Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มืออุบาสิกาแก้ว

Description: คู่มืออุบาสิกาแก้ว

Search

Read the Text Version

การเขียนหนงั สือ นั่งตัวตรง ในท่าขัดสมาธิ หรือพับเพียบก็ได้ วางสมุดบนตัก ก้มศีรษะเล็กน้อย ไม่งอตัว หรือก้มลงไปมาก เพื่อป้องกันการ ปวดหลงั ซง่ึ อาจจะเกดิ ขึน้ ได้ เมอ่ื ต้องนง่ั เป็นระยะเวลานานๆ การลกุ ขึ้นยืน มที งั้ หมด ๔ จังหวะ เริม่ จากท่าน่งั พบั เพยี บ จงั หวะที่ ๑ น่ังคุกเข่า 49 namitra.org

จังหวะที่ ๒ ต้ังเข่าขวาข้นึ จงั หวะที่ ๓ ยืนข้ึน เทา้ ซา้ ยอยู่ด้านหลัง หมายเหตุ การลุกขึ้นยืน จะต้องมั่นคง ไม่เซไปข้างหน้า หรือข้างหลัง เพื่อเป็นการฝึกสติ และจะทำให้ดูสง่างาม น่าเล่ือม ใส จังหวะท่ี ๔ ดึงเทา้ ซา้ ยมาชิดเทา้ ขวา 50 www.kalyan

การพนมมือ ใช้เมื่อต้องพูดกับพระภิกษุ-สามเณร ให้มืออยู่ระหว่างอก ต้ังชัน ๔๕ องศา นิ้วชิดติดกัน มือไม่แบนเกินไป ไม่ตูมเกินไป นว้ิ ไม่กาง มือไมต่ ก นง่ั ตวั ตรง หลงั ไมง่ อ ท้งั กรณที นี่ ่ังและยนื การกราบ การกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ คือ หัวเข่าท้ังสอง มือท้ังสอง และหน้าผาก ให้จรดลงแนบกับพ้ืน และ กราบ ๓ คร้ัง มขี นั้ ตอนการปฏบิ ัตทิ ง้ั หมด ๔ จงั หวะ โดยเริ่มจากท่าเตรียม คือ นัง่ คกุ เข่าราบ ทา่ เทพธิดา 51 namitra.org

จงั หวะท่ี ๑ “อญั ชล”ี ยกมอื ขึ้นประนมระหว่างอก จังหวะที่ ๒ “วันทา” ยกมอื ประนมขน้ึ จรดหนา้ ผาก กม้ ศีรษะเล็กนอ้ ย หวั แม่มือทัง้ สองอยู่ระหว่างคว้ิ จงั หวะที่ ๓ “อภวิ าท” หมอบกราบลงให้หนา้ ผากจรดพน้ื ใหศ้ อกทง้ั สองขนาบเขา่ วางฝ่ามือแบราบ ห่างกันหนง่ึ ฝา่ มือ ก้มศีรษะลงใหห้ น้าผากจรดพืน้ ในระหว่างฝา่ มอื ทง้ั สอง 52 www.kalyan

การกราบพระภิกษสุ งฆ์ เดินเข่าเข้าไปใกล้พอสมควร นั่งคุกเข่าลงกราบเบญจางค- ประดิษฐ์ ๓ ครั้ง แล้วเดินเข่าถอยออกมาเล็กน้อย จากน้ันยืนขึ้น เดินถอยเฉียงออกไป การกราบบคุ คล การกราบบุคคลจะกระทำเฉพาะผู้มีอาวุโสมาก เช่น บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ที่สูงอายุ โดยกราบไม่แบมือ นิยมกราบเพียง คร้งั เดยี วมีวธิ ปี ฏบิ ตั ิ ดังน ้ี ๑. นั่งพับเพยี บตะแคงตวั ดา้ นข้างไปทางบุคคลทจ่ี ะกราบนนั้ (กรณีผทู้ จ่ี ะกราบอยดู่ ้านขวามอื ของเรา) ๒.หมอบลงกับพ้ืน พร้อมกับวางแขนขวาลงราบกับพ้ืน ตลอดคร่ึงแขนจากข้อศอกถึงมือ ต้ังสันมือขึ้น วางแขนซ้ายลงคู่กับ แขนขวา มือทัง้ สองแนบชิดแบบประนมมือ ให้ศอกขวาอยขู่ ้างลำตัว ศอกซา้ ยตอ่ เขา่ ขวา ๓. ก้มศีรษะลงให้หน้าผากจรดสันมือ ปลายน้ิวช้ีจรด ระหวา่ งควิ้ ไมต่ ้องยกหวั แมม่ อื ข้ึนมารบั หนา้ 53 namitra.org

๔. เม่ือลุกขึ้นจากการหมอบ ให้วางแขนท้ังสองข้างราบ กับพ้ืน ยกส่วนสะโพกข้ึนก่อนแล้วยกตัวขึ้นตาม คลานเข่าถอยหลัง ออกมาเลก็ น้อย แลว้ จึงลุกขน้ึ ยนื เดินเฉยี งออกมา ไมค่ วรหันหลังให้ แลว้ เดินออกมา จะเปน็ กริ ิยาที่ขาดความเคารพ การประเคนของ การประเคน หมายถึง การมอบให้ด้วยความเคารพ ใช้ปฏิบัติต่อพระสงฆ์ เพราะมีพระวินัยบัญญัติห้ามพระสงฆ์หยิบ สิ่งของมาขบฉันเองโดยไม่มีผู้ประเคน ยกเว้นน้ำเปล่าท่ีไม่ผสมสี เช่น น้ำฝน น้ำประปา เป็นต้น การประเคนของจึงเป็นการ สนบั สนนุ ใหพ้ ระสงฆป์ ฏิบตั ิตามพระวนิ ัยได้ถกู ต้อง หลกั เบื้องต้นในการประเคน ๑. ของน้ันไมใ่ หญโ่ ต หรือหนักเกินไป สามารถจบั ยกได้ โดยคนเดยี ว ๒. ผู้ประเคนควรเขา้ ไปอยู่ในหัตถบาส หมายถงึ เอามือประสานกัน แลว้ ย่นื ไปขา้ งหน้า หา่ งจากพระสงฆป์ ระมาณ ๑ ศอก ๓. ถ้าเป็นชาย สามารถยกของท่ีจะประเคนถวายพระสงฆ์ได้เลย ถ้าเปน็ หญิงใหว้ างของที่จะประเคนลงบนผา้ รบั ประเคน ๔. เม่ือประเคนเรียบร้อยแล้ว อย่าไปจับเล่ือนของท่ีประเคนแล้ว หากเผลอไปจับเล่ือน ถือวา่ ขาดประเคน ตอ้ งประเคนใหม ่ 54 www.kalyan

การไหว ้ การไหว้ซ่ึงกันและกัน นิยมปฏิบัติเพ่ือความเหมาะสมแก่วัย ของบคุ คลนัน้ มี ๓ แบบ คอื ๑. การไหวบ้ คุ คลท่ีมอี ายุมากกวา่ - ยกมอื ขน้ึ ไหว ้ - ปลายนิว้ ชีจ้ รดระหว่างค้ิว นิ้วหัวแม่มือจรดปลายจมกู - ก้มศรี ษะน้อมตวั พองาม สายตามองดทู า่ นด้วยความเคารพ ๒. การไหว้บคุ คลที่มีอายุเสมอกนั - ยกมือขนึ้ ไหว้ - ปลายนว้ิ ชจ้ี รดปลายจมกู นิ้วหวั แมม่ อื จรดคาง - ก้มศรี ษะเล็กนอ้ ย สายตามองกนั ดว้ ยความปรารถนาด ี ๓. การรับไหวผ้ ทู้ มี่ ีอายุนอ้ ยกวา่ - ประนมมือระหวา่ งอก แล้วยกขึ้นเล็กน้อย - สายตามองดูผู้ไหว้ดว้ ยความเมตตาปรานี 55 namitra.org

วัฒนธรรมชาวพุทธ วัฒนธรรมชาวพุทธ คือ ระเบียบแบบแผนในการปฏิบัติ กิจวัตรประจำวันเพื่อปลูกฝังศีลธรรมของชาวพุทธ โดยผ่านการ ทำความสะอาดเสนาสนะ และทำความสะอาดของใช้สว่ นตนดงั น้ ี 56 www.kalyan

หมวดปดั กวาด เชด็ ถู หลักการทำความสะอาด ๑. เลอื กใช้อุปกรณก์ วาดและถใู ห้เหมาะสมกบั งานและพื้นผวิ ท่จี ะทำ ๒. ทำความสะอาดจากด้านบนลงลา่ ง ๓. ทำความสะอาดจากพนื้ ทย่ี ากไปสพู่ น้ื ทงี่ า่ ย เชน่ เรม่ิ จากซอกมมุ กอ่ น ๔. กวาดหรือถูไปในทศิ ทางเดยี วกนั การเตรียม เตรยี มรา่ งกาย โดยแตง่ กายใหร้ ดั กมุ เหมาะสมต่อการปฏบิ ัติ งาน แล้วเตรยี มอปุ กรณต์ อ่ ไปนใ้ี ห้พร้อม ๑. ไมก้ วาดหยากไย่ ๒. ไม้กวาดดอกหญ้า ๓. ไม้ปัดขนไก ่ ๔. ไมถ้ พู ้ืน และผา้ ถพู ้นื ๕. ผ้าเชด็ โตะ๊ ๖. ที่ตักผง ๗. กะละมัง ๘. ถังน้ำ ๙. ผงซกั ฟอก 57 namitra.org

