Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผน 1/64 ม.ปลาย (ภาษาไทย)

แผน 1/64 ม.ปลาย (ภาษาไทย)

Published by Niya J., 2021-09-02 09:42:20

Description: แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ภาคเรียนที่ 1/2564 ระดับ ม.ปลาย รายวิชาภาษาไทย (พท31001)

Search

Read the Text Version

หลักสตู รสถานศกึ ษา รายวชิ าภาษาไทย (พท31001) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ตามหลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ประจาภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 จดั กระบวนการเรยี นรู้ 5 รปู แบบ พบกลมุ่ (ON-Site) ออนไลน์ (ON-Line) หนงั สือเรียน มอบหมายงาน (ON-Hand) ผา่ นชอ่ งทาง ETV (ON-Air) ผา่ นแอปพลเิ คชนั (ON-Demand) ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอเมืองนราธวิ าส สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจังหวัดนราธวิ าส สานักงาน กศน. สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศกึ ษาธิการ

คำนำ แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ กศน.แบบรายวิชา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในรายวิชา ภาษาไทย (พท 31001) ระดับมัธยมศึกษาตอน ปลาย ภาคเรียนที่ 1/2564 จัดทำขึ้นเพ่ือให้ครู กศน.ใช้เป็นแนวทางการจัดกระบวนการเรียนรู้ใหก้ ับ นกั ศึกษา กศน. โดยมีเนอ้ื หาสาระเก่ียวกับโครงสรา้ งหลักสตู ร แผนจัดการเรียนรู้แบบรายวิชาและแนว ทางการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ครอบคลุมเนื้อหารายวิชาบังคับและรายวิชาเลือกในภาคเ รียนท่ี 1/2564 ในการจัดทำแผนการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบรายวิชา สำหรับครู กศน. ครั้งนี้ ได้รับความ ร่วมมอื ร่วมใจอยา่ งดยี ง่ิ จากวิทยากร ข้าราชการ ครูอาสาสมคั ร กศน. ครูกศน.ตำบล ครูอาสาสมคั ร กศน.ประจำปอเนาะ ครูประจำกลุ่ม นักศึกษา และภาคีเครือข่ายที่ร่วมจัดการศึกษากับกศน.อำเภอ เมืองนราธิวาสในสังกัดสำนักงาน กศน.จังหวัดนราธิวาส ที่ผ่านการอบรม ร่วมกันระดมความคิดและ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ นำมาจัดทำเป็นคู่มือครู โดยจัดทำแผนการจัดกระบวนการเรียนแบบรายวิชา ใน รายวิชา ภาษาไทย (พท 31001) มี 5 รูปแบบ คือ 1. On Site การพบกลุ่ม 2. On Line การเรียน ออนไลน์ 3. On Hand การให้ใบงาน แบบฝึกหัด 4. On Air การเรียนผ่านระบบดาวเทียม ETV 5. On Demand เรียนผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อให้ครู กศน.สามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ให้ผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายของ กศน. มีคุณภาพ ครบตามตัวชี้วัด ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังและ พัฒนาผูเ้ รยี นให้มีคณุ สมบตั ิอันพงึ ประสงคข์ องสถานศกึ ษา ครง้ั นข้ี อขอบคณุ ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา กศน.อำเภอเมอื งนราธวิ าส และคณะอาจารยท์ ปี่ รึกษา ทุกท่านที่ให้ความรู้ คำแนะนำ และให้คำปรึกษาเป็นแนวทางในการจัดทำแผนการจัดกระบวนการ เรยี นรแู้ บบรายวชิ า ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 เล่มนี้จน สำเร็จเป็นรูปเล่มสมบูรณ์ คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับ ผู้นำไปใช้จัดกระบวนการเรียนรู้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพบข้อผิดพลาดหรือมีข้อเสนอแนะ ประการใด คณะผจู้ ดั ทำขอนอ้ มรับไว้แกไ้ ข ปรบั ปรงุ ด้วยความขอบคุณย่งิ คณะผู้จดั ทำ กศน.อำเภอเมอื งนราธิวาส

สารบญั หนา้ คำนำ 1-5 6 สารบัญ 7 11 ปฏทิ ินการพบกลุ่ม 14 1. ตารางวเิ คราะห์เน้ือหาสาระการเรียนรรู้ ายวิชาภาษาไทย คร้งั ท่ี 2 – 6 17 2. แผนการจดั การเรียนร้แู บบรายวชิ า 5 รปู แบบ ครั้งท่ี 2 20 - แบบทดสอบก่อนเรยี น 23 - แผนการจัดการเรียนรู้แบบรายวิชา รูปแบบ On Site 26 - แผนการจดั การเรยี นรู้แบบรายวชิ า รปู แบบ On Line 27 - แผนการจดั การเรยี นรู้แบบรายวิชา รปู แบบ On Hand 37 - แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบรายวิชา รูปแบบ On Air 38 - แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบรายวิชา รปู แบบ On Demand 40 - กรต.การเรียนรู้ด้วยตนเอง 43 - ใบความรู้ / ใบงาน/แบบทดสอบยอ่ ย 45 3. แผนการจดั การเรียนรู้แบบรายวชิ า 5 รปู แบบ ครง้ั ที่ 3 48 - แผนการจัดการเรียนรู้แบบรายวิชา รปู แบบ On Site 50 - แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบรายวิชา รูปแบบ On Line 51 - แผนการจดั การเรยี นรู้แบบรายวิชา รูปแบบ On Hand 60 - แผนการจัดการเรียนรแู้ บบรายวชิ า รูปแบบ On Air 61 - แผนการจัดการเรียนรู้แบบรายวิชา รปู แบบ On Demand 63 - กรต.การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง 66 - ใบความรู้ / ใบงาน 68 4. แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบรายวิชา 5 รปู แบบ คร้ังที่ 4 71 - แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบรายวชิ า รูปแบบ On Site 73 - แผนการจดั การเรียนรแู้ บบรายวิชา รปู แบบ On Line - แผนการจดั การเรียนรแู้ บบรายวชิ า รูปแบบ On Hand - แผนการจดั การเรียนรู้แบบรายวิชา รูปแบบ On Air - แผนการจดั การเรยี นรู้แบบรายวชิ า รปู แบบ On Demand - กรต.การเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง

- ใบความรู้ / ใบงาน / แบบทดสอบย่อย 74 5. แผนการจดั การเรยี นรู้แบบรายวิชา 5 รปู แบบ ครง้ั ที่ 5 87 - แผนการจัดการเรียนรแู้ บบรายวชิ า รูปแบบ On Site 88 - แผนการจดั การเรยี นรแู้ บบรายวิชา รปู แบบ On Line 90 - แผนการจัดการเรยี นรู้แบบรายวชิ า รูปแบบ On Hand 92 - แผนการจัดการเรียนรูแ้ บบรายวิชา รปู แบบ On Air 94 - แผนการจัดการเรียนรแู้ บบรายวิชา รูปแบบ On Demand 97 99 - กรต.การเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง 100 - ใบความรู้ / ใบงาน 107 6. แผนการจัดการเรยี นร้แู บบรายวิชา 5 รูปแบบ ครง้ั ท่ี 6 108 - แผนการจัดการเรยี นรู้แบบรายวิชา รูปแบบ On Site 110 - แผนการจดั การเรียนร้แู บบรายวชิ า รูปแบบ On Line 112 - แผนการจัดการเรียนรแู้ บบรายวชิ า รูปแบบ On Hand 114 - แผนการจัดการเรียนรแู้ บบรายวชิ า รปู แบบ On Air 117 - แผนการจดั การเรียนรู้แบบรายวชิ า รูปแบบ On Demand 119 - กรต.การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง 120 - ใบความรู้ / ใบงาน / แบบทดสอบย่อย ภาคผนวก - แบบบันทึกสงั เกตพฤติกรรม คณะผ้จู ดั ทำ

