Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แด่...นักสร้างบารมี เล่ม ๔

แด่...นักสร้างบารมี เล่ม ๔

Description: แด่...นักสร้างบารมี เล่ม ๔

Search

Read the Text Version

Fเ'V''^x■r \"IT' Vi H

ขุมทรัพยทางปัญญา ะ ขุดบทtเกผู้นำ แด่... นักสร้าง บารมี รวมโอวาทในวาระวันคล้ายวันเกิดพระราชภาวนาจารย์ วิ.(เผด็จ ทตฺตสืโว) ปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ - ๒๕๙๒ พระธรรมเทศนา ปลายปีพุทธศักราช ๒๕๔๗ พระราชภาวนาจารย์ วิ.(เผด็จ ทตฺดซโว) www.kalyanamitra.org

''ฟ้ คำ นำ ชีวิตคนเกิดมาแล้วก็มีปริศนาติดตัวมาด้วยมากมาย อย่างเช่นเรา เป็นใคร เรามาจากไหน เรามาทำอะไรในโลกนี้ อีกทั้งขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้จะพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนเท่าไร ก็ยังหนีไม่พ้นความทุกข์ที่ เกิดขึ้นจากการเกิดแก่เจ็บตายไนแต่ละวันอยู่ดี ครั้นเมื่อถึงคราวหมด อายุขัย ก็ต้องตายอย่างจำไจ ตายอย่างมิอาจขัดขืน แล้วก็ลาจากโลกนี้Iป อย่างเป็นปริศนาโดยที่ไม่ร้ด้วยชํ้าว่าความเกิดแก่เจ็บตายเหล่านี้มีที่มาที่ ษอย่T www.kalyanamitra.org

ความไม่รู้ความจริงถึงเรื่องที่มาที่ไปของการเวียนว่ายตายเกิดนี่เอง เป็นสาเหตุให้คนในโลกนี้มีวิถีชีวิตแตกต่างกันไปตามความเชื่อที่เกิดจาก ประสบการณ์ดีร้ายของแต่ละคน แล้วก็ก่อกำเนิดเป็นวิถีโลกที่หมุนวน ด้วยปัญหาเดิม ๆ แบบชํ้า ๆ ของคนรุ่นแล้วรุ่นเล่าอย่างไม่รู้จบสิน พวกแรกเชื่อว่าตายแล้วสูญ บุญบาปไม่มีจริง นรกสวรรค์ไม่มีจริง ตัดสินถูกผิดดีชั่วไม่ได้ ก็เลยประพฤติตนเป็นโจรผู้ร้าย ลงมีอทำความชั่ว ทุกชนิดอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ก่อความเดือดร้อนรุ่นวายต่าง ๆ นานา ขึ้นในโลก กลายเป็น\"วิถีโลกแห่งการแก่งแย่งแข่งขัน\" เพี่อช่วงชิงทรัพย์ สมบัติเงินทองและอำนาจความเป็นใหญ่ พวกที่สองเชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ แต่ไม่แนใจว่าบุญบาปมีจริงหรีอไม่ ไม่รู้ว่าจะตัดสินดีชั่วอย่างไรไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาทุกข์ต่าง ๆ อย่างไร ก็เลย ใช้ชีวิตแสวงหาความสุขแบบเริงโลกีย์อย่างเต็มที่ ขอแค่ได้สำมะเลเทเมา ได้สนุกสนานเพลิดเพลินไปวัน ๆ กลายเป็น \"วิถีโลกแห่งการเมามาย\" จมอยูใต้อบายมุขข้ามวันข้ามคืน ขณะที่อีกพวกหนี่งคือพวกที่สาม ซึ่งแตกต่างจากพวกที่หนี่งอย่าง สินเชิง มีความคิดบางส่วนคล้ายกับพวกที่สอง แต่มีปัญญาเสาะหาความจริง อยู่ในระดับที่มากกว่า นั่นคือ ๑) เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ ชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง ๒) เชื่อว่าบุญบาปมีจริง นรกสวรรค์มีจริง ๓) มีปัญญาที่จะตัดสินถูกผิดดีชั่วได้ในเกณฑ์ที่ดี ค่าน่า (าอ) นด่...นักสร้างบารมี ๔ www.kalyanamitra.org

๔) มีความสามารถในการแก้ปัญหาทุกข์ในชีวิตประจำวันได้ ระดับหนึ่ง แต่ติดปัญหาตรงที่ว่า ไม่รู้จะกำจัดทุกข์ให้หมดสินไปอย่าง เด็ดขาดได้อย่างไร คนกลุ่มที่สามนี้เองที่สร้างวิถีโลกแบบที่สามขึ้นมา นั่นคือวิถีแห่ง การสืกตนเพี่อกำจัดทุกข์กำจัดกิเลสอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพัน ชึ่งก็คือ •'วิถีชีวิตของนักสร้างบารมี\" อันเป็นวิถีโสกที่นำไปส่การบังเกิดขึ้นของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมศาสดาเอกของชาวโลก ผู้ทรงค้นพบการ ตรัสรู้ธรรมอันเป็นหนทางแห่งการกำจัดทุกข์กำจัดกิเลสได้อย่างเด็ดขาด ด้วยพระองค์เอง จากนั้นก็ทรงประกาศเผยแผ่ธรรมะให้ชาวโสกได้คืกษา แสะปฏิบัติตาม จนกระทั่งมีผู้บรรลุธรรมตามมากมาย ทำ ให้พระพุทธ ศาสนาบังเกิดขึ้นมาในโลกนี้!ค้อย่างสมทุรณ์แบบ และได้รับการสืบทอด รักษาเรื่อยมาจวบจนถึงยุคปัจจุบัน ด้วยเหตุที่วิถีทางของโลกโดยรวมมีรูปแบบเซ่นนี้ การเผยแผ่ พระพุทธศาสนาในทุกยุคทุกสมัยจึงต้องทำงานด้วยความรอบคอบรัดกุม นั่นคือต้องมี \"ยุทธศาสตร์การเผยแผ่เชีงรุกอย่างยั่งยืน\"ทั้งนี้เพี่อป้องกัน มีให้ผู้ทำงานเผยแผ่ตกเป็นที่หวาดระแวงว่าจะมาเป็นคู่แข่งในการแย่งชิง อำ นาจความเป็นใหญ่ เพี่อสร้างสังคมที่ปลอดอบายทุขขึ้นในสังคมของ ผู้นับถือพระพุทธศาสนา เพี่อสร้างขนบธรรมเนียมประเพณึ๋!นการทำหน้าที่ ชักชวนคนทำความดี ทั้งทำทาน รักษาคืล เจริญภาวนา แสะการสร้าง บารมีตามรอยบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแบบเป็นทีม นด่...นกรร้างบารมี ๔ («) ค่าน่า www.kalyanamitra.org

ดังนั้น ฝ่ายวิชาการ อาศรมบัณฑิต จึงได้รวบรวมและเรียบเรียง พระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณพระราชภาวนาจารย์ (หลวงพ่อทัดตสิโว) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาซึ่งได้แสดง ธรรมไว้ในวาระโอกาสต่าง ๆ มาจัดทำเป็นหนังสือ \"แด่...นักสร้างบารมี\" เล่ม ๔ นื้ เพื่อให้ชาวพุทธที่รักการทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาทุกท่าน ได้!ช้เป็นคู่มีอในการสืกฝนอบรมตนเอง สร้างทีมงานป้องกันแก!ขปัญหา และทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้งรุกได้ประสบความสำเร็จในระยะ ยาวอย่างมียุทธศาสตร์ที่ยั่งยีน อันจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรีองของ พระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงและยาวนานตลอดไปนั่นเอง ขอผลานิสงส์แห่งการให้ธรรมทานครั้งนื้ จงดลบันดาลให้ทุกท่าน มีแต่ความสุขและความเจริญรุ่งเรีองในข้วิตตลอดไป ปรารถนาจะสร้าง บุญกุศลใด ขอจงสัมฤทธิผลโดยง่ายเป็นอัศจรรย์ทุกประการ ขอให้ถึง พร้อมด้วยมนุษยสมบัติ ทิพยสมบัติ นิพพานสมบัติ บริวารสมบัติ เป็น ผู้แตกฉานในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยง่ายไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม เทอญ ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาบุญต่อทุกท่านมา ณโอกาสนื้ ฝ่ายวิชาการ อาศรมบัณฑิต ตุลาคม พุทธดักราช ๒๕๕๘ คำ น่า (g) นด่...นักสร้างบารมี ๔ www.kalyanamitra.org

jsif สารบัญ คำ นำ (๔) นักสร้างบารมีต้องทำหน้าที่ให้ครบล้วนบริบูรณ์ ฅ วิธีสำ รวจคุณธรรมของตนเอง ๔ ๑. ตรวจดูทาน ศีล ภาวนา ๕ ๒. ตรวจดูบารมี ๑๐ ทัศ ๕ ๓. อธิษฐานให้พรญาติโยม ๖ คนดีต้องทำหน้าที่ของตนไห้ครบถ้วนบริบูรณ์ ๗ ๑. วิธีวัดความเป็นคนดีคนชั่ว ๘ ๒. หน้าที่คืออะไร ๙ ๑) หน้าที่ดิน ยิ่งกว้าง ยิ่งราคาดี ๙ ๒) หน้าที่คน ยิ่งร้บผิดชอบ ยิ่งเป็นคนมีค่ามาก ๑๐ ๓. ทำ หน้าที่หลักประจำทิค ๖ ไห้สมบูรณ์ ๑๑ ๔. ปัญหาชีวิตเกิดจากทิคทั้ง ๖ ไม่ได้ทำหน้าที่ไห้สมบูรณ์ ๑๖ ชีวิตการสร้างบารมีอยู่รอดได้เพราะทิค ๖ ทำ หน้าที่ของตนเองได้ดี ๒๐ www.kalyanamitra.org

งานสร้างบารมีสำเร็จได้ด้วยการทำงานเป็นทีม ๒๗ อยู่ร่วมกันต้องเตือนกันได้ เพราะผิด - ถูก เป็นครูได้ ๒๘ ถ้าไม่แกัทิเมานะ จะสร้างบารมีไม่ตลอดรอดผิง ๒๙ สร้างบุญได้เต็มที่ ต้องสร้างบารมีเป็นทีม ๓๐ สืลและวินัย พื้นฐานของการสร้างบารมีเป็นทีม ๓๓ ๑. ข้อแตกต่างของ \"ตืล\" กับ 'วินัย\" ๓๔ ๒. คัดกรองคนที่มีตืลและวินัยเข้ามาเป็นสมาชิกหยู่คณะ ๓๕ ๓. ผลกระทบจากการไม่คัดกรองคนเข้ายู่หมู่คณะ ๓๗ ทำ งานเป็นทีม คือทั้งองค์กรทำงานเป็นหนึ่งทีมเดียวกัน ๓๘ ๓๙ ๑. การทำงานเป็นทีมของพระสัมมาสัมทุทธเจ้า ๒. การคัดคนเข้าหมู่คณะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๙๐ กลยุท^นการบวิหารงาน ต้องกำหนดตำแหน่งเฉพาะให้ชัดเจน ๔๓ พุทธวิธีด่อเกับ^หวังดีด่อพระพุทธศาสนา ๔ฅ ไม่ตัดสินปัญหาด้วยวิธีการรุนแรง ๕๔ กรณีที่ ๑ การแก้ปัญหาสงครามแย่งชิงพระบรมสารีวิกธาตุ ๕๔ กรณีที่ ๒ การแก้ปัญหาถูกต่างศาสนาฆ่าพระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนา ๕๖ กรณีที่ ๓ การแก้ปัญหาการเมีองไทยในต้นรัชกาลที่ ๕ ๕๘ ไม่สั ไม่หนี ทำ ความดีเรื่อยไป ๕๙ อดทนต่อคำพูดประชดประชัน จนกระทั่งพลิกวิกฤตการณี!ด้สำเร็จ ๖๒ พรพิเศษสำหรับนักสร้างบารมี ผู้คํ้าจุนพระพุทธศาสนา อย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพัน ๖๕ สใรบัญ (๑๐) แด่...ฟักสร้างบารมี Ce www.kalyanamitra.org

