Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แม่บทเดินทางข้ามวัฏสงสาร

แม่บทเดินทางข้ามวัฏสงสาร

Description: แม่บทเดินทางข้ามวัฏสงสาร

Search

Read the Text Version

ต้องปลีกตัวออกมา แสวงหาที่สงัดกาย สงัดใจ ^ |]กทำสมาธิ ทำ ใจให้หยุดให้นิ่ง จนกระทั่งหมด ;■ทํ' อายุขัย เมื่อละโลกแล้วบางชาดิเข้าไปเปีนเทวดา บางชาติเปีนพรหมอยู่ยาวนานทีเดียว แล้วก็ ตัองมาเกิดใหม่มาทำใจหยุดใจนิ่ง กสนใจให้ บริสุทธซํ้าแล้วชํ้าอีก จนกระทั่งภพชาติสุดท้ายเมื่อบารมีเต็มเปียมก็ไต้บรรลุเปีนพระอรหันด- ลมมาส้มพุทธเจ้า มีธรรมจักขุ มีญาณท้สลนะเกิดขึ้น หายสงส้ยเกี่ยวตับความ เปีนไปของซีวิด เพราะฉะนั้น สิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือ การทำจิตให้บริสุทธ เพื่อให้เกิดธรรมจักขุ และญาณท้สสนะที่จะทำลายความสงลัยทั่งหลายที่มื อยู่นี้ เป็นสิ่งที่ส์าคัญและ ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใดทั่งหมด เพราะนี่คือหัวใจ ของนักสร้างบารมี ที่มีเป้าหมายจะไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม... วันอาทิตย์ที่๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕(TB www.kalyanamitra.org ๑๐®]

อโห พทโธ ...ธรรมกาย คือ กายตร้สรู้ธรรม ที่มีอยู่ในกลางกายของมนุษย์ ทุกคนในโลก ไม่ว่าเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพ้นธ็ใดก็ดาม แต่ว่ามนุษย์ ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าในต้วมีกายตรัสรู้ธรรมอยู่ ไม่รู้เพราะว่าไม่มีใครมา บอกให้รู้ ไม'ได้สืกษา ไม่เคยได้ยินได้ฟัง แต่ผู้รู้เขาเห็นว่าในด้วเขามี ธรรมกาย ตัวเพื่อนมนุษย์ก็มีธรรมกาย เป็นกายดรัสรู้ธรรม เพราะกายนี้ คือ กายผุ้ร้ ผ่'ตื่น ผ่'เบิกบาน บางครั้งเรียกว่า พุทธรัดนะ เพราะกายท่านเป็นแก้ว คือ จ]*ช จ/ จ] จ ไสบริลทธิ้ยิ่งกว่าเพชร สวยงามมาก ประกอบไปด้วยลักษณะมหาบุรษครบก้วน ทุกป,ระการ iมีเกตุดอกบ้1.วดูม ลrักษณะคล้1ายกัJบดอกบัรูว้ ลIัตดบงกชเลi็กๆ ตโังอยู.่ บนจอมกระหม่อม บนพระเศียรของพระองค์ที่มีเล้นพระศก หรือเล้นผมเหมือน '๑๐๒\" www.kalyanamitra.org

เป็นทักษิณาว้ตรเวียนขวา แด่ไม่ได้ช้อนสูงขึ้นมาเหมือนก้นหอย แด่แนบสนิท ติดศีรษะ เรียงก้นเป็นระเบียบสวยงามทีเดียว กายนี้ คือ กายตรัสรู้ธรรม พระ- สิทธัตถส้มมาส้มพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ตรัสรูใหม่ๆ พอพระองค์เห็นเช้าเท่านั้น ทรงอุทาน อโห พุทโธ เลยทีเดียว โอโฮ นี่หรือพระพุทธเจ้า ทรงปลื้มใจทีเดียว หรือถ้าเป็นภาษาไทยก็ว่า โอโฮ นี่แหละกายผ้ร้ ผ้ตื่น ผ้เบิกบานแล้ว <น<11 ^ ^ อโห พุฑโธ เป็นเนมิตกนาม คือ เป็นขึ้อที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับการ บังเกิดขึ้นของธรรมกาย หรือการบังเกิดขึ้นของพุทธรัตนะ เป็นกาย ตรัสรู้ธรรม หรือบางฑีเรืยกว่า พุทธรัตนะ ตั้งอยู่ในกลางกายของเรา ขนาด เล็กเท่าปลายเข็มเรื่อยไป กระทั่งโตใหญ่ ๕ วา ๑๐ วา ๑๕ วา ๒๐ วา หรือมี ขนาดโตใหญ่หนักยิ่งขึ้นไป จนกระทั่งไม่มีที่สูด นี่แหละกายธรรม กายพระ- ส้มมาส้มพุทธเจ้า เมื่อเช้าถึงพระธรรมกาย ธรรมจ้กขุก็บังเกิดขึ้น ทำ ให้เห็นได้ ทุกทิศพุกทางในเวลาเดียวก้น แดกด่างจากการเห็นด้วยดามนุษย์ เพราะมนุษย์เวลาจะเห็นอะไร เห็นได้ทีละทาง ถ้าอยากเห็นช้างหนัา ก็มองไปช้างหน้า อยากเห็นช้างหส้งก็กลับหส้งหัน อยากเห็นทางช้ายก็เหลียว ช้าย อยากเห็นทางขวาเหลียวขวา อยากเห็นช้างบนก็เงยหน้า อยากเห็นช้าง ล่างก็ก้มลง แด่พระธรรมกาย ท่านหยุดอยู่จุดเดียวในกลางกายท่าน เห็นได้ ทุกทีศทุกทาง บางทีก็เรียกว่า สมันดจักษุ คือ มีดวงดารอบตัว ซึ่งไม่ได้หมาย ถึงการเอาลูกนัยน์ดา ไปติดรอบตัว แด่ว่าเห็นได้ทุกทิศทุกทางในเวลาเดียวก้น เป็นอัศจรรย์ และทำให้เรามีญาณทัสสนะ เป็นเครื่องรู้บังเกิดขึ้น เห็นไปถึงไหน ก็รู้ถึงนั้น เห็นในอดีตก็รู้เรื่องในอดีต เห็นในปัจจุบันก็รู้เรื่องในปัจจุบัน น้อมไป ในอนาคตก็เห็นเรื่องในอนาคต รู้เรื่องอนาคต การเห็นอย่างวิเศษนี้ ภาษาบาลีใช้คำว่า \"วิปัสสนา\" หมายถึงการเห็น อันวิเศษเป็นการเห็นอย่างแจ่มแจ้ง เหมือนดึงของในที่มีดออกมาสู่ที่แจ้ง เป็น การเห็นที่แตกด่างจากการเห็นด้วยตามนุษย์ เทวดา พรหม อรูปพรหม เห็น ไดีเกขึ้งกว้างไกลกว่าก้นนัก เพราะท่านเป็นกายที่อยู่นอกภพ เห็นดลอดทั้งกาย ที่อยู่ในภพ เรื่องราวของสิ่งที่อยู่ในภพสาม ทั้งกามภพ รูปภพ อรูปภพ เห็นสิ่ง www.kalyanamitra.org \\ ๐๓ ;

ที่อยู่นอกภพสามขึ้นไป คืออายตนนิพพานก็เห็นได้ รู้เรื่องราวได้ เห็นได้ครบ วงจร เห็นได้สมบูรณ์ทีเดียว ความรูจึงสมบูรณ์ แล้วปัญญาบริสุทธิ้จึงบังเกิดขึ้น เพราะเมื่อเราเข้าถึงพระธรรมกาย โลกและจักรวาลก็อยู่ในสายตา ความลี้ลับ ของสรรพส้ตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย ก็จะถูกเปีดเผยด้วยธรรมจักขุของพระ ธรรมกายและญาณบัสสนะอ้นบริสุทธี้ของท่าน พระธรรมกายเป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ของเรา พึ่งท่านได้ พอไปถึงแล้วลืมไปเลยว่า มีความทุกข์ เศร้า ซึม เซ็ง เครียด เบื่อ กลุ้ม หายหมด นี่คือความอัศจรรย์ของพระธรรมกายในตัวเราทุก ๆ คน เข้าถึงไตั เมื่อไรปีดประดูอบายภูมิ นรกไม่ตัองไป ไม่ตัองไปเกิดเป็นเปรด อสุรกาย หรือสัตว์เดรัจฉาน ดายแล้วก็ไปเกิดอยู่ในสุคติภพ ชาวสวรรค์เขามา อัญเชิญทีเดียวไหไปบังเกิดไปเป็นสหายแห่งชาวสวรรค์Iนภพภูมินั้นๆ เหมือน อย่างธรรมิกอุบาสก ท่านเข้าถึงพระธรรมกาย เป็นพระอริยบุคคล มองเห็นด้วย ดาธรรมกาย ดอนใกล้จะละโลก ชาวสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น ตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ตุสิด นิมมานรดี ปรนิมมิดวสวัตตี มาอัญเชิญไห่ไปอยู่ด้วย เพราะท่านเหล่านั้นท่านรักชอบคนที่มีธรรมกาย เป็นธรรมกาย อยู่ใกล้แล้วเย็น อยู่ใกล้แล้วได้รู้เรื่องราวต่างๆ อยู่ใกล้แล้วได้บุญได้กุศล เพราะฉะนั้นธรรมกาย นี่แหละ เป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสงสดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย มีอย่ในตัวของเรา... ขจ วันอาทิตย์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕cr๕ ๑๐๔ www.kalyanamitra.org

/ ภารกิจของนักสร้างบารมื ...ทุกๆ คนพึงตั้งใจให้ดี ให้ทำความเลื่อมใสในพระรัตนดรัย เพราะพระ รัดนตรัยเป็นแหล่งกำเนิดแห่งบุญกุศลที่จะทำให้เราได้สำเร็จสมปรารถนาทุกอย่าง กระทั่งได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เนื่องจากว่าพระรัตนตรัยมีอานุภาพยิ่งใหญ่ www.kalyanamitra.org ๑๐๕

ไม่มีประมาณ พระส้มมาส้มพุทธเจ้าได้ตรัสว่า \"เมื่อบุคคลเลื่อมใสโนพระรัตนตรัย อันเลิศ คือเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าผู้เป็นทักขิไณยบุคคล อันเยี่ยม เลื่อมใสใน พระธรรมอันประเสริฐ ซึ่งเป็นที่สิ้นไปแห่งความ กำ หนัด เลื่อมใสในพระสงฟ้อันเลิศ ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญอันเยี่ยม แล้วได้ถวายทานในพระรัดนตรัย อ้นเลิศนี้ บุญอัน เลิศย่อมเจริญ อายุ วรรณะ สุขะ ยศ เกียรติ และพละอันเลิศ ย่อมเจริญแก่ บุคคลนั้น\" ความเลื่อมใสในพระรัดนตรัย จึงเป็นทางมาแห่งบุญกศลอันยิ่งใหญ่ ไพศาล เป็นทางมาแห่งความสุข และความสำเร็จในชีวิต ความสมบูรณ์พร้อม ทุกอย่างจะเกิดขื้นได้กีด้องอาอัยการสั่งสมบุญ บุญ แปลว่าเครื่องชำระใจให้สะอาดบริสุทธผ่องใสจากสรรพกิเลส ทั้งหลาย มืดวามโลภ ความโกรธ ความหลงเป็นต้น เหมือนนํ้าที่ชำระความ สกปรก บุญก็เป็นเครื่องขจ้ดสิงที่ทำให้เป็นมลทนของใจให้หมดสินไป เป็นกระแสแห่งความบริสุทรใสๆ สว่างๆ ขจ้ดกระแสที่มืดมนอนธกาล ความมืดของความโลภ ความโกรธ ความหลง ถูกขจัดต้วยความสว่างของ ทาน ของสืล ของภาวนา เป็นปรปักษ์ทัน เป็น ของคู่ทัน มืดทับสว่าง บุญ คือความสว่างและเป็นความ V \\ สว่างจริงๆ กระแสใสๆ บาปเป็นความ มืดแล้วกิมืดจริงๆ เป็นสีดำกิทำให่ใจ เราดำ ขุ่นมัว เศร้าหมอง มีความ ทุกข์ทรมาน ความคิดเรากิจะไม่ดี ไร> คำ พูดและการกระทำกิพลอยไม่ดี >ไ ผลกิคือความทุกข์ทรมานแล้วกิ iชุ^* แพร่ขยายระบาดไปทั้ว บุญเป็น สิ่งที่ตรงทันข้ามกับบาป เป็นความ สว่าง เป็นความบริสุทธที่เมื่อผ่าน www.kalyanamitra.org

กระแสใจของเราแล้ว นำ มาซึ่งความสุขความเจริญ ความคิดที่ดี คำ พูดและการ กระทำที่ดี และยิ่งแผ่กระแสแห่งความดีความสุขขยายกว้างขวางออกไปอีก นั่นแหละเป็นบุญของเรา บุญที่ได้จากการฟังธรรม เป็นบุญที่จะทำให้เราดำเนินสิวิตได้ถูก ด้อง จะขจัดความสงสัย ความไม่รู้ในใจของเรา ให้หมดสินไป สิงที่เรา สงสัยก็หายสงสัย เราจะเข้าใจแจ่มแจ้ง เมื่อเข้าใจแล้วก็จะมีผลทำให้เกิด กำ ล้งใจอยากจะปฏิบัติธรรม อยากจะดำเนินข้วิตให้ถูกด้อง แล้วเราก็จะ ลงมีอปฏิบัติจะได้เข้าถึงธรรม เข้าถึงความจริงของชีวิด สิงที่มีจริงอยู่ใน ด้วของเรา ซึ่งจุดหมายปลายทางทำให้เราได้เข้าถึงความสุขที่แห้จริง นั่น คืออานิสงสัที่เราได้รับ สิงที่เราสงสัยก็หายสงสัย สิงที่เราเคยได้ยินได้ฟัง แล้วฟังซํ้าอีกก็แจ่มแจ้งเพิ่มขึ้น ใจที่ขุ่นม้วก็เลื่อมแล้วก็ใสขึ้น เลื่อมก็คือ เป็นเงา ค่อย ๆ คลี่คลายออกมาจากความมีดแล้วก็ใสเหมีอนเพชร กระจ่าง ทีเดียวใจที่ใสที่กระจ่างนั่นแหละเป็นดวงใจที่ทำให้เราดำเนินชีวิตได้ถูกด้อง มีดวามคิด พูด และการกระทำที่ถูกด้อง ผลก็คือความสุขอันเป็นอมตะ ให้เรานึกถึงบุญที่เราได้ฟังธรรม ได้ปฏิบัติธรรม บุญกศลที่เราได้ทำนี้ จะเป็นเสบียงติดด้วเราไปในภพเบื้องหน้า ให้เรา ได้สร้างบารมีอย่างสะดวกสบาย เราจะมีสมบัติจ้กรพรรติต้กไม่พร่องบังเกิดขึ้น เพราะเราได้นำออกดีแล้ว คือไดให้ทานด้วยจิดที่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ทำ ถูก เนี้อนาบุญ ถูกอู่แห่งบุญ เหมือนน้กสร้างบารมีในกาลก่อน ท่านก็ขวนขวาย สร้างมหาทานบารมีกับเนี้อนาบุญ จะไม่ยอมให้โอกาสแห่งการสร้างบารมีหลุด ลอยไป เพราะโอกาสดีอย่างนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยาก ท่านจะทุ่มเทชีวิตจิตใจทุ่มเท ทำ บุญอย่างสุดตัวสุดห้วใจ ฉะนั้น เวลาผลบุญบังเกิดขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่มีสมบัติจักรพรรติ ด้กไม่พร่องเกิดขึ้น เหมือนอย่างท่านโชติกเศรษฐี ท่านเมณฑกเศรษฐี หรือท่าน ชฎิลเศรษฐี ซึ่งเรื่องนี้มีปรากฎในพระไตรปิฎก อย่างเช่น ท่านชฎิลเศรษฐี ท่านเคยทำบุญบูชาพระเจดีย์ด้วยดอกไม้ทองคำ ด้วย www.kalyanamitra.org ๑๐

