญเปตฺวา อทาส.ิ ทรงแสดงแล้ว ซงึ่ อาการคืออนั ประทบั นง่ั (ในที่) นนั้ นน่ั เทียว ฯ อ.พระเถระ ได้ ปลู าด ซง่ึ จีวร ถวายแล้ว ฯ ครัง้ นัน้ (เม่ือพระศาสดา) นัน้ ประทับน่ังแล้ว (บนจีวร) นัน้ อถสฺส ตสมฺ ึ นิสนิ ฺนสฺส เถโร ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา อ.พระเถระ กรองแล้ว ซงึ่ น�ำ้ อนั บคุ คลพงึ ด่ืม ขย�ำแล้ว ซง่ึ มะมว่ ง ตํ อมพฺ ปกฺกํ มทฺทิตฺวา ปานกํ กตฺวา อทาส.ิ สตฺถา อนั สกุ แล้ว นนั้ กระท�ำแล้ว ให้เป็ นน�ำ้ ปานะ ได้ถวายแล้ว ฯ อมพฺ ปานกํ ปิ วติ ฺวา คณฺฑํ อาห “อิมํ อมพฺ ฏฺฐึ อิเธว อ.พระศาสดา ทรงดื่มแล้ว ซึ่งน�ำ้ ปานะอันบุคคลกระท�ำแล้ว ปํ สํุ วิยหู ิตฺวา โรเปหีต.ิ โส ตถา อกาส.ิ ด้วยมะมว่ ง ตรสั แล้ว กะนายคณั ฑะ วา่ (อ.เธอ) ค้ยุ แล้ว ซงึ่ ดนิ ร่วน จงปลูก ซ่ึงเมล็ดแห่งมะม่วง นี ้ (ในท่ี) นีน้ ่ันเทียว ดังนี ้ ฯ (อ.นายคณั ฑะ) นนั้ ได้กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ ฯ อ.พระศาสดา ทรงล้างแล้ว ซง่ึ พระหตั ถ์ ในเบอื ้ งบน (แหง่ เมลด็ แหง่ สตฺถา ตสสฺ อปุ ริ หตฺถํ โธวิ. หตฺเถ โธตมตฺเตเยว มะมว่ ง) นนั้ ฯ ครัน้ เมื่อพระหตั ถ์ เป็นอวยั วะสกั วา่ (อนั พระศาสดา) นงคฺ ลสสี มตตฺ กขฺ นโฺ ธ หตุ วฺ า อนปุ พุ เฺ พน ปณณฺ าสหตโฺ ถ ทรงล้างแล้วนนั่ เทียว (มีอย)ู่ อ.ต้นแหง่ มะมว่ ง เป็นต้นไม้มีลำ� ต้น ปอมญพฺ ฺจรุกมฺโขหาอสฏุ าฺฐขหาิ. จตสู ุ ทิสาสุ เอเกกา อทุ ฺธํ เอกาติ มีงอนแหง่ ไถเป็นประมาณ เป็น มีศอก ๕๐ เป็นประมาณ ปณฺณาสปณฺณาสหตฺถาว อเหส.ํุ ตามล�ำดบั ตงั้ ขนึ ้ แล้ว ฯ อ.ก่ิงใหญ่ ท. ๕ คือ (อ.กิ่งใหญ่) กิ่งหนงึ่ ๆ ในทิศ ท. ๔ (อ.กิ่งใหญ่) กิ่งหนง่ึ ในเบือ้ งบน เป็นก่ิงทงั้ มีศอก ๕๐ เป็นประมาณทงั้ มีศอก ๕๐ เป็นประมาณ เทียว ได้เป็นแล้ว ฯ (อ.ต้นแหง่ มะมว่ ง) นนั้ เป็นต้นไม้ถงึ พร้อมแล้วด้วยดอกและผล โส ตาวเทว ปปุ ผฺ ผลสมปฺ นฺโน หตุ ฺวา เอกสมฺ ึ เป็น เป็นต้นไม้ทรงไว้ซงึ่ พวงแหง่ มะมว่ งอนั สกุ รอบแล้ว ได้เป็นแล้ว ฐาเน ปริปกฺกอมพฺ ปิ ณฺฑิธโร อโหส.ิ ในที่ แหง่ หนง่ึ ในขณะนนั้ นน่ั เทียว ฯ อ.ภกิ ษุ ท. ผ้มู าอยู่ ข้างหลงั มา ฉนั อยู่ ซงึ่ มะมว่ ง อนั สกุ แล้ว ท. ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตา ภิกฺขู อมฺพปกฺกานิ นั่นเทียว แล้ว ฯ อ.พระราชา ทรงสดับแล้ว ว่า ได้ ยินว่า ขาทนฺตาเยว อาคมสึ .ุ ราชา “เอวรูโป กิร อมพฺ รุกฺโข อ.ต้นแหง่ มะมว่ ง อนั มอี ยา่ งนเี ้ป็นรูป ตงั้ ขนึ ้ แล้ว ดงั นี ้ ทรงตงั้ ไว้แล้ว อฏุ ฺฐโิ ตติ สตุ ฺวา “มา นํ โกจิ ฉินฺทีติ อารกฺขํ ฐเปส.ิ ซึ่งการอารักขา (ด้ วยพระด�ำรัส) ว่า อ.ใคร ๆ อย่าตัดแล้ว (ซง่ึ ต้นแหง่ มะมว่ ง) นนั้ ดงั นี ้ฯ ก็ (อ.ต้นแหง่ มะมว่ ง) นนั้ ปรากฏแล้ว วา่ อ.ต้นไม้ช่ือวา่ โส ปน คณเฺ ฑน โรปิตตตฺ า “คณฑฺ ามพฺ รุกโฺ ขเตวฺ ว คณั ฑามพะ ดงั นีน้ น่ั เทียว เพราะความที่ (แหง่ ต้นแหง่ มะมว่ ง) ปญฺญายิ. เป็นต้นไม้ อนั นายคณั ฑะ ปลกู แล้ว ฯ แม้ อ.นกั เลง ท. เคยี ้ วกนิ แล้ว ซง่ึ มะมว่ งอนั สกุ แล้ว ท. กลา่ วแล้ว ธตุ ตฺ กาปิ อมพฺ ปกกฺ านิ ขาทติ วฺ า “อเร ทปฏุ าฺฐฏติหติ ถฺายิริยาํ วา่ ดกู อ่ นเดยี รถยี ผ์ ้อู นั โทษประทษุ ร้ายแล้ว ท. เว้ย อ.มะมว่ งต้นออ่ น ท. `สมโณ โคตโม คณฺฑามฺพรุกฺขมูเล แม้อนั เกิดแล้วในวนั นนั้ ในภายในแหง่ โยชน์ อนั ทา่ น ท. (ยงั บคุ คล) กริสฺสตีติ ตุมฺเหหิ โยชนพฺภนฺตเร ตทหุชาตาปิ ให้ถอนขนึ ้ แล้ว (ด้วยอนั คดิ ) วา่ อ.พระสมณะ ผ้โู คดม จกั ทรงกระทำ� อมฺพโปตกา อุปฺปาฏาปิ ตา, คณฺฑามฺโพ นาม ซง่ึ ปาฏิหาริย์ ที่โคนแหง่ ต้นไม้ช่ือวา่ คณั ฑามพะ ดงั นี,้ (อ.ต้นไม้) อยนฺติ วตฺวา เต อจุ ฺฉิฏฺฐอมพฺ ฏฺฐหี ิ ปหรึส.ุ นี ้ ชื่อวา่ คณั ฑามพะ ดงั นี ้ ประหารแล้ว (ซง่ึ เดียรถีย์ ท.) เหลา่ นนั้ ด้วยเมลด็ แหง่ มะมว่ งอนั เป็นเดน ท. ฯ 74 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.ท้าวสกั กะ ทรงสงั่ บงั คบั แล้ว ซง่ึ เทพบตุ รช่ือวา่ วาตวลาหกะ สกโฺ ก วาตวลาหกเทวปตุ ตฺ ํ อาณาเปสิ “ตติ ถฺ ยิ านํ (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ อ.ทา่ น ยงั ลม ท. ให้เพิกขนึ ้ แล้ว ซง่ึ มณฑป มณฑฺ ปํ วาเตหิ อปุ ปฺ าเฏตวฺ า อกุ กฺ ารภมู ยิ ํ ขปิ าเปหตี .ิ ของเดียรถีย์ ท. จงให้ซดั ไป บนพืน้ อนั แปดเปื อ้ นแล้วด้วยอจุ จาระ ดงั นีฯ้ (อ.เทพบตุ รชอื่ วา่ วาตวลาหกะ) นนั้ ได้กระทำ� แลว้ เหมอื นอยา่ งนนั้ ฯ โส ตถา อกาสิ. สุริยเทวปุตฺตํ อาณาเปสิ (อ.ท้าวสกั กะ ) ทรงสงั่ บงั คบั แล้ว ซงึ่ เทพบตุ รชอื่ วา่ สรุ ยิ ะ (ด้วยพระดำ� รสั ) “สรุ ิยมณฺฑลํ นิคฺคณฺหนฺโต ตาเปหีต.ิ โสปิ ตถา วา่ (อ.ทา่ น) ยดึ ไว้อยู่ ซงึ่ มณฑลแหง่ พระอาทิตย์ จง (ยงั มณฑล- อกาสิ. ปนุ วาตวลาหกํ อาณาเปสิ “วาตมณฺฑลํ แหง่ พระอาทิตย์) ให้ร้อน ดงั นี ้ ฯ (อ.เทพบตุ รชื่อวา่ สรุ ิยะ) แม้นนั้ ปอฏุคฺฐฺฆารเิปตนเสฺโตทสรยีเราหรชีตว.ิ ฏโฺฏสิโยตโถอากิรกิ. โรนฺโต ติตฺถิยานํ ได้กระท�ำแล้ว เหมือนอยา่ งนนั้ ฯ (อ.ท้าวสกั กะ) ทรงสง่ั บงั คบั แล้ว ซง่ึ เทพบตุ รช่ือวา่ วาตวลาหกะ อีก(ด้วยพระด�ำรัส)วา่ (อ.ทา่ น)จงไป ยงั มณฑลแหง่ ลม ให้ตงั้ขนึ ้ อยู่ ดงั นี ้ ฯ (อ.เทพบตุ รชอ่ื วา่ วาตวลาหกะ) นนั้ กระท�ำอยู่ เหมือนอยา่ งนนั้ โปรยลงแล้ว ซง่ึ เกลยี วแหง่ ธลุ ี ท. บนสรีระอนั มีเหงื่อไหลออกแล้ว ของเดียรถีย์ ท. ฯ (อ.เดียรถีย์ ท.) เหลา่ นนั้ เป็นผ้เู ชน่ กบั ด้วยจอมปลวกอนั แดง เต ตามฺพวมฺมิกสทิสา อเหสํุ. วสฺสวลาหกํปิ ได้เป็นแล้ว ฯ (อ.ท้าวสกั กะ) ทรงสง่ั บงั คบั แล้ว ซง่ึ เทพบตุ รชื่อวา่ - อาณาเปสิ “มหนฺตานิ มหนฺตานิ พินฺทนู ิ ปาเตหีติ. วสั สวลาหกะ (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ (อ.ทา่ น) ยงั หยาด ท. อนั ใหญ่ โส ตถา อกาสิ. อถ เนสํ กาโย กพรคาวีสทิโส อโหส.ิ อนั ใหญ่ จงให้ตก ดงั นี ้ ฯ (อ.เทพบตุ รช่ือวา่ วสั สวลาหกะ) นนั้ ได้กระท�ำแล้ว เหมือนอยา่ งนนั้ ฯ ครัง้ นนั้ อ.กาย (ของเดียรถีย์ ท.) เหลา่ นนั้ เป็นกายเชน่ กบั ด้วยแมโ่ คดา่ ง ได้เป็นแล้ว ฯ (อ. เดยี รถยี ์ ท.) เหลา่ นนั้ เป็นผ้มู ีคณะออกแล้ว เป็น หนีไป กเอสวสฺ ํ โเตกปลนา“คิ อยคฺ ิทนณาฺเตนาสิ หุ เตุ มปวฺ ารู ณอสยมกฺยมฺสาขฺุสนสปํมสมฺปสฺ ขุาฏฏฺอฐิหาปุ าเนฏริฺยเฐยากวโรกณปลเวาเอยลโสาึ ก,.ุ แล้ว ในทที่ งั้มหี น้าพร้อมทงั้มหี น้าพร้อมนนั่ เทยี ว ฯ (ครนั้ เมอื่ เดยี รถยี ์ ท. ) หนีไปอยู่ อย่างนี ้ อ.ชาวนา คนหน่ึง ผู้เป็ นอุปัฏฐาก ของ ปรู ณกสั สปะ (คดิ แล้ว) วา่ (อ.กาลนี)้ เป็นเวลาเป็นท่ีกระท�ำ ตํ ปาฏิหาริยํ ปสฺสสิ ฺสามีติ โคเณ วสิ ฺสชฺเชตฺวา ปาโตว ซงึ่ ปาฏิหาริย์ แหง่ พระผ้เู ป็นเจ้า ท. ของเรา (ยอ่ มเป็น) (อ.เรา) อาภตํ ยาคกุ ฏุ ญฺเจว โยตฺตญฺจ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺโต จกั เหน็ ซง่ึ ปาฏิหาริย์ นนั้ ดงั นี ้ ปลอ่ ยแล้ว ซงึ่ โค ท. ถือเอาแล้ว ปรู ณํ ตถา ปลายนฺตํ ทิสวฺ า “ภนฺเต อหํ `อยฺยานํ ซงึ่ หม้ออนั เต็มแล้วด้วยข้าวต้ม ด้วยนน่ั เทียว ซง่ึ เชือก ด้วย ปาฏหิ าริยํ ปสสฺ สิ สฺ ามตี ิ อาคจฉฺ าม,ิ ตมุ เฺ ห กหํ คจฉฺ ถาต,ิ อนั อนั ตนน�ำมาแล้ว ในเวลาเช้าเทียว มาอยู่ เหน็ แล้ว ซงึ่ ปูรณะ “กินฺเต ปาฏิหาริเยน, อิมํ เม กฏุ ญฺจ โยตฺตญฺจ เทหีติ. ผู้หนีไปอยู่ เหมือนอย่างนัน้ (กล่าวแล้ว) ว่า ข้าแตท่ า่ น- โส เตน ทินฺนํ กฏุ ญฺจ โยตฺตญฺจ อาทาย นทีตีรํ คนฺตฺวา ผ้เู จริญ อ. กระผม ยอ่ มมา (ด้วยความหวงั ) วา่ (อ. เรา)จกั เหน็ กฏุ ํ โยตฺเตน อตฺตโน คีวายํ พนฺธิตฺวา รหเท ปตติ ฺวา ซง่ึ ปาฏิหาริย์ แหง่ พระผ้เู ป็นเจ้า ท. ดงั นี ้ อ.ทา่ น ท. จะไป (ในที่) นอทุิพกฺพพตพฺุตฺพ.ิ ฬุ สเตกฺถาอฏอุ ฺาฐกาเาปเสนฺโตรตนกจางลฺกํ มํกมตาฺวเาปสอ.ิ วีจิมหฺ ิ ไหน ดงั นี ้ ฯ (อ.ปรู ณะ) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ประโยชน์) อะไร แก่ทา่ น ด้วยปาฏิหาริย์ (อ.ทา่ น) จงให้ ซงึ่ หม้อ นี ้ ด้วย ซงึ่ เชือก นี ้ ด้วย แก่เรา ดงั นี ้ ฯ (อ.ปรู ณะ) นนั้ ถอื เอาแล้ว ซง่ึ หม้อ ด้วย ซง่ึ เชอื ก ด้วย อนั (อนั ชาวนา)นนั้ ให้แล้ว ไปแล้ว สฝู่ ่ังแหง่ แมน่ ำ� ้ ผกู แล้ว ซงึ่ หม้อ ทคี่ อ ของตน ด้วยเชอื ก กระโดดลงแล้ว ในห้วงนำ� ้ ยงั ฟองแหง่ นำ� ้ ท. ให้ตงั้ ขนึ ้ อยู่ กระทำ� แล้ว ซึ่งกาละ บังเกิดแล้ว ในนรกชื่อว่า อเวจี ฯ อ.พระศาสดา ทรงเนรมติ แลว้ ซงึ่ ทเี่ ป็นทจี่ งกรมอนั เป็นวกิ าร- แหง่ รตั นะในอากาศฯ อ.ท่ีสดุ ข้างหนง่ึ (ของท่ีเป็นท่ีจงกรมอนั เป็นวกิ ารแหง่ รัตนะ) เอกาตสปสฺจฺฉเอิมกจากฺกโกวาฏฬิ ปมาขุ จวีนฏฺจฏกิยฺกํ.วาฬมขุ วฏฺฏิยํ อโหส,ิ นัน้ ได้ มีแล้ว ในขอบแห่งปากแห่งจักรวาลในทิศปราจีน ฯ (อ.ที่สดุ ) ข้างหนงึ่ (ของที่เป็นที่จงกรมอนั เป็นวกิ ารแหง่ รัตนะ นนั้ ได้มีแล้ว) ในขอบแหง่ ปากแหง่ จกั รวาลในทิศปัจฉิม ฯ อ.พระศาสดา ครัน้ เม่ือบริษัท มีโยชน์ ๓๖ เป็นประมาณ สตฺถา สนฺนิปตติ าย ฉตฺตสึ โยชนาย ปริสาย ประชมุ กนั แล้ว เสดจ็ ออกแล้ว จากพระคนั ธกฎุ ี (ด้วยอนั ทรงดำ� ริ) วา่ วฑฺฒมานกจฺฉายาย “อิทานิ ปาฏิหาริยกรณเวลาติ อ.กาลนี ้ เป็นเวลาเป็นที่กระท�ำซงึ่ ปาฏิหาริย์ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ คนฺธกฏุ ิโต นิกฺขมิตฺวา ปมเุ ข อฏฺฐาส.ิ (ในเวลา) มีเงาอนั เจริญอยู่ ได้ประทบั ยืนแล้ว ท่ีหน้ามขุ ฯ ผลติ สอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 75 www.kalyanamitra.org
ครัง้ นนั้ อ.อบุ าสกิ าผ้อู นาคามี คนหนง่ึ ผ้เู ป็นมารดา อถ นํ ฆรณี นาม นนฺทมาตา เอกา ของมาณพชอ่ื วา่ นนั ทะ ชอื่ วา่ ฆรณี เข้าไปเฝ้ าแล้ว (ซงึ่ พระศาสดา) นนั้ อนาคามิอปุ าสกิ า อปุ สงฺกมิตฺวา “ภนฺเต มาทิสาย กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ครัน้ เม่ือธิดา ผ้เู ชน่ กบั ธีตริ วชิ ฺชมานาย ตมุ หฺ ากํ กิลมนกิจฺจํ นตฺถิ, อหํ หมอ่ มฉนั มอี ยู่ อ.กจิ คอื อนั ลำ� บาก แหง่ พระองค์ ท. ยอ่ มไมม่ ,ี ปาฏิหาริยํ กริสฺสามีติ อาห. “กถํ กริสสฺ สิ ฆรณีต.ิ อ.หมอ่ มฉนั จกั กระท�ำ ซง่ึ ปาฏิหาริย์ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา “ภนฺเต เอกสมฺ ึ จกฺกวาฬคพฺเภ มหาปฐวึ อทุ กํ ตรัสถามแล้ว) วา่ ดกู ่อนฆรณี (อ.เธอ) จกั กระท�ำ อยา่ งไร ดงั นีฯ้ กตฺวา อทุ กสกณุ ิกา วิย นิมชุ ฺชิตฺวา ปาจีนจกฺกวาฬ- (อ.นางฆรณี กราบทลู แล้ว)วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.หมอ่ มฉนั ) ทมมกํขุ ทขวฺ ฏณิิสฺฏฺวจาิยก,ํ กฺ `อวกตาาฬฺตเมอานสขุ วําฏตทฺฏิสวยิฺเตุ ส,ํ ฺเสตตฺส,ถาวามกิ,ฺขมนชตฺตเฺ ถฌิ า`ฆ; รอปณถจฺฉี นมิมาหอเามตุ ชฺตสนารา-, กระท�ำแล้วซง่ึ แผน่ ดนิ ใหญ่ ในห้องแหง่ จกั รวาลห้องหนง่ึ ให้เป็นน�ำ้ ด�ำลงแล้ว ราวกะ อ.นางนกตวั เที่ยวไปในน�ำ้ จกั แสดง ซง่ึ ตน ในขอบแหง่ ปากแหง่ จกั รวาลในทิศปราจีน, อนงึ่ (อ.หมอ่ มฉนั อยํ ตาว เอกิสฺสา อิตฺถิยา อานภุ าโว, พทุ ฺธานํ จกั แสดง ซงึ่ ตน) ในขอบแหง่ ปากแหง่ จกั รวาลในทิศปัจฉิมและทิศ อานภุ าโว ปน กีทิโส ภวสิ สฺ ตีต;ิ เอวํ ตติ ฺถิยา อุดรและทิศทักษิณ, อนึ่ง (อ.หม่อมฉัน จักแสดง ซึ่งตน) ตมุ เฺ ห อทิสฺวาว ปลายิสสฺ นฺตีต.ิ ในท่ามกลาง,(ครัน้ เม่ือความเป็ น)อย่างนัน้ (มีอยู่)อ.มหาชนท. เห็นแล้ว ซ่ึงหม่อมฉัน, (ครัน้ เม่ือค�ำ) ว่า (อ.หญิง) นั่น เป็ นใคร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (อนั ใคร ๆ) กลา่ วแล้ว, จกั กลา่ ว วา่ อ.หญิงนน่ั เป็นผ้ชู อ่ื วา่ ฆรณี (ยอ่ มเป็น), (อ.อานภุ าพ) นี ้ เป็นอานภุ าพ ของหญงิ คนหนง่ึ (ยอ่ มเป็น) กอ่ น, สว่ นวา่ อ.อานภุ าพ ของพระพทุ ธเจ้า ท. เป็นเชน่ ไร จกั เป็น ดงั นี,้ อ.เดียรถีย์ ท. ไมเ่ หน็ แล้ว ซงึ่ พระองค์ ท. เทียว จกั หนีไป ด้วยประการฉะนี ้ ดงั นี ้ฯ ครงั้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรสั แลว้ (กะนางฆรณ)ี นนั้ วา่ ดกู อ่ นฆรณี อถ นํ สตถฺ า “ชานามิ เต ฆรณิ เอวรูปํ ปาฏหิ าริยํ (อ.เรา) ยอ่ มรู้ ซงึ่ ความที่ แหง่ เธอ เป็นผ้สู ามารถ เพ่ืออนั กระท�ำ กาตํุ สมตฺถภาวํ, น ปนายํ ตวตฺถาย พทฺโธ ซึ่งปาฏิหาริย์ มีอย่างนีเ้ ป็ นรูป, แต่ว่า (อ.พวงแห่งระเบียบ) นี ้ มาลาปโุ ฏติ วตฺวา ปฏิกฺขิปิ . เป็นพวงแหง่ ระเบียบ อนั (อนั เดียรถีย์ ท.) ผกู แล้ว เพื่อประโยชน์ แก่เธอ (ยอ่ มเป็น) หามิได้ ดงั นี ้ทรงห้ามแล้ว ฯ (อ.นางฆรณ)ี นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ อ.พระศาสดา ยอ่ มทรงอนญุ าต สา “น เม สตฺถา อนชุ านาต,ิ อทฺธา มยา แกเ่ รา หามไิ ด้, (อ.บคุ คล) อนื่ ผ้สู ามารถ เพอื่ อนั กระทำ� ซง่ึ ปาฏหิ าริย์ อตุ ฺตริตรํ ปาฏิหาริยํ กาตํุ สมตฺโถ อญฺโญ อตฺถีติ อนั ย่ิงกวา่ กวา่ เรา มีอยู่ แนแ่ ท้ ดงั นี ้ได้ยืนแล้ว ณ ท่ีสดุ แหง่ หนงึ่ ฯ เอกมนฺตํ อฏฺฐาส.ิ แม้ อ.พระศาสดา (ทรงดำ� รแิ ล้ว) วา่ อ.คณุ (ของสาวก ท.) เหลา่ นนั้ สตฺถาปิ “เอวเมว เตสํ คโุ ณ ปากโฏ ภวสิ ฺสตีติ เป็นคณุ ปรากฏ จกั เป็น อยา่ งนนี ้ น่ั เทยี ว ดงั นี ้ ทรงสำ� คญั อยู่ “เอวํ ฉตฺตึสโยชนาย ปริสาย มชฺเฌ สีหนาทํ วา่ (อ.