คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง รายวิชา พื้นฐาน รายวิชา วิทยาศาสตร์ ว15101 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 1. จำ�นวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ จำ�นวน 38 ชั่วโมง/ภาคเรียน 2. ผู้เขียนคู่มือ นางสาวธิดารัตน์ เมฆหมอก ชื่อ ครูผู้สอน ตำ�แหน่ง 032-514170 โทรศัพท์ 032-514170 โทรสาร โรงเรียนวังไกลกังวล (ฝ่ายประถม) สถานที่ทำ�งาน ตำ�บลหัวหิน อำ�เภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77110 170
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 รวมเวลา 80 ช่ัวโมง ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2559 สาระที่ 1 ส่ิงมีชีวิตกับกระบวนการด�ารงชีวิต มาตรฐานการเรียนรู้ ว 1.1 เข้าใจหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีระบบต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตท่ีท�างานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารส่ิงที่เรียนรู้ และน�าความรู้ไปใช้ในการด�ารงชีวิตของตนเองและดูแลส่ิงมีชีวิต ตัวชี้วัด ว 1.1 ป. 5/1 สังเกตและระบุส่วนประกอบของดอกและโครงสร้�งท่ีเก่ียวข้องกับก�รสืบพันธุ์ของพืชดอก ว 1.1 ป. 5/2 อธิบ�ยก�รสืบพันธุ์ของพืชดอก ก�รขย�ยพันธุ์พืช และนำ�คว�มรู้ไปใช้ประโยชน์ ว 1.1 ป. 5/3 อธิบ�ยวัฏจักรชีวิตของพืชดอกบ�งชนิด ว 1.1 ป. 5/4 อธิบ�ยก�รสืบพันธุ์และก�รขย�ยพันธุ์ของสัตว์ ว 1.1 ป. 5/5 อภิปร�ยวัฏจักรชีวิตของสัตว์บ�งชนิด และนำ�คว�มรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐานการเรียนรู้ ว 1.2 เขา้ ใจกระบวนการและความสา� คญั ของการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม ววิ ฒั นาการ ของส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายของชีวภาพ การใช้เทคโนโลยีชีวภาพท่ีมีผลกระทบต่อ มนุษย์และส่ิงแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ ส่ือสาร สิ่งท่ีเรียนรู้และน�าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวช้ีวัด ว 1.2 ป. 5/1 สำ�รวจ เปรียบเทียบ และระบุลักษณะของตนเองกับคนในครอบครัว ว 1.2 ป. 5/2 อธิบ�ยก�รถ่�ยทอดลักษณะท�งพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิตแต่ละรุ่น สาระท่ี 3 สารและสมบัติของสาร มาตรฐานการเรียนรู้ ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย การเกิดปฏิกิริยา มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารส่ิงท่ีเรียน รู้และน�าความรู้ไปใช้ประโยชน์ 171
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง ตัวช้ีวัด ว 3.2 ป. 6/1 ทดลองและอธิบายสมบัติของสารเม่ือสารเกิดการละลายและเปล่ียนสถานะ ว 3.2 ป. 6/2 วิเคราะห์และอธิบายการเปล่ียนแปลงท่ีท�ำให้เกิดสารใหม่และมีสมบัติเปล่ียนแปลงไป ว 3.2 ป. 6/3 อภิปรายการเปล่ียนแปลงของสารท่ีก่อให้เกิดผลต่อส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม สาระท่ี 4 แรงและการเคล่ือนท่ี มาตรฐานการเรียนรู้ ว 4.1 เข้าใจธรรมชาติของแรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงโน้มถ่วง และแรงนิวเคลียร์ มีกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ สื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้และน�ำความรู้ไปใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องและมี คุณธรรม ตัวช้ีวัด ว 4.1 ป. 5/2 ทดลองและอธิบายความดันอากาศ ว 4.1 ป. 5/3 ทดลองและอธิบายความดันของเหลว สาระที่ 5 พลังงาน มาตรฐานการเรียนรู้ ว 5.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพลงั งานกบั การดำ� รงชวี ติ การเปลย่ี นรปู พลงั งาน ปฏสิ มั พนั ธ์ ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวิตและ ส่ิงแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และน�ำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 5.1 ป. 5/1 ทดลองและอธิบายการเกิดเสียงและการเคลื่อนท่ีของเสียง ว 5.1 ป. 5/2 ทดลองและอธิบายการเกิดเสียงสูง เสียงต�่ำ ว 5.1 ป. 5/3 ทดลองและอธิบายเสียงดัง เสียงค่อย ว 5.1 ป. 5/4 ส�ำรวจและอภิปรายอันตรายที่เกิดขึ้นเมื่อฟังเสียงดังมาก ๆ สาระที่ 6 กระบวนการเปล่ียนแปลงของโลก มาตรฐานการเรียนรู้ ว 6.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพลงั งานกบั การดำ� รงชวี ติ การเปลย่ี นรปู พลงั งาน ปฏสิ มั พนั ธ์ ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวิตและ สิ่งแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และน�ำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 6.1 ป. 3/1 ส�ำรวจและอธิบายสมบัติทางกายภาพของน�้ำจากแหล่งน้�ำในท้องถ่ินและน�ำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ว 6.1 ป. 5/1 ส�ำรวจ ทดลอง และอธิบายการเกิดเมฆ หมอก น�้ำค้าง ฝนและลูกเห็บ ว 6.1 ป. 5/2 ทดลองและอธิบายการเกิดวัฏจักรของน�้ำ ว 6.1 ป. 5/3 ออกแบบและสร้างเครื่องมืออย่างง่ายในการวัดอุณหภูมิ ความช้ืน และความกดอากาศ ว 6.1 ป. 5/4 ทดลองและอธิบายการเกิดลมและน�ำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวัน 172
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ สาระท่ี 7 ดาราศาสตร์และอวกาศ มาตรฐานการเรียนรู้ ว 7.1 เข้าใจวิวัฒนาการของระบบสุริยะ กาแล็กซีและเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ และผลตอ่ สง่ิ มชี วี ติ บนโลก มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรแู้ ละจติ วทิ ยาศาสตร์ สอ่ื สาร สิ่งที่เรียนรู้และน�ำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวช้ีวัด ว 7.1 ป. 5/1 สังเกตและอธิบายการเกิดทิศและปรากฏการณ์ข้ึน - ตกของดวงดาวโดยใช้แผนท่ีดาว สาระที่ 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาตรฐานการเรียนรู้ ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ ปัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีเกิดข้ึนส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถ อธิบายและตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือท่ีมีอยู่ในช่วงเวลาน้ัน ๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดล้อม มีความเก่ียวข้องสัมพันธ์กัน ตัวชี้วัด ว 8.1 ป. 5/1 ตั้งค�ำถามเกี่ยวกับประเด็น หรือเร่ือง หรือสถานการณ์ ว 8.1 ป. 5/1 วางแผนการสังเกต เสนอการส�ำรวจ ตรวจสอบ หรือศึกษาค้นคว้าและคาดการณ์ส่ิงที่จะ พบจากการส�ำรวจ ว 8.1 ป. 5/1 เลือกอุปกรณ์ที่ถูกต้องเหมาะสมในการส�ำรวจตรวจสอบให้ได้ข้อมูลท่ีเชื่อถือได้ ว 8.1 ป. 5/1 บันทึกข้อมูลในเชิงปริมาณและคุณภาพ และตรวจสอบผลกับส่ิงที่คาดการณ์ไว้ น�ำเสนอ ผลและข้อสรุป ว 8.1 ป. 5/1 สร้างค�ำถามใหม่เพ่ือการส�ำรวจตรวจสอบต่อไป ว 8.1 ป. 5/1 แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ อธิบายและสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ ว 8.1 ป. 5/1 บันทึกและอธิบายผลการส�ำรวจตรวจสอบตามความเป็นจริง มีการอ้างอิง ว 8.1 ป. 5/1 น�ำเสนอ จัดแสดงผลงานโดยอธิบายด้วยวาจา หรือเขียนอธิบายแสดงกระบวนการและ ผลของงานให้ผู้อ่ืนเข้าใจ 173
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมส�าหรับโรงเรียนปลายทาง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 รวมเวลา 38 ช่ัวโมง ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 สาระที่ 3 สารและสมบัติของสาร มาตรฐานการเรียนรู้ ว 3.2 เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย การเกิดปฏิกิริยา มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ ส่ือสารส่ิงที่เรียน รู้และน�าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 3.2 ป. 6/1 ทดลองและอธิบ�ยสมบัติของส�รเมื่อส�รเกิดก�รละล�ยและเปล่ียนสถ�นะ ว 3.2 ป. 6/2 วิเคร�ะห์และอธิบ�ยก�รเปล่ียนแปลงท่ีทำ�ให้เกิดส�รใหม่และมีสมบัติเปลี่ยนแปลงไป สาระที่ 4 แรงและการเคล่ือนที่ มาตรฐานการเรียนรู้ ว 4.1 เข้าใจธรรมชาติของแรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงโน้มถ่วง และแรงนิวเคลียร์ มีกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้และน�าความรู้ไปใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องและมี คุณธรรม ตัวช้ีวัด ว 4.1 ป. 5/2 ทดลองและอธิบ�ยคว�มดันอ�ก�ศ ว 4.1 ป. 5/3 ทดลองและอธิบ�ยคว�มดันของเหลว สาระที่ 5 พลังงาน มาตรฐานการเรียนรู้ ว 5.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพลงั งานกบั การดา� รงชวี ติ การเปลย่ี นรปู พลงั งาน ปฏสิ มั พนั ธ์ ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวิตและ สิ่งแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้และน�าความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 5.1 ป. 5/1 ทดลองและอธิบ�ยก�รเกิดเสียงและก�รเคลื่อนท่ีของเสียง 174
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ ว 5.1 ป. 5/2 ทดลองและอธิบายการเกิดเสียงสูง เสียงต่�ำ ว 5.1 ป. 5/3 ทดลองและอธิบายเสียงดัง เสียงค่อย ว 5.1 ป. 5/4 ส�ำรวจและอภิปรายอันตรายที่เกิดขึ้นเมื่อฟังเสียงดังมาก ๆ สาระท่ี 6 กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก มาตรฐานการเรียนรู้ ว 6.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพลงั งานกบั การดำ� รงชวี ติ การเปลย่ี นรปู พลงั งาน ปฏสิ มั พนั ธ์ ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวิตและ ส่ิงแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้และน�ำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 6.1 ป. 5/4 ทดลองและอธิบายการเกิดลมและน�ำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวัน สาระที่ 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาตรฐานการเรียนรู้ ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ ปัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีเกิดข้ึนส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถ อธิบายและตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมูลและเคร่ืองมือท่ีมีอยู่ในช่วงเวลาน้ัน ๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และส่ิงแวดล้อม มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ตัวช้ีวัด ว 8.1 ป. 5/1 ต้ังค�ำถามเก่ียวกับประเด็น หรือเร่ือง หรือสถานการณ์ ว 8.1 ป. 5/1 วางแผนการสังเกต เสนอการส�ำรวจ ตรวจสอบ หรือศึกษาค้นคว้าและคาดการณ์ส่ิงที่จะ พบจากการส�ำรวจ ว 8.1 ป. 5/1 เลือกอุปกรณ์ท่ีถูกต้องเหมาะสมในการส�ำรวจตรวจสอบให้ได้ข้อมูลท่ีเชื่อถือได้ ว 8.1 ป. 5/1 บันทึกข้อมูลในเชิงปริมาณและคุณภาพ และตรวจสอบผลกับส่ิงที่คาดการณ์ไว้ น�ำเสนอ ผลและข้อสรุป ว 8.1 ป. 5/1 สร้างค�ำถามใหม่เพ่ือการส�ำรวจตรวจสอบต่อไป ว 8.1 ป. 5/1 แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ อธิบายและสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ ว 8.1 ป. 5/1 บันทึกและอธิบายผลการส�ำรวจตรวจสอบตามความเป็นจริง มีการอ้างอิง ว 8.1 ป. 5/1 น�ำเสนอ จัดแสดงผลงานโดยอธิบายด้วยวาจา หรือเขียนอธิบายแสดงกระบวนการและ ผลของงานให้ผู้อ่ืนเข้าใจ 175
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง ค�ำอธิบายรายวิชา รหัสวิชา ว15101 รายวิชา วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เวลา 80 ช่ัวโมง ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 ศึกษา วิเคราะห์ การจ�ำแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอก ลักษณะภายนอกของพืชดอกที่เป็นพืชใบ เลีย้ งเดีย่ วและพชื ใบเลีย้ งคู่ การจ�ำแนกสตั วเ์ ป็นสัตว์มกี ระดกู สันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสนั หลงั การถา่ ยทอดลักษณะทาง พันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต การเปล่ียนแปลงของสารและผลต่อสิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม การน�ำวัสดุไปใช้ในชีวิตประจ�ำวัน ความดันอากาศ ความดันของของเหลว น�ำความรู้ไปใช้ประโยชน์ การเกิดเสียง การเคลื่อนท่ีของเสียง ระดับเสียง ความดังของเสียง มลภาวะทางเสียง น�้ำจากแหล่งน้�ำในท้องถิ่น การใช้ประโยชน์จากน้�ำ การเกิดเมฆ หมอก น�้ำค้าง ฝน และลูกเห็บ วัฏจักรน�้ำ ความกดอากาศ การเกิดลม ประโยชน์ของลม การเกิดทิศ และปรากฏการณ์การข้ึน - ตกของ ดวงดาว ทั้งน้ีโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การส�ำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูลและ การอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ น�ำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจ�ำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและค่านิยมที่เหมาะสม รหัสตัวช้ีวัด ว 1.1 ป. 5/1, ป. 5/2, ป. 5/3, ป. 5/4, ป. 5/5 ว 1.2 ป. 5/1, ป. 5/2, ป. 5/3, ป. 5/4, ป. 5/5 ว 3.2 ป. 6/1, ป. 6/2 ว 4.1 ป. 5/2, ป. 5/3 ว 5.1 ป. 5/1, ป. 5/2, ป. 5/3, ป. 5/4 ว 6.1 ป. 3/1, ป. 5/1, ป. 5/2, ป. 5/3, ป. 5/4 ว 7.1 ป. 5/1 ว 8.1 ป. 5/1, ป. 5/2, ป. 5/3, ป. 5/4, ป. 5/5, ป. 5/6, ป. 5/7, ป. 5/8 รวมทั้งหมด 32 ตัวชี้วัด 176