ผลแห่งบุญนั้นเวลาที่ท่านปลูกเรือนขึ้นบ้านใหม่ พอก้าวเท้าข้ามธรณีประตู ก็ ปรากฏความอัศจรรย์ขึ้นที่หลังบ้าน ภูเขาทองคำสูง ๘๐ ศอก ก็ผุดเกิดขึ้นมา พร้อมก้บจอบเพชรด้ามทอง เอาไว้สำหร้บขุดภูเขาทอง ที่ขุดไปเท่าไหร่ ก็ไม่รู้ อักหมด ไม่รู้อักพร่อง คือขุดออกไปแลัวก็กลับงอกขึ้นมาใหม่เหมือนเดิม แบ้ ท่านจะมืสมบ้ตมากอย่างนี้ ท่านก็ย้งอยากจะสร้างบารมืให้ยิ่งขึ้นไปอีก ท่านได้ สละทร้พย่ให้ทานจำนวนมาก แต่ก็ย้งไม่อิ่มใจ อยากจะอุทิศดนให้ก้บพระพทธ- ศาสนา ท่านจึงปรารถนาจะออกบวช ก่อนบวชก็ได้ส่งคนออกไปสืบตูว่า ในโลก นี้มีใครรวยเหมือนก้บท่านบ้าง ก็ปรากฏว่ามืท่านเมณฑกเศรษฐีซึ่งมืแพะ ทองคำด้วโดเท่าข้าง เป็นแพะกายสิทธี้ใครอยากได้อะไรก็ไปหยิบเอาจากปากแพะ ก็จะได้สมปรารถนา อีกท่านหนึ่ง คือท่านโชติกเศรษฐี ท่านมีขุมทร้พย์ที่ต้กไม่พร่อง มือยู่ ครั้ง หนึ่งท่านโชติกเศรษฐี ได้เอาผ้าก้มพลเนี้อดีมืค่าแสนหนึ่งให้คนใข้ คนร้บใข้ร้บ แลัวก็ร้องไห้บอกว่าเขามีความผิดอะไร ถึงไดให้ผ้าเนี้อหยาบอย่างนี้ซึ่ง จริงๆ ผ้าก้มพลเป็นผ้าเนี้อดีที่สุดที่มืในสบ้ยนั้น โชติกเศรษฐีก็บอกว่า ไม่ไดให้เอาไป ใช้หรอก ให้เอาไปทำผ้าเช็ดเท้า เขารวยก้นขนาดนั้นทีเดียว แบ้แต่ คนรับใช้ กระแสบุญก็ยังดีงตูดให้มาใช้สมบ้ติร่วมก้บนาย สิ่งอัศจรรย์อย่างนี้เกิดขึ้น ได้ก็ เพราะท่านผ้มืบุญเหล่านั้นได้เคยทำบุญชนิดทุ่มสุดใจ แลัวก็ทำถูกเนี้อนาบุญ ท่านชฏิลเศรษฐีก็เหมือนกัน ยิ่งมืสมบัติมากท่านก็ยิ่งให้ทานมาก เอาสมบัติต่อสมบัติ เอาบุญต่อบุญให้ไปเท่าไรก็ไม่หมด เพราะยิ่งให้ก็ยิ่งได้ จึงมืดวามรู้สีกว่าทรัพย์ภายนอกเราพอแล้ว อิ่มแล้ว อยากจะได้อริยทรัพย์ ภายในที่ได้ครอบครองแล้ว ปลื้มอกปลื้มใจไปตลอดชาติ ด้งนั้นท่านจึง ออกบวช แล้วในที่สุดก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรห้นต์ เพราะฉะนั้นบุญ กุศลเป็นสิ่งสำด้ญ จะเป็นเครื่องสนับสนุนให้เราสมปรารถนาในทุกสิ่ง เราจะบรรลุจุดหมายปลายทางของชีวิตได้ ก็เพราะบุญนี่แหละ ๑๐๘ www.kalyanamitra.org

สว่างมา สว่างไป เมื่อว้นมาฆบูชาเราได้มาจุดมาฆประทีปบูชาพระสัมมาส้มพุทธเจ้าตั้งแต่ พุทธปฏิมากรที่ประดิษฐานเรียงรายอยู่ในมหาธรรมกายเจดีย์ ๓๐๐,๐0๐ องค์ ในภายนอก และพระธรรมกายของพระพุทธเจ้าของพระอรหันต์ทั้งหลายจะน้บ จะประมาณไม่ได้ บุญแห่งการบูชาด้วยประทีปนั้นจะย้งรัศมีในกายของเราใหั เกิดขึ้น ย้งดวงปัญญาของเราใหัสว่างไสว แทงตลอดทั้งทางโลกและทางธรรม ชีวิตของเราจะเป็นรวิตของผู้ที่อยู่ในความสว่าง เมื่อมาเกิดก็จะมาอย่าง สว่าง อยู่ในโลกนี้ก็จะดำเนินชีวิตด้วยความสว่าง จากโลกนี๋ใปก็ไปด้วย ความสว่าง อานิสงส์แห่งการบูชาพระสัมมาส้มพุทธเจ้าซึ่งมีพระคุณอย่างไม่มี ประมาณนี้ มีอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ไพศาลทีเดียว นี่แหละบุญที่เราจะด้องมาตามระลึกถึงในยามนี้จะได้เป็นพลังผสักด้นให้ เราได้เข้าถึงธรรม ได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ ลังฆ- รัตนะ ซึ่งจะทำใหัเรากลายเป็นผ้รั ผ้ตื่น ผ้เบิกบาน แล้วเราจะแจ่มแจ้งในชีวิต <น่ฃิ ฆ จ} ของเรา เราจะเห็นบุญด้วยตัวของเราเองด้วยธรรมจ้กขุ จะหยั่งรูได้ด้วยญาณ- ทัสสนะ เราจะเบิกบานทีเดียว ใจของเราจะขยายไม่คับแคบ ขยายไปอย่างไม่มี ขอบเขต ขอบเขตของใจถูกทลายด้วยพลังกระแสธารแห่งบุญ อันมีอานุภาพ ไม่มีประมาณที่เราได้รับมานั้นแหละ จะทำให่ใจเราขยายกว้างออกไป ดวงใจจะ ขยายกว้างไม่มีที่สิ้นสุต เราจะขยายเขตแห่งปัญญา แห่งความรู้อันบรีสุทธิ้ ขยายขอบเขตแห่งความสุขที่ไม่มีประมาณ ขยายมหากรุณา ความปรารถนาดี ต่อโลก ความรู้แจ้งภายในกว้างขวางใหญ่โตออกไปทีเดียว เพราะฉะนั้นด้องมาตามระลึกนึกถึงกันอย่างนี้แหละ ว้นนี้ทำใจให้ชุ่มอยู่ ด้วยบุญ และให้ดีใจเถิดว่า ลูกทุกคนได้เกิดมาในชาตินี้ เราเกิดมาสร้างบารมี กันอย่างแท้จริง ผิดแผกแตกต่างจาก ซาวโลกทั้งหลายในจำนวน ๖ พ้นกว่า ล้านคน มีเพียงไม่กี่คนที่ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า คือสร้างสั่งสมบุญสั่งสม บารมีทุกวันทุกคืน ควบคู่กับการทำมาหากินให้ธุรกิจกับจิตใจนั้นไปคู่กัน www.kalyanamitra.org ๑๐๙

เป็นชีวิต ๖๐0 เปอร์เซ็นต์ ในการแสวงหาทรัพย์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วก็ ในการที่แสวงหาธรรมะภายในอีก ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ คือโลกียทรัพย์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ อริยทรัพย์อีก ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ชีวิต ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์นี้ ยาก ที่คนในโลกนี้ จะเข้าใจได้ แต่ลูกทุกคนเป็นผู้มีบุญ ได้สั่งสมกันมาอย่างดีแล้ว จึงได้มีโอกาสมา ประชุมพร้อมกัน มาสร้างบุญร่วมกันอีก เป็นประเภทสว่างมาแล้วก็อยู่อย่าง สว่าง และเราก็จะกลับไปด้วยความสว่าง มีเพียงหยิบมือเดียวเท่านี้นแหละ เรียกว่าเป็นด้นแบบและเป็นด้นบุญของชาวโลกทั้งหลาย มนุษย์ที่เกิดมา ในโลกนี้นี่เหมือนคนที่งัวเงีย เหมือนคนที่หลับไหลย้งไม่ตื่น ยังอยู่ในโลก ของความฝัน โลกที่ไม่ใช่เป็นจริง เมื่อเขาเกิดมาแล้ว เขาก็แสวงหาว่า ใครจะเป็นตัวอย่างที่คืที่เมื่อเขาดำเนินชีวิตตามแล้ว จะประสบความ สำ เร็จในชีวิตเช่นเดียวกับด้นแบบนั้นด้วย เมื่อเขาเกิดมาเจอะเจอพวกเราดำเนินชีวิตที่ถูกแบบแผนของพระล้มมา สมพุทธเจ้า ชีวิตเขาก็พลอยสมหว้งไปด้วย เราก็เป็นด้นแบบเป็นด้นบุญ มีอานิสงล็ใหญ่ติตตัวเราไป ในยามที่เราใกล้จะละโลก มนุษย์ส่วนใหญ่จะมีดวามทุกข์ทรมานด้วย โรคภัยไข้เจ็บส่วนหนึ่ง กับความวิตกกังวลอีกส่วนหนึ่ง เพราะไม่ทราบว่าชีวิต หล้งจากตายแล้วม้นจะเป็นเช่นไร เมื่อไม่รู้ก็ยิ่งกระวนกระวาย กระล้บกระส่าย อยู่บนเตียงคนไข้ ความทุกข์ที่เกิตจากความกังวลนั้นทรมานมากกว่าจากโรค ภัยไข้เจ็บ เพราะไม่รู้นั้นแหละจึงทุกข์มาก เราจะเห็นว่าผู้ที่อยู่บนเตียงคนป่วย นั้นจะเป็นเช่นนี้ ถึง ๙๙.๙๙ เปอร์เซ็นต์ แต่คนเช่นเราจะไม่เป็นเช่นนั้น เราจะองอาจสง่างามอยู่บนเตียงคนป่วย เพราะชีวิตที่ผ่านมาเราสั่งสมบุญบารมี เรารู้ที่มาและเราก็รู้ที่ไป่ว่าชีวิตหล้งจาก ที่เราตายแล้วนี้ เราจะไปเสวยสุขอีกยาวนานเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสน เป็นล้าน เป็นกัปปีทีเดียว จึงไม่หวั่นไหว โรคภัยไข้เจ็บแค่เป็นเพียงยานพาหนะ เป็นทาง ผ่านเท่านั้นแหละ เมื่อป่วยร่างกายแตกทน ไม่ไหวก็ไป บุญกุศลก็จะนำเราไปสู่ ^๑๑๐- www.kalyanamitra.org

สุคดิภพ ซึ่งมีวิมานอันโอฬาร รอคอยเราอยู่ในสุคติโลก สวรรค์ แล้วเราก็ลงมาเกิด ^^ เพื่อมาปฏิบัติภารกิจไนโลกมนุษย์ ijr เพื่อที่จะค้นคว้าวิชชาธรรมกายไปให้ ^ ถึงที่สุดแห่งธรรม เพื่อจะแบ่งปันวิชชา ธรรมกาย ไปยังชาวโลก จะสอนชาวโลกให้ไค้เข้าถึง วิชชาธรรมกาย เช่นเดียวก้บตัวเรา แล้วก็มาสร้างมหาทานบารมี เอาสมบัด จักรพรรดิมาหล่อเลี้ยงอังขาร มาเป็นเสบียงให้ชาวโลกทั้งหลาย ไค้ทำหยุดทำ นิ่งอย่างเดียวไม่ต้องทำมาหากิน อยู่ไค้ค้วยบุญของเรา ค้วยสมบัติจักรพรรดิ ของเรา นิ่คือภารกิจที่เราจะค้องทำต่อไปในอนาคต และสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่เราทำชํ้า แล้วซํ้าเล่ามานับภพน้บชาติไม่ถ้วน เพราะฉะนั้นให้ลูกทุกคนดีใจเกิดว่าเรา เกิดมาแบบนักสร้างบารมี เกิดมาอย่างมีเกียรติ เกิดมาปฏิบ้ติภารกิจ เมื่อ ร่างกายใชไม่ไค้ เราก็กล้บไปพักชั่วคราว พอถึงเวลานั้นใจของเราเอง ภารกิจ ในตัวของเรานั้นแหละจะกระค้นให้เราลงมา ถ้ามองลึกๆ ลงไปจากใจที่คิดตรง กันนั้น สาวไปหาเหตุเราก็จะพบเหตุในเหตุทีเดียวว่า ทำ ไมถึงตัองมา ซึ่ง เมื่อไรลูกทุกคนเข้าถึงวิชชาธรรมกายแล้ว ก็จะเข้าใจสิ่งที่หลวงพ่อพูด... วันเสาร์-อาทิตย์ที่ ๑๓■-๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕ร:๓ www.kalyanamitra.org /f๑๑๑N

f การรบที่แท้จริง ...เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ไม่นาน แต่ชีวิตหล้งความตายนั้นยาวนาน นานมากจนเราแทบไม่เชื่อทีเดียวว่าจะนานเป็นพ้น เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน เป็นกัป เป็นมหากัป ไม่ว่าเราจะเกิดในอบายภูมิ หรือสุคติภูมิก็ตามม้นยาว นานมาก ชีวิตที่ยังมีเนี้อหนังเป็นกายมนุษย์อยู่มันสั้นนิดเดียว อย่างที่คน โบราณกล่าวว่า คนที่มีอายุ ๖๐ ปีมีสิทธี้ตายได้ทุกปี คนอายุ ๗๐ ปีมีสิทธตาย ได้ทุกเดีอน คนอายุ ๘๐ ปีมีสิทธตายได้ทุกอาทิตย์ ส่วนคนอายุ ๙๐ ปี มีสิทชื่ ตายได้ทุกวัน แต่พระสัมมาล้มพุทธเจ้าตรัสไวัยิ่งกว่านั้นอีกว่า \"เรามีสิทธตาย ได้ทุกอณุวินาทีแค่ชั่วระยะลมหายใจเข้าและออกเท่านั้น\"หายใจเข้าแล้วไม่ ๑๑น!) www.kalyanamitra.org

หายใจออกก็ตาย หายใจออกแล้วไม่หายใจเข้าก็ดาย หรือไม่หายใจทั้งเข้าและ ออกก็ตาย หมายความว่า ทุกคน ทุกเพศ ทุกว้ย ไม่ว่าจะอยู่ในปรูมว้ย ม้ชฌิมวัย หรือปัจฉิมวัย ทุกคนมีสิทธิ้ตายได้เท่าก้น อย่าไปคิดว่าคนแก่จะด้องตายก่อน คนหนุ่มคนสาวหรือเด็ก เพราะเราก็เห็นก้นอยู่บ่อยๆ ว่า บางครั้งลูกก็ดายก่อน พ่อแม่ บางครั้งพ่อแม่ก็ตายก่อนลูก นี่เปีนสัจธรรม แต่บางคนก็มองข้ามไป ไม่ ได้นำมาพิจารณาว่า ชีวิตมนุษย์นี่สั้นน้ก เพราะฉะนั้นผู้ฉลาด ผู้ใม่ประมาทใน ชีวิตย่อมใข้วันเวลาให้เปีนประโยชน์ในการสร้างบารมี ด้วยการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา จนสะเทือนขวัญก้นไปทั้วโลกนั้น ลูกทุกคนคงจะได้ข้อคิดว่า ชีวิตมนุษย์ใม่แน่นอน การชิงช่วงและช่วงชิงเกิดขึ้น ได้ตลอดเวลา ๒๔ น. แต่เสียตายที่มนุษย์ใม่รู้ความจริงว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ อย่างไร เพื่ออะไร และใครทำให้เกิด เพราะความไม่ร้นี้เองโลกจึงวุ่นวายจนถึง ทุกวันนี้ งบประมาณที่เจียดเอาไปใช้รบราฆ่าฟันก้นนั้น สามารถนำมาสร้าง สันติภาพและสันติสุขให้เกิดขึ้นแก่โลกได้ ด้วยการขยายความรู้อันบริสุทธี้ที่ถูก ด้องให้มนุษย์!ด้รับทราบ แต่เพราะความไม่ร้จึงใช้งบประมาณนั้นเอาไปสู้รบก้น รบก้นเองระหว่างมนุษย์ก้บมนุษย์ ต่างก็เสียเงินตรา เวลา และอารมณ์ แถม ผูกเวรก้นไปอีก นี่เพราะความไม่รู้ว่า ข้าศีกที่แห้จริงคือใคร ก้ารู้เขาก็จะไม่ทำ ก้นอย่างนี้ ข้าสีกที่แห้จริงนั้นอยู่ภายในตัวของมนุษย์ทุกคนในโลก เป็นฉาก หล้งในฉากหล้ง เป็นแหล่งกำเนิดของผู้ตันคิด เขาสอดล่งสั่งกันลงมา ตามลำตับถึงมนุษย์ มนุษย์ไม่รู้เรื่องเพราะถูกเขาบังตับบัญชาเอาไว้ และ ถูกดรึงให้ติดในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์ สิ่งเหล่านี้มา บดบังดวงปัญญา และไม่ให้โอกาสกับตัวเองไตัสืกษาตันคว้าเข้าไปรู้ของ จริง สัรบก้นอย่างนั้นกี่ล้านครั้งก็ไม่ถูกตัวจริง หนำซํ้าผังเกิดการผูกเวร ก้นรื่าไป น่าเสียดายทรัพยากร เสียดายเวลา แล้วก็เสียดายที่เขาจะตัอง www.kalyanamitra.org ๑๑๓