สาวก ท.) จกั บนั ลอื บนั ลอื เพียงดงั สีหะ ในทา่ มกลาง- นทิสสฺ นฺตีติ มญฺญมาโน อปเรปิ ปจุ ฺฉิ “ตมุ เฺ ห กถํ แหง่ บริษัท มีโยชน์ ๓๖ เป็นประมาณ ด้วยประการฉะนี ้ ดงั นี ้ ปาฏิหาริยํ กริสฺสถาต.ิ ตรัสถามแล้ว (ซงึ่ สาวก ท.) แม้เหลา่ อ่ืนอีก วา่ อ.เธอ ท. จกั กระท�ำ ซง่ึ ปาฏิหาริย์ อยา่ งไร ดงั นี ้ฯ (อ.สาวก ท.) เหลา่ นนั้ (กราบทลู แล้ว)วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ เต “เอวญฺจ เอวญฺจ กริสสฺ าม ภนฺเตติ สตฺถุ (อ.ข้าพระองค์ ท.) จกั กระทำ� อยา่ งนดี ้ ้วย อยา่ งนดี ้ ้วย ดงั นี ้ยนื แล้ว ข้าง ปรุ โต ติ าว สหี นาทํ นทสึ .ุ พระพกั ตร์ ของพระศาสดา เทียว บนั ลอื แล้ว บนั ลอื เพียงดงั สหี ะ ฯ ได้ยินวา่ (ในสาวก ท.) เหลา่ นนั้ หนา อ.คฤหบดีชื่อวา่ จลุ อนาถ- เตสุ กิร จลุ ฺลอนาถปิ ณฺฑิโก “มาทิเส อนาคามิ- บณิ ฑิกะ คดิ แล้ว วา่ ครัน้ เมื่ออบุ าสกผ้อู นาคามี ผ้เู ป็นบตุ ร อุปาสเก ปุตฺเต วิชฺชมาเน สตฺถุ กิลมนกิจฺจํ ผ้เู ชน่ เรา มอี ย,ู่ อ.กจิ คอื อนั ทรงลำ� บาก แหง่ พระศาสดา ยอ่ มไมม่ ี นตฺถีติ จินฺเตตฺวา “อหํ ภนฺเต ปาฏิหาริยํ กริสฺสามีติ ดงั นี ้ กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ อ.ข้าพระองค์ จกั กระทำ� วตฺวา ซงึ่ ปาฏิหาริย์ ดงั นี ้ 76 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ผู้ (อนั พระศาสดา) ตรสั ถามแล้ว วา่ (อ.เธอ) จกั กระทำ� อยา่ งไร ดงั นี ้ “กถํ กริสสฺ สีติ ปนฏุ ิมฺโมฺฐินอิตาฺวหา “อหํ ภนฺเต ทฺวาทสโยชนิกํ กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.ข้าพระองค์ เนรมิตแล้ว พฺรหฺมตฺตภาวํ อิมิสฺสา ปริสาย มชฺเฌ ซงึ่ อตั ภาพเพียงดงั อตั ภาพแหง่ พรหม อนั ประกอบแล้วด้วยโยชน์ มหาเมฆคชฺชิตสทิเสน สทฺเทน พฺรหฺมอปโฺ ปฐนํ นาม ๑๒ จกั ปรบ ชื่อ การปรบเพียงดงั การปรบแหง่ พรหม ด้วยเสยี ง อปโฺ ปเฐสสฺ ามิ, มหาชนา `กสึ ทฺโท นาเมโสติ ปจุ ฺฉิตฺวา อนั เชน่ กบั ด้วยอนั กระหม่ึ แหง่ เมฆก้อนใหญ่ ในทา่ มกลาง แหง่ บรษิ ทั น,ี ้ `จลุ ลฺ อนาถปิณฑฺ กิ สสฺ กริ พรฺ หมฺ อปโฺ ปฐนสทโฺ ท นามาติ อ.มหาชน ท. ถามแล้ว วา่ (อ.เสียง) นน่ั ชื่อวา่ เป็นเสียงอะไร วกฺขนฺต,ิ ตติ ฺถิยา `คหปตกิ สฺส ตาว เอโส อานภุ าโว, (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ จกั กลา่ ว วา่ ได้ยินวา่ (อ.เสียง นนั่ ) ชื่อวา่ พทุ ฺธานภุ าโว กีทิโส ภวิสฺสตีติ ตมุ เฺ ห อทิสวฺ าว เป็นเสยี งแหง่ การปรบเพยี งดงั การปรบแหง่ พรหม ของคฤหบดชี อื่ วา่ ปลายิสฺสนฺตีต.ิ จลุ ลอนาถบณิ ฑิกะ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ อ.เดียรถีย์ ท. (คดิ แล้ว) วา่ (อ.อานภุ าพ) นนั่ เป็นอานภุ าพ ของคฤหบดี (ยอ่ มเป็น) ก่อน, อ.อานภุ าพของพระพทุ ธเจ้า เป็นเชน่ ไร จกั เป็น ดงั นี ้ ไมเ่ หน็ แล้ว ซง่ึ พระองค์ ท. เทียว จกั หนีไป ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว อยา่ งนนั้ นนั่ เทียว วา่ (อ.เรา) ยอ่ มรู้ สตฺถา “ชานามิ เต อานภุ าวนฺติ ตสฺสาปิ ตเถว ซง่ึ อานภุ าพ ของเธอ ดงั นี ้(แก่คฤหบดี) แม้นนั้ ไมท่ รงอนญุ าตแล้ว วตฺวา ปาฏิหาริยกรณํ นานชุ านิ. ซงึ่ การกระท�ำซง่ึ ปาฏิหาริย์ ฯ ครัง้ นนั้ ชื่อ อ.สามเณรีชื่อวา่ วีรา ผ้มู ีกาลฝน ๗ ผ้บู รรลแุ ล้ว อเถกา ปฏสิ มภฺ ทิ ปปฺ ตตฺ า สตตฺ วสสฺ กิ า วรี สามเณรี ซงึ่ ปฏสิ มั ภทิ า รปู หนงึ่ ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระศาสดา กราบทลู แล้ว วา่ นาม สตถฺ ารํ วนทฺ ติ วฺ า “อหํ ภนเฺ ต ปาฏหิ าริยํ กริสสฺ ามตี ิ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.หมอ่ มฉนั จกั กระท�ำ ซง่ึ ปาฏิหาริย์ ดงั นี ้ ฯ อาห. “กถํ กริสสฺ สิ วีเรต.ิ “ภนฺเต สเิ นรุญฺจ จกฺกวาฬ- (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ ดกู ่อนวีรา (อ.เธอ) จกั กระท�ำ ปพฺพตญฺจ หิมวนฺตญฺจ อาหริตฺวา อิมสมฺ ึ ฐาเน อยา่ งไร ดงั นี ้ ฯ (อ.สามเณรีช่ือวา่ วีรา กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแต-่ ปฏิปาฏิยา ฐเปตฺวา อหํ หํสสกณุ ี วยิ ตโต ตโต พระองค์ผ้เู จริญ อ.หมอ่ มฉนั น�ำมาแล้ว ซงึ ภเู ขาชื่อวา่ สเิ นรุ ด้วย นิกฺขมิตฺวา อสชฺชมานา คมิสฺสามิ, มหาชโน มํ ทิสฺวา ซง่ึ ภเู ขาช่ือวา่ จกั รวาล ด้วย ซงึ่ ภเู ขาช่ือวา่ หิมพานต์ ด้วย วางไว้แล้ว `กา เอสาติ ปจุ ฺฉิตฺวา `วีรสามเณรีติ วกฺขต,ิ ตติ ฺถิยา ตามลำ� ดบั ในที่ นี ้ออกแล้ว (จากภเู ขา) นนั้ ๆ จกั ไป ไมข่ ดั ข้องอยู่ ราวกะ `สตฺตวสสฺ กิ าย ตาย สามเณริยา อยมานภุ าโว, อ.นางนกหงส์, อ.มหาชน เหน็ แล้ว ซง่ึ หมอ่ มฉนั ถามแล้ว วา่ พทุ ฺธานภุ าโว กที โิ ส ภวสิ สฺ ตตี ิ ตมุ เฺ ห อทสิ วฺ าว (อ.เดก็ หญิง) นนั่ เป็นใคร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้จกั กลา่ ว วา่ อ.สามเณรี ปลายสิ สฺ นตฺ ตี .ิ ช่ือว่าวีรา ดังนี,้ อ.เดียรถีย์ ท. (คิดแล้ว) ว่า (อ.อานุภาพ) นี ้ เป็นอานภุ าพ ของสามเณรี นนั้ ผ้มู ีกาลฝน ๗ (ยอ่ มเป็น) ก่อน, อ.อานภุ าพ ของพระพทุ ธเจ้า เป็นเชน่ ไร จกั เป็น ดงั นี ้ ไมเ่ หน็ แล้ว ซง่ึ พระองค์ ท. เทียว จกั หนีไป ดงั นี ้ฯ อ.ค�ำ ท. มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป (อนั บณั ฑิต) พงึ ทราบ เบือ้ งหน้า อิโต ปรํ เอวรูปานิ วจนานิ วุตฺตานุสาเรเนว (แตค่ �ำ)นี ้ ตามแนว (แหง่ ค�ำ อนั ข้าพเจ้า) กลา่ วแล้ว นนั่ เทียว ฯ เวทิตพฺพานิ. อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ตรัสแล้ว วา่ (อ.เรา) ยอ่ มรู้ ซงึ่ อานภุ าพ ตสสฺ าปิ ภควา “ชานามิ เต อานภุ าวนฺติ วตฺวา ของเธอ ดงั นี ้ ไมท่ รงอนญุ าตแล้ว ซง่ึ การกระท�ำซงึ่ ปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริยกรณํ นานชุ านิ. อเถโก ปฏิสมภฺ ิทปปฺ ตฺโต (แกส่ ามเณรี) แม้นนั้ ฯ ครงั้ นนั้ ชอ่ื อ.สามเณรชอ่ื วา่ จนุ ทะ ผ้ขู ณี าสพ ขีณาสโว จนุ ฺทสามเณโร นาม ชาติยา สตฺตวสโฺ ส ผู้บรรลุแล้ว ซึ่งปฏิสัมภิทา รูปหน่ึง นผู้มีกาลฝน ๗ โดยการเกิด สตฺถารํ อปุ สงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซึ่งพระศาสดา ถวายบังคมแล้ว ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 77 www.kalyanamitra.org
กราบทลู แล้ววา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.ข้าพระองค์) จกั กระท�ำ “อหํ ภนฺเต ปาฏิหาริยํ กริสฺสามีติ วตฺวา “กถํ ซง่ึ ปาฏิหาริย์ ดงั นี ้ ผู้ (อนั พระศาสดา) ตรัสถามแล้ว วา่ (อ.เธอ) กธชริสภสฺตู สํ ตี มิ หปาฏุชฺมโฐพฺ รุ ุกอฺขาํห “อหํ ภนฺเต ชมฺพทุ ีปสสฺ จกั กระท�ำ อยา่ งไร ดงั นี ้ กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ขนฺเธ คเหตฺวา จาเลตฺวา อ.ข้าพระองค์ จบั แล้ว ซง่ึ ต้นแหง่ หว้าใหญ่ อนั เป็นธง แหง่ ชมพทู วปี มหาชมพฺ ผุ ลานิ อาหริตฺวา อิมํ ปริสํ ขาทาเปสสฺ ามิ, เป็นแล้ว ท่ีลำ� ต้น (ยงั ต้นแหง่ หว้าใหญ่) ให้ไหวแล้ว น�ำมาแล้ว ปาริจฺฉตฺตกกสุ มุ านิ จ อาหริตฺวา ตมุ เฺ ห วนฺทิสสฺ ามีต.ิ ซงึ่ ผลแหง่ หว้าใหญ่ ท. จกั ยงั บริษทั นี ้ให้เคยี ้ วกนิ , อนง่ึ (อ.ข้าพระองค์ ) สตฺถา “ชานามิ เต อานภุ าวนฺติ วตฺวา ตสฺสาปิ น�ำมาแล้ว ซ่ึงดอกแคฝอยและดอกค�ำ ท. จักถวายบังคม ปาฏิหาริยกรณํ ปฏิกฺขิปิ . ซงึ่ พระองค์ ท. ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ (อ.เรา) ยอ่ มรู้ ซงึ่ อานภุ าพ ของเธอ ดงั นี ้ทรงห้ามแล้ว ซงึ่ การกระท�ำ ซงึ่ ปาฏิหาริย์ (แก่สามเณร) แม้นนั้ ฯ ครัง้ นัน้ อ.พระเถรี ช่ือว่าอุบลวัณณา ถวายบังคมแล้ว อถ อปุ ปฺ ลวณฺณา เถรี สตฺถารํ วนฺทิตฺวา “อหํ ซงึ่ พระศาสดา กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.หมอ่ มฉนั ภนฺเต ปาฏิหาริยํ กริสสฺ ามีติ วตฺวา “กถํ กริสฺสสตี ิ จกั กระท�ำ ซงึ่ ปาฏิหาริย์ ดงั นี ้ ผู้ (อนั พระศาสดา) ตรัสถามแล้ว วา่ ปปปรฏรุ ิิวสฺฐโุําตทสอจเฺ าสกหตฺกฺววาต“อฺตอหริ าําวชภฏาฺนฏฺเโตตหตุ ฺวฉสาตมฺตนสึอฺตโาายคชนนทฺตาฺวฺวยาาทปสตโรยิสมุ ชาเฺ หนยํ (อ.เธอ) จกั กระทำ� อยา่ งไร ดงั นี ้ กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จรญิ อ.หมอ่ มฉนั แสดงแล้ว ซง่ึ บริษทั มโี ยชน์ ๑๒ เป็นประมาณ โดยรอบ เป็นพระราชาผ้จู กั รพรรดิ ผู้ อนั บริษัท มีโยชน์ ๓๖ เป็นประมาณ วนฺทิสฺสามีต.ิ โดยส่วนกลม แวดล้อมแล้ว เป็ น มาแล้ว จักถวายบังคม ซงึ่ พระองค์ ท. ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ (อ.เรา) ยอ่ มรู้ ซง่ึ อานภุ าพ ของ สตถฺ า “ชานามิ เต อานภุ าวนตฺ ิ วตวฺ า ตสสฺ าปิ เธอ ดงั นี ้ทรงห้ามแล้ว ซง่ึ การกระทำ� ซงึ่ ปาฏหิ าริย์ (แกพ่ ระเถรี)แม้นนั้ ฯ ปาฏหิ าริยกรณํ ปฏกิ ขฺ ปิ ิ. อถ มหาโมคคฺ ลลฺ านตเฺ ถโร ครัง้ นัน้ อ.พระเถระช่ือว่ามหาโมคคัลลานะ ถวายบังคมแล้ว ภควนตฺ ํ วนทฺ ติ วฺ า “อหํ ภนเฺ ต ปาฏหิ าริยํ กริสสฺ ามตี ิ ซง่ึ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ วสตเิ นฺวราุปพ“ฺพกตถรํ าชกํริสฺสทสนตี ฺติ นฺตปเฏุ รฺโฐ อาห “อหํ ภนฺเต อ.ข้าพระองค์ จกั กระท�ำ ซง่ึ ปาฏิหาริย์ ดงั นี ้ ผู้ (อนั พระศาสดา) ฐเปตฺวา สาสปวีชํ ตรัสถามแล้ว วา่ (อ.เธอ) จกั กระท�ำ อยา่ งไร ดงั นี ้กราบทลู แล้ว วา่ วิย นํ ขาทิสฺสามีต.ิ “อญฺญํ กึ กริสสฺ สตี .ิ “อิมํ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ อ.ข้าพระองค์ วางไว้แล้ว ซงึ่ ภเู ขาหลวงชอ่ื วา่ มหาปฐวึ กฏสารกํ วิย สํเวลลฺ ติ ฺวา องฺคลุ นฺตเร สเิ นรุ ในระหวา่ งแหง่ ฟัน จกั เคีย้ วกิน (ซง่ึ ภเู ขาหลวงชื่อวา่ สเิ นรุ) นนั้ นิกฺขิปิ สฺสามีต.ิ “อญฺญํ กึ กริสสฺ สีต.ิ “มหาปฐวึ ราวกะ (อ.บคุ คล เคีย้ วกินอย)ู่ ซงึ่ พืชแหง่ เมลด็ พนั ธ์ผุ กั กาด ดงั นี ้ ฯ กลุ าลจกฺกํ วยิ ปริวตฺเตตฺวา มหาชนํ ปฐโวชํ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ (อ.เธอ) จกั กระทำ� (ซง่ึ ปาฏหิ าริย์) ขาทาเปสสฺ ามีต.ิ “อญฺญํ กึ กริสสฺ สีต.ิ “วามหตฺเถ อะไร อ่ืน ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กราบทลู แล้ว) วา่ (อ.ข้าพระองค์) ปฐวึ กตฺวา อิเม สตฺเต ทกฺขิณหตฺเถน อญฺญสมฺ ึ ม้วนแล้ว ซง่ึ แผน่ ดนิ ใหญ่ (กระท�ำ) ให้เป็นราวกะวา่ เส่ือลำ� แพน ทีเป ฐเปสฺสามีติ. “อญฺญํ กึ กริสฺสสีติ. จกั ใสไ่ ว้ ในระหวา่ งของนิว้ มือ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถาม “สเิ นรํุ ฉตฺตทณฺฑํ กตฺวา มหาปฐวึ อกุ ฺขิปิ ตฺวา แล้ว) วา่ (อ.เธอ) จกั กระท�ำ (ซงึ่ ปาฏิหาริย์) อะไร อ่ืน ดงั นี ้ ฯ ตสสฺ ปุ ริ ฐเปตวฺ า ฉตตฺ หตโฺ ถ ภกิ ขฺ ุ วยิ เอกหตเฺ ถนาทาย พระเถระ กราบทลู แล้ว) วา่ อ.ข้าพระองค์ ยงั แผน่ ดนิ ใหญ่ ให้เป็นไป อากาเส จงฺกมิสสฺ ามีต.ิ รอบแล้ว (กระทำ� ) ให้เป็นราวกะวา่ ล้อของชา่ งปัน้ หม้อ จัก ยังมหาชน ให้เคีย้ วกิน ซงึ่ โอชะอนั เกิดแล้วแตด่ นิ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ (อ.เธอ) จกั กระทำ� (ซงึ่ ปาฏหิ ารยิ )์ อะไร อน่ื ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กราบทลู แลว้ )ว่า (อ.ข้ าพระองค์) กระท�ำแล้ว ซ่ึงแผ่นดิน ในมือข้ างซ้าย จกั ตงั้ ไว้ ซง่ึ สตั ว์ ท. เหลา่ นี ้ในทวีปอ่ืน ด้วยมือข้างขวา ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) วา่ (อ.เธอ) จกั กระท�ำ (ซง่ึ ปาฏิหาริย์) อะไร อ่ืน ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กราบทลู แล้ว) วา่ (อ.ข้าพระองค์ )กระท�ำแล้ว ซงึ่ ภเู ขาช่ือวา่ สเิ นรุ ให้เป็น คนั แหง่ ร่ม ยกขนึ ้ แล้ว ซง่ึ แผน่ ดินใหญ่ วางไว้แล้ว ในเบือ้ งบน (แหง่ ภเู ขาชื่อวา่ สเิ นรุ) นนั้ ถือเอา ด้วยมือข้างหนงึ่ ราวกะ อ.ภิกษุ ผ้มู ีร่มในมือ จกั จงกรม ในอากาศ ดงั นี ้ฯ 78 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.พระศาสดา ตรสั แล้ว) วา่ (อ.เรา) ยอ่ มรู้ ซง่ึ อานภุ าพ ของเธอ ดงั นี ้ สตถฺ า “ชานามิ เต อานภุ าวนตฺ ิ ตสสฺ าปิ ปาฏหิ ารยิ กรณํ ไมท่ รงอนญุ าตแล้ว ซง่ึ การกระท�ำซง่ึ ปาฏิหาริย์ (แก่พระเถระ) นานชุ านิ. โส “ชานาติ มญฺเญ สตฺถา มยา อตุ ฺตริตรํ แม้นนั้ ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ อ.พระศาสดา เหน็ จะ ปาฏิหาริยํ กาตํุ สมตฺถนฺติ เอกมนฺตํ อฏฺฐาส.ิ ยอ่ มทรงทราบ (ซง่ึ บคุ คล) ผ้สู ามารถ เพ่ืออนั กระท�ำ ซง่ึ ปาฏิหาริย์ อนั ยิ่งกวา่ กวา่ เรา ดงั นี ้ได้ยืนแล้ว ณ ที่สดุ แหง่ หนงึ่ ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (กะพระเถระ) นนั้ วา่ ดกู ่อน- อถ นํ สตฺถา “นายํ โมคฺคลลฺ าน ตวตฺถาย โมคคลั ลานะ อ.พวงแหง่ ระเบียบ นี ้ อนั (อนั เดียรถีย์ ท.) ผกู แล้ว พทฺโธ มาลาปโุ ฏ, อหํ หิ อสมธโุ ร, มม ธรุ ํ อญฺโญ เพื่อประโยชน์ แก่เธอ หามิได้, จริงอยู่ อ.เรา เป็นผ้มู ีธรุ ะแหง่ วหิตํุ สมตฺโถ นาม นตฺถิ; อนจฺฉริยญฺเจตํ, ยํ อิทานิ พระพทุ ธเจ้าผ้ไู มม่ ีบคุ คลอ่ืนเสมอ (ยอ่ มเป็น), (อ.