การใชไ้ มข้ นไก ่ วางไม้ขนไก่ให้ได้ฉากกับพ้ืนผิว แล้วกดลากไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าบิดไปมาฝุ่นจะกลับมาสกปรกบนพื้นผิวอีก ฉะน้ันจึงต้องทำ ความสะอาดไปในทศิ ทางเดยี วกนั การกวาด ๑. ควรกวาดหยากไย่หรือฝุ่นผงจาก ด้านบนของห้อง หรืออาคารที่จะ ทำความสะอาดก่อน เช่น เพดาน หลังตู้ เป็นตน้ ๒. ดูทิศทางลม ควรกวาดไปใน ทศิ ทางเดียวกบั ทิศทางทล่ี มพดั ไป ๓ จับไม้กวาดบริเวณปลายด้ามให้ กระชับมอื โดยใช้น้วิ ช้บี ังคับทิศทาง ๔. ขณะกวาดหลังตรง ออกแรง กดพอประมาณ กวาดไปข้าง หน้า โดยกวาดตามซอกมุมก่อน กวาดจากด้านในออกด้านนอก ไม่ตวัดปลายไม้กวาดสูงจากพื้น เกิน ๑ ฝ่ามือ เพื่อไม่ให้ฝุ่น ละอองฟ้งุ กระจาย 58 www.kalyan

การถ ู ๑. จับไม้ถูพ้ืนให้ถูกต้องเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้ไม้กระแทกตัว หาก เกิดการสะดดุ ข้ึน ดงั รูป ๒. ถูบริเวณที่ยากก่อน เช่น ซอกมุม และถูไปในทศิ ทางเดยี วกัน ๓. ขณะถูควรออกแรงกดพอประมาณ แลว้ ดันไมถ้ ไู ปข้างหนา้ การใชผ้ า้ เช็ดโตะ๊ เกา้ อี้ ๑. นำผ้าชุบนำ้ บบี หมาดๆ และพับให้พอดกี บั ฝ่ามือ ๒. ถูตามพ้ืนผิวโต๊ะด้วยนํ้าหนักสม่ําเสมอไปในทิศทางเดียวกัน เพ่ือปอ้ งกนั ไม่ให้ฝนุ่ ละอองทเ่ี ราเช็ดแล้วกลับมาเปรอะเปอ้ื นอีก อานิสงสก์ ารปดั กวาด เช็ด ถู ๑. เกิดอุปนิสัยรักความสะอาด จนส่งผลให้รักการรักษากาย วาจา ใจ สะอาด บริสุทธิต์ ามไปดว้ ย ๒. ทำให้ผวิ พรรณและจติ ใจผ่องใส เปน็ ที่ตงั้ แหง่ ศรทั ธา ๓. ทำใหเ้ ปน็ คนละเอยี ด รอบคอบ ประณตี ชา่ งสงั เกต รจู้ กั วางแผนงาน ๔. ทำให้เป็นทรี่ ักของมนุษย์และเทวดาท้ังหลาย 59 namitra.org

หมวดการซกั ตาก การซักผา้ และหวั ใจสำคัญของการซัก ๑. ก่อนซักผ้า ควรใช้ปากกาเขียนผ้า เขียนช่ือ-นามสกุล กลุ่ม ไวท้ ชี่ ายเส้ือผา้ ดา้ นในทุกชนิด เพื่อป้องกันการสลับ หรือหาไมเ่ จอ ๒. ให้นำผา้ ลงซักด้วยน้ำเปล่ากอ่ น เพ่อื ให้เหงอื่ และฝุ่นพองตัว และ ทำใหใ้ ยผา้ ขยายตวั ทำใหซ้ ักผา้ ได้เร็วและสะอาดยง่ิ ขนึ้ ๓. จากน้ันนำผ้าลงแช่ในผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าท่ีผสมน้ำใน อัตราส่วนท่ีเหมาะสมประมาณ ๕ - ๓๐ นาที จากนั้นให้เริ่มซัก บรเิ วณท่ีสกปรกมากก่อน แล้วจงึ คอ่ ยซกั บรเิ วณอ่ืนจนทวั่ ๓. ในข้ันตอนการซักน้ำ ให้ล้างให้สะอาด ๒ ครั้ง โดยไม่บิดผ้า เพราะจะทำให้ใยผ้าและตะเข็บเสียรูปทรง แต่ให้บีบผ้าพอหมาดๆ แล้วจึงนำไปตาก หมายเหตุ ไม่ควรแชผ่ ้าคา้ งคนื เพราะจะทำใหผ้ า้ เป่อื ยเรว็ 60 www.kalyan

การตากผ้า ๑. เสื้อผา้ ท่ีซักแล้ว ใหต้ ากโดยเอาตะเขบ็ ออกดา้ นนอก เพ่อื ปอ้ งกัน สีซีดจางจากแสงแดด ๒. สะบัดผ้าให้เรียบ และควรดึงชายผ้าให้เรียบร้อยเพื่อป้องกัน ผา้ ยบั ยน่ ๓. ดงึ ชายผา้ ให้เหล่ือมกัน ชายสน้ั อยู่เหนอื ลม เพ่ือใหผ้ า้ แหง้ เรว็ ๔. ใชไ้ มแ้ ขวนผ้า และหนีบผา้ ใหแ้ นน่ เพื่อไม่ให้ปลิวตก ๕. ตากผ้า แยกตามราวที่กำหนด เช่น ราวตากผ้าเช็ดตัว ราวตาก เสอื้ ราวตากผา้ ถงุ ๕. เมอ่ื ผา้ แหง้ ใหร้ ีบเกบ็ เพือ่ ปอ้ งกนั สผี ้าซดี จาง หมายเหตุ ในการตากผ้าทุกคร้ัง ให้ตากในที่ที่กำหนดให ้ เพ่ือสะดวกต่อการจัดเก็บและหาง่าย แถมยังเป็นระเบียบเรียบร้อย อกี ด้วย 61 namitra.org

หมวดการจดั พบั เกบ็ สิง่ ของเครือ่ งใช้ ความเปน็ ระเบียบเรียบร้อย ของส่งิ ของเครอื่ งใชส้ ว่ นตวั และสว่ น รวม ท่ีถูกจัดพับเก็บอย่างดีนั้น จะช่วยลดการกระทบกระท่ังกันได้ ทำให้ เกิดความสงบทางใจ รักษาอารมณ์ให้เบิกบานได้อย่างต่อเน่ืองตลอด ทั้งวัน แสดงให้เห็นความเป็นทีมท่ีมีระเบียบวินัย และแบบแผนอัน เดยี วกนั ได้อยา่ งชดั เจน การจดั พับเกบ็ ทีเ่ หมาะสม การพับ ๑. พับเขา้ กลาง ๒. พับโดยไม่ให้เสยี รปู ทรง การจดั เก็บ ๑. จดั เกบ็ วาง ในแนวตัง้ ฉาก หรือแนวขนานกับพน้ื หรือผนังท่ใี ช้เก็บ ๒. จดั เกบ็ เปน็ หมวดหมูต่ ามชนิด หรอื ประเภทของสง่ิ ของ ๓. จัดเกบ็ ตามความจำเป็นในการใช้ โดยถึอหลกั “หยิบก็ง่ายหายกร็ ้ ู ดูเรียบรอ้ ยงามตา” 62 www.kalyan

อานิสงสก์ ารจัดพบั เกบ็ ๑. ลดการกระทบกระท่งั ทำให้อยรู่ ว่ มกนั อย่างมคี วามสขุ ๒. เกดิ ความศรทั ธาแกผ่ ู้ท่พี บเหน็ ๓. เป็นคนมีความละเอียดรอบคอบในการทำงาน รู้จักวางแผนงาน เป็นขน้ั เป็นตอน ๔. ใจเป็นระบบระเบียบ มีความสบาย นุ่มนวล ละเอียดประณีต เข้าถึงธรรมะภายในได้โดยงา่ ย 63 namitra.org

หมวดการทำความสะอาดภาชนะ หัวใจสำคญั ของการทำความสะอาดภาชนะ ๑. ทำความสะอาดจากดา้ นในออกดา้ นนอก ๒. กดและถไู ปในทศิ ทางเดียวกัน อุปกรณท์ ีใ่ ช ้ ๑. กระดาษทชิ ชู ๒. ฟองนำ้ เซลลโู ลส หรือฟองน้ำตาข่าย ๓. น้ำยาลา้ งจาน ๔. กะละมงั หรอื อา่ งลา้ งจาน ๕. ผา้ แห้งสำหรบั เช็ดจาน ขัน้ ตอนการล้างภาชนะ ๑. เชด็ ภาชนะด้วยกระดาษทิชชเู พ่อื ขจดั เศษอาหารและคราบมัน ๒. ล้างนำ้ ธรรมดา กดและถูด้วยฟองนำ้ 64 www.kalyan

