www.kalyanamitra.org
คณะผู้จดั ทำ� ผู้อุปถมั ภ์โครงการ พระเทพญาณมหามุนี เจา้ อาวาสวดั พระธรรมกาย พระราชภาวนาจารย ์ รองเจา้ อาวาสวดั พระธรรมกาย ทปี่ รึกษา พระมหา ดร. สมชาย ฐานวฑุ ฺโฒ พระมหาสมเกียรติ วรยโส ป.ธ.๙ พระมหาบุญชยั จารุทตฺโต พระมหาวรี วฒั น ์ วรี วฑฺฒโก ป.ธ.๙ พระมหา ดร. สุธรรม สุรตโน ป.ธ.๙ พระครูใบฎีกาอำ� นวยศกั ด์ิ มุนิสกฺโก พระมหา ดร. สมบตั ิ อินฺทปญฺโญ ป.ธ.๙ พระมหาวทิ ยา จิตฺตชโย ป.ธ.๙ เรียบเรียง พระมหาอารีย ์ พลาธิโก ป.ธ.๗ พระมหาสมบุญ อนนฺตชโย ป.ธ.๘ จดั รูปเล่ม พระมหาสมบุญ อนนฺตชโย ป.ธ.๘ พระมหาวนั ชนะ ญาตชโย ป.ธ.๕ พระมหาอภิชาติ วชิรชโย ป.ธ.๗ พระมหาเฉลิม ฉนฺทชโย ป.ธ.๔ ผู้ตรวจทาน นายนอ้ ม ดาดขนุ ทด ป.ธ.๖ อาจารยส์ อนบาลีประโยค ป.ธ.๓ สำ� นกั เรียนวดั พระธรรมกาย ออกแบบปก/ภาพวาด พระมหาสมบุญ อนนฺตชโย และ กองพทุ ธศิลป์ วดั พระธรรมกาย พมิ พ์คร้ังที่ ๑ : กรกฎาคม ๒๕๕๖ จำ� นวน ๑,๕๐๐ เล่ม พิมพท์ ่ี โรงพมิ พ์ โอ เอส พริ้นติ้ง เฮา้ ส์ จำ� กดั พมิ พ์คร้ังที่ ๒ : กรกฎาคม ๒๕๕๗ จำ� นวน ๒,๐๐๐ เล่ม พมิ พท์ ี่ โรงพิมพ์ โอ เอส พริ้นติ้ง เฮา้ ส์ จำ� กดั พมิ พ์คร้ังท่ี ๓ : กรกฎาคม ๒๕๕๘ จำ� นวน ๒,๐๐๐ เล่ม พมิ พท์ ่ี โรงพมิ พเ์ ล่ียงเชียง เพยี รเพือ่ พทุ ธศาสน์ ลขิ สิทธ์ิ : สำ� นกั เรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ผลติ สื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 1 www.kalyanamitra.org
คำ� น�ำ ส ามเณรดว้ ยดตรงั คะหำ� กนลกั ่าแวลยะนื เหยนน็ั คขวอางมพสรำ�ะคเญดั ชอพยา่รงะยคง่ิ ุยณวพดรขะอเงทกพารญศากึ ณษมาพหราะมปุนรี ิยตั (ธิ หรลรมวงพขออ่ งธพมั รมะชภโกิ ยษ)ุ ซ่ึงไดก้ ล่าวไวใ้ นโอกาสท่ีไดจ้ ดั งานมุทิตาสกั การะแก่พระภิกษุสามเณร ผสู้ อบไดเ้ ปรียญธรรม ๙ ประโยค เม่ือปี พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๓ อนั เป็นปี ท่ี ๑๓ ของการจดั งานมุทิตาสกั การะแก่พระ ภิกษุสาม“ผเณทู้ รี่สผอสูบ้ อไดบเ้ไปดรเ้ียปญรียธญรรธมรรมถือ๙วปา่ เรปะ็นโยคววรี บา่ ุรุษกองทพั ธรรม เป็นผนู้ ำ� ความภาคภมู ิใจ มแศขข ลึกอาอสะษงงผู่คพทาทูอ้ณุรกยี่กะพะทนู่ำ�พสร่าล้ี ะุทนงงัมเฆจธดีคะ์ศชวสหผาพาอสลูจ้มรบนวะะสไงเคาำ�ปพดสณุค็ นต้อ่ืบญัพารกตมมรู้สำ�่อมะาึลกไกเาทงชัปส่ืพนแใใ�ำหนชลญคเมะ้อหาญัยยณน็นงนัิใามมคนคดหวีผตีเกาปาคู้”ามม็นนรสนุ อททำ�ี ย้คงำั�(า่หงหญั งาลลยแนวาง่ิลพยแงะรพลรรอะ่อะบั คปธศรอมูัร้วายสาา่มรแนชถสลโาน่ิะงยทป)าจี่ทรเเะจพาา่ ใารน้ื่อหสถทคำ�ก้น้งันวำ�าหาลกัจมลงเัะราใเเียจยหจนกรแ็นิำญ�กลคม่ผยงวัคี ทู่ิง้พาวยี่มสาาืนกสมอเนบยำ�พเนิาไรยี นดด็จรี้ ไเพ สสขปดอานร็ นมงม้ะบั พอเาปณสรรยร่ะวนรา่ิยแภมงทุตนัลยกิปวั่ิธะเ่ิงษปปรไรทสึ็ุกดนรรี่จาษมมะ้กมะเด ีาำ�ท สเณขำล� ศนรเองัพริใบังใทหตื่อพจสว่ั้งจกั้ รปแนดัาอะรตรทุนภีกะพ่ปำ�เิกท ีทฒพั ษ้งัศโทุแนมคุส ลธรารุ่งาวกะศงหมมกขากัเมณรถาอรราศงึาปรยสเึกชป จว่ง ษ็ตนะเา๒สาลรสกรพณอ๕่ื่ออิมรดกใา๓สะไหทลน๑ปปาี่จ้เงบกัรตะโใิิยดสรเหดปตักนายค้็ิบธนานุมณรรนสกีวตระ่าาวตัสม่ืนรนนถงศใตเุปฆหทหกึ วั รผน่าษ์ก้ดะนบู่้าึา้งา้สพวารนนิงหหรกคะานใารห์ปนรา้กรลศกาิยกไัึรกาตัปรศษเธิสกึพใารนษ่งพอ่ืรเาทใมสรทหิศะขรว่ัทก้ิปมอสาางรกงัรงพิยฆาสเดตรัรม่งะีศยิธณเภวสึกรฑกกิรรษินษัมมลาุ เโปดรยียเรญิ่มธตรน้ รจมาก๙กาปรรถะวโายยทคุน กกาารรศจึกดั ษพาิมพกต์ าำ�รรจาดั คงู่มานือมบทุ าลิตีาถสวกัายกแารกะ่สแ�ำกน่พักรเะรภียิกนษทสุ ี่สานมเใณจรแผลสู้ ะออบื่นไๆด้ ท เขแจปาลอี่จ็นกะะงตวพไปำทิ�ดรร.ธยร้ะอาหิา.เภน๓รแนทิ่ิกม่ึงลาังนษหจนะส้ีด ัุบสาื อแทกทรูาธกหามพำ�รง่ผในเราคณนศู้จมงัณึกโารสบรอษาือทยจกาผทเ์าสอลาแูร้้งสัอย่มยรหาต่งนโ์กงลภ่อร้ียเเารตงาไงัยิ่ษเมปม็มร าีศยทีกจนบึกาี่ ดั รษพาใพลขหารมิ-ีาภเ้ะไรดพปาทียตขษ์นรยก้นึิยารบบตภูัไ้ เิธกดาพาลครงพ้อ่ื าร่ี ร๑สยม่แอแ่ง-ลงเไล๘สปดะะ ร รผสร้สิมวะสูะ้ ำ�สบกดหนนารวรใรวบกั ับจใมยสทดนงเ่ิ นรว่ัขกัียุนไ้นึเบรปหกียเรารนีรืยอเศบพงมขกึา่ือีข้นึลษออ้ ีชาำ�โเพ้สนันดรนปวยะออยรปปะาแรศโนริยยยั ะะตัคคโทิธวย๑ี่รเาปช-มร๒็นนมรู้ ์ ประโยชน์ ขอความอนุเคราะห์โปรดแจง้ ใหท้ างสำ� นกั เรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย จทดัรพาบมิ ดพว้ ค์ ยร้ังจตะ่อเไปป็ นพระคุณอยา่ งย่ิง เพื่อจะไดน้ ำ� มาปรับปรุงแกไ้ ขให้บริบูรณ์ย่ิงข้ึน ในการ สำ� นกั เรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย จ.ปทุมธานี 2 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
สารบัญธรรมบทภาค ๕ เรื่อง หน้า ๙. ปาปวรรค วรรณนา ๑. เร่ืองพราหมณ์ชื่อจูเฬกสาฎก ๑ ๒. เรื่องพระไสยสกเถระ ๕ ๓. เรื่องลาชเทวธิดา ๖ ๔. เร่ืองอนาถบิณฑิกเศรษฐี ๙ ๕. เรื่องภิกษุไม่ถนอมบริขาร ๑๔ ๖. เรื่องพิฬาลปทกเศรษฐี ๑๖ ๗. เร่ืองพอ่ คา้ มีทรัพยม์ าก ๑๙ ๘. เรื่องนายพรานกกุ กฏุ มิตร ๒๒ ๙. เรื่องนายพรานสุนขั ช่ือวา่ โกกะ ๒๙ ๑๐. เรื่องพระติสสเถระผเู้ ขา้ ถึงตระกลู ช่างแกว้ ๓๒ ๑๑. เรื่องชน ๓ คน ๓๕ ๑๐. ทณั ๑ฑ๒วร. ร คเรว่ือรงรเณจา้นศาากยะพระนามวา่ สุปปพทุ ธะ ๔๑ ๑. เรื่องภิกษุฉพั พคั คีย์ (๑) ๔๔ ๒. เร่ืองภิกษุฉพั พคั คีย์ (๒) ๔๕ ๓. เรื่องเดก็ หลายคน ๔๖ ๔. เร่ืองพระโกณฑธานเถระ ๔๘ ๕. เร่ืองอุโบสถกรรม ๕๓ ๖. เรื่องอชครเปรต ๕๕ ๗. เร่ืองพระมหาโมคคลั ลานเถระ ๕๙ ๘. เรื่องภิกษุผมู้ ีภณั ฑะมาก ๖๕ ๙. เรื่องสนั ตติมหาอำ� มาตย ์ ๗๑ ๑๐. เร่ืองพระปิ โลติกเถระ ๗๖ ๑ ๑. ชรา๑ว๑รร. ค วเรรร่ือณงสนุขาสามเณร ๗๙ ๑. เรื่องหญิงสหายของนางวสิ าขา ๙๑ ๒. เร่ืองนางสิริมา ๙๔ ๓. เรื่องพระอุตตราเถรี ๙๙ ๔. เเรรื่่ือองงภพิกระษรุผูปมู้ นีมนัานทะายเถง่ิ ร ี ๑๐๑ ๕. ๑๐๒ ๖. เรื่องพระนางมลั ลิกาเทว ี ๑๐๗ ๗. เร่ืองพระโลฬุทายเี ถระ ๑๑๑ ๘. เรื่องปฐมโพธิ ๑๑๕ ๙. เรื่องบุตรของเศรษฐีผมู้ ีทรัพยม์ าก ๑๑๗ ผลิตสอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 3 www.kalyanamitra.org
““การศึกษานั้น สามารถเปล่ียนชีวิตของผู้ศึกษา ให้สูงกว่าพื้นเดิม คนท่มี ีการศึกษาดี จะไดอ้ ะไรก็ดกี ว่าประณีตกว่าผูอ้ ื่น คนมีวิชาเทา่ กับ ได้สมบตั ิจักรพรรดิ กินใชไ้ มห่ มด”” พระมงคลเทพมนุ ี (สด จนฺทสโร) หลวงปวู่ ดั ปากน้�ำ ภาษีเจรญิ 4 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๙ .กถาเป็ นเคร่ืองกล่าวพรรณนาซ่งึ เนือ้ ความแห่งวรรค ๙. ปาปวคคฺ วณฺณนา อันบณั ฑติ กำ� หนดแล้วด้วยบาป ๑. จเู ฬกสาฏกวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ ๑. อ.เร่ืองแห่งพราหมณ์ช่ือว่าจเู ฬกสาฎก (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “อภติ ถฺ เรถ กลฺยาเณติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซง่ึ พราหมณ์ชื่อวา่ จเู ฬกสาฎก ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนานี ้ วา่ เชตวเน วหิ รนโฺ ต จเู ฬกสาฏกพรฺ าหมฺ ณํ อารพภฺ กเถส.ิ อภติ ถฺ เรถ กลยฺ าเณ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ชื่อ อ.พราหมณ์ชื่อวา่ มหาเอกสาฎก วิปสฺสทิ สพลสสฺ กาลสมฺ ึ หิ มหาเอกสาฏก- ได้มีแล้ว ในกาลแหง่ พระทศพล พระนามวา่ วิปัสสี ฯ พฺราหฺมโณ นาม อโหส.ิ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ช่ือ อ.พราหมณ์ช่ือวา่ มหาเอกสาฎก อยมปฺ น เอตรหิ สาวตฺถิยํ จเู ฬกสาฏโก นาม. ได้ มีแล้ว ในกาลแห่งพระทศพลพระนามว่าวิปั สสี ฯ แต่ว่า ตสฺส หิ เอโก นิวาสนสาฏโก อโหส,ิ พฺราหฺมณิยาปิ (อ.พราหมณ์ช่ือว่ามหาเอกสาฎก) นี ้ เป็ นผู้ชื่อว่าจูเฬกสาฎก เอโก; อภุ ินฺนํปิ เอกเมว ปารุปนํ. (ได้เป็นแล้ว) ในพระนครชื่อวา่ สาวตั ถี ในกาลนี ้ ฯ ก็ อ.ผ้าเป็น- เครื่องนงุ่ ผืนหนง่ึ ได้มีแล้ว (แก่พราหมณ์) นนั้ (อ.ผ้าเป็นเครื่องนงุ่ ) ผนื หนงึ่ (ได้มแี ล้ว) แม้แกน่ างพราหมณี อ.ผ้าเป็นเครื่องหม่ ผนื หนงึ่ นนั่ เทียว (ได้มีแล้ว แก่พราหมณ์และนางพราหมณี ท.) แม้ทงั้ สอง ฯ อ.พราหมณ์ หรือ หรือว่า อ.นางพราหมณี ย่อมห่ม พหิคมนกาเล พฺราหฺมโณ วา พฺราหฺมณี วา (ซง่ึ ผ้าเป็นเครอ่ื งหม่ ) ผนื นนั้ ในกาลเป็นทไ่ี ปในภายนอก ฯ ครนั้ ภายหลงั ตํ ปารุปติ. อเถกทิวสํ วหิ าเร ธมมฺ สสฺ วเน โฆสเิ ต ณ วนั หนง่ึ ครัน้ เมื่อการฟังซงึ่ ธรรม ในพระวหิ าร (อนั บคุ คล) พฺราหฺมโณ อาห “โภติ ธมมฺ สฺสวนํ โฆสติ ํ; กึ ทิวา ป่ าวร้ องแล้ว อ.พราหมณ์ กล่าวแล้ว ว่า ดูก่อนนางผู้เจริญ ธมมฺ สสฺ วนํ คมิสฺสส,ิ อทุ าหุ รตฺตึ ? ปารุปนสสฺ หิ อ. การฟังซงึ่ ธรรม (อนั บคุ คล) ป่าวร้องแล้ว (อ. เธอ) จกั ไป สทู่ เ่ี ป็นทฟี่ ัง อภาเวน น สกฺกา อมเฺ หหิ เอกโต คนฺตนุ ฺต.ิ ซงึ่ ธรรม ในเวลากลางวนั หรือ หรือวา่ (อ.เธอ จกั ไป สทู่ ี่เป็นท่ีฟัง- ซง่ึ ธรรม) ในเวลากลางคืน เพราะวา่ อนั เรา ท. ไมอ่ าจ เพ่ืออนั ไป โดยความเป็นอนั เดยี ว กนั เพราะความไมม่ ี แหง่ ผ้าเป็นเครอ่ื งหม่ ดงั นี ้ ฯ อ.นางพราหมณี (กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย อ.ฉนั จกั ไป พฺราหฺมณี “สามิ อหํ ทิวา คมิสสฺ ามีติ สาฏกํ ในเวลากลางวัน ดังนี ้ ห่มแล้ว ซึ่งผ้ าสาฎก ได้ ไปแล้ว ฯ ปารุปิ ตฺวา อคมาส.ิ พฺราหฺมโณ ทิวสภาคํ เคเห อ.พราหมณ์ ยงั กาลอนั เป็นสว่ นแหง่ วนั ให้น้อมลว่ งไปวเิ ศษแล้ว วีตนิ าเมตฺวา รตฺตึ คนฺตฺวา สตฺถุ ปรุ โต นิสนิ ฺโน ในเรือน ไปแล้ว ในเวลากลางคืน น่ังแล้ว ข้ างพระพักตร์ ธมมฺ ํ อสฺโสส.ิ อถสสฺ สรีรํ ผรมานา ปญฺจวณฺณา ของพระศาสดา ได้ฟังแล้ว ซง่ึ ธรรม ฯ ครงั้ นนั้ อ.ปีติ อนั มวี รรณะห้า ปี ติ อปุ ปฺ ชฺชิ. แผไ่ ปอยู่ ตลอดสรีระ (ของพราหมณ์) นนั้ เกิดขนึ ้ แล้ว ฯ (อ.พราหมณ์) นนั้ เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั บชู า ซง่ึ พระศาสดา เป็น โส สตฺถารํ ปูชิตุกาโม หุตฺวา “สเจ คดิ แล้ว วา่ ถ้าวา่ (อ.เรา) จกั ถวาย ซง่ึ ผ้าสาฎก นี ้ ไซร้ อ.ผ้าเป็น- อิมํ สาฏกํ ทสฺสามิ, เนว พฺราหฺมณิยา, น มยฺหํ เครื่องหม่ จกั ไมม่ ี นน่ั เทียว แก่นางพราหมณี อ.ผ้าเป็นเคร่ืองหม่ ปารุปนํ ภวสิ ฺสตีติ จินฺเตส.ิ อถสสฺ มจฺเฉรจิตฺตานํ จกั ไมม่ ี แกเ่ รา ดงั นี ้ ฯ ครงั้ นนั้ อ.พนั แหง่ จติ อนั ประกอบพร้อมแล้ว สหสสฺ ํ อปุ ปฺ ชฺชิ, ปเุ นกํ สทฺธาจิตฺตํ อปุ ปฺ ชฺชิ; ตมปฺ ิ ด้วยความตระหนี่ ท. เกิดขนึ ้ แล้ว (แก่พราหมณ์) นนั้ อ.จิต อภิภวนฺตํ ปนุ มจฺเฉรสหสสฺ ํ อปุ ปฺ ชฺชิ. อันประกอบพร้ อมแล้วด้วยศรัทธา ดวงหน่ึง เกิดขึน้ แล้ว อีก อ.พนั แหง่ จิตอนั ประกอบพร้อมแล้วด้วยความตระหน่ี เกิดขนึ ้ แล้ว อีก ครอบง�ำอยู่ (ซง่ึ จิตอนั ประกอบพร้อมแล้วด้วยศรัทธา) แม้นนั้ ฯ ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 1 www.kalyanamitra.org
อ. ความตระหนอ่ี นั มกี ำ� ลงั (ของพราหมณ)์ นนั้ เป็นราวกะวา่ ผกู อิตสิ สฺ พลวมจฺเฉรํ พนฺธิตฺวา คณฺหนฺตํ วิย ถอื เอาอยู่ ยอ่ มห้ามซง่ึ จติ อนั ประกอบพร้อมแล้วด้วยศรทั ธา นน่ั เทยี ว สทฺธาจิตฺตํ ปฏิพาหตเิ ยว. ตสฺส “ ทสฺสามิ น ทสฺสามีติ ด้วยประการฉะนี ้ ฯ (เมอื่ พราหมณ)์ นนั้ คดิ อยู่ วา่ (อ.เรา) จกั ถวาย จนิ เฺ ตนตฺ สเฺ สว ปฐมยาโม วตี วิ ตโฺ ต. ตโต มชฌฺ มิ ยาเม (อ.เรา) จกั ไมถ่ วาย ดงั นี ้ นน่ั เทยี ว อ.ยามทหี่ นงึ่ เป็นไปลว่ งวเิ ศษแล้ว ฯ สมปฺ ตฺเต ตสมฺ ปึ ิ ทาตํุ นาสกฺขิ. ปจฺฉิมยาเม สมปฺ ตฺเต ในล�ำดับนัน้ ครัน้ เมื่อยามอันมีในท่ามกลาง ถึงพร้ อมแล้ว โส จินฺเตสิ “ มม สทฺธาจิตฺเตน มจฺเฉรจิตฺเตน จ สทฺธึ (อ.พราหมณ์ นัน้ ) ไม่ได้อาจแล้ว เพ่ืออันถวาย (ในยามอันมี- ยชุ ฺฌนฺตสฺเสว เทฺว ยามา วีตวิ ตฺตา, อิทํ มม เอตฺตกํ ในทา่ มกลาง) แม้นนั้ ฯ ครนั้ เมอื่ ยามอนั มใี นภายหลงั ถงึ พร้อมแล้ว มจฺเฉรจิตฺตํ วฑฺฒมานํ จตหู ิ อปาเยหิ สีสํ อกุ ฺขิปิ ตํุ (อ.พราหมณ์) นนั้ คดิ แล้ว วา่ เม่ือเรา รบอยู่ กบั ด้วยจิตอนั - น ทสฺสต,ิ ทสฺสามิ สาฏกนฺต.ิ ประกอบพร้อมแล้วด้วยศรัทธา ด้วย ด้วยจติ อนั ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความตระหน่ีด้วย นั่นเทียว อ.ยาม ท. สอง เป็ นไปล่วง- วิเศษแล้ ว อ.จิตอันประกอบพร้ อมแล้ วด้ วยความตระหน่ี อนั มีประมาณ เทา่ นี ้ ของเรา นี ้ เจริญอยู่ จกั ไมใ่ ห้ เพื่ออนั ยกขนึ ้ ซง่ึ ศีรษะ จากอบาย ท. สี่ (อ.เรา) จกั ถวาย ซงึ่ ผ้าสาฎก ดงั นี ้ฯ (อ.พราหมณ)์ นนั้ ครอบงำ� แลว้ ซง่ึ พนั แหง่ จติ อนั ประกอบพร้อมแลว้ โส มจฺเฉรสหสสฺ ํ อภิภวติ ฺวา สทฺธาจิตฺตํ ด้วยความตระหน่ี กระท�ำแล้ว ซึ่งจิตอันประกอบพร้ อมแล้ว ปเุ รจาริกํ กตฺวา สาฏกํ อาทาย สตฺถุ ปาทมเู ล ด้วยศรัทธา ให้เป็นปเุ รจาริก ถือเอาแล้ว ซง่ึ ผ้าสาฎก วางไว้แล้ว ฐเปตฺวา “ ชิตํ เม, ชิตํ เมติ ตกิ ฺขตฺตํุ มหาสทฺทมกาส.ิ ณ ทใ่ี กล้แหง่ พระบาท ของพระศาสดา ได้กระทำ� แล้ว ซง่ึ เสยี งอนั ดงั สนิ ้ สามครงั้ วา่ อนั เรา ชนะแล้ว อนั เรา ชนะแล้ว ดงั นเี ้ป็นต้น ฯ อ.พระราชา พระนามวา่ ปเสนทิโกศล ทรงสดบั อยู่ ซงึ่ ธรรม ราชา ปเสนทิโกสโล ธมมฺ ํ สณุ นฺโต ตํ สทฺทํ สตุ ฺวา ทรงสดบั แลว้ ซงึ่ เสยี งนนั้ ตรสั แลว้ วา่ อ.เจ้า ท. จงถาม (ซง่ึ พราหมณ)์ นนั้ , “ปจุ ฺฉถ นํ, กึ กิร เตน ชิตนฺติ อาห. โส ราชปรุ ิเสหิ ได้ยินวา่ อ. อะไร (อนั พราหมณ์)นนั้ ชนะแล้ว ดงั นี ้ฯ (อ.พราหมณ์) ปจุ ฺฉิโต ตมตฺถํ อาโรเจส.ิ นนั้ ผู้ อนั ราชบรุ ุษ ท. ถามแล้ว บอกแล้ว ซง่ึ เนือ้ ความ นนั้ ฯ อ.พระราชาทรงสดบั แล้ว ซงึ่ เนือ้ ความนนั้ (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ ตํ สตุ ฺวา ราชา “ทกุ ฺกรํ กตํ พฺราหฺมเณน, อ.กรรมอนั บคุ คลกระท�ำได้โดยยาก อนั พราหมณ์ กระท�ำแล้ว, สงฺคหมสฺส กริสฺสามีติ เอกํ สาฏกยคุ ํ ทาเปส.ิ โส ตมปฺ ิ อ.เรา จักกระท�ำ ซึ่งการสงเคราะห์ (แก่พราหมณ์)นัน้ ดังนี ้ ตถาคตสฺเสว อทาส.ิ (ทรงยงั ราชบรุ ุษ ท.) ให้พระราชทานแล้ว ซงึ่ คแู่ หง่ ผ้าสาฎก คหู่ นงึ่ ฯ อ.พราหมณ์นัน้ ได้ ถวายแล้ว (ซึ่งคู่แห่งผ้ าสาฎก) แม้ นัน้ แก่พระตถาคตเจ้านน่ั เทียว ฯ อ. พระราชา (ทรงยงั ราชบรุ ุษ ท.) ให้พระราชทานแล้ว กระท�ำ ปนุ ราชา “เทฺว จตฺตาริ อฏตฺ ฐถาโคสตฬสสฺเาสตวิ ทฺวคิ ณุ ํ ให้คณู ด้วย ๒ คือ (ซง่ึ คแู่ หง่ ผ้าสาฎก ท.) ๒ (ซง่ึ คแู่ หง่ ผ้าสาฎก ท.) กตฺวา ทาเปส.ิ โส ตานิปิ อทาส.ิ ๔ (ซงึ่ คแู่ หง่ ผ้าสาฎก ท.) ๘ (ซงึ่ คแู่ หง่ ผ้าสาฎก ท.) ๑๖ อีก ฯ อถสฺส ราชา ทฺวตฺตสึ ยคุ านิ ทาเปส.ิ พฺราหฺมโณ (อ. พราหมณ์)นนั้ ได้ถวายแล้ว (ซงึ่ คแู่ หง่ ผ้าสาฎก ท.) แม้เหลา่ นนั้ “อตฺตโน อคฺคเหตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ วิสฺสชฺเชสเิ ยวาติ แกพ่ ระตถาคตเจ้านน่ั เทยี ว ฯ ครงั้ นนั้ อ. พระราชา (ทรงยงั ราชบรุ ุษ ท.) วาทวิโมจนตฺถํ ตโต “เอกํ ยคุ ํ อตฺตโน เอกํ ให้พระราชทานแล้ว ซงึ่ คู่ ๓๒ ท. (แก่พราหมณ์)นนั้ ฯ อ.พราหมณ์ พฺราหฺมณิยาติ เทฺว ยคุ านิ คเหตฺวา ตสึ ยคุ านิ ถือเอาแล้ว ซง่ึ คู่ ท. ๒ คือ ซงึ่ คู่ คู่ ๑ เพื่อตน (ซง่ึ ค)ู่ คู่ ๑ ตถาคตสฺเสว อทาส.ิ ราชา ปน, ตสมฺ ึ สตฺตกฺขตฺตมุ ปฺ ิ เพื่อนางพราหมณี (จากคู่ ๓๒) นนั้ เพื่ออนั เปลอื ้ งซง่ึ วาทะวา่ ททนฺเต, ปนุ ทาตกุ าโม ว อโหส.ิ ปพุ ฺเพ มหาเอกสาฏโก อ. พราหมณ์ ไมถ่ อื เอาแล้ว เพอ่ื ตน สละวเิ ศษแล้ว (ซงึ่ ค)ู่ อนั (อนั ตน) ทจตฺวตสุ ฺตฏฺสึฐยิยาคุ ลทสาฺธฏกากเยลเุ คเทสฺวุ เทฺว อคฺคเหส.ิ อยมปฺ น ได้แล้ว ๆ นนั่ เทยี ว ดงั นี ้ ได้ถวายแล้ว ซง่ึ คู่ ท. ๓๐ แกพ่ ระตถาคตเจ้า อคฺคเหส.ิ นนั่ เทียว ฯ สว่ นวา่ อ.พระราชา, ครัน้ เม่ือพราหมณ์นนั้ ถวายอยู่ แม้ ๗ ครัง้ , เป็นผ้ทู รงประสงค์เพ่ืออนั พระราชทาน อีก เทียว ได้เป็ นแล้ว ฯ อ.พราหมณ์ชื่อว่ามหาเอกสาฎก ได้ถือเอาแล้ว ในคแู่ หง่ ผ้าสาฎก ท. ๖๔ หนา (ซงึ่ คแู่ หง่ ผ้าสาฎก ท.) ๒ ในกาลกอ่ น ฯ ส่วนว่า (อ.พราหมณ์ชื่อว่าจูเฬกสาฎก) นี ้ ได้ ถือเอาแล้ว (ซง่ึ คแู่ หง่ ผ้าสาฎก ท.) ๒ ในกาลแหง่ คู่ ๓๒ (อนั ตน) ได้แล้ว ฯ 2 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.พระราชา ทรงยงั ราชบรุ ุษ ท. ให้รู้ทว่ั แล้ว วา่ แนะ่ พนาย ราชา ราชปุริเส อาณาเปสิ “ทุกฺกรํ ภเณ อ. กรรมอันบุคคลกระท�ำได้โดยยาก อันพราหมณ์ กระท�ำแล้ว, พฺราหฺมเณน กตํ, อนฺเตปุเร มม เทฺว กมฺพเล อ. เจ้า ท. (ยงั กนั และกนั ) พงึ ให้น�ำมา ซง่ึ ผ้ากมั พล ท. ๒ ของเรา อาหราเปยฺยาถาติ. เต ตถา กรึสุ. ราชา ในภายในแหง่ วงั ดงั นี ้ ฯ (อ.ราชบรุ ุษ ท.) เหลา่ นนั้ กระท�ำแล้ว สตสหสฺสคฺฆนเก เทฺว กมพฺ เล ตสสฺ ทาเปส.ิ อยา่ งนนั้ ฯ อ.พระราชา (ยงั ราชบรุ ุษ ท.) ให้พระราชทานแล้ว ซง่ึ ผ้ากมั พล ท. ๒ อนั มีคา่ แสนหนงึ่ (แก่พราหมณ์) นนั้ ฯ อ.พราหมณ์ (คดิ แล้ว) วา่ (อ.ผ้ากมั พล ท.) เหลา่ นี ้ยอ่ มไมค่ วร พฺราหฺมโณ “น อิเม มม สรีเร อปุ โยคํ อรหนฺต,ิ ซง่ึ อนั ประกอบเข้า ท่ีสรีระ ของเรา (อ.ผ้ากมั พล ท.) เหล่านนั้ พุทฺธสาสนสฺเสว เต อนุจฺฉวิกาติ เอกํ กมฺพลํ เป็นของสมควร แกพ่ ระพทุ ธศาสนานนั่ เทยี ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ผกู แล้ว อนฺโตคนฺธกฏุ ิยํ สตฺถุ สยนสฺส อปุ ริ วิตานํ กตฺวา พนฺธิ, ซง่ึ ผ้ากมั พล ผืนหนง่ึ กระท�ำ ให้เป็นเพดาน ในเบือ้ งบน แหง่ ท่ีเป็น- เอกํ อตฺตโน ฆเร นิพทฺธํ ภญุ ฺชนฺตสสฺ ภิกฺขโุ น ที่บรรทม ของพระศาสดา ในภายในแห่งพระคันธกุฎี ผูกแล้ว ภตฺตกิจฺจฏฐาเน วติ านํ กตฺวา พนฺธิ. (ซงึ่ ผ้ากมั พล) ผืนหนง่ึ กระท�ำ ให้เป็นเพดาน ในที่เป็นท่ีกระท�ำ ซง่ึ กิจด้วยภตั ของภิกษุ ผ้ฉู นั อยู่ ในเรือน ของตน เนืองนิตย์ ฯ อ. พระราชา เสดจ็ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของพระศาสดา ในสมยั เป็น- ราชา สายณฺหสมเย สตฺถุ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา ท่ีสิน้ ไปแห่งวัน ทรงจ�ำได้แล้ว ซึ่งผ้ากัมพล ทูลถามแล้ว ว่า กมพฺ ลํ สญฺชานิตฺวา “ภนฺเต เกน ปชู า กตาติ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อ.การบูชา อันใคร กระท�ำแล้ว ดังนี ้ ปจุ ฺฉิตฺวา, “ เอกสาฏเกนาติ วตุ ฺเต, “ พฺราหฺมโณ มม (ครัน้ เมื่อพระด�ำรัส) วา่ (อ.การบชู า) อนั พราหมณ์ชื่อวา่ เอกสาฎก อปสสเฺาสทฏฺฐาเจนตเยฺตวาริปสีทตกีตหิา“ปณจตสฺตหาสโสฺราหนติ ฺถี จตฺตาโร (กระท�ำแล้ว) ดงั นี ้ (อนั พระศาสดา) ตรัสแล้ว (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ จตสฺโส อ.พราหมณ์ ยอ่ มเลือ่ มใส ในท่ีเป็นที่เลอื่ มใส ของเรา นน่ั เทียว ดงั นี ้ อิตฺถิโย จตสฺโส ทาสโิ ย จตฺตาโร ปรุ ิเส จตฺตาโร (ยงั ราชบรุ ุษ ท.) ให้พระราชทานแล้ว ชอื่ ซง่ึ หมวด ๔ แหง่ วตั ถทุ งั้ ปวง คามวเรติ เอวํ ยาว สพฺพสตา จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา กระท�ำ ให้เป็นวตั ถุ ๔ ให้เป็นวตั ถุ ๔ เพียงไร แตร่ ้อยแหง่ วตั ถ-ุ สพฺพจตกุ ฺกํ นามสสฺ ทาเปส.ิ ทงั้ ปวง อยา่ งนี ้คือ ซง่ึ ช้าง ท. ๔ ซงึ่ ม้า ท. ๔ ซงึ่ พนั แหง่ กหาปณะ ท. ๔ ซง่ึ หญิง ท. ๔ ซงึ่ ทาสี ท. ๔ ซง่ึ บรุ ุษ ท. ๔ ซง่ึ บ้านสว่ ย ท. ๔ (แก่พราหมณ์) นนั้ ฯ อ.ภิกษุ ท. ยังวาจาเป็ นเคร่ืองกล่าว ว่า โอ อ.กรรม ภิกฺขู ธมมฺ สภายํ กถํ สมฏุ ฐาเปสํุ “ อโห อจฺฉริยํ ของพราหมณ์ช่ือวา่ จเู ฬกสาฎก เป็นกรรมนา่ อศั จรรย์ (ยอ่ มเป็น) จเู ฬกสาฏกสสฺ กมมฺ ํ, มหุ ตุ ฺตเมว สพฺพจตกุ ฺกํ ลภิ, (อ.พราหมณ์ชื่อวา่ จเู ฬกสาฎก นนั้ ) ได้แล้ว ซง่ึ หมวดสี่แหง่ วตั ถุ อวปิิทาาโเนกวทินเขฺโนตฺตตฏ.ิ ฺฐาเน กเตน กลยฺ าณกมเฺ มน อชฺเชว ทงั้ ปวง สนิ ้ กาลครู่หนงึ่ นนั่ เทยี ว อ.ผลอนั สกุ วเิ ศษ อนั กรรมอนั งาม อนั (อนั พราหมณ์ช่ือว่าจูเฬกสาฎก นนั้ ) กระท�ำแล้ว ในท่ีอนั เป็ น (บุญ) เขต ในกาลนีน้ ั่นเทียว ให้แล้ว ในวันนีน้ ั่นเทียว ดังนี ้ ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ในโรงเป็นท่ีกลา่ วและเป็นที่แสดงซงึ่ ธรรม ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. สตฺถา อาคนฺตฺวา “กาย นตุ ฺถ ภิกฺขเว เอตรหิ (อ.เธอ ท.) เป็นผ้นู ง่ั พร้อมแล้ว ด้วยวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว อะไร กถาย สนฺนิสนิ ฺนาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “ อิมาย นามาติ วตุ ฺเต, หนอ ยอ่ มเป็น ในกาลนี ้ ดงั นี ้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ.ข้าพระองค์ ท. “ภิกฺขเว สจายํ เอกสาฏโก ปฐมยาเม มยฺหํ ทาตํุ เป็นผ้นู ง่ั พร้อมแล้ว ด้วยวาจาเป็นเครื่องกลา่ ว) ช่ือ นี ้ (ยอ่ มเป็น) อสกฺขิสสฺ , สพฺพโสฬสกํ อลภิสฺส; สเจ มชฺฌิมยาเม ดงั นี (้ อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. ทาตํุ อสกฺขิสฺส, สสพพฺพฺพฏจฺฐตกกุํ ฺกอํ ลลภภิสิ;ฺส; พลวปจฺจเู ส ถ้าวา่ (อ.พราหมณ์ช่ือวา่ เอกสาฎก นี)้ จกั ได้อาจแล้ว เพื่ออนั ถวาย ทินฺนตฺตา ปเนส กลยฺ าณกมมฺ ํ แก่เรา ในยามที่หน่ึงไซร้ (อ.พราหมณ์ชื่อว่าเอกสาฎก นี)้ กโรนฺเตน หิ อปุ ปฺ นฺนจิตฺตํ อหาเปตฺวา ตํขณญฺเญว จกั ได้ได้แล้ว ซง่ึ หมวดสบิ หกแหง่ วตั ถทุ งั้ ปวง ถ้าวา่ (อ.พราหมณ์ กาตพฺพํ, ช่ือวา่ เอกสาฎก) นี ้ จกั ได้อาจแล้ว เพื่ออนั ถวายแก่เรา ในยาม- อนั มใี นทา่ มกลางไซร้ อ.พราหมณ์ ชอ่ื วา่ เอกสาฎกนี ้ จกั ได้ได้แล้ว ซง่ึ หมวดแปดแหง่ วตั ถทุ งั้ ปวง แตว่ า่ อ.พราหมณ์ชื่อวา่ เอกสาฎก นี ้ ได้แล้ว ซงึ่ หมวดสแ่ี หง่ วตั ถทุ งั้ ปวง เพราะความที่ (แหง่ ผ้าสาฎก นัน้ อันตน) ถวายแล้ว ในกาลเป็ นท่ีขจัดเฉพาะซึ่งความมืด อันมีก�ำลัง จริงอยู่ อ.กรรมอันงาม (อันบุคคล) ผู้เมื่อกระท�ำ ยงั จติ อนั เกดิ ขนึ ้ แล้ว ไมไ่ ห้เสอ่ื มแล้ว พงึ กระทำ� ในขณะนนั้ นน่ั เทยี ว, ผลติ สือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 3 www.kalyanamitra.org
ด้วยวา่ อ.กศุ ล (อนั บคุ คล) กระท�ำแล้ว ช้า เมื่อให้ ซง่ึ สมบตั ิ ทนฺธํ กตํ กสุ ลํ หิ สมปฺ ตฺตึ ททมานํ ทนฺธเมว ยอ่ มให้ ช้านนั่ เทียว เพราะเหตนุ นั้ อ.กรรมอนั งาม (อนั บคุ คล) ททาต;ิ ตสฺมา จิตฺตปุ ปฺ าทสมนนฺตรเมว กลฺยาณกมมฺ ํ พงึ กระท�ำ ในล�ำดบั แหง่ จิตตปุ บาทนน่ั เทียว ดงั นี ้ เม่ือ ทรงสบื ตอ่ กาตพฺพนฺติ วตฺวา อนสุ นฺธึ ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต ซงึ่ อนสุ นธิ แสดง ซง่ึ ธรรม ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ อิมํ คาถมาห อ.บคุ คล พึงรีบขวนขวาย ในกรรมอนั งาม พึงหา้ ม ซ่ึงจิต “อภิตฺถเรถ กลฺยาเณ, ปาปา จิตฺตํ นิวารเย, จากบาป เพราะว่า (เมือ่ บคุ คล) กระท�ำอยู่ ซึ่งบญุ ชา้ ทนธฺ ํ หิ กรโต ปญุ ฺญํ, ปาปสมฺ ึ รมตี มโนติ. อ.ใจ ย่อมยินดี ในบาป ดงั นี้ ฯ อ.อรรถ วา่ (อ.บคุ คล) พงึ กระท�ำ ดว่ น ๆ คือวา่ เร็ว ๆ ดงั นี ้ ตตฺถ อภิตฺถเรถาติ: “ตุริตตุริตํ สีฆสีฆํ (ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) วา่ อภิตฺถเรถ ดงั นี ้ ฯ จริงอยู่ กเรยยฺ าติ อตโฺ ถ. คหิ นิ า ห,ิ “สลากภตตฺ ทานาทสี ุ (อ.กรรมอันงาม) อันคฤหัสถ์ ครัน้ เม่ือจิต ว่า (อ.เรา) จักกระท�ำ กิญฺจิเทว กสุ ลํ กริสสฺ ามีติ จิตฺเต อปุ ปฺ นฺเน, ยถา ซ่ึง - (ในกุศล ท.) มีการถวายซ่ึงสลากภัตเป็ นต้น หนา - กุศล อญฺเญ โอกาสํ น ลภนฺต,ิ เอวํ “ อหํ ปเุ ร อหํ ปเุ รติ อะไร ๆ นน่ั เทียว ดงั นี ้ เกิดขึน้ แล้ว พึงกระท�ำ ด่วน ๆ นนั่ เทียว ตรุ ิตตรุ ิตเมว กาตพฺพํ. (ด้วยอันคิด) ว่า อ.เรา (จักกระท�ำ) ในก่อน อ.เรา (จักกระท�ำ) ในก่อน ดังนี ้ โดย - (อ.ชน ท.) เหล่าอื่น ย่อมไม่ได้ ซ่ึงโอกาส โดยประการใด - ประการนนั้ ฯ อีกอย่างหน่ึง (อ.กรรมอันงาม) อันบรรพชิต ผู้เม่ือกระท�ำ ปพฺพชิเตน วา อปุ ชฺฌายวตฺตาทีนิ กโรนฺเตน (ซง่ึ วตั ร ท.) มีอปุ ัชฌายวตั รเป็นต้น ไมใ่ ห้แล้ว ซง่ึ โอกาส (แก่ภิกษุ) อญฺญสสฺ โอกาสํ อทตฺวา “อหํ ปเุ ร อหํ ปเุ รติ อ่ืน พงึ กระท�ำ ดว่ น ๆ นน่ั เทียว (ด้วยอนั คิด) วา่ อ.เรา (จกั กระท�ำ) ตุริตตุริตเมว กาตพฺพํ. ปาปา จิตฺตนฺติ: ในกอ่ น อ.เรา (จกั กระทำ� ) ในกอ่ น ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ก็ (อ.บคุ คล) กายทจุ จฺ ริตาทโิ ต ปน ปาปกมมฺ โต อกสุ ลจติ ตฺ ปุ ปฺ าทโต พงึ ห้าม ซงึ่ จิต (จากกรรมอนั เป็นบาป) มีกายทจุ ริตเป็นต้น หรือ วา สพฺพฏฺฐาเน จิตฺตํ นิวารเย. หรือวา่ จากจิตตปุ บาทอนั เป็นอกศุ ล ในท่ีทงั้ ปวง (ดงั นี ้ แหง่ หมวด สองแหง่ บท) วา่ ปาปา จติ ตฺ ํ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ก็ อ.บคุ คลใด ยอ่ มกระทำ� ซง่ึ บญุ ช้า (ด้วยอนั คดิ ) ทนฺธํ หิ กรโตต:ิ โย ปน “ทสฺสามิ, กริสฺสามิ, อยา่ งนี ้ วา่ (อ.เรา) จกั ถวาย (อ.เรา) จกั กระทำ� (อ.บญุ ) จกั ถงึ พร้อม สมปฺ ชฺชิสฺสติ นุ โข เม โนติ เอวํ จิกฺขลมคฺเคน หรือ หนอ แล แก่เรา หรือวา่ (อ.บญุ ) จกั ไมถ่ งึ พร้อม (แก่เรา) ดงั นี ้ คจฺฉนฺโต วิย ทนฺธํ ปญุ ฺญํ กโรต,ิ ตสสฺ เอกสาฏกสสฺ วิย ราวกะ (อ.บคุ คล) ผ้ไู ปอยู่ โดยหนทางอนั ลน่ื อ.บาป (ของบคุ คล) นัน้ มจฺเฉรสหสสฺ ํ ปาปํ โอกาสํ ลภต.ิ อถสฺส ปาปสมฺ ึ ย่อมได้ ซงึ่ โอกาส ราวกะ อ.พนั แหง่ จิตอนั ประกอบพร้อมแล้ว รมติ มโน. กุสลกมฺมกรณกาเลเยว หิ จิตฺตํ ด้ วยความตระหนี่ ของพราหมณ์ช่ือว่าเอกสาฎก ได้ อยู่ กสุ ลกมฺเม รมต,ิ ตโต มจุ ฺจิตฺวา ปาปนินฺนเมว โหตีต.ิ ซง่ึ โอกาส (ครนั้ เมอื่ ความเป็น) อยา่ งนนั้ (มอี ย)ู่ อ.ใจ (ของบคุ คล) นัน้ ยอ่ มยนิ ดี ในบาป (ดงั นี ้แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ ทนธฺ ํ หิ กรโต ดงั นี ้ ฯ (อ.อธิบาย) วา่ เพราะวา่ (อ.จิต) ยอ่ มยินดี ในกรรมอนั เป็นกศุ ล ในกาลเป็นท่ีกระท�ำซง่ึ กรรมอนั เป็นกศุ ลนนั้ เทียว (อ.จิต) พ้นแล้ว (จากกาลเป็ นที่กระท�ำซ่ึงกรรมอันเป็ นกุศล) น่ัน เป็ นธรรมชาติ น้อมไปแล้วในบาปนน่ั เทียว ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็ นที่สุดลงรอบแห่งพระคาถา (อ.ชน ท.) มาก คาถาปริโยสาเน พหู โสตาปตตฺ ผิ ลาทนี ิ ปาปณุ สึ ตู .ิ บรรลแุ ล้ว (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งพราหมณ์ช่ือว่าจเู ฬกสาฎก (จบแล้ว) ฯ จเู ฬกสาฏกวตถฺ ุ. 4 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๒. อ. เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าไสยสกะ ๒. เสยยฺ สกตเฺ ถรวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “ปาปญเฺ จ ปุริโส กยริ าติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซึ่งพระเถระช่ือว่าไสยสกะตรัสแล้ว ซ่ึงพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า เชตวเน วหิ รนฺโต เสยฺยสกตฺเถรํ อารพฺภ กเถส.ิ ปาปญเฺ จ ปุริโส กยริ า ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินว่า (อ.พระเถระช่ือว่าไสยสกะ)นัน้ เป็ นสิทธิวิหาริก โส กิร โลฬทุ ายิตฺเถรสฺส สทฺธิวหิ าริโก อตฺตโน ของพระเถระช่ือวา่ โลฬทุ ายี (เป็น) บอกแล้ว ซงึ่ ความไมย่ ินดียิ่ง อนภิรตึ ตสสฺ อาโรเจตฺวา เตน ปฐมสงฺฆาทิเสสกมเฺ ม แหง่ ตน (แกพ่ ระเถระชอ่ื วา่ โลฬทุ าย)ี นนั้ ผู้ (อนั พระเถระชอ่ื วา่ โลฬทุ ายี สมาทปิโต อปุ ปฺ นฺนปุ ปฺ นฺนาย อนภิรตยิ า ตํ กมมฺ มกาส.ิ นนั้ ชกั ชวนแล้ว ในกรรมคอื ปฐมสงั ฆาทเิ สส ได้กระทำ� แล้ว ซงึ่ กรรม นนั้ ในเพราะความไมย่ ินดีย่ิง อนั เกิดขนึ ้ แล้วและเกิดขนึ ้ แล้ว ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว ซงึ่ การกระท�ำ (แหง่ พระเถระ สตฺถา ตสสฺ กิริยํ สตุ ฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ชอ่ื วา่ ไสยสกะ)นนั้ (ทรงยงั ภกิ ษ)ุ ใหร้ ้องเรยี กแลว้ (ซง่ึ พระเถระชอื่ วา่ ไสยสกะ) “เอวํ กิร ตฺวํ กโรสตี ิ ปจุ ฺฉิตฺวา, “อาม ภนฺเตติ วตุ ฺเต, นนั้ ตรัสถามแล้ว วา่ ได้ยินวา่ อ.เธอ ยอ่ มกระท�ำ อยา่ งนนั้ หรือ “กสมฺ า ภาริยํ กมมฺ ํ อกาส,ิ อนนจุ ฺฉวิกํ โมฆปรุ ิสาติ ดงั น,ี ้ (ครนั้ เมอ่ื คำ� ) วา่ ข้าแตพ่ ระองคผ์ ้เู จริญ พระเจ้าข้า (อ.อยา่ งนนั้ ) นานปปฺ การโต ครหิตฺวา สกิ ฺขาปทํ ปญฺญาเปตฺวา ดงั นี ้ (อนั พระเถระช่ือวา่ ไสยสกะนนั้ ) กราบทลู แล้ว, (ตรัสแล้ว) วา่ ท“เกุอฺขวสรํวูปตํ ฺตนหิกิเมวกมโฺมหํ ตีตทิ ิฏวฺตฐธฺวมาเฺ มอปนิ สุ นฺธสึมฆฺปเรฏาตเยฺวปาิ (อ.เธอ) ได้ กระท�ำแล้ว ซ่ึงกรรม อันหนัก เพราะเหตุไร, ดกู ่อนโมฆบรุ ุษ (อ.กรรมนนั้ ) เป็นกรรมไมส่ มควร (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห ทรงตเิ ตียนแล้ว โดยประการตา่ ง ๆ ทรงบญั ญตั แิ ล้ว ซง่ึ สกิ ขาบท ตรัสแล้ว วา่ ก็ อ.กรรม มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป เป็นกรรมยงั สตั ว์ให้เป็น ไปพร้อมเพื่อทกุ ข์ แม้ในธรรมอนั สตั ว์เหน็ แล้ว แม้ในภพเป็นที่ไป ในเบือ้ งหน้าพร้ อม น่ันเทียว ย่อมเป็ น ดังนี ้ เม่ือ ทรงสืบต่อ ซง่ึ อนสุ นธิ แสดง ซง่ึ ธรรม ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ หากว่า อ.บรุ ุษ พึงกระท�ำ ซึ่งบาป ไซร้, อ. บรุ ุษ “ปาปญฺเจ ปรุ ิโส กยิรา, น นํ กยิรา ปนุ ปปฺ นุ ํ, ไม่พึงกระท�ำ (ซ่ึงบาป)นนั้ บ่อย ๆ, อ.บรุ ุษ ไม่พึงกระท�ำ น ตมฺหิ ฉนทฺ ํ กยิราถ, ทกุ ฺโข ปาปสสฺ อจุ ฺจโยติ. ซึ่งความพอใจ (ในบาป)นน้ั , (เพราะว่า) อ.อนั สง่ั สมข้ึน ซึ่งบาป เป็นเหตนุ �ำมาซ่ึงทกุ ข์ (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ฯ อ.เนือ้ ความ แหง่ ค�ำอนั เป็นพระคาถานนั้ วา่ ถ้าวา่ อ.บรุ ุษ ตสสฺ ตฺโถ “สเจ ปรุ ิโส สกึ ปาปกมมฺ ํ กเรยฺย, พงึ กระทำ� ซง่ึ กรรมอนั ลามก คราวเดยี ว ไซร้, อ.บรุ ุษ พจิ ารณาแล้ว ตํขณญฺเญว ปจฺจเวกฺขิตฺวา “อิทํ อปฺปฏิรูปํ ในขณะนัน้ น่ันเทียว ไม่พึงกระท�ำ (ซ่ึงกรรมอันลามก)นัน้ โอฬาริกนฺติ น นํ กยิรา ปนุ ปปฺ นุ ํ, โยปิ ตมหฺ ิ ฉนฺโท บอ่ ย ๆ (ด้วยความคดิ ) วา่ (อ. กรรมอนั ลามก)นี ้เป็นธรรมไมส่ มควร วา รุจิ วา อปุ ปฺ ชฺเชยฺย, ตํปิ วิโนเทตฺวา น กยิราเถว. เป็นกรรมหยาบ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ อ.ความพอใจ หรือ หรือวา่ กกึ ารณา ? ปาปสสฺ หิ อจุ ฺจโย วฑุ ฺฒิ อิธโลเกปิ อ.ความชอบใจ (ในกรรมอนั ลามก)นนั้ แม้ใด พงึ เกิดขนึ ้ , อ.บรุ ุษ ปรโลเกปิ ทกุ ฺโข ทกุ ฺขเมว อาวหตีต.ิ บรรเทาแล้ว (ซง่ึ ความพอใจ หรือ หรือวา่ ซง่ึ ความชอบใจ) แม้นนั้ ไมพ่ งึ กระท�ำนน่ั เทียว ฯ (อ.อนั ถาม) วา่ (อ.บรุ ุษ ไมพ่ งึ กระท�ำ ซงึ่ ความพอใจใน บาปนนั้ ) เพราะเหตไุ ร ? (ดงั นี)้ (อ.อนั แก้) ว่า เพราะว่า อ.อันสั่งสมขึน้ คือว่า อ.อันพอกพูน ซ่ึงบาป เป็นเหตนุ �ำมาซง่ึ ทกุ ข์ (ยอ่ มเป็น) คือวา่ ยอ่ มน�ำมาซงึ่ ทกุ ข์นน่ั เทียว แม้ในโลกนี ้ แม้ในโลกอ่ืน (ดงั นี)้ ดงั นี ้ (อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึสตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งพระเถระเช่ือว่าไสยสกะ (จบแล้ว) ฯ เสยยฺ สกตเฺ ถรวตถฺ ุ. ผลิตสือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 5 www.kalyanamitra.org
