www.kalyanamitra.org
อุบาสกิ า ฉบับสามัญชน ISBN : 978-616-8103-01-2 เรยี บเรียง : สิรปิ ุณโฺ ณ ภาพประกอบ : www.dmc.tv ออกแบบปก : Landai รปู เล่ม/จัดอารต์ : สุกัญญา บญุ ทัน พิมพค์ รั้งที่ ๑ : พ.ศ. ๒๕๖๐ ลิขสิทธ์แิ ละจัดพิมพ์โดย : สมาคมสมาธเิ พอื่ การพฒั นาศีลธรรมโลก โทร. ๐๓๘-๔๒๐๐๔๓ พิมพท์ ี ่ : บรษิ ทั พมิ พ์ดี จ�ำกัด โทร. ๐-๒๔๐๑-๙๔๐๑ ขอ้ มลู ทางบรรณานุกรมของสำ� นกั หอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloguing in Publication Data สิริ ปุณฺ โณ. อุบาสิกา ฉบบั สามญั ชน.-- นนทบุรี : สมาคมสมาธิเพื่อการพฒั นา ศีลธรรมโลก, 2560. ๑๘๔ หนา้ 1. อุบาสิกา. I. ช่ือเร่ือง. II. คาถาธรรมบท. 294.30921 www.kalyanamitra.org
คำ�นำ� จากต้นฉบับเร่ือง ธรรมบทเกี่ยวกับอุบาสิกาท่ีจัดท�ำข้ึน ปลายปี พ.ศ.๒๕๕๓ ล่วงเวลามาเกือบ ๖ ปี จึงคดิ ว่าจะท�ำการ ปรบั ปรงุ เปน็ รปู เลม่ ใหน้ า่ อา่ นยงิ่ ขน้ึ เรยี บเรยี งความตอ่ เนอื่ งของ เนอื้ หาแตล่ ะเรอ่ื งใหม้ ากขน้ึ เนอื่ งจากมจี ำ� นวนเรอื่ งและหนา้ มาก จึงต้องแบง่ เปน็ ๒ เล่ม ในเล่มน้ีมี ๑๙ เร่ือง ใชช้ ่อื ว่า อุบาสกิ า ฉบับสามัญชน หลายเร่ืองที่ไม่มีในเล่มนี้ เพราะได้รวบรวมไว้ในเล่ม อืน่ ๆ กอ่ นหนา้ เชน่ เรือ่ ง นางจูฬสุภทั ทา, (ภรรยา) นายพราน กกุ กฏุ มติ ร รวบรวมไวใ้ นหนังสอื ทายาทเศรษฐี เรื่อง นางสุมนาเทวี, ธิดาช่างหูก, ปรากฏอยู่ในหนังสือ ดสุ ติ บุรี เรอ่ื งทห่ี ยบิ ยกมาศกึ ษาเปน็ แคต่ วั อยา่ ง พอใหเ้ หน็ แนวทาง วา่ อุบาสิกาในสมัยพุทธกาลมลี กั ษณะเปน็ เช่นไร สริ ิปณุ โฺ ณ วนั อาทิตย์ที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๐ วันเขา้ พรรษา แรม ๑ ค่�ำ เดอื น ๘ ปรี ะกา Line ID : Siripunno Fanp@ge : Siripunno E-mail : [email protected] www.kalyanamitra.org
สารบัญ ๑) เรื่องอโุ บสถกรรม ๗ (รักษาศลี เหมือนกนั แตป่ รารถนาต่างกัน) ๒) เร่ืองหญิงสหายของนางวสิ าขา ๑๑ (ได้กัลยาณมติ รจงึ บรรลุธรรม) ๓) เร่ืองนางปตปิ ชู ิกา ๑๗ (ทำ� บญุ , อธิษฐานใหพ้ บเทพบตุ ร) ๔) เรื่องนางลาชเทวธดิ า ๒๕ (ท�ำบญุ เล็กนอ้ ยแตถ่ กู เนอ้ื นาบุญ) ๕) เร่อื งหญิงขหี้ ึง ๓๓ (ข้ึนชื่อวา่ ความชั่วไม่อาจปกปดิ ) ๖) เรื่องเดก็ หญิงแหง่ ตระกลู คนใดคนหน่ึง ๓๗ (หนุ่มเกดิ ความกำ� หนดั สาวในงานมงคล) ๗) เรื่องหญงิ คนใดคนหน่ึง ๓๙ (หญิงโสเภณเี หน็ พระนั่งสมาธิในป่า เกดิ ความก�ำหนดั ) ๘) เรอ่ื งมารดาของนางกาณา ๔๓ (สามมี เี มียน้อย กลับด่าพระ) ๙) เร่ืองนางปุณณทาส ี ๕๑ (ตวั เองนอนไมห่ ลบั คดิ วา่ พระไมส่ บายหรอื ถกู งกู ดั เลยไมห่ ลบั ) www.kalyanamitra.org
๑๐) เรื่องนางลกู สุกร ๕๙ (ตายจากไก่เกิดเป็นราชธดิ า, ละโลกเปน็ พรหม กลบั มาเกดิ เปน็ ลูกสกุ ร) ๑๑) เรื่องความเกดิ ขึ้นของนางกาลียกั ษิณี ๖๗ (เมียนอ้ ยจองเวรเมียหลวงหลายชาติ) ๑๒) เรอื่ งกุมาริกากินไข่ไก ่ ๘๑ (แม่ไกจ่ องเวรกุมาริกาหลายชาติ) ๑๓) เรื่องมหาอุบาสกิ า โยมมารดาพระโสณกฏุ ิกณั ณะ ๘๕ (ปรากฏในเร่ืองสมั พหลุ ภกิ ษ)ุ ๑๔) เรื่องมาติกมาตา ๙๙ (อบุ าสิกาบรรลธุ รรมกอ่ นพระ ปรากฎในเรือ่ งภิกษุรปู ใดรูปหนึง่ ) ๑๕) เรื่องอตุ ตราอบุ าสิกา ๑๑๗ (คิดถอื ศลี ๘ ตอนมีครอบครัว) ๑๖) เรอ่ื งสิรมิ า ๑๒๗ (หญิงงามเมือง ถอื ศีล ๘ ช่วงทา้ ยของชวี ติ ) ๑ ๗) เรื่องนางมลั ลิกา ภรรยาพนั ธุลเสนาบดี ๑๓๗ (สามแี ละลกู แฝด ๓๒ คนถกู พระราชาวางแผนฆา่ ) ๑๘) เรอ่ื งนางจิญจมาณวกิ า ๑๔๙ (เดยี รถีย์ใชใ้ หม้ ากล่าวโทษพระศาสดาวา่ ท�ำให้ท้อง) ๑๙) เรอ่ื งนางปริพาชิกาช่อื สุนทร ี ๑๕๙ (เดยี รถียใ์ ชใ้ ห้มาทำ� อุบายหลอกใหช้ าวบา้ นเข้าใจผิด แล้วจา้ งฆ่าปดิ ปาก ใสร่ ้ายกลา่ วโทษพระศาสดา) www.kalyanamitra.org
www.kalyanamitra.org
๑ เรอ่ื งอุโบสถกรรม๑ สถานที่ตรสั วัดบุพพาราม ดังได้สดับมา ในวันอุโบสถวันหน่ึง หญิงประมาณ ๕๐๐ คนในนครสาวตั ถี เปน็ ผู้รักษาอุโบสถ๒ ไดไ้ ปส่วู ิหาร นางวิสาขาเข้าไปหาหญิงแก่ ๆ ในจ�ำนวนหญงิ ๕๐๐ นนั้ แลว้ ถามวา่ “แนะ่ แมท่ งั้ หลาย พวกทา่ นเปน็ ผรู้ กั ษาอโุ บสถ เพอื่ อะไร ?” เมื่อหญิงแก่เหล่านั้นบอกว่า “พวกฉันปรารถนา ทิพยสมบัติ จงึ รกั ษาอุโบสถ.” ๑ ต้นฉบับธัมมปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, ทัณฑวรรควรรณนา, ล.๔๒, น.๘๖, มมร. ๒ การรกั ษาศลี ๘ ในวนั พระ 7 อโุ บสถกรรม www.kalyanamitra.org
ถามพวกหญิงกลางคน, เม่ือพวกหญิงเหล่าน้ัน บอกวา่ “พวกฉนั รกั ษาอโุ บสถ กเ็ พอื่ ไมต่ อ้ งการมหี ญงิ อน่ื ร่วมสามี,” ถามพวกหญิงสาวๆ, เมอ่ื พวกเขาบอกว่า “พวกฉัน รกั ษาอุโบสถ เพื่อต้องการได้บตุ รชายเมอ่ื มีครรภ์แรก.” ถามพวกหญงิ สาวนอ้ ย, เมอ่ื พวกเขาบอกวา่ “พวกฉนั รกั ษาอโุ บสถ เพ่อื ตอ้ งการออกเรอื นตั้งแต่วัยสาว.” นางได้ฟังถ้อยค�ำแม้ท้ังหมดของหญิงเหล่าน้ันแล้ว กพ็ าพวกเขาไปสสู่ ำ� นกั พระศาสดา กราบทลู ความประสงค์ ของหญงิ เหล่าน้ัน ตามลำ� ดบั . พระศาสดาทรงสดับค�ำน้ันแล้วตรัสว่า “วิสาขา ธรรมดาสภาวธรรมทงั้ หลายมชี าตเิ ปน็ ตน้ ของสตั วเ์ หลา่ น้ี เปน็ เชน่ กบั นายโคบาลทมี่ ที อ่ นไมใ้ นมอื , ชาตสิ ง่ สรรพสตั ว์ ไปสู่ความชรา ความชราสง่ ไปสคู่ วามเจบ็ ปว่ ย ๆ สง่ ไปสู่ ความตาย ๆ ย่อมคร่าชีวติ ดุจบุคคลตดั ต้นไม้ด้วยขวาน, แมเ้ มอื่ เปน็ อยา่ งนน้ั ปวงสตั วช์ อ่ื วา่ ปรารถนาในพระนพิ พาน ยังไมม่ ,ี มวั แต่ปรารถนาวัฏฏะเทา่ นั้น,” ดงั นี้แล้ว เมอ่ื จะทรงสบื อนสุ นธิ (สบื เนอ่ื ง) แสดงธรรม จงึ ตรสั พระคาถานว้ี า่ 8 อุบาสิกา ฉบับสามญั ชน www.kalyanamitra.org