ทิศ ๖ ยุทธศาสตร์การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ๗® ทิศ ๖ คืออะไร ๗๒ องค์ประกอบของทิศ ๖ ๗๒ ๑. ปุรัตถิมทิส แปลว่า ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ บิดา มารดา ๗๒ ๒. ทักขิณทิส แปลว่า ทิศเบื้องขวา ได้แก่ ครูบาอาจารย์ ๗๓ ๓. ปัจฉิมทิส แปลว่า ทิศเบื้องหลัง ได้แก่ ภรรยาหรีอสามี ๗๓ ร:. อุดตรทิส แปลว่า ทิศเบื้องซ้าย ได้แก่ มีตรสหาย ๗๙ ๕. เหฏฐิมทิส แปลว่า ทิศเบื้องล่าง ได้แก่ คนร้บใช้ ลูกน้อง ๗๔ ๖. อุปริมทิส แปลว่า ทิศเบื้องบน ได้แก่ สมณชีพราหมณ์ทั้งหลาย ๗๕ ความสำคัญของทิศ ๖ ๗๕ หน้าที่สำคัญของทิศ ๖ ๗๗ ๑. เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังนิลัยใจคอ ๗๗ ๒. เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความเก่งความดี ๗๘ ๓. เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความสุขความเจริญ ๘๐ แหล่งกำเนิดกับแหล่งปลูกฝังเป็นอย่างไร ๘๐ ทิศ ๖ บทสืกที่ทำให้เกิดความสำนึกในการร้บผิดชอบร่วมกัน ๘๒ หน้าที่ประจำของแต่ละทิศ ๘๕ นดํ...นักสร้างบารมี (c (oo) สา7นัญ www.kalyanamitra.org

''•'I''JiPPl iiMy I.fi m '.พ..'พแ เแ!\" เ พ,พแ! www.kalyanamitra.org \"tMmi ■๚ M' i-M 1 \\Sl,t J» '^ y. KtLriMLi3un

www.kalyanamitra.org if' A •' ^-••A-y - .'.v^jr =\"

นักสร้างบารมี ต้องทำหนัาที่ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ โอวาทพระเดชพระคุณพระราชภาวนาจไรย์ วิ. (เผด็จ ทตฺตฟ้ว) ในวาระวันคล้ายวันเกิด วันอาทิตย์ที่ ๒๑ ธันวาคม ทุทธศักราช ๒๕๔๐ วันนี้ หลวงพ่อมีอายุยีนมาถึง ๕๗ ปีบริบูรณ์แล้ว เป็นธรรมเนียม มาแต่โบราณว่า เมื่อถึงวาระวันคล้ายวันเกิดของครูบาอาจารย์ คุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ที่เรารักเคารพนับถือ ลูกหลานลูกศัษย์ลูกหาจะมาร่วมกัน แสดงมุทิตาสักการะแด่ท่านเหล่านั้น ฝ่ายผู้ที่ได้รับการแสดงมุทิตาก็จะ ต้องเตรียมสำรวจตรวจสอบตัวเองเหมีอนกันว่ามีคุณธรรมใดที่เหมาะสม ต่อการที่คนมาให้ความเคารพตนหรือไม่ www.kalyanamitra.org

ในฐานะที่พวกเราเป็นลูกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีวิธีการ ตรวจสอบคุณธรรมของตนเองอย่างไร วันนี้หลวงพ่อขอโอกาสเล่าฝากไว้ เป็นข้อคิดให้ลูก ๆ ทุกคนฟ้ง เพื่อวันหนึ่งในภายภาคหน้า พวกเรามีอายุ เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมา จะได้สำรวจตรวจสอบคุณธรรมของตัวเองเป็น วิธีสำ รวจคุณธรรมของตนเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสถึงแนวทางการดำเนินชีวิตให้คุ้มค่าว่า \"ใครก็ตามถึงจะมีอายุยีนเป็นร้อยปีพันปี ถ้าไม่ได้ใช้ร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยเลือดด้วยเนี้อ ด้วยจิตใจดวงใส ๆ นี้!ปสร้างคุณงาม ความดีให้เต็มที่แล้ว ถึงมีชีวิตอยู่เป็นพันปีก็คุ้มีชีวิตเพียงวันเดียวแล้ว I« M ๑ นี้คีอพระดำรัสของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพูดง่าย ๆ ก็คีอ ต่อให้ เขามีอายุยีนเป็นพันปี ก็เคนที่เขามีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว แต่เข้าถึง พระธรรมกายชัดใสสว่างไม่ได้ หลวงพ่อเองเมี่อถึงวันคล้ายวันเกิดก็ต้องมาสำรวจตรวจสอบตัวเอง อย่างนี้เซ่นกัน ® ชุ.ธ. ๙๑/®๙/๔๑๗ (มมร.) พัลฑ้งบาพ็ด้องทำพนาที่ไท้ครบถ้วนบ่ทุ่!รณ์ ๙ นท่...นกล'?างบารมี Ce www.kalyanamitra.org

๑. ตรวจดูทาน ศล ภาวนา ป่ย่าตายายได้วางระบบระเบียบแบบแผนเรื่องการตรวจสอบเทเอง M fi/ I เวัว่า ตลอดชีวิตของคนเรา หรือ ๑ ปีที่ผ่านไปนั้น ถ้าสำรวจหาความดี อะไรไม่ได้เลย ผู้นั้นคงไม่สามารถปลื้มอกปลื้มใจอะไรได้ คงมีแต่ ความวิปฏิสาร คือความเหี่ยวแห้งใจ นึกย้อนอดีตคราวใด ก็มีแต่ ความห่อเหี่ยวในชีวิต แต่ตรงข้าม ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่า ตลอดชีวิต หรือ ๑ ปีที่ผ่าน มานี้ เราได้ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา มาอย่างครบบริไJรณ์เลย ก็จะ ชื่นอกชื่นใจ นึกทบทวนชีวิตคราวใด ก็มีแต่ความดี ความปลื้มใจ ทำ ให้ เรามีกำลังใจทำความดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกกว่าปีที่ผ่านมา ๒. ตรวจดูบารมี ๑๐ ทัศ ถ้าจะตรวจสอบคุณธรรมตัวเองให้ละเอียดยิ่งขึ้นไปอีก ใ^ย่าตายาย ท่านสอนให้ตรวจด้วยบารมีทั้ง ๑๐ ทัศ ตรวจดูว่าตลอด ๑ ปีที่ผ่านมา การทำทานบารมีของเราทำได้มาก น้อยเพียงใด ดวงทานบารมีของเรานั้นเพิ่มขึ้นมาสักปานไหน ตรวจสอบว่าการรักษาศีลของเราดีแค่ไหน ดวงศีลบารมีของเรา โตขึ้นมาเท่าใด บริสุทธผุดผ่องขึ้นมาอีกสักเท่าไร ถ้าพบว่าดวงศีลเราก็ โตขึ้นใสขึ้นเป็นอัศจรรย์ อย่างนี้ถึงจะใช1ด้ นท่...นกสร้างบารมี Ce ๕ นักสร้ใง!rrฟ้ต้อพํพน้าทึ๋ใฟ้ศรบร่ท์นบ่ริ\\)รพ www.kalyanamitra.org

ตรวจสอบต่อไปอีกว่า ดวงเนกขัมมบารมีของเราโตขึ้นใสขึ้นมาอีก ตรวจสอบไล่ไปให้ครบทั้ง ๑๐ บารมีนั่นแหละ ทั้งปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี ฌตตาบารมี จนกระทั่ง ถึงอุเบกขาบารมี ถ้าตรวจสอบแล้วปรากฏว่า ทุกดวงใส บริสุทธ ผุดผ่อุง สว่างไสว ยิ่งกว่าเอาตะวันเที่ยงมาเรียงกันเต็มท้องห้า ตรวจสอบแล้วเจออย่างนี้ เมื่อไร ก็ชึ่นอกชื่นใจทีเดียวว่า ๑ ปีที่ผ่านไปนี้ เราได้ใช้ร่างกายซึ่งประกอบ ด้วยเลือดเนี้อรวมทั้งจิตใจคุ้มค่ากับการสร้างบุญบารมีได้เต็มที่ ชีวิตและร่างกายของเรานี้พ่อแม่ให้กำเนิดมา ครูบาอาจารย์ท่าน ได้อบรมบ่มนิสัยให้มา ญาติโยมได้บริจาคข้าวปลาอาหารมาให้ฉันได้ หล่อเลี้ยงกายมาถึงขนาดนี้ ได้ถวายสบงจีวรให้ห่อทุ้มร่างกายกันร้อน กันหนาวกันเหลือบยุงมา ได้ถวายกุฏิที่อยู่อาศัยให้พักได้ปฏิบัติธรรมมา ได้ถวายหยูกยาปารุงรักษาสุขภาพมา ญาติโยมเหล่านี้!ม่ได้บำรุงเสียเปล่า เลย เราได้ใช้ร่างกายนี้สร้างบุญบารมีได้เต็มที่ เป็นประโยชน์ทั้งตัวเองและ ผู้ที่เขาช่วยบำรุงมา ๓. อธิษฐานให้พรญาติโยม ฒึ่อตริกระลึกถึงบุญจนกระทั่งชื่นใจกับความดีที่ตัวเองทำมาดีแล้ว ปูย่าตายายก็มีธรรมเนียมตั้งแต่โบราณให้ทำต่อไปอีก ดีอให้อธิษฐานเอา ความดีบุญบารมีทั้งหมดที่ทำมานั้น ย้อนกลับไปคุ้มครองญาติโยม นักสร้พบาฟ้ต้องทํพน้าทั๋ใฟ้ครบ๓นบริ^รณ์ t) นล่...นักสร้างบารมี Ce www.kalyanamitra.org

ทั้งหลายที่ได้ช่วยทะนุบำรุงเรามา ให้สุขทั้งกาย สุขทั้งใจยิ่ง ๆ ขึ้นไป ให้ญาติโยมได้ใช้ร่างกายซึ่งบํระกอบด้วยเลือดเนื้อเช่นเดียวกับเรานี้ สร้างบุญสร้างบารมีสร้างความดีตามมาอีกด้วย หรือที่เรียกกันว่า \"ให้พร\" นั่นเอง แต่ถ้าอธิษฐานให้พรแล้วญาติโยมก็ยังไม่มีกำลังใจจะทำตามหรีอ มีกำ ลังใจแล้ว แต่ว่ายังไม่เช้าใจวิธีการที่จะใช้สร้างบุญบารมีให้เต็มที่ ถ้าอย่างนั้นหลวงพ่อก็ต้องมานั่งเทศน์อธิบายขยายความให้รู้กันทั่วหน้า แล้วจะได้สรไงบารมีอย่างเต็มที่ เต็มอิ่ม เต็มใจ ต่อไปจนกว่าจะไปถึง ที่สุดแห่งธรรมนื้คีอขนบธรรมเนียมประเพณีของซาวทุทธในประเทศไทย ที่ทำ ลืบเนื่องกันมาตั้งแต่สร้างชาติกันเลยทีเดียว คนดีต้องทำหน้าที่ของตนให้ครบถ้วนบริบูรณ์ วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อ ก็ได้สำรวจตรวจสอบ ตัวเองแล้วปลื้มอกปลื้มใจตามที่ย่าตายายปฏิบัติกันมา หลวงพ่อไม่ได้ให้ พวกเรามากราบเปล่า ไม่ได้ให้บำรุงด้วยปัจจัยสี่เปล่า แต่ได้ใช้เวลา ๑ ปี ที่ผ่านมานี้สร้างบุญบารมีอย่างสุดความสามารถ ไม่ยอมให้พวกเราต้อง มาเสียแรงเปล่าที่เหนื่อยกันมามุทิตาให้หลวงพ่อในปีนี้ แต่ทว่าแทนที่จะ ให้เป็นพร หลวงพ่ออยากจะฝากให้เป็นข้อคิดการสร้างบารมีแทนคำพร ก็แล้วกัน นฟ้...นกสร้างบารมี Ge นักสร้เงบารมีต้องท่พน้■เทIv[ครบท้วน1Jริใ^รณ์ www.kalyanamitra.org