บคุ คล) อ่ืน มม ธรุ ํ วหิตํุ สมตฺโถ น ภเวยฺย; อเหตกุ ตริ จฺฉานโยนิยํ ชอ่ื วา่ ผ้สู ามารถ เพอ่ื อนั นำ� ไป ซงึ่ ธรุ ะ ของเรา ยอ่ มไมม่ ,ี ก็ (อ.บคุ คล) นิพฺพตฺตกาเลปิ มม ธรุ ํ อญฺโญ วหิตํุ สมตฺโถ เป็นผ้สู ามารถ เพื่ออนั น�ำไป ซง่ึ ธรุ ะ ของเรา ไมพ่ งึ มี ในกาลนี ้ ใด, นาโหสเิ ยวาติ วตฺวา “กทา ปน ภนฺเตติ เถเรน ปฏุ ฺโฐ (อ.ความที่ แหง่ บคุ คล เป็นผู้ สามารถ เพ่ืออนั น�ำไป ซงึ่ ธรุ ะ ของเรา อตีตํ อาหริตฺวา ในกาลน)ี ้ นน่ั เป็นเหตไุ มอ่ ศั จรรย์ (ยอ่ มเป็น), (อ.บคุ คล) อน่ื เป็นผ้-ู สามารถ เพ่ืออนั น�ำไป ซง่ึ ธรุ ะ ของเรา ไมไ่ ด้มีแล้วนนั่ เทียว แม้ใน กาล (แหง่ เรา) บงั เกิดแล้ว ในก�ำเนิดแหง่ สตั ว์ดริ ัจฉานผ้หู าเหตุ มิได้ ดงั นี ้ ผู้ อนั พระเถระ ทลู ถามแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ก็ (อ.บคุ คล อ่ืน ผ้สู ามารถ เพ่ืออนั น�ำไป ซง่ึ ธรุ ะ ของพระองค์ ท. ไมไ่ ด้มีแล้ว) ในกาลไร ดงั นี ้ ทรงน�ำมาแล้ว ซงึ่ เรื่องอนั ลว่ งไปแล้ว ทรงยงั กณั หอสุ ภชาดก นี ้วา่ อ.ธรุ ะ อนั หนกั (มีอย)ู่ (ในกาล)ใด ใด, (อ.ถนน) อนั เป็นทีเ่ ป็นไป- “ยโต ยโต ครุ ธรุ ํ ยโต คมฺภีรวตฺตนี, ในนำ�้ อนั ลกึ (มีอย)ู่ (ในกาล)ใด, ในกาลนนั้ แล (อ.เจา้ ของ ท.) ตทาสฺสุ กณฺหํ ยญุ ฺชนตฺ ิ, สวาสฺสุ ตํ วหเต ธรุ นตฺ ิ ย่อมเทียม ซึ่งโคชื่อว่ากณั หะ, (อ.โคชื่อว่ากณั หะ) นน้ั แล ย่อมน�ำไป ซึ่งธรุ ะ นน้ั ดงั นี,้ ให้พิสดารแล้ว เม่ือทรงแสดง ซง่ึ เร่ือง นนั้ นนั่ เทียว ให้วเิ ศษ อีก อิทํ กณฺหอสุ ภชาตกํ วติ ฺถาเรตฺวา ปนุ ตเทว วตฺถํุ ตรัสให้พิสดารแล้ว ซงึ่ นนั ทวิสาลชาดก นี ้วา่ วิเสเสตฺวา ทสฺเสนฺโต (อ.บุคคล) พึงกล่าว (ซ่ึงค�ำ) อนั ยงั ใจให้เจริญ “มนาปเมว ภาเสยฺย, นามนาปํ กทุ าจนํ; นนั่ เทียว, ไมพ่ งึ กลา่ ว (ซึ่งวาจา) อนั ไม่ยงั ใจให้เจริญ มนาปํ ภาสมานสสฺ ครุภารํ อทุ พพฺ หิ, ในกาลไหน ๆ, (เมือ่ พราหมณ์ กลา่ วอยู่ (ซ่ึงคำ� ) อนั ยงั ใจ ธนญฺจ นํ อลาเภสิ เตน จตฺตมโน อหูติ ใหเ้ จริญ ,(อ.โคชือ่ วา่ นนั ทวิสาล) ไดย้ กขน้ึ แลว้ ซ่ึงภาระอนั อิทํ นนฺทวิสาลชาตกํ วิตฺถาเรตฺวา กเถส.ิ หนกั , (อ.โคชือ่ ว่านนั ทิวิศาลนนั้ ) (ยงั พราหมณ์) นน้ั ใหไ้ ดไ้ ดแ้ ลว้ ซ่ึงทรพั ย์ ดว้ ย เป็นผูม้ ีใจเป็นของแห่งตน ไดเ้ ป็นแลว้ (เพราะการไดซ้ ึ่งทรพั ย์ แห่งพราหมณ์) นนั้ ดว้ ย ดงั นี้ ฯ ก็ แล อ.พระศาสดา ครัน้ ตรัสแล้ว เสดจ็ ขนึ ้ เฉพาะแล้ว กเถตฺวา จ ปน สตฺถา ตํ รตนจงฺกมํ อภิรุหิ. สทู่ เ่ี ป็นทจ่ี งกรมอนั เป็นวกิ ารแหง่ รตั นะนนั้ ฯ อ.บริษทั อนั ประกอบแล้ว ปุรโต ทฺวาทสโยชนิกา ปริสา อโหสิ, ตถา ด้วยโยชน์ ๑๒ ได้มีแล้ว ข้างหน้า, อนงึ่ (อ.บริษัท อนั ประกอบแล้ว ปจฺฉโต จ อุตฺตรโต จ ทกฺขิณโต จ, อุชุกํ ปน ด้วยโยชน์ ๑๒ ได้มีแล้ว) ข้างหลงั ด้วย ข้างซ้าย ด้วย ข้างขวา ด้วย, จตุพฺพีสติโยชนิกา. ปริสาย มชฺเฌ ภควา สว่ นวา่ (อ.บริษัท) อนั ประกอบแล้วด้วยโยชน์ ๒๔ (ได้มีแล้ว) ตรง ฯ ยมกปปฺ าฏิหาริยํ อกาส.ิ อ.พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงกระท�ำแล้ว ซ่ึงยมกปาฏิหาริย์ ในทา่ มกลาง แหง่ บริษัท ฯ ผลิตสื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 79 www.kalyanamitra.org
(อ.ยมกปาฏิหาริย์) นนั้ (อนั บณั ฑิต) พงึ ทราบ ตามพระบาลี ตํ ปาลโิ ต ตาว เอวํ เวทิตพฺพํ. “กตมํ ตถาคตสสฺ อยา่ งนี ก้ อ่ น ฯ อ. อนั ถาม วา่ อ.พระญาณ ในยมกปาฏหิ ารยิ ์ ของพระตถาคตเจา้ ยมกปฺปาฏิหาริเย ญาณํ? อิธ ตถาคโต เป็นไฉน ? ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ฯ อ.อนั แก้ วา่ อ.พระตถาคตเจ้า ยอ่ มทรงกระทำ� ยมกปฺปาฏิหาริยํ กโรติ อสาธารณํ สาวเกหิ; ซง่ึ ยมกปาฏหิ ารยิ ์ อนั ไมท่ ว่ั ไป ด้วยสาวก ท. (ในพระญาณ) น,ี ้ อ.กองแหง่ ไฟ ปออุุทปวตกริมฺตธกาตราิ,ายโตปอุปวอตรคิมฺตฺคกติกาิ;ฺขยนโเฺโหตธฏฺ ปฐิมอวกตุทาฺตกยตธโิา,ตรเาหอฏฺคฐฺิมปคิกกวฺตขายฺนตโฺโตตธิ; ยอ่ มเป็นไปทว่ั แตพ่ ระกายอนั มใี นเบอื ้ งบน,อ.สายแหง่ นำ� ้ ยอ่ มเป็นไปทว่ั แตพ่ ระกายอนั มีในภายใต้, อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทว่ั แตพ่ ระ กายอนั มีในภายใต้, อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทว่ั แตพ่ ระกาย อนั มใี นเบอื ้ งบน(อ.กองแหง่ ไฟ(ยอ่ มเป็นไปทวั่ )แตพ่ ระกายในปรุ ตั ถมิ ทศิ , ปุรตฺถิมกายโต, (อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทว่ั ) แตพ่ ระกายในปัจฉิมทิศ, ปจฺฉิมกายโต; (อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทว่ั ) แตพ่ ระกายในปัจฉิมทิศ, ปจฺฉิมกายโต, (อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทว่ั ) แตพ่ ระกายในปรุ ัตถิมทิศ, ปรุ ตถฺ มิ กายโต; (อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทว่ั ) แตพ่ ระเนตรเบอื ้ งขวา, ทกขฺ ณิ กขฺ โิ ต, (อ.สายแหง่ นำ� ้ ยอ่ มเป็นไปทวั่ ) แตพ่ ระเนตรเบือ้ งซ้าย, วามกขฺ โิ ต; (อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทวั่ ) แตพ่ ระเนตรเบือ้ งซ้าย, วามกขฺ โิ ต, (อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทวั่ ) แตพ่ ระเนตรเบือ้ งขวา, ทกขฺ ณิ กขฺ โิ ต; (อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทว่ั ) แตช่ อ่ งแหง่ พระกรรณเบือ้ งขวา, ทกฺขิณกณฺณโสตโต (อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทวั่ ) แตช่ อ่ งแหง่ พระกรรณเบือ้ งซ้าย, วามกณฺณโสตโต; (อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทวั่ ) แตช่ อ่ งแหง่ พระกรรณเบือ้ งซ้าย, วามกณฺณโสตโต, (อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทวั่ ) แตช่ อ่ งแหง่ พระกรรณเบือ้ งขวา, ทกฺขิณกณฺณโสตโต; (อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทวั่ ) แตช่ อ่ งแหง่ พระนาสกิ เบือ้ งขวา, ทกฺขิณนาสิกโสตโต, (อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทว่ั ) แตช่ อ่ งแหง่ พระนาสกิ เบือ้ งซ้าย, วามนาสิกโสตโต; (อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทวั่ ) แตช่ อ่ งแหง่ พระนาสกิ เบือ้ งซ้าย, วามนาสิกโสตโต, (อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทว่ั ) แตช่ อ่ งแหง่ พระนาสกิ เบือ้ งขวา, ทกฺขิณนาสิกโสตโต; (อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทวั่ ) แตจ่ ะงอยแหง่ พระองั สาเบือ้ งขวา, ทกฺขิณอํสกฏู โต, (อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทว่ั )แตจ่ ะงอยแหง่ พระองั สาเบือ้ งซ้าย, วามอํสกฏู โต; (อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทวั่ ) แตจ่ ะงอยแหง่ พระองั สาเบือ้ งซ้าย, วามอํสกฏู โต, (อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทว่ั )แตจ่ ะงอยแหง่ พระองั สาเบือ้ งขวา, ทกฺขิณอํสกฏู โต; (อ.กองแห่งไฟ ย่อมเป็ นไปทวั่ ) แต่พระหตั ถ์เบือ้ งขวา, ทกฺขิณหตฺถโต, (อ.สายแห่งน�ำ้ ย่อมเป็ นไปทว่ั ) แต่พระหตั ถ์เบือ้ งซ้าย, วามหตฺถโต; (อ.กองแห่งไฟ ย่อมเป็ นไปทว่ั ) แต่พระหตั ถ์เบือ้ งซ้าย, วามหตฺถโต, (อ.สายแห่งน�ำ้ ย่อมเป็ นไปทวั่ ) แต่พระหตั ถ์เบือ้ งขวา, ทกฺขิณหตฺถโต; (อ.กองแห่งไฟ ย่อมเป็ นไปทว่ั ) แต่พระปรัศเบือ้ งขวา, ทกฺขิณปสฺสโต, (อ.สายแห่งน�ำ้ ย่อมเป็ นไปทว่ั ) แต่พระปรัศเบือ้ งซ้าย, วามปสฺสโต; (อ.กองแห่งไฟ ย่อมเป็ นไปทวั่ ) แต่พระปรัศเบือ้ งซ้าย, วามปสฺสโต, (อ.สายแห่งน�ำ้ ย่อมเป็ นไปทวั่ ) แต่พระปรัศเบือ้ งขวา, ทกฺขิณปสฺสโต; (อ.กองแห่งไฟ ย่อมเป็ นไปทวั่ ) แต่พระบาทเบือ้ งขวา, ทกฺขิณปาทโต, (อ.สายแห่งน�ำ้ ย่อมเป็ นไปทว่ั ) แต่พระบาทเบือ้ งซ้าย, วามปาทโต; (อ.กองแห่งไฟ ย่อมเป็ นไปทว่ั ) แต่พระบาทเบือ้ งซ้าย, วามปาทโต, (อ.สายแห่งน�ำ้ ย่อมเป็ นไปทวั่ ) แต่พระบาทเบือ้ งขวา, ทกฺขิณปาทโต; (อ.กองแห่งไฟ ย่อมเป็ นไปทวั่ ) แต่พระองคลุ ี ท., องฺคลุ ีหิ, (อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทวั่ ) แตช่ อ่ งแหง่ พระองคลุ ี ท., องฺคลุ นฺตริกาหิ; (อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทวั่ ) แตช่ อ่ งแหง่ พระองคลุ ี ท., องฺคลุ นฺตริกาหิ, (อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทว่ั ) แตพ่ ระองคลุ ี ท., องฺคลุ ีหิ; อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทวั่ แตข่ มุ แหง่ พระโลมาขมุ หนงึ่ ๆ, เอเกกโลมกปู โต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทว่ั แตพ่ ระโลมาเส้นหนง่ึ ๆ, เอเกกโลมโต อทุ กธารา ปวตฺตติ; อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทว่ั แตพ่ ระโลมาเส้นหนงึ่ ๆ, เอเกกโลมโต อคฺคกิ ฺขนฺโธ ปวตฺตต,ิ อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทวั่ แตข่ มุ แหง่ พระโลมาขมุ หนงึ่ ๆ, เอเกกโลมกปู โต อทุ กธารา ปวตฺตต;ิ 80 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.พระรศั มี ท. ยอ่ มเป็นไป ด้วยสามารถ) แหง่ สี ท. ๖ คอื แหง่ สเี ขยี ว ท. ฉนฺนํ วณฺณานํ นีลานํ ปี ตกานํ โลหิตกานํ โอทาตานํ คอื แหง่ สเี หลอื ง ท. คอื แหง่ สแี ดง ท. คอื แหง่ สขี าว ท. คอื แหง่ สหี งสบาท ท. มตเอสิทฏิญยฺํฐฺยฺเตตชํ กิถฏวฺปาฐาคาเฺ ปนนตติสํส,ิทีสฺ ปภตภคยิ สววมาฺสากรเจปาสงปนฺยฺกํ;าฺยมฏํ ตวภิหาิ ควาารวกิเาปตยเฺฏิ ปจฺญฐตงตา;ิฺกิ ณวฯมาเตนปน,ิฺตฯิส.ิ นนีทิิมมตฺมฺมิ วิิโโาตต, คือแหง่ สปี ภสั สร ท., อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ยอ่ มเสดจ็ จงกรม, อ.พระพทุ ธเนรมติ ยอ่ มยนื หรือ หรือวา่ ยอ่ มนงั่ หรือวา่ ยอ่ มส�ำเร็จ ซง่ึ การนอน, ฯลฯ อ.พระพทุ ธเนรมิต ยอ่ มสำ� เร็จ ซง่ึ การนอน, อ.พระผ้มู พี ระภาคเจ้า ยอ่ มเสดจ็ จงกรม หรือ หรือวา่ ยอ่ มประทบั ยนื หรือวา่ ยอ่ มประทบั นงั่ , (อ.พระญาณ) นี ้ เป็นพระญาณ ในยมก- ปาฏิหาริย์ ของพระตถาคตเจ้า (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ ก็ อ.พระศาสดา เสดจ็ จงกรมแล้ว บนท่ีเป็นที่จงกรม นนั้ อิทํ ปน ปาฏิหาริยํ สตฺถา ตสฺมึ จงฺกเม จงฺกมิตฺวา ไดดงั ้กนรี ้ะ(อทนั ำ� พแลระ้วเถซรงึ่ ะปชาอ่ื ฏวหิ า่ าสราิยร์ีบนตุี ้ฯร)(อก.ลคา่ำ� ว)แวลา่ ้วเหเพฏฺอ่ืฐอิมนักแายสโดตงอซปุงึ่ เรนิมอื ก้ คาวยาโมต อกาส.ิ “ตสฺส เตโชกสณิ สมาปตฺตวิ เสน อปุ ริมกายโต นัน้ ว่าอ.กองแห่งไฟย่อมเป็ นไปท่ัวแต่พระกายอันมีในเบือ้ งบน อคฺคกิ ฺขนฺโธ ปวตฺตต,ิ อาโปกสณิ สมาปตฺตวิ เสน ด้วยอ�ำนาจแหง่ เตโชกสณิ สมาบตั ิ (ของพระศาสดา) พระองค์นนั้ เ“ปสจหเพวหปฏตฺพฏฺวฐฺตฺฐปมติ ฏมิ เฺตกฺทฐกาฏาสายฺฐน.ยุ โาโตโนตตโอตอทุ อคอกปฺุคทุ ธรกิกาิมฺขธรกานาารฺโาธยปโปตวปวตตวติฺตตฺตตฺตวต;ิตตุีต,ิปฺติ ตนุํ.อมคอตฺคเทุอฺถกิ สกํ ฺขทธนสาฺธนรเฺ สสาโตฺสยยํุ (ด้วย),อ.สายแหง่ น�ำ้ ยอ่ มเป็นไปทวั่ แตพ่ ระกายอนั มีในภายใต้ด้วย อ�ำนาจแหง่ อาโปกสณิ สมาบตั ิ (ด้วย), อ.กองแหง่ ไฟ ยอ่ มเป็นไปทวั่ แตท่ ี่ แหง่ สายแหง่ น�ำ้ เป็นไปทวั่ แล้วอีก (ด้วย), อ.สายแหง่ น�ำ้ ย่อมเป็ นไปทั่ว แต่ท่ี แห่งกองแห่งไฟ เป็ นไปท่ัวแล้ว (ด้วย), อ.นยั ในบททงั้ ปวง ท. นี ้ฯ แตว่ า่ อ.กองแหง่ ไฟ เป็นสภาพไมเ่ จือกนั ด้วยสายแหง่ น�ำ้ อคฺคกิ ฺขนฺโธ ปเนตฺถ อทุ กธาราย อสมมฺ ิสฺโส ได้เป็นแล้ว (ในปาฏิหาริย์) นี,้ อ.อยา่ งนนั้ คือวา่ อ.สายแหง่ น�ำ้ อโหส,ิ ตถา อทุ กธารา อคฺคกิ ฺขนฺเธน. (เป็นธรรมชาตไิ มเ่ จือกนั ) ด้วยกองแหง่ ไฟ (ได้เป็นแล้ว) ฯ ก็ ได้ยินวา่ (อ.หมวดสอง แหง่ กองแหง่ ไฟและสายแหง่ น�ำ้ ) อภุ ยํปิ กิร เจตํ ยาว พฺรหฺมโลกา อคุ ฺคนฺตฺวา นนั่ แม้ทงั้ ๒ พลงุ่ ขนึ ้ ไปแล้ว เพียงใด แตพ่ รหมโลก ยอ่ มเป็นไปทว่ั จกฺกวาฬมขุ วฏฺฏิยํ ปวตฺตต.ิ ในขอบแหง่ ปากแหง่ จกั รวาล ฯ ก็ อ.พระรัศมีมีวรรณะ ๖ ท. (ของพระศาสดา) พระองค์ “ฉนนฺ ํ วณณฺ านนตฺ ิ วตุ ตฺ ตตฺ า ปนสสฺ ฉยพนพฺ ฺตณนาณฺ ฬริกํสโโิ ตย นนั้ พลงุ่ ขนึ ้ ไปแล้ว จากห้องแหง่ จกั รวาลหนง่ึ ราวกะ อ.ทองค�ำ กเุ ฏหิ อาสญิ ฺจมานํ วิลนี สวุ ณฺณํ วิย อนั ละลายแล้ว อนั ไหลออกอยู่ จากเบ้า ท. (ด้วย) ราวกะ อ.สายแหง่ นำ� ้ นิกฺขนฺตา สวุ ณฺณรสธารา วิย จ เอกจกฺกวาฬคพฺภโต แหง่ ทองคำ� อนั ไหลออกแล้ว จากทะนานอนั เป็นวกิ ารแหง่ ยนต์ ด้วย อคุ คฺ นตฺ วฺ า พรฺ หมฺ โลกํ อาหจจฺ ปฏนิ วิ ตตฺ ติ วฺ า จกกฺ วาฬ- จดแล้ว ซงึ่ พรหมโลก ย้อนกลบั แล้ว จบั แล้ว ซงึ่ ขอบแหง่ ปากแหง่ มขุ วฏฺฏิเมว คณฺหสึ .ุ จกั รวาลนนั่ เทียว เพราะความที่ (แหง่ ค�ำ) วา่ ฉนฺนํ วณฺณานํ ดงั นี ้ (อนั พระเถระช่ือวา่ สารีบตุ ร) กเปล็นา่ วราแวลก้วะฯเรือนแหง่ ต้นโพธ์ิ อ.ห้องแหง่ จกั รวาล หนง่ึ อนั กลอน เอกํ จกฺกวาฬคพฺภํ วงฺกโคปานสวิ นิ ทฺธํ วิย เรือนโค้งรัดรึงแล้ว เป็นท่ีมีแสงสวา่ งเป็นอนั เดียวกนั ได้เป็นแล้ว ฯ โพธิฆรํ อโหสิ เอกาโลกํ. ในวนั นนั้ อ.พระศาสดา เสดจ็ จงกรมแล้ว ทรงกระท�ำอยู่ ตํ ทิวสํ สตฺถา จงฺกมิตฺวา ปาฏิหาริยํ กโรนฺโต ซง่ึ ปาฏิหาริย์ ตรัสแล้ว ซงึ่ ธรรมกถา แก่มหาชน ในระหวา่ งๆ, อนงึ่ อนฺตรนฺตรา มหาชนสสฺ ธมมฺ กถํ กเถส,ิ กเถนฺโต จ (อ.พระศาสดา) เมื่อตรัส ไมท่ รงกระท�ำแล้ว ซงึ่ ชน ให้เป็นผ้มู ีอนั - ชนํ นิรสสฺ าสํ อกตฺวา อสสฺ าสตรํ เทต.ิ หายใจออกออกแล้ว ยอ่ มประทาน (ทรงกระท�ำ) (ซงึ่ ชน) ให้เป็นผ้มู ี- อนั หายใจออกกวา่ ฯ ในขณะ นนั้ อ.มหาชน ยงั สาธกุ าร ให้เป็นไปทวั่ แล้ว ฯ ตสมฺ ึ ขเณ มหาชโน สาธกุ ารํ ปวตฺเตส.ิ อ.พระศาสดา ทรงตรวจดอู ยู่ ซง่ึ จิต ของบริษัท อนั ใหญ่เพียงนนั้ ตสฺส สาธกุ ารปปฺ วตฺตนกาเล สตฺถา ตาวมหตยิ า ในกาลเป็นทยี่ งั สาธกุ ารให้เป็นไปทวั่ (แหง่ มหาชน) นนั้ ได้ทรงทราบแล้ว ปริสาย จิตฺตํ โอโลเกนฺโต เอเกกสสฺ โสฬสนฺนํ ซงึ่ วาระแหง่ จิต (ของบคุ คล) คนหนง่ึ ๆ ด้วยอ�ำนาจ แหง่ อาการ ท. อาการานํ วเสน จิตฺตวารํ อญฺญาส.ิ ๑๖ ฯ ผลิตส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 81 www.kalyanamitra.org