ปฏทิ นิ การพบกลุ่ม ประจำภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอเมอื งนราธวิ าส ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ท่ี วนั /เดือน/ปี เนื้อหา กระบวนการจดั การเรยี นรู้ หมายเหตุ 1 ......ม.ิ ย.64 ปฐมนิเทศเตรยี มความพร้อมการจดั จดั กระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนการ 5 รปู แบบ สอนโดยครู กระบวนการเรยี นรู้ 1. Onsite (การพบกลุ่ม) ผ้รู ับผดิ ชอบ 2. Online (ออนไลน์) - โครงสรา้ งหลักสตู รตลอดการจบหลักสูตร 3. On Air (ผ่าน ETV) เชา้ 4. On hand (แจกใบงาน) เวลา 09.00 - - รูปแบบการพบกลุ่ม 5. On Demand (ผ่านแอฟ 12.00 น. พลิเคชน่ั ) บ่าย - กิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวิต เวลา 13.00 - จดั กระบวนการเรียนรู้ 16.00 น. - การประเมินคุณธรรมจริยธรรม 5 รปู แบบ 1. Onsite (การพบกลุ่ม) 2 ……มิ.ย.64 กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. Online (ออนไลน)์ รายวิชาภาษาไทย พท31001 3. On Air (ผ่าน ETV) เรื่องที่ 1 การฟงั การดู 4. On hand (แจกใบงาน) เรอ่ื งที่ 2 การพูด 5. On Demand (ผา่ นแอฟ พร้อมสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. พลเิ คชน่ั ) 3 ..... ก.ค.64 กจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กระบวนการเรยี นรู้ รายวชิ าภาษาไทย พท31001 5 รูปแบบ เรื่อง การอา่ น 1. Onsite (การพบกลุ่ม) พรอ้ มสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. 2. Online (ออนไลน)์ 3. On Air (ผ่าน ETV) 4. ..... ก.ค.64 กจิ กรรมการเรียนรู้ 4. On hand (แจกใบงาน) รายวชิ าภาษาไทย พท31001 5. On Demand (ผา่ นแอฟ เรอ่ื ง การเขยี น พลเิ คชั่น) พรอ้ มสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. จัดกระบวนการเรยี นรู้ 5 รูปแบบ 1. Onsite (การพบกลมุ่ ) 2. Online (ออนไลน)์ 3. On Air (ผ่าน ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผ่านแอฟ พลเิ คชั่น)

ที่ วัน/เดือน/ปี เนื้อหา กระบวนการจัดการเรยี นรู้ หมายเหตุ 5 ..... ก.ค.64 กิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกระบวนการเรยี นรู้ จัดการเรียนการ 5 รูปแบบ สอนโดยครู รายวิชาภาษาไทย พท31001 1. Onsite (การพบกลุ่ม) ผรู้ บั ผดิ ชอบ 2. Online (ออนไลน)์ เรื่อง หลักการใชภ้ าษา 3. On Air (ผ่าน ETV) เชา้ 4. On hand (แจกใบงาน) เวลา 09.00 - พรอ้ มสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. 5. On Demand (ผ่านแอฟ 12.00 น. พลิเคชน่ั ) บา่ ย 6 ..... ก.ค.64 กจิ กรรมการเรยี นรู้ เวลา 13.00 - รายวิชาภาษาไทย พท31001 จัดกระบวนการเรียนรู้ 16.00 น. เรอ่ื ง วรรณคดีและวรรณกรรม 5 รปู แบบ พรอ้ มสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. 1. Onsite (การพบกลมุ่ ) 2. Online (ออนไลน)์ 7 ..... ก.ค.64 กจิ กรรมการเรยี นรู้ 3. On Air (ผา่ น ETV) รายวิชาศลิ ปศึกษา ทช31003 4. On hand (แจกใบงาน) เรื่อง ทศั นศิลปสากล 5. On Demand (ผา่ นแอฟ พรอ้ มสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. พลเิ คช่นั ) 8 ..... ส.ค.64 กิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกระบวนการเรยี นรู้ รายวิชาศิลปศึกษา ทช31003 5 รปู แบบ เรอื่ งท่ี 1 ดนตรสี ากล 1. Onsite (การพบกลุ่ม) เรื่องที่ 2 ทัศนศิลปสากล 2. Online (ออนไลน)์ พร้อมสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. 3. On Air (ผา่ น ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 9 ..... ส.ค.64 กิจกรรมการเรยี นรู้ 5. On Demand (ผ่านแอฟ รายวชิ าศาสนาและหนา้ ที่พลเมอื ง สค31002 พลิเคชน่ั ) เรื่อง ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี พร้อมสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. จดั กระบวนการเรยี นรู้ 5 รปู แบบ 1. Onsite (การพบกลมุ่ ) 2. Online (ออนไลน)์ 3. On Air (ผ่าน ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผ่านแอฟ พลเิ คชัน่ ) จดั กระบวนการเรียนรู้ 5 รูปแบบ 1. Onsite (การพบกลุม่ ) 2. Online (ออนไลน)์ 3. On Air (ผ่าน ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผ่านแอฟ พลเิ คชั่น)

ที่ วัน/เดือน/ปี เนือ้ หา กระบวนการจดั การเรียนรู้ หมายเหตุ 10 ..... ส.ค.64 กิจกรรมการเรียนรู้ จดั กระบวนการเรยี นรู้ จัดการเรยี นการ รายวิชาศาสนาและหนา้ ท่พี ลเมอื ง สค31002 5 รปู แบบ สอนโดยครู เร่ือง หนา้ ท่ีพลเมือง 1. Onsite (การพบกลุ่ม) ผรู้ ับผิดชอบ พรอ้ มสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. 2. Online (ออนไลน)์ เช้า 3. On Air (ผ่าน ETV) เวลา 09.00 - 4. On hand (แจกใบงาน) 12.00 น. 5. On Demand (ผ่านแอฟ บา่ ย พลเิ คชั่น) เวลา 13.00 - 11 ..... ส.ค.64 กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกระบวนการเรียนรู้ 16.00 น. รายวิชาลกู เสือ กศน. สค32035 5 รปู แบบ เรอ่ื งท่ี 1 ลูกเสือกบั การพัฒนา 1. Onsite (การพบกลุม่ ) เรื่องท่ี 2 การลูกเสือไทย 2. Online (ออนไลน)์ เรอ่ื งท่ี 3 การลูกเสือโลก 3. On Air (ผ่าน ETV) เรอ่ื งท่ี 4 คุณธรรม จรยิ ธรรมของ ลกู เสือ 4. On hand (แจกใบงาน) เรือ่ งที่ 5 วนิ ัยและความเปน็ ระเบยี บ เรยี บรอ้ ย 5. On Demand (ผ่านแอฟ พรอ้ มสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. พลิเคช่นั ) 12 ..... ก.ย.64 กจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กระบวนการเรยี นรู้ รายวิชาลกู เสอื กศน. สค32035 5 รปู แบบ เรอ่ื งท่ี 1 ลกู เสือ กศน.กบั การพฒั นา 1. Onsite (การพบกล่มุ ) เรื่องท่ี 2 ลูกเสือ กศน. กับจิตอาสาและการ 2. Online (ออนไลน์) บริการ 3. On Air (ผา่ น ETV) เรื่องที่ 3 การเขยี นโครงการเพ่ือพัฒนาชุมชน 4. On hand (แจกใบงาน) และสังคม 5. On Demand (ผ่านแอฟ เรอ่ื งท่ี 4 ทักษะลกู เสือ พลเิ คช่นั ) พร้อมสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. 13 ..... ก.ย.64 กิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกระบวนการเรยี นรู้ รายวิชาลูกเสือ กศน. สค32035 5 รูปแบบ เรอ่ื งท่ี 1 ความปลอดภัยในการเข้ารว่ ม 1. Onsite (การพบกลมุ่ ) กิจกรรมลกู เสือ 2. Online (ออนไลน์) เรอื่ งที่ 2 การปฐมพยาบาล 3. On Air (ผ่าน ETV) เรอ่ื งที่ 3 การเดินทางไกล อยู่คา่ ยพักแรม 4. On hand (แจกใบงาน) และชวี ิตชาวค่าย 5. On Demand (ผ่านแอฟ เร่อื งที่ 4 การฝกึ ปฏิบตั กิ ารเดินทางไกล อยู่ พลิเคชั่น) ค่ายพักแรม และชวี ิตชาวค่าย พร้อมสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต.