ไปผูกเวรก้นต่อไปอีก มีวิธีรบอีกประเภทหนึ่งซึ่งจะไปถูกตัวจริง เป็นการสู้รบที่ไม่ตัองใช้ อาวุธยุฑโธปกรกเ ไม่มีความตาย ไม่มีความโศกเศร้าเกิดขึ้น มีอไม่ต้อง ชุ่มด้วยโลหิต จะมีความสุขทุกขึ้นตอน ช้าสีกที่แท้จริงนั้นคือ พญามารที่ อยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคนนั่นแหละ ต้องเช้าถึงธรรมกาย ไตัสืกษาวิชชา ธรรมกายแล้วจึงจะไปรู้ใปเห็นว่าเขาอยู่ฉากหลัง คอยบังตับโอกาสโลก ขันธโลก ส้ตวโลก สรรพสัตว์สรรพสิงทั้งหลายขึ้งมนุษย์ ทิพย์ ธรรม นั่นละขัาคืกตัวจริง มนุษย์ทุกคนตกเป็นเชลย เชลยของความโลภ ความโกรธ และความหลง ที่พญามารเขานำมาบังคับบัญชาเอาไว้ เชลยแปงเป็น ๒ ประเภทคือ เชลยผู้รู้ ก้บเชลยผูไม่รู้ เชลยผูใม่รู้ก็รบก้นไปตามแบบที่เราได้เห็นไคัยินได้ฟังก้นอย่างนั้น แต่เชลยผ้ร้ คือ ร้ว่ามนุษย์เป็นปาวเป็นทาสของพญามาร พญามารอย่เบื้องหลัง ความทุกข์ทรมานของสัตว์โลก ของความข้ตแย้ง การทะเลาะเบาะแว้งต่างๆ นานาที่เกิดขึ้น เชลยผ้ร้ก็จะพยายามช่วยคัวเองด้วยการปฦบ้ติธรรม นำ ใจเข้าส่ <บ่(บ่ ผ ญ ธรรมะภายใน พอถูกส่วนความสว่างเกิดขึ้น เข้าถึงธรรมกาย จากธรรมกายกิ ศึกษาวิชชาธรรมกายไปรู้ไปเห็นด้วยธรรมจ้กขุของธรรมกาย หลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ท่านทำอย่างนี้ ท่านเอาเชลยผู้รู้นี่แหละทำหยุดทำนิ่ง เป็นอัศวิน อันดรายสำหรับพญามาร ความจริงทรัพยากรที่มีอยู่ในโลกนี้ มีเอาไว้เพื่อหล่อเลี้ยงสังขารมนุษย์ ให้ดำรงอยู่เพื่อการทำหยุดทำนิ่ง จะได้คันพบความจริงของชีวิต ของสรรพสัตว์ และสรรพสิ่งทั้งหลาย เมื่อพบความจริงแล้วจะไตัเป็นน้กรบที่แท้จริง รบก้บ กิเลสอาสวะภายในนั่นแหละ รบก้บตัวจริง ล้าจ้บตันของเขาไตั ความ ทุกข์ทรมานทั้งหลายก็หมดไป ความแตกต่างหลากหลายของมนุษย์ทั้งเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพ้นธุกิหมดไป มนุษย์จะคิดเหมีอนก้น พูดเหมือนก้น ทำ เหมือน ก้น มืความปรารถนาร่วมก้นที่จะบังสันติสุขและสันติภาพให้เกิดขึ้นแก่โลก มนุษย์จะมืแต่ความสุข ยินดีในการให้มากกว่าการรับหรือแย่งชิงเอามา รอยยิ้ม <3> <5)Ge www.kalyanamitra.org

จะปรากฏบนใบหน้าของมนุษย์ทุกคน ... ส้นดิสุขและสันติภาพที่แท้จริงนี้ สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เป็นจริงได้ ไม่ใช่ เป็นเรื่องเพ้อฝันเพราะนี่เป็นสัจธรรม สีอเป็น สิ่งที่มีจริงและทำได้จริง แต่ว่ามนุษย์ขาด กัลยาณมิตร หรือมีกัลยาณมิตรแต่ก็ชะล่าใจมัว ประมาทอยู่ จึงไม่ให้โอกาสกับต้วเองทำหยุดทำ นี่ง จึงไม่ได้เข้าถึงของจริงที่เป็นจริง ดังนั้นก็เลยพลอยทุกข์ พลอยวิตกกังวลไป กับเขาด้วย แต่ลูกหลวงพ่อคงจะไม่เป็นเซ่นนั้น เพราะเราได้สร้างบารมีด้วย ความสุข สนุกสนาน เบิกบาน บุญบันเทิงกันมาตลอดทุกว้นทุกคืนทุกเวลา เพราะฉะนั้น ให้สร้างบารมีกันต่อไป การชิงช่วงกับช่วงชิงนั้นเกิด ขึ้นตลอดเวลา เป็นการรบระหว่างธรรมะกับอธรรม โดยอาศัยมนุษย์เป็น ทุ่นหยาบๆ เป็นสงครามต้วแทนของธรรมะกับอธรรม เข้าใจยากสักนิด จนกว่าจิตของลูกจะหยุดนิ่ง กระทั่งเข้าถึงวิชชาธรรมกาย นั่นแหละลูกจึง จะเข้าใจ... วันอาทิตย์ทึ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๕รr<r www.kalyanamitra.org

L- fe , *f เ^' ชีวิ ตที่เกิดมาเพื่อค้นหาธรรม ...ซาวโลกส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิตจึงได้ ใช้ชีวิตไปอย่างสะเปะสะปะ ไม่มีสาระแก่นสาร ไม่มีจุดหมายปลายทาง แด่มี เพียงจำนวนน้อย ที่ได่ใช้ว้นเวลาในการสร้างบารมีสมกับที่ได้เกิดมาสร้างบารมี www.kalyanamitra.org

เราเป็นน้กสร้างบารมีก็ต้องสร้างบารมีกันเรื่อยไป เพราะเราจะต้องเดินทางไกล ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม การที่จะไปสู่ที่สุดแห่งธรรมได้นั้นต้องมีบุญมาก ๆ ต้องฑำที่สุด แห่งบุญ ไม่ว่าจะเป็นบุญกิริยาวัตถุ ๓ ประการก็ดี ๑๐ ประการก็ดี บารมี ๓๐ ฑัศก็ดี ต้องสร้างอย่างอุกฤษฏ์เป็นที่สุดของทุกบารมี จึงจะไปสู่ที่สุด แห่งธรรมไต้ หลายๆท่านในที่นื้ใต้มาสร้างบารมีอย่างสมาเสมอทุกอาทิตย์เวลา ปกดิก็ปฏิบ้ตธรรมกันที่บ้าน ทุกวันอาทิตย์ก็มาปฎิบ้ตธรรมกันที่นี่ไม่เคยขาด ให้มีดวามปีติยินดี ภาคภูมิใจในต้วเองเอาไว่ให้ดีนะลูกนะ เมื่อได้ใช้วันเวลาที่ไต้ เกิดมาเป็นมนุษย์มาพบพระพทธศาสนา วิชชาธรรมกาย อย่างมีคุณค่า ไต้ สร้างบารมีกันอย่างเต็มที่ บฌกศลจะติดตามตัวเราไปทกภพทกชาติไปจนถึง ที่สดแห่งธรรม ยามใดทบุญให้ผล ยามนั้นจะมีความปีติยินดีในสิ่งที่เราไต้ประกอบ เหตุดีเอาไว้ เพราะฉะนั้น ก็เป็นวันดีอีกวันหนึ่ง ที่ลูกทุกคนยอดน้กสร้างบารมี ได้ใช้วันเวลาในการทำความดีครบถ้วนบริบูรณ์ ทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งภาวนา และ บุญที่อยู่ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ อีกทั้งบารมี ๑๐ ทัศในวันนี้ ให้เราไต้ ปลื้มใจในสิ่งที่เราทำเอาไว้ บุญนี้ก็จะติดอยู่ในกลางกาย เป็นดวงบุญใสๆ สว่าง เหมีอนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน หรือยิ่งกว่านั้น บุญนี้จะส่งผลให้เรามีความสุขและความสำเร็จในชีวิตไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั้งถึงที่สุดแห่งธรรม เยี่ยงอย่างพระบรมโพธิส้ตว่ในกาลก่อนที่ท่านไต้ ทำ เอาไว้ แล้วบุญนี้ไม่มีใครที่จะแย่งชิงเอาจากตัวของเราไปไต้ จะส่งผลให้เรา มีความสุขไปทุกภพทุกชาติ โดยเฉพาะตอนใกล้จะละโลก ซึ่งเป็นดอนที่มี ความส์าต้ญมาก ไม่มีใครช่วยเราไต้ และในวันนั้นความดีที่เราไต้ทำไวั จะเป็นบทสรุปของชีวิต เป็นงบดุลชีวิตของเรา จะมาปรากฏให้เราเห็นว่า อาจิณกรรม ความดีที่เราทำอย่างสมรเสมอนั้น เป็นอย่างไร จะมาฉาย ให้เราเห็น เห็นในวันนั้นต้วยตัวของเราเอง เห็นอยู่คนเดียว เราจะเห็น ไต้ชัดเจน ความปีติยินดีในวันนั้นจะกลบความหวาดหวั่นในมรณกัย จะ www.kalyanamitra.org ๑๑๗

ทำ ลายกำแพงแห่งความกลัวตายของม้จจุราช จะมีแต่ความส์นบาน แม้ ลังขารจะถูกทำลายด้วยโรคภัยไข้เจ็บแต่ใจนั้นชื่นบาน เห็นภาพแห่งความดี ปรากฏอยู่ หน้าตาของเราจะเบิกบานยิ้มแย้มแจ่มใส และจากโลกนี๋ใป ด้วยชัยชนะเป็นที่ยินดีด้อนรับของเทวดาทุกชั้น ที่เขาจะมาเชิญชวนให้ เราได้ ไปอยู่ในชั้นของเขา เขาอยากด้อนรับผู้ที่มีบุญอย่างพวกเรา ที่ไดีใช้วันเวลาใน การสรัางบารมีอยู่นี้ รัศมีแห่งความดีไปสว่างวับตาจ้บใจของชาวสวรรค์เมื่อเขามองดูเราดวง ตาเขาจะสดใสดวงใจจะชื่นบาน จะกล่าวขานถึงพุทธสาวก พุทธสาวิกาว่า สาวกของพระส้มมาส้มพุทธเวัาทั้งชายหญิงบ้งเกิดขึ้นอีกแล้ว เทวดาก็ปราโมทยํใจ เป็นด้นบุญด้นแบบแก่ชาวโลกทั้งหลาย เป็นที่สรรเสริญของผู้รู้ของเทวดาทั้งปวง เราเกิตมาสร้างบารมี แล้วบารมีที่สำคัญที่สุดคือการทำหยุดทำนิ่ง การหยุดนิ่งจะทำให้เราได้เข้าถึงพระธรรมกาย พอเข้าถึงพระธรรมกายได้ เราก็ปีดประตูอบายภูมิ มีความสุขในบิจจุบันทันทีที่ได้เข้าถึง สุขอย่างพูด ไม่ออก บอกก็ไม่ถูกทีเดียว ปลื้มอกปลื้มใจ มีพระอยู่รูปหนึ่งท่านปฏิบ้ตธรรมเห็นดวงธรรมดอนดี ๒ พอพบดวง ธรรมก็ปีติมากไม่นั่งสมาธิต่อ อยากจะทำทาน ลุกขึ้นไปดูในย่ามว่ามีปัจวัย เท่าใดแล้วก็ไปหาปฏิคาหก คือผู้ที่จะรับป็จวัย จะได้เป็นบุญกุศลของท่าน เพราะท่านมีปีติมาก เห็นดวงธรรมสว่างไสวมีความลุข มีโยมหลายท่านรัองห่มรัองไห้เช้ามา หลวงพ่อถามว่าเสียใจอะไร โยม ก็ตอบว่า ไม่ได้เสียใจ แต่ดีใจปลื้มจนบอกไม่ถูก นํ้าดาไหลมีความสุข ถ้าเช้าถึง พระธรรมกายยิ่งกว่านั้น เพราะคุณยายท่านได้เช้าถึงธรรมกาย ท่านบอกว่า ใครเอาทองมาให้เท่าภับนํ้าหน้กต้วของท่าน แล้วก็ยกให้เลย แลกกันว่าให้เลิก นั่งธรรมะ หรือบอกว่า ธรรมะ พระธรรมกายมีไม่จริง ท่านบอกว่า อย่าว่าแต่ แค่นี้เลย เอาทองเท่าภูเขามานึ่ แล้วมาบอกให้ท่านเลิกนั่งสมาธิ แล้วก็ให้บอก คนอื่นว่า พระธรรมกายไม่มีในตัว ท่านบอกว่าอะไรก็ไม่เอาทั้งนั้น '๑๑๘': www.kalyanamitra.org

พอท่านพูดอย่างนี้ทำให้หลวงพ่อนึกถึงเรื่องในพระไตรปีฎก มีคนยากจน ขนาดเป็นมหาทุคดะ ได้เข้าถึงพระธรรมกายในต้ว เป็นอ้นหนึ่งอันเดียวก้น พระอินทร์อยากจะลองใจดูว่า มหาทุคตะผู้เข้าถึงพระธรรมกาย จะง่อนแง่น คลอนแคลน จะหวั่นไหวไหมก้บทร้พย์ภายนอก พระอินทร์มาบอกว่าจะยก ทร้พย็ให้ ถ้าบอกว่าพระรัตนตรัยไม่มีจริงในโลก ไม่มีในตัว ขนาดมหาทุคตะ จนๆ อย่างนั้น ถามคำแรกว่าท่านคือใครบอกว่าเป็นพระอินทร์บอกว่าไปห่างๆ ไปไกลๆ เลยนะ พูดออกมาได้อย่างไร ขนาดเป็นพระอินทร์ว่า พระรัตนตรัย ไม่มี เห็นเราจนทรัพย์ภายนอก แต่ความรูสึกจนของเราไม่มี เราก็ย้งจะยืนยัน ว่าพระธรรมกายมีจริง เพราะเราเป็นอ้นหนึ่งอ้นเดียวก้บพระธรรมกายแล้ว ผู้เข้า ถึงเขายืนยันก้นอย่างนั้น เราเกิดมาหาพระธรรมกาย เพราะฉะนั้น ด้องพยายามทำความเพียรก้น ให้ดี เมื่อเข้าถึงพระธรรมกายแล้วมีความสุข มีความบริสุทธิ้มีความมั่นใจในชีวิต อบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว ปีดประดูอบายภูมิ เปิดประดูสวรรค์ จะไปอยู่ ชั้นไหนก็ได้ นอกจากนั้นยังจะได้อาศัยพระธรรมกายศึกษาวิชชาธรรมกาย วิชชาธรรมกายจะทำให้เราเข้าใจอะไรต่างๆได้ดี พอเราหล้บดา โลกและจ้กรวาล จะอยู่ในสายดา หนทางที่จะไปสู่ที่สุดแห่งธรรมก็อยู่ในสายตา ในสายตาของ พระธรรมกาย ถึงแม้พระธรรมกายมีอยู่ในตัว ถ้าไม่นั่งสมาธิ ไม่!!กใจให้หยุดนึ่ง ก็ เข้าถึงไม่ได้ ด้อง!!กใจให้หยุดนึ่งให้สมั่าเสมอทุกรันอย่าให้ขาดเลยแม้แต่วันเดียว ให้สมรเสมอก้นทุกๆ รัน !!กให่ใจด้นเคยก้บศูนย์กลางกาย ก้บการหยุด การ นึ่ง ในที่สุดเราก็จะคุ้นเคยและก็ชินก้นศูนย์กลางกายการเข้าไปสู่ณจุดนั้นปอยๆ จะทำให้เราเคยชินและเข้าไปได้เร็วขี้น ง่ายขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าเราจะทำบุญสูง เท่าก้บภูเขาเลากาแค่ไหนก็แล้วแต่ ถ้านั่งสมาธิไม่เข้าถึง ได้แต่รวยอย่างเดียว แต่เข้าไม่ถึงธรรม ไม่พบความสุขที่แท้จริง ไม่พบความจริงแท้ของชีวิต เด็กที่มาส่งอาหารหลวงพ่อทุกรัน หลวงพ่อถามทุกรันว่า เจ้าหนูนั่ง สมาธิเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าหนูก็ตอบว่า \"เมื่อคืนไม่ได้นั่งสมาธิ เพราะอ่านพระ- www.kalyanamitra.org ๑๑๙