๓. อ.(เอรัน่ือขง้แาพห่เงจเท้าพจธะิดกลาช่า่ืวอ)ว่ฯาลาชะ ๓. ลาชเทวธีตาวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “ปุญญฺ ญเฺ จ ปุริโส กยริ าติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ซึ่งเพทธิดาช่ือว่าลาชะ ตรัสแล้ว ซึ่งพระธรรมเทศนา นีว้ ่า สตฺถา เชตวเน วหิ รนฺโต ลาชเทวธีตรํ อารพฺภ กเถส.ิ ปุญญฺ ญเฺ จ ปุริโส กยริ า ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อ.เร่ือง ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ในเมืองช่ือวา่ ราชคฤห์ ฯ วตฺถุ ราชคเห สมฏุ ฺฐติ ํ. ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร อ. พระมหากสั สปะ ผ้มู ีอายุ อยู่ อยู่ อายสฺมา หิ มหากสฺสโป ปิ ปผฺ ลคิ หุ ายํ วหิ รนฺโต ในถ�ำ้ ช่ือวา่ ปิ ปผลิ เข้าแล้ว ซง่ึ ฌาน ออกแล้วในวนั ที่ ๗ ตรวจดอู ยู่ สจฌากาลฺขนกิ ุนํ ฺเสขาตมฺตาปปภชาิกลฺชฺขิตกิ าํฺวจาอาิตรสฺถฏตึฺ ฐฺตสาเมานลํ สิทสีิวโเาอสนโิ ลวคฏเุ กเฺฐหนาตยฺโฺวตาทิพลฺเเาพอเนกชํ ซง่ึ ที่เป็นท่ีเท่ียวไปเพ่ือภิกษา ด้วยจกั ษุ อนั เป็นทิพย์ เหน็ แล้ว ซ่ึงหญิง ผู้รักษาซ่ึงนาแห่งข้าวสาลี คนหน่ึง ผู้ ถือเอาแล้ว ซงึ่ รวงแหง่ ข้าวสาลี ท. กระท�ำอยู่ ซง่ึ ข้าวตอก ท. พิจารณาแล้ว วา่ กรุ ุมานํ ทิสวฺ า “สทฺธา นุ โข อสฺสทฺธาติ วีมํสติ ฺวา (อ.หญิงนี)้ เป็นหญิงมีศรัทธา (ยอ่ มเป็น) หรือ หนอ แล (หรือวา่ “ สทฺธาติ ญตฺวา “สกฺขิสสฺ ติ นุ โข เม สงฺคหํ กาตํุ โนติ อ.หญิงนี)้ เป็ นหญิงไม่มีศรัทธา (ย่อมเป็ น) ดังนี ้ รู้แล้ว ว่า อปุ ธาเรนฺโต “วิสารทา กลุ ธีตา มม สงฺคหํ กริสฺสติ, (อ.หญิงนี)้ เป็นหญิงมีศรัทธา (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ใคร่ครวญอยู่ วา่ กตฺวา จ ปน มหาสมปฺ ตฺตึ ลภิสสฺ ตีติ ญตฺวา จีวรํ (อ.หญิงนี)้ จกั อาจ เพ่ืออนั กระท�ำ ซง่ึ การสงเคราะห์ แก่เรา หรือ ปารุปิ ตฺวา ปตฺตมาทาย สาลกิ ฺเขตฺตสฺส สมีเป อฏฺฐาส.ิ หนอ แล (หรือว่า) (อ.หญิงนี)้ จักไม่อาจ (เพ่ืออันกระท�ำ ซงึ่ การสงเคราะห์ แก่เรา) ดงั นี ้ รู้แล้ว วา่ อ.กลุ ธิดา ผ้แู กล้วกล้า จักกระท�ำ ซึ่งการสงเคราะห์ แก่เรา, ก็แล (อ.กุลธิดานัน้ ) ครัน้ กระท�ำแล้ว จกั ได้ ซงึ่ สมบตั ใิ หญ่ ดงั นี ้ หม่ แล้ว ซงึ่ จีวร ถือเอาแล้ว ซงึ่ บาตร ได้ยืนแล้ว ในท่ีใกล้ แหง่ นาแหง่ ข้าวสาลี ฯ อ.กลุ ธิดา เหน็ แล้ว ซงึ่ พระเถระเทียว มีจิตอนั เลอื่ มใสแล้ว กลุ ธีตา เถรํ ทิสฺวาว ปสนฺนจิตฺตา ปญฺจวณฺณาย มีสรีระ อนั ปี ตมิ ีวรรณะ ๕ ถกู ต้องแล้ว กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ น ปี ตยิ า ผเวฏุ เฺ ฐคสนรีราคน“ฺตตฺวฏิ าฺ ฐถเถรภสนสฺ ฺเตปตติ ฺเตวตฺวอาากีรลิตาฺวเชา ผ้เูจรญิ อ. ทา่ น ท. ขอจงหยดุ ดงั นี ้ ถือเอา ซง่ึ ข้าวตอก ท. ไปแล้ว อาทาย ตมุ เฺ หหิ โดยเร็ว เกลย่ี ลงแล้ว ในบาตรของพระเถระ ไหว้แล้ว ด้วยอนั ตงั้ ไว้ ภปญาคจฺ นิ ปี ตฏิอฺฐสเิฺสตนนฺตวิ นปทฺ ตติ ฺถวฺ านม“ภกานสเฺ ต.ิ เถโร “ทเอฏิ วฺฐํ ธมโหมฺ ตสตสฺู ิ เฉพาะแหง่ องค์ ๕ ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ ความปรารถนา วา่ ข้าแตท่ า่ น ผ้เู จริญ อ.ดฉิ นั เป็นผ้มู ีสว่ น แหง่ ธรรม อนั ทา่ น ท. เหน็ แล้ว อนโุ มทนํ อกาส.ิ พงึ เป็น ดงั นี ้ ฯ อ. พระเถระ (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ.ความปรารถนา อันเธอปรารถนาแล้ว) อย่างนี ้ จงมีเถิด ดังนี ้ ได้ กระท�ำแล้ว ซงึ่ การอนโุ มทนา ฯ (อ.กลุ ธดิ า) แม้นนั้ ไหว้แลว้ ซงึ่ พระเถระ นกึ ถงึ อยู่ ซงึ่ ทาน อนั ตน สาปิ เถรํ วนฺทิตฺวา อตฺตนา ทินฺนทานํ อาวชฺชมานา ถวายแล้ว กลบั แล้ว ฯ ก็แล อ.งู ตวั มีพิษร้ายแรง ขดแล้ว ในโพรง นิวตฺต.ิ ตาย จ ปน เกทารมริยาทาย คมนมคฺเค แหง่ หนง่ึ ในหนทางเป็นทไี่ ป บนเขตแดน แหง่ คนั นา(แหง่ กลุ ธดิ า)นนั้ ฯ เอกสมฺ ึ พิเล โฆรวิโส สปโฺ ป นิปชฺชิ. โส เถรสสฺ กาสาย อ.งนู นั้ ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพอ่ื อนั กดั ซงึ่ แข้ง อนั ผ้ากาสายะ ปกปิดแล้ว ปฏิจฺฉนฺนํ ชงฺฆํ ฑํสิตํุ นาสกฺขิ. อิตรา ทานํ ของพระเถระ ฯ (อ. กลุ ธิดา)นอกนี ้นกึ ถงึ อยู่ ซง่ึ ทาน กลบั อยู่ ถงึ แล้ว อาวชฺชมานา นิวตฺตนฺตี นํ ปเทสํ ปาปณุ ิ. สปโฺ ป พิลา ซง่ึ ประเทศ นนั้ ฯ อ. งู ออกแล้ว จากโพรง กดั แล้ว(ซงึ่ กลุ ธิดา)นนั้ นิกฺขมิตฺวา ตํ ฑํสติ ฺวา ตตฺเถว ปาเตส.ิ (ยงั กลุ ธิดานนั้ ) ให้ล้มลงแล้ว (ในที่)นนั้ นนั่ เทียว ฯ อ.กลุ ธิดานนั้ มีจิต อนั เล่อื มใสแล้ว กระท�ำแล้ว ซง่ึ กาละ สา ปสนฺเนน จิตฺเตน กาลํ กตฺวา ตาวตสึ ภวเน เป็นราวกะวา่ หลบั แล้ว ตื่นแล้ว (เป็น) บงั เกิดแล้ว ด้วยทงั้ อตั ภาพ ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน สุตฺตปฺปพุทฺธา วิย มคี าวตุ ๓ เป็นประมาณ อนั ประดบั เฉพาะแล้ว ด้วยเคร่ืองอลังการ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเตน ตคิ าวเุ ตน อตฺตภาเวน ทัง้ ปวง ในวิมานอันเป็ นวิการแห่งทอง อันประกอบแล้ว นิพฺพตฺต.ิ ด้วยโยชน์ ๓๐ ในภพช่ือวา่ ดาวดงึ ส์ ฯ 6 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.เทพธดิ า)นนั้ นงุ่ แล้ว ซงึ่ ผ้าอนั เป็นทพิ ย์ ฝืนหนง่ึ มศี อก ๑๒ สา ทฺวาทสหตฺถํ เอกํ ทิพฺพวตฺถํ นิวาเสตฺวา เอกํ เป็นประมาณ หม่ แล้ว (ซงึ่ ผ้าอนั เป็นทิพย์) ผืนหนงึ่ ผ้อู นั พนั แหง่ - ปารุปิ ตฺวา อจฺฉราสหสสฺ ปริวตุ า ปพุ ฺพกมฺมํ ปกาสนตฺถํ นางอปั สรแวดล้อมแล้ว ยืนแล้ว ณ ประตแู หง่ วิมานอนั ประดบั - สวุ ณฺณลาชภริเตน โอลมพฺ นฺเตน สวุ ณฺณสรเกน เฉพาะแล้ ว ด้ วยขันอันเป็ นวิการแห่งทอง อันเต็มแล้ ว ปฏิมณฺฑิเต วิมานทฺวาเร ติ า อตฺตโน สมปฺ ตฺตึ ด้วยข้าวตอก อนั เป็นวิการแหง่ ทองอนั ห้อยลงอยู่ เพื่ออนั ประกาศ โอโลเกตฺวา “กินฺนุ โข เม กตฺวา อยํ สมปฺ ตฺติ ลทฺธาติ ซงึ่ กรรมในกาลก่อน ตรวจดแู ล้ว ซงึ่ สมบตั ิ ของตน ใคร่ครวญอยู่ ทิพฺเพน จกฺขุนา อุปธาเรนฺตี “อยฺยสฺส เม ด้วยจกั ษุ อนั เป็นทิพย์ วา่ อ. สมบตั นิ ี ้ อนั เราได้แล้ว เพราะกระท�ำ มหากสฺสปตฺเถรสฺส ทินฺนลาชนิสฺสนฺเทน ลทฺธาติ (ซงึ่ กรรม)อะไร หนอ แล ดงั นี ้ ได้รู้แล้ว วา่ (อ.สมบตั ิ นี ้ อนั เรา) อญฺญาส.ิ ได้แล้ว เพราะวิบากเป็นเคร่ืองไหลออก (แหง่ ข้าวตอก) อนั เรา ถวายแล้ว แก่พระเถระช่ือวา่ มหากสั สปะ ผ้เู ป็นเจ้า ดงั นี ้ฯ อ.เทพธิดา นนั้ คดิ แล้ว วา่ อ.อนั อนั เรา ได้แล้ว ซงึ่ สมบตั ิ สา “เอวํ ปริตฺตเกน กมเฺ มน เอวรูปํ สมปฺ ตฺตึ อนั มีอยา่ งนีเ้ป็นรูป เพราะกรรม อนั นิดหนอ่ ย อยา่ งนีป้ ระมาท ลภิตฺวา นทานิ มยา ปมชฺชิตํุ ถวฏาวฏรฺตํ ,ิ กริสอยสฺ ฺยามสีตฺสิ ยอ่ มควร ในกาลนี ้ หามิได้ อ.เรา กระท�ำแล้ว ซงึ่ วตั รและวตั รตอบ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา อิมํ สมปฺ ตฺตึ แก่พระผ้เู ป็นเจ้า จกั กระท�ำ ซง่ึ สมบตั นิ ี ้ ให้เป็นสมบตั มิ น่ั คงดงั นี ้ จินฺเตตฺวา ปาโตว กนกมยํ สมฺมชฺชนิญฺเจว ถือเอา ซง่ึ ไม้กวาด อนั เป็นวิการแหง่ ทอง ด้วยนน่ั เทียว ซงึ่ กระเช้า กจวรฉฑฺฑนิกญฺจ ปจฺฉึ อาทาย คนฺตฺวา เถรสสฺ อนั เป็นเครื่องทิง้ ซงึ่ หยากเย่ือ ด้วย ไปแล้ว ในเวลาเช้า เทียว ปริเวณํ สมมฺ ชฺชิตฺวา ปานียํ ปริโภชนียํ อปุ ฏฺฐาเปส.ิ กวาดแล้ว ซงึ่ บริเวณ ของพระเถระ ยงั น�ำ้ อนั บคุ คลพงึ ดื่ม ยงั น�ำ้ อนั บคุ คลพงึ ในสอย ให้เข้าไปตงั้ ไว้แล้ว ฯ อ.พระเถระเหน็ แล้วซง่ึ วตั รนนั้ ก�ำหนดแล้ววา่ อ.วตั ร เป็นวตั ร เถโร ตํ ทิสวฺ า “เกนจิ ทหเรน วา สามเณเรน อนั ภิกษุหนมุ่ หรือ หรือวา่ อนั สามเณร บางรูป กระท�ำแล้ว จกั เป็น วา วตฺตํ กตํ ภวสิ สฺ ตีติ สลลฺ กฺเขส.ิ สา ทตุ ยิ ทิวเสปิ ดงั นี ้ ฯ (อ. เทพธิดา)นนั้ ได้กระท�ำแล้ว อยา่ งนนั้ แม้ในวนั ที่ ๒ ฯ ตถา อกาส.ิ เถโรปิ ตเถว สลฺลกฺเขส.ิ แม้ อ.พระเถระ ก�ำหนดแล้ว อยา่ งนนั้ นนั่ เทียว ฯ แตว่ า่ ในวนั ท่ี ๓ อ.พระเถระ ฟังแล้ว ซงึ่ เสยี งแหง่ ไม้กวาด ตตยิ ทิวเส ปน เถโร ตสสฺ า สมมฺ ชฺชนีสทฺทํ สตุ ฺวา ของเทพธิดานนั้ ด้วย เหน็ แล้ว ซง่ึ แสงสวา่ งแหง่ สรีระ อนั เขาไปแล้ว “ตโากลจเฺฉอิทสฺเทสหมิ จมฺ ปชวฺชิฏตฺฐีตํ ิสรปีโรจุ ภฺฉาิ. สํ“อทหิสํวฺ าภทนฺวฺเตารํ วิวริตฺวา โดยชองแหง่ ลกู ดาล ท. ด้วย เปิ ดแล้ว ซง่ึ ประตู ถามแล้ว วา่ อ.ใคร ออปปุุ ฏฏฺฺฐฐาายยิิกกาา ลาชเทวธีตาต.ิ “นนุ ตมุ หฺ ากํ นนั่ ยอ่ มกวาดดงั นี ้ ฯ (อ.เทพธิดากลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ นาม นตฺถีต.ิ มยฺหํ เอวํนามิกา อ. ดิฉนั เป็นลาชเทพธิดา ผ้เู ป็นอปุ ัฎฐายิกา ของทา่ น ท. (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ. พระเถระ กลา่ วแล้ววา่ ) ชอ่ื อ.อปุ ัฎฐายกิ า ผ้มู ชี อื่ อยา่ งนี ้ ของเรา ยอ่ มไมม่ ี มิใชห่ รือ ดงั นี ้ฯ (อ.เทพธดิ า กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ดฉิ นั รกั ษาอยู่ “อหํ ภนฺเต สาลกิ ฺเขตฺตํ รกฺขมานา ลาเช ทตฺวา ซงึ่ นาแหง่ ข้าวสาลี ถวายแล้ว ซงึ่ ข้าวตอก ท. มีจิตอนั เลื่อมใสแล้ว ตปาสวนตฺนสึ จเิตทฺตวโาลเนกิวตอฺตปุ นปฺ ฺตนี ฺนสาป, เฺ ปมนยาฑอฏยฺฐฺยาํ กาลํ กตฺวา กลบั อยู่ ผู้ อนั งกู ดั แล้ว กระท�ำแล้วซงึ่ กาละ เป็นผ้เู กิดขนึ ้ แล้ว นิสฺสาย อยํ ในเทวโลกช่ือวา่ ดาวดงึ ส์ (ยอ่ มเป็น), ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ดฉิ นั สมปฺ ตฺติ ลทฺธา, อิทานิปิ ตมุ หฺ ากํ วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา เป็นผ้มู าแล้ว (ด้วยความคิด) วา่ (อ.สมบตั )ิ นี ้ อนั เรา ได้แล้ว สมปฺ ตฺตึ ถาวรํ กริสสฺ ามีติ อาคตมหฺ ิ ภนฺเตต.ิ เพราะอาศัย ซ่ึงพระผู้เป็ นเจ้า, แม้ในกาลนี ้ อ.เรากระท�ำแล้ว ซง่ึ วตั รและวตั รตอบ แกท่ า่ น ท. จกั กระทำ� ซง่ึ สมบตั ิ ให้เป็นสมบตั มิ นั่ คง ดงั นี ้ ยอ่ มเป็น ดงั นี ้ฯ ผลิตสื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 7 www.kalyanamitra.org
(อ.พระเถระ ถามแล้ว) วา่ อ.ที่นนั่ อนั เจ้าเทียว กวาดแล้ว “หีโยปิ ปเรปิ ตยาเวตํ ฐานํ สมฺมชฺชิตํ, แม้ในวนั วาน แม้ในวนั วาน อ. น�ำ้ อนั บคุ คลพง่ึ ด่ืม อ.น�ำ้ อนั บคุ คล ตยาว ปานียํ ปริโภชนียํ อปุ ฏฺฐาปิ ตนฺต.ิ พงึ ใช้สอย อนั เจ้าเทียว ให้เข้าไปตงั้ ไว้แล้วหรือดงั นี ้ฯ (อ.เทพธิดา กล่าวแล้ว) ว่า ข้ าแต่ท่านผู้เจริญ เจ้ าค่ะ “อาม ภนฺเตต.ิ “อเปหิ เทวธีเต, ตยา กตํ วตฺตํ (อ.อยา่ งนนั้ ) ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนเทพธิดา กตํ โหต,ุ อิโต ปฏฺฐาย อิมํ ฐานํ มา อาคมีต.ิ อ.เจ้า จงหลีกไป, อ.วตั ร อนั อนั เจ้า กระท�ำแล้ว เป็นวตั รอนั เจ้า กระท�ำแล้ว จงเป็น, อ.เจ้า อยา่ มาแล้ว สทู่ ี่ นี ้ จ�ำเดมิ แตก่ าลนี ้ ดงั นี ้ฯ (อ.เทพธิดา กลา่ วแล้ว ) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ทา่ น ท. “ภนฺเต มา มํ นาเสถ, ตมุ หฺ ากํ วตฺตํ กตฺวา ขอจงอย่ายังดิฉันให้ ฉิบหาย, อ.ท่าน ท. ขอจงให้ เพ่ืออัน สมปฺ ตฺตึ เม ถิรํ กาตํุ เทถาต.ิ กระท�ำแล้ว ซึ่งวัตร แก่ท่าน ท. กระท�ำ ซ่ึงสมบัติ ของดิฉัน ให้เป็นสมบตั มิ น่ั คง ดงั นี ้ฯ (อ. พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ดู ก่อนเทพธิดา อ.เจ้า จงหลีกไป, “อเปหิ เทวธเี ต, มา เม อนาคเต จติ ตฺ วชี นึ คเหตวฺ า อ. เจ้า อยา่ กระทำ� แล้ว ซงึ่ ความท่ี แหง่ เรา เป็นผู้ อนั พระธรรมกถกึ ท. นิสนิ ฺเนหิ ธมมฺ กถิเกหิ `มหากสสฺ ปตฺเถรสฺส กิร เอกา ผ้นู ง่ั จบั แล้ว ซง่ึ พดั อนั วิจิตร พงึ กลา่ ว วา่ ได้ยินวา่ อ.เทพธิดา เทวธีตา อาคนฺตฺวา วตฺตปฏิวตฺตํ กตฺวา ปานียํ นางหนง่ึ มาแล้ว กระท�ำแล้ว ซงึ่ วตั รและวตั รตอบ ยงั น�ำ้ อนั บคุ คล ปริโภชนียํ อปปุฏฏิกฺฐฺกามเาปตต.ิ ีติ วตฺตพฺพตํ กริ, อิโต ปฏฺ ฐาย พงึ ดื่ม ยงั น�ำ้ อนั บคุ คลพงึ ใช้สอย ให้เข้าไปตงั้ ไว้อยู่ เพ่ือพระเถระ อิธ มาคมิ, ช่ือว่ามหากัสสปะ ดังนี,้ อ.เจ้ า อย่ามาแล้ว (ในท่ี) นี ้ จ�ำเดิม แตก่ าลนี,้ อ.เจ้า จงก้าวกลบั ดงั นี ้ฯ (อ.เทพธิดา) นัน้ วิงวอนแล้ว บ่อย ๆ น่ันเทียว ว่า สา “มา มํ ภนฺเต นาเสถาติ ปนุ ปปฺ นุ ํ ยาจิเทว. ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ทา่ น ท.) ขอจงอยา่ ยงั ดฉิ นั ให้ฉิบหาย ดงั นี ้ ฯ เถโร “นายํ มม วจนํ สุณาตีติ จินฺเตตฺวา อ. พระเถระคิดแล้ว วา่ อ. เทพธิดานี ้ยอ่ มฟัง ซง่ึ ค�ำ ของเรา หามิได้ “ตว ปมาณํ น ชานาสตี ิ อจฺฉรํ ปหริ. ดงั นี ้ดีดแล้ว ซงึ่ นิว้ มือ (มีอนั ให้รู้) วา่ (อ. เจ้า)ยอ่ มไมร่ ู้ ซง่ึ ประมาณ ของเจ้า ดงั นี ้(เป็นเหต)ุ ฯ (อ.เทพธิดา)นัน้ ไม่อาจอยู่ เพื่ออันด�ำรงอยู่ (ในท่ี)นัน้ สา ตตฺถ สณฺฐาตํุ อสกฺโกนฺตี อากาเส เหาะขนึ ้ ไปแล้ว ในอากาศ ประคองแล้ว ซงึ่ อญั ชลี (กลา่ วแล้ว) วา่ อุปฺปติตฺวา อญฺชลึ ปคฺคยฺห “ภนฺเต มยา ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ. ทา่ น ท. ขอจงอยา่ ยงั สมบตั ิ อนั ดฉิ นั ได้แล้ว ลทฺธสมปฺ ตฺตึ มา นาเสถ, ถาวรํ กาตํุ เทถาติ โรทนฺตี ให้ฉิบหาย, อ. ทา่ น ท. ขอจงให้ เพื่ออนั กระท�ำ ให้เป็นสมบตั มิ น่ั คง อากาเส อฏฺฐาส.ิ ดงั นี ้ได้ยืนร้องไห้อยแู่ ล้ว ในอากาศ ฯ อ.พระศาสดา ประทับนั่งแล้ว ในพระคันธกุฎีเทียว สตฺถา คนฺธกฏุ ิยํ นิสนิ ฺโนว ตสสฺ า โรทิตสทฺทํ ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ เสยี งร้องให้ (ของเทพธิดา) นนั้ ทรงแผไ่ ปแล้ว สตุ ฺวา โอภาสํ ผริตฺวา เทวธีตาย สมมฺ เุ ข นิสที ิตฺวา ซงึ่ พระรัศมี ผ้รู าวกะวา่ ประทบั นง่ั ตรัสอยู่ ในที่พร้อมหน้า กเถนฺโต วยิ “เทวธีเต มม ปตุ ฺตสฺส กสสฺ ปสฺส ของเทพธิดา ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนเทพธิดา อ. อนั กระท�ำซงึ่ ความ- สํวรกรณเมว ภาโร, ปุญฺญตฺถิกานมฺปน ส�ำรวมนน่ั เทียว เป็นภาระ ของกสั สปะ ผ้เู ป็นบตุ ร ของเรา `อยํ โน อตฺโถติ สลลฺ กเขตฺวา ปญุ ฺญกรณเมว ภาโร, (ยอ่ มเป็น), สว่ นวา่ อ. อนั ก�ำหนดแล้ว วา่ อ. ภาระนี ้เป็นประโยชน์ ปญุ ฺญกรณํ หิ อิธ เจว สมปฺ ราเย จ สขุ เมวาติ วตฺวา ของเรา ท. (ย่อมเป็ น) ดังนี ้ กระท�ำ ซึ่งบุญ น่ันเทียว อนสุ นฺธึ ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห เป็นภาระ (ของขน ท.) ผ้มู ีความต้องการด้วยบญุ (ยอ่ มเป็น), ด้วยวา่ อ. อนั กระท�ำ ซง่ึ บญุ เป็นเหตนุ �ำมาซงึ่ สขุ นนั่ เทียว (ในโลก) นี ้ ด้วยนนั่ เทียว ในภพเป็นท่ีไปในเบือ้ งหน้าพร้อม ด้วย (ยอ่ มเป็น) ดังนี ้ เมื่อ ทรงสืบต่อ ซึ่งอนุสนธิ แสดง ซึ่งธรรม ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถานี ้วา่ 8 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
หากว่า อ. บรุ ุษ พึงกระท�ำ ซ่ึงบญุ ไซร้, อ. บรุ ุษ “ปญุ ฺญญฺเจ ปรุ ิโส กยิรา, กยิราเถนํ ปนุ ปปฺ นุ ํ, พึงกระท�ำ (ซึ่งบญุ )นน่ั บ่อย ๆ อ. บรุ ุษ พึงกระท�ำ ตมฺหิ ฉนทฺ ํ กยิราถ, สโุ ข ปญุ ฺญสสฺ อจุ ฺจโยติ. ซ่ึงความพอใจ (ในบญุ )นนั้ , (เพราะว่า) อ.อนั สง่ั สมขึ้น ซ่ึงบญุ เป็นเหตนุ �ำมาซึ่งสขุ (ย่อมเป็น) ดงั นี้ ฯ อ.เนือ้ ความ (แหง่ ค�ำอนั เป็นพระคาถา)นนั้ วา่ ถ้าวา่ อ. บรุ ุษ ตสฺสตฺโถ “สเจ ปรุ ิโส ปญุ ฺญํ กเรยฺย, `เอกวารํ พงึ กระท�ำ ซง่ึ บญุ ไซร้ อ.บรุ ุษ ไมง่ ดแล้ว (ด้วยความคดิ ) วา่ เม ปญุ ฺญํ กตํ, อลํ เอตฺตาวตาติ อโนรมิตฺวา ปนุ ปปฺ นุ ํ อ.บุญ อันเรา กระท�ำแล้ว สิน้ วาระหน่ึง อ.พอละด้ วยบุญ กโรถ , ตสสฺ กรณกฺขเณปิ ตมหฺ ิ ปญุ ฺเญ ฉนฺทํ รุจึ มีประมาณเทา่ นี ้ ดงั นี ้ พงึ กระท�ำ บอ่ ย ๆ อ.บรุ ุษ พงึ กระท�ำ อสุ สฺ าหํ กโรเถว. นั่นเทียว ซึ่งความพอใจ คือว่า ซ่ึงความชอบใจ คือว่า ซงึ่ ความอตุ สาหะ ในบญุ นนั้ แม้ในขณะเป็นท่ีกระท�ำ (ซง่ึ บญุ )นนั้ นน่ั เทียว ฯ (อ.อนั ถาม) วา่ (อ.บรุ ุษ พงึ กระท�ำ ซง่ึ ความพอใจ ในบญุ นนั้ ) กกึ ารณา? สโุ ข ปญุ ฺญสฺส อจุ ฺจโยต:ิ ปญุ ฺญสฺส เพราะเหตไุ ร ? (ดงั นี)้ (อ.อนั แก้) วา่ (เพราะวา่ ) อ.อนั สงั่ สม หิ อจุ ฺจโย วฑุ ฺฒิ อิธโลกปรโลกสขุ าวหนโต สโุ ขต.ิ ขนึ ้ ซงึ่ บญุ เป็นเหตนุ �ำมาซง่ึ สขุ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ; (อ.อธิบาย) วา่ เพราะวา่ อ.อนั สง่ั สมขนึ ้ คือวา่ อ.อนั พอกพนู ซงึ่ บญุ ชื่อวา่ เป็ นเหตุน�ำมาซ่ึงสุข เพราะอันน�ำมาซึ่งสุขในโลกนีแ้ ละโลกอ่ืน (ยอ่ มเป็น) (ดงั นี)้ ดงั นี ้(อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ ในกาลเป็ นที่สุดลงแห่งเทศนา อ.เทพธิดานัน้ ยืนแล้ว เทสนาวสาเน สา เทวธีตา ปญฺจจตฺตาฬีส- ในท่ีสดุ แหง่ โยชน์ ๔๕ เทียว บรรลแุ ล้วซง่ึ โสดาปัตตผิ ล ดงั นีแ้ ล ฯ โยชนมตฺถเก ติ าว โสตาปตฺตผิ ลํ ปาปณุ ีต.ิ อ.เร่ืองแห(่งจเบทแพลธ้วิด)าฯช่ือว่าลาชะ ลาชเทวธีตาวตถฺ ุ. ๔. อ.เร่ืองแห่งเศรษฐีช่ือว่าอนาถบนิ ฑกิ ะ ๔. อนาถปิ ณฺฑกิ วตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ในพระเชตวัน ทรงปรารภ “ ปาโปปิ ปสสฺ ตี ภทรฺ นฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซึ่งเศรษฐีช่ือว่าอนาถบิณฑิกะ ตรัสแล้ว ซึ่งพระธรรมเทศนา เชตวเน วหิ รนฺโต อนาถปิ ณฺฑิกํ อารพฺภ กเถส.ิ นี ้วา่ ปาโปปิ ปสฺสตี ภทรฺ ํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร อ.เศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะ เร่ียรายแล้ว อนาถปิ ณฺฑิโก หิ วิหารเมว อุทฺทิสฺส ซงึ่ ทรัพย์มีโกฎิ ๕๔ เป็นประมาณ ในพระพทุ ธศาสนา เจาะจง จตปุ ญฺญาสโกฏิธนํ พทุ ฺธสาสเน วกิ ีริตฺวา, สตฺถริ ซ่ึงวิหารน่ันเทียว, ครัน้ เม่ือพระศาสดา ประทับอยู่อยู่ เชตวเน วิหรนฺเต, เทวสกิ ํ ตีณิ อมาหทาาอยปุ ฏอฺฐาาคนโตานติิ ในพระเชตวนั , ยอ่ มไป สทู่ ี่เป็นท่ีบ�ำรุงใหญ่ ท. ๓ ทกุ ๆ วนั , คจฺฉต,ิ คจฺฉนฺโต จ “ กึ นุ โข ก็ (อ.เศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะ) เม่ือไป เป็นผ้ไู มเ่ คย ช่ือวา่ เป็น สามเณรา วา ทหรา วา หตฺถํปิ เม โอโลเกยฺยนุ ฺติ ผ้มู ีมือเปลา่ (เป็น) ไปแล้ว (ด้วยความคดิ ) วา่ อ. สามเณร ท. หรือ ตจุ ฺฉหตฺโถนาม น คตปพุ ฺโพ, ปาโต คจฺฉนฺโต ยาคํุ หรือวา่ อ. ภิกษุหนมุ่ ท. พงึ แลดู แม้ซงึ่ มือ ของเรา (ด้วยความคดิ ) คาหาเปตฺวาว คจฺฉต,ิ วา่ (อ.เศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะ) ถือเอา (ซงึ่ วตั ถ)ุ อะไร หนอ แล มาแล้ว ดงั นี ้ ดงั นี ้ (ยอ่ มเป็น), (อ.เศรษฐีชื่อวา่ อนาถบณิ ฑิกะ) เม่ือไป ในเวลาเช้า (ยงั บคุ คล) ให้ถือเอาแล้ว ซง่ึ ข้าวต้ม เทียว ยอ่ มไป, ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 9 www.kalyanamitra.org
(อ.เศรษฐีช่ือว่าอนาถบิณฑิกะ) มีอาหารอันบุคคลพึงกิน กตปาตราโส สปปฺ ิ นวนีตาทีนิ เภสชฺชานิ ในเวลาเข้าอนั กระท�ำแล้ว (ยงั บคุ คล) ให้ถือเอาแล้ว ซงึ่ เภสชั ท. คาหาเปตฺวา คจฺฉต,ิ สายณฺหสมเย มาลาคนฺธวิเลปน- มีเนยในและเนยข้นเป็ นต้น ย่อมไป, (อ.เศรษฐีชื่อว่าอนาถบิณฑิกะ) วตฺถาทีนิ คาหาเปตฺวา วหิ ารํ คจฺฉต,ิ เอวํ นิจฺจกาลเมว (ยงั บคุ คล) ให้ถือเอาแล้ว (ซง่ึ วตั ถุ ท.) มีระเบียบและของหอม ทิวเส ทิวเส ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขต.ิ และวตั ถเุ ป็นเครื่องลบู ไล้และผ้าเป็นต้น ยอ่ มไป สวู่ หิ าร ในสมยั คือเวลาเยน็ แหง่ วนั , (อ.เศรษฐีชื่อวา่ อนาถบณิ ฑิกะ) ถวายแล้ว ซงึ่ ทาน ยอ่ มรักษา ซง่ึ ศีล ในวนั ๆ ตลอดกาลเนืองนิตย์นน่ั เทียว ด้วยประการฉะนี ้ฯ ในกาลอนั เป็นสว่ นอื่นอีก (อ.เศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะ) นนั้ อปรภาเค โส ธนกฺขยํ คจฺฉต.ิ โวหารุปชีวิโนปิ สสฺ ยอ่ มถงึ ซง่ึ ความสนิ ้ ไปแหง่ ทรัพย์ ฯ (อ. ชน ท.) แม้ผ้เู ข้าไปอาศยั ออหทฏุตฺเฐฺถกาโนตรสอกฏหเฺูฐลิราญรภสฺญโินกโฺเกฏนฏ,ิธิโนยมํ หอนิณาทสํ ีตคมีเณทุ รฺทฺหํ สึ นป.ุ ิทกวหิสลุ สึิสต.นฺุวาฺตเกอฐาวปปมิ ติ สสาสฺฺส, ซง่ึ การค้าขายเป็นอยโู่ ดยปกติ ถือเอาแล้ว ซงึ่ ทรัพย์มีโกฎิ ๑๘ เป็นประมาณ จากมอื (ของเศรษฐีชอื่ วา่ อนาถบณิ ฑกิ ะ)นนั้ (กระทำ� ) ให้เป็นหนี ้ฯ อ. โกฎิแหง่ เงิน ท. ๑๘ แม้อนั เป็นของมีอยแู่ หง่ ตระกลู อนปุ พุ ฺเพน ธนํ ปริกฺขยํ อคมาส.ิ โส เอวํภโู ตปิ สงฺฆสสฺ (ของเศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะ)นนั้ อนั อนั บคุ คล ฝังตงั้ ไว้แล้ว ทานํ เทตเิ ยว, ปณีตํ ปน กตฺวา ทาตํุ น สกฺโกต.ิ ทฝี่ ่ังแหง่ แมน่ ำ� ้ , ครนั้ เมอ่ื ฝั่ง อนั นำ� ้ เซาะแล้ว, เข้าไปแล้ว สมู่ หาสมทุ ร ฯ อ.ทรัพย์ ของเศรษฐีชื่อว่าอนาถบิณฑิกะ นัน้ ได้ ถึงแล้ว ซงึ่ ความสนิ ้ ไปรอบ โดยลำ� ดบั ด้วยประการฉะนี ้ฯ อ. เศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะนนั้ แม้ผ้เู ป็นแล้วอยา่ งนี ้ ถวายอยู่ ซง่ึ ทาน แก่สงฆ์ นนั่ เทียว, แตว่ า่ (อ.เศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะนนั้ ) ยอ่ มไมอ่ าจ เพ่ืออนั ถวายกระท�ำ ให้เป็นทานประณีต ฯ ในวนั หนงึ่ (อ. เศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะ)นนั้ , (ครัน้ เมื่อพระด�ำรัส) โส เอกทิวส,ํ สตฺถารา “ทียติ ปน เต คหปติ วา่ ดกู ่อนคฤหบดี ก็ อ.ทาน ในตระกลู อนั ทา่ น ถวายอยู่ หรือ ดงั นี ้ กเุ ล ทานนฺติ วตุ ฺเต,“ทียติ เม ภนฺเต กเุ ล ทานํ, อนั พระศาสดา ตรัสแล้ว, กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ ตญฺจ โข กณาชกํ พิลงฺคทตุ ยิ นฺติ อาห. อ.ทาน ในตระกลู อนั ข้าพระองค์ ถวายอย,ู่ ก็แล (อ.ทาน)นนั้ เป็นข้าวปลายเกรียน เป็นของมนี ำ� ้ ผกั ดอกเป็นท่ี ๒ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว (กะเศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะ) อถ นํ สตฺถา “คหปติ `ลขู ํ ทานํ เทมีติ มา จินฺตยิ, นนั ้ วา่ ดกู อ่ นคฤหบดี อ. ทา่ น อยา่ คดิ แล้ว วา่ (อ.เรา) ยอ่ มถวาย ซงึ่ ทาน จิตฺตสฺมึ หิ ปณีเต พทุ ฺธาทีนํ ทินฺนทานํ ลขู ํ นาม นตฺถิ, อนั เศร้าหมอง ดงั นี,้ ด้วยวา่ ครัน้ เมื่อจิต ประณีตแล้ว อ.ทาน อปิ จ ตฺวํ เควหลาปมตกิ าอเฏลฺฐนสฺนกํลชอมริพฺยปทุ คีปุ ํ ฺคอลนุานฺนํงทฺคาลนํ ํกเตทฺวสา;ิ อันบุคคล ถวายแล้ว (แก่พระอริยบุคคล ท.) มีพระพุทธเจ้ า อหมปฺ น เป็นต้น ช่ือวา่ เศร้าหมอง ยอ่ มไมม่ ี, ดกู ่อนคฤหบดี อีกอยา่ งหนงึ่ มหาทานํ ปวตฺตยมาโน ตสิ รณคตมปฺ ิ กญฺจิ นาลตฺถํ, อ.ทา่ น ถวายแล้ว ซงึ่ ทาน แก่พระอริยบคุ คล ท. ๘; สว่ นวา่ อ. เรา ทกฺขิเณยฺยา นาม เอวํ ทลุ ฺลภา; ตสฺมา `ลขู ํ เม ทานนฺติ กระท�ำแล้ว ซงึ่ ชมพทู วีปทงั้ สนิ ้ ให้เป็นทวีปมีงอนไถอนั ยกขนึ ้ แล้ว มา จินฺตยีติ วตฺวา เวลามสตุ ฺตมสฺส กเถส.ิ ยงั ทานใหญ่ ให้เป็นไปทวั่ อยู่ ไมไ่ ด้ได้แล้ว ซง่ึ ใคร ๆ แม้ผ้ถู งึ แล้ว ซึ่งสรณะ ๓ ในกาลแห่งเราเป็ นพราหมณี ชื่อว่าเวลามะ, ช่ือ อ.พระทักขิไณยบุคคล ท. เป็ นผู้อันบุคคลได้ โดยยาก อยา่ งนี ้ (ยอ่ มเป็น); เพราะเหตนุ นั้ (อ.ทา่ น) อยา่ คดิ แล้ว วา่ อ.ทาน ของเรา เศร้าหมอง ดงั นี ้ตรัสแล้ว ซง่ึ เวลามสตู ร (แก่เศรษฐี) นนั้ ฯ ครัง้ นนั้ อ.