ในกลางกายของมนุษย์ทุกๆ คน มีพระรัตนตร้ยอยู่ภายใน นั่นคือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และส้งฆรัตนะ พทธรัตนะก็คือ ธรรมกาย กายที่เป็นผ้รั ผ้ตื่น ผ้เบิกบานแล้ว มีอย่ภายใน 4 ฆ่จJ ฆ่ ^ V ตัวของมนุษย์ทุกคน มีคายืนย้นเป็นหล้กฐานเอาไว้ในพระไตรปิฎก ทั้งฉบ้บ ของเถรวาท มหายาน วัชรยาน แต่ในพระไตรปิฎกไม่ไตักล่าวไวัว่าธรรมกายมี ลักษณะเป็นอย่างไร จนกระทั้งหลวงพ่อวัดปากนํ้าท่านไตัเข้าถึงและก็บอกว่า ธรรมกายมีลักษณะคล้ายๆ ก้บพระพุทธรูป หรือพระพุทธปฏิมากรที่จำลองออกมา แด'งดงามกว่ามาก เป็นพระแก้วใสบริสุทธ มีเกตุดอกบ้วตูม ประกอบด้วย ลักษณะมหาบุรุษครบล้วนทุกประการ นั่นแหละคือ พระธรรมกาย เราจะรูไตัอย่างไรว่ามีพระธรรมกายอย่ภายใน จะรูไตัต่อเมื่อเข้าถึง เข้าถึงแล้วก็ไปเห็น เมื่อไปเห็นก็รู้เมื่อรู้ก็หายสงลัย แล้วทำอย่างไรเราจึงจะเข้าถึง จะเข้าถึงไตัก็ต้องไหโอกาสตัวเองที่จะศึกษาสิ่งเหล่านี้ โดยทำใจให้เป็นกลาง ไม่ใช่เชื่ออย่างงมงาย หรือไม่เชื่อจนดื้อรั้น ให้ทำตัวทำใจเหมือนนักวิทยาศาสตร์ เหมือนผู้รู้ บัณฑิตและนักปราชญ์ทั้งหลาย คือวางใจเฉยๆ เหนือความเชื่อและ ความไม่เชื่อ แล้วให้โอกาสตัวเองได้ศึกษาอย่างแท้จริง โดยดึงใจที่แวบไปแวบมา ให้กลับมาหยุดนิ่งอยู่ภายใน ในตำแหน่งที่ ถูกต้อง คือศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อันเป็นจุดเริ่มตันแห่งอริยมรรค เป็นจุดเริ่ม ตันของการเดินทางสายกลางที่จะนำไปสู่อายตนนิพพาน ทางที่พระสัมมาล้มพุทธ- เจ้าและพระอรห้นต์ทั้งหลายท่านเสด็จไป ต้องนำใจที่มีปกติซัดส่ายไปมาให้มาอยู่ ณ ดำแหน่งตรงนี้ตลอดเวลาจนกระทั้งถูกส่วน พอถูกส่วนใจก็จะเคลื่อนเข้าไปสู่ ภายใน ภาษาบาลีเขาใช้คำว่า คมน(คะมะนะ) แปลว่าเคลื่อนเข้าไป แล่นเข้าไป ไตรสรณคมน์ ก็คือเคลื่อนใจแล่นเข้าไปหารัตนะภายใน เพราะฉะนั้นการเข้าถึง พระธรรมกาย พิสูจน์ไต้ด้วยการ!!กใจให้หยุดนิ่ง แล้วเราจะรูไตัอย่างไรว่า เราทำถูกวิธีในเบื้องตันแล้วเพื่อจะไต้ปฏิบัติ ก้นต่อไปให้เข้าถึงรัตนะทั้ง ๓ ภายในกายของเรา เราจะรโด็โดยเมื่อใจหยุดนิ่ง www.kalyanamitra.org f๕๑''
ดีแล้วจะมีดวงธรรมเบื้องต้นบ้งเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเรามาถูกทางแล้ว ถ้าเดินทางต่อไปก็จะถึงที่หมาย วิธีทำ ใจให้หยุดมาสู่ที่ตั้งตรงฐานที่ ๗ มีเป็นล้านวิธี คือน้บวิธีไม่ถ้วน แต่ ย่อลงมาเหลือเพียงแค่ ๔๐ วิธี ที่มีในวิสุทธิมรรค ให้เลือกเอาว่าจะเอาวิธีไหนก็ไต้ ที่จะธีเกใจให้หยุดนิ่ง เช่น เราจะเริ่มต้นจากการพิจารณาอสุภะ (ซากศพ) ก็ไต้ หรือกำหนดลมหายใจ หายใจเข้าภาวนาว่า \"พุท\" หายใจออกภาวนาว่า \"โธ\" อย่างที่เขาเรียกว่า อานาปานสติอย่างนี้ก็ไต้หรือบางคนชอบทำใจนิ่งๆ เฉยๆ ไม่อยากคิดอะไรก็ไต้ หรือบางคนจะระลึกนึกถึงศีลที่ดนรักษาไต้บรืสุทธบริบูรณ์ อย่างนี้ก็เข้าถึงไต้เหมีอนกัน ไม่ว่าเราจะเลือกปฏิบ้ดิในวิธีใดก็ตาม เมื่อปฏิยัตไปเรื่อยๆ พอใจสบาย ใจหยุดถูกส่วนเข้าก็หล่นวูบเข้าไปสู่ภายใน พบดวงธรรมภายใน ถ้าดำเนินจิต ไปเรื่อยๆ ก็จะเข้าถึงพระรัตนดรัยเช่นเดียวกัน เพราะฉะน้น วิธีที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยนั้นมีหลายวิธี แต่ทุกวิธี มีอารมณ์เดียว คือต้องอารมณ์ดี อารมณ์สบาย แต้วก็ต้องหยุตนิ่ง ใจที่ ปกติชอบแวบไปแวบมา ต้องนำกต้บมาหยุดนิ่งอยู่ภายใน ทุกวิธีเหมีอน กันตรงนี้ แดกต่างกันแต่เพียงวิธีการภายนอก พอหยุดถูกส่วนก็วูบเข้าไป จนกระทํ่งเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในอันเป็นที่พึ่งที่ระลึกสูงสุดของพวกเราทุกคน เพราะฉะนั้นใครที่เคยใข้คำว่าหลวงพ่อรัดปากนั้าก็ดี หลวงพ่อธ้มมชโย ก็ดีสอนดาม \"แนววิชชาธรรมกาย\" หรือ \"วิธีธรรมกาย\" ขอให้แกัคำใหม่นะ ไม่ใช่ใช้อย่างนั้น จริงๆ แล้วเป็น\"วิธีเข้าถึงธรรมกาย\"วิธีหนึ่ง โดยใช้คำภาวนาว่า \"สัมมา อะระห้ง\" แล้วก็ธีเกใจให้หยุดนิ่งเฉยๆ หรือจะกำหนดนิมิตเป็นดวงแกัว เป็นองค์พระ เพึ่อเป็นกศโลบายให้Iจมีที่ยึดที่เกาะ เพึ่อไปถึง ณ ศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ ที่แห้จริง พอใจหยุดนิ่งถูกส่วนแล้ว จะภาวนาหรือไม่ภาวนาอะไรเลย จะกำหนดหรือไม่กำหนดอะไรก็แล้วแต่ พอไปสู่เบ้าหลอมเดียวกัน ศีอศูนย์ กลางกายฐานที่ ๗ ก็ดกศูนย์วูบลงไป แล้วก็เข้าถึงดวงธรรม เห็นกายในกาย I www.kalyanamitra.org
จนกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกายในที่สุด ท่านเข้าไปถึงอย่างนี้ พอเข้าถึงธรรมกาย \"พระพุทธเจ้า\" แล้วท่านก็คนพบต่อไป ในกายมนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม ข้นธ์ทั้งหลายด้บหมด ถอดออกหมดเป็นชั้นๆ เข้าไปทีเดียว เหลือแต่ธรรมกายปรากฏอยู่ในอายตนนิพพาน ตรงนี้ที่เป็นข้อถกเถียงกัน ซึ่งหลวงพ่อจะค้างเอาไว้สำหรับให้บัณฑิต นัก ปราชญ์ ไดีใปศึกษาไปค้นคว้าว่ามีจริงหรือไม่จริง ถ้าเราทำถูกวิธีและทำจริงจ้ง ก็ต้องเจอ ถ้าทำไม่ถูกวิธีหรือทำไม่จริงไม่จ้งก็ไม่เจอ ดำ ว่า \"ไม่เจอ\" กับดำว่า \"ไม่มี\" นั้นไม่เหมือนกัน ไม่เจอเพราะเราทำไม่ถูก ถ้าทำถูกก็ต้องเจอ... วันอาทิตย์ที่ ๕ กันยายน พ.ค.เร๕ร:เร www.kalyanamitra.org
วิชชาธรรมกาย ...คำว่า \"วิชชาธรรมกาย\" ประกอบไปด้วย ๒ คำ คือคำว่า \"วิชชา\" ก้บ คำ ว่า \"ธรรมกาย\" \"วิชชา\" หมายถึง ความรู้แจ้งที่เกิดจากการเห็นแจ้ง ความเห็นที่เกิด จากจิตทีบริสุทธี้ จากกิเลสทังหลาย แล้วเกิดปัญญาบริสุทธี้ รู้เห็นไปดามความ เป็นจริง รู้ทั่วถึง รู้พร้อม แล้วก็รูไปสู่เปัาหมาย ถ้าเราศึกษาคงเคยได้ยินคำว่า อภิญญายะ ส้มโพธายะ นิพพานายะ คือรู้ได้ทั่วถึง รู้พร้อม รู้ไปดามความเปีน จริงและถูกต้อง เหมือนของที่อยู่ในที่มีดดึงมาอยู่กลางแจ้งเรากิจะเห็นช้ดเจน เข่น เชอก เปียกนํ้า ถ้าอยู่ในที่มืดๆ บางทีเราอาจจะคิดว่าเป็นงู หรือ เป็นด้วอะไรที่มันยาวๆ หรืออาจจะเป็นเชือก ต้องใช้สมมติฐานด้นเดา ถูกบ้างผิดบ้าง แด่ว่าเมื่อลากมา www.kalyanamitra.org
อยู่กลางแจ้งก็รู้ชัดว่า นี่แค่เชือกเปียกนํ้าเท่าในั้เ คำ ว่า \"ธรรมกาย\"ในพจนานุกรม แปลว่า หมวดหมู่แห่งธรรม เขาแปล ได้แค่นั้น คือ ธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมชันธ์รวมประชุมกันเรียกว่า หมวดหมู่ แห่งธรรม มีนักสืกษาชาวตะวันดกค้นคว้ารวบรวมความหมายของคำว่า \"ธรรม\" ที่มีอยู่ในพระไตรปีฎกไค้ ๕๐ กว่าความหมาย มีความหมาย หนึ่งที่น่าสนใจ เขาบอกว่า ธรรม มีลักษณะเป็นดวงกลมๆ ใสๆ สว่างๆ และมีด้วตน เพราะฉะนั้น \"ธรรมกาย\" คือ กายที่ประกอบไปค้วยธรรม ๘๔,000 พระธรรมขันธ์ รวมประชุมเกิดเป็นค้อนกาย เป็นกายฑีมี ลักษณะมหาบุรุษครบค้วนทุกประการ เพราะฉะนั้น \"วิชชาธรรมกาย\" ก็คือความรู้แจ้งที่เกิดจากการเห็นแจ้ง ด้วยธรรมจ้กชุ แล้วก็รูใด้ด้วยญาณทัสสนะชองธรรมกายนั้นเอง นี่เป็นเรื่อง สำ ด้ญทีเดียว วิชชาธรรมกายเกิดชื้นได้ด้วยธรรมกาย เป็นที่ประชุมรวมอยู่ตรงนั้น มี อยู่ในกลางกายชองมนุษย์ทุกคน มีมาดั้งเดิมตั้งแต่ดึกดำบรรพ์โน้น เริมด้น เมื่อไรไม่มีใครทราบ การที่เราเคารพกราบไหว้บูชาพระสัมมาส้มพุทธเจ้า เพราะพระองค์ ทรงบรรลุวิชชาธรรมกายก่อน แล้วก็ได้ทรงนำมาเปิดเผยกระทั่งมีผู้ตรัสรู้ดาม พระองค์ เป็นพยานในการตรัสรู้ธรรมมากมายทีเดียว แต่หลังจากพระพุทธเจ้า ปรินิพพานไปแล้ว ๕๐๐ ปี ความรู้ยิงนี้ก็หายไปคงเหลือไว้แต่ชือ คอ คำ ว่า \"ธรรมกาย\" ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาในนิกายต่างๆ ทั้งวัชรยาน มหายาน และเถรวาท แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ธรรมกายนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร จนกระทั่งเมื่อ ๘๔ปีที่แล้ว พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัตปากนํ้า ภาษีเจริญ ท่านได้สละชืวิตปฏิบ้ติธรรมกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกาย ณ วัตโบสถ์(บน) ต.บางคูเวียง จ.นนทบุรี ความลับนี้จึงได้เปิดเผยออกมาสู่ชาวโลกอีกครั้งหนี่ง www.kalyanamitra.org ๕๔
หลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ท่านบวชเมื่ออายุ ๒๒ ปี บวชได้หนึ่งวัน รุ่งขึ้น อีกวันหนึ่งก็ปฏิบัติธรรมแล้วศึกษาทางด้านปริยัติ ศึกษาหมดทุกสำน้กแต่ ว่าไม่ได้สอบเปีนมหาเปรียญ รู้ว่าสำนักไหนมีครูติ ชำ นาญไนพระไดรปีฎกท่าน ก็จะไปศึกษาทุกหนทุกแห่ง ศึกษาด้วยตัวเองด้วย จากครูบาอาจารย์ดามสำนัก ต่างๆ ด้วย แล้วในที่สุดท่านก็สรุปว่า ความรู้จะสมบูรณ์ได้จะด้องประกอบไปด้วย ๓ ป. คือ ปริย้ติ ปฏิบ้ติ และปฏิเวธ ปริย้ติก็คือการศึกษาด้านทฤษฎีต้องอ่าน ต้องศึกษา ท่านอ่านหมดในพระไตรปีฎก แล้วปฏิบ้ติด้วยดนเองเรื่อยมา ไม่ ว่างเวันในการปฏิบ้ติเลยแม้แต่วันเดียว รู้ข่าวคราวว่าครูไหนสำนักไหนมีการปฏิบ้ติ ก็ยอมตนเข้าไปเป็นศิษยํไปศึกษา ได้เข้าถึงที่สุดแห่งความรู้ของครูบาอาจารย์ ซึ่งได้แค่ดวงสว่างปรากฏอยู่แล้วครูก็ชวนท่านช่วยก้นสั่งสอนศิษย์ เช่นเดียวก้บ ครูบาอาจารย์ของท่าน แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากนํ้ามีความคิดว่า ความรู้แค่นี้เหมีอน หางอึ่งนิดเดียว จะไปเป็นครูเขาได้อย่างไร ท่านก็กราบลามาด้วยความเคารพ แล้วก็แวะเวียนไปศึกษาวิธีการต่างๆ ที่มีปรากฎอยู่ในวิสุทธิมรรค ๔๐ วิธีก็ศึกษา ก้นมาทวหมดทุกสำนัก แต่ยังไม่จุใจเพราะท่านมีความรู้สึกว่า ยังไม่ถึงจุดของความรู้ตามที่ได้ ศึกษาภาคปริย้ติมา ในที่สุด หลังจากที่ศึกษาทั้งทฤษฎีและปฏิบ้ติตามสำนักต่างๆ มาจนย่างเข้าพรรษาที่ ๑๑ ของการบวช ในกลางพรรษาขึ้น ๑๕ คา เดีอน ๑๐ ท่านได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า ว้นนีเป็น่ไงเป็นเก้น ถ้าหากว่าไฝได้บรรลุธรรม ที่พระสัมมาส้มทุฑธเจ้าทรงบรรลุจะไม่ลุกจากที่ จะนั่งปล่อยธีวิตอย่างนี้ เรอยไป แมเนี้อเลือดจะแห้งเหือดหายไป เหลือแต่กระดูกหนังช่างมัน, ถ้า ไม่รูไม่เห็นธรรมของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ไม่ได้ตายเถอะ นึ่เป็นความ อ้ศจรรย์ของภิกษุหนุ่มวัย ๓๓ ปี ซึ่งยังไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรเลยเกี่ยวก้บหนทาง ไปนิพพาน ได้ศึกษาแต่พระปริย้ติ แล้วในที่สุดวันนั้นตามประวัติที่ท่านได้บันทึกเอาไว้ ท่านได้ทำความ f\\ www.kalyanamitra.org ๕๖ 1