ท่ี วัน/เดือน/ปี เนื้อหา กระบวนการจัดการเรียนรู้ หมายเหตุ 14 ..... ก.ย.64 กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกระบวนการเรยี นรู้ จัดการเรียนการ รายวิชาวัสดศุ าสตร์ พว32024 5 รูปแบบ สอนโดยครู เรือ่ ง หลักวัสดุศาสตร์ 1. Onsite (การพบกล่มุ ) ผูร้ บั ผดิ ชอบ พร้อมสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. 2. Online (ออนไลน)์ เชา้ 3. On Air (ผ่าน ETV) เวลา 09.00 - 4. On hand (แจกใบงาน) 12.00 น. 5. On Demand (ผ่านแอฟ บ่าย พลิเคชน่ั ) เวลา 13.00 - 15 ..... ก.ย.64 กจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกระบวนการเรียนรู้ 16.00 น. รายวชิ าวสั ดศุ าสตร์ พว32024 5 รูปแบบ เรอ่ื ง การใช้ประโยชน์และผลกระทบจากวัสดุ 1. Onsite (การพบกล่มุ ) พรอ้ มสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. 2. Online (ออนไลน์) 3. On Air (ผา่ น ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผา่ นแอฟ พลิเคช่ัน) 16 ..... ก.ย.64 กิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกระบวนการเรยี นรู้ รายวชิ าวสั ดุศาสตร์ พว32024 5 รปู แบบ เรอ่ื ง การคัดแยกและการรไี ซเคิล 1. Onsite (การพบกลุ่ม) พร้อมสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. 2. Online (ออนไลน์) 3. On Air (ผ่าน ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผ่านแอฟ พลิเคชั่น) 17 ..... ก.ย.64 กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกระบวนการเรียนรู้ รายวชิ าโครงงานเพอื่ พัฒนาทักษะการเรียนรู้ 5 รูปแบบ ทร02006 1. Onsite (การพบกลุม่ ) เร่อื ง โครงงานเพือ่ พัฒนาทักษะการเรยี นรู้ 2. Online (ออนไลน์) พรอ้ มสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. 3. On Air (ผา่ น ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผ่านแอฟ พลิเคช่ัน) 18 ..... ก.ย.64 กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกระบวนการเรยี นรู้ รายวชิ าโครงงานเพือ่ พฒั นาทักษะการเรยี นรู้ 5 รูปแบบ ทร02006 1. Onsite (การพบกล่มุ ) เรอื่ ง โครงงานเพ่อื พัฒนาทักษะการเรียนรู้ 2. Online (ออนไลน์) พรอ้ มสรปุ และทำใบงาน มอบหมาย กรต. 3. On Air (ผ่าน ETV) 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผ่านแอฟ พลิเคชั่น)

ท่ี วนั /เดอื น/ปี เนื้อหา กระบวนการจัดการเรียนรู้ หมายเหตุ 19 ..... ก.ย.64 กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กระบวนการเรยี นรู้ จดั การเรยี นการ รายวชิ าบัญชีชาวบ้าน ทช02001 5 รูปแบบ สอนโดยครู เรอ่ื ง บัญชชี าวบ้านกบั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 1. Onsite (การพบกลมุ่ ) ผูร้ บั ผดิ ชอบ พร้อมสรุปและทำใบงาน มอบหมาย กรต. 2. Online (ออนไลน์) เช้า 3. On Air (ผา่ น ETV) เวลา 09.00 - 4. On hand (แจกใบงาน) 12.00 น. 5. On Demand (ผ่านแอฟ บา่ ย พลเิ คชั่น) เวลา 13.00 - 20 ..... ต.ค.64 ปัจฉิมนเิ ทศ จดั กระบวนการเรียนรู้ 16.00 น. - แนะแนวการเตรยี มตวั ในการสอบปลายภาค 5 รูปแบบ - เตรียมเอกสารหลกั ฐานสำหรับนักศึกษาที่คาด 1. Onsite (การพบกลุ่ม) วา่ จบหลกั สตู ร 2. Online (ออนไลน)์ - แนะแนวการศึกษาต่อในระดับทส่ี ูงขน้ึ 3. On Air (ผา่ น ETV) - แนะแนวการประกอบอาชีพ 4. On hand (แจกใบงาน) 5. On Demand (ผา่ นแอฟ พลิเคชั่น) ปฏิทินการพบกลุ่ม : กศน.อำเภอเมอื งนราธิวาส

ตารางวิเคราะหเ์ นอื้ หาส หลกั สูตรการศึกษานอกระบบ ระดับกา ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 256 สาระ รายวิชาภาษาไทย จำนวน 5 หน่ว ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษ มาตรฐานท่ี 2. ความรู้ ความเขา้ ใจ และทกั ษะพ้นื ฐานเกยี่ วกบั ภาษาและการส่ือสาร มาตรฐานทกี่ ารเรยี นรู้ระดบั การฟัง การดู 1. สามารถเลือกส่ือ ในการฟัง และดอู ย่างสรา้ งสรรค์ 2. สามารถฟงั และดู อย่างมีวิจารณญาณ 3. เป็นผู้มีมารยาท ในการฟงั และดู การพดู 1. สามารถพดู ทั้งทเ่ี ป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ โดยใชภ้ าษาถูกต้อ 2. สามารถแสดงความคดิ เห็นเชิงวเิ คราะห์ และประเมนิ ค่าการใชภ้ าษ 3. มีมารยาทในการพูด หวั เรื่อง 1. การฟัง การดู การพูด ครง้ั ที่ ตวั ชว้ี ดั เนื้อหา 2. การฟัง การดู การฟงั การดู 1.เห็นคุณคา่ ของสื่อในการฟังและดู 1.หลักการฟัง และ การดู 2.วิจารณ์ความสมเหตุสมผลการ 2.สรุปความ จับประเดน็ ใจความสำคัญ ลำดับความเปน็ ไปได้ของเรื่องท่ฟี ัง ของเรื่องท่ีฟงั และดู และดู 3.การวิเคราะห์ข้อเทจ็ จรงิ ขอ้ คิดเหน็ 3.นำเสนอความรู้ ความคดิ เห็นได้ และสรปุ ความ จากการฟังและดู 4.มารยาทในการฟงั และดู 4.ปฏบิ ตั ิตนเป็นผ้มู ีมารยาทในการ ฟงั และการดู รวมจำนวนชั่วโมง