ในระยะสีห้าเดือนที่ผ่านมานื้ บ้านเมืองของเราอยู่ในสภาพ ที่ทุกคนจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะช่วยกันแก้ไขเศรษฐกิจ ของประเทศ ต้องช่วยกันอย่างมากเพื่อทะนุปารุงพระพุทธศาสนา ให้ยืนยงคงอยู่ไปอีกเป็นพัน ๆ เป็นหมื่น ๆ ปี จากการที่ติดตาม ความเคลื่อนไหวทั้งในแง่เศรษฐกิจ ในแง่ของดืลธรรมประจำใจ ก็พบว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไต้ทรงมอบธรรมะไว้ชุดหนึ่ง ซึ่งถ้าพวกเราได้รู้แล้ว ก็จะสามารถนำไปปรับปรุงแก!ขตนเองให้มืด้กยภาพในการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และดืสธรรมในจิตใจให้เจริญรุ่งเรืองควบคู่กันไปได้เลยทีเดียว ๑. วิธีวัดความเป็นคนดีคนชั่ว เรามาเริ่มต้นที่การตั้งคำถามว่า ในพระพุทธศาสนามีหลักการ วัดความเป็นคนดีคนชั่วอย่างไร ให้ถูกต้องดรงดามความเป็นจริง เนึ่องจากแต่ละคนในโลกนี้มืสติปัญญา มืบุญบารมืแก่กล้า ไม่เท่ากัน อยู่ในเพศภาวะไม่เหมือนกัน เช่น ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก ผู้ใหญ่ พระ คฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น วิธีวัดความดีของตัวเองจึงมือยู่หลายวิธี ด้วยกัน แต่มืวิธีหนึ่งซึ่งเป็นวิธีกลาง ๆ ใช้วิธีนี้แล้วจะเห็นตัวเอง ชัดเจนว่าดีหรือไม่ดี โดยไม่ต้องมืใครมาช่วยตัดสินให้เรา นั่นคือ การวัดด้วยการทำหน้าที่ของคนดีอย่างสมบูรณ์ ถ้าใครทำหน้าที่ของตัวเองได้ครบล้วนสมบูรณ์!ม่ฃาดตกบกพร่อง คนนั้นได้ชั่อว่าเป็นคนดี นักสร้างบารมีฟ้อพ่พน้าทั๋ให้ครบถ้วนบริใ^รณ์ G นดํ...นักสร้างบารมี Ce www.kalyanamitra.org

แด่ถ้าใครทำฬน้าที่ซองตัวเองขาดดกบกพร่อง คนนั้นไตัที่อว่าเ!]น ๒. หน้าที่คืออะไร คราวนี้ก็เลยต้องถามกันต่อ ที่เรียกว่า \"หน้าที่\" นั้น เป็นอย่างไร ซึ่งโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น ๒ บ่ระ๓ท คือ หน้าที่ดิน กับ หน้าที่คน ๑) หน้าที่ดิน ยิ่งกว้าง ยิ่งราคาดี \"หน้าที่\"ในแง่ของชาวบ้านก็คือ ด้านหน้าของที่ดินของเราที่ติดถนน เขาเรียกว่า \"หน้าที่\" ถ้าข้างหลังนั้นเขาเรียกว่า \"หลังที่\" ข้าง ๆ เขาเรียกว่า \"ข้างที่\" นี่พูดกันง่าย ๆ คราวนี้ที่ดินหน้าบ้านของเรานั้น จะมีค่าหรือไม่มีค่า ราคาจะแพงหรือจะถูกนั้น มันอยู่ตรงหน้าที่นั่นแหละ ถ้าด้านหน้าของที่ดินที่อยู่ติดถนน มีความกว้างมาก ๆ ไม่ใช่หน้า แคบ ๆ หน้าที่แบบนี้ดี แต่ที่กว้างอย่างเดียวไม่พอ มันต้องไม่เป็นหลุมเป็นบ่อด้วย ต้องไม่รกด้วย นํ้าไม่ท่วมด้วย แด่...นกสร้างบารมี Ce or น้กรร้างบารมีฟ้องทำหน้าทึ๋ใฟ้ครบถ้วนบาบุรณ์ www.kalyanamitra.org

ยิ่งมีนํ้าประปามีไฟฟ้าผ่านยิ่งดีหนักเข้าไปอีก แล้วถ้าหน้าที่ของเรานั้นยิ่งดีมากเท่าไร ค่าที่ของเราก็แพงมาก ขึ้นมาตามนั้นไปด้วย เช่น มีถนนตัดผ่าน ๒ สาย หรือ ๒ ด้านของที่ดิน ทำ ให้หน้าที่กว้างเป็นพิเศษขึ้นไปอีก ที่ดินของเราก็ราคาแพงขึ้นไปอีก หรือ ยิ่งบ้านใครมีพื้นที่กว้าง ๆ มีถนนตัดผ่านถึง ๔ ด้านเลย ใครมีพื้นที่รอบ ทั้ง ๔ ด้านอย่างนี้ ถือว่าเป็นที่ทำเลทอง ราคาแพงมหาคาล ๒) หน้าที่คน ยิ่งรับผิดชอบ ยิ่งเ!]นคน)มีค่ามาก คราวนี้ย้อนกลับมาดูที่ตัวคน คนเราทุกคนพอเกิดมาล้วนมีหน้าที่ ติดตัวมา เพียงแต่จะได้คิดหรือไม่ได้คิดเท่านั้น ถ้าใครได้คิดแล้วก็ คิกษาจนกระทั่งรู้หน้าที่ของตัวเอง และปฏิบัติหน้าที่ให้ดี ให้ครบ รับรองว่า คน ๆ นั้นเจริญรุ่งเรืองแน่ หน้าที่ชองคนเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ? ทันทีที่เราร้องอุแว้คลอดออกมาจากท้องคุณแม่เท่านั้นแหละ มีหน้าที่ติดตัวมาทันที คือมีหน้าที่จะต้องเป็นลูกที่ดีของคุณพ่อคุณแม่ ตั้งแต่นอนอยูในเปล เช่น ไม่ขี้อ้อน ไม่ขึ้แย ไม่ปวยกระเลาะกระแสะ โตขึ้tเมาพอไปโรงเรืยนได้ก็มีหน้าที่เพิ่มขึ้นมาอีก คือมีหน้าที่เป็น ลูกคิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ โตขึ้นไปอีก มีหน้าที่จะต้องเป็นประชาชนที่ดีฃองประเทคชาติ นักสTV3บารมีต้องทำหน้าทื่ใพ้•รบถ้วนบ่7yรณ์ oo แด่...นักสร้างบารมี Ce www.kalyanamitra.org

ครั้แไปทำงานทำการก็มีหน้าที่ประจำงานที่เราทำงอกเงยตามออก มาอีก ถ้าไปแต่งงานแต่งการก็มีหน้าที่เพิ่มมาอีก จะต้องเป็นสามีที่ดี ต้องเป็นภรรยาที่ดี แล้วถ้าวันใดวันหนึ่งมีลูกก็มีหน้าที่ต้องเป็นพ่อเป็นแม่ที่ดี และถ้าวันไหนมาบวชเป็นพระก็มีหน้าที่ต้องเป็นพระที่ดีอีก มันมีหน้าที่เกิดขึ้นมาอย่างนี้ แทบจะทุกลมหายใจ เพิ่มขึ้นมา เรื่อย ๆ อย่างนี้ ล้าใครทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี คนนั้นแหละเป็นคนดี ๓. ทำ หน้าที่หลักประจำทิศ ๖ ให้สมบูรณ์ คราวนี้เมื่อหน้าที่ของคนมีมากขนาดนี้ถามว่าแล้ว หน้าที่ที่ส์าตัญ ๆ นั้นอยู่ตรงไหน เพราะถึงแม้ใครไปทำหน้าที่ย่อยดี แต่หน้าที่หลักทำไม่ดี ฑ็ยังเป็นคนดีไม่ได้ แต'ใครทำหน้าที่หลักได้ดี หน้าที่ย่อยอาจจะเว้นว่าง ไปแยบ้าง ก็ยังลือว่าเป็นคนดีได้ ตรงนี้สำคัญ เพราะฉะนั้น พระสัมมาล้มพุทธเจ้าจึงทรงช!ว้ว่า มนุษย์แต่ละคน มีหน้าที่หลักที่ใครจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องทำไห้ลมบูรณ์จึงนับว่าเป็นคนดี เรียกว่า หน้าที่ประจำทิศ ๖® โดยอุปมาหน้าที่ของแต่ละคนเป็นเหมีอน ทิศประจำรอบตัวคนเรา สิงคาลกสูตร, ที.ปา. ๑๖/®๙๘-๒0๕/๘๗-๙๒ (มมร.) นด่...นักสร้า'เนารมี Ce ๑® นักสร้างบา•รมีต้องทำหน้า11ใท้ครบถ้วนบ่ริ\\jรณ์ www.kalyanamitra.org

®) ทิศเบื้องหน้า คือ มารคาบิดา บุคคลที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในชีวิตของลูกทุกคนก็คือพ่อแม่ เพราะเหตุนี้ พระสัมมาส้มพุทธเจ้าจึงทรงจัดให้พ่อแม่เป็นทิศเบื้องหน้า ของลูก ใครที่เมื่อโตขึ้นมาก็ดูแลพ่อดูแลแม่เป็นอย่างดี แล้วเมื่อถึงคราว ตัวเองเป็นพ่อเป็นแมกดูแลลูกอย่างดี ถ้าทิศนี้ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ทั้ง พ่อเฟทั้งลูก ก็เรียกว่าคนๆ นั้นทำหน้าที่ในทิคเบื้องหน้าได้สมบูรณ์แล้ว หน้าที่ของมารคาบิคาต่อบุตรธิดา หน้าที่ของบุตรธิคาต่อมารคาบิคา ๑. ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว ๑. ท่านเลี้ยงเรามา เราจักเลี้ยง ๒.ให้ตั้งอยในความดี ท่านตอบ ๓. ให้คืกษาคืลปาทยา ๒. จักทำกิจของท่าน ๔. หาภรรยา (สามี) ที่สมควรให้ ๓. จักดำรงวงคัตระถูล ๕. มอบทร้พ่ย์สมบัติให้!นเวลา ๔. จักประพฤติตนให้เหมาะสม อันสมควร ทิจะเป็นทายาท ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำ บุญ J_- . ๒) ทิศเบื้องขวา คือ ครูอาจารย์ เมื่อโตขึ้นมา เราไปโรงเรียนก็มีหน้าที่ที่จะตัองทำตัวเป็นลูกคืษย์ ที่ดีของครูบาอาจารย์ และครูบาอาจารย์เองก็มีหน้าที่จะต้องทำตัวให้เป็น ครูบาอาจารย์ที่ดีตํอศิษย์ ต้องทำกันอย่างนี้ ใครทำหน้าที่ตรงนี้!ด้ครบดี ถีอว่าเป็นคนดีขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง นัก{'ร้างบาร}]ฟ้องทำVIน้ใทึ๋ใฟ้'fi•ฌถ้วนบริบูรณ ๑® นด่...นกสร้างบาร>3 Ce www.kalyanamitra.org

พ่รท์หี่ซอ^ครูอาจารย์ต่อสีฬ์ พน้าที่ฃองสิษย์ต่อครูอาจารย์ ๑. แนะนาให้เป็นคนดี ๑. ลุกขึ้นยีนรับ ๒. ให้เรียนดี ๒. เข้าไปคอยรับใช้ ๓. บอกความรู้ในดีลปวิทยา ๓. เซี่อฟ้ง ทุกอย่างด้วยดี ๔. ดูแลปรนนิบ้ติ ๙. ยกย่องไห้ปรากฏในมิตรสหาย ๕. ท่าความป้องกันในทิศทั้งหลาย ๕. เรียนดีลปวิทยาโดยเคารพ ท) ทิศเบืองหลัง คือ สามีภรรยา ใครเป็นสามี ทำ หน้าที่สามีให้ดี ใครเป็นภรรยา ทำ หน้าที่ภรรยา ให้ดี อย่าขาดตกบกพร่อง ถ้าไม่ขาดตกบกพร่องก็เรียกว่า ทิศเบื้องหลัง เราทำหน้าที่ดีแล้ว สมบูรณ์แล้ว เโ หน้าที่ของสามีต่อภรรยา หน้าที่ซองภรรยาต่อสามี ๑. ให้เกียรติยกย่อง ๑ จัดการงานดี ๒. ไม่ลูหมิ่น ๒. สงเคราะห์คนข้างเคียงดี ๓. ไม่ประพฤตินอกใจ ๓. ไม่ประพฤตินอกใจ ๙. มอบความเ' ๔. รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ ๕. ขยันไม่เกียจคร้านในกีจทั้งปวง ๕. ให้เครื่องแต่งตัว นด่...ปักสร้างบารมี Ce oa นักลTพบางม็พ้องท่าviviiyflvrnvniuinijiril www.kalyanamitra.org