นายโคบาล ยอ่ มต้อนโคท้ังหลาย ไปสู่ท่ีหากินดว้ ยทอ่ นไม้ ฉนั ใด, ชราและมจั จุ ยอ่ มตอ้ นอายุของสัตว์ท้งั หลายไป ฉันน้นั . เมอื่ จบเทศนา คนเปน็ อนั มาก บรรลอุ รยิ ผลทง้ั หลาย มโี สดาปัตตผิ ลเป็นต้น ดังนแี้ ล. จบเรื่องอโุ บสถกรรม. 9 อโุ บสถกรรม www.kalyanamitra.org
10 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
๒ เรือ่ งหญงิ สหายของนางวสิ าขา๓ สถานที่ตรสั พระเชตวนั เล่ากันว่า กุลบุตร ๕๐๐ คน ในพระนครสาวัตถี ได้มอบภริยาของตนๆ กับนางวิสาขามหาอุบาสิกา ด้วย ม่งุ หมายวา่ ‘ดว้ ยวธิ นี ี้ ภริยาเหล่าน้จี ะเป็นผไู้ ม่ประมาท’. หญิงเหล่านั้นเมื่อไปสวนก็ดี ไปวิหารก็ดี ย่อมไปกับ นางวิสาขานั่นแล. ในคราวหนึ่ง เม่อื มีการป่าวประกาศการมหรสพว่า “จะมีการมหรสพเก่ียวกับสรุ าตลอด ๗ วัน” หญิงเหล่านั้นก็จัดเตรียมสุราเพ่ือสามีของตน. สามี เหลา่ นั้น เทยี่ วชมการแสดงและเสพสรุ าตลอด ๗ วันแล้ว ในวนั ที่ ๘ ไดอ้ อกไปท�ำงาน. ๓ ต้นฉบับธัมมปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, ชราวรรควรรณนา, ล.๔๒, น.๑๔๓, มมร. 11 หญิงสหายของนางวิสาขา www.kalyanamitra.org
หญิงเหล่านั้นหารือกันว่า “พวกเราไม่ได้ดื่มสุรา ตอ่ หนา้ สาม,ี กส็ รุ าทเี่ หลอื ยงั มอี ย,ู่ เราทงั้ หลายจะดมื่ สรุ านี้ ดว้ ยวธิ ที สี่ ามจี ะไมร่ ู้ “ดงั นแี้ ลว้ จงึ ไปยงั ทอี่ ยขู่ องนางวสิ าขา กลา่ วว่า “แม่เจา้ ดิฉันทัง้ หลายปรารถนาจะชมสวน” เมอื่ นางวสิ าขาตอบวา่ “ดลี ะ แมท่ ง้ั หลาย ถา้ เชน่ นน้ั จงท�ำกิจท่ีควรท�ำเสร็จแล้วจึงออกไป.” ได้ไปพร้อมกับ นางวิสาขานั้น ซ่อนสุราไปโดยอาการอันมิดชิด ด่ืมเสีย จนเมาแล้ว เท่ยี วไปในสวน นางวสิ าขาคดิ วา่ ‘หญงิ เหลา่ นนั้ ทำ� กรรมทไี่ มส่ มควร, คราวนถี้ งึ พวกเดยี รถียก์ ็จะตเิ ตยี นได้วา่ ‘สาวกิ าทงั้ หลาย ของพระสมณโคดม ดื่มสุรา ย่อมเที่ยวไป’ จึงกล่าว กับหญิงเหล่าน้ันว่า “น่ีแน่ะแม่ เธอท้ังหลายท�ำกรรม ไม่สมควร ‘พลอยให้เกิดอัปยศ๔ แก่ฉันด้วย’ ถึงสามี ก็จะโกรธพวกเธอ, บัดนี้พวกเธอจะทำ� อย่างไรกนั ?” หญิงเหล่านั้นตอบว่า “แม่เจ้า ดิฉันท้ังหลายจะ แกลง้ ลวงวา่ เปน็ ไข้” นางวิสาขาจึงกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น พวกเธอก็จะ รดู้ ว้ ยกรรมของตน” ๔ อา่ นวา่ อบั ปะยด แปลวา่ ว. ไรย้ ศ ปราศจากยศ เสอ่ื มเสยี ชอ่ื เสยี ง น่าอับอาย ขายหนา้ 12 อุบาสิกา ฉบับสามญั ชน www.kalyanamitra.org
หญิงเหล่าน้ันไปถึงเรือนแล้ว ท�ำทีลวงว่าเป็นไข้. ทีนั้นสามีของหญิงเหล่านั้นถามว่า “หญิงชื่อน้ีและช่ือนี้ ไปไหน ?” ไดย้ นิ ว่า “เปน็ ไข้” ก็จบั ไดว้ ่า “พวกนี้คงดืม่ สรุ า ที่เหลือเป็นแน”่ จงึ ได้ทบุ ตหี ญงิ เหล่านัน้ เสยี . ในคราวมหรสพงานต่อมาอีก หญิงเหล่าน้ันอยาก ด่ืมสุราเหมือนอย่างน้ัน จึงเข้าไปหานางวิสาขา กล่าวว่า “แม่เจ้า โปรดพาดิฉันไปชมสวนเถิด” ถูกนางห้ามว่า “คราวก่อน พวกเธอท�ำให้ฉันอับอาย, พวกเธอไปเอง เถอะ, ฉันจะไม่พาพวกเธอไปละ” ได้พดู เอาใจวา่ “คร้งั น้ี พวกดิฉันจะไมท่ �ำอย่างน้ัน” แลว้ เขา้ ไปหานางวสิ าขานน้ั พดู ใหมว่ า่ “แมเ่ จา้ พวกดฉิ นั ประสงค์จะท�ำพุทธบูชา, ขอจงพาพวกดฉิ นั ไปวหิ ารเถิด.” นางจึงพูดว่า “แน่ะแม่ บัดน้ี สมควรแท้, พวกเธอ จงไปจัดแจงเตรียมตวั เถอะ.” หญงิ เหลา่ นน้ั ใหค้ นถอื ของหอมและระเบยี บดอกไม้ เป็นต้นด้วยผอบ ห้ิวขวดมีสัณฐานดุจก�ำมือ ซ่ึงเต็มด้วย สรุ า ดว้ ยมอื ทง้ั สองคลมุ ผา้ ผนื ใหญเ่ ขา้ ไปหานางวสิ าขาแลว้ เขา้ ไปวิหารพรอ้ มกบั นางวิสาขาน้ัน น่งั ณ สว่ นข้างหน่งึ ด่ืมสุราด้วยขวดอันมีสัณฐานดุจก�ำมือนั่นเองแล้วท้ิงขวด เสยี น่งั ตรงพระพักตรพ์ ระศาสดาในโรงธรรม. 13 หญงิ สหายของนางวสิ าขา www.kalyanamitra.org
นางวิสาขากราบทลู วา่ “พระเจ้าขา้ ขอพระองค์ทรง แสดงธรรมแกห่ ญงิ เหลา่ น้ี.” ฝ่ายหญิงเหล่านั้น มีตัวส่ันเทิ้มอยู่ด้วยฤทธิ์เมา เกดิ ความคดิ ขึ้นว่า ‘เราท้ังหลายจะฟ้อน จะขบั ’. เวลาน้ัน เทวดาองค์หน่ึง ซ่ึงอยู่ในหมู่มาร (เทว- ปุตตมาร) คิดว่า ‘บัดน้ีเราจะสิงร่างของหญิงเหล่านี้แล้ว จะแสดงอาการประหลาด ตรงพระพักตร์พระสมณโคดม’ แล้วเขา้ สิงในรา่ งของหญิงเหลา่ น้นั พวกหญิงเหล่านั้น บางพวกจะเริ่มปรบมือหัวเราะ, บางพวกเรม่ิ จะฟอ้ น ตรงพระพกั ตรพ์ ระศาสดา. พระศาสดาทรงร�ำพึงว่า ‘นี้อะไรกัน ?’ ทรงทราบ เหตุนั้นแล้ว ทรงด�ำริแล้วว่า ‘บัดน้ี เราจะไม่ให้เทวดา ผู้นับเนื่องในหมู่มารได้ช่อง เพราะเราเมื่อบ�ำเพ็ญบารมี ตลอดกาลเทา่ นี้ กห็ าไดบ้ ำ� เพญ็ เพอ่ื มงุ่ จะไมใ่ หพ้ วกเทวดา ท่ีอยู่ในหมู่มารได้โอกาส’ เพื่อท�ำให้หญิงเหล่าน้ันสังเวช จึงทรงเปล่งรัศมีจากพระโลมาระหวา่ งพระโขนง (คิ้ว) ทันใดนั้นเอง ความมืดมนอนธการได้มีแล้ว. หญิง เหลา่ นน้ั ไดห้ วาดหวนั่ ตอ่ มรณภยั ทคี่ กุ คามแลว้ ดว้ ยเหตนุ นั้ สรุ าในท้องของหญิงเหล่านัน้ จึงสร่างหายไป. 14 อบุ าสิกา ฉบบั สามัญชน www.kalyanamitra.org