๓. ลา้ งดว้ ยนำ้ ยาลา้ งจาน กดและถดู ว้ ยฟองนำ้ จากขา้ งในออกขา้ งนอก ๔. ลา้ งนำ้ ธรรมดาอกี ๒ คร้งั ด้วยฟองน้ำ ๕ เช็ดดว้ ยผา้ สะอาด แล้วผ่ึงลม ๖. ทำความสะอาดอา่ งลา้ งภาชนะ แลว้ คว่ำไว้ อานิสงสก์ ารลา้ งภาชนะ ๑. ทำให้จติ ใจใสสะอาด ๒. เป็นทตี่ ้ังแหง่ ศรัทธาของผูพ้ บเห็น ๓. เปน็ ทรี่ ักของมนุษย์และเทวดาท้งั หลาย ๔. ผิวพรรณวรรณะผ่องใส วิมานสวา่ งไสว ๕. ทำใหเ้ ปน็ คนละเอียด รอบคอบ และรกั ความสะอาด ๖. เขา้ ถึงธรรมไดโ้ ดยงา่ ย 65 namitra.org

หมวดการทำความสะอาดห้องน้ำ หวั ใจสำคัญของการทำความสะอาดหอ้ งน้ํา ๑. ทำความสะอาดจากบนลงล่าง และดา้ นในออกด้านนอก ๒. ทำความสะอาดในบรเิ วณทย่ี ากก่อน เชน่ ทำตามซอกมุมกอ่ น ๓. เช็ดถไู ปในทิศทางเดียวกนั ๔. ใช้อปุ กรณ์ให้เหมาะสมกบั วสั ดแุ ละเนื้องาน อุปกรณ์ทีใ่ ช ้ ๒. ถุงมือยาง ๑. แปรงเตารีด ๔. ฟองน้ำเซลลโู ลส หรือฟองน้ำตาข่าย ๓. ผ้าเช็ดฝาผนัง ๕. แปรงสฟี ัน ๖. น้ํายาลา้ งห้องนาํ้ ๗. ไม้กวาดทางมะพร้าว ๘. ถังและขนั นาํ้ 66 www.kalyan

วิธีการขดั หอ้ งนา้ํ ๑. ปัดกวาดฝุ่นและหยากไย่บนเพดานห้องนำ้ ดว้ ยไมก้ วาด ๒. เชด็ ฝาผนงั ทุกดา้ น ๓. ล้างขันนํ้าและถังด้วยผ้าชุบน้ำยาทั้งด้านในและด้านนอก เพ่ือ ขจัดคราบสกปรก ๔. ราดน้ำยาลงบนพื้นให้ทั่ว แล้วขัดพื้นด้วยแปรงเตารีด อย่าใช้ แปรงลวดเพราะจะทำให้เป็นรอย ๕. ขัดโถส้วมด้วยฟองน้ำเซลลูโลสชุบน้ำยา อย่าลืมใส่ถุงมือป้องกัน เช้ือโรค ๖. ทำความสะอาดร่องระบายน้ำด้วยแปรงเตารดี หรือไม้กวาดทาง มะพร้าวเพ่ือขจัดคราบตะไคร่น้ำที่มักเกิดขึ้น และกำจัดส่ิงอุดตัน เพื่อใหน้ ำ้ ระบายไดด้ ี 67 namitra.org

การทำความสะอาดอุปกรณ ์ ๑. ทำความสะอาดแปรงเตารีด โดยใช้ แปรงสฟี นั ขัดขนแปรง ๒. ทำความสะอาดถุงมือยางท้ังด้าน ในและด้านนอก แล้วนำไปผึ่งลม ไม่ ควรตากแดด เพราะจะทำให้ถุงมือ ยางชำรดุ ได้งา่ ย ๓. ทำความสะอาดฟองน้ำเซลลูโลส โดยหยอดน้ำยา และขยี้จากขอบนอก เขา้ สู่ตรงกลาง และอย่าลืมล้างมือและ เท้าให้สะอาดทุกคร้ังหลังเสร็จงานเพื่อ ปอ้ งกนั เช้ือโรค 68 www.kalyan

อานิสงส์ของการลา้ งห้องนำ้ ๑. ทำให้จติ ใจผ่องใส ๒. ลดทฐิ มิ านะ ๓. ทำใหผ้ ิวพรรณวรรณะผ่องใส ๔. ทำให้เปน็ คนละเอียด รอบคอบ ช่างสังเกต ๕. วิมานสว่างไสว ๖. เป็นทรี่ กั ของมนษุ ย์และเทวดาท้ังหลาย ๗. เปน็ ทีต่ ง้ั แห่งศรทั ธาของผู้พบเหน็ ๘. ทำให้เข้าถงึ ธรรมได้โดยงา่ ย ๙. ทำให้เป็นคนรักความสะอาด 69 namitra.org

วัฒนธรรมคณุ ยาย คือสิง่ ที่ใช้ประเมินวัฒนธรรมชาวพทุ ธ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้ กำเนิดวัดพระธรรมกาย ท่านอ่านหนังสือไม่ออก จึงไม่ได้ศึกษา พระพทุ ธศาสนาจากตำราภาคปริยตั ิ แต่ท่านฝึกนสิ ยั ผ่านการใชส้ อย ดูแลรักษาปัจจัย ๔ และงานประจำวันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก โดย ทำความสะอาดเส้ือผ้าเคร่ืองนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และจัดเก็บสิ่งของ เครื่องใช้ให้เป็นระเบียบ การฝึกฝนตนเองเหล่าน้ีได้ก่อเกิดเป็นนิสัย รักความสะอาด ความเป็นระเบียบ และส่งผลต่อความสะอาด ภายในจิตใจของท่าน 70 www.kalyan

ต่อมาเม่ือท่านได้พบกับพระเดชพระคุณหลวงปู่พระมงคล- เทพมุนี (สด จนฺทสโร) ท่านก็ได้ฝึกฝนตนเองตลอดมาทั้งงานหยาบ และละเอียด เมื่อท่านมาสร้างวัด ท่านก็นำนิสัยดีๆ ท่ีท่านทำเป็น ประจำท้ังในเร่ืองความสะอาด ความเป็นระเบียบ และการบริหาร เวลาของท่าน มาสอนสมาชิกภายในวัด ตลอดจนช่วยกันฝึก ญาติโยมท่ีมาวัด ท้ังพูดให้ฟังและปฏิบัติให้ดูเป็นตัวอย่าง และ คอยเคี่ยวเข็ญ จ้ำจี้จ้ำไชสมาชิกในองค์กรทุกคน จนเกิดเป็นวิถีชีวิต อนั งดงามของพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อบุ าสกิ า ซึง่ สามารถเรยี ก ไดอ้ ีกอยา่ งหนึ่งว่า “วฒั นธรรมคณุ ยาย” วัฒนธรรมดังกล่าวจึงหมายถึงวิถีแห่งความสะอาด ความ เป็นระเบียบเรียบร้อย ที่สามารถสร้างความศรัทธาเล่ือมใสให้กับ สาธุชนที่มาวัดในทันทีท่ีย่างเท้าเข้ามา จนกลายเป็นแบบแผนให้กับ ชาวโลก 71 namitra.org

ตอ่ มาภายหลงั เมอ่ื ทดลองปฏิบตั ติ ามวฒั นธรรมของคุณยาย อย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถหามาตรฐานในการตรวจสอบและ ประเมินผลวา่ สมาชิกในองคก์ รสามารถทำได้ใกลเ้ คียงกับทค่ี ณุ ยาย ท่านทำในสมัยที่ท่านยังแข็งแรงอยู่หรือไม่ โดยมีหลักที่ใช้ในการ ประเมนิ ผลทง้ั ภายนอกและภายใน คือ ๑. การประเมินผลภายนอก ได้แก่ สะอาด เร็ว เรียบร้อย เงียบ และประหยัด หรือจะเรียกให้คลอ้ งจองวา่ “สะอาด เรว็ เรยี บ เงยี บ ประหยัด” กไ็ ด ้ ๒. การประเมินผลภายใน ได้แก่ เข้ากลางคลอ่ งว่องไวไมต่ ิดขัด หมายความว่า ผู้ท่ีปฏิบัติตามวัฒนธรรมชาวพุทธ นอกจากจะเกิด ความสะอาดทางกาย ทางวาจาแล้ว ยังส่งผลให้ใจสะอาด สว่าง สงบ เขา้ ถงึ ธรรมภายในได ้ 72 www.kalyan