อ.พระทยั ของพระพทุ ธเจ้า ท. เป็นธรรมชาตมคี วามเป็นไปเร็ว เอวํ ลหกุ ปริวตฺตํ พทุ ฺธานํ จิตฺตํ. โย โย ยสฺมึ อยา่ งนี(้ ยอ่ มเป็น)ฯ(อ.บคุ คล)ใดใดเล่อื มใสแล้วในธรรมใด(ด้วย) ธมเฺ ม ยสฺมิญฺจ ปาฏิหาริเย ปสนฺโน, ตสสฺ ตสสฺ ในปาฏิหาริย์ ใด (ด้วย) อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ซงึ่ ธรรม (นนั้ ) ด้วย อชฺฌาสยวเสน ธมมฺ ญฺจ กเถสิ ปาฏิหาริยญฺจ อกาส.ิ ได้ทรงกระทำ� แล้ว ซงึ่ ปาฏหิ าริย์ (นนั้ ) ด้วย ด้วยอำ� นาจแหง่ อธั ยาศยั (ของบคุ คล) นนั้ นนั้ ฯ ครัน้ เม่ือธรรม (อนั พระศาสดา) ทรงแสดงอยู่ อยา่ งนี ้ ด้วย เอวํ ธมเฺ ม เทสยิ มาเน ปาฏิหาริเย จ กริยมาเน ครัน้ เม่ือปาฏิหาริย์ (อนั พระศาสดา) ทรงกระท�ำอยู่ (อยา่ งนี)้ ด้วย มหาชนสสฺ ธมมฺ าภิสมโย อโหส.ิ อ.อนั รู้ตลอดเฉพาะซง่ึ ธรรม ได้มีแล้ว แก่มหาชน ฯ ก็ อ.พระศาสดา ทรงถือเอาแล้ว ซง่ึ พระทยั ของพระองค์ สตฺถา ปน ตสมฺ ึ สมาคเม อตฺตโน มนํ คเหตฺวา ไมท่ รงเหน็ แล้ว (ซงึ่ บคุ คล) อ่ืน ผ้สู ามารถ เพ่ืออนั ถาม ซงึ่ ปัญหา อญฺญํ ปญฺหํ ปจุ ฺฉิตํุ สมตฺถํ อทิสวฺ า นิมมฺ ิตพทุ ฺธํ ในสมาคม นนั้ ทรงเนรมิตแล้ว ซง่ึ พระพทุ ธเนรมิต ฯ อ.พระศาสดา มาเปส.ิ เตน ปจุ ฺฉิตํ ปญฺหํ สตฺถา วสิ ฺสชฺเชส.ิ ทรงแก้แล้ว ซงึ่ ปัญหา อนั (อนั พระพทุ ธเนรมิต) นนั้ ถามแล้ว ฯ สตฺถารา ปจุ ฺฉิตํ โส วิสสฺ ชฺเชส.ิ ภควโต จงฺกมนกาเล (อ.พระพทุ ธเนรมิต) นนั้ แก้แล้ว (ซง่ึ ปัญหา) อนั อนั พระศาสดา นิมมฺ ิโต ฐานาทีสุ อญฺญตรํ กปเฺ ปส.ิ ตรัสถามแล้ว ฯ อ.พระพทุ ธเนรมิต สำ� เร็จแล้ว (ในอิริยาบถ ท.) มีการยืนเป็นต้นหนา (ซง่ึ อิริยาบถ) อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ในกาล เป็นท่ีเสดจ็ จงกรม แหง่ พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ฯ อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ทรงสำ� เร็จแล้ว (ในอิริยาบถ ท.) นมิ มฺ ติ สสฺ จงกฺ มนกาเล ภควา ฐานาทสี ุ อญฺญตรํ มกี ารยนื เป็นต้นหนา (ซงึ่ อริ ิยาบถ) อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ในกาลเป็นท-ี่ กปเฺ ปส.ิ ตมตฺถํ ทสฺเสตํุ “นิมมฺ โิ ต จงกฺ มติ วาตอิ าทิ จงกรม แหง่ พระพทุ ธเนรมิต ฯ (อ.ค�ำ) มีค�ำวา่ นิมมฺ โิ ต จงกฺ มติ วา วตุ ฺตํ. เอวํ กโรนฺตสฺส สตฺถุ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ดงั นีเ้ป็นต้น (อนั พระธรรมสงั คาหกาจารย์) กลา่ วแล้ว เพื่ออนั แสดง ธมมฺ กถญฺจ สตุ ฺวา ตสมฺ ึ สมาคเม วีสตยิ า ปาณโกฏีนํ ซงึ่ เนอื ้ ความนนั้ ฯ อ.อนั รู้ตลอดเฉพาะซงึ่ ธรรม ได้มแี ล้ว แกโ่ กฏแิ หง่ - ธมมฺ าภิสมโย อโหส.ิ สตั ว์ผ้มู ีลมปราณ ท. ๒๐ ในสมาคมนนั้ เพราะเหน็ ซงึ่ ปาฏิหาริย์ ของพระศาสดา ผ้ทู รงกระทำ� อยู่ อยา่ งนี ้ ด้วย เพราะฟัง ซง่ึ ธรรมกถา ด้วย ฯ อ.พระศาสดา ทรงกระทำ� อยู่ ซงึ่ ปาฏหิ าริย์ เทยี ว ทรงร�ำพงึ แล้ว วา่ สตฺถา ปาฏิหาริยํ กโรนฺโต ว “กตฺถ นุ โข อ.พระพทุ ธเจ้าผ้ลู ว่ งไปแล้ว ท. ทรงกระท�ำแล้ว ซง่ึ ปาฏิหาริย์ นี ้ อตีตพทุ ฺธา อิมํ ปาฏิเหรํ กตฺวา วสสฺ ํ อเุ ปนฺตีติ ยอ่ มเสดจ็ เข้าจ�ำซงึ่ พรรษา(ในท่ี)ไหนหนอแลดงั นีท้ รงเหน็ แล้ววา่ อาวชฺชิตฺวา “ตาวตสึ ภวเน วสฺสํ อปุ คนฺตฺวา มาตุ (อ.พระพทุ ธเจ้าผ้ลู ว่ งไปแล้ว ท.) เสดจ็ เข้าจ�ำแล้ว ซงึ่ พรรษา ในภพ อภิธมมฺ ปิ ฏกํ เทเสนฺตีติ ทิสวฺ า ทกฺขิณปาทํ ช่ือวา่ ดาวดงึ ส์ ยอ่ มทรงแสดง ซงึ่ อภิธรรมปิ ฎก แก่พระมารดา ดงั นี ้ อกุ ฺขิปิ ตฺวา ยคุ นฺธรมตฺถเก ฐเปตฺวา อิตรํ ปาทํ ทรงยกขนึ ้ แล้ว ซง่ึ พระบาทเบือ้ งขวา ทรงวางไว้แล้ว บนยอดแหง่ โปอยกุาชฺทขนิปจสิฺฉตติทฺวสาฺทหาสนสฺสิ เิฏนฺฐราุมเนตปฺถกเกตตโปิ ยาฐทเปปวีตทสหิ.ิวราณรเาอสวทํอิสเนหอิกสฏฺฺเ.ํุฐขสปฏเาทฺฐนฺว-ิ ิ ภเู ขาช่ือวา่ ยคุ นั ธร ทรงยกขนึ ้ แล้ว ซง่ึ พระบาท นอกนี ้ ทรงวางไว้ แล้ว บนยอดแหง่ ภเู ขาชอ่ื วา่ สเิ นรุ ฯ อ.การยา่ งไปแหง่ พระบาท ท. ๓ ได้มีแล้ว ในที่มีแสนแหง่ โยชน์ ๖๘ เป็นประมาณ อยา่ งนี ้ ฯ อ.ชอ่ ง อเหสํุ. “สตฺถา ปาทํ ปสาเรตฺวา อกฺกมีติ แหง่ พระบาท ท. ๒ เป็นชอ่ งมีการวางลงเชน่ กบั ด้วยการยา่ งไป น สลลฺ กฺเขตพฺพํ. แหง่ พระบาทตามปกติ ได้เป็นแล้ว ฯ (อนั ใคร ๆ) ไมค่ วรก�ำหนด วา่ อ.พระศาสดา ทรงเหยียดแล้ว ซง่ึ พระบาท ทรงเหยียบแล้ว ดงั นี ้ฯ เพราะวา่ อ.ภเู ขา ท. เหลา่ นนั้ มาแล้ว สทู่ ่ีใกล้พระบาท ตสฺส หิ ปาทํ อกุ ฺขิปนกาเลเยว เต ปพฺพตา รบั พร้อมแล้ว ในกาลเป็นทที่ รงยกขนึ ้ ซง่ึ พระบาท (ของศาสดา) ปาทมลู ํ อาคนฺตฺวา สมปฺ ฏิจฺฉึส,ุ สตฺถารา อกฺกนฺต- พระองค์นนั้ นน่ั เทียว, ตงั้ ขนึ ้ แล้ว ได้ตงั้ อยแู่ ล้ว ในท่ีอยา่ งไร ในกาล กจินาเฺเลตสอิ ฏุ ฺฐ“าปยณยฺฑถกุ ามฐพฺาเลนสลิอฏาฺยฐสํ .ุ สกฺโก สตฺถารํ ทิสฺวา (แหง่ ตน ๆ) อนั พระศาสดา ทรงเหยยี บแล้ว ฯ อ.ท้าวสกั กะ ทรงเหน็ แล้ว มชฺเฌ สตฺถา อิมํ ซ่ึงพระศาสดา ทรงด�ำริแล้ว ว่า อ.พระศาสดา จักเสด็จเข้าถึง วสสฺ าวาสํ อเุ ปสสฺ ต,ิ ซง่ึ ทอ่ี นั ประทบั อยตู่ ลอดพรรษา นี ้ ในทา่ มกลาง แหง่ บณั ฑกุ มั พลสลิ า, 82 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.อปุ การะ จกั มี แก่เทวดา ท. มาก หนอ, แตว่ า่ ครัน้ เมื่อพระศาสดา พหนู ํ วต เทวตานํ อปุ กาโร ภวิสสฺ ต,ิ สตฺถริ ปเนตฺถ เสดจ็ เข้าจำ� แล้ว ซงึ่ พรรษา (ในท)่ี นี ้ อ.เทวดา ท. เหลา่ อน่ื จกั ไมอ่ าจ วสสฺ ํ อปุ คเต อญฺญา เทวตา หตถฺ ปํ ิ ฐเปตํุ น สกขฺ สิ สฺ นตฺ ;ิ เพอื่ อนั วางไว้ แม้ซงึ่ มอื , ก็ อ.บณั ฑกุ มั พลสลิ า นี ้ แล มโี ยชน์ ๖๐ อยํ โข ปปญนฺญปาณสโฺฑยกชุ นมาพฺ ลสปลิ ถุ าลุ โตทีฆปโตณฺณสฏรฺสฐโโิ ยยชชนนาา เป็นประมาณ โดยสว่ นยาว มโี ยชน์ ๕๐ เป็นประมาณ โดยสว่ นขวาง ตริ ิยโต มีโยชน์ ๑๕ เป็นประมาณ โดยสว่ นหนา ครัน้ เม่ือพระศาสดา สตฺถริ นิสนิ ฺเนปิ ตจุ ฺฉา วยิ ภวิสสฺ ตีต.ิ แม้ประทบั นง่ั แล้ว เป็นราวกะวา่ เปลา่ จกั เป็น ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงทราบแล้ว ซงึ่ อธั ยาศยั (ของท้าวสกั กะ) นนั้ สตฺถา ตสสฺ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อตฺตโน สงฺฆาฏึ ทรงโยนไปแล้ว ซง่ึ ผ้าสงั ฆาฏิ ของพระองค์ (กระท�ำ) ให้เป็นผ้า สลิ าตลํ ปฏิจฺฉาทยมานํ ขิปิ . ปกปิ ดอยู่ ซงึ่ พืน้ แหง่ ศลิ า ฯ อ.ท้าวสกั กะ ทรงด�ำริแล้ว วา่ (อ.พระศาสดา) ทรงโยน สกฺโก จินฺเตสิ “จีวรํ ตาว ปฏิจฺฉาทยมานํ ขิปิ , ไปแล้ว ซง่ึ จีวร (กระท�ำ) ให้เป็นผ้าปกปิ ดอยู่ก่อน, ก็ (อ.พระศาสดา) สยํ ปน ปริตฺตเก ฐาเน นิสที ิสฺสตีต.ิ จกั ประทบั นงั่ ในที่ อนั นิดหนอ่ ย เอง ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงทราบแล้ว ซง่ึ อธั ยาศยั (ของท้าวสกั กะ) นนั้ สตถฺ า ตสสฺ ชฌฺ าสยํ วทิ ติ วฺ า นจี ปีฐกํ มหาปํ สกุ ลู โิ ก ประทบั นง่ั แล้ว กระท�ำ ซงึ่ บณั ฑกุ มั พลศลิ า ในภายในแหง่ ขนดแหง่ วิย ปณฺฑกุ มพฺ ลสลิ ํ อนฺโตจีวรโภเคเยว กตฺวา นิสที ิ. จวี รนน่ั เทยี วราวกะ(อ.ภกิ ษ)ุ ผ้ทู รงไว้ซง่ึ ผ้าบงั สกุ ลุ ใหญ่(นงั่ กระทำ� อย)ู่ ซงึ่ ตง่ั น้อยอนั ต่�ำ (ในภายในแหง่ ขนดแหง่ จีวร) ฯ แม้ อ.มหาชน แลดอู ยู่ ซง่ึ พระศาสดา ไมไ่ ด้เหน็ แล้ว ในขณะนนั้ มหาชโนปิ ตํขณญฺเญว สตฺถารํ โอโลเกนฺโต นนั่ เทียว ฯ (อ.กาล) เป็นราวกะวา่ กาล แหง่ พระจนั ทร์ ถงึ แล้ว อนฏาฺทฐงฺทฺคสม.ิตจกนาฺทโสลสฺ วอยิ ฏฺฐจงฺคอมโหิตสก.ิาโล วิย อโหส,ิ สรุ ิยสสฺ ซงึ่ อนั ตงั้ อยไู่ มไ่ ด้ ได้เป็นแล้ว (ด้วย), เป็นราวกะวา่ กาล แหง่ พระอาทติ ย์ ถงึ แล้วซงึ่ อนั ตงั้ อยไู่ มไ่ ด้ ได้เป็นแล้ว ด้วย ฯ อ.มหาชน กลา่ วอยู่ ซงึ่ คาถา นี ้วา่ มหาชโน (อ.พระศาสดา) เสด็จไปแลว้ หนอ สู่ภูเขาชือ่ ว่าจิตตกูฏ “คโต นุ จิตฺตกูฏํ วา เกลาสํ วา ยคุ นธฺ รํ, หรือ หรือว่า สู่ภูเขาชือ่ ว่าไกรลาส หรือว่า สู่ภูเขาชือ่ ว่า น โน ทกฺเขมุ สมฺพทุ ฺธํ โลกเชฏฺฐํ นราสภนตฺ ิ ยคุ นั ธร, (อ.เรา ท.) ไม่พึงเห็น ซึ่งพระสมั พทุ ธเจ้า ผูท้ รงเจริญทีส่ ดุ ในโลก ผทู้ รงองอาจกวา่ นระ ดงั นี้ คร่�ำครวญแล้ว ฯ (อ.ชน ท.) เหล่าอ่ืนอีก คร�่ำครวญอยู่ ว่า อิมํ คาถํ วทนฺโต ปริเทว.ิ อปเร “สตฺถา นาม ช่ือ อ.พระศาสดา เป็นผ้ทู รงยินดีแล้วในความสงดั (ยอ่ มเป็น), วิเวกรโต, โส `เอวรูปาย เม ปริสาย เอวรูปํ ปาฏิเหรํ (อ.พระศาสดา) พระองค์นนั้ เป็นผ้เู สดจ็ ไปแล้ว สแู่ วน่ แคว้น หรือ กตนฺติ ลตชํ ฺชทากยฺขิสอฺสญาฺญมาํ รตฏิฺฐปํ วราิเทชวนนปฺตทาํ วอาิมคํ โคตาภถวมิสาฺสหตํส;ิ ุ หรือวา่ สชู่ นบท อ่ืน เพราะทรงละอาย วา่ อ.ปาฏิหาริย์ มีอยา่ งนี ้ นทานิ เป็นรูป อนั เรา กระท�ำแล้ว แก่บริษัท มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ดงั นี ้ จกั เป็น, ในกาลนี ้(อ.เรา ท.) จกั ไมเ่ หน็ (ซง่ึ พระศาสดา) พระองค์นนั้ ดงั นี ้กลา่ วแล้ว ซง่ึ คาถา นี ้วา่ (อ.พระศาสดา) ผูท้ รงเป็นปราชญ์ ผูท้ รงยินดีแลว้ - “ปวิเวกรโต ธีโร นิมํ โลกํ ปเุ นหิติ, ในความสงดั จกั ไม่เสด็จมา สู่โลก นี้ อีก, อ.เรา ท. น โน ทกฺเขมุ สมฺพทุ ฺธํ โลกเชฏฺฐํ นราสภนตฺ ิ. ไม่พึงเห็น ซ่ึงพระสมั พทุ ธเจ้า ผูท้ รงเจริญทีส่ ดุ ในโลก ผูท้ รงองอาจกว่านระ ดงั นี้ ฯ (อ.ชน ท.) เหลา่ นนั้ ถามแล้ว ซงึ่ พระมหาโมคคลั ลานะ วา่ เต มหาโมคฺคลลฺ านํ ปจุ ฺฉึสุ “กหํ ภนฺเต สตฺถาต.ิ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.พระศาสดา (เสดจ็ ไปแล้ว) (ในท่ี) ไหน ดงั นี ้ฯ (อ.พระมหาโมคคลั ลานะ) นนั้ แม้ทราบอยู่ เอง กลา่ วแล้ววา่ โส สยํ ชานนฺโตปิ “ปเรสปํ ิ คโุ ณ ปากโฏ โหตตู ิ (อ.ทา่ น ท.)จงถาม ซงึ่ พระอนรุ ทุ ธ์ ดงั นี ้ ด้วยความมงุ่ หมาย วา่ อ.คณุ อชฺฌาสเยน “อนรุ ุทฺธํ ปจุ ฺฉถาติ อาห. (ของสาวก ท. )แม้เหลา่ อื่น เป็นคณุ ปรากฏ จงเป็นเถิด ดงั นี ้ฯ ผลติ ส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 83 www.kalyanamitra.org
(อ.ชน ท.) เหลา่ นนั้ ถามแล้ว ซง่ึ พระเถระ อยา่ งนนั้ วา่ ข้าแตท่ า่ น เต เถรํ ตถา ปจุ ฉฺ สึ ุ “กหํ ภนเฺ ต สตถฺ าต.ิ “ตาวตสึ ภวเน ผ้เู จริญ อ.พระศาสดา (เสดจ็ ไปแล้ว) (ในท)ี่ ไหน ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ ปณฑฺ กุ มพฺ ลสลิ ายํ วสสฺ ํ อปุ คนตฺ วฺ า มาตุ อภธิ มมฺ ปิฏกํ กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.พระศาสดา) เสดจ็ ไปแล้ว เพ่ืออนั ทรงเข้าจ�ำแล้ว เทสติ ํุ คโตต.ิ “กทา อาคมิสฺสติ ภนฺเตต.ิ “ตโย ซึ่งพรรษา ท่ีบัณฑุกัมพลสิลา ในภพชื่อว่าดาวดึงส์ ทรงแสดง มาเส อภิธมมฺ ปิ ฏกํ เทเสตฺวา มหาปวารณาทิวเสต.ิ ซง่ึ อภธิ รรมปิฎก แกพ่ ระมารดา ดงั นี ้ ฯ (อ.ชน ท. ถามแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.พระศาสดา) จกั เสดจ็ มา ในกาลไร ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กล่าวแล้ว) ว่า (อ.พระศาสดา) ทรงแสดงแล้ว ซง่ึ อภิธรรมปิ ฎก ตลอดเดือน ท. ๓ (จกั เสดจ็ มา) ในวนั แหง่ ดถิ ีเป็น เหตยุ อมให้ตกั เตือนอนั ใหญ่ดงั นี ้ฯ (อ.ชน ท.) เหลา่ นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.เราท.) ไมเ่ หน็ แล้ว เต “สตฺถารํ อทิสฺวา น คมิสฺสามาติ ตตฺเถว ซงึ่ พระศาสดา จกั ไมไ่ ป ดงั นี ้กระท�ำแล้ว ซงึ่ คา่ ย อยแู่ ล้ว (ในท่ี) นนั้ ขนฺธาวารํ กตฺวา วสสึ .ุ นน่ั เทียว ฯ ได้ยนิ วา่ อ.อากาศนนั่ เทยี ว เป็นเคร่ืองมงุ บงั ได้มแี ล้ว (แกช่ น ท.) อากาสเมว กิร เนสํ ฉทนํ อโหส,ิ ตาวมหตยิ า เหลา่ นนั้ , ช่ือ (อ.เหง่ือ) อนั ไหลออกจากสรีระ ของบริษัท อนั ใหญ่ ปริสาย สรีรนิสสฺ นฺโท นาม น ปญฺญายิ. เพียงนนั้ ไมป่ รากฏแล้ว ฯ อ.แผน่ ดนิ ได้ให้แล้ว ซงึ่ ชอ่ ง ฯ อ.พืน้ แหง่ แผน่ ดนิ เป็นพืน้ ปฐวี ววิ รํ อทาส.ิ สพฺพตฺถ ปริสทุ ฺธเมว ภมู ิตลํ หมดจดรอบแล้ว (ในท่ี ท.) ทงั้ ปวงนน่ั เทียว ได้เป็นแล้ว ฯ อโหส.ิ อ.พระศาสดา ได้ตรัสแล้ว กะพระมหาโมคคลั ลานะ ก่อนนน่ั สตฺถา ปฐมเมว มหาโมคฺคลฺลานํ อโวจ เทียว วา่ ดกู ่อนโมคคลั ลานะ อ.