๔) ทิสเบื้อง^าย คือ มิตรสหาย ทิศนี้พระสัมมาส้มพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นทิศระหว่างตัวของเรากับ พรรคพวกเพื่อนฝูง รวมถึงคนในสังคมและราชการงานเมืองทั้งหลาย นี้คือทิศที่เกี่ยวข้องกับเราทางเบื้องซ้ายหากใครปฏิบัติหน้าที่แห่งความเป็น เพื่อนของตัวเองได้ดี แล้วปฏิบัติหน้าที่ที่ตัวเองมีต่อราชการด้วยอย่างดี อย่างนี้ก็เรียกว่า ทำ หน้าที่ทางทิศเบื้องซ้ายไว้ได้ดี ถือว่าเป็นคนดีขึ้นมาอีก ระดับหนึ่ง หน้าที่ของมิตรสหายต่อมิตรสหาย หน้าที่ของมิตรสหายอนุเคราะห์คอบ ๑. ป้องกันมิตรผู้ประมาทแล้ว ๑. แบ่งป้นสิงของให้ ๒, ป้องกันทรัพย์ของมิตร ๒. กล่าววาจาเป็นที่รัก ผ้ประมาทแล้ว ๓. ประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ ๙, วางตนสมํ่าเสมอ cn. เมื่อมีภัยก็เป็นที่พื่งพำนักได้ ๕, ไม่พุดจาหลอกลวงกัน ๔, ไม่ละทิ้งในยามอันตราย ๕. นับถือตลอดถึงวงส์ตระกูล ของมิตร ๔) ทิศเบืองล่าง คือ บริวาร ใครเป็นหัวหน้าก็มืหน้าที่ที่จะต้องดูแลลูกน้องให้ดี หรือถ้าเราเอง ยังเป็นลูกน้องอยู่ ก็ต้องดูแลลูกพื่ให้ดี พร้อมกับปฏิบัติตัวเองให้ดีด้วย ไปในตัว A นักรรใงบ'™ต้องทำVเนาที่ใฟ้ครบfrjนบริ!^รถร ๑๔ แด่...นักสร้างบารม ๔ www.kalyanamitra.org

หน้าที่ของนายจ้างต่อลกจ้าง หน้าที่ของลกจ้างต่อนายจ้าง ๑. จัดการงานให้ทำตามสมควร ๑. ตื่นขึ้นทำงานก่อนนาย แก่กำลัง ๒I . เลิกงานเข้านอนทีหลังนาย ๒. ให้อาหารและค่าจ้าง ๓I . ถีอเอาแต่ของที่นายให้ ๔. ทางานให้ดีขึ้น ๓. ดูแลรักษายามเจ็บปวย ๕. นำ คุณของนายไปสรรเส^ ๔. ให้อาหารมีรสแปลก ๕. ให้หยุดงานตามโอกาส ๖) ทิศเบื้องบน ดือ สมณะ ทิศเบื้องบนมีสมณะ มีพระภิกษุอยู่ประจำทิศนั้น คอยชี้แจงแสดง ธรรมให้แก่เรา เราก็มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตัวกับท่านอย่างดี ท่านก็จะไต้ อบรมสั่งสอนเราอย่างดีอีกเหมือนกัน หน้าที่ของพระสงฆ์ต่อคฤหัสถ์ หน้าที่ของคฤหัสถ์ต่อพระสงฆ์ ๑. ห้ามไมให้ทำความชั่ว ๑. จะทำสิงใด ก็ทำ ด้วยฌตตา ๒. ให้ตั้งอยู่ในความดี ๒. จะพูดสิงใด ก็พูดด้วยฌตดา ๓. อนุเคราะห์ด้วยนาใจอันดีงาม ๓. จะคิดสิงใด ก็คิดด้วยเมตตา ๔. ให้!ด้ฟังสั่งที่ยังไม่เคยฟ้ง ๔. เปิดประตูต้อนรับ ๕. อธิบายสั่งที่เคยฟ้งแล้วให้เข้าใจ ๕. ถวายปัจจัยเครี่องยังชีพ แจ่มแจ้ง ๖. บอกทางสวรรค์ให้ ด'...นักสร้างบารมี ^ ๑๔ นักสร้างบาารท้อพ่™น้!ทั๋ให้ครบถวนบ11^รณ์ www.kalyanamitra.org

๔. ป็ญหาสิวิตเกิดจากทิศทั้ง ๖ ไฝได้ทำหน้าที่ให' สมบรณ์ <บ ถ้าใครปฏิบัติตัวตามหน้าที่ประจำทิศทั้ง ๖ ให้สมบูรณ์ ชีวิตก็ไม่มี ปัญหา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็เพราะคนแต่ละทิศบกพร่องในการทำหน้าที่ ของตน หลวงพ่อขอยกตัวอย่าง ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ คุณพ่อคุณแม่ พระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงชี้ลงไปว่า พ่อแม่มีหน้าที่พึงปฏิบัติต่อลูก อย่างน้อย ๕ ข้อ ประการที่ ๑ ห้ามลูกไฝให้ทำความชั่ว แม้ว่าลูกจะยังเด็ก หัวเท่ากำปัน ก็ต้องสอนลูกว่าอย่าทำความชั่ว แม้ลูกจะไปแต่งงานมีสามี มีภรรยาแล้วก็ต้องคอยดูด้วยว่าไปทำความชั่วหรือเปล่า ถ้าลูกทำความชั่ว ล่ะก็ คนเป็นพ่อแม่ยังต้องเรียกลูก มาตุ มาตักเตือนอีกนั่นแหละ ประการที่ ๒ สอนให้ลูกตั้งอยู่ในความดี พ่อแม่ต้องทำหน้าที่นี้ ตั้งแต่ลูกหัวเท่ากำปัน ความดีใดที่ดี ๆ บอกลูกแล้วก็ฝ็กให้ลูกทำเข้าไป ทำ จนกระทั่งได้เป็นนิสัยรู้ดีรู้ชั่วติดตัวลูกไปตั้งแต่หัวเท่ากำปันแล้วเม้ว่า ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ แต่งงานแต่งการไปแล้วก็ตาม หรือต่อให้ไปเป็นนายก รัฐมนตรีด้วย พ่อแม่ก็ยังต้องดูแลลูกอยู่ หากถ้าลูกไปทำความชั่ว ก็ต้อง เตือนอีกห้ามอีกนั่นแหละ แล้วถ้าลูกทำดีก็ส่งเสริมให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป นักสร้างบารมีต้องทำหน้าทึ๋ใV■ครบถ้วนบริ\\เรณ์ at) นด่...นักสร้างบารมี ๔ www.kalyanamitra.org

ประการที่ ฅ ให้สืกษาสิลปวิทยา เมี่อลูกอยูในวัยสืกษา พ่อเฌ่ ต้องส่งเส์ริมให้ลูกได้รํ่าเรียนเขียนอ่านอย่างดี ประการที่ ๙ หาภรรยาหรือสามีที่สมควรให้ เมื่อลูกโตเต็มที่จะ แต่งงานแต่งการมีครอบครัว พ่อแม่ก็ต้องไปช่วยดูด้วย อย่าให้ลูกไปคว้า ไปตะปบเอาใครสะเปะสะปะมาแต่งงานด้วย เดี๋ยวจะเสือมเสียทั้งวงส์ทั้ง ตระกูล ประการที่ ๔ มอบทรัพย์สมบัติให้ในเวลาอันควร เมื่อถึงเวลา อันลมควรก็มอบมรดก มอบทรัพย์ลมบัติให้ลูกไป ลูกจะได้ไปตั้งเนื้อ ตั้งตัวให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป หน้าที่ของพ่อแม่ทั้ง ๕ ประการนื้ มีอยู่ประจำทิศเบื้องหน้า ปัญหาในบ้านเมืองของเราขณะนื้ เกิดจากความบกพร่องใน ทิศเบื้องหน้านื้อย่างหนัก คุณพ่อคุณเฌในยุคนื้ได้ทิ้งหน้าที่ ๒ประการแรก ไปเกือบหมดแล้ว คือ ไม่ได้ตามจํ้าเจํ้าไชร่า สิงใดดี สิงใดชั่ว สิงใดลูก สิงใดผิด สิงใดควร สิงใดไม่ควร สิงใดเป็นบุญ สิงใดเป็นบาป สิงเหล่านื้เมื่อลูกรักไม่ได้ถูกลอนให้จำฝังใจ ไม่ได้ถูกสืกให้ปฏิบัติ ในสิงที่ถูกที่ควรเอาไว้จนเป็นนิสัย ผลร้ายก็เกิดขึ้นตามมามากมาย ทั้งต่อตัวลูก ชื่อเสียงของพ่อแม่ ความจุ่นวายในครอบครัว แล้วก็กลายเป็น ปัญหาสังคม นด่...นักสร้างบารมี Ce fflCV น้ทสร้างบารมีต้องทำหน้าทํ่ใฟ้ครบถ้วนบริรณ์ www.kalyanamitra.org

ทำ ไมฟอนฝจึงไฝสอนลูก ? ๑) เพราะพ่อเฌ่มัวแต่เอาเวลาไปนั่งจ้องดูทีวี บางทีก็หลับกัน คาจอทีวีนั่นแหละ เลยไม่มีเวลาสอนลูก เมื่อลูกโตขึ้นมา จึงไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด อะไรควร อะไรไม่ควร อะไรบุญ อะไรบาป เขาจึงทำสิงต่าง ๆ ออกไป โดยไม่รู้ว่าดีหรีอชั่ว ๒) เพราะพ่อเฒ่ฝากความหวังไว้กับทิศเบื้องขวา คือ ครูอาจารย์ มักคิดกันง่าย ๆ ว่าอีกหน่อยส่งลูกไปอยู่โรงเรียนดี ๆ ครูก็สอนเอง นั่นแหละ คิดอย่างนี้แล้วก็จ้องแต่จะทำมาหากินเพื่อหาเงินประเคนให้ลูก เรียนหนังสิอ แต่ปัญหามันไม่ได้จบแค่นั้น เพราะเมื่อส่งลูกไปโรงเรียนนั้นแล้ว ครูก็ไม่มีปัญญาจะขึ้ผิดชี้ถูกให้ลูกคิษย์อีกเหมีอนกัน เพราะขนาดพ่อแม่ มีลูกทีละคนยังไม่มีเวลาจะสอน แต่ครูคนหนึ่งมีลูกคิษย์เป็นสิบเป็นร้อย แม้พยายามสอนเท่าไรก็ยากจะสอนให้ทั่วถึง แถมบางทีครูเองก็ไม่ค่อยจะ รู้อีกเหมีอนกันว่าดีกับชั่วนั้นเป็นอย่างไร ผลสุดท้ายในลังคมไทยเรา ปัจจุบันนี้!ปถามเถอะลูกเอ้ย ตั้งแต่ หัวถนนยันท้ายถนน ใครช่วยอธิบายทีว่า อะไรคือดี อะไรคือชั่ว อะไร คือถูก อะไรคือผิด อะไรคือบุญ อะไรคือบาป อะไรคือควร อะไรคือ ไม่ควร ก็จะพบว่าหาคนอธิบายไม่ได้เสียแล้ว เพทะไม่รู้จริง ๆ ว่าดีชั่ว เป็!ย่าr งบารม๊ต้องทำทน้าทึ่ให้ค'รบน้วนบร็\\Jรณ์ G>a แล่...14ทศร้างบารมี (£ www.kalyanamitra.org