๑. การประเมินผลภายนอก ‘สะอาด’ คณุ ยายท่านมีนสิ ยั รักความสะอาดมาต้ังแต่สมยั ที่ท่านยงั เดก็ เวลาทำความสะอาด ท่านจะทำให้สะอาดทกุ ส่วน ทุกด้าน จนกระท่งั ไม่มีสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่เลย “ต้งั แตส่ มัยยายเปน็ เด็ก อยนู่ ครชยั ศรีโน้น เวลากินข้าวแล้ว เก็บหม้อข้าวถ้วยชามล้าง ยายจะล้างท้ังข้างนอกทั้งข้างใน ล้างจน เกลี้ยงท้ังหมด เวลาถูบ้าน ยายก็ถูให้สะอาดท้ังบนบันได และ ใต้บันได พวกพ่ีๆ เขาก็บอกว่า ทำไมไม่ล้างเฉพาะด้านท่ีใช้เท่านั้น หรือทำไมไม่ถเู ฉพาะบนบนั ไดเท่าน้ัน ยายกบ็ อกว่า ‘ไม่รู้เหมือนกัน ยายก็อยากถูของยายอย่างนี้ อยากถูให้มันสะอาดให้หมด’ มนั สอนตวั เองใหล้ า้ งให้สะอาด ท้งั ขา้ งนอกทั้งขา้ งใน๑” สิ่งที่คุณยายพูด แสดงให้เห็นว่า นิสัยรักความสะอาดของ ท่าน ซ่ึงเกิดจากการทำความสะอาดทุกอย่างให้ดีท่ีสุดคร้ังแล้ว ครั้งเล่า ได้ติดตัวท่านมาข้ามภพข้ามชาติ จนเกิดเป็นนิสัยของท่าน ในชาติปัจจุบัน เม่ือไรก็ตามหากท่านพบกับความสกปรก ท่านก็จะ ไม่ชอบ ดงั ทท่ี ่านสอนวา่ ๑ หนงั สอื คำสอนของยาย (ฉบับรวมเล่มและภาพ) หน้า ๕๑ 73 namitra.org

“เรารู้ว่าจุดยอดของชีวิตคือการปฏิบัติ แต่ว่าส่ิงเลอะๆ เทอะๆ ก็ต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อน ยายไม่ชอบเลอะๆ เทอะๆ ใครทำเลอะเทอะ ยายจะว่าไมเ่ ลือกท๒่ี ” ‘เรว็ ’ คุณยายท่านเป็นผู้ที่ทำสิ่งต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว แต่ใน ความรวดเร็วของท่าน ไม่มีความเร่งรีบ ร้อนรน โครมคราม หาก เป็นความคล่องแคลว่ รวดเร็วท่ีดูนมุ่ นวลและสงบนงิ่ งามตา เย็นใจ เปี่ยมไปด้วยสติสัมปชัญญะ เต็มไปด้วยความสง่างาม พอเหมาะ พอดี การปฏิบัติธรรมของท่านเป็นไปพร้อมๆ กับการดำเนินชีวิต เปน็ ไปทกุ ลมหายใจเขา้ ออก สำหรับคุณยายแล้ว ไม่มีคำว่าผัดวันประกันพรุ่ง ไม่มีคำว่า เอาไวก้ ่อน ไม่มีคำวา่ ทง้ิ งาน มแี ตค่ ำวา่ ติดตามและตามตดิ คดิ ส่ิงใด แลว้ ท่านจะลงมอื ทำทันที คุณยายท่านฝึกการทำความสะอาดด้วยความรวดเร็วจนเป็น นิสัย ซึ่งย่อมหมายความว่า ในขณะที่ท่านทำความสะอาดอยู่นั้น จิตใจของท่านต้องมีสติสัมปชัญญะจดจ่ออยู่กับงานที่ทำตลอดเวลา ไม่ปล่อยใจไปคิดเรื่องอื่นเลย จึงทำให้งานที่ออกมาทั้งสะอาดและ รวดเรว็ ดงั ท่ีคณุ ยายเล่าว่า ๒ หนังสอื คำสอนของยาย (ฉบบั รวมเลม่ และภาพ) หนา้ ๕๒ 74 www.kalyan

“สมัยอยู่บ้านคุณนายเล้ียบก็เหมือนกัน เวลาเช็ดโต๊ะเก้าอี้ ยายเช็ดทั้งข้างบนข้างล่างให้สะอาด ไม่ให้มีฝุ่นเหลือเลย ใจยาย จดจ่อรักความสะอาด ทำทุกอย่างให้สะอาด เห็นอะไรสกปรกเป็น ไม่ได้ เล็งไว้เชียว ว่างเม่ือไหร่ก็ทำทันที อย่างกับวันหน่ึง ยายมอง เหน็ ตะไครน่ ้ำข้นึ ทีม่ มุ บนั ได ยายเหน็ แลว้ เลง็ เอาไว้ พอว่างปบุ๊ ยาย ก็จัดการขัดเสียให้เรียบไปเลย ทำอย่างน้ีจนไม่มีท่ีจะทำ เขาจึงไว้ใจ ยายมาก๓” การท่ีท่านทำอะไรได้รวดเร็ว ทำให้สามารถทำงานต่างๆ ได้มาก และยังทำให้ท่านสามารถบริหารเวลาของท่านได้ลงตัว จนกระท่ังตัวของท่านกลายเป็นมาตรฐานด้านการตรงต่อเวลาไปใน ตัว เพราะคุณยายท่านฝึกตนเองได้ขนาดนี้ จึงทำให้ท่านสามารถ บริหารเวลาได้ดีมากในตอนที่ท่านเข้าไปทำวิชชาในโรงงานทำวิชชา กับพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ท่าน จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าเวร เพราะท่านบริหารเวลาได้ด ี จนสามารถเข้าไปในโรงงานทำวิชชาก่อนคนอื่นและออกจากโรงงาน ทำวชิ ชาทีหลงั เสมอ ๓ หนังสือคำสอนของยาย (ฉบับรวมเลม่ และภาพ) หน้า ๕๒ 75 namitra.org

‘เรียบรอ้ ย’ การจัด พับ เก็บสิ่งของต่างๆ ของคุณยายก็เป็นที่ประจักษ์ ว่าท่านมีวิธีจัดเก็บที่ดี ข้าวของเคร่ืองใช้ที่ท่านวางไว้ จะวางอย่าง เป็นระเบียบเรียบร้อย ด้วยความเที่ยงตรง ได้ฉาก ไม่มีเอียงเฉ แม้มีสง่ิ ใดทีว่ างอย่กู ่อนแลว้ หากวางไว้ไม่เข้าทเี่ ข้าทาง ทา่ นกจ็ ะเอา มือของท่านเอื้อมไปหยิบ หรือจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แม้กระท่ังเวลาเดินผ่านราวตากผ้าขี้ริ้ว คุณยายท่านก็ยังเดินเข้าไป จัดไปดึงใหช้ ายผ้าเสมอกนั ดูสวยงาม สบายตา ทา่ นมกั จะสอนอยเู่ สมอๆ ว่า “ข้าวของต้องจัดต้องวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ถ้าเราทำ อะไรเป็นระเบียบเรียบร้อย สอนคนอื่นก็สอนได้ ทำอะไร เราต้อง ทำให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ชาตติ อ่ ไปเราไปเกดิ เรากจ็ ะทำอะไรได้ เรยี บร้อย ไดพ้ บไดเ้ จอแตส่ ่ิงท่เี รยี บรอ้ ย๔” ‘เงียบ’ นอกจากทำทุกสิ่งทุกอย่างได้สะอาด เร็ว เรียบร้อยแล้ว คุณยายยังระมัดระวังในเรือ่ งเสียงเป็นอย่างยง่ิ อนั เปน็ บุคลิกลกั ษณะ ของผู้ท่ีรักในการปฏิบัติธรรม ตอกย้ำให้เห็นถึงความมีสติอยู่กับ ศูนย์กลางกายตลอดเวลา เพราะขณะที่กำลังทำความสะอาดด้วย ๔ หนังสืออยูก่ บั ยาย หนา้ ๕๖ 76 www.kalyan

เครื่องมือต่างๆ คนโดยมากมกั จะเผลอทำใหเ้ สยี งดัง โดยอาจจะเป็น เสียงของอุปกรณ์กระทบกัน เสียงราดน้ำ แต่คุณยายสามารถ ทำความสะอาดสงิ่ ต่างๆ ด้วยความเงียบ ท่ีคุณยายสามารถทำได้เช่นน้ี เพราะท่านฝึกตัวของท่านให้ ระมัดระวังทุกอิริยาบถ อย่างเช่นตอนที่ท่านเข้าห้องน้ำเพ่ือทำ ภารกิจส่วนตัว อุปัฏฐากที่อยู่ด้านนอกจะไม่ได้ยินเสียงเลยว่าท่าน กำลังทำอะไรอยู่ หรือในกรณีท่ีท่านรับประทานอาหาร ก็จะไม่ ได้ยินเสียงช้อนกระทบจานแก้ว หรือเสียงเคี้ยวอาหารเลย เพราะ ท่านค่อยๆ จัดอาหารในจานอย่างมีสติ ตักแต่พอคำ เคี้ยวช้าๆ จึง ทำให้ไม่ได้ยินเสียงเลย เม่ือฝึกจนชำนาญแล้ว ท่านจึงทำทุกอย่าง ด้วยความเงียบ ‘ประหยดั ’ คุณยายคือสุดยอดของต้นแบบเร่ืองการใช้และรักษาสมบัติ พระศาสนาได้อย่างประหยัด คุ้มค่า คุ้มราคา ท่านจะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ทำด้วยความระมัดระวัง ทำอย่างมีสติ รู้จักพินิจ พิจารณาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการใช้น้ำ ใช้ไฟ ฯลฯ และนอกจาก ท่านจะทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว ท่านยังเมตตาคอยบอก คอยสอน คนที่อยรู่ อบข้างเสมอๆ อย่างไม่รูจ้ ักเหนด็ เหนอื่ ยหรือเบอ่ื หน่าย 77 namitra.org