เธอ พงึ แสดง ซงึ่ ธรรม แก่บริษัท “โมคฺคลฺลาน ตฺวํ เอตสิ ฺสา ปริสาย ธมมฺ ํ เทเสยฺยาส,ิ นน่ั , อ.เศรษฐีช่ือวา่ จลุ ลอนาถบณิ ฑิกะ จกั ให้ ซงึ่ อาหาร ดงั นี ้ฯ จลุ ลฺ อนาถปิ ณฺฑิโก อาหารํ ทสสฺ ตีต.ิ เพราะเหตนุ นั้ อ.เศรษฐีชอื่ วา่ จลุ ลอนาถบณิ ฑกิ ะเทยี ว ได้ให้แล้ว ตสมฺ า ตํ เตมาสํ จลุ ลฺ อนาถปิ ณฺฑิโกว ตสฺสา ซง่ึ ข้าวต้มและข้าวสวยและของอนั บคุ คลพงึ เคีย้ วและพลแู ละของ ปริสาย สายปาตํ สพพฺ กาเล ยาคภุ ตตฺ ขาทนยี ตมพฺ ลุ - หอมและระเบยี บและเคร่ืองประดบั ท. แกบ่ ริษทั นนั้ ในกาลทงั้ ปวง คนฺธมาลาปิ ลนฺธนานิ อทาส.ิ ในเวลาเยน็ และเวลาเช้า ตลอดประชมุ แหง่ เดือน ๓ นนั้ ฯ อ.พระมหาโมคคลั ลานะ แสดงแล้ว ซง่ึ ธรรม แก้แล้ว ซงึ่ ปัญหา ท. มหาโมคฺคลฺลาโน ธมมฺ ํ เทเสสิ ปาฏิหาริยํ ทฏฺ ฐํุ อนั (อนั ชน ท.) ผ้ทู งั้ มาแล้ว ๆ เพอื่ อนั เหน็ ซงึ่ ปาฏหิ าริย์ ทลู ถามแล้ว ฯ อาคตาคเตหิ ปฏุ ฺเฐ ปญฺเห วิสสฺ ชฺเชส.ิ อ.เทวดาในจกั รวาฬหมนื่ หนง่ึ ท. แวดล้อมแล้ว แม้ซง่ึ พระศาสดา สตฺถารํปิ มาตุ อภิธมมฺ เทสนตฺถํ ปณฺฑกุ มพฺ ล- ผ้เู สดจ็ เข้าจ�ำแล้ว ซง่ึ พรรษา ที่บณั ฑกุ มั พลศลิ า เพ่ืออนั ทรงแสดง สิลายํ วสฺสํ อุปคตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา ซง่ึ อภิธรรม แก่พระมารดา ฯ เพราะเหตนุ นั้ (อ.คำ� อนั เป็นคาถา) วา่ ปริวารยสึ .ุ เตน วตุ ฺตํ ในกาลใด อ.พระพทุ ธเจา้ ผทู้ รงสงู สดุ กวา่ บรุ ษุ ประทบั อยแู่ ลว้ “ตาวตึเส ยทา พทุ ฺโธ สิลายํ ปณฺฑกุ มฺพเล ทีศ่ ิลา อนั เพียงดงั ผา้ กมั พลสีเหลือง ณ โคนแหง่ ตน้ ปาริฉตั ร ปาริจฺฉตฺตกมูลมฺหิ วิหาสิ ปรุ ิสตุ ฺตโม, ในภพชือ่ วา่ ดาวดงึ ส์, (ในกาลนนั้ ) อ.เทวดา ท. ในโลกธาตุ ท. ทสสุ โลกธาตูสุ สนนฺ ิปติตฺวาน เทวตา ๑๐ ประชุมกนั แล้ว ย่อมเข้าไปเฝ้ า ซึ่งพระสมั พุทธเจ้า ปยิรุปาสนตฺ ิ สมฺพทุ ฺธํ วสนตฺ ํ นคมทุ ฺธนิ, ผู้เสด็จประทับอยู่อยู่ บนยอดแห่งภูเขา , อ.เทพ น โกจิ เทโว วณฺเณน สมฺพทุ ฺธสฺส วิโรจติ, องค์ไหน ๆ ย่อมไม่งามวิเศษ กว่าพระสมั พุทธเจ้า สพเฺ พ เทเว อติกฺกมฺม สมฺพทุ ฺโธ ว วิโรจตีติ. โดยวรรณะ, อ.พระสมั พทุ ธเจ้าเทียว ย่อมทรงงามวิเศษ กา้ วล่วง (ซึ่งเทพ ท.) ทง้ั ปวง ดงั นี้ 84 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อนั พระธรรมสงั คาหกาจารย์) กลา่ วแล้ว ฯ ก็ (เม่ือพระศาสดา) เอวํ สพฺพเทวตา อตฺตโน สรีรปปฺ ภาย อภิภวติ ฺวา พระองค์นนั้ ประทบั นง่ั แล้ว ทรงครอบง�ำ ซงึ่ เทวดาทงั้ ปวง ท. นิสนิ ฺนสสฺ ปนสสฺ มาตา ตสุ ติ วมิ านโต อาคนฺตฺวา ด้วยพระรัศมีแหง่ พระสรีระ ของพระองค์ อยา่ งนี,้ อ.พระมารดา ทกฺขิณปสฺเส นิสที ิ. เสดจ็ มาแล้ว จากวมิ านช่ือวา่ ดสุ ติ ประทบั นง่ั แล้ว ณ พระปรัศ- เบือ้ งขวา ฯ อ.เทพบตุ ร แม้ช่ือวา่ อินทกะ มาแล้ว นงั่ แล้ว ณ พระปรัศเบือ้ ง อินฺทโกปิ เทวปตุ ฺโต อาคนฺตฺวา ทกฺขิณปสฺเสเยว ขวานน่ั เทียว ฯ อ.เทพบตุ รชื่อวา่ องั กรุ ะ (มาแล้ว นง่ั แล้ว) ณ พระ นิสีทิ. องฺกโุ ร วามปสฺเส. ปรัศเบือ้ งซ้าย ฯ (อ.เทพบตุ รชื่อวา่ องั กรุ ะ) นนั้ ครัน้ เมื่อเทวดา ท. ผ้มู ีศกั ดิ์ใหญ่ โส มเหสกฺขาสุ เทวตาสุ สนฺนิปตติ าสุ อปคนฺตฺวา ประชมุ กนั แล้ว หลีกไปแล้ว ได้แล้ว ซง่ึ โอกาส ในที่ อนั ประกอบแล้ว ทฺวาทสโยชนิเก ฐาเน โอกาสํ ลภิ. ด้วยโยชน์ ๑๒ ฯ อ.เทพบตุ รชื่อวา่ อินทกะ นงั่ แล้ว (ในท่ี) นนั้ นนั่ เทียว ฯ อนิ ทฺ โก ตตเฺ ถว นสิ ที .ิ สตถฺ า เต อโุ ภปิ โอโลเกตวฺ า อ.พระศาสดา ทรงแลดแู ล้ว (ซงึ่ เทพบตุ ร ท.) เหลา่ นนั้ แม้ทงั้ ๒ อตฺตโน สาสเน ทกฺขิเณยฺยปคุ ฺคลานํ ทินฺนทานสสฺ เป็นผ้ทู รงพระประสงค์เพ่ืออนั (ทรงยงั มหาชน) ให้ทราบ ซงึ่ ความท่ี- มหปผฺ ลภาวํ ญาเปตกุ าโม เอวมาห “องฺกรุ ตยา แหง่ ทาน (อนั บคุ คล) ถวายแล้ว แก่บคุ คลผ้คู วรซง่ึ ทกั ษิณา ท. ทีฆมนฺตเร ทสวสสฺ สหสฺสปริมาณกาเล ทฺวาทสโยชนิกํ ในศาสนา ของพระองค์ เป็นทานมีผลมาก (เป็น) ตรัสแล้ว อทุ ฺธนปนฺตึ กตฺวา มหาทานํ ทินฺนํ, ตฺวํทานิ มม อย่างนี ้ ว่า ดูก่อนอังกุระ อ.ทานใหญ่ อันเธอ กระท�ำแล้ว สมาคมํ อาคนฺตฺวา สพฺพทเู ร ทฺวาทสโยชนิเก ฐาเน ซงึ่ แถวแหง่ เตา อนั ประกอบ แล้วด้วยโยชน์ ๑๒ ให้แล้ว ในกาล- โอกาสํ ลภิ; กึ นโุ ข เอตฺถ การณนฺต.ิ มีพนั แหง่ ปี ๑๐ เป็นปริมาณ ในระหวา่ งแหง่ กาลนาน, ในกาลนี ้ อ.เธอ มาแล้ว สสู่ มาคม ของเรา ได้แล้ว ซง่ึ โอกาส ในท่ี อนั ประกอบแล้ว ด้วยโยชน์ ๑๒ อนั ไกลกวา่ ท่ีทงั้ ปวง; อ.อะไร หนอ แล เป็นเหตุ (ในเรื่อง) นี ้ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ จริงอยู่ (อ.ค�ำอนั เป็นคาถา) แม้นนั่ วา่ วตุ ฺตํปิ เจตํ อ.พระสมั พทุ ธเจ้า ทรงแลดูแลว้ แมซ้ ึ่งเทพบตุ รชือ่ ว่า- “โอโลเกตฺวาน สมฺพทุ ฺโธ องฺกรุ ญฺจาปิ อินทฺ กํ องั กรุ ะ ดว้ ย ซ่ึงเทพบตุ รชือ่ วา่ อินทกะ ดว้ ย เมือ่ ทรงยกยอ่ ง ทกฺขิเณยฺยํ ปภาเวนโฺ ต อิทํ วจนมพรฺ วิ (ซึ่งบคุ คล) ผคู้ วรซึ่งทกั ษิณา ไดต้ รสั แลว้ ซึ่งพระด�ำรสั นี้ วา่ มหาทานํ ตยา ทินนฺ ํ องฺกรุ ทีฆมนตฺ เร, ดกู อ่ นองั กรุ ะ อ.ทานใหญ่ อนั เธอ ถวายแลว้ ในระหวา่ งแหง่ - อติทเู ร นิสินโฺ นสิ อาคจฉฺ ํ มม สนตฺ ิกนตฺ ิ. กาลนาน, (อ.เธอ) เมือ่ มา สู่ส�ำนกั ของเรา เป็นผูน้ ง่ั แลว้ ในทีไ่ กลย่ิง ยอ่ มเป็น (ดงั นี)้ ดงั นี้ (อนั พระธรรมสงั คาหกาจารย์) กลา่ วแล้ว ฯ อ.พระสรุ เสยี ง นนั้ โส สทฺโท ปฐวีตลํ ปาปณุ ิ. สพฺพาปิ นํ สา ปริสา ถงึ แล้ว ซง่ึ พืน้ แหง่ แผน่ ดนิ ฯ อ.บริษัท นนั้ แม้ทงั้ ปวง ได้ฟังแล้ว อสโฺ สส.ิ เอวํ วตุ ฺเต (ซงึ่ พระสรุ เสยี ง) นนั้ ฯ (ครนั้ เมอ่ื พระดำ� รสั ) อยา่ งนี ้ (อนั พระศาสดา) ตรัสแล้ว อ.เทพบตุ รชือ่ ว่าองั กรุ ะ ผู้ (อนั พระศาสดา) ผูม้ ีพระองค์อนั โจทิโต ภาวิตตฺเตน องฺกโุ ร เอตมพรฺ วิ ทรงให้เจริญแล้ว ทรงตกั เตือนแล้ว ได้กราบทูลแล้ว `กึ มยฺหํ เตน ทาเนน ทกฺขิเณยฺเยน สญุ ฺญตํ, (ซ่ึงค�ำ) นน่ั ว่า (อ.ทาน ใด) เป็นทานว่างเปล่า จากบคุ คล อยํ โส อินทฺ โก ยกฺโข ทชฺชา ทานํ ปริตฺตกํ ผูค้ วรซึ่งทกั ษิณา (ไดเ้ ป็นแลว้ )(อ.ประโยชน์) อะไร ของขา้ - อติโรจติ อมฺเหหิ จนโฺ ท ตารคเณ ยถาติ. พระองค์ ดว้ ยทาน นน้ั , อ.ยกั ษ์ ชือ่ วา่ อินทกะ นี้ นน้ั ใหแ้ ลว้ ซ่ึงทาน อนั นิดหน่อย ย่อมงามยิ่ง กว่าขา้ พระองค์ ท. ราวกะ อ.พระจนั ทร์ (งามยิ่งอยู่) ในหมู่แห่งดาว ดงั นี้ ฯ ผลติ สื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 85 www.kalyanamitra.org
(อ.อรรถวา่ ให้แล้ว(ดงั นีใ้ นบทท.)เหลา่ นนั้ หนา(แหง่ บท)วา่ ทชชฺ า ตตฺถ “ทชฺชาต;ิ ทตฺวา. เอวํ วตุ ฺเต สตฺถา อินฺทกํ ดงั นี ้ ฯ (ครนั้ เมอื่ คำ� ) อยา่ งนี ้ (อนั เทพบตุ รชอ่ื วา่ องั กรุ ะ) กราบทลู แล้ว อาห “อินฺทก ตฺวํ มม ทกฺขิณปสฺเส นิสนิ ฺโน, อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว กะเทพบตุ รชื่อวา่ อินทกะ วา่ ดกู ่อนอินทกะ กสฺมา อนปคนฺตฺวาว นิสที สีต.ิ อ.เธอ เป็ นผู้นั่งแล้ว ณ ข้างเบือ้ งขวา ของเรา (ย่อมเป็ น), (อ.เธอ) ไมห่ ลกี ไปแล้วเทียว นงั่ อยไู่ ด้ เพราะเหตไุ ร ดงั นี ้ฯ (อ.เทพบตุ รชื่อวา่ อินทกะ)นนั้ (กราบทลู แล้ว)วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ โส “อหํ ภนฺเต สกุ ฺเขตฺเต ปริตฺตกวีชํ วปนกสสฺ โก ผ้เู จริญ อ.ข้าพระองค์ ได้ได้แล้ว ซงึ่ ความถงึ พร้อมแหง่ บคุ คล- วิย ทกฺขิเณยฺยสมฺปทํ อลตฺถนฺติ ทกฺขิเณยฺยํ ผ้คู วรซงึ่ ทกั ษิณา ราวกะ อ.ชาวนาผ้หู วา่ น ซงึ่ พืชอนั นิดหนอ่ ย ปภาเวนฺโต อาห ในนาอันดี ดังนี ้ เมื่อประกาศ (ซ่ึงบุคคล) ผู้ควรซ่ึงทักษิณา กลา่ วแล้ว วา่ อ.พืช แมม้ าก (อนั ชาวนา) ปลูกแลว้ ในนา อนั ดอน “อชุ ฺชงฺคเล ยถา เขตฺเต พีชํ พหํปุ ิ โรปิ ตํ อ.ผล เป็นผลไพบลู ย์ ยอ่ มเป็น หามิได้ ยงั ชาวนา ยอ่ มใหย้ ินดี น ผลํ วิปลุ ํ โหติ นปิ โตเสติ กสสฺ กํ, แม้ หามิได้ ฉนั ใด, อ.ทาน อนั มาก (อนั ทายก) ตง้ั ไวเ้ ฉพาะแลว้ ตเถว ทานํ พหกุ ํ นทปสุ ิ สฺ ีโเลตสเสุ ตปิ ตทิฏาฺฐยิตกํํ; (ในชน ท.) ผมู้ ีศีลอนั โทษประทษุ ร้ายแลว้ อ.ผล เป็นผลไพบลู ย์ น ผลํ วิปลุ ํ โหติ พีชํ อปปฺ มฺปิ โรปิ ตํ ยอ่ มเป็น หามิได้ ยงั ทายก ยอ่ มใหย้ ินดี แมห้ ามิได้ ฉนั นน้ั นน่ั - ยถาปิ ภทฺทเก เขตฺเต ผลํ โตเสติ กสฺสกํ. เทียว, อ.พืช แมน้ อ้ ย (อนั บคุ คล) ปลูกแลว้ ในนา อนั เจริญ สมฺมา ธารํ ปเวจฺฉนตฺ ํ คณุ วนเฺ ตสุ ตาทิสุ (ครนั้ เมือ่ ฝน) หลง่ั อยู่ ซึ่งสายน�้ำ โดยชอบ อ.ผล ยงั ชาวนา ตเถว สีลวนเฺ ตสุ ผลํ โตเสติ ทายกนตฺ ิ. ย่อมใหย้ ินดี แมฉ้ นั ใด, ครน้ั เมือ่ สกั การะ แมน้ อ้ ย (อนั ทายก) อปปฺ เกปิ กเต กาเร กระทำ� แลว้ (ในบคุ คล ท.) ผมู้ ีศีล ผมู้ ีคณุ ผคู้ งที่ อ.ผล ยงั ทายก ย่อมใหย้ ินดี ฉนั นนั้ นนั่ เทียว ดงั นี้ (อ.อนั ถาม)วา่ กอ็ .กรรมในกาลกอ่ น(ของเทพบตุ รชอ่ื วา่ อนิ ทกะ)นนั่ “กึ ปเนตสสฺ ปพุ ฺพกมมฺ นฺต.ิ อยา่ งไร ดงั นี ้ฯ (อ.อนั แก้) วา่ ได้ยนิ วา่ (อ.เทพบตุ รชอื่ วา่ อนิ ทกะ) นนั้ (ยงั บคุ คล) โส กิร อนรุ ุทฺธตฺเถรสสฺ อนฺโตคามํ ปิ ณฺฑาย ให้ถวายแล้ว ซ่ึงภิกษามีทัพพีหนึ่งเป็ นประมาณ อัน (อันบุคคล) ปวฏิ ฺฐสฺส อตฺตโน อาภตํ กฏจฺฉภุ ิกฺขํ ทาเปส,ิ น�ำมาแล้ว เพ่ือตน แก่พระเถระชื่อวา่ อนรุ ุทธ์ ผ้เู ข้าไปแล้ว สภู่ ายใน แหง่ บ้าน เพ่ือก้อนข้าว, อ.บญุ นนั้ (ของเทพบตุ รชอ่ื วา่ อนิ ทกะ) นนั้ เป็นบญุ มผี ลมากกวา่ ตทสฺส ปุญฺญํ องฺกุเรน ทสวสฺสสหสฺสานิ กวา่ ทาน (อนั เทพบตุ ร) ช่ือวา่ องั กรุ ะ กระท�ำแล้ว ซงึ่ แถวแหง่ เตา ทฺวาทสโยชนิกํ อทุ ฺธนปนฺตึ กตฺวา ทินฺนทานโต อนั ประกอบแล้วด้วยโยชน์ ๑๒ ถวายแล้ว สนิ ้ พนั แหง่ ปี ๑๐ ท. มหปผฺ ลตรํ ชาตํ, ตสฺมา เอวมาห. เอวํ วตุ ฺเต เกิดแล้ว, เพราะเหตนุ นั้ (อ.เทพบตุ รชื่อวา่ อินทกะ นนั้ ) กราบทลู แล้ว สตฺถา “องฺกรุ ทานํ นาม ววยิ เิ จยมฺยหปผฺทลาํตโํุ หวตฏ;ิ ฺฏตตฺวิ,ํ อยา่ งนี ้ (ดงั นี)้ ฯ (ครัน้ เม่ือค�ำ) อยา่ งนี ้ (อนั เทพบตุ รช่ือวา่ อินทกะ) เอวํ ตํ สกุ ฺเขตฺเต สวุ ตุ ฺตพีชํ กราบทลู แล้ว อ.พระศาสดา (ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนองั กรุ ะ อ.อนั - ปน น ตถา อกาส,ิ เตน เต ทานํ น มหปผฺ ลํ เลือกแล้ว ให้ ช่ือ ซงึ่ ทาน ยอ่ มควร, (อ.ทาน) นนั้ เป็นทานมีผลมาก ชาตนฺติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต ยอ่ มเป็น ราวกะ อ.พืช (อนั ชาวนา) หวา่ นดีแล้ว ในนาอนั ดี, แตว่ า่ อ.เธอ ไมไ่ ด้กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ , เพราะเหตนุ นั้ อ.ทาน ของเธอ เป็นทานมีผลมาก เกิดแล้ว หามิได้ ดงั นี ้เม่ือ ทรงประกาศแจม่ แจ้ง ซง่ึ เนือ้ ความ นี ้ตรัสแล้ว วา่ 86 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.ทาน) อนั (อนั บคุ คล) ใหแ้ ลว้ (ในเขต) ใด เป็นทานมีผลมาก “วิเจยฺย ทานํ ทาตพพฺ ํ, ยตฺถ ทินนฺ ํ มหปผฺ ลํ; (ยอ่ มเป็น) อ.ทาน (อนั บคุ คล) เลือกแลว้ พงึ ให้ (ในเขต นนั้ ), วิเจยฺย ทานํ สคุ ตปปฺ สตฺถํ, (เพราะวา่ ) อ.อนั เลือกแลว้ ให้ เป็นกรรมอนั พระสคุ ตเจ้า เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก, ทรงสรรเสริญแลว้ (ยอ่ มเป็น), (อ.บคุ คล ท.) ผคู้ วรซ่ึงทกั ษิณา เอเตสุ ทินนฺ านิ มหปผฺ ลานิ เหล่าใด (มีอยู่) ในโลกคือหมู่สตั ว์ผูเ้ ป็นอยู่ นี,้ (อ.ทาน ท.) พีชานิ วตุ ฺตานิ ยถา สเุ ขตฺเตติ อนั (อนั บคุ คล) ใหแ้ ลว้ (ในบคุ คล ท. ผูค้ วรซึ่งทกั ษิณา) เหล่านนั่ เป็นทานมีผลมาก (ย่อมเป็น) ราวกะ อ.พืช ท. อนั (อนั บคุ คล) หว่านแลว้ ในนาอนั ดี ดงั นี้ ฯ เมอ่ื ทรงแสดง ซงึ่ ธรรม แม้ยง่ิ ได้ตรสั แล้ว ซงึ่ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้ วา่ วตฺวา อตุ ฺตรึปิ ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ อ.นา ท. เป็นทีม่ ีหญา้ เป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น), “ติณโทสานิ เขตฺตานิ ราคโทสา อยํ ปชา, อ.หมู่สตั ว์ นี้ เป็นผูม้ ีราคะเป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น), ตสฺมา หิ วีตราเคสุ ทินนฺ ํ โหติ มหปผฺ ลํ. เพราะเหตนุ นั้ แล (อ.ทาน) อนั (อนั บคุ คล) ใหแ้ ลว้ (ในบคุ คล ท.) ติณโทสานิ เขตฺตานิ โทสโทสา อยํ ปชา, ผูม้ ีราคะไปปราศแลว้ เป็นทานมีผลมาก ย่อมเป็น ฯ อ.นา ท. ตสฺมา หิ วีตโทเสสุ ทินนฺ ํ โหติ มหปผฺ ลํ. เป็นทีม่ ีหญา้ เป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น) อ.หมู่สตั ว์ นี้ ติณโทสานิ เขตฺตานิ โมหโทสา อยํ ปชา, เป็นผมู้ ีโทสะเป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ยอ่ มเป็น), เพราะเหตนุ น้ั ตสฺมา หิ วีตโมเหสุ ทินนฺ ํ โหติ มหปผฺ ลํ. แล (อ.ทาน) อนั (อนั บุคคล) ให้แล้ว (ในบุคคล ท.) ติณโทสานิ เขตฺตานิ อิจฺฉาโทสา อยํ ปชา, ผูม้ ีโทสะไปปราศแลว้ เป็นทานมีผลมาก ย่อมเป็น ฯ อ.นา ท. ตสฺมา หิ วิคติจฺเฉสุ ทินนฺ ํ โหติ มหปผฺ ลนตฺ ิ. เป็นทีม่ ีหญา้ เป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น) อ.