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ โครารยงสวิชร้าาง รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 รวมเวลา 38 ช่ัวโมง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2559 หน่วย ชื่อหน่วยการเรียนรู้/ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระส�าคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้�าหนัก ที่ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง (ชั่วโมง) คะแนน 1 แรงและพลังงาน 1. ทดลองและอธิบ�ย สาระส�าคัญ/ความคิดรวบยอด 19 40 คว�มหม�ยของคว�มดัน อ�ก�ศมีแรงกระทำ�ต่อวัตถุ ว 4.1 ป. 5/2 อ�ก�ศ คว�มดันของเหลวที่มี ในทุกทิศท�ง แรงที่อ�ก�ศ ว 4.1 ป. 5/3 คว�มสัมพันธ์กับคว�มลึก กระทำ�ต้ังฉ�กต่อหนึ่งหน่วย ว 5.1 ป. 5/1 2. ทดลองและอธิบ�ยก�รเกิด พื้นที่ เรียกว่� คว�มดันอ�ก�ศ ว 5.1 ป. 5/2 เสียงและก�รเคล่ือนที่ของ ของเหลวมีแรงกระทำ�ต่อวัตถุ ว 5.1 ป. 5/3 เสียง ก�รเกิดเสียงสูง เสียงตำ่� ทุกทิศท�ง แรงที่ของเหลว ว 5.1 ป. 5/4 เสียงดัง เสียงค่อย กระทำ�ต้ังฉ�กต่อหนึ่งหน่วย 3. ส�ำ รวจและอภปิ ร�ยอนั ตร�ย พ้ืนที่ เรียกว่� คว�มดันของ ทีเ่ กิดข้นึ เมื่อฟังเสียงดังม�ก ๆ ของเหลว ซ่ึงมีคว�มสัมพันธ์กับ คว�มลึก เสยี งเกดิ จ�กก�รสนั่ ของแหลง่ กำ�เนิดเสยี งและเสียงเคล่อื นท่ี จ�กแหลง่ กำ�เนิดเสยี งทุกทศิ ท�ง โดยอ�ศยั ตัวกล�ง แหลง่ ก�ำ เนดิ เสียงสัน่ ดว้ ยคว�มถตี่ �่ำ จะเกิด เสียงต�ำ่ แต่ถ�้ สน่ั ด้วยคว�มถส่ี ูง จะเกิดเสียงสูง แหล่งก�ำ เนดิ เสยี ง ส่นั ดว้ ยพลงั ง�นม�กจะทำ�ให้ เกิดเสยี งดัง แตถ่ �้ นอ้ ยจะเกดิ เสียงคอ่ ย เสยี งดงั ม�ก ๆ จะเปน็ อันตร�ยต่อก�รไดย้ ิน และเสยี ง 177
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง หน่วย ชื่อหน่วยการเรียนรู้/ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำ�คัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้�ำหนัก ที่ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง (ชั่วโมง) คะแนน ที่ก่อให้เกิดความร�ำคาญ เรียกว่า มลพิษทางเสียง สาระการเรียนรู้แกนกลาง อากาศมีแรงกระท�ำต่อวัตถุ โดยกระท�ำต่อวัตถุในทุกทิศทาง และมีความสัมพันธ์กับขนาด ของพื้นที่ของวัตถุ โดยวัตถุท่ีมี ขนาดพ้ืนที่มาก แรงท่ีอากาศ กระท�ำต่อวัตถุน้ันก็จะมีค่ามาก แรงที่อากาศกระท�ำตั้งฉากต่อ หน่ึงหน่วยพื้นที่ เรียกว่า ความดันอากาศ ของเหลวมีแรงกระท�ำต่อ วัตถุโดยกระท�ำทุกทิศทาง แรงที่ของเหลวต้ังฉากต่อหน่วย พ้ืนที่ เรียกว่า ความดันของ ของเหลว ความดันของเหลว จะมีค่ามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ ความลึกของของเหลว โดยท่ี ระดับความลึกมาก ความดัน ของของเหลวก็จะมีค่ามาก เสียงเกิดจากการส่ันของ แหล่งก�ำเนิดเสียง เมื่อแหล่ง ก�ำเนิดเสียงส่ันจะมีพลังงานใน การสั่น พลังงานการส่ันจะแผ่ ออกไปจากแหล่งก�ำเนิดเสียง ทุกทิศทางเป็นทรงกลม ท�ำให้ อากาศสั่นด้วยความถี่เดียวกับ แหล่งก�ำเนิดเสียงและเท่ากับ ความถ่ีเสียง จ�ำนวนรอบท่ีวัตถุ 178
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ หน่วย ชื่อหน่วยการเรียนรู้/ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำ�คัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้�ำหนัก ที่ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง (ชั่วโมง) คะแนน สั่นในหน่ึงวินาที เรียกว่า ความถ่ี มีหน่วยเป็นรอบต่อ วินาที หรือ เฮิรตซ์ การที่เรา ได้ยินเสียงเมื่อวัตถุส่ันแสดงว่า วัตถุสั่นด้วยความถี่สูงพอที่จะ ได้ยินเสียง คือ อยู่ในช่วง 20 - 20,000 เฮิรตซ์ ความถ่ีในการ ส่ันของวัตถุเก่ียวข้องกับมวล ของวัตถุ วัตถุท่ีมีมวลน้อยจะสั่น ด้วยความถ่ีสูงกว่าวัตถุท่ีมีมวล มาก เม่ือเสียงมีความถี่สูง จะ ได้ยินเสียงสูงหรือเสียงแหลม และเสียงท่ีมีความถี่ต�่ำ จะได้ยิน เสียงต่�ำหรือทุ้ม ความดังของเสียงวัดได้ด้วย ระดับความเข้มเสียง มีหน่วยวัด เป็นเดซิเบล โดยเสียงที่มีระดับ ความเข้มมากจะดังกว่าเสียงที่ มีระดับความเข้มเสียงน้อย ซึ่ง เสียงท่ีอาจจะไม่ดังมากนัก แต่ ก่อให้เกิดความร�ำคาญ เรียกว่า มลภาวะของเสียง 2 การเปล่ียนแปลง 1. ทดลองและอธิบายการ สาระสำ�คัญ/ความคิดรวบยอด 19 40 เกิดลมและน�ำความรู้ไปใช้ ความดันบรรยากาศวัดได้ ว 3.2 ป. 6/1 ประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวัน โดยใช้บารอมิเตอร์ ใช้หลักการ ว 3.2 ป. 6/2 2. ทดลองและอธิบายสมบัติ ท่ีอากาศมีมวลจึงมีแรงกด การ ว 6.1 ป. 5/4 ของสาร เมื่อสารเกิดการ เกิดลมเกิดจากการเคลื่อนที่ เปลี่ยนสถานะ ของอากาศตามแนวพื้นราบ 3. ทดลองและอธบิ ายสมบตั ิ อากาศบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง ของสาร เมื่อสารเกิดการละลาย มวลอากาศจะขยายตัวลอยตัว 179
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง หน่วย ชื่อหน่วยการเรียนรู้/ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำ�คัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้�ำหนัก ที่ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง (ชั่วโมง) คะแนน 4. ทดลองและอธิบายสมบัติ สูงข้ึน ส่วนอากาศบริเวณท่ีมี ของสารเมื่อเกิดสารใหม่ อุณหภูมิต่�ำ มวลอากาศจะ 5. วเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายการ จมตัวลงและเคล่ือนท่ีไปแทนท ่ี เปลยี่ นแปลงทที่ �ำใหเ้ กดิ สารใหม่ เกิดลมบก ลมทะเล ลมมรสุม และสมบตั ทิ เ่ี ปลย่ี นแปลงไป เมื่อสารเกิดการเปล่ียนแปลง เป็นสารละลายหรือเปลี่ยน สถานะสารแต่ละชนิดยังคง แสดงสมบัติของสารเดิม การเปล่ียนแปลงทางเคมี หรือ การเกิดปฏิกิริยาเคมี ท�ำให้มี สารใหม่เกิดขึ้นและสมบัติของ สารจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สาระการเรียนรู้แกนกลาง ความดันบรรยากาศวัดได้ โดยใช้บารอมิเตอร์ ใช้หลักการ ท่ีอากาศมีมวลจึงมีแรงกด การเกิดลมเกิดจากการเคล่ือนที่ ของอากาศตามแนวพื้นราบ อากาศบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง มวลอากาศจะขยายตัว ลอยตัว สูงขึ้น ส่วนอากาศบริเวณท่ีมี อุณหภูมิต�่ำ มวลอากาศจะ จมตัวลงและเคลื่อนที่ไปแทนท่ี ท�ำให้เกิดลมบก ลมทะเล ลมมรสุม การเพ่ิมหรือลด อณุ หภมู ขิ องสารจนถงึ ระดบั หนึ่ง จะท�ำให้สารเปลี่ยนสถานะ การเปล่ียนสถานะอาจท�ำให ้ รูปรา่ งและขนาดเปลยี่ นแปลงไป 180
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ หน่วย ชื่อหน่วยการเรียนรู้/ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำ�คัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้�ำหนัก ที่ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง (ชั่วโมง) คะแนน แต่ยังคงเป็นสารเดิม และ ว 8.1 ป. 5/1 สามารถท�ำให้กลับสู่สถานะเดิม ว 8.1 ป. 5/2 ได้ โดยการเพ่ิมและลดอุณหภูมิ ว 8.1 ป. 5/3 การเปลี่ยนสถานะจัดเป็นการ ว 8.1 ป. 5/4 เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ว 8.1 ป. 5/5 การละลายเป็นกระบวนการเกิด ว 8.1 ป. 5/6 สารละลายซึ่งเกิดจากสาร ว 8.1 ป. 5/7 ชนิดหน่ึงกระจายอยู่ในสารอีก ว 8.1 ป. 5/8 ชนิดหน่ึงอย่างสม่�ำเสมอ มองเห็นเป็นสารเนื้อเดียวกัน สอบกลางปี ทุกส่วน เรียกสารเน้ือผสมน้ีว่า รวมตลอดภาคเรียน สารละลาย การเกิดสารใหม่ เป็นการเปล่ียนแปลงของสารท่ี เกิดจากปฏิกิริยาเคมี ท�ำให้ได้ สารชนิดใหม่ท่ีมีสมบัติแตกต่าง ไปจากสารเดิม 20 38 100 181
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง และส่ิงท่ีโรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1ภาคเรียนท่ี ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ชั่วโมง คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง คร้ัง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สง่ิ ที่ ร.ร. ปลายทาง 182ที่ เวลา ช่ัวโมง เรื่องที่สอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง แรงและพลังงาน 1 16 พ.ค. 59 1 ส�ำรวจความรู้ก่อนเรียนของนักเรียน บทที่ 1 แรงเน่ืองจาก 1. อ่านแนวคิดส�ำคัญ 1. เทียนไข, ไม้ขีดไฟ, อากาศและน้�ำ 12.30 - 13.30 น. เกี่ยวกับแรงเนื่องจากอากาศและน้�ำ (ส�ำรวจความรู้ก่อนเรียน) 2. ตอบค�ำถาม จาน, แก้วน�้ำ, น้�ำสี/กลมุ่ 3. ท�ำกิจกรรมส�ำรวจความรู้ 2. หนังสือเรียน ก่อนเรียน วิทยาศาสตร์ 3. แบบฝึกหัดรายวิชา พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 2 18 พ.ค. 59 1 สังเกตและอธิบายผลของแรงท่ีอากาศ เร่ืองท่ี 1 1. อ่านเน้ือเรื่อง ตอบค�ำถาม 1. ถุงพลาสติกใส, โหล แรงเน่ืองจากอากาศ 08.30 - 09.30 น. กระท�ำต่อวัตถุ - อากาศมีแรงกระท�ำต่อ ชวนคิด ก้นลึก, ยางรัดของ/กลุ่ม สิ่งต่าง ๆ หรือไม่ 2. ท�ำกิจกรรม 2. หนังสือเรียน 3. อภิปรายและสรุปผล วิทยาศาสตร์ กิจกรรม 3. แบบฝึกหัดรายวิชา พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 3 23 พ.ค. 59 1 ทดลองและอธิบายแรงที่อากาศกระท�ำ แรงท่ีอากาศกระท�ำต่อวัตถุ 1. อา่ นช่ือเรื่อง ท�ำเป็นคิดเป็น 1. กระดาษ, เชือก, 12.30 - 13.30 น. ต่อวัตถุท่ีมีขนาดแตกต่างกันได้ ที่มีขนาดพ้ืนที่ต่างกันเป็น 2. ท�ำกิจกรรมตอนที่ 1 หนังสือพิมพ์, เทปใส, อย่างไร 3. อภิปรายและสรุปผล ไม้จ้ิมฟัน, กรรไกร, กิจกรรม ดินสอ/กลุ่ม
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายช่ัวโมง และส่ิงท่ีโรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1ภาคเรียนท่ี ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ช่ัวโมง คร้ัง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สง่ิ ท่ี ร.ร. ปลายทาง ที่ เวลา ชั่วโมง เร่ืองท่ีสอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ 2. แบบฝึกหัดรายวิชา พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 4 25 พ.ค. 59 1 ทดลองและอธิบายแรงท่ีอากาศกระท�ำ แรงที่อากาศกระท�ำต่อวัตถุ 1. ท�ำกิจกรรมตอนที่ 2 1. หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ 08.30 - 09.30 น. ต่อวัตถุที่มีขนาดแตกต่างกันได้ ที่มีขนาดพ้ืนท่ีต่างกันเป็น 2. อภิปรายและสรุปผล 2. แบบฝึกหัดรายวิชา พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ อย่างไร กิจกรรม 5 30 พ.ค. 59 1 สืบค้นและอธิบายความดันอากาศท่ีระดับ ความดันอากาศที่ระดับ 1. อา่ นชอื่ เร่ือง ท�ำเปน็ คิดเปน็ 1. หนังสือเรียน 12.30 - 13.30 น. ความสูงต่าง ๆ ความสูงต่างกันเป็นอย่างไร 2. ท�ำกิจกรรม วิทยาศาสตร์ 3. อภิปรายและสรุปผล 2. แบบฝึกหัดรายวิชา กิจกรรม พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ 183 6 1 มิ.ย. 59 1 สังเกตและอธิบายแรงท่ีน้�ำกระท�ำต่อวัตถุ แรงเนื่องจากน้�ำ 1. อา่ นชอ่ื เร่ือง ท�ำเปน็ คิดเป็น 1. หนังสือเรียน 08.30 - 09.30 น. 2. ท�ำกิจกรรม วิทยาศาสตร์ 3. อภิปรายและสรุปผล 2. แบบฝึกหัดรายวิชา กิจกรรม พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 7 6 มิ.ย. 59 1 สังเกตและอธิบายทิศทางแรงที่น้�ำกระท�ำ แรงท่ีน้�ำกระท�ำต่อวัตถุ 1. อ่านแรงเนื่องจากน้�ำและ 1. ถุงพลาสติกใส, ตอบค�ำถาม ถังใส่น้�ำ/กลุ่ม 12.30 - 13.30 น. ต่อวัตถุ มีทิศทางอย่างไร 2. ท�ำกิจกรรม 2. หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายช่ัวโมง และสิ่งท่ีโรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1ภาคเรียนท่ี ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ช่ัวโมง คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง ครั้ง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สง่ิ ที่ ร.ร. ปลายทาง 184ท่ี เวลา ช่ัวโมง เร่ืองที่สอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ สอื่ /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ 3. อภิปรายและสรุปผล 3. แบบฝึกหัดรายวิชา กิจกรรม พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 8 8 มิ.ย. 59 1 สังเกตและอธิบายความสัมพันธ์ของ ความดันของน้�ำที่ระดับ 1. อ่านชือ่ เรือ่ ง ท�ำเปน็ คิดเปน็ 1. หมุด, เทปกาว, ขวด 08.30 - 09.30 น. แรงท่ีน�้ำกระท�ำต่อพ้ืนท่ีของวัตถุท่ีระดับ ความลึกต่างกันเป็นอย่างไร 2. ท�ำกิจกรรม พลาสติก, ปากกาเคมี, ความลึกต่างกัน 3. อภิปรายและสรุปผล ภาชนะรองน้�ำ/กลุ่ม กิจกรรม 2. แบบฝึกหัดรายวิชา พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 3. หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ 9 13 มิ.ย. 59 1 สังเกตและอภิปรายเม่ือรูดแท่งอะลูมิเนียม บทที่ 2 เสียง 1. อ่านแนวคิดส�ำคัญ 1. หนังสือเรียน 12.30 - 13.30 น. กลวงด้วยยางสน (กิจกรรมส�ำรวจความรู้ 2. ตอบค�ำถาม วิทยาศาสตร์ ก่อนเรียน) 3. ท�ำกิจกรรมส�ำรวจความรู้ 2. แบบฝึกหัดรายวิชา ก่อนเรียน พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 10 15 มิ.ย. 59 1 สังเกตและอธิบายได้ว่าเสียงเกิดจากการ เร่ืองที่ 1 เสียงกับการได้ยิน 1. อ่านเน้ือเรื่อง 1. หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ 08.30 - 09.30 น. ส่ันของวัตถุท่ีเป็นแหล่งก�ำเนิดเสียง 2. ตอบค�ำถาม 2. แบบฝึกหัดรายวิชา พื้นฐานวิทยาศาสตร์