เราปล่อยปละละเลยในหน้าที่ของพ่อแม่กันนาน แล้วบุคคล เหล่านี้เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ มาเป็นพ่อแม่ เขาก็ไม่สามารถจะขึ้ผิดชี้ถูกให้ ลูกได้อีก ก็กลายเป็นปัญหาทิศเบื้องหน้าสะสมในสังคมเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้ ภาวะวิกฤตต่าง ๆ จึงได้เกิดขึ้นในบ้านเมีองของเรา ถ้าถามว่าภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นความบกพร่องของใคร หลวงพ่อขอฝากว่า อย่าเที่ยวไปตำหนิใครเลย ว่าเป็นเพราะรัฐบาลโน้น รัฐบาลนี้ หรือคนโน้นคนนี้ทำผิดไว้ ลองสำรวจตรวจสอบโดยไล่ตาม หน้าที่ในทิค ๖ อย่างนี้ จะพบว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ เท่าที่ควรจะเป็น มันจึงเกิดวิกฤตสังคมขึ้นมา บางท่านอาจนึกแย้งว่าพวกเราเข้าวัดมานานได้ทำหน้าที่ของตัวเอง ในทิคเบื้องหน้านี้อย่างสมบูรณ์ทีเดียว ก็อย่าเพิ่งรืบภูมิใจลูกเอ้ย เพราะ เราทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์แต่ทิคเบื้องหน้า แต่ว่ายังมีอีก ๔ - ๕ ทิค ที่ยังทำไม่สมบูรณ์ เราอาจจะทำหน้าที่พ่อแม่ได้สมบูรณ์ดี แต่ว่าทางทิคเบื้องซ้าย คือ เกี่ยวกับพรรคพวกเพี่อนผู้งเพื่อนบ้าน เราอาจไม่ได้ค่อยทำหน้าที่ตรงนี้ ให้ดี ปรากฏว่าเพื่อนบ้านเรา อย่าว่าลูกของเขาไม่ค่อยจะได้ดี แม้ตัวเขา เองเราชวนมาวัด เขาก็ยังไม่ค่อยมาเสียอีก การที่เพื่อนไม่มาวัด ถามว่า เป็นความผิดของใคร ส่วนหนึ่งก็ของเพื่อนเอง แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นความผิด ของเรา เพราะบางทีก็เคยไปกินเหล้ากับเพื่อนมานาน พอเราเข้าวัด เพื่อนยังไม่เชื่อเลยว่าเราจะเข้าวัดจริง ๆ เพราะฉะนั้น ตรงนี้ถามว่าใครผิด เราก็มีส่วนผิดเหมีอนกัน นด่...'นกรร้างบารมี Cb ๑๔ นักสร้างบารมีต้อพ่าทน้าทั๋ใท้ครบถ้วนirajรณ์ www.kalyanamitra.org

สภาพสังคมในบ้านเราขณะนี้ มีความผิดพลาดอยู่ทั้ง ๖ ทิศเลย นั่นคือ แต่ละทิศไม่ได้หำหน้าที่ของตนให้ดี ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ บิดามารดา ไม่ได้ทำหน้าที่ชองตนให้ดี ทิศเบื้องขวา ได้แก่ ศรูบาอาจารย์ ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนให้ดี ทิศเบื้องซ้าย ได้แก่ พรรคพวกเพื่อนฝูง ไม่ได้ทำหน้าที่ของตน ทิศเบื้องหลัง ได้แก่ สามีภรรยา ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนให้ดี ทิศเบื้องล่าง ได้แก่ ลูกจ้าง ลูกน้อง ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนให้ดี ทิศเบื้องบน ได้แก่ สมณชีพราหมณ์ ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนให้ดี ชีวิตการสร้างบารมีอยู่รอดได้เพราะทิศ ๖ ทำ หน้าที่ ของตนเองได้ดี หลวงพ่อรอดตัวมาทุกวันนี้ เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาทิศเบื้องหน้า คือ โยมพ่อโยมเฒ่ท่านดูแลหลวงพ่อมาดีมากทีเดียว ก็เลยรอดปากเหยี่ยว ปากกามาได้ นักสร้างบาฟ้ต้อพํพน้าที๋ใฟ้ทรบฟ้วนบริบุรณ์ ๏0 แด่...นักสร้างบารมี (e www.kalyanamitra.org

ครั้นต่อมา หลวงพ่อมาพบทิศเบื้องขวา คือครูบาอาจารย์ ก็เป็นบุญ อีกที่ได้ครูบาอาจารย์ที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาพบคุณยาย' ท่านโขลก เอาอย่างหนักเลย วิชาเดรัจฉานทั้งรูดโซ่ ลุยไพ่ หนังเหนียว ท่านสังให้ โยนทิ้งลงคลองลงกระโถนไปหมด ถ้าเป็นคนอื่นสัง จ้างให้หลวงพ่อก็ ไม่เชื่อ แต่คุณยายสัง จะให้ทำอย่างไรก็ทำเพราะรู้ว่าท่านพยายาม ปีดอบายไห้กับเรา ทิศเบื้องซ้าย หลวงพ่อได้พรรคพวกเพื่อนงที่ดี ในขั้นต้นได้ หลวงพ่อธัมมชโย'°ซึ่งท่านยังไม่บวช ก็เหมือนเพื่อนเหมือนพี่เหมือนน้อง ท่านก็ช่วยเป็นทิศเบื้องซ้ายนี้ให้อย่างดี ส่วนทิศเบื้องหลังรอดตัว เพราะยังไม่เผลอใจ ไม่เสียท่าใคร ปิดกั้นไว้อย่างดี ทิศเบื้องล่างก็ทำหน้าที่มาดีเรียบร้อยไม่ติดค้างใครทั้งหัวหน้าและ ลูกน้อง ต่อมาเมื่อหลวงพ่อธัมมชโยบวชท่านก็มาเป็นทิศเบื้องบนไห้กับเรา เราก็เป็นลูกคืษย์ท่านอย่างดี ถือว่าตลอดเวลาชีวิตที่ผ่านมาหลวงพ่อได้ปฏิบัติตัวต่อทิศทั้ง ๖ มาอย่างดี ขณะเดียวกันทิศทั้ง ๖ ที่อยู่รอบด้านก็ได้ช่วยประคับประคอง หลวงพ่อมาอย่างดี เลยท่าให้รอดตัวมาได้ถึงวันนี้ ° คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย พระเทพญาณมหาบุนี วิ. {ไชยยูลย์ ธมฺมชโย) นส่...นกล'ท้งนารมี Cs พัสท้ทภฟ้สัอพำvnSาทึ๋ใฟ้ครบทวนบริyรณ์ www.kalyanamitra.org

เพราะฉะนั้น บุญบารมีใด ๆ ที่หลวงพ่อได้สั่งสมมาถึงวันนี้ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า ทั้งหมดนี้!ม'ใ'!{เพราะฝึมีอตนเองเพียงลำพัง แต่ได้รัมความเมตตากรุณาจากทิศ ๖ ทุกทิศรอบตัวมาประคับประคอง ตามลำดับ ๆ ๑) บุญบารมีที่สั่งสมมาถึงวันนี้!ด้ เป็นฝืมีอของครูบาอาจารย์ ทั้งหลวงพ่อธัมมชโย ทั้งคุณยายท่านโขลกให้ ๒) พ่อแม่ก็ได้ปูพื้นฐานมาให้อย่างดี ๓) พวกเราที่อยู่ที่นี่ก็ช่วยทะนุบำรุงหลวงพ่อหลวงพี่อย่างดี วันนี้จึงได้มีหน้ามานั่งอยู่ตรงนี้ มามีโอกาสได้สืกษาค้นคว้า พระไตรปิฎก มีโอกาสมาได้ทุ่มเทประพฤติปฏิบัติธรรมในความอบรม ดูแลของคุณยายและของหลวงพ่อธัมมชโย ให้รู้จักศูนย์กลางกาย ให้รู้จักพระธรรมกาย ให้รู้จักธรรมะที่ละเอียด ๆ ยิ่งขึ้นมาตามลำดับ ๆ เมื่อหลวงพ่อสำรวจตรวจสอบอย่างนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ว่า ประการที่ ๑ ขอขอบคุณขอบใจพวกเราที่ช่วยให้พลวงพ่อได้สร้าง บุญบารมีได้เต็มที่มาถึงวันนี้ ที่ได้มีส่วนประคับประคองให้หลวงพ่อได้ สร้างบารมีตลอดรอดฝังมาได้ถึงวันนี้ด้วยใจจริง นักสร้างบทมีต้องทำทไ!*าที๋ใI?lfทบถ้วนบริ!Jim นด่...นกสร้างบารมี Ce www.kalyanamitra.org

ประการที่ ๒ เพื่อให้พวกเราได้ข้อคิดไปปรับปรุงการทำหน้าที่ ประจำทิศ ๖ ของด้วเอง หลวงพ่อเองกว่าจะได้ข้อคิดอย่างนี้ ก็บวชเข้ามาถึงพรรษาที่ ๒๖ แล้วถ้าจะให้พวกเราไปค้นเอง ก็อาจต้องใช้เวลานาน ก็เลยถือโอกาสนี้ มาเล่าให้ฟังในวันนี้ เพื่อให้ทำหน้าที่ของคนดีได้ครบถ้วน และจะได้ใช้ ความรู้นี้ช่วยกันแก้สถานการณ์ประเทศชาติบ้านเมืองให้ดีขึ้นเร็ว ๆ หลวงพ่อขอถือโอกาสนี้ อาราธนาบารมืธรรมแห่งองค์สมเด็จ พระล้มมาล้มพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์!นอายตนนิพพานขอให้ทานแผ่บารมื ปกป้องคุ้มครองรักษา ให้พวกเราทุกคน จงมืแต่ความสุขทั้งกายทั้งใจ ให้สามารถไปทำหน้าที่ประจำทิศ ๖ ของตนเอง ทั้งทิศเบีองหน้าคีอบิดา มารดา ทิศเบื้องขวาคือครูบาอาจารย์ ทั้งทิศเบื้องซ้ายคือกัลยาณมิตร ทิศเบื้องหล้งคือสามีภรรยา ทิศเบื้องล่างคือเหล่าบริวาร และทิศเบื้องบน คือสมณชีพราหมณ์ทั้งหลาย ได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นอัศจรรย์ โดยไม่มิ ขาดตกบกพร่อง และให้พวกเรานี้ได้สร้างบุญบารมีได้เต็มที่ เต็มอิ่ม เต็มใจ เต็มมือตลอดไปทุกภพทุกชาติ สามารถสร้างบุญบารมีได้ทับทวี อสงไขยไม่ถ้วน สามารถแตกฉานวิชชาธรรมกาย ติดตามพระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดปากนา''พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย คุณยายอาจารย์ ไปได้[ดยง่ายทุกภพทุกชาติ ตราบวันถึงที่สุดแห่งธรรม จงทุกท่านทุกศน เทอญ ฯ ° พระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร) นด่...นักสร้างบารมี Ce นักสร้บบารมีต้องทำทน้าที่ใท้ครบถ้วนบ่รํyรณ์ www.kalyanamitra.org

งานสร้างบารมีสำเรจได้ ด้วยการทำงานเป็นทีม •< www.kalyanamitra.org

' a www.kalyanamitra.org

งานสร้างบารมีสำเร็จได้ ด้วยการทำงานเป็นทีม โอวาทพระเดชพระคุณพระราชภาวนาจารย์ วิ. (เผด็จ ทตฺตฟ้ว) ในวาระวันคล้ายวันเกิด วันจันทร์ที่ ๒๑ ธ้นวาคม พทธสักราช ๒๕๔๑ เกือบทุกปีที่ใกล้จะถึงวันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อจะต้องแบ่งเวลา อย่างน้อย ๓ - ๗ วันไปนั่งสมาธิอย่างต่อเนื่อง เพื่อทบทวนดูตัวเองบ้าง เพื่อดูหยู่คณะบ้าง ว่ามีฃ้อเด่นข้อด้อย ข้อควรปร้บ่ปรุงแกไขให้ดียิ่งขึ้นไป อย่างไรบ้าง ทำ อย่างนี้ติดต่อกันมานับเป็นสิบ ๆ ปี www.kalyanamitra.org