สาระการเรียนรรู้ ายวิชา 1 ารศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 64 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ย รหัสวชิ า พท 31001 วยกิต 200 ชว่ั โมง ษาตามอธั ยาศยั อำเภอเมืองนราธิวาส องเหมาะสม ษาพูดจากสื่อตา่ งๆ วิเคราะห์เนอ้ื หา วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้ งา่ ย ปาน ยาก เนือ้ หา กรต. ครูสอน สอน โครงงาน จำนวน กลาง ลกึ ซง้ึ เสรมิ ชัว่ โมง -  - - (5) (1) - - 6 - -  - (3) (2) (6) - 11 - -  - (3) (2) (6) - 11  - 6  - - - (5) (1) - - - - - 17 6 12 - 34

ครงั้ ที่ ตัวชี้วดั เนื้อหา 3. การพูด การพดู 1.ใช้ศิลปะการพูดทเ่ี ป็นทางการ 1.หลักการแสดงความคดิ เหน็ และไม่เป็นทางการไดอ้ ย่าง 2.การพูดเปน็ ทางการ และ ไมเ่ ป็น เหมาะสมกบั โอกาสและบุคคล ทางการ 2.วเิ คราะห์ ประเมินค่าการใช้ 3.ศิลปะการพูดประเภทตา่ ง ๆ เช่น ภาษาพดู จากสื่อต่าง ๆ -พดู แนะนำตนเอง 3.ปฏิบัตติ นเป็นผ้มู ีมารยาทในการ -พูดกล่าวต้อนรับ พูด -พูดกลา่ วขอบคุณ -พดู โน้มน้าวใจ/ปฏิเสธ -พดู เจรจาตอ่ รอง -พูดแสดงความคดิ เหน็ -พูดอธิบาย -พดู สุนทรพจน์/โตว้ าที 3.ปฏิบตั ิตนเป็นผมู้ ีมารยาทในการ 4.มารยาทในการพูด พดู รวมจำนวนช่ัวโมง

2 วเิ คราะหเ์ นอื้ หา วธิ กี ารจดั การเรียนรู้ 2 งา่ ย ปาน ยาก เนื้อหา กรต. ครสู อน สอน โครงงาน จำนวน กลาง ลกึ ซง้ึ เสรมิ ชวั่ โมง  -  - - (4) (2) - - 6 - - - (4) (2) - - 6  19    - -  - (1) (1) (17) -  - - -  - - 3 (2) (1) - - - - 11 6 17 - 34

มาตรฐานท่ี 2.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพืน้ ฐานเกย่ี วกับภาษาและการ มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั 1. รู้และเข้าใจหลกั การเขียนประเภทต่าง ๆ โดยใชค้ ำในการเขยี นได้ตร 2. สามารถวพิ ากษ์วิจารณ์และประเมินงานเขยี นของผูอ้ ื่น เพ่อื นำมาพัฒ 3.สามารถแตง่ คำประพนั ธ์ประเภทร้อยแกว้ และร้อยกรอง 4.มมี ารยาทในการเขียน และนสิ ยั รักการเขยี น หัวเร่อื ง 3.การเขียน ตัวช้ีวดั เนอ้ื หา ครั้งที่ 4. 1.ตคี วาม แปลความ และขยาย 1.หลักการตีความ แปลความและขยาย ความเร่ืองท่อี า่ น ความ 2.วเิ คราะห์ วิจารณค์ วามสมเหตุ 2.การอา่ นบทประพนั ธ์ท่ไี พเราะทั้งร้อย สมผบ การลำดับความคิดและ แก้ว รอ้ ยกรอง ความเปน็ ไปไดข้ องเรื่องท่ีอา่ น 3.การอ่านวรรคตอนในวรรคดีจากเรือ่ ง 3.อธิบายความหมายของภาษาถน่ิ ขุนชา้ งขุนแผน พระอภยั มณี อิเหนา สำนวน สภุ าษิตที่ปรากฎใน นิทานเวตาล นริ าศพระบาท นริ าศภเู ขา วรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั ทอง ร่ายยาว มหาเวสสนั ดรชาดก มทั น วรรณกรรมท้องถิน่ พาธา พระมหาชนก (ทศชาติชาดก) 4.วิเคราะห์ วิจารณป์ ระเมนิ ค่า 4.หลกั การวเิ คราะห์ วิจารณ์และ วรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบัน ประเมนิ ค่าวรรณดคี วรรณกรรมปัจจุบัน วรรณกรรมท้องถนิ่ ในฐานะ ที่เป็น และวรรณกรรมทอ้ งถิน่ เชน่ มรดกทางวัฒนธรรม ของชาติแลว้ วรรณกรรมปจั จบุ นั ได้แก่ บทละคร นำไปประยุกต์ ใช้ในการดำเนินชวี ติ โทรทศั นน์ วนยิ าย เรอ่ื งส้นั บทเพลงต่าง 5.เลือกใช้ส่ือในการคน้ ควา้ หา ๆ วรรณกรรมท้องถ่ิน ไดแ้ ก่ ไกรทอง ความร้ทู ่ีหลากหลาย นางสิบสอง ปลาบทู่ อง ผาแดงนางไอ่ดำ 6.มมี ารยาทในการอา่ นและมีนิสัย ละครจกั ๆ วงศ์ ๆ ฯลฯ รกั การอ่าน 5.การมมี ารยาทในการอ่าน รวมจำนวนชั่วโมง

รสื่อสาร 3 รงความหมายและถูกต้องตามอกั ขระวิธแี ละระดบั ภาษา ฒนางานเขียน วเิ คราะหเ์ นือ้ หา วิธีการจดั การเรยี นรู้ งา่ ย ปาน ยาก เน้ือหา กรต. ครู สอน โครงงาน จำนวน กลาง ลึกซึ้ง สอน เสรมิ ชัว่ โมง - - - - (1) (4) - 5 - - - - (1) (4) - 5 -- - (2) (7) - 9 - - - - (1) (9) - 10  - - - (4) (1) - - 5 - - - - 4 6 24 - 34