เพียรที่วัดโบสถ์(บน) บางคูเวียง ปัจจุบ้นนี้ในโบสถ์นั้น ย้งมีพระพุทธรูปองค์ดั้งเดิมอยู่ที่นั้งก็ลุ่มๆดอนๆไม่ราบเรียบ ท่านเลือกเอามุมหนึ่งเป็นสถานที่นั้งสมาธิ ตัดสินใจยอมสละแม่' ไ ชีวิต เอานิ้วจุ่มนั้ามันก๊าดเพื่อจะขีดวงกันมดที่ได่ตามช่องแตก ของพื้นหินไม่ให้มารบกวน แต่ขีดไปได้ครึ่งหนึ่งท่านก็นึกละอายใจว่า สละชีวิต แล้วกังมากลัวมดอีก จึงตัดสินใจหลับตาปล่อยชีวิตไปเลย ท่านบอกว่า ค่อนคืนทีเดียวจึงได้บรรลุถึงธรรมกาย บรรลุถึงธรรมกาย แล้วท่านก็บอก โอ้! มันยากอย่างนิ้นึ่เอง มันตัองตับก่อนแล้วจึงเกิด คือใจตัอง หยุดตัองนิ่งเสียก่อน ถูกส่วนถึงจะเหินไปตามลำตับ จนกระทั่งถึง กายธรรม พอถึงกายธรรมเป็นอ้นหนึ่งอันเดียวกันเข'าก็รู้ว่านี่แหละ คือ กายธรรม เป็นกาย ตรัสรู้ธรรมอยู่คูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ท่านดรวจตราดูทบทวนดูอย่างดี ทีเดียว จนกระทั่งมั่นใจว่า นึ่ถูกทางพระสัมมาส้มพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็ทบทวนทำความ เพียรไปทั่งคืนจนกระทั่งติดอยู่ในกลางท่าน แล้วต่อมาท่านเหินในญาณทัสสนะว่า จะมีผู้บรรลุธรรมกายตามท่านอยู่ที่วัดบางปลา อ.บางเลน จ.นครปฐม ภายในพรรษานั้นท่านทบทวนแล้วก็ศึกษาวิชชาธรรมกาย ด้วยธรรมกาย ภายในกลางกายเรื่อยไป ในที่สดออกพรรษาแล้วก็ไดใปที่วัดบางปลา มีผู้บรรลุ ธรรมดามท่าน เป็นพระภิกษุ ๓ รูป ฆราวาส ๔ ท่าน ดามที่ท่านได้เหินใน ญาณทัสสนะ แล้วก็เริ่มเผยแผ่ธรรมะเรื่อยมาจนกระทั่งได้มาเป็นเจ้าอาวาส วัดปากนํ้า ภาษีเจริญ เพราะฉะนั้น การที่หลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ได้ ด้นพบ \"วิชชา ธรรมกาย\" ทำ ให้พวกเราทั่งหลายรู้จัก \"ธรรมกาย\" ว่าม่อยู่ในกลางกายของ มนุษย์ทุกคน เป็นที่พื่งที่ระลืกอันสูงสุด และเป็นเป้าหมายของการเกิดมาเป็น มนุษย์ ที่ด่างเกิดมาก็เพื่อแสวงหาธรรมกาย เพราะฉะนั้นหลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ จึงเป็นบุคคลสำกัญที่มีพระคุณต่อชาวโลกและเป็นบุคคลที่ควรแก่ การเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง... วันอาทิตย์ที่ Is กันยายน พ.ศ.๒๕(Tar www.kalyanamitra.org กั^
mm วิปั'สลนปกิเลส ...เมื่อจิตของเรายิ่งบริสุทธี้เท่าไร เราก็จะยิ่งเสวยความสุขที่แท่'จริง ได้มาก ได้กว้างขวาง ไม่มีขอบเขต เรียกว่าสุขเสรี เรียกว่าบรมสุข หรีอ บางครงก็เรียกว่า เอกันตบรมสุข สุขอย่างยิ่งอย่างเดียวจิตบริสุทธด้วนๆ www.kalyanamitra.org
ก็จะสุขอย่างนี้แต่ถ้าบริสุทธิ้ปานกลางก็หย่อนลงมา บริสุทธี้น้อยก็หย่อนลงมาอีก ด้งนั้นจิตที่บริสุทธี้จึงจะเสวยสุขได'เต็มที่ ไม่มีการดื่นเด้น เดี๋ยวขึ้นเดยาลง เดี๋ยวยินดียินร้าย เดี๋ยวได้เดี๋ยวเสียไม่เป็นอย่างนั้น สุขที่แท้จริงต้องเป็นอิสระ อิสระจากความตื่นเต้นยินดียินร้ายต่างๆ เหล่านั้น ม้นเป็นความรู้สึกที่มนุษย์ เข้าใจได้ยาก เพราะมนุษย์จิดหยาบ ดวงปัญญาก็แคบสั้น เห็นความตื่นเต้น เป็นความสุข มีได้มีเสีย สนุกสนานเพลิดเพลินก้นไป ทุกข์ทรมานก้นไปอย่างนั้น เข้าใจผิดว่าสิ่งนั้นเป็นความสุข เพราะฉะนั้น พอจะแนะนำให้เข้าถึงสุขที่แท้จริง ก็ปฏิเสธทีเดียว บดบ้งต้วเองเอๆไวไม่ให้เข้าถึง กีดก้นตัวเองไม่ให้เข้าถึงสุขที่เสรี ไปสู่ใน สุขที'มีดวามหายนะครอบงำ เนื่องจากมนุษย์ท้งหลายมีจิตที'หยาบ จนกระทั่งพระส้มมาส้มพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น พระองค์ทรงผ่านโลกิยสุข เหล่านั้นมาแล้วพบว่า ไม่ใช่สุขที่แท้จริง มีขึ้น มีลง มีไตั มีเสีย มีกำ ไร มี ขาดทุน วนเวียนก้นไปอย่างนั้น เปลี่ยนแปลงก้นไปเรื่อยๆ แสวงหาสิงที่ อยู่ในอุดมคดีไปเรื่อย ๆ แต่ไม่เจอเพราะหาผิดที่ พระองค์ทรงผ่านโลกียสุขมาแล้ว พระองค์ก็ได้ทรงเข้าถึงโลกุดรสุข พอ ถึงตรงนี้เข้า ก็มีที่เทียบได้ว่าอะไรกว้างขวางกว่าก้น เมื่อพระองค์ทรงเคยเกิด มาหมด เป็นทั้งสัตว์เดร้จฉาน เป็นมนุษย์ เทวดา พรหม อะไรก็เป็นมาหมดแล้ว ตอนเป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ตั้งแต่ ล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูง วนเวียนก้นไปอยู่อย่างนั้น และทรงด้นพบว่าไม่เจอความสุขเลย เจอแต่ความเพลิน และความทุกข์ทรมาน ทุกข์มาก ทุกข์น้อยเท่านั้นเอง พระองค์ก็ทรงมุ่งที่จะหาสุขเสรี สุขที่แท้จริงๆ แล้วในที่สุดก็ทรงด้นพบ และสรุปเอาไว้ว่า \"นตุถิ สนฺดีปรํ สุขํ สุขอื่น นอกจากหยุดนิ่งไม่มี\" ถ้าใจ สงบ ใจหยุด ใจนิ่ง ไม่ยินดียินร้ายอะไร นิ่งเฉย ใจก็ขยายเข้าไปสู่ภายใน สะอาดบริสุทธี้จากอุปกิเลส จากนิวรณ์ธรรม จากกามฉันทะ พยาบาท ความสงสัย ความโงกง่วง ความท้อ ความฟ้งอะไรต่างๆ ฟ้งเฟ้อฝันไปเรื่อย เหลือแต่ใจนิ่ง ไปสู่แหล่งที่ปลอดความคิด แหล่งที่เป็นหนึ่ง เป็นเอก้คคตา หยุดสนิทนิ่งแน่น www.kalyanamitra.org f๕๙ !
ทีเดียว เป็นอ้ปปนาสมาธินิ่งแน่นสว่าง เข้าถึงความสว่างของดวงจิตที่บริสุทธี้ แล้วก็เห็นไปตามลำด้บ และภพifงหลายที'พระองค์เคยผ่านมาทรงสรุปว่า \"นิพพานํปรมํ วทนฺติ ทุทฺธา นิพพานนั่นแหละเป็นเยี่ยม เยี่ยมกว่าภพต่าง ๆ ทั้งหมด นิพพานคือภพของกายธรรมอรหัต เป็นสุดยอดชั้นหนึ่งทีเดียว\" สรุปกันไปอย่างนั้น ผ้ร้สรุปกันไปอย่างนี้ เพราะฉะนั้นความบริสุทธี้ของ ^ ขฃิ จิ .^ ดวงจิตนิ่จะทำให้เราเสวยสุขได้เต็มที่ กัาจิตบริสุทธี้ไม่ว่าจะนั้งจะนอน จะยืน จะ เดิน ก็สุขตลอดเวลา เบิกบานทีเดียว ใจขยายเบิกบาน เหมือนดอกไม้ที่ขยาย กลีบดอกบาน ใจก็ขยายเมื่อได้รับแสงแห่งธรรมบริสุทธี้ ขยายไปเรื่อยไม่มี ขอบเขตจำกัด ความคิดความเห็นก็เปลี่ยนแปลงไป มองดูเพื่อนมนุษย์ด้วย ความรักและปรารถนาดีอย่างแท้จริง อยากให้เขาได้เข้าถึงความสุขและความ บริสุทธี้เซ่นเดียวกับด้วของเรา จิตบริสุทรแล้วเสวยสุขเต็มที่ สิงที่เป็นความลี่(ลับของข้วิตก็จะถูก เปีดเผยออกมาทีเดียว มองย้อนหลังได้ มองสิงที่ผ่านมา กาลเวลาที่ผ่าน มาที่เราหลงลืมไปแล้ว จะเป็ดเผยเหมือน rewind เทปข้วิต มองเห็น แล้วเกิดความสลดใจถึงดวามไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของ ข้วิต เดี๋ยวขึ้นเดียวลง เดี๋ยวสูงเดียวตา ก็มองดูสิวิตที่ไม่มืการเปลี่ยนแปลง ทีเป็นนิจจัง เป็นสุขัง เป็นอ้ตตา เป็นอิสระ เป็นด้วตนที่แท้จริง พญามาร ขังด้บบัญชาไม่ได้ มุ่งไปตรงนั่น ชีวิตก็จะเป็ดเผย แล้วก็มีอานุภาพ ทรงอภิญญา ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ก็ เกิดขึ้น ตาทิพย์ หูทิพย์ ระลึกชาติได้ก็บังเกิดขึ้นมาเมื่อจิตนั้นบริสุทขึ้ มีคุณภาพ เพราะฉะนั้นว้ดถประสงค์ของชีวิตก็เพื่อการนี้ เราอย่าบัวเพลินหรือขึ้เกียจนั้ง ธรรมะ เพลินอยู่ทางโลก ให้[อกาสแก่ตัวเอง ดำเนินชีวิตfเกดนจนไปถึงจุด หมายปลายทางที่เป็นเบิาหมายของชีวิตของเรา ล้าจิตบริสุฑธึ๋ได้เต็มที่ ภาพลวงตาที่เรียกว่า วิป็สสนูปกิเลสจะไม่ เกิดขึ้น ถ้าจิดบริสุทธอย่างบริบูรถ่เจะเป็นอย่างนั้น ถ้าจิดบริสุทขึ้ไม่สมบูรณ์ เมื่อแสงสว่างเกิดขึ้น ดะกอนของกิเลสที่นอนถ้นอย่ก็จะฉายภาพมาให้เราเห็น 1/f๖๐\\1 www.kalyanamitra.org
เห็นเป็นนั่น เป็นนี่ เป็นอะไรจนกระทั่งเราสำคัญผิดคิดว่าใช่ ว่าจริง ก็มีหลายๆ ท่านทีเดียวปฎิป้ดไปเห็นดวง เห็นองค์พระ แต่ว่าเป็นองค์พระระดับหนี่งชึ่งย้ง ไม่ถึงระดับของธรรมกาย องค์พระที่ทรงจำก้นมาติดหูติดตา แต่ว่าใสกระจ่าง แล้วก็บอกว่าไปนิพพานได้ ไปเห็นโน่นเห็นนี่ ไปนรก ไปสวรรค์ใด้ อย่างนี้เขา เรียกว่าเป็น วิ!โสสนูปกิเลส เมื่อจิตย้งไม่บริสุทธี้สมบูรณ์ ภาพลวงดาม้นเกิดขึ้นได้ และเราเหมา เข้าใจว่าเป็นจริง คือเห็นจริง แต่สิ่งที่เห็นไม่จริง มาตอนที่แสงสว่างเกิด แต่ว่า ย้งไม่สมบูรณ์ ยังมีกิเลสตะกอนนอนก้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทาคือดูเฉยๆ ไป เรื่อยๆ ดูไปอย่างสบายๆ โดยไม่ด้องคิดอะไร ดูไปก่อน ไปเรื่อยๆ จนถึงระด้บ หนี่ง ที่ใจบริสุทธิ้ ๑๐๐ เปอรเซนต ใจหยุดไดสมบูรณ จะตกศูนยวูบลงไป ตอน นี้ของจริงเกิดแล้ว ซึ่งด้องอาดัยการflกฝนอบรมจิตให้บริสุทขึ้ ถ้ามุ่งอยากเต่น อยากด้ง อยากให้เขายกย่อง วิปัสสนูปกิเลสกิจะเกิดขึ้นคู่ก้นไปสำหร้บผู้มี อัธยาศัยอย่างนั้น เป็นอนุส้ยกิเลสที่นอนเนื่อง แตํผู้ที่มีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร มีความบริสุฑธี้เป็นแก่นสาร มีจุดหมายปลายทางคือฑึ่สุดแห่งธรรมเป็นแก่นสาร สิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิด ขึ้น เพราะใจบรีสุฑธตํ่งแด่เขึ้องต้นแล้ว ก่อนที่จะเข้าถึงความบรีสุฑธ ที่แฑ้จริงภายใน เป้าหมายมันต่างก้น ถ้าเพื่อความหลุดพ้นจากกิเลส จาก อาสวะ จากบ่าวจากทาสของพญามาร วิปัสสนูปกิเลสจะไม่มีวันเกิดขึ้นเลย เพราะฉะนั้น อย่าไปคลางแคลงสงส้ยในตัวเรา นี่คือข้อสังเกตที่จะด้องจำทีเดียว แต่ถ้าเมื่อไหร่เรามีเขึ้ออยากเต่นอยากดัง อยากให้เขายกย่อง ให้เขาชื่นชมอะไร ต่างๆ เหล่านี้ มาตั้งแต่เรื่มก่อนนั่งแล้ว พอแสงแวบนิดเดียวกิเฉไปเลย แต่ถ้ามี มรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร มีความบริสทธ อยากจะหลุดพ้นจากปาวจากทาส ของพญามารเป็นแก่นสาร ความอยากเต่นอยากดังจะไม่เกิด เพราะสิ่งที่ม้นเกิด อย่างนี้คือวิปัสสนูปกิเลส ผู้ที่ได้ยินได้ฟังภายนอก จึงมักจะเหมาเอาว่าวิชชา ธรรมกายเหลวไหลเลอะเทอะ กิเพราะพวกที่มีเขึ้ออย่างนั้น ไปเห็นอย่างนั้น แล้วกิชอบคุยอวดเสียด้วย คนไม่รู้กิชอบฟัง กิไปห้อมล้อมฟังก้นไป จึงเป็น www.kalyanamitra.org I ๖® 1 V.