“ใช้เงินไม่เป็น ก็เป็นขี้ข้าเงิน ใช้ไฟไม่เป็น ก็เป็นข้ีข้าไฟ ใช้น้ำไม่เป็น ก็เปน็ ขีข้ ้านำ้ ๕” แม้บางอย่างเป็นของที่คนอื่นไม่ใช้แล้ว นำไปทิ้งในกองขยะ ท่านก็จะไปนำเอามาทำความสะอาด ซ่อมแซมจนเหมือนของใหม่ ดังท่หี ลวงพอ่ ธัมมชโยเคยเลา่ วา่ “คุณยายท่านเคยเป็นพระมาหลายภพหลายชาติแล้ว พอยายเจออะไรเป็นประโยชน์ ใช้ได้ แม้เป็นของเก่า คุณยายท่าน กช็ กั บงั สกุ ลุ มา มาขดั มาลา้ งให้ดดู ี แลว้ ใชไ้ ด”้ คุณยายท่านเคยบอกว่า ใครทำบุญกับวัด กับคุณยาย คุ้มค่าท่ีสุด เพราะคุณยายใช้ทรัพย์อย่างประหยัด ซึ่งตรงกับท่ ี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า ตระกูลจะเจริญได้ ต้ังม่ันได้ นาน ต้องมีคุณธรรม คือ ของหายให้หา ของเสียให้ซ่อม รู้จัก ประมาณในการใช้ และใหต้ งั้ คนมศี ีล คนมีบญุ มาดูแลรักษา ๕ หนงั สืออยู่กับยาย หน้า ๗๐ 78 www.kalyan

๒ การประเมินผลภายใน ‘เขา้ กลางคล่องว่องไวไมต่ ิดขัด’ สมัยอยู่ที่บ้านคุณนายเลี้ยบ คุณยายทำงานหนักมาก หนักเพราะทำงานให้เจ้านาย หนักเพราะอยากได้โอกาสไปศึกษา ธรรมะที่วัดปากน้ำ หนักเพราะอยากจะปฏิบัติธรรมเวลาคุณยาย ทองสุกมาสอนธรรมะ แล้วก็หนักเพราะว่าต้องบริหารเวลาเพื่อให้ สามารถปฏิบัติธรรมส่วนตัวโดยไม่เสียงาน คุณยายทำภารกิจท้ัง หยาบทั้งละเอียดสมบูรณ์ไปพร้อมๆ กัน ด้วยคิดเสมอว่า ถ้าหยาบ ยงั ทำได้ไมล่ ะเอียด แล้วละเอยี ดจะละเอียดจรงิ ๆ ได้อย่างไร๖ นอกจากนั้น การท่ีใครสักคนจะสามารถทำงานต่างๆ ได้ รวดเร็ว ย่อมหมายถึงบุคคลผู้น้ันต้องเป็นผู้รู้จัก “ฝึกหัดตัดใจ” ไดด้ ีมาก เพราะในขณะทม่ี ีงานมาก หากไมร่ จู้ กั ตดั ใจ มัวแตไ่ ปทำส่ิง ที่ไม่เป็นสาระ ก็จะทำงานต่างๆ ไม่เสร็จ หรือหากทำเสร็จก็จะไม่ สะอาด ไมเ่ รียบรอ้ ย ๖ หนงั สือคณุ ยาย ผใู้ ห้กำเนิดวัดพระธรรมกาย หน้า ๓๑ 79 namitra.org

นิสัย “ฝึกหัดตัดใจ” ของคุณยาย จึงทำให้ท่านสามารถตัด เร่ืองราวภายนอกออกจากใจได้เร็วมาก เมื่อถึงเวลาน่ังธรรมะ ท่าน จึงไมต่ อ้ งใชเ้ วลานานในการปรบั ใจ เพราะท่านฝกึ ตัดใจตลอดเวลาท่ี ทำงานหยาบอยแู่ ล้ว เมอ่ื ถึงเวลาน่ัง ใจของท่านจงึ ไมต่ ดิ กบั อะไรเลย สามารถดงิ่ เข้าไปสู่เส้นทางสายกลางภายในได้งา่ ย ดังน้ัน การที่คุณยายฝึกฝนตนเองให้ทำสิ่งต่างๆ จนเกิดเป็น หลกั การ “สะอาด เรว็ เรยี บ เงยี บ ประหยดั ” สง่ ผลตอ่ ใจของท่าน อยา่ งนอ้ ย ๓ ประการ คือ ๑. ความสะอาดและความเป็นระเบียบภายนอก ส่งผลต่อ ความสะอาดและความเป็นระเบียบของใจ ๒. การทำทุกอย่างด้วยความพอดี ส่งผลต่อความพอดีของ การวางใจ ๓. การบริหารเวลาที่ดี รู้จักฝึกหัดตัดใจ ส่งผลต่อการไม่ติด เร่อื งหยาบขณะกำลังปฏิบัตธิ รรม 80 www.kalyan

การนำใจจรดอยู่กับศูนย์กลางกายตลอดทุกอิริยาบถตั้งแต่ ตน่ื นอนจนกระทงั่ เข้านอน ทำกจิ วตั รกิจกรรมในแต่ละวนั ด้วยความ พอดี ดูแลปัจจัย ๔ ให้ “สะอาด เร็ว เรียบร้อย เงียบ ประหยัด” บริหารเวลาในแต่ละวันได้ลงตัว เม่ือประกอบกับนิสัย “ตัดใจ” ไม่เอาเร่ืองหยาบๆ มาทำให้ใจเป็นกังวลในตอนปฏิบัติธรรม จึงส่ง ผลให้ท่านมีผลการปฏิบัติธรรมภายในดีมาก “เข้ากลางคล่องว่องไว ไม่ติดขัด” จนได้รับการยกย่องจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ว่า “ลกู จันทร์นี้ เปน็ หนงึ่ ไมม่ ีสอง” 81 namitra.org

คำขอฝากตวั เป็นศิษย์ (หันทะมะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต / ปุพพะภาคะนะมะการัง / กะโรมะเสฯ) นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธสั สะ ( ๓ จบ ) อาจะรโิ ย เม ภนั เต โหหิ อาจะริโย เม ภันเต โหหิ อาจะริโย เม ภันเต โหหิ อัชชะตคั เคทานิ เถโร / มัยหัง ภาโร / อะหัมปิ เถรัสสะ ภาโร อชั ชะตัคเคทานิ เถโร / มยั หัง ภาโร / อะหมั ปิ เถรสั สะ ภาโร อชั ชะตคั เคทานิ เถโร / มยั หงั ภาโร / อะหัมปิ เถรัสสะ ภาโร ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ / ข้าพเจ้าทั้งหลาย / ขอมอบกาย ถวายชวี ติ / ให้อยูใ่ นความดูแล / ของพระอาจารย์ / และคณะสงฆ์ / ได้โปรดเมตตา / ให้การอบรมส่ังสอน / แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย / เพื่อความเจรญิ รุ่งเรอื ง / ในการศกึ ษา / ในการดำเนินชวี ติ / ทั้งภพ ชาติน้ี / ชาติหน้า / และเพื่อประโยชน์ / แก่การทำให้แจ้งซึ่ง พระนพิ พาน / ของขา้ พเจ้าทัง้ หลาย / ในปจั จบุ นั ชาตนิ ี้เทอญฯ กราบ….กราบ….กราบ 82 www.kalyan

คำอาราธนาศีล ๘ มะยงั ภันเต, ตสิ ะระเณนะ สะหะ, อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะฯ ทุติยัมปิ มะยงั ภนั เต, ตสิ ะระเณนะ สะหะ, อฏั ฐะ สีลานิ ยาจามะฯ ตะติยมั ปิ มะยงั ภันเต, ตสิ ะระเณนะ สะหะ, อฏั ฐะ สีลานิ ยาจามะฯ ศีล ๘ ๑. ปาณาตปิ าตา เวระมะณ,ี สกิ ขาปะทัง สะมาทยิ าม ิ (ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือเจตนาเคร่ืองงดเว้นจากการ ฆ่าสัตว์ ดว้ ยตนเอง และใชใ้ ห้คนอ่นื ฆา่ ) ๒. อะทนิ นาทานา เวระมะณี , สกิ ขาปะทัง สะมาทยิ ามิ (ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือเจตนาเครื่องงดเว้นจากการ ลกั ทรัพย์ ดว้ ยตนเอง และใช้ให้คนอื่นลัก) ๓. อะพรัหมะจะริยา เวระมะณ,ี สกิ ขาปะทัง สะมาทยิ าม ิ (ข้าพเจา้ ขอสมาทานสิกขาบท คือเจตนาเครอ่ื งงดเวน้ จากกรรมอัน เปน็ ข้าศึกต่อพรหมจรรย์ ) ๔. มสุ าวาทา เวระมะณ,ี สิกขาปะทงั สะมาทยิ าม ิ (ขา้ พเจ้าขอสมาทานสกิ ขาบท คือเจตนาเครือ่ งงดเว้นจากการพดู ปด พดู ส่อเสยี ด พดู คำหยาบ และพูดเพอ้ เจอ้ ) 83 namitra.org