พระศาสดาทรงหายไป ณ บัลลังก์ที่ประทับนั่ง ประทับยืนอยู่บนยอดเขาสิเนรุ ทรงเปล่งพระรัศมีจาก พระอุณาโลม. ขณะนั้น แสงสว่างได้มีเหมือนพระจันทร์ ขน้ึ ตง้ั พันดวง. ลำ� ดบั นน้ั พระศาสดาตรสั เรยี กหญงิ เหลา่ นนั้ มาแลว้ ตรัสว่า “พวกเธอเม่ือมาส�ำนักของเรา ประมาทแล้วย่อม ไมส่ มควร, เพราะความประมาทของพวกเธอนนั่ เอง เทวดา ซง่ึ นบั เนอื่ งในหมมู่ ารจงึ ไดช้ อ่ ง ใหพ้ วกเธอทำ� กายผดิ แปลก มหี วั เราะเปน็ ตน้ ในทซ่ี ง่ึ ไมค่ วรทำ� กายผดิ แปลกมหี วั เราะ เปน็ ตน้ , บดั น้ี พวกเธอทำ� ความอตุ สาหะ เพอ่ื มงุ่ ใหไ้ ฟราคะ เปน็ ตน้ ดบั ไปจงึ ควร” ดังน้แี ลว้ ตรสั พระคาถาน้ีวา่ เม่ือโลกสันนวิ าส อันไฟลกุ โพลงอยู่เปน็ นติ ย,์ พวกเธอยังจะร่าเรงิ บันเทงิ อะไรกันหนอ ? เธอทั้งหลายอนั ความมดื ปกคลมุ แลว้ ทำ� ไมจงึ ไมแ่ สวงหาประทปี เลา่ ? เม่ือจบพระธรรมเทศนา หญิง ๕๐๐ คนต้ังอยู่ใน โสดาปัตติผลแล้ว. พระศาสดาทรงทราบความที่หญิง เหล่านั้น เป็นผู้ต้ังม่ันอยู่ในศรัทธาที่ไม่หวั่นไหวแล้ว 15 หญงิ สหายของนางวิสาขา www.kalyanamitra.org
เสด็จลงจากยอดเขาสิเนรุ ประทับนั่งบนพุทธอาสน์. นางวิสาขาชโ้ี ทษของสรุ าโดยบคุ ลาธษิ ฐาน๕ ล�ำดับนั้น นางวิสาขาได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า “พระเจา้ ขา้ ขนึ้ ชอื่ วา่ สรุ านเ้ี ลวทราม, เพราะวา่ หญงิ เหลา่ นี้ เป็นอย่างน้ี นั่งตรงพระพักตร์พระพุทธเจ้าเช่นพระองค์ ยังไม่สามารถจะท�ำอิริยาบถให้เรียบร้อยได้ เร่ิมจะลุกข้ึน ปรบมือ ทำ� การหวั เราะ ขับ และฟอ้ นเปน็ ต้นแล้ว” พระศาสดาตรัสวา่ “นั่นแหละวิสาขา ขึ้นชือ่ ว่าสรุ านี้ เลวทรามแท,้ เพราะประชาชนอาศยั สรุ าน้ี ถงึ ความพนิ าศ แล้วตั้งหลายรอ้ ย.” เมื่อนางวสิ าขากราบทลู ว่า “ก็สุรานี้เกดิ ข้นึ เม่ือไร ? พระเจ้าข้า,” เพื่อจะตรัสอุปัตติเหตุ๖ แห่งสุรานั้นแก่ นางวิสาขาโดยพิสดาร จึงทรงน�ำอดีตนิทานมาแล้วตรัส กุมภชาดก ดังนี้แล. จบเร่ืองหญิงสหายของนางวิสาขา. ๕ อ่านว่า บุกคะลาทิดถาน, บุกคะลาทิดสะถาน แปลว่า ว. มีบุคคล เป็นที่ตั้ง ที่ยกคนหรือสิ่งที่เป็นรูปธรรมอื่นๆ ข้ึนมาเป็นหลักในการ อธบิ าย เชน่ เปรยี บกิเลสเหมือนพญามาร คู่กับ ธรรมาธิษฐาน. ๖ เหตทุ เี่ กดิ ขนึ้ , เหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ เชน่ ควรเทศนาใหเ้ หมาะแกอ่ ปุ ตั ตเิ หตุ คือ แสดงธรรมให้เข้ากบั เรอื่ งทเ่ี กิดข้ึน; ปจั จบุ ันเขียนวา่ อุบัตเิ หตแุ ละ ใช้ในความหมายท่ตี ่างออกไป 16 อบุ าสกิ า ฉบับสามญั ชน www.kalyanamitra.org
๓ เรอ่ื งนางปตปิ ูชกิ า๗ สถานทีต่ รัส กรุงสาวตั ถี ได้ยินว่า เทพบุตรนามว่า ‘มาลาภารี’ ในดาวดึงส เทวโลกนั้น มีนางอัปสรหนึ่งพันเป็นบริวารแวดล้อมแล้ว เข้าไปสู่สวน. เทพธดิ า ๕๐๐ ขึน้ สู่ตน้ ไม้ เพอื่ เด็ดดอกไม.้ เทพธดิ า ๕๐๐ เก็บเอาดอกไม้ที่เทพธิดาเหลา่ นน้ั มาแลว้ ประดบั เทพบุตร. เทพธิดาเหล่านั้น เทพธิดาองค์หน่ึง จุติ (ตาย) บนกิ่งไม้ นั่นแล. สรีระดับไป (กายทิพย์หายไป) ดุจเปลวประทีป นางถือปฏิสนธิในเรือนแห่งตระกูลหน่ึง ในกรุงสาวัตถี ๗ ต้นฉบับธัมมปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, ปุปผวรรควรรณนา, ล.๔๑, น.๔๓, มมร. 17 นางปตปิ ูชิกา www.kalyanamitra.org
เมื่อนางเกิดแล้ว เป็นหญิงระลึกชาติได้ ระลึกอยู่ ว่า ‘เราเป็นภริยาของมาลาภารีเทพบุตร’ เม่ือเติบโตขึ้น กระทำ� การบชู าดว้ ยของหอมและดอกไมเ้ ปน็ ตน้ ปรารถนา ไปเกดิ เฉพาะในวมิ านเทพบุตรสามี. นางแมแ้ ตง่ งานไปตระกูลอนื่ เมื่ออายุ ๑๖ ปี ถวาย สลากภัต ปักขิกภัต๘ และวัสสาวาสิกภัต๙ เป็นต้นแล้ว ยอ่ มกล่าวว่า “ส่วนแหง่ บุญนี้ จงเปน็ ปัจจยั เพื่อประโยชน์ แกก่ ารบงั เกิดในวมิ านเทพบุตรสามขี องเรา.” ภิกษุท้ังหลายทราบว่า ‘นางนี้ ลุกขึ้นเสรจ็ สรรพแล้ว ย่อมปรารถนาไปเกิดร่วมกับสามีเท่าน้ัน’ จึงขนานนาม ของนางว่า “ปตปิ ชู ิกา.” (ผ้บู ชู าสามี) นางปติปูชิกาน้ัน ย่อมดูแลโรงฉัน เข้าไปตั้งน้�ำฉัน ปูอาสนะเป็นนิตย์. ชาวบ้านคนอ่ืนๆ ท่ีใคร่เพ่ือจะถวาย สลากภตั เปน็ ตน้ นำ� มามอบให้ด้วยคำ� ว่า “แม่นาง ทา่ นจง จัดแจงภตั เหล่าน้ี แก่ภิกษสุ งฆ์.” แม้นางเดินไปเดินมาอยู่ โดยทำ� นองนั้น ได้กศุ ลธรรม ๕๖๑๐ ทกุ ย่างกา้ ว. ๘ อาหารทีเ่ ขาถวายปกั ษ์ละครัง้ คอื สบิ หา้ วันครง้ั หน่งึ ๙ อาหารที่เขาถวายชว่ งพระจำ� พรรษา 18 อบุ าสิกา ฉบบั สามญั ชน www.kalyanamitra.org