เทวดา ผ้สู ิงอย่แู ล้ว ท่ีซุ้มแห่งประตู (ของเศรษฐี) อถสสฺ ทวฺ เาครหโกํ ฏปฺฐวเสิกนอฺเตธสิวต,ุ ถฺ เาตสเทํ วเตตเาช,นสตสถฺ ณริ ฺฐเาจตวํุ นนั้ , ครัน้ เม่ือพระศาสดา ด้วย นนั่ เทียว ครัน้ เม่ือพระสาวก ท. สาวเกสุ จ ด้ วย เข้ าไปอยู่ สู่เรือน, ไม่อาจอยู่ เพ่ืออันด�ำรงอยู่ ด้ วยเดช อสกฺโกนฺตี “ยถา อิเม อิมํ เคหํ น ปวิสนฺติ, (แห่งพระศาสดาและพระสาวก ท.) เหล่านัน้ (คิดแล้ว ว่า ตถา คหปตึ ปริภินฺทิสฺสามีติ ตํ วตฺตุกามาปิ อ.พระศาสดาและพระสาวก ท. เหล่านี ้ จะไม่เข้าไป สู่เรือนนี ้ อิสสฺ รกาเล กิญฺจิ วตฺตํุ นาสกฺขิ, “อิทานิ ปนายํ โดยประการใด, อ.เราจกั ยยุ ง ซงึ่ คฤหบดี โดยประการนนั้ ดงั นี ้ ทคุ ฺคโต, คณฺหิสสฺ ติ แม้เป็ นผู้ใคร่เพื่ออนั กล่าว(กะเศรษฐี)นัน้ (เป็ น) ไม่ได้อาจแล้ว เพื่ออนั กลา่ ว ซง่ึ ค�ำอะไร ๆ ในกาลแหง่ เศรษฐีเป็นใหญ่, (คดิ แล้ว) วา่ ก็ ในกาลนี ้(อ.เศรษฐี)นี ้เป็นผ้ถู งึ แล้วซงึ่ ยาก (ยอ่ มเป็น), 10 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.เศรษฐีนี)้ จกั ถือเอา ซง่ึ ค�ำของเรา ดงั นี ้ เข้าไปแล้ว สหู่ ้อง อากาเมเสวอจฏนฺฐนาฺตสิ.ิ รตอฺตถภิ นาํ เเคสฏเฺสฐฏี ทฺฐิสสวฺ ฺสา สริ ิคพฺภํ ปวสิ ติ ฺวา อนั เป็นสริ ิ ของเศรษฐี ในสว่ นแหง่ ราตรี ได้ยืนแล้ว ในอากาศ ฯ “ โก เอโสติ ปจุ ฺฉิ. ครัง้ นนั้ อ. เศรษฐี เหน็ แล้ว (ซง่ึ เทวดา) นนั้ ถามแล้ว วา่ อ.ใคร นน่ั ดงั นี ้ฯ (อ.เทวดา กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาเศรษฐี อ. เรา เป็นเทวดา “อห นเฺเทตวตมาหาตเยุ สฺหฏํ ฺ ฐิโอจวตาทุตตฺถฺถทาฺยวา รอโากคฏตฺ ฐาเตกิ. ผ้สู งิ อยแู่ ล้ว ท่ีซ้มุ แหง่ ประตทู ่ี ๔ ของทา่ น (เป็น) เป็นผ้มู าแล้ว อธิวตฺถา เพื่อต้ องการแก่อันกล่าวสอน ซ่ึงท่าน (ย่อมเป็ น) ดังนี ้ ฯ “เตนหิ วเทหิ เทวเตต.ิ (อ.เศรษฐกี ลา่ วแลว้ ) วา่ ดกู อ่ นเทวดา ถ้าอยา่ งนนั้ อ.ทา่ น จงกลา่ ว ดงั นี ้ ฯ (อ.เทวดา กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนมหาเศรษฐี อ.ทรัพย์มาก สมณ“สมสฺหาเโสคฏตฺฐมิ สตฺสยาสาปสจเนฺฉิมกพาหลธุ ํ นํ อโนโลเกตฺวาว อนั ทา่ น ไมแ่ ลดแู ล้ว ซง่ึ กาลมีในภายหลงั เทียว เร่ือยรายไว้แล้ว วิปปฺ กิณฺณํ, ในศาสนา ของพระสมณะ ผู้โคดม, ในกาลนี ้ อ.ท่าน อิทานิ ทคุ ฺคโต หตุ ฺวาปิ ตํ น มญุ ฺจสเิ ยว, เอวํ เป็ นผู้ถึงแล้วซ่ึงยาก แม้ เป็ น ย่อมไม่ละ ซ่ึงพระสมณะ วตฺตมาโน กติปาเหเนว ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ ผ้โู คดม นนั้ นนั่ เทยี ว, อ.ทา่ น ประพฤตอิ ยู่ อยา่ งนี ้จกั ไมไ่ ด้ (ซงึ่ วตั ถ)ุ น ลภิสฺสส;ิ กินฺเต สมเณน โคตเมน, อตปิ ริจฺจาคโต แม้สกั วา่ อาหารอนั บคุ คลพงึ กินและผ้าเป็นเคร่ืองปกปิ ด โดยวนั โอรมิตฺวา กมมฺ นฺเต ปโยเชนฺโต กฏุ มุ พฺ ํ สณฺฐเปหีต.ิ เลก็ น้อยนน่ั เทียว อ.ประโยชน์อะไร ของทา่ น ด้วยพระสมณะ ผู้โคดม, อ.ท่าน งดแล้ว จากการบริจาคยิ่ง ประกอบอยู่ ซง่ึ การงาน ท. จงตงั้ ไว้ด้วยดี ซงึ่ ขมุ ทรัพย์ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐี ถามแล้ว) วา่ (อ.โอวาท)นี ้เป็นโอวาท อนั อนั ทา่ น “อยํ เม ตตายทาิสทีนินํ ฺโสนเตนโปอิ วสาโหทสตเฺ .ิสน“อปาิ มสตมสหหาสเสฺเฏสฺนฐตีป.ิิ ให้แล้ว แก่เรา (ยอ่ มเป็น) หรือ ดงั นี ้ ฯ (อ. เทวดา กลา่ วแล้ว) วา่ “คจฺฉ, นาหํ ดกู ่อนมหาเศรษฐี เออ (อ.อยา่ งนนั้ ) ดงั นี ้ฯ (อ. เศรษฐี กลา่ วแล้ว) สกฺกา กมฺเปตํุ, อยุตฺตนฺเต วุตฺตํ, กึ ตยา วา่ อ.ทา่ น จงไป, อ.เรา เป็นผู้ แม้อนั ร้อย แม้อนั พนั แม้อนั แสน มม เคเห วสมานาย, สฆี สีฆํ เม ฆรา นิกฺขมาหีต.ิ (แหง่ เทวดา ท.) ผ้เู ชน่ กบั ด้วยทา่ น ไมอ่ าจ เพ่ืออนั ให้หวน่ั ไหว (ยอ่ มเป็น),(อ.ค�ำ)อนั ไมค่ วรแล้วอนั ทา่ น กลา่ วแล้ว,(อ.ประโยชน์) อะไร ด้วยทา่ น ผ้อู ยอู่ ยู่ ในเรือน ของเรา, อ.ทา่ น จงออกไป จากเรือน ของเรา พลนั ๆ ดงั นี ้ ฯ อ.เทวดานนั้ ฟังแล้ว ซง่ึ ค�ำ ของพระอริยสาวก ผ้เู ป็นโสดาบนั สา โสตาปนฺนสฺส อริยสาวกสฺส วจนํ สตุ ฺวา ฐาตํุ ไมอ่ าจอยู่ เพ่ืออนั ยืนอยู่ พาเอา ซงึ่ ทารก ท. ออกไปแล้ว, ก็แล อสกฺโกนฺตี ทารเก อาทาย นิกฺขมิ, นิกฺขมิตฺวา จ ปน (อ. เทวดานนั้ ) ครัน้ ออกไปแล้ว ไมไ่ ด้อยู่ ซง่ึ ที่เป็นที่อยู่ (ในที่)อ่ืน ตอญตเฺ ฺญถวตวฺถสวสิ สสฺ นามฏฺตีฐาิ จนนิํ อเฺ ตลตภวฺ มาานนคาร“ปเรสิคฏคฺ ฺฐาึหขกมํ เาทเวปปตตฺุวตฺาํ คดิ แล้ววา่ (อ.เรา)ยงั เศรษฐีให้อดโทษแล้วจกั อยู่(ในที่)นนั่ นน่ั เทียว ดังนี ้ เข้าไปหาแล้ว ซ่ึงเทพบุตร ผู้ก�ำหนดถือเอาซ่ึงพระนคร อปุ สงฺกมิตฺวา อตฺตนา กตาปราธํ อาจิกฺขิตฺวา บอกแล้ว ซงึ่ ความผิดอนั ตนกระท�ำแล้ว กลา่ วแล้ววา่ อ.ทา่ น “เอหิ, มํ เทสาฏเฺ ฐปิสหฺสีติ สนฺติกํ เนตฺวา ขมาเปตฺวา จงมา, (อ.ทา่ น) น�ำไปแล้ว ซง่ึ เรา สสู่ �ำนกั ของเศรษฐี ยงั เศรษฐี วสนฏฺ ฐานํ อาห. ให้อดโทษแล้ว (ยงั เศรษฐี) จงให้ให้ ซงึ่ ท่ีเป็นท่ีอยู่ ดงั นี ้ ฯ (อ.เทพบุตร)นัน้ ห้ามแล้ว (ซ่ึงเทวดา) นัน้ (ด้วยค�ำ) ว่า โส “อยตุ ฺตํ ตยา วตุ ฺตํ, นาหํ ตสสฺ สนฺติกํ คนฺตํุ (อ.ค�ำ) อันไม่ควรแล้ว อันท่าน กล่าวแล้ว, อ.เราย่อมอาจ อสุ สฺ หามีติ ตํ ปฏิกฺขิปิ . สา จตนุ ฺนํ มหาราชานํ สนฺตกิ ํ เพ่ืออนั ไป สสู่ ำ� นกั (ของเศรษฐี) นนั้ หามิได้ ดงั นี ้ ฯ อ.เทวดานนั้ คนฺตฺวา เตหิ ปฏิกฺขิตฺตา สกฺกํ เทวราชานํ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของท้าวมหาราช ท. ๔ (ผ้อู นั ท้าวมหาราช ท. ๔) อปุ สงฺกมิตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา “อหํ เทว เหลา่ นนั้ ตรสั ห้ามแล้ว เข้าไปเฝ้ าแล้ว ซงึ่ ท้าวสกั กะ ผ้พู ระราชา อวสนนาถฏฺาฐาวนจิํ ราอมลิ,ภมานา ทารเก หตฺเถน คเหตฺวา แหง่ เทพ กราบทลู แล้ว ซงึ่ ความเป็นไปทวั่ นนั้ ทลู วงิ วอนแล้ว ด้วยดีกวา่ วา่ ข้าแตเ่ ทพเจ้า อ.ข้าพระองค์ ไมไ่ ด้อยู่ ซง่ึ ที่เป็นท่ีอยู่ จงู แล้ว ซงึ่ ทารก ท. ด้วยมือ เป็นผ้ไู มม่ ีที่พงึ่ (เป็น) ยอ่ มเท่ียวไป, ผลิตสอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 11 www.kalyanamitra.org
(อ.พระองค์) ขอจงทรง (ยังเศรษฐี) ให้ให้ ซ่ึงท่ีเป็ นที่อยู่ เออากหมวป“ฺ สอนนหฏมเฺฐปฺตาิ นอตํ ปุเวมากยทาํ ารกเณปเถหาสีตเฺสสิ าสฏมฏฺุฐฺีตฐึ ว.ิุตตร[ฺตํ สยํุานา]จสิ.“กสอฺขาถธิสุสฺนเาํ ทโมสวิ, แก่ข้าพระองค์ดงั นีฯ้ ครัง้ นนั้ (อ.ท้าวสกั กะ)นนั้ ตรัสแล้ว(กะเทวดา) นนั้ วา่ แม้ อ.เรา จกั ไมอ่ าจ เพื่ออนั กลา่ ว กะเศรษฐี เพราะเหตุ แห่งท่าน, แต่ว่า (อ.เรา) จักบอก ซ่ึงอุบาย อย่างหนึ่ง แก่ท่าน กเถหีติ. ดังนี ้ฯ (อ. เทวดา นนั้ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู ป็นเทพเจ้า อ. ดีละ อ. พระองค์ ขอจงตรัสบอก ดงั นี ้ฯ (อ. ท้าวสกั กะ ตรสั แล้ว) วา่ (อ. ทา่ น) จงไป, (อ. ทา่ น) ถอื เอาแล้ว หตฺถ“โตคจปฺฉ,ณเฺณสฏํ ฺฐอโิ านหอราาเยปตุ ตฺตฺวกาเวโสวํหาครเุหปตชีวฺวีหาิ เสฏคฺฐหสิ ิตฺสํ ซ่ึงเพศแห่งนายเสมียน ของเศรษฐี (ยังบุคคล) ให้น�ำมาแล้ว ซงึ่ หนงั สอื จากมือ ของเศรษฐี ยงั ทรัพย์มีโกฎิ ๑๘ เป็นประมาณ ตอตออจฏตฏจุุ ฉฺฺฺฺฉฺถฐฐคาาิค,พรรพสสเฺ ภฺเโโอภกกญฏฏปฺญิิธธปเู รนนเูตมรํํ วตฺปฺ าิฺวอ,อาตตมฺถอหฺติ,อสาโิทกนุสตนฏมฺํฺนทฐุ าาทฺอสเมํนาพปนฺพวภุทฏํิ าณนฺฐเสาํวฺฑอํหมนฏกรฺิตฐมาฺวมฺ อรโาสํสสโเฺสกกธตาฏตตมสธิฺฺววนฺสิกาาํํ อัน (อันชน ท.) ผู้เข้ าไปอาศัยซ่ึงการค้ าขายเป็ นอยู่โดยปกติ ถอื เอาแล้ว ให้หมดจดแล้ว ด้วยอานภุ าพ ของตน ยงั ห้องอนั เปลา่ ท. ให้เตม็ แล้ว, มอีอ.ทยร,ู่ ัพยอ์.มีโทกรฎัพิ ย๑์ม๘ีโกฎ์ิเป๑็น๘ประเปม็นาปณระมอานั ณเข้าอไปนั ไแมลม่้วี สมู่ หาสมทุ ร เจ้าของ แม้อ่ืน มีอยู่ ช่ือ ในที่โน้น, รวบรวมแล้ว (ซงึ่ ทรัพย์)นนั้ ขมาเปหีต.ิ ทงั้ ปวง ยงั ห้องอนั เปลา่ ท. (ของเศรษฐี)นนั้ ให้เตม็ แล้ว กระท�ำแล้ว ซงึ่ ทณั ฑกรรม ช่ือนี ้(ยงั เศรษฐี) จงให้อดโทษ ดงั นี ้ฯ (อ.เทวดา) นนั้ (รับพร้อมแล้ว) วา่ ข้าแตเ่ ทพ อ.ดลี ะ ดงั นี ้ สา “สาธุ เทวาติ วตุ ฺตนเยเนว สพฺพํ กตฺวา ปนุ กระทำ� แล้ว (ซงึ่ กรรม) ทงั้ ปวง โดยนยั (อนั ท้าวสกั กะ) ตรสั แล้วนนั่ เทยี ว ตสฺส สริ ิคพฺภํ โอภาสยมานา อากาเส ฐตฺวา, ยงั ห้องอนั ประกอบแล้วด้วยสริ ิ (ของเศรษฐีชอื่ วา่ อนาถบณิ ฑกิ ะ) นนั้ “อโธกิวตฺถเอาโสตอนิ ฺธวพตุ าฺเลตเ,ทว“ตอาห,นฺเมตยาจตอตุ นฺถฺธทพฺวาาลรตโกาฏยฺฐเยกํ ให้สว่างอยู่ อีก ยืนแล้ว ในอากาศ (ครัน้ เมื่อค�ำ) ว่า (อ.บุคคล) นนั่ คือ อ.ใคร (อ.บคุ คล นนั่ เป็นใคร ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ (อนั เศรษฐี ตมุ หฺ ากํ สนฺตเิ ก กถิตํ, ตํ เม ขมถ, สกฺกสฺส หิ เม ชื่อว่าอนาถบิณฑิกะ) นัน้ กล่าวแล้ว กล่าวแล้ว ว่า อ.ข้าพเจ้า วจเนน จตปุ ญฺญาสโกฏิธนํ สํหริตฺวา ตจุ ฺฉคพฺภ- เป็ นเทวดาผู้โง่เพียงดังคนบอด ผู้สิงอยู่แล้ว ที่ซุ้มแห่งประตูท่ีส่ี ปรู เณน ทณฺฑกมมฺ ํ กตํ วสนฏฺ ฐานํ อลภมานา ของท่าน (ย่อมเป็ น) (อ.ค�ำ) ใด อนั ข้าพเจ้า กล่าวแล้ว ในส�ำนกั กิลมามีติ อาห. ของทา่ น เพราะความที่ (แหง่ ตน) เป็นผ้โู งเ่ พยี งดงั คนบอด (อ.ทา่ น ) ขอจงอดโทษ (ซง่ึ ค�ำ) นนั้ แก่ข้าพเจ้า เพราะว่า อ.ทณั ฑกรรม (อนั ข้าพเจ้า) กระท�ำแล้ว ด้วยการ รวบรวม ซง่ึ ทรัพย์มีโกฏิห้า- สบิ สเ่ี ป็นประมาณแล้วจงึ ยงั ห้องอนั เปลา่ ให้เตม็ ตามคำ� ของท้าวสกั กะ (อ.ข้าพเจ้า) ไมไ่ ด้อยู่ ซง่ึ ที่เป็นท่ีอยู่ ยอ่ มลำ� บาก ดงั นี ้ฯ อ.เศรษฐีชอ่ื วา่ อนาถบณฑกิ ะ คดิ แล้ว วา่ อ.เทวดา นี ้ ยอ่ มกลา่ ว อนาถปิ ณฺฑิโก จินฺเตสิ “ อยํ เทวตา `ทณฺฑกมมฺ ํ ว่า อ.ทัณฑกรรม อันเรา กระท�ำแล้ว ดังนี ้ด้วย ย่อมรู้เฉพาะ เม กตนฺติ วทต,ิ อตฺตโน จ โทสํ ปฏิชานาต,ิ ซึ่งโทษ ของตน ด้ วย (อ.เรา) จักแสดง (ซึ่งเทวดา)นัน้ สมมฺ าสมพฺ ทุ ฺธสฺส นํ ทสฺเสสสฺ ามีต.ิ แก่พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า ดงั นี ้ฯ (อ.เศรษฐีช่ือวา่ อนาถบณิ ฑิกะ) นนั้ น�ำไปแล้ว (ซงึ่ เทวดา) โส ตํ สตฺถุ สนฺตกิ ํ เนตฺวา ตาย กตกมมฺ ํ สพฺพํ นนั้ สสู่ ำ� นกั ของพระศาสดา กราบทลู ซง่ึ กรรมอนั เทวดานนั้ อาโรเจส.ิ เทวตา สตฺถุ ปาเทสุ สริ สา นิปตติ ฺวา กระท�ำแล้ว ทัง้ ปวง ฯ อ.เทวดา หมอบลงแล้ว ด้วยเศียรเกล้า “ภนฺเต ยํ มยา อนฺธพาลตาย ตมุ หฺ ากํ คเุ ณ ท่ีพระบาท ท. ของพระศาสดา กราบทลู แล้ววา่ ข้าแตพ่ ระองค์- อชานิตฺวา ปาปกํ วจนํ วตุ ฺตํ, ตํ เม ขมถาติ สตฺถารํ ผู้เจริญ อ.ค�ำ อันชั่ว ใด อันข้าพระองค์ ไม่รู้แล้ว ซ่ึงคุณ ท. ขมาเปตฺวา มหาเสฏฺฐึ ขมาเปส.ิ ของพระองค์ กลา่ วแล้ว เพราะความท่ีแหง่ ตนเป็นผ้โู งเ่ พียงดงั - คนบอด (อ.พระองค์) ขอจงอดโทษ (ซง่ึ ค�ำ) นนั้ แก่ข้าพระองค์ ดงั นี ้ยงั พระศาสดา ให้อดโทษแล้ว ยงั มหาเศรษฐี ให้อดโทษแล้วฯ อ.พระศาสดา เมื่อจะทรงกล่าวสอน ซ่ึงเศรษฐี ด้วยน่ัน สตถฺ า กลยฺ าณปาปกานํ กมมฺ านํ วปิ ากวเสเนว เทียว ซงึ่ เทวดา ด้วย ด้วยสามารถแหง่ วบิ ากแหง่ กรรม ท. ทงั้ ดี ปเสาฏปฺปฐิญคุ คฺ ฺเโจลวปิ, เทวตญฺจ โอวทนฺโต “อิธ คหปติ ทัง้ ชั่ว น่ันเทียว ตรัสแล้ว ว่า ดูก่อนคฤหบดี แม้ อ.บุคคลผู้ช่ัว ยาว ปาปํ น ปจจฺ ต,ิ ตาว ภทรฺ านิ ปสสฺ ต;ิ (ในโลก) นี ้ ย่อมเห็น (ซ่ึงกรรมอันช่ัว ท.) ว่าเป็ นกรรมอันเจริญ อ.กรรมอันช่ัว ย่อมไม่เผล็ดผล เพียงใด - เพียงนัน้ 12 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
แต่ว่า อ.กรรมอันชั่ว (ของบุคคลผู้ช่ัว) นัน้ ย่อมเผล็ดผล ยทา ปนสสฺ ปาปํ ปจฺจต,ิ ตทา ปาปเมว ปสสฺ ต;ิ ในกาลใด (อ.บุคคลผู้ชั่ว นัน้ ) ย่อมเห็น (ซ่ึงกรรมอันชั่ว) ว่า ภทฺรปคุ ฺคโลปิ , ยาว ภทฺรํ น ปจฺจต,ิ ตาว ปาปานิ เป็ นกรรมอนั ชว่ั นนั่ เทียว ในกาลนนั้ แม้ อ.บคุ คลผ้เู จริญ ย่อมเห็น ปสสฺ ต,ิ ยทา ปนสฺส ภทฺรํ ปจฺจต,ิ ตทา ภทฺรเมว (ซง่ึ กรรม อนั เจริญ) ยอ่ มเหน็ (ซงึ่ กรรมอนั เจริญ ท.) วา่ เป็น- ปสฺสตีติ วตฺวา อนสุ นฺธึ ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต กรรมอันชั่ว อ.กรรมอันเจริญ ย่อมไม่เผล็ดผล เพียงใด - อิมา คาถา อภาสิ เพียงนัน้ แต่ว่า อ.กรรมอันเจริญ (ของบุคคลผู้เจริญ) นัน้ ย่อมเผล็ดผล ในกาลใด (อ.บุคคลผู้เจริ ญนัน้ ) ย่อมเห็น (ซง่ึ กรรมอนั เจริญ) วา่ เป็นกรรมอนั เจริญนน่ั เทียว ในกาลนนั้ ดงั นี ้ เมอื่ จะ ทรงสบื ตอ่ ซง่ึ อนสุ นธิ แสดง ซงึ่ ธรรม ได้ตรสั ซง่ึ พระคาถา ท. เหลา่ นี ้วา่ แม้ อ.บคุ คลผูช้ ว่ั ย่อมเห็น (ซ่ึงกรรมอนั ชวั่ ) ว่าเป็นกรรม “ปาโปปิ ปสฺสตี ภทฺรํ, ยาว ปาปํ น ปจฺจติ; อนั เจริญ - อ.กรรมอนั ชวั่ ย่อมไม่เผล็ดผล เพียงใด- ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ , อถ ปาปานิ ปสฺสติ; เพียงนน้ั แต่ว่า อ.กรรมอนั ชวั่ (ของบุคคลผู้ชว่ั นนั้ ) ภทฺโรปิ ปสสฺ ตี ปาปํ , ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ; ย่อมเผล็ดผล ในกาลใด (อ.บุคคลผู้ชว่ั ) ย่อมเห็น ยทา จ ปจฺจตี ภทฺรํ, อถ ภทฺรานิ ปสสฺ ตีติ. (ซ่ึงกรรมอนั ชวั่ ท.) ว่าเป็ นกรรมอนั ชวั่ ในกาลนน้ั แม้ อ.บุคคลผู้เจริญ ย่อมเห็น (ซ่ึงกรรมอนั เจริญ ) ว่าเป็นกรรมอนั ชวั่ - อ.กรรมอนั เจริญ ย่อมไม่เผล็ดผล เพียงใด - เพียงนน้ั แต่ว่า อ.กรรมอนั เจริญ (ของบคุ คล ผูเ้ จริญนน้ั ) ย่อมเผล็ดผล ในกาลใด (อ.บคุ คล ผูเ้ จริญ) ย่อมเห็น (ซ่ึงกรรมอนั เจริญ ท.) ว่าเป็นภรรมอนั เจริญ ในกาลนนั้ ดงั นี้ ฯ อ.บุคคลผู้ประกอบแล้ว ด้วยกรรมอันลามก มีกายทุจริต ตตฺถ ปาโปต:ิ กายทจุ ฺจริตาทินา ปาปกมเฺ มน เป็นต้นชอ่ื วา่ บคุ คลผ้ลู ามก (ในพระคาถา) นนั้ ฯ ก็ (อ.บคุ คลผ้ลู ามก) ยตุ ฺตปคุ ฺคโล. โสปิ หิ ปรุ ิมสจุ ริตานภุ าเวน นิพฺพตฺตํ สขุ ํ แม้นนั้ เสวยอยู่ ซง่ึ สขุ อนั บงั เกิดแล้ว ด้วยอานภุ าพแหง่ สจุ ริต อนภุ วมาโน ภทฺรํปิ ปสสฺ ต.ิ ยาว ปาปํ น ปจจฺ ตตี :ิ อนั มใี นกอ่ น ยอ่ มเหน็ (ซงึ่ กรรมอนั ลามก) แม้วา่ เป็นกรรมอนั เจริญ ฯ ยาว ตสสฺ ตํ ปาปกมมฺ ํ เทปทจติฏนิ,ฺฐสอธสฺอปมถาฺเมตยทํทวิฏกุาทฺฐฺขิฏสธํ ฺมฐมธปฺอเฺ มมนรเฺาโุมภเวยนวิ ธิววฺโตาาา (อ.อรรถ) ว่า อ.กรรมอันลามก นัน้ (ของบุคคลผู้ลามก) นัน้ วปิ ากํ น เทต.ิ ยทา ยอ่ มไมใ่ ห้ ซงึ่ วิบาก ในธรรมอนั สตั ว์เหน็ แล้ว หรือ หรือวา่ ในภพ สมปฺ ราเย วา วปิ ากํ เป็นที่ไปในเบือ้ งหน้าพร้อม เพียงใด (อ.บคุ คลผ้ลู ามก ยอ่ มเหน็ กมมฺ กรณา สมปฺ ราเย ซึ่งกรรมอันลามกว่าเป็ นกรรมอันเจริญ เพียงนัน้ ) ฯ แต่ว่า โส ปาโป ปาปานิเยว ปสสฺ ต.ิ ในกาลใด (อ.กรรมอันลามก) นัน้ (ของบุคคลผู้ลามก) นัน้ ยอ่ มให้ ซง่ึ วิบาก ในธรรมอนั สตั ว์เหฯ็ แล้ว หรือ หรือวา่ ในภพ- เป็ นที่ไปในเบือ้ งหน้าพร้ อม, ในกาลนัน้ อ.บุคคลผู้ลามกนัน้ ผ้เู สวยอยู่ ซง่ึ กรรมกรณ์ อนั มีอยา่ งตา่ ง ๆ ในธรรมอนั สตั ว์เหน็ แล้ว ด้วย ซง่ึ ทกุ ขใ์ นบาย ในภพเป็นทไ่ี ปในเบอื ้ งหน้าพร้อมด้วย ยอ่ มเหน็ (ซ่ึงกรรมอันลามก ท.) ว่าเป็ นกรรมอันลามกนั่นเทียว ดังนี ้ แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ ยาว ปาปํ น ปจจตฺ ิ ดงั นี ้ ฯ (อ.อธิบาย) ในพระคาถาท่ี ๒ (อันบัณฑิต พึงทราบ) ฯ ทตุ ยิ คาถาย. กายสจุ ริตาทินา ภทฺรกมเฺ มน ยตุ ฺโต (อ. บคุ คล) ผ้ปู ระกอบแล้ว ด้วยกรรมอนั เจริญ มีกายสจุ ริตเป็นต้น ภทฺโร. โสปิ ปรุ ิมทจุ ฺจริตานภุ าเวน นิพฺพตฺตํ ทกุ ฺขํ ชื่อวา่ บคุ คลผ้เู จริญ ฯ (อ. บคุ คลผ้เู จริญ) แม้นนั้ เสวยอยู่ ซงึ่ ทกุ ข์ อนภุ วมาโน ปาปํ ปสสฺ ต.ิ ยาว ภทรฺ ํ น ปจจฺ ตตี :ิ อนั บงั เกิดแล้ว ด้วยอานภุ าพแห่งทจุ ริตอนั มีในก่อน ย่อมเห็น ยาว ตสสฺ ตํ ภทฺรกมมฺ ํ ตทํ ิฏวฺิปฐธามกฺเํ มเทตวา;ิ สมปฺ ราเย วา (ซง่ึ กรรมอนั เจริญ) วา่ เป็นกรรมอนั ลามก ฯ (อ. อรรถ) วา่ อ.กรรม วปิ ากํ น เทต.ิ ยทา ปน อนั เจริญนนั้ (ของบคุ คลผ้เู จริญ)นนั้ ยอ่ มไมใ่ ห้ ซงึ่ วบิ าก ในธรรม อนั สตั ว์เหน็ แล้ว หรือ หรือวา่ ในภพเป็นที่ไปในเบือ้ งหน้าพร้อม เพียงใด (อ.บคุ คลผ้เู จริญ) ยอ่ มเหน็ ซงึ่ กรรมอนั เจริญ วา่ เป็นกรรม อนั ลามก เพียงนนั้ ) ฯ แตว่ า่ ในกาลใด (อ.กรรมอนั เจริญ) นนั้ ยอ่ มให้ ซงึ่ วิบาก; ผลติ สือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 13 www.kalyanamitra.org
ในกาลนนั้ อ.บคุ คลผ้เู จริญ นนั้ เสวยอยู่ ซงึ่ สขุ อนั บงั เกิดแล้ว ทอถิพฺพสทมิฏปฺ ฺฐตธฺตมสิเฺ มขุ ํ ลาภสกฺการาทิสขุ ํ สมปฺ ราเย จ จากอามสิ มลี าภและสกั การะเป็นต้น ในธรรมอนั สตั วเ์ หน็ แล้ว ด้วย อนภุ วมาโน โส ภทฺโร ภทฺรานิเยว ซึ่งสุขอันบังเกิดแล้วจากสมบัติอันเป็ นทิพย์ ในภพเป็ นที่ไป ปสฺสตีต.ิ ในเบอื ้ งหน้าพร้อม ด้วย ยอ่ มเหน็ (ซง่ึ กรรมอนั เจริญ ท.) วา่ เป็นกรรม อันเจริ ญนั่นเทียว ดังนี ้ (แห่งบาทแห่งพระคาถา) ว่า ยาว ภทรฺ ํ น ปจจฺ ติ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา อ. เทวดา นนั้ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว เทสนาวสาเน สา เทวตา โสตาปตฺตผิ เล ปอตโหฏิ ฺสฐหีติ.ิ. ในโสดาปัตตผิ ล ฯ อ.พระธรรมเทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั สมปฺ ตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมมฺ เทสนา ด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว แม้แก่บริษัทผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองเศรษฐีช่ือว่าอนาถบณิ ฑกิ ะ อนาถปิ ณฺฑกิ วตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ๕. อ. เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้มีบริขารอันไม่สำ� รวมแล้ว ๕. อสญญฺ ตปริกขฺ ารภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “มาวมญเฺ ญถ ปาปสสฺ าติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ซง่ึ ภิกษุ ผ้มู ีบริขารอนั ไมส่ �ำรวมแล้ว รูปหนง่ึ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรม สตฺถา เชตวเน วหิ รนฺโต เอกํ อสญฺญตปริกฺขารํ ภิกฺขํุ เทศนา นี ้ วา่ มาวมญเฺ ญถ ปาปสสฺ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อารพฺภ กเถส.ิ ได้ยินวา่ อ.ภิกษุนนั้ ใช้สอยแล้ว ซงึ่ บริขาร มีเตียงและ โส กิร ยงฺกิญฺจิ มญฺจปี ฐาทิเภทํ ปริกฺขารํ พหิ ตงั่ เป็นต้นประเภท อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ในภายนอก ยอ่ มทิง้ ปริภญุ ฺชิตฺวา ตตฺเถว ฉฑฺเฑต.ิ ปริกฺขาโร วสเฺ สนปิ (ในที่) นนั้ เป็นนน่ั เทียว ฯ อ. บริขาร ยอ่ มเสยี หาย ด้วยฝนบ้าง ด้วย อาตเปนปิ อปุ จิกาทีหิปิ วินสฺสต.ิ แดดบ้าง (ด้วยอนั ตราย ท.) มีตวั ปลวกเป็นต้นบ้าง ฯ (อ. ภกิ ษ)ุ นนั้ , (ครงั้ เมอื่ คำ� ) วา่ ดกู อ่ นทา่ นผ้มู อี ายุ ชอื่ อ. บริขาร โส, ภิกฺขหู ิ “นนุ อาวโุ ส ปริกฺขาโร นาม (อนั ภิกษุ) พงึ เก็บ มิใชห่ รือ ดงั นี ้อนั ภิกษุ ท. กลา่ วแล้ว , กลา่ วแล้ว ปฏิสาเมตพฺโพติ วตุ ฺเต, “อปปฺ กํ มยา กตํ อาวโุ ส เอตํ, วา่ ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ท. อ. กรรม นนั่ อนั อนั ข้าพเจ้า กระท�ำแล้ว น เอตสฺส จิตฺตํ อตฺถิ, นตฺถิ จิตฺตนฺติ วตฺวา ปนุ ตเถว เป็นกรรมนิดหนอ่ ย (ยอ่ มเป็น), อ.จิต (ของบริขาร นนั่ มีอยู่ หามิได้, กโรต.ิ ภิกฺขู ตสฺส กิริยํ สตฺถุ อาโรเจสํ.ุ อ. จิต (ของบริขารนนั่ ) ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ยอ่ มกระท�ำ ด้วยประการนนั้ นน่ั เทียว อีก ฯ อ. ภิกษุ ท. กราบทลู แล้ว ซง่ึ การกระท�ำ (แหง่ ภิกษุ) นนั้ แก่พระศาสดา ฯ อ. พระศาสดา ทรงยงั ภกิ ษใุ ห้ร้องเรยี กแลว้ ซง่ึ ภกิ ษนุ นั้ ตรสั ถามแลว้ สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา “ สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ได้ยนิ วา่ อ. เธอ ยอ่ มกระทำ� อยา่ งนนั้ จริงหรือ ดงั นี ้ฯ เอวํ กโรสตี ิ ปจุ ฺฉิ. อ.ภิกษุนนั้ แม้ผ้อู นั พระศาสดา ตรัสถามแล้ว ดหู ม่ินอยู่ โส สตฺถารา ปุจฺฉิโตปิ “กิเมตํ ภควา, อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระผ้มู ีพระภาคเจ้า อปปฺ กํ มยา กตํ, นาสสฺ จิตฺตํ อตฺถิ, นตฺถิ จิตฺตนฺติ (อ.กรรม อัน ข้ าพระองค์กระท�ำแล้ว) น่ัน เป็ นกรรมอะไร ตเถว อวมญฺญนฺโต อาห. (ยอ่ มเป็น), (อ. กรรม) อนั อนั ข้าพระองค์ กระท�ำแล้ว เป็นกรรมนิด หนอ่ ย (ย่อมเป็ น), อ.จิต ของบริขารนัน้ มีอยู่ หามิได้, อ.จิต (ของบริขารนนั้ ) ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้ฯ 14 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ครัง้ นัน้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ว่า อ.อันอัน ภิกษุ ท. อถ นํ สตฺถา “ภิกฺขหู ิ เอวํ กาอตวํุ มนญฺญวิตฏฺพฏฺพตํ;,ิ กระท�ำ อย่างนี ้ ย่อมไม่ควร, ชื่อ อ.กรรมอันลามก (อันบุคคล) ปาปกมมฺ ํ นาม `อปปฺ กนฺติ น ไมพ่ งึ ดหู ม่ิน วา่ (อ.กรรมอนั ลามก น้อย ดงั นี ้ ; เหมือนอยา่ งวา่ อชฺโฌกาเส ฐปิ ตํ หิ ววิ ฏมขุ ภาชนํ เทเว วสสฺ นฺเต อ. ภาชนะมีปากอนั เปิ ดแล้ว อนั อนั บคุ คลวางไว้แล้ว ในโอกาสแจ้ง กิญฺจาปิ เอกพินฺทนุ า น ปรู ติ, ปนุ ปปฺ นุ ํ วสสฺ นฺเต ครัน้ เม่ือฝน ตกอยู่ ย่อมไม่เต็ม ด้ วยหยาดน�ำ้ หยาดหนึ่ง ปน ปรู เตว; เอวเมว ปาปกมฺมํ กโรนฺโต ปคุ ฺคโล แม้โดยแท้, ถงึ อยา่ งนนั้ (ครัน้ เมื่อฝน) ตกอยู่ บอ่ ย ๆ (อ. ภาชนะนนั้ ) อนปุ พุ ฺเพน มหนฺตํ ปาปราสึ กโรตเิ ยวาติ วตฺวา ยอ่ มเตม็ นนั่ เทียว (ฉนั ใด) ; อ.บคุ คล ผ้กู ระท�ำอยู่ ซงึ่ กรรมอนั ลามก อนสุ นฺธึ ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห ชื่อวา่ ยอ่ มกระท�ำ ซง่ึ กองแหง่ บาปใหญ่ โดยล�ำดบั นนั่ เทียว ฉนั นนั้ น่ันเทียว ดังนี ้ กะภิกษุนัน้ เมื่อ ทรงสืบต่อ ซ่ึงอนุสนธิ แสดง ซงึ่ ธรรมตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ อ. บคุ คล อย่าพึงดูหมิ่น ซึ่งกรรมอนั ลามก ว่า “มาวมญฺเญถ ปาปสฺส `น มตฺตํ อาคมิสฺสติ.’ (อ. กรรมอนั ลามก) มีประมาณนอ้ ย จกั ไม่มาถึง อุทพินฺทุนิปเตน อทุ กมุ ฺโภปิ ปรู ติ; (ดงั นี)้ แม้ อ. หมอ้ แห่งน้�ำ ย่อมเต็ม ดว้ ยการตกลง ปรู ติ พาโล ปาปสสฺ โถกํ โถกํปิ อาจินนตฺ ิ. แห่งหยาดแห่งน้�ำ (ฉนั ใด) ; อ. ชนพาล สงั่ สมอยู่ (ซึ่งกรรมอนั ลามก) หน่อยหน่ึง แมห้ น่อยหนึ่ง ย่อมเต็ม ดว้ ยกรรมอนั ลามก (ฉนั นนั้ ) ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ไมค่ วรดหู มิ่น (ดงั นี)้ (ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา ตตฺถ มาวมญเฺ ญถาต;ิ น อวชาเนยฺย. (แหง่ บท) วา่ มาวมญเฺ ญถ ดงั้ นี ้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ซงึ่ บาป (ดงั นี)้ ปาปสฺสาต;ิ ปาปํ . (แหง่ บท) วา่ ปาปสฺส ดงั นี ้ฯ อ.อรรถ วา่ (อ.บคุ คล) ไมค่ วรดหู มิ่น ซงึ่ บาป อยา่ งนี ้ วา่ น มตตฺ ํ อาคมสิ สฺ ตตี ;ิ “อปปฺ มตฺตกํ เม ปาปํ อ.บาป มีประมาณน้ อยอันเรา กระท�ำแล้ว, (อ.บาป) นั่น กตํ, กทา เอตํ วิปจฺจิสฺสตีติ เอวํ ปาปํ นาวชาเนยฺยาติ จกั เผลด็ ผล ในกาลไร ดงั นี ้ ดงั นี ้ (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ อตฺโถ. น มตตฺ ํ มาคมสิ สฺ ติ ดงั นี ้ฯ อ. อรรถ วา่ อ.ภาชนะอนั เป็นวิการแหง่ ดนิ อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ อุทกุมโฺ ภปี ต:ิ เทเว วสสฺ นฺเต มขุ ํ วิวริตฺวา ฐปิ ตํ อนั อนั บคุ คลเปิ ดแล้ว ซงึ่ ปาก วางไว้แล้ว ครัน้ เมื่อฝน ตกอยู่ ยงฺกิญฺจิ กลุ าลภาชนํ ยถา เอเกกสฺสาปิ อทุ กพินฺทโุ น ย่อมเต็ม ด้วยการตกลง แห่งหยาดแห่งน�ำ้ แม้หยาดหน่ึง ๆ นิปาเตน อนปุ พุ ฺเพน ปรู ต;ิ เอวํ พาลปคุ ฺคโล โถกํ โดยล�ำดับ ฉันใด; อ.บุคคลผู้เป็ นพาล ส่ังสมอยู่ คือว่า โถกมฺปิ ปาปํ อาจินนฺโต วฑฺเฒนฺโต ปาปสฺส พอกพนู อยู่ ซง่ึ บาป หนอ่ ยหนงึ่ แม้หนอ่ ยหนงึ่ ยอ่ มเตม็ ด้วยบาป ปรู ตเิ ยวาติ อตฺโถ. นนั่ เทียว ฉนั นนั้ ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ อุทกุมโฺ ภปิ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ .ุ (ซงึ่ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ฯ แม้ อ.พระศาสดา ทรงบญั ญตั แิ ล้ว ซงึ่ สกิ ขาบท วา่ อ.ภิกษุ สตฺถาปิ “อชฺโฌกาเส เสยฺยํ สนฺถริตฺวา ลาดแล้ว ซงึ่ ที่เป็นที่นอน ในโอกาสแจ้ง ไมก่ ระท�ำอยู่ ให้เป็นของ ปฏปิ ากตกิ ํ อกโรนโฺ ต อทิ นนฺ าม อาปชชฺ ตตี ิ สกิ ขฺ าปทํ ตงั้ อยโู่ ดยปกติ ยอ่ มต้อง (ซง่ึ วีตกิ กมนะ) ช่ือ นี ้ดงั นี ้ดงั นี ้แล ฯ ปญฺญาเปสตี ิ. อ.เร่ืองแห่งภกิ ษ(ุผจู้มบีบแรลิข้วา)รฯอันไม่สำ� รวมแล้ว อสญญฺ ตปริกขฺ ารภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. ผลิตสือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 15 www.kalyanamitra.org