หมู่สตั ว์ นี้ เป็นผมู้ ีโมหะเป็นเครือ่ งประทษุ รา้ ย (ยอ่ มเป็น), เพราะเหตนุ นั้ แล (อ.ทาน) อนั (อนั บคุ คล) ใหแ้ ลว้ (ในบคุ คล ท.) ผูม้ ีโมหะ- ไปปราศแล้ว เป็ นทานมีผลมาก ย่อมเป็ น ฯ อ.นา ท. เป็นทีม่ ีหญา้ เป็นเครื่องประทษุ ร้าย (ย่อมเป็น) อ.หมู่สตั ว์ นี้ เป็ นผู้มีความริษยาเป็ นเครื่องประทุษร้าย (ย่อมเป็ น), เพราะเหตนุ นั้ แล (อ.ทาน) อนั (อนั บคุ คล) ใหแ้ ลว้ (ในบคุ คล ท.) ผูม้ ีความริษยาไปปราศแลว้ เป็นทานมีผลมาก ย่อมเป็น ดงั นี้ ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา อ.เทพบตุ รช่ือวา่ องั กรุ ะ ด้วย เทสนาวสาเน องฺกโุ ร จ อินฺทโก จ โสตาปตฺตผิ เล อ.เทพบตุ รชอื่ วา่ อนิ ทกะ ด้วย ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ฯ ปอโตหฏิ สฺฐ]ิ ห. สึ .ุ [มหาชนสสฺ าปิ สาตฺถิกา ธมฺมเทสนา (อ.พระธรรมเทศนา เป็ นเทศนาเป็ นไปกบั ด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว แม้แก่มหาชน ฯ) ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ผ้ปู ระทบั นงั่ แล้ว ในทา่ มกลาง แหง่ เทพ- อถ สตฺถา เทวปริสาย มชฺเฌ นิสนิ ฺโน มาตรํ บริษทั ทรงปรารภ ซง่ึ พระมารดา ทรงตงั้ ไว้กอ่ นแล้ว ซงึ่ อภธิ รรมปิฎก อารพฺภ “กสุ ลา ธมมฺ า, อกสุ ลา ธมมฺ า, อพฺยากตา วา่ กุสลา ธมมฺ า, อกุสลา ธมมฺ า, อพยฺ ากตา ธมมฺ า ดงั นี ้ ธมมฺ าติ อภิธมมฺ ปิ ฏกํ ปฏฺฐเปส.ิ เป็นต้น ฯ (อ.พระศาสดา) ตรัสแล้ว ซงึ่ พระอภิธรรมปิ ฎก มีระหวา่ งออก เอวํ ตโย มาเส นิรนฺตรํ อภิธมมฺ ปิ ฏกํ กเถส.ิ แล้ว ตลอดเดือน ท. ๓ ด้วยประการฉะนี ้ฯ ก็ แล อ.พระศาสดา เมื่อตรัส ทรงเนรมิตแล้ว ซง่ึ พระพทุ ธ- กเถนโฺ ต จ ปน ภกิ ขฺ าจารเวลาย “ยาว มมาคมนา เนรมิต (ด้วยการทรงอธิษฐาน) วา่ (อ.พทุ ธเนรมิต นี)้ จงแสดง เอตฺตกํ นาม ธมฺมํ เทเสตตู ิ นิมมฺ ิตพทุ ฺธํ มาเปตฺวา ซง่ึ ธรรม ชื่อ มีประมาณเทา่ นี ้ เพียงใด แตก่ ารมา แหง่ เรา ดงั นี ้ ในเวลาเป็นที่เสดจ็ เท่ียวไปเพื่อภิกษา ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 87 www.kalyanamitra.org
เสดจ็ ไปแล้ว สปู่ ่ าหิมพานต์ ทรงเคีย้ วแล้ว ซงึ่ ไม้เป็นเครื่องช�ำระ หิมวนฺตํ คนฺตฺวา โธนวติาคฺวาลตอาตุทฺตนรฺตกกรุ ุโฏตฺ ฐํ ขาทิตฺวา ซงึ่ พระทนต์ช่ือวา่ นาคลดา ทรงล้างแล้ว ซง่ึ พระพกั ตร์ ในสระชื่อวา่ อโนตตฺตทเห มขุ ํ ปิ ณฺฑปาตํ อโนดาต ทรงน�ำมาแล้ว ซงึ่ บณิ ฑบาต จากทวีปช่ือวา่ อตุ ตรกรุ ุ อาหริตฺวา มหาวสิ าลมาลเก นิสนิ ฺโน ภตฺตกิจฺจํ ผ้ปู ระทบั นงั่ แล้วในโรงอนั กว้างใหญ่ได้ทรงกระทำ� แล้วซงึ่ กจิ ด้วยภตั รฯ อกาส.ิ อ.พระเถระชื่อวา่ สารีบตุ รไปแล้ว(ในท่ี)นนั้ ยอ่ มกระท�ำซง่ึ วตั ร สารีปตุ ฺตตฺเถโร ตตฺถ คนฺตฺวา สตฺถุ วตฺตํ กโรต.ิ แก่พระศาสดา ฯ อ.พระศาสดา มีกิจด้วยภตั รอนั ทรงกระท�ำแล้ว สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ “สารีปตุ ฺต อชฺช มยา เอตฺตโก ตรัสบอกแล้ว แก่พระเถระ วา่ ดกู ่อนสารีบตุ ร ในวนั นี ้ อ.ธรรม ช่ือ นาม ธมฺโม ภาสิโต, ตฺวํ อตฺตโน นิสฺสิตกานํ มีประมาณเทา่ นี ้ อนั เรา กลา่ วแล้ว, อ.เธอ จงกลา่ ว (แกภ่ กิ ษุ ท. [ปญฺจสตานํ ภิกฺขนู ํ] วาเจหีติ เถรสสฺ กเถส.ิ มรี ้อยห้าเป็นประมาณ) ผ้เู ป็นนิสติ ของตน ดงั นี ้ฯ ได้ยินวา่ อ.กลุ บตุ ร ท. มีร้อยห้าเป็นประมาณ เลอื่ มใสแล้ว ยมกปปฺ าฏิหิเร กิร ปสที ิตฺวา ปญฺจสตา กลุ ปตุ ฺตา ในยมกปาฏหิ าริย์ บวชแล้ว ในสำ� นกั ของพระเถระ ฯ อ.พระศาสดา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชสึ .ุ เต สนฺธาย สตฺถา เอวมาห. ตรสั แล้ว อยา่ งนี ้ ทรงหมายเอา (ซงึ่ กลุ บตุ ร ท.) เหลา่ นนั้ ฯ ก็ แล วตฺวา จ ปน เทวโลกํ คนฺตฺวา นิมฺมิตพุทฺเธน (อ.พระศาสดา) ครัน้ ตรัสแล้ว เสดจ็ ไปแล้ว สเู่ ทวโลก ตรัสแล้ว เทสติ ฏฺฐานโต ปฏฺฐาย สยํ ธมมฺ ํ กเถส.ิ ซงึ่ ธรรม เอง จำ� เดมิ แตท่ ี่ (แหง่ ธรรม) อนั พระพทุ ธเนรมติ แสดงแล้ว ฯ แม้ อ.พระเถระ ไปแล้ว แสดงแล้ว ซง่ึ ธรรม แกภ่ กิ ษุ ท. เหลา่ นนั้ ฯ เถโรปิ คนฺตฺวา เตสํ ภิกฺขนู ํ ธมมฺ ํ เทเสส.ิ เต อ.ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ (ครัน้ เมื่อพระศาสดา) เสดจ็ ประทบั อยอู่ ยู่ สตฺถริ เทวโลเก วิหรนฺเตเยว สตฺตปปฺ กรณิกา อเหส.ํุ ในเทวโลก นน่ั เทียว เป็นผ้ชู �ำนาญในปกรณ์ ๗ ได้เป็นแล้ว ฯ ได้ยนิ วา่ ในกาลแหง่ พระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ กสั สปะ อ.ภกิ ษุ ท. เต กิร กสฺสปพทุ ฺธกาเล ขทุ ฺทกวคฺคลุ โิ ย หตุ ฺวา เหลา่ นนั้ เป็นค้างคาวเลก็ เป็น ห้อยลงอยู่ ที่เงือ้ ม แหง่ หนงึ่ เอกสมฺ ึ ปพภฺ าเร โอลมพฺ นตฺ า ทวฺ นิ นฺ ํ เถรานํ จงกฺ มติ วฺ า เมื่อพระเถระ ท. ๒ รูป จงกรมแล้ว สาธยายอยู่ ซงึ่ อภิธรรม ถือเอา อภิธมมฺ ํ สชฺฌายนฺตานํ สเร นิมิตฺตํ คเหตฺวา อสฺโสส.ํุ แล้ว ซงึ่ นิมิต ในเสยี ง ได้ฟังแล้ว ฯ (อ.ค้างคาวเลก็ ท.) เหลา่ นนั้ ไมร่ ู้แล้ว วา่ ช่ือ อ.ขนั ธ์ ท. เหลา่ นี,้ เต “อิเม ขนฺธา นาม, อิมา ธาตโุ ย นามาติ ชื่อ อ.ธาตุ ท. เหลา่ นี ้ดงั นี ้เคลือ่ นแล้ว (จากอตั ภาพ) นนั้ บงั เกิดแล้ว อชานิตฺวา สเร นิมิตฺตคฺคหณมตฺเตเนว ตโต จตุ า ในเทวโลก (ด้วยเหต)ุ สกั วา่ การถือเอาซงึ่ นิมิต ในเสยี ง นน่ั เทียว เทวโลเก นิพฺพตฺตา เอกํ พทุ ฺธนฺตรํ ทิพฺพสมปฺ ตฺตึ เสวยแล้ว ซงึ่ สมบตั อิ นั เป็นทิพย์ สนิ ้ พทุ ธนั ดร หนงึ่ เคลื่อนแล้ว อนุภวิตฺวา ตโต จวิตฺวา สาวตฺถิยํ กุลฆเรสุ (จากเทวโลก) นนั้ บงั เกดิ แล้ว ในเรอื นแหง่ ตระกลู ท. ในเมอื งชอื่ วา่ สาวตั ถี นิพฺพตฺตา ยมกปปฺ าฏิหิเร อปุ ปฺ นฺนปปฺ สาทา เถรสสฺ มีความเลอื่ มใส ในยมกปาฏิหาริย์ อนั เกิดขนึ ้ แล้ว บวชแล้ว สนฺตเิ ก ปพฺพชิตฺวา สพฺพปปฺ ฐมํ สตฺตปปฺ กรณิกา ในส�ำนกั ของพระเถระ เป็นผ้ชู �ำนาญในปกรณ์ ๗ ได้เป็นแล้ว อเหสํ.ุ ก่อนกวา่ ภิกษุทงั้ ปวง ฯ แม้ อ.พระศาสดา ทรงแสดงแล้ว ซงึ่ อภิธรรม ตลอดประชมุ สตฺถาปิ เตเนว นีหาเรน เตมาสํ อภิธมมฺ ํ เทเสส.ิ แหง่ เดือน ๓ โดยท�ำนอง นนั้ นน่ั เทียว ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา อ.อนั รู้ตลอดเฉพาะซง่ึ ธรรม เทสนาวสาเน อสีติโกฏิสหสฺสานํ เทวตานํ ได้มีแล้ว แก่เทวดา ท. มีพันแห่งโกฏิ ๘๐ เป็ นประมาณ ฯ ธมมฺ าภิสมโย อโหส.ิ มหามายาปิ โสตาปตฺตผิ เล แม้ อ.พระนางมหามายา ทรงดำ� รงอยเู่ ฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ฯ ปตฏิ ฺฐหิ. 88 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.บริษัท มีโยชน์ ๓๖ เป็นปริมณฑล แม้นนั้ แล (คดิ แล้ว) วา่ อ.ดถิ ี สาปิ โข ฉตฺตสึ โยชนปริมณฺฑลา ปริสา “อิทานิ เป็นท่ียอมให้กลา่ วตกั เตือนอนั ใหญ่ , จกั มี ในวนั ท่ี ๗ (แตว่ นั )นี ้ อิโต สตฺตเม ทิวเส มหาปวารณา ภวสิ สฺ ตีติ ในกาลนี ้ ดงั นี ้ เข้าไปหาแล้ว ซงึ่ พระเถระชื่อวา่ มหาโมคคลั ลานะ มหาโมคฺคลลฺ านตฺเถรํ อปุ สงฺกมิตฺวา อาห “ภนฺเต กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.อนั (อนั เรา ท.) รู้ ซงึ่ วนั เป็น สตฺถุ โอโรหณทิวสํ ญาตํุ วฏฺ ฏติ, น หิ มยํ สตฺถารํ ท่ีเสดจ็ ลง แห่งพระศาสดา ย่อมควร, เพราะว่า อ.เรา ท. อทิสวฺ า คมิสฺสามาติ. ไม่เห็นแล้ว ซงึ่ พระศาสดา จกั ไป หามิได้ ดงั นี ้ฯ อ.พระมหาโมคคลั ลานะ ผ้มู อี ายุ ฟังแล้ว ซงึ่ วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว อายสมฺ า มหาโมคฺคลลฺ าโน ตํ กถํ สตุ ฺวา นนั้ (รับพร้อมแล้ว) วา่ อ.ดีละ ดงั นี ้ ด�ำลงแล้ว ในแผน่ ดนิ (ในท่ี) “สาธตู ิ ตตฺเถว ปฐวิยํ นิมคุ ฺโค “สเิ นรุปาทํ คนฺตฺวา นนั้ นน่ั เทียว อธิษฐานแล้ว วา่ อ.บริษัท จงเหน็ ซง่ึ เรา ผู้ ไปแล้ว มํ อภิรุหนฺตํ ปริสา ปสฺสตตู ิ อปธญิฏฺ ฐฺญายายมมาณนิรรูตโปเนว สเู่ ชิงแหง่ ภเู ขาช่ือวา่ สเิ นรุ ขนึ ้ เฉพาะอยู่ ดงั นี ้ มีรูปอนั ปรากฏอยู่ อาวตุ ํ ปณฺฑกุ มพฺ ลสตุ ฺตํ วิย เทียว ราวกะ อ.ด้ายแหง่ ผ้ากมั พลสเี หลือง อนั (อนั บคุ คล) ร้อยแล้ว สเิ นรุมชฺเฌน อภิรุหิ. ในรัตนะคือแก้วมณี ขนึ ้ เฉพาะแล้ว โดยทา่ มกลางแหง่ ภเู ขาช่ือวา่ สเิ นรุ ฯ แม้ อ.มนษุ ย์ ท. แลดแู ล้ว (ซง่ึ พระเถระ) นนั้ (ด้วยความคดิ ) วา่ มนสุ สฺ าปิ นํ “เอกโยชนํ อภิรุฬฺโห ทฺวโิ ยชนํ (อ.พระเถระ) ขนึ ้ เฉพาะแล้ว สนิ ้ โยชนห์ นง่ึ (อ.พระเถระ) ขนึ ้ เฉพาะแล้ว อภิรุฬฺโหติ โอโลกยสึ .ุ สนิ ้ โยชน์ ๒ ดงั นี ้ฯ แม้ อ.พระเถระ ขนึ ้ เฉพาะแล้ว ถวายบงั คมแล้ว ซงึ่ พระบาท ท. เถโรปิ สตถฺ ุ ปาเท สเี สน อกุ ขฺ ปิ นโฺ ต วยิ อภริ ุหติ วฺ า ของพระศาสดา ราวกะ ยกขนึ ้ อยู่ โดยศรี ษะ กราบทลู แล้ว อยา่ งนี ้ วนฺทิตฺวา เอวมาห “ภนฺเต ปริสา ตมุ ฺเห ทิสฺวาว ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อ.บริษัท เป็ นผู้ใคร่เพื่ออัน เห็นแล้ว คนฺตกุ ามา, กทา โอโรหิสสฺ ถาต.ิ “กหํ ปน เต ซง่ึ พระองค์ ท. เทียว ไป (ยอ่ มเป็น), (อ.พระองค์ ท.) จกั เสดจ็ ลง โมคฺคลลฺ าน วเชสฏฺสฺฐํ ภาอตปุ โิ คกโตตส.ิ าร“ีปโมตุ คฺโตฺคตล.ิ ฺลาน“ภนอฺเหตํ ในกาลไร ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรสั ถามแล้ว) วา่ ดกู อ่ นโมคคลั ลานะ สงฺกสฺสนคเร ก็ อ.สารีบตุ ร ผ้เู ป็นพี่ชายผ้เู จริญท่ีสดุ ของเธอ (ไปแล้ว) (ในที่) อโิ ต สตตฺ เม ทวิ เส มหาปวารณาย สงกฺ สสฺ นครทวฺ าเร ไหน ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ โอตริสฺสามิ, มํ ทฏฺฐุกามา ตตฺถ คจฺฉนฺต;ุ อ.พระสารีบตุ ร เข้าจ�ำแล้ว ซงึ่ พรรษา ณ เมอื งชอื่ วา่ สงั กสั สะ ดงั นี ้ ฯ (อ.พระศาสดา ตรสั แลว้ )วา่ ดกู อ่ นโมคลั ลานะ อ.เรา จกั ข้ามลง ใกล้ ประตแู หง่ เมอื ง ชอื่ วา่ สงั กสั ในดถิ เี ป็นทเ่ี ชอ่ื เชญิ ให้ตกั เตอื นกนั ใหญ่ ในวนั ที่ ๗ แตว่ นั นี,้ อ.ชน ท. ผ้ใู คร่เพ่ืออนั เหน็ ซง่ึ เรา จงไป ในท่ี นนั้ ; ก็ อ.เมอื งชอื่ วา่ สงั กสั สะ แตเ่ มอื งชอื่ วา่ สาวตั ถี เป็นเมอื งมโี ยชน์ ๓๐ สาวตฺถิโต จ สงฺกสสฺ นครํ ตสึ โยชนานิ, เอตฺตเก เป็นประมาณ (ยอ่ มเป็น) อ.กจิ ด้วยวตั ถอุ นั เกอื ้ กลู ในหนทาง ยอ่ มไมม่ ี มคฺเค กสฺสจิ ปาเถยฺยกิจฺจํ นตฺถิ, `อโุ ปสถิกา หตุ ฺวา แกใ่ คร ๆ ในหนทาง มปี ระมาณเทา่ น,ี ้ (อ.เธอ) พงึ บอก (แกช่ น ท.) เหลา่ นนั้ ธรุ วิหารํ ธมมฺ สฺสวนตฺถาย คจฺฉนฺตา วยิ คจฺเฉยฺยาถาติ วา่ (อ.ทา่ น ท.) เป็นผ้รู ักษาซง่ึ อโุ บสถ เป็น พงึ ไป ราวกะวา่ ไปอยู่ เตสํ อาโรเจยฺยาสีต.ิ เถโร “สาธุ ภนฺเตติ วตฺวา ตถา สวู่ หิ ารอนั ใกล้ เพื่อต้องการแก่อนั ฟังซงึ่ ธรรม ดงั นี ้ ดงั นี ้ ฯ อาโรเจส.ิ สตฺถา วตุ ฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา สกฺกสสฺ อ.พระเถระ กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.ดีละ ดงั นี ้ อาโรเจสิ “มหาราช มนสุ สฺ ปถํ คมิสสฺ ามีติ. บอกแล้ว อยา่ งนนั้ ฯ อ.พระศาสดา มีพรรษาอนั ประทบั อยแู่ ล้ว ทรงปวารณาแล้ว ตรัสบอกแล้ว แกท่ ้าวสกั กะ วา่ ดกู อ่ นมหาบพติ ร (อ.อาตมภาพ) จกั ไป สถู่ ่ินของมนษุ ย์ ดงั นี ้ฯ อ.ท้าวสกั กะ ทรงเนรมิตแล้ว ซงึ่ บนั ได ท. ๓ คือ (ซงึ่ บนั ได) สกฺโก “โสวณฺณมยํ มณิมยํ รชตมยนฺติ ตีณิ อันเป็ นวิการแห่งทอง (ซึ่งบันได) อันเป็ นวิการแห่งแก้ วมณี โสปาณานิ มาเปส.ิ (ซง่ึ บนั ได) อนั เป็นวกิ ารแหง่ เงิน ฯ ผลติ สอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 89 www.kalyanamitra.org