บางปีถ้างานไม่ยุ่งมากนัก หลวงพ'อจะหาเวลาไปเทศน์อบรม เป็นกลุ่ม ให้กับพระเณรบ้าง อุบาสกอุบาสิกาบ้าง อาสาสมัครบ้าง ซึ่งมีธรรมชาติของงานแตกต่างกันไป โดยพยายามให้ข้อคิด ให้กำลังใจ ให้ข้อแก!ฃปร้บปรุง ตามที่จะพอมีโอกาส อยู่ร่วมกันต้องเตือนกันได้ เพราะผิด - ถูก เป็นครูไต้ สิงที่สำคัญคีอ หลวงพ่อจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่อยูใกล้ชิดไต้วิจารณ์ หลวงพ่อให้ฟังบ้าง ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ โดยถือว่าหลวงพ่อไต้ปาเพ็ญ ตัวเองเป็นกัลยาณมิตรให้กับลูก ๆ ให้กับหยู่คณะมาตลอดทั้งปีแล้ว เมื่อถึงสัปดาห์สุดท้ายของปี ก็เปิดโอกาสให้ลูก ๆไต้ช่วยเป็นกัลยาณมิตร ให้หลวงพ่อบ้าง เพราะคนเราแม้จะวิเศษอย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่ หมดกิเลส ข้อบกพร่องจะมากนัอยก็ต้องมี สิงที่เขาวิจารณ์ก็มีทั้งผิด มีทั้งถูก และทั้งที่เขาเข้าใจผิด หลวงพ่อ เลยถือโอกาสนี้อธิบายขยายความให้เขาเข้าใจถูก แล้วก็ไต้ข้อคิดกลับ มาว่า ขนาดลูกเราอยูใกล้ ๆ อย่างนี้ ยังมีโอกาสเข้าใจเราผิดตั้งมากมาย ต่อแต่นี้เทจะคิด จะพูด จะทำอะไรก็ตาม ต้องคิด ต้องพูด ต้องทำให้ ระมัดระวังยิ่ง ๆ ขึ้นไป พูดง่าย ๆ คือเอาข้อผิดพลาดที่ตัวเองทำไว้ และ ลูก ๆ ที่ใกล้ชิดทำไว้ มาเป็นครูเตือนสติตัวเอง แล้วแก!ขปรับปรุงกันไป ง!นสร้พทรมีสำเร็จได้ด้วยกT5ท่างานเป็นทีม 'OG น65...นักสร้างบารร Ce www.kalyanamitra.org

ในฃ้อที่เขาวิจารณ์มาว่า \"ถูก\" ว่า \"ดี\" บางทีสิงที่เขาชมมานั้น ผิดทั้งเพเลย ตรงนี้อันตราย ฟังแล้วก็ตกใจ หลวงฟอต้องมาอธิบายให้เขา เข้าใจว่า นี่คีอข้อน่ากลัวที่จะต้องรีบรู้และรีบแก้ไข ถ้ารู้ตัวตั้งแต่ต้นปี คงแ!^ขไปได้ตั้งมากแล้ว แต่นี่เขาหลงผิดเอามาชื่นชมไม่รู้มีใครมาทำตาม แบบนี้!ปมากมายเท่าไรแล้ว ส่วนที่ทำดีเอาไว้แล้ว เขาชื่นชมกันถูกต้อง หลวงพ่อก็โมทนากับเขา ที่เขามองเห็นถูกต้องตามความเป็นจริง แล้วก็พยายามที่จะปรับปรุง ให้มันยิ่ง ๆ ขึ้นไป พูดง่าย ๆ ถูกฟ้นคเ ไม่ใต่ผิคฟ้นครูได้อย่างเดียว ถูกนั่นแหละเป็นครูยิ่งขึ้นไปอีก ตรงนี้ขอฝากเอาไว้เป็นข้อคิดประการแรก ถ้าไม่แก้ทิฐิมานะ จะสร้างบารมีไม่ตลอดรอดฝืง เมื่อเริ่มบุกเบิกสร้างวัดพระธรรมกาย คุณยายท่านได้พูดเตือน หลวงพ่อเป็นข้อคิดว่า \"หลวงพ่อหัตตะ ถ้าเด็กวัดคนไหนยังขัดสัวม ไม่ได้ ขัดไม่เป็น ไม่สรอาด อย่าเพิ่งให้บวชนะ ถ้าให้เขาบวชแล้วจร เป็นอันดรายต่อวัด ต่อพรรพุทธศาสนา แลรต่อด้วของเขาเอง ยากที่ จรแกไข\" คุณยายจะพูดตรงนี้ยํ้าแล้วยํ้าอีก ผู้ที่เข้าวัดในช่วงแรก ๆ มาบุกเบิก ขุดดินก้อนแรกกับท่านจะได้ยินเรื่องนี้เป็นประจำ หลวงพ่อฟังแล้วก็ไมใช่ ไม่ปฏิบัติตาม ได้ปฏิบัติตาม แต่ความเข้าใจมันตื้นไปลูกเอ๊ย นล่...นกสร้างบารมี Ce งานสร้างบารมีสํแร็จไสัด้วยกา■รทำงานi2นทีม www.kalyanamitra.org

เมื่อคุณยายพูดว่าอย่างนั้นหลวงพ่อจึงมาดูแลเคี่ยวเข็ญให้อุบาสก ขัดห้องนํ้าห้องส้วม ช่วยกันเช็ดกุฏิ ศาลา อาคาร ซึ่งเขาก็เต็มใจทำกันอยู่ แล้ว มีเพียง ๓ - ๙ คนที่มักหลบ ๆ เลี่ยง ๆ อ้างงานโน้นงานนี้แล้วก็ ไม่ทำ หรือทำแบบเสียไม่ได้ เมื่อถึงคราวหลวงพ่อมอบหมายงานให้ดูแล ความสะอาดวัด ก็อ้างว่า \"ผมเรืยนจบมาสูงขนาดนี้จะให้มาทำงาน อย่างนี้หรือ อย่างนี้ก็อายคนอื่นเขาแย่\" สุดท้ายเขาก็อยู่วัดไม่ได้ ต้องขอ ลาออกไป คำ ว่า \"ขัดส้วม\" ของคุณยาย ไม่ใช่เพียงแค่ส้วมภายนอก แต่เป็น ส้วมภายในใจคน ดือ ทิเ มา'นะ ความถือตัว ความดูลูกดูหมิ่นผู้อื่น เช่น ถือว่าฉันมีการศึกษาสูงบ้าง ฉันมาจากครอบครัวใหญ่บ้าง ฉันมาจาก สถาบันใหญ่บ้าง ฉันไปจบการศึกษามาจากต่างประเทคบ้าง เลยหลบ ๆ เลี่ยง ๆ ไม่ขัดส้วม เป็นต้น จากตัวอย่างที่ยกมาให้ตรงนี้ อยากจะให้เป็นข้อคิดประการที่ ๒ แก่พวกเราว่า ทุกคำพูดที่ครูบาอาจารย์พูด ทุกคำเตือนที่ครูบาอาจารย์ เตือน ทุกคำสอนที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก อ่านแล้วพิจารณาให้ลึก ๆ นะลูก จะได้ไม่ผิดไม่พลาดตามมาอีก สร้างบุญได้เต็มที่ ด้องสร้างบารมีเป็นทีม ข้อคิดข้อต่อไปเป็นเรื่องของการสร้างบารมี เมื่อหลวงพ่อเริ่ม เข้าวัดครั้งแรกมาเจอหลวงพ่อธัมมชโย ตอนนั้นยังไม่มีความคิดว่าจะ งานสTางบารมีสำเร็จได้ด้วยกาพํพพรนทีม 00 แด่...นักส'ภ้งบารมี <£ www.kalyanamitra.org

สร้างวัดไม่มีความคิดว่าจะบวช แต่มีดวามคิดว่าจะสร้างบ้านปฏิบัติธรรม โดยไม่จำเป็นต้องบวชก็ได้ แค่มีที่ดินสัก ๕ \" (ร)0 ไร สรางเป็นบาน ปฏิบัติธรรมให้เหมาะสมแก่การนั่งสมาธิและการอบรม หยู่คณะไม่ต้อง ใหญ่มากนัก แล้วเชิญคุณยายท่านมาเป็นประธานให้การสังสอนอบรม ทั้งการสืกต้วและการนั่งสมาธิ เมื่อตกลงกันตามนั้นแล้ว ก็เริ่มหาที่ดินที่ จะสร้างบ้านปฏิบัติธรรม หลวงพ่อธัมมชโยตอนนั้นยังเป็นนิสิตชั้นปีสุดท้ายของมหาวิทยาสัย เกษตรศาสตร์ หลวงพ่อถามท่านว่า \"การสร้างบ้านปฏิบัติธรรมนั้นไม่จำเป็นต้องสร้างก็ได้ เราต่างคน ต่างอยู่บ้านของเรา ถึงเวลาก็ไปปฏิบัติธรรม ณ ที่ใดที่หนึ่ง หรือที่วัดใด วัดหนึ่ง หรือมาหาคุณยายที่วัดปากนํ้าก็ได้ ทำ ไมจะต้องมาสร้างเป็น บ้านปฏิบัติธรรมขึ้นมาด้วย\" ตอนนั้นหลวงพ่อเพิ่งเข้าวัดใหม่ ๆ ยังมองไม่ออก หลวงพ่อธัมมชโย ตอบไว้ชัดเจนว่า ด่างอยู่ ด่างคนด่างไป ด่างคนด่างทำ โอกาสที่จะฝ่ากระแสกิเลสของโลก มนุษย์นั้!ปใฬ!ดัดลอดรอดฝ่งคงยาก \"และแม้ที่สุด สมมุติว่าฝ่ากระแสกิเลสของโลกไปไดั ก็คงจะไดั ตรัสรู้ธรรมเพียงผู้เดียว เด่น พระป้จเจกพุทธเจ้า ในชาติใดชาติหนึ่ง นลํ...นกสร้างบารมี (e OS) งไเฬร้เงบารมีสำเร็จได้ด้วยกTรท่■เงานเรนทีม www.kalyanamitra.org

เบื้องหน้าโนนการบรรลุธรรมการทุ่มเทฟ้ากระแสกิเลสซองเรา ก็จะรน ประโยชน์แด่เฉพาะคัว ใคร ๆ ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเราเลย มันน่าเสียดายนะ\" จากคำพูดตรงนี้ของท่านทำให้พวกเราตั้งใจที่จะสร้างบ้านปฏิบัติธรรม ไปกราบให้คุณยายท่านเป็นประธานว่าจะทำสิ่งนี้ คุณยายท่านรับปากแล้ว ก็ตั้งใจจะช่วยทำให้สำเร็จ แต่แทนที่จะได้ที่ดินมา ๑๐ - ๒๐ ไร่ กลับได้ มาถง ๑๙๖ ไร่ ในขั้นต้นยังคิดจะทำแค่เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม ไม่คิดจะสร้างเป็น วัด แต่ว่าความคิดของการสร้างบารมีเป็นทีมได้เกิดขึ้นแล้ว หลังจากนั้น จึงค่อยขยายมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกวันนี้ การที่หลวงพ่อยกเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะหวังจะให้เป็นข้อคิดว่า การสร้างบารมีแบบเดี่ยว ๆ นั้น ฝ่ากระแสกิเลสได้ยาก เพราะ ๑) ฝ่ายชายถ้ายังไม่ได้บวชโดนผู้หญิงพูดจ๊ะ ๆ จ่า ๆ ไม่กี่ครั้ง หัวใจที่แกร่งเป็นเหล็กเป็นชุนเขา เดี่ยวก็อ่อนยวบเป็นเทียนถูกลนไฟ แล้วก็ไปแต่งงานเลี้ยงลูก ๒) ฝ่ายหญิงเหมือนกัน คิดจะสร้ไงบารมี แต่นิลัยผู้หญิงมักจะ หูเบา เขาให้เอาตุ้มหูถ่วงก็ไม่ได้คิด บอกว่า \"ถ่วงแล้วสวยดี\" เขาให้ใส่ ตุ้มหูไว้ถ่วงให้หูหนัก ๆ เพี่อจะได้คิดว่า อย่าไปเชื่อใครมากนัก เขาชมว่า สวยน่ารักที่สุดเลย พูดไม่กี่คำเท่านั้นถึงกับลีมพ่อลืมแม่ ตามไปอยู่กับเขา แล้วก็ไปไกวเปลเลี้ยงลูกด้วยกันโอกาสจะสร้างบารมีให้เต็มที่ก็หมดไป งา14สรใงบารมีส่าพ็จได้ด้วยการทำงานเป็นทีม ฅ๏ นดํ...นกสร้างบารมี Ce www.kalyanamitra.org