นางตั้งครรภ์แล้ว. นางก็คลอดบุตร เมือ่ เวลาลว่ งไป ๑๐ เดือน. เม่ือบุตรคนนั้นเดินได้ นางได้บุตรอีกรวม ๔ คน. วนั หนงึ่ นางถวายทาน ท�ำการบูชา ฟังธรรม รักษา สิกขาบทในเวลาเย็นของวันหน่ึง ก็ท�ำกาละ (ตาย) ด้วย โรคอย่างหนึ่งซ่ึงเกิดข้ึนในขณะน้ัน แล้วบังเกิดในวิมาน สามเี ดิมของตน. ฝ่ายนางเทพธิดาองค์อ่ืน ก�ำลังประดับอยู่นั่นเอง ตลอดเวลาน่ันเอง. เทพบุตรเห็นนางนั้น กล่าวว่า “เธอหายหน้าไปตง้ั แต่เช้า, เธอไปไหนมา ?” เทพธิดา. “ ดฉิ ันจตุ ิคะ่ นาย.” เทพบุตร. “เธอพดู อะไรนะ ?” เทพธดิ า. “ขอ้ นัน้ เปน็ อย่างนี้ นาย.” เทพบุตร. “เธอเกดิ แล้วในทไี่ หน ?” ๑๐ ธรรมอันเป็นกุศล คือในสมัยใด จิตอันเป็นกุศลฝ่ายกามาวจร (ท่องเทยี่ วไปในกาม) ประกอบด้วยโสมนัส (ความดีใจ) ประกอบ ด้วยญาณ เกิดขน้ึ ปรารภ อารมณ์ คือ รูป หรือเสียง หรือกลนิ่ หรือรส หรือโผฏฐัพพะ (ส่ิงท่ีถูกต้องได้) หรือธรรมะ (ส่ิงท่ีรู้ได้ ด้วยใจ), ในสมยั นน้ั ยอ่ มมี (ธรรมะ ๕๖ อย่าง) 19 นางปตปิ ูชกิ า www.kalyanamitra.org
20 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
เทพธิดา. “เกิดในเรือนแหง่ ตระกลู ในกรุงสาวัตถี.” เทพบตุ ร. “เธอด�ำรงอยู่ในกรุงสาวัตถีนั้นเป็นเวลานาน เท่าไร ?” เทพธดิ า. “ขา้ แตน่ าย ดฉิ นั ออกจากทอ้ งมารดา เมอื่ เวลา ล่วงไป ๑๐ เดือน เม่ืออายุ ๑๖ ปี แต่งงาน ไปสู่ตระกูลสามี คลอดบุตร ๔ คน ท�ำบุญ มที านเปน็ ตน้ ปรารถนาถงึ นาย มาบงั เกดิ แลว้ ในวิมานของนายตามเดมิ .” เทพบุตร. “อายุของมนุษยม์ ปี ระมาณเท่าไร ?” เทพธดิ า. “ประมาณ ๑๐๐ ปี.” เทพบุตร. “เทา่ นน้ั เองหรือ ?” เทพธดิ า. “คะ่ นาย.” เทพบตุ ร. “พวกมนษุ ยถ์ อื เอาอายปุ ระมาณเทา่ นเ้ี กดิ แลว้ เป็นผู้ประมาทเหมือนหลับ ปล่อยเวลา ให้ล่วงไปเปล่าหรือไม่ ? หรือท�ำบุญมีทาน เปน็ ต้น ?” เทพธิดา. “พดู อะไรอยา่ งน้ัน นาย, พวกมนุษย์ประมาท เป็นนิตย์ ประหนึ่งมีอายุตั้งอสงไขยแล้ว ท�ำประหนึง่ วา่ ไม่แก่ไม่ตาย.” 21 นางปตปิ ชู ิกา www.kalyanamitra.org
ความสงั เวชเปน็ อนั มาก ไดเ้ กดิ ขน้ึ แกม่ าลาภารเี ทพ บตุ รว่า “ทราบวา่ พวกมนษุ ย์ถือเอาอายปุ ระมาณ ๑๐๐ ปี เกดิ แลว้ ประมาท นอนหลับอยู่, เมอ่ื ไรหนอ ? จงึ จะพ้น จากทกุ ข์ได.้ ” ๑๐๐ ปี ของพวกเรา (มนุษย)์ เปน็ หน่งึ วนั หน่ึงคนื ของพวกเทวดาช้ันดาวดึงส์, ๓๐ ราตรีเป็นหน่ึงเดือน, กำ� หนด ๑๒ เดอื นเปน็ หนง่ึ ป,ี ๑,๐๐๐ ปที พิ ยเ์ ปน็ ประมาณ อายขุ องเทวดาชนั้ ดาวดงึ ส,์ ๑,๐๐๐ ปที พิ ยน์ นั้ โดยการนบั ในเมืองมนษุ ยเ์ ป็นเวลา ๓ โกฏิ ๖ ลา้ นปี. เพราะฉะนั้น แม้วันเดียวของเทพบุตรนั้น ก็ยัง ไม่หมดไป ได้เป็นเวลาช่ัวครู่เดียวเท่าน้ัน. ขึ้นช่ือว่า ความประมาทของสตั วผ์ มู้ อี ายนุ อ้ ยอยา่ งนี้ ไมค่ วรอยา่ งยง่ิ แล. วนั รงุ่ ขน้ึ พวกภกิ ษเุ ขา้ ไปสบู่ า้ น เหน็ โรงฉนั ยงั ไมไ่ ด้ จัด อาสนะยังไม่ได้ปู น�้ำฉันยังไม่ได้ต้ังไว้ จึงกล่าวว่า “นางปตปิ ชู ิกาไปไหน ?” ชาวบา้ น. “ทา่ นผเู้ จรญิ พระคุณเจา้ ท้ังหลายจะเหน็ นางไดท้ ไี่ หน? เมอื่ วานน้ี เมอื่ พระคณุ เจา้ ฉนั แลว้ กลบั ไป, นางตายในตอนเยน็ .” 22 อบุ าสิกา ฉบบั สามญั ชน www.kalyanamitra.org
ภิกษุปุถุชนฟังค�ำน้ันแล้ว ระลึกถึงอุปการะของ นางนน่ั ไม่อาจจะกลั้นน�้ำตาไวไ้ ด้, ธรรมสังเวชได้เกดิ แก่ พระขีณาสพ. ภิกษุเหล่าน้ันฉันภัตแล้ว ไปวิหาร ถวาย บังคมพระศาสดา ทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อุบาสิกาช่ือปติปูชิกา ตื่นข้ึนแล้ว ท�ำบุญต่างๆ เพราะ ปรารถนาถึงสามีเท่านั้น, บัดน้ี นางตายแล้ว ไปเกิด ณ ทีไ่ หน ?” พระศาสดา. “ภิกษุทั้งหลาย นางเกิดในที่เดิมของสามี ของเธอน่นั แหละ.” ภกิ ษ.ุ “ในบา้ นของสามี ไม่มี พระเจา้ ข้า.” พระศาสดา. “ภิกษุท้ังหลาย นางปรารถนาถึงสามี ในชาตินี้ ก็หามิได้, มาลาภารีเทพบุตร ในดาวดงึ สพิภพ เป็นสามีของนาง, นางจุติ เคลอ่ื นจากทป่ี ระดบั ดอกไมข้ องสามนี นั้ แลว้ บัดน้ีละโลกไปบังเกิดในวิมานสามีนั้นอีก น่นั แล.” ภกิ ษุ. “เปน็ อย่างน้นั หรอื ? พระเจา้ ขา้ . ” พระศาสดา. “เป็นอย่างนัน้ ภิกษุทัง้ หลาย.” ภิกษ.ุ “น่าสังเวช ! ชีวิตของสัตว์ท้ังหลายน้อยจริง พระเจ้าข้า เช้าตรู่ นางได้ถวายอาหารแก่ 23 นางปติปชู กิ า www.kalyanamitra.org
พวกข้าพระองค์ ตอนเย็น ตายด้วยโรค ปจั จุบันทนั ดว่ นที่เกดิ ขน้ึ .” พระศาสดา. “อย่างนัน้ ภกิ ษทุ งั้ หลาย ชื่อวา่ ชีวิตของสตั ว์ ทงั้ หลายนอ้ ยจรงิ , เหตนุ ั้นแล มจั จผุ ู้กระทำ� ซ่ึงท่ีสุด ยังสัตว์เหล่านี้ซึ่งไม่อ่ิม ด้วยวัตถุ กามและกเิ ลสกามนน่ั แล ใหเ้ ปน็ ไปในอำ� นาจ ของตนแล้ว ย่อมพาเอาสัตว์ท่ีคร่�ำครวญ ร�ำ่ ไรไป” ดงั น้แี ลว้ ตรัสพระคาถานว้ี า่ :- มัจจุ ผ้ทู ำ� ซ่ึงทีส่ ดุ กระทำ� บคุ คล ผูม้ ใี จขอ้ งในอารมณต์ ่างๆ เลือกเกบ็ ดอกไม้อย่เู ทียว ผูไ้ ม่อ่มิ ในกามท้ังหลายนน่ั แลส่อู ำ� นาจ เมื่อจบเทศนา คนเป็นจ�ำนวนมาก บรรลุอริยผล ทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น, เทศนามีประโยชน์ แกม่ หาชน ดงั น้แี ล. จบเรื่องนางปตปิ ชู ิกา. 24 อุบาสิกา ฉบบั สามัญชน www.kalyanamitra.org
๔ เร่ืองนางลาชเทวธิดา๑๑ สถานทีต่ รัส พระเชตวัน เร่ืองโดยละเอยี ดมีอยู่ว่า ทา่ นพระมหากสั สป อยู่ท่ี ปปิ ผลคิ หู า เขา้ ฌานแลว้ ออกในวนั ที่ ๗ ตรวจดทู เ่ี ทยี่ วไป เพื่อภิกษาด้วยทิพยจักษุ เห็นหญิงรักษานาข้าวสาลี คนหน่ึง เด็ดรวงข้าวสาลีท�ำข้าวตอกอยู่ พิจารณาว่า ‘หญงิ นี้มีศรัทธาหรือไม่หนอ ?’ รวู้ ่า ‘มศี รทั ธา’ ใครค่ รวญ วา่ ‘เธอจะอาจเพอื่ ทำ� การสงเคราะหแ์ ก่เราหรอื ไมห่ นอ ?’ รู้วา่ ‘กุลธดิ าเปน็ หญงิ แกล้วกล้า จะทำ� การสงเคราะห์เรา, ครั้นท�ำแล้ว จะได้สมบัติเป็นอันมาก ‘จึงครองจีวร ถือบาตร ได้ยืนอยู่ท่ีใกล้นาข้าวสาลี. กุลธิดาพอเห็น ๑๑ ต้นฉบับธัมมปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, ปาปวรรควรรณนา, ล.๔๒, น.๑๑, มมร. 25 นางลาชเทวธิดา www.kalyanamitra.org