อ.เชิง ท. (ของบนั ได ท.) เหลา่ นนั้ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ณ ประตู เตสํ ปาทา สงฺกสสฺ นครทฺวาเร ปตฏิ ฺฐหสึ ,ุ แห่งเมืองชื่อว่าสังกัสสะ ฯ อ.หัว ท. (ของบันได ท. เหล่านัน้ ) สีสานิ สเิ นรุมทุ ฺธนิ. (ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว) บนยอดแหง่ ภเู ขาชื่อวา่ สเิ นรุ ฯ (ในบนั ได ท.) เหลา่ นนั้ หนา อ.บนั ไดอนั เป็นวกิ ารแหง่ ทอง เตสุ ทกฺขิณปสฺเส สวุ ณฺณโสปาณํ เทวานํ อโหส,ิ ได้มีแล้ว แก่เทพ ท. ในข้างเบือ้ งขวา, อ.บนั ได อนั เป็นวกิ ารแหง่ เงิน วามปสฺเส รชตโสปาณํ มหาพฺรหฺมานํ, มชฺเฌ (ได้มีแล้ว) แก่ท้าวมหาพรหม ท. ในข้างเบือ้ งซ้าย, อ.บนั ไดอนั เป็น มณิโสปาณํ ตถาคตสสฺ . วิการแหง่ แก้วมณี (ได้มีแล้ว) แก่พระตถาคตเจ้า ในทา่ มกลาง ฯ อ.พระศาสดา ประทบั ยืนแล้ว บนยอดแหง่ ภเู ขาชื่อวา่ สเิ นรุ สตฺถา สิเนรุมุทฺธนิ ฐตฺวา เทโวโรหเณ ทรงกระท�ำแล้ว ซงึ่ ยมกปาฏิหารย์ ในเพราะอนั เสดจ็ ลงจากเทวโลก ยมกปฺปาฏิหาริยํ กตฺวา อุทฺธํ โอโลเกสิ, ยาว ทรงแลดแู ล้ว ในเบือ้ งบน, (อ.ที่ ท. ทงั้ ปวง) เป็นที่มีเนินอนั เดียวกนั พฺรหฺมโลกา เอกงฺคณานิ อเหส;ํุ อโธ โอโลเกสิ, ได้เป็นแล้ว เพียงใด แตพ่ รหมโลก, (อ.พระศาสดา) ทรงแลดแู ล้ว ยาว อวีจิโต เอกงฺคณํ อโหสิ; ทิสาวิทิสา ในเบอื ้ งตำ่� , (อ.ที่ ทงั้ ปวง) เป็นทม่ี เี นนิ อนั เดยี วกนั ได้เป็นแล้ว เพยี งใด โอโลเกส,ิ อเนกานิ จกกฺ วาฬสตสหสสฺ านิ เอกงคฺ ณานิ แตน่ รกชอื่ วา่ อเวจ,ี (อ.พระศาสดา)ทรงแลดแู ล้ว ซงึ่ ทแิ ละทศิ เฉยี ง ท. อเหส;ํุ เทวา มนสุ เฺ ส ปสสฺ สึ .ุ มนสุ สฺ าปิ เทเว ปสสฺ สึ .ุ อ.แสนแห่งจักรวาล ท. มิใช่หน่ึง เป็ นที่มีเนินอันเดียวกัน ได้เป็นแล้ว, อ.เทพ ท. เหน็ แล้ว ซงึ่ มนษุ ย์ ท. ฯ แม้ อ.มนษุ ย์ ท. เหน็ แล้ว ซงึ่ เทพ ท. ฯ (อ.เทพและมนษุ ย์ ท.) ทงั้ ปวง เหน็ กนั แล้ว ในทพ่ี ร้อมหน้าเทยี ว ฯ สพฺเพ สมมฺ ขุ าว ปสฺสสึ .ุ ภควา ฉพฺพณฺณรํสโิ ย อ.พระผ้มู ีพระภาคเจ้า ทรงเปลง่ แล้ว ซง่ึ พระรัศมีมีวรรณะ ๖ ท. ฯ วสิ ฺสชฺเชส.ิ ตํ ทิวสํ พทุ ฺธสริ ึ โอโลเกตฺวา ฉตฺตสึ โยชน- ในวนั นนั้ (อ.มนษุ ย)์ แม้คนหนง่ึ ในบริษทั มโี ยชน์ ๓๖ เป็นปริมณฑล ปริมณฺฑลาย ปริสาย เอโกปิ พทุ ฺธภาวํ อปปฺ ฏฺเฐนฺโต แลดูแล้ว ซึ่งพระสิริของพระพุทธเจ้า ช่ือว่า ผู้ไม่ปรารถนาอยู่ นาม นาโหส.ิ ซง่ึ ความเป็นแหง่ พระพทุ ธเจ้า ไมไ่ ด้มีแล้ว ฯ อ.เทพ ท. ข้ามลงแล้ว โดยบันไดอันเป็ นวิการแห่งทอง, สวุ ณฺณโสปาเณน เทวา โอตรึส,ุ รชตโสปาเณน อ.ท้าวมหาพรหม ท. (เสดจ็ ข้ามลงแล้ว) โดยบนั ไดอนั เป็นวกิ ารแหง่ เงนิ ; มหาพฺรหฺมาโน; มณิโสปาเณน สมมฺ าสมพฺ ทุ ฺโธ โอตริ. อ.พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า เสดจ็ ข้ามลงแล้ว โดยบนั ไดอนั เป็นวกิ าร แหง่ แก้วมณี ฯ อ.เทพบตุ รนกั ฟ้ อน ชื่อวา่ ปัญจสขิ ะ ถือเอาแล้ว ซงึ่ พิณมีสี ปญฺจสโิ ข คนฺธพฺพเทวปตุ ฺโต เพฬวุ ปณฺฑวุ ีณํ เหลืองเพียงดงั ผลมะตมู ยืนแล้ว ในพระปรัศเบือ้ งขวา กระท�ำอยู่ อาทาย ทกฺขิณปสฺเส ฐตฺวา สตฺถุ คนฺธพฺพปชู ํ ซงึ่ การบชู าด้วยการฟ้ อน แก่พระศาสดา ข้ามลงแล้ว ฯ (อ.เทพบตุ ร) กโรนฺโต โอตริ. มาตลสิ งฺคาหโก วามปสฺเส ฐตฺวา ผ้สู งเคราะห์ชื่อมาตลี ยืนแล้ว ในพระปรัศเบือ้ งซ้าย ถือเอาแล้ว ทิพฺพคนฺธมาลาปปุ ผฺ ํ คเหตฺวา นมสสฺ มาโน ปชู ํ ซ่ึงของหอมและระเบียบและดอกไม้อันเป็ นทิพย์ นมัสการอยู่ กตฺวา โอตริ. กระท�ำแล้ว ซงึ่ การบชู า ข้ามลงแล้ว ฯ อ.ท้าวมหาพรหม ทรงกนั้ ไว้แล้ว ซงึ่ ฉตั ร, อ.ท้าวสยุ ามะ มหาพรฺ หมฺ า ฉตตฺ ํ ธาเรส,ิ สยุ าโม วาลวชี น.ึ สตถฺ า (ทรงทรงไว้แล้ว) ซงึ่ พดั วาลวีชนี ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ ข้ามลงแล้ว อิมินา ปริวาเรน สทฺธึ โอตริตฺวา สงฺกสฺสนครทฺวาเร กับ ด้วยบริวาร นี ้ ทรงด�ำรงอยู่เฉพาะแล้ว ณ ประตูแห่งเมือง- ปตฏิ ฺฐหิ. ช่ือวา่ สงั กสั สะ ฯ แม้ อ.พระเถระช่ือวา่ สารีบตุ ร มาแล้ว ถวายบงั คมแล้ว สารีปตุ ฺตตฺเถโรปิ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ซงึ่ พระศาสดา, อ.พระศาสดา ผ้เู สดจ็ ข้ามลงอยู่ ด้วยพระสริ ิ- ยสมฺ า เตน ตถารูปาย พทุ ฺธสริ ิยา โอตรนฺโต สตฺถา ของพระพทุ ธเจ้า มีอยา่ งนนั้ เป็นรูป เป็นผู้ (อนั พระเถระชื่อวา่ - อิโต ปพุ ฺเพ น ทิฏฺฐปพุ ฺโพ, ตสฺมา สารีบตุ ร) นนั้ ไมเ่ คยเหน็ แล้ว ในกาลกอ่ น (แตก่ าล) นี (้ ยอ่ มเป็น) เหตใุ ด, ประกาศแล้ว ซ่ึงความยินดี แห่งตน (ด้วยค�ำ ท.) มีค�ำว่า อ.พระศาสดา ผูม้ ีพระสรุ เสียงอนั ไพเราะ ผูเ้ ป็นอาจารย์ “เนอวเมํ วคทฺคิฏฺคุโฐโทอิโสตตฺถปาพุ เฺ พ น สโุ ต อทุ กสสฺ จิ แห่งคณะ ผูเ้ สด็จมาแลว้ จากภพชือ่ ว่าดสุ ิต อย่างนี้ ตสุ ิตา คณิมาคโตติ อนั เรา ไม่เคยเห็นแลว้ หรือ หรือว่า ไม่สดบั แลว้ ต่อใครๆ ในกาลก่อน (แต่กาล) นี้ ดงั นี้ อาทีหิ อตฺตโน ตฏุ ฺฐึ ปกาเสตฺวา เพราะเหตนุ นั้ 90 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ ในวนั นี ้ อ.เทพและมนษุ ย์ ท. “อชฺช ภนฺเต สพฺเพปิ เทวมนสุ ฺสา ตมุ หฺ ากํ ปิ หยนฺติ แม้ทงั้ ปวง ยอ่ มกระหย่ิม ยอ่ มปรารถนา ตอ่ พระองค์ ท. ดงั นี ้ฯ ปฏฺเฐอนถฺตีตินอํ าหส.ตฺถา ครัง้ นัน้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ว่า ดูก่อนสารีบุตร ชื่อ “สารีปตุ ฺต เอวรูเปหิ คเุ ณหิ อ.พระพทุ ธเจ้า ท. ผ้มู าตามพร้อมแล้ว ด้วยพระคณุ ท. มีอยา่ งนี ้ สมนฺนาคตา พทุ ฺธา นาม เทวมนสุ ฺสานํ ปิ ยา เป็นรูป เป็นผ้เู ป็นที่รัก ของเทพและมนษุ ย์ ท. ยอ่ มเป็นนนั่ เทียว โหนฺตเิ ยวาติ วตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห ดังนี ้ (กะพระเถระสารีบุตร)นัน้ เมื่อทรงแสดง ซ่ึงธรรม ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ (อ.พระสมั พทุ ธะ ท.) เหลา่ ใด ผเู้ ป็นปราชญ์ ผขู้ วนขวายแลว้ “เย ฌานปปฺ สตุ า ธีรา เนกฺขมฺมูปสเม รตา, ในญาณ ยินดีแลว้ ในธรรมเป็นทีเ่ ขา้ ไปสงบดว้ ยสามารถ- เทวาปิ เตสํ ปิ หยนตฺ ิ สมฺพทุ ฺธานํ สตีมตนตฺ ิ. แห่งเนกขมั มะ, แม้ อ.เทพและมนษุ ย์ ท. ย่อมกระหยิ่ม ต่อพระสมั พทุ ธะ ท. เหล่านน้ั ผูม้ ีสติ ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ วา่ ) ผ้ทู งั้ ขวนขวายแล้วทงั้ ประกอบแล้ว ในฌาน ท. ตตฺถ “เย ฌานปปฺ สุตาต;ิ “ลกฺขณปู นิชฺฌานํ ๒ เหลา่ นี ้ คือ อ.ลกั ขณปู นิชฌาน อ.อารัมณปู นิชฌาน ด้วยความ อารมฺมณูปนิชฺฌานนฺติ อิเมสุ ทฺวีสุ ฌาเนสุ นกึ และการเข้าและการอธิษฐานและการออกและการพิจารณา ท. อยตาุ วฺตชปฺชปฺ นยสตุ มฺตาาป. ชฺชนอธิฏฺ ฐานวฏุ ฺ ฐานปปฺ จฺจเวกฺขเณหิ (ดงั นี ้ ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ เย ฌานปปฺ สุตา ดงั นี ้ฯ อ.การบวช (อนั บณั ฑิต) ไมพ่ งึ ถือเอา วา่ เนกขมั มะ ดงั นี ้ เนกฺขมฺมูปสเม รตาติ; เอตฺถ ปพฺพชฺชา (ในบาทแหง่ พระคาถา) นี ้ วา่ เนกขฺ มมฺ ูปสเม รตา ดงั นี,้ ก็ `เนกฺขมมฺ นฺติ น คเหตพฺพา, กิเลสวปู สมนนิพฺพานรตึ (อ.ค�ำ วา่ เนกฺขมมฺ ํ ดงั นี)้ นนั่ (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ปน สนฺธาเยตํ วตุ ฺตํ. ทรงหมายเอา ซงึ่ ความยนิ ดใี นพระนพิ พานอนั เป็นทเี่ ข้าไปสงบวเิ ศษ แหง่ กิเลส ฯ (อ.อรรถ) วา่ แม้ อ.เทพ ท. แม้ อ.มนษุ ย์ ท. ยอ่ มกระหยิ่ม คือวา่ เทวาปี ต:ิ เทวาปิ มนสุ สฺ าปิ เตสํ ปิหยนตฺ ิ ปฏฺเฐนตฺ .ิ ยอ่ มปรารถนา (ตอ่ พระสมั พทุ ธะ ท.) เหลา่ นนั้ (ดงั นี ้ แหง่ บท) วา่ เทวาปิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.อรรถ วา่ (อ.เทพและมนษุ ย์ ท.) ปรารถนาอยู่ ซง่ึ ความเป็น สตีมตนฺติ: เอวรูปคุณานํ เตสํ สติยา แหง่ พระพทุ ธเจ้า วา่ โอ! หนอ แม้ อ.เรา ท. เป็นพระพทุ ธเจ้า พงึ เป็น สมนฺนาคตานํ สมพฺ ทุ ฺธานํ “อโห วต มยํปิ พทุ ฺธา ดงั นี ้ ช่ือวา่ ยอ่ มกระหยิ่ม ตอ่ พระสมั พทุ ธะ ท. ผ้มู ีคณุ มีอยา่ งนีเ้ป็น ภเวยฺยามาติ พทุ ฺธภาวํ อิจฺฉมานา ปิ หยนฺตีติ อตฺโถ. รูป ช่ือวา่ เหลา่ นนั้ ผ้มู าตามพร้อมแล้ว ด้วยสติ ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ สติมตํ ดังนีเ้ ป็ นต้น ในกาลเป็ นที่สุดลงแห่งเทศนา อ.อันรู้ตลอดเฉพาะซงึ่ ธรรม เทสนาวสาเน ตสึ มตฺตานํ ปาณโกฏีนํ ธมมฺ าภิ- ได้มีแล้ว แก่โกฏิแหง่ สตั ว์ผ้มู ีลมปราณ ท. มี ๓๐ เป็นประมาณ ฯ สมโย อโหส.ิ อ.ภกิ ษุ ท. มรี ้อยห้าเป็นประมาณ ผ้เู ป็นสทั ธวิ หิ ารริก ของพระเถระ เถรสสฺ สทฺธิวหิ าริกา ปญฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺเต ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ในความเป็นแหง่ พระอรหนั ต์ ฯ ปตฏิ ฺสฐหพสึฺพ.ุพทุ ฺธานํ กิร อวชิ หิตเมว ยมกปปฺ าฏิหาริยํ ได้ยนิ วา่ อ.อนั กระทำ� ซงึ่ ยมกปาฏหิ าริย์ แล้ว จงึ อยู่ สนิ ้ กาลฝน ในเทวโลก แล้ว จึงเสด็จลง ที่ประตูแห่งเมืองชื่อว่าสังกัสสะ กตฺวา เทวโลเก วสสฺ ํ วสติ ฺวา สงฺกสฺสนครทฺวาเร อันพระพุทธเจ้าทัง้ ปวง ท. ไม่ทรงละแล้วน่ันเทียว ฯ โอตรณํ. ก็ อ.ที่ แหง่ พระบาทเบอื ้ งขวา ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว (ทป่ี ระตแู หง่ เมอื ง- อจลเตสจตตตฺถฺถยิ าฏฺฐาปนตนํตฺถนทามกฺขโิิณตโหปตา.ิ ปทถุสชฺุสฺชนาปทตีนิฏํ ฺ ฐิตวฏสิ ฺ ฐเยานสํุ ชอ่ื วา่ สงั กสั สะ) นนั้ เป็นทชี่ อ่ื วา่ อจลเจดยี ์ ยอ่ มเป็น ฯ อ.พระศาสดา ผ้ปู ระทบั ยนื อยแู่ ล้ว (ทปี่ ระตแู หง่ เมอื งชอ่ื วา่ - สงั กสั สะ) นนั้ ตรัสถามแล้ว ซงึ่ ปัญหา ท. ในวสิ ยั ท. (แหง่ ชน ท.) ปญฺเห ปจุ ฺฉิ. ปถุ ชุ ฺชนา อตฺตโนว วสิ เย ปญฺหํ มีปุถุชนเป็ นต้น ฯ อ.ปถุ ชุ น ท. แก้แล้ว ซงึ่ ปัญหา ในวิสยั ของ วสิ ฺสชฺเชตฺวา โสตาปนฺนสฺส วสิ เย ปญฺหํ วสิ สฺ ชฺเชตํุ ตนเทียว ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพ่ืออนั แก้ ซง่ึ ปัญหา ในวิสยั (แหง่ พระ นาสกฺขสึ .ุ อริยบคุ คล) ผ้โู สดาบนั ฯ ผลติ สื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 91 www.kalyanamitra.org
อ.เหมอื นอยา่ งนนั้ คอื วา่ (อ.พระอริยบคุ คล ท.) มพี ระโสดาบนั ตถา สกทาคามิอาทีนํ วสิ เย โสตาปนฺนาทโย. เป็ นต้ น (ไม่ได้ อาจแล้ว เพ่ืออันแก้ ซึ่งปั ญหา) ในวิสัย มหาโมคฺคลลฺ านสสฺ วิสเย เสสมหาสาวกา. (แหง่ พระอริยบคุ คล ท.) มีพระสกทาคามีเป็นต้น ฯ อ.พระสาวก ผ้ใู หญ่ผ้เู หลอื ท. (ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพื่ออนั แก้ ซง่ึ ปัญหา) ในวิสยั แหง่ พระมหาโมคคลั ลานะ ฯ อ.พระเถระ ชอ่ื วา่ มหาโมคคลั ลานะ (ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพอื่ อนั แก้ สารีปตุ ฺตตฺเถรสฺส วสิ เย มหาโมคฺคลลฺ าโน. ซง่ึ ปัญหา) ในวสิ ยั แหง่ พระเถระชอ่ื วา่ สารีบตุ ร ฯ แม้ อ.พระเถระ พทุ ธฺ วสิ เย สารีปตุ ตฺ ตเฺ ถโรปิ วสิ สฺ ชเฺ ชตํุ นาสกขฺ เิ ยว. ชื่อว่าสารบุตร ไม่ได้อาจแล้วน่ันเทียว เพ่ืออันแก้ (ซ่ึงปัญหา) โส ปาจีนทิสํ อาทึ กตฺวา สพฺพทิสา โอโลเกส.ิ ในวิสัยแห่งพระพุทธเจ้า ฯ (อ.พระศาสดา) นัน้ ทรงแลดูแล้ว สพฺพตฺถ เอกงฺคณเมว อโหส.ิ ซงึ่ ทิศทงั้ ปวง ท. กระท�ำ ซงึ่ ทิศตะวนั ออก ให้เป็นต้น ฯ (อ.ท่ี) ทงั้ ปวง เป็นที่มีเนินเดียวกนั นนั่ เทียว ได้เป็นแล้ว ฯ อ.เทวดาและมนษุ ย์ ท. ในทิศ ท. แปด (ด้วย) (อ.เทวดา ท.) อพญฺรหฺชฺมอลโฏึลฺ ฐกปสาคุ ฺคเหเหทฏติสฺฐฺวาาาสจุ “ภภเมุนทมฺฺเวตฏมฺฐนอกิธุสาฺสยเาอกตฺขนสอฺสาุทคฺสธปํปุ ญณฺหยฺณสาฺสาว ในเบอื ้ งบน เพยี งใด แตพ่ รหมโลก (ด้วย) อ.ยกั ษ์และนาคและครุฑ ท. ผ้ดู �ำรงอยทู่ ี่ภาคพืน้ ในภายใต้ (ด้วย) ประคองแล้ว ซงึ่ อญั ชลี กราบทูลแล้วว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ (อ.บุคคล)ชื่อว่าผู้แก้ อยู่ วิสสฺ ชฺเชนฺโต นาม นตฺถิ, เอตฺเถว อปุ ธาเรถาติ ซงึ่ ปัญหา นนั่ (ในสมาคม)นีย้ อ่ มไมม่ ี (อ.พระองค์ท.) ขอจงทรงใครค่ รวญ อาหํส.ุ (ในเรื่อง) นีน้ นั่ เทียว ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ อ.พระสารีบตุ ร ยอ่ มลำ� บาก, สตฺถา “สารีปุตฺโต กิลมติ, กิญฺจาปิ หิ เอส จริงอยู่ (อ.พระสารีบตุ ร) นน่ั ฟังแล้ว ซง่ึ ปัญหา (อนั เรา) ถามแล้ว ในพทุ ธวสิ ยั นี ้วา่ ดูก่อนบุคคลผู้เช่นเรา (อ.พระอเสขะ ท.) เหล่าใด เย จ สงฺขาตธมฺมา เส เย จ เสขา ปถุ ู อิธ เป็นผูม้ ีธรรมอนั บณั ฑิตนบั พร้อมแลว้ สิ (ย่อมเป็น) ดว้ ย, เตสํ เม นิปโก อิริยํ ปฏุ ฺโฐ ปพรฺ ูหิ มาริสาติ อ.พระเสขะ ท. เหลา่ ใด เป็นผมู้ าก (ยอ่ มมี ในโลก) นี้ ดว้ ย, (อ.เธอ) ผมู้ ีปัญญาเป็นเครือ่ งรกั ษาซ่ึงตนโดยไมเ่ หลือ ผู้ อนั เรา ถามแลว้ ซึ่งความเป็นไป (แหง่ พระเสขะและพระอเสขะ ท.) เหล่านน้ั จงบอก ซึ่งความเป็นไป (แห่งพระเสขะและ- พระอเสขะ ท.) เหล่านนั้ แก่เรา ดงั นี้ เป็นผ้มู คี วามสงสยั ออกแล้ว ในปัญหา วา่ อ.พระศาสดา ยอ่ มตรสั ถาม อิมํ พทุ ฺธวิสเย ปปฏุ ฺจุฐปฺฉญตีตหฺ ิ ํ สตุ วฺ า `สตถฺ า มํ เสขาเสขานํ ซึ่งปฏิปทาเป็ นท่ีมา ของพระเสขะและพระอเสขะ ท. กะเรา อาคมนปปฺ ฏปิ ทํ ปญฺเห นิกฺกงฺโข, `ขนฺธาทีสุ ดงั นี ้ (ยอ่ มเป็น) แม้โดยแท้, ถงึ อยา่ งนนั้ (อ.สารีบตุ ร) ยอ่ มหวงั ปน กตเรน นุ โข มเุ ขน อิมํ ปฏิปทํ กเถนฺโต อหํ ซง่ึ อธั ยาศยั ของเรา วา่ อ.เรา เม่ือกราบทลู ซง่ึ ปฏิปทา นี ้ ด้วยมขุ สตฺถุ อชฺฌาสยํ คณฺหิตํุ สกฺขิสฺสามีติ มม อชฺฌาสยํ อนั ไหน หนอ แล (ในธรรม ท.) มีขนั ธ์เป็นต้น จกั อาจ เพ่ืออนั ยดึ เอา กงฺขต;ิ โส มยา นเย อทินฺเน กเถตํุ น สกฺขิสสฺ ติ, ซง่ึ อธั ยาศยั ของพระศาสดา ดงั น,ี ้ (อ.สารีบตุ ร) นนั้ ครนั้ เมอ่ื นยั อนั เรา นยมสฺส ทสสฺ ามีติ นยํ ทสเฺ สนฺโต “ภตู มิทํ สารีปตุ ฺต ไมใ่ ห้แล้ว จกั ไมอ่ าจ เพอื่ อนั กลา่ ว, (อ.เรา) จกั ให้ ซง่ึ นยั (แกส่ ารีบตุ ร) สมนปุ สฺสาหีติ อาห. นนั้ ดงั นี ้ เมื่อทรงแสดง ซงึ่ นยั ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนสารีบตุ ร (อ.เธอ) จงตามเหน็ ด้วยดี ซงึ่ ความเป็นจริง นี ้ดงั นี ้ฯ ได้ยินวา่ (อ.อนั ทรงด�ำริ) อยา่ งนี ้ วา่ อ.สารีบตุ ร เม่ือ ยดึ เอา เอวํ กิรสฺส อโหสิ “สารีปตุ ฺโต มม อชฺฌาสยํ ซง่ึ อธั ยาศยั ของเรา กลา่ ว จกั กลา่ ว ด้วยอ�ำนาจแหง่ ขนั ธ์ ดงั นี ้ คเหตฺวา กเถนฺโต ขนฺธวเสน กเถสฺสตีต.ิ เถรสฺส ได้มีแล้ว (แก่พระศาสดา) พระองค์นนั้ ฯ อ.ปัญหา นนั้ ปรากฏแล้ว สห นยทาเนน โส ปญฺโห นยสเตน นยสหสเฺ สน แก่พระเถระ โดยร้ อยแห่งนัย โดยพันแห่งนัย พร้ อม ด้วยการ อกปเุ ถฏสฺฐ.ิ าส.ิ โส สตฺถารา ทินฺนนเย ฐตฺวา ตํ ปญฺหํ ประทานซงึ่ นยั ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ ดำ� รงอยแู่ ล้ว ในนยั อนั พระศาสดา ประทานแล้ว กราบทลู แล้ว ซง่ึ ปัญหา นนั้ ฯ 92 ธรรมบทภาคที่ ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ได้ยินวา่ (อ.