๓) แม้มาบวชเป็นพระได้ ถ้าไม่สร้างบารมีเป็นทีม เป็นกลุ่ม เป็นหยู่ ก็อีกเซ่นกันไปอยู่ที่วัดไหนซึ่งเขาไม่ทุ่มเทในเรื่องของการสร้ไงบารมี แล้วมีความคิดในการฝึกตัวไม่ตรงกัน เช่น องค์หนึ่งท่านรักจะเทศน์ องค์หนึ่งท่านรักจะเรียน องค์หนึ่งรักจะทำเรื่องสังคมสงเคราะห์ องค์หนึ่งรัก จะไปฝึกอาชีพให้คนจน องค์หนึ่งรักจะไปตั้งโรงพยาบาลแบบแพทย์แผน โบราณหรีออะไรต่ออะไรที่อยู่วัดเดียวกันแนวคิดการฝึกตัวไม่เหมีอนกัน ซึ่งมันก็ไม่ถึงกับผิด แต่นั่นแหละ ถ้าเราไปร่วมอยู่ด้วย โอกาสจะสร้าง บารมีให้เต็มที่ จะนั่งสมาธิให้เต็มที่ก็หย่อนไปมาก แล้วในที่สุดก็อาจจะ สืกหาลาเพศไป หรีอถ้าไม่สีกก็อยู่ไปอย่างนั้น นึ่เป็นตัวอย่างว่าเฌ้บวช เป็นพระแต่ถ้าไม่ได้อยู่กับหมู่คณะที่มีเป้าหมายเดียวกัน ไม่ได้อยู่กับทีม ที่มุ่งจะปราบกิเลส มุ่งไปส่พระนิพพาน มุ่งไปส่ที่สุดแห่งธรรม ถ้าไม่มีหมู่ คณะอย่างนี้ เม้บวชก็ยากจะสร้างบุญบารมีได้เต็มที่ นี้คือสิ่งที่ต้องคิดว่า ทำ ไมพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยจึงได้ ยํ้านักยํ้าหนาว่า \"ต้องสร้างบารมีเป็นทีม\" มันอยู่ตรงนี้ลูก สีลและวินัย พื้นฐานของการสร้างบารมีเป็นทีม คราวนี้เมื่ออยู่เป็นทีม ยิ่งทีมใหญ่หมู่คณะใหญ่เท่าไร ต้องยอมรับ ความจริงกันว่า พื้นฐานทางครอบครัว พื้นฐานทางการสืกษาฃองแต่ละคน ไม่เหมีอนกัน พื้นฐานโดยเพศโดยวัยก็ต่างกันไปมากมายฐานะตำแหน่ง แต่เดิมก็ต่างกัน เหล่านี้เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้โอกาสจะกระทบกระทั่ง นฅํ...นกสร้างบารมี te oo งานสร้าฒารม็สำเร็จได้ด้วยการทำงานเป็นท๊ม www.kalyanamitra.org

กันสูง เมื่อกระทบกระทั่งกันสูง ก็จะเกิดความรำคาญ แล้วที่หวังว่าจะ สร้างบารมีเป็นทีมก็วักจะล้า ๆ ไป นี่เป็นความจริงที่เห็นกันอยู่ หลวงพ่อได้วางมาตรการเรื่องสืล เรื่องวินัย เรื่องระเบียบ เรื่องกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เอาไว้ ยิ่งระเบียบวินัย ทีล กฎเกณฑ์ต่าง ๆ เข้มงวด มากเท่าไร ก็จะลดความกดดัน ลดการกระทบกระทั่งกันของหยู่คณะ ลงได้มากเท่านั้น ตัวของเราเองอาจจะอึดอัดบ้างในการที่จะต้องควบคุม ตัวเองให้อยู่ในกรอบไนระเบียบวินัยที่หยู่คณะตราขึ้นมา รวมทั้งสืลและ วินัยที่พระล้มมาล้มพุทธเจ้าได้ทรงบัญโyติไว้ แต่ว่ามีความจำเป็นจะต้อง ทำ ตามนั้น ไม่อย่างนั้นก็กระทบกระทั่งกันสูง แล้วก็หมู่คณะจะเกิด ความแตกแยก หรีอวักจะล้าไปอย่างที่ว่า ๑. ข้อแตกต่างของ \"สืล\" กับ \"วินัย\" สิงที่อยากจะพูดให้เป็นข้อคิดก็คีอ ขอให้ลูกพระ ลูกเณร ลูกอุบาสก ลูกอุบาสิกามองดูความเหมีอนและความแตกต่างในเรื่องของสืลกับวินัย ft/v _ ๆ สิล เป็นเรื่องฑฏเกณฑ์ดามธรรมธาดิ ล้าใครล่วงละเมิดแล้ว ไม่ว่าจะอยู่คนเดียว ฬ่รือว่าจะอยู่กับหมู่คณะก็เป็นบาปทั้งนั้น เช่น การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นสืล จะอยู่คนเดียวหรืออยู่กี่คนก็เป็นบาป การลักทร้พ่ย์เป็นคิล ใครล่วงละเมิดก็เป็นบาป การประพฤติผิดในกามเป็นสืล ใครล่วงละเมิดก็เป็นบาป งานสร้างบารมีสำเร็จได้๓ยก-เรทํ■เงาณป็นทิม Off- นด่...นักสร้างบารมี Ce www.kalyanamitra.org

การพูดเท็จเป็นสืล ใครล่วงละเมิดก็เป็นบาป การกินเหล้าก็เป็นสืล เสพยาเสพติด พวกนี้มันทำลายจิตใจตัวเอง ถึงแม้ยังไม่ทำลายคนอื่นมันก็เป็นบาป ทั้ง ๕ ข้อนี้เป็นเรื่องของศีล วินัย เป็นกฎเกณฑ์ของสังคม เพื่อใฬ้หพู่คณะอยู่รวมกันได้ ไม่กระทบกระทั่งกัน เช่น พวกเรามาอยู่ด้วยกันแล้วถึงเวลาฉันก็ต้องฉันพร้อมกันถึงเวลาตื่น ก็ตื่นพร้อมกัน ถึงเวลาจำวัดก็จำวัดพร้อมกัน ถึงเวลามาประชุมฟังเทศน์ ก็มาฟังธรรมพร้อมกัน นี้เป็นวินัย ถ้าใครไม่มา แม้ศีลไม่ได้ขาด แต่ว่า ขาดระเบียบวินัย และมีผลทำไห้เกิดการกระทบกระทั่งกันได้ แล้วการ สร้างบารมีก็จะหย่อนลง ศีลกับวินัยมีความเหมีอนและความต่างกันอย่างนี้ บางอย่างเป็น ทั้งศีลด้วยเป็นทั้งวินัยด้วย บางอย่างเป็นเพียงศีล บางอย่างเป็นเพียง วินัย ด้งนั้น เวลาจะทำอะไรต้องดูศีลดูวินัยของตัวเราไห้ดี ๒. คัดกรองคนที่มีฟิลและวินัยเข้ามาเป็นสมา^ก หมู่คณะ ไนกรณีนี้อยากจะฝากกับลูก ๆ ไว้ว่า สาเหตุแห่งความเดีอดร้อน ประการหนึ่งที่เกิดขึ้นไนหมู่ของเรา คือการคัดกรองคนของเรายังดีไม่พอ จึงมีสมาชิกที่ไม่รักศีลไม่รักวินัยเข้ามาปะปน แล้วทำไห้เกิดความ นด่...นักสร้างบารมี (£ 0๕ งานสร้างบารมีสำเร็จได้ด้วยกาพำงาm9นทิม www.kalyanamitra.org

เดือดร้อน เช่น ถ้ามีผู้ทอดืตติดยาเสพติดหลงเข้ามา แม้มีความปรารถนา จะแก!ขตัวเอง แต่ว่าเขาติดมานานแล้ว ในที่สุดก็แพ้อำนาจกิเลส ล่วงละเมิด สืล ล่วงละเมิดวินัย แอบลักลอบเสพยาเสพติดอีก ก็จะเป็นผลเสีย ไม่เฉพาะต่อตัวเขาเอง แต่หยู่คณะก็ได้รับความเสียหายไปด้วย เพราะฉะนั้น การด้ดบุคลากรในภายภาคหน้า ขอฝากไว้ว่า ๑) อย่าร้บคนทีไม่อดทนต่อระเบียบจิน้ยเข้ามาส่หมู่คณะ การไปชักชวนบุคลากรใหม่เข้ามาส่หยู่คณะ ใครที่มีหน้าที่สอบ ลัมภาษโนคัดเสือก หากเห็นว่าไม่เหมาะสม ดูแววที่จะอดทนต่อระเบียบ วินัยไม่ได้ แววที่จะอดทนต่อการอยู่ในกรอบแห'งดืลธรรมอันดืงาม หนักแน่นไม่พอ ช่วยกรองออกเสียตั้งแต่ด้น บางคนบอกว่า \"ไห[อกาสเขาเถอะ อยู่ไปวันหนึ่งคงดื\" ใช่ วันหนึ่ง เขาคงจะดื แต่ก่อนจะดีอาจจะทำความเสียให้แก่หยู่คโนะได้มากมาย เพราะฉะนั้น ใครที่ทำหน้าที่กรองคนเข้ามาในหมู■คณะ ขอให้เข้มงวด กวดชันเรื่องนี้ให้มาก ๒) แกสมาข้กใหม่ให้หน้กแน่นในดืลนละเคร่งครัดในวินัย ใครที่มีหน้าที่ฝึกบุคลากรใหม่ขอให้ฝึกจริงๆจังๆเห็นไม่ชอบ มาพากล ให้ตัดออกไปเสียตั้งแต่ต้น อย่าเพิ่งรีบด่วนรับเข้ามา เราไม่ได้ ทำ ลายเขา แต่เปิดโอกาสให้เขากลับไปฝึกตัวเองที่บ้านก่อน แล้วอีกปี ๒ - ๓ ปี เมื่ออินทรีย์ ดือ สติ วิรียะ สมาธิแก่กล้าแล้ว ค่อยเข้ามาใหม่ ก็ไม่ข้าจนเกินไป งานศร้า«Jารมีสำพํจได้ด้วยการท่างานเป็นทีม ot) แด่...ฟ้ถสร้างบารมี Ce www.kalyanamitra.org

ฅ) แกสมาสิกใหม่ใ'พรักการทำงานเป็นทีม บุคลากรใหม่ที่เ'ข้ามาอยูในหมู่คณะแล้ว ใครที่อดทนต่อการสร้าง บารมีเป็นทีมไม่ได้ ต้องตัดใจใ'ฅ้เขาไปสร้างบารมีที่อื่น มิฉะนั้น เราจะ ต้องมาตามแก้ปัญหาสารพัด งานที่จะเดินห'น้าก็กลายเป็นล่าช้า หรือไม่ ก็ชะงักไป ๓. ผลกระทบจากการไฝคัดกรองคนเข้าสู่หมู่คณะ หลวงพ่อมีอายุมากขึ้นทุกปี เรี่ยวแรงมีแต่จะถดถอย ถ้าไม่ช่วย หลวงพ่อคัดกรองคนเข้ามาในหมู่คณะ เราก็จะเดินหน้าสร้างบารมีได้ ลำ บาก เพราะว่า ๑) ต้องเสียเวลาไปกับการแก้ปัญหากระทบกระทั่งในสิงที่ ไม่ควรต้องกระทบ ๒) ถูกตัดโอกาสที่จะสืกษา-ฝึกฝน-เรียนรู้ในเรี่องที่ละเอียด ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อไป ๓) บุญบารมีแทนที่จะเพิ่มพูนขึ้น ก็ถูกตัดทอนใ'ท้น้อยลงอย่าง น่าเสียดาย เพราะฉะนั้น การที่เราทำหลวม ๆ ในการคัดกรองคนตั้งแต่ ตอนแรก ในที่สุดมันก็จะย้อนกลับมาตัดทอนการสร้างบุญบารมีของ ตัวเอง และของหมู่คณะอย่างน่าเสียดาย นี้เป็นข้อคิดประการที่ ๔ นท่...นกสร้างบารมี Cs CTC* งานสT1งบารรสำเร็จได้ด้วยการทำงาพรนท็ม www.kalyanamitra.org