พระเถระก็มีจิตเลื่อมใส ร่างกายเกิดมีปีติ ๕๑๒ อย่าง แล้วกล่าวว่า “นิมนต์หยุดก่อน เจ้าข้า” ถือข้าวตอกไป โดยเร็ว เกล่ียลงในบาตรของพระเถระแล้ว ไหว้ด้วย เบญจางคประดษิ ฐ๑์ ๓ ไดต้ ง้ั ความปรารถนาวา่ “ทา่ นเจา้ ขา้ ขอดิฉนั พงึ เป็นผมู้ ีสว่ นแห่งธรรมที่ทา่ นเห็นแล้ว.” พระเถระไดอ้ นโุ มทนาวา่ “ความปรารถนาอย่างนน้ั จงสำ� เร็จ.” ฝ่ายนางไหว้พระเถระแล้ว พลางนึกถึงทานท่ีตน ถวายแล้วกลับไป. ก็ในหนทางท่ีนางเดินไป บนคันนา มีงูพิษร้ายนอนอยู่ในรูแห่งหนึ่ง. งูไม่อาจขบกัดแข้ง ๑๒ ปีติ ๕ (ความอิ่มใจ, ความดม่ื ด่�ำ) ๑. ขุททกาปีติ (ปตี เิ ล็กนอ้ ย) พอขนชูชันนำ�้ ตาไหล ๒. ขณกิ าปตี ิ (ปตี ชิ ว่ั ขณะ) ทำ� ใหร้ สู้ กึ แปลบๆ เปน็ ขณะๆ ดจุ ฟา้ แลบ ๓. โอกกันติกาปีติ (ปีติเป็นระลอกหรือเป็นพักๆ) ให้รู้สึกซู่ลงมาๆ ในกาย ดจุ คลื่นซัดตอ้ งฝัง่ ๔. อพุ เพตาปตี ิ หรอื อพุ เพงคาปตี ิ (ปตี โิ ลดลอย) เปน็ อยา่ งแรงใหร้ สู้ กึ ใจฟูแสดงอาการหรือท�ำการบางอย่างโดยมิได้ต้ังใจ เช่น เปล่ง อทุ าน เปน็ ตน้ หรอื ใหร้ ู้สึกตัวเบา ลอยขึน้ ไปในอากาศ ๕. ผรณาปีติ (ปีติซาบซ่าน) ให้รู้สึกเย็นซ่านแผ่เอิบอาบไปท่ัว สรรพางค์ ปีตทิ ีป่ ระกอบกบั สมาธิ ๑๓ ค�ำว่า เบญจางคประดษิ ฐ์ แปลว่า ตัง้ ไว้เฉพาะซ่งึ องค์ ๕ หมายความ วา่ ไหวไ้ ดอ้ งค์ ๕ คือ หนา้ ผาก ๑ ฝา่ มือท้ัง ๒ และเข่าทงั้ ๒ จดลง ที่พน้ื จึงรวมเป็น ๕ 26 อุบาสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
พระเถระอนั ปกปดิ ดว้ ยผ้ากาสายะได.้ นางพลางระลกึ ถึง ทานกลับไปถึงท่ีนั้น. งูเลื้อยออกจากรู กัดนางให้ล้มลง ณ ท่ีน้นั เอง. นางมีจิตเลื่อมใส ท�ำกาละ (ตาย) แล้ว ไปเกิดใน วิมานทองประมาณ ๓๐ โยชน์ (๔๘๐ กม.) ในภพดาวดงึ ส์ มีร่างสูงประมาณ ๓ คาวุต๑๔ ประดับเคร่ืองอลังการ ทกุ อยา่ ง เหมอื นหลับแลว้ ตน่ื ข้นึ . นางนงุ่ ผา้ ทพิ ยป์ ระมาณ ๑๒ ศอกผนื หนง่ึ หม่ ผนื หนง่ึ แวดลอ้ มดว้ ยนางอปั สรจำ� นวนพนั เพอื่ ประกาศบรุ พกรรม (กรรมเกา่ ) จงึ ยนื อยทู่ ป่ี ระตวู มิ านอนั ประดบั ดว้ ยขนั ทองคำ� เตม็ ดว้ ยขา้ วตอกทองคำ� หอ้ ยระยา้ อยู่ ตรวจดสู มบตั ขิ องตน ใครค่ รวญด้วยทิพยจกั ษวุ ่า ‘เราทำ� กรรมสงิ่ ไรหนอ จึงได้ สมบัติน้ี’ ได้รู้วา่ ‘สมบัตเิ ราไดแ้ ล้ว เพราะผลแห่งข้าวตอก ทีเ่ ราถวายพระคณุ เจ้ามหากสั สปเถระ.’ นางคิดว่า ‘เราได้สมบัติมากอย่างน้ีเพราะกรรม นดิ หนอ่ ยอยา่ งน้ี บดั น้เี ราไมค่ วรประมาท, เราจกั ท�ำวตั ร ปฏิบตั ิ๑๕ แกพ่ ระคุณเจ้า ทำ� สมบัตทิ พิ ย์น้ีใหถ้ าวร’ ๑๔ คาวตุ ๑ ยาวเทา่ กบั ๑๐๐ เส้น. ๑๕ อ่านวา่ วัดตรฺ ะ- แปลวา่ น. การปฏิบัติตามหนา้ ท่ีหรอื ตามศีล. 27 นางลาชเทวธิดา www.kalyanamitra.org
28 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
จงึ ถอื ไมก้ วาด และกระเชา้ ๑๖ สำ� หรบั เทมลู ฝอยทที่ ำ� ดว้ ยทองไปกวาดบรเิ วณทพ่ี กั ของพระเถระ แลว้ ตง้ั นำ�้ ฉนั นำ�้ ใช้ไวแ้ ต่เช้าตรู่. พระเถระเห็นเช่นนนั้ คดิ ว่า ‘จกั เปน็ วตั รทภี่ ิกษุหน่มุ หรือสามเณรบางรูปทำ� ’ แม้ในวันท่ี ๒ นางก็ได้ท�ำอย่างน้ัน ฝ่ายพระเถระ ก็คดิ เชน่ นน้ั เหมอื นกนั . แตใ่ นวันที่ ๓ พระเถระได้ยินเสียงไมก้ วาดของนาง และเห็นแสงสว่างแห่งสรีระฉายเข้าไปทางช่องลูกดาล๑๗ จงึ เปดิ ประตอู อกมาถามว่า “ใครนนั่ ทก่ี วาดอยู่ ?” นาง. “ท่านเจ้าข้า ดิฉันเอง เป็นอุปัฏฐายิกา๑๘ ของท่าน ช่อื ‘ลาชเทวธิดา’ ”. พระเถระ. “อุปัฏฐายิกาของเรา ผู้มีชื่ออย่างนี้ ดูเหมือน จะไมม่ ี.” นาง. “ท่านเจ้าข้า ดิฉันผู้รักษานาข้าวสาลี ถวาย ข้าวตอกแล้ว มีจิตเลื่อมใสก�ำลังเดินกลับไป ถูกงูกัด ท�ำกาละแล้ว บังเกิดในเทวโลก ชัน้ ดาวดงึ ส์, ทา่ นเจ้าข้า ดิฉันคดิ วา่ ‘สมบัติน้ี ๑๖ น. ภาชนะสานมีหสู �ำหรับห้อยและหว้ิ , บางอยา่ ง กใ็ ช้ต้งั . ๑๗ น. เหล็กส�ำหรับไขดาลประตู มรี ปู เป็นมุมฉาก ๒ ทบ. ๑๘ น. ผบู้ �ำรุง, ผดู้ แู ล, ผูร้ บั ใชท้ เี่ ปน็ หญงิ (มักใช้ส�ำหรับพระสงฆ์). 29 นางลาชเทวธิดา www.kalyanamitra.org
เราได้เพราะอาศัยพระคุณเจ้า, แม้ในบัดนี้ เราจะท�ำวัตรปฏิบัติแก่ท่าน ท�ำสมบัติให้ ม่นั คง’, จงึ ได้มา”. พระเถระ “ท้ังวานนี้ ทั้งวานซืนน้ี เจา้ คนเดยี วกวาดที่น,่ี เจา้ คนเดียวที่เข้าไปตงั้ นำ�้ ฉันนำ�้ ใช้ไว้หรือ ?” นาง. “อยา่ งนน้ั เจา้ ขา้ .” พระเถระ. “เธอจงหลีกไปเสีย นางเทวธิดา, วัตรท่ีเจ้า ท�ำแล้ว ก็เป็นอันท�ำแล้ว, ตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าอย่ามาทีน่ อ้ี ีก.” นาง. “อย่าให้ดิฉันฉิบหาย๑๙ เสียเลย เจ้าข้า, ขอ พระคุณเจ้า จงให้ดิฉันท�ำวัตรแก่พระคุณเจ้า ท�ำสมบตั ิของดิฉนั ให้มั่นคงเถิด.” พระเถระ. “จงหลีกไป นางเทวธิดา, เจ้าอย่าท�ำให้เรา ถูกพระธรรมกถึก๒๐ ทั้งหลาย น่ังจับพัดอัน วิจิตร พึงกล่าวในอนาคตว่า ‘ได้ยินว่านาง เทวธดิ าผหู้ นง่ึ มาทำ� วตั รปฏบิ ตั ิ เขา้ ไปตงั้ นำ�้ ฉนั น�้ำใช้ เพ่ือพระมหากัสสปเถระ,’ ต่อแต่นี้ไป เจ้าอย่ามา ณ ที่น้อี ีก จงกลับไปเสยี .” ๑๙ ก. สญู หมด เสยี หมด หมดเร็ว ปน่ ปี้ โดยปริยาย (โดยอ้อม) ใชเ้ ป็น คาํ ด่า คาํ แชง่ หมายความเช่นนั้น. ๒๐ อ่านวา่ ทำ� -มะ-กะ-ถึก แปลว่า น. ผู้แสดงธรรม, ผเู้ ทศน์, นักเทศน์. 30 อบุ าสกิ า ฉบบั สามัญชน www.kalyanamitra.org