บคุ คล) อื่น เว้น ซง่ึ พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า ช่ือวา่ ฐเปตวฺ า กริ สมมฺ าสมพฺ ทุ ธฺ ํ อญโฺ ญ สารีปตุ ตฺ ตเฺ ถรสสฺ ผ้สู ามารถ เพอื่ อนั ถงึ ซง่ึ ปัญญา ของพระเถระชอื่ วา่ สารบี ตุ ร ยอ่ มไมม่ ี ฯ ปญฺญํ ปาปณุ ิตํุ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. ได้ยินว่า เพราะเหตุนัน้ น่ันเทียว อ.พระเถระ ยืนแล้ว เตเนว กิร เถโร สตฺถุ ปรุ โต ฐตฺวา สีหนาทํ ข้างพระพกั ตร์ ของพระศาสดา บนั ลือแล้ว บนั ลือเพียงดงั สหี ะ วา่ นทิ “อหํ ภนฺเต สกลกปปฺ ํ ปิ เทเว วสฺสนฺเต `เอตฺตกานิ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.ข้าพระองค์ ครัน้ เมอื่ ฝน ตกอยู่ แม้ตลอด พินฺทนู ิ มหาสมทุ ฺเท ปตติ านิ, เอตฺตกานิ ภมู ิยํ, กปั ป์ ทงั้ สนิ ้ เป็นผ้สู ามารถ เพอื่ อนั นบั แล้ว วา่ อ.หยาด ท. มปี ระมาณ เอตฺตกานิ ปพฺพเตติ คเณตฺวา ลกฺขํ อาโรเปตํุ เทา่ นี ้ ตกแล้ว ในมหาสมทุ ร, (อ.หยาด ท.) มีประมาณเทา่ นี ้ สมตฺโถต.ิ (ตกแล้ว) ในแผน่ ดนิ , (อ.หยาด ท.) มปี ระมาณเทา่ นี ้(ตกแล้ว) ในภเู ขา ดงั นี ้ยกขนึ ้ ซง่ึ คะแนน (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ฯ แม้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนสารีบตุ ร (อ.เรา) ยอ่ มรู้ สตฺถาปิ นํ “ชานามิ เต สารีปตุ ฺต คเณตํุ ซงึ่ ความทแี่ หง่ เธอ เป็นผ้สู ามารถ เพอื่ อนั นบั ดงั นี ้ (กะพระเถระชอ่ื วา่ - สมตถฺ ภาวนตฺ ิ อาห. ตสสฺ อายสมฺ โต ปญญฺ าย อปุ มา สารีบตุ ร) นนั้ ฯ ชอ่ื อ.ความเปรียบ ด้วยปัญญา (ของพระสารีบตุ ร) นาม นตฺถิ. เตเนวมาห ผ้มู อี ายนุ นั้ ยอ่ มไมม่ ี ฯ เพราะเหตนุ นั้ นน่ั เทยี ว, อ.พระเถระชอ่ื วา่ สารีบตุ รนนั้ กราบทลู แล้ว วา่ อ.ทราย ในแม่น้�ำชือ่ ว่าคงคา พึงส้ินไป, อ.น้�ำ ในหว้ งน�้ำใหญ่ “คงฺคาย วาลกุ า ขีเย อทุ กํ ขีเย มหณฺณเว พึงส้ินไป, อ.ดิน ในแผ่นดิน พึงสิ้นไป, (อ.อนั แก้ ซ่ึงปัญหา ท.) มหิยา มตฺติกา ขีเย ลกฺเขน มม พทุ ฺธิยาติ. ดว้ ยความรู้ ของขา้ พระองค์ (ยอ่ มไมส่ ิ้นไป) ดว้ ยคะแนน ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถรูป) นี ้ วา่ ข้าแตพ่ ระโลกนาถ ผ้ทู รงถงึ พร้อมแล้ว อิทํ วตุ ฺตํ โหติ “สเจ หิ ภนฺเต พทุ ฺธิสมปฺ นฺน ด้วยความรู้ ผ้เู จริญ ก็ ถ้าวา่ (อ.บคุ คล) ครัน้ เม่ือปัญหา ข้อหนง่ึ โลกนาถ มยา เอกสมฺ ึ ปญฺเห วิสสฺ ชฺชิเต เอกํ วา อนั ข้าพระองค์ แก้แล้ว ใสเ่ ข้าแล้ว ซงึ่ ทราย เมลด็ หนง่ึ หรือ หรือวา่ วาลกุ ํ เอกํ วา อทุ กพินฺทํุ เอกํ วา ปํ สขุ ณฺฑํ ซงึ่ หยาดแหง่ น�ำ้ หยาดหนงึ่ หรือวา่ ซง่ึ ชิน้ แหง่ ดนิ ร่วน ชิน้ หนง่ึ ครัน้ ปกฺขิปิ ตฺวา ปญฺหานํ สเต วา สหสเฺ ส วา สตสหสเฺ ส เมอื่ ร้อย หรือ หรือวา่ ครัน้ เมอ่ื พนั หรือวา่ ครัน้ เมอ่ื แสน แหง่ ปัญหา ท. วา วสิ ฺสชฺชิเต คงฺคาย วาลกุ าทีสุ เอเกกํ เอกมนฺเต (อนั ข้าพระองค์) แก้แล้ว พงึ ใสเ่ ข้า (ในคะแนน ท.) มีทรายเป็นต้น ขิเปยฺย, ขิปปฺ ตรํ คงฺคาทีสุ วาลกุ าทโย ปริกฺขยํ ในแมน่ �ำ้ ช่ือวา่ คงคาหนา (ซงึ่ คะแนน) คะแนนหนงึ่ ๆ ในสว่ นข้าง คจฺเฉยฺยย; น เตฺวว มม ปญฺหานํ วสิ สฺ ชฺชนํ ขียตีต.ิ หนงึ่ ไซร้, (อ.คะแนน ท.) มีทรายเป็นต้น (ในที่ ท.) มีแมน่ �ำ้ ช่ือวา่ คงคาเป็นต้น พงึ ถงึ ซงึ่ ความสนิ ้ ไปรอบ พลนั กวา่ , สว่ นวา่ อ.อนั แก้ ซง่ึ ปัญหา ท. แหง่ ข้าพระองค์ ยอ่ มสนิ ้ ไป หามิได้ นน่ั เทียว ดงั นี ้เป็น ค�ำอธิบาย (อนั พระเถระช่ือวา่ สารีบตุ ร) กลา่ วแล้ว ยอ่ มเป็น ฯ อ.ภิกษุ แม้มีปัญญามาก อยา่ งนี ้ไมเ่ หน็ แล้ว ซงึ่ เบือ้ งต้น หรือ เอวํ โมกหฏาึ ปวญา โฺอญทปิสิ ฺวภากิ สขฺ ตุ ฺถพาทุ รธฺาวสิทเินยฺนปนฏเุ ยฺฐปฐญตฺวหฺ าสสฺว หรือวา่ ซงึ่ เบือ้ งปลาย แหง่ ปัญหา (อนั พระศาสดา) ตรัสถามแล้ว อนฺตํ วา ในพทุ ธวสิ ยั ด�ำรงอยแู่ ล้ว ในนยั อนั พระศาสดา ประทานแล้ว เทียว ปญฺหํ วสิ สฺ ชฺเชส.ิ แก้แล้ว ซงึ่ ปัญหา ฯ อ.ภกิ ษุ ท. ฟังแล้ว (ซง่ึ คำ� ) นนั้ ยงั วาจาเป็นเครอ่ื งกลา่ ว วา่ อ.ชน แม้ ตํ สตุ ฺวา ภิกฺขู กถํ สนมาฏุสฺฐกาฺขเิ,ปสตํุ “ํ ยํธปมญฺมเฺหสํ นปาฏุ ปฺโตฐิ ทงั้ ปวง ผู้ (อนั พระศาสดา) ตรัสถามแล้ว ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพื่ออนั สพฺโพปิ ชโน กเถตํุ กราบทลู ซงึ่ ปัญหา ใด อ.พระเถระชื่อวา่ สารีบตุ ร ผ้ธู รรมเสนาบดี สารีปตุ ฺตตฺเถโร เอกโกว กเถสีต.ิ ผ้เู ดยี วเทยี ว กราบทลู แล้ว (ซง่ึ ปัญหา)นนั้ ดงั นี ้ ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ฯ ผลิตสอ่ื การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 93 www.kalyanamitra.org
อ.พระศาสดา ทรงสดับแล้ว ซ่ึงวาจาเป็ นเครื่องกล่าว นัน้ สตฺถา ตํ กถํ สตุ ฺวา “น อิทาเนว สารีปตุ ฺโต, ตรัสแล้ว วา่ อ.มหาชน ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพื่ออนั แก้ ซง่ึ ปัญหา ใด, ยํ ปญฺหํ มหาชโน วิสสฺ ชฺเชตํุ นาสกฺขิ, ตํ วสิ ฺสชฺเชส;ิ อ.พระสารีบตุ ร แก้แล้ว (ซง่ึ ปัญหา) นนั้ ในกาลนีน้ นั่ เทียว หามิได้, ปพุ เฺ พปิ เตน วสิ สฺ ชชฺ โิ ตเยวาติ วตวฺ า อตตี ํ อาหริตวฺ า (อ.ปัญหา) (อนั สารีบตุ ร) นนั้ แก้แล้วนนั่ เทียว แม้ในกาลก่อน ดงั นี ฯ้ ทรงน�ำมาแล้ว ซงึ่ เรื่องอนั ไปลว่ งแล้ว ตรัสแล้ว ซงึ่ ชาดก นี ้วา่ แม้ อ.ปริมาณอนั ย่ิงกวา่ พนั แหง่ ชน ท. ผมู้ าพรอ้ มกนั แลว้ “ปโรสหสฺสํปิ สมาคตานํ มีอย,ู่ (ชน ท.) เหลา่ นนั้ ผมู้ ีปัญญาหามิได้ พงึ คร�่ำครวญ กนเฺ ทยฺยุ เต วสสฺ สตํ อปญฺญา, ตลอดรอ้ ยแหง่ ปี, (อ.บรษุ )ใด ยอ่ มรูแ้ จง้ ซึ่งเนอื้ ความ แหง่ คำ� เอโกว เสยฺโย ปรุ ิโส สปญฺโญ, อนั เป็นภาษิต, อ.บรษุ นนั้ ผเู้ ป็นไปกบั ดว้ ยปัญญา ผเู้ ดียว โย ภาสิตสสฺ วิชานาติ อตฺถนตฺ ิ เทียว เป็นผู้ ประเสริฐกว่า ย่อมเป็น ดงั นี้ โดยพิสดาร ดงั นีแ้ ล ฯ อิมํ ชาตกํ วติ ฺถาเรน กเถสีต.ิ อ.เร่ืองแห่งยมกปาฏหิ าริย์ ยมกปปฺ าฏหิ าริยวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ๓. อ.เร่(ือองันแขห้า่งพนเาจค้ารจาชะกช่ลือ่าว่วา)เอฯรกปัตต์ ๓. เอรกปตตฺ นาคราชวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เมื่อเสดจ็ เข้าไปอาศยั ซงึ่ เมืองชื่อวา่ พาราณสี “กจิ โฺ ฉ มนุสฺสปปฺ ฏลิ าโภติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ประทบั อยู่ ณ โคนแหง่ ต้นซกึ ๗ ต้น ทรงปรารภ ซง่ึ นาคราช สตฺถา พาราณสึ อปุ นิสฺสาย สตฺตสริ ีสรุกฺขมเู ล ชื่อว่าเอรกปั ตต์ ตรัสแล้ ว ซ่ึงพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า วิหรนฺโต เอรกปตฺตํ นาคราชํ อารพฺภ กเถส.ิ กิจฺโฉ มนฺสสฺ ปปฺ ฏลิ าโภ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ ในกาลก่อน (อ.นาคราช) นนั้ เป็นภิกษุหนมุ่ โส กิร ปพุ ฺเพ กสฺสปพทุ ฺธสาสเน ทหรภิกฺขุ ในศาสนาของพระพทุ ธเจ้าพระนามวา่ กสั สปะ เป็น ขนึ ้ เฉพาะแล้ว หตุ ฺวา คงฺคาย นาวํ อภิรุยฺห คจฺฉนฺโต เอกสฺมึ สเู่ รือ ไปอยู่ ในแมน่ �ำ้ ชื่อวา่ คงคา จบั แล้ว ซงึ่ ใบของตะไคร้น�ำ้ ท่ีพมุ่ เอรกคมุ เฺ พ เอรกปตฺตํ คเหตฺวา นาวาย เวคสา แหง่ ตะไคร้นำ� ้ พมุ่ หนงึ่ ครนั้ เมอื่ เรือ แม้ไปอยู่ โดยเร็ว ไมป่ ลอ่ ยแล้ว ฯ คจฺฉมานายปิ น มญุ ฺจิ. อ.ใบแหง่ ตะไคร้นำ� ้ ขาดไปแล้ว ฯ (อ.ภกิ ษหุ นมุ่ ) นนั้ ไมแ่ สดงแล้ว เอรกปตฺตํ ฉิชฺชิตฺวา คตํ. โส “อปปฺ มตฺตกํ ซงึ่ อาบตั ิ (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ.โทษ) นนั่ เป็นโทษมีประมาณน้อย เอตนฺติ อาปตฺตึ อเทเสตฺวา วีสตวิ สฺสสหสฺสานิ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ แม้กระทำ� แล้ว ซงึ่ สมณธรรม ในป่า ตลอดพนั แหง่ - อรญฺเญ สมณธมมฺ ํ กตฺวาปิ มรณกาเล เอรกปตฺเตน ปี ๒๐ ท. ราวกะวา่ อนั ใบของตะไคร้น�ำ้ พนั แล้ว ท่ีคอ แม้เป็น คีวายํ คหิโต วิย อาปตฺตึ เทเสตกุ าโมปิ อญฺญํ ภิกฺขํุ ผู้ต้ องการเพื่ออันแสดง ซ่ึงอาบัติ (เป็ น) ในกาลเป็ นท่ีตาย อปสฺสนฺโต “อปริสทุ ฺธํ เม สลี นฺติ อปุ ปฺ นฺนวิปปฺ ฏิสาโร ไขมอเ่งหเรน็ าอไยมู่บ่ซรง่ึ ิสภทุิกธษแิ์ ุลรู้วปอดื่นงั นมี ้เีคควลาอื่ มนเแดลือ้วด(รจ้อานกออนัตั เภกาิดพข)นึ ้ นแนั้ล้วบงวั เา่กดิอแ.ศลีล้ว ตโต จวติ ฺวา เอกโทณิกนาวปปฺ มาโณ นาคราชา หตุ ฺวา นิพฺพตฺต.ิ เป็นนาคราช มีเรือโกลนลำ� หนง่ึ เป็นประมาณ เป็น ฯ 94 ธรรมบทภาคท่ี ๖ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.ค�ำ) ว่า อ.เอรกปัตต์ ดังนีน้ ั่นเทียว เป็ นช่ือ (ของนาคราช)นัน้ “เอรกปตฺโตเตฺววสฺส นามํ อโหส.ิ ได้เป็นแล้ว ฯ (อ.นาคราช) นนั้ แลดแู ล้ว ซงึ่ อตั ภาพ ในขณะ (แหง่ ตน) โส นิพฺพตฺตกฺขเณเยว อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา บงั เกิดแล้ว นน่ั เทียว เป็นผ้มู ีความเดือดร้อน วา่ (อ.เรา) กระท�ำแล้ว “เอตฺตกํ นาม กาลํ สมณธมมฺ ํ กตฺวา อเหตกุ โยนิยํ ซง่ึ สมณธรรม ตลอดกาล ช่ือ มีประมาณเทา่ นี ้ เป็นผ้บู งั เกิดแล้ว มณฺฑกู ภกฺขฏฺฐาเน นิพฺพตฺโตมหฺ ีติ วิปปฺ ฏิสารี อโหส.ิ ในทมี่ กี บเป็นภกั ษา ในกำ� เนดิ แหง่ สตั วผ์ ้หู าเหตมุ ไิ ด้ ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ ได้เป็นแล้ว ฯ ในกาลอนั เป็นสว่ นอนื่ อกี (อ.นาคราช) นนั้ ได้แล้ว ซง่ึ ธดิ า นางหนงึ่ โส อปรภาเค เอกํ ธีตรํ ลภิตฺวา มชฺเฌ คงฺคาย ยกขนึ ้ แล้ว ซงึ่ พงั พาน อนั ใหญ่ บนหลงั แหง่ น�ำ้ ในทา่ มกลาง นอทุจฺจกาปเิ ฏปฺเตฐฺวมาหคนาฺตยําผเปณสํ .ิอกุ ฺขิปิ ตฺวา ธีตรํ ตสฺมึ ฐเปตฺวา แหง่ แมน่ �ำ้ ช่ือวา่ คงคา ตงั้ ไว้แล้ว ซง่ึ ธิดา (บนพงั พาน) นนั้ (ยงั ธิดา) ให้ฟ้ อนแล้ว ให้ขบั แล้ว ฯ ได้ยินวา่ (อ.ความคดิ ) อยา่ งนี ้ วา่ อ.เรา ครัน้ เม่ือพระพทุ ธเจ้า เอวํ กิรสฺส อโหสิ “อทฺธา อหํ อิมินา อปุ าเยน เสดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว จกั ฟัง ซง่ึ ความท่ี (แหง่ พระพทุ ธเจ้า) พระองค์นนั้ พทุ ฺเธ อปุ ปฺ นฺเน ตสฺส อปุ ปฺ นฺนภาวํ สณุ ิสฺสามิ; เป็นผ้เู สดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว ด้วยอบุ าย นี ้แนแ่ ท้, (อ.บคุ คล) ใด ยอ่ มน�ำมา โย เม คีตสฺส ปฏิคีตํ อาหรต,ิ ตสสฺ มหนฺเตน ซง่ึ เพลงขบั ตอบ ตอ่ เพลงขบั ของเรา, (อ.เรา) จกั ให้ ซงึ่ ธิดา กบั นาควิภเวน สทฺธึ ธีตรํ ทสสฺ ามีต,ิ อนฺวฑฺฒมาสํ ด้วยโภคะอนั บคุ คลพงึ เสวยแหง่ นาค กองใหญ่ (แก่บคุ คล) นนั้ ดงั นี ้ อโุ ปสถทิวเส ตํ ธีตรํ ผเณ ฐเปส.ิ ได้มแี ล้ว (แกน่ าคราช) นนั้ , (อ.นาคราช) นนั้ ได้ตงั้ ไว้แล้ว ซงึ่ ธดิ า นนั้ บนพงั พาน ในวนั แหง่ อโุ บสถ ตลอดเดือนด้วยทงั้ กงึ่ ตามลำ� ดบั ฯ (อ.นางนาคมาณวกิ า) นนั้ ยนื แลว้ (บนพงั พาน) นนั้ ฟ้ อนอยู่ ยอ่ มขบั สา ตตฺถ ติ า นจฺจนฺตี ซง่ึ เพลงขบั นี ้วา่ (อ.บคุ คล) ผูเ้ ป็นใหญ่ อะไรสิ ชือ่ ว่าเป็นพระราชา “กึสุ อธิปตี ราชา กึสุ ราชา รชสฺสิโร, (ย่อมเป็น), อ.พระราชา ชือ่ ว่าเป็นผูม้ ีธลุ ีบนพระเศียร กถํสุ วิรโช โหติ, กถํ `พาโลติ วจุ ฺจตีติ (ยอ่ มเป็น) อยา่ งไรสิ, (อ.พระราชานน้ั ) ชือ่ วา่ เป็นผมู้ ีธลุ ี- ไปปราศแลว้ ยอ่ มเป็น อยา่ งไรสิ, (อ.พระราชา อนั บณั ฑิต) ย่อมเรียก ว่า เป็นคนพาล ดงั นี้ อย่างไร ดงั นี้ ฯ (อ.ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นชมพทู วปี ทงั้ สนิ ้ โดยปกติ มาแล้ว (ด้วยความหวงั ) อิมํ คีตํ คายต.ิ สกลชมพฺ ทุ ีปวาสโิ น “นาคมาณวกิ ํ วา่ (อ.เรา ท.) จกั รับเอา ซงึ่ นางนาคมาณวกิ า ดงั นี ้ กระท�ำแล้ว คณฺหิสฺสามาติ อาคนฺตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ซ่ึงเพลงขับตอบ ย่อมขับ ด้วยก�ำลังแห่งปัญญา ของตน ๆ ฯ ปญฺญาพเลน ปฏิคีตํ กตฺวา คายนฺต.ิ (อ.นางนาคมาณวกิ า) นนั้ ยอ่ มคดั ค้าน (ซงึ่ เพลงขบั ตอบ)นนั้ ฯ สา ตํ ปฏิกฺขิปต.ิ ตสฺสา อนฺวฑฺฒมาสํ ผเณ (เมื่อนางนาคมาณวกิ า) นนั้ ยืนแล้ว บนพงั พาน ขบั อยู่ อยา่ งนี ้ ฐตฺวา เอวํ คายนฺตยิ าว เอกํ พทุ ฺธนฺตรํ วีตวิ ตฺตํ. ตลอดเดือนด้ วยทัง้ กึ่งตามล�ำดับ เทียว อ.พุทธันดร หน่ึง เป็นไปลว่ งวเิ ศษแล้ว ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา เสดจ็ อบุ ตั แิ ล้ว ในโลก ทรงตรวจดอู ยู่ อถ สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ ซง่ึ โลก ในกาลอนั ขจดั เฉพาะซงึ่ มืด ในวนั หนงึ่ ทรงเหน็ แล้ว ชื่อ ปจฺจสู กาเล โลกํ โวโลเกนฺโต เอรกปตฺตํ อาทึ กตฺวา ซง่ึ มาณพชอ่ื วา่ อตุ ตระ กระทำ� ซง่ึ นาคราชชอ่ื วา่ เอรกปัตต์ ให้เป็นต้น อตุ ฺตรมาณวนฺนาม อตฺตโน ญาณชาลสฺส อนฺโต ผู้เข้าไปแล้ว ในภายใน แห่งข่ายคือพระญาณ ของพระองค์ ปวิฏฺ ฐํ ทิสวฺ า “กินฺนุ โข ภวสิ ฺสตีติ อาวชฺชนฺโต ทรงร�ำพงึ อยู่ วา่ (อ.เหต)ุ อะไร หนอ แล จกั มี ดงั นี ้ ผลติ ส่อื การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 95 www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196