ไตรปิฎก\" หลวงพ่อก็เลยบอกว่า \"มีเวลาว่างค่อยอ่าน นั่งธรรมะไหใต้ทุกวัน\" วันต่อมาหลวงพ่อก็ถามอีก เจ้าหนูนั่งสมาธิเป็นไง เจ้าหนูก็ตอบว่า\"ไม่มีอะไรเลย นั่งนิ่งๆ แล้วหล่นวูบลงไป เห็นสว่างๆ\" ถ้านั่งสมาธิทุกวันเราก็จะไต้อย่างน้อย ก็อย่างนี้แหละ เพราะฉะนั้นยังมีสิ่งที่เราจะต้องเรียนร้อีกเยอะ และจะต้องอาศัย กายมนษย์หยาบนี้เท่านั้น ในสม้ยหลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ มีบุคคลที่เข้าถึงพระ- ธรรมกาย คือพระ ๓๐ รูป และฝ่ายหญิง ๓๐ คน ยังทำอะไรได้ตั้งเยอะ แยะ แล้วถ้าทุกคนตั้งสภาขนาดนี้เข้าถึงพระธรรมกาย ธรรมกาย effect จะเกิดขึ้นท้นที สิ่งที่คืงามที่เกิดขึ้นในดอนด้นกัปก็จะหวนคืนมา ในยุคที่ มนุษย์มีความเจริญรุ่งเรืองทางจิตใจ เจอกันบนหนทางที่ไหนก็ถามก้น แต่ เรื่องศีลเรื่องธรรมแทนเรื่องยาม้า ยาบ้า ถามว่าร้กษาศีลบริบูรณ์ไหม ปฏิบ้ติ ธรรมทุกวันหริอเปล่า เธอมีประสบการณ์ภายในเป็นอย่างไร ยุคนี้นเป็นยุคที่มนุษย์มีความเจริญทางจิตใจสูงสุด เพราะฉะนี้น อายุยืน ผิวพรรณวรรณะผ่องใส ฝนตกด้องดามฤดูกาล อาหารมีรสโอชา ประชาชนมีดวามสุขอยู่เย็นเป็นสุขกันตั้งนี้น ตั้งอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธรรม ๕ ประการเกิดขึ้นแก่มนุษย์ ในยุคที่มีความเจริญทาง จิตใจสูงสุด ยิ่งต้นกัปแล้ว โรคกัยไข้เจ็บไม่มี มีโรคชนิดหนิ่งเกิดขึ้นในสมัยนั้น คือ โรคง่วง โรคอะไรสารพัดต่างๆ ที่มีในสมัยนี้ สมัยโน้นไม่มี เราสามารถย้อนยุค ไต้ ถ้าเรามีความปรารถนา และก็ตั้งใจประกอบเหตุอย่างดี ความปรารถนานั้น ก็สมหวังไต้ เราสามารถทำให้ยุคเราเป็นยุคต้นกัปก็ไต้ ยุคที่มนุษย์มีความเจริญ ทางจิตสูงสุดไม่ต้องอาศัยวัตถุ อาศัยศักยภาพของต้วเองเคลื่อนไหวเคลื่อนย้าย ต้วเองไปไต้ไม่ต้องอาศัยรถยนต์ เครื่องบิน เริอต่างๆ ทำ อะไรก็ สมปรารถนา จะนึกอะไรก็สำเร็จเป็นอ้ศจรรย์ทีเดียว แต่สิ่งนี้ความรู้ชนิดนี้มันขาดการสืบทอดขาดการสืบต่อ แต่เมื่อหลวงพ่อ วัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ท่านต้นพบขึ้นมาใหม่ ต้วยการอุทิศชีวิตของท่าน ต้นพบ ๑๒๐ www.kalyanamitra.org

วิชชานี้กลับคืนมาได้ ยุคเราด้องเป็นยุคที่จะด้องทำใ'เ^ชซานี้คง กระที่'งย้อนยุคไปสู่ไนยุคที่ตีที่ยุ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^อย่และเจริญรุ่งเรืองขึ้น รุ่งเรืองขึ้นไปเรื่อยๆ จน ดี ๆจะเกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ เป็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติ เหนือความนึกคิดอันมีขอบเขตของม'แษย์ เป็นอจนไตยจะเกิดขึ้นได้ หลวงฟออยากจะให้ลูก'ทุกคนได้เ'ห็นสิ่งที่'น่าอัศจรรย์ที่มีในพระไตรปิฎกกิดี นอกเหนือพระไตรปิฎกกิดี บังเกิดขึ้นในยุคที่เราย้งมีกายเนี้ออยู่ มีดาม'แษย์ อยู่อย่างนี้ แล้วเราจะได้ร่วมอันสร้างประวัติศาสตร์อันดีงามนี้ เป็นด้นแบบ ด้นบุญให้อับรุ่นหลังๆ ที่จะมาสืบทอดต่อๆ อันไป ให้ยืนยาวกันไปเรื่อยๆ สมอับที่เราได้มาเกิดอันในภพนี้ชาตินี้เพื่อที่จะมาสถาปนาสิ่งที่ดีๆให้บังเกิดขึ้น... วันอาทิตย์ที่ ๑๐ รันวาคม พ.ศ.๒๕(ธ:๓ www.kalyanamitra.org

mm อธิษฐานจิตให้เป็นนิสัยข้ามชาติ ...พวกเราเป็นคนเคยรวยมาก่อนทั้งนั้น แต่ที่ตอนนั้ย้งไม่รวย เหมือนแต่ก่อนก็เพราะมันมีเหตุ คือชาติก่อน ๆ เกิดกุศลศรัทธาทำบุญ กับผู้มีคืล มีธรรม มีฌาน มีฌานสมาบ้ติคือผู้บริสุทธทั้งหลาย พอทำ เสร็จก็ทั้งความปรารถนาแค่ว่า \"ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่เกิดจากการสร้าง มหาทานบารมีนั้ ชาติหน้าขอให้ข้าพเจ้ารวย\" อธิษฐานได้แค่นี้ พอชาติ กัดมาก็รวยจริงๆ แต่เป็นการรวยที่ขาดปัญญา เนื่องจากไม่ได้อธิษฐาน ล้อมคอกเอาไว้ว่าขอให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพานด้วย จะเอารวยอย่างเดียว เพราะคนรวยนั้นน่ารัก จะอ้วนผอมดำขาวดูแล้วหล่อ แล้วสวยหมด จึงผูกพัน ไว้กับทรัพย์' แล้วใช้ทรัพย์นั้นไม่เป็น เป็นแต่กวรลงทุนเอวเม็ดเงินต่อเม็ดเงิน ใครจะแนะนำตักเตือนให้ทำบุญ ให้เอาทรัพย์บริจาคทานสร้างบุญสร้างกุศลบ้าง ©IojIsp www.kalyanamitra.org

ก็จะไม่ฟังเขาหรอก เพราะว่าขาดปัญญาทำไหโม่เชื่อเรื่องผลแห่งกรรม เชื่อมั่น ใน'ฝืมือของต้วเอง คิดว่าเพราะเรามีแมือต่างหาก เราจึงได้รวยในชาตินั้น ได้ สมปัดมาก มีพวกพ้องบริวารมาก ไปที่ไหนก็มืแต่คนนับหน้าถือดา ยกย่อง สรรเสริญ เนื่องจากไม่ได้อธิษฐานล้อมคอกไว่ให่ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ก็ม้กจะ พลัดไปเกิดนอกบุญเขตของพระพทธศาสนา เพราะฉะนั้นทร้พย์ที่ได้มามันก็ไม่ มีประโยชน์ ชาตินั้นมีทรัพย์แต่ไม่ได้ทรัพย์ บุญเก่าหมด บุญใหม่ไม่เพิ่ม เมื่อ บุญใหม่ไม่เพิ่ม เวลามาเกิดก็เป็นคนยากจน อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ด้องปากกัด ตีนถีบ ข้ดสนยากจนอยู่ดลอดเวลา จะเป็นคนน้อยเนื้อตาใจ เวลาเห็นคนอื่นเขา รวยแล้วก็ทนไม่ค่อยจะได้ จึงพยายามหาทางไห้ตัวเองอยู่รอด ด้วยวิธีการเอา ตัวรอด จะถูกจะผิดไม่ได้คำนึงถึง ขณะที่ยากจนอยู่แล้ว พอคิดที่จะเอาตัวรอด ก็เลยอยากจน จาก \"ยากจน\" มาเป็น \"อยากจน\" คือจนธรรมดา แล้วไปทำสิงที่ไม่ดืเข้า เช่น ลักเล็กขโมยน้อย ดอรัปชั่น หรือไปทำอะไรก็แล้วแต่ที่ไปเอาทรัพย์ของ ดนอื่นเขามา วิบากกรรมจึงส่งผลให้ตกตาลงไปกว่านั้นอีก จนกระทั่ง เป็นมหาทุคตะ อย่างนี้เขาเรืยกว่าจาก \"ยากจน\" มา \"อยากจน\" นะ จน กันไปเรื่อย ๆ เลย เพราะฉะนั้น เวลาเราทำบุญแล้ว อย่าหรังเพียงแค่ขอให้รวย ให้มี สมปัดมากๆ เราจะด้องเอาสมปัดนั้นใช้เพื่อเป็นบุญต่อบุญ สมปัติต่อสมปัติ ให้ ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน สอนตัวเองได้ สิ่งที่ไม่ตีอย่าทำ ทำแต่ความตี ตั้งแต่ เกิดจนกระทั่งหมดอายุช้ย เช่น อย่างที่พวกเรากำล้งทำอยู่ขณะนื้ เพราะ ฉะนั้นภพชาติต่อไปรวยถาวร เพราะว่าทำบุญกันเป็น แล้วก็อธิษฐานกันเป็น สอนตัวเองเป็นและทำถูกทักขิไณยบุคคลด้วย เพราะฉะนั้นอย่าลืมอธิษฐานชํ้า แล้วซํ้าอีก ซํ้าไปเรื่อยๆ เลย ไห้ความปรารถนาของเราหนาแน่น จนกระทั่ง ติดเป็นจริตอ้ธยาตัยช้ามภพช้ามชาติกันไป พอมาเกิดทรัพย์ก็จะมาคอยรองรับ ได้ทรัพย์มาก็ใช้ทรัพย์นั้นเป็นประโยชน์ เป็นบุญต่อบุญ สมปัติต่อสมปัดไปอีก www.kalyanamitra.org 1๑๒๓

เหมือนพระส้มมาส้มพุทธเจ้าของเรา พระองค์ทำบุญต่อบุญ สมบ้ติต่อสมบต อธิษฐานมุ่งที่จะไปเป็นพระส้พพัญฌูพุทธเจ้า ตรัสรู้อนุตตรส้มมาส้มโพธิญาณ ด้วยพระองค์เอง รู้แล้วก็สั่งสอน^นด้วย เพราะฉะนั้นทำนทำบุญตั้งแต่ท่านมี ฐานะยากจน จากยากจนก็เริ่มมงมื จากมงมืทำต่อก็มั่งตั้ง เป็นเศรษฐีมหาศาล พราหมณ์มหาศาล กระตั้งเป็นพระราชามหาศาล มีสมบ้ติจ้กรพรรติตักไม่พร่อง ไม่ตัองทำมาหากินเลย แต่สมปัตินั้นมารอคอย เอาไว้เลี้ยงประชากรโลกได้ แล้วก็สั่งสอนเพื่อนมนุษยํให้มีศีล ๕ เป็นปกติ มีอานุภาพที่เป็นอจินไตยสืบต่อ กันมานับภพน้บชาติไม่ถ้วนจนกระตั้งชาติสุดท้าย อจินไตยของพระองค์ก็เต็มที่ บารมีเต็มที่ จึงมีสิ่งที่เหนือธรรมชาติ จนสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ แสดง ยมกปาฏิหาริย็ได้ โปรดพระญาติได้ โปรดมนุษย์และเทวดาได้ ถ้าไม่ได้ทำบุญแบบอจินไดย ก็เป็นมนุษย์อจินไดยไม่ได้และไม่สามารถ ทำ สิ่งที่เหนือธรรมชาติ เหนือกฎเกณฑ์ตั้งผองได้ นี่ด้องเดินรอยตามท่านอย่างนี้ ทำ บุญแส้วก็ด้องส้อมคอกให้เป็น จะส้งเกดได้ว่าปัจจุบันนี้ มีเศรษฐีผู้มียศถา บรรดาตักลี้หลายท่าน พอไปบอกบุญชวนมาทำบุญเขาห้วเราะ พอจะไปพูด เรื่องบุญ เขาบอกเขาไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ คุณโทษ กรรมเวรต่างๆ เขาเชื่อ สืมีอตัวเอง บอกว่าต่อสู้มาตัวยมีอของตัวเอง จนกระตั้งบัดนี้มีทรัพย์สมบัติ เขาลืมไปว่าคนเก่งมีอยู่ในโลกเยอะ แด่ไม่เคยประสบความสำเร็จ ก็มี ไม่ว่าจะมีวุฒิสูงแค่ไหน ความรู้มากแค่ไหน เพราะว่าขาดบุญ ตรงนี้ เขามองไม่เห็น เพราะว่าทรัพย์สมบัติค่างๆ มันบังตา บดบังดวงปัญญา ไปลองดูก็ได้ ไปพบผู้ที่เขาเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี แล้วลองไปพูดเรื่อง นรกสวรรค์ บุญบาป ผลกรรมผลเวรค่าง ๆ เขาไม่เชื่อหรอก เพราะฉะนั้น เมื่อเราเคยรวย แต่บัดนี้เราทำบุญไม่สะดวกสบาย เพราะ อะไรก็รู้กันแล้ว นับจากนี้ไปให้ทำทุกอย่าง ทำ ให้บันถูกจุดแห่งบุญ ให้บรรลุ วัตถุประสงค์ของการทำบุญ อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ฉลาด... วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.เร๕ร:ร: ๑๒๔ www.kalyanamitra.org

I m อานิสงส์ของการเป็นผ้ให้ ...การทำทานกับการไม่ทำทาน หรือการให้กับการไม่ให้ มีผลแดกต่าง กันอย่างไร พระพุทธเจ้าท่านตร้สถึงเรื่องของพระราชธิดาของพระเจ้าปเสนทิโกศล ตอนนั้นอายุได้ ๗ ขวบ ว้ดพระเซตวันก็สร้างเสร็จใหม่ๆ ท่านเห็นสิ่งที่เรน อจินไตยเกิดขึ้น และเก็บไร้เป็นความล้บไม่ยอมบอกใครเพราะกล้วเขาจะไม่เชื่อ จนวันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศลให้พระนางสุมนา ไปเข้าเฝืาพระสัมมาส้มพุทธ- เจ้าเพื่อฟังธรรม หลังจากถวายภัตตาหารเสร็จ ก็เข้าไปใกล้ๆ พระส้มมา- ล้มพุทธเจ้า แล้วกราบทูลท่านว่า \"หม่อมฉันเห็นสิ่งๆ หนึ่ง เป็นสิ่งอจินไดย ไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวไม่เชื่อ แด่ว่าวันนี้อยากจะกราบทูลพระส้มมา- ส้มพุทธเจ้า คือตอน ๗ ขวบ เห็นเด็กอยู่ ๒ คนเพิ่งเกิดใหม่ คนหนึ่งอยู่ใน เปลทอง อีกคนหนึ่งนอนอยู่ที่พื้น ใกล้กันทีเดียว คนที่อยู่ในเปลเป็นน้องชาย www.kalyanamitra.org ๑๒๕