เหตุให้คนเข้าใจวิชชาธรรมกายผิด ทั้งๆ ที่วิชชาธรรมกายของพระส้มมา สมพุทธเจ้าถูกต้องและบริสุทธิ้ เพราะฉะนั้น ถ้าใจเรามุ่งเพื่อความบริสุทธี้ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ จากบ่าวจากทาสของพญามาร มีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร มุ่งไบ่สู่ที่สุด แห่งธรรม จะไม่มีวันเกิดขี้นเลย วิปัสสนูบ่กิเลสจะไม่มีวันเกิดขึ้น เราจะรูไต้ต้วย ต้วของเราเอง เป็นปัจจ้ตต้ง ถ้าหากว่าเป็นแบบแรกคือ ทำ ให้บังเกิดวิปัสสนูบ่กิเลส ก็เบ่ลี่ยนจิตเบ่ลี่ยนใจแก่ไขใหม่ เราย้งมีกายเนั้ออยู่เป็นกายมนุษย์ แก่ไขไต้ บ่รับจิดบ่รับใจมุ่งมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร จิดจะบริลุทธเข้าไบ่เรื่อย มี ความสุขเบิกบาน อยู่คนเดียวก็มีลุข อยู่สองคนก็มีสุข อยู่ล้านคนก็มีสุข อยู่ใน ป่าก็มีสุข อยู่ป่าข้าก็มีสุข ในถํ้า ในหุบเหว ลอมฟาง เรือนว่างก็มีสุข อยู่โคน ต้นไม้ก็มีสุข ในบัานในเมืองมีสุขทั้งนั้น เพราะใจตั้งเป้าหมายไต้ชัดเจน... วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ปีนาคม พ.ศ.๒๕<£(ร: 1๖๒1 www.kalyanamitra.org
ทางส่อายตนนิพพาน ...ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นที่ตั้งของใจเราอย่างถาวร เราทรายความ สำ ค้ญของฐานที่ ๗ กันอย่างดีแล้วว่า เป็นทางไปสู่อายตนนิพพานของตัวเรา เป็นทางเสด็จไปสู่อายตนนิพพานของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย เพราะฉะนั้น ตัองใหัความสำคัญกับศูนย์กลางกายตรงนี้ หวงแหนตรงนี้เอาไว้ ใหัดี เหมือนเราหวงแหนลมหายใจเข้าออกของเรานั้นแหละ เราหวงแหนลม หายใจเข้าออกของเรานี้เพียงใด ก็ต้องหวงแหนศูนย์กลางกายฐานที' ๗ เพียงนั้นเพราะเป็นทางไปสู่อายตนนิพพาน ไปสู่ที่สุดแห่งธรรมของเรา การไปส่อายตนนิพพานเป็นภารกิจอ้นยิ่งใหญ่ของตัวเรา ยิ่งกว่าการที่ Z ZZ นั้ นั้ นี้ 11 เราไต้เกิดเป็นพระเจ้าจ้กรพรรติเลียอีก เพราะการเป็นพระเจ้าจ้กรพรรตินัน แม้จะดีเลิศเพียงใดก็ตาม ก็ย้งไม่พ้นจากบ่าวจากทาสของพญามาร ความโลภ www.kalyanamitra.org
ความโกรธ ความหลงยังเข้าไปบังคับบัญชาได้ มีสถานที่หนึ่งที่พญามารไปไม่ ถึง บังคับบัญชาไม่ได้ก็คือตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้แหละ เพราะฉะนั้น ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้เป็นสิงที่สำคัญ จำ เอา ไว้ให้ดีมีที่เดียวที่ปลอดภ้ย ภ้ยในอบาย ภ้ยในส้งสารว้ฎ ภ้ยทุกชนิด ศูนย์ กลางกายดรงนี้น่ะปีดประตูอบายภูมิ เปิดประตูสวรรค์ ไผ่ไปเกิดเป็น สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ใจหยุดตรงนี้เป็นที่ปลอดภัย ภัยไปไผ่ถึงทีเดียว เป็นเหมือนป้อม เป็นค่ายอย่างดีที่ฃ้าสืกเข้าไปทำ อันตรายไผ่ได้ เราจะต้องหวงแหนเอาไว้ให้ดีดรงนี้ เอาใจมาหยุดนิ่งอยู่ดรงนี้ให้ได้ ดลอดเวลา ไม่ว่าจะนิ่ง จะนอน จะยืน จะเดิน จะทำภารกิจอันใดก็ตามหยุด นิ่งๆ อยู่ที่ตรงนี้ที่เดียว จะมืดจะเมื่อยจะฟ้ง จะโงกง่วงซึมเซาง่วงเหงาหาว นอนอย่างไรก็ตาม นิ่ง นิ่งอยู่ตรงนิ่ที่เดียวแหละ เอาใจหยุดนิ่งๆ เมื่อยเราก็ขยับ ประคับประคองกันไปเรื่อยๆ พอถูกส่วนเข้าเท่านิ่นแหละ จะวูบเข้าไปสู่ภายใน พอวูบเหมือนหล่น จากที่สูงวูบลงไป ถูกส่วนเข้า กายเบาใจเบาขยายกว้างขวางใหญ่โตไปทีเดียว จนกระทงโล่งกลมกลืนไปกับบรรยากาศ ใจจะนิ่ง นิ่งอยู่ตรงนิ่นน่ะ มืดหรือสว่าง ไม่ต้องไปกังวล ให้นิ่ง นิ่งอยู่กับความสบายกับความกว้างขวางใหญ่โด ที่ ขยายออกไป นิ่ง หยุดกับนิ่ง อย่างนั้น อย่างเดียวน่ะ พอวูบเข้าก็ลอยขึ้น มาเป็นตวง เป็นดวงใสๆ ขนาด ^ แด่ละคนอาจจะไม่เท่ากันใน เบื้องด้นอย่างเล็กก็ขนาด ตวงดาวในอากาศลอยขึ้น มาเป็นจุดสว่างเหมือน ดวงดาวในอากาศที\"เรา ลื มตามองไปบนทํองฟ้า www.kalyanamitra.org
เหมือนดาวพระศุกร์ย้งงั้น ขนาดกลางก็เหมือนพระจ้นทร็ในคืนวันเพ็ญที่ปราศ จากหมู่เมฆที่เราลืมดาเห็นอยู่บนท'องฟ้าอย่างนั้นแหละ ขนาดใหญ่ก็เหมือน พระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ใสบริศุทธิ้ทีเดียว ใหม่ๆ ก็ใสเหมือนกระจก ใสเหมือนกระจกค้นฉ่องที่ส่องเงาหน้า บาง ท่านใสเหมือนนํ้า นํ้าใสๆ ถ้าใจละเอียดมากก็ใสเหมือนเพชรทีเดียว หรือใสเกินใส ใสสว่างเกิดขึ้นอยู่ตรงกลางพอดี ตรงกลางตรงนั้นแหละตรงฐานที่ ๗ มาพร้อม กับความสุขสดชื่นเบิกบาน อย่างที่เราไม่เคยเป็นมาก่อนทีเดียว ใจจะมืความ ยินดีกับสิ่งนี้ มืความปีติยินดีอย่างไม่เคยชอบใจสิ่งใดมาก่อน พอถึงกายธรรมก็จะเข้าถึงความเหมือนกัน ความร้สึกว่าแตกต่างถูกลืม ไปเลย ลืมไปเลยว่าเรามีความแตกต่างกัน จะมีความรู้สึกว่าเราเป็นพวก เดียวกัน เป็นญาติกัน เกิตขึ้นเมื่อเข้าถึงกายธรรมตรงนี้แหละ ลืมหมดความ แตกต่างในขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรม ความเชื่อ ความรูสึกอะไรต่างๆ นั้นน่ะ เหลือแต่ความเหมือนกันอยู่อย่างเดียวตรงนี้แหละ กายนี่แหละ เป็นกาย ที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของมวลมนุษยชาติและสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็น แหล่งกำเนิดแห่งความสุข แหล่งกำเนิดแห่งความบริสุทธิ้ ความรู้แจ้ง มหา กรุณา และเป็นกายที่หลุดพ้นจากการบังคับบัญชาของพญามารไดในระดับ หนี่งทีเดียว เป็นอิสระ เป็นดัวเป็นตนที่แท้จริง ยิ่งกว่าเติม หน้กเข้าไปเรื่อย จนกระทั้งเรามีความรู้สึกเป็นอิสระจริงๆ เมื่อเข้าถึงกายธรรมตรงนี้น่ะ ความ รูสึกอบอุ่นปลอดภัยก็จะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น หมนพยายามปีกฝนอบรมใจของเรานี่ ให้เข้าถึงตรงนี้ให้ ไดั ดัองให้เข้าถึงให็ไดั เป็นภารกิจที่ติดดัวเรามาน้บภพนับชาติไม่ถ้วนทีเดียว เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ เราจะต้องปีกใจให้หยุดนิ่งให้เข้าถึงธรรมกายให็ไดั เข้า ถึงธรรมกายแล้วต้องการอะไร ต้องการความรู้แจ้งเห็นแจ้ง สิ่งที่ยังสงสัยอยู่ให้ บันหมดสิ้นไป เมื่อหายสงสัยแล้วก็มุ่งไปสู่จุดหมาย จุดหมาย คือต้องการพ้น จากความเป็นปาวเป็นทาสของพญามารที่เขาบังต้บบัญชาเราอยู่น่ะ มุ่งไปหา ที่สดคือที่สตแห่งธรรม ซึ่งเป็นจุดสดท้ายแห่งการหลุดพ้นอย่างสมบรณ์ หลุด si ร รเ www.kalyanamitra.org 1๖๕]
พ้นจากบ่าวจากทาสของพญามารอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่หลุดเพียงลำพังต้วของเราเองคนเดียวเท่าใfน ยังท่าให้ สรรพสัตว์และสรรพสิงทั้งหลายหลุดพันดามไปด้วย เมื่อไปถึงที่ลุดแห่ง ธรรมดรงนั้น นี่เป็นภารกิจฑึ่ติดตัวเรามาอย่างลำด้ญ กิจอย่างอื่นนั้นน่ะ เป็นแด่เพียงเครื่องอาศัยชั่วคราว ไม่ว่าการท่ามาหากินก็ดี หรือเรื่อง อะไรด่าง ๆ ที่นอกเหนือจากนี้ก็ดี เป็นการเกี่ยวพันอาศัยซึ่งก้นและกัน ชั่วคราว แด่กิจหสักที่เรืยกว่ากรณียกิจเป็นกิจลำตัญ ก็คือการมุ่งเข้าไป สู่ความรู้แจ้งเห็นแจ้งภายในด้วยธรรมกาย เหตุใดต้องด้วยธรรมกาย เพราะธรรมกายเท่านั้น ถึงจะมีดวงตาไต้ รอบตัว คำ ว่าดวงดารอบต้ว ไม่ไต้หมายถึงเอาลูกน้ยน์ตาติดไว้รอบตัว ติดที่ แขนที่ขาที่หสัง ไม่ใช่ หมายถึงว่าเมื่อเข้าถึงธรรมกายแล้วน่ะ การเห็นของเรา จะแดกต่างจากการเห็นด้วยตาของกายมนุษย์หยาบ กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ พรหม อรูปพรหม เรียกว่าเห็นอย่างวิเศษ เห็นแจ้ง เห็นไต้แดกต่าง คือเห็นไต้ รอบตัว เห็นไบ่ทุกทิศทุกทาง พอเห็นไต้รอบตัว เห็นไต้แจ่มแจ้ง ไม่มีอะไรกำบังไต้เลย เปีนการเห็น ไดวิเศษจริงๆ เขาเรียกว่าวิปัสสนา คือการเห็นแจ้ง วิเศษ แจ้ง ต่างเห็นต้วย ธรรมกาย เพราะเห็นด้วยธรรมกายจะเห็นไบ่ตามความเป็นจริงที่ไม่มีอะไรกำบัง เห็นไบ่ถึงไหนก็รูไบ่ถึงนั้น ความสว่างแห่งดวงปัญญาสว่างครอบคลุมไบ่หมด ทุกทิศทุกทาง พอเห็นแล้วก็หายสงสัยเข้าใจไบ่ตามความเป็นจริง เข้าใจว่าอะไรเป็นแก่นสาร อะไรของจริง อะไรของเก๊ ก็จะบ่ล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถึอมั่นในสิ่งที่ไม่เป็นแก่นสาร ใจก็จะมาอยู่กับสิ่งที่เป็นแก่นสาร แล้วก็ มองเห็นเป้าหมายของชีวิตว่าต้องไบ่ที่สุดแห่งธรรม คือเข้ากลางของกลางไบ่เรื่อยๆ ไบ่ให้สุดทางสายกลางนั้นแหละ จึงพ้นจากบ่าวจากทาสของพญามารเขา จึงจะ เข้าใจชีวิตไต้แจ่มแจ้งกว่านี้ มีความรู้ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายเหมีอนไบ่สู่ทะเล แห่งความรู้อันไม่มีขอบเขต ไม่มีส์ง เหมีอนส์งแห่งความรู้นั้นถูกทำลายให้ขาด © www.kalyanamitra.org
ด้วยญาณท้สสนะและธรรมจ้กขุของพระธรรมกาย ไปลู่ทะเลแห่งความรู้อันบริสุทธี้ คือเป็นความรู้ที่จะทำให้หลุดพ้นจากพญามาร ไม่ใช่เป็นความรู้ที่ทำให้ข้อง เกี่ยวโลก ที่ไปตรึงไปดีดไว้ ให้หมกมุ่น ให้มัวเมา ให้เพลิดเพลินแล้วก็หมด เวลากันไปชาติหนึ่ง แล้วก็ฝังติดอยู่ในใจ เป็นพันธนาการของชีวิต ผูกพัน พัวพันกันต่อไป เบต่อกันไป มองด้วยธรรมจ้กขุ หยั่งรู้!ด้ด้วยญาณ- เ ทัสสนะ ถ้าลูกทุกคนในที่นี๋ใด้เข้าถึงธรรม- กาย ธรรมจักขุเกิดขึ้นญาณทัสสนะเกิดขื๋น เราก็จะเห็นเรื่องราวของตัวเราเองว่าเกิด มาจากไหน เกิดมาทำไม และจุดหมายปลาย ทางอยู่ตรงไหน และจะไปได้อย่างไรไม่ไปได้ ไหม ไปแล้วจะดีย้งไง รู้ได้เห็นได้ด้วยตัวของตัวเองทีเดียว เป็นเรื่องเป็น ราวทีเดียว มองเห็นเป็นซ่องทางไป นี่จึงเป็นความรู้ที่สำคัญ เป็นกิจที\" สำ คัญที่ดิดตัวเรามานับภพนับชาติไม่ถ้วน ถ้าหากว่าเราไม่ไข้กายมนุษย์เป็นไปเพื่อภารกิจอันนี้ กายมนุษย์นี้ก็ ตายฟรี เกิดมาดายฟรี มีกิจอย่างสำคัญเพราะฉะนั้นอย่าขี้เกียจนั่งธรรมะกัน นะลูกนะ ขยันนั่ง อย่าไปท้อถอย ท้อแท้ว่าทำไมนี่เราถึงยังเข้าไม่ถึงจุดที่คนอื่น เขาเข้าถึงกัน เราจะด้องมาดรวจดราดูว่าเราเอาจริงแค่ไหน ทำ ถูกวิธีไหม ทำ ทุกว้นหรือเปล่า ว้นหนี่งกี่ครั้ง ครั้งละกี่นาที และทุกนาทีที่นั่ง นั่งท่าสมาธิ หรือว่านั่งทำสมาธิ กัานั่งท่าสมาธิก็ได้แค่ท่านั่ง... วันอาทิตย์ที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ.๒๕ร:๓ www.kalyanamitra.org
s อานิสงส์การเจริญพูทธานุสติ ...พระสัมมาส้มพุทธเจ้าได้ดรัสเอาไวในอ้คคัปปสาทสูตรว่า \"เมื่อบุคคล เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าผู้เลิศ ผู้ทรงเป็นทักฃไณยบุคดลอันเยี่ยม ไม่ว่าจะ ไปบังเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษยก็ดาม ย่อมมีความสุข ความบันเทิงใจ ได้เซาถึงความเป็นผู้เลิศในทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ\" พระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ประเสริฐสุดในภพทั้งสาม คือกามภพ รูปภพ และอรูปภพ ตลอดแลนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล และเป็นเนื้อนาบุญ ของโลก ทรงเป็นทักขิไณยบุคคลอันยอดเยี่ยม เพราะฉะนั้นบุญที่เกิดจากการ ทำ จิตให้เลื่อมใสในพระสัมมาส้มพุทธเจ้า และพระคณฃองพระพุทธองค์ จึงมี อานิสงส์อันยิ่งใหญ่ไพศาล จะนับจะประมาณมิได้ ในสม้ยพทธกาล มีพระอรหันต์รปหนึ่ง ชื่อว่า พระสตรังสี ท่านได้บรรล 1*๖๘) www.kalyanamitra.org
ธรรมเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่เยาว์วัยมีอายุเพียง ๗ขวบ พอท่านตัดสินใจออกบวช แค่โกนผมก็ไตับรรลุอรหัตตผลทันที และท่านไตัระลึกชาติตัวยบุพเพนิวาสานุ- สติญาณ ดูภพในอดีตของท่านว่าได้ทำบุญอะไรไว้ จึงไตัหมดกิเลสเป็นพระ- อรหันต์ตั้งแต่เยาว์วัย ท่านได้เล่าว่า ในสมัยของพระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ปทุมตตระ ท่านเกิด ในตระกูลพราหมณ์ เป็นลูกของพราหมณ์มหาศาล มีทรัพย์สมปติมากมาย แต่ก็ เป็นผูไม่ประมาท ไม่มีความตระหนี่หวงแหนทรัพย์เหมือนกับมหาเศรษเผู้อื่น ท่านได้นำทรัพย์ออกใหัทานแก่คนยากไร้และผู้ทรงศีลทุกวัน ใครมาขออะไร ท่านก็ใหัหมด ใหั[ดยไม่หวังสิ่งตอบแทน จนเป็นที่รักและเป็นที่รู้จักของมหาชน ทั่วทั้งพระนคร นอกจากนี้ท่านย้งเป็นผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลม มีความเชี่ยวชาญใน ไตรเพท และแดกฉานในศาสตร์ต่างๆ หลายสาขา แต่ท่านกิยังปรารถนาจะ แสวงหาความรู้ที่ยิ่งขึ้นไปอีก เพราะรู้ว่าความรู้ที่ศึกษามานั้นยังไม่ใช่หนทาง แห่งความพ้นทุกข์ จึงตัดสินใจออกบวชเป็นฤๅษี เมื่อท่านออกบวช กิมี พวกพ้องบริวารออกบวชดามกันอีกมากมาย ท่านได้บำเพ็ญภาวนา จนได้ฌาน สมาปติ สามารถเหาะเหินเตินอากาศได้ เป็นมหาฤๅษีที่มีตบะแก่กล้ามาก วันหนี่ง ขณะที่มหาฤๅษีกำลังทำสมาธิภาวนาอยู่บนยอดเขา พระ- ปทุมุดดรพุทธเจ้าทรงเห็นมหาฤๅษีเข้ามาในข่ายพระญาณ ทรงทราบว่าถ้าหาก พระองค์เสด็จไปโปรด มหาฤๅษีกิจะทำจิตใหัเลื่อมใสในพระองค์ และจะกล่าว คำ สรรเสริญพระองค์ด้วยความเคารพนอบน้อม ด้วยอานิสงส์นี้จะเป็นพลว- ปัจจัยใหัมหาฤๅษีได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์Iนอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า ด้งนั้น พระพุทธองค์จึงได้เสด็จไปบนยอดเขาพร้อมด้วยหมู่ภิกษุสงฆ์ ๑00,000 รูป ทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีโชติช่วงสว่างไสวไปยังมหาฤๅษี เมื่อ มหาฤๅษีแลเห็นพระพุทธองค์ ได้เห็นความบริบูรณ์ของลักษณะมหาบุรุษ จึงรู้ ว่าเป็นพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ผู้เป็นอัครบุรุษของโลก ผู้รู้แจ้งในสรรพสิ่ง เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว หมดสิ้นจากกิเลสอาสวะทั้งมวล จึงเกิดความปลื้มปีติมาก www.kalyanamitra.org '0
ไดํรีบลุกขึ้นมาปฏิสันถาร เข้าไปถวายนมัสการพระศาสดาและหมู่ภิกษุสงฆ์ ท่านได้กล่าวสรรเสริญต่อเบื้องพระพักตร์ว่า พระพุทธองค์ผู้เปีนเลิศ ผู้ รุ่งเรืองประดุจดวงอาทิตย์ที่ให้แสงสว่างในชีวิตแก่สรรพสัตว์ ทรงมีพระพัย ประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาประมาณมิได้ มีพระสัพพัญฌุตญาณ ประดุจเอกบุรุษ ผู้ยืนอยู่เหนือท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่มองไม่เห็น&ง ในโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก จะหาบุคคลผู้ประเสริฐเทิยบเท่าพระองค์ย่อมไม่มี พระองค์เป็นผู้ประเสริฐที่ลุต ข้าพระองค์ขอนอบน้อมแต่พระพุทธองค์ด้วยเศียร เกล้า พระปทุมุตตรพุทธเจ้าได้ทรงพยากรถโท่ามกลางพระภิกษุสงฆ์ทั้งแสน รูปว่า มหาฤๅษีผู้กำลังประคองอัญชลีและกำอังกล่าวชื่นชมเราอยู่นี้ ต่อไปใน อนาคตจะได้ตรัสรู้ธรรมตั้งแต่เยาว์ว้ย ในสำน้กของพระสมณโคตมพุทธเจ้า จะ มีชื่อว่า สตรังสี เมื่อทรงพยากรณ์เสร็จแล้ว พระพุทธองค์และหมู่ภิกษุสงฆ์ก็เสด็จเหาะ กลับไป ฝ่ายท่านฤๅษีบ้งเกิตมหาปีติท่วมท้นในห้วใจ ได้ตามระลึกถึงพระพุทธเจ้า ตลอดเวลา ด้วยจิตที่เลื่อมใสยิ่งในพุทธองค์ พร้อมก้บหมั่นสวดสรรเสริญ พระพุทธคุณเป็นเวลายาวนานถึง ๘๐,๐๐๐ ปี เมื่อท่านละจากโลกไป ด้วยอานุภาพแห่งการทำจิตให้เลื่อมใสใน พระพุทธเจ้า และสวดสรรเสริญพระพุทธองค์ ทาให้ท่านได็ไปเสวยทิพยสมปัติ อยู่ในลุคติโลกสวรรค์ เป็นผู้เข้าถึงความเป็นเลิศในสุคติภูมิเป็นเวลายาวนาน เมื่อจุติจากสวรรค์มาเกิดในโลกมนุษย์ ได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่า โรมะ ปกครองทวีปทั้ง ๔ มีความพรั่งพร้อมบริบูรณ์ไปด้วยรัตนะ ๗ ประการ คือ ข้างแก้ว มัวแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว นางแก้ว จักรแก้ว และแก้วมณี ปกครองชาวโลกให้ตั้งอยู่ในศีลธรรม ทำ ให็โลกได้รับความสงบสุขร่มเย็นตลอดมา เนื่องจากท่านได้สั่งสมการเจริญพุทธานุสติมาโดยตลอด มีบุญบารมี เด็มเ!เยม มีญาณแก่กล้าจนกระทั้งถึงที่สุต พอมีอายุเพียง ๗ ขวบ ได้ทราบว่า 0 www.kalyanamitra.org
พระสัมมาส้มพุทธเจ้าเสด็จอุบํ'ติฃึ๋'นใน rf- โลกแล้ว ก็บังเกิดความเลื่อมใสใน สั่งสมความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าก็ • เต็มเปียมล้นปรี่ เหมือนกับนํ้าที่เต็มคุ่ม เมื่อเติมนํ้าลงไปเพียงหยดเดียวเท่านั้น ก็ล้นเอ่อ บุญของท่านก็มากมายอย่างนั้น มีพลานุภาพมาก สามารถทำให้หลุดพ้นจาก กิเลสอาสวะทั้งปวง ได้บรรลุธรรมเปีนพระอรห้นด์ในทันที การบรรลุธรรมตั้งแต่เยาว์วัยนั้น นับเป็นสิงที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็ เกิดขึ้นแล้วกับท่านผู้มีบุญ แม้มีอายุเพียง ๗ ขวบเท่านั้น เพราะอานิสงส์ ที่ท่านได้ทำอิดเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าผู้เลิฬ จึงได้เข้าถึงลื่งที่เลิศคือพระ- นิพพาน เพราะฉะนั้น ความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าจึงมีอานุภาพยิ่งใหญ่ไพศาล ไม่มีประมาณ ควรที่เราจะด้องเจริญพุทธานุสติ หมั่นระลึกนึกถึงพระส้มมา สมพุทธเจ้าเป็นอารมถเ และยิ่งเราหมั่นกล่าวสรรเสริญคุณของพระรัตนดรัย ด้วยใจที่เลื่อมใส ก็จะยิ่งได้รับอานิสงส์มาก จะเป็นเหตุให้เราได้เข้าถึงพระ- ธรรมกายอย่างสะดวกสบาย อย่างง่ายดาย เหมือนพระสตรังสีที่กล่าวมาใน เบื้องด้น... วันอาทิตย์ที่ <r เมษายน พ.ศ.เร๕aria www.kalyanamitra.org
V ทรัพย์ชั้นเยี่ยมที่โลกต้องการ ...วันนี้เป็นว้นอาทิตย์ดันเดือน เราจะไดัประกอบพิธีบุญใหญ่คือการบูชา ข้าวพระ บุญที่จะเกิดขึ้นจากภารบูชาข้าวพระมีอานิสงส์เป็นอจินไตยยิ่งใหญ่ ไพศาล เราไดัยึตถือเป็นแบบแผนประเพณีสืบต่อกันมายาวนาน ตั้งแต่เริ่มบูชา www.kalyanamitra.org
ข้าวพระแบบขอถึงพระทุทธเจ้า จนกระทั่งเข้าถึงพระพุทธเจ้าด้วยธรรมกาย สืบทอดก้นมายาวนาน ในสม้ยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าย้งทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ก็ ใส่บาตรท่าน ท่านด้บข้นธปรินิพพานไปแล้วก็มีพุทธปฏิมากรเป็นด้วแทน เรา ได้จ้ดอาหารหวานคาวเป็นสำร้บเล็กๆ ตั้งไว้ที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา กล่าวคำบูชา ข้าวพระโดยนึกน้อมประหนึ่งว่าพระองค์ย้งทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ การระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ไม่ว่าท่านจะ ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่หรือไม่มี อานิสงส์ก็ไม่ได้แตกต่างก้น แล้วก็สืบทอดก้น เรื่อยมาเป็นพ้นปี จนกระทั่งถึงยุคที่วิชชาธรรมกายได้กลับฟืนคืนมาอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการด้นพบของหลวงพ่อว้ดปากนํ้า ภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) จึงได้บูชาข้าวพระแบบเข้าถึงด้วยธรรมกาย อานิสงส์นี้เป็นอจินไตย ที่จะส่งผลให้เรามีสมบ้ตทั้งสาม คือ มนุษยสมบ้ติ ทิพยสมบ้ติ และนิพพานสมบ้ติ ติดตามด้วเราไปทุกภพทุกชาติเรื่อยไปเลย ที่ยิ่งใหญ่เกินควรเกินคาด เพราะฉะนั้น ในว้นนี้ให้ทุกคนพึงตั้งใจให้สะอาดบริสุทธี้ผ่องใสด้วยการปฏิบัติธรรม จะได้ เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับบุญใหญ่ที่จะเกิดขึ้น การปฏิบัติธรรม มีวัตถุประสงค์เพือแสวงหาหนทางของพระ นิพพาน เป็นภารกิจหลักที่สำค้ญอย่างยิงของพวกเราทุกคน และของ มวลมนุษยชาติทั้งหลายที่ได้เกิดมาแลัว จะด้องทำพระนิพพานให้แจ้ง ทำ กิเลสอาสวะให้หมดสินไป นี่คือกรณียกิจอันยิงใหญ่ของการเกิดมา เป็นมนุษย์ พระรัตนดรัยเป็นสรณะอันเกษม เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด ของพวกเราทั้งหลายและสรรพลัตวัทั้งปวง การแสวงหาพระรัตนตรัย เป็นการแสวงหาอริยทรัพย์อันประเสริฐสุด ไม่มีการแสวงหาอื่นใดที่จะคื ยิงไปกว่านี้อีกแลัว เพราะรัตนะใด ๆ ในโลกนี้ หรือรัตนะในสุคติโลก สวรรค์ที่จะเสมอด้วยพระรัตนตรัยนั้นไม่มี พระผู้มีพระกาคเจ้าได้ตรัสว่า \"ศรัทธาเป็นทรัพย์อันประเสริฐของ คนในโลกนี้ ^ดมีศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ผู้นั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มี อริยทรัพย์อันประเสริฐ เป็นผู้โม่ฃัตสน มีชีวิตไม่เปล่าประโยชน์ ด้งน้น www.kalyanamitra.org ๗๓'
ผู้มืปัญญาพึงตามรักษาศรัทธาและรัตนะอันประเสริฐนั้น\" นี่คือสิงที่พระผู้ มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเอาไว้ เป็นสิงที่เราควรจะทำความเข้าใจ การเข้าใจ ถูกจะทำใด้พึวิตนั้ปลอดภัย มีซ้ยชนะและเข้าสีงความสุขที่แท้จริงได้ ถ้า เข้าใจผิดก็จะไปแสวงหาผิด เมื่อแสวงหาผิด พึวิดก็จะมีแต่ความทุกข์ ทรมาน ไม่พบความสุขที่แท้จริง บางคนในโลกนื้ใม่เข้าใจว่า อะไรเป็นทรัพย์อ้นยิ่งใหญ่ที่จะต้องแสวงหา และตามรักษาเอาไว้ รัตนะหรือทรัพย์เป็นเครื่องปลื้มใจทั้งในโลกนี้และโลกหน้า แต่รัตนะเหล่านั้นทั้งหมด หาเทียบก้บพระรัตนตรัยนั้นไม่ไต้ เพราะรัตนตรัย เป็นรัตนะที่นำออกจากทุกข์ ให้เข้าถึงความสุขอ้นเป็นนิรันดร เป็นรัตนะเป็น ไม่ใช่รัตนะตาย ทรัพย์ท้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้มี ๒ อย่าง คือ สวิญญาณกทรัพย์ คือทรัพย์ที่มีวิญญาณครอง หรือที่เราเรียกว่าทรัพย์เป็น และอวิญญาณก- ทรัพย์ คือทรัพย์ที่ไม่มีวิญญาณครอง หรือทรัพย์ตาย เซ่น แก้วแหวนเงิน ทอง เพชรนิลจินดา เป็นด้น แม้แต่เครื่องประด้บในวิมานของชาวสวรรค์ นันก็ยังเรียกว่าทรัพย์ดาย ทรัพย์เป็นที่มีวิญญาณครองอยู่ ก็เซ่น มนุษย์ ถือว่าเป็นทรัพย์เป็น เป็นสมบัติอย่างหนี่ง เรียกว่ามนุษยสมบัติ ที่ประเสริฐไปยิ่งกว่านั้นก็คือ ในตัวของมนุษย์ทุกๆ คนในโลก ยังมี รัตนะเป็นอยู่ภายใน คือพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นสวิญญาณกรัตนะ เป็นรัตน- ทรัพย์ทีมีคุณค่าสูงสุด ผู้รู้คนมีปัญญาเขาจะแสวงหาอริยทรัพย์ภายใน หรือ พระรัตนตรัยด้งกล่าวนี้ เบื้องต้นก็ต้องทำต้วของเราหรือมนุษยสมบัตินี้ให้เจริญ ขึ้นก่อน ท้ฒนาทรัพย์คือต้วของเราให้เป็นคนดีเสียก่อน ต้วยศีล ต้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ทำ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เป็นอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ให้ต้วของเราเป็นสมบัติที่ดี มีประโยชน์ทั้งต่อตนเองและโลก ต่อตนเองและผู้อื่น เพราะต้วของเรานี่แหละเป็นสมบัติ หรือเป็นทรัพย์ที่เยี่ยมกว่าสมบัติอย่างอื่น ทั้งหมด เนื่องจากกายมนุษย์เป็นที่รองรับของทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีงาม ทั้งคุณธรรม ความดี ความบริสุทธ บุญกุศล ตลอดจนวิชชา ๓ วิชชา ๘ อภิญญา ๖ ๗๔ www.kalyanamitra.org
ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ จรณะ ๑๕ มรรคผลนิพพานทั้งหมดก็เกิดขึ้นในกลางกาย มนุษย์ ในตัวของเรานี่เอง ในลทกลโลกนี้เขาตัองการพลเมืองแก้ว ซึ่งเป็นสวิญญาณกทร้พย์ชั้นเยี่ยม ตัองการคนดี มีสติปัญญา มีความรู้ดี ความสามารถดี ความประพฤติดี เป็นคน ดีที่พ้ฒนาแล้ว เป็นคนดีที่โลกต้องการ ให้มาช่วยในการปรับปรุงโลกนี้ให้เป็น โลกแก้ว โลกแห่งสันติสุขที่โลกและสวรรคใม่มีความแตกต่างก้นเท่าไหร่ มวล มนุษยชาติและสรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่ร่วมก้นอย่างมีความสุข ในฐานะเป็นผู้รู้ และมีความสุขที่แท้จริง เข้าถึงสันติสุขภายใน ยังมีทรัพย์ที่มีวิญญาณในอีกระตับหนี่ง คือ รัตนะ ๗ อ้นประกอบด้วย จักรแก้ว ข้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนคลังแก้ว ขุนพลแก้ว นางแก้ว แล้วก็แก้วมณี เขา มีตัว มีกายอยู่ เป็นสมป้ติของพระเจัาจักรพรรติ รัตนะ ๗ นี้ช่วยเหลือมนุษย่ให้ มีความสุข ในยุคนั้นมนุษย์ใม่ตัองทำมาหากิน ด้วยอานุภาพแห่งรัตนะทั้ง ๗ นั้นบันตาลให้มีสิ่งที่อ้นควรแก่มนุษย์ เครื่องอุปโภค เครื่องบริโภค ของกิน ของใข้ อะไรก็แล้วแต่ รัตนะ ๗ บันตาลให้เกิดขึ้น แต่รัตนะทั้งหมดตังกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัตนะอะไร อยู่ในภพภูมิสวรรค์ รูปภพ อรูปภพ ก็สู้พระรัตนตรัยไม่ได้ พระรัดนตรัยประกอบไปด้วย พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ พุทธรัตนะก็คือธรรมกาย ถ้าเราปฏิบัติธรรมได้ เข้าถึงพระธรรมกายแล้ว ก็ได้ชื่อว่าถึงพุทธรัตนะ ตั้งแต่ธรรมกายโคตรภู พระ- โสตาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี กระทั้งเป็นพระอรหัต ท้งหมตล้วนเป็น รัตนะเป็น เป็นกายแก้ว มีความสะอาตบริสุทธึ้ล้วน กายธรรมอรหัตเป็นธาตุล้วนๆ ธรรมล้วนๆ มีชีวิตจิตใจที่สะอาตบริสุทธี้ ประเสริฐกว่า สูงกว่าชีวิตของมนุษย์ เพราะเป็นชีวิตของพระอริยเจัา ความรู้ แจังเห็นจริงในธรรมทั้งหลายจะเกิดขึ้น เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความผาสุก ความรู้อ้นไม่มีขอบเขต และเป็นอิสระจากกิเลสอาสวะที่บังตับบัญชา เหมือน เป็นผู้ตนอยู่เสมอ ไม่ง้วเงียด้วยกิเลส ตื่นภายในที่ขยายกว้างออกไปอย่างไม่มี ขอบเขตจำก้ต มีธรรมจักขุ มีญาณท้สสนะ รู้รอบตัว เห็นได้รอบตัว ทั้งอดีต www.kalyanamitra.org (๗^
ปัจจุบัน และอนาคต แทงตลอดในสรรพธรรมทั้งหลาย ในกลางพุทธรัตนะก็จะมีธรรมร้ตนะซ้อนอยู่ เป็นคล้งแห่งความรู้อัน บริสุทธี้ที่จะพาให้พ้นทุกข์ เข้าถึงเอก้นตบรมสุข สุขอย่างเดียวในอายตนนิพพาน และทำหน้าที่ทรงรักษาพุทธรัตนะเอาไวIนกลางของธรรมรัตนะก็มีส้งฆรัตนะ เป็นธรรมกายละเอียดที่ซ้อนอยู่ข้างใน ทรงรักษาคำสอนหรือธรรมรัตนะเอาไว้ ๓ อย่างนี้รวมก้นเป็นอันเดียวเรืยกว่าพระรัตนตรัย อยู่ในกลางกายมนุษย์ตรง ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นรัตนะที่ประเสริฐที่สุด รัตนะอื่นใดที่จะมาเสมอเหมือน มาเทียบเท่าหรือประเสริฐยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว พระรัตนตรัยนี่แหละเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุตของพวกเราทุกคน ดังนั้น เมื่อเรามาพบหนทางที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยแล้ว รู้จักรัตนะอัน วิเศษเช่นนี้แล้ว ก็ให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัดนตรัยภายในดัวก้นให่ไดั ทุกๆ คน ให้ใจของเราหยุดในหยุด นิ่งลงไปตรงกลาง ถ้าเราหยุดได้ถูกส่วน เดียวเราก็จะเห็นสิ่งที่มีอยู่แล้วไปตามความจริง ตั้งแต่เห็นดวงธรรมภายใน เห็นกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม แล้วก็กายธรรม เป็นสิงทีมีมาแต่ดังเดิม ดังเติมดังแต่สม้ยไหนก็ไม่รู้ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์เป็นผังสำเร็จ ผังชีวิตของมนุษย์ กายมนุษย์ ทิพย์พรหม อรูปพรหม กายธรรมโคตรภู โสดาฯ สกิทาคาฯ พระอนาคาฯ พระอรห้ดซ้อนก้นอยู่ เป็นแผนผังชีวิตของมนุษย์มีมา ตั้งเติมแล้ว ไม่ว่าจะมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น หรือไม่บังเกิดก็ตาม ใครได้ค้น พบก้นขนมาเป็นพระองค์แรก โดยไม่ได้สั่งสอนใคร ก็เรืยกว่าพระปัจเจกพุทธเจ้า ที่รู้ด้วยพระองค์เองโดยไม่มีใครสั่งสอน แล้วก็เป็นครูของมนุษย์และเทวา สอน ก้นต่อไป ก็เรียกว่า พระล้พพ้ญฌูพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านเข้าไปเห็นอย่างนี้แล้ว จึงเอามาบัญญ้ติ คือท่าให้มนุษย์ เข้าใจได้ง่ายขึ้น ที่เข้าไปถึงนี่เขาเรียก ตวงธรรม ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณบัสสนะ เข้าถึงของที่มีจริงภายใน แล้วก็บัญญ้ติเรียกชื่อว่าอย่างนี้ๆ เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด ทิพย์ พรหม อรูปพรหม กระทั้งกายธรรมก็มา บัญญ้ติมาเรียกก้น เพึ่อให้มนุษย์ใด้เข้าใจ พอเข้าใจแล้วก็จะได้ปฏิบ้ดก้นไป www.kalyanamitra.org
ให้เข้าถึงสิ่งที่มีอยู่ในตัวด้วยวิธีการหยุดการนิ่ง คือพอทำความเข้าใจภาคทฤษฎี ภาคปริย้ติแล้ว ก็มาถึงภาคปฏิบ้ตคือแกใจหยุดนิ่ง พอถูกส่วนก็ถึงปฏิเวธ เข้า ถึงสิ่งที่มีอยู่ภายใน เห็นดวงธรรม กายมนุษย์ละเอียด ทิพย์ พรหม อรูปพรหม กายธรรมด้งกล่าว ทั้งหมดเมื่อหยุดถูกส่วนแล้วจะเป็นเช่นนี้ ที่หยุดไม่ถูกส่วน เพราะว่ามีสิ่งที่เหนี่ยวรั้งใจให้หลุดออกมา ก็คือเรื่อง ราวอะไรต่างๆ สรุปรวมแล้วก็คือเบญจกามคุณ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผ้ส ธรรมารมณ์ ให้เข้าใจง่ายๆ คือ เรื่องคน เรื่องล้ตว์ สิ่งของ เรื่องการทำมาหากิน ศึกษาเล่าเรียน เรื่องครอบครัว เรื่องเที่ยวเตร่เพลิดเพลินอะไรอย่างนั้น เมื่อ ใจคุ้นอย่างนั้นก็ดึงออกมา เหนี่ยวรั้งออกมา ไม่หยุดไม่นิ่ง เมื่อใจไม่นิ่ง วิ่งออกมา ก็เจอเรื่องเยอะแยะ เรื่องเยอะเท่าไหร่ปัญหา ก็เยอะ แรงกดตันเยอะ ความทุกข์ทรมานก็เยอะ วนเวียนก้นไปอย่อย่างนี้ ผ้รั i ร)ิ จ!จ! จึงสอนให้ปลดปล่อยวางสิ่งเหล่านั้น แล้วก็มาแสวงหาความจริงที่มีอยู่ในตัว ที่จะทำให้บรรลุวัดถุประสงค์ของความปรารถนา คือความลุขที่แท้จริง ความรู้ แจ้งในชีวิด ในธรรมทั้งปวง การหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ เป็นอิสระ จึงเป็น เปัาหมาย เป๋าใหญ่ใจดำทีเดียว จนกระทั้งหลุดพ้นไปหมด นั่นแหละคือ เป๋าหมายชีวิต การไปสู่ที่สุดแห่งธรรมนั้นจุดหมายสุดท้ายปลายทางเป็นสิ่งที่ต้อง อาศัยกำลังบุญมาก ๆ บุญธรรมดาไปไม่ถึง ต้องเป็นบุญพิเศษ บุญน้อยก็ ไปไม่ไต้ ต้องบุญเยอะๆ บุญมากก็ต้องขึ้นอยู่ก้มทำมาก ทำ บ่อย ๆ ทำ ถูก จุดแห่งบุญ ถูกท้กขิไณยบุคคล ถูกธรรมกาย จึงจะไปจุดหมายปลายทาง คือที่สุดแห่งธรรมไต้ บุญทั้งหมดทำซํ้าแลัวซํ้าอีก ไม่ใช่ทำทีเดียวแลัวก็เลิก กันไป ทำ ซํ้าแลัวซํ้าอีก ทำ ปอย ๆ สมาเสมอเป็นอณุวินาที ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี ตลอดวัน ตลอดปี ตลอดไป จนหมดอายุฃ้ย หมดไปแล้วไปสู่สุคติ ภพ ก็ต้องไปทำหยุดนิ่งต่อไปอีก ไม่ไตัพักผ่อนแบบที่เขาพ้กก้นทั้วๆไปหรอก ก็ด้องไปหยุดไปนิ่ง ไปปฏิบ้ติกิจที่ไม่มีกายมนุษย์ มีแต่กายทิพย์นั้นแหละ ถึง เวลาลงมาเกิดก็มาทำต่ออีก อย่างนี้ดีขื้นกว่าเดิม มากขึ้นกว่าเดิม ซํ้าแล้วซํ้าเล่า www.kalyanamitra.org f๗0^
จนน้บภพนับชาติไม่ถ้วน กระทั่งบารมีถึงที่สุดเต็มเ!)ยม เต็มเ!เยมแล้วก็หลุดพนจากที่เขาบังคับ บัญชา หลุดออกไปเหมีอนลูกไก่หลุดจากกระเปาะไข่ เราหลุดจากภพไป ภพ ช้อนภพ ภพในภพ ภพในภพนับกันไม่ถ้วนนนแหละ หลุดกันไปทีละภพ หลุด ภพนี้ติดภพอื่น หลุดภพอื่น หลุดกันเข้าไปเรื่อยๆ หลุดกันจนกระทั่งสิ้นเชิง หลุดอย่างสมบูรณ์ ถึงที่สุดแห่งธรรม... วันอาทิตย์ที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕<£๓ ๗๘ www.kalyanamitra.org
•ร สาระแก่นสารแห่งชีวิต ...มัชฌิมาปฏิปทา ทางสายกลางที่พระอริยเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญ เป็น ทางเอกสายเดียวที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายไปสู่ความบริสุทธี้หลุดพ้น เป็น ทางเดียวที่นำเราไปส่อายตนนิพพาน www.kalyanamitra.org \\ ๗^
สรรพสิ่งในโลกนี้ ที่เราเข้าใจว่าเป็นสมบ้ด็ของเรา ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือแม้กระทั่งตัวของเราเองก็ตาม หาใช่สมบัติที่แท้จริงของเราไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้ยังไม่ใช่สาระแก่นสารของชีวิต เป็นสิ่งไม่คงที่ ประกอบตัวย ความทุกข์ และไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง สิงที่เป็นสมบัติของเราจริงๆ มีเพียง ไอ สิง คือ \"ใจ\" อันได้แก่ ความเห็น ความจำ ความติด ความรู้ ๔ อย่างนี้รวมเริยกว่าใจ และฐาน ที่ดั้งของใจ คือ \"ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗\" อันเป็นจุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง ที่จะ นำ เราเดินทางไปสู่เสันทางสายกลางภายใน เป็นทางที่พระอริยเจ้า พระอรหันต์ ทั่งหลายใช้เดินทางไปสู่อายตนนิพพาน และนำใหั เราเข้าถึงแหล่งแห่งปัญญาอันบริสุทธี้ ทำ ใหั หลุดพ้นจากความทุกข์ ทำ ใหัเราเข้าใจ Jm I แจ่มแจ้งในเริ่องราวของชีวิตในสรรพสัตว์ ds' และสรรพสิ่งทั่งหลาย V เมื่อเข้าถึงจุดนั้นเราจะแยกได้เป็น m. ๒ ภาค คือ ภาคของสิ่งที่ไม่เป็นสาระ แก่นสาร กับภาคของสิ่งที่เป็นสาระแก่นสาร สิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสาร จะดกอยู่ในกฎของ ไตรลักษณ์ คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอน้ตตา ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง แสัวก็จะมุ่งเข้าไปหาสิ่งที่เป็นสาระแก่นสารของชีวิต ซึ่ง เป็นสิ่งที่คงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีความบริสุทธสัวนๆ เป็นแหล่ง กำ เนิดแห่ง ปัญญา แหล่งกำเนิดแห่งความสขที่ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นเอกันตบรมสุข นั้นแหละ เป็นตัวตนที่แท้จริงที่เป็นอิสระจากกิเลสจากอาสวะทั่งหลาย ความเป็นอิสระนี่แหละ คือ ความปรารถนาของพระพุทธเจ้า และพระ- อรหันต์ทั่งหลาย ท่านปรารถนาจะเป็นอิสระจากการบังคับบัญชาของกิเลสอาสวะ ของความโลภ ความโกรธ ความหลง ของพญามาร เมื่อท่านหลุดพ้นจากตรงนี้ แล้วใจก็บริสุทธ ยิ่งใจบริสุทธี้เท่าไรก็ยิ่งมีความสุข ยิ่งเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ^๘๐) www.kalyanamitra.org
แล้วเราจะรูใด้อย่างไรว่าใจของเราบริสุทธิ้^ด้เมื่อใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลาง กายฐานที่ ๗ ประการแรกใจจะเป็นอิสระจากความอึดอัด ค้บแคบ เวลาใจเรา อยู่กับกายมนุษย์หยาบ จะรู้สึกอึดอัด คับแคบ เซ็ง เครียด เบื่อ กลุ้ม ไม่ค่อยได้ ด้งใจ กระส้บกระส่าย ทุรนทุราย แต่พอใจไปหยุดอยู่ดรงกลางกายฐานที่ ๗ ใจ จะหลุดพ้นจากกายหยาบ ความรู้สึกว่ามีด้วดนก็หมดไป รู้สึกเหมือนไม่มีร่างกาย เป็นอิสระ เป็นหนึ่งเดียวกับบรรยากาศ เป็นบรรยากาศแห่งความบริสุทธี้ที่มี ความเบาสบายทั้งร่างกายและจิดใจ ในความรู้สึกที่โล่งโปร่งเบาสบาย ใจ เปงบานขยายออกไปจนกระทั้งไม่มีขอบเขต เหมือนเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ จักรวาล กับอวกาศโล่งๆ สบายๆ อย่างนั้น และยิ่งหยุดนิ่งหนักเข้า นิ่งแน่นหนักเข้า คือใจไม่ไปไหน อยู่ตรงนั้นอย่างเดียว ความสบายก็ยิ่งเพิ่มพูน อาการขยาย ก็ยิ่งเพิ่ม เบาสบายมากฃี้น จนกระทั้งถึงจุดๆ หนึ่ง เห็นดวงใสบริสุทธิ้ผุดเกิดขึ้นมาในกลางของการ หยุดนิ่งดรงฐานที่ ๗ ดวงนั้นแหละคือ ดวงธรรมภายใน ซึ่งเป็นจุดเริ่มด้นแห่ง ความบริสุทขึ้ ความบริสุทธิ้ เราจะรู้ได้เมื่อเข้าไปถึงดวงธรรมดวงนี้ครั้งแรก เราจะเห็น ส้ญญาณแห่งความบริสุทขึ้ หรือนิมิดหมายแห่งความบริลุทธิ้ จะเป็นความใส ความสว่างของดวงธรรม ยิ่งใสมาก สว่างมาก ก็ยิ่งบรืสุทขึ้มาก ยิ่งบรืลุทธิ้มาก เท่าไรใจก็ยิ่งเป็นอิสระมากขึ้น ยิ่งมีความสุขมากขึ้น เราจะเริ่มเข้าใจอะไรต่างๆ ไดีไปดามความเป็นจรืงมากขึ้นกว่าเดิม แต่เดิมเราเข้าใจแค่เป็นด้วหนังสือ เป็นความเข้าใจในระด้บพิ่นผิว จาก การได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟัง ว่าด้วเราไม่ใช่ของเรา แต่พอเข้าถึงดวงธรรม เราจะ เข้าใจแจ่มแจ้งขึ้น เริ่มยอมร้บว่าร่างกายเป็นเพียงเครื่องอาศัย เป็นเพียง ทางผ่านเพื่อเดินทางต่อไป จนกระทั้งเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด ถึงชีวิดภายใน ที่ละเอียดประณีดกว่ากายหยาบ มีลักษณะคล้ายๆ คัวเรา แต่งดงามกว่า สดใส กว่า สว่างกว่า เมื่อเราเข้าไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายมนุษย์ละเอียด จนกระทั้งมี www.kalyanamitra.org (๘^