มาตรฐานที่ 2.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และทักษะพื้นฐานเก่ียวกับภาษาและการ มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั 1. รแู้ ละเขา้ ใจหลักการเขียนประเภทตา่ ง ๆ โดยใชค้ ำในการเขยี นไดต้ ร 2. สามารถวิพากษว์ ิจารณ์และประเมินงานเขียนของผอู้ น่ื เพอื่ นำมาพฒั 3.สามารถแต่งคำประพันธป์ ระเภทรอ้ ยแกว้ และร้อยกรอง 4.มีมารยาทในการเขียน และนิสยั รักการเขยี น หวั เร่ือง 3.การเขียน ครัง้ ท่ี ตัวช้ีวดั เนอ้ื หา 5. 1.เขียนแผนภาพความคดิ เขยี นยอ่ 1.การเขยี นแผนภาพความคดิ ความ เรียงความ จดหมาย เขียน 2.การเขียนย่อความ อธิบาย ชี้แจง โน้มนา้ วใจ แสดง 3.การเขียนเรียงความ ทัศนะ และการเขียนสร้างสรรค์ 4.การเขยี นจดหมาย โดยใชห้ ลักการเขยี นและโวหารตา่ ง 5.การเขยี นอธบิ าย ๆ ไดถ้ ูกต้องตามอกั ขระวิธีและ 6.การเขยี นช้ีแจง โน้มน้าวใจ ระดับภาษา 7.การเขยี นแสดงทศั นะ 2.แตง่ คำประพันธป์ ระเภทรอ้ ย 8.การเขยี นคำขวัญ กรองไดถ้ ูกตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณแ์ ละ 9.การเขียนคำโฆษณา ใช้ถ้อยคำทไ่ี พเราะ 10.หลกั การเขียนโวหาร แบบตา่ ง ๆ 3.การกรอกแบบพิมพ์ประเภทต่าง 11.การเขยี นพรรณนาและการเขียน ๆ ไดถ้ ูกต้อง บรรยายเหตกุ ารณ์ 4.ปฏบิ ตั ติ นเป็นผมู้ ีมารยาทในการ 12.หลักการเขียนรายงานทางวชิ าการ เขียน และมีการจดบันทึกอย่าง 13.หลักการเขยี นอ้างอิง สม่ำเสมอ 14.การกรอกแบบพิมพ์ประเภทต่าง ๆ เช่น กรอกใบสมัครงาน กรอกใบสมัคร เรยี น กรอกใบคำร้องต่าง ๆ 15.การปฏิบัติตนเป็นผู้มมี ารยาทในการ เขยี นและมีนสิ ยั รักการเขียน รวมจำนวนชั่วโมง

รสื่อสาร 4 รงความหมายและถูกตอ้ งตามอักขระวธิ ีและระดบั ภาษา ฒนางานเขยี น วิเคราะห์เน้อื หา วธิ ีการจดั การเรียนรู้ ง่าย ปาน ยาก เนอ้ื หา กรต. ครู สอน โครงงาน จำนวน กลาง ลกึ ซึง้ สอน เสริม ชว่ั โมง  - - (6) (1) - - 7 - - - (7) (3) - - 10 - -- -  - 14 - - - (1) (1) (12) - 3  (2) (1) - - - - - 16 6 12 - 34

มาตรฐานท่ี 2.1 ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพ้นื ฐานเก่ียวกบั ภาษาและการส มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดับ 1. สามารถวิเคราะหแ์ ละเห็นคุณคา่ วรรณคดี วรรณกรรมปัจจบุ ัน และว หวั เรอ่ื ง 1. วรรณคดี วรรณกรรม ครงั้ ท่ี ตัวช้ีวดั เน้ือหา 6. 1.อธบิ ายคณุ คา่ วรรณคดี 1.ความหมายของวรรณคดี วรรณกรรม วรรณกรรมปัจจุบันและวรรณกรรม ปัจจุบนั และวรรณกรรมท้องถิ่น ท้องถนิ่ 2.คุณคา่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรม ดา้ นวรรณศิลป์ และด้านสังคม 3.แนวคิดและค่านิยมที่ปรากฎใน วรรณคดแี ละวรรณกรรม รวมจำนวนชั่วโมง

สื่อสาร 5 วรรณกรรมท้องถิ่นโดยใช้หลักการพนิ ิจวรรณคดี วเิ คราะห์เนอ้ื หา วธิ ีการจัดการเรียนรู้ งา่ ย ปาน ยาก เน้อื หา กรต. ครูสอน สอน โครงงาน จำนวน กลาง ลึกซ้งึ เสริม ชั่วโมง - - -  - (2) (9) - 11 - -  - (4) (2) (5) - 11  - 12 -  - - (5) (2) (5)  - - - - 9 6 19 - 34

2 แผนการจัดการเรยี นรู้รายสปั ดาห์ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย คร้ังท่ี 2 รายวิชาภาษาไทย รหัสวชิ า พท31001 เวลาเรยี น 40 ช่วั โมง (พบกลุ่ม 6 ชัว่ โมง / การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง 34 ชั่วโมง) วนั ท.ี่ ................เดอื น........................................พ.ศ.2564 ******************************************************************* มาตรฐานที่ 2.1ความรคู้ วามเข้าใจ และทักษะพนื้ ฐานเกี่ยวกบั ภาษาและการสอื่ สาร มาตรฐานท่ีการเรียนรู ระดับ การฟัง การดู1. สามารถเลือกสื่อ ในการฟงั และดอู ย่างสร้างสรรค์ 2. สามารถฟังและดู อยา่ งมวี ิจารณญาณ 3. เป็นผู้มมี ารยาท ในการฟงั และดู การพูด 1. สามารถพดู ทง้ั ท่เี ป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการโดยใชภ้ าษาถูกต้องเหมาะสม 2. สามารถแสดงความคดิ เหน็ เชิงวเิ คราะห์และประเมนิ คา่ การใช้ภาษาพูดจากสอ่ื ต่างๆ 3. มมี ารยาทในการพูด ตัวชวี้ ัด 1. การฟงั การดู 1.1 เห็นคุณคา่ ของสอื่ ในการฟงั และดู 1.2 วิจารณค์ วามสมเหตสุ มผล ลาํ ดับความและความเปน็ ไปได้ของเรอ่ื งทฟ่ี ังและดู 1.3 นาํ เสนอความรูค้ วามคดิ เหน็ ทไี่ ด้จากการฟังและดู 1.4 ปฏบิ ัตติ นเป็นผมู้ มี ารยาทในการฟงั และดู 2. การพูด 2.1 ใชศ้ ลิ ปะการพูดท่ีเปน็ ทางการและไมเ่ ปน็ ทางการไดอ้ ย่างเหมาะสมกบั โอกาสและบคุ คล 2.2 วเิ คราะหป์ ระเมนิ ค่าการใช้ภาษาพดู จากสอ่ื ต่าง ๆ 2.3 ปฏิบัติตนเปน็ ผ้มู ีมารยาทในการพดู เนือ้ หา 1. การฟงั การดู 1.1 หลักการฟัง และดู 1.2 สรปุ ความ จบั ประเดน็ ใจความสาํ คญั ของเรอื่ งทฟี่ ังและดู 1.3 การวเิ คราะห์ข้อเทจ็ จรงิ ขอ้ คิดเห็นและสรปุ ความ 1.4 มารยาทในการฟงั และดู 2. การพดู 2.1 หลักการแสดงความคิดเห็น 2.2 การพดู เปน็ ทางการ และไม่เปน็ ทางการ 2.3 ศลิ ปะการพดู ประเภท ต่าง ๆ เช่น - พูดแนะนําตนเอง - พูดเจรจาตอ่ รอง - พดู กล่าวต้อนรบั - พดู แสดงความคิดเหน็ - พดู กล่าวขอบคุณ - พดู อธบิ าย