ของหม่อมฉัน ได้พูดกับคนที่นอนอยู่ที่พนซึ่งเป็นลูกของมหาอำมาตย์\" น้องชายพูดว่า \"บอกแล้วไม่เชื่อ ว่าให้ทำทานตั้งแต่ชาติที่แล้ว ถ้าทำ ทานก็จะได้เกิดอยู่ในอู่ทอง ได้นอนบนเปลทอง แล้วก็จะได้มีสมบ้ติใหญ่\" เด็กชายที่นอนอยู่บนพึ้นก็บอกว่า \"จะรารวยมีทร้พย์สินเงินทองแค่ไหน มันก็แค่ธาตุ ดิน นํ้า ลม ไฟเท่านั้นเอง ไม่เห็นว่ามันจะสำค้ญอย่างไร จะ ได้นอนเปลทองหรือนอนบนพื้นมันก็เหมีอนๆ กัน\" เด็กทั้งสองคุยกันตั้งแต่เกิด จะไปเล่าให้ใครฟังเดี๋ยวเขาหาว่าบ้า เพราะคนอื่นเขาไม่เห็น อย่าว่าแต่สมัยโน้นเลยที่จะคิดว่าบ้า สมัยนี้ก็ย้งมี บางทีการที่เราไม่เห็น เราจะว่าสิ่งนั้นไม่มีก็ไม่ได้ หรือไม่เป็นเช่นนั้นก็ไม่ได้ แล้วสิ่งนั้นก็เกิดทีเดียว เพราะไม่ใช่การแสดง แต่เกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่ง กรรมที่ทำเอาไว้ เหมือนที่พระนางสุมนาเล่าให้พระสัมมาส้มพุทธเจ้าฟัง พระ- สัมมาส้มพุทธเจ้าก็ตรัสว่า สิ่งที่เธอเห็นเป็นเรื่องจรืง พระนางสุมนาก็ถามต่อว่า \"แล้วที่น้องชายของหม่อมฉันพูดว่า บอก แล้วให้ทำทาน แต่เด็กลูกมหาอำมาดย์ที่นอนข้างล่างดอบว่าไม่จำเป็น แล้วผล ต่างกันอย่างไร\" สรุปคือพระนางสุมนาถามพระสัมมาส้มพุทธเจ้าว่า \"การให้ กับการไม่ให้มีความแตกต่างกันอย่างไร\" พระพุทธเจ้าตรัสว่า \"ผู้1ห้ย่อมเป็น ทีรัก ย่อมมีชื่อเสียง ไปที่ไหนก็องอาจเป็นด้น นด่ผู้Iม่ให้เขาอาจจะรักษา สีล เจริญภาวนา แต่เขาไม่ได้ทำทาน ตายแล้วไปเกิดบนสวรรค์ เป็น เทวดาเหมีอนกัน แต่ก็แตกต่างกันโดย อายุ วรรณะ สุขะ ยศ และอธิปไตย\" อายุ หมายถึงผู้ให้ทาน เวลาไปเกิดเป็นเทวดาแล้วอายุยืนกว่าเทวดาที่ ไม่ไดให้ อย่างเช่น สมมติด้วเลขว่าอายุยืนแค่หมื่นปี แต่เทวดาผู้ให้จะมีอายุยืน ถึงเป็นแสนปี วรรณะ คือรัศมี ผู้ให้จะเป็นเทวดาที่มีรัศมีสว่างกว่าเทวดาที่ไม่ไดให้ เมื่อดอนเป็นมนุษย์ มีความสุขก็มากกว่า มียศก็ใหญ่กว่า มีอธิปไดย คือมีความ เป็นใหญ่ มีบริวารที่ได้รับหน้าที่การงานภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่า ด้งนั้นผู้ให้กับ '^๒๖ www.kalyanamitra.org

^ม่ให้ตายแล้วไปอยู่บนสวรรค์จึงแตกต่างกันอย่างนี้ ครั้นเวลาลงมาเกิดเป็นมนุษย์ก็แตกต่างกัน ด้วยธรรม ๕'ประการ นั้นเทมือนกัน คือ เกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่แตกต่างกันคือ อายุ ผิวพรรณวรรณะ ความสุข ยศ แล้วก็ความเป็นใหญ่ แม้แต่ออกบวชแล้ว ก็แตกต่างกันโดยธรรม ๕ ประการเช่นกัน มีพระอรหันต์องค์หนึ่ง ไม่เคยทำ ทานมาก่อนหน้านี้ให้ดี ส่วนการร้กษาศีลและเจริญภาวนาทำมาเรื่อยๆ มาใน ชาติสุดทำย จึงอดอยาก แม้บวชเป็นบรรพชิตแล้ว ก็อดๆ อยากๆ แต่ทำความ เพียร จนกระทํ่งเป็นพระอรหันต์ ก่อนจะดับขันธปรินิพพาน ถึงจะได้ฉ้นอาหาร อิ่มมื้อเดียว โดยมีบิณฑบาตที่พระสารีบุตรไปบิณฑบาตมาแล้วเอามีอจ้บบาตร ไ'5ให้ ดีอดัองอาศัยบุญของคนอื่น ฉะนั้นแม้เป็นบรรพชิตด้วยกัน แต่ก็แตกต่าง กันด้วยอายุ วรรณะ สุขะ ยศ แล้วก็อธิปไตย แต่การบรรสุมรรคผลนิพพานนั้น ไม่แตกต่างกัน พูดง่ายๆ ก็คือ คนที่ให้จะรวย จะสมบูรณ์ มีความสุขสบายกว่า ผู้ที่ไม่ให้ไม่ว่าจะเกิดเป็นชาวสวรรค์ เป็นมนุษย์หรีอเป็นพระ เป็นนักบวช เพราะฉะนั้น หลวงพ่อมีความปลื้มปีติในลูกทั้งหลายที่แย่งกันสร้างมหา ทานบารมี ดูแล้วน่าอัศจรรย์ แล้วภาพนี้ถูกถ่ายทอดไปต่างประเทศด้วย เขา อัศจรรย์ทีเดียว เพราะการเขัาแถวกันสร้างมหาทานบารมีอย่างนี้ เกิดขึ้นไม่ใช่ ง่ายเลย เพราะฉะนั้นสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดี ที่ลูกทุกคนไต่ใช้ชีวิตในกายมนุษย่ให้เป็น ประโยชน์ต่อการสร้างบารมีอย่างเติมที่ ด้งนั้น ตลอดเส้นทางแห่งการเดินทางไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ก็จะสมบูรณ์ ในทุกสิ่งตลอดเวลาเรื่อยไป จนกระทั้งถึงที่สุตแห่งธรรม จะได้ที่สุตแห่งรูปสมบ้ติ ที่สุตแห่งทร้พย์สมบ้ต และที่สุตแห่งคุณสมบ้ติ ที่สุตแห่งรูปสมบิตคือจะได้กาย มหาบุรุษ แล้วก็มีสมบิตจ้กรพรรติตักไม่พร่อง ใช้สร้างบารมีจนอิ่มใจ เราจะมี ที่สุดแห่งคุณสมบิด คือสมบูรณ์ทั้งวิชชาและจรณะ สมบูรณ์หมดเลย ด้งนั้นให้ พยายามสร้างบารมีกันให้สมาเสมอ อย่าให้ชาดตอนเลย สายบุญสายสมบิตจะ ได้ต่อเนึ่องกันไป... วันอาทิตย์ที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕(ร:ร: www.kalyanamitra.org ij®๒(ะเ!

สายสมบัติ สายบุญบารมี .คุณยายอาจารย''มหาร้ตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ท่านได้รู้เรื่องราว เกี่ยวก้มชีวิตของตัวท่านเอง รู้เรื่องบุญเรื่องบาป รู้ถึงว่าการกระทำทุกอย่าง ล้วนแด่มีผลที่จะติดตามตัวไปในภพเบื้องหน้า รู้ว่าถ้าเราทำบุญชาตินี้ ผลบุญก็ ๑๒๘ www.kalyanamitra.org

จะติดตามเราไป ทำ บาปชาตินี้ก็ติดตามไปอีก เพราะฉะนั้นในชาตินี้ท่านจึงทำ แต่ความดีความบริสุทธิ้ล้วนๆ เมื่อท่านมองเห็นทางที่จะพ้นวิบากกรรมเก่าของ ท่านได้ และภพชาติในอนาคตของท่านจะดีได้ ท่านบอกว่าด้องเข้าถึงธรรมกาย เป็นหล้ก ความไม่ดีอย่าไปทำ ทำ แต่ความดี ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ทำ ให้เติมกำลังเมื่อถึงวาระสุตท้ายผลบุญก็จะส่งผลให้สมความปรารถนาในทุกสิ่ง ท่านบอกว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่ยายจะเป็นผู้หญิง ภพชาติต่อไปลง มาสรัางบารมีไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ยายจะบวชทุกชาติ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเราทำ ที่เป็นความดีทั้งหมด เป็นสิ่งที่ถูกด้องในการไข้เวลาชองการสร้างบารมีของเรา อย่างถูกหลักวิชชา อย่าเบื่อหน่ายในการสร้างบารมี อย่าท้อ อย่าชะล่าใจว่าเรา ทำ มากแล้ว ล้าทำมากแล้วเราด้องสมปรารถนาในทุกสิ่ง แต่นี่เรายังไม่สม ปรารถนาในทุกสิ่ง ในใจของเราเป็นศูนย์กลางที่ให้บุญและบาปหมุนเวียนก้นมา ครอบครองใจ ช่วงไหนเราไม่ได้ทำบุญ บาปจะได้ช่องให้เราทำโดยที่เรา ก็ไม่รู้สืกด้ว ว่าบางอย่างเป็นบาปอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย เราจะเห็นช้ดเจน ต่อเมื่อเราทำบาปใหญ่ ๆ แต่บาปเล็ก ๆ น้อย ๆ เรามองไม่เห็น ซึ่งม้นจะมื ผลต่อไปในอนาคต บางช่วงจังหวะช่วิตกำลังดี ๆ แต่บางจังหวะก็ขาด ตอนไป มีอุปสรรคไม่ราบรื่นเพราะบาปที่เราทำเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่ช้ดเจน และเราก็ไม่คิดว่าจะมีผล ม้นก็จะได้ช่องตอนนั้น เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่อยากให้บาปได้ช่องด้องทำบุญให้ต่อเนื่อง ทำ ไป ทุกว้น ทั้งทาน ทั้งดีล ทั้งภาวนา ให้สมื่าเสมอ ถ้าทำได้อย่างนี้สิงที่ เราได้ตั้งความปรารถนาว่า เราจะเข้านิพพานด้วยที่สุดของรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ หรือคุณสมบัติก็จะสมปรารถนา อย่ที่การทำอย่างสมื่าเสมอ เพราะฉะนั้นน้บจากรันนี้เป็นด้นไปใครที่ยังทำไม่สมื่าเสมอ รันนี้เป็นด้น ไปก็ทำให้สมื่าเสมอ อย่าให้บาปได้ช่อง ให้เป็นสายสมบัติ สายบุญล้วนๆ ที่เชื่อมโยงก้นตลอดเวลา เวลาเราศึกษาวิชชาธรรมกาย เข้าวิชชาธรรมกายต เราจะเห็นสายสมบัติ www.kalyanamitra.org ๑๒๙

ขาดเป็นช่วงๆ และช่วงที่สายสมบ้ตขาด วิปัติก็จะมาเชื่อมดรงในั้เ มันก็จะสลับ ก้นไปอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ เป็นเรื่องซับซ้อนทีเดียว ลึกซี้ง ต้องเห็นได้ด้วยวิชชา ธรรมกาย บางดอนช่วงบุญยาว สายสมบ้ดก็ยาว บางช่วงบางตอนช่วงบุญสั้น สายสมบ้ตก็สั้น และช่วงรอยด่อก็เป็นเรื่องของบาปอกุศล บางช่วงก็ยาว บาง ช่วงก็สั้น เพราะฉะนั้น เราจะมีชีวิตต่อไปในอนาคดทุกภพทุกชาติ จนกระทง ถึงที่สุดแห่งธรรมต้องให้สายสมมัดสายบุญบารมีต่อเนื่องก้นไปทุกกาย อย่าให้ มีช่องว่างของบาปอกุศลที่จะมาตัดรอนในดอนนั้นนื่เป็นสิ่งที่สำคัญที่ละเอียดลึกซึ้ง ต้องรู้เห็นได้ด้วยวิชชาธรรมกาย หลวงพ่อวัดปากนั้าและคุณยายท่านไปรู้เห็น สิ่งเหล่านี้คันควัาก้นมา ท่านจึงทำบุญทุกวันไม่ให้ขาดเลยแม้แต่วันเดียว ท่าน ทำ ของท่านอย่างนั้นเป็นด้นแบบด้นบุญจนกระทั่งวันสุดท้ายก่อนจะละลังขาร จากโลกนี้ใป เพราะฉะนั้นเราก็ด้องทำให้ได้อย่างท่าน มากบ้างน้อยบ้างเราก็ ทำ ไป ถ้าเราอยากเป็นอย่างท่านเราก็ด้องทำอย่างท่าน ให้สายสมมัดเชื่อมโยง พอบุญมากเข้าๆ บาปก็ห่างไกลไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่เหลือเลย และบุญที่เรา ทำ จะทำให้ธาตุธรรม เห็น จำ คิด รู้ เราสะอาด บริสุทธี้ เป็นธาตุล้วนๆ ธรรม ล้วนๆ ไม่มีบาปอกุศลเจือปน ธาตุล้วนๆ ธรรมล้วนๆ เป็นสิ่งที่ผู้รู้เขาปรารถนา เพราะว่าเมื่อบริสุทธิ้ ล้วนๆ เราจะไม่มีความทุกข์ จะมีแต่ความสุขอย่างเดียว สุขที่ไม่มีขอบเขด ไม่มี ประมาณแล้วก็จะทำให้เราได้เห็นแจ้งรู้แจ้งแทงตลอดในธรรมทั่งปวงในธาตุธรรม ทั่งหลาย ในสรรพลัตว์สรรพสิ่งทั่งหลาย ไม่มีอะไรมากำบ้ง ญาณท้สสนะของ เราจะแม่นยำ เห็นอะไรก็เห็นไปดามความเป็นจริงแจ่มแจ้ง เพราะเป็นธาตุที่ บริสุทธิ้ล้วนๆ ธรรมบริสุทธิ้ล้วนๆ อานุภาพ อภิญญา วิชชาต่างๆ ก็จะเกิดซึ้น มาอย่างสมบูรณ์ ไม่มีอะไรมาซัดขวางไดีในทุกอิริยาบถ นื่คิอสิ่งที่เราจะต้อง ทำ ให้เกิดซึ้นให่ได้ การที่เราเกิดมาแต่ละภพแต่ละชาติต้องใช้เวลานาน ๆ ในการสร้าง บารมีก็เพราะว่าเราไม่รู้ไฝเห็นเกี่ยวก้มเรื่องนี้ บางช่วงถึงไต้ชะล่าใจ /■ \\ www.kalyanamitra.org ๑๓๐'ร

ประมาทพลาดพลั้ง ไฝได้ทำความดีเอาไว้ นึกว่า I ทำ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ตอนนั้นบาปก็จะได้ซ่อง J ทำ ให้ซืวิตของการสร้างบารมืฃองเรายีดเยี้อด้อง สร้างก้นยาวนาน หลวงพ่อว้ดปากนั้าท่านไปด้นพบว่า ถ้า อยากจะให้หนทางไกลคือที่สุดแห่งธรรมนั้นใกล้เข้ามา จะต้องทำดวามบริสุทธี่ให่ใด้ตลอดเวลาด้วยทาน ด้วยสืล ด้วยภาวนา ทำ ให้ยิ่งๆ ขึ้นไปเป็นอธฬีล อธิจิต อธิ!โญญา เป็นด้น ดีอให้บริสุทธขึ้น ไปเรื่อยๆ แสะยิ่งเป็นธาตุล้วน ธรรมล้วน ม้กจะมีสิ่งที่เราคาดใม่ถึงเกิดขึ้น เกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ ดังนั้นเวลาที่ท่านทำวิชชาในสม้ยก่อน ท่านมุ่งไปสู่การ ทำ ความบริลุทขึ้ให้เกิดธาตุล้วนๆ ธรรมล้วนๆ บุญหยาบกิทำไป ละเอียดท่านกิ ดันก้นไปอย่างนี้ สักวันหนึ่ง พวกเราทุกคนจะดัองทำอย่างนี้ให้ไดั ดังนั้น พยายามหมั่นนั้งธรรมะให้ไดัทุกๆ วัน... วันอาทิตย์ทิ ๑๓ พฤษภาคม พ.ค.๒๕<£(£ www.kalyanamitra.org

สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง ...วนนี้เปีนวันที่ดีทื่สุดวันหนึ่งในชีวิตของเรา ที่เราได้ใช้ชีวิตแสวงหาหน ทางพระนิพพานเช่นเดียวก้บบัณฑิตในกาลก่อน มีพระสัมมาส้มพุทธเจ้าและ พระอรหันต์ทั้งหลายเปีนต้น ท่านไต้ดำเนินชีวิตอย่างนี้ แสวงหาหนทางของ พระนิพพาน ส่วนเรามืซีวิตเป็นฆราวาส เป็นคฤหัสถ์ ต้องทำมาหากิน เรา ก็แสวงหาหนทางพระนิพพานก้นทุกวัน ทำ ชีวิตสองระดับให้สมบูรณ์คือ ชีวิตภายนอกและชีวิตภายใน ชีวิตอย่างละ ๑๐๐ เปอรเซนต์ ใหัเป็นชีวิต สมบูรณ์ถึง ๒๐๐ เปอรเซ็นต์ใหัเศรษฐกิจก้บจิตใจไปด้วยก้น อย่างนี้เป็น ชีวิตของบัณฑิต สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ เป็นสิ่งของ จะเป็นร่างกาย ของเราส่วนดำงๆ สิ่งดำงๆ ที่อยู่ในร่างกายเราหรือห่อหุ้มร่างกายของเราก็ดาม (3)๓๒ www.kalyanamitra.org

เป็นสิ่งที่อาศ้ยก้นอยู่ชั่วคราวไม่ใช่เป็นสิ่งที่เป็นสาระแก่นสาร อาศัยกันชั่วคราว เท่านั้น อาศัยเพื่อสร้างบารมี เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เหล่านั้นย้งมีสภาพที่ ไม่เที่ยงไม่คงที่ ย้งเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดสลายซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ทรมาน และย้งเป็นปาวเป็นทาสของพญามาร ของความโลภ ความโกรธ ความ หลงอยู่ ยังไม่พ้นจากปาวจากทาสเขา ไม่เป็นอิสระ ยังไม่ได้เป็นต้วเป็นตนที่แท้จริง ยัง ดกอยู่ในไตรล้กษณ์ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอน้ดตา ร่างกายเราก็ด้องไปสู่จุดสลาย ตั้งแต่คลอดออกจากครรภ์มารดาเรื่อย มาจนกระทั้งบ้ดนี้เสื่อมลงไปเรื่อยๆ กำ ลังเดินทางไปสู่จุดสลาย เพราะฉะนั้น เราจะด้องใช้วันเวลาทุกอณุวินาทีให้ตุ้มค่า โดยอาศัยกายที่เป็นอนิจวัง ทุกขัง อนัดดานี่แหละ ที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัดดา แสวงหาสิ่งที่ตรงกันช้ามคือ สิ่งที่เป็นสาระ สิ่งที่เป็นแก่นสารของชีวิต เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุข สุข ล้วนๆ ที่ไม่มีทุกข์เจือเลย แล้วก็เป็นอิสระหลุดพ้นจากการบ้งศับบ้ญชาของ พญามาร ของกิเลส ของอาสวะ สามอย่างนี้รวมอยู่ในพระรัดนดรัย ในพุทธรัตนะ ในธรรมรัตนะ ใน ล้งฆรัตนะ สามอย่างนี้เท่านั้นที่เป็นสาระเป็นแก่นสาร เป็นที่พื่งและที่ระลึกอัน แท้จริงของเราที่จะทำให้เราสมความปรารถนา สมหวังในสิ่งที่เราปรารถนาไวัคือ อยากเป็นอิสระ อยากจะพบความสุขที่แท้จริง อยากจะมีปัญญาบริสุทธี้เพื่อที่จะ ได้เช้าใจชีวิตของด้วเองให้แจ่มแวังในธรรมทั้งปวง เมื่อแจ่มแวังแล้วเราก็จะได้มีมหากรุณา แปงปันสิ่งที่เราเช้าใจได้รูใด้เห็น นี้ไปยังเพื่อนมนุษย์ สรรพสัตว์ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นพุทธรัดนะ ธรรมรัดนะ ล้งฆรัดนะ สามอย่างนี้แหละเป็นที่พื่งที่ระลึกที่แท้จริง ที่จะทำให้ความปรารถนา ของเราสมหวังได้ รัดนะทั้งสามนี้อยู่ในกลางกายเรา ท่านสิงสถิตอยู่ในกลาง กายกลางของกลางกายของเรา โดยมีจุดเรื่มด้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จุด เริ่มด้นของการเดินทางเช้าไปสู่ภายในเพื่อให้เช้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ ล้งฆรัตนะ www.kalyanamitra.org ๑๓ต)

สมป๋ตจักรพรรดิ ผู้ที่จะได้สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องจะต้องเป็นผู้ฑึ่มีหัวใจเช่นเดียว กับพระเจ้าจักรพรรดิจึงจะมีสิทธิครอบครองสมบัดิจักรพรรดีได้ พระเจัา จักรพรรดิท่านมีใจอย่างไร ในกาลก่อนโน้นท่านจะมีใจที่ปราศจาก ความตระหนี่ ไม่หวงแหนทร้พย์ ไม่เสิยดายทรัพย์ ความเสืยดายไม่มีอยู่ ในใจของท่าน ไม่กล้วว่าจะหมดเปลือง ไม่กังวลว่าจะมีกินหรือไม่มีกิน ท่านจะประกอบไปด้วยดวงบัญญา มองการณ์ไกลไปในภพเบืองหน้า เพราะท่านมีจุดหมายปลายทางที่จะไปสู่อายดนนิพพาน จะด้องสร้าง บารมีใหัมากใหัเต็มเรี่เยมบริบูรณ์ฑํ่ง ๓๐ ทัศ คือตั้งแต่ทานบารมี สืลบารมี เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันดิ สัจจะ อธิษฐาน เมดดา อุเบกขาบารมี มี ทานบารมีเป็นเบื้องด้น อุเบกขาเป็นที่สุด แล้วก็สร้างบารมี เอาเบองกลาง กัดไปจนกระทั่งถึงขั้นอุกฤษฏ์เป็นปรม้ดถบารมี ๓๐ ทัศเต็มเปียมบริบูรณ์ จึงจะหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะได้ แด่การที่จะได้บารมีครบ ๓๐ ท้ศบริบูรณ์นั้น ด้องทำกันนับชาติไม่ถ้วน ทีเดียว ท่านก็มองการณ์ไกลว่า เรามีชีวิตอยู่ในโลกไม่นาน แด่ชีวิตหล้งจาก ตายแล้วจะไปเกิดเป็นสัตว์นรกหรือชาวสวรรค์ก็ตาม อายุยืนนานมากเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้านปีของมนุษย์ เป็นกัป เป็นมหากัปยาวนานมาก และชีวิตใน สังสารวัฏก็ยิ่งยาวนานกว่านั้นไปอีกกว่าจะถึงจุตหมายปลายทาง ท่านมีดวงปัญญามองเห็นการณ์ไกลปัญญาบริสุทธนั้นก็ทำให้ท่านคิดได้ ว่า เราม่งเอาบุญใหญ่ไปเอาดีในภพถ้ดๆ ไปดีกว่า จึงไม่เสียดายทรัพย์ ไม่ อาลัยอาวรณ์ทรัพย์ ไม่ตระหนี่ตัดขาดจากความดระหนี่จนกระทั่ง ความตระหนี่ ไม่มีโอกาสเจริญงอกงามในใจของท่านได้ เหมือนด้นตาลที่ถูกฟ้าผ่ากระทั่งยอด มันด้วน มันงอกออกมาใหม่ไม่ได้ฉันใด ความตระหนี่ ก็ไม่งอกงามในใจของ ท่านบัณฑิต ของพระบรมโพธิสัตว์กาลก่อนได้ ใจของท่านเป็นใจของพระเจ้าจักรพรรติ เพราะฉะนั้นสมบัติจักรพรรดิ ๑<๓๔ www.kalyanamitra.org

จึงบังเกิดขึ้นกับท่าน เป็นสมบัติที่เป็นอจินไตยเหนือความคาดคะเนของมนุษย์ คือความคิดของมนุษย์ที่มีขอบเขดจำกัดนี๋ไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่า สมบัติ จ้กรพรรดิที่ตักไม่พร่องนี่มันเป็นยังไง มันจะเป็นไปได้อย่างไร จึงได้ซื่อว่าเป็น อจินไตย เป็นสิ่งที่เหนือความนืกคิด เหนือกฎเกณฑ์ เหนือธรรมชาติ แต่สิ่งนี้ ได้บังเกิดชํ้าแล้วซํ้าเล่าในอดีต ไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ไม่ใช่สิบครั้ง ไม่ใช่ร้อย ไม่ใช่พันหมื่นแสนครั้ง แต่น้บครั้งไม่ถ้วนทีเดียว ยกตัวอย่างในสมัยพุทธกาลผู้ที่ได้สมป้ติจักรพรรติ ที่มีปรากฏในพระ- ไดรปีฎกอย่างเช่น ท่านชฏิลเศรษฐี ท่านสั่งสมบุญในภพก่อนมาก มีใจประตุจ พระเจ้าจักรพรรติ จึงสมควรแห่งสมบัติจักรพรรติเกิดขึ้น เมื่อบุญส่งผลภายใน บริเวณบัานท่าน ภูเขาทองก็ผดเกิดขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วก็มีจอบเพชร เกิดขึ้นสำหร้บที่จะตักทองอันนั้นน่ะเอามาใช้ แต่ด้กทองออกไปแล้ว ทองนั้นก็ งอกขึ้นมาใหม่เต็มเหมือนเติม ต้กแล้วก็เต็มไม่พร่องเลย ถ้าเราจะใช้ปัญญาธรรมดาของเราคิด ว่ามันเป็นไปได้อย่างไรที่มีภูเขา ทองมาบังเกิดขึ้นในบริเวณบัานพร้อมด้วยจอบเพชร แล้วก็ตักไม่พร่อง บางคน ก็คิดไม่ออก นอกจากท่านผู้ร้ผู้บริสุทธิ้ที่มีร้มีญาณไปเห็นเช้าอย่างพระล้มมา- สมพุทธเจ้าท่านรู้เห็น ท่านก็ระลึกชาติหนหล้งไปดู เห็นการประกอบเหตุของ การสร้างบารมีของท่านชฎิลเศรษเที่เป็นเหตุไห่ได้ภูเขาทองที่ตักไม่พร่องนี้ ท่านเห็นเหตุเป็นเรื่องเป็นราวไปทีเดียว แล้วก็สรุปได้ว่าเป็น^ม่มีความตระหนี่ มีจิตใจที่สะอาดผ่องใส คิดอยากแต่จะให้อย่างเดียวปรารถนาจะให้ ท่านเมณฑกเศรษฐีก็อีกท่านหนี่งมีแพะกายสิทธิ้เป็นแถ้วตัวใหญ่ทีเดียว ใหญ่กว่าแพะปกติ จะบันดาลสิ่งที่ท่านเศรษฐีปรารถนา อยากจะได้อะไรก็ บันดาลเกิดขึ้นได้เป็นอัศจรรย์ทีเดียว ท่านก็เช่นเดียวกัน มีจิดใจที่ความตระหนี่ ไม่อาจจะไปรุกรานย์ายีท่านได้ ตัดขาตเหมือนดาลยอดด้วนอย่างนั้น ท่านโชติกเศรษฐีอีกท่านหนี่ง มีปราสาทแก้ว มีฃุมทร้พย์เกิดขึ้นทั้ง ๔ ทิศ มีด้นกัลปพฤกษ์บันดาลความปรารถนาให้สมหวัง อยากได้อะไรก็ได้สม ความปรารถนา สามท่านนี่ก็เป็นตัวอย่างของผู้ที่ได้สมบัติตักไม่พร่อง www.kalyanamitra.org ๑๓๕

การเดินทางไกลไปสู่ที่สุดแห่งธรรมนั้นยากกว่ายาก คือความยากที่มี มาแล้วในอดีตมากมายเท่าไหร่ การที่จะไปสู่ที่สุดแห่งธรรมนั้นยากกว่านั้นเข้าไป อีก มีความจำเปีนจะต้องมีบารมีแก่ๆ ต้องมีบารมีมาก เพราะฉะนั้นการจะมี บารมีมากก็ต้องสงสมบารมีมากๆ ชาดิสองชาดิไม่ไต้ เปีนร้อยเปีน'พันชาติไม่ไต้ ต้องน้บชาติกันไม่ถ้วน'ทีเดียว บารมีถึงจะเต็มเ!เยมบริบูรณ์ เพราะฉะนั้น เสบียงธรรมดาที่จะหล่อเลี้ยงไปไห่'สร้างบารมีให้ถึงที่สุด เพื่อสร้างบารมีอื่นเพิ่มเติมให้สมบูรณ์นั้นมันไปไม่ไต้ จะต้องไต้เสบียงในระดับ ที่เปีนสมบ้ติดักไม่พร่อง เปีนเสบียงหล่อเลี้ยงไปสร้างบารมีอย่างอื่นอีก ๙ อย่าง ให้เต็มบริบูรณ์ จนกระทํ่งพญามารบังดับบัญชาไม่ไต้ พันจากการเปีนบ่าวเปีน ทาสของเขาจึงจะไปถึงที่สุดแห่งธรรม หลวงพ่อจึงมีความปรารถนาอยากจะให้ลูกทั้งหลาย มีสมบ้ติจ้กรพรรติ ที่ต้กกันไม่พร่อง เพราะฉะนั้นจึงเชิญชวนให้'ทุกคนเอาชนะความตระหนี่ ต้อง ตีกระหนั้าความตระหนี่โดยไม่ปรา'นีปราศรัย ไม่เอาอกเอาใจความตระหนี่ ไม่มี เชื้อเปีนอาหารให้ความตระหนี่งอกงาม ไม่มีเชื้อแห่งป๋ยความตระหนี่ เพราะ ฉะนั้นจะต้องเอาชนะมันให้ไต้ ทุกอย่างสำเร็จต้วยใจ เมื่อเรามีความตั้งใจจะทำอะไรอย่างจริงจังแล้ว มันก็ไต้ทุกอย่าง เหมีอนม'นุษย์มีความตั้งใจจะไปลงดวงจันทร์เขาคิดแล้วคิดเล่า คิดไปเรื่อยๆ แล้วก็ลงมีอปฎิบีติ ทุนเบื้องต้นของเขาคือเขาจะต้องไปให้ไต้ แล้ว ในที่สดเขาก็สมความปรารถนา... วันอาทตย่ท ๑๓ กุมภาฬนธิ พ.ศ.๒๕<£๓ ๑๓๖ www.kalyanamitra.org

ความตระหนี่ เป็นอันตรายต่อมวลมนษยชาติ ...การปฏิปัติธรรมเปีนกรณียกิจ คือ กิจที่ควรทำอย่างยิ่ง เป็นกิจที่ติดต้ว เรา พอมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วจะต้องบรรลุวัดลุประสงค์ของชีวิด คือ ไป ให้ถึงที่สุดแห่งธรรมใหไต้ ขจ้ดกิเลสอาสวะให้หมดสินไปให้ไต้ นี่เป็น www.kalyanamitra.org

ว้ดถุประสงค์ของซีวิด หรืออย่างน้อยก็มีซีวิดอยู่ อยู่บนฐานแห่งความสุข ที่แท้จริง คือชีวิตของเราจะท้องปฏิบัตเพื่อใท้เท้าถึงความสุขที่แท้จริง เท้าถึงพระร้ตนตร้ยในต้วของเรา การที่จะให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในด้วคือพุทรร้ตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆ- รัตนะนั้น จะต้องปรับทั้งกายและใจ กายก็ผ่อนคลาย ใจก็จะต้องผ่องใส เบาสบาย ไม่มีอะไรเปีนเครื่องผูกพัน เครื่องกังวลใจ ใจจะต้องว่างเปล่าจากความคืดปรุง แต่งทั้งมวล ซึ่งพระสัมมาส้มพุทธเจ้าท่านทรงลอนให้เราปล่อยวางจากเครื่อง กังวลทั้งหมด ไม่ให้ไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ที่ไม่เปีนสาระแก่นสาร ท่านทรงสอนเอาไว้ตอนหนึ่งในขุทกสูดรว่า \"ให้พวกเราทั้งหลายจงดูผู้ใม่รัที่ถือ เอาสิ่งนั้นสิ่งนี้ว่าเป็นของของตน กำ ลังดิ้นทุรนทุรายอยู่ เหมือนปลาในแอ่งนั้าที่ กำ ลังจะแห้งขอดอย่างนั้น\" ส่วนคนที่มีปัญญา เมื่อเห็นโทษในการยึดมั่นถือมั่นแล้ว ก็ไม่ประพฤติ เป็นคนถือมั่นว่าสิ่งทั้งหลายเป็นของของเรา ไม่มีความติดข้องอยู่ในภพทั้งหลาย แล้วก็กำจ้ดความพอใจในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แล้วก็ข้ามห้วงกิเลสคือโอฆะ เป็น มุนีผ้รัที่ไม่ติดอย่ในอารมณ์อันน่าใคร่น่าพอใจ i rr wi'ik.i ' ข่จ จ ( ' JHB' ถอนลูกศร คือ กิเลสออกไต้ เป็นผู้มีชีวิต 3™^^ '^ พระพุทธองค์ทรงแนะนำไท้ เราดำเนินชีวิตอยู่ท้วยความไม่ เ^'\"^^^^แ^ ประมาท ไม่ไท้เท้าไปยึดมั่นถือ มั่นไนสิ่งทั้งหลายทั้งปวง มีความไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลง อยู่ตลอดเวลา เป็นทุกข แล้วก็ ไม่ไข่ของของเรา บ้งท้บท้ญซาก็ / Jv www.kalyanamitra.org 'GfCfid