๖. อ. เร่ืองแห่งเศรษฐีช่ือว่าพฬิ าลปหกะ ๖. พฬิ าลปทกเสฏฺ ฐิวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “มาวมญเฺ ญถ ปุญญฺ สฺสาติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ซงึ่ เศรษฐีช่ือวา่ พิฬาลปทกะ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ สตฺถา เชตวเน วหิ รนฺโต พิฬาลปทกเสฏฺฐึ อารพฺภ กเถส.ิ มาวมญเฺ ญถ ปุญญฺ สสฺ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ในสมยั หนง่ึ (อ.ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นเมือง เอกสฺมึ หิ สมเย สาวตฺถีวาสโิ น วคฺคพนฺเธน ชื่อว่าสาวัตถีโดยปกติ ย่อมถวาย ซึ่งทาน แก่หมู่แห่งภิกษุ พทุ ฺธปปฺ มขุ สสฺ ภิกฺขสุ งฺฆสสฺ ทานํ เทนฺต.ิ มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ ด้วยการผกู กนั โดยความเป็นพวก ฯ ครงั้ นนั้ ในวนั หนงึ่ อ.พระศาสดา เมอื่ ทรงกระทำ� ซง่ึ การอนโุ มทนา อเถกทิวสํ สตฺถา อนโุ มทนํ กโรนฺโต เอวมาห ตรัสแล้ว อยา่ งนี ้ วา่ ดกู ่อนอบุ าสกและอบุ าสกิ า ท. (อ.บคุ คล) “อุปาสกา อิเธกจฺโจ อตฺตนา ทานํ เทติ, ปรํ บางคน (ในโลก) นี ้ ยอ่ มถวาย ซงึ่ ทาน ด้วยตน, ยอ่ มไมช่ กั ชวน น สมาทเปต,ิ ปโรสิวานริพสฺพมตปฺ ฺตทนํ, ิพฺพเอตกฺตจฏฺโจฺฐาเนอตโฺตภนคาสมทปฺาทนํํ ซงึ่ บคุ คลอน่ื , อ.บคุ คลนนั้ ยอ่ มได้ ซง่ึ ความถงึ พร้อมโดยโภคะ, ลภต,ิ โน ยอ่ มไมไ่ ด้ ซงึ่ ความถงึ พร้อมด้วยบริวารในท(่ี แหง่ )ตนบงั เกดิ แล้วและ น เทต,ิ ปรํ สลมภาตท,ิ เปโนต,ิ โภโสคสนมิพปฺ ฺพทตํ; ฺตเอนกิพจฺพฺโจตฺตอฏตฺฐฺตานเนา บงั เกิดแล้ว, (อ.บคุ คล) บางคน ยอ่ มไมถ่ วาย ซงึ่ ทาน ด้วยตน ปริวารสมปฺ ทํ ยอ่ มชกั ชวน (ซง่ึ บคุ คล)อ่ืน (อ.บคุ คล)นนั้ ยอ่ มได้ ซงึ่ ความถงึ - จ ทานํ น เทติ ปรญจฺ น สมาทเปต,ิ โน ปริวารสมปฺ ท;ํ พร้อมด้วยบริวาร, ยอ่ มไมไ่ ด้ ซงึ่ ความถงึ พร้อมแหง่ โภคะ อ.บคุ คล วฆิ าสาโท หตุ ฺวา วจิ รต;ิ เอกจฺโจ อตฺตนา จ ทานํ บางคน ยอ่ มไมถ่ วาย ซงึ่ ทาน ด้วยตน ด้วยยอ่ มไมช่ กั ชวน เโทภตคิสปมรฺปญทฺจญฺจสมลาภทตเปิ ปต;ิริวโาสรสนมิพปฺ ฺพทตญฺตฺจนาิพตฺพ.ิ ตฺตฏฺฐาเน ซงึ่ บคุ คลอนื่ ด้วย, อ.บคุ คลนนั้ ยอ่ มไมไ่ ด้ ซงึ่ ความถงึ พร้อมด้วยโภคะ, ยอ่ มไมไ่ ด้ซงึ่ ความถงึ พร้อมด้วยบริวาร ในท(ี่ แหง่ ตน)บงั เกดิ แล้วและ- บงั เกดิ แล้ว (อ. บคุ คลนนั้ ) เป็นผ้เู คยี ้ วกนิ ซง่ึ วตั ถอุ นั เป็นเดน เป็น ยอ่ มเท่ียวไป, (อ.บคุ คล) บางคน ยอ่ มถวายซง่ึ ทาน ด้วยตน ด้วย ยอ่ มชกั ชวน ซงึ่ บคุ คลอื่น ด้วย อ.บคุ คลนนั้ ยอ่ มได้ ซง่ึ ความถงึ พร้อมด้วยโภคะด้วย ซง่ึ ความถงึ พร้อมด้วยบรวิ ารด้วยในท(่ี แหง่ ตน)บงั เกดิ แลว้ และบงั เกดิ แลว้ ครัง้ นนั้ อ.บรุ ุษผ้ฉู ลาด คนหนงึ่ ฟังแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา อเถโก ปณฺฑิตปุริโส ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นนั้ คิดแล้ว วา่ โอ อ.เหตนุ ี ้นา่ อศั จรรย์, ในกาลนี ้อ. เรา จกั กระท�ำ “อโห อจฺฉริยมิทํ การณํ, อหนฺทานิ อภุ ยสมปฺ ตฺต-ิ ซง่ึ กรรม อนั ประกอบแล้วในอนั ยงั สมบตั ทิ งั้ ๒ ให้เป็นไปพร้อม ดงั นี ้ สวํ ตตฺ นกิ ํ กมมฺ ํ กริสสฺ ามตี ิ จนิ เฺ ตตวฺ า ภสิกตฺขถฺ ํคารณํ อฺหฏุถฺฐาาตยิ. กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.พระองค์ ท. ขอจงทรงรับ คมนกาเล อาห “ ภนฺเต เสวฺ อมหฺ ากํ ซง่ึ ภิกษา ของข้าพระองค์ ท. ในวนั พรุ่ง ดงั นี ้ กะพระศาสดา ในกาลเป็นที่ เสดจ็ ลกุ ขนึ ้ แล้ว เสดจ็ ไป ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว) ว่า ก็ อ.ความต้องการ “กิตฺตเกหิ ปน เต ภิกฺขหู ิ อตฺโถต.ิ “สพฺเพหิ ด้วยภกิ ษุ ท. มปี ระมาณเทา่ ไร (มอี ย)ู่ แกท่ า่ นดงั นี ้ ฯ (อ.อบุ าสกนนั้ ภิกฺขหู ิ ภนฺเตต.ิ สตฺถา อธิวาเสส.ิ กราบทูลแล้ว) ว่า ข้ าแต่พระองค์ผู้เจริญ (อ.ความต้ องการ) ด้วยภิกษุ ท. ทงั้ ปวง (มีอยู่ แก่ข้าพระองค์) ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา (ทรงยงั ค�ำนิมนต์) ให้อยทู่ บั แล้ว ฯ (อ.อบุ าสก) แม้นนั้ เข้าไปแล้ว สบู่ ้าน เที่ยวป่ าวร้องอยแู่ ล้ว โสปิ คามํ ปวสิ ติ วฺ า “ อมมฺ ตาตา มยา สวฺ าตนาย วา่ แนะแมแ่ ละพอ่ ท. อ.หมแู่ หง่ ภิกษุ มีพระพทุ ธเจ้าเป็นประมขุ พทุ ฺธปปฺ มโุ ข ภิกฺขสุ งฺโฆ นิมนฺตโิ ต, โย ยตฺตกานํ อนั ข้าพเจ้านิมนต์แล้วเพ่ือภตั รบริโภคอนั จะมีในวนั พรุ่ง,(อ.บคุ คล) ภิกฺขนู ํ สกฺโกต,ิ โส ตตฺตกานํ ยาคอุ าทีนํ อตฺถาย ใดยอ่ มอาจ(เพอื่ อนั ถวาย)แกภ่ กิ ษุท.มปี ระมาณเทา่ ใด,(อ.บคุ คล)นนั้ ตณฺฑลุ าทีนิ เทต;ุ จงได้ถวาย(ซงึ่ วตั ถุท.)มีข้าวสารเป็นต้นเพ่ือประโยชน์ (แก่วตั ถุท.) มีข้าวต้มเป็นต้น (เพื่อภิกษุ ท.) มีประมาณเทา่ นนั้ , 16 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ. เรา ท. ยงั กนั และกนั ) ให้หงุ ต้มแล้ว ในที่ แหง่ หนงึ่ จกั ถวาย เอกสฺมึ ฐาเน ปจาเปตฺวา ทานํ ทสสฺ ามาติ ซง่ึ ทาน ดงั นี ้ ฯ อคุ โฺ ฆเสนโฺ ต วจิ ร.ิ ครัง้ นัน้ อ.เศรษฐี คนหน่ึง เห็นแล้ว ซ่ึงอุบาสกนัน้ อถ นํ เอโก “อเยสํ ฏฺ ฐอี ตอฺตตโนฺตโนปโหอนาเปกณทภฺวิกาฺขรํู ผู้ถึงพร้ อมแล้ว ซ่ึงประตูแห่งร้ านตลาด ของตน โกรธแล้ว สมปฺ ตฺตํ ทิสฺวา วา่ (อ.อบุ าสก)นี ้ ไมน่ ิมนต์แล้ว ซงึ่ ภิกษุ ท. ผ้เู พียงพอ แก่ตน อนิมนฺเตตฺวา สกลคามํ สมาทเปนฺโต วจิ รตีติ ยอ่ มเท่ียว ชกั ชวนอยู่ ซงึ่ ชาวบ้านทงั้ สนิ ้ ดงั นี ้ (กลา่ วแล้ว) วา่ กชุ ฺฌิตฺวา “ตยา คหิตภาชนํ อาหราติ ตีหิ องฺคลุ หี ิ (อ.ทา่ น) จงน�ำมา ซง่ึ ภาชนะ อนั ทา่ น ถอื เอาแล้ว ดงั นี ้ หยบิ แล้ว คเหตฺวา โถเก ตณฺฑเุ ล อทาส,ิ ตถา มคุ ฺเค ตถา มาเสต.ิ ด้วยนวิ ้ มอื ท. ๓ ได้ให้แล้ว ซง่ึ ข้าวสาร ท. หนอ่ ยหนงึ่ , (ได้ให้แล้ว) ซึ่งถั่วเขียว ท. (หน่อยหนึ่ง) เหมือนอย่างนัน้ (ได้ ให้ แล้ว) ซง่ึ ถวั่ เหลือง ท. (หนอ่ ยหนง่ึ ) เหมือนอยา่ งนนั้ ดงั นีแ้ ล ฯ (อ.เศรษฐี)นนั้ เป็นผ้ชู ่ือวา่ พิฬาลปทกเศรษฐี เกิดแล้ว จ�ำเดมิ สปปฺ ิโผสาณติตโาตทีนปิฏฺฐเาทยนฺโพติฬปิาลปกทรณกเฺฑสกฏฺกฐีณนฺณามิกํ ชาโต. (แตก่ าล)นนั้ ฯ (อ.เศรษฐี) แม้เมอื่ ให้ (ซงึ่ วตั ถุ ท.) มเี นยใสและนำ� ้ อ้อย กเุ ฏ เป็ นต้ น ใส่เข้ าแล้ว ซึ่งมุมแห่งขวด ในหม้ อ กระท�ำแล้ว ปกฺขิปิ ตฺวา เอกโต นํ กตฺวา พินฺทํุ พินฺทํุ (ซ่ึงมุมแห่งขวด) นัน้ โดยความเป็ นอันเดียวกัน ยังหยาด ๆ ปคฺฆราเปนฺโต โถกเมว อทาส.ิ ให้ไหลออกอยู่ ได้ให้แล้ว หนอ่ ยหนง่ึ นน่ั เทียว ฯ อ.อบุ าสก กระท�ำแล้ว (ซง่ึ ทานวตั ถ)ุ อนั (อนั ชน ท.) ผ้เู หลอื ลง อปุ าสโก อวเสเสหิ ทินฺนํ เอกโต กตฺวา อิมินา ให้แล้ว โดยความเป็นอนั เดียวกนั ได้ถือเอาแล้ว (ซงึ่ ทานวตั ถ)ุ ทินฺนํ วิสสํเุ ยว อคฺคเหส.ิ อนั (อนั เศรษฐี) นี ้ ให้แล้ว แยกนน่ั เทียว ฯ อ.เศรษฐี นนั้ เหน็ แล้ว ซงึ่ การกระท�ำ (แหง่ อบุ าสก) นนั้ คดิ แล้ว ทินฺนโํ สวิสเํุสคฏณฺฐี ฺหตาตสีตสฺ ิ กิริยํ ทิสวฺ า “กึ นุ โข เอส มยา วา่ (อ.อบุ าสก) นน่ั ยอ่ มถือเอา (ซง่ึ ทานวตั ถ)ุ อนั อนั เรา ให้แล้ว จินฺเตตฺวา ตสฺส ปจฺฉโต เอกํ แยก ท�ำไม หนอ แล ดังนี ้ ส่งไปแล้ว ซ่ึงจูฬุปัฏฐาก คนหนึ่ง จฬู ปุ ฏฺฐากํ ปหิณิ “คจฺฉ, ยํ เอส กโรต,ิ ตํ ชานาหีต.ิ ข้างหลัง ของอุบาสกนัน้ (ด้วยค�ำ)ว่า อ.เจ้า จงไป,อ.อุบาสกนัน้ ย่อมกระท�ำ (ซึ่งกรรม) ใด, (อ.เจ้า) จงรู้ (ซึ่งกรรม) นัน้ ดังนีฯ้ อ. อบุ าสกนนั้ ไปแล้ว (กลา่ วแล้ว) วา่ อ. ผลอนั ใหญ่ จงมี โส คนฺตฺวา “เสฏฐิสฺส มหปฺผลํ โหตูติ แก่เศรษฐี ดงั นี ้ ใสเ่ ข้าแล้ว (ซง่ึ ข้าวสาร) ๑ เมลด็ ซง่ึ ข้าวสาร ท. ยาคภุ ตฺตปวู านํ อตฺถาย เอกํ เทฺว ตณฺฑเุ ล ปกฺขิปิตฺวา ๒ เมล็ด เพ่ือประโยชน์แก่ข้ าวต้ มและข้ าวสวยและขนม ท. มคุ ฺคมาเสปิ เตลผาณิตาทิพินฺทนู ิปิ สพฺพภาชเนสุ ใสเ่ ข้าแล้ว แม้ซงึ่ ถวั่ เขียวและถวั่ เหลือง ท. แม้ ซงึ่ หยาดแห่งวตั ถุ ปกฺขิปิ . มนี �ำ้ มนั และน�ำ้ อ้อยเป็นต้น ท. ในภาชนะทงั้ ปวง ท. ฯ อ.จูฬุปั ฎฐาก ไปแล้ว บอกแล้ว แก่เศรษฐี ฯ อ.เศรษฐี อตวํ ณสจตฺุณูฬฺวําุปภฏเฺาสฐสฏาสิฺโฐกสฺี ตจ,ิินคฺเตนมสฺตมิ ฺว“าสนเาจเเมสเมฏฺคฐิหสโสฺิตสมตปอฺเตราิสเโยมรวเชจฺเสฌนิ.ํ ฟังแล้ว (ซงึ่ ค�ำ) นนั้ คดิ แล้ว วา่ ถ้าวา่ (อ.อบุ าสก)นนั้ จกั กลา่ ว ซึ่งโทษมิใช่คุณอันบุคคลพึงพรรณ ของเรา ในท่ามกลาง- แหง่ บริษัทไซร้, ครัน้ เมื่อช่ือ ของเรา เป็นช่ือสกั วา่ อนั อบุ าสกนนั้ ปหริตฺวา มาเรสฺสามีติ นิวาสนนฺตเร ฉรุ ิกํ พนฺธิตฺวา ระบแุ ล้วนน่ั เทียว (มีอย)ู่ (อ.เรา) ประหารแล้ว ซงึ่ อบุ าสกนนั้ ปนุ ทิวเส คนฺตฺวา ภตฺตคฺเค อฏฺฐาส.ิ (ยงั อบุ าสกนนั้ ) จกั ให้ตาย ดงั นี ้ เหน็บแล้ว ซง่ึ กฤช ในระหวา่ ง แหง่ ผ้าเป็นเครื่องนงุ่ ไปแล้ว ได้ยืนแล้ว ในโรงแหง่ ภตั ร ในวนั รุ่งขนึ้ ฯ อ.บุรุษ นัน้ อังคาสแล้ว ซ่ึงหมู่แห่งภิกษุ มีพระพุทธเจ้ า โส ปรุ ิโส พทุ ฺธปปฺ มขุ ํ ภิกฺขสุ งฺฆํ ปริวิสติ ฺวา เป็นประมขุ กราบทลู แล้ว กะพระผ้มู พี ระภาคเจ้า วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ ภควนฺตํ อาห “ภนฺเต มยา มหาชนํ สมาทเปตฺวา ผ้เู จริญ อ.ทานนี ้ อนั ข้าพระองค์ ชกั ชวนแล้ว ซง่ึ มหาชน ถวายแล้ว, อิทํ ทานํ ทินฺนํ, ตตฺถ สมาทปิ ตา มนสุ ฺสา อตฺตโน อ.มนุษย์ ท. ผู้ อันข้าพระองค์ชักชวนแล้วในท่ีนัน้ ได้ให้แล้ว พเลน พหนู ิปิ โถกานิปิ ตณฺฑลุ าทีนิ อทํส;ุ (ซึ่งวัตถุ ท.) มีข้าวสารเป็ นต้น อันมากบ้าง อันน้อยบ้าง ตามก�ำลงั ของตน ผลติ ส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 17 www.kalyanamitra.org
อ.ผลอนั ใหญ่ ขอจงมี (แก่มนษุ ย์ ท.) เหลา่ นนั้ ทงั้ ปวง ดงั นี ้ ฯ เตสํ “อสหพํฺเพ`สอํสมเุ กหนปผฺ นลาํ มโหตอตู จ.ิ ฺฉรตาํ ยสตุ คฺวาณฺหเสิตฏฺวฺาฐี อ. เศรษฐี ฟังแล้ว ซงึ่ ค�ำนนั้ คดิ แล้ว วา่ อ. เรา มาแล้ว (ด้วยอนั คดิ ) จินฺเตสิ ว่า ครัน้ เม่ือชื่อ ของเรา เป็ นชื่อสกั ว่า (อนั บรุ ุษ นี)้ ถือเอาแล้ว ตณฺฑลุ าทีนิ ทินฺนานีติ มม นาเม คหิตมตฺเต อิมํ (ด้วยอันกล่าว) ว่า (อ.วัตถุ ท.) มีข้าวสารเป็ นต้น (อันเศรษฐี) `มเยาเหริปสิฺสานมาีตฬิิกาอทาีหคิโตม,ินอิตยฺวมาปฺ นทินสฺนพํ,ฺพเสยงหฺคิปาิ หอิกจํ กฺฉตราฺวยา ช่ือ โน้น ถือเอาแล้ว ด้วยนิว้ มือ ให้แล้ว ดงั นี ้มีอยู่ (อ.เรา) (ยงั บรุ ุษ) นี ้ จักให้ ตาย ดังนี ้ แต่ว่า (อ.บุรุษ) นี ้ กระท�ำแล้ว (ซึ่งวัตถุ) คเหตฺวา ทินฺนํ, สพฺเพสํ มหปผฺ ลํ โหตตู ิ วทต,ิ สจาหํ ให้เป็ นวตั ถมุ ีการถือเอาพร้อมกบั ด้วยวตั ถทุ งั้ ปวง ย่อมกล่าว ว่า เอวรูปํ น ขมาเปสสฺ ามิ, เทวทณฺโฑ เม มตฺถเก (อ.วตั ถุ อนั ชน ท.) แม้เหลา่ ใด ตวงแล้ว (ด้วยวตั ถุ ท.) มีทะนาน ปตสิ ฺสตีต.ิ เป็นต้น ให้แล้ว (อ.วตั ถุ อนั ชน ท.) แม้เหลา่ ใด ถอื เอาแล้ว ด้วยนวิ ้ มอื ให้แล้ว อ. ผลอนั ใหญ่ จงมี (แก่ชน ท.) เหลา่ นนั้ ทงั้ ปวง ดงั นี ้ถ้าวา่ อ. เรา จกั ไม่ (ยงั บรุ ุษ) ผ้มู ีอยา่ งนีเ้ป็นรูป ให้อดโทษ ไซร้ อ.เทวทณั ฑ์ จกั ตก บนกระหมอ่ ม ของเรา ดงั นี ้ฯ (อ.เศรษฐี) นนั้ หมอบแล้ว ทใี่ กล้แหง่ เท้า (ของบรุ ุษ) นนั้ กลา่ วแล้ว โส ตสฺส ปาทมเู ล นิปชฺชิตฺวา “ ขมาหิ เม สามีติ วา่ ข้าแตน่ าย (อ.ทา่ น) ขอจงอดโทษ ตอ่ ข้าพเจ้า ดงั นี ้ ด้วย ผ้-ู อาห, “กิมิทนฺติ จ เตน ปุฏฺ โฐ สพฺพนฺตํ ปวตฺตึ (อนั บรุ ุษ) นนั้ ถามแล้ว วา่ (อ.เร่ือง) นีอ้ ะไร ดงั นี ้บอกแล้ว ซง่ึ เร่ือง อาโรเจส.ิ อนั เป็นไปทวั่ นนั้ ทงั้ ปวง ด้วย ฯ อ. พระศาสดา ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ กิริยา นนั้ ตรัสถามแล้ว ซงึ่ บรุ ุษ ตํ กิริยํ ทิสวฺ า สตฺถา “กิมิทนฺติ ทานเวยฺยาวฏิกํ ผ้ปู ระกอบแล้วด้วยความขวนขวายในทาน วา่ (อ.เร่ือง) นี ้ อะไร ปจุ ฺฉิ. ดงั นี ้ฯ (อ.บรุ ุษ) นนั้ กราบทลู แล้ว (ซงึ่ เรื่องอนั เป็นไปทว่ั ) นนั้ ทงั้ ปวง “ออาาโรมโเสจสภ.ิ อนอตฺเถตีตตทนิิวํ สสวโตุตตฺถฺเตา,ป“ฏเอฺ“ฐอวาํุปยกาิรสสกเสพฏฺพฺปฐํ ตีุญิ ตฺญปํ จุ ํ ฺฉปิตนวฺวตาามฺต,ึ จ�ำเดมิ แตว่ นั อนั ลว่ งไปแล้ว ฯ ครัง้ นนั้ อ. พระศาสดา ตรัสถามแล้ว (ซงึ่ เศรษฐี) นนั้ วา่ ดกู ่อนเศรษฐี ได้ยินวา่ อ. อยา่ งนนั้ หรือ ดงั นี ้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ พระเจ้าข้า อ.อยา่ งนนั้ `อปปฺ กนฺติ น อวมญฺญิตพฺพํ, มาทิสพทุ ฺธปปฺ มขุ สสฺ ดงั นี ้ (อนั เศรษฐี นนั้ ) กราบทลู แล้ว ตรัสแล้ววา่ ดกู ่อนอบุ าสก ช่ือ ภิกฺขสุ งฺฆสสฺ ทานํ ทตฺวา `อปปฺ กนฺติ น อวมญฺญิตพฺพํ, อ.บญุ (อนั ใคร ๆ) ไมพ่ งึ ดหู มนิ่ วา่ น้อย ดงั นี ้ (ชอ่ื อ. บญุ อนั ใคร ๆ) ปณฺฑิตปรุ ิสา หิ ปญุ ฺญํ กโรนฺตา ววิ ฏมขุ ภาชนํ วิย ถวายแล้ว ซง่ึ ทาน แก่หมแู่ หง่ ภิกษุ ผ้มู ีพระพทุ ธเจ้าผ้เู ชน่ กบั - อทุ เกน อนกุ ฺกเมน ปญุ ฺเญน ปรู นฺตเิ ยวาติ วตฺวา ด้วยเราเป็นประมขุ ไมพ่ งึ ดหู ม่ิน วา่ น้อย ดงั นี ้ ด้วยวา่ อ. บรุ ุษ- อนสุ นฺธึ ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห ผ้เู ป็นบณั ฑิต ท. กระท�ำอยู่ ซง่ึ บญุ ยอ่ มเตม็ ด้วยบญุ โดยล�ำดบั นน่ั เทียว ราวกะ อ.ภาชนะมีปากอนั เปิ ดแล้ว เตม็ อยู่ ด้วยน�ำ้ ดงั นี ้ เมอ่ื ทรงสบื ตอ่ ซง่ึ อนสุ นธิ แสดง ซง่ึ ธรรม ตรสั แล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ (อ.บคุ คล) อย่าพึงดูหม่ิน ซึ่งบญุ ว่า (อ.บญุ ) อนั มี- “ มาวมญฺเญถ ปญุ ฺญสฺส `น มตฺตํ อาคมิสฺสติ.’ ประมาณนอ้ ย จกั ไม่มาถึง (ดงั นี)้ แม้ อ.หมอ้ แห่งน้�ำ อทุ พินทฺ นุ ิปาเตน อทุ กมุ ฺโภปิ ปรู ติ, ย่อมเต็ม ด้วยการตกลงแห่งหยาดแห่งน้�ำ ฉนั ใด ปรู ติ ธีโร ปญุ ฺญสสฺ โถกํ โถกํปิ อาจินนตฺ ิ. อ.นกั ปราชญ์ สงั่ สมอยู่ ซึ่งบญุ หนอ่ ยหนงึ่ แมห้ นอ่ ยหนงึ่ ย่อมเต็ม ดว้ ยบญุ ฉนั นนั้ ดงั นี้ ฯ อ.เนือ้ ความ แหง่ ต�ำอนั เป็นพระคาถานนั้ วา่ อ. มนษุ ย์ผ้ฉู ลาด ตสฺสตฺโถ “ปณฺฑิตมนุสฺโส ปุญฺญํ กตฺวา กระท�ำแล้วซง่ึ บญอยา่ พงึ ดหู มิ่นคือวา่ ไมค่ วรดหู ม่ินซง่ึ บญุ อยา่ งนี ้ `อปปฺ มตฺตกํ มยา ปญุ ฺญํ กตํ, น มตฺตํ วปิ ากวเสน วา่ อ.บญุ มีประมาณน้อย อนั เรากระท�ำแล้ว, (อ.บญุ ) อาคมิสสฺ ต,ิ เอวํ ปริตฺตกํ กมมฺ ํ กหํ มํ ทกฺขิสสฺ ติ, มีประมาณน้อย จักมาถึง ด้วยอ�ำนาจแห่งวิบาก หามิได้, อหํ วา ตํ กหํ ทกฺขิสสฺ ามิ, กทา เอตํ วิปจฺจิสสฺ ตีติ อ.กรรม อนั นดิ หนอ่ ยอยา่ งนี ้ จกั เหน็ ซงึ่ เรา (ในท)่ี ไหน หรือ หรือวา่ เอวํ ปญุ ฺญํ มาวมญฺเญถ น อวชาเนยฺย. อ.เรา จกั เหน็ (ซง่ึ กรรม)นนั้ (ในที่) ไหน อ.กรรมนน่ั จกั เผลด็ ผล ในกาลไร ดงั นี ้ฯ 18 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
เหมือนอยา่ งวา่ อ.ภาชนะ อนั เป็นวิการแหง่ ดนิ อนั อนั บคุ คล ยถา หิ นิรนฺตรํ อทุ กพินฺทนุ ิปาเตน ววิ ริตฺวา ฐปิ ตํ เปิ ดแล้ว วางไว้แล้ว ย่อมเต็ม ด้วยการตกลงแห่งหยาดแห่งน�ำ้ กลุ าลภาชนํ ปรู ต,ิ เอวํ ธีโร ปณฺฑิตปรุ ิโส โถกํ โถกมปฺ ิ มีระหวา่ งออกแล้ว ฉนั ใด, อ.นกั ปราชญ์ คือวา่ อ.บรุ ุษผ้ฉู ลาด ปญุ ฺญํ อาจินนฺโต ปญุ ฺญสฺส ปรู ตีต.ิ สงั่ สมอยู่ ซงึ่ บญุ หนอ่ ยหนง่ึ แม้หนอ่ ยหนง่ึ ยอ่ มเตม็ ด้วยบญุ ฉนั นนั้ ดงั นี ้(อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ ในกาลเป็ นท่ีสุดลงแห่งเทศนา อ.เศรษฐี นัน้ บรรลุแล้ว เทสนาวสาเน โส เสฏฺฐี โสตาปตฺตผิ ลํ ปาปณุ ิ. ซงึ่ โสดาปัตติผล ฯ อ.พระธรรมเทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจามปี ระโยชน์ สมปฺ ตฺตปริสายปิ สาตฺถิกา ธมมฺ เทสนา อโหสีต.ิ ได้มีแล้ว แม้แก่บริษัทผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งเศรษฐีช่ือว่าพฬิ าลปทกะ พฬิ าลปทกเสฏฺ ฐิวตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ ๗. อ. เร่ืองแห่งพ่อค้าผู้มีทรัพย์มาก ๗. มหาธนวาณิชวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “วาณิโชว ภยํ มคคฺ นฺติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซึ่งพ่อค้ าผู้มีทรัพย์มาก ตรัสแล้ว ซ่ึงพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า เชตวเน วหิ รนฺโต มหาธนวาณิชํ อารพฺภ กเถส.ิ วาณิโชว ภยํ มคคฺ ํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ยินวา่ อ. โจร ท. มีร้อยห้าเป็นประมาณ แสวงหาอยู่ ซงึ่ ชอ่ ง ตสสฺ กิร วาณิชสฺส เคเห ปญฺจสตา โจรา โอตารํ ในเรือน ของพอ่ ค้านนั้ ไมไ่ ด้แล้ว (ซงึ่ ชอ่ ง) ฯ คเวสมานา น ลภสึ .ุ โดยสมัย อื่นอีก อ.พ่อค้ า นัน้ ยังร้ อยแห่งเกวียนห้ า ท. อปเรน สมเยน โส วาณิโช ปญฺจสกฏสตานิ ให้เตม็ แล้ว ด้วยภณั ฑะ (ยงั บคุ คล) ให้บอกแล้วแก่ภิกษุ ท. วา่ ภณฺฑสฺส ปูเรตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรจาเปสิ “อหํ อ.กระผม จะไป ชื่อ สทู่ ี่โน้น เพื่อการค้าขาย, อ.พระผ้เู ป็นเจ้า ท. คอนสตฺกุ กุฏฺาฐมาาน,นเตฺนนามกิ ขฺ วมณนตฺิช,ฺุชามยคเฺ คคจภฺฉกิ าขฺ มาิ,ยเยนอกยลิ ฺยมาสิ สตฺ นํ ฐตฺ าตี น.ิ ํ เหลา่ ใด เป็นผ้ใู ครเ่ พอื่ อนั ไป สทู่ ่ี นนั้ (ยอ่ มเป็น) (อ. พระผ้เู ป็นเจ้า ท.) เหลา่ นนั้ จงออกไป, (อ.พระผ้เู ป็นเจ้า ท.) จกั ไมล่ ำ� บาก ด้วยภกิ ษา ในหนทาง ดงั นี ้ ฯ อ.ภกิ ษุ ท. มรี ้อยห้าเป็นประมาณ ฟงั แลว้ ซง่ึ คำ� นนั้ ดำ� เนนิ ไปแลว้ ตํ สตุ ฺวา ปญฺจสตา ภิกฺขู เตน สทฺธึ มคฺคํ สหู่ นทาง กบั (ด้วยพอ่ ค้า) นนั้ ฯ อ.โจร ท. แม้เหลา่ นนั้ (ฟังแล้ว) ปฏิปชฺชสึ .ุ เตปิ โจรา “โส กิร วาณิโช นิกฺขนฺโตติ วา่ ได้ยนิ วา่ อ. พอ่ ค้า นนั้ ออกไปแล้ว ดงั นี ้ ได้ซมุ่ อยแู่ ล้ว ในดง ฯ คนฺตฺวา อฏวิยํ อฏฺฐสํ .ุ แม้ อ.พอ่ ค้า ไปแล้ว ถือเอาแล้ว ซงึ่ ประเทศเป็นท่ีอยอู่ าศยั วาณิโชปิ คนฺตฺวา อฏวีมเุ ข เอกสมฺ ึ คาเม นิวาสํ ใกล้บ้าน บ้านหนงึ่ ที่ปากแหง่ ดง ยอ่ มจดั แจง (ซงึ่ พาหนะ ท.) คเหตฺวา เทฺว ตโย ทิวเส โคณสกฏาทีนิ สํวทิ หติ, มีโคและเกวียนเป็นต้น สนิ ้ วนั ท. สอง สาม, อนง่ึ (อ.พอ่ ค้านนั้ ) เตสมปฺ น ภิกฺขนู ํ นิพทฺธํ ภิกฺขํ เทตเิ ยว. ยอ่ มถวาย ซงึ่ ภิกษา แก่ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ เนืองนิตย์ นนั่ เทียว ฯ ผลิตสื่อการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยัติธรรม วดั พระธรรมกาย 19 www.kalyanamitra.org
อ.โจร ท. (ครัน้ เมื่อพอ่ ค้า)นนั้ ประพฤตชิ ้ายิ่งอย,ู่ สง่ ไปแล้ว โจรา, ตสฺมึ อติจิรายนฺเต, “คจฺฉ, ตสฺส ซง่ึ บรุ ุษ คนหนง่ึ (ด้วยค�ำ) วา่ (อ.ทา่ น) จงไป, (อ.ทา่ น) รู้แล้ว นิกฺขมนทิวสํ ญตฺวา เอหีติ เอกํ ปรุ ิสํ ปหิณึส.ุ ซงึ่ วนั เป็นที่ออกไป ( แหง่ พอ่ ค้า) นนั้ จงมา ดงั นี ้ฯ (อ.บรุ ุษ) นนั้ ไปแล้ว สบู่ ้าน นนั้ ถามแล้ว ซงึ่ สหาย คนหนงึ่ โส ตํ คามํ คนฺตฺวา เอกํ สหายกํ ปุจฺฉิ วา่ อ. พอ่ ค้า จกั ออกไป ในกาลไร ดงั นี ้ ฯ (อ. สหาย) นนั้ “กทา วาณิโช นิกฺขมิสฺสตีต.ิ โส “ทฺวีหตีหจฺจเยนาติ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.พอ่ ค้า จกั ออกไป) โดยอนั ลว่ งไปแหง่ วนั สอง- วตฺวา “กิมตฺถมปฺ น ปจุ ฺฉสตี ิ อาห. และวนั สาม ดงั นี ้ กลา่ วแล้ว วา่ ก็ อ.ทา่ น ยอ่ มถาม เพอื่ ประโยชน์ อะไร ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ (อ. บรุ ุษ) นนั้ บอกแล้ว (แก่สหาย) นนั้ วา่ อ. เรา ท. อถสฺส โส “มยํ ปญฺจสตา โจรา เอตสฺส เป็นโจร มีร้อยห้าเป็นประมาณ (เป็น) เป็นผ้ซู มุ่ อยแู่ ล้ว ในดง อตฺถาย อฏวิยํ ติ าติ อาจิกฺขิ. เพ่ือประโยชน์ แก่พอ่ ค้านนั่ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ (อ.สหาย) นอกนี ้ (กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ อ.ทา่ น จงไป, อิตโร “เตนหิ คจฺฉ, สฆี ํ นิกฺขมิสฺสตีติ ตํ อ.พอ่ ค้า จกั ออกไป พลนั ดงั นี ้ สง่ ไปแล้ว (ซงึ่ บรุ ุษ)นนั้ คดิ แล้ว วา่ อยุ ฺโยเชตฺวา “กินฺนุ โข โจเร วาเรมิ อทุ าหุ วาณิชนฺติ (อ. เรา) จะห้าม ซงึ่ โจร ท. หรือ หนอ แล, หรือวา่ (อ.เรา จะห้าม) จินฺเตตฺวา “กึ เม โจเรหิ, วาณิชํ นิสสฺ าย ปญฺจสตา ซงึ่ พอ่ ค้า ดงั นี ้(คดิ แล้ว) วา่ อ. ประโยชน์ อะไร ของเรา ด้วยโจร ท., ภกิ ขฺ ู ชวี นตฺ ,ิ วาณชิ สสฺ สญฺญํ ทสสฺ ามตี ิ ตสสฺ สนตฺ กิ ํ อ.ภกิ ษุ ท. มรี ้อยห้าเป็นประมาณ อาศยั แล้ว ซงึ่ พอ่ ค้า ยอ่ มเป็นอย,ู่ คนฺตฺวา “กทา คมิสฺสถาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “ตตยิ ทิวเสติ (อ. เรา) จกั ให้ ซงึ่ สญั ญา แก่พอ่ ค้า ดงั นี ไ้ ปแล้ว สสู่ �ำนกั (ของพอ่ ค้า) วตุ ฺเต, “มยฺหํ วจนํ กโรถ, อฏวิยํ กิร ตมุ หฺ ากํ อตฺถาย นนั้ ถามแล้ว วา่ (อ.ทา่ น ท.) จกั ไป ในกาลไร ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) ปญฺจสตา โจรา ติ า, มา ตาว คมิตฺถาติ. วา่ (อ.เรา จกั ไป) ในวนั ที่ ๓ ดงั นี ้ (อนั พอ่ ค้านนั้ ) กลา่ วแล้ว, “ ตฺวํ กถํ ชานาสีต.ิ (กลา่ วแล้ว) วา่ (อ. ทา่ น ท.) ขอจงกระท�ำ ซงึ่ ค�ำ ของข้าพเจ้า, ได้ยินวา่ อ.โจร ท. มีร้อยห้าเป็นประมาณ ซมุ่ อยแู่ ล้ว ในดง เพื่อประโยชน์ แก่ทา่ น ท., (อ. ทา่ น ท.) อยา่ ไปแล้ว ก่อน ดงั นี ้ ฯ (อ.พอ่ ค้า ถามแล้ว) วา่ อ.ทา่ น ยอ่ มรู้ อยา่ งไร ดงั นี ้ ฯ (อ.สหายนนั้ กลา่ วแล้ว) วา่ อ.สหาย ของข้าพเจ้า มีอยู่ “เตสํ อนฺตเร มม สหาโย อตฺถิ, ตสสฺ เม กถาย ในระหวา่ ง (แหง่ โจร ท.) เหลา่ นนั้ , (อ.เรื่องนี)้ อนั ข้าพเจ้า รู้แล้ว ญาตนฺต.ิ “เตนหิ กึ เม เอตฺโต คเตน, นิวตฺตติ ฺวา ด้วยวาจาเป็นเครื่องกลา่ ว (ของสหาย) นนั้ ดงั นี ้ ฯ (อ.พอ่ ค้า เคหเมว คมิสสฺ ามีต.ิ กลา่ วแล้ว) วา่ ถ้าอยา่ งนนั้ (อ.ประโยชน์) อะไร ของข้าพเจ้า ด้วยการไป(จาก)ทนี่ ,ี ้ (อ.ข้าพเจ้า) กลบั แล้วจกั ไปสเู่ รือนนน่ั เทยี วดงั นี ฯ้ (ครัน้ เมื่อพอ่ ค้า) นนั้ ประพฤตชิ ้าอยู่ อ.บรุ ุษ ผู้ อนั โจร ท. ตสฺมึ จิรายนฺเต ปนุ เตหิ โจเรหิ ปหิโต ปรุ ิโส เหลา่ นนั้ สง่ ไปแล้ว อีก มาแล้ว ถามแล้ว ซงึ่ สหาย นนั้ ฟังแล้ว อาคนฺตฺวา ตํ สหายกํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ ซง่ึ ความเป็นไปทวั่ นนั้ ไปแล้ว บอกแล้ว แก่โจร ท. วา่ ได้ยินวา่ สตุ ฺวา “นิวตฺตติ ฺวา กิร เคหเมว คมิสฺสตีติ คนฺตฺวา (อ.พอ่ ค้า) กลบั แล้ว จกั ไป สเู่ รือนนนั่ เทียว ดงั นี ้ฯ โจรานํ อาโรเจส.ิ อ. โจร ท. ฟงั แลว้ (ซง่ึ คำ� ) นนั้ ออกไปแลว้ (จากดง) นนั้ ได้ซมุ่ อยแู่ ลว้ ตํ สตุ ฺวา โจรา ตโต นิกฺขมิตฺวา อิตรสมฺ ึ มคฺเค ในหนทาง นอกนี ้ ฯ (ครัน้ เม่ือพ่อค้ า) นัน้ ประพฤติช้ าอยู่ อสฏนฺฺฐตสํเิ ก.ุ ตสฺมึ จิรายนฺเต ปนุ ปิ เต โจรา สหายกสสฺ อ.โจร ท. เหลา่ นนั้ สง่ ไปแล้ว ซง่ึ บรุ ุษ ในสำ� นกั ของสหาย แม้อีก ฯ ปรุ ิสํ เปเสสํ.ุ โส เตสํ ตตฺถ ติ ภาวํ ญตฺวา ปนุ (อ.สหาย) นนั้ รู้แล้ว ซงึ่ ความท่ี (แหง่ โจร ท.) เหลา่ นนั้ เป็นผ้ซู มุ่ อยู่ วาณิชสสฺ อาโรเจส.ิ แล้ว (ในท่ี) นนั้ บอกแล้ว แก่พอ่ ค้า อีกฯ 20 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.พอ่ ค้า (คดิ แล้ว) วา่ อ.ความขาดแคลน ยอ่ มไมม่ ี แก่เรา วาณิโช “ อิธาปิ เม เวกลลฺ ํ นตฺถิ, เอวํ สนฺเต เนว แม้ในท่ีนี,้(ครัน้ เมื่อความเป็นอยา่ งนนั้ ) มีอยู่ (อ. เรา) จกั ไป โดยข้าง เอตฺโต คมิสฺสามิ, น อิโต, อิเธว ภวิสฺสามีติ ภิกฺขนู ํ นน่ั หามไิ ด้, (อ. เรา จกั ไป) ข้างนี ้ หามไิ ด้, อ. เรา จกั มี (ในท)่ี นนี ้ นั่ เทยี ว สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา อาห “ ภนฺเต โจรา กิร มํ วลิ มุ ปฺ ิ ตกุ ามา ดงั นี ้ ไปแล้ว สสู่ ำ� นกั ของภิกษุ ท. กลา่ วแล้ววา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ มคฺเค ฐตฺวา `อิทานิ ปนุ นิวตฺตสิ สฺ ตีติ สตุ ฺวา อิตรสมฺ ึ ได้ยินว่า อ.โจร ท. เป็ นผู้ใคร่เพื่ออันปล้น ซ่ึงกระผม (เป็ น) มคฺเค ติ า, อหํ เอตฺโต วา อิโต วา อคนฺตฺวา ซมุ่ อยแู่ ล้ว ในหนทาง ฟังแล้ว วา่ (อ.พอ่ ค้า) จกั กลบั อกี ในกาลนี ้ดงั นี ้ โถกํ อิเธว ภวสิ สฺ ามิ; ภทนฺตา อิธ วสติ กุ ามา วสนฺต,ุ ซมุ่ อยแู่ ล้ว ในหนทาง นอกนี,้ อ. กระผม ไมไ่ ปแล้ว โดยข้างนนั่ หรือ คนฺตกุ ามา อตฺตโน รุจิยา คจฺฉนฺตตู .ิ หรือวา่ โดยข้างนี ้ จกั มี ในทน่ี นี ้ น่ั เทยี ว หนอ่ ยหนงึ่ , อ. ทา่ นผ้เู จริญ ท. ผ้ใู คร่เพอ่ื อนั อยู่ (ในท)่ี นี ้ จงอย,ู่ (อ.ทา่ นผ้เู จริญ ท.) ผ้ใู คร่เพอื่ อนั ไป จงไป ตามความชอบใจ แหง่ ตน ดงั นี ้ ฯ อ.ภิกษุ ท. (กล่าวแล้ว) ว่า (ครัน้ เมื่อความเป็ น) อย่างนนั้ ภิกฺขู “เอวํ สนฺเต มยํ นิวตฺติสฺสามาติ มีอยู่ อ. เรา ท. จกั กลบั ดงั นี ้อ�ำลาแล้ว ซงึ่ พอ่ ค้า ไปแล้ว สเู่ มืองช่ือ วาณิชํ อาปจุ ฺฉิตฺวา ปนุ ทิวเส สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วา่ สาวตั ถี ในวนั รุ่งขนึ ้ ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระศาสดา นง่ั แล้ว ฯ วนฺทิตฺวา นิสที สึ .ุ อ.พระศาสดา ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.เธอ ท. ) สตฺถา “กึ ภิกฺขเว มหาธนวาณิเชน สทฺธึ ไมไ่ ปแล้ว กบั ด้วยพอ่ ค้าผ้มู ีทรัพย์มาก หรือ ดงั นี,้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ น คมิตฺถาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “ อาม ภนฺเต, มหาธนวาณิชสสฺ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ พระเจ้าข้า (อ.อยา่ งนนั้ ), อ.โจร ท. ซมุ่ อยู่ วิลมุ ปฺ นตฺถาย ทฺวีสปุ ิ มคฺเคสุ โจรา ปริยฏุ ฺฐสึ ,ุ รอบแล้ว ในหนทาง ท. แม้ ๒ เพื่อต้องการ แก่อันปล้น ซึ่งพ่อค้า เตน โส ตตฺเถว โิ ต, ผ้มู ที รพั ยม์ าก,เพราะเหตนุ นั้ (อ.พอ่ ค้า)นนั้ ดำ� รงอยแู่ ลว้ ในทนี่ นั้ นนั่ เทยี ว, สว่ นวา่ อ. ข้าพระองค์ ท. อำ� ลาแล้ว (ซง่ึ พอ่ ค้า) นนั้ เป็นผ้มู าแล้ว มยมปฺ น ตํ อาปจุ ฺฉิตฺวา อาคตาติ วตุ ฺเต, (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้(อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ “ภิกฺขเว มหาธนวาณิโช โจรานํ อตฺถิตาย มคฺคํ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ.พอ่ ค้าผ้มู ีทรัพย์มาก ยอ่ มเว้นรอบ ซง่ึ หนทาง ปริวชฺเชติ; ชีวิตกุ าโมปิ ปรุ ิโส หลาหลํ วสิ ํ เพราะความที่ แห่งโจร ท. มีอยู่ (ฉันใด), อ.บุรุษ แม้ ผู้ใคร่ อมปนคริวสฺุคชนสฺเฺธทชึติส;ิาฆตภเิฏิกตฺขญฺวนุ าตาฺวปาิธมป`ตมฺ าโํปยํ เปทภรเิสววชานฺเฺโชตโตจํุเวรอหฏิมฺิฏํ ปตคีตราิยิถวฏุ มตฺฐาฺวติ หา- เพื่ออันเป็ นอยู่ ย่อมเว้นรอบ ซ่ึงยาพิษ อันร้ ายแรง (ฉันใด), อ.อนั แม้อนั ภิกษุ รู้แล้ว วา่ อ.ภพ ท. ๓ เป็นเชน่ กบั ด้วยหนทาง อนั โจร ท. ซมุ่ อยรู่ อบแล้ว (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ เว้นรอบ ซง่ึ บาป ยอ่ มควร (ฉนั นนั้ ) ดงั นี ้ เม่ือ ทรงสืบตอ่ ซงึ่ อนสุ นธิ แสดง ซงึ่ ธรรม ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ (อ. ภิกษุ) พึงเวน้ รอบ ซ่ึงบาป ท. เพียงดงั อ. พอ่ คา้ “ วาณิโชว ภยํ มคฺคํ อปปฺ สตฺโถ มหทฺธโน ผูม้ ีทรพั ย์มาก ผูม้ ีพวกนอ้ ย (เวน้ รอบอยู่) ซ่ึงหนทาง วิสํ ชีวิตุกาโมว ปาปานิ ปริวชฺชเยติ. อนั บคุ คลพึงกลวั เพียงดงั (อ.บรุ ุษ) ผูใ้ คร่เพือ่ อนั เป็นอยู่ (เวน้ รอบอยู่) ซึ่งยาพิษ ดงั นี้ ฯ (อ. อรรถ) วา่ อนั อนั บคุ คลพงึ กลวั (ดงั นี ้ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา ตตฺถ ภยนฺต:ิ ภายิตพฺพํ, โจเรหิ ปริยฏุ ฺฐติ ตฺตา (แห่งบท) ว่า ภยํ ดังนี,้ อ.อธิบาย ว่า อันช่ือว่าเป็ นไปกับ สปปฺ ฏิภยนฺติ อตฺโถ. ด้วยภัยเฉพาะ เพราะความท่ี (แห่งหนทางนัน้ ) เป็ นหนทาง อนั โจร ท. ซมุ่ อยรู่ อบแล้ว ดงั นี ้ ฯ (อ.อรรถรูป) นี ้ วา่ อ.พอ่ ค้า ผ้มู ีทรัพย์มาก ผ้มู ีพวกน้อย อิทํ วตุ ฺตํ โหติ “ ยถา มหทฺธโน วาณิโช อปปฺ สตฺโถ (ยอ่ มเว้นรอบ) ซงึ่ หนทาง อนั เป็นไปกบั ด้วยภยั เฉพาะ ฉนั ใด, สปปฺ ฏิภยํ มคฺคํ, ยถา ชีวิตกุ าโม หลาหลํ วสิ ํ (อ. บรุ ุษ) ผ้ใู คร่เพ่ืออนั เป็นอยู่ ยอ่ มเว้นรอบ ซงึ่ ยาพิษ อนั ร้ายแรง ปริวชฺเชติ; ฉนั ใด, ผลติ สือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 21 www.kalyanamitra.org