๕. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ (ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือเจตนาเครื่องงดเว้นจากการดื่ม นำ้ เมา อนั เปน็ ทตี่ ง้ั แหง่ ความประมาท) ๖. วิกาละโภชะนา เวระมะณี, สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ (ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือเจตนาเคร่ืองงดเว้น จากการ บรโิ ภคโภชนะ ในเวลาวกิ าล คือตง้ั แต่เทีย่ งแล้ว จนอรุณขึ้นมาใหม่) ๗. นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนะ, มาลาคันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มณั ฑะนะ วภิ สู ะนฏั ฐานา เวระมะณ,ี สกิ ขาปะทงั สะมาทยิ ามิ (ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือเจตนาเครื่องงดเว้น จาก การฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี ดูการละเล่นต่างๆ ตลอดจน การลูบไล้ทัดทรง ประดับตกแต่งร่างกาย ด้วยดอกไม้ ของหอม เครอื่ งย้อม เคร่อื งทา ) ๘. อจุ จาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมะณ,ี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ (ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คอื เจตนาเครอ่ื งงดเวน้ จากการนอน ท่นี อนอันสูงใหญ่ ภายในยดั ด้วยนนุ่ และสำลี) 84 www.kalyan

คำสมาทานธดุ งค์ เสนาสะนะโลลุปปัง ปะฏิกขิปามิ ยะถาสันถะติกังคัง สะ มาทยิ ามิ ข้าพเจ้า ขอสมาทานธุดงค์ องค์แห่งท่ีอยู่อาศัย ตามแต่เจ้า หนา้ ทจ่ี ัดให้เป็นวัตรปฏบิ ัติ - ทุติยัมปิ เสนาสะนะโลลุปปัง ปะฏิกขิปามิ ยะถาสันถะ ตกิ งั คงั สะมาทิยาม ิ แมค้ ร้งั ท่สี อง ขา้ พเจ้า ขอสมาทานธดุ งค์ องค์แห่งท่อี ยอู่ าศัย ตามแตเ่ จา้ หน้าทจ่ี ดั ใหเ้ ป็นวตั รปฏบิ ตั ิ ตติยัมปิ เสนาสะนะโลลุปปัง ปะฏิกขิปามิ ยะถาสันถะ ตกิ ังคัง สะมาทยิ ามิ แมค้ รง้ั ที่สาม ข้าพเจา้ ขอสมาทานธุดงค์ องค์แหง่ ที่อยู่อาศัย ตามแตเ่ จา้ หน้าที่จดั ให้เป็นวัตรปฏบิ ตั ิ 85 namitra.org

คำขอบวช สำหรับอุบาสิกาแก้ว เอสาหัง ภันเต, สจุ ิระปะรนิ ิพพตุ ัมป,ิ ตงั ภะคะวันตัง, สะระณัง คจั ฉามิ, ธัมมญั จะ ภิกขุสังฆญั จะ, อปุ าสิกงั มัง, สงั โฆ ธาเรต,ุ อชั ชะตัคเค ปาณุเปตัง, สะระณงั คะตัง. ทุตยิ ัมปาหงั ภันเต, สจุ ิระปะรินพิ พตุ ัมป,ิ ตัง ภะคะวันตงั , สะระณงั คจั ฉามิ, ธมั มัญจะ ภิกขสุ ังฆัญจะ, อปุ าสกิ ัง มัง, สังโฆ ธาเรตุ, อัชชะตัคเค ปาณเุ ปตงั , สะระณงั คะตงั . ตะตยิ มั ปาหงั ภันเต, สุจริ ะปะรนิ ิพพุตัมป,ิ ตัง ภะคะวันตงั , สะระณัง คจั ฉาม,ิ ธมั มญั จะ ภกิ ขุสงั ฆญั จะ, อุปาสกิ ัง มงั , สังโฆ ธาเรต,ุ อัชชะตคั เค ปาณุเปตงั , สะระณัง คะตัง. 86 www.kalyan

คำแปล ข้าแตท่ ่านผ้เู จริญ, ข้าพเจา้ ขอถึง, สมเดจ็ พระผูม้ พี ระภาคเจ้า, แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานนานมาแล้ว, กับท้ังพระธรรม, และ พระสงฆ์, ว่าเป็นท่ีพึ่ง, ท่ีระลึก, ขอพระสงฆ์, จงจำข้าพเจ้าไว้ว่า, เป็นอุบาสิกาแก้ว, ในพระพุทธศาสนา, ผู้ถึงพระรัตนตรัย,ว่าเป็น สรณะตลอดชีวิต, ตั้งแต่บัดน้เี ป็นต้นไป แม้คร้ังท่ีสอง, ข้าพเจ้าขอถึง, สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า, แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานนานมาแล้ว, กับทั้งพระธรรม, และ พระสงฆ์, ว่าเป็นท่ีพ่ึง, ที่ระลึก, ขอพระสงฆ์, จงจำข้าพเจ้าไว้ว่า, เป็นอุบาสิกาแก้ว, ในพระพุทธศาสนา, ผู้ถึงพระรัตนตรัย,ว่าเป็น สรณะตลอดชีวิต, ต้ังแตบ่ ดั นเ้ี ป็นตน้ ไป แม้ครั้งท่ีสาม, ข้าพเจ้าขอถึง, สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า, แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานนานมาแล้ว,กับท้ังพระธรรม, และ พระสงฆ์, ว่าเป็นท่ีพึ่ง, ท่ีระลึก, ขอพระสงฆ์, จงจำข้าพเจ้าไว้ว่า, เป็นอุบาสิกาแก้ว, ในพระพุทธศาสนา, ผู้ถึงพระรัตนตรัย,ว่าเป็น สรณะตลอดชวี ติ , ต้งั แตบ่ ัดนเ้ี ป็นตน้ ไป 87 namitra.org

คำแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสัมพทุ ธสั สะ (๓ ครงั้ ) เอสาหัง ภันเต / สุจิระปะรินิพพุตัมปิ / ตัง ภะคะวันตัง / สะระณัง คัจฉาม/ิ ธมั มญั จะ ภกิ ขสุ ังฆัญจะ / มัง พทุ ธะมามะกัง / สังโฆ ธาเรตุ / อชั ชะตัคเค / ปาณุเปตงั / สะระณงั คะตงั . ทุติยมั ปาหงั ภนั เต / สุจิระปะรินพิ พตุ มั ปิ / ตัง ภะคะวนั ตัง / สะระณงั คจั ฉาม/ิ ธัมมญั จะ ภิกขุสังฆัญจะ / มัง พทุ ธะมามะกงั / สังโฆ ธาเรตุ / อัชชะตคั เค / ปาณเุ ปตงั / สะระณงั คะตัง. ตะติยมั ปาหัง ภันเต / สจุ ริ ะปะรินิพพตุ ัมปิ / ตงั ภะคะวนั ตงั / สะระณงั คัจฉาม/ิ ธัมมญั จะ ภกิ ขุสังฆัญจะ / มัง พทุ ธะมามะ กงั / สังโฆ ธาเรตุ / อชั ชะตคั เค / ปาณุเปตงั / สะระณงั คะตัง. 88 www.kalyan

คำแปล ขา้ แตท่ า่ นผเู้ จรญิ / ขา้ พเจา้ ขอถงึ / สมเดจ็ พระผมู้ พี ระภาคเจา้ / แม้ปรินิพพานนานมาแล้ว / กับทั้งพระธรรม / และพระสงฆ์ / ว่าเป็นที่พ่ึง / ท่ีระลึก / ขอพระสงฆ์ / จงจำข้าพเจ้าไว้ว่า / เป็น พทุ ธมามกะ / ผถู้ ึงพระรตั นตรยั / ว่าเปน็ สรณะตลอดชีวติ / ตัง้ แต่ บัดน้เี ปน็ ตน้ ไป ขา้ แต่ทา่ นผเู้ จรญิ / แมค้ ร้งั ทสี่ อง / ข้าพเจ้าขอถึง / สมเดจ็ พระผู้มีพระภาคเจ้า / แมป้ รินพิ พานนานมาแลว้ / กบั ทงั้ พระธรรม / และพระสงฆ์ / ว่าเป็นท่ีพึ่ง / ท่ีระลึก / ขอพระสงฆ์ / จงจำ ข้าพเจา้ ไวว้ ่า / เปน็ พทุ ธมามกะ / ผ้ถู งึ พระรตั นตรัย / วา่ เปน็ สรณะ ตลอดชวี ติ / ตั้งแตบ่ ัดนี้เป็นตน้ ไป ข้าแตท่ ่านผเู้ จริญ / แมค้ รงั้ ทส่ี าม / ข้าพเจ้าขอถงึ / สมเดจ็ พระผู้มพี ระภาคเจา้ / แมป้ รินิพพานนานมาแล้ว / กบั ทั้งพระธรรม / และพระสงฆ์ / ว่าเป็นที่พ่ึง / ท่ีระลึก / ขอพระสงฆ์ / จงจำ ข้าพเจ้าไว้ว่า / เปน็ พุทธมามกะ / ผถู้ งึ พระรัตนตรัย / ว่าเปน็ สรณะ ตลอดชวี ติ / ตงั้ แต่บดั นเี้ ปน็ ตน้ ไป 89 namitra.org