นางจึงอ้อนวอนซ�้ำๆ อีกว่า “ขอท่านอย่าให้ดิฉัน เสียหายเลยเจ้าข้า” พระเถระคิดว่า ‘นางเทวธิดาน้ีไม่เช่ือฟังถ้อยค�ำ ของเรา’ จึงปรบมือด้วยกล่าวว่า “เจ้าไม่รู้จักประมาณ ของเจ้า.” นางไม่อาจอยู่ในที่นั้นได้ เหาะขึ้นไปในอากาศ ประคองอญั ชลี๒๑ ได้ยนื รอ้ งไห้ คร่�ำครวญอยใู่ นอากาศวา่ “ท่านเจ้าข้า อย่าท�ำสมบัติที่ดิฉันได้แล้วเสียหายเลย, จงใหด้ ิฉนั ท�ำให้มั่นคงเถดิ .” พระศาสดา ประทับน่ังในพระคันธกุฎีน่ันเอง ทรง สดับเสียงนางเทวธิดาน้ันร้องไห้ ทรงแผ่พระรัศมีดุจ ประทับนั่งตรัสอยู่ในที่เฉพาะหน้านางเทวธิดา ตรัสว่า “เทวธดิ า การทำ� ความสังวรนน่ั เทยี ว เปน็ ภาระของกสั สป ผูบ้ ุตรของเรา, แต่การก�ำหนดว่า ‘นี้เป็นประโยชน์ของเรา แลว้ มงุ่ กระทำ� แตบ่ ญุ ยอ่ มเปน็ ภาระของผมู้ คี วามตอ้ งการ ดว้ ยบญุ , ดว้ ยวา่ การทำ� บญุ อนั เปน็ เหตใุ หเ้ กดิ สขุ อยา่ งเดยี ว ท้ังในภพนี้ ทงั้ ในภพหนา้ ’ ” ดงั น้ี ๒๑ อา่ นว่า อนั -ชะ-ล ี แปลว่า น. การประนมมอื , การไหว,้ บางทีใช้เปน็ อัญชุลี หรือใชล้ ะวา่ ชุลีก็ม.ี 31 นางลาชเทวธิดา www.kalyanamitra.org
เม่ือจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถา น้วี า่ ถา้ บุรุษพึงทำ� บุญไซร้, พึงทำ� บญุ น้ันบอ่ ยๆ พงึ ท�ำความพอใจในบญุ นั้น, เพราะว่าความสง่ั สมบญุ ท�ำให้เกดิ สขุ . เมื่อจบเทศนา นางเทวธิดาน้ัน ยืนอยู่ในที่สุดทาง ๔๕ โยชน์ (๗๒๐ กม.) นั่นแล ได้บรรลโุ สดาปตั ตผิ ลแลว้ ดังนั้นแล. จบเรื่องนางลาชเทวธดิ า. 32 อุบาสิกา ฉบบั สามญั ชน www.kalyanamitra.org
๕ เรื่องหญิงขีห้ งึ ๒๒ สถานทตี่ รัส พระเชตวัน ได้ยินว่า สามีของหญิงน้ันได้เป็นชู้กับหญิงรับใช้ คนหนึ่งในเรือน. หญิงข้ีหึงน้ัน มัดมือมัดเท้าหญิงรับใช้ คนน้ันไว้แล้ว ตัดหูตัดจมูกของเขา ขังไว้ในห้องว่าง ห้องหน่ึง ปิดประตูแล้ว เพ่ือจะปกปิดกรรมน้ันที่ตนท�ำ แล้วชวนสามีว่า “มาเถิดนาย, เราจะไปวัดฟังธรรม” พาสามีไปวัดนั่งฟงั ธรรมอยู.่ ขณะน้ันพวกญาติผู้เป็นแขกของนางมายังเรือน ของนางแล้ว เปิดประตูเห็นส่ิงแปลกน้ันแล้วแก้มัด หญงิ รบั ใชอ้ อก. ๒๒ ต้นฉบับธัมมปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, นิรยวรรควรรณนา, ล.๔๓, น.๒๑๒, มมร. 33 หญงิ ขีห้ ึง www.kalyanamitra.org
34 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
หญิงรับใช้น้ันไปวัด กราบทูลเน้ือความนั้นแด่ พระทศพล ในท่ามกลางบรษิ ัท ๔. พระศาสดาทรงสดบั คำ� ของหญงิ รบั ใชน้ นั้ แลว้ ตรสั วา่ “ข้ึนชื่อว่าทุจริต แม้เพียงเล็กน้อยบุคคลไม่ควรท�ำ ด้วย ส�ำคัญว่า ‘คนอ่ืนย่อมไม่รู้กรรมน้ีของเรา’ ส่วนสุจริต นั่นแหละ เม่ือคนอ่ืนแม้ไม่รู้ก็ควรท�ำ, เพราะว่าขึ้นช่ือว่า ทุจริต แม้บุคคลปกปิดท�ำ ย่อมท�ำการเผาผลาญใน ภายหลัง, ส่วนสุจริตย่อมยังความปราโมทย์อย่างเดียว ใหเ้ กิดขึน้ ดงั นแ้ี ลว้ จึงตรสั พระคาถานีว้ ่า :- กรรมชัว่ ไมท่ ำ� เสียเลยดกี วา่ , เพราะกรรมช่วั ย่อมเผาผลาญในภายหลัง, สว่ นบุคคลท�ำกรรมใดแลว้ ไมต่ ามเดอื ดรอ้ น, กรรมนน้ั เป็นกรรมดีอันบคุ คลทำ� แล้วดีกวา่ . เม่ือจบเทศนา อุบาสกและหญิงนั้น ต้ังอยู่ในโสดา- ปัตติผลแล้ว. ก็คนท้ังหลายท�ำหญิงรับใช้นั้นให้เป็นไท ในท่ีน้ันน่ันแล แล้วท�ำให้เป็นหญิงมีปกติประพฤติธรรม ดงั น้ีแล. จบเร่อื งหญิงขห้ี งึ . 35 หญิงขี้หึง www.kalyanamitra.org
36 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
๖ เรื่องเด็กหญิงแหง่ ตระกลู คนใดคนหนึ่ง๒๓ สถานทตี่ รัส พระเชตวนั ได้ยินมาว่า มารดาของกุมารีคนหนึ่งจัดงานมงคล สมรส นิมนต์พระศาสดาในวันมงคล. พระศาสดาอันหมู่ ภิกษุแวดล้อมเสด็จไปในที่น้ัน ประทับนั่งแล้ว. หญิงสาว คนนั้น ท�ำการกรองน�้ำเป็นต้น เพ่ือหมู่ภิกษุ เท่ียวไปๆ มาๆ อยู่. ฝา่ ยสามขี องนางไดย้ นื แลดนู างอยแู่ ลว้ . เมอ่ื เขาเหน็ อยู่ด้วยอ�ำนาจแห่งราคะ กิเลสในภายในย่อมฟุ้งซ่าน. เขาถูกความไม่รู้สึกครอบง�ำแล้ว จึงไม่ดูแลพระพุทธเจ้า ไม่ดูแลพระมหาเถระ ๘๐ แต่ได้คิดในใจไว้ว่า ‘เราจะ ย่นื มอื ออกจบั หญงิ สาวนน้ั .’ ๒๓ ต้นฉบบั ธมั มปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, ตณั หาวรรควรรณนา, ล.๔๒, น.๓๗๑, มมร. 37 เด็กหญิงแหง่ ตระกลู คนใดคนหนึง่ www.kalyanamitra.org