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายช่ัวโมง และส่ิงท่ีโรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1ภาคเรียนที่ ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ช่ัวโมง ครั้ง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สง่ิ ท่ี ร.ร. ปลายทาง ท่ี เวลา ช่ัวโมง เร่ืองท่ีสอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ สอื่ /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ 11 20 มิ.ย. 59 1 สังเกตและอธิบายได้ว่าเสียงเกิดจากการ เสียงเกิดได้อย่างไร 1. อา่ นช่อื เรือ่ ง ท�ำเป็นคิดเป็น 1. แบบฝึกหัดรายวิชา 12.30 - 13.30 น. ส่ันของวัตถุที่เป็นแหล่งก�ำเนิดเสียง 2. ท�ำกิจกรรม พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 3. อภิปรายและสรุปผล 2. กรรไกร, ส้อมเสียง กิจกรรม ไม้ส�ำหรับเคาะ, กล่อง กระดาษ, ดินสอ, ถ้วย พลาสติก, ยางรัดของ, แก้วพลาสติก, ลูกโป่ง, หลอดดูด, เชือกขาว/ กลุ่ม 12 22 มิ.ย. 59 1 สังเกตและอธิบายทิศทางการเคล่ือนที่ เสียงเคล่ือนท่ีไปทิศทางใด 1. อา่ นชอื่ เรอ่ื ง ท�ำเปน็ คิดเปน็ 1. หนังสือเรียน 08.30 - 09.30 น. ของเสียงจากแหล่งก�ำเนิดเสียง ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙2. ท�ำกิจกรรมวิทยาศาสตร์ 185 3. อภิปรายและสรุปผล 2. แบบฝึกหัดรายวิชา กิจกรรม พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 3. ส้อมเสียงพร้อม ไม้เคาะ 13 27 มิ.ย. 59 1 สังเกตและอธิบายการเคลื่อนท่ีของเสียง เสียงเคลื่อนที่ไปได้อย่างไร 1. อ่านช่อื เรือ่ ง ท�ำเป็นคิดเป็น 1. ถุงพลาสติกใส 12.30 - 13.30 น. ผ่านตัวกลางของเสียง 2. ท�ำกิจกรรม 2. ถังใส่น้�ำ
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง และส่ิงที่โรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1ภาคเรียนที่ ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ช่ัวโมง คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง คร้ัง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สง่ิ ท่ี ร.ร. ปลายทาง 186ที่ เวลา ชั่วโมง เร่ืองที่สอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ 3. อภิปรายและสรุปผล สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ กิจกรรม 3. หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ 4. แบบฝึกหัดรายวิชา พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 14 29 มิ.ย. 59 1 1. บอกส่วนประกอบและอธิบายการ เราได้ยินเสียงได้อย่างไร 1. อ่านช่อื เรือ่ ง ท�ำเปน็ คิดเป็น 1. ดินน้�ำมัน, กระดาษ 08.30 - 09.30 น. ท�ำงานของหู 2. สร้างแบบจ�ำลองส่วนประกอบภายในหู 2. ท�ำกิจกรรม แข็ง, ปากกาเคมี/กลุ่ม 3. อภิปรายและสรุปผล 2. หนังสือเรียน กิจกรรม วิทยาศาสตร์ 3. แบบฝึกหัดรายวิชา พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 15 4 ก.ค. 59 1 สังเกตและอธิบายการเกิดเสียงสูง เสียงต�่ำ เรื่องท่ี 2 เสียงสูง เสียงต�่ำ 1. อา่ นชอื่ เรอื่ ง ท�ำเป็นคดิ เป็น 1. ไม้บรรทัด 12.30 - 13.30 น. เสียงดัง เสียงค่อย 2. ท�ำกิจกรรม พลาสติกแข็ง 3. อภิปรายและสรุปผล 2. หนังสือเรียน กิจกรรม วิทยาศาสตร์ 3. แบบฝึกหัดรายวิชา พื้นฐานวิทยาศาสตร์
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง และส่ิงที่โรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1ภาคเรียนที่ ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ชั่วโมง คร้ัง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สงิ่ ท่ี ร.ร. ปลายทาง ท่ี เวลา ช่ัวโมง เรื่องท่ีสอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ 16 6 ก.ค. 59 1 สังเกตและอธิบายการเกิดเสียงสูง เสียงต่�ำ เสียงสูง เสียงต่�ำเกิดได้ 1. อา่ นชือ่ เร่ือง ท�ำเปน็ คิดเปน็ 1. ไม้บรรทัดพลาสติก 08.30 - 09.30 น. อย่างไร 2. ท�ำกิจกรรม แข็ง, ขวดแก้ว, น้�ำ, 3. อภิปรายและสรุปผล ไม้เคาะ/กลุ่ม กิจกรรม 2. หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ 3. แบบฝึกหัดรายวิชา พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 17 11 ก.ค. 59 1 สังเกตและอธิบายการเกิดเสียงดัง เสียงดัง เสียงค่อยขึ้นกับ 1. อา่ นชอ่ื เรอื่ ง ท�ำเป็นคดิ เปน็ 1. เมล็ดถั่วเขียว, อะไร 12.30 - 13.30 น. เสียงค่อย 2. ท�ำกิจกรรม กล่องกระดาษ, 3. อภิปรายและสรุปผล วิทยุ/กลุ่ม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ กิจกรรม 2. หนังสือเรียน 187 วิทยาศาสตร์ 3. แบบฝึกหัดรายวิชา พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 18 13 ก.ค. 59 1 สืบค้นข้อมูลและอธิบายเก่ียวกับมลพิษ มลพิษทางเสียงเป็นอย่างไร 1. อ่านเนื้อเร่ือง 1. หนังสือเรียน 08.30 - 09.30 น. ทางเสียงและวิธีป้องกันตนเองจากมลพิษ 2. ตอบค�ำถาม วิทยาศาสตร์ ทางเสียง 3. ส�ำรวจความรู้หลังเรียน 2. แบบฝึกหัดรายวิชา เรื่อง เสียง พื้นฐานวิทยาศาสตร์
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง และส่ิงท่ีโรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1ภาคเรียนที่ ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ช่ัวโมง คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง ครั้ง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สง่ิ ท่ี ร.ร. ปลายทาง 188ที่ เวลา ช่ัวโมง เร่ืองท่ีสอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ วันจันทร์ท่ี 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 หยุดกรณีพิเศษ วันพุธท่ี 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 หยุดวันเข้าพรรษา 19 25 ก.ค. 59 1 ทดสอบความรู้ความเข้าใจหน่วยที่ 1 ทดสอบประจ�ำหน่วย 1. ทบทวนหน่วยที่ 1 สมุดแบบฝึกหัด 12.30 - 13.30 น. 2. ทดสอบและเฉลย หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง การเปลี่ยนแปลง 20 27 ก.ค. 59 1 ส�ำรวจความรู้ก่อนเรียนเก่ียวกับลมบก บทท่ี 1 ลมบก ลมทะเล 1. อ่านแนวคิดส�ำคัญ 1. หนังสือเรียน 08.30 - 09.30 น. ลมทะเล และลมมรสุม และลมมรสุม (กิจกรรม ส�ำรวจความรู้ก่อนเรียน) 2. ตอบค�ำถาม วิทยาศาสตร์ 3. ท�ำกิจกรรมส�ำรวจความรู้ 2. แบบฝึกหัดรายวิชา ก่อนเรียน พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 21 1 ส.ค. 59 1 สังเกตและอธิบายการเกิดลม เร่ืองที่ 1 การเกิดลมบก 1. อ่านเน้ือเรื่อง 1. หนังสือเรียน ลมทะเล และลมมรสุม 2. ตอบค�ำถาม วิทยาศาสตร์ 12.30 - 13.30 น. 2. แบบบันทึกกิจกรรม วิทยาศาสตร์
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายช่ัวโมง และสิ่งที่โรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1ภาคเรียนท่ี ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ชั่วโมง ครั้ง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สง่ิ ท่ี ร.ร. ปลายทาง ที่ เวลา ช่ัวโมง เรื่องที่สอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ สอื่ /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ 22 3 ส.ค. 59 1 สังเกตและอธิบายการถ่ายโอนความร้อน ทราย น�้ำ และอากาศ 1. อ่านช่อื เรอ่ื ง ท�ำเปน็ คิดเป็น 1. หนังสือเรียน 08.30 - 09.30 น. ระหว่างทราย น้�ำ และอากาศ สัมพันธ์กันอย่างไร 2. ท�ำกิจกรรม วิทยาศาสตร์ 3. อภิปรายและสรุปผล 2. แบบฝึกหัดรายวิชา กิจกรรม พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 23 8 ส.ค. 59 1 สังเกตและอธิบายการเกิดลมบก ลมทะเล ลมบก ลมทะเล และลม 1. อ่านชือ่ เรื่อง ท�ำเปน็ คิดเป็น 1. หนังสือเรียน 12.30 - 13.30 น. และลมมรสุม มรสุมเกิดขึ้นได้อย่างไร 2. ท�ำกิจกรรม วิทยาศาสตร์ 3. อภิปรายและสรุปผล 2. แบบฝึกหัดรายวิชา กิจกรรม พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 24 10 ส.ค. 59 1 ส�ำรวจความรู้หลังเรียนเกี่ยวกับลมบก บทที่ 1 ลมบก ลมทะเล 1. ตอบค�ำถม 1. หนังสือเรียน และลมมรสุม (กิจกรรม 08.30 - 09.30 น. ลมทะเล และลมมรสุม ส�ำรวจความรู้หลังเรียน) 2. ท�ำกิจกรรมส�ำรวจความรู้ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ หลังเรียน 2. แบบฝึกหัดรายวิชา 189 พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 25 15 ส.ค. 59 1 ส�ำรวจความรู้ก่อนเรียนเกี่ยวกับการ บทที่ 2 การเปลี่ยนแปลง 1. อ่านแนวคิดส�ำคัญ 1. หนังสือเรียน ทางกายภาพ (กิจกรรม 12.30 - 13.30 น. เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ส�ำรวจความรู้ก่อนเรียน) 2. ตอบค�ำถาม วิทยาศาสตร์ 3. ท�ำกิจกรรมส�ำรวจความรู้ 2. แบบฝึกหัดรายวิชา ก่อนเรียน พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 3. น�้ำ, สี, ยางรัดของ, โคลน, ช้อนตักสาร, ถ้วยพลาสติกใส/กลุ่ม
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายช่ัวโมง และส่ิงที่โรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1ภาคเรียนท่ี ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ช่ัวโมง คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง ครั้ง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สงิ่ ที่ ร.ร. ปลายทาง 190ท่ี เวลา ช่ัวโมง เร่ืองที่สอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ 26 17 ส.ค. 59 1 สังเกตและอธิบายการเปล่ียนสถานะ เรื่องที่ 1 การเปลี่ยนสถานะ 1. อ่านเน้ือเร่ือง 1. หนังสือเรียน 2. ตอบค�ำถาม วิทยาศาสตร์ 08.30 - 09.30 น. ของสาร 2. แบบฝึกหัดรายวิชา พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 27 22 ส.ค. 59 1 สังเกตและอธิบายการเปลี่ยนสถานะ น้�ำแข็งมีการเปลี่ยนแปลง 1. อ่านช่อื เร่ือง ท�ำเป็นคิดเป็น 1. หนังสือเรียน อย่างไรบ้าง 12.30 - 13.30 น. ของน�้ำแข็ง 2. ท�ำกิจกรรม วิทยาศาสตร์ 3. อภิปรายและสรุปผล 2. แบบฝึกหัดรายวิชา กิจกรรม พื้นฐานวิทยาศาสตร์ 3. น้�ำแข็งป่น 4. ไม้ขีดไฟ 5. ขวดรูปชมพู่ 6. ถุงพลาสติกใส 7. ยางรัดของ 8. ชุดตะเกียง แอลกอฮอล์ 28 24 ส.ค. 59 1 ทดลองและอธิบายการเปลี่ยนสถานะ เป็นเกล็ดน�้ำแข็งได้อย่างไร 1. อา่ นชอื่ เรือ่ ง ท�ำเป็นคิดเปน็ 1. แบบฝึกหัดรายวิชา 08.30 - 09.30 น. ของน้�ำผลไม้ 2. ท�ำกิจกรรม พื้นฐานวิทยาศาสตร์
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายช่ัวโมง และส่ิงท่ีโรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1ภาคเรียนที่ ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ชั่วโมง คร้ัง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สงิ่ ที่ ร.ร. ปลายทาง ที่ เวลา ช่ัวโมง เรื่องที่สอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ พิมเสนหายไปไหน 3. อภิปรายและสรุปผล 2. น้�ำผลไม้ กิจกรรม 3. น้�ำแข็งป่น 4. เกลือแกง 5. ช้อน 6. อ่างน้�ำ 7. เทอร์โมมิเตอร์ 8. แก้วพลาสติกใส 29 29 ส.ค. 59 1 สังเกตและอธิบายการเปล่ียนสถานะ 1. อ่านชื่อเรอ่ื ง ท�ำเป็นคดิ เปน็ 1. แบบฝึกหัดรายวิชา 12.30 - 13.30 น. ของพิมเสน 2. ท�ำกิจกรรม พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 3. อภิปรายและสรุปผล 2. บีกเกอร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ กิจกรรม 3. แก้วพลาสติกใส 191 4. ชุดตะเกียง แอลกอฮอล์ 5. ช้อนตักสาร 6. พิมเสน 7. แผ่นกระดาษแข็ง เจาะรู 8. ไม้ขีดไฟ