อ.ภิกษุ ผ้ฉู ลาดพงึ เว้นรอบ ซง่ึ บาป ท. แม้มีประมาณน้อย เอวํ ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อปปฺ มตฺตกานิปิ ปาปานิ ฉนั นนั้ ดงั นี ้ เป็นค�ำอธิบาย (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ปริวชฺเชยฺยาต.ิ ยอ่ มเป็น ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู สห ปฏิสมภฺ ิทาหิ ซง่ึ พระอรหตั กบั ด้วยปฏิสมั ภิทา ท. ฯ อ.พระธรรมเทศนา อรหตฺตํ ปาปณุ ึส.ุ สมปฺ ตฺตมหาชนสฺสาปิ สาตฺถิกา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจามีประโยชน์ ได้มีแล้ว แม้แก่มหาชน ธมมฺ เทสนา อโหสีต.ิ ผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห(่งจพบ่อแคล้า้วผ)ู้มฯีทรัพย์มาก มหาธนวาณิชวตถฺ ุ. ๘. อ. เร่ือ(องแันหข่ง้านพาเยจ้พา รจาะนกชล่ือ่าวว่า) กฯุกกุฎมติ ร ๘. กุกกฺ ุฏมติ ตฺ วตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเวฬวุ นั ทรงปรารภ “ปาณิมหฺ ิ เจ วโณ นาสสฺ าติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ซงึ่ นายพราน ชื่อวา่ กกุ กฏุ มิตร ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วา่ สตฺถา เวฬวุ เน วหิ รนฺโต กกุ ฺกฏุ มิตฺตนฺนาม เนสาทํ ปาณิมหฺ ิ เจ วโณ นาสสฺ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อารพฺภ กเถส.ิ ได้ยินวา่ อ.ธิดาของเศรษฐี คนหนงึ่ ในเมืองช่ือวา่ ราชคฤห์ ราชคเห กิเรกา อเปุสรฏิคฺ ฐพิธฺเีตภาอารวกยฺขปณฺปตตฺถฺตายา ผ้ถู งึ แล้วซงึ่ วยั ผ้อู นั มารดาและบดิ า ท. ให้แล้ว ซงึ่ หญิงผ้รู ับใช้ สตฺตภมู ิกสสฺ ปาสาทสฺส ใกล้เท้า คนหนง่ึ เพอื่ ประโยชนแ์ กอ่ นั อารกั ขา ให้อยอู่ ยู่ ในเบอื ้ งบนแหง่ เอกํ ปริจาริกํ ทตฺวา มาตาปิ ตหู ิ วาสยิ มานา เอกทิวสํ ท้องแหง่ ปราสาท อนั ประกอบแล้วด้วยชนั้ ๗ แลดอู ยู่ ซงึ่ ระหวา่ ง สายณฺหสมเย วาตปาเนน อนฺตรวีถึ โอโลเกนฺตี แหง่ ถนน โดยหน้าตา่ งในสมยั คอื เวลาเยน็ แหง่ วนั ในวนั หนงึ่ เหน็ แล้ว ปญฺจ ปาสสตานิ ปญฺจ จ สลู สตานิ อาทาย ซงึ่ นายพราน คนหนงึ่ ช่ือวา่ กกุ กฏุ มิตร ผู้ ถือเอาแล้วซงึ่ ร้อยแหง่ มิเค วธิตฺวา ชีวมานํ เอกํ กกุ ฺกฏุ มิตฺตํ นาม เนสาทํ บว่ ง ท. ๕ ด้วย ซง่ึ ร้อยแหง่ หลาว ท. ๕ ด้วย ฆา่ แล้ว ซง่ึ เนือ้ ท. ปญฺจ มิคสตานิ วธิตฺวา เตสํ มํเสน มหาสกฏํ เป็นอยอู่ ยู่ ผู้ ยงั เกวียนใหญ่ ให้เตม็ แล้ว ด้วยเนือ้ ( ของเนือ้ ท. ) ปเู รตฺวา สกฏธเู ร นิสีทิตฺวา มํสํ วกิ ฺกีณนตฺถาย นครํ เหลา่ นนั้ นง่ั แล้ว บนแอกแหง่ เกวียน เข้าไปอยู่ สพู่ ระนคร ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ตสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา เพ่ือต้ องการแก่อันขาย ซึ่งเนือ้ เป็ นผู้มีจิตเน่ืองเฉพาะแล้ว ปริจาริกาย หตฺเถ ปณฺณาการํ ทตฺวา “คจฺฉ, (ในนายพราน)นนั้ เป็น ให้แล้ว ซง่ึ เคร่ืองบรรณาการ ในมือ เอตสสฺ ปณฺณาการํ ทตฺวา คมนกาลํ ญตฺวา เอหีติ ของหญิงผ้รู ับใช้ใกล้เท้า สง่ ไปแล้ว (ด้วยค�ำ) วา่ อ. เจ้าจงไป, เปเสส.ิ อ.เจ้าให้แล้ว ซง่ึ เครื่องบรรณาการ (แก่นายพราน) นนั่ รู้แล้ว ซง่ึ กาลเป็นที่ไป จงมา ดงั นี ้ฯ (อ. หญงิ ผ้รู บั ใช้ใกล้เท้า) นนั้ ไปแล้ว ให้แล้ว ซงึ่ เคร่ืองบรรณาการ สา คนฺตฺวา ตสฺส ปณฺณาการํ ทตฺวา ปจุ ฺฉิ (แก่นายพราน)นนั้ ถามแล้ว วา่ (อ.ทา่ น) จกั ไป ในกาลไร ดงั นี ้ ฯ “กทา คมิสฺสสตี .ิ (อ. นายพราน กลา่ วแล้ว) วา่ ในวนั นี ้(อ.เรา) ขายแล้ว ซง่ึ เนือ้ “อชชฺ มสํ ํ วกิ กฺ ณี ติ วฺ า ปาโตว อสกุ ทวฺ าเรน นาม จกั ออกไป ช่ือโดยประตโู น้น ในเวลาเช้าเทียว ดงั นี ้ ฯ (อ.หญิงผ้ใู ช้ นิกฺขมิตฺวา คมิสฺสามีต.ิ สา เตน กถิตํ กถํ สตุ ฺวา ใกล้เท้า) นนั้ ฟังแล้วซงึ่ วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว อนั อนั นายพรานนนั้ อาคนฺตฺวา ตสสฺ า อาโรเจส.ิ กลา่ วแล้ว มาแล้ว บอกแล้ว (แก่ธิดา ของเศรษฐี)นนั้ ฯ 22 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.ธิดาของเศรษฐี จัดแจงแล้ว ซึ่งผ้ าและเคร่ืองประดับ สวํ ทิ หเสิตฏฺวฺฐาธิ ีตปาาโอตตวฺตนมาลนิ ควเหตตฺถพํ นฺพิวยาตุ เฺตสกตํฺววาตฺถกาฏุ ภํ รอณาทชาาตยํ อนั ควรแล้วแก่ความเป็นวตั ถุ อนั ตน พงึ ถือเอา นงุ่ แล้ว ซง่ึ ผ้า อนั เศร้าหมอง ถือเอาแล้ว ซง่ึ หม้อ เป็นราวกะวา่ ไปอยู่ สทู่ า่ แหง่ น�ำ้ ทาสีหิ สทฺธึ อทุ กตติ ฺถํ คจฺฉนฺตี วิย นิกฺขมิตฺวา ตํ ฐานํ กบั ด้วยทาสี ท. (เป็น) ออกแล้ว ในเวลาเช้า เทียว ไปแล้ว สทู่ ี่ นนั้ คนฺตฺวา ตสฺสาคมนํ โอโลเกนฺตี อฏฺฐาส.ิ ได้ยืนแลดอู ยแู่ ล้ว ซง่ึ การมา (แหง่ นายพราน)นนั้ ฯ (อ.นายพราน) แม้นนั้ ขบั ไปอยู่ ซงึ่ เกวียน ออกไปแล้ว ในเวลา โสปิ ปาโตว สกฏํ ปาเชนฺโต นิกฺขมิ. เช้าเทียว ฯ (อ.ธิดาของเศรษฐี) แม้นัน้ ได้ออกไปแล้ว ข้างหลัง สาปิ ตสสฺ ปจฺฉโต ปายาส.ิ โส ตํ ทิสวฺ า “อหํ ตํ (ของนายพราน)นนั้ ฯ (อ.นายพราน) นนั้ เหน็ แล้ว (ซง่ึ ธิดา `อสกุ สฺส นาม ธีตาติ น ชานามิ, มา มํ อนพุ นฺธิ ของเศรษฐี) นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ อ. เรา ยอ่ มไมร่ ู้ ซง่ึ ทา่ น วา่ (อ. ทา่ น) อมมฺ าติ อาห. “ น มํ ตฺวํ ปกฺโกสส,ิ อหํ อตฺตโน เป็นธิดา (ของตระกลู ) ชื่อโน้น (ยอ่ มเป็น) ดงั นี,้ แนะ่ แม่ อ. ทา่ น ธมมฺ ตาย อาคจฺฉามิ, ตฺวํ ตณุ ฺหี หตุ ฺวา อตฺตโน สกฏํ อยา่ ตดิ ตามแล้ว ซงึ่ เรา ดงั นี ้ ฯ (อ. ธิดาของเศรษฐี กลา่ วแล้ว) วา่ ปาเชหีต.ิ อ.ท่าน ย่อมร้ องเรียก ซึ่งดิฉัน หามิได้, อ.ดิฉัน ย่อมมา ตามธรรมดา ของตน, อ.ทา่ น เป็นผ้นู ่ิง เป็น จงขบั ไป ซงึ่ เกวียน ของตน ดงั นีฯ้ (อ.นายพราน)นนั้ ห้ามแลว้ (ซง่ึ ธดิ าของเศรษฐ)ี นนั้ บอ่ ยๆนนั่ เทยี วฯ โส ปนุ ปปฺ นุ ํ ตํ นิวาเรสเิ ยว. อถ นํ สา อาห ครัง้ นนั้ (อ.ธิดาของเศรษฐี)นนั้ กลา่ วแล้ว (กะนายพราน) นนั้ “สริ ึ นาม อตฺตโน สนฺตกิ ํ อาคจฺฉนฺตึ นิวาเรตํุ วา่ อ. อนั (อนั ทา่ น) ห้าม ชื่อ ซง่ึ สริ ิ อนั มาอยู่ สสู่ ำ� นกั ของตน น วฏฏตีต.ิ ยอ่ มไมค่ วร ดงั นี ้ฯ (อ.นายพราน)นนั้ รู้แล้วซง่ึ การมาเพ่ือตน(แหง่ ธิดาเศรษฐี)นนั้ โส ตสฺสา นิสสฺ สํ เยน อตฺตโน อาคมนํ ญตฺวา โดยความไมม่ ีแหง่ ความสงสยั ยกขนึ ้ แล้ว (ซงึ่ ธิดาของเศรษฐี)นนั้ ตํ สกฏํ อาโรเปตฺวา อคมาส.ิ ตสฺสา มาตาปิ ตโร สเู่ กวียน ได้ไปแล้ว ฯ อ. มารดาและบดิ า ท. (ของธิดาของเศรษฐี) อิโตจิโต จ ปริเยสาเปตฺวา อปสฺสนฺตา “มตา นนั้ ยงั บคุ คลให้แสวงหาแล้ว ข้างนีด้ ้วย ๆ ไมเ่ หน็ อยู่ กระท�ำแล้ว ภวสิ ฺสตีติ มตกภตฺตํ กรึส.ุ ซึ่งภัตรเพ่ือบุคคลผู้ตายแล้ว (ด้ วยความส�ำคัญ) ว่า (อ.ธิดา ของเรา ท.) เป็นผ้ตู ายแล้ว จกั เป็นดงั นี ้ ฯ (อ.ธิดาของเศรษฐี) แม้นนั้ อาศยั แล้ว ซง่ึ การอยพู่ ร้อม กบั สาปิ เตน สทฺธึ สวํ าสมนฺวาย ปฏิปาฏิยา (ด้วยนายพราน) นนั้ คลอดแล้ว ซง่ึ บตุ ร ท. ๗ โดยลำ� ดบั ผกู แล้ว สตตฺ ปตุ เฺ ต วชิ ายติ วฺ า เต วยปปฺ ตเฺ ต ฆรพนธฺ เนน พนธฺ ิ. (ซงึ่ บตุ ร ท.) เหลา่ นนั้ ผ้ถู งึ แล้วซง่ึ วยั ด้วยวตั ถเุ ป็นเครื่องผกู เรือน ฯ ในวนั หนงึ่ อ.พระศาสดา ทรงตรวจดอู ยู่ ซง่ึ โลก ในสมยั เอกทิวสํ สตฺถา ปจฺจสู สมเย โลกํ โวโลเกนฺโต อนั ขจดั เฉพาะซงึ่ มืด ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ นายพรานชื่อวา่ กกุ กฏุ มิตร กกุ ฺกฏุ มิตฺตํ สปตุ ฺตํ สสณุ ิสํ อตฺตโน ญาณชาลสฺส ผ้เู ป็นไปกบั ด้วยบตุ ร ผ้เู ป็นไปกบั ด้วยหญิงสะใภ้ ผ้เู ข้าไปแล้ว อนฺโต ปโสวติฏฺาฐปํ ทติสฺตวฺมิ าคฺค“สกฺสินฺนอุ โปุ ขนิสเอฺสตยนํ ฺตทิ ิสอวฺ ปุ าธาปเรานโตฺโตว ในภายในแหง่ ขา่ ยคือพระญาณ ของพระองค์ ทรงใคร่ครวญอยู่ วา่ เตสุ อ.เหตนุ นั่ อะไร หนอ แล ดงั นี ้ ทรงเหน็ แล้ว ซง่ึ อปุ นิสยั ปตฺตจีวรมาทาย เตอสกฺสมิโคปปิ านสาฏโฺหฐสา.ินํสตอฺถคามตาสสสฺ ิ. แหง่ โสดาปัตตมิ รรค (ของชนท.) เหลา่ นนั้ ทรงถอื เอา ซง่ึ บาตรและจวี ร ตํทิวสํ ปาเส พนฺโธ ได้เสดจ็ ไปแล้ว สทู่ ต่ี งั้ แหง่ บว่ ง (ของนายพรานชอื่ วา่ กกุ กฏุ มติ ร) นนั้ ปาสมเู ล ปทวลญฺชํ ทสเฺ สตฺวา ปรุ โต เอกสฺส คมุ พฺ สฺส ในเวลาเช้าเทียว ฯ ในวนั นนั้ แม้ อ.เนือ้ ตวั หนง่ึ ตวั ตดิ แล้ว เอโหอาฏโทลฺฐากายยฉมาปยาาโานสยฏฺฐปานานิสเํทีสคิ. นพฺตกทฺวกุ ฺธาฺกํ ฏุ อเมอาิตทกฺโมิโตตฺปิ ปาโตว ธนนํุ ในบว่ ง ไมไ่ ด้มีแล้ว ฯ อ.พระศาสดา ทรงแสดงแล้ว ซงึ่ รอย ปมฏฺิคฐาํ ยอทปิสาวฺเสา แหง่ พระบาทในที่ใกล้แหง่ บว่ ง (ของนายพรานชอ่ื วา่ กกุ กฏุ มติ ร)นนั้ ประทบั นง่ั แล้ว ในภายใต้แหง่ เงา แหง่ พมุ่ ไม้ พมุ่ หนงึ่ ข้างหน้า ฯ สตฺถุ ปทวลญฺชํ อทฺทส. อ. นายพรานชอ่ื วา่ กกุ กฏุ มติ ร ถอื เอา ซงึ่ ธนู ไปแล้ว สทู่ ต่ี งั้ แหง่ บว่ ง ในเวลาเช้ าเทียว ตรวจดูอยู่ ซึ่งบ่วง ท. จ�ำเดิม แต่ต้ น ไมเ่ หน็ แล้ว ซงึ่ เนือ้ แม้ตวั หนง่ึ ตวั ตดิ แล้ว ในบว่ ง ได้เหน็ แล้ว ซง่ึ รอยแหง่ พระบาท ของพระศาสดา ฯ ครัง้ นนั้ (อ.ความคดิ ) นน่ั วา่ อ.ใคร ยอ่ มเที่ยว แก้อยู่ อถสฺส เอตทโหสิ “โก มยฺหํ พทฺธมิเค ซงึ่ เนือ้ ตวั ตดิ แล้ว ท. ของเรา ดงั นี ้ ได้มีแล้ว (แก่นายพราน โมเจนฺโต วจิ รตีต.ิ ช่ือวา่ กกุ กฏุ มิตร) นนั้ ฯ ผลติ ส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 23 www.kalyanamitra.org
(อ.นายพรานช่ือวา่ กกุ กฏุ มิตร) นนั้ ผกู แล้ว ซงึ่ ความอาฆาต โส สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา คจฺฉนฺโต คมุ พฺ มเู ล ในพระศาสดา ไปอยู่ เหน็ แล้ว ซงึ่ พระศาสดา ผ้ปู ระทบั นงั่ แล้ว นสิ นิ นฺ ํ สตถฺ ารํ ทสิ วฺ า “อมิ นิ า มม มคิ า โมจติ า, ณ ท่ีใกล้แหง่ พมุ่ ไม้ (คดิ แล้ว) วา่ อ.เนือ้ ท. ของเรา (อนั สมณะ)นี ้ มาเรสสฺ ามิ นนตฺ ิ ธนํุ อากฑฒฺ .ิ สตถฺ า ธนํุ อากฑฒฺ ติ ํุ แก้แล้ว, อ. เรา (ยงั สมณะ) นนั้ จกั ให้ตาย ดงั นี ้คร่ามาแล้ว ซง่ึ ธนู ฯ ทตฺวา วสิ ฺสชฺเชตํุ นาทาส.ิ อ.พระศาสดา ประทานแล้ว เพอ่ื อนั คร่ามา ซง่ึ ธนู ไมไ่ ด้ประทานแล้ว เพ่ืออนั ยิง ฯ (อ.นายพรานชื่อวา่ กกุ กฏุ มิตร) นนั้ ไมอ่ าจอยู่ แม้เพ่ืออนั ยิง โส สรํ วิสฺสชฺเชตมุ ปฺ ิ โอโรเปตมุ ปฺ ิ อสกฺโกนฺโต ซง่ึ ลกู ศร แม้เพื่ออนั ปลงลง (ซง่ึ ลกู ศร) มีซ่ีโครง ท. อนั ราวกะวา่ ผาสกุ าหิ ภิชฺชนฺตีหิ วิย มขุ โต เขเฬน ปคฺฆรนฺเตน แตกอยู่ มีน�ำ้ ลาย อนั ไหลออกอยู่ จากปาก มีรูปแหง่ บคุ คล กิลนฺตรูโป อฏฺฐาส.ิ ผ้เู หน็ดเหน่ือยแล้ว ได้ยืนแล้ว ฯ ครัง้ นนั้ อ. บตุ ร ท. (ของนายพรานชื่อวา่ กกุ กฏุ มิตร) นนั้ ไปแล้ว อถสสฺ ปตุ ฺตา เคหํ คนฺตฺวา “ปิ ตา โน จิรายติ สู่เรือน กล่าวแล้ว ว่า อ. บิดา ของเรา ท. ประพฤติช้ าอยู่, กึ นโุ ขติ วตฺวา “คจฺฉถ ตาตา ปิ ตุ สนฺตกิ นฺติ มาตรา (อ.เหต)ุ อะไร หนอ แล (จกั มี) ดงั นี ้ผู้ อนั มารดา สง่ ไปแล้ว (ด้วยค�ำ) เปสติ า ธนนู ิ อาทาย คนฺตฺวา ปิ ตรํ ตถาฐติ ํ ทิสวฺ า วา่ แนะ่ พอ่ ท. (อ. เจ้า ท.) จงไป สสู่ ำ� นกั ของบดิ า ดงั นี ้ ถือเอา “อยํ โน ปิ ตุ ปจฺจามิตฺโต ภวิสสฺ ตีติ สตฺตปิ ชนา ซง่ึ ธนู ท. ไปแล้ว เหน็ แล้ว ซงึ่ บดิ า ผ้ยู ืนแล้วอยา่ งนนั้ (คดิ แล้ว) วา่ ธนนู ิ อากฑฺฒิตฺวา พทุ ฺธานภุ าเวน, ยถา เนสํ ปิ ตา อ.สมณะนี ้ เป็นปัจจามิตร แหง่ บดิ า ของเรา ท. (จกั เป็น) ดงั นี ้ โิ ต, ตเถว อฏฺฐสํ .ุ เป็นชน แม้ ๗ (เป็น) คร่ามาแล้ว ซงึ่ ธนู ท., อ. บดิ า ของชน ท. เหล่านัน้ ยืนแล้ ว ฉันใด, ได้ ยืนแล้ ว ฉันนัน้ น่ันเทียว ด้วยอานภุ าพแหง่ พระพทุ ธเจ้า ฯ ครัง้ นนั้ อ.มารดา (ของชน ท.) เหลา่ นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ อ. บดิ า อถ เนสํ มาตา “กึ นุ โข ปิ ตา ปตุ ฺตา จิรายนฺตีติ อ. บตุ ร ท. ประพฤตชิ ้าอยู่ เพราะเหตอุ ะไร หนอ แล ดงั นี ้ไปแล้ว สตฺตหิ สณุ ิสาหิ สทฺธึ คนฺตฺวา เต ตถาฐเิ ต ทิสฺวา กบั ด้วยหญิงสะใภ้ ท. ๗ เหน็ แล้ว (ซงึ่ ชน ท.) เหลา่ นนั้ ผ้ยู ืนแล้ว “กสสฺ นุ โข อิเม ธนนู ิ อากฑฺฒิตฺวา ติ าติ อยา่ งนนั้ (คดิ แล้ว) วา่ (อ. ชน ท.) เหลา่ นี ้ยืนคร่ามาแล้ว ซงึ่ ธนู ท. โอโลเกนตฺ ี สตถฺ ารํ ทสิ วฺ า พาหา ปคคฺ ยหฺ “ มา เม ปิตรํ เพอื่ ใคร หนอ แล ดงั นี ้ แลดอู ยู่ เหน็ แล้ว ซง่ึ พระศาสดา ประคองแล้ว นาเสถ, มา เม ปิ ตรํ นาเสถาติ มหาสทฺทมกาส.ิ ซงึ่ แขน ท. ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ เสียงใหญ่ วา่ อ.ทา่ น ท. ขอจงอยา่ ยังบิดาของดิฉันให้ฉิบหาย, (อ.ท่าน ท.) ขอจงอย่ายังบิดา ของดฉิ นั ให้ฉิบหาย ดงั นี ้ฯ อ.นายพรานช่ือวา่ กกุ กฏุ มิตร ฟังแล้ว ซงึ่ เสียง นนั้ คดิ แล้ว วา่ กกุ ฺกฏุ มิตฺโต ตํ สทฺทํ สตุ ฺวา จินฺเตสิ ก“นตฏนฺตโฺ ฐ.ิ อ.เรา เป็นผ้ฉู ิบหายแล้ว หนอ ยอ่ มเป็น, ได้ยินวา่ (อ. สมณะ) นนั่ วตมหฺ ,ิ สสโุ ร กริ เม เอส, อโห มยา ภาริยํ กมมฺ ํ เป็นพอ่ ตา ของเรา (ยอ่ มเป็น), โอ อ.กรรม อนั หนกั อนั เรา ปตุ ฺตาปิ สฺส “ อยฺยโก กิร โน เอส, อโห ภาริยํ กมมฺ นฺติ กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ฯ แม้ อ. บตุ ร ท. (ของนายพรานช่ือวา่ กกุ กฏุ มิตร) จินฺตยสึ .ุ นนั้ คดิ แล้ว วา่ ได้ยินวา่ (อ.สมณะ)นน่ั เป็นตา ของเรา ท. (ยอ่ มเป็น), โอ อ. กรรมอนั หนกั (อนั เรา ท. กระท�ำแล้ว) ดงั นี ้ ฯ อ.นายพรานชื่อว่ากุกกุฏมิตร เข้าไปตัง้ ไว้แล้ว ซ่ึงจิต กกุ ฺกฏุ มิตฺโต “อยํ สสโุ ร เมติ เมตฺตจิตฺตํ อนั ประกอบเมตตา (ด้วยมนสกิ าร) วา่ (อ.สมณะน)ี ้ เป็นพอ่ ตา อฉอปปฑุุ ฏฏฺเฑฺฺฐฐเเตปปฺวสสา..ํิุ ปตุ ฺตาปิ สสฺ “อยฺยโก โนติ เมตฺตจิตฺตํ ของเรา (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ แม้ อ.บตุ ร (ของนายพรานชื่อวา่ อถ เเมนสขํ มมาาเตปาถาเตสฏิ ฺอฐธาิ ีหตา. “ขิปปฺ ํ ธนนู ิ กกุ กฏุ มิตรนนั้ ) เข้าไปตงั้ ไว้แล้ว ซง่ึ จิตอนั ประกอบด้วยเมตตา ปิ ตรํ (ด้วยมนสกิ าร) วา่ (อ.สมณะน)ี ้ เป็นตา ของเรา ท. (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ฯ ครัง้ นนั้ อ. ธิดาของเศรษฐี ผ้เู ป็นมารดา ของบตุ ร ท. เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ทา่ น ท.) ทิง้ แล้ว ซง่ึ ธนู ท. พลนั ยงั บดิ า ของเรา จงให้อดโทษ ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงทราบแล้ว ซง่ึ จิตออ่ น (ของชน ท.) สตฺถา เตสํ มทุ จุ ิตฺตํ ญตฺวา ธนํุ โอตาเรตํุ เหลา่ นนั้ ได้ประทานแล้ว เพ่ืออนั ยงั ธนู ให้ข้ามลง ฯ (อ. ชน ท. ) อทาส.ิ เต สพฺเพ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา “ขมถ โน ภนฺเตติ เหลา่ นนั้ ทงั้ ปวง ถวายบงั คมแล้ว ซง่ึ พระศาสดา (กราบทลู แล้ว) ขมาเปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทสึ .ุ วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.พระองค์ ท. ของจงทรงอดโทษ ตอ่ ข้าพระองค์ ท. ดงั นี ้ ยงั พระศาสดา ให้ทรงอดโทษแล้ว นงั่ แล้ว ณ ที่สดุ แหง่ หนงึ่ ฯ 24 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ครัง้ นนั้ อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว ซง่ึ วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว อถ เนสํ สตฺถา อนปุ พุ ฺพีกถํ กเถส.ิ เทสนาวสาเน โดยลำ� ดบั (แก่ชน ท. เหลา่ นนั้ ) ฯ ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา กกุ ฺกฏุ มิตฺโต สทฺธึ ปตุ ฺเตหิ เจว สณุ ิสาหิ จ อตฺตปญฺจทสโม อ.นายพรานช่ือวา่ กกุ กฏุ มิตร กบั ด้วยบตุ ร ท. ด้วยนนั่ เทียว โสตาปตฺตผิ เล ปตฏิ ฺฐหิ. ด้ วยหญิงสะใภ้ ท. ด้ วย มีตนเป็ นท่ี ๑๕ ตัง้ อยู่เฉพาะแล้ว ในโสดาปัตตผิ ล ฯ อ.พระศาสดา เสด็จเท่ียวไปแล้ว เพ่ือบิณฑะ ได้เสด็จไปแล้ว สตฺถา ปิ ณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ วหิ ารํ สู่วิหาร ในกาลภายหลังแห่งภัทร ฯ ครัง้ นัน้ อ.พระเถระ อคมาส.ิ อถ นํ อานนฺทตฺเถโร ปจุ ฺฉิ “อชฺช ภนฺเต ช่ือวา่ อานนท์ ทลู ถามแล้ว (ซง่ึ พระศาสดา) นนั้ วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ กหํ คมิตฺถาต.ิ “กกุ ฺกฏุ มิตฺตสสฺ สนฺตกิ ํ อานนฺทาติ. ผ้เู จริญ (อ. พระองค์ ท.) เสดจ็ ไปแล้ว (ในท่ี) ไหน ในวนั นี ้ ดงั นี ้ ฯ “ปาณาตปิ าตกมมฺ สฺส โว ภนฺเต อการโก กโตติ. (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนอานนท์ (อ.เรา ไปแล้ว) สสู่ ำ� นกั ของนายพรานช่ือวา่ กกุ กฏุ มิตร ดงั นี ้ ฯ (อ.พระเถระชื่อวา่ อานนท์ ทลู ถามแล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ (อ.นายพรานช่ือวา่ กกุ กฏุ มิตร) (อนั พระองค์ ท.) ทรงกระทำ� แล้ว ให้เป็นผ้ไู มก่ ระทำ� ซง่ึ กรรมคอื - ปาณาตบิ าต หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว)วา่ ดกู ่อนอานนท์ เออ (อ.อยา่ งนนั้ ), “อาม อานนฺท, โส อตฺตปญฺจทสโม อจลสทฺธาย (อ. นายพรานชอ่ื วา่ กกุ กฏุ มติ ร) นนั้ มตี นเป็นท่ี ๑๕ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว ปอกตาฏิ รฺฐโากย ตสี ุ รตเนสุ นกิ กฺ งโฺ ข หตุ วฺ า ปาณาตปิ าตกมมฺ สสฺ ในศรทั ธาอนั ไมห่ วนั่ ไหว เป็นผ้มู คี วามสงสยั ออกแล้ว ในรตั นะ ท. ๓ ชาโตต.ิ เป็น เป็นผ้ไู มก่ ระท�ำ ซงึ่ กรรมคือปาณาตบิ าต เกิดแล้ว ดงั นี ้ฯ อ.ภิกษุ ท. กราบทลู แล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ แม้ ภิกฺขู อาหํสุ “นนุ ภนฺเต ภริยาปิ สฺส อตฺถีต.ิ อ.ภรรยา (ของนายพรานชอ่ื วา่ กกุ กฏุ มติ ร) นนั้ มอี ยู่ มใิ ชห่ รือ ดงั นี ้ ฯ “อาม ภิกฺขเว, สา กลุ เคเห กมุ าริกาว หตุ ฺวา (อ.พระศาสดา ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. เออ (อ. อยา่ งนนั้ ), โสตาปตฺตผิ ลํ ปตฺตาต.ิ (อ.นาง ) นัน้ เป็ นกุมาริกาเทียว เป็ น ในเรือนแห่งตระกูล บรรลแุ ล้ว ซงึ่ โสดาปัตตผิ ล ดงั นี ้ฯ อ.ภิกษุ ท. ยงั วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว วา่ ได้ยินวา่ อ.ภรรยา กมุ ารภิกิกกฺขาู เกลถเยํ สวมฏุ โฺสฐาตเาปปสตํุ ฺต“ผิ กลกุ ํ ฺกฏปุ มตฺิวตาฺตสฺสตสกฺสิร ภริยา ของนายพรานชื่อว่ากุกกุฏมิตร บรรลุแล้ว ซึ่งโสดาปัตติผล เคหํ ในกาลแหง่ นางเป็นกมุ ารกิ านนั่ เทยี ว ไปแลว้ สเู่รอื น (ของนายพราน) นนั้ คนฺตฺวา สตฺต ปตุ ฺเต ลภิ, สา เอตฺตกํ กาลํ สามิเกน ได้แล้ว ซง่ึ บตุ ร ท. ๗, อ.ภรรยานนั้ ผู้ อนั สามี กลา่ วอยู่ วา่ `ธนํุ อาหร สเร อาหร สตฺตึ อาหร สลู ํ อาหร ชาลํ (อ.เธอ) จงน�ำมา ซง่ึ ธนู (อ.เธอ) จงน�ำมา ซงึ่ ลกู ศร ท. (อ.เธอ) อาหราติ วจุ ฺจมานา ตานิ อทาส,ิ โส ตาย ทินฺนานิ จงนำ� มา ซง่ึ หอก (อ. เธอ) จงนำ� มา ซง่ึ หลาว (อ. เธอ ) จงนำ� มา ซง่ึ ขา่ ย อาทาย คนฺตฺวา ปาณาตปิ าตํ กโรต,ิ กึ นุ โข ดงั นี ้ ได้ให้แล้ว (ซงึ่ วตั ถเุ ป็นเครื่องประหาร ท. มธี นเู ป็นต้น ) เหลา่ นนั้ โสตาปนฺนาปิ ปาณาตปิ าตํ กโรนฺตีต.ิ ตลอดกาล มีประมาณเท่านัน้ , อ.นายพรานนัน้ ถือเอา (ซงึ่ วตั ถเุ ป็นเครื่องประหาร ท.) อนั อนั ภรรยานนั้ ให้แล้ว ไปแล้ว ยอ่ มประท�ำ ซงึ่ ปาณาตบิ าต, แม้ อ.พระโสดาบนั ท. ยอ่ มกระท�ำ ซง่ึ ปาณาตบิ าต หรือ หนอ แล ดงั นี ้ ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. สตฺถา อาคนฺตฺวา “ กาย นตุ ฺถ ภิกฺขเว เอตรหิ (อ. เธอ ท.) เป็นผ้นู งั่ พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเครื่องกลา่ ว อะไร กถาย สนฺนิสนิ ฺนาติ ปจุ ฺฉิตฺวา, “อิมาย นามาติ วตุ ฺเต, หนอ ยอ่ มมี ในกาลนี ้ ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ (อ.ข้าพระองค์ ท. “น ภิกฺขเว โสตาปนฺนา ปาณาตปิ าตํ กโรนฺต,ิ สา ปน เป็นผ้นู ง่ั พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว ช่ือนี ้ (ยอ่ มมี “สามิกสฺส วจนํ กโรมีติ ตถา อกาส,ิ `อิทํ คเหตฺวา ในกาลนี)้ ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, ตรัสแล้ว วา่ เอส คนฺตฺวา ปาณาตปิ าตํ กโรตตู ิ ตสฺสา จิตฺตํ นตฺถิ; ดูก่อนภิกษุ ท. อ.โสดาบัน ท. ย่อมกระท�ำ ซึ่งปาณาติบาต หามไิ ด้, แตว่ า่ อ.นางนนั้ ได้กระทำ� แล้ว อยา่ งนนั้ (ด้วยความคดิ ) วา่ อ.เรา ยอ่ มกระท�ำ ซง่ึ ค�ำ ของสามี ดงั น,ี ้ อ.จติ ของนางนนั้ วา่ อ.สามนี นั่ ถอื เอา ซงึ่ วตั ถเุ ป็นเคร่ืองประหาร นี ้ ไปแล้ว จงกระทำ� ซง่ึ ปาณาตบิ าต ดงั นี ้ ยอ่ มไมม่ ี ผลิตส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วดั พระธรรมกาย 25 www.kalyanamitra.org
เหมือนอยา่ งวา่ ครัน้ เม่ือแผล ไมม่ ีอยู่ บนพืน้ แหง่ ฝ่ ามือ ปาณิตลสมฺ ึ หิ วเณ อสติ วิสํ คณฺหนฺตสฺส ตํ วิสํ (เมื่อบคุ คล) จบั อยู่ ซงึ่ ยาพิษ อ.ยาพิษ นนั้ ยอ่ มไมอ่ าจ อนฑุ หิตํุ น สกฺโกต;ิ เอวเมว อกสุ ลเจตนาย อภาเวน เพื่ออนั ตามเผา (ฉนั ใด), ชื่อ อ.บาป ยอ่ มไมม่ ี (แก่บคุ คล) ปาปํ อกโรนฺตสฺส ธนอุ าทีนิ นีหริตฺวา ททโตปิ ผ้ไู มก่ ระท�ำอยู่ ซง่ึ บาป แม้ผู้ น�ำออกแล้ว (ซงึ่ วตั ถเุ ป็นเครื่องประหาร ท.) ปาปํ นาม น โหตีติ วตฺวา อนสุ นฺธึ ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ มีธนเู ป็นต้น ให้อยู่ เพราะความไมม่ ี แหง่ เจตนาอนั เป็นอกศุ ล เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห ฉนั นนั้ นนั่ เทียว ดงั นี ้ เมื่อ ทรงสืบตอ่ ซง่ึ อนสุ นธิ แสดง ซง่ึ ธรรม ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ หากว่า อ. แผล ไม่พึงมี บนฝ่ ามือไซร้, (อ.บคุ คล) พึงน�ำไป “ ปาณิมฺหิ เจ วโณ นาสสฺ , หเรยฺย ปาณินา วิสํ, ซึ่งยาพิษ ดว้ ยฝ่ามือ, (เพราะวา่ ) อ. ยาพิษ ยอ่ มไมไ่ ปตาม นาพพฺ ณํ วิสมนเฺ วติ นตฺถิ ปาปํ อกพุ พฺ โตติ. (ซึ่งฝ่ ามือ) อนั ไม่มีแผล (ฉนั ใด), อ.บาป ย่อมไม่มี (แก่บคุ คล) ผูไ้ ม่กระท�ำอยู่ (ฉนั นน้ั ) ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ไมพ่ งึ มี (ดงั นี)้ (ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ บท) ตตฺถ นาสสฺ าต:ิ น ภเวยฺย. หเรยยฺ าต:ิ หริตํุ วา่ นาสสฺ ดงั นี ้ฯ (อ. อรรถ) วา่ พงึ อาจ เพื่ออนั น�ำไป (ดงั นี ้แหง่ บท) สกฺกเุ ณยฺย. กกึ ารณา ? ยสฺมา นาพฺพณํ วิสมนฺเวติ. วา่ หเรยยฺ ดงั นี ้ ฯ (อ. อนั ถาม) วา่ (อ.บคุ คล พงึ อาจ เพอื่ อนั นำ� ไป ซึ่งยาพิษ) เพราะเหตุใด ? (ดังนี)้ (อ.อันแก้ ) ว่า อ.ยาพิษ ยอ่ มไมไ่ ปตาม (ซงึ่ ฝ่ ามือ) อนั ไมม่ ีแผล เหตใุ ด (เพราะเหตนุ นั้ อ. บคุ คล พงึ อาจ เพ่ืออนั น�ำไป ซง่ึ ยาพิษ ดงั นี)้ ฯ (อ. อธิบาย) วา่ เหมือนอยา่ งวา่ อ. ยาพิษ ยอ่ มไมอ่ าจ เพื่ออนั อพฺพณํ หิ ปาณึ วิสํ อนฺเวตํุ น สกฺโกต;ิ เอวเมว ไปตาม (ซง่ึ ฝ่ ามือ) อนั ไมม่ ีแผล (ฉนั ใด) ช่ือ อ.บาป ยอ่ มไมม่ ี ธนอุ าทีนิ นีหริตฺวา เทนฺตสสฺ าปิ อกสุ ลเจตนาย (แก่บคุ คล) ผ้ไู มก่ ระท�ำอยู่ ซงึ่ บาป เพราะความไมม่ ี แหง่ เจตนา อภาเวน ปาปํ อกพุ ฺพโต ปาปํ นาม นตฺถิ, อพฺพณํ อนั เป็นกศุ ล แม้ผู้ น�ำออกแล้ว (ซงึ่ วตั ถเุ ป็นเครื่องประหาร ท.) หิ ปาณึ วสิ ํ วยิ นาสสฺ จิตฺตํ ปาปํ อนคุ จฺฉตีต.ิ มีธนเู ป็นต้น ให้อยู่ ฉนั นนั้ นนั่ เทียว, เพราะวา่ อ.บาป ยอ่ มไมไ่ ป ตามซงึ่ จติ (ของบคุ คล) นนั้ ราวกะ อ. ยาพษิ (ไมไ่ ปตามอย)ู่ ซง่ึ ฝ่ ามอื อนั ไมม่ ีแผล ดงั นี ้ ฯ ในกาลเป็ นท่ีสุดแห่งเทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลุแล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ ึส.ุ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ฯ โดยสมยั อื่นอีก อ.ภิกษุ ท. ยงั วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว วา่ อปเรน กสกุ มฺกเฏุ ยมนิตฺตสภฺสิกฺขสู ปกตุ ถฺตํสสฺ สมสุฏสฺ ฐณุ าิสเปสสฺสํุ อ.อะไร หนอ แล เป็นอปุ นิสยั แหง่ โสดาปัตตมิ รรค ของนายพราน “โก นุ โข ช่ือวา่ กกุ กฏุ มิตร ผ้เู ป็นไปกบั ด้วยบตุ ร ผ้เู ป็นไปกบั ด้วยหญิงสะใภ้ โสตาปตฺตมิ คฺคสสฺ อปุ นิสสฺ โย, เกน การเณน เอส (ย่อมเป็ น), อ.นายพรานชื่อว่ากุกกุฏมิตร น่ัน บังเกิดแล้ว เนสาทกเุ ล นิพฺพตฺโตต.ิ ในตระกลู แหง่ นายพราน เพราะเหตุ อะไร ดงั นี ้ ให้ตงั้ ขนึ ้ พร้อมแล้ว ฯ อ.พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ตรัสถามแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. สตฺถา อาคนฺตฺวา “กาย นตุ ฺถ ภิกฺขเว เอตรหิ (อ. เธอ ท.) เป็นผ้นู งั่ พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเครื่องกลา่ ว อะไร กถาย สนนฺ สิ นิ นฺ าติ ปจุ ฉฺ ิตวฺ า, “อมิ าย นามาติ วตุ เฺ ต, หนอ ยอ่ มมี ในกาลนี ้ ดงั นี ้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ.ข้าพระองค์ ท. “ภกิ ขฺ เว อตเี ต กสสฺ ปทสพลสสฺ ธาตเุ จตยิ ํ สวํ ทิ หนตฺ า เป็นผ้นู งั่ พร้อมกนั แล้ว ด้วยวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว) ช่ือ นี ้ (ยอ่ มมี เอวมาหํสุ `กึ นุ โข อิมสฺส เจตยิ สสฺ มตฺตกิ า ภวิสฺสต,ิ ในกาลนี)้ ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) กราบทลู แล้ว, (ตรัสแล้ว) กึ อทุ กนฺต.ิ วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. ในกาลอนั ลว่ งไปแล้ว (อ. ชน ท.) จดั แจงอยู่ ซ่ึงเจดีย์เป็ นที่บรรจุซึ่งพระธาตุ ของพระทศพลนามว่ากัสสปะ กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้วา่ อ. อะไร หนอ แล เป็นดนิ เหนียว แหง่ เจดีย์นี ้ จกั เป็น, อ.อะไร เป็นน�ำ้ (แหง่ เจดีย์นี ้จกั เป็น) ดงั นี ้ฯ ครงั้ นนั้ (อ.ความคดิ )นน่ั วา่ อ.หรดาลและมโนสลิ าเป็นดนิ เหนยี ว อถ เนสํ เอตทโหสิ `หริตาลมโนสลิ า มตฺตกิ า จักเป็ น, อ.น�ำ้ มันอันระคนแล้วด้วยงา เป็ นน�ำ้ (จักเป็ น) ดังนี ้ ภวสิ ฺสต,ิ ตลิ เตลํ อทุ กนฺต.ิ เต หริตาลมโนสลิ า ได้มีแล้ว (แก่ชน ท.) เหล่านัน้ ฯ (อ.ชน ท.) เหล่านัน้ ทุบแล้ว ฆโกเฏฏฺตเฏฺวาตฺวสาวุ ณฺตเณิลนเตขเจลิตนฺวา สํสนฺทิตฺวา อิฏฺ ฐกาย ซงึ่ หรดาลและมโนสลิ า ท. ผสมแล้ว ด้วยนำ� ้ มนั อนั ระคนแล้วด้วยงา อนฺโต จินสึ .ุ สืบตอ่ แล้ว ด้วยอิฐ เคลือบแล้ว ด้วยทอง ก่อแล้ว ในภายใน ฯ 26 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ก็ อ.แผ่นอิฐอันเป็ นวิการแห่งทองมีแท่งทึบอันเดียว ท. เอเกกพาหิมสุเตขสหปสฺสนคฺฆเนอิกกาฆนอโสหุวสณิ.เฺตณ,ยิฏาฺ ฐวกาธวาตุนอิธเหานสาํุ. เทียว ได้มีแล้ว ในภายนอกแหง่ หน้ามขุ ฯ (อ. แผน่ อิฐอนั เป็นวิการ เธเเสอจเนกฏตนฺํฐิเยี หอ`ติรนอญโฺ ิหถฏฺญฺ,ํฐกิเโเตกนช,ฏฏนฺ ฺฐึุจโโขินปกฺตกเชฺยขภฏิปึสฺวฐิ .ุกิส`ํสฺ ธกาาโมรตมีตุนาิ ิธตธา.ิ านอตกเถนุ าโิธกเลาคนาพฏมฺฐหวาุนาเนสาี แห่งทอง) แผ่นหนึ่ง ๆ เป็ นของมีค่าแสนหนึ่ง ได้ เป็ นแล้ว ฯ (อ. ชน ท. ) เหลา่ นนั้ , ครนั้ เมอื่ เจดยี ์ สำ� เร็จแล้ว เพยี งใด แตก่ ารบรรจุ ซงึ่ พระธาต,ุ คดิ กนั แลว้ วา่ อ.ความต้องการ ด้วยทรพั ย์ อนั มาก (ยอ่ มม)ี ในกาลเป็ นที่บรรจพุ ระธาตุ อ.เรา ท. จะกระท�ำ ซงึ่ ใคร หนอแล ให้เป็นผ้เู จริญทส่ี ดุ ดังนี ้ ฯ ครัง้ นัน้ อ.เศรษฐีผู้อยู่ในบ้านโดปกติ คนหน่ึง (กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ข้าพเจ้า เป็นผ้เู จริญท่ีสดุ จกั เป็น ดงั นี ้ ใสเ่ ข้าแล้ว ซง่ึ โกฏิแหง่ เงิน โกฏิหนง่ึ ในท่ีเป็นท่ีบรรจซุ งึ่ พระธาตุ ฯ (อ. ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นแวน่ แคว้นโดยปกติ เหน็ แล้ว (ซงึ่ กิริยา)นนั้ คสํหามรตวตา,ิ ํ สทเี อิสปวฺวนราูเปโกรฏฏเจฺฐิธตวนิเาํยสปโิ นกเชฺขฏิป`ฺฐิอตโยฺวกํา นภควริตเํุสฏนฺ ฐี ธนเมว ยกโทษแล้ว วา่ อ. เศรษฐีผ้อู ยใู่ นพระนคร นี ้ยอ่ มรวบรวม ซงึ่ ทรัพย์ อชุ ฺฌายสึ .ุ โส เตสํ กถํ สตุ ฺวา `อหํ สกฺโกต,ิ นนั่ เทียว, ยอ่ มไมอ่ าจ เพ่ืออนั เป็นผ้เู จริญที่สดุ ในเจดีย์ มีอยา่ งนี ้ เเทชฺวฏฺ ฐโกโกฏวิโยชทาตโตฺวตาิ เป็นรูป เป็น, สว่ นวา่ (อ.เศรษฐี) ผ้อู ยใู่ นบ้านโดยปกติ ใสเ่ ข้าแล้ว ซง่ึ ทรพั ยม์ โี กฏเิ ป็นประมาณ เป็นผ้เู จริญทสี่ ดุ เทยี ว เกดิ แล้ว ดงั นี ้ ฯ เชฏฺฐโก ภวสิ สฺ ามีติ เทฺว โกฏิโย อทาส.ิ (อ.เศรษฐีผ้อู ยใู่ นพระนคร) นนั้ ฟังแล้ว ซงึ่ วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว (ของชน ท.) เหลา่ นนั้ (คดิ แล้ว) วา่ อ. เรา ให้แล้ว ซง่ึ โกฏิ ท. ๒ เป็นผ้เู จริญ จกั เป็น ดงั นี ้ได้ให้แล้ว ซงึ่ โกฏิ ท. ๒ ฯ อ.เศรษฐีผู้อยู่ในบ้านโดยปกติ นอกนี ้ (คิดแล้ว) ว่า อ.เรา อทาสอ.ิิตเโอรวํ`วอฑหฺเเมฒวตเฺวชาฏ,ฺฐนโกครภววาสิสฺสี อาฏมฺฐีติโกตฏสิ ิโโฺ ยส โกฏิโย นน่ั เทียว เป็นผ้เู จริญท่ีสดุ จกั เป็น ดงั นี ้ ได้ให้แล้ว ซงึ่ โกฏิ ท. ๓ ฯ อทาส.ิ (อ. เศรษฐี ท. ๒ ยังทรัพย์) ให้เจริญแล้ว อย่างนี,้ (อ. เศรษฐี) ผ้อู ยใู่ นพระนครโดยปกติ ได้ให้แล้ว ซง่ึ โกฏิ ท. ๘ ฯ ส่วนว่า อ.ทรัพย์มีโกฏิ ๙ เป็ นประมาณนั่นเทียว มีอยู่ นครวคาาสมิโวนาสโิ จนตฺตปานฬีสโเคกเฏหิธนนํ; วโตกสฏฺมิธนาเมความอวตาฺถสิ,ี ในเรือน (ของเศรษฐี) ผ้อู ยใู่ นบ้านโดยปกต,ิ อ. ทรัพย์มีโกฏิ ๔๐ เป็นประมาณ (มีอยู่ ในเรือน ของเศรษฐี) ผ้อู ยใู่ นพระนครโดยปกต,ิ จินฺเตสิ `สจาหํ นว โกฏิโย ทสสฺ ามิ, อยํ `ทส โกฏิโย เพราะเหตนุ นั้ (อ. เศรษฐี) ผ้อู ยใู่ นบ้านโดยปกติ คดิ แล้ว วา่ ถ้าวา่ ทสฺสามีติ วกฺขต,ิ อถ เม นิทฺธนภาโว ปญฺญายิสสฺ ตีติ. อ.เรา จกั ให้ ซงึ่ โกฏิ ท. ๙ ไซร้, (อ. เศรษฐี) นี ้จกั กลา่ ว วา่ (อ. เรา ) จักให้ ซึ่งโกฏิ ท. ๑๐ ดังนี,้ (ครัน้ เม่ือความเป็ น) อย่างนัน้ (มอี ย)ู่ อ.ความท่ี แหง่ เรา เป็นผ้มู ที รพั ยอ์ อกแล้ว จกั ปรากฏ ดงั นี ้ ฯ (อ.เศรษฐีผ้อู ยใู่ นบ้านโดยปกต)ิ นนั้ กลา่ วแล้ว อยา่ งนี ้ วา่ โส เอวมาห `อหํ เอตตฺ กํ ธนํ ทสสฺ าม,ิ สปตุ ตฺ ทาโร จ อ. เรา จกั ให้ ซงึ่ ทรัพย์ มีประมาณเทา่ นี,้ อนง่ึ อ. เรา ผ้เู ป็นไปกบั เจตยิ สฺส ทาโส ภวิสฺสามีติ สตฺต ปตุ ฺเต สตฺต สณุ ิสาโย ด้วยลกู และเมีย เป็นทาส ของเจดีย์ จกั เป็น ดงั นี ้ พาเอาแล้ว ภริยญฺจ คเหตฺวา อตฺตนา สทฺธึ เจตยิ สสฺ นิยฺยาเทส.ิ ซง่ึ บตุ ร ท.๗ ด้วย ซง่ึ หญิงสะใภ้ ท. ๗ ด้วย ซงึ่ ภรรยาด้วย สรฏปฺฐตุ วตฺ าทสาโิ โนร `ธนํ นาม สกฺกา อปุ ปฺ าเทตํ,ุ อยมปฺ น มอบถวายแล้ว แกเ่ จดยี ์กบั ด้วยตน ฯ (อ. ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นแวน่ แคว้น อตตฺ านํ นยิ ยฺ าเทส,ิ อยเมว เชฏฺฐโก โหตตู ิ โดยปกติ (กลา่ วแล้ว) วา่ ชอื่ อ. ทรพั ย์ (อนั ใคร ๆ ) อาจ เพอ่ื อนั เกดิ ขนึ ้ ได้, ตํ เชฏฺฐกํ กรึส.ุ แตว่ า่ อ. เศรษฐีผ้อู ยใู่ นบ้านโดยปกติ นี ้ เป็นผ้ไู ปกบั ด้วยลกู และเมยี มอบให้แล้ว ซึ่งตน, อ.เศรษฐีผู้อยู่ในบ้านโดยปกตินี ้ น่ันเทียว เป็นผ้เู จริญที่สดุ จงเป็น ดงั นี ้ กระท�ำแล้ว (ซง่ึ เศรษฐีผ้อู ยใู่ นบ้าน โดยปกติ) นนั้ ให้เป็นผ้เู จริญที่สดุ ฯ อ.ชน ท. แม้ ๑๖ เหลา่ นนั้ เป็นทาส ของเจดีย์ ได้เป็นแล้ว อิติ เต โสฬสปิ ชนา เจตยิ สฺส ทาสา อเหส.ํุ ด้วยประการฉะนี ้ ฯ แตว่ า่ (อ.ชน ท.) ผ้อู ยใู่ นแวน่ แคว้นโดยปกติ รฏฺฐวาสโิ น ปน เต ภชุ ิสฺเส กรึส.ุ กระท�ำแล้ว ซงึ่ ชน ท. เหลา่ นนั้ ให้เป็นไท ฯ ผลติ สอ่ื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม วัดพระธรรมกาย 27 www.kalyanamitra.org