3 แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test) รายวชิ า ภาษาไทย รหัสวชิ า พท 31001 ระดบั มัธมศึกษาตอนปลาย *********************************** คาชแ้ี จง จงเลือกคาตอบทีถ่ กู ตอ้ งทสี่ ุดเพยี งขอ้ เดียว 1. ข้อใดคือลกั ษณะของการฟังแล้วจบั ใจความไดถ้ ูกต้อง ก. คุณยวุ ดดี ูรายการแม่บา้ นรอบรู้ เสนอวธิ กี ารทําเคก้ ให้นา่ รบั ประทาน คุณยุวดลี องทําแจกเพ่อื น เพือ่ นชมวา่ อรอ่ ย เธอจึงทาํ ขายและสามารถขายไดด้ ี ข. นายสมหวังฟงั ตัวแทนกลมุ่ ผู้ประท้วงอภปิ รายขับไล่ผ้วู ่า ฯ นายสาธิตเกิดอารมณ์โกรธแค้น จึงกระโดดเขา้ รว่ มกันประท้วงดว้ ย ค. นายศักรนิ ทรฟ์ ังครสู อนหนงั สือ แตพ่ อครสู อนจบนายศักรนิ ทรต์ อบคําถามครูไม่ได้ ง. มาลนิ ฟี ังเพลง “ หนงึ่ ในร้อย ” เพียง ๑ เที่ยว ก็สามารถร้อมตามได้ทันที 2. นายดําฟังครูสอนหนังสืออย่างต้ังใจ เมื่อครูสอนจบ ครูถามนายดํา นายดําสามารถตอบคําถามครูได้ ลักษณะการ ฟังของนายดําตรงกบั คาํ ตอบขอ้ ใด ก. ฟงั เป็น ข. ต้งั ใจฟงั ค. ฟังแล้วตดิ ตาม ง. ถกู ทกุ ขอ้ 3. ลกั ษณะการฟงั ในขอ้ ใดท่นี ่าจะทําใหผ้ ฟู้ งั สามารถสรุปใจความจากเร่ืองทฟี่ ังไดม้ ากทส่ี ุด ก. โจฟงั ข่าวจากรายการทวี ใี นร้านอาหารท่ีมคี นพลุกพล่าน ข. นายดาํ ฟงั โฆษณาสรรพคุณยาจากรถขายยาเคลอื่ นที่ ค. ลกู นอ้ ยฟังคุณแมร่ อ้ งเพลงกลอ่ มจนเคลิม้ หลบั ไป ง. ขณะนใ้ี กลส้ อบแลว้ นกั เรียนทุกคนต่างต้ังใจฟงั ครสู อน 4. .บคุ คลในข้อใดขาดมารยาทในการฟังมากท่ีสดุ ก. คยุ กบั เพอื่ รขณะทีฟ่ ังผู้อ่ืนพูด ข. ฟงั ไปทานอาหารไปขณะท่ีผ้พู ูดพูด ค. จดบันทึกขณะท่ีฟงั โดยไม่มองผ้พู ูดเลย ง. ไปถึงสถานทฟ่ี งั หลังจากผู้พูดเริม่ พดู 5.ขอ้ ใดคอื ลักษณะของการฟงั ท่ดี ี ก. แสดงสีหน้าเมื่อสงสยั และรอถามเมื่อผพู้ ดู พดู จบ ข. ดวงตาจับจ้องอยูท่ พี่ ดู แสดงความใส่ใจในคาํ พดู อย่างจรงิ จงั ค. กวาดสายาไปมาพร้อมกับจ้องหนา้ และทักทว้ งข้ึนเมือ่ ไม่เหน็ ดว้ ย ง. สบตากบั ผพู้ ูดเป็นระยะ ๆ อยา่ งเหมาะสมและเสรมิ หรือโตแ้ ย้งตวามความเหมาะสม 6. ความสามารถในการฟงั ขอ้ ใดสาํ คัญที่สุดสําหรับผเู้ รียน ก. จดสงิ่ ที่ฟังไดค้ รบถว้ น ข. ประเมินค่าเรื่องทีฟ่ งั ได้ ค. จับสาระสําคญั ของเร่ืองทไี่ ด้ ง. จบั ความมงุ่ หมายของผพู้ ดู ได้ 7. ข้อใดเป็นประโยคเจตนาแจง้ ให้ทราบ ก. ไปเทย่ี วไหนบอกดว้ ย ข. เธอจะไปเท่ียวไหน ค. ทไ่ี หนทีเ่ ธอชอบทสี่ ุด ง. ท่ไี หน ๆ เธอกช็ อบไป 8. .การฟงั บรรยายธรรมในหอ้ งประชุม ควรปฏิบตั ิตนอยา่ งไร ก. เม่อื สงสยั ให้ถามทันที ข. คุยโทรศัพท์เบาๆ ค. ตั้งใจดแู ละฟังสรุปสาระสาํ คญั ง. เลอื กฟังเฉพาะประเดน็ สําคัญ

4 9. “เม่ือมีการชุมนุมประท้วงนโยบายขอวรัฐบาลเก่ียวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็มักจะมีตัวแทนฝ่ายรัฐบาลมาเจรจาทํา ความเข้าใจแกก่ ลุ่มผู้ประท้วงอยู่เสมอ”จาก ขอ้ ความน้ีชี้ให้เหน็ วา่ การพดู มคี วามสําคญั อยา่ งไร ก. การคลคี่ ลายเหตกุ ารณ์ ข. การเมอื งภายในประเทศ ค. การปกครองและควบคมุ สงั คม ง. มนษุ ยส์ มั พันธ์ในชีวิตประจําวัน 10. ขอ้ ใดใชถ้ อ้ ยคาํ เหมาะสมกบั บคุ คล กาลเทศะ และโอกาส ก. ขอแสดงความยนิ ดกี ับตําแหนง่ ใหม่ คาดอยู่แล้ววา่ คุณจะต้องได้ฝมี ือเหน็ ๆ กันอยู่ ข. สงกรานตน์ ี้ ขออํานาจสงิ่ ศักดิส์ ิทธค์ิ ้มุ ครองคุณลุง คุณปา้ ใหม้ ีสุภาพแขง็ แรง ค. ยนิ ดดี ว้ ยนะ คนเก่งก็อย่างงี้แหละ โชคดเี สมอ ง. ในทีส่ ดุ กเ็ ปน็ ไปตามทคี่ าดหมาย ยินดดี ้วยนะ 11. เร่ืองเล่าสุภาพเกินเหตุ คุณผู้หญิงชาวกรุง ถามแม่ค้าขายสับปะรด แม่ค้าจ๊ะ สับปะรดน้ีขายศีรษะละเท่าไรจ๊ะ แม่ค้าได้ยินเชน่ น้ีก็ระคายหู กอปรกบั หรอื ขายกบาลละ ๑๐ บาท คะ่ ข้อความนี้เปน็ ตัวอย่างของการใชภ้ าษาแบบใด ก. ต้องการสอ่ื สารด้วยคํางา่ ย ๆ และชดั เจน ข. เจตนายกระดยั ผพู้ ดู ใหเ้ ห็นวา่ เปน็ ผมู้ ฐี านะดี ค. เจตนาพดู สุภาพแต่ใชค้ ําไม่ถูกต้อง ง. ต้องการส่อื สารด้วยคําไพเราะอย่างถูกตอ้ ง 12. ขณะพดู ควรใชส้ ายตามองท่ใี ด ก. มองผู้ทีเ่ ป็นประธานอยูต่ ลอดเวลา ข. จอ้ งมองทต่ี าคนนงั่ เฉพาะหนา้ ผ้พู ูด ค.พยายามกวาดสายตามองผ้ฟู งั ใหท้ ว่ั ถงึ ง. มองคนทต่ี นร้จู กั เพือ่ สร้างกําลังใจในการพดู 13. คําพดู ของพอ่ คา้ เรค่ นใด สามารถเรียกร้องให้คนซื้อสินค้าของเขาได้ ก. กับขา้ วมาแลว้ ข. ไอตมิ ไอตมิ เย็น ๆ มาแลว้ จา้ ค. เรเ่ ขา้ มา ๆ ชักชา้ สนิ ค้าหมดจะอดซือ้ ง. เสื้อผ้าเก่า ๆ มาแลกไข่ แลกจานได้ยินเสียงนี้อย่ารอ ช้า 14..เม่อื คนไขป้ ระสบอบุ ตั ิเหตุ สูญเสียขาไปหนง่ึ ขา้ งคําพดู ของแพทย์ ขอ้ ใดเหมาะสมท่ีสดุ ก. คุณตอ้ งทําใจแคเ่ ลียขาไปข้างเดียวคนอ่ืน ๆ ตายกันหมดนะครับ ข. คุณต้องพยายามทําใจ แมข้ าของคณุ จะพิการแตช่ ีวติ ของคุณยงั มีคา่ ค. อยา่ วิตกไปเลย แม้คุณจะขาพิการ แต่คุณยังประกอบอาชพี คุณได้ ง. คุณตอ้ งยอมรบั ความจริงเหตุที่เกิดขึ้นเพราะความประมาทของคณุ 15. .การเป็นนักพดู ท่ดี แี ละประสบความสาํ เร็จในการพูดผพู้ ดู จะต้องทาํ อย่างไร ก. ฟงั บอ่ ย ๆ ดบู อ่ ย ๆ ข. ฝกึ หัดพูดอยู่เสมอ ค. อา่ นหนังสอื บ่อย ๆ ง. เขยี นบทก่อนพดู ทกุ ครงั้ 16. ข้อใดเปน็ คาํ ราชาศพั ท์ท่ไี ดร้ บั มาจากภาษาเขมร ก. พระโอรส ข. พระสณุ ิสา ค. พระท่ีน่งั ง. เสวย 17. ขอ้ ใดทเี่ มอื่ นํามาเตมิ ในช่องวา่ งทเี่ ว้นไว้แลว้ จะทาํ ใหผ้ ดิ ฉนั ทลกั ษณ์ “ชวี ติ มผี ดิ ติดตนหนไหน ชพี น้ีมีกรรมรา่ํ ไป ใครใครผลาญนาน……….” ก. วนั ข. ชา้ ค. เนิน่ ง. แลว้ 18. เธอควรจะรับฟงั และน่ังสงบคํา ข้อความนี้ถ้าแบ่งวรรคตอนให้ถูกต้องและอ่านอย่างร้อยกรองจะเป็นคําประพนั ธ์ ชนิดใด ก. ร่ายยาว ข. กลอนสภุ าพ