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายช่ัวโมง และส่ิงท่ีโรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1ภาคเรียนท่ี ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ชั่วโมง คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง คร้ัง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สง่ิ ที่ ร.ร. ปลายทาง 192ที่ เวลา ชั่วโมง เรื่องท่ีสอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ 30 31 ส.ค. 59 1 1. สังเกตและอธิบายการละลายของสาร เร่ืองที่ 2 การละลายเป็น 1. อ่านเนื้อเรื่อง ตอบค�ำถาม 1. แป้งมัน 08.30 - 09.30 น. 2. จ�ำแนกสารตามลักษณะเน้ือสาร อย่างไร 2. ท�ำกิจกรรม 2. การบูร 3. อภิปรายและสรุปผล 3. น้�ำตาลทราย กิจกรรม 4. น้�ำมันพืช 5. ช้อนตักสาร 6. น�้ำ 7. ยาแก้ไอ 8. แก้วพลาสติกใส 9. แท่งแก้วคนสาร 31 5 ก.ย. 59 1 วิเคราะห์ข้อมูลและระบุเกณฑ์ในการ จ�ำแนกตัวท�ำลาย 1. อา่ นช่อื เรอ่ื ง ท�ำเปน็ คิดเป็น 1. แบบฝึกหัดรายวิชา และตัวละลายได้อย่างไร 12.30 - 13.30 น. จ�ำแนกตัวท�ำละลายและตัวละลายใน 2. ท�ำกิจกรรม พื้นฐานวิทยาศาสตร์ สารละลาย 3. อภิปรายและสรุปผล 2. หนังสือเรียน กิจกรรม วิทยาศาสตร์ 32 7 ก.ย. 59 1 สังเกตและอธิบายสารละลายอิ่มตัว สารละลายอ่ิมตัวคืออะไร 1. อา่ นชื่อเรื่อง ท�ำเปน็ คดิ เป็น 1. แบบฝึกหัดรายวิชา 08.30 - 09.30 น. 2. ท�ำกิจกรรม พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 3. อภิปรายและสรุปผล 2. หนังสือเรียน กิจกรรม วิทยาศาสตร์
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายช่ัวโมง และส่ิงท่ีโรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1ภาคเรียนท่ี ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ช่ัวโมง คร้ัง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สง่ิ ท่ี ร.ร. ปลายทาง ที่ เวลา ช่ัวโมง เร่ืองท่ีสอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ สอื่ /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ 3. น�้ำตาลทราย, แก้วพลาสติกใส, กระบอกตวง, น้�ำ, ช้อนตักสาร, แท่งแก้วคนสาร 33 12 ก.ย. 59 1 ส�ำรวจความรู้หลังเรียนเกี่ยวกับการ บทที่ 2 การเปล่ียนแปลง 1. ตอบค�ำถาม 1. หนังสือเรียน ทางกายภาพ (กิจกรรม 12.30 - 13.30 น. เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ส�ำรวจความรู้หลังเรียน) 2. ท�ำกิจกรรมส�ำรวจความรู้ วิทยาศาสตร์ หลังเรียน 2. แบบฝึกหัดรายวิชา พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙1. อ่านแนวคิดส�ำคัญ1. หนังสือเรียน 193 34 14 ก.ย. 59 1 ส�ำรวจความรู้ก่อนเรียนเก่ียวกับการ บทท่ี 3 การเปลี่ยนแปลง ทางเคมี (กิจกรรมส�ำรวจ 08.30 - 09.30 น. เปลี่ยนแปลงทางเคมี ความรู้ก่อนเรียน) 2. ตอบค�ำถาม วิทยาศาสตร์ 3. ท�ำกิจกรรมส�ำรวจความรู้ 2. แบบฝึกหัดรายวิชา ก่อนเรียน พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 35 19 ก.ย. 59 1 สังเกตและอธิบายการเปลี่ยนแปลง เรื่องที่ 1 การเปลี่ยนแปลง 1. อ่านเนื้อเรื่อง 1. หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ 12.30 - 13.30 น. ทางเคมี ทางเคมี 2. ตอบค�ำถาม 2. แบบฝึกหัดรายวิชา พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายช่ัวโมง และส่ิงท่ีโรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1ภาคเรียนที่ ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ชั่วโมง คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง ครั้ง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สงิ่ ที่ ร.ร. ปลายทาง 194ท่ี เวลา ช่ัวโมง เรื่องที่สอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ การเปลี่ยนแปลงทางเคมี 36 21 ก.ย. 59 1 สังเกตและอธิบายการเปลี่ยนแปลงทาง คืออะไร 1. อ่านชอ่ื เรอื่ ง ท�ำเป็นคดิ เปน็ 1. แบบฝึกหัดรายวิชา 08.30 - 09.30 น. เคมีของสาร รู้ได้อย่างไรว่าสารมีการ 2. ท�ำกิจกรรม พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เปล่ียนแปลงทางเคมี 3. อภิปรายและสรุปผล 2. น�้ำตาลทราย กิจกรรม 3. แท่งแก้วคนสาร 4. ไม้ขีดไฟ 5. จานหลุมโลหะ 6. ช้อนตักสาร 7. เกลือแกง 8. ชุดตะเกียง แอลกอฮอล์ 37 26 ก.ย. 59 1 1. สังเกตและระบุว่าสารมีการ 1. อา่ นช่ือเร่ือง ท�ำเปน็ คิดเป็น 1. แบบฝึกหัดรายวิชา 12.30 - 13.30 น. เปลี่ยนแปลงทางเคมี 2. ท�ำกิจกรรม พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 2. สังเกตสมบัติของสารท่ีได้จาก 3. อภิปรายและสรุปผล 2. น�้ำปูนใส การเปล่ียนแปลง กิจกรรม 3. น้�ำ 4. น�้ำส้มสายชู 5. ผงฟู 6. ปูนขาว
ก�ำหนดการจัดการเรียนรู้รายช่ัวโมง และส่ิงท่ีโรงเรียนปลายทางต้องเตรียม รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว15101 5ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1ภาคเรียนที่ ปีการศึกษา 2559 เวลา 38 ช่ัวโมง คร้ัง วัน/เดือน/ปี จ�ำนวน จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้/ กิจกรรมส�ำคัญ สงิ่ ที่ ร.ร. ปลายทาง ท่ี เวลา ชั่วโมง เรื่องท่ีสอน ตอ้ งเตรยี ม (คร/ู นกั เรยี น/ สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี นร)ู้ 38 28 ก.ย. 59 1 เพื่อวัดความรู้ความเข้าใจ ทบทวนและทดสอบ 1. ตอบค�ำถาม 08.30 - 09.30 น. 2. ทดสอบ 7. หลอดดูด 8. บีกเกอร์ 9. แอมโมเนียมคลอไรด์ 10. แท่งแก้วคนสาร 11. ลูกโป่ง 12. แก้วพลาสติก 13. ขวดแก้วปากแคบ 1. แบบฝึกหัดรายวิชา พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 2. สมุดแบบฝึกหัด ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ 195 หมายเหตุ : กรณีช่ัวโมงการเรียนการสอนไม่ครบตามโครงสร้างหลักสูตร ให้โรงเรียนปลายทางพิจารณาสอนเสริมตามความเหมาะสม เพื่อให้ครบตามโครงสร้างหลักสูตร
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมส�าหรับโรงเรียนปลายทาง แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 รายวิชา วิทยาศาสตร์ เร่ือง แรงและพลังงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เวลา 19 ช่ัวโมง รหัสวิชา ว15101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2559 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด สาระท่ี 3 สารและสมบัติของสาร มาตรฐานการเรียนรู้ ว 3.2 เข้�ใจหลักก�รและธรรมช�ติของก�รเปล่ียนแปลงสถ�นะของส�ร ก�รเกิดส�รละล�ย ก�รเกิดปฏิกิริย� มีกระบวนก�รสืบเส�ะห�คว�มรู้และจิตวิทย�ศ�สตร์ ส่ือส�รส่ิงท่ีเรียนรู้ และนำ�คว�มรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวช้ีวัด ว 3.2 ป. 6/1 ทดลองและอธิบ�ยสมบัติของส�รเม่ือส�รเกิดก�รละล�ยและเปลี่ยนสถ�นะ ว 3.2 ป. 6/2 วิเคร�ะห์และอธิบ�ยก�รเปล่ียนแปลงท่ีทำ�ให้เกิดส�รใหม่และมีสมบัติเปล่ียนแปลงไป สาระท่ี 4 แรงและการเคล่ือนท่ี มาตรฐานการเรียนรู้ ว 4.1 เข้�ใจธรรมช�ติของแรงแม่เหล็กไฟฟ้� แรงโน้มถ่วง และแรงนิวเคลียร์ มีกระบวนก�ร สืบเส�ะห�คว�มรู้ สื่อส�รส่ิงที่เรียนรู้และนำ�คว�มรู้ไปใช้ประโยชน์อย่�งถูกต้องและมี คุณธรรม ตัวชี้วัด ว 4.1 ป. 5/2 ทดลองและอธิบ�ยคว�มดันอ�ก�ศ ว 4.1 ป. 5/3 ทดลองและอธิบ�ยคว�มดันของเหลว สาระที่ 5 พลังงาน มาตรฐานการเรียนรู้ ว 5.1 เข้�ใจคว�มสัมพันธ์ระหว่�งพลังง�นกับก�รดำ�รงชีวิต ก�รเปลี่ยนรูปพลังง�น ปฏิสัมพันธ์ ระหว่�งส�รและพลังง�น ผลของก�รใช้พลังง�น ผลของก�รใช้พลังง�นต่อชีวิตและ สิ่งแวดล้อม มีกระบวนก�รสืบเส�ะห�คว�มรู้ ส่ือส�รส่ิงที่เรียนรู้และนำ�คว�มรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวช้ีวัด ว 5.1 ป. 5/1 ทดลองและอธิบ�ยก�รเกิดเสียงและก�รเคลื่อนท่ีของเสียง ว 5.1 ป. 5/2 ทดลองและอธิบ�ยก�รเกิดเสียงสูง เสียงต่ำ� ว 5.1 ป. 5/3 ทดลองและอธิบ�ยเสียงดัง เสียงค่อย ว 5.1 ป. 5/4 สำ�รวจและอภิปร�ยอันตร�ยท่ีเกิดข้ึนเมื่อฟังเสียงดังม�ก ๆ 196
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ สาระท่ี 6 กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก มาตรฐานการเรียนรู้ ว 6.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับการด�ำรงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวิตและ ส่ิงแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และน�ำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวช้ีวัด ว 6.1 ป. 5/4 ทดลองและอธิบายการเกิดลมและน�ำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวัน สาระที่ 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาตรฐานการเรียนรู้ ว 8.1 ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ ปัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดข้ึนส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถ อธิบายและตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้น ๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดล้อม มีความเก่ียวข้องสัมพันธ์กัน ตัวช้ีวัด ว 8.1 ป. 5/1 ตั้งค�ำถามเก่ียวกับประเด็น หรือเรื่อง หรือสถานการณ์ ว 8.1 ป. 5/1 วางแผนการสังเกต เสนอการส�ำรวจ ตรวจสอบ หรือศึกษาค้นคว้าและคาดการณ์ส่ิงท่ี จะพบจากการส�ำรวจ ว 8.1 ป. 5/1 เลือกอุปกรณ์ที่ถูกต้องเหมาะสมในการส�ำรวจตรวจสอบให้ได้ข้อมูลท่ีเชื่อถือได้ ว 8.1 ป. 5/1 บันทึกข้อมูลในเชิงปริมาณและคุณภาพ และตรวจสอบผลกับสิ่งที่คาดการณ์ไว้ น�ำเสนอ ผลและข้อสรุป ว 8.1 ป. 5/1 สร้างค�ำถามใหม่เพื่อการส�ำรวจตรวจสอบต่อไป ว 8.1 ป. 5/1 แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ อธิบายและสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ ว 8.1 ป. 5/1 บันทึกและอธิบายผลการส�ำรวจตรวจสอบตามความเป็นจริง มีการอ้างอิง ว 8.1 ป. 5/1 น�ำเสนอ จัดแสดงผลงานโดยอธิบายด้วยวาจา หรือเขียนอธิบายแสดงกระบวนการและ ผลของงานให้ผู้อ่ืนเข้าใจ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ทดลองและอธิบายความหมายของความดันอากาศ ความดันของเหลวท่ีมีความสัมพันธ์กับความลึก 2. ทดลองและอธิบายการเกิดเสียงและการเคล่ือนที่ของเสียง การเกิดเสียงสูง เสียงต่�ำ เสียงดัง เสียงค่อย 3. ส�ำรวจและอภิปรายอันตรายท่ีเกิดขึ้นเม่ือฟังเสียงดังมาก ๆ 4. ทดลองและอธิบายการเกิดลมและน�ำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวัน 5. ทดลองและอธิบายสมบัติของสาร เม่ือสารเกิดการเปลี่ยนสถานะ 6. ทดลองและอธิบายสมบัติของสาร เม่ือสารเกิดการละลาย 7. ทดลองและอธิบายการเปลี่ยนแปลงที่ท�ำให้เกิดสารใหม่ และสมบัติท่ีเปล่ียนแปลงไป 197
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง 3. สาระส�ำคัญ/ความคิดรวบยอด จ�ำนวนรอบที่วัตถุส่ันในหน่ึงวินาที เรียกว่า ความถี่ มีหน่วยเป็นรอบต่อวินาที หรือ เฮิรตซ์ การท่ีเราได้ยินเสียง เมื่อวัตถุส่ันแสดงว่าวัตถุสั่นด้วยความถี่สูงพอท่ีจะได้ยินเสียงคือ อยู่ในช่วง 20 - 20,000 เฮิรตซ์ ความถ่ีในการส่ันของ วัตถุเกี่ยวข้องกับมวลของวัตถุ วัตถุที่มีมวลน้อยจะส่ันด้วยความถ่ีสูงกว่าวัตถุท่ีมีมวลมาก เม่ือเสียงมีความถ่ีสูง จะได้ยิน เสียงสูงหรือเสียงแหลม และเสียงท่ีมีความถ่ีต�่ำจะได้ยินเสียงต่�ำหรือทุ้ม ความดังของเสียงวัดได้ด้วยระดับความเข้มเสียง มีหน่วยวัดเป็นเดซิเบล โดยเสียงที่มีระดับความเข้มมากจะดังกว่าเสียงที่มีระดับความเข้มเสียงน้อย ซ่ึงเสียงที่อาจจะ ไม่ดังมากนัก แต่ก่อให้เกิดความร�ำคาญ เรียกว่า มลภาวะของเสียง ความดันบรรยากาศวัดได้โดยใช้บารอมิเตอร์ ใช้หลักการที่อากาศมีมวลจึงมีแรงกด การเกิดลมเกิดจากการ เคลอ่ื นทขี่ องอากาศตามแนวพน้ื ราบ อากาศบรเิ วณทม่ี อี ณุ หภมู สิ งู มวลอากาศจะขยายตวั ลอยตวั สงู ขนึ้ สว่ นอากาศบรเิ วณ ที่มีอุณหภูมิต่�ำ มวลอากาศจะจมตัวลงและเคลื่อนที่ ไปแทนที่เกิดลมบก ลมทะเล ลมมรสุม เม่ือสารเกิดการเปล่ียนแปลง เป็นสารละลายหรือเปล่ียนสถานะ สารแต่ละชนิดยังคงแสดงสมบัติของสารเดิม การเปลี่ยนแปลงทางเคมี หรือการเกิด ปฏิกิริยาเคมี ท�ำให้มีสารใหม่เกิดขึ้นและสมบัติของสารจะเปล่ียนแปลงไปจากเดิม 4. สาระการเรียนรู้ ความรู้ จ�ำนวนรอบที่วัตถุสั่นในหนึ่งวินาที เรียกว่า ความถ่ี มีหน่วยเป็นรอบต่อวินาที หรือ เฮิรตซ์ การที่เราได้ยินเสียง เมื่อวัตถุส่ันแสดงว่าวัตถุสั่นด้วยความถ่ีสูงพอที่จะได้ยินเสียงคือ อยู่ในช่วง 20 - 20,000 เฮิรตซ์ ความถี่ในการส่ันของ วัตถุเก่ียวข้องกับมวลของวัตถุ วัตถุท่ีมีมวลน้อยจะส่ันด้วยความถี่สูงกว่าวัตถุท่ีมีมวลมาก เม่ือเสียงมีความถ่ีสูง จะได้ยิน เสียงสูงหรือเสียงแหลม และเสียงท่ีมีความถี่ต่�ำจะได้ยินเสียงต่�ำหรือทุ้ม ความดังของเสียงวัดได้ด้วยระดับความเข้มเสียง มีหน่วยวัดเป็นเดซิเบล โดยเสียงที่มีระดับความเข้มมากจะดังกว่าเสียงที่มีระดับความเข้มเสียงน้อย ซ่ึงเสียงที่อาจจะ ไม่ดังมากนัก แต่ก่อให้เกิดความร�ำคาญ เรียกว่า มลภาวะของเสียง ความดันบรรยากาศวัดได้โดยใช้บารอมิเตอร์ ใช้หลักการที่อากาศมีมวลจึงมีแรงกด การเกิดลมเกิดจากการ เคลื่อนที่ของอากาศตามแนวพื้นราบ อากาศบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง มวลอากาศจะขยายตัวลอยตัวสูงขึ้น ส่วนอากาศ บริเวณท่ีมีอุณหภูมิต่�ำ มวลอากาศจะจมตัวลงและเคลื่อนท่ีไปแทนที่ ท�ำให้เกิดลมบก ลมทะเล ลมมรสุม การเพิ่มหรือลดอุณหภูมิของสารจนถึงระดับหนึ่ง จะท�ำให้สารเปลี่ยนสถานะ การเปลี่ยนสถานะอาจท�ำให้ รูปร่างและขนาดเปลี่ยนแปลงไป แต่ยังคงเป็นสารเดิม และสามารถท�ำให้กลับสู่สถานะเดิมได้ โดยการเพ่ิมและลด อุณหภูมิการเปลี่ยนสถานะจัดเป็นการเปล่ียนแปลงทางกายภาพ การละลายเป็นกระบวนการเกิดสารละลายซ่ึงเกิดจาก สารชนิดหน่ึงกระจายอยู่ในสารอีกชนิดหน่ึงอย่างสม่�ำเสมอ มองเห็นเป็นสารเนื้อเดียวกันทุกส่วน เรียกสารเนื้อผสมนี้ว่า สารละลาย การเกิดสารใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงของสารท่ีเกิดจากปฏิกิริยาเคมี ท�ำให้ได้สารชนิดใหม่ที่มีสมบัติ แตกต่างไปจากสารเดิม 198