(ครัน้ เมื่อความเป็น) อยา่ งนนั้ แม้มีอยู่ (อ. ชน ท. เหลา่ นนั้ ) เอวํ สนฺเตปิ เจติยเมว ปฏิชคฺคติ ฺวา ยาวตายกุ ํ ปฏิบตั แิ ล้ว ซงึ่ เจดีย์นน่ั เทียว ด�ำรงอยแู่ ล้ว สนิ ้ การก�ำหนดเพียง ฐตฺวา ตโต จตุ า เทวโลเก นิพฺพตฺตสึ .ุ ใดแหง่ อายุ เคลอ่ื นแล้ว (จากอตั ภาพ) นนั้ บงั เกิดแล้ว ในเทวโลก ฯ (ครัน้ เมื่อ ชน ท.) เหลา่ นนั้ อยอู่ ยู่ ในเทวโลก สนิ ้ พทุ ธนั ดร หนง่ึ เตสุ เอกํ พทุ ฺธนฺตรํ เทวโลเก วสนฺเตสุ อิมสฺมึ อ.ภรรยา เคล่ือนแล้ว (จากเทวโลก) นัน้ เป็ นธิดาของเศรษฐี พทุ ฺธปุ ปฺ าเท ภริยา ตโต จวิตฺวา ราชคเห เสฏฺฐโิ น ธีตา ในเมอื งช่ือว่าราชคฤห์ เป็ น บังเกิดแล้ว ในกาลเป็ นท่ีเสด็จ- หตุ ฺวา นิพฺพตฺต.ิ อุบัติแหง่ พระพทุ ธเจ้า นี ้ ฯ (อ.ธิดาของเศรษฐี) นนั้ เป็นกมุ าริกาเทียว เป็น บรรลแุ ล้ว สา กมุ าริกาว หตุ ฺวา โสตาปตฺตผิ ลํ ปาปณุ ิ. ซง่ึ โสดาปัตติผล ฯ ก็ ชื่อ อ. ปฏิสนธิ (ของสตั ว์) ผ้มู ีสจั จะอนั ไมเ่ หน็ แล้ว สอทาิฏมฺ ฐิ โสกจฺจสสมฺสฺ ปปริ วนตฺ ตปมฏาิสโนนฺธิ นาม ภาริยาติ ตสฺสา เป็ นธรรมชาติหยาบ (ย่อมเป็ น) เพราะเหตุนัน้ อ.สามี คนฺตฺวา เนสาทกุเล (ของธิดาของเศรษฐี) นนั้ เป็นไปรอบพร้อมอยู่ ไปแล้ว บงั เกิดแล้ว นิพฺพตฺติ. ตสฺส สห ทสฺสเนเนว เสฏฺ ฐิธีตรํ ในตระกลู แหง่ นายพราน อ.ความรักในกาลก่อน ทว่ มทบั แล้ว ปพุ ฺพสเิ นโห อชฺโฌตฺถริ. ซง่ึ ธดิ าของเศรษฐี พร้อม ด้วยการเหน็ (ซง่ึ นายพรานชอ่ื วา่ กกุ กฏุ มติ ร) นนั้ นนั่ เทียว ฯ จริงอยู่ (อ. พระด�ำรัส) แม้นน่ั วา่ วตุ ฺตมปฺ ิ เจตํ “ปพุ เฺ พว สนนฺ ิวาเสน ปจฺจปุ ปฺ นนฺ หิเตน วา เอวนตฺ ํ ชายเต เปมํ อปุ ปฺ ลํว ยโถทเกติ. อ. ดอกอบุ ลหรือ (หรือว่า อ. ดอกไมอ้ นั เกิดในน้�ำ อนั เหลือ อาศยั แลว้ ซึ่งเหตุ ท. ๒ คือซึ่งน้�ำดว้ ยนน่ั เทียว คือซึ่งเปือกตมดว้ ย ยอ่ มเกิด) ในน้�ำ ฉนั ใด อ. ความรกั นน้ั ย่อมเกิด (ดว้ ยเหตุ ท. ๒) คือ ดว้ ยการอยู่ร่วมกนั ในกาลก่อนหรือ หรือว่า คือด้วยความเกื้อกูล อนั เกิดข้ึนเฉพาะแลว้ ฉนั นน้ั ดงั นี้ (อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) ตรัสแล้ว ฯ (อ. ธิดาของเศรษฐี) นนั้ ได้ไปแล้ว สตู่ ระกลู แหง่ นายพราน สา ปุพฺพสิเนเหน เนสาทกุลํ อคมาสิ. ด้วยความรักในกาลก่อนฯ แม้ อ. บตุ ร ท. (ของธิดาของเศรษฐี)นนั้ ปตุ ฺตาปิ สฺสา เทวโลกา จวติ ฺวา ตสสฺ าเอว กจุ ฺฉิมหฺ ิ เคลอ่ื นแล้วจากเทวโลก ถือเอาแล้ว ซงึ่ ปฏิสนธิ ในท้อง ของเศรษฐี ปฏิสนฺธึ คณฺหสึ .ุ สณุ ิสาโยปิ สสฺ า ตตฺถ ตตฺถ นนั้ นน่ั เทียว ฯ แม้ อ.หญิงสะใภ้ ท. ของธิดาของเศรษฐีนนั้ นิพฺพตฺตติ ฺวา วยปปฺ ตฺตา เตสํเยว เคหํ อคมํส.ุ บงั เกิดแล้ว (ในที่) นนั้ ๆ ผ้ถู งึ แล้วซง่ึ วยั ได้ไปแล้ว สเู่ รือน ของชน ท. เอวํ เต สพฺเพปิ ตทา เจตยิ ํ ปฏิชคฺคติ ฺวา ตสฺส เหลา่ นนั้ นน่ั เทียว ฯ (อ. ชน ท.) เหลา่ นนั้ แม้ทงั้ ปวง ปฏิบตั แิ ล้ว กมมฺ สสฺ านภุ าเวน โสตาปตฺตผิ ลํ ปตฺตาต.ิ ซงึ่ เจดีย์ ในกาลนนั้ บรรลแุ ล้ว ซงึ่ โสดาปัตตผิ ล ด้วยอานภุ าพ แหง่ กรรม นนั้ ด้วยประการฉะนี ้ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งนายพรานช่ือว่ากุกกุฏมติ ร กุกกฺ ุฏมติ ตฺ วตถฺ ุ. (จบแล้ว) ฯ 28 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๙. อ.เร่ืองแห่ง(อนันายข้พาพราเจน้าผ้จูเละีย้กงลซ่า่งึ วส)ุนฯัขช่ือว่าฏกกะ ๙. โกกสุนขลุททฺ กวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เม่ือประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ สตฺถา“ โยเชอตปวปฺ เนทฏุ ฺ ฐวสิหสฺรนนฺโตรสสฺ โกทกสุ นสฺ ฺนตาตี มิ อมิ สํ ธนุ มขมฺ ลเทุทฺทสนกํํ ซ่ึงนายพรานผู้เลีย้ งซ่ึงสุนัข ชื่อว่าโกกะ ตรัสแล้ว ซึ่งพระธรรม เทศนา นี ้วา่ โย อปปฺ ทุฏฺ ฐสฺส นรสสฺ ทสุ ฺสติ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อารพฺภ กเถส.ิ ได้ยินวา่ ในวนั หนง่ึ (อ.นายพราน) นนั้ ถือเอาแล้ว ซงึ่ ธนู โส กิร เอกทิวสํ ปพุ ฺพณฺหสมเย ธนํุ อาทาย ผ้อู นั สนุ ขั แวดล้อมแล้ว ไปอยู่ สปู่ ่ า ในสมยั คือเบือ้ งต้นแหง่ วนั สนุ ขปริวโุ ต อรญฺญํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ เหน็ แล้ว ซง่ึ ภิกษุ ผ้มู ีอนั เที่ยวไปเพ่ือก้อนข้าวเป็นวตั ร รูปหนง่ึ ปิ ณฺฑจาริกํ ภิกฺขํุ ปิ ณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา กชุ ฺฌิตฺวา ผู้เที่ยวไปอยู่ เพื่อก้อนข้าว ในระหว่างแห่งหนทาง โกรธแล้ว จ“กินาฺเฬตนกฺโณตฺณปิ กเฺกมามทิ.ิฏฺโฐ, อชฺช กิญฺจิ น ลภิสฺสามีติ คดิ อยวู่ า่ อ. คนกาฬกณั ณี อนั เรา เหน็ แล้ว ในวนั นี ้อ.เรา จกั ไมไ่ ด้ (ซงึ่ วตั ถ)ุ อะไรๆ ดงั นี ้หลีกไปแล้ว ฯ แม้ อ.พระเถระ เท่ียวไปแล้ว เพ่ือก้อนข้าว ในบ้าน ผ้มู ีกิจ- เถโรปิ คาเม ปิ ณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ด้วยภตั รอนั กระท�ำแล้ว ได้ออกไปแล้ว สวู่ หิ าร อีก ฯ (อ.นายพราน) ปนุ วหิ ารํ ปายาส.ิ อิตโรปิ อรญฺเญ วิจริตฺวา แม้นอกนี ้ซงึ่เทพี่ยระวไเถปรแะล้วอีกในป(ค่ าดิ ไแมลไ่้วด)้แลว้า่วซใงึ่ นวตวั นัถนอุ ีะื้ ไอร.ๆเรากลเบัหมน็ าแอลย้วู่ กิญฺจิ อลภิตฺวา ปจฺจาคจฺฉนฺโต ปนุ เถรํ ทิสฺวา เหน็ แล้ว “อชฺชาหํ อิมํ กาฬกณฺณึ ทิสวฺ า อรญฺญํ คโต กิญฺจิ ซงึ่ คนกาลกิณีนี ้ ไปแล้ว สปู่ ่ า ไมไ่ ด้แล้วซงึ่ วตั ถอุ ะไรๆ ในกาลนี ้ น ลภ,ึ อิทานิ เม ปนุ ปิ อภิมโุ ข ชาโต, สนุ เขหิ นํ (อ.คนกาฬกณั ณี นี)้ เป็นผ้มู ีหน้าเฉพาะ ตอ่ เรา เกิดแล้ว แม้อีก, ขาทาเปสสฺ ามีติ สญฺญํ ทตฺวา สนุ เข วสิ ฺสชฺเชส.ิ อ. เรา ยงั สนุ ขั ท. จกั ให้เคีย้ วกิน ซง่ึ คนกาฬกณั ณีนนั้ ดงั นี ้ให้แล้ว ซงึ่ สญั ญา ปลอ่ ยแล้ว ซงึ่ สนุ ขั ท. ฯ อ.พระเถระ อ้ อนวอนแล้ว ว่า ดูก่อนอุบาสก อ.ท่าน เถโร “มา เอวํ กริ อปุ าสกาติ ยาจิ. โส “อชฺชาหํ อยา่ กระท�ำแล้ว อยา่ งนี ้ ดงั นี ้ ฯ อ.นายพรานนนั้ กลา่ วแล้ว วา่ ตว สมมฺ ขุ ีภตู ตฺตา กิญฺจิ นาลตฺถํ, ปนุ ปิ เม สมมฺ ขุ ีภาวํ ในวนั นี ้ อ.เรา ไมไ่ ด้ได้แล้ว (ซง่ึ วตั ถ)ุ อะไร ๆ เพราะความที่ อาคโตส,ิ ขาทาเปสฺสามิ ตนฺติ วตฺวา สนุ เข อยุ ฺโยเชส.ิ แห่งท่าน เป็ นผู้มีหน้าพร้ อมเป็ นแล้ว, (อ.ท่าน) เป็ นผู้มาแล้ว เถโร เวเคน เอกํ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา ปรุ ิสปปฺ มาเณ ฐาเน สคู่ วามเป็นแหง่ บคุ คลผ้มู ีหน้าพร้อม ตอ่ เรา ยอ่ มเป็น แม้อีก, อ. เรา นิสีทิ. (ยงั สนุ ขั ท.) จกั ให้เคยี ้ วกนิ ซงึ่ ทา่ น ดงั นี ้ สง่ ไปแล้ว ซง่ึ สนุ ขั ท. ฯ อ.พระเถระ ขนึ ้ เฉพาะแล้ว สตู่ ้นไม้ ต้นหนงึ่ โดยเร็ว นง่ั แล้ว ในท่ี มีบรุษเป็นประมาณ ฯ อ.สุนัข ท. แวดล้อมแล้ว ซึ่งต้ นไม้ ฯ อ.นายพราน สนุ ขา รุกฺขํ ปริวารยสึ .ุ โกโก คนฺตฺวา “รุกขํ ช่ือวา่ โกกะ ไปแล้ว (กลา่ วแล้ว) วา่ อ.ความพ้น ยอ่ มไมม่ ี แก่ทา่ น อภิรุหโตปิ เต โมกโข นตฺถีติ สรตณุ ฺเฑน เถรสฺส แม้ผ้ขู นึ ้ เฉพาะอยู่ สตู่ ้นไม้ ดงั นี ้ แทงแล้ว ทพี่ นื ้ แหง่ เท้า ของพระเถระ ปาทตเล วิชฺฌิ. ด้วยปลายแหง่ ลกู ศร ฯ อ.พระเถระ อ้อนวอนแลว้ นนั่ เทยี ว วา่ (อ.ทา่ น) ขอจงอยา่ กระทำ� เถโร “มา เอวํ กโรหีติ ยาจิเยว. อิตโร ตสสฺ อยา่ งนี ้ ดงั นี ้ ฯ (อ.นายพรานช่ือวา่ โกกะ) นอกนี ้ ไมเ่ อือ้ เฟื อ้ แล้ว ยาจนํ อนาทยิตฺวา ปนุ ปปฺ นุ ํ วิชฺฌิเยว. ซงึ่ อนั อ้อนวอน (แหง่ พระเถระ) นนั้ แทงแล้ว บอ่ ย ๆ นนั่ เทียว ฯ อ.พระเถระ, ครนั้ เมอ่ื พนื ้ แหง่ เท้า หนง่ึ (อนั นายพรานชอื่ วา่ โกกะ) เถโร, เอกสมฺ ึ ปาทตเล วชิ ฺฌิยมาเน , ตํ อกุ ฺขิปิตฺวา แทงอย,ู่ ยกขนึ ้ แล้ว (ซงึ่ พืน้ แหง่ เท้า) นนั้ ยอ่ มห้อยลง (ซง่ึ พืน้ ทตุ ยิ ํ โอลมเฺ พติ. ตสฺมปึ ิ วิชฺฌิยมาเน ตํ อกุ ฺขิปต,ิ แหง่ เท้า) ท่ี ๒ ฯ (ครัน้ เม่ือพืน้ แหง่ เท้า) แม้นนั้ (อนั นายพรานช่ือ เอวมสฺส โส ยาจนํ อนาทยิตฺวา เทฺวปิ ปาทตลานิ วา่ โกกะ) แทงอยู่ (อ.พระเถระ) ยอ่ มยกขนึ ้ ซง่ึ พืน้ แหง่ เท้า นนั้ ๆ วชิ ฺฌิเยว. อ.นายพรานช่ือวา่ โกกะ นนั้ ไมเ่ อือ้ เฟื อ้ แล้ว ซงึ่ อนั อ้อนวอน แหง่ พระเถระนนั้ แทงแล้วซง่ึ พนื ้ แหง่ เท้าท.แม้ ๒ ด้วยประการฉะนีฯ้ ผลิตส่อื การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 29 www.kalyanamitra.org
อ.สรีระ ของพระเถระ เป็นราวกะวา่ อนั คบเพลงิ ท. ตดิ ทว่ั แล้ว เถรสสฺ สรีรํ อกุ ฺกาหิ อาทิตฺตํ วิย อโหส.ิ ได้เป็นแล้ว ฯ อ.พระเถระนนั้ เป็นผ้เู ป็นไปตามซงึ่ เวทนา เป็น โส เวทนานุวตฺตี หุตฺวา สนตสึ ลปฺลจกฺฺเจขุปสฏ.ิ ฺ ฐาเปตํุ ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพื่ออนั ยงั สติ ให้เข้าไปตงั้ ไว้เฉพาะ ไมก่ �ำหนดแล้ว นาสกฺขิ; ปารุตจีวรํ ภสฺสนฺตํปิ ซง่ึ จีวร อนั ตนหม่ แล้ว แม้อนั ตกไปอยู่ ฯ อ.จีวร นนั้ เม่ือตก ตกแล้ว คลมุ อยู่ ซง่ึ นายพรานช่ือวา่ โกกะ ตํ ปตมานํ โกกํ สปีสตโโิตตตปิฏฺฐสาญย ฺญปารยิกฺขิปจนีวรฺตนเมฺตวรํ จ�ำเดมิ แตศ่ ีรษะนน่ั เทียว ๆ อ.สนุ ขั ท. เข้าไปแล้ว สรู่ ะหวา่ งแหง่ ปต.ิ สนุ ขา “เถโร จีวร ด้วยความส�ำคญั วา่ อ.พระเถระ ตกแล้ว ดงั นี ้ ยือ้ แยง่ เคีย้ ว ปวสิ ติ ฺวา อตฺตโน สามิกํ ลญุ ฺจิตฺวา ขาทนฺตา กินอยู่ ซง่ึ เจ้าของ ของตน กระท�ำแล้ว ให้เป็นอวยั วะสกั วา่ กระดกู พภอฏญหฺฐิ ฺชมิ ิตอตฺวฏฺตาฺฐาขสํวิปเ.ุ สิ .สอํ กถรึส.เุ นสสํนุ ขเาถโจรีวรนเอฺตกรํ โตสนกุ ิฺกขทฺขมณิตฺฑฺวกาํ อนั เหลือลง ๆ อ.สนุ ขั ท. ออกไปแล้ว จากระหวา่ งแหง่ จีวร ได้ยืนแล้ว ในภายนอก ฯ ครัง้ นนั้ อ.พระเถระหกั แล้ว ซง่ึ ทอ่ นไม้ อนั แห้ง ทอ่ นหนง่ึ โยนไปแล้ว (แก่สนุ ขั ท.) เหลา่ นนั้ ฯ อ.สนุ ขั ท. เหน็ แล้ว ซงึ่ พระเถระ รู้แล้ว วา่ อ.เจ้าของเทียว สุนขา เถรํ ทิสฺวา “สามิโกว อมฺเหหิ อนั เรา ท. เคีย้ วกินแล้ว ดงั นี ้ เข้าไปแล้ว สปู่ ่ า ฯ อ.พระเถระ ขาทิโตติ ญตฺวา อรญฺญํ ปวสิ สึ .ุ เถโร กกุ ฺกจุ ฺจํ ยงั ความสงสยั วา่ (อ.บรุษ) นนั้ เข้าไปแล้ว สรู่ ะหวา่ งแหง่ จีวร อปุ ปฺ าเทสิ “มม จีวรนฺตรํ ปวิสติ ฺวา เอส นฏฺ โฐ, ของเรา ฉิบหายแล้ว อ.ศีล ของเรา เป็ นคุณชาตไม่มีโรค อโรคํ นุ โข เม สีลนฺต.ิ (ยอ่ มเป็น) หรือหนอ แล ดงั นี ้ ให้เกิดขนึ ้ แล้ว ฯ (อ.พระเถระ) นนั้ ข้ามลงแล้ว จากต้นไม้ ไปแล้ว สสู่ �ำนกั โส รุกฺขา โอตริตฺวา สตฺถุ สนฺตกิ ํ คนฺตฺวา อาทิโต ของพระศาสดา กราบทลู แล้ว ซง่ึ ความเป็นไปทวั่ นนั้ จ�ำเดมิ แตต่ ้น ปโสสมฏฺณฐอาปุ ภยาาสตโวโํ กปตวิ นตปฏตฺจฺุโึฺฉฐอ,ิ.ากโรจเฺจจติ เวฺมา“อโภรนคเฺํ ตสลีม,ํ มกจจวีฺจริ ํ เนมสิ อสฺ ตาฺถยิ ทลู ถามแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.อบุ าสก นนั้ อาศยั แล้ว ซงึ่ จีวร ของข้าพระองค์ ฉิบหายแล้ว, อ.ศีล ของข้าพระองค์ เป็นคณุ ชาตไมม่ ีโรค (ยอ่ มเป็น) แลหรือ, อ.ความเป็นแหง่ สมณะ ของข้าพระองค์ มีอยู่ แลหรือ ดงั นี ้ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ ค�ำ ของพระเถระนนั้ ตรัสแล้ว สตถฺ า ตสสฺ วจนํ สตุ วฺ า “ภกิ ขฺ ุ อโรคํ ตว สลี ,ํ อตถฺ ิ วา่ ดกู ่อนภิกษุ อ.ศีล ของเธอ เป็นคณุ ชาตไมม่ ีโรค (ยอ่ มเป็น), เต สมณภาโว: โส ออปปิทปตฺาฺโทเนตฏุ เวฺยฐ,สวอาฺสตติีเปตทปวิสุ ตฺสอฺวติปาฺวปฺ าทตฏวุ มฺนิฐตาานสฺถํํํ อ. ความเป็นแหง่ สมณะ ของเธอ มอี ยู่ อ.อบุ าสกนนั้ ประทษุ ร้ายแล้ว ปตฺโต, น เกวลญฺจ (ตอ่ บคุ คล) ผ้ไู มป่ ระทษุ ร้ายแล้ว ถงึ แล้ว ซงึ่ ความพินาศ, อนงึ่ ปทสุ ฺสติ ฺวา วินาสํ (อ.อบุ าสกนนั้ ประทษุ ร้ายแล้ว ตอ่ บคุ คลผ้ไู มป่ ระทษุ ร้ายแล้ว ปกาเสนฺโต อตีตํ อาหริ: ถงึ แล้ว ซง่ึ ความพินาศ) ในกาลนีน้ นั่ เทียว อยา่ งเดียว หามิได้, อ.อบุ าสกนนั้ ประทษุ ร้ายแล้ว (ตอ่ บคุ คล ท.) ผ้ไู มป่ ระทษุ ร้ายแล้ว ถงึ แล้ว ซงึ่ ความพินาศนน่ั เทียว แม้ในกาลอนั ลว่ งไปแล้ว ดงั นี ้ เมอ่ื ทรงประกาศซงึ่ เนอื ้ ความนนั้ ทรงน�ำมาแล้วซง่ึ เร่ืองอนั ลว่ งไปแล้ววา่ ได้ยินวา่ ในกาลอนั ลว่ งไปแล้ว อ.หมอ คนหนงึ่ เที่ยวไปแล้ว “อตีเต กิร เอโก เวชฺโช เวชฺชกมมฺ ตฺถาย คามํ สบู่ ้าน เพื่อประโยชน์แก่เวชกรรม ไมไ่ ด้แล้ว ซงึ่ กรรม อะไร ๆ วจิ ริตวฺ า กญิ ฺจิ กมมฺ ํ อลภติ วฺ า ฉาตชฌฺ ตโฺ ต นกิ ขฺ มติ วฺ า ผ้อู นั ความหิวแผดเผาแล้ว ออกไปแล้ว เหน็ แล้ว (ซง่ึ เดก็ ท.) คามทฺวาเร สมพฺ หเุ ล กมุ ารเก กีฬนฺเต ทิสฺวา ผ้มู ากพร้อม ผ้เู ลน่ อยู่ ใกล้ประตแู หง่ บ้าน (คดิ แล้ว) วา่ อ.เรา `อิเม สปเฺ ปน ฑํสาเปตฺวา ตกิ ิจฺฉิตฺวา อาหารํ ยงั งู ให้กดั แล้ว (ซง่ึ เดก็ ท. )เหลา่ นี ้ เยียวยาแล้ว จกั ได้ ซง่ึ อาหาร ลภิสฺสามีติ เอกสฺมึ รุกฺขพิเล สีสํ นีหริตฺวา นิปนฺนํ ดงั นี แ้ สดงแล้ว ซง่ึ งูตวั นอนน�ำออกแล้ว ซง่ึ ศีรษะ ในโพรงแหง่ ต้นไม้ สปปฺ ํ ทสเฺ สตฺวา `อมโฺ ภ กมุ ารกา เอส สาลกิ โปตโก, โพรงหน่ึง กล่าวแล้ว ว่า แน่ะเด็ก ท. ผู้เจริญ อ.สัตว์ นั่น คณฺหถ นนฺติ อาห. เป็ นนกสาลิกาผู้ลูกน้ อย (ย่อมเป็ น), (อ.เจ้ าท.) จงจับ ซงึ่ นกสาลกิ า ผ้ลู กู น้อย นนั้ ดงั นี ้ ฯ 30 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ครัง้ นนั้ อ. เดก็ คนหนง่ึ จบั แล้ว ซง่ึ งู ที่คอ มน่ั น�ำออกแล้ว รู้แล้ว อเถโก กมุ ารโก สปปฺ ํ คีวายํ ทฬฺหํ คเหตฺวา ซง่ึ ความท่ี (แหง่ สตั ว์) นนั้ เป็นงู ร้องอยู่ โยนไปแล้ว บนกระหมอ่ ม นีหริตฺวา ตสสฺ สปปฺ ภาวํ ญตฺวา วริ วนฺโต อวทิ เู ร ของหมอ ผ้ยู ืนแล้ว ในท่ีอนั ไมไ่ กล ฯ ติ สฺส เวชฺชสฺส มตฺถเก ขิปิ . อ.งู รวบรัดแล้ว ซงึ่ กระดกู แหง่ คอ ของหมอ กดั แล้ว มน่ั ฑํสิตสฺวปาโฺ ปตตเวฺเชถฺชวสฺสชีวขิตนกฺธฺฏขฺฐยกิํ ํ ปริกฺขิปิ ตฺวา ทฬฺหํ (ยงั หมอ) ให้ถงึ แล้ว ซงึ่ ความสนิ ้ ไปแหง่ ชีวิต (ในท่ี) นนั้ นน่ั เทียว ฯ ปาเปสิ. เอวเมส (อ.นายพรานผู้เลีย้ งซ่ึงสุนัข ช่ือว่าโกกะ) นั่น ประทุษร้ ายแล้ว [โกโก สนุ ขลทุ ฺทโก] ปพุ ฺเพปิ อปปฺ ทฏุ ฺฐสสฺ ปทสุ สฺ ติ ฺวา (ตอ่ บคุ คล) ผ้ไู มป่ ระทษุ ร้ายแล้ว ถงึ แล้ว ซง่ึ ความพินาศ นน่ั เทียว วนิ าสํ ปตฺโตเยวาต.ิ แม้ในกาลก่อน ด้วยประการฉะนี ้ดงั นี ้ ฯ อ.พระศาสดา ครัน้ ทรงน�ำมาแล้ว ซง่ึ เร่ืองอนั ลว่ งไปแล้ว นี ้ สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อนสุ นฺธึ ฆเฏตฺวา เม่ือ ทรงสืบตอ่ ซง่ึ อนสุ นธิ แสดง ซง่ึ ธรรม ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห นี ้วา่ (อ.บคุ คล)ใด ย่อมประทษุ ร้าย ต่อนระ ผูไ้ ม่ประทษุ ร้ายแลว้ “ โสยทุ อฺธปสปฺสฺ ทฏุโปฺฐสสสฺสฺสนรอสนสฺ งฺคทณสุ ฺสสตฺสิ , ผูห้ มดจดแลว้ ผูอ้ นั บคุ คลพึงเลีย้ งดู ผูไ้ ม่มีกิเลสเพียงดงั เนิน อ.บาป ยอ่ มกลบั มา (สบู่ คุ คล) นนั้ นนั่ เทียว ผเู้ ป็นพาลเพยี งดงั ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ อ.ธุลีอนั ละเอียด อนั อนั บุคคลซัดไปแล้ว สู่ที่ทวนแก่ลม สขุ โุ ม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโตติ. (กลบั มาอยู่ สู่บคุ คล นน้ั ) ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ ผ้ไู มป่ ระทษุ ร้ายแล้ว ตอ่ ตน หรือ หรือวา่ ตอ่ สตั ว์ วา อตปตปฺ ฺถทอฏุ ฺปฐสปฺ ฺสท.ฏุ ฺ ฐสสฺ าติ อตฺตโน วา สพฺพสตฺตานํ ทัง้ ปวง ท. (ดังนี)้ (ในบท ท.) เหล่านัน้ หนา (แห่งบท) ว่า อปปฺ ทฏุ ฺ ฐสฺส ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ตอ่ สตั ว์ (ดงั นี)้ (แหง่ บท) วา่ นรสฺส ดงั นี ้ ฯ นรสฺสาต:ิ สตฺตสสฺ . (อ.อรรถ) วา่ ยอ่ มผิด (ดงั นี)้ (แหง่ บท) วา่ ทสุ ฺสติ ดงั นี ้ ฯ ทสุ สฺ ตตี :ิ อปรชฺฌติ. สุทธฺ สฺสาต:ิ นิรปราธสเฺ สว. (อ.อรรถ) วา่ ผ้มู คี วามผดิ ออกแล้ว นน่ั เทยี ว (ดงั น)ี ้ (แหง่ บท) วา่ โปสสฺสาติ อิทมปฺ ิ อปเรนากาเรน สตฺตาธิวจนเมว. สทุ ธฺ สสฺ ดงั นี ้ฯ (อ. คำ� ) แม้นี ้วา่ โปสสสฺ ดงั นี ้เป็นชอ่ื ของสตั ว์ โดยอาการ อนงคฺ ณสสฺ าต:ิ นิกฺกิเลสสฺส. ปจเฺ จตตี :ิ ปฏิเอต.ิ อน่ื อกี นน่ั เทยี ว (ยอ่ มเป็น ) ฯ (อ. อรรถ) วา่ ผ้มู กี เิ ลสออกแล้ว (ดงั น)ี ้ (แหง่ บท) วา่ อนงคฺ ณสฺส ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ยอ่ มกลบั มา (ดงั นี)้ (แหง่ บท) วา่ ปจเฺ จติ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.ธลุ ี อนั ละเอยี ด อนั อนั บรุ ุษ คนหนงึ่ ชดั ไปแล้ว ปฏวิ าตนฺต:ิ ยถา เอเกน ปรุ ิเสน ปฏิวาเต ติ ํ เพราะความที่ (แห่งตน) เป็ นผู้ใคร่เพ่ือประหาร (ซึ่งบุคคล) ปหริตกุ ามตาย ขิตฺโต สขุ โุ ม รโช ตเมว ปรุ ิสํ ปจฺเจติ ผู้ยืนแล้ว ในท่ีทวนแก่ลม ย่อมกลับมา สู่บุรุษนัน้ นนั่ เทียว ตสฺเสว อปุ ริ ปตต;ิ เอวเมว โยทปทนคุ ฺคฺโตโลปทอสุ ปฺสปฺ ตทิ ฏุ ตฺฐเสมสฺว คือวา่ ยอ่ มตกไป ในเบือ้ งบน (แหง่ บรุ ุษ) นนั้ นนั่ เทียว ฉนั ใด ปรุ ิสสสฺ ปาณิปปฺ หาราทีนิ อ. บคุ คล ใด ให้อยู่ (ซง่ึ การประหาร ท.) มีการประหารด้วยฝ่ ามือ พตําปลาํ ปทํ ิฏฺวเฐปิ วากธมทเฺกุ มฺขวสเมสปฺนรปาเจยฺเจวตาีตนิ อิรตยฺโาถท.ีสุ วิปจฺจมานํ เป็นต้น ช่ือวา่ ยอ่ มประทษุ ร้าย ตอ่ บรุ ุษ ผ้ไู มป่ ระทษุ ร้ายแล้ว อ.บาป นนั้ อนั เผลด็ ผลอยู่ ในธรรม อนั สตั ว์เหน็ แล้วเทียว หรือ หรือวา่ (ในอบาย ท.) มีนรกเป็นต้น ในภพเป็นที่ไปในเบือ้ งหน้า พร้อม ชื่อวา่ ยอ่ มกลบั มา (สบู่ คุ คล) นนั้ นนั่ เทียว ผ้เู ป็นพาล ด้วยสามารถแหง่ ทกุ ขอ์ นั เป็นวบิ าก ฉนั นนั้ นนั่ เทยี ว ดงั นี ้ (แหง่ บท) วา่ ปฏวิ าตํ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ผลติ สอื่ การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 31 www.kalyanamitra.org
ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา อ. ภิกษุ นนั้ ตงั้ อยเู่ ฉพาะแล้ว สมปฺ เตทฺตสปนราิสวาสยาปเนิ สาโตสฺถิกาภิกธฺขมุ มฺ เอทรสหนตาฺเตอโหปสตีตฏิ .ิฺฐหิ. ในพระอรหตั ฯ อ.พระธรรมเทศนา เป็นเทศนาเป็นไปกบั ด้วยวาจา มีประโยชน์ ได้มีแล้ว แม้แก่บริษัทผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อ. เร่ืองแห่งนายพ(รจาบนแผลู้เ้ลว)ีย้ ฯงซ่งึ สุนัขช่ือว่าโกกะ โกกสุนขลุททฺ กวตถฺ ุ. ๑๐.อ.เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าตสิ สะผู้เข้าถงึ ซ่งึ ตระกูล ๑๐. มณิการกุลุปกตสิ สฺ ตเฺ ถรวตถฺ ุ. ของบุรุษผู้กระทำ� ซ่งึ แก้วมณี (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “คพภฺ เมเก อุปปฺ ชชฺ นฺตตี ิ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา ซึ่งพระเถระชื่อว่าติสสะ ผู้เข้าถึงซึ่งตระกูลของบุรุษผู้กระท�ำ เชตวเน วิหรนฺโต มณิการกุลุปกํ ติสฺสตฺเถรํ ซ่ึง แ ก้ วมณี ต รั สแล้ ว ซ่ึงพระธรรม เทศน า นี ้ ว่า อารพฺภ กเถส.ิ คพภฺ เมเก อุปปฺ ชชฺ นฺติ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ได้ ยินว่า อ.พระเถระนัน้ ฉันแล้ว ในตระกูล ของบุรุษ โส กิร เถโร เอกสสฺ มณิการสสฺ กเุ ล ทฺวาทส ผู้กระท�ำซ่ึงแก้วมณี ผู้หน่ึง สิน้ ปี ท. ๑๒ ฯ อ.เมียและผัว ท. วสสฺ านิ ภญุ ฺชิ. ตสฺมึ กเุ ล ชายปตกิ า มาตาปิ ตฏุ ฺฐาเน ในตระกลู นนั้ ตงั้ อยแู่ ล้ว ในต�ำแหนง่ เพียงดงั ต�ำแหนง่ แหง่ มารดา ฐตฺวา เถรํ ปฏิชคฺคสึ .ุ และบดิ า ปฏิบตั แิ ล้ว ซง่ึ พระเถระ ฯ ครัง้ นนั้ ในวนั หนงึ่ อ.บรุ ุษผ้กู ระท�ำซงึ่ แก้วมณี (นนั้ ) เป็นผ้นู ง่ั อเถกทิวสํ [โส] มณิกาโร เถรสฺส ปรุ โต มํสํ ตดั อยแู่ ล้ว ซงึ่ เนือ้ ข้างหน้า ของพระเถระ ยอ่ มเป็น ฯ ในขณะนนั้ ฉินฺทนฺโต นิสินฺโน โหติ. ตสฺมึ ขเณ ราชา อ.พระราชา พระนามวา่ ปเสนทิโกศล ทรงสง่ ไปแล้ว ซงึ่ รัตนะ ปเสนทิโกสโล เอกํ มณิรตนํ “อิมํ โธวติ ฺวา วิชฺฌิตฺวา คอื แก้วมณี ดวงหนง่ึ ด้วยพระดำ� รสั วา่ (อ.บรุ ุษผ้กู ระทำ� ซง่ึ แก้วมณ)ี ปหิณตตู ิ เปเสส.ิ ขดั แล้ว เจียรไนแล้ว (ซง่ึ รัตนคือแก้วมณี) จงสง่ ไป ดงั นี ้ฯ อ.บรุ ุษผ้กู ระทำ� ซง่ึ แก้วมณี รบั เฉพาะแล้ว (ซง่ึ รตั นคอื แก้วมณ)ี มณิกาโร สโลหิเตเนว หตฺเถน ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา นนั้ ด้วยมอื อนั เป็นไปกบั ด้วยเลอื ดนน่ั เทยี ว วางไว้แล้ว ในเบอื ้ งบน เปฬาย อปุ ริ ฐเปตฺวา หตฺถโธวนตฺถํ อนฺโต ปาวสิ .ิ แห่งเขียง ได้ เข้ าไปแล้ว ในภายใน เพื่ออันล้าง ซ่ึงมือ ฯ ก็ ตสฺมึ ปน เคเห โปสาวนิยโกญฺจสกโุ ณ อตฺถิ. อ.นกกะเรียนตวั ควรแก่อนั เลยี ้ งดู มีอยู่ ในเรือน นนั้ ฯ อ.นกกะเรียนนนั้ , เมื่อพระเถระ เหน็ อยนู่ นั่ เทียว, กลนื กินแล้ว โส โลหิตคนฺเธน มํสสญฺญาย ตํ มณึ, เถรสสฺ ซงึ่ แก้วมณี นนั้ ด้วยความส�ำคญั วา่ เนือ้ เพราะกลนิ่ แหง่ เลอื ด ฯ ปสฺสนฺตสเฺ สว, คลิ .ิ มณิกาโร อาคนฺตฺวา มณึ อ. บรุ ุษผ้กู ระท�ำซง่ึ แก้วมณี มาแล้ว ไมเ่ หน็ อยู่ ซงึ่ แก้วมณี ถามแล้ว อปสสฺ นฺโต “มณิ โว คหิโตติ ภริยญฺจ ธีตรญฺจ ซง่ึ ภรรยา ด้วย ซง่ึ ธิดา ด้วย ซงึ่ บตุ ร ด้วย ตามลำ� ดบั วา่ อ.แก้วมณี ปตุ ฺตญฺจ ปฏิปาฏิยา ปจุ ฺฉิตฺวา, เตหิ “น คณฺหามาติ อนั ทา่ น ท. ถือเอาแล้ว หรือ ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ (อ.เรา ท.) วตุ ฺเต, “เถเรน คหิโต ภวสิ ฺสตีติ จินฺเตตฺวา ภริยาย ยอ่ มไมถ่ ือเอา ดงั นี ้ (อนั ชน ท.) เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว, คดิ แล้ว วา่ สทฺธึ มนฺเตสิ “เถเรน คหิโต ภวิสสฺ ตีต.ิ (อ.แก้วมณี) เป็นแก้ว อนั พระเถระ ถือเอาแล้ว จกั เป็น ดงั นี ้ ปรึกษาแล้ว กบั ด้วยภรรยา วา่ (อ.แก้วมณี) เป็นแก้ว อนั พระเถระ ถือเอาแล้ว จกั เป็น ดงั นี ้ฯ (อ.ภรรยา กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตน่ าย (อ.ทา่ น) อยา่ ได้กลา่ วแล้ว “สามิ มา เอวํ อวจ, เอตฺตกํ กาลํ มยา เถรสฺส อยา่ งนี,้ อ.โทษ อะไร ๆ ของพระเถระ เป็นโทษ อนั ดฉิ นั ไมเ่ คย กิญฺจิ วชฺชํ น ทิฏฺฐปพุ ฺพํ, น โส มณึ คณฺหาตีต.ิ ฺ เหน็ แล้ว ตลอดกาล ประมาณเทา่ นี ้ (ยอ่ มเป็น), (อ.พระเถระ) นนั้ ยอ่ มถือเอา ซง่ึ แก้วมณี หามิได้ ดงั นี ้ฯ 32 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.บุรุษผู้กระท�ำซ่ึงแก้ วมณี ถามแล้ว ซึ่งพระเถระ ว่า มณิกาโร เถรํ ปจุ ฺฉิ “ภนฺเต อิมสมฺ ึ ฐาเน มณิรตนํ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ อ.รัตนะคือแก้วมณี ในที่นี ้ อันท่าน ท. ตุมฺเหหิ คหิตนฺติ. “น คณฺหามิ อุปาสกาติ. ถือเอาแล้ว หรือ ดงั นี ้ฯ (อ. พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนอบุ าสก “ ภนฺเต อิธ อญฺโญ นตฺถิ, ตมุ เฺ หหิเยว คหิโต ภวสิ สฺ ต,ิ (อ.เรา) ย่อมไม่ถือเอา ดังนี ้ ฯ (อ.บุรุษผู้กระท�ำซึ่งแก้ วมณี เทถ เม มณิรตนนฺต.ิ กลา่ วแล้ว) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.บคุ คลอื่น ยอ่ มไมม่ ี ในที่นี,้ (อ.แก้วมณี) เป็นแก้ว อนั ทา่ น ท. นน่ั เทียว ถือเอาแล้ว จกั เป็น อ.ทา่ น ท. ขอจงให้ ซง่ึ รัตนะคือแก้วมณี แก่กระผม ดงั นี ้ ฯ (อ.บรุ ุษผ้กู ระท�ำซงึ่ แก้วมณี) นนั้ , (ครัน้ เมื่อพระเถระ) นนั้ โส, ตสมฺ ึ อสมปฺ ฏิจฺฉนฺเต, ปนุ ภริยํ อาห ไม่รับพร้ อมอยู่, กล่าวแล้ว กะภรรยา อีก ว่า อ.แก้ วมณี “เถเรเนว มณิ คหิโต, ปี เฬตฺวา นํ ปจุ ฺฉิสฺสามีติ. อนั พระเถระนน่ั เทียว ถือเอาแล้ว, อ.เรา บีบคนั้ แล้ว จกั ถาม “สามิ มา โน นาเสหิ, วรํ อมเฺ หหิ ทาสพฺยํ อปุ คนฺตํ,ุ (ซง่ึ พระเถระ) นนั้ ดงั นี ้ ฯ (อ.ภรรยา กลา่ วแลว้ ) วา่ ข้าแตน่ าย อ.ทา่ น น จ เอวรูปํ เถรํ วตฺตนุ ฺต.ิ ขอจงอยา่ ยงั เรา ท. ให้ฉิบหาย, อ.อนั อนั เรา ท. เข้าถงึ ซงึ่ ความ เป็นแหง่ ทาส เป็นกิริยาประเสริฐ (ยอ่ มเป็น), ก็ อ.อนั (อนั เรา ท.) กลา่ วกะพระเถระ ผ้มู อี ยา่ งนเี ้ป็นรูป (เป็นกริ ิยาประเสริฐ ยอ่ มเป็น) หามิได้ ดงั นี ้ฯ (อ.บรุ ุษผ้กู ระท�ำซงึ่ แก้วมณี) นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เรา ท. โส “สพฺเพว มยํ ทาสพฺยํ อปุ คจฺฉนฺตา มณึ ทงั้ ปวงเทียว เข้าถงึ อยู่ ซง่ึ ความเป็นแหง่ ทาส ยอ่ มไมถ่ งึ คา่ น อคฺฆามาติ รชฺชช คเหตฺวา เถรสสฺ สีสํ เวเฐตฺวา ซง่ึ แก้วมณี ดงั นี ถ้ ือเอาแล้ว ซง่ึ เชือก พนั แล้ว ซง่ึ ศีรษะ ของพระเถระ โทลณหฺฑิตํเกปนคฆฺฆฏรฺิ.เฏอสก.ิ ฺขเีนถิรนสิกฺสฺขสมีสนโาตกจารปกปฺ ณตฺณฺตานนาิสอาเหหิสจ.ํุ เคาะแล้ว ด้วยทอ่ นไม้ ฯ อ.เลือด ไหลออกแล้ว จากศีรษะ ด้วย จากหแู ละจมกู ท.ด้วย ของพระเถระ ฯ อ.นยั นต์ า ท. เป็นอวยั วะ ถงึ แล้วซงึ่ อาการคืออนั ถลนออก ได้เป็นแล้ว ฯ (อ.พระเถระ) นัน้ เป็ นผู้ถึงแล้วซ่ึงเวทนา (เป็ น) ล้มแล้ว โส เวทนาปฺปตฺโต ภูมิยํ ปติ.โกญฺโจ บนภาคพืน้ ฯ อ.นกกะเรียน มาแล้ว เพราะกลน่ิ แหง่ เลือด โ ลหิ ตคนฺ เธน อ าคนฺ ตฺ วา โ ลหิ ตํ ปิ ว ติ. ยอ่ มดื่มกิน ซง่ึ เลอื ด ฯ ครัง้ นนั้ อ. บรุ ุษผ้กู ระท�ำซง่ึ แก้วมณี เตะแล้ว อถ นํ มณิกาโร เถเร อปุ ปฺ นฺนโกธเวเคน “ตฺวํ กึ ซงึ่ นกกะเรียนนนั้ ด้วยเท้า เข่ียไปแล้ว (ด้วยอนั กลา่ ว) วา่ อ. เจ้า กโรสีติ ปาเทน ปหริตฺวา ขิปิ . จะกระท�ำ ซง่ึ อะไร ดงั นี ้ ด้วยก�ำลงั แหง่ ความโกรธอนั เกิดขนึ ้ แล้ว ในพระเถระ ฯ (อ.นกกระเรียนนัน้ ) ตายแล้ว ด้วยการประหารครัง้ เดียว โส เอกปปฺ หาเรเนว มริตฺวา ปริวตฺตมาโน ปต.ิ น่ันเทียว เป็นไปรอบอยู่ ล้มแล้ว ฯ อ.พระเถระ เหน็ แล้ว ซง่ึ เหตุ เถโร ตํ ทิสฺวา “ อปุ าสก สสี เวฐนํ ตาว เม สถิ ิลํ กตฺวา นนั้ (กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนอบุ าสก อ.ทา่ น กระท�ำแล้ว ซง่ึ เชือก อิมํ โกญฺจํ โอโลเกหิ, มโต วา โน วาต.ิ เป็นเคร่ืองพนั ซงึ่ ศีรษะ ของเรา ให้เป็นของหยอ่ น ก่อน จงตรวจดู ซง่ึ นกกะเรียน น,ี ้ (อ.นกกะเรียนนนั้ ) ตายแล้ว หรือ หรือวา่ ไมต่ ายแล้ว ดงั นี ้ฯ ครงั้ นนั้ (อ.บรุ ุษผ้กู ระทำ� ซง่ึ แก้วมณ)ี นนั้ กลา่ วแล้ว (กะพระเถระ) อถ นํ โส อาห “เอโส วิย ตฺวํปิ มริสสฺ สตี .ิ นัน้ ว่า แม้ อ.ท่าน จักตาย ราวกะ อ.นกกะเรียนนั่น ดังนี ้ ฯ “ อปุ าสก อิมินา [โส] มณิ คลิ โิ ต, สเจ อยํ น มริสสฺ ติ, (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนอบุ าสก อ.แก้วมณี (นนั้ ) น เต อหํ มรนฺโตปิ มณึ อาจิกฺขิสฺสนฺต.ิ โสตสสฺ อทุ รํ อนั นกกะเรียนนี ้ กลนื กินแล้ว, ถ้าวา่ (อ.นกกะเรียน) นี ้ จกั ไมต่ าย ผาเลตฺวา มณึ ทิสฺวา ปเวธนฺโต สวํ ิคฺคมานโส เถรสฺส ไซร้, อ.เรา แม้ตายอยู่ จกั บอก ซง่ึ แก้วมณี แก่ทา่ น หามิได้ ดงั นี ้ ฯ ปาทมเู ล นิปชฺชิตฺวา “ขมถ เม ภนฺเต, อชานนฺเตน (อ.บรุ ุษผ้กู ระท�ำซง่ึ แก้วมณี) นนั้ ผา่ แล้ว ซง่ึ ท้อง (ของนกกะเรียน) มยา กตนฺติ อาห. นนั้ เหน็ แล้ว ซงึ่ แก้วมณี สน่ั อยู่ มีใจอนั สลดแล้ว หมอบลงแล้ว ณ ท่ีใกล้แหง่ เท้า ของพระเถระ กลา่ วแล้ว วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ (อ.ท่าน ท.) ขอจงอดโทษ ต่อกระผม, (อ.กรรม) อันกระผม ผ้ไู มร่ ู้อยู่ กระท�ำแล้ว ดงั นี ้ฯ ผลิตสือ่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 33 www.kalyanamitra.org