ความรูสึกเป็นชีวิตเดียวกัน จิตใจดวงเดียวกัน ตอนนี้ความแจ่มแจ้งก็จะมากขึ้น ลึกขึ้งไปกว่าเดิม รู้ว่ากายมนุษย์หยาบไม่ใช่ของเราจริง ไม่ใช่ตัวเราจริง เป็น เพียงเครื่องอาศัยเหมือนบ้านเรือน เหมือนเสื้อผ้า ไม่มืความรูสึกผูกพ้นในกาย มนุษย์หยาบ และสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับกายมนุษย์หยาบไม่ว่าจะเป็นสมป้ตพ้สถาน ลาภ ยศ หรืออะไรก็แล้วแต่ จะรู้สึกเฉยๆ เมื่อเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดจะเป็น อย่างนี้ แล้วก็จะเป็นในทำนองอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าถึงกายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม กระทั่งถึงกายธรรม กายธรรม คือ กายที่อยู่ในภาคแห่งความเป็นสาระแก่นสาร มี คุณสมบ้ติ ๓ อย่าง คือ เป็นนิจจัง สุขัง อัตตา เป็นกายที่ไม่มีการเปลี่ยน แปลง คือ ทรงรูปอย่างนี้ใสบริสุฑธเป็นแกัว งามไม่มีที่ติ ใสเกินใส สวย เกินสวย ประกอบไปด้วยอักษณะมหาบุรุษครบกัวนทุกประการ เกคุ- ดอกบ้วตูม แอัวก็มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายตั้งแต่เครื่องนุ่งห่ม ซึ่ง แตกต่างจากกายอื่น ๆ กายมนุษย์กายทิพย์พรหม อรูปพรหมจะมีเครื่องประตับประตา สวยงาม ประณีตแบบโลกียภูมิ แต่พอเข้าถึงกายธรรม ตํ๋งแต่กายธรรมโคตรภูเป็นตันไป เครื่องนุ่มห่มก็เป็นแบบพระ เรียบง่าย สงบเสงี่ยม สง่างาม มีความอิ่มเต็มเพียงพอ ไม่กระหาย สงบ ดั้งมน บริสุทธิ้ แล้วก็คงที่ เป็นแหล่งกำเนิด เป็นเนี้อเป็นหน้ง ของความสุขที่แท้จริง เป็นความสุขที่บริสุทธี้ซึ่งแตกต่างจากความสุขแบบมนุษย์ สุขแบบเทวดา พรหม อรปพรหม จ! สุขแบบมนุษย์ก็ซค^ือ ความเพลิน สนุกสนาน แล้วก็มีความทุกข์เจือปน กันอยู่ในนั้น แต่ความสุขจากการเข้าถึงธรรม เป็นความสุขที่สะอาด บริสุทธี้ เป็นอิสระ กว้างขวาง ไม่คับแคบ มิความเบิกบานเป็นนิจ เป็นความเคลื่อนไหว ที่อยู่ในกายที่นื่งสงบ เหมือนมืพอังที่อัตแน่นเต็มเ!)ยม พอังแห่งความบริสุทธี้ อยู่ในกายที่นื่งสงบ ปากปิดสนิท ไม่ได้ทำกิจแบบมนุษย์ สงบนิ่ง ดั้งมั่น นื่ ธรรมกายเป็นอย่างนี้ แล้วก็มืป็ญญา ความรอบรู้ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องราวของ ชีวิตไตัแจ่มแจ้งขึ้นมากทีเดียว จนกระทั่งไปสู่ความบริสุทธิ้ที่ยิ่งขึ้นไป และ ^๘๒ไ www.kalyanamitra.org
หลุดพนจากกิเลสอาสวะอย่าง r, แท้จริง ,I สิ่งใดที่ไม่เป็นสาระ เป็นสาระ HmPk แก่นสาร คือ กายธรรม \\ jfljjjK^Mr และต่อจากifไปก็มีแด' BRIRI^^P^ กายธรรมในทายธรรม กาย- ธรรมในกายธรรม คงที่ไป ตลอดเส้นทาง ไม่มีการเปลี่ยน แปลง จะแตกต่างกันเพียงความใส ความสว่าง ความบริสทธี้ ขนาดโตใหญ่ แต่ พิมพ์เดียวกันหมด ยิ่งบริสุทธมากก็ยิ่งโตใหญ่มาก ยิงมีความสุขมาก ยิงมี อานุภาพมาก มีความรอบรู้มากขึ้นไปเรื่อยๆ ความสมบูรโนด้วยวิชชาและจรณะ จะไปรวมประชุมอยู่ที่กายธรรมอรห้ต หน้าด้ก ๒๐ วา สูง ๒๐ วา สมบูรโนเต็ม เ!!ยมไปหมดเลย ไม่มีข้อบกพร่อง นั่นคือจุดหมายปลายทางของชีวิตทุกๆ ชีวิต นี่คือเส้นทางสายกลาง \"มัชฌิมาปฏิปทา\"ที่อยู่ภายในกลางกายของ มนุษย์ทุกคน จะเข้าถึงได้ด้วยการปฏิบ้ติธรรม แกใจหยุดนี่งที่ศูนย์กลาง กายฐานที่ ๗ เมื่อเข้าถึงแล้วเราจะรู้ด้วยด้วของเราเฮงว่า อะไรคือสาระแห่ง ชีวิต และอะไรคือเป้าหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์- วันอาทิตย์ที่ i> กมภาพันส้ พ.ศ.๒๕'r๓ www.kalyanamitra.org
i■ไ^. tm •»k บุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุข และความสำเร็จในชีวิต ...บุญนี่เป็นเรื่องสำค้ญทีเดียว เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความ สำ เร็จในรวิต การที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตนั๋น จะต้องมีให่'ครบ ถาไม่ครบดรงนีแล้ว ความสำเร็จก็ไม่เกิดขึ้น บางคนมือถึง ใจถึง ทีมถึง ทุนถึง แด่บุญไม่ถึง ความสำเร็จก็ไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นบุญถึงนี่สำคัญทีเดียวเป็นเรื่องที่น้อยคนในโลกจะเข้านต้อง ได้ศึกษาคำสอนของพระล้มมาสัมทุทธเจ้านั่นแหละ ถึงจะเข้าใจกัน เพราะ ฉะนั้นเรื่องของการสั่งสมบุญนี้ เมื่อโอกาสมาถึงเราแล้ว ก็อย่าโห่โอกาส ดี ๆ นั้นผ่านไป www.kalyanamitra.org
บางช่วงเรามีกำล้งใจดี มีความพร้อมในทุกด้าน เราก็ทำเต็มที่ บางช่วง มีการท้อแท้กันบาง แต่ว่าเมื่อเราตั้งหลักได้ ตั้งสติได้ ปัญญาเกิดขึ้นก็เริ่มด้น กันใหม่ ในชีวิตของการสร้างบารมีที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้ แต่บางคนร้กษากำลัง ใจในการสั่งสมบุญ ตั้งแต่เบื้องด้นมาจนกระทั่งตลอดเส้นทางถึงว้นนี้ได้โดย ไม่ให้บุญหกหล่นเลย แล้วก็ทาเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ นี้คือสิ่งที่น่าอนุโมทนาทีเดียว ถ้าหากว่าเราได้ลังเกดชีวิตของเราให้ดีว่า เวลาใจสบายๆ ลองลังเกดดู ทำไมบางครั้งเราอยากจะทำบุญ เราอยากใจจะขาดทีเดียวแต่ทุนไม่ให้ เพราะ ไม่มีทุนที่จะทำ วิธีปล้นของเขา ก็คือเอาความตระหนี่เข้ามาบังคับเรา ให้เกิด ความ รู้สืกหวงแหนเสียดายทรัพย์ให้ไม่ได้ พอคิดจะให้แล้วทุกขํใจ นอกจากไม่ ให้ด้วยคัวเอง บังห้ามคนอื่นไม่ให้เสียอีก ก็เลยมืดแล้วมืดเล่า มืดไปเรื่อย ๆ เลย สมบ้ตจักรพรรดิ.ซ4งเกิดด้วยบุญ ก็ไม่มีโอกาสได้ช่องทจะเข้ามาถึงตัวเรา และให้เราได้ไข้สร้างบารมีอย่างสะดวกสบาย ไม่มีโอกาสเลย เพราะถูกความ ตระหนี่นั้นบดบัง ปิดบังไปหมด เพราะฉะนั้นผ้งความจนถาวรจึงเกิดขึ้น แต่ ว่าบางช่วงของเราตระหนี่บัาง ไม่ตระหนี่บัาง ช่วงไหนไม่ตระหนี่บุญเข้าได้ การ สร้างบารมีก็สะดวก ช่วงไหนความตระหนี่เข้าไปครอบงำ บุญเข้าไม่ได้ สร้าง บารมีก็ไม่สะดวก พระพทธเจ้าทรงเห็นภ้ยดรงนี้ เพราะฉะนั้นพระองค์ถึงพยายามที่จะรื่อ ผ้งจนถาวรออกให้หมด เหมีอนเรื่องมหาทุคดะนั้นแหละ เพราะเรื่องเห็นชัดเจน ทีเดียว ว่าเวลาผังความจนถาวรติดมา อันตรายมาก หลวงพ่อว่าในสภาฯ นี้ ไม่มีใครยากจนเท่ามหาทุคตะ ที่สามีภรรยามีผัาห่มเพียงผืนเดียวผลัดกันห่ม ออกจากบัาน ไม่มีใครจนเท่านี้ พอดีวันนั้นจะหมดกรรม ได้มาฟังธรรมเข้า สามีมาฟังธรรม พระพุทธเจ้า ท่านมองเห็นเข้า สอดญาณระลึกชาติหนหลังไปเลย ไปมองดูว่ามหาทุคดะคนนี้ www.kalyanamitra.org iI ๘< ๔1
ประกอบเหตุอะไรเอาไว้ จึงมีผลอย่างนี้ ระลึกชาติหนหล้ง จนกระทั่งเห็น ต้นเหตุว่า มหาทุคตะคนนี้ตระหนี่มาตลอดอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เป็นทุคตะธรรมตา จนกระทั่ง ได้ร้บการยกย่องให้เป็นมหาทุคตะ คือจนแล้วจนเล่าเฝ็าแด่จน อย่างเดียว จนถาวร แล้วก็มองต่อไปในอนาคตอีก ถ้าไม่โปรตนี่ต่อไปจะเป็น อย่างไร มหาทุคตะว่าแย่แล้วนะ ต่อไปเดี๋ยวเป็นซูเปอร์มหาทุคตะหนักเข้าไปอีก ตอนนี้ย่งเลย ท่านก็มองดูว่าจะแก็ไขอย่างไร สอดญาณไปดู ต้องรื้อผ้งจนถาวร ต้องรื้อออกให้หมด ต้องทำลายความดระหนี่ แล้วก็ต้องให้เกิดขึ้นด้วย ให้เกิด ขึ้นมาในใจทีเดียว ให้สิ่งที่ท่านแนะนำนี่ทำให้มันถูกหลักวิชชา ฟังแล้วก็ให้มัน เข้าไปอยู่ในใจ ไม่ใช่อยู่ข้างใน แต่ให้เข้าใจ เข้าไปในใจเลย ตั้งแต่ ๖ โมงเย็น ถึง ๖ โมงเข้ากว่าจะเข้าไปในใจไต้ พอเข้าไปในใจได้เหมือนความมีดอยู่ในห้องที่มีอยู่ พอกดสวิตข้ไฟ ความสว่างมันพรึบขึ้นมาเลย พอพรึ่บขึ้นมาความตระหนี่ในใจหมด พอหมดก็มี ความรูสึกอยากให้ เกิดปีติเบิกบานทีเดียว ถึงได้เปล่งคำว่า \"ชิด้ง เม\" ชนะแล้ว ชนะสิ่งที่ชนะได้ยาก คือความหวงแหนเสียดายในทรัพย์ที่ด้วมีอยู่ พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้อยากได้ผ้าผืนนั้น แต่ว่าท่านด้องการรื้อผ้ง จนถาวร แจ้วในที่สุดผ้งรวยถาวรก็ซ้อนเข้าไปเลย ติดหผดทุกกาย นี่ หลักวิชชามือย่างนี้ พอซ้อนเข้ามาอยู่ตรงกลางด้ว เป็นดวงใสๆ ส่ง กระแสดึงดูดทรัพย์ให้เกิดขึ้นติดไปหมดเลย เหมือนหลอดไฟที่ติดอยู่ที่ เสาไฟข้างถนน ส้บสวิทช์ฑีก็พรึบไปหมดตลอดเส้นทางสว่าง ดวงแก้ว - แก้วจักรพรรดิ เรื่องของดวงแถ้วที่หลวงฟอจะมอบให้สำหรับผู้มีบุญที่เหมาะสมในการที่ จะรับ ลูเผินๆ ก็คือแก้วจุยเจียธรรมดาที่เราเห็นอยู่ทั่วๆไป แต่ข้างในไม่ใช่อย่างนั้น ดวงแก้วที่หลวงฟอจะมอบให้ลัวนมีความสำคัญต่อการสร้างบารมีของลูกทุกคน เพื่อให้สมบูรถ่เ เป็นมนุษย์ที่สมบูรถเทั้งโลกียทรัพย์และอริยทรัพย์ (๘ร.! www.kalyanamitra.org
ดวงแก้วนั้นเป็นหนึ่งในรัตนะ ๗ ซึ่งมีจ้กรแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว นางแก้ว แลัวก็แก้วมณี แก้วมณีอย่างที่ได้รับไปนั้น และกำลัง จะได้รับต่อไปก็เป็นหนึ่งในนั้น ผู้มีบุญทุกๆ คน เขาจะมีดวงแก้วเอาไว้ประจำ ด้วประจำบ้าน อย่างในญี่ป่นเวลาที่จะมีการสืบสันตติวงศ์เป็นพระเจ้าจ้กรพรรติ องคใหม่ พิธีจะสมบูรณ์ได้จะด้องได้รับมอบดวงแก้วดวงโตขนาตสักสัมโอ กลางๆ โตขนาดนั้นน่ะ การเป็นพระเจ้าจักรพรรติจึงจะสมบูรณ์ บริษ้ทย้กษ์ ใหญ่ของญี่ป่น ในแต่ละบริษัทก็จะมีดวงแก้วดวงใหญ่เอาไว้สำหรับเป็นเครื่อง ดึงดูดโภคทรัพย์สมบ้ติ หรือบ้นดาลความสำเร็จให้เกิดขึ้น หรือแม้แต่จะสร้าง บ้านสร้างเรือนก็จะเอาดวงแก้วบรรจุเอาไว้ ที่ญี่ป่นเขามีก้น จักรพรรติจีนบางองศ์มีถึง ๑๕๐ ดวงที่บ้นทึกไว้ในประว้ติศาสตร์ ผู้มี บุญในกาลก่อนก็จะมีดวงแก้วก้น ท่านโชติกเศรษฐีมีดวงแก้วตวงหนึ่งเกิดขึ้น จากบุญที่ถวายตวงแก้วในอดีตชาติ ก้บพระสัมมาลัมทุทธเจ้าสว่างไสวทั่วทั้ง ปราสาทแก้วของท่าน มีดวงแก้วบ้นดาลความสว่างและความสำเร็จให้เกิดขึ้น แม้แต่นาค ที่คอเขาย้งมีแก้วที่จะบ้นดาลความสำเร็จให้เกิดขึ้น เรื่องมีอยู่ว่า มีฤๅษีพี'น้องตั้งอาศรมอยู่ริมนํ้า ฤๅษีน้องเจริญเมตตา วิหารธรรมตลอด กระแสแห่งความเมตตาก็แผ่ไปทุกทิศทาง ไปกระทบใจพญา- นาคที่อยู่ใด้บาดาล ก็มาตามกระแสนั้น เห็นฤๅษีน้องนั้งอยู่ที่อาศรมเกิดความ รักขึ้นมา ก็เช้าไปแสดงความรักนะ ก็ไปรัดด้วน่ะ เหมีอนงูรัดตัวเราอย่างน้นแหละ รัดเช้า ฤๅษีน้องก็เหมือนคนธรรมดาเจองูรัดเช้าด้วยความรักนึ่แย่เหมีอนก้นนะ นาคทำยังงั้นปอยๆ พอโผล่ขึ้นพ้นนั้าก็เลื้อยขึ้นมารัดก้นเลยนึ่ จนกระทั่งฤๅษีน้องผอมลงเลย ฤๅษีพี่มาเห็นเช้า เอ๊ะทำไมน้องผอมดู ซูบไป บอกก็จะไม่ซูบได้ยังไงล่ะพี่ นาคเขามาแสดงความรัก มารัดตัวทึน่ะ โอโฮมันบอกไม่ถูก รับประทานอาหารไม่ได้เลย นอนก็ไม่ค่อยหลับ สะดุ้งอยู่ ดลอดเวลา กลัวนาคจะมารัดตัว ฤๅษีพี่ก็ถามว่า สังเกตบ้างไหมที่นาคมีอะไร เป็นพิเศษ บอกมีดวงแก้วตวงหนึ่งห้อยคออยู่ ฤๅษีพี่ก็แนะน้องเลย บอกเอาอย่างนี้ ก้านาคมาคราวนี้ขอดวงแก้วเลยนะ www.kalyanamitra.org (ร)