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ ทักษะ/กระบวนการ 1. การสังเกต 2. การใช้ตัวเลข 3. การจัดกระท�ำ และสื่อความหมายข้อมูล 4. การลงความเห็นจากข้อมูล 5. การตั้งสมมติฐาน 6. การก�ำหนด และควบคุมตัวแปร 7. การทดลอง 8. การตีความหมายข้อมูล และการลงข้อสรุป เจตคติ คุณธรรม จริยธรรม 1. ความสนใจใฝ่รู้หรือความอยากรู้อยากเห็น 2. ความรับผิดชอบ ความมุ่งมั่น อดทน และเพียรพยายาม 3. ความมีเหตุผล 4. ความมีระเบียบและรอบคอบ 5. ความซ่ือสัตย์ 6. ความใจกว้าง ร่วมแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น 7. การท�ำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ 5. สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์สุจริต 3. มีวินัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 199
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง 6. มุ่งม่ันในการท�ำงาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7. การประเมินผลรวบยอด ชิ้นงานหรือภาระงาน - การท�ำแผนพับ เร่ือง รณรงค์ป้องกันมลภาวะของเสียง เกณฑ์การประเมินผลช้ินงานหรือภาระงาน ประเด็น ระดับคุณภาพ น�้ำหนัก คะแนน รวม การประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง) 1. ความถูกต้อง ผลงานมีความ ผลงานส่วนใหญ่มี ผลงานมีความ มีความถูกต้อง ของเนื้อหาสาระ ของเนื้อหาสาระ ถูกตอ้ งของเนอื้ หา ความถูกต้องของ ถูกต้องของ เป็นส่วนน้อย 1.0 4 สาระสมบูรณ์ เน้ือหาสาระ เน้ือหาสาระเป็น ครบถ้วน ครบถ้วน บางส่วน 2. ความสะอาด ผลงานสะอาด ผลงานสะอาด ผลงานบางส่วน ผลงานส่วนใหญ่ ไม่สะอาด เรียบร้อย เรียบร้อยสวยงาม เรียบร้อย ไม่สะอาด ไม่เรียบร้อย 0.5 2 สวยงาม ไม่มีรอยขีดลบ มีรอยขีดลบน้อย ไม่เรียบร้อย 3. ตรงต่อเวลา ส่งงานตรงเวลา ส่งงานช้ากว่า ส่งงานช้ากว่า ส่งงานช้ากว่า 0.5 2 ก�ำหนด 2 วัน ก�ำหนดเกิน 2 วัน ที่ก�ำหนด ก�ำหนด 1 วัน 4. การเช่ือมโยง คิดแปลกใหม่ คิดแปลกใหม่ คิดแปลกใหม่ คิดแปลกใหม่ 0.5 2 และความคิด เช่ือมโยงสัมพันธ์ เช่ือมโยงสัมพันธ์ เชื่อมโยงสัมพันธ์ เช่ือมโยงสัมพันธ์ สร้างสรรค์ สิ่งต่าง ๆ ได้ สิ่งต่าง ๆ ได้ สิ่งต่าง ๆ ได้ ส่ิงต่าง ๆ ได้ อย่างถูกต้องเป็น อย่างถูกต้องเป็น อย่างถูกต้องเป็น อย่างถูกต้อง ส่วนใหญ่ บางส่วน ส่วนน้อย เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดีมาก 7 - 8 คะแนน หมายถึง ดี 5 - 6 คะแนน หมายถึง พอใช้ 0 - 4 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง เกณฑ์การผ่าน ต้ังแต่ระดับ 5 คะแนนข้ึนไป 200
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ 8. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 เรื่อง แรงเนื่องจากอากาศและน้�ำ (กิจกรรมส�ำรวจความรู้ก่อนเรียน) จุดประสงค์การเรียนรู้ เพ่ือส�ำรวจความรู้ก่อนเรียนของนักเรียนเกี่ยวกับแรงเนื่องจากอากาศและน�้ำ กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันน�ำ 1. ครูทบทวนเก่ียวกับเรื่องแรงท่ีนักเรียนเคยเรียนมาแล้ว โดยอาจใช้ค�ำถามดังนี้ 1.1 แรงที่นักเรียนรู้จักมีอะไรบ้าง (แรงโน้มถ่วง แรงเสียดทาน แรงในการดึง การผลัก) 1.2 ในขณะทน่ี กั เรยี นนงั่ อยใู่ นหอ้ ง มอี ะไรอยรู่ อบตวั นกั เรยี นบา้ ง และคดิ วา่ มแี รงอะไรกระท�ำตอ่ ตวั นกั เรยี น บ้าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ข้ันสอน 1. ครูใช้สไลด์และให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 2 อ่านช่ือบท อ่านแนวคิดส�ำคัญ จากนั้นครูถามนักเรียน ต่อไปว่า 1.1 ในบทน้ีจะเรียนเร่ืองอะไรบ้าง (แรงดันอากาศ ความดันอากาศท่ีระดับความสูงต่าง ๆ แรงดันน�้ำ ความดันของน�้ำท่ีความลึกต่าง ๆ 2. นักเรียนอ่านเน้ือเรื่องน�ำบทในหนังสือเรียนหน้า 2 จากน้ันครูถามนักเรียนว่า 2.1 รอบตัวเรามีอะไร (อากาศ) 2.2 น้�ำและอากาศเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (เหมือนกัน น้�ำและอากาศเป็นของไหล มีมวล) 2.3 นักเรียนคิดว่าอากาศและน้�ำมีแรงกระท�ำต่อตัวเราหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ของตนเอง) 3. นักเรียนท�ำกิจกรรมส�ำรวจความรู้ก่อนเรียนในแบบฝึกหัดหน้า 2 โดยอ่านท�ำเป็นคิดเป็น จากน้ันครูถาม นักเรียนดังน้ี 3.1 เมื่อท�ำกิจกรรมน้ี นักเรียนจะได้เรียนรู้อะไร (เรียนรู้เก่ียวกับเรื่องความดันอากาศ) 4. นักเรียนอ่านท�ำอย่างไรทีละข้อ เม่ือครูถามจนแน่ใจแล้วว่านักเรียนเข้าใจ ให้นักเรียนลงมือท�ำกิจกรรมแล้ว ตอบค�ำถามใน ฉันรู้อะไร 5. ครูให้นักเรียนน�ำเสนอผลทีละกลุ่ม ครูรับฟังค�ำตอบของนักเรียนโดยยังไม่เฉลยค�ำตอบที่ถูกต้อง แต่บันทึก ค�ำตอบของนักเรียนไว้เป็นข้อมูลเพ่ือใช้ในการสอนต่อไป ข้ันสรุป ครูร่วมกันสรุปกับนักเรียนว่านักเรียนจะกลับมาตรวจสอบค�ำตอบของนักเรียนหลังจากเรียนจากบทนี้ ดังน้ัน ค�ำตอบเหล่านี้อาจถูกต้องหรือไม่ถูกต้องก็ได้ เราจะมาหาค�ำตอบร่วมกัน 201
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง แหล่งการเรียนรู้/ส่ือ 1. หมุด, น�้ำ, กะละมัง, ขวดน�้ำพลาสติกแข็งพร้อมฝาขวด/กลุ่ม 2. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 3. แบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 4. สไลด์ การวัดและการประเมินผล สังเกตการตอบค�ำถามระหว่างเรียน ช่ัวโมงที่ 2 เรื่อง อากาศมีแรงกระท�ำต่อส่ิงต่าง ๆ หรือไม่ จุดประสงค์การเรียนรู้ สังเกตและอธิบายแรงและทิศทางของแรงท่ีอากาศกระท�ำต่อวัตถุ กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันน�ำ ครูน�ำจุกยางที่ครูติดกระจกไว้ หรือแผ่นพลาสติกท่ีติดทะเบียนรถยนต์แล้วถามนักเรียนว่า 1. นักเรียนคิดว่าจุกยางและแผ่นพลาสติกสามารถติดกับกระจกได้ท้ังที่ไม่มีกาว น่าจะเก่ียวกับอะไร (นักเรียน ตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ขั้นสอน 1. ครใู ชส้ ไลด์โดยให้นกั เรียนเปดิ หนังสือเรียนหนา้ 3 แล้วอ่านช่ือเร่ือง และชวนคิด จากนั้นนกั เรียนตอบค�ำถาม ตามความเข้าใจของตนเองหลังจากอ่านเน้ือเร่ือง จากนั้นอ่านค�ำศัพท์ใน อ่านเป็น 2. นักเรียนอ่านเน้ือเรื่องหน้าท่ี 3 ทีละย่อหน้า จากนั้นครูถามค�ำถามเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยอาจใช้ค�ำถาม ดังนี้ 2.1 ย่อหน้าท่ี 1 อากาศที่ห่อหุ้มโลกเรียกว่าอะไร (บรรยากาศของโลก) 2.2 ยอ่ หนา้ ที่ 2 บรรยากาศของโลกมีประโยชนต์ อ่ สงิ่ มีชีวติ อย่างไรบ้าง (ช่วยปรบั อณุ หภมู ิของโลกใหเ้ หมาะ กับการด�ำรงชีวิต ป้องกันอันตรายจากรังสีและอนุภาคต่าง ๆ สิ่งมีชีวิตใช้อากาศในการหายใจ) 2.3 ย่อหน้าที่ 3 นอกจากประโยชน์ต่อส่ิงมีชีวิตแล้ว อากาศยังมีประโยชน์ในด้านใดอีกบ้าง (ช่วยให้เกิด การเผาไหม้ การเกิดลม) โดยครูใช้สไลด์ภาพประโยชน์ของอากาศให้นักเรียนดู 3. นักเรียนอ่านเนื้อเรื่องหน้าที่ 4 ทีละย่อหน้า ครูน�ำจุกยางท่ีติดแผ่นกระจกให้นักเรียนดูแล้วถามนักเรียนว่า 3.1 ท�ำไมแผ่นยางติดกระจกดังในรูปในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ จึงติดกระจกได้ ทั้ง ๆ ท่ีไม่ได้ติดกาว (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 3.2 รูปใดท่ีสามารถดื่มน้�ำจากหลอดดูดในขวดได้ (รูปที่ไม่มีจุกยางอุดปากขวดน้�ำ) 202
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ 3.3 การดูดน�้ำในขวดเกี่ยวข้องกับความรู้เร่ืองอะไร (ความดันอากาศหรือความดันบรรยากาศ) 4. หลังจากนั้นครูใช้ค�ำถามให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า นักเรียนรู้หรือไม่ว่าบรรยากาศท�ำให้เกิด ปรากฏการณ์อะไรขึ้นบ้าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 5. ครูใช้สไลด์ให้ความรู้เพิ่มเติมว่าอากาศหรือบรรยากาศของโลกท�ำให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ เช่น การเห็น ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าในตอนกลางวัน หรือเป็นสีแดงในตอนเช้าหรือเย็น ฝนดาวตก การเกิดพายุ 6. นักเรียนตอบค�ำถาม รู้หรือยังในแบบฝึกหัดหน้า 3 7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปว่าอากาศที่ห่อหุ้มโลกเรียกว่าบรรยากาศ อากาศมีประโยชน์ ต่อส่ิงมีชีวิต และยังให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ บนโลกและชวนนักเรียนท�ำกิจกรรมท่ี 1.1 อากาศมีแรง กระท�ำต่อวัตถุหรือไม่และมีทิศทางอย่างไร 8. นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 5 อ่านชื่อกิจกรรมและท�ำเป็นคิดเป็น จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจของ นักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียน โดยอาจใช้ค�ำถามดังน้ี 8.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเกี่ยวกับเร่ืองอะไร (แรงและทิศทางของแรงที่อากาศกระท�ำต่อวัตถุ) 8.2 นักเรียนจะได้เรียนเรื่องนี้ด้วยวิธีใด (ผ่านการสังเกต) 8.3 เม่ือเรียนแลว้ นักเรยี นจะท�ำอะไรได้ (สามารถอธบิ ายแรงและทศิ ทางของแรงทอี่ ากาศกระท�ำต่อวัตถไุ ด้) 9. นักเรียนท�ำกิจกรรมในข้อ 1 และ 2 จากนั้นคาดคะเนและบันทึกผลการคาดคะเนในแบบฝึกหัด จากน้ัน นักเรียนท�ำกิจกรรมเพื่อตรวจสอบการคาดคะเนและบันทึกผลและครูถามนักเรียนต่อไปว่า 9.1 เมื่อดึงก้นถุงพลาสติกท่ียังไม่ได้รัดด้วยยาง ออกแรงในการดึงเป็นอย่างไร (ใช้แรงในการดึงน้อย) 10. นักเรียนท�ำกิจกรรมในข้อ 3 และ 4 จากนั้นคาดคะเนและบันทึกผลการคาดคะเนในแบบฝึกหัด จากน้ัน นักเรียนท�ำกิจกรรมเพ่ือตรวจสอบการคาดคะเนและบันทึกผลและครูถามนักเรียนต่อไปว่า 10.1 ท�ำไมเราต้องรีดถุงพลาสติกให้แนบกับด้านข้างและก้นโหลมากท่ีสุด (เพ่ือไล่อากาศออกจากโหล) 10.2 ท�ำไมเราต้องใช้ยางรัดท่ีปากโหลให้แน่นมาก ๆ (เพื่อไม่ให้อากาศจากภายนอกเข้าไปในโหลแก้ว) 10.3 ระหว่างในโหลแก้วและด้านข้างของโหลแก้ว บริเวณใดมีปริมาณอากาศมากกว่ากัน เพราะเหตุใด (ด้านในโหลแก้ว เพราะอากาศด้านข้างโหลแก้วถูกไล่ออกไป) 10.4 เม่ือดึงก้นถุงพลาสติกที่รัดด้วยยางให้แน่น สังเกตพบอะไรบ้าง (ดึงก้นถุงขึ้นได้ยาก) 10.5 การดึงก้นถุงพลาสติกท่ีรีดอากาศออกไปได้ยาก เพราะอะไร (มีแรงที่อากาศกระท�ำต่อก้นถุง ท�ำให้ ดึงออกได้ยาก) 10.6 สง่ิ ทพ่ี บเหมอื นหรอื ตา่ งจากทน่ี กั เรยี นคาดคะเนหรอื ไมอ่ ยา่ งไร (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) 11. นกั เรยี นอา่ นท�ำอยา่ งไรในขอ้ 6 จากนน้ั ท�ำกจิ กรรมและบนั ทกึ การสงั เกตในแบบฝกึ หดั ครถู ามนกั เรยี นตอ่ ไปวา่ 11.1 เมื่อเอียงแก้วในทิศทางต่าง ๆ แล้วดึงก้นถุงพลาสติก สังเกตพบอะไรบ้าง (ไม่ว่าจะเอียงแก้วให้อยู่ ในลักษณะใดก็ตาม เช่น คว่�ำโหล เอียงในแนวนอน ก็จะรู้สึกว่าดึงก้นถุงขึ้นได้ยากเหมือนกัน) 11.2 ท�ำไมเราจึงดึงก้นถุงจากก้นโหลได้ยากไม่ว่าจะเอียงโหลในทิศทางใดก็ตาม (มีแรงที่อากาศกด ถุงพลาสติกไว้ในทุกทิศทาง) 203