พระศาสดาทรงเลง็ เหน็ อชั ฌาสยั ของเขาแลว้ ไดท้ รง ทำ� อยา่ งใหเ้ ขามองไมเ่ หน็ หญงิ นนั้ . เขาไมเ่ หน็ หญงิ คนนนั้ แลว้ จึงไดย้ ืนดพู ระศาสดา. ในขณะที่เขายืนแลอยู่ พระศาสดาตรัสว่า “แน่ะ พอ่ หนมุ่ ก็ชือ่ ว่าไฟ เช่นกบั ไฟคอื ราคะ ไม่มี, ช่ือวา่ โทษ เช่นกับโทษคือโทสะ ไม่มี, ช่ือว่าทุกข์ เช่นกับทุกข์ เพราะการบริหารขันธ์ ไม่มี, แม้สุขเช่นกับนิพพานสุข ไมม่ ีเหมอื นกนั ” ดังนีแ้ ลว้ ตรัสพระคาถาน้ีวา่ :- ไฟเสมอด้วยราคะ ยอ่ มไม่ม,ี โทษเสมอดว้ ยโทสะ ยอ่ มไมม่ ,ี ทุกขท์ ้งั หลายเสมอด้วยขนั ธ์ ย่อมไมม่ ี, สุขอน่ื จากความสงบยอ่ มไม่มี. เมอ่ื จบเทศนา กมุ ารแี ละกมุ ารตง้ั อยใู่ นโสดาปตั ตผิ ล แล้ว. ในขณะนัน้ พระผมู้ ีพระภาคเจา้ ไดท้ รงทำ� ใหท้ ง้ั สอง เห็นซ่ึงกันและกัน ดังน้ีแล. จบเรือ่ งเด็กหญิงแห่งตระกูลคนใดคนหน่ึง. 38 อุบาสิกา ฉบับสามญั ชน www.kalyanamitra.org
๗ เรื่องหญงิ คนใดคนหน่งึ ๒๔ สถานทตี่ รสั พระเชตวนั เล่ากันมาว่า ภิกษุผู้ถือบิณฑบาตเป็นวัตรรูปหน่ึง เรียนกัมมัฏฐานในส�ำนักของพระศาสดาแล้ว เข้าไปสู่ สวนรา้ งสวนหน่ึงทำ� สมณธรรมอย.ู่ คร้ังนั้น หญิงโสเภณีคนหนึ่งท�ำการนัดแนะกับ ชายคนหนึ่งว่า ‘ฉันจักไปสู่ท่ีโน้น, เธอพึงมาในที่น้ัน’ ไดไ้ ปแลว้ . ชายคนนนั้ ไมม่ าแลว้ . นางแลดูทางมาของชายคนน้ันอยู่ไม่เห็นเขา เกิด ความกระสันขึ้นแล้ว จึงเที่ยวไปข้างโน้นข้างน้ี เข้าไปสู่ สวนนั้นพบพระเถระนั่งขัดสมาธิ แลไปข้างโน้นข้างน้ี ไมเ่ ห็นใครๆ อน่ื ๒๔ ต้นฉบับธัมมปทัฏฐกถา อรรถกถาขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท, สุขวรรควรรณนา, ล.๔๑, น.๔๑๒, มมร. 39 หญงิ คนใดคนหน่งึ www.kalyanamitra.org
40 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
คิดว่า ‘ผู้น้ีเป็นชายเหมือนกัน, เราจะท�ำให้จิตของ ชายผนู้ ี้ ลมุ่ หลง’ ยืนอยูข่ ้างหน้าของพระเถระนัน้ เปลอื้ ง ผา้ นงุ่ แลว้ กลบั นงุ่ บอ่ ยๆ, สยายผมแลว้ เกลา้ , ปรบมอื แลว้ หวั เราะ. ความสังเวชเกดิ ขนึ้ แก่พระเถระ แผซ่ ่านไปทั่วกาย. ท่านคิดวา่ ‘น้ีเปน็ อยา่ งไรหนอแล ?’ ฝา่ ยพระศาสดาทรงใครค่ รวญวา่ ‘ความเป็นไปของ ภกิ ษผุ เู้ รยี นกมั มฏั ฐานจากสำ� นกั ของเรา ไปแลว้ ดว้ ยตง้ั ใจ ว่า’ จะท�ำสมณธรรม ‘เป็นอย่างไรหนอแล ?’ ทรงเห็น หญงิ นน้ั แล้ว ทรงทราบกิริยาอันน่าอายของหญิงนัน้ และ ความเกิดขึ้นแห่งความสังเวชของพระเถระ ประทับนั่ง ในพระคันธกุฎีนั่นแหละ ตรัสกับพระเถระน้ันว่า “ภิกษุ ทๆี่ ไมร่ ่ืนรมยข์ องพวกคนผูแ้ สวงหากามนน่ั แหละ เปน็ ท่ี รนื่ รมย์ของผ้ปู ราศจากแลว้ ซงึ่ ราคะทัง้ หลาย.” ก็แลคร้ันตรัสอย่างน้ันแล้ว ทรงแผ่พระโอภาสไป เมอื่ จะทรงแสดงธรรมแกภ่ กิ ษุนัน้ ตรัสพระคาถานว้ี า่ :- 41 หญิงคนใดคนหน่ึง www.kalyanamitra.org
ป่าท้งั หลาย เป็นทนี่ ่าร่ืนรมย์, ท่านผมู้ ีราคะไปปราศแลว้ ท้งั หลาย จกั ยินดีในป่าอันไม่เป็นท่ียนิ ดขี องชน, เพราะท่านผมู้ ีราคะไปปราศแลว้ น้นั เปน็ ผมู้ ีปกติไมแ่ สวงหากาม. เม่ือจบเทศนา พระเถระนั้นน่ังตามปกตินั่นแล บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย มาโดย อากาศ ท�ำความช่ืนชม ถวายบังคมพระบาททั้งสองของ พระตถาคต ไดไ้ ปแลว้ ดังน้ีแล. จบเร่ืองหญิงคนใดคนหนึง่ . 42 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
๘ เรอื่ งมารดาของนางกาณา๒๕ สถานทีต่ รสั พระเชตวนั เรอื่ งมีมาแลว้ ในวนิ ัย แล. คร้ังนั้น ในกาลเม่ือมารดาของนางกาณาทอดขนม เพื่อให้ธิดามีของไปฝากตระกูลสามี ได้ถวายแก่ภิกษุ ๔ รูปเสีย ถงึ ๔ ครั้ง เม่อื พระศาสดาทรงบญั ญัตสิ กิ ขาบท เพราะเร่อื งนัน้ , เมื่อสามีของนางกาณา น�ำภรรยาใหม่มาแล้ว, นางกาณาได้ฟังเรื่องน้ัน จึงด่าจึงบริภาษ๒๖ พวกภิกษุ ซ่ึงตนได้เห็นแล้วและเห็นอีกว่า “การครองเรือนของเรา พวกภกิ ษุเหลา่ นี้ ใหเ้ สียหายแลว้ .” ภิกษทุ ้ังหลายไม่อาจเดินไปสถู่ นนนนั้ ได้. ๒๕ ตน้ ฉบับธมั มปทฏั ฐกถา อรรถกถาขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท, บณั ฑิตวรรควรรณนา, ล.๔๑, น.๓๔๓, มมร. ๒๖ อา่ นว่า บอรพิ าด, แปลว่า ก. กล่าวตเิ ตียน กล่าวโทษ ดา่ ว่า. 43 มารดาของนางกาณา www.kalyanamitra.org
44 อบุ าสิกา ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
พระศาสดาทรงทราบเร่ืองน้ันแล้ว จึงได้เสด็จไป ในทน่ี น้ั . มารดาของนางกาณา ถวายบงั คมพระศาสดาแลว้ นิมนต์ให้ประทับน่ังบนอาสนะท่ีตนตกแต่งไว้ ได้ถวาย ข้าวยาคู และของควรเคี้ยวแล้ว; พระศาสดาเสวย พระกระยาหารเชา้ แล้ว ตรสั ถามว่า “กาณาไปไหน ?” กาณามารดา. “พระเจ้าข้า นางเห็นพระองค์แล้ว เป็น ผเู้ กอ้ ๒๗ ยนื ร้องไหอ้ ย.ู่ ” พระศาสดา. “เพราะเหตุอะไรเล่า ?” กาณามารดา. “นางด่าติเตียนพวกภิกษุ; เพราะฉะนั้น นางเหน็ พระองคแ์ ลว้ จงึ เขนิ อาย ยนื รอ้ งไห้ อยู่ พระเจา้ ขา้ .” ล�ำดับนน้ั พระศาสดาทรงมีรับสั่งให้เรียกนางกาณา มาแล้ว ตรัสถามว่า “กาณา เจ้าเห็นเราแล้ว จึงเก้อเขิน แอบร้องไหท้ �ำไม ?” คร้ังน้ัน มารดาของนางกราบทูลกิริยาที่นางกระท�ำ แล้วใหท้ รงทราบ ทีนั้น พระศาสดาตรัสกับมารดาของนางกาณาว่า “กาณามารดา กส็ าวกทั้งหลายของเรา ถือเอาสิ่งที่เธอให้ แล้วหรอื ว่าท่ยี งั มิได้ให้เลา่ ?” ๒๗ เขิน, อาย, กระดาก, เคอะเขนิ , เกอ้ เขิน 45 มารดาของนางกาณา www.kalyanamitra.org