ต่อมานาคขึ้นมาจากนํ้ามาหาฤๅษีน้องเหมือนเดิม พอจะรัดต้วเข้าฤๅษี น้องก็ขอดวงแก้วเลย บอก แหม ดวงแก้วที่ห้อยคอนี่สวยดีจัง ขอเถอะ นาค บอกไม่ได้ดวงแก้วดวงนี้น่ะ นำ มาซึ่งอาหารต่างๆ และของที่ปรารถนา ให้ใม่ได้ เลยวันนั้นไม่กล้ารัดด้ว รีบลงนํ้าไปเลย วันถ้ดมาคิดถึงขึ้นมาอีกแล้ว พอโผล่พ้นนํ้าได้ครึ่งทางนี่นะ เลื้อยมาได้ ครึ่งทางฤๅษีบอก เล้าวันนี้จะมาให้หรีอ อีอวันนี้สบายใจใช่มั้ยจะเอาแก้วมาให้ เท่านั้นน่ะ ชะงักเลย บอกเปล่า ให้ใม่ได้หรอก แล้วก็ถอยหลังไปเลย วันถัดมาทนคิดถึงไม่ไหวอีก มาอีก พอโผล่พ้นนํ้า ฤๅษีน้องบอก ออ วันนี้ดัดสินใจแล้วใช่มั้ยจะเอามาให้ นาคก็บอก ถัาเล่นขอของรักอย่างนี้ทีหลัง ไม่มาตีกว่า ดวงแก้วนี่เป็นของหวง เป็นของที่มืคุณค่า หลวงพ่อวัดปากนั้าท่านด้นลงไปในเหตุ คือทำวิชชาหยุดในหยุดเข้าไป เรื่อยๆ ท่านก็ค้นพบในเหตุ แล้วก็มาดรงถับในพระไตรปิฎกเรื่องราวของ พระเจัาจักรพรรดิที่ท่านปกครองโลกทั้ง ๔ หรีอทวีปทั้ง ๔ ตั้งแต่ชมพูทวีป อุดดรกรุทวีป อปรโคยานทวีป ปุพพวิเทหทวีป ทวีปที่ล้อมรอบสวรรค์ชั้น จาตุมหาราช ล้อมรอบเขาพระสุเมรุนั้นแหละ มนุษย็ในยุคนันไม่ด้องทำมาหากิน เป็นอยู่ได้ด้วยดวงแก้วจักรพรรดิ บันดาลของกินของใข้ให้บ้งเกิดขึ้น เป็นอย่างนั้นด้วยบุญของพระเจัาจัถรพรรดิ แล้ววันหนี่งคืนหนึ่งก็ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยการบำเพ็ญคืลภาวนา ทำ ใจหยุดใจนิ่ง รักษาศีล เพราะฉะนั้นในยุคนั้นไม่มืการเบียดเบียนก้นเลย หลวงพ่อวัดปากนํ้า ท่านก็ค้นไปในเหตุทำวิชชาค้นไป ท่านก็ค้นพบว่า ดวงแก้วดวงนี้ของพระเจัา จักรพรรดิบังอยู่ในดิน ของพวกนี้ไม่ได้สูญหายไปไหน ก็บังอยู่ในโลกนี้แหละ พอหมดความจำเป็นที่จะใข้หรีอหมดบุญที่จะใข้ ก็บังอยู่ในโลกคอยผู้มืบุญต่อไป และท่านค้นพบด้วยญาณ ท้สสนะของท่านว่าจมอยู่ในดิน ท่านก็ประ- กอบวิชชาธรรมกาย ซึ่งดอนนั้นบังมือยู่ไม่กี่ท่าน ดึงอ้ญเชิญแก้วดวงนั้นขึ้นมาเลย ทำ ครังแรกไม่สำเร็จ ผู้ที่เล่าให้หลวงพ่อฟัง คืออดีดเจ้าอาวาสวัดสำพะยา ดอน ๘๘ www.kalyanamitra.org
หลวงพ่อไปเจอท่าน อายุท่าน ๗๕ ปี หลวงพ่อบวชใหม่ๆ ■' ■ไ ตอนนั้นท่านไม่ได้บวชเป็นเด็กอายุ เ^^^^ ๑๒ขวบกไปช่วยด้วยปรากฏว่า แก้วเกิดเคลื่อนใต้ดินเสียงด้งครืด ท่านตกใจ กระโดดกอดหลวงพ่อ วัดปากนํ้าแล้วสลบไปเลย มาฟิน \\^ เ^^^^^Bf อีกทีกิที่กุฏิท่าน ครั้งที่ ๒ หรือครั้งที่ ๓ นี่จึง ^ ประสบความสำเร็จ แต่อัญเชิญมาได้ ๗ วันไวั ในโบสถ์ โบสถ์เก่า ฝนตั้งเด้าก้นมาเลย พอฟ้าลั่นเปรี๊ยะ แวบไปเลย หายไปกับสายฟ้าไปเลย นี่เป็นเรื่องแปลกทีเดียว ท่านก็เลยมาพิจารณาดูว่า โอ้ มวล มนุษยชาติ กระแสบาปมันย้งเยอะอยู่ ต้องขยายวิชชาธรรมกายนีไปใหใต้ ทั่วโลก ให้เกิดกระแสอันบริสุทธี้เกิดขึ้น แก้วจักรพรรดิดวงนี้ถึงจะเกิดขนมา เพี่อที่จะดูแลมวลมนุษยชาติไม่ให้ลำบากในการท่ามา'พากิน ตั้งแต่นั้นท่านก็เลยหันมาด้นควัาวิชชา แล้วก็เผยแผ่วิชชาธรรมกาย เรื่อยมา แล้วท่านก็จะมีดวงแก้ว มีผู้นำ มามอบใหัก้บท่าน เอามาให้ท่านศึกษา ด้นคว้า นี่ก็เป็นเรื่องลึกขึ้งซึ่งต้องมีเวลา หลวงพ่อจะค่อยๆ เล่าไป แม้คุณยายของเราก็เหมือนก้น นี่ท่านก็รักดวงแก้วมาก เวลาทำวิชชา เจริญสมาธิภาวนากลางคืนก็จะเอาดวงแก้วมาถือเอาไว้ แล้วก็ประกอบวิชชา ธรรมกายกันไป... วันอาทิตย์ที่ to เมษายน ท.ค.๒๕(T๓ www.kalyanamitra.org
I ■^^:. ■ V®. เมื่อสั่งสมบุญเต็มเ!'เยม ความอัศจรรยย่อมบังเกิดขึ้น ...พวกเราได้มาประพฤดิปฎิบ้ตธรรมร่วมกัน เพื่อแสวงหาหนทางพระ- นิพพานเซ่นเดียวกับบัณฑิตในกาลก่อน มีพระสัมมาส้มพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ทั้งหลายเปีนด้น ที่ตลอดชีวิตของท่านได้แสวงหาหนทางพระนิพพานตลอดเวลา www.kalyanamitra.org
ส่วนเรามีชีวิตที่ต้องข้องเกี่ยวกับทางโลกและทางธรรม เราต้องทำมาหากิน ทำ งานสร้างบารมี แล้วก็แสวงหาหนทางพระนิพพานไปต้วย ทำ ไปพร้อมๆ กันทุกวัน ทำ ไห้มีชีวิตสมบูรณ์ทั้งทางโลกและทางธรรม ทั้งภายนอกและภายใน ภายในก็มีธรรมกายชัดใสแจ่มปรากฏอยู่อย่างนี้แหละ จึงจะเป็นชีวิตของบัณฑิต ที่แท้จริง ที่ควรแก่การสรรเสริญชื่นชมอนุโมทนา ฉะนั้น ให้ดีใจเถอะว่า เราใต้ดำเนินชีวิตถูกต้องแล้ว มีใจผูกพันอยู่กับ พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุต พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไวัว่า ^ดมี ความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย มีศรัทธาตั้งมั่นที่เกิดฃึ๋นจากอริยมรรค คือได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ได้เข้าถึงธรรมกายภายใน ผู้นินได้ชื่อว่า เป็นผู้คงที่ แม้เทวดา มาร พรหมหรือใครๆ ในโลกก็ฑำให้หวั่นไหวไม่ได้ ทำ นเรืยกผู้นั้นว่าเป็นบุตรผู้เกิดโดยธรรม คือได้เข้าถึงธรรมกายเหมีอน กับพระองค์ท่าน เป็นผู้มีใจตั้งมั่นดีแล้วในพระรัตนตรัย เพราะฉะนั้น ธรรมกายหรือพระรัตนตรัยนี้แหละ เป็นสาระ เป็นแก่นสาร เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของพวกเราทุกคน ที่จะทำให้เราเข้าถึงความสมบูรณ์ ความเต็มเปียมของชีวิต เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขล้วนๆ ใม่มีทุกข์เจือปน เป็นอิสระจากการบังต้บบัญชาของพญามาร ของความโลภ ความโกรธ ความหลง ธรรมกายนี่แหละจะทำให้ความปรารถนาของเราสมหวังใต้ ดังนั้น เราต้องหมั่นประพฤติปฎิบ้ตธรรม ให้เข้าถึงธรรมกายกันให้ไต้ ทุกคน ผู้ที่เข้าถึงธรรมกายใต้ เขาถึงจะเรียกว่าเป็นผู้มีบุญ ยุคใดสมัยใตที่คน ปฏิบัติเข้าถึงธรรมกาย เรียกว่าเป็นยุคของคนมีบุญมาก คือยุคที่มีธรรมกาย ปรากฏอยู่ในกลางใจมนุษย์ ใต้เข้าถึงธรรมกายกัน ตั้งแต่ธรรมกายโคตรภู เรื่อยใปเลยกระทั้งถึงธรรมกายพระโสตาบัน ธรรมกายพระสกิทาคามี ธรรมกาย พระอนาคามี กระทั้งถึงธรรมกายพระอรหัต หรืออย่างน้อยก็เป็นกัลยาณชน มีศีล ๕ เป็นปกติ หรือเป็นฌานลาภี บุคคล คือผู้มีฌานเป็นปกติ ใต้เข้าถึงดังแต่ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุดถฌานเรื่อยใป จึงจะใต้ชื่อว่าเป็นผู้มีบุญมาก มีบุญมหาศาลเป็นอสงไขย www.kalyanamitra.org (ธ๑) s
อัปปมาณังทีเดียว อสงไขยก็แปลว่านับไม่ได้ นับไม่ถ้วน อัปปมาณ้ง มากมาย คือสิ่งที่มากมายนับไม่ถ้วน มากมายทีเดียว มารวมกันอยู่ในตัวของเรานี่แหละ ยุคของเรานี่'อาจจะเรียกว่า เป็นยุคของคนมีบุญก็ได้ เพราะมีผู้ ประพฤติธรรมกันมากมาย อย่างลูกทุกคนนี่แหละ มีบุญมากที่พยายามปฎิบติ ธรรม พยายามแกฝนตัวเองให้เข้าถึงพระธรรมกาย มีบุญอยู่ในตัว เนี่องจาก สร้างบุญอย่างสมาเสมอ สร้างบุญเป็นกิจวัตร เหมือนอย่างลมหายใจเข้าออก ที่เป็นปกติ ลูกทุกคนสร้างบุญกันจนเป็นปกติ ให้ทาน วักษาศีล เจริญภาวนา เป็นปกติ ถ้าหากเราทำอย่างนี้อย่างจริงจ้งทุกๆ วัน เราก็จะได้เข้าถึงธรรมกาย กันหมด และเมื่อเข้าถึงธรรมกายกันหมด ความอัศจรรย์ก็จะบ้งเกิดขึ้นโอกาสโลก ข้นธโลก สัดวโลกก็จะถูกกลั่นให้สะอาดบริสุทธ สัดวโลกก็ได้แก่จิตใจ ข้นธโลก ก็ได้แก่ขันธ์ ๕ ร่างกายของเรานี้แหละ ของมวลมนุษยชาติ โอกาสโลกก็ตั้งแต่ สิ่งแวดล้อมจากตัวของเราออกไปรวมไปถึงบรรยากาศภายนอก จนกระทั่งถึง จ้กรวาลต่างๆ โน้น ก็จะสะอาดบริสุทธิ้ หมดมลทิน เพราะความบริสุทธิ้ที่ออก จากใจของเรา เมื่อใจเรามีความบริสุทธเต็มเปียมไปด้วยบุญกุศล ลมหายใจ เข้าออกของเรา ขึ้งเป็นตัวเส์อมส้ตวโลกผ่านข้นธโลก เขึ้อมกับโอกาสโลก ถึงจ้กรวาลต่าง ๆ ลมหายใจของเราก็จะนำกระแสธารแห่งบุญออกมาด้วย แล้วก็จะขจัดสิงฑีเป็นมลทินต่าง ๆ ที่มีอยู่ในบรรยากาศให้หมดสินไป ทำ ให้บรรยากาศบริสุทธี้ ฝนฟ้าตกตัองตามฤดูกาล ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป พอเหมาะพอดีต่อการประพฤติปฏิบัติธรรม และสิงที่เหนือธรรมชาติก็จะ เกิดขึ้น สมบัติต่าง ๆ ก็จะไหลมาเทมาฑีเดียว สมบัติจักรพรรติซึ่งเป็นของกลางๆ ของโลก ใครก็อาจที่จะครอบครอง ได้ถ้ามีบุญ เมื่อมีบุญมากๆ ถึงในระด้บที่มีกำลังพอ ก็จะดึงดูดสมบัติ จักรพรรดิมาทีเดียว คำว่าเศรษฐกิจตกตาก็จะไม่บังเกิดขึ้นกับโลก หรือกับ บ้านเมืองของเรา ประเทศไทยก็จะเป็นปีนนานาประเทศ ทุกอย่างจะสมบูรณ์ www.kalyanamitra.org
ไปหมดด้วยอานุภาพแห่งบุญ เราหยุดนิ่งไปในกลางของกลางนั้น สัมผัสกับความใสบริสุทธิ้ที่เกิดขึ้น ณ ภายในกายของเรา ภายในใจของเราที่ใสสว่าง จนกระแสของบุญนั้นรวม ด้วกันเป็นดวงใสสว่าง เป็นดวงบุญที่ใสสว่าง คือท่านที่หยุดนิ่งได้สนิท ก็จะ เห็นท่อธารของกระแสบุญ ที่เห็นดวงบุญผุดช้อนขึ้นมาเป็นสายอย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดสาย ให้เราหยุดนิ่งไปดรงกลางของกลางตรงนี้ให่ดี หยุดในหยุดไห่ใจนิ่ง ให้กระแสบุญผ่านมาหล่อเลี้ยงกาย หล่อเลี้ยงใจของเรา ให่ใจของเราชุ่มอิ่มอยู่ ในกระแสของบุญ ให้กายของเราชุ่มอิ่มอยู่ในกระแสของบุญที่ใสสว่าง ดวงธรรมภายใน กายภายใน กระแสบุญภายในที่หล่อเลี้ยงกาย วาจา ใจของเราเป็นของที่มีจริง การที่เราจะเช้าถึงหรือเห็นสภาวธรรมที่ละเอียดตรงนี้ ได้ ใจของเราด้องละเอียดอ่อน ถ้าหากใจของเรายังหยาบอยู่ ความเห็นของ เราก็ยังไม่ช้ดเจน แต่ถ้าหากใจของเราหยุดนิ่งละเอียดอ่อนเมื่อไหร่ เราจะเห็น ช้ดเจนเลยว่า มนุษย์นั้นเหมือนทุ่นที่ให้บุญและบาปเชิด ในกลางของกลาง ตัวของเรา ยังมีความรู้ภายในที่ละเอียดซ้บช้อนเช้าไปอย่างไม่มีประมาณ ที่รอ พวกเราทุกๆ คน ในการศึกษาให้รู้แจ้งแจ่มช้ดในเรื่องราวของชีวิตในระตับลึก ที่ช้บช้อนเช้าไปอยู่ภายในกายของเรา เป็นสภาวธรรมที่มีจริงอยู่ภายใน ของบางอย่างที่เราไม่เห็น ไม่ใช่ว่าไม่มี เหมือนกับแสงของดวงอาทิตย์ ที่เป็นแสงแดด ธรรมดาเราก็เห็นเพียงแค่เป็นแสงสีขาวใส แต่หากเมื่อไรเรา เอาแท่งแก้วที่เป็นแท่งปริซึม มาท่าการแยกแสงของดวงอาทิตย์ออกไปอีก จะ รู้ว่าแสงของดวงอาทิตย์ที่ขาวใสนั้นยังมีสีต่างๆ ที่ช้อนรวมกันอยู่อีกอย่างน้อย ๗ สี มีสีม่วง คราม นํ้าเงิน เขียว เหลือง แสด แดง เป็นด้น และนอกจากนั้น ยังมีรังสีหรือแสงคลื่นที่ละเอียดช้บช้อนอีกมากมาย อยู่ในแสงของดวงอาทิตย์ ถ้าเรามองด้วยตาเปล่าของเรา เราก็เห็นเพียงแค่สีขาวใส แต่ถ้าหากเรามีอุปกรณ์ เครื่องมือในการแยกแสงดวงอาทิตย์ เราจะรู้ว่ายังมีสิ่งที่ช้บช้อนอยู่อีกมากมาย ฉันใดก็ฉันนั้น ดวงธรรมภายใน กายภายใน กระแสบุญภายในเป็นสิ่งที่ เราไม่อาจเห็นด้วยตาเปล่า แต่อาจเห็นได้ด้วยใจที่บริสุทธิ้ผ่องใสสะอาด ของที่ www.kalyanamitra.org
เราไม่เห็น ไม่ใช่หมายความว่าไม่มี เช่นเดียวก้บสมบ้ตจักรพรรดิที่ตักไม่พร่อง เปีนเรื่องราวที่เราเคยได้ยินปรากฏอยู่ในพระไตรปีฎก มีภูเขาทองคำของชฎิล เศรษฐี ที่เป็นภูเขาทองตัองขุดด้วยจอบเพชร เป็นภูเขาทองที่ด้กไม่พร่อง เรา เองก็เคยแต่ได้ยินแด่ไม่เคยได้เห็น ที่เราไม่เห็นไม่ใช่ว่ามันไม่มี ของเหล่านี้มีอยู่ เมื่อไรที่เราสั่งสมบุญ สั่งสมบารมีได้ถึงจุดแล้ว สิ่งอัศจรรย์เหล่านี้ย่อมบังเกิด ขึ้นได้เสมอ ด้งนั้น สมบดิจักรพรรดิด้กไม่พร่องใช่ไม่หมด จะบังเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อ กระแสบุญกระแสบารมีของพวกเราทุกๆ คนในหมู่คณะที่สร้างบารมีร่วมก้นอยู่นี้ จะด้องสานก้นเป็นหนึ่งเดียว ใจของพวกเราทุกคนจะต้องเป็นดวงๆ เดียวก้น และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะได้มาซึ่งสมบัติจักรพรรดิด้กไม่พร่อง ใช่ไม่หมดไปพร้อมๆ ก้น ให้เกิดขึ้นในปัจจุบันชาตินี้ ใจของเราจะต้องเป็นหนึ่ง เดียวทีเดียว พร้อมก้บด้องประกอบเหตุอันยิ่งใหญ่ ที่จะทำให้สมบัติจักรพรรดิ ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นบังเกิดขึ้นไดในปัจจุบัน ด้งนั้น ให้พวกเราเชื่อมั่นว่า สมบัติจักรพรรดิตกไม่พร่องใช้!ม่หมดนั้น อาจเกิดขึ้นไดิในปัจจุบัน ถ้าหากเรามีใจฑีม่งมั่นอย่างแรงกล้า พร้อม ก้มร่วมกัน รวมใจก้นให้เป็นหนึ่งเดียว พร้อมก้บที่จะประกอบเหตุทังหยาบ และละเอียดเพือรองร้บสมบัติจักรพรรดิทังหลายทั้งปวง!,หล่ๆนั้นให้!,ทิด ขึ้นในปัจจุบันให้ได้ บุคคลใดที่ประกอบบุญไวในเนี้อนาบุญอันเลิศคือ พระพุทธศาสนา ย่อมจะได้ผลอันไพบูลย์อันประมาณมีได้ มีสมบัติ จักรพรรดิ เป็นด้น... วันอาทิตย์ที่ ๒๖ มึนาคม พ.ศ.๒๕ร:๓ f๙๔ www.kalyanamitra.org