(อ.พระเถระ กล่าวแล้ว) ว่า ดูก่อนอุบาสก อ.โทษ “อปุ าสก เนว ตยุ ฺหํ โทโส อตฺถิ, น มยฺหํ, ของทา่ น มีอยู่ หามิได้นนั่ เทียว, (อ.โทษ) ของเรา (มีอย)ู่ หามิได้, ปวฏกฺฏตสนิ เฺิยสาวเมเโนทวโส,เมขมาเคมเิ หเตนติส.ิ ที “ิตภฺวนาฺเตภิกสฺขเจํ คณเมฺหขถมาตถ,.ิ อ.โทษ ของวฏั ฏะนน่ั เทียว (มีอย)ู่ , อ.เรา ยอ่ มอดโทษ ตอ่ ทา่ น ดงั นี ้ (อ.บรุษผ้กู ระทำ� ซง่ึ แก้วมณี กลา่ วแล้ว ) วา่ ข้าแตท่ า่ นผ้เู จริญ อ.ทา่ น ท. ยอ่ มอดโทษ ตอ่ กระผมไซร้, อ. ทา่ น ท. นงั่ แล้ว ในเรือน ของกระผม ขอจงรับซง่ึ ภิกษา ตามท�ำนองโดยปกตนิ งั่ เทียว ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระ กลา่ วแล้ว) วา่ ดกู ่อนอบุ าสก (อ.เรา) จกั เข้าไป อนฺโต“อฉปุ ทานสํ กปนวทิสาิสนฺสาาหมํ ิ,อิโตอนปฺโตฏฺเฐคาหยปปฺปเเรวสสํ นเคสหฺเสสฺสว สภู่ ายในแหง่ ชายคา แหง่ เรือน (ของชน ท.) เหลา่ อ่ืน จ�ำเดมิ อิโต แตก่ าลนี ้ หามิได้, เพราะวา่ อ.โทษ นี ้ เป็นโทษ ของการเข้าไป หิ อยํ โทโส, ภิกฺขํ ปคฏณฺฐฺหาิสยฺสาปมาีตเิ ทวสตุ ฺวาวหธนตู ฺเตงฺคสํุ สภู่ ายในแหง่ เรือนนน่ั เทียว (ยอ่ มเป็น), (อ.เรา) ครัน้ เมื่อเท้า ท. เคหทฺวาเร โิ ตว น�ำไปอยู่ ยืนแล้ว ใกล้ประตแู หง่ เรือนเทียว จกั รับ ซง่ึ ภิกษา จ�ำเดมิ สมาทาย อิมํ คาถมาห (แตก่ าล) นี ้ ดงั นี ้ สมาทานแล้ว ซงึ่ ธดุ งค์ กลา่ วแล้ว ซงึ่ คาถา นี ้ วา่ อ.ภตั ร หน่อยหน่ึง ๆ ในตระกูล (อนั บคุ คล) ย่อมหงุ “ ปจฺจติ มนุ ิโน ภตฺตํ โถกํ โถกํ กเุ ล กเุ ล, เพือ่ มนุ ี, อ. เรา จกั เทีย่ วไป ดว้ ยปลีแขง้ , อ. ก�ำลงั แห่ง- ปิ ณฺฑิกาย จริสสฺ ามิ, อตฺถิ ชงฺฆพลํ มมาติ. แขง้ ของเรา มีอยู่ ดงั นี้ ฯ ก็ แล อ.พระเถระ ครัน้ กลา่ วแล้ว (ซงึ่ คาถา) นี ้ปรินิพพานแล้ว อิมญฺจ ปน วตฺวา เถโร เตเนว พฺยาธินา นจิรสเฺ สว ด้วยพยาธิ นนั้ นนั่ เทียว ตอ่ กาลไมน่ านนนั่ เทียว ฯ อ.นกกะเรียน ปรินิพฺพายิ. โกญฺโจ มณิการสฺส ภริยาย กจุ ฺฉิสฺมึ ถือเอาแล้ว ซง่ึ ปฏิสนธิ ในท้อง ของภรรยา ของผ้บู รุ ุษผ้กู ระท�ำ- ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ซง่ึ แก้วมณี ฯ อ.บรุ ุษผ้กู ระท�ำซงึ่ แก้วมณี กระท�ำแล้ว ซงึ่ กาละ บงั เกิดแล้ว มณิกาโร กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺต.ิ มณิการสฺส ในนรก ฯ อ.ภรรยา ของบรุ ุษผ้กู ระท�ำ ซง่ึ แก้วมณี กระท�ำแล้ว ภริยา เถเร มทุ จุ ิตฺตตาย กาลํ กตฺวา เทวโลเก ซง่ึ กาละ บงั เกดิ แล้ว ในเทวโลก เพราะความท(ี่ แหง่ ตน) เป็นผ้มู จี ติ ออ่ น นิพฺพตฺต.ิ ในพระเถระ ฯ อ.ภิกษุ ท. ทลู ถามแล้ว ซง่ึ ภพเป็นท่ีไปในเบือ้ งหน้าพร้อม ภิกฺขู สตฺถารํ เตสํ อภิสมปฺ รายํ ปจุ ฺฉึส.ุ เฉพาะ (ของชน ท.) เหลา่ นนั้ กะพระศาสดา ฯ อ.พระศาสดา สตฺถา “ภิกฺขเว อิเธกจฺเจ คพฺเภ นิพฺพตฺตนฺติ, ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.สตั ว์ ท.) บางพวก (ในโลก) นี ้ เอกจฺเจ ปาปการิโน นิรเย นิพฺพตฺตนฺต,ิ เอกจฺเจ ยอ่ มบงั เกิด ในครรภ์, (อ.สตั ว์ ท.) บางพวก ผ้กู ระท�ำซงึ่ บาป กตกลฺยาณา เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺต,ิ อนาสวา ปน โดยปกติ ยอ่ มบงั เกิด ในนรก, (อ. สตั ว์ ท.) บางพวก ผ้มู ีกรรมอนั ปรินิพฺพายนฺตีติ วตฺวา อนสุ นฺธึ ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ งามอนั กระท�ำแล้ว ยอ่ มบงั เกิด ในเทวโลก, สว่ นวา่ (อ. สตั ว์ ท.) เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห ผ้ไู มม่ ีอาสวะ ยอ่ มปรินิพพาน ดงั นี ้ เมื่อ ทรงสืบตอ่ ซงึ่ อนสุ นธิ แสดง ซงึ่ ธรรม ตรัสแล้ว ซง่ึ พระคาถา นี ้วา่ (อ. สตั ว์ ท.) พวกหนึ่ง ย่อมเขา้ ถึง ซ่ึงครรภ์, (อ. สตั ว์ ท.) “ คพภฺ เมเก อปุ ปฺ ชฺชนตฺ ิ, นิรยํ ปาปกมฺมิโน, ผูม้ ีกรรมอนั ลามก (ย่อมเขา้ ถึง) ซึ่งนรก, (อ. สตั ว์ ท.) สคฺคํ สคุ ติโน ยนตฺ ิ, ปรินิพพฺ นตฺ ิ อนาสวาติ. ผูม้ ีคติดี ย่อมไป สู่สวรรค์, (อ. สตั ว์ ท.) ผูไ้ ม่มีอาสวะ ย่อมปรินิพพาน ดงั นี้ ฯ อ.ครรภ์ของมนุษย์เทียว (อันพระผู้มีพระภาคเจ้ า) ตตฺถ คพภฺ นฺต:ิ อิธ มนสุ ฺสคพฺโภว อธิปเฺ ปโต. ทรงประสงค์เอาแล้ว (ในบท ท.) เหลา่ นนั้ หนา (ในบท) นี ้วา่ คพภฺ ํ เสสเมตฺถ อตุ ฺตานตฺถเมวาต.ิ ดงั นี ้ ฯ (อ. ค�ำ) อนั เหลอื (ในพระคาถา) นี ้ เป็นค�ำมีเนือ้ ความงา่ ย นนั่ เทียว (ยอ่ มเป็น) ดงั นีแ้ ล ฯ 34 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ในกาลเป็นที่สดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท.) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ มณิการกุลุปกตสิ ฺสตเฺ ถรวตถฺ ุ. อ. เร่ืองแห่งพระเถระช่ือว่าตสิ สะผู้เข้าถงึ ซ่งึ ตระกูล ของบุรุษผู้กระทำ� ซ่งึ แก้วมณี (จบแล้ว) ฯ ๑๑. เร่ืองแห่งชน ๓ คน ๑๑. ตโยชนวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เม่ือประทับอยู่ ในพระเชตวัน ทรงปรารภ “น อนฺตลิกเฺ ข น สมุททฺ มชเฺ ฌติ อิมํ ซึ่งชน ท. ๓ คน ตรัสแล้ว ซ่ึงพระธรรมเทศนา นี ้ ว่า ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตโย ชเน น อนฺตลิกเฺ ข น สมุททฺ มชเฺ ฌ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อารพฺภ กเถส.ิ ได้ยินวา่ ครัน้ เม่ือพระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั สตฺถริ กิร เชตวเน วิหรนฺเต สมพฺ หลุ า ภิกฺขู สตฺถุ อ.ภิกษุ ท. ผู้มากพร้ อม มาอยู่ เพ่ือต้ องการแก่อันเฝ้ า ทสสฺ นตฺถาย อาคจฺฉนฺตา เอกํ คามํ ปิ ณฺฑาย ปวิสสึ .ุ ซ่ึงพระศาสดา เข้ าไปแล้ว สู่บ้ าน หมู่หน่ึง เพื่อก้ อนข้ าวฯ (อ.ชนท.)ผ้อู ยใู่ นบ้านโดยปกติรับแล้วซงึ่ บาตร(ของภิกษุ ท.) คามวาสโิ น เตสํ ปตฺเต อาทาย อาสนสาลายํ เหลา่ นนั้ (ยงั ภิกษุท.)ให้นงั่ แล้วในโรงเป็นท่ีนงั่ ถวายแล้วซงึ่ ข้าวต้ม- นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา ปิ ณฺฑปาตเวลํ และของอนั บคุ คลพงึ เคีย้ ว ยงั เวลาแหง่ หารบณิ ฑบาต ให้มาอยู่ อาคมยมานา ธมมฺ ํ สณุ นฺตา นิสีทสึ .ุ นงั่ ฟังอยแู่ ล้ว ซงึ่ ธรรม ฯ ในขณะนนั้ อ.เปลวแหง่ ไฟ ลกุ ขนึ ้ แล้ว จากเตา ของหญิง ตสฺมึ ขเณ ภตฺตํ ปจิตฺวา สูปพฺยญฺชเน คนหนง่ึ ผ้หู งุ แล้ว ซง่ึ ข้าวสวย ต้มอยู่ ซงึ่ แกงและกบั ท. จบั แล้ว ฌอปฏุจาฺมฐยหามิตนาฺวานายํ อฉาทเกอนากํสคิสํ ปณฺสกาฺหฺขิ.อนติตฺทโฺถิ.ติยาเอกอํทุ ตฺธณิ นกโตรฬํ อคฺคชิ าลา ซงึ่ ชายคา ฯ อ.เสวียนอนั เป็นวิการแหง่ หญ้า อนั หนง่ึ ตงั้ ขนึ ้ แล้ว อฏุ ฺฐหิตฺวา (จากชายคา) นนั้ (อนั ไฟ) ไหม้อยู่ แลน่ ไปแล้ว สอู่ ากาศ ฯ ในขณะ นนั้ อ.กา ตวั หนง่ึ ไปอยู่ โดยอากาศ ยงั คอ ให้เข้าไปแลว้ ตสฺมึ ขเณ เอโก กาโก อากาเสน คจฺฉนฺโต ในเสวียนอนั เป็นวิการแก่งหญ้านนั้ อนั เกลียวแหง่ หญ้าพวั พนั แล้ว ตตฺถ คีวํ ปเวเสตฺวา ติณวลลฺ ปิ ลเิ วฐโิ ต ฌายิตฺวา ไหม้แล้ว ตกลงแล้ว ในทา่ มกลางแหง่ บ้าน ฯ คามมชฺเฌ ปต.ิ อ. ภกิ ษุ ท. เหน็ แล้ว (ซงึ่ เหต)ุ นนั้ คดิ แล้ว วา่ โอ อ. กรรมหนกั , ภิกฺขู ตํ ทิสวฺ า “อโห ภาริยํ กมมฺ ํ, ปสฺสถาวโุ ส ดกู ่อนทา่ นผ้มู ีอายุ ท. อ.ทา่ น ท. จงเหน็ ซง่ึ ประการอนั แปลก กาเกน ปตฺตํ วิปปฺ การํ, อิมินา กตกมมฺ ํ อญฺญตฺร อนั อนั กา ถงึ แล้ว, อ.ใคร เว้น จากพระศาสดา จกั รู้ ซงึ่ กรรม สตฺถารา โก ชานิสฺสติ, สตฺถารมสฺส กมฺมํ (อนั กา) นี ้กระท�ำแล้ว, (อ. เรา ท.) จกั ทลู ถาม ซง่ึ กรรม (ของกา) นนั้ ปจุ ฺฉิสฺสามาติ จินฺเตตฺวา ปกฺกมสึ .ุ อปเรสํ ภิกฺขนู ํ กะพระศาสดา ดงั นี ้หลกี ไปแลว้ ฯ เมอื่ ภกิ ษุท.เหลา่ อนื่ อกี ขนึ ้ เฉพาะแลว้ สตฺถุ ทสสฺ นตฺถาย นาวํ อภิรุยฺห คจฺฉนฺตานํ นาวา สู่เรือ ไปอยู่ เพื่อต้องการแก่อันเฝ้ า ซ่ึงพระศาสดา อ.เรือ สมทุ ฺทมชฺเฌ นิจฺจลา ว อฏฺฐาส.ิ เป็ นธรรมชาติมีอันไหวออกแล้วเทียว (เป็ น) ได้ ตัง้ อยู่แล้ว ในทา่ มกลางแหง่ ทะเล ฯ ผลิตสอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ธิ รรม วดั พระธรรมกาย 35 www.kalyanamitra.org
อ.มนษุ ย์ ท. (คดิ แล้ว) วา่ อนั คน กาฬกณั ณี พงึ มี ในวยั ที่ ๑ มนสุ ฺสา “กาฬกณฺณินา เอตฺถ ภวติ พฺพนฺติ เป็นหญงิ ควรแกอ่ นั เหน็ (ยอ่ มเป็น) , อ.สลาก ถงึ แล้ว แกห่ ญงิ นนั้ ฯ สลากํ วิจาเรส.ํุ นาวกิ สสฺ จ ภริยา ปฐมวเย ติ า อ.มนษุ ย์ ท. กลา่ วแล้ว วา่ อ.ทา่ น ท. ยงั สลากจงให้เท่ียวไป อีก ทสสฺ นียา, สลากา ตสสฺ า ปาปณุ ิ. “สลากํ ปนุ ดงั นี ้ (ยงั สลากให้เที่ยวไปแล้ว ก�ำหนดเพียงใดแหง่ วาระที่ ๓ ฯ วิจาเรถาติ วตฺวา ยาวตตยิ ํ วจิ ารยสึ .ุ (อ.สลาก) ถงึ แล้ว (แก่หญิง) นนั้ นนั่ เทียว แม้ ๓ ครัง้ ฯ ตกิ ฺขตฺตมุ ปฺ ิ ตสฺสาเยว ปาปณุ ิ. มนสุ สฺ า อ. มนษุ ย์ ท. แลดแู ล้ว ซง่ึ หน้า ของบคุ คลผ้ขู ้ามด้วยเรือ (มอี นั ให้รู้) วา่ “ กึ สามีติ นาวกิ สสฺ มขุ ํ โอโลเกสํ.ุ ข้าแตน่ าย อ. อะไร ดงั นี ้(เป็นเหต)ุ ฯ อ.บุคคลผู้ข้าม ด้วยเรือ กล่าวแล้ว ว่า (อันเรา) ไม่อาจ นาวิโก “น สกฺกา เอตสิ ฺสา อตฺถาย มหาชนํ เพอื่ อนั (ยงั มหาชน) ให้ฉบิ หาย เพอื่ ประโยชน์ แกห่ ญงิ นนั่ , อ. ทา่ น ท. นาเสตํุ , อทุ เก นํ ขิปถาติ อาห. จงโยนไป (ซงึ่ หญิง) นนั้ ในน�ำ้ ดงั นี ้ฯ (อ.หญิง) นนั้ ผ้อู นั มนษุ ย์ ท. จบั แล้วโยนไปอยู่ ในน�ำ้ ผ้อู นั ภยั - สา คเหตฺวา อทุ เก ขิปิ ยมานา มรณภยตชฺชิตา แตค่ วามตายคกุ คามแล้ว ได้กระท�ำแล้วซง่ึ การร้องใหญ่ ฯ มหาวิรวมกาส.ิ อ.บคุ คลผ้ขู ้ามด้วยเรือ ฟังแล้ว (ซงึ่ เสียง) นี ้ (กลา่ วแล้ว) วา่ ตํ สตุ ฺวา นาวิโก “ โก อตฺโถ อิมิสฺสา อาภรเณหิ อ.ประโยชน์ อะไร ด้ วยเครื่องอาภรณ์ ท. (ของหญิง) นี ้ ปนนนิฏวลฺาฺวเฐสมปหาาสิ,เนปฺสํ าสตมพฺวทิา;ฺพฏาฺฐฉภเํุ ฑอรนวณฺเฑํ สาถนกวิฺขานิสลโํ,อฺสกุ มากอมญุฏุหิ;ํมฺจตปฺิตคสฺวเนีวาฺมตาายํ เอํยกถอํพาทุ ปนกนิฺธโปลํิติ ฏอตฺวฺเหกิาฐํํ อนั ฉบิ หายแล้ว, (อ.ทา่ น ท.) เปลอื ้ งแล้ว ซงึ่ เครื่องอาภรณท์ งั้ ปวง ท. (ยงั หญิงนนั้ ) ให้นงุ่ แล้ว ซง่ึ ผ้าเก่า ผืนหนงึ่ จงทิง้ ซงึ่ หญิงนนั้ , อนงึ่ (อ.เรา) จกั ไมอ่ าจ เพอ่ื อนั เหน็ (ซง่ึ หญงิ ) นน่ั ผ้ลู อยอยู่ บนหลงั แหง่ นำ� ้ , เพราะเหตนุ นั้ อ.เรา จะไมเ่ หน็ (ซง่ึ หญิง) นนั้ โดยประการใด, สมทุ ฺเท ขิปถาต.ิ อ. ทา่ น ท. ผกู แล้ว ซง่ึ หม้ออนั เตม็ แล้วด้วยทราย ท่ีคอ จงโยนไป ในทะเล โดยประการนนั้ ดงั นี ้ฯ (อ.มนุษย์ ท.) เหล่านัน้ กระท�ำแล้ว อย่างนัน้ ฯ อ.ปลา วิลมุ ปฺเตึส.ุตถภาิกฺขกูรึส.ตุ ตํ ปมปฺวิตปฺตตึ ติสฏตุ ฺฐฺวาาเน“เสยตวฺถมารจํ ฺฉฐกเจปฺฉตปฺวาา และเตา่ ท. ยอื ้ แยง่ แล้ว (ซง่ึ หญงิ ) แม้นนั้ ในท่ี (แหง่ หญงิ นนั้ ) ตกไปแล้ว นนั่ เทียว ฯ อ. ภิกษุ ท. ฟังแล้ว ซงึ่ ความเป็นไปทวั่ นน่ั (คดิ แล้ว) วา่ โก อญฺโญ เอตสิ สฺ า อิตฺถิยา กมมฺ ํ ชานิสสฺ ติ, อ.ใคร อื่นเว้น ซงึ่ พระศาสดา จกั รู้ ซงึ่ กรรม ของหญิง นน่ั , อ. เรา ท. สตฺถารมสฺสา กมฺมํ ปุจฺฉิสฺสามาติ อิจฺฉิตฏฺ ฐานํ จกั ทลู ถาม ซงึ่ กรรม (ของหญิง) นนั้ กะพระศาสดา ดงั นี ้ ถงึ แล้ว ปตฺวา นาวาโต โอรุยฺห ปกฺกมสึ .ุ ซง่ึ ที่ (อนั ตน) ปรารถนาแล้ว ลงแล้ว จากเรือ หลกี ไปแล้ว ฯ อ.ภิกษุ ท. ๗ แม้เหลา่ อื่นอีก ไปอยู่ เพื่อต้องการแก่อนั เฝ้ า อปเรปิ สตฺต ภิกฺขู ปจฺจนฺตโต สตฺถารํ ซงึ่ พระศาสดา จากประเทศอนั เป็นท่ีสดุ เฉพาะ เข้าไปแล้ว ทสสฺ นตฺถาย คจฺฉนฺตา สายํ เอกํ วหิ ารํ ปวิสติ ฺวา สวู่ ิหาร แหง่ หนง่ึ ในเวลาเย็น ถามแล้ว ซงึ่ ทีเป็นที่อยู่ ฯ วสนฏฺฐานํ ปจุ ฺฉึส.ุ ก็ อ. เตียง ท. ๗ ยอ่ มมี ในถ�ำ้ แหง่ หนง่ึ , (เม่ือภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ เอกสฺมิญฺจ เลเณ สตฺต มญฺจา โหนฺต,ิ เตสํ ได้แล้ว (ซงึ่ ถ�ำ้ ) นนั้ นน่ั เทียว นอนแล้ว (ในถ�ำ้ ) นนั้ , อ.แผน่ หิน ตเทว ลภิตฺวา ตตฺถ นิปนฺนานํ, รตฺติภาเค มีเรือนอนั ประกอบแล้วด้วยยอดเป็นประมาณ กลงิ ้ ไปอยู่ มาแล้ว กฏู าคารมตฺโต ปาสาโณ ปวฏฺ ฏมาโน อาคนฺตฺวา ปิ ดแล้ว ซง่ึ ประตแู หง่ ถ�ำ้ ในสว่ นแหง่ ราตรี ฯ เลณทฺวารํ ปิ ทหิ. อ.ภิกษุ ท. ผู้ประกอบแล้วในประเทศเป็ นที่อยู่เนืองนิตย์ เนวาสกิ า ภิกฺขู “มยํ อิมํ เลณํ อาคนฺตกุ ภิกฺขนู ํ (กลา่ วแล้ว) วา่ อ.เรา ท. ยงั ถ�ำ้ นี ้ ให้ถงึ แล้ว แก่ภิกษุผ้จู รมา ท. ปาปยิมหฺ า, 36 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ก็ อ.แผ่นหินใหญ่ นี ้ ได้ตัง้ ปิ ดอยู่แล้ว ซึ่งประตูแห่งถ�ำ้ , อยญฺจ มหาปาสาโณ เลณทฺวารํ ปิ ทหนฺโต อ.เรา ท. จกั น�ำไปปราศ (ซง่ึ แผน่ หินใหญ่) นนั้ ดงั นี ้ ยงั มนษุ ย์ ท. มอฏนฺฐสุ าเฺ สส,ิ สอนปฺนเิปนาสเสฺตาตมฺวานตนํ ฺตวิาสยมมนนฺตฺตาาปสิ ฐตาฺตนหาิ คาเมหิ จากบ้าน ท. ๗ โดยรอบ ให้ประชุมกันแล้ว แม้พยายามอยู่ นาสกฺขสึ .ุ อนฺโต ปวิฏฺฐภิกฺขปู ิ วายมสึ เุ ยว. จาเลตํุ ไม่ได้ อาจแล้ว เพ่ืออัน (ยังแผ่นหินใหญ่) นัน้ ให้ เคลื่อน ฯ แม้ อ.ภิกษุผ้เู ข้าไปแล้ว ในภายใน ท. พยายามแล้วนนั่ เทียว ฯ (ครัน้ เมื่อความเป็น) อยา่ งนนั้ แม้มีอยู่ (อ.ชนท.) ไมไ่ ด้อาจ เอวํ สนฺเตปิ สตฺตาหํ ปาสาณํ จาเลตํุ นาสกฺขสึ .ุ แล้ว เพื่ออนั ยงั แผน่ หิน ให้เคล่อื น ตลอดวนั ๗ ฯ อ. ภิกษุ ท. ผ้จู รมา อาคนฺตกุ า ภิกฺขู สตฺตาหํ ฉาตชฺฌตฺตา มหาทกุ ฺขํ ผ้อู นั ความหิวแผดเผาแล้ว เสวยแล้ว ซงึ่ ทกุ ข์ใหญ่ ตลอดวนั ๗ ฯ อนภุ วสึ .ุ ในวนั ท่ี ๗ อ.แผน่ หิน กลงิ ้ ไปปราศแล้ว เองนนั่ เทียว ฯ สตฺตเม นทิกิวฺขเสมิตฺวปาาส“าอโมณหฺ ากสํ ยอเิมมํ วปาปปํ วอฏญฺฏฺญิตตฺวาฺร อ.ภิกษุ ท. ออกไปแล้ว คดิ แล้ว วา่ อ.ใคร เว้นจาก พระศาสดา อปคโต. ภิกฺขู จักรู้ ซ่ึงกรรมอันลามก นี ้ ของเรา ท., อ.เรา ท. จักทูลถาม สตฺถารา โก ชานิสสฺ ต,ิ สตฺถารํ ปจุ ฺฉิสสฺ ามาติ ซงึ่ พระศาสดา ดงั นี ้หลีกไปแล้ว ฯ จินฺเตตฺวา ปกฺกมสึ .ุ (อ.ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ มาพร้อมกนั แล้ว กบั (ด้วยภิกษุ ท. ) เต ปรุ ิเมหิ สทฺธึ อนฺตรามคฺเค สมาคนฺตฺวา สพฺเพ ผู้มีในก่อน ในระหว่างแห่งหนทาง ทัง้ ปวง เข้าไปเฝ้ าแล้ว เอกโตว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ซง่ึ พระศาสดา โดยความเป็นอนั เดียวกนั เทียว ถวายบงั คมแล้ว เอกมนฺตํ นิสนิ ฺนา สตฺถารา กตปฏิสนฺถารา อตฺตนา น่ังแล้ว ณ ท่ีสุดแห่งหน่ึง ผู้มีปฏิสันถารอันพระศาสดา ทิฏฺฐานภุ ตู านิ การณานิ ปฏิปาฏิยา ปจุ ฺฉึส.ุ ทรงกระท�ำแล้ว ทลู ถามแล้ว ซงึ่ เหตุ ท. อนั ๆ ตนทงั้ เหน็ แล้ว ทงั้ เสวยแล้ว ตามล�ำดบั ฯ แม้ อ.พระศาสดา ทรงพยากรณ์แล้ว (แก่ภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ สตฺถาปิ เตสํ ปฏิปาฏิยา เอวํ พฺยากาสิ: ตามลำ� ดบั อยา่ งนี ้วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. กา นนั้ เสวยแล้ว ซงึ่ กรรม “ภิกฺขเว โส ตาว กาโก อตฺตนา กตกมมฺ เมว อนโุ ภส.ิ อนั ตน กระท�ำแล้วนนั่ เทียว ก่อน ฯ ดงั จะกลา่ วโดยยอ่ ในกาลอนั อตีเต หิ พาราณสยิ ํ เอโก กสโก อตฺตนา โคณํ ลว่ งไปแล้ว อ.ชาวนา คนหนงึ่ ในเมืองช่ือวา่ พาราณสี ฝึกอยู่ ทเมนฺโต ทเมตํุ นาสกฺขิ. ซงึ่ โค ด้วยตน ไมไ่ ด้อาจแล้ว เพื่ออนั ฝึก ฯ ด้วยวา่ อ.โค นนั้ (ของชาวนา)นนั้ ไปแล้ว หนอ่ ยหนงึ่ นอนแล้ว โส หิสฺส โคโณ โถกํ คนฺตฺวา นิปชฺชิ, โปเถตฺวา แม้ผ้อู นั ชาวนาโบยแล้วให้ลกุ ขนึ ้ แล้ว ไปแล้วหนอ่ ยหนงึ่ นอนแล้ว อฏุ ฺฐาปิ โตปิ โถกํ คนฺตฺวา ปนุ ปิ ตเถว นิปชฺชิ. อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว แม้อีก ฯ (อ.ชาวนา)นนั้ แม้พยายามแล้ว ไมอ่ าจอยู่ เพอ่ื อนั ฝึก (ซงึ่ โค) นนั้ โส วายมิตฺวาปิ ตํ ทเมตํุ อสกฺโกนฺโต โกธาภิภโู ต เป็นผ้อู นั ความโกรธครอบง�ำแล้ว เป็น (กลา่ วแล้ว) วา่ ( อ.เจ้า ) หตุ ฺวา `อิโตทานิ ปกฏโฺ รฐนายฺโต สขุ ํ นิปชฺชิสสฺ สีติ ตํ จกั นอน สบาย จ�ำเดมิ (แตก่ าล) นี ้ ดงั นี ้ กระท�ำอยู่ (ซงึ่ โค) นนั้ ปลาลปิ ณฺฑํ วยิ ปลาเลน ตสสฺ คีวํ ให้เป็นราวกะฟ่ อนแหง่ ฟาง พนั แล้ว ซงึ่ คอ ของโคนนั้ ด้วยฟาง ปลเิ วเฐตฺวา อคฺคึ อทาส.ิ ได้ให้แล้ว ซงึ่ ไฟ ฯ อ.โค ไหม้ ตายแล้ว ในที่ นนั้ นน่ั เทียว ฯ ดกู ่อนภิกษุ ท. โคโณ ตตฺเถว ฌายิตฺวา มโต. ตทา ภิกฺขเว เตน อ. กรรมอนั ลามก นนั้ อนั กา นนั้ กระท�ำแล้ว, (อ. กา) นนั้ ไหม้แล้ว กาเกน ตํ ปาปกมมฺ ํ กตํ, โส ตสสฺ วิปาเกน ในนรก สนิ ้ กาลนาน เพราะวิบาก (ของกรรมอนั ลามก) นนั้ ทีฆรตฺตํ นิรเย ปจิตฺวา วิปากาวเสเสน สตฺตกฺขตฺตํุ (บงั เกิดแล้วในก�ำเนิดแหง่ กา ๗ ครัง้ ไหม้ ตายแล้ว ในอากาศ กากโยนิยํ นิพฺพตฺตติ ฺวา เอวเมว อากาเส ฌายิตฺวา อยา่ งนนั้ นน่ั เทียว ด้วยวิบากอนั เหลือลง ดงั นี ้ ฯ มโตต.ิ ผลิตส่อื การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรม วัดพระธรรมกาย 37 www.kalyanamitra.org
(อ.พระศาสดา ทรงพยากรณ์แล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ.หญิง “สาปิ ภิกฺขเว อิตฺถี อตฺตนา กตกมมฺ เมว แม้นนั้ เสวยแล้ว ซง่ึ กรรม อนั ตน กระท�ำแล้วนนั่ เทียว ฯ อนโุ ภส.ิ ดงั จะกลา่ ว โดยพิสดาร ในกาลอนั ลว่ งไปแล้ว (อ.หญิง) นนั้ สา หิ อตเี ต พาราณสยิ ํ เอกสสฺ คหปตกิ สสฺ ภริยา เป็นภรรยา ของคฤหบดี คนหนง่ึ ในเมืองช่ือวา่ พาราณสี (เป็น) ออทกุ ากสาห.ิ รณโกฏฺฏนปจนาทนี ิ สพพฺ กจิ จฺ านิ สหตเฺ ถเนว ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ กิจทงั้ ปวง ท. มีการน�ำมาซง่ึ น�ำ้ และการต�ำ และการหงุ เป็นต้น ด้วยมือของตนนน่ั เทียว ฯ อ.สนุ ขั ตวั หนงึ่ (ของหญิง) นนั้ นง่ั แลดอู ยแู่ ล้ว (ซงึ่ หญิง) นนั้ ตสฺสา เอโก สนุ โข ตํ เคเห สพฺพกิจฺจานิ กรุ ุมานํ ผ้กู ระท�ำอยู่ ซงึ่ กิจทงั้ ปวง ท. ในเรือน ฯ (เม่ือหญิงนนั้ ) น�ำไปอยู่ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. เขตฺเต ภตฺตํ หรนฺติยา ซงึ่ ข้าวสวย ในนา หรือ หรือวา่ ไปอยู่ สปู่ ่ า เพื่อประโยชน์ ทารุปณฺณาทีนํ วา อตฺถาย อรญฺญํ คจฺฉนฺติยา (แก่วตั ถุท.)มีฟื นและผกั เป็นต้น(อ.สนุ ขั )นนั้ ยอ่ มไปกบั (ด้วยหญิง) โส ตาย สทฺธึเยว คจฺฉต.ิ นนั้ นนั่ เทียว ฯ อ.มนษุ ย์หนมุ่ ท. เหน็ แล้ว (ซง่ึ หญิง) นนั้ ยอ่ มเยาะเย้ย ตํ ทิสวฺ า ทหรมนสุ ฺสา `อมโฺ ภ นิกฺขนฺโต วา่ แนะ่ ทา่ นผ้เู จริญ ท. อ.นายพรานผ้เู ลยี ้ งซง่ึ สนุ ขั ออกไปแล้ว, สนุ ขลทุ ฺทโก, อชฺช มยํ มํเสน ภญุ ฺชิสฺสามาติ ในวนั นี ้อ.เรา ท. จกั บริโภค ด้วยเนือ้ ดงั นี ้ฯ (อ.หญิง) นนั้ เป็นผ้เู ก้อ อปุ ผฺ ณฺเฑนฺต.ิ สา เตสํ กถาย มงฺกุ หตุ ฺวา สนุ ขํ เป็น เพราะวาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว (ของมนษุ ยห์ นมุ่ ท.) เหลา่ นนั้ ตแี ล้ว เลฑฑฺ ทุ ณฑฺ าทหี ิ ปหริตวฺ า ปลาเปส.ิ สนุ โข นวิ ตตฺ ติ วฺ า ซงึ่ สนุ ขั (ด้วยวตั ถุ ท.) มีก้อนดนิ และทอ่ นไม้เป็นต้น (ยงั สนุ ขั ) ปนุ อนพุ นฺธิ. ให้หนีไปแล้ว ฯ อ.สนุ ขั กลบั แล้ว ตดิ ตามแล้ว อีก ฯ ได้ยินวา่ (อ.สนุ ขั ) นนั้ เป็นสามี (ของหญิง) นนั้ ได้เป็นแล้ว โส กิร ตสสฺ า ตติเย อตฺตภาเว สามิโก อโหส;ิ ในอตั ภาพ ท่ี ๓, เพราะเหตนุ นั้ (อ.สนุ ขั ) นนั้ ยอ่ มไมอ่ าจ ตสมฺ า สเิ นหํ ฉินฺทิตํุ น สกฺโกต.ิ เพื่ออนั ตดั ซงึ่ ความรัก ฯ จริงอยู่ (อ.บคุ คล) ชื่อวา่ ผ้ไู มเ่ คยเป็นเมียหรือ หรือวา่ เป็น กิญฺจาปิ หิ อนมตคฺเค สสํ าเร ชายา วา ปติ วา ผวั เป็นแล้ว ยอ่ มไมม่ ี ในสงสาร มีท่ีสดุ และเบือ้ งต้นอนั บคุ คล อภตู ปพุ โฺ พ นาม นตถฺ ,ิ อวทิ เู ร ปน อตตฺ ภาเว ญาตเกสุ ผู้ไปตามอยู่ไม่รู้แล้ว แม้ โดยแท้ ถึงอย่างนัน้ อ.ความรัก อธิมตฺโต สเิ นโห โหต;ิ ตสฺมา โส ตํ วิชหิตํุ น สกฺโกต.ิ มีประมาณย่ิง ในญาติ ท. ย่อมมี ในอัตภาพ อันไม่ไกล เพราะเหตนุ นั้ อ.สนุ ขั นนั้ ยอ่ มไมอ่ าจ เพ่ืออนั ละ (ซง่ึ หญิง) นนั้ ฯ (อ.หญิง) นนั้ โกรธแล้ว (ตอ่ สนุ ขั ) นนั้ เมื่อน�ำไป ซงึ่ ข้าวต้ม สา ตสฺส กุชฺฌิตฺวา เขตฺเต สามิกสฺส เพื่อสามี ในนา เหน็บแล้ว ซง่ึ เชือก ท่ีชายพก ได้ไปแล้ว ฯ ยาคํุ หรมานา รชฺชํุ อจุ ฺฉงฺเค ฐเปตฺวา อคมาส.ิ อ.สนุ ขั ไปแล้ว กบั (ด้วยหญิง) นนั้ นนั่ เทียว ฯ สนุ โข ตาเยว สทฺธึ คโต. (อ.หญิง) นนั้ ให้แล้ว ซง่ึ ข้าวต้ม แกส่ ามี ถอื เอา ซงึ่ หม้ออนั เปลา่ สา สามิกสฺส ยาคํุ ทตฺวา ตจุ ฺฉกฏุ ํ อาทาย เอกํ ไปแล้ว สทู่ ี่แหง่ น�ำ้ แหง่ หนงึ่ ยงั หม้อ ให้เตม็ แล้ว ด้วยทราย อโอทุ โกลฏเกฺฐตาฺวนาํ คนฺตฺวา กฏุ ํ วาลกุ าย ปเู รตฺวา สมีเป ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ เสยี ง แก่สนุ ขั ตวั ยืนแลดแู ล้ว ในที่ใกล้ ฯ ติ สฺส สนุ ขสสฺ สทฺทมกาส.ิ อ.สนุ ขั (คดิ แล้ว) วา่ ในวนั นี ้ อ.วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว สนุ โข `จิรสสฺ ํ วต เม อชฺช มธรุ กถา ลทฺธาติ อนั ไพเราะ อนั เรา ได้แล้ว สนิ ้ กาลนาน หนอ ดงั นี ้ยงั หาง ให้ไหวอยู่ นงฺคฏุ ฺฐํ จาเลนฺโต ตํ อปุ สงฺกมิ. เข้าไปหาแล้ว (ซงึ่ หญิง) นนั้ ฯ (อ.หญิง) นนั้ จบั แล้ว (ซง่ึ สนุ ขั ) นนั้ ท่ีคอ มนั่ ผกู แล้ว ซง่ึ หม้อ สา ตํ คีวายํ ทฬฺหํ คเหตฺวา เอกาย รชฺชโุ กฏิยา ด้วยปลายแหง่ เชือก ข้างหนง่ึ ผกู แล้ว ซงึ่ ปลายแหง่ เชือก ข้างหนง่ึ กฏุ ํ พนฺธิตฺวา เอกํ รชฺชโกฏึ สนุ ขสฺส คีวายํ พนฺธิตฺวา ที่คอ ของสนุ ขั ยงั หม้อให้กลงิ ้ ไปแล้ว สทู่ ี่มีหน้าเฉพาะตอ่ น�ำ้ ฯ อกทฏุุ เํ กอปทุ ตกติาภฺวาิมขตุ ํตปฺเถววฏฺกเฏาสล.ิมกสานุ สโ.ิ ข กฏุ ํ อนพุ นฺธนฺโต อ.สนุ ขั แลน่ ตามไปอยู่ ซงึ่ หม้อ ตกไปแล้ว ในแมน่ �ำ้ ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ กาละ (ในท่ี) นนั้ นนั่ เทียว ฯ 38 ธรรมบทภาคที่ ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
อ.หญิงนนั้ ไหม้แล้ว ในนรก สนิ ้ กาลนาน เพราะวบิ าก- สา ตสฺส กมมฺ สฺส วปิ าเกน ทีฆรตฺตํ นิรเย ปจิตฺวา แหง่ กรรม นนั้ ผู้ (อนั บคุ คล) ผกู แล้ว ซง่ึ หม้อ แหง่ ทราย ที่คอ วปิ ากาวเสเสน อตฺตภาวสเต วาลกุ าย กฏุ ํ คีวายํ โยนไปแล้ว ในน�ำ้ ในร้อยแหง่ อตั ภาพ ได้กระท�ำแล้ว ซงึ่ กาละ พนฺธิตฺวา อทุ เก ปกฺขิตฺตา กาลมกาสตี .ิ ด้วยวบิ าก อนั เหลอื ลง ดงั นี ้ ฯ (อ. พระศาสดา ทรงพยากรณ์แล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ. กรรม “ตมุ ฺเหหิปิ ภิกฺขเว อตฺตนา กตกมมฺ เมว อนภุ ตู ํ. อนั ตน กระท�ำแล้ว นน่ั เทียว แม้อนั เธอท. เสวยแล้ว ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ในกาลอนั ลว่ งไปแล้ว อ. เดก็ ผ้เู ลยี ้ ง อตีตสมฺ ึ หิ พาราณสีวาสโิ น สตฺต โคปาลทารกา ซง่ึ โค ท. ๗ ผ้อู ยใู่ นเมืองช่ือวา่ พาราณสโี ดยปกติ ยงั แมโ่ ค ท. เอกสฺมึ อฏวปิ ปฺ เทเส สตฺตาหวาเรน คาวโิ ย วิจาเรนฺตา ให้เท่ียวไปอยู่ ตามวาระแหง่ วนั ๗ ในประเทศใกล้ดง แหง่ หนงึ่ เอกทิวสํ คาวโิ ย วิจาเรตฺวา อาคจฺฉนฺตา เอกํ มหาโคธํ ยงั แมโ่ ค ท. ให้เทียวไปแล้ว มาอยู่ เหน็ แล้ว ซงึ่ เหีย้ ใหญ่ ตวั หนงึ่ ทิสฺวา อนพุ นฺธึส.ุ ตดิ ตามแล้ว ในวนั หนงึ่ ฯ อ.เหีย้ หนีไปแล้ว ได้เข้าไปแล้ว สจู่ อมปลวก แหง่ หนง่ึ ฯ โคธา ปลายิตฺวา เอกํ วมมฺ ิกํ ปาวิส.ิ ตสสฺ ปน ก็ อ.ชอ่ ง ท. ๗ ของจอมปลวก นนั้ (มีอย)ู่ ฯ อ.เดก็ ท. วมมฺ ิกสฺส สตฺต ฉิทฺทานิ. ทารกา “มยํ อิทานิ คเหตํุ (ปรึกษากนั แล้ว) วา่ อ. เรา ท. จกั ไมอ่ าจ ดเพงั นื่อีอ่้ (อนั .จเบั ดเก็อ)าคในนหกานลงึ่ นๆี,้ น สกฺขิสสฺ าม, เสวฺ อาคนฺตฺวา คณฺหิสฺสามาติ (อ. เรา ท.) มาแล้ว จกั จบั เอา ในวนั พรุ่ง เอเกโกเอเกกํ ปสิ ทาหขิตาภฺวางฺคปมกฏุ ฺกฺฐมมิ สึ า.ุ ทาย สตฺตปิ ชนา ถือเอาแล้ว ซง่ึ ก�ำแหง่ รุกขาวยั วะอนั บคุ คลพงึ หกั คือก่ิงไม้ ก�ำหนงึ่ ๆ สตฺต ฉิทฺทานิ เป็นชน แม้ ๗ (เป็น) ปิ ดแล้ว ซง่ึ ชอ่ ง ท. ๗ หลกี ไปแล้ว ฯ ในวันรุ่งขึน้ (อ.เด็ก ท.) เหล่านัน้ ไม่กระท�ำไว้ในใจแล้ว เต ปนุ ทิวเส ตํ โคธํ อมนสกิ ริตฺวา อญฺญสฺมึ ซง่ึ เหีย้ นนั้ ยงั แมโ่ ค ท. ให้เที่ยวไปแล้ว ในประเทศ อ่ืน พาเอา ปเทเส คาวิโย วจิ าเรตฺวา สตฺตเม ทิวเส คาวโิ ย ซง่ึ แมโ่ ค ท. ไปอยู่ ในวนั ที่ ๗ เหน็ แล้ว ซง่ึ จอมปลวก นนั้ กลบั ได้แล้ว อาทาย คจฺฉนฺตา ตํ วมมฺ ิกํ ทิสฺวา สตึ ปฏิลภิตฺวา ซงึ่ สติ (กลา่ วแล้ว) วา่ อ. ความเป็นไปทว่ั แหง่ เหีย้ นนั้ อยา่ งไร “กา นุ โข ตสฺสา โคธาย ปวตฺตีติ อตฺตนา อตฺตนา หนอ แล ดงั นี ้เปิ ดแล้ว ซงึ่ ชอ่ ง ท. อนั อนั ตน ๆ ปิ ดแล้ว ฯ ปิ ทหิตานิ ฉิทฺทานิ วิวรึส.ุ อ.เหีย้ เป็นสตั ว์มีความอาลยั ในชีวิต ออกแล้ว เป็น ตวั มี โคธา ชีวเิ ต นิราลยา หตุ ฺวา ออฏฺนฐจกิุ มมฺมปฺ ํ าวกเสตสฺวาา กระดกู และหนงั อนั เหลอื ลงสน่ั อยู่ออกไปแล้วฯ(อ.เดก็ ท.)เหลา่ นนั้ ปเวธมานา นิกฺขมิ. เต ตํ ทิสวฺ า เหน็ แล้ว (ซงึ่ เหีย้ ) นนั้ กระท�ำแล้ว ซงึ่ ความเอน็ ดู (กลา่ วแล้ว) วา่ `มา นํ มาเรถ, สตฺตาหํ ฉินฺนภตฺตา ชาตาติ ตสฺสา (อ. ทา่ น ท. ขอจงอยา่ (ยงั เหีย้ ) นนั้ ให้ตาย, (อ. เหีย้ ) เป็นสตั ว์มีภตั ร ปิ ฏฺ ฐึ ปริมชฺชิตฺวา `สุเขน คจฺฉาหีติ วิสฺสชฺเชสํุ. ขาดแล้ว สนิ ้ วนั ๗ เกิดแล้ว ดงั นี ้ลบู คลำ� แล้ว ซง่ึ หลงั (ของเหีย้ ) นนั้ ปลอ่ ยไปแล้ว (ด้วยค�ำ) วา่ (อ.เจ้า) จงไป ตามสบาย ดงั นี ้ ฯ (อ. เดก็ ท.) เหลา่ นนั้ ไมไ่ หม้แล้ว ในนรก ก่อน เพราะความที่- เต โคธาย อมาริตตฺตา นิรเย ตาว น ปจฺจสึ .ุ แหง่ เหีย้ เป็นสตั ว์ อนั ตน ไมใ่ ห้ตายแล้ว ฯ แตว่ า่ อ.ชน ท. ๗ เหลา่ นนั้ เป็น โดยความเป็นอนั เดียวกนั เต ปน สตฺต ชนา เอกโต หตุ ฺวา จทุ ฺทสสุ เป็นผ้มู ภี ตั รขาดแล้ว สนิ ้ วนั ท. เจด็ ๆ ได้เป็นแล้ว ในอตั ภาพ ท. ๑๔ ฯ อตฺตภาเวสุ สตฺต สตฺต ทิวสานิ ฉินฺนภตฺตา อเหส.ํุ ดกู ่อนภิกษุ ท. อ.กรรม นนั้ อนั เธอ ท. เป็นเดก็ ผ้เู ลยี ้ งซงึ่ โค ๗ ตทา ภิกฺขเว ตุมฺเหหิ สตฺตหิ โคปาลเกหิ เป็น กระท�ำแล้ว ในกาลนนั้ ดงั นี ้ฯ หตุ ฺวา ตํ กมมฺ ํ กตนฺต.ิ อ.พระศาสดา ทรงพยากรณ์แล้ว ซงึ่ ปัญหา อนั (อนั ภิกษุ ท. ) เอวํ สตฺถา เตหิ ปฏุ ฺฐปฏุ ฺฐํ ปญฺหํ พฺยากาส.ิ เหลา่ นนั้ ทงั้ ทลู ถามแล้ว ด้วยประการฉะนี ้ ฯ ผลติ ส่อื การเรยี นรู้ โดยโรงเรยี นพระปริยตั ิธรรม วัดพระธรรมกาย 39 www.kalyanamitra.org