ภาคผนวก www.kalyan

°Õà π‰ª«—¥ æ√–¿“«π“«√‘ ¬‘ §≥ÿ (‡º¥®Á ∑µµ⁄ ™‚’ «) §àŸ¡Õ◊ æ∑ÿ ∏¡“¡°– ©∫∫— §«“¡√ŸâæÈπ◊ ∞“π°Õà π‰ª«¥— 91 ª≠í À“‡√◊ÕË ßπ‘ææ“π namitra.org

°Õà π‰ª«¥— ‚¥¬ æ√–¿“«π“«‘√‘¬§≥ÿ (‡º¥Á® ∑µµ⁄ ™‚’ «) ª√∫— ª√ÿß®“° °àÕπ‰ª«—¥ ©∫∫— æ‘¡æ§å √—ßÈ ·√° æ.». ÚıÒ˜ ®¥— ∑”‚¥¬ »πŸ ¬æå ÿ∑∏®—°√ªØ∫‘ µ— ‘∏√√¡ °àÕπ‰ª«¥— ©∫∫— ª√∫— ª√ÿß æ.». ÚıÙÒ ®—¥∑”‚¥¬ ΩÉ“¬«‘™“°“√ «¥— æ√–∏√√¡°“¬ §¡àŸ ◊Õæ∑ÿ ∏¡“¡°– ©∫∫— §«“¡√æŸâ È◊π∞“π°Õà π‰ª«—¥ 92 www.kalyan

°àÕπ‰ª«—¥ ∏√√¡–‡∫ÕÈ◊ ßµâπ °“√‡µ√’¬¡µ—«°Õà π‰ª«¥— ª√–‡æ≥∑’ ’§Ë «√∑√“∫ §¡Ÿà ◊Õæ∑ÿ ∏¡“¡°– ©∫∫— §«“¡√Ÿæâ ◊πÈ ∞“π°Õà π‰ª«—¥ ÒÙ9Ò 3°Õà π‰ª«—¥ namitra.org

∏√√¡–‡∫Õ◊È ßµâπ ¡πÿ…¬ªå √–°Õ∫¥â«¬Õß§åª√–°Õ∫ Ú  à«π §Õ◊ Ò. √“à ß°“¬ À√◊Õ‡√’¬° —ÈπÊ «“à °“¬ Ú. „® „π¿“…“∫“≈’‡√’¬°«à“ ®µ‘ À√◊Õ «≠‘ ≠“≥ °“¬ °“¬ - ∑ß—È À≠ß‘ ·≈–™“¬µ“à ߪ√–°Õ∫¥«â ¬∏“µÿ Ù ™π¥‘ ´ßË÷ ‰¥â·°à ∏“µÿ¥‘π ∏“µÿπÈ” ∏“µÿ‰ø ·≈–∏“µÿ≈¡ ¡“ ª√–™ÿ¡°—πÕ¬à“߉¥â —¥ à«π‡À¡“– ¡ ·≈⫇°‘¥ ‡ªìπÕ«—¬«–µà“ßÊ ∑—Èß¿“¬πÕ°·≈–¿“¬„π ¿“¬πÕ° ‡™πà º¡ ¢π ‡≈Á∫ œ≈œ ¿“¬„𠇙àπ µ—∫ ‰µ À«— „® œ≈œ °“¬ - ‰¡à‰¥â‡°‘¥¢È÷π¡“‡Õß≈Õ¬Ê µâÕß¡’∫‘¥“·≈–¡“√¥“ ‡ªìπºâŸ„Àâ°”‡π‘¥ §≈Õ¥®“°§√√¿å¡“√¥“·≈â«°Á µâÕßÕ“»—¬∏“µÿ Ù ®“°¿“¬πÕ° ‡™àπ Õ“À“√ πÈ” ≈¡ ·≈–· ß·¥¥ œ≈œ ¡“À≈àÕ‡≈’Ȭߵ≈Õ¥‡«≈“ ®ß÷ ‡®√‘≠‡µ‘∫‚µ¢πÈ÷ ‰¥â °“¬ - ‡ªπì ‡æ’¬ß¢Õß°≈“ßÊ §Õ◊ ¬—߉¡à¡’™’«‘µ ¬ß— ‰¡à¥’-¬—ß ‰¡à™Ë—« ¬—߉¡à¬‘Ëß„À≠à-‰¡àµË”∑√“¡ „¥Ê ∑—Èß È‘π µàÕ‡¡◊ÕË „¥æŸ¥-∑”µ“¡∑Ë„’ ®§¥‘ À√◊Õ —Ëß ®÷߇°¥‘ ‡ªπì °√√¡¥°’ √√¡™—«Ë µ“¡∑’ËæŸ¥À√Õ◊ ∑”πÈ—π §à¡Ÿ ◊Õæ∑ÿ ∏¡“¡°– ©∫—∫ §«“¡√Ÿæâ π◊È ∞“π°Õà π‰ª«—¥94ÒÙÛ °àÕπ‰ª«¥— www.kalyan

°“¬ - ª√–°Õ∫¥«â ¬∏“µ∑ÿ ¬Ë’ ß— ‰¡∫à √ ‘ ∑ÿ ∏Ï‘®ß÷ ‡ªπì √ß— ¢Õß‚√§ ¿—¬‰¢â‡®Á∫µà“ßÊ µ—Èß·µà¬—ßÕ¬Ÿà„π§√√¿å ∂÷ß·¡â®– ¥Ÿ·≈ªÑÕß°—π√—°…“‡ªìπÕ¬à“ߥ’ °ÁµâÕß·µ° ≈“¬ ‡ªπì ∏√√¡¥“ §Õ◊ µ“¬„π∑’ Ë ÿ¥ °“¬ - À≈ß— ®“°µ“¬‡ªìπ»æ·≈â« °Á∂Ÿ°π”‰ªΩßí ∫â“ß ‡º“ ∫â“ß ∏“µÿ∑—Èß Ù ∑’˪√–°Õ∫‡ªì𰓬°Á§◊π°≈—∫  ¿“懥‘¡ §◊Õ∏“µÿ¥‘π°Á°≈—∫∑—∫∂¡®¡¥‘π‰ª ∏“µπÿ È”°√Á –‡À¬°≈∫— ‡ªπì π”È ∏“µ‰ÿ ø°°Á ≈∫— ‡ªπì ‰ø ∏“µÿ≈¡°Á°≈—∫‡ªìπ≈¡ ‡™◊ÈÕ‚√§µà“ßÊ „𰓬°Á µÕâ ßµ“¬µ“¡‰ª¥«â ¬ „® „® - ‡ªπì ∏“µ™ÿ 𥑠ÀπßË÷ ∑‡’Ë ªπì Õ°’ Õß§ªå √–°Õ∫Àπß÷Ë ¢Õß ¡πÿ…¬å ‡¢â“‰ª ‘ß ∂‘µÕ¬Ÿà¿“¬„𰓬µ—Èß·µà∂◊Õ °”‡π‘¥ ∑”„À°â “¬¡πÿ…¬´å ÷Ëߪ√–°Õ∫¥â«¬∏“µÿ Ù ¡’™«’ ‘µ¢÷πÈ ¡“‰¥â „® - ‡ªπì ∏“µ≈ÿ –‡Õ¬’ ¥ ®ß÷ ‰¡ à “¡“√∂¡Õ߇ÀπÁ ‰¥¥â «â ¬ µ“‡πÈ◊Õ ‰¡à “¡“√∂®—∫µâÕ߉¥â ·µà‡ÀÁπ‰¥â¥â«¬µ“ ∑‘æ¬å ‡ªπì ∏“µ√ÿ ⟠®÷ß∑”„Àâ‡√“√Ÿâ‡√◊ËÕß√“«µà“ßÊ ‰¥â ‡™πà √∏⟠√√¡– √À⟠πß—  Õ◊ √®Ÿâ °— ‡æÕË◊ π √®Ÿâ °— ¥-’ ™«Ë— √®âŸ °— ¥„’ ®- ‡ ¬’ „® √®Ÿâ —°‡Àµÿ-º≈ œ≈œ „® - ∑”ß“π√«à ¡°∫— ª√– “∑ ¡— º — ∑ßÈ— ı §Õ◊ µ“ ÀŸ ®¡°Ÿ §à¡Ÿ ◊Õæÿ∑∏¡“¡°– ©∫—∫ §«“¡√æâŸ πÈ◊ ∞“π°àÕπ‰ª«—¥ ÒÙÙ 95°Õà π‰ª«—¥ namitra.org