5 ค. โคลงสี่สภุ าพ ง. อนิ ทรวเิ ชยี รฉนั ท์ 19. คาํ ประพันธ์ต่อไปน้ใี ห้ความรู้สึกอยา่ งไร “ นางตกใจรอ้ งหวีดกรีดผวา หมายว่าชีวิม้วยอาสัญ ล้มลมยังพนื้ แผ่นดินพลัน ไม้ไผผ่ นั ผินร้องก้อไพร ก. ความกลวั ข. ความตกใจ ค. ความสิ้นหวัง ง. ความหวาดหวนั่ 20. ข้อใดเป็นการอา้ งทสี่ มเหตสุ มผล ก. ดบั ไฟก่อนนอน ทกุ ข์รอ้ นไมม่ ี ข. ตัดไฟก่อนนอนตัดทอนรายจ่าย ค. ดับไฟกอ่ นนอนแลว้ จะไม่ร้อนใจ ง. ดับไฟก่อนนอนก่อนจะไม่มีไฟใหด้ ับ เฉลย แบบทดสอบยอ่ ย เร่อื ง การฟัง การดู การพูด รายวชิ า ภาษาไทย รหัสวิชา พท 31001 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 1. ก. 11. ค. 2. ง. 12. ค. 3. ง. 13. ค. 4. ก. 14. ข. 5. ง. 15. ข. 6. ค. 16. ง. 7. ก. 17. ค. 8. ค. 18. ง. 9. ก. 19. ข. 10. ข. 20. ข.

6 วธิ ีการเรียน : แบบพบกลุ่ม ( ON-Site) กระบวนการจัดการเรียนรู้ การกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องในการเรยี นรู้ ( O : Orientation ) 1.ข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรียน (30นาท)ี 1.1ครูทักทายนักศึกษาและนําเข้าสู่บทเรียนโดยแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบันให้นักศึกษาทราบ พร้อมท้ัง แลกเรยี นเปลยี่ นเรยี นรู้ขอ้ มลู ขา่ วสารเหตกุ ารณป์ จั จบุ ัน ร่วมกนั วิเคราะหแ์ ละแสดงความคดิ เหน็ ร่วมกนั ในช้ันเรียน 1.2 ครูช้แี จงสาระสาํ คญั จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ เนอ้ื หากระบวนการจัดการเรยี นรู้ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้การ วัดและประเมนิ ผลและการติดตาม ในรายวชิ าภาษาไทย 1.3 ครูและนักศึกษาร่วมกันวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับปัญหา ความต้องการ รูปแบบในการ เรียน และการแสวงหาความรู้จากสอื่ ตา่ ง ๆ ในการเรยี นวชิ าภาษาไทย การแสวงหาขอ้ มูลและการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขัน้ จัดกิจกรรมการเรียนการสอน (4ชั่วโมง ) 2.1 ครูให้นักศึกษาทําแบบทดสอบก่อนเรียน(Pre-test)( )แบบปรนัยวิชาภาษาไทย จํานวน 20 ข้อ จากชุด แบบทดสอบ หรอื จาก Google Form โดยเน้นใหน้ กั ศกึ ษามคี วามซือ่ สตั ยใ์ นการทําแบบทดสอบ 2.2 ครูตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) และแจ้งให้นักศึกษาทราบทันทีหรือผานแอปพลิเคชัน LINE นักศกึ ษาบันทกึ คะแนนลงในแบบบนั ทึกการเรยี นร้กู ศน. 2.3 ครูอธิบายเน้อื หาตามหนังสือเรยี นวชิ าภาษาไทยเกี่ยวกบั หลกั การดู การฟัง การพูด และให้นกั ศึกษาสรปุ ลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรกู้ ศน. 2.4 ครูร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้กับผู้เรียนเกี่ยวกับการฟัง การดู การพูด ภาษาไทยกับการประกอบอาชีพ โดย สามารถเขยี นออกมาในรูปแบบแผนผังความคดิ 2.5 ครูแบง่ กลมุ่ ผูเ้ รียนเลน่ กิจกรรมเกมสก์ ระซบิ ส่งสาร 2.5.1 ครูแบง่ กลมุ่ นกั ศึกษาออกเปน็ 5 แถวๆละ 5 คน โดยให้หัวแถวเปน็ ผู้เขยี นคาํ ตาม ที่ครูบอก ลงในกระดาษ แล้วใหค้ นแรกกระซิบต่อกันไปจนถงึ คนสดุ ท้าย หลงั จากนัน้ ให้คนสุดท้ายเขียนคําที่ได้ยนิ ลงในกระดาษ ส่งครแู ละอา่ นใหเ้ พื่อนฟัง 2.6 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม11 ประการ ในเรื่องความสะอาด ความสุภาพ ความขยัน ความประหยดั ความซ่ือสัตย์สุจริต ความสามัคคี ความมีน้ําใจ ความมีวินัย ศาสน์กษัตริย์รักความเป็นไทย และยึดมั่นในวิถีชีวิตและ การปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ การปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ขั้นการปฏิบตั ิและนาไปประยกุ ตใ์ ช้( 30 นาที ) 3.1 ครูส่มุ ตัวแทนกลุ่มนําเสนอ เพอ่ื แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ซง่ึ กนั และกันสรปุ สิ่งที่ได้เรยี นรู้รว่ มกนั และให้ นักศึกษาบนั ทึกความรทู้ ี่ได้ ลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. 3.2นักศึกษานาความรทู้ ีไ่ ดจ้ ากการเรียนรูม้ าเป็นแนวทางในการแกป้ ญั หาและการดาเนนิ ชีวติ ในประจาวนั ต่อไป