ทำ งานเป็นทีม คือทั้งองค์กรทำงานเป็นหนึ่งทีมเดียวกัน ในการทำงานเป็นทีม ไมใช่การทำงานแบบแยกเป็นกลุ่ม ๆ แล้ว ต่างคนต่างอยู่เป็นกลุ่มใครกลุ่มมันโดยไม่ประสานงานกัน คำ ว่า \"ทำงานเแนทีม\"นั้นมีหลายระดับ ทั้งระดับตื้นและระดับลึก ส่วนมากจะหลงเข้าใจผิดว่า การทำงานเป็นหยู่เป็นกลุ่มเดียวกัน คือ การทำงานแบบเป็นทีม ยกตัวอย่าง หน่วยงานเดียวมีอาลาลมัครอยู่ ๑,0๐๐ คน แต่แปง ออกเป็นหลายแผนก เวลาทำงานก็รู้จักคุ้นเคยกัน แต่อยู่เฉพาะในกลุ่ม ตนเอง แล้วก็ถีอว่าได้ทำงานเป็นทีม ซึ่งที่จริงแล้วยังไม่ใช่ เพราะแม้ จะมีอาลาสมัครหน่วยงานเดียวกันเป็นหมื่นคนที่รู้จักคุ้นเคยกันอย่างดี แต่หน่วยงานอื่นไม่รู้จักเลย เม้กระนั้นก็ยังได้ชื่อว่า ทำ งานแค่ ๑ กลุ่ม เท่านั้น เรียกว่าทำงานยังไม่เป็นทีม ตรงกันข้าม ใครก็ตามอยู่หน่วยงานเล็ก ๆ มีอาลาสมัคฬวยงาน กันไม่กี่คน แต่เมื่อถึงเวลาลามารถไปเชิญหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาร่วมงาน กันได้ รวมแล้วสัก ๑๐ - ๒๐ กลุ่ม กลุ่มโน้นกลุ่มนี้ต่างส่งตัวแทนมาได้ ๑๐ - ๒๐ คน แต่ว่าแต่ละคนมาจากต่างกลุ่มกัน คนเพียง ๑๐ - ๒๐ คน ที่มาจากหลายกลุ่มนี้จึงจะถือว่าเป็นการทำงานเป็นทีม เพราะได้เกิดจาก การทำงานข้ามกลุ่มออกไปแล้ว งานศ?!งบารมิสำเร็จได้ฟ้วบทใฬางาเนป็นทีม CTG นค่...นกสร้างบารมี Ce www.kalyanamitra.org

การทำงานเป็นทีมกับทำงานเป็นกลุ่มต่างกันอย่างนี้ นี่คือภาพ ทำ งานเป็นทีมในขั้นด้น ด้องเกิดจาฑบุคฝืาฑรหลาย ๆ กลุ่มมาจับมือ ร่วมกันทำงานเป็นทีม ๑. การทำงานเป็นทีมของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตั้งความปรารถนาจะรื้อขนสรรพสัตว์ไป ส่นิพพาน พระองค์ก็สร้างทีมงานมาช่วยงานเช่นกัน พระองค์ทรงมีวิธี ทำ งานเป็นทีมอย่างไร ? เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ในเบื้องต้น พระองค์ยังมีสาวกน้อยอยู่ พระองค์เสด็จไปเป็นประธานทุกแห่งหนเพื่อ สร้างทีม สาวกชุดแรกคือกลุ่มปัญจวัคคีย์มี ๕ รูป กลุ่มที่ ๒ คือกลุ่ม ของพระยสกุมารมี ๕๕ รูป นี่เป็นกลุ่มแรก ๆ ซึ่งยังไม่ได้เป็นทีมเท่าที่ ควรจะเป็น การตั้งทีมมาเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันมาฆบูชา ครั้งนั้น พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมร่วมกัน หลังจากพระองค์ทรงให้ โอวาทปาฏิโมกข์เพื่อเป็นนโยบายในการทำงานเผยแผ่แล้ว ก็ทรงถีอโอกาส นี้จัดทัพครั้งสำคัญ นั่นคือการแต่งตั้งอัครสาวกเบื้องขวาและเบื้องซ้าย ขนมา คือพระสารีบุตร พระมหาใมคคัลลานะ ท่ามกลางหมู่สงฆสาวก ขึ้นเป็นครั้งแรก นส่...นกสร้างบารมี Ce ok งา (ร้างบารมีสำIริจได้ด้วยการทำงานเป็นท็ม www.kalyanamitra.org

ในช่วงหลังตรัสรู[หม่ ๆ พระองค์ทรงปล่อยให้งานเผยแผ่ดำเนินไป ตามธรรมชาติ ครั้นพอได้พระสารีบุตรเป็นอัครสาวกเบื้องขวา พระมหา โมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายก็เริ่มเป็นทีมที่ชัดเจน หลังจากนั้น การแต่งตั้งเอตทัคคะได้ทยอยถูกกำหนดขึ้นมา ทีละองค์ ๆ ทั้งฝ่ายภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในช่วงเวลา ตลอด ร:๕ ปีของการประกาศพระศาสนา โดยเอตทัคคะแต่ละรูป ต่างก็มีกลุ่มทีมงานของตนเองที่มีความถนัดในการเผยแผ่ต่างกัน แต่ว่า ก็ทำ งานประสานกันเป็นทีมทั่วทุกแคว้น ทำ ให้พระพุทธศาสนาแผ่ขยาย ไปทั่วชมพูทวีปอย่างรวดเร็ว ๒. การคัดคนเข้าหมู่คณะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในการสร้างทีมของพระพุทธองค์ เพี่อให้สอดคล้องกับการทำงาน เป็นทีม พระองค์ทรงวางกฎระเบียบการนาบุคคลเข้าหมู่คณะออกเป็น ๓ ช่วง ช่วงที่ ๑ การบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นการนำคนเข้าหมู่ คณะด้วยการบวชด้วยพระวาจาว่า \"จงเป็นภิกษุมาเถิด\" คือพระสัมมา ส้มพุทธเจ้าเป็นผู้ทรงบวชให้เอง คือทรงเลือกบุคคลและกำหนดวิธีบวช เพียงลำพังโดยพระองค์เอง ช่วงที่ ๒ การบวชแบบติสรณคมนูปสัมปทา เมื่อการเผยแผ่ขยาย ไปถึงจุดหนึ่ง การบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทาค่อนข้างจะช้ไ พระพุทธองค์ จึงทรงกำหนดการคัดคนเข้าหมู่คณะด้วยวิธีที่ ๒ คือบวชแบบติสรณ งานสรใงบ■ทมสำทิจได้ด้วยการทำงานเป็นทิม so นด่...นักสร้างฃารมี Ce www.kalyanamitra.org

คมใ5^ปสัมปทา โดยทรงอนุญาตให้พระภิกชุที่มีพรรษาสูงทำการบวช พระใหม่ได้ ด้วยการให้ผู้บวชตั้งนะโม ๓จบ แล้วถีอพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง แต่เนื่องจากในการคัดคนเข้าหมู่คณะช่วงนี้ยังไม่ได้กำหนดเกณฑ์ อายุการบวช อีกทั้งระเบียบวินัยในการอยู่ร่วมกันยังมีไม่มาก ทำ ให้การนำ บุคคลเข้ามาในหมู่คณะยังกลั่นกรองได้เม่ดี จึงเกิดเรื่องวุ่นวายและก่อให้ เกิดการบัญญัติวินัยตามมาอีกมากมาย เช่น มีการรับเด็กเข้ามาบวชเป็น พระใหม่แล้วตกเย็นร้องไห้หิวข้าว'\" พระเก่านึกสนุกไปทำเป็นผีหลอก พระเด็ก ๆ จนร้องไห้ไข้ขึ้นก็มี'° ช่วงที่ ฅ การบวชนบบญัตติจตุดลล้มมอุปสัมปทา เมื่อคณะสงฆ์ เป็นหมู่ใหญ่ขึ้นแล้ว พระสัมมาล้มพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้คณะสงฆ์ คัดเลือกคนเข้ามาในหมู่คณะกันเอง โดยการฝึกให้คณะสงฆ์รับผิดชอบ พระพุทธศาสนาอย่างเป็นทีม เป็นการบวชที่ใช้ลืบมาจนปัจจุบันนี้ การบวชในยุคหสังนี้รัดกุมขึ้น มีประเด็นสำคัญก่อนบวชคีอ มีกฎระเบียบชัดเจน ตั้งแต่การนำคนใหม่เข้ามาในหมู่คณะ ต้องมี ผู้รับรองการันตีความประพฤติ นั่นคือพระอุปัชฌาย์ อีกทังยังการันตีต่อไป ว่า เมื่อบวชให้แล้วก็ยังต้องการัแตีต่อไปว่าจะตามอบรมปมนิสัยให้ดียิ่ง ขึ้นไปด้วย แต่หากติดขัดภารกิจใดก็จะกำหนดบุคคลที่เหมาะสมมาช่วย ทำ หน้าที่เป็นพระอาจารย์ติดตามอบรมแทนซึ่งจะเห็นว่าเมื่อรับคนเข้ามา แล้ว ต้องแน่ใจว่าดูแลได้ ฝึกอบรมได้ไม่มีทอดทิ้งกลางคัน ไม่ยอม ® วิ.มหา. ๔/๖๔๘-๖๕๐/๖๙๘-๗๐๑ (มมร.) วิ.มหา. ๔/๕๙๘/๖๕๐ (มมร.) นด่...นักสร้างบารมี Ce ๔® งในสร้างบารมีสำเร็จได้ด้วยการทำงานเป็นทีม www.kalyanamitra.org

ปล่อยให้เป็นปัญหาของหมู่คณะ และต้องฝึกให้ทำงานเป็นทีมชึ่งมี หลักฐานอยูในพระวินัย ย้อนกลับมาดูหมู่คณะของเรา บัดนี้มีสมาซิกเพิ่มขึ้นมากทั้งฝ่าย พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา การกำหนดกฎเกณฑ์เข้าหมู่คณะ ในขณะนี้ ต้องบอกว่ายังเข้มงวดกวดขันไม่พอ แม้การรับพระของเราจะ อยูในเกณฑ์ดีมาก ๆ แต่ถ้าคิดจะให้เป็นหมู่คณะที่ร่วมสร้างบารมีกันชนิด เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ก็ยังรัดกุมไม่พอ ในเรื่องของพระภิกษุ กฎระเบียบที่พระสัมมาลัมพุทธเจ้าทรง กำ หนดให้!ว้นั้นมีประสิทธิภาพอย่างเหลือเฟือในการฝึกคนให้ทำงานเป็น ทีม แต่มีข้อแม้ตรงที่ว่า ก่อนจะบวชนั้น ขอให้ไต้มารับการฝึกให้เข้มงวด กว่านี้ แล้วพอบวชเข้ามาแล้ว ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่พระสัมมาส้มพุทธเจ้า ทรงวางไว้เท่านั้นก็จะไปได้ การรับสามเณร อุบาสก อุบาสิกา ก็เช่นกัน ต้องฝึกให้ทำตาม ระเบียบวินัยให้เข้มงวดเสียก่อน หากทำหสะหลวมตั้งแต่ต้น ต่อไป ภายภาคหน้าความหละหลวมจะย้อนมาสร้างปัญหาแก่หมู่คณะ เพราะฉะนั้นในเรื่องการรับสมาชิกเข้ามาสู่หมู่คณะ ขอให้เคร่งครัด รัดกุมให้มาก ดูแนวทางการปฏิบัติที่พระพุทธองค์ทรงทำไว้ให้ดี นั่นคือ ความเจริญของหมู่คณะในอนาคต ดังนั้น ในเรื่องของการทำงานเป็นทีม หลวงพ่อขอฝากให้ไว้เป็น ข้อคิดประการที่ ๕ ว่า งานศร้างบารรสำเร็จไต้ด้วยrT3ท-เงานเป็นทีม ราอ แด่...นักลร้างบารมี (£ www.kalyanamitra.org