กาณามารดา. “ถอื เอาสง่ิ ทหี่ มอ่ มฉนั ถวายแลว้ พระเจา้ ขา้ .” พระศาสดา. “ถา้ สาวกของเราเทย่ี วบณิ ฑบาต ถงึ ประตู เรือนของเธอแล้ว ถือเอาสิ่งท่ีเธอให้แล้ว. จะมโี ทษอะไรแก่สาวกเหลา่ นนั้ เลา่ ?” กาณามารดา. “โทษของพระคุณเจ้าไม่มี พระเจ้าข้า, โทษของนางนีเ่ ทา่ น้นั มีอยู.่ ” พระศาสดาตรัสกับนางกาณาว่า “กาณา ได้ยินว่า สาวก ของเราเที่ยวบิณฑบาต มาถึงประตูเรือน นี้แล้ว, เม่ือเป็นเช่นน้ี มารดาของเจ้า ได้ถวายขนมแก่สาวกเหล่านั้น, ในเร่ืองนี้ จะกล่าวโทษอะไรแก่พวกสาวกทั้งหลาย ของเราเลา่ ?” นางกาณา. “โทษของพระคุณเจ้าไม่มี พระเจ้าข้า, หม่อมฉนั เท่าน้นั มีโทษ.” นางถวายบังคมพระศาสดา ใหท้ รงอดโทษแลว้ . ครั้งน้ัน พระศาสดาได้ตรัสอนุบุพพีกถาแก่นาง. นางบรรลโุ สดาปตั ติผลแล้ว. พระศาสดาเสด็จลุกจากอาสนะแล้ว เม่ือจะเสด็จ ไปสู่วหิ าร ไดเ้ สด็จไปทางพระลานหลวง. 46 อบุ าสกิ า ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
พระราชาทอดพระเนตรเห็นแล้ว ตรัสถามว่า “พนาย๒๘ นน่ั ดูเหมอื นพระศาสดา,” เม่ือราชบุรุษกราบทูลว่า “ถูกแล้วพระเจ้าข้า” ดังนี้ แล้ว จึงรับส่ังด้วยพระด�ำรัสว่า “จงไป จงกราบทูลความ ท่ีเราจะมาถวายบังคม” แล้วได้เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ซ่ึงประทับยืนอยู่ ณ พระลานหลวง ถวายบังคมด้วย เบญจางคประดิษฐ์แล้ว ทูลถามว่า “พระองค์จะเสด็จ ไปไหน ? พระเจ้าข้า.” พระศาสดา. “มหาบพิตร อาตมภาพจะไปสู่เรือนมารดา ของนางกาณา.” พระราชา. “เพราะเหตุอะไร ? พระองค์จึงเสด็จไป พระเจา้ ขา้ .” พระศาสดา. “ได้ข่าวว่า นางกาณาด่าติเตียนภิกษุ, อาตมภาพไปเพราะเหตนุ ้ัน.” พระราชา. “ก็พระองค์ทรงท�ำให้นางไม่ด่าแล้วหรือ ? พระเจา้ ขา้ .” พระศาสดา. “ถวายพระพร มหาบพติ ร อาตมภาพทำ� นาง มิให้เป็นผู้ด่าภิกษุแล้ว และให้เป็นเจ้าของ ทรัพย์อนั เป็นโลกุตระแลว้ .” ๒๘ น. “พ่อนาย” เปน็ ค�ำขุนนางผใู้ หญ่เรยี กผดู้ ีซึ่งอยู่ในบังคบั ตน. 47 มารดาของนางกาณา www.kalyanamitra.org
พระราชา. “พระองค์ทรงท�ำให้นางเป็นเจ้าของทรัพย์ ที่เป็นโลกุตระแล้วก็ตามที พระเจ้าข้า, ส่วนหม่อมฉัน จักท�ำนางให้เป็นเจ้าของ ทรพั ยท์ เ่ี ปน็ โลกีย์” ดังน้ีแล้ว ถวายบังคมพระศาสดาเสด็จกลับแล้ว ทรงสง่ ยานใหญท่ ปี่ กปดิ ไป รบั สงั่ ใหเ้ รยี กนางกาณามาแลว้ ประดับดว้ ยเคร่อื งอาภรณ์ทุกอย่าง ทรงตั้งไว้ในตำ� แหน่ง พระธิดาผู้ใหญ่แล้วตรัสว่า “ผู้ใดสามารถเลี้ยงดูธิดา ของเราได;้ ผนู้ ั้นจงรบั เอานางไป.” คร้ังนั้น มหาอ�ำมาตย์ผู้ส�ำเร็จราชกิจทุกอย่าง คนหน่ึง กราบทูลว่า “ข้าพระองค์จะเลี้ยงดูพระธิดา ของฝ่าพระบาท” ดังน้ีแล้ว น�ำนางไปยังเรือนของตน มอบความเปน็ ใหญท่ กุ อยา่ งใหแ้ ลว้ กลา่ ววา่ “เจา้ จงทำ� บญุ ตามชอบใจเถดิ .” ต้ังแต่วันน้ันมา นางกาณาตั้งคนไว้ท่ีประตูทั้ง ๔ ก็ยังไม่ได้ภิกษุและภิกษุณีที่ตนพึงบ�ำรุง. ของควรเค้ียว และของควรบริโภคท่ีนางกาณาตระเตรียมต้ังไว้ท่ีประตู เรอื น ยอ่ มเปน็ เหมอื นหว้ งน�ำ้ ใหญ.่ 48 อุบาสกิ า ฉบับสามัญชน www.kalyanamitra.org
พวกภิกษุได้สนทนากันในโรงธรรมว่า “ผู้มีอายุ ในกาลก่อนพระเถระ ๔ รูป ท�ำความเดือดร้อนให้แก่ นางกาณา, นางแม้เป็นผู้เดือดร้อนอย่างนั้น อาศัย พระศาสดา ไดค้ วามถงึ พรอ้ มดว้ ยศรทั ธาแลว้ ; พระศาสดา ได้ทรงท�ำประตูเรือนของนาง ให้เป็นสถานที่ควรเข้าไป ของพวกภิกษุอีก,บัดนี้ นางแม้แสวงหาภิกษุหรือภิกษุณี ทั้งหลายท่ีตนจะพึงบ�ำรุงอีก ก็ยังไม่ได้, โอ ! ธรรมดา พระพุทธเจา้ ทั้งหลาย มีคณุ นา่ อัศจรรย์จรงิ .” พระศาสดาเสดจ็ มาแล้ว ตรสั ถามว่า “ภิกษทุ ้งั หลาย บัดน้พี วกเธอนงั่ สนทนากันดว้ ยเรอื่ งอะไรหนอ ?” เม่ือภิกษเุ หล่านัน้ กราบทลู วา่ “ดว้ ยเรอื่ งน.ี้ ” จึงตรัสว่า “ภิกษุท้ังหลาย ภิกษุแก่เหล่านั้นท�ำ ความเดอื ดร้อนแกน่ างกาณา มใิ ช่แต่บดั นเี้ ทา่ นนั้ , แม้ใน กาลก่อนพวกเธอก็ท�ำแล้วเหมือนกัน; อนึ่ง เราได้ท�ำให้ นางกาณาท�ำตามถ้อยค�ำของเรา มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น, แม้ในกาลก่อน เราก็ทำ� แลว้ เหมือนกนั ” พวกภิกษุผู้ใคร่จะฟังเนื้อความนั้น ทูลวิงวอนแล้ว จงึ ตรสั พัพพุชาดก น้โี ดยละเอยี ดว่า :- 49 มารดาของนางกาณา www.kalyanamitra.org
“ แมวตวั ที่หนึง่ ไดห้ นแู ละเนื้อในทีใ่ ด, แมวตัวที่ ๒ ก็ยอ่ มเกดิ ในที่นัน้ , ตวั ท่ี ๓ และตัวที่ ๔ กย็ ่อมเกดิ ในทนี่ ้ัน, แมวเหลา่ นั้นท�ำลายปลอ่ งน้แี ลว้ ถึงแกค่ วามตาย.” ทรงประชุมชาดกวา่ “ ภกิ ษแุ ก่ ๔ รปู ในบดั นี้ ไดเ้ ปน็ แมว ๔ ตวั ในครงั้ นนั้ , หนไู ด้เป็นนางกาณา, นายชา่ งแกว้ คอื เรานน่ั เอง” ตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย แม้ในอดีตกาล นางกาณา ได้เป็นผู้มีใจหม่นหมอง มีจิตขุ่นมัวอย่างน้ี แต่ได้เป็น ผ้มู จี ติ ผอ่ งใสเหมือนหว้ งน�้ำมีน�้ำใส เพราะค�ำของเรา” เมอื่ จะทรงสบื อนสุ นธิ (สบื เนอ่ื ง) แสดงธรรม จงึ ตรสั พระคาถานว้ี ่า :- บณั ฑิตทั้งหลาย ฟงั ธรรมแลว้ ย่อมผอ่ งใส เหมอื นหว้ งน้ำ� ลกึ ใสแจว๋ ไม่ขุ่นมวั ฉะนน้ั . เมอ่ื จบเทศนา ชนเปน็ อนั มากบรรลอุ รยิ ผลทงั้ หลาย มโี สดาปตั ติผลเปน็ ต้น ดังน้แี ล. จบเร่อื งมารดาของนางกาณา. 50 อบุ าสกิ า ฉบบั สามญั ชน www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184