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง 12. นักเรียนตอบค�ำถามฉันรู้อะไรและ อยากรู้อีกว่า ในแบบฝึกหัดหน้า 7 ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการท�ำกิจกรรมได้ว่า อากาศมีแรงกระท�ำต่อวัตถุในทุกทิศทาง หลังจากน้ันครู ให้นักเรียนตรวจสอบว่าได้ท�ำอะไรในแบบนักวิทยาศาสตร์บ้าง แหล่งการเรียนรู้/สื่อ 1. ถุงพลาสติกใส, โหลก้นลึก, ยางรัดของ 2. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 3. แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ การวัดและการประเมินผล 1. การสังเกตการตอบค�ำถามระหว่างเรียน 2. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ชั่วโมงท่ี 3 เรื่อง แรงท่ีอากาศกระท�ำต่อวัตถุท่ีมีขนาดพ้ืนที่ต่างกันเป็นอย่างไร จุดประสงค์การเรียนรู้ ทดลองและอธิบายแรงที่อากาศกระท�ำต่อวัตถุท่ีมีขนาดพ้ืนที่แตกต่างกันได้ กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นน�ำ 1. ครูทบทวนความรู้เดิมโดยน�ำแผ่นยางติดกระจกมาแสดงให้นักเรียนดู แล้วถามนักเรียนว่า แผ่นยางติด กระจกได้อย่างไร (เน่ืองจากมีแรงที่อากาศมากระท�ำต่อแผ่นยางติดกระจกจึงท�ำให้แผ่นยางติดกระจกได้) 2. ครูถามนักเรียนต่อไปว่า ถ้าเปลี่ยนแผ่นยางติดกระจกเป็นขนาดใหญ่ข้ึนจะห้อยของท่ีมีขนาดใหญ่ข้ึนหรือ มีน้�ำหนักมากข้ึนได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ขั้นสอน 1. ครูชักชวนนักเรียนท�ำกิจกรรมต่อไป นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 7 อ่านช่ือกิจกรรมและ ท�ำเป็นคิดเป็น จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับส่ิงท่ีจะเรียน โดยใช้ค�ำถามดังน้ี 1.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเกี่ยวกับเร่ืองอะไร (แรงที่อากาศกระท�ำต่อวัตถุที่มีขนาดพื้นที่ต่างกัน) 1.2 นักเรียนจะได้เรียนเร่ืองน้ีด้วยวิธีใด (การทดลอง) 1.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะท�ำอะไรได้ (สามารถอธิบายแรงท่ีอากาศกระท�ำต่อพื้นท่ีขนาดต่าง ๆ ได้) 2. นักเรียนอ่าน ท�ำอย่างไร ในหนังสือเรียนหน้า 7 นักเรียนลงมือท�ำกิจกรรม สิ่งที่ควรเน้นย�้ำกับนักเรียนคือ 2.1 การตดิ ไมจ้ มิ้ ฟนั กบั กระดาษหนงั สอื พมิ พค์ วรตดิ ใหข้ วางกบั รอยพบั ของกระดาษ ไมค่ วรตดิ ตามแนวรอยพบั 2.2 เม่ือผูกปลายเส้นเชือกเข้ากับดินสอแล้ว ความยาวของเชือกไม่ควรเกิน 20 เซนติเมตร 204
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ 2.3 ก่อนท่ีจะดึงท่ีปลายเชือกควรท�ำให้กระดาษหนังสือพิมพ์แนบกับพ้ืนให้มากที่สุด 2.4 การออกแรงดึงเส้นเชือกให้กระดาษหนังสือพิมพ์พ้นจากพ้ืนเรียบต้องดึงตรง ๆ อย่างรวดเร็ว 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายโดยอาจใช้ค�ำถามดังน้ี 3.1 เม่ือดึงแผ่นกระดาษข้ึนจากพ้ืนเรียบ ดึงได้ง่ายหรือยาก (ดึงได้ยาก) 3.2 มีแรงต้านการเคลื่อนที่ของแผ่นกระดาษขึ้นจากพ้ืนเรียบหรือไม่ รู้ได้อย่างไร (มีแรงต้านการเคลื่อนท่ี รู้ได้จากดึงแผ่นกระดาษข้ึนได้ยาก) 3.3 ถ้ามี แรงต้านน้ันมาจากไหน (แรงกระท�ำของอากาศ) 4. นักเรียนบันทึกผลการท�ำกิจกรรมลงในแบบฝึกหัดหน้าที่ 10 ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปว่าอากาศมีแรงกระท�ำต่อกระดาษหนังสือพิมพ์ ท�ำให้ดึงกระดาษ หนังสือพิมพ์ขึ้นได้ยาก แหล่งการเรียนรู้/ส่ือ 1. กระดาษหนังสือพิมพ์, เชือก, เทปใส, ไม้จิ้มฟัน, กรรไกร, ดินสอ/กลุ่ม 2. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ 3. แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ การวัดและการประเมินผล 1. การสังเกต 2. การร่วมกิจกรรมกลุ่ม ช่ัวโมงที่ 4 เร่ือง แรงท่ีอากาศกระท�ำต่อพื้นที่ที่มีขนาดต่างกันเป็นอย่างไร จุดประสงค์การเรียนรู้ ทดลองและอธิบายแรงท่ีอากาศกระท�ำต่อวัตถุท่ีมีขนาดแตกต่างกันได้ กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันน�ำ 1. ครูทบทวนความรู้เดิมจากกิจกรรมตอนท่ี 1 ในหนังสือเรียนหน้าท่ี 7 ว่าเมื่อวางกระดาษหนังสือพิมพ์บน พ้ืนแล้วออกแรงดึง พบว่าดึงกระดาษหนังสือพิมพ์ข้ึนจากพ้ืนได้ยาก เนื่องจากมีแรงของอากาศกระท�ำต่อ กระดาษหนังสือพิมพ์ 2. หลังจากน้ันครูถามนักเรียนต่อไปว่าแรงที่อากาศกระท�ำต่อกระดาษหนังสือพิมพ์ข้ึนอยู่กับขนาดพื้นที่ของ กระดาษหนังสือพิมพ์หรือไม่อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 205
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง ขั้นสอน 1. นักเรียนอ่าน ท�ำอย่างไร ในข้อ 3, 4, 5 หลังจากน้ันครูถามจนนักเรียนเข้าใจแล้วครูและนักเรียนร่วมกัน ตั้งสมมติฐานและออกแบบวิธีการทดลองดังน้ี 1.1 นักเรียนคิดว่าอากาศออกแรงกระท�ำกับกระดาษหนังสือพิมพ์แผ่นเล็กหรือแผ่นใหญ่มากกว่ากัน (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ) 1.2 เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอากาศมีแรงกระท�ำกับกระดาษแผ่นใดมากกว่ากัน (ถ้าออกแรงดึงมากกระดาษ จึงจะข้ึนจากพ้ืน แสดงว่าอากาศมีแรงกระท�ำต่อกระดาษแผ่นน้ันมากกว่า) 1.3 จากน้ันครูให้นักเรียนน�ำเสนอสมมติฐานและตัวแปรท่ีเก่ียวข้อง (ตัวแปรต้น คือ ขนาดพื้นท่ีของกระดาษหนังสือพิมพ์) (ตัวแปรตาม คือ การออกแรงดึงกระดาษหนังสือพิมพ์) (ตัวแปรที่ต้องควบคุมให้คงที่ คือ กระดาษหนังสือพิมพ์ทุกแผ่นต้องปูให้เรียบกับพ้ืนเสมอ ความยาว ของเส้นเชือกต้องเท่ากัน ความเร็วในการดึงเส้นเชือกต้องเท่ากัน) 2. ครูให้นักเรียนท�ำการทดลอง จากน้ันนักเรียนน�ำเสนอผลการทดลอง จากน้ันครูน�ำอภิปรายโดยอาจใช้ ค�ำถามดังน้ี 2.1 แรงท่ีใช้ดึงกระดาษหนังสือพิมพ์ให้ข้ึนจากพื้นสัมพันธ์กับขนาดพื้นท่ีของกระดาษหนังสือพิมพ์หรือไม่ อย่างไร (สัมพันธ์กัน โดยกระดาษหนังสือพิมพ์ท่ีมีขนาดพ้ืนที่ใหญ่ ต้องใช้แรงดึงมากกว่า) 2.2 แรงที่อากาศกระท�ำต่อกระดาษหนังสือพิมพ์ข้ึนอยู่กับขนาดพื้นท่ีของกระดาษหนังสือพิมพ์หรือไม่ อย่างไร (แรงที่อากาศกระท�ำต่อกระดาษหนังสือพิมพ์ข้ึนอยู่กับขนาดพื้นที่ของกระดาษ โดยแรงที่ อากาศกระท�ำต่อกระดาษหนังสือพิมพ์จะมาก เม่ือขนาดพ้ืนท่ีของกระดาษมีมาก) 2.3 นักเรียนตอบค�ำถามฉันรู้อะไรและ อยากรู้อีกว่า ในแบบฝึกหัดหน้า 13 ข้ันสรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปว่า แรงท่ีอากาศกระท�ำต่อวัตถุซ่ึงขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นท่ี ของวัตถุนั้น โดยพื้นท่ีมาก แรงดันอากาศที่กระท�ำต่อพ้ืนที่นั้นจะมากด้วย ถ้าบริเวณท่ีมีพื้นท่ีมาก จะมีแรง ท่ีอากาศกระท�ำต่อส่ิงน้ันมาก บริเวณที่มีพื้นที่น้อย จะมีแรงที่อากาศกระท�ำต่อพ้ืนท่ีน้ันน้อย 2. ครนู �ำจกุ ยางอนั เลก็ และอนั ใหญม่ าถามนกั เรยี นอกี ครง้ั หนงึ่ วา่ จกุ ยางอนั ใดจะใชห้ อ้ ยของทม่ี นี ำ�้ หนกั มาก ๆ ได ้ (จุกยางอันใหญ่ เพราะอากาศออกแรงกระท�ำกับจุกยางอันใหญ่มากกว่า จึงต้องใช้แรงท่ีดึงจุกยางมากด้วย) แหล่งการเรียนรู้/สื่อ 1. กระดาษหนังสือพิมพ์, เชือก, เทปใส, ไม้จ้ิมฟัน, กรรไกร, ดินสอ/กลุ่ม 2. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 3. แบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 206
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ การวัดและการประเมินผล 1. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 2. สังเกตการร่วมกิจกรรมกลุ่ม ช่ัวโมงที่ 5 เร่ือง ความดันอากาศที่ระดับความสูงต่างกันเป็นอย่างไร จุดประสงค์การเรียนรู้ สืบค้นและอธิบายความดันอากาศที่ระดับความสูงต่าง ๆ กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันน�ำ 1. ครูทบทวนเร่ืองความดันอากาศว่าเป็นแรงที่อากาศกระท�ำในแนวต้ังฉากต่อหน่ึงหน่วยพื้นที่ 2. ครูสาธิตโดยใช้กล่องพลาสติกใส 6 กล่องและใส่ก้อนหิน โดยช้ันล่างสุดใส่ก้อนหิน 10 ก้อนและลดจ�ำนวนลง เรื่อย ๆ จนถึงกล่องสุดท้าย กล่องพลาสติกแทนบรรยากาศแต่ละช้ัน วางซ้อนกันโดยมีกระดาษหรือพลาสติก ห่อดินน�้ำมันก้อนเท่า ๆ กันค่ันระหว่างกล่องแต่ละใบ และใช้ค�ำถามในการอภิปรายดังต่อไปน้ี 2.1 เมื่อน�ำกล่องท่ีใส่ก้อนหินไว้ออกทีละกล่องแล้วน�ำก้อนดินน้�ำมันแต่ละก้อนมาเปรียบเทียบกันจะเป็น อย่างไร เพราะเหตุใด (ดินน้�ำมันก้อนที่อยู่ล่างสุดจะยุบมากท่ีสุด เพราะน�้ำหนักของกล่องพลาสติกใส ที่ใส่ก้อนหิน ที่กดลงบนดินน้�ำมันมีมากที่สุด) 2.2 ถ้าน้�ำหนักของกล่องท่ีใส่ก้อนหินแทนแรงที่อากาศกดลง ดินน้�ำมันแทนบริเวณท่ีได้รับแรง ความดัน บรรยากาศท่ีกระท�ำต่อโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของนักเรียน) ขั้นสอน 1. นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 9 อ่านช่ือกิจกรรม และท�ำเป็นคิดเป็น จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจของ นักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียน โดยอาจใช้ค�ำถามดังน้ี 1.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้เรียนเก่ียวกับเร่ืองอะไร (ความสัมพันธ์ระหว่างความดันอากาศกับระดับ ความสูงต่าง ๆ จากพื้นโลก) 1.2 นักเรียนจะได้เรียนเร่ืองนี้ด้วยวิธีใด (การสืบค้นข้อมูล) 1.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะท�ำอะไรได้ (สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความดันอากาศกับระดับ ความสูงจากพ้ืนโลก) 2. นักเรียนอ่านท�ำอย่างไร ในหนังสือเรียนหน้า 9 หลังจากน้ันครูถามนักเรียนเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ เม่ือนักเรียนเข้าใจแล้วจึงให้ลงมือท�ำกิจกรรม 3. ครูให้นักเรียนอ่านใบความรู้หน้า 10 เรื่องความดันอากาศทีละย่อหน้า จากนั้นครูและนักเรียนอภิปราย ร่วมกันเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน โดยครูใช้ค�ำถามต่อไปน้ี 3.1 ย่อหน้าท่ี 1 และ 2 ถ้าความดันอากาศเปล่ียนแปลงร่างกายเราสามารถรับรู้ได้หรือไม่ อย่างไร (รับรู้ได้ เช่น รู้สึกหูอื้อ) 207
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง 4. ครูให้นักเรียนศึกษาภาพหน้า 11 จากน้ันครูถามนักเรียนว่า 4.1 สีจากกล่องที่มีสีเข้มไปจางในแต่ละช้ันแทนอะไร (แทนมวล โดยสีเข้มแทนมวลมาก สีจางแทนมวล น้อยตามล�ำดับ) 4.2 มวลของอากาศแต่ละชั้นเป็นอย่างไร (ช้ันที่ 1 มีมวลมากท่ีสุด ชั้นท่ี 6 มีมวลน้อยท่ีสุด) 4.3 มวลของอากาศเก่ียวข้องกับแรงที่อากาศกระท�ำต่อกล่องอย่างไร (มวลอากาศมากจะมีแรงกระท�ำต่อ ผนังกล่องมาก มวลอากาศน้อยจะมีแรงกระท�ำต่อผนังกล่องน้อย ดังน้ันเม่ือระดับความสูงเพิ่มขึ้นความ ดันอากาศจะลดลง) 5. ครูให้นักเรียนดูสไลด์ภาพความดันอากาศที่ยอดดอยอินทนนท์ กับ ชายทะเลที่พัทยา แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แตกต่างกัน เพราะดอยอินทนนท์อยู่สูงจากระดับน้�ำทะเลปานกลาง มากกว่าชายทะเลที่พัทยา จึงมีความดันอากาศน้อยกว่า) 5.1 ระดับน้�ำทะเลปานกลางคืออะไร (ค่าเฉลี่ยของระดับน้�ำทะเลที่ขึ้นสูงสุดและลงต่�ำสุดของแต่ละวัน ในช่วงเวลาที่ก�ำหนด ส�ำหรับประเทศไทยใช้เวลาในการวัด 5 ปี โดยเลือกที่ต�ำบลเกาะหลัก อ�ำเภอ เมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) 6. ครูให้นักเรียนเลือกสถานที่ท่ีสนใจมา 1 แห่ง โดยใช้ภาพจากสไลด์ เช่น ยอดภูกระดึง ยอดตึกใบหยก สนามหญ้าในโรงเรียน โดยมีว่าสถานท่ีท่ีสนใจนั้นอยู่สูงหรือต่�ำกว่าระดับน�้ำทะเลปานกลางและความดัน บรรยากาศมีค่าเท่าไร 7. หลังจากท่ีนักเรียนได้ข้อมูลมาแล้ว ให้นักเรียนจับกลุ่มกัน 5 คน แล้วน�ำข้อมูลท้ังหมดมาร่วมกันเขียนกราฟ แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความสูงกับความดันบรรยากาศ 8. นักเรียนตอบค�ำถามฉันรู้อะไร ในแบบฝึกหัด 9. ครูกลับไปย้อนค�ำถามตอนต้นชั่วโมงว่า ถ้าน้�ำหนักของกล่องท่ีใส่ก้อนหินแทนแรงท่ีอากาศกดลง ดินน้�ำมัน แทนบริเวณท่ีได้รับแรง ความดันบรรยากาศท่ีกระท�ำต่อโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร (เปล่ียนแปลงโดยความ ดันบรรยากาศจะลดลงเมื่อระดับความสูงเพ่ิมข้ึน) ข้ันสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปว่า ความดันบรรยากาศหรือความดันอากาศจะลดลงเมื่อระดับ ความสูงเพิ่มขึ้น แหล่งการเรียนรู้/ส่ือ 1. สไลด์ภาพสถานที่ท่องเที่ยว 2. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ 3. แบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 208
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ การวัดและการประเมินผล 1. การสังเกตการตอบค�ำถามระหว่างเรียน 2. ตรวจผลงาน ชั่วโมงที่ 6 เรื่อง แรงเน่ืองจากน้�ำ จุดประสงค์การเรียนรู้ สังเกตและอธิบายแรงท่ีน้�ำกระท�ำต่อวัตถุ กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันน�ำ 1. ครูทบทวนความรู้ท่ีเรียนมาแล้วโดยใช้การอภิปรายร่วมกันจนได้ข้อสรุปว่าอากาศมีแรงกระท�ำต่อสิ่งต่าง ๆ โดยแรงท่ีอากาศกระท�ำต้ังฉากต่อหนึ่งหน่วยพ้ืนที่เรียกว่า ความดันอากาศ ท่ีระดับความสูงแตกต่างกัน ความดันอากาศจะมีค่าแตกต่างกัน 2. ครูถามนักเรียนว่า อากาศและน�้ำมีสมบัติเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ต่อไปนี้ 2.1 น�้ำมีแรงกระท�ำต่อส่ิงต่าง ๆ หรือไม่ อย่างไร 2.2 ทิศทางของแรงเนื่องจากน�้ำที่กระท�ำต่อสิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างไร 2.3 ความดันของน�้ำท่ีระดับความลึกแตกต่างกัน เป็นอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ข้ันสอน 1. นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 13 แล้วอ่านช่ือเร่ือง ค�ำถามชวนคิด จากนั้นนักเรียนตอบค�ำถามตามความ เข้าใจของตนเอง 2. หลังจากนักเรียนอ่านเน้ือเรื่อง จากน้ันอ่านค�ำศัพท์ใน อ่านเป็น นักเรียนอ่านเน้ือเรื่องท่ีก�ำหมด จากนั้น ครูถามค�ำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่านโดยอาจใช้ค�ำถาม ดังน้ี 2.1 การสร้างคันก้ันน้�ำที่ถูกวิธีเพ่ือป้องกันน�้ำท่วมได้ ควรท�ำอย่างไร (ใช้กระสอบทรายวางเป็นฐานของ คนั กน้ั นำ�้ โดยฐานควรมคี วามกวา้ งคลา้ ยเขอ่ื น โดยบรเิ วณพน้ื ตอ้ งขดุ รอ่ งใหเ้ ทา่ กบั ถงุ ทราย 2 ถงุ เพอ่ื เพมิ่ แรงยึดเกาะกับพ้ืนดิน) 2.2 น้�ำมีสมบัติรักษาระดับ หมายความว่าอย่างไร (ผิวหน้าของน้�ำต้องอยู่ในระดับเดียวกัน) 2.3 เพราะเหตุใดแม้จะมีคันก้ันน�้ำแต่น้�ำก็ยังสามารถเข้าในบ้านได้ (เนื่องจากการสร้างคันก้ันน้�ำไม่ถูกวิธี) 3. นักเรียนตอบค�ำถาม รู้หรือยัง ในแบบฝึกหัดหน้า 19 4. ครูให้นักเรียนอ่านค�ำถามส�ำคัญเพื่อชักชวนให้ท�ำกิจกรรมต่อไป ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนสรุปได้ว่าน�้ำมีแรงกระท�ำต่อสิ่งต่าง ๆ 209