ไม่ได้ ควบคุมก็ไม่ได้ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อน้ตตา อย่าว่าแด่ด้วของเราเลย แ3ง้โลกนี้ โลกที่เราอาศ้ยอยู่นี้ก็ยังสลายได้เมื่อสินกัปไปแล้ว ก็ด้องแตก สลายหมด เกิดไฟบรรลัยกัลป๋ นํ้าบรรลัยกัลป๋ ลมบรรลัยกัลป๋แตกสลายหมด ภูเขา ต้นไม้ ตึกรามบ้านช่อง คนสัตว์สิ่งของ สูญสลายหายไปหมดไม่มีอะไร เหลือเลย เมื่อโลกยังเป็นอย่างนี้ ร่างกายของเรา สิ่งของที่เราถือว่าเป็นของ ของเรา ทำไมจะไม่เสื่อมสลาย ที่พระองค์ทรงสอนอย่างนี้ กิเพื่อไห้เราไต้มองมุมกลับตรงกันข้ามว่า เมื่อเราอยู่ในโลกนี้ที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ไม่เป็นสาระแก่นสาร เรากิ ควรจะมุ่งแสวงหาสิ่งที่เป็นสาระแก่นสาร ซึ่งมีคุณสมบ้ติเป็นแหล่งกำเนิดแห่ง ความสุขแล้วกิเป็นอิสระจากกิเลสอาสวะ จากการบ้งคับบ้ญชาของพญามาร เป็นต้วตนที่แห้จริงของเรา สิ่งที่มีคุณสมบ้ตอย่างนี้กิคือพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ ลังฆรัตนะ ๓ อย่างนี้แหละ เป็นที่พื่ง ที่ระลืกอันสูงสุดของพวกเราทั้งหลาย ดังนั้นเรากิจะต้องทำความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ในพุทธรัตนะ ใน ธรรมรัตนะ แล้วกิในลังฆรัตนะ ต้องมีความเลื่อมใสในรัตนะทั้ง ๓ นี้อย่างเต็ม เปียมที่เรียกว่า ยสฺส สฑฺธๆ ตถาคเต เป็นต้น คือมีความเลื่อมใสไม่กลับกลอก ไม่ใช่วันนี้เลื่อมใส พรุ่งนี้กิไม่เลื่อมใส ไม่ใช่อย่างนั้น ต้องไม่กลับกลอก ดั้งมั่น อยู่ในพระตถาคตเจัา ในพระธรรม แล้วกิในพระสงฆ์ บ้ณฑิตทั้งหลาย กล่าวว่า บุคคลนั้นเป็นคนไม่ขัดสน เพราะมีพระรัตน- ตรัยเป็นอริยทรัพย์เครื่องปลื้มใจอยู่ภายใน คนที่ขัตสนกิมีความรูสึกว่าเรานี่มี ทรัพย์ใม่พอ เพราะฉะนั้น จึงมีความรูสึกพร่องอยู่เป็นนิจ แต่ว่าเมื่อเข้าถึงพระ- รัตนตรัยภายในแล้ว ความรู้สึกชนิดนั้นกิหมตลื้นไป มีแต่ความปลื้มอกปลื้มใจ อยู่ภายใน ไม่สนใจอะไรเลย ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากพระรัตนตรัย อย่างเดียว เหมีอนอย่างท่านสุปปพุทธกุฏเ ท่านเป็นคนยากจนเข็ญใจ มีโรคภ้ยไข้ เจ็บที่คนเขารังเกียจ แต่ว่าท่านเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เพราะว่าท่านเข้าถึง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระรัตนตรัย เชื่อมั่นในพระรัตนตรัยไม่กลับกลอก www.kalyanamitra.org G>en&

พระอินทร์ท่านก็มาลองใจดูว่า คำ ว่าเชื่อมั่นโดยไม่กลํโบกลอก คือ ยสฺส สทฺธา ตถาคเต จะจริงแค่ไหน ท่านก็เลยมาลองใจท่านสุปปพุทธกุฏฐิ โดยท่านกล่าวว่า ถ้าท่าน สุปปพุทธกุฏฐิกล่าวว่า พระร้ดนตร้ยไม่มีจริง เขาโกหกก้นมา เขาหลอกก้นมา หลอกให้เราปฎิบ้ต แต่จริงๆ แล้วไม่มี ถ้าหากกล่าวว่า พระร้ดนดร้ยไม่มี จะยอม ยกสมบ้ตอันเป็นทิพยํให้ แต่ท่านสุปปพุทธะท่านไม่ยอม ท่านมีใจมั่นคงไม่ง่อน แง่นคลอนแคลน เพราะท่านเป็นอันหนึ่งอันเดียวก้มพระรัตนดรัย อย่างอื่นท่าน ไม่สนเลย เพราะว่าได้เข้าถึงแล้วมีความสุขปลื้มอกปลื้มใจทีเดียว ท่านก็ถามว่านึ่ใครมาพูด พระอินทร์ก็บอกว่า นึ่พระอินทร์ ท่านตอบว่า พระอินทร์ทำไมพูตอย่างนี้ เพราะฉะนั้นไหไปห่างๆ เพราะว่าท่านมีความ เชื่อมั่นในพระรัตนตรัยไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลน เพราะเป็นอันหนึ่งอันเดียว แล้ว หายสงสัยแล้วว่าพระรัตนตรัยในตัวนั้นมีจริงๆ พระอินทร์ได้ฟังก็ปลื้มอก ปลื้มใจชื่นใจว่า ท่านสุปปพุทธกุฎฐินึ่ท่านเข้าถึงจริงๆ ก็ดีใจ พวกเราก็เช่นเดียวก้น ด้องให่ใจมั่นเหมือนอย่างท่านสุปปพุทธะ คือจะ ด้องหยุดนึ่งลงไปตรงกลางกายฐานที่ ๗ ให้ถูกส่วนแล้วก็ถูกที่ตั้งของพุทธรัดนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ จนกระทั่งรัตนะทั้ง ๓ ปรากฏข้ตใสแจ่มในกลางกายเรา อย่างนี้จึงจะได้ชื่อว่ามีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอย่างแห้จริง ถ้าเป็นพระ เป็นเณรเข้าถึงอย่างนี้ ก็ชื่อว่าเป็นอายุพระศาสนา เป็นเนี้อนาบุญ ถ้าอุบาสก อุบาสิกาเข้าถึงอย่างนี้ ก็ได้ชื่อว่าเป็นอุบาสกอุบาสิกาที่แห้จริง ความตระหนี่ เราจะเอาชนะความตระหนึ่ที่อยู่ในใจเราและของมวลมนุษยชาติ ความ ตระหนี่เป็นภัยอย่างรัายแรงทีเดียว ความหวงแหนเสียดายทรัพย์ จน กระทั่งกลายมาเป็นความโลภในภายหล้ง เป็นอ้นตรายต่อมวลมนุษยชาติ ความตระหนี่จะปล้นสมบัติจักรพรรดิของเรา ของมวลมนุษยชาติไป ๑๔๐! www.kalyanamitra.org

ทำ ให้เกิดความอ้ตคัตขาดแคลน ความอดอยากยากจนเกิดขึ้นเพราร ความตระหนี่ เพราะการที่เราจะได้สมบดมานั้นมีทางอยู่ทางเดียวก็คือ ด้องให้!ปก่อน ด้องไม่หวงแหน ไม่ตระหนี่ จะให้ก้มส้ตว์เดรัจฉานก็ดี จะให้ก้มมนุษย์ที่ทุศีลก็ดี หรือจะให้ก้มมนุษย์ผู้มีศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ก็ดี จนกระทั่งผู้ที่ได้ฌาน สมาบ้ติ หรือโคตรภูบุคคล ตลอดจนพระอรืยเจ้า ทักขิไณยบุคคล แค่ให้สัตว์ เดรัจฉานด้วยข้าวด้วยนํ้ายังมีอานิสงส์ไม่อดอยากยากจนไปถึง ๑๐๐ ชาติ เพราะฉะนั้นถ้าทำถูกจุดแห่งบุญ หสักแห่งบุญ ทักขิไณยบุคคล บุญ นั้นเกินควรเกินคาดเป็นอสงไขยอัปปมาณ้ง คือนัมก้นไม่ไหวคำนวณก้นไม่ได้ ว่าจะได้สักเท่าไหร่ แต่ก็เกินควรเกินคาด ครอมฟ้าครอมจ้กรวาลก้นไปเลยทีเดียว ทุกคนมีสิทธิที่จะได้สมบ้ติจ้กรพรรติทั่งนั้น ถ้าไม่มีความตระหนี่ หวงแหนและทำให้ถูกเนั้อนาบุญ ถูกทักขิไณยบุคคลได้ทั่งนั้น เรื่องนี้มีมา แล้วในอดีตที่ผ่านมา และมีบันทีกไว่ในพระไตรปีฎก ที่พระสัมมาล้มพุทธเจ้า ท่านได้ระลึกชาติหนหสัง พระองค!ปพมโดยด้วของพระองค์เอง สมัยเมื่อตั้ง ความปรารถนาจะเป็นพระสัมมาล้มพุทธเจ้า อินทรืย์ยังอ่อนอยู่ ก็สร้างมหาทาน มารมีเล็กๆ น้อยๆ ไปก่อน เมื่อสร้างไปแล้วบุญกุศลก็เกิดขึ้น มีโภคทรัพย์ สมป้ติได้สร้างบุญต่อไปอีก จากสมบ้ติเล็กๆ ก็เป็นสมปติใหญ่ขึ้น จากด้องทำ มาหากิน ทามาด้าขายด้วยความยากลำมากแล้วจึงจะได้มาสร้างมารมี จนกระทั่งดอนหสังๆชาติทัายๆไม่ด้องทำมาหากินแล้ว พอบุญเต็มเปียม มารมีเต็มเ!เยม สมป้ติจ้กรพรรติเกิดขึ้นเลยในทุกทีศทาง มีขุมทรัพย์ทั่ง ๔ เกิด ขึ้น มีด้นก้ลปพฤกษ์เกิดขึ้น มีปราสาทแก้ว เป็นด้น และได้ปกครองในทวีปทั่ง ๔ สมบัติจักรพรรติใคร ๆ ก็สามารถที่จะครอบครองได้ ถ้าไม่มีความตระหนี่ และทำถูกเนั้อนาบุญ เพราะฉะนั้น ให้ตั้งใจมั่นให้ดีว่า เราจะด้องไปเอาสมปติจักรพรรดิมาใข้ สร้างมารมีให้!ด้ แล้วก็จะด้องให้มวลมนุษยชาติเลิกอดอยากยากจน เลิกอัดคัด www.kalyanamitra.org G) G)

ขาดแคลนสมบ้ติ เราจะต้องไปตามรักษาสมบ้ติเขา ไปตามสมบ้ติมาให้เขาใช้ แล้วก็ตามรักษาสมป้ติของเขาไปทุกภพทุกชาติ ให้เขาไต้สรัางบารมียิ่งๆ ขึ้นไป จนกระทั่งบารมีเต็มเ!เยมไม่ต้องทำมาหากิน สมบ้ติรอคอยอยู่ไต้จะเอา ไว้สร้างบารมีต่อไป คือศีลบารมี เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขาบารมี ครบ ๑๐ ท้ศบริบูรณ์ กระทั่งสร้างยิ่งขึ้นไปเป็นอุปบารมี เป็นปรม้ตถบารมี เริ่มต้นมาจากมหาทานบารมี ถ้าไต้สมป้ตจักรพรรติมา เราก็ สร้างบารมี ๓๐ ทัศไต้เร็วขึ้นง่ายขึ้น... วันอาทิตย์ที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ.๒๕(ร:๓ '๑๔๒!- www.kalyanamitra.org

โ^' ทวนกระแสโลก ...วนนี้เราได้มาประชุมพร้ยมกัน เพื่อมาประพฤติปฏิบ้ตธรรม มาทำกิจ ที่สำ คัญที่สุดของตัวเราเองและของมวลมนุษยชาติ กิจในเบื้องด้นนี้เราจะต้อง ชำ ระกายวาจาใจของเราให้สะอาดบริสุทธี้ผ่องใส จะได้เหมาะสมที่จะเป็น ภาชนะรองร้บบุญกุศลที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ โดยเฉพาะตอนภาคเช้าจะมีพิธีบูชา ขาวพระและถวายปัจวัย ๔ บูชาธรรมพระสัมมาส้มพุทธเวัา เพราะฉะนั้น ให้ทุกทำนเอาใจหยุดนิ่ง ๆ ตรงภายในกลางกาย ตรง กลางความใสบริสุทขึ้ ตรงนั้นจะเป็นทางไหลผ่านแห่งมหากุศลอันยิ่งใหญ่ แล้ว กิเป็นทางไปสู่อายตนนิพพาน ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเรียกว่า เอกายนมรรค ทางเอกสายเดียวที่จะนำไปสู่อายตนนิพพาน มีอยู่ในกลางกายของเรา พระองค์ทรงแสดงเอาไว่ในบทธ้มมวักกัปปวตนสูตร ซึ่งเป็นวิธีปฏิบตที่จะให้เข้าถึง www.kalyanamitra.org ๑๔๓

พระธรรมกาย ให้เข้าถึงพระรัดนดร้ยในต้ว จะได้หลุดพ้นจากความทุกข์ จาก กิเลสอาสวะทั้งหลาย ไปสู่อายตนนิพพาน พระผู้มีพระภาคเจ้าดรัสเอาไว้ว่า ที่ลุด ๒ อย่าง คือการประกอบดนให้ พ้วพ้นด้วยกามทั้งหลาย และการประกอบตนให้ใด้รับความลำบาก ทั้ง ๒ อย่างนี้ ไม่ทำให้พ้นจากข้าศึกคือกิเลสไปได้ ส่วนข้อปฏิบ้ตอันเป็นทางสายกลางที่พระ- ตถาคตเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำ ความเห็นให้เป็นปกติ ย่อมเป็น ไปเพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้พร้อม และเป็นไปเพื่อพระ- นิพพานที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนอย่างนี้ เนื่องจากว่าชีวิตของมนุษย์ ทุกๆคนที่เกิดมาในโลกนี้ ต่างก็มีความทุกข์ด้วยก้นทั้งนั้น แล้วก็มีความปรารถนา ที่จะแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ให้เข้าถึงความลุฃที่แท้จริงซึ่งในสม้ยก่อนที่พระองค์ จะมาตรัสรู้ กิมีวิธีการแสวงหาความดับทุกข์อยู่ ๒ วิธีคือ พวกหนื่งก็ตึงเกินไป อีกพวกหนื่งก็หย่อนเกินไป พวกที่ตึงเกินไปก็มีความเห็นว่าด้องทรมานตัวเอง ทรมานร่างกาย เพื่อให้ผู้มีอำนาจสูงสุดซึ่งสมมติเรียกก้นว่าพระผู้เป็นเจ้า ให้ท่านเห็นใจสงสาร จะได้ช่วยให้พ้นทุกข์ ก็ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะเข้าใจว่าการทำอย่าง นี้จะดับกิเลสได้ ซึ่งเป็นวิธีการที่ผิดจากทางมรรคผลนิพพาน ทำให้ร่างกาย ทรุดโทรม นอกจากทำลายสุขภาพแล้ว ยังบั่นทอนกำลังของด้วเองและกำลัง สติปัญญา อีกพวกหนื่งก็ปล่อยด้วปล่อยใจไปตามกระแสกิเลส เข้าใจผิดคิดว่าถ้า จะพ้นทุกๆรได้ ด้องแสวงหาความสนุกสนานเพลิดเพลินในทางโลก เอาตัวไป พ้วพ้นหมกมุ่นอยู่ในเรื่องกาม ยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่ชอบใจ ซึ่งใน ที่สุดก็มีความทุกข์ ความคับแค้นใจเป็นผล แล้วก็ยังไม่พ้นจากทุกข์อีกเช่นก้น จนกระทั้งพระพุทธเจ้าของเราบังเกิดขึ้นในโลก พระองค็ได้ทรงทดลอง ทั้ง ๒ วิธีการนั้นแล้ว เห็นว่าม้นไม่เกิดประโยชน์ ไม่ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพาน การทรมานตนก็เป็นการลำบากเปล่าหรีอความสนุกสนานเพลิดเพลินในทางโลก มันก็แค่กลบทุกข์เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการแก้ทุกข์ เมื่อแก้ทุกข็ไม่ได้ก็ไม่พ้นทุกข์ www.kalyanamitra.org