เ\\ เศรษฐกิจกับจิตใจต้องไปด้วยกัน ...ทุกวันอาทิตย์อย่าขาด มาวัดกันให้สมาเสมอ แล้วก็ช้กชวนหมู่ญาติ ของเรา ญาติสนิทมิตรสหายที่เป็นที่รักของเรา ให้มาปฎิบดธรรมกัน เพราะว่า กิจนี้เป็นกิจที่สำคัญสำหรับมนุษย์ทุกๆ คนในโลก ที่จะต้องแสวงหาความสุข ที่แท้จริง แสวงหาความรูแจ้งของชีวิต และจุดหมายปลายทางของชีวิต จึงเป็น กิจที่สำคัญ ถึงเรียกว่ากรณียกิจ สำ คัญอย่างยิ่งทีเดียว ถ้าหากว่าเรายังไม่พบหนทางแห่งความสุข ความร้แจ้ง การที่จะ ดำ เนินซีวิดต่อไปก็จะอ้นดราย อาจจะพลัดจากเป้าหมายที่แท้จริงของซีวิต พลัดไปสู่ในอบายได้การปฏิบัติจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับซีวิตไม่น้อยไปกว่า ธุรกิจหรือเศรษฐกิจ เศรษฐกิจกับจิตใจต้องไปต้วยกัน ธุรกิจกับจิตใจต้องไปคู่กัน เราจะมัวแต่ทำมาหากินอย่างเดียวไม่ไต้ เพราะเงินที่ไต้มาใชีไต้เฉพาะในโลก www.kalyanamitra.org
I แค่หล่อเลี้ยงสังขารให้ความสะดวกสบายก้บล้งขารเท่านั้น ตายแล้วเอาไป ไม่ได้ก็ทิ้งไวIห้คนรุ่นหลังต่อๆ กันไป อย่างนั้น ^ เพราะฉะนั้น ธุรกิจกับจิตใจต้องไปด้วยกัน ต้อง ให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เราขังต้องอาคัยกาย เนื้อสร้างบารมี ขังต้องดำรงชีวิตอยู่ ก็ต้องทำมาหากิน แต่ชีวิตมีอยู่เพื่อแสวง หาจุดหมายปลายทาง คือความเป็นอิสระเปีนคัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ที่กิเลส อาสวะมาบังคับบ้ฌซาไม่ไต้ ความโลภ ความโกรธ ความหลง กิเลส ๓ ตระกูลนื้ ไม่ว่าจะขยายผลออกมาเป็นอะไรก็แล้วแต่ ก็ไม่ลามารถที่จะบังคับบัญชาให้เรา ใจพร่อง ใจร้อน หรือใจมืดมนอนธการ มีความทุกข์ทรมาน เพราะฉะนั้นธุรกิจ กับจิตใจต้องไปคู่กัน ต้อนร้บปีใหม่ที่ผ่านมา เราก็ไต้พร้อมใจกันมาจุดประทีปบูชาพระรัตนตร้ย ซึ่งวันนั้นเรามีความสุขกันมาก มีปีติ การบูชาพระร้ตนตรัย ซึ่งมีพระคุณไม่มี ประมาณนั้น มีอานิสงส์ใหญ่ เพราะไม่เหมือนกับจุดไฟในเตา จุดไฟกับฟืน หรือจุดที่ไหนๆ เพราะการจุดประทีปนื้เพื่อระลึกนึกถึงพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ต่อหน้ามหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งมีพุทธปฏิมากรเป็นสิ่งแทนพระส้มมาส้มพุทธเจ้า ถึงสามแสนองคั กับพระพุทธเจ้าที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ ที่ท่านมีพระ- ธรรมกายปรากฏอยู่น้บกันไม่ถ้วนทีเดียว อานิสงส์นื้ยิ่งใหญ่ไพศาล นอกจากเราจะสมบูรณ์ไปด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติแล้ว จะขังรัศมีกายของเราให้สว่าง แทงตลอดทั้งทางโลกและทางธรรม ทำ ให้ใจของ เรานี๋ไม่ติดอะไรเลย นอกจากความบริสุทธี้ ความดีงาม เพราะฉะนั้นบุญช่วงที่ ผ่านมานั้น เราไต้จุดประทีปบูชาพระรัดนตรัย ไต้สร้างมหาทานบารมี ถวาย ป็จจ้ย ๔ แต่ภิกษุวัดต่างๆ ที่อยู่ทั้วประเทศ ให้ดีใจไร้เกิดว่า วันเวลาที่ผ่านไป ทุกอนุวินาที เราไดํใช้ร่างกายอย่างเป็นประโยชน์ ใช้ชีวิตอย่างเป็นประโยชน์ใน การแสวงหาความบริสุทธ ความบริสุทธี้ต้องทำด้วยคัวของคัวเอง บริสุทธิ้กาย บริสุทธี้วาจา บริสุทธใจ คนอื่นก็ไต้แต่ประคับประคอง ครูบาอาจารย์ก็ไต้แต่ชี้ทาง 0 www.kalyanamitra.org
เพื่อนสหธรรมิกก็ได้แต่เป็นกำลังใจ การทำความบริสุทธิ้ใ?น เราด้องทำด้วยด้ว ของเราเอง เพราะฉะใ?นอาทิตย์หนึ่งมาชุมนุมปฏิบ้ตธรรมกัน ชำ ระกายวาจา ใจ ของเราใ\"ห[สสะอาดบริสุทธี้ ความบริสุทธิ้จะเกิดขึ้นได้ในั้เก็ต่อเมื่อใจเราหยุดนึ่ง ใจหยุดความบริสุทธี้ก็เกิดขึ้น ถ้าหยุดถูกส่วนแล้ว เราจะเ\"ห็นความบริสุทธิ้ปรากฏเกิดขึ้นมาในกลาง กายดรงฐานที่ ๗ เป็นดวงกลมใสๆ กลมคล้ายๆ กับดวงแกัว แต่ว่าสุกใสกว่า ประณีดกว่า อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางขนาดพระจ้นทร็ใน คืนว้นเ'พ็ญ อย่างใหญ่ขนาดพระอาทิดย์ยามเที่ยงวัน จะขนาดไหนก็แล้วแต่ 'นั้นแหละคือความบริสุทธี้เบื้องด้น ที่ท่านเรียกว่า \"ปฐมมรรค\" เป็นดวงกลม ใสๆ หมายถึงจุดเริ่มด้นที่ดำเนินไปสู่จุดหมายปลายทางในเส้นทางแห่งความ บริสุทธิ้ หรีอที่เราได้ยินว่า \"เอกายนมรรค\" เป็นทางเอกสายเดียว เป็นเส้นทาง สายกลาง อยู่ในกลางของดวงธรรม ซึ่งอยู่ในกลางกายของเรานั้นเอง เพราะ ฉะนั้นถ้าหากเราทำใจใ\"ห้หยุดนึ่งได้ ความบริสุทธี้ก็จะบังเกิดขึ้น ชงมีอานิสงส ยิ่งใหญ่ไพศาล ถ้ารักษาความบริสุทธ\"นี๋ไวัจนดลอดชีวิต พอละโลกแล้วก็จะปีด ประตูอบายภูมิ แต่เปีดประตูสวรรค์นิพพาน ความบริสุทธิ้ดรงนี้สำคัญทีเดียว เพราะฉะนั้น พยายามทำใจใ\"ห้หยุด ใ'ห้นึ่ง ความบริสุทธึ๋ของดวงธรรม นั้น'นำความสุขที่แท้จริงมาใ\"ห้ ความสุขที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อใจเป็นอิสระ เบื้องด้นก็เกิดจากนิวรณ์ทั้ง ๕ คือ ใจหลุดจากกามฉันทะ ความพยาบาท ความ สงส้ยล้งเล ความง่วงความท้อ ความ'ทิง ทั้ง ๕ อย่างนี้ที่ทำให่ใจไม่บริสุทธิ้ เมื่อไม่มีความบริสุทธี้ก็เกิดความ'กุกข์ทรมาน ตั้งแต่หงุดหงิด ฟังซ่าน รำ คาญใจ โศกเศร้าเสียใจ คับแคันใจ ราพิไรรำ\"ท้นต่างๆ นานา เพราะฉะนั้น ความบริสุทธี้เบื้องด้นที่เ'ศ็นเป็นดวงธรรมใสๆ มาพร้อมกับ ความสุขที่แท้จริง เมื่อเอาชนะนิวรณ์ทัง ๕ ได้ เครื่องกันความดี เครองทดงเอา ใจออกจากกลาง เครื่องกั้นความสุขที่แท้จริง ความบริสุทธิ้ที่แท้จริง ความรู้แจง ของชีวิต เพราะฉะนั้นดรงศูนย์กลางกายดรงนี้นั้น หมั่นประคับประคองรักษา เอาไวิให้ดี หวงแหนเอาไว้เมื่อเราได้ดวงปฐมมรรค ปรากฏเกิดขึ้นมาในกลางกาย www.kalyanamitra.org I'๙๗ I
ความสุขก็จะเกิดขึ้นตั้งแด่บัดนั้นเป็นต้นไป ทุกวินาที ไม่ต้องไปคอยความสุขใน ภพหน้า สุขทันที ที่เข้าถึง ดวงธรรมนี้มีอยู่ในต้วของเรา ของมนุษย์ทุกๆ คน ในโลก ถ้าไม่มีดรงนี้ เกิดไม่ไต้ จะต้องมีดรงนี้ ใสบริสุทธิ้อยู่ดรงศูนย์กลางกาย ตรงนี้ เมื่อเราเข้าถึงความบริสุทธี้ต้วยการหยุดนิ่งแล้ว ใจจะเกิดความปีติยินดี ในความสุขที่แทัจริง ใจก็จะนิ่งอยู่ที่ดรงนั้น แล้วก็ไม่อยากจะเคลื่อนย้ายไปไหน จะนิ่งอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆ ไป จนกระทั่งเข้าถึงสิ่งที่มีอยู่ในต้ว เป็นแผนผ้งชีวิด ของมนุษย์ทุกๆ คน คือเป็นผังสำเร็จของมนุษย์นั้นเอง โดยที่มนุษย์โม่ไต้รู้เรื่อง เพราะม้วไปทำมาหากินอย่างเดียว แล้วก็ขาดก้ลยาณมิตรที่จะไปแนะนำหรือ บางท่านไต้กัลยาณมิตรแนะนำ แด่ไม่เห็นประโยชน์ ไม่มีความเพียร เกียจคร้าน เพราะฉะนั้น ใจหยุดนี้สำคัญ เราจะเข้าถึงแผนผังของชีวิต ซึ่งมีมาตั้ง แด่ดึกดำบรรพ์ มีดวงธรรมข้อนดวงธรรม มีกายในกาย มีเวทนาในเวทนา มี จิตในจิต มีธรรมในธรรม เป็นผังสำเร็จข้อนกันอยู่ กายส่วนกาย เวทนาส่วน เวทนา จิตส่วนจิต ธรรมส่วนธรรม ถึงจะคนละอย่าง แด่ก็อยู่รวมกัน อยู่ใน กลางนั้นแหละ มีมาตั้งแด่ดวงธรรมเบื้องต้นที่เรียกว่าดวงปฐมมรรค ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ กระทั่งกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์หยาบ กายทิพย์ละเอียด กายรูปพรหมหยาบ กายรูปพรหมละเอียด กายอรูปพรหมหยาบ กายอรูปพรหมละเอียด กายธรรมโคตรภูหยาบ กายธรรมโคตรภูละเอียด กาย- ธรรมพระโสดาบันหยาบ กายธรรมพระโสดาบันละเอียด กายธรรมพระสกิทา- คามีหยาบ กายธรรมพระสกิทาคามีละเอียด กายธรรมพระอนาคามีหยาบ กายธรรมพระอนาคามีละเอียด กายธรรมพระอรทัดหยาบ กายธรรมพระ- อรทัดละเอียด ทั่งหมดมี ๑๘ กาย แด่ละกายก็มีดวงธรรมอยู่ เป็นเครื่องกลั่น กายวาจา ใจ ใทับริสุทธื้ ถึง ๖ ดวงดังกล่าว ตั้งแด่ปฐมมรรค ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ดวงธรรมเหล่านั้นเป็นเครื่องกลั่นใจ ทั่งหมดข้อนกัน อยู่ภายในกลาง และเป็นสิ่งที่ลูกทุกคนจะต้องศึกษา คันคว้าใทัแจ่มแจ้ง ใทัเข้า ถึงให็ไต้ ซึ่งเป็นภารกิจที่ติดคัวเรามา ข้ามภพข้ามชาติทีเดียว... f วันอาทิตย์ที่๙ มกราคม พ.ศ.๒๕รr๓ ๙๘) www.kalyanamitra.org
วิธีทำ ลายความสงสัยเกี่ยวกับชีวิต ...วิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำลายความสงส้ยเกี่ยวกับเรื่องชีวิตได้ก็คือจะต้อง รู้แจ้ง เห็นในเรื่องราวของชีวิต ซึ่งต้องเป็นความรู้ที่เกิดจากการเห็นแจ้งเท่านั้น การtinใจให้หยุดนิ่งเป็นหน้าที่อ้นยิ่งใหญ่สำหรับชีวิตเราทีเดียว เพราะเป็นวิธเดียวเท่านั้นที่จะฃจ้ดความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิด ของเราให้หมดส์นใปได้ และเป็นวิธีเดียวที่พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ทรงปฏิบ้ติก้นมา พระส้มมาส้มพุทธเจ้าของเราทรงเวียนว่ายตายเกิด สร้างบารมีมาเป็น เวลายาวนาน โดยมีวัตถุประสงค์จะแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ เพื่อจะดับทุกข์ แส้วพบสุขอ้นเป็นอมตะ พระองค์ทรงแสวงหามาดลอดระยะเวลาที่มาเกิดใน โลกมนษย์ เพราะทรงต้นพบว่า ไม่ว่าจะไปเกิดเป็นอะไรก็ตาม ชีวิตล้วนแต่มี www.kalyanamitra.org
ทุกข์ทั้งนั้น ครั้งเมื่อเปีนพระบรมโพธิสัตว์ บางพระชาติเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางชาติเกิดเป็นชนซนดา เป็นซนชั้นกลาง ชนชั้นสูง เศรษฐี มหาเศรษฐี กิเคย เป็นมาแล้ว หรือแม้เกิดเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน กิเคยเป็นมาแล้วทั้งนั้น และทรง เห็นว่าชีวิตอย่างนั้น ย้งไม่พ้นทุกข์ ด่างมีทุกข์กันไปคนละแบบ ทุกข์ของยาจก เป็นทุกข์เพราะไม่มี ทุกข์ของเศรษฐีเป็นทุกข์เพราะไม่พอ ทำ ไห้เกิดการ แก่งแย่งชิงดี ทั้งทรัพย์สินเงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ วนเวียนกันอยู่อย่างนี้ จึงเป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา นอกจากทุกข์ประจำสังขาร คือ เกิด แก่ เจ็บ ตายแล้ว ยังมีทุกข์ที่จรมาเหมือนอาคันตุกะจรมาอีก ต้องวุ่นวายดั้งแด่เกิด ดำ รงชีพอยู่ จนกระทั้งดายไป เป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลาเลย เมื่อเห็นอย่างนี้พระองค์จึง แสวงหาหนทางที่จะพ้นจากทุกข์ แล้วก็ทรงพบว่าวิธิเดียวเท่านั้นที่จะทำลาย ความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องชีวิดของพระองค์ไต้ กิคือจะต้องรู้แจ้ง เห็นในเรื่องราว ของชีวิต ซึ่งต้องเป็นความรู้ที่เกิดจากการเห็นแจ้งเท่านั้น ©สว่างในดวงจิต เป็นความสว่างที่ยิงกว่าดวงการที่จะเห็นแจ้งไต้นั้น ต้องอาคัยแสง อาทตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว หรือความสว่าง ใดๆ ในโลกทั้งหมด ที่ไม่มีสิ่งใดกำบ้งไต้ แสงสว่างแห่งดวงจิตจะเกิดขึ้นไต้ด่อเมื่อจิต บรืสุทธ บริบูรณ์จริงๆ ไม่มีความโลภ ความ โกรธ' ความหลงอยู่เลย พูดง่ายๆ คือ ใจต้อง ใส บริสุทธี้ ผุดผ่องจริงๆ ความสว่างจึงจะเกิดขึ้น ความบริสุทธจะฝ็มาได้ ทั้งจากการทำทาน รักษาสีล และเจริญภาวนา แต่โดยรวบยอดแล้ว ใจเราด้องหยุดนิ่ง ต้อง พรากจากทุกสิง ปล่อยวางหมด หยุดนิ่งอยู่ภายในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งเป็นแกนกลางของกาย แก่นของชีวิต และเป็นทางเอกสายเดียวที่จะ นำ ไปสู่ที่สุดแห่งธรรมได้ หากเราไต้ศึกษาพระพุทธประวิด จะเห็นว่าทุกชาติ พระบรมโพธิสัตว์จะ ?๑๐๐ www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236