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง แหล่งการเรียนรู้/ส่ือ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ 2. แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ การวัดและการประเมินผล 1. การสังเกตการตอบค�ำถามระหว่างเรียน 2. การร่วมกิจกรรมกลุ่ม ช่ัวโมงที่ 7 เรื่อง แรงท่ีน�้ำกระท�ำต่อวัตถุมีทิศทางอย่างไร จุดประสงค์การเรียนรู้ สังเกตและอธิบายทิศทางแรงท่ีน้�ำกระท�ำต่อวัตถุ กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันน�ำ 1. ครูทบทวนความรู้ที่ได้เรียนมาแล้วของนักเรียนโดยให้นักเรียนแบมือแล้วแกว่งมือไปมาในอากาศในทุก ทิศทาง และใช้ค�ำถามต่อไปนี้ 1.1 นักเรียนรู้สึกอย่างไรเม่ือแกว่งมือไปมาในทิศทางต่าง ๆ ในอากาศ (รู้สึกมีแรงต้านที่มือทุกทิศทาง นั่น แสดงให้เห็นว่า อากาศมีแรงกระท�ำต่อส่ิงต่าง ๆ ในทุกทิศทุกทาง) 1.2 นักเรียนคิดว่า ถ้าเราแกว่งมือในน�้ำจะรู้สึกเหมือนหรือต่างจากการแกว่งมือในอากาศหรือไม่ อย่างไร (ให้นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ขั้นสอน 1. นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 16 อ่านช่ือกิจกรรม และท�ำเป็นคิดเป็น จากนั้นครูถามความเข้าใจของ นักเรียนเกี่ยวกับส่ิงที่จะเรียน โดยอาจใช้ค�ำถามดังน้ี 1.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร (ทิศทางของแรงที่น้�ำกระท�ำต่อวัตถุ) 1.2 นักเรียนจะได้เรียนเรื่องน้ีด้วยวิธีใด (ผ่านการสังเกต) 1.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะท�ำอะไรได้ (สามารถอธิบายทิศทางของแรงท่ีน�้ำกระท�ำต่อวัตถุ) 2. นักเรียนอ่าน ท�ำอย่างไร ในหนังสือเรียนหน้า 18 โดยถามความเข้าใจข้ันตอนการท�ำกิจกรรมทีละขั้น จนแน่ใจว่านักเรียนสามารถท�ำได้ จึงให้นักเรียนลงมือท�ำกิจกรรม 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการท�ำกิจกรรม โดยอาจใช้ค�ำถามดังนี้ 3.1 เม่ือจุ่มมือท่ีสวมถุงพลาสติกลงไปในน�้ำเกิดอะไรขึ้น (ถุงพลาสติกแนบกับมือ) 3.2 น้�ำมีแรงกระท�ำต่อถุงพลาสติกหรือไม่ รู้ได้อย่างไร (น�้ำมีแรงกระท�ำต่อถุงพลาสติก รู้ได้จากท�ำให ้ ถุงพลาสติกเปลี่ยนรูปร่างให้แนบไปตามมือ) 210
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ 3.3 น้�ำมีแรงกระท�ำต่อถุงพลาสติกในทิศทางใดบ้าง รู้ได้อย่างไร (น้�ำมีแรงกระท�ำต่อถุงพลาสติกทุกทิศทาง รู้ได้จากถุงพลาสติกแนบติดกับมือในทุกด้าน) 4. นักเรียนตอบค�ำถาม ฉันรู้อะไรในแบบฝึกหัด 5. นักเรียนตรวจสอบว่าได้ท�ำอะไรในแบบนักวิทยาศาสตร์ ข้ันสรุป ครูและนักเรียนอภิปรายจนสรุปได้ว่า การที่ถุงพลาสติกเคลื่อนที่มาแนบกับมือและข้อมือในทุกด้าน แสดงให้ เห็นว่ามีแรงกระท�ำต่อถุงพลาสติกในทุกทิศทาง แหล่งการเรียนรู้/ส่ือ 1. ถุงพลาสติกใส ถังใส่น้�ำ 2. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 3. แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ การวัดและการประเมินผล 1. การสังเกตการตอบค�ำถามระหว่างเรียน 2. การร่วมกิจกรรมกลุ่ม ชั่วโมงท่ี 8 เร่ือง ความดันของน้�ำท่ีระดับความลึกต่างกันเป็นอย่างไร จุดประสงค์การเรียนรู้ สังเกตและอธิบายความสัมพันธ์ของแรงท่ีน้�ำกระท�ำต่อพ้ืนท่ีของวัตถุท่ีระดับความลึกต่างกัน กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นน�ำ 1. ครูทบทวนความรู้ที่ได้เรียนมาแล้วของนักเรียนโดยใช้แนวค�ำถามดังต่อไปน้ี 1.1 ความดันอากาศท่ีระดับความสูงต่างกันเป็นอย่างไร (ความดันอากาศจะลดลงท่ีระดับความสูงเพิ่มข้ึน) 1.2 ความดันของน้�ำจะเปลี่ยนแปลงตามความสูงเช่นเดียวกับความดันอากาศหรือไม่ อย่างไร (นักเรียน ตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ข้ันสอน 1. นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 18 อ่านช่ือกิจกรรม และท�ำเป็นคิดเป็น จากน้ันครูถามความเข้าใจของ นักเรียนเก่ียวกับส่ิงที่จะเรียน โดยอาจใช้ค�ำถามดังน้ี 1.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้เรียนเก่ียวกับเรื่องอะไร (ความดันของน�้ำที่ระดับความลึกต่างกัน) 1.2 นักเรียนจะได้เรียนเร่ืองนี้ด้วยวิธีใด (ผ่านการสังเกต) 211
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง 1.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะท�ำอะไรได้ (สามารถอธิบายความดันของน�้ำที่กระท�ำต่อวัตถุท่ีระดับความลึก ต่างกัน) 2. นักเรียนอ่าน ท�ำอย่างไร ในหนังสือเรียนหน้า 18 โดยถามความเข้าใจขั้นตอนการท�ำกิจกรรมทีละขั้น จน แน่ใจว่านักเรียนสามารถท�ำได้ ครูจึงให้นักเรียนคาดคะเนผลการท�ำกิจกรรมในแบบบันทึกกิจกรรม หลัง จากนั้นจึงให้นักเรียนลงมือท�ำกิจกรรม 3. ครูอภิปรายผลการท�ำกิจกรรมโดยอาจใช้ค�ำถามดังนี้ 3.1 รูหมายเลขใดอยู่ลึกท่ีสุด รู้ได้อย่างไร (หมายเลข 4 เพราะอยู่ต่�ำจากผิวน้�ำมากที่สุด) 3.2 เม่ือเปิดรูหมายเลข 1 และ 2 ที่มีระดับความลึกเท่ากัน ผลเป็นอย่างไร (น้�ำพุ่งออกมาไกลเท่ากัน) 3.3 เมื่อเปิดรูหมายเลข 2 3 และ 4 ที่มีระดับความลึกต่างกัน ผลเป็นอย่างไร (น�้ำในรูที่ 4 พุ่งได้ไกลที่สุด รองลงมาคือรูที่ 3 และ 2) 3.4 ท่ีน�้ำระดับความลึกต่างกัน มีส่ิงใดที่แตกต่างกัน รู้ได้อย่างไร (ย่ิงลึกมาก แรงดันน�้ำจะมากขึ้น รู้ได้จาก ระยะทางท่ีน�้ำพุ่งออกไปไกลแตกต่างกัน) 4. ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมว่า น�้ำมีแรงกระท�ำ เช่นเดียวกับอากาศ แรงดันของน�้ำที่กระท�ำต่อวัตถุในหน่ึงหน่วย พ้ืนที่เรียกว่า ความดันของน้�ำ เน่ืองจากในกิจกรรมน้ีใช้น้�ำเป็นตัวอย่างหน่ึงของของเหลว ของเหลวอ่ืน ๆ ก็มีความดันเช่นเดียวกัน เรียกว่าความดันของของเหลว 5. นักเรียนตอบค�ำถาม ฉันรู้อะไรในแบบฝึกหัด 6. ครูย้อนกลับไปถามนักเรียนตอนต้นช่ัวโมงว่า 6.1 ความดันของน�้ำจะเปล่ียนแปลงตามความสูงเช่นเดียวกับความดันอากาศหรือไม่ อย่างไร (ไม่ แต่ความ ดันของน้�ำจะเปลี่ยนแปลงตามความลึก) 7. ครแู ละนกั เรยี นอา่ นฉนั รอู้ ะไรเกยี่ วกบั แรงเนอ่ื งจากอากาศและนำ�้ จากนนั้ ครใู หน้ กั เรยี นกลบั ไปตรวจค�ำตอบ ในกิจกรรมส�ำรวจความรู้ก่อนเรียน ขั้นสรุป 1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ กจิ กรรมไดว้ า่ ความลกึ มผี ลตอ่ ความดนั ของนำ�้ ทรี่ ะดบั ความลกึ มาก นำ้� จะมคี วาม ดันมาก ท่ีระดับความลึกนอ้ ย นำ้� จะมีความดนั น้อย และที่ระดับความลึกเดยี วกัน น�้ำจะมคี วามดนั เทา่ กนั 2. นักเรียนตรวจสอบว่าได้ท�ำอะไรในแบบนักวิทยาศาสตร์บ้าง แหล่งการเรียนรู้/สื่อ 1. หมุด, เทปกาว, ขวดพลาสติก, ปากกาเคมี, ภาชนะรองน�้ำ 2. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ 3. แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ 212
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ การวัดและการประเมินผล 1. การสังเกตการตอบค�ำถามระหว่างเรียน 2. การร่วมกิจกรรมกลุ่ม ชั่วโมงท่ี 9 เร่ือง เสียง (กิจกรรมส�ำรวจความรู้ก่อนเรียน) จุดประสงค์การเรียนรู้ สังเกตและอภิปรายเมื่อรูดแท่งอะลูมิเนียมกลวงด้วยยางสน กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นน�ำ 1. ครูให้นักเรียนนั่งเป็นกลุ่มกลุ่มละ 4 คนแต่ละกลุ่มก�ำหนดเสียงประจ�ำกลุ่ม เช่น เสียงม้า เสียงแมว เสียงรถพยาบาล เม่ือครูชี้น้ิวไปท่ีกลุ่มใดให้กลุ่มนั้นส่งเสียงร้องพร้อม ๆ กัน จากนั้นครูน�ำอภิปรายโดย อาจใช้ค�ำถามดังนี้ 1.1 เสียงเกิดข้ึนได้อย่างไร 1.2 นักเรียนได้ยินเสียงได้อย่างไร 1.3 เสียงที่ได้ยินเสียงใดเป็นเสียงสูง เสียงใดเป็นเสียงต�่ำ 1.4 เสียงสูง เสียงต�่ำต่างกันหรือไม่อย่างไร (นักเรียนตอบค�ำถามตามความเข้าใจของตนเอง) ขั้นสอน 1. จากนั้นครูชักชวนนักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 23 อ่านชื่อบทแนวคิดส�ำคัญ จากนั้นครูใช้ค�ำถามดังน้ี 1.1 ในบทน้ีจะเรียนเรื่องอะไรบ้าง (การเกิดเสียง การเคลื่อนท่ีของเสียง การได้ยินเสียง การเกิดเสียงสูง เสียงต่�ำ เสียงดัง เสียงค่อยและมลพิษทางเสียง) 2. นักเรียนอ่านเนื้อเรื่องน�ำบทในหนังสือเรียนหน้า 26 จากน้ันครูถามความเข้าใจจากการอ่านของนักเรียน โดยอาจใช้ค�ำถามดังนี้ 2.1 เสียงมีประโยชน์หรือโทษต่อส่ิงมีชีวิตอย่างไร (เสียงมีประโยชน์คือ ส่ิงมีชีวิตใช้เสียงในการส่ือสาร มนุษย์ สามารถใช้เสียงเพ่ือความบันเทิงโดยการท�ำเครื่องดนตรีให้มีเสียงสูง ต่�ำต่างกัน โทษของเสียงคือ บางคร้ังการฟังเสียงบางอย่างอาจท�ำให้เกิดอันตรายต่อการได้ยิน) 2.2 นักเรียนคิดว่าเสียงจะท�ำให้มนุษย์สูญเสียการได้ยินอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 3. นักเรียนท�ำกิจกรรมส�ำรวจความรู้ก่อนเรียนในแบบฝึกหัดหน้า 27 โดยอ่านท�ำเป็นคิดเป็น จากนั้นครูถาม ความเข้าใจโดยอาจใช้ค�ำถามดังน้ี 3.1 เราท�ำกิจกรรมนี้จะได้รู้อะไร (สิ่งที่เกิดข้ึนเมื่อรูดแท่งอะลูมิเนียมกลวงด้วยยางสน) 3.2 เราจะท�ำกิจกรรมนี้ด้วยวิธีการใด (การสังเกต) 3.3 เมอ่ื ท�ำกจิ กรรมนแ้ี ลว้ นกั เรยี นจะท�ำอะไรได้ (อภปิ รายสง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ เมอ่ื รดู แทง่ อะลมู เิ นยี มกลวงดว้ ยยางสน) 4. นักเรียนอ่านท�ำอย่างไรทีละข้อ เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่านักเรียนเข้าใจ ให้นักเรียนลงมือท�ำกิจกรรม แล้วตอบค�ำถามในฉันรู้อะไรในแบบฝึกหัด 213
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง ขั้นสรุป ครูให้นักเรียนน�ำเสนอผลทีละกลุ่ม ครูรับฟังค�ำตอบของนักเรียนโดยยังไม่เฉลยค�ำตอบท่ีถูกต้องแต่บันทึก ค�ำตอบของนักเรียนไว้เป็นข้อมูลเพื่อใช้ในครั้งต่อไปและจะกลับมาตรวจค�ำตอบเมื่อเรียนจบบทน้ีแล้ว แหล่งการเรียนรู้/สื่อ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 2. แบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ การวัดและการประเมินผล 1. การสังเกตการตอบค�ำถามระหว่างเรียน 2. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ชั่วโมงที่ 10 เร่ือง เสียงกับการได้ยิน จุดประสงค์การเรียนรู้ สังเกตและอธิบายได้ว่าเสียงเกิดจากการสั่นของวัตถุที่เป็นแหล่งก�ำเนิดเสียง กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นน�ำ 1. ครูให้นักเรียนทุกคนหลับตา จากน้ันครูท�ำเสียงต่อไปน้ี เช่น เคาะแก้ว เปิดเสียงนาฬิกาปลุก เสียงลูกโป่งแตก เสียงกระด่ิง เสียงหนังสือหล่น จากน้ันอภิปรายกับนักเรียนโดยอาจใช้ค�ำถามดังน้ี - เสียงต่าง ๆ ที่ได้ยินน้ันเกิดจากวัตถุใด (นักเรียนตอบค�ำถามตามความเข้าใจของตนเอง) - เสียงท่ีได้ยินเกิดข้ึนได้อย่างไร (นักเรียนตอบค�ำถามตามความเข้าใจของตนเอง) ขั้นสอน 1. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 24 แล้วอ่านช่ือเรื่องค�ำถามชวนคิด จากนั้นนักเรียนตอบค�ำถามตาม ความเข้าใจของตนเอง จากนั้นอ่านค�ำศัพท์ในอ่านเป็น 2. นักเรียนอ่านเน้ือเรื่อง ครูถามค�ำถามความเข้าใจจากการอ่านโดยอาจใช้ค�ำถามดังน้ี 2.1 อวัยวะท่ีท�ำหน้าท่ีรับฟังเสียงคืออะไร (หู) 2.2 เราได้ยินเสียงแล้วรู้ว่าเป็นเสียงอะไรได้อย่างไร (เสียงจากแหล่งก�ำเนิดเสียงมาถึงหูแล้วจะส่งสัญญาณ ไปยังสมองเพ่ือให้รู้ว่าเป็นเสียงอะไร) 2.3 แหล่งก�ำเนิดเสียงคืออะไร (ส่ิงท่ีท�ำให้เกิดเสียง) 2.4 จงยกตัวอย่างแหล่งก�ำเนิดเสียงมาคนละ 1 อย่าง (กลอง ระฆัง นาฬิกา) 2.5 นักเรียนคิดว่าเสียงเกิดขึ้นได้อย่างไร (เกิดจากการส่ันของแหล่งก�ำเนิดเสียง) 214