ด้งนั้นพระองค์จึงทรงเลิกทั้ง ๒ วิธีการนั้น แล้วในที่สุดก็ทรงพบหนทางสาย กลางที่เรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา ซึ่งเป็นทางเสด็จไปของพระพุทธเจ้าและพระ- อรหันต์ทั้งหลาย หนทางสายกลางที่พระองค์ทรงด้นพบนี้ มีอยู่ทางเดียวเท่านี้น เรียกว่า เอกายนมรรค ทางเอกสายเดียวที่อยู่ในกลางกาย เมื่อเรามา เกิดเป็นมนุษย์ ใจเราก็อยู่ที่ศูนย์กลางกาย เมื่อเวลาเราจะหล้บ ใจเราก็ ด้องไปหยุดตรงกลางนี้น ถ้าผิดกลางก็หถ้บไฝได้ จะเกิด ดับ หลับ ดื่น ก็ต้องอยู่ตรงกลางกายนี้เท่านี้น คือที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ตรงนี้นแหละ เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทาหรีอเอกายนมรรค ถ้าเราปฏิบ้ตตามที่พระองค์สอนในหนทางสายกลางแล้ว จะเกิดสิ่งหนึ่ง ขึ้นมาคือ จ้กชุกรณี ธรรมจ้กข จะเกิดการเห็นเป็นปกติ เห็นตรงไปตามความ เป็นจริงของสิ่งที่มีอยู่จริงๆ ก็จะเกิด ญาณกรณี ญาณเป็นเครื่องรู้ก็จะเกิด อุปสมายะ เกิดความรู้ ความเห็นที่เป็นไปเพื่อความสงบระงับลังขารทั้งหลาย อภิญญายะจะเกิตอภิญญาความรู้ยิ่งในทางพระพุทธศาสนา เช่นมีหูทิพย์ตาทิพย์ ระลึกขาติได้ รู้วาระจิต มีฤทธี้ทางใจจนถึงขั้นทำอาสวะให็สิ้นไปได้ ลัมโพรายะ รูได้รอบด้ว รู้พร้อมหมตเลย นิพพานายะความรู้นั้นเป็นไปเพื่อพระนิพพาน นึ่ ถ้าปฏิบ้ติถูกกลางก็จะได้จ้กชุกรณี ญาณกรณี อุปสมายะ อภิญญายะ สัมโพรายะ นิพพานายะ ครบถ้วนหมต บริบูรณ์หมด เพราะฉะนี้น ถ้าเราปรารถนาจะพ้นทุกข์ เข้าถึงความสุขอันเป็น อมตะ ก็ด้องปฏิบ้ติให้ถูกต้องในหนทางสายกลาง ดำ เนินตามปฏิปทา ของพระอรียเจ้าทั้งหลาย คือต้องทำใจให้อยู่เหนิอโลก ทวนกระแสของ ซาวโลก เช่นเขาตรีกเรื่องกาม เราก็เว้นออกจากกาม เขาตรึกเรื่องพยาบาท เรา ก็เว้นออกจากความพยาบาท เขาตรึกเรื่องการเบียดเบียนก้น เราก็เว้นออกจาก การเบียดเบียนเสีย แล้วก็ทำกาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ้ เมื่อบริสุทธึ้เด็มที่ ใจก็จะแล่นเข้าไปสู่หนทางแห่งความบริสุทธี้ภายใน ทางแห่งวิสุทธิมรรค ก็จะมี อายตนนิพพานเป็นเป้าหมาย... วันอาทิตย์ที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕ร:๓ www.kalyanamitra.org 6)Ce de'

เ4อศีลรรรมบังเกิดขึ้น สิ่งดีๆ จะหวนคืนมา ...เมื่อประมาณสัก ๓๐ กว่าปีที่แล้ว หลวงพ่อได้ถามคำถามคุณยาย (หมายถึงคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง) และท่านกตอบ ในตอนนั้นหลวงพ่อฟังแล้าก็ไม่ได้คิดอะไรพอถามเสร็จท่านก็นงเข้าที่หสับดาไม่ถึง ๕ นาทีแล้าก็ตอบ ก็ฟ้งไปอย่างนั้น แต่ว่าเมื่อลองสามจันนื้ใปอ่านในพระ- ไตรปีฎถที่จะนำมาเทศน์ออกอากาศ มันอัศจรรย์!จว่า สิ่งที่คุณยายพูดนั้น บังเอิญไปตรงกับสิ่งที่พระสัมมาสัมทุทธเจ้าท่านสอนภิกษุ เมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปี ที่ แล้า '^๔๖ www.kalyanamitra.org

เรื่องก็มีอยู่ว่า ในสม้ยอยู่ที่บานกัลยาณมิตรหมายเลข ๑ เคยถามคุณ ยายว่า \"ยาย ทำ ไมพระธาตุดอยสุเทพเดี๋ยวนี้ถึงไม่ศักดิ้สิทธี้เหมือนสมัยก่อน สมัยก่อนใครไปพลอดรักกันที่นั่นช้กตาตั้งกันตรงนั้นเลย เดี๋ยวนี้มีเยอะแยะไป หมดเลย จนมีที่หลบมุมเยอะ มันไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย\" ท่านก็นั่งเข้าที่ไป ส้กไม่ถึง ๕นาที ท่านก็ตอบว่า\"ยามใดที'มนุษย์ขาดสีลธรรม ยักษ์และเทวดา ที่เฝึๆสถานอารามศักดี้สิทธ เจดีย์ดักดสิทธี้ก็พลอยเดี๋อมทีลธรรมไปด้วย แล้วก็ละทิ้งหน้าที่\" ยายท่านก็ตอบอย่างนี้ ฟังแล้วก็รูสึกว่าแปลกดี แต่ก็ยัง ไม่ได้มีความรสึกอะไร ต่อมาหลวงพ่อได้อ่านพบในพระไตรปีฎกว่า สมัยหนงประชาชนขาด ศีลธรรม เพราะผู้ปกครองมีโทสจริตไม่ได้พินิจพิจารณาอะไรเสียก่อน แล้วก็สง การไล่นักบวชออกนอกประเทศ เพราะเรื่องมีอยู่ว่า มีวิทยาธรตนหนึ่งมีฤทธิ้ เหาะได้ พอเหาะไปเห็นมเหสีชองพระราชาก็เกิดจิตปฏิพัทธ์ แล้วเหาะไปตอน พระราชาไม่อยู่ ก็บังกับมเหสี รันรุ่งขึ้นมเหสีก็เล่าให้พระราชาฟังว่า ด้วเองท่า อะไรไม่ได้ เหมีอนถูกบังกับ เป็นอย่างนี้ถึง ๒ ครั้ง เสร็จแล้ววิทยาธรก็ไปยืนท่า เป็นบำเพ็ญตบะอยู่ในสวนแห่งหนึ่งในพระนคร พระราชาเข้าใจว่าผู้ที่ขึ้นมาได้ ด้องเป็นนักบวชที่มีฤทธิ้ เพราะฉะนั้นก็เลยรังเกียจนักบวชทั้งหมด รังเกียจก็ เลยไล่ออกไปจากพระนคร เมื่อนักบวชออกไปจากพระนครทั้งหมด ประชาชนก็ชาดที่พึ่งทางใจ ที่ เคยถือศีลก็ละศีล แล้วค่อยๆ ทุศีลไปทีละข้อ บัานเมีองก็โกลาหลกันเป็นการ ใหญ่ จนกระทั้งร้อนไปถึงห้าวสักกเทวราช พระอินทร์ท่านก็เสด็จลงมายืนอยู่ กลางอากาศ แล้วก็บอกความจริงให้แก่พระราชาทราบว่า นักบวชไม่ได้เลวทั้งหมด นั่นเป็นเพราะวิทยาธรเขามีฤทธึ้ด้วยเวทมนดร์แต่การกระท่าตรงนั้นไม่ใช่นักบวช ผู้มีศีลทั้งหลายที่พระราชาเคยเคารพกราบไหรับูชา ท่านก็ไปนิมนต์ให้นักบวช ทั้งหลายนั้นกสับคืนสู่พระนคร บัานเมีองก็อยู่เย็นเป็นสุข ฝนตกด้องตามฤดูกาล มนุษย์ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเอื้อเฟ้อเผื่อแผ่กัน เพราะฉะนั้น เรื่องที่เราท่าที่ผ่านมาเมื่อรันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๔ www.kalyanamitra.org ^๑๔(ะ!;

ไม่ใช่เรื่องเล็กๆน้อยๆธรรมะของพระสัมมาส้มพุฑรเจ้าเป็นที่รวมประชุมแห่ง ความรู้อ้นบริสุฑธี้ที่จะนำสรรพสัตว์ฑื้งหลายใหไปสู่สวรรค์นิพพาน ผู้ที่ ทรงจำรักษาไว้คือพระเณร เพราะฉะนั้นพระเณรจึงเป็นห้วใจของโลกและ จ้กรวาล ฆราวาสมีเวลาน้อยในการที่จะมาคืกษาธรรมะของพระสัมมา- ส้มพุทธเจ้า เพราะต้องทำมาหากิน หาเลี้ยงชีพ เพราะฉะนั้นก็จะไดใช้ โอกาสว่างมาสืกษาธรรมะจากพระจากเณรเพื่อที่จะไต้นำไปปฏิบ้ติ หรือ อย่างน้อยเห็นอากัปกิริยาของพระเณรเป็นที่น่าเลื่อมใส ก็เกิดแรง บันดาลใจอยากจะทำความดี และเมื่อคืลธรรมบังเกิดขึ้นในสังคมและ ขยายไปทั่วประเทศ สิงที่ดี ๆ ก็จะหวนคืนมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้น การที่เราทำบุญที่ผ่านมาถวายจีวรแสนผืนอย่างนี้ ถวาย ภัตตาหารให้เป็นกำล้งของท่านเพื่อเอาไปศึกษาธรรมะของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า และก็ถวายทุนการศึกษา นั้นคือการสนับสนุนให้หัวใจของโลกได้อยู่คู่โลก เพื่อ ใหัเป็นที่พื่งทางใจ และเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความรู้ที่จะนำมนุษย์ทั้งหลายไปสู่ สวรรค์นิพพาน ด้งนั้นสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่สำคัญทีเดียว ให้นึกถึงบุญเอาไว่ให้ดี ให้ทำความปลื้มปีติในสิ่งที่เราทำไว้ แล้วก็ปีติเพราะพระเณรมาชุมนุมภันมากๆ ขนาดนี้ ถ้าใครไม่เคยอ่านในพระไตรปิฎก ก็ยังไม่ทราบว่าพระแท้ เณรแท้ควร จะเป็นอย่างไร มาใหม่เห็นอย่างนั้นก็ชื่นใจ แม้พวกเราได้เห็นเป็นครั้งที่สองก็ ยังชื่นใจ แต่ยังมีสิ่งที่จะด้องพ้ฒนาภันต่อไปให้ม้นดียิ่งๆ ขึ้น จนกระทั่งพระเณร ท่านเกิดความปีติและภาคภูมิใจในคัวของท่าน รูสึกทั้งรักทั้งเคารพคัวท่านว่า มี แต่สิ่งที่ดีงามตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใต เห็นต้วเองทำแต่ความดีทั้ง ความคิด คำ พูด และการกระทำก็ปลื้มใจ แม้อยู่ตามลำพ้งก็ปลื้มใจ เราถึงจะ บรรลุว้ตถุประสงค์ ถ้าถึง ณ จุดตรงที่ท่านปีติภาคภูมิใจที่ตัวของท่านเองทำความดีเป็น อัดโนมิติ เราจะมีความชื่นบานเหมือนพระเจ้าอโศกมหาราชเห็นสามเณรนิโครธ เป็นเหตุให้ท่านวางศาสตราวุธและคิตที่จะเคารพนับถือพระพุทธศาสนาจน ๑๔๘ www.kalyanamitra.org

กระทั่งได้เปีนพุทธมามกะ ได้สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ทั่วประเทศ และกระทั่งถึงขนาดเป็นญาติของพระศาสนา ให้พระราชโอรส พระราชธิดาออก บวชเป็นพระเป็นเณร จนได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ห้าภิกษุสามเณรเป็นอย่างนั้น สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในใจของทุกๆ คนที่แมไม่ เคยรู้จักพระพุทธศาสนาเลยกิเลื่อมใส ความเลื่อมใสนำมาสู่การเข้าใกล้ พระร้ดนดรัย ได้สีกษาและUกฝน จนกระทั่งได้มีประสบการณ์ภายใน ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เลยที่เราทำอยู่ ถ้าไปเทียบในโลกในหลายร้อย ประเทศ ย้งไม่เคยมีใครชุมนุมน้กบวชได้ มากขนาดนี้ เพราะฉะนี้นแม้เพียง หนี้งบาทที่ทำในวันนี้นก็มีอานิลงส ยิ่งใหญ่ป็ดประดูอบายภูมิ เพียงบาทเดียวที่ถวายเป็นสังฆ- ทาน ที่มีพุทธปฏิมากรเป็นตัวแทน เ^^^^^ พระสัมมาส้มพุทธเจ้า มีอานิสงส์ แพ ใหญ่มากขนาดนั้น นอกจากนี้ อานิสงส์ที่เราทำบุญ ด้วยจึวร นอกจากจะได้บริขารลอยมาครอบคลุม ต้ว แล้วห่มต้วของเรา เมื่อวันบรรลุมรรคผลนิพพานแล้ว ทุกชาติผ้าจะ ไม่มีขาดแคลนเลย จะได้ผ้าที่ประณีต ผิวพรรณวรรณะจะผุดผ่อง ผ่องใส เหมือนมีแสงเรือง ๆ ออกมาทีเดียว จิตใจจะเบิกบาน จะแช่มชื่น พูดง่าย ๆ ว่าทุกข้ ไม่เป็น จะมีแต่สุขล้วนๆ เรื่อยไป ตั้งแต่สุขเล็กสุขน้อย สุขปาน กลางจนกระทั่งสงสุขอ้นยิ่งใหญ่ แล้วเรื่องไม่ดีจะไม่ได้เห็น จะไม่ได้ยิน ไม่เข้าใกล้เราเลย มีแต่ของดีๆ มีสิริมงคลต่างๆ ทั่งคน สัตว์ สิงของดีๆ ที่ทำ ให้เราเบิกบานใจเข้ามาใกล้ สมบัติใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมดสิ๋น และ ยิ่งถวายภ้ตตาหารครั้งเดียวเป็นแสนรูปอย่างนี้ นึกแล้วน่าชื่นใจ เพราะ ฉะนี้นขอให้ชื่นใจก้นให้ดีในสิ่งที่เราทำมา... วันอาทิตย์ที ๒๙ เมษายน พ.ค.เร๕,ZCZ www.kalyanamitra.org G)<iH

มหาทานบารมี ...ภาพแห่งการสร้างบารมีเหล่านี้ที่ทำให้ชาวสวรรค์ร่าเริงกัน เพราะเขา เกิดความปีดิยินดีที่เห็นพวกเราอยู่ในเมืองมนุษย์สร้างบารมีกันอย่างสนุกสนาน ถูกหล้กวิชชาของการสร้างมหาทานบารมี แล้วกิคุยกันต่อๆ ไปว่า สวรรค์จะไม่ ร้างผู้มีบุญ ไม่ร้างเทพบุตรเทพธิดาที่งหลาย บริวารดีใจว่าเจ้านายอยู่ในเมือง มนุษย์สร้างบุญใหญ่เตมที่ เพราะสร้างบุญบนเมืองมนุษย์ตรงนี้กิไปสว่างดรงโน้น วิมานกิโตใหญ่ขึ้น สมบ้ติกว้างขวางยิ่งใหญ่ไพศาลกันไปดามลำด้บ ณ จุดตรงนี้เป็นจุดสว่าง จุดที่เรารวมใจมาร่วมทำบุญกันสร้างบารมี ด้วยอาการที่เบิกบาน ไม่ว่าจะเกิดกี่ชาติกิทุกข์ไม่เป็น จิตใจมืแต่ชื่นบาน หน้าตาจะคล้ายเคียงไล่เสี่ยกันไปเลย เพราะยิ้มแย้มแจ่มใสทำบุญกันตลอด จะ ๑๕๐ www.kalyanamitra.org