≈‘Èπ ·≈–°“¬ ®÷ß∑”„Àâ‡ÀÁπ√Ÿªºà“𵓠øí߇ ’¬ß ºà“πÀŸ  Ÿ¥¥¡°≈‘Ëπºà“π®¡Ÿ° ≈‘È¡√ ºà“π≈‘Èπ ·≈–  —¡º — º“à 𰓬‰¥â „® - ª°µ®‘ –ºÕà ß„   «“à ß¿“¬„π ‰¡¢à πàÿ ¡«— ∑”„À∫â §ÿ §≈  “¡“√∂√Ÿâ‡ÀÁπ ¿“«°“√≥åµà“ßÊ √Õ∫µ—«ºà“π ª√– “∑ ¡— º — ∑—ßÈ ı ‰¥Õâ ¬“à ß∂°Ÿ µÕâ ß™—¥‡®π ®÷ß √°— ®–§¥‘ ¥Ê’ ·≈«â  ß—Ë °“¬„Àæâ ¥Ÿ -∑” ßË‘ ¥Ê’ µ“¡¡“ „® - À“°∂°Ÿ °‡‘ ≈ ‡¢â“§√Õ∫ß” ¬àÕ¡‡»√â“À¡Õß ¢àπÿ ¡—« °“√√—∫√Ÿâºà“πª√– “∑ —¡º— ∑È—ß ı ®÷ߺ‘¥æ≈“¥ §≈“¥‡§≈◊ËÕπ ‰¡àµ√ßµ“¡§«“¡‡ªìπ®√‘ß °àÕ„Àâ ‡°‘¥§«“¡§‘¥«‘ª√‘µ ®÷ßæŸ¥√⓬ ∑”√⓬‰¥âµà“ßÊ π“π“ ∑”„Àºâ π⟠π—È °≈“¬‡ªπì §π™«—Ë §π√“â ¬‰ª∑π— ∑’ °‘‡≈ §◊ÕÕ––‰√ °‘‡≈  - ‡ªìπ∏“µÿ™π‘¥ÀπË÷ß ´÷Ëß °ª√°¡“° ‡ª√Õ–‡ªóôÕπ ¡“° ‡À𒬫·πàπ¡“° ¡’Õ”π“®„π°“√∑”≈“¬ ∑”√⓬„® „À⇥◊Õ¥√âÕ𠇪ìπ∑ÿ°¢å‰¥â¡“°¡“¬ ¡À“»“≈ ‰¡à¡’ ‘Ëß„¥¡“‡∑’¬∫‡∑’¬¡‰¥â ·≈– ≈–‡Õ¬’ ¥¡“°®ß÷ ‰¡ à “¡“√∂¡Õ߇ÀπÁ ‰¥¥â «â ¬µ“‡πÕ◊È ·µ‡à ÀπÁ ‰¥¥â ⫬µ“∏√√¡À√Õ◊ ∏√√¡®—°…ÿ °‘‡≈  - Ωßí µ«— ‡°“–µ¥‘ Õ¬„Ÿà π„®¡π…ÿ ¬åµßÈ— ·µ·à √°∂Õ◊ °”‡π¥‘ „π§√√¿å¡“√¥“ ‡™àπ‡¥’¬«°—∫‡™È◊Õ‚√§∑È—ßÀ≈“¬∑’Ë §Ÿà¡◊Õæ∑ÿ ∏¡“¡°– ©∫—∫ §«“¡√âæŸ π◊È ∞“π°Õà π‰ª«—¥ 9Ò6Ùı °Õà π‰ª«¥— www.kalyan

Ωíßµ—«Õ¬Ÿà„π¬’π·≈–‚§√‚¡‚´¡ ‡æË◊Õ√Õ®—ßÀ«– ∑”§«“¡‡®Á∫ªÉ«¬„Àâ√à“ß°“¬ ¢≥–∑’Ë ÿ¢¿“æ ÕàÕπ·Õ©—π„¥ °‘‡≈ °Á®âÕßÀ“‚Õ°“ §√Õ∫ß”‡√“ ¢≥–∑Ë„’ ®‡º≈Õ µ©‘ π— πÈπ— °‘‡≈  - À“°‡¢“â §√Õ∫ß”„®‰¥‡â ¡Õ◊Ë ‰√ °¬Á Õâ ¡ ‡§≈Õ◊ ∫ ÀÕà À¡âÿ „®„À‡â »√“â À¡Õß ¢àπÿ ¡—« ¡¥◊ ¡¥‘  °ª√° ¡ ’ ¿“æ ‰¡àµà“ß°—∫∂”È ¡◊¥ ∑Ë’∑—Èß °ª√°∑È—ßÕ—πµ√“¬ À√◊Õ ‡À¡◊Õπ°—∫§π„ à·«àπ ’¥”§≈È” ·∂¡‡ªôóÕπ‚§≈π ‡ÀπÕ–Àπ–Õ’°¥â«¬ ∑”„À⇠’¬§ÿ≥¿“æ„π°“√ §à¡Ÿ Õ◊ æÿ∑∏¡“¡°– ©∫—∫ §«“¡√æŸâ ◊πÈ ∞“π°Õà π‰ª«¥— ÒÙˆ97°Õà π‰ª«¥— namitra.org

‡ÀÁπÀ√Õ◊ √∫— √âŸ∑“ߪ√– “∑ —¡º — ∑Èß— ı §Õ◊ ‰¥â‡ÀπÁ ‰¥â¬‘𠉥â°≈Ë‘π ‰¥â≈‘È¡√  ‰¥â —¡º—  ‰¡àµ√ßµ“¡ §«“¡‡ªπì ®√ß‘ ·≈«â ∫∫’ §πÈ— „®„À°â ≈“â §¥‘ √“⠬楟 √“â ¬ ∑”√⓬ µ“¡°“√√—∫√âŸ∑’˺‘¥Ê ∫‘¥‡∫◊Õπ‰ª·≈â«πÈ—π ‡ªìπº≈„ÀâµâÕ߉¥â√—∫§«“¡∑ÿ°¢å§«“¡‡¥◊Õ¥√âÕπ µà“ßÊ µ“¡¡“ ®“°§π¥’®÷ßµâÕß°≈“¬‡ªìπ§π™—Ë« √⓬µ“¡§«“¡§‘¥ §”查 °“√°√–∑”√â“¬Ê π—Èπ §«“¡‡≈«√⓬ ≈—∫´—∫´âÕπ‡™àππÈ’ ∫—߇°‘¥¢È÷π‰¡à «à“߇«âπ·¡â·µà«‘π“∑’‡¥’¬«°—∫ —µ«å‚≈°∑ÿ°™’«‘µµÈ—ß ·µ‡à °¥‘ ®π°√–∑Ëß— µ“¬ °‡‘ ≈  - ∑’Ë·ΩßÕ¬Ÿà„π„®ºâŸµ“¬ ‰¡à‰¥âµ“¬µ“¡√à“ß°“¬‰ª ¥â«¬ ·µà∑”Àπâ“∑Ë’∫—ß§—∫∫—≠™“„Àâ°“¬≈–‡Õ’¬¥ ¢ÕߺŸâπÈ—π‰ª‡°‘¥„À¡à„π¿æ¿Ÿ¡‘∑’ËæÕ‡À¡“–°—∫ §«“¡‡≈«√⓬¢Õ߇¢“ À“°‰¥â‚Õ°“ °Á∫—ß§—∫ºâŸ π—Èπ„Àâ§‘¥√⓬ 查√⓬ ∑”√⓬µàÕ‰ªÕ’° ®÷ßµâÕß ‡ªìπ∑ÿ°¢å·≈–‰¥â∫“ªµàÕ‰ªÕ’°™“µ‘·≈â«™“µ‘‡≈à“ ‡™àπ‡¥’¬«°—∫ºâŸ§ÿ¡¬â“¬π—°‚∑…®“°∑Ë’§ÿ¡¢—ßÀπ÷Ëß ‰ªÕ’°∑’˧ÿ¡¢—ßÀπ÷Ëß „ÀâæÕ‡À¡“–°—∫§«“¡ ª√–惵‘¢Õßπ—°‚∑…π—Èπ À“°π—°‚∑…°àÕ‡Àµÿ √“â ¬Õ°’ °Á≈ß‚∑…„À¬â ‘ßË Ê ¢È÷π‰ªÕ°’ °‘‡≈  - ®÷߇ªìπµâπ‡ÀµÿÀ√Õ◊ µ—«°“√·∑â®√‘ß∑’Ë∑”„À⇰‘¥ §«“¡∑°ÿ ¢å §«“¡™—«Ë √⓬ §«“¡∫“ª∑°ÿ ™π‘¥ „π‚≈° ‚¥¬¡’ µ— «å‚≈°·µ≈à –™’«µ‘ ‡ªπì Àÿπà À√◊Õ §¡Ÿà Õ◊ æ∑ÿ ∏¡“¡°– ©∫∫— §«“¡√âŸæ◊Èπ∞“π°Õà π‰ª«—¥ 9Ò8Ù˜ °àÕπ‰ª«—¥ www.kalyan