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ 2.6 จากเร่ืองท่ีนักเรียนได้อ่านเราได้ยินเสียงได้อย่างไร (เราได้ยินเสียงโดยเสียงจากแหล่งก�ำเนิดเสียง เดินทางมายังหูและส่งต่อไปยังสมองท�ำให้ได้ยินเสียง อวัยวะที่ท�ำให้เราได้ยินเสียงคือหู) 3. นักเรียนตอบค�ำถามรู้หรือยังในแบบฝึกหัดหน้า 30 4. ครูให้นักเรียนอ่านค�ำถามส�ำคัญเพ่ือชักชวนให้นักเรียนท�ำกิจกรรมท่ี 1.1 เสียงเกิดได้อย่างไร 5. ครูทบทวนส่ิงท่ีเรียนมาแล้วโดยใช้สไลด์ภาพเคลื่อนไหวกลุ่มที่ 1 (ภาพน้�ำตก ภาพกอไผ่ลู่ตามลม ภาพนก ภาพฟ้าแลบ ฟ้าร้อง) และกลุ่มท่ี 2 (ฉิ่ง กลอง รถจักรยานยนต์ คนร้องเพลง) แล้วใช้แนวค�ำถามดังต่อไปน้ี 5.1 ส่ิงท่ีปรากฏบนสไลด์นั้นสามารถท�ำให้เกิดเสียงได้หรือไม่อย่างไร (ได้ เช่น นกร้องท�ำให้เกิดเสียง, การ เสียดสีกันของต้นไผ่ท�ำให้เกิดเสียง ตีกลองท�ำให้เกิดเสียง เป็นต้น) 5.2 นักเรียนคิดว่าแหล่งก�ำเนิดเสียงของภาพท้ัง 2 กลุ่มเหมือนหรือต่างกันอย่างไร (ต่างกัน โดยมีแหล่ง ก�ำเนิดเสียงตามธรรมชาติและแหล่งก�ำเนิดเสียงที่มนุษย์สร้างข้ึน) 5.3 วัตถุที่เป็นแหล่งก�ำเนิดเสียงสามารถท�ำให้เกิดเสียงได้อย่างไรและขณะท่ีเกิดเสียงนั้นแหล่งก�ำเนิดเสียง เป็นอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 6. ครูชักชวนให้นักเรียนท�ำกิจกรรม นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 25 อ่านชื่อกิจกรรมและท�ำเป็นคิดเป็น จากน้ันครูถามความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนโดยอาจใช้ค�ำถามดังน้ี 6.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้เรียนเกี่ยวกับเร่ืองอะไร (การเกิดเสียง) 6.2 นักเรียนจะได้เรียนเร่ืองน้ีด้วยวิธีใด (ผ่านการสังเกต) 6.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะท�ำอะไรได้ (สามารถอธิบายว่าเสียงเกิดข้ึนได้อย่างไร) 7. นักเรียนอ่านท�ำอย่างไรตอนที่ 1 จากน้ันครูถามความเข้าใจ ขั้นตอนการท�ำกิจกรรมทีละข้ัน จนแน่ใจว่า นักเรียนสามารถท�ำได้ จึงให้นักเรียนลงมือท�ำกิจกรรม 8. ให้นักเรียนลงมือท�ำกิจกรรมพร้อมบันทึกผล จากน้ันครูอภิปรายผลการท�ำกิจกรรมโดยอาจใช้ค�ำถามดังนี้ 8.1 เมื่อเคาะส้อมเสียงแล้วน�ำไว้ข้างหูสังเกตพบอะไร (ได้ยินเสียง) 8.2 เม่ือเคาะส้อมเสียงแล้วใช้มือแตะขาส้อมเสียงเบา ๆ สังเกตพบอะไร (ขาส้อมเสียงสั่น) 8.3 เม่ือเคาะส้อมเสียงแล้วน�ำไว้ข้างหูแล้วใช้มือจับทันทีสังเกตพบอะไร (ได้ยินเสียง แต่เม่ือใช้มือจับทันที ส้อมเสียงจะหยุดส่ันและจะไม่ได้ยินเสียง) 8.4 จากกิจกรรมน้ีแหล่งก�ำเนิดเสียงคืออะไร (ส้อมเสียง) 8.5 เสียงเกิดข้ึนได้อย่างไร (เสียงเกิดจากการส่ันของส้อมเสียง) ข้ันสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่าเสียงเกิดจากการส่ันของแหล่งก�ำเนิดเสียง แหล่งการเรียนรู้/ส่ือ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 2. แบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 215
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง การวัดและการประเมินผล 1. การสังเกตการตอบค�ำถามระหว่างเรียน 2. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ช่ัวโมงท่ี 11 เร่ือง เสียงเกิดได้อย่างไร จุดประสงค์การเรียนรู้ สังเกตและอธิบายได้ว่าเสียงเกิดจากการสั่นของวัตถุท่ีเป็นแหล่งก�ำเนิดเสียง กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นน�ำ 1. ครูทบทวนความรู้จากกิจกรรมตอนท่ี 1 โดยถามนักเรียนดังต่อไปนี้ 1.1 เม่ือเคาะส้อมเสียงเกิดอะไรข้ึนบ้าง (ส้อมเสียงสั่นและมีเสียง) 1.2 เม่ือจับส้อมเสียงเกิดอะไรขึ้นบ้าง (ส้อมเสียงหยุดส่ันและไม่มีเสียง) 1.3 นักเรียนรู้อะไรบ้างจากการท่ีได้ท�ำกิจกรรม (เสียงเกิดจากการส่ันของแหล่งก�ำเนิดเสียง) 1.4 นักเรียนคิดว่ามีวิธีการใดอีกบ้างท่ีจะท�ำให้วัตถุเกิดเสียง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ขั้นสอน 1. ครูชักชวนให้นักเรียนอ่านท�ำอย่างไรตอนที่ 2 จากน้ันครูถามความเข้าใจ ขั้นตอนการท�ำกิจกรรมทีละขั้น จนแน่ใจว่านักเรียนสามารถท�ำได้ จึงให้นักเรียนลงมือท�ำกิจกรรม 2. นักเรียนน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม จากนั้นครูอภิปรายผลการท�ำกิจกรรมโดยอาจใช้ค�ำถามดังนี้ 2.1 วิธีท่ีท�ำให้วัตถุเกิดเสียงมีอะไรบ้าง (การดีดยางรัดของ การตีหรือเคาะลูกโป่งท่ีขึงกับปากแก้วหรือส้อม เสียง การเป่าหลอดดูด การรูดหรือการสีเชือกที่ผูกกับก้นแก้วพลาสติก) 2.2 แต่ละวิธีท�ำให้วัตถุเกิดการเปล่ียนแปลงอย่างไร (วัตถุเกิดการสั่น) 3. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมได้ว่าวิธีที่จะท�ำให้แหล่งก�ำเนิดเสียงส่ันมีหลากหลาย เช่น เป่า ตี เคาะ 4. นักเรียนตอบค�ำถามในฉันรู้อะไร และเม่ือนักเรียนตอบค�ำถามเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นักเรียนตั้งค�ำถาม คนละ 1 ค�ำถามว่าอยากรู้อะไรอีกบ้างเก่ียวกับเรื่องน้ีลงในอยากรู้อีกว่า จากน้ันครูให้นักเรียนน�ำเสนอ ค�ำถามของตนเองหน้าชั้นเรียน 5 ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมโดยใช้สไลด์ภาพเสียงจ้ิงหรีดเกิดจากการใช้ปีกเสียดสีกันท�ำให้เกิดเสียงดัง เสียงจักจ่ัน เกิดจากการสั่นของกล้ามเน้ือส�ำหรับผลิตเสียงและแหล่งก�ำเนิดเสียงในการพูดของมนุษย์คือเส้นเสียง 6. ครูให้นักเรียนตรวจสอบตนเองว่าได้ท�ำอะไรในแบบวิทยาศาสตร์บ้าง ขั้นสรุป นักเรียนร่วมกันสรุปได้ว่า เสียงเกิดจากการส่ันของแหล่งก�ำเนิดเสียง 216
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ แหล่งการเรียนรู้/ส่ือ 1. สไลด์ภาพ 2. กรรไกร, ส้อมเสียงและไม้ส�ำหรับเคาะ, กล่องกระดาษ, ดินสอ, ถ้วยพลาสติก, ยางรัดของ, แก้วพลาสติก, ลูกโป่ง, หลอดดูด, เชือกขาว 3. แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ การวัดและการประเมินผล 1. การตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 2. การร่วมกิจกรรมกลุ่ม ช่ัวโมงที่ 12 เรื่อง เสียงเคลื่อนที่ไปทิศทางใด จุดประสงค์การเรียนรู้ สังเกตและอธิบายทิศทางการเคล่ือนท่ีของเสียงจากแหล่งก�ำเนิดเสียง กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันน�ำ 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิม โดยถามนักเรียนว่า 1.1 เสียงเคล่ือนท่ีได้หรือไม่ (ได้) 1.2 เสียงเคลื่อนท่ีจากแหล่งก�ำเนิดเสียงไปทิศทางใดบ้าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ขั้นสอน 1. ครูชักชวนให้นักเรียนท�ำกิจกรรม นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 30 อ่านช่ือกิจกรรมและท�ำเป็นคิดเป็น จากนั้นครูถามความเข้าใจของนักเรียนเก่ียวกับสิ่งที่จะเรียนโดยอาจใช้ค�ำถามดังน้ี 1.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเก่ียวกับเร่ืองอะไร (การเคล่ือนท่ีของเสียง) 1.2 นักเรียนจะได้เรียนเรื่องนี้ด้วยวิธีใด (ผ่านการสังเกต) 1.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะท�ำอะไรได้ (สามารถอธิบายว่าเสียงเคล่ือนท่ีไปในทิศทางใด) 2. นักเรียนอ่านท�ำอย่างไร จากน้ันครูถามความเข้าใจ ข้ันตอนการท�ำกิจกรรมทีละข้ัน จนแน่ใจว่านักเรียน สามารถท�ำได้ จึงให้นักเรียนบันทึกผลการคาดคะเนลงในแบบฝึกหัดแล้วน�ำเสนอผลการคาดคะเนพร้อม ให้เหตุผล 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มท�ำกิจกรรมโดยนักเรียนกระจายไปยืนตามบริเวณต่าง ๆ ของห้อง จากน้ันครูเคาะส้อม เสียงแล้วแตะส้อมเสียงท่ีเคาะแล้วกับกล่องกระดาษเปล่าหรือแตะส้อมเสียงกับโต๊ะเพื่อให้ได้ยินเสียงของ ส้อมเสียงดังขึ้น นักเรียนบันทึกผลการสังเกตแล้วน�ำเสนอ จากน้ันครูน�ำอภิปรายโดยอาจใช้ค�ำถามดังน้ี 3.1 นกั เรียนในต�ำแหนง่ ใดได้ยินเสียงจากส้อมเสยี งบ้าง (ทุกต�ำแหนง่ ทัง้ หน้าห้อง หลงั หอ้ ง บนโตะ๊ ใตโ้ ตะ๊ ) 217
คู่มือครูพระราชทานสอนทางไกลผ่านดาวเทียมสำ�หรับโรงเรียนปลายทาง 3.2 เสียงเคลื่อนที่จากส้อมเสียงไปในทิศทางใดบ้าง (ทุกทิศทาง) 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมได้ว่าเสียงเคล่ือนที่จากแหล่งก�ำเนิดเสียงไปในทุกทิศทาง 5. นักเรียนตอบค�ำถามในฉันรู้อะไรในแบบฝึกหัด 6. ครูให้นักเรียนตรวจสอบตนเองว่าได้ท�ำอะไรในแบบวิทยาศาสตร์บ้าง ขั้นสรุป นักเรียนร่วมกันสรุปได้ว่า เสียงเคลื่อนที่จากแหล่งก�ำเนิดเสียงไปทุกทิศทาง แหล่งการเรียนรู้/ส่ือ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 2. แบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ 3. ส้อมเสียงพร้อมไม้เคาะ การวัดและการประเมินผล 1. การสังเกตการตอบค�ำถามระหว่างเรียน 2. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ชั่วโมงท่ี 13 เรื่อง เสียงเคล่ือนท่ีไปได้อย่างไร จุดประสงค์การเรียนรู้ สังเกตและอธิบายการเคล่ือนที่ของเสียงผ่านตัวกลางของเสียง กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นน�ำ 1. ให้นักเรียนคนหนึ่งเคาะส้อมเสียงแล้วให้เพ่ือน ๆ ฟัง จากนั้นครูตั้งค�ำถามให้นักเรียนคิดว่าเสียงเคาะมาถึงห ู ได้อย่างไรนักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง ขั้นสอน 1. ครูชักชวนให้เรียนรู้ในกิจกรรมต่อไปโดยให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 29 อ่านชื่อกิจกรรมและท�ำเป็น คิดเป็น จากนั้นครูถามความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับส่ิงท่ีจะเรียนโดยอาจใช้ค�ำถามดังนี้ 1.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้เรียนเก่ียวกับเร่ืองอะไร (การเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลาง) 1.2 นักเรียนจะได้เรียนเรื่องน้ีด้วยวิธีใด (ผ่านการสังเกต) 1.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะท�ำอะไรได้ (สามารถอธิบายว่าเสียงเคล่ือนที่ได้อย่างไร) 2. นักเรียนอ่านท�ำอย่างไรตอนท่ี 1 ครูถามความเข้าใจ ข้ันตอนการท�ำกิจกรรมทีละขั้น จนแน่ใจว่านักเรียน สามารถท�ำได้ จึงให้นักเรียนลงมือท�ำกิจกรรม 3. นักเรียนน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม จากนั้นครูอภิปรายโดยอาจใช้ค�ำถามดังน้ี 218
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ 3.1 เม่ือเคาะส้อมเสียงแล้วน�ำขาส้อมเสียงจ่อที่ผิวน้�ำเกิดอะไรข้ึน (ได้ยินเสียงและผิวน้�ำเกิดการส่ัน แผ่เป็น วงกลมรอบขาส้อมเสียง) 3.2 เมอื่ เคาะสอ้ มเสยี งแลว้ น�ำขาสอ้ มเสยี งจอ่ ทผี่ วิ นำ�้ แลว้ ใชห้ แู นบกบั ภาชนะทใ่ี สน่ ำ�้ เกดิ อะไรขน้ึ (ไดย้ นิ เสยี ง) 3.3 เมื่อเคาะส้อมเสียงแล้วน�ำขาส้อมเสียงจ่อท่ีผิวน้�ำแล้วใช้หูแนบกับภาชนะท่ีใส่น้�ำ เสียงจากส้อมเสียง เคล่ือนที่มาถึงหูได้อย่างไร (ส้อมเสียงสั่นเม่ือจ่อขาส้อมเสียงท่ีผิวน้�ำ น�้ำเกิดการสั่นต่อกันไปเรื่อย ๆ แล้วท�ำให้ภาชนะสั่น ท�ำให้อากาศส่ันจนเสียงมาถึงหู) 4. ครูให้ความเพิ่มรู้เพิ่มเติมกับนักเรียนว่าเมื่อเสียงเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางเสียงจะถ่ายโอนพลังงานให้ตัวกลาง นั้นและท�ำให้ตัวกลางสั่นต่อกันไปเรื่อย ๆ จนถึงหูผู้ฟัง 5. ครูน�ำนักเรียนสรุปกิจกรรมตอนท่ี 1 ว่าเสียงสามารถเคลื่อนท่ีผ่านตัวกลางที่เป็นของเหลวได้ 6. นักเรียนอ่านท�ำอย่างไรตอนท่ี 2 ครูถามความเข้าใจ ข้ันตอนการท�ำกิจกรรมทีละข้ัน จนแน่ใจว่านักเรียน สามารถท�ำได้ จึงให้นักเรียนลงมือท�ำกิจกรรม 7. นักเรียนคาดคะเนและบันทึกผลการคาดคะเน จากนั้นนักเรียนท�ำกิจกรรมเพ่ือตรวจสอบการคาดคะเน สังเกตและบันทึกผล 8. นักเรียนน�ำเสนอผลการท�ำกิจกรรม จากน้ันครูอภิปรายโดยอาจใช้ค�ำถามดังน้ี 8.1 เมื่อพูดผ่านโทรศัพท์ท่ีขึงตึงด้วยเส้นเอ็นได้ยินเสียงผู้พูดหรือไม่ (ได้ยินเสียง) 8.2 เม่ือพูดผ่านโทรศัพทท์ ่ีขึงตึงด้วยเสน้ เอ็นแลว้ ใชม้ อื แตะทเ่ี สน้ เอน็ เบา ๆ สงั เกตพบอะไรบ้าง (เส้นเอน็ สั่น) 9. เสียงจากผู้พูดมาถึงหูผู้ฟังได้อย่างไร (การส่ันของอากาศภายในแก้วแล้วส่ันผ่านแก้วมาถึงเส้นเอ็น เส้นเอ็น ส่ันต่อกันมาจนมาถึงแก้วของผู้ฟังแล้วท�ำให้อากาศภายในแก้วสั่นจนถึงหูผู้ฟัง) 10. เมือ่ พูดผา่ นโทรศัพทท์ ข่ี งึ ตงึ ด้วยเส้นเอ็นแลว้ ใชม้ ือจับเสน้ เอ็นให้แน่นเกิดอะไรขึ้น เพราะอะไร (ไมไ่ ดย้ ินเสยี ง พดู เพราะเม่ือใช้มือจับเส้นเอ็นให้แน่นจะท�ำให้เส้นเอ็นไม่ส่ัน ท�ำให้เสียงไม่สามารถเคลื่อนท่ีมายังผู้ฟังได้) 10.1 เมื่อพูดผ่านโทรศัพท์ท่ีขึงตึงด้วยเส้นเอ็นแล้วตัดเส้นเอ็นทันทีเกิดอะไรข้ึน เพราะอะไร (ไม่ได้ยินเสียง พูด เพราะเม่ือตัดเส้นเอ็นเสียงไม่สามารถส่ันผ่านเส้นเอ็นมาถึงหูผู้ฟังได้) 10.2 เส้นเอ็นท่ีขึงตึงระหว่างผู้พูดกับผู้ฟังท�ำหน้าท่ีอะไร (เป็นตัวกลางของเสียง) 11. เสียงต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่หรือไม่ รู้ได้อย่างไร (เสียงต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ รู้ได้ จากเม่ือไม่มีตัวกลางของเสียงเราจะไม่สามารถได้ยินเสียง) 12. ครูให้นักเรียนตอบค�ำถามฉันรู้อะไรในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์หน้า 31 13. ครูให้นักเรียนตรวจสอบตนเองว่าได้ท�ำอะไรในแบบนักวิทยาศาสตร์บ้าง ขั้นสรุป 1. ครูชักชวนนักเรียนอภิปรายร่วมกันจนได้ข้อสรุปว่าเสียงพูดท�ำให้ก้นถ้วยพลาสติกสั่นแล้วท�ำให้เส้นเอ็นสั่น ท�ำให้ก้นถ้วยด้านผู้ฟังสั่น ท�ำให้อากาศในถ้วยน้ันสั่นจึงได้ยินเสียง ตัวกลางที่เสียงใช้ในการเดินทางคือ แก้วพลาสติก เส้นเอ็นและอากาศ และเม่ือตัดเส้นเอ็นก็จะไม่ได้ยินเสียง 2. ครูและนักเรียนลงข้อสรุปร่วมกันว่าเสียงเคลื่อนท่ีผ่านตัวกลางท่ีเป็นทั้งของแข็ง ของเหลวและแก๊ส 219
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123