ครัง้ นนั้ อ.ภิกษุ รูปหนงึ่ กราบทลู แล้ว กะพระศาสดา วา่ อเถโก ภกิ ขฺ ุ สตถฺ ารํ อาห “ กึ ปน ภนเฺ ต ปาปกมมฺ ํ ข้ าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ อ.ความพ้ น ย่อมไม่มี (แก่สัตว์) กตฺวา อากาเส อปุ ปฺ ตติ สฺสาปิ สมทุ ฺทํ ปกฺขนฺตสฺสาปิ ผู้กระท�ำแล้ว ซงึ่ กรรมอนั ลามก เหาะขนึ ้ ไปแล้ว ในอากาศ ก็ดี ปพฺพตนฺตรํ ปวฏิ ฺฐสฺสาปิ โมกฺโข นตฺถีติ. ผ้เู ลน่ ไปแล้ว สทู่ ะเล กด็ ี ผ้เู ข้าไปแล้ว สรู่ ะหวา่ งแหง่ ภเู ขา กด็ ี หรือ ดงั นี ฯ้ อ.พระศาสดา ตรสั แลว้ วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ.อยา่ งนนั้ นน่ั เทยี ว, สตถฺ า “เอวเมว ภกิ ขฺ เว, อากาสาทสี ปุ ิ เอกปเทโสปิ (อ.บุคคล) ยืนแล้ว (ในประเทศหน่ึง) ใด พึงพ้ น จากกรรม นตถฺ ,ิ ยตรฺ โิ ต ปาปกมมฺ โต มจุ เฺ จยยฺ าติ วตวฺ า อนสุ นธฺ ึ อนั ลามก (ในประเทศ ท.) แม้มีอากาศเป็นต้นหนา แม้ อ. ประเทศ ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห หนงึ่ (นนั้ ) ยอ่ มไมม่ ี ดงั นี ้เม่ือ ทรงสบื ตอ่ ซงึ่ อนสุ นธิ แสดง ซงึ่ ธรรม ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ (อ.บคุ คล ยืนแลว้ ) ในอากาศเป็นทีเ่ ห็นซึ่งรูปในระหว่าง “ น อนตฺ ลิกฺเข, น สมทุ ฺทมชฺเฌ, (พึงพน้ จากกรรมอนั ลามก) หามิได,้ (อ. บคุ คล ยืนแลว้ ) น ปพพฺ ตานํ วิวรํ ปวิสฺส, ในท่ามกลางแห่งทะเล (พึงพน้ จากกรรมอนั ลามก) หามิได,้ น วิชฺชเต โส ชคติปปฺ เทโส, (อ.บุคคล) เข้าไปแล้วสู่ช่อง แห่งภูเขา ท. (ยืนแล้ว) ยตฺรฏฺฐิโต มจุ ฺเจยฺย ปาปกมฺมาติ. (พึงพน้ จากกรรมอนั ลามก) หามิได,้ (อ.บคุ คล) ยืนแลว้ (ในประเทศแห่งแผ่นดิน) ใด พึงพน้ จากกรรมอนั ลามก อ. ประเทศแห่งแผ่นดิน นน้ั ย่อมไม่มี ดงั นี้ ฯ อ. เนอื ้ ความ (แหง่ คำ� อนั เป็นพระคาถา) นนั้ วา่ ก็ ถ้าวา่ อ. ใคร ๆ ตสฺสตฺโถ “สเจ หิ โกจิ `อิมินา อุปาเยน (คดิ แล้ว) วา่ อ. เรา จกั พ้น จากกรรม อนั ลามก ด้วยอบุ าย นี ้ดงั นี ้ ปาปกมมฺ โต มจุ ฺจิสสฺ ามีติ อนฺตลกิ ฺเข วา นิสีเทยฺย, พงึ นง่ั ในอากาศเป็นที่เหน็ ซง่ึ รูปในระหวา่ ง หรือ, หรือวา่ พงึ เข้าไป จตรุ าสีตโิ ยชนสหสฺสคมภฺ ีรํ มหาสมทุ ฺทํ วา ปวิเสยฺย, สมู่ หาสมทุ ร อนั ลกึ โดยพนั แหง่ โยชน์ ๘๔, หรือวา่ พงึ นงั่ ในระหวา่ ง ปพฺพตนฺตเร วา นิสเี ทยฺย, เนว ปาปกมมฺ โต มจุ ฺเจยฺย. แหง่ ภเู ขาไซร้, (อ.บคุ คลนนั้ ) พงึ พ้น จากกรรมอนั ลามก หามิได้ นน่ั เทียว ฯ ด้วยวา่ (อ.บคุ คล) ยนื แล้ว (ในโอกาส) ใด พงึ อาจ เพอ่ื อนั พ้น ปรุ ตฺถิมาทีสุ หิ ชคตปิ ปฺ เทเสสุ ปฐวีภาเคสุ น โส จากกรรมอนั ลามก ในประเทศแห่งแผ่นดิน ท. คือว่า ในส่วน- วาลคฺคมตฺโตปิ โอกาโส อตฺถิ, ยตฺถ โิ ต ปาปกมมฺ โต แหง่ ปฐพี ท. มสี ว่ นอนั ตงั้ อยู่ ในเบอื ้ งหน้าเป็นต้นหนา อ.โอกาส นนั้ มจุ ฺจิตํุ สกฺกเุ ณยฺยาต.ิ แม้ มีปลายแห่งขนทรายเป็ นประมาณ มีอยู่ หามิได้ ดังนี ้ (อนั บณั ฑิต พงึ ทราบ) ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา อ. ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ฯ ปาปณุ ึส.ุ อ.พระธรรมเทศนา เป็ นเทศนาเป็ นไปกับด้ วยวาจา สมปฺ ตฺตมหาชนสสฺ าปิ สาตฺถิกา ธมมฺ เทสนา มีประโยชน์ ได้มีแล้ว แม้แก่มหาชนผ้ถู งึ พร้อมแล้ว ดงั นีแ้ ล ฯ อโหสีต.ิ อ. เร่ืองแห่งชน ๓ คน (จบแล้ว) ฯ ตโยชนวตถฺ ุ. 40 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยัญชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
๑๒. อ.เร่ือ(งอแันหข่ง้าศพากเจย้าะพจะรกะนล่าาวม)ว่าฯสุปปพุทธะ ๑๒. สุปปฺ พุทธฺ สกกฺ วตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในนิโครธาราม ทรงปรารภ “น อนฺตลิกเฺ ข น สมุททฺ มชฺเฌติ อิมํ ธมมฺ เทสนํ ซงึ่ เจ้าศากยะ พระนามวา่ สปุ ปพทุ ธะ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา สตฺถา นิโคฺรธาราเม วิหรนฺโต สปุ ปฺ พทุ ฺธํ สกฺกํ นี ้วา่ น อนฺตลิกเฺ ข น สมุททฺ มชเฺ ฌ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ อารพฺภ กเถส.ิ ได้ยนิ วา่ (อ.เจ้าศากยะ พระนามวา่ สปุ ปพทุ ธะ) นนั้ ทรงผกู แล้ว โส กิร “อยํ มม ธีตรํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขนฺโต ซง่ึ ความอาฆาต ในพระศาสดา ด้วยเหตุ ท. ๒ เหล่านี ้ คือ มม ปตุ ฺตํ ปพฺพาเชตฺวา ตสสฺ เวอริาฏฆฺ ฐาาเตนํ โิ ต จาติ (อ.พระสมณะผ้โู คดม) นี ้ ทิง้ แล้ว ซง่ึ ธิดา ของเรา เสดจ็ ออกแล้ว อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ สตฺถริ พนฺธิตฺวา ด้วย ยงั บตุ ร ของเราให้บวชแล้ว ตงั้ อยแู่ ล้ว ในฐานะแหง่ บคุ คล ภเอญุ กฺชทิติวํุ สทํ สฺส“นามทีตาินิคสมฺสนมนคิฺคมํนปฺติ ทนหฏิตฺ ฐฺวาานํ คนฺตฺวา ผ้มู ีเวร (ของบตุ รของเรา) นนั้ ด้วย (ทรงด�ำริแล้ว) วา่ (อ.เรา) อนฺตรวีถิยํ จักไม่ให้ เพื่ออันเสด็จไป สู่ที่เป็ นที่นิมนต์แล้ ว จึงเสวย สรุ ํ ปิ วนฺโต นิสีทิ. อถสสฺ , สตฺถริ ภิกฺขสุ งฺฆปริวเุ ต (แก่พระสมณะ ผ้โู คดม) นนั้ ในกาลนี ้ดงั นี ้ทรงปิ ดแล้ว ซงึ่ หนทาง- ตํ ฐานํ อาคเต, “สตฺถา อาคโตติ อาโรเจส.ํุ เป็นท่ีเสดจ็ ไปประทบั นง่ั ดื่มอยู่ แล้ว ซง่ึ สรุ า ในระหวา่ งแหง่ ถนน ในวันหนึ่ง ฯ ครัง้ นัน้ ครัน้ เมื่อพระศาสดา ผู้อันหมู่แห่งภิกษุ แวดล้อมแล้ว เสดจ็ มาแล้ว สทู่ ี่ นนั้ (อ. ราชบรุ ุษ ท.) กราบทลู แล้ว วา่ อ.พระศาสดา เสดจ็ มาแล้ว ดงั นี ้ (แก่เจ้าศากยะ พระนามวา่ - สปุ ปพทุ ธะ) นนั้ ฯ (อ.เจ้าศากยะ พระนามว่าสุปปพุทธะ) นัน้ ตรัสแล้ว ว่า โส อาห “ปรุ โต คจฺฉถ, ตสฺส วเทถ `นายํ (อ.ท่าน ท.) จงไป ข้างหน้า (อ.ท่าน ท.) จงกราบทูล ว่า มยา มหลฺลกตโรติ นาสฺส มคฺคํ ทสสฺ ามีต,ิ ปนุ ปปฺ นุ ํ (อ.พระสมณะผ้โู คดม) นี ้ เป็นผ้แู ก่กวา่ กวา่ เรา (ยอ่ มเป็น) หามิได้ วจุ ฺจมาโนปิ ตเถว วตฺวา นิสีทิ. สตฺถา มาตลุ สสฺ ดงั นี ้ (แก่พระสมณะผ้โู คดม) นนั้ (อ.เรา) จกั ไมใ่ ห้ ซง่ึ หนทาง สนฺตกิ า มคฺคํ อลภิตฺวา ตโต นิวตฺต.ิ (แกพ่ ระสมณะ ผ้โู คดม) นนั้ ดงั นี ้ แม้ ผ้อู นั ราชบรุ ุษ ท. กราบทลู อยู่ บ่อย ๆ ประทับน่ังตรัสแล้ ว เหมือนอย่างนัน้ น่ันเทียว ฯ อ.พระศาสดา ไมท่ รงได้แล้ว ซง่ึ หนทาง จากสำ� นกั ของพระเจ้าลงุ เสดจ็ กลบั แล้ว (จากท่ี) นนั้ ฯ (อ.เจ้าศากยะ พระนามวา่ สปุ ปพทุ ธะ) แม้นนั้ ทรงสง่ ไปแล้ว โสปิ เอกํ จารปรุ ิสํ เปเสสิ “คจฺฉ, ตสสฺ กถํ ซง่ึ บรุ ุษผ้เู ท่ียวไป คนหนง่ึ (ด้วยพระด�ำรัส) วา่ (อ.ทา่ น) จงไป สตุ ฺวา เอหีต.ิ สตฺถาปิ นิวตฺตนฺโต สติ ํ กตฺวา (อ.ทา่ น) ฟังแล้ว ซง่ึ วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว (ของพระสมณะ ผ้โู คดม) นนั้ อานนฺทตฺเถเรน “โก นุ โข ภนฺเต สติ ปาตกุ มมฺ สสฺ จงมา ดงั นี ้ฯ แม้ อ. พระศาสดา เมอ่ื เสดจ็ กลบั ทรงกระทำ� แลว้ ซงึ่ การแย้ม ปจฺจโยติ ปฏุ ฺโฐ อาห “ ปสสฺ สิ อานนฺท สปุ ปฺ พทุ ฺธนฺต.ิ ผ้อู นั พระเถระช่ือวา่ อานนท์ ทลู ถามแล้ว วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผ้เู จริญ อ.อะไรหนอแล เป็นปัจจยั แหง่ อนั กระท�ำซง่ึ การแย้มให้ปรากฏ (ยอ่ มเป็น) ดงั นี ้ ตรัสแล้ว วา่ ดกู ่อนอานนท์ (อ. เธอ) ยอ่ มเหน็ ซง่ึ เจ้าศากยะ พระนามวา่ สปุ ปพทุ ธะ หรือ ดงั นี ้ฯ (อ.พระเถระช่ือวา่ อานนท์ กราบทลู แล้ว) วา่ ข้าแตพ่ ระองค์- “ปสสฺ ามิ ภนฺเตต.ิ “ภาริยํ เตน กมมฺ ํ กตํ ผ้เู จริญ (อ. ข้าพระองค์) ยอ่ มเหน็ ดงั นี ้ฯ (อ. พระศาสดา ตรัสแล้ว) มาทิสสสฺ พทุ ฺธสสฺ มคฺคํ อเทนฺเตน, อิโต สตฺตเม ทิวเส วา่ อ. กรรม อนั หนกั (อนั เจ้าศากยะ พระนามวา่ สปุ ปพทุ ธะ) นนั้ เหฏฺฐาปาสาเท โสปาณปาทมเู ล ปฐวึ ปวิสสิ ฺสตีติ. ผ้ไู มท่ รงให้อยู่ ซง่ึ หนทางแกพ่ ระพทุ ธเจ้า ผ้เู ชน่ กบั ด้วยเรา กระทำ� แล้ว (อ.เจ้าศากยะ พระนามวา่ สปุ ปพทุ ธะ นนั้ ) จกั เข้าไป สแู่ ผน่ ดนิ ในทใี่ กล-้ แหง่ เชงิ แหง่ บนั ได ในภายใต้แหง่ ปราสาท ในวนั ที่ ๗ (แตว่ นั ) นี ้ ดงั นี ้ ฯ อ. บรุ ุษผ้เู ที่ยวไป ฟังแล้ว ซง่ึ วาจาเป็นเคร่ืองกลา่ ว นนั้ ไปแล้ว จารปรุ ิโส ตํ กถํ สตุ ฺวา สปุ ปฺ พทุ ฺธสฺส สนฺตกิ ํ สสู่ �ำนกั ของเจ้าศากยะพระนามวา่ สปุ ปพทุ ธะ ผู้ (อนั เจ้าศากยะ- คนฺตฺวา “ กึ เม ภาคเิ นยฺเยน นิวตฺตนฺเตน วตุ ฺตนฺติ พระนามวา่ สปุ ปพทุ ธะนนั้ ) ตรัสถามแล้ว วา่ (อ.ค�ำ) อะไรอนั หลาน ปฏุ ฺโฐ ยถาสตุ ํ อาโรเจส.ิ ของเรา ผ้เู มื่อกลบั ไป ตรัสแล้ว ดงั นี ้ กราบทลู แล้ว (ซง่ึ ค�ำ) อนั อนั ตนฟังแล้วอยา่ งไร ฯ ผลติ สือ่ การเรียนรู้ โดยโรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม วัดพระธรรมกาย 41 www.kalyanamitra.org
(อ.เจ้าศากยะพระนามว่าสุปปพุทธะ) นัน้ ทรงสดับแล้ว โส ตสฺส วจนํ สตุ ฺวา “ นทานิ มม ภาคเิ นยฺยสสฺ ซง่ึ ค�ำ (ของบรุ ุษผ้เู ท่ียวไป) นนั้ (ตรัสแล้ว) วา่ ในกาลนี ้ อ.โทษ- กถาโทโส อตฺถิ, อทฺธา ยํ โส วทติ ตํ ตเถว โหต,ิ เอวํ แหง่ วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว ของหลาน ของเรา มีอยู่ หามิได้, สนฺเตปิ นํ อิทานิ มสุ าวาเทน นิคฺคณฺหิสสฺ ามิ, (อ.หลาน ของเรา) นนั้ ยอ่ มตรัส (ซง่ึ ค�ำ) ใด, (อ.ค�ำ) นนั้ ยอ่ มเป็น โส หิ มํ `สตฺตเม ทิวเส ปฐวึ ปวิสสิ สฺ ตีติ อนิยเมน อยา่ งนนั้ นนั่ เทียว แนแ่ ท้ (ครัน้ เม่ือความเป็น) อยา่ งนนั้ แม้มีอยู่ นปอววิสคตสิมฺวสฺิสาตสฺ ีต`าเิมหิ,ฏอฺอาฐหถาปนาอํสิโตตาสทเทมฺ าึนโฐิ สาเปปนาฏฺณฐปาฐปยวาาึ หทํ มอปูเตลวํ สิ ปติฐาฐฺวนาวํึ (อ.เรา) จกั ขม่ (ซงึ่ หลาน ของเรา) นนั้ ด้วยการกลา่ วเทจ็ ในกาลนี,้ เพราะวา่ (อ. หลาน ของเรา) นนั้ ไมต่ รสั ถงึ แล้ว ซงึ่ เรา โดยไมก่ ำ� หนด วา่ (อ. เจ้าศากยะพระนามวา่ สปุ ปพทุ ธะ) จกั เสดจ็ เข้า ไปสแู่ ผน่ ดนิ ใน มสุ าวาเทน นิคฺคณฺหิสสฺ ามีต.ิ วนั ที่ ๗ ดงั นี ้ ตรัสแล้ว วา่ (อ.เจ้าศากยะพระนามวา่ สปุ ปพทุ ธะ) จกั เสดจ็ เข้าไป สแุ่ ผน่ ดนิ ณ ที่ใกล้แหง่ เชิงแหง่ บนั ใด ในภายใต้ แหง่ ปราสาท ดงั น,ี ้ (อ.เรา) จกั ไมไ่ ป สทู่ ่ี นนั้ จำ� เดมิ (แตว่ นั ) นี ้ในกาลน,ี ้ (ครนั้ เมอ่ื ความเป็น) อยา่ งนนั้ (มอี ย)ู่ (อ.เรา) ไมเ่ ข้าไปแล้ว สแู่ ผน่ ดนิ ในที่ นนั้ จกั ขม่ ซง่ึ หลาน ของเรา นนั้ ด้วยการกลา่ วเทจ็ ดงั นี ้ ฯ อ.เจ้าศากยะพระนามว่าสุปปพุทธะนัน้ ทรงยังราชบุรุษ โส อตฺตโน อปุ โภคชาตํ สพฺพํ สตฺตภมู ิกสสฺ ให้ยกขนึ ้ แล้ว ซงึ่ เครื่องอปุ โภค ของพระองค์ ทงั้ ปวง ในเบือ้ งบน ปาสาทสสฺ อปุ ริ อาโรเปตฺวา โสปาณํ หราเปตฺวา แหง่ ปราสาท อนั ประกอบแล้วด้วยชนั้ ๗ ทรงยงั ราชบรุ ุษให้น�ำไป ทฺวารํ ปิ ทหาเปตฺวา เอเกกสฺมึ ทฺวาเร เทฺว เทฺว แล้ว ซงึ่ บนั ใด ทรงบงั ราชบรุ ุษให้ปิ ดแล้ว ซงึ่ ประตู ทรงตงั้ ไว้แล้ว มลเฺ ล ฐเปตฺวา “ สจาหํ ปมาเทน เสหตฏฺฺตฐาเมโอปโราหสิตาทกุ ตาโเมล ซง่ึ คนปลำ� ้ ท. สอง ๆ ณ ประตู ๆ หนง่ึ ๆ ตรัสแล้ว วา่ ถ้าวา่ อ. เรา โหมิ; นิวาเรยฺยาถ มนฺติ วตฺวา เป็นผ้ใู คร่เพ่ืออนั ลง ในภายใต้ ด้วยความพลงั้ เผลอ ยอ่ มเป็นไซร้, สริ ิคพฺเภ นิสีทิ. อ. เจ้า ท. พงึ ห้าม ซงึ่ เรา ดงั นี ้ ประทบั นง่ั แล้ว ในห้องอนั เป็นสริ ิ ท่ีพืน้ แหง่ ปราสาท ที่ ๗ ฯ อ.พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ ความเป็นไปทวั่ นนั้ ตรัสแล้ว สตฺถา ตํ ปวตฺตึ สตุ ฺวา “ภิกฺขเว สปุ ปฺ พทุ ฺโธ วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ. เจ้าศากยะพระนามวา่ สปุ ปพทุ ธะ (จงประทบั นง่ั ) น เกวลํ ปาสาทตเล, เวหาสํ อปุ ปฺ ตติ ฺวา อากาเส วา ที่พืน้ แหง่ ปราสาท อยา่ งเดียว หามิได้, อ.เจ้าศากยะพระนามวา่ - นิสที ต,ุ นาวาย วา สมทุ ฺทํ ปกฺขนฺทต,ุ ปพฺพตนฺตรํ สปุ ปพทุ ธะนนั้ ทรงเหาะขนึ ้ ไปแล้ว สทู่ ้องฟ้ า จงประทบั นงั่ วา ปวิสต;ุ พทุ ฺธานํ กถาย ทฺวิธาภาโว นาม นตฺถิ, ในอากาศหรือ, หรือวา่ จงทรงแลน่ ไป สทู่ ะเล ด้วยเรือ, หรือวา่ มอนยสาุ นฺธวึตุ ฺตฆฏเฺฏฐาตเฺวนาเยวธมโมฺ สํ ปฐวึ ปวิสสิ ฺสตีติ วตฺวา จงเสดจ็ เข้าไป สรู่ ะหวา่ งแหง่ ภเู ขา, ชื่อ อ.ความเป็นโดยสว่ น เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห ๒ แหง่ วาจาเป็นเครื่องกลา่ ว ของพระพทุ ธเจ้า ท. ยอ่ มไมม่ ี, อ. เจ้า ศากยะพระนามวา่ สปุ ปพทุ ะนนั้ จกั เสดจ็ เข้าไป สแู่ ผน่ ดนิ ในที่ อนั เรา กลา่ วแล้วนน่ั เทียว ดงั นี ้เมื่อ ทรงสบื ตอ่ ซง่ึ อนสุ นธิ แสดง ซง่ึ ธรรม ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นีว้ า่ (อ.บคุ คล ยืนแลว้ ) ในอากาศเป็นทีเ่ ห็ซ่ึงรูปในระหว่าง “ น อนตฺ ลิกฺเข, น สมทุ ฺทมชฺเฌ, (พึงพน้ จากมจั จ)ุ หามิได้ (อ.บคุ คล ยืนแลว้ ) ในท่าม น ปพพฺ ตานํ วิวรํ ปวิสสฺ , กลางแห่งทะเล (พึงพน้ จากมจั จ)ุ หามิได,้ (อ.บคุ คล) น วิชฺชเต โส ชคติปปฺ เทโส, เข้าไปแล้ว สู่ช่องแห่งภูเขา ท. (พึงพ้น จากมจั จุ) ยตฺรฏฺฐิตํ นปปฺ สเหยฺย มจฺจูติ. หามิได,้ อ.มจั จุ ไม่พึงรงั ควาน (ซึ่งบคุ คล) ผูย้ ืนแลว้ (ในประเทศแห่งแผ่นดิน) ใด (อ. ประเทศแห่งแผ่นดิน) นนั้ ย่อมไม่มี ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ.มรณะ ไมพ่ งึ รงั ควาน คอื วา่ ไมพ่ งึ ครอบงำ� ตตฺถ นปปฺ สเหยยฺ มจจฺ ตู :ิ ยสฺมึ ปเทเส ติ ํ มรณํ (ซงึ่ บคุ คล) ผ้ยู ืนแล้ว ในประเทศ ใด, อ.ประเทศแหง่ แผน่ ดนิ นปฺปสเหยฺย นาภิภเวยฺย, เกสคฺคมตฺโตปิ โส นนั้ แม้มีปลายแหง่ ผมเป็นประมาณ ยอ่ มไมม่ ี (ดงั นี ้ ในบท ท.) ปฐวปิ ปฺ เทโส นตฺถิ. เหลา่ นนั้ หนา (แหง่ หมวดสองแหง่ บท) วา่ นปปฺ สเหยยฺ มจจฺ ุ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ 42 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
(อ.ค�ำ) อันเหลือ เป็ นเช่นกับด้ วยค�ำมีในก่อนน่ันเทียว เสสํ ปรุ ิมสทิสเมวาต.ิ (ยอ่ มเป็น) ดงั นีแ้ ล ฯ ในกาลเป็ นท่ีสุดลงแห่งการเทศนา (อ.ชน ท.) มาก เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ บรรลุแล้ว (ซง่ึ อริยผล ท.) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ ในวนั ที่ ๗ อ.ม้าตวั เป็นมงคล ของเจ้าศากยะพระนามวา่ สตฺตเม ทิวเส สตฺถุ ภิกฺขาจารมคฺคสฺส สปุ ปพทุ ธะ ในภายใต้แหง่ ปราสาท เป็นสตั วค์ ะนอง เป็น กระแทกแลว้ อนทุิรุทฺทฺธาเโวมลหายตุ ฺวเาหตฏฺํฐตาํ ปภาิตสฺตาึเปทหสรปุิ. ปฺ พทุ ฺธสฺส มงฺคลสโฺ ส ซงึ่ ฝา นนั้ ๆ ในเวลา แหง่ หนทางเป็นที่เท่ียวไป เพ่ือภิกษา ของพระศาสดา (อนั เจ้าศากยะพระนามวา่ สปุ ปพทุ ธะ) ทรงปิดแล้ว ฯ (อ.เจ้ าศากยะพระนามว่าสุปพุทธะ) นัน้ ประทับนั่งแล้ว โส อปุ ริ นิสนิ ฺโนวสฺส สทฺทํ สตุ ฺวา “กึ เอตนฺติ ในเบอื ้ งบน เทยี ว ทรงสดบั แล้ว ซง่ึ เสยี ง (ของม้าตวั เป็นมงคล) นนั้ ปจุ ฺฉิ. “มงฺคลสฺโส อทุ ฺทาโมต.ิ โส ปนสโฺ ส สปุ ปฺ พทุ ฺธํ ตรัสถามแล้ว วา่ อ.เสียง นนั่ อะไร ดงั นี ้ ฯ (อ.ราชบรุ ุษ ท. ทิสฺวาว สนฺนิสที ต.ิ อถ นํ โส คณฺหิตกุ าโม หตุ ฺวา กราบทลู แล้ว) วา่ อ. ม้าตวั เป็นมงคล เป็นสตั ว์คะนอง (ยอ่ มเป็น) นิสนิ ฺนฏฺฐานา อฏุ ฺฐาย ทฺวาราภิมโุ ข อโหส.ิ ดงั นี ้ฯ ก็ อ.ม้า นนั้ เหน็ แล้ว ซงึ่ เจ้าศากยะพระนามวา่ สปุ พทุ ธะ เทียว ยอ่ มสงบ ฯ ครัง้ นนั้ (อ. เจ้าศากยะพระนามวา่ สปุ พทุ ธะ) นนั้ เป็นผ้ทู รงพระประสงค์เพื่ออนั ทรงจบั (ซงึ่ ม้าตวั เป็นมงคล) นนั้ เป็ น เสด็จลุกขึน้ แล้ว จากที่แห่งพระองค์ประทับน่ังแล้ว เป็นผ้มู ีพระพกั ตร์เฉพาะตอ่ ประตู ได้เป็นแล้ว ฯ อ.ประตู ท. เปิ ดแล้ว เองนนั่ เทียว, อ. บนั ได ตงั้ อย่แู ล้ว ขติปิ ึํ.สท.ทุ ฺวฺวเาอาเเรรตานนปุิติ สาายเยมเมนลวฺลสาวติวตฺตฏํสคาปุนีวิ าิ,ตยโเสํ ลคปสเหาุ ณตทฺวฺวํ าาสรกเาหฏนฏฺฐิฺาฐสาเยนภเเิมมยขุววํ ในที่อนั เป็นของตนนนั่ เทียว ฯ อ. คนปลำ� ้ ท. ผ้ยู ืนแล้ว ณ ประตู จบั แล้ว (ซง่ึ เจ้าศากยะพระนามวา่ สปุ พทุ ธะ) นนั้ ทพ่ี ระศอ โยนไปแล้ว (กระท�ำ) ให้เป็นผ้มู ีพระพกั ตร์เฉพาะตอ่ ภายใต้ ฯ อ.ประตู ท. วิวฏานิ, โสปาณานิ ยถาฐาเนสุ ติ านิ. ทพี่ นื ้ ท. แม้ ๗ เปิดแล้ว เองนนั่ เทยี ว โดยอบุ าย นนั่ , อ. บนั ได ท. ตงั้ อยแู่ ล้ว ในท่ีอยา่ งไร ท. ฯ อ.คนปล�ำ้ ท. ในที่ นัน้ ๆ จับแล้ว (ซ่ึงเจ้าศากยะพระนาม ตตฺถ ตตฺถ มลฺลา ตํ คีวายเมว คเหตฺวา วา่ สปุ พทุ ธะ) นนั้ ที่พระศอนน่ั เทียว โยนไปแล้ว (กระท�ำ) ให้เป็น- โเสหปฏฺาฐณาภปิมาทุขมํ ลู ํขิปึสสมุ. ปฺ ตอฺตถเมว นมํ หาเหปฏฐวฺ ฐี าวปวิ ารมสาานเทา ผ้มู พี ระพกั ตร์เฉพาะตอ่ ภายใต้ ฯ ครงั้ นนั้ อ. แผน่ ดนิ ใหญ่ เปิดอยู่ แยกแล้ว รับพร้ อมแล้ว (ซ่ึงเจ้าศากยะพระนามว่าสุปพุทธะ) ภิชฺชิตฺวา สมปฺ ฏิจฺฉิ. โส คนฺตฺวา อวีจิมหฺ ิ นิพฺพตฺตีต.ิ นนั้ ผ้ทู รงถงึ พร้อมแล้ว ซง่ึ ท่ีใกล้ท่ีเชิงแหง่ บนั ได ในภายใต้แหง่ ปราสาท นั่นเทียว ฯ (อ.เจ้าศากยะพระนามว่าสุปพุทธะ) นัน้ เสดจ็ ไปแล้ว ทรงบงั เกิดแล้ว ในนรกชื่อวา่ อเวจี ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งเจ้าศ(าจกบยแะลพ้วร)ะฯนามว่าสุปพุทธะ สุปปฺ พุทธฺ สกกฺ วตถฺ ุ. อ.กถาเป็ นเคร่ืองพรรณนาซ่งึ เนือ้ ความแห่งวรรค ปาปวคคฺ วณฺณนา นิฏฺ ฐิตา. อันบณั ฑติ กำ� หนดแลัวด้วยบาป จบแล้ว ฯ อ.วรรค ท่ี ๙ (จบแล้ว)ฯ นวโม วคโฺ ค ผลิตส่ือการเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปริยตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 43 www.kalyanamitra.org
๑๐. อ.กกถอาันเปบ็ นณั เ(ฑคอรันติ ่ือขกง้าำ� พพหรเนรจดณ้าแนจละา้วกดซล้่วงึ ่าเยวนอ)ือ้าคชวญาามแห่งวรรค ๑๐. ทณฺฑวคคฺ วณฺณนา ๑. อ.เร่ืองแห่งภกิ ษุผู้นับเน่ืองแล้งในพวก ๖ ๑. ฉพพฺ คคฺ ยิ ภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. (อันข้าพเจ้า จะกล่าว) ฯ อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ “ สพเฺ พ ตสนฺตตี ิ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน ซง่ึ ภิกษุ ท. ผ้นู บั เนื่องแล้ว ในพวก ๖ ตรัสแล้ว ซง่ึ พระธรรมเทศนา วหิ รนฺโต ฉพฺพคฺคเิ ย ภิกฺขู อารพฺภ กเถส.ิ นี ้ วา่ สพเฺ พ ตสนฺติ ดงั นีเ้ป็นต้น ฯ ดงั จะกลา่ วโดยพิสดาร ในสมยั หนงึ่ , ครัน้ เมื่อเสนาสนะ เอกสมฺ ึ หิ สมเย, สตฺตรสวคฺคเิ ยหิ เสนาสเน (อนั ภิกษุ ท.) ผ้นู บั เนื่องแล้วในพวก ๑๗ ปฏิบตั แิ ล้ว, อ.ภิกษุ ท. ปฏิชคฺคิเต, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู “นิกฺขมถ, มยํ ผ้นู บั เนื่องแล้วในพวก ๖ กลา่ วแล้ว วา่ (อ.ทา่ น ท.) จงออกไป มหลฺลกตรา, อมหฺ ากํ เอตํ ปาปณุ าตีติ วตฺวา, เตหิ อ.เรา ท. เป็นผ้แู ก่กวา่ (ยอ่ มเป็น), (อ. เสนาสนะ) นน่ั ยอ่ มถงึ แก่เรา “น มยํ ทสฺสาม, อมฺเหหิ ปฐมํ ปฏิชคฺคิตนฺติ ท. ดงั นี,้ (ครัน้ เมื่อค�ำ) วา่ อ. เรา ท. จกั ให้ หามิได้, (อ.เสนาสนะนนั้ ) วตุ ฺเต, เต ภิกฺขู ปหรึส.ุ อนั เรา ท. ปฏบิ ตั แิ ล้ว กอ่ น ดงั นี ้ (อนั ภกิ ษุ ท.) เหลา่ นนั้ กลา่ วแล้ว, ประหารแล้ว ซง่ึ ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ฯ (อ.ภิกษุ ท.) ผ้นู บั เนื่องแล้วในพวก ๑๗ ผ้อู นั ภยั แตค่ วาม- สตฺตรสวคฺคยิ า มรณภยตชฺชิตา มหาวริ วํ วิรวสึ .ุ ตายคกุ คามแล้ว ร้องแล้ว ร้องใหญ่ ฯ อ. พระศาสดา ทรงสดบั แล้ว สตฺถา เตสํ สทฺทํ สุตฺวา “กึ อิทนฺติ ปุจฺฉิตฺวา, ซง่ึ เสียง (ของภิกษุ ท.) เหลา่ นนั้ ตรัสถามแล้ว วา่ (อ.เหต)ุ นี ้ อะไร “อิทนฺนามาติ อาโรจิเต, “น ภโยิกฺขกเวโรตอิ,ิโตอปิทฏนฺ ฺนฐาามย ดงั นี ้ (ครัน้ เม่ือค�ำ) วา่ (อ.เหต)ุ ชื่อ นี ้ ดงั นี ้ (อนั ภิกษุ ท. เหลา่ นนั้ ) ภิกฺขนุ า นาม เอวํ กตฺตพฺพํ, กราบทลู แล้ว (ตรัสแล้ว) วา่ ดกู ่อนภิกษุ ท. (อ.กรรม) อยา่ งนี ้ อาปชฺชตีติ ปหารทานสิกฺขาปทํ ปญฺญาเปตฺวา ช่ือ อนั ภิกษุ ไมพ่ งึ กระท�ำ จ�ำเดมิ (แตก่ าล) นี ้ (อ.ภิกษุ) ใด “ ภิกฺขเว ภิกฺขนุ า นาม `ยถา อหํ; ตเถว อญฺเญปิ ยอ่ มกระท�ำ (อ. ภิกษุ นนั้ ) ยอ่ มต้อง (ซง่ึ วีตกิ กมนะ) ช่ือ นี ้ ดงั นี ้ ทณฺฑสฺส ตสนฺติ มจฺจุโน ภายนฺตีติ ญตฺวา ทรงบญั ญตั แิ ล้ว ซง่ึ ปหารทานสกิ ขาบท ตรสั แล้ว วา่ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. ปโร น ปหริตพฺโพ น ฆาเตตพฺโพติ วตฺวา อนสุ นฺธึ (อ.สตั ว์) อ่ืน ชื่อ อนั ภิกษุ รู้แล้ว วา่ อ.เรา (ยอ่ มสะด้งุ ตอ่ อาชญา ฆเฏตฺวา ธมมฺ ํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห ยอ่ มกลวั ตอ่ ความตาย) ฉนั ใด (อ.สตั ว์ ท.) แม้เหลา่ อน่ื ยอ่ มสะด้งุ ต่ออาชญา ย่อมกลัว ต่อความตาย ฉันนัน้ นั่นเทียว ดังนี ้ ไมพ่ งึ ประหาร ไมพ่ งึ (ยงั บคุ คล อ่ืน) ให้ฆา่ ดงั นี ้ เมื่อ ทรงสืบตอ่ ซง่ึ อนสุ นธิ แสดง ซงึ่ ธรรม ตรัสแล้ว ซงึ่ พระคาถา นี ้วา่ (อ.สตั ว์ ท.) ทงั้ ปวง ย่อมสะดงุ้ ต่ออาชญา (อ.สตั ว์ ท.) “ สพเฺ พ ตสนตฺ ิ ทณฺฑสฺส, สพเฺ พ ภายนตฺ ิ มจฺจโุ น, ทงั้ ปวง ย่อมกลวั ต่อความตาย (อ.บคุ คล) กระท�ำแลว้ อตฺตานํ อปุ มํ กตฺวา น หเนยฺย น ฆาตเยติ. ซ่ึงตน ใหเ้ ป็นเครือ่ งเปรียบ ไมพ่ งึ ฆา่ ไมพ่ งึ (ยงั บคุ คล อืน่ ) ใหฆ้ ่า ดงั นี้ ฯ (อ.อรรถ) วา่ อ. สตั ว์ ท. แม้ทงั้ ปวง ครัน้ เม่ืออาชญา ตกไปอยู่ ตตฺถ สพฺเพ ตสนฺตีติ: สพฺเพปิ สตฺตา, ในตน ยอ่ มสะด้งุ ตอ่ อาชญา นนั้ ดงั นี ้ (แหง่ - ในบท ท.) เหลา่ นนั้ อตฺตนิ ทณฺเฑ ปตนฺเต, ตสฺส ทณฺฑสสฺ ตสนฺต.ิ หนา – (หมวดสองแหง่ บท) วา่ สพเฺ พ ตสนฺติ ดงั นี ้ฯ (อ.อรรถ) วา่ ยอ่ มกลวั แม้ตอ่ ความตายนน่ั เทยี ว (ดงั นี ้ แหง่ บท) มจจฺ ุโนต:ิ มรณสฺสาปิ ภายนฺตเิ ยว. วา่ มจจฺ โุ น ดงั นี ้ ฯ 44 ธรรมบทภาคท่ี ๕ สองภาษา แปลโดยพยญั ชนะ และ บาลี www.kalyanamitra.org
ก็ อ.พยญั ชนะ แหง่ พระเทศนา นี ้ เป็นคำ� มสี ว่ นเหลอื ลงออกแล้ว อิมิสสฺ า จ เทสนาย พฺยญฺชนํ นิรวเสส,ํ อตฺโถ ปน (ย่อมเป็ น) ส่วนว่า อ.เนือ้ ความ เป็ นไปกับด้วยส่วนเหลือลง สาวเสโส. (ยอ่ มเป็น) ฯ เหมอื นอยา่ งวา่ ครนั้ เมอื่ กลอง อนั พระราชา (ทรงยงั ราชบรุ ุษ ท.) ยถา หิ รญฺญา “สพฺเพ สนฺนิปตนฺตูติ ให้เท่ียวไปแล้ว (มีอนั ให้รู้) วา่ (อ. ชน ท.) ทงั้ ปวง จงประชมุ กนั ดงั นี ้ เภริยา จาราปิ ตาย ราชมหามตฺเต ฐเปตฺวา (เป็นเหต)ุ (อ.ชน ท.) ผ้เู หลอื เว้น ซง่ึ พระราชาและมหาอำ� มาตย์ ท. เสสา สนฺนิปตนฺต;ิ เอวเมว “สพฺเพ ตสนฺตีติ วตุ ฺเตปิ , ยอ่ มประชมุ กนั ฉนั ใด (ครัน้ เม่ือพระด�ำรัส) วา่ (อ.สตั ว์ ท.) ทงั้ ปวง “หตฺถาชาเนยฺโย อสฺสาชาเนยฺโย อสุ ภาชาเนยฺโย ยอ่ มสะด้งุ ดงั นี ้(อนั พระผ้มู ีพระภาคเจ้า) แม้ตรัสแล้ว (อ. สตั ว์ ท.) ขีณาสโวติ อิเม จตฺตาโร ฐเปตฺวา อวเสสา ตสนฺตีติ ผ้เู หลือลง เว้น (ซง่ึ สตั ว์และบคุ คลผ้วู เิ ศษ ท. ๔) เหลา่ นี ้ คือ เวทิตพฺพา. อ.ช้ างผู้อาชาไนย อ.ม้ าผู้อาชาไนย อ.โคผู้อาชาไนย อ.พระขีณาสพ (อนั บณั ฑิต) พงึ ทราบ วา่ ยอ่ มสะด้งุ ดงั นี ้ ฉนั นนั้ นน่ั เทียว ฯ จริงอยู่ อ.- (ในสัตว์และบุคคลผู้วิเศษ ท.) เหล่านี ้ หนา - อิเมสุ หิ ขีณาสโว นสภกาฺกยาตยิ,ทอิฏิตฺ ฐเิยร าตโปยหสีนกตฺกฺตายา พระขีณาสพ ไมเ่ หน็ อยู่ ซง่ึ สตั ว์ผ้จู ะไมต่ าย ช่ือวา่ ยอ่ มไมก่ ลวั มรณกสตฺตํ อปสฺสนฺโต เพราะความท่ีแห่งสักกายทิฏฐิ เป็ นธรรมชาติอันตนละได้แล้ว อทปิฏฺสฐฺสิยนาฺตาพนลวภตฺาตยานฺตอ.ิ ตนฺตโนหเนปยฏยฺ ิปกนฺขภฆูตาํ ตสเยตตฺต:ิ ํ (อ. สตั ว์ผ้วู ิเศษ ท.) ๓ นอกนี ้ ไมเ่ หน็ อยู่ ซงึ่ สตั ว์ ผ้เู ป็นข้าศกึ ตอ่ ตน เป็นแล้ว เพราะความที่ แหง่ สกั กายทิฏฐิ เป็นธรรมชาตมิ ีก�ำลงั ยถา อหํ; เอวํ อญฺเญปิ สตฺตาติ น ปรํ หเนยฺย ชื่อว่าย่อมไม่กลัว ฯ (อ.อรรถ) ว่า อ.บุคคล รู้แล้ว ว่า อ.เรา น หนาเปยฺยาติ อตฺโถ. (ยอ่ มสะด้งุ ตอ่ อาชญา ยอ่ มกลวั ตอ่ ความตาย) ฉนั ใด อ. สตั ว์ ท. แม้เหลา่ อ่ืน (ยอ่ มสะด้งุ ตอ่ อาชญา ยอ่ มกลวั ตอ่ ความตาย) ฉนั นนั้ ดงั นี ้ ไมพ่ งึ ฆา่ ไมพ่ งึ (ยงั บคุ คล อ่ืน) ให้ฆา่ (ซง่ึ สตั ว์) อื่น ดงั นี ้ (แหง่ บาทแหง่ พระคาถา) วา่ น หเนยยฺ น ฆาตเย ดงั นี ้ฯ ในกาลเป็นท่ีสดุ ลงแหง่ เทศนา (อ.ชน ท. ) มาก บรรลแุ ล้ว เทสนาวสาเน พหู โสตาปตฺตผิ ลาทีนิ ปาปณุ สึ ตู .ิ (ซงึ่ อริยผล ท. ) มีโสดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดงั นีแ้ ล ฯ อ.เร่ืองแห่งภกิ ษ(จุผบู้นแับลเ้วน)่ือฯงแล้วในพวก ๖ ฉพพฺ คคฺ ยิ ภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. ๒. อ. เร(อ่ือันงแข้หาพ่งภเจกิ ้าษุผจู้นะับกเลน่า่ือวง)แฯล้วใน ๖ ๒. ฉพพฺ คคฺ ยิ ภกิ ขฺ ุวตถฺ ุ. อ.พระศาสดา เมื่อประทบั อยู่ ในพระเชตวนั ทรงปรารภ ซงึ่ “สพเฺ พ ตสนฺตตี ิ อิมํ ธมมฺ เทสนํ สตฺถา เชตวเน ภิกษุ ท. ผ้นู บั เนื่องแล้วในพวก ๖ ตรัสแล้ว ซงึ่ พระธรรมเทศนา นี ้ วหิ รนฺโต ฉพฺพคฺคเิ ย ภิกฺขู อารพฺภ กเถส.ิ วา่ สพเฺ พ ตสนฺติ ดงั นีเ้ป็นต้น ๆ ดงั จะกลา่ วโดยยอ่ ในสมยั หนง่ึ (อ.ภิกษุ ท. ผ้นู บั เน่ืองแล้ว เอกสมฺ ึ หิ สมเย เตเนว การเณน ปรุ ิมสกิ ฺขาปเท ในพวก ๖) ประหารแลว้ (ซง่ึ ภกิ ษุ ท.) ผ้นู บั เนอื่ งในพวก ๑๗ ในสกิ ขาบท สตฺตรสวคฺคิเย ปหรึสุ. เตเนว การเณน เตสํ อนั มีในก่อน ด้วยเหตุ นนั้ นนั่ เทียว ฯ (อ. ภิกษุ ท. ผ้นู บั เน่ืองแล้ว ตลสตฺตกิ ํ อคุ ฺคริ ึส.ุ ในพวก ๖) เงอื ดเงอื ้ แล้ว ซงึ่ หอกคอื ฝ่ามอื (แกภ่ กิ ษุ ท. ผ้นู บั เนอ่ื งแล้ว ในพวก ๑๗) เหลา่ นนั้ ด้วยเหตุ นนั้ นนั่ เทียว ๆ ผลิตสอื่ การเรยี นรู้ โดยโรงเรียนพระปรยิ ตั ิธรรม วดั พระธรรมกาย 45 www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127