7 ขนั้ ประเมินผล (E :Evaluation) 4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล (1 ชว่ั โมง) 4.1 ครูและนักศึกษาสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ร่วมกันพร้อมเพิ่มเติมความรู้และให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมให้นักศึกษา บันทกึ ลงในแบบบันทึกการเรียนรกู้ ศน. 4.2 ครูให้นักศึกษาทําแบบทดสอบย่อย เรื่อง การฟังการดู การพูดแบบปรนัย จํานวน 20 ข้อ จากชุด แบบทดสอบ หรือจากGoogle From พร้อมเฉลยและประเมินผลให้นักศึกษาบันทึกคะแนนลงในแบบบันทึกการ เรียนรกู้ ศน. 4.3 ครูให้นักศึกษาสรุปการทําความดีและคุณธรรมท่ีได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบนั ทึกความดี เพื่อการ ประเมินคณุ ธรรม 4.4ครูตดิ ตามงานทไ่ี ดม้ อบหมายนกั ศึกษา เพ่อื ติดตามความคบื หน้าดังนี้ 4.4.1 ติดตามงานท่ไี ด้รบั มอบหมายสัปดาห ที่ผา่ นมา 4.4.2 การติดตามการทํากจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต (กพช.) 4.4.3 ติดตามสอบถามสขุ ภาพของนักศกึ ษา (การตรวจสุขภาพ/ความสะอาด/การแต่งกาย) 4.4.4 ติดตามสอบถามการทําความดใี นแตล่ ะวนั สัปดาหท์ ผ่ี า่ นมาและติดตามการบันทึกกิจกรรมท่ี ทาํ ความดีลงในสมุดบนั ทึกบนั ทึกความดเี พ่อื การประเมนิ คุณธรรม 4.4.5 ตดิ ตามสอบถามเก่ยี วกบั งานอดเิ รกสุนทรยี ภาพการเลน่ กีฬา การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน ฯลฯ 4.4.6 ตดิ ตามความก้าวหน้าการทาํ โครงงาน สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี นวชิ า พท 31001 วชิ าภาษาไทย หรอื หนังสอื เรียนออนไลน 2. คูม่ อื นักศึกษา 3. แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test) วชิ าภาษาไทยแบบปรนยั จาํ นวน 20 ข้อ (ชุดแบบทดสอบ หรอื Google Form) 4. แบบทดสอบยอ่ ยเรอื่ งการฟงั การดู การพูดจํานวน 20 ข้อ (ชุดแบบทดสอบ หรอื Google Form) 5. ใบความรทู้ ่ี 1 เรื่องหลักการจบั ใจความสาํ คญั ของเรือ่ งทีฟ่ งั และดู 6. ใบงานที่ 1 เรื่องการฟัง การดู การพดู 7. แบบบนั ทกึ การเรียนรู กศน. ขั้นมอบหมายงาน กรต. 1 ครูแบง่ นักศกึ ษาออกเปน็ 3 กลุ่ม 1.1 ครูมอบหมายให้ผู้เรยี นกลุ่มท่ี 1ศึกษาโดยเลือกฟงั หรือดูรายการขา่ ว/รายการสารคดี ทางวิทยหุ รือโทรทัศน 1รายการ แลว้ ใหส้ รุปประเด็นจากเร่ืองทฟ่ี ังหรอื ดูตามหลกั การท่ีได้ศึกษาจากน้นั วิเคราะห์ ขอ้ เทจ็ จริงนําเสนอต่อกลุ่มตามความคิดเห็นของตนเองและรวบรวมไวใ้ นสมดุ บันทึก กศน. 1.2 ครูมอบหมายให้ผู้เรยี นกลมุ่ ท่ี 2 ศกึ ษาเรอ่ื งการพดู และการพูดในโอกาสต่างๆจากอนิ เตอร์เนต็ จากนน้ั ใหว้ เิ คราะหข์ อ้ มูลจริงนาํ เสนอตอ่ กลุม่ ตามความคิดเหน็ ของตนเอง และ รวบรวมไวใ้ นสมุดบนั ทึก กศน. 1.3 ครมู อบหมายใหผ้ เู้ รยี นกลมุ่ ท่ี 3 ศึกษาเรือ่ งอาชีพท่ีใช้ทกั ษะการพดู เป็นชอ่ งทางในการ ประกอบอาชพี และอาชีพท่ใี ช้ทักษะการเขียนเปน็ ช่องทางในการประกอบอาชพี จากอินเตอร์เน็ตจากนน้ั ให้ วเิ คราะห์ขอ้ มูลจริงนําเสนอต่อกลมุ่ ตามความคดิ เห็นของตนเอง และรวบรวมไวใ้ นสมดุ บันทึก กศน.

8 .2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาเนื้อหาจากใบความรทู้ ่ี 1 เรื่องหลักการจบั ใจความสาํ คญั ของเรอื่ งทฟี่ ง้ และดู และ บนั ทกึ ลงสมดุ บนั ทึก กศน. 3 ครูมอบหมายนักศึกษาทาํ ใบงานเรื่องการฟงั การดู การพูดแลว้ นํามาสง่ ในสัปดาหต์ อ่ ไป การวัดและประเมินผล 1. การสังเกตพฤติกรรมการมรี ายบคุ คล/รายกลุ่ม 2. การตรวจแบบบนั ทึกการเรียนรกู้ ศน. 3. ประเมินการนาํ เสนอผลงาน/ชน้ิ งาน 4. การตรวจใบงาน 5. การตรวจแบบทดสอบ 6. การประเมินคุณธรรม

9 วธิ กี ารเรียน : แบบออนไลน์ (ON-Line) กระบวนการจัดการเรียนรู้ การกาหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1.ขั้นนาเขา้ ส่บู ทเรยี น (๓๐ นาท)ี 1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนําเข้าสู่บทเรียนโดยแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ผ่านทางช่องทาง ออนไลน์ เช่น Microsoft teams , Google Meet , LINE กลุ่ม ให้นักศึกษาทราบพร้อมทั้งแลกเรียนเปลี่ยนเรียนรขู้ ้อมูล ข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ร่วมวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นร่วมกันพร้อมอธิบายถึงเหตุผลความจําเป็นที่ต้องจัด กจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบออนไลน์ 1.2ครูช้ีแจง สาระสําคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ เน้ือหา กระบวนการจัดการเรียนรู้ ส่ือและแหล่งการ เรียนรู้ การวัดและประเมินผล และการติดตาม ในรายวิชาภาษาไทย ผ่านทางช่องทางออนไลน์เช่น Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live 1.3 ครูและนักศึกษาร่วมวเิ คราะห์และแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับปัญหา ความต้องการ รูปแบบในการ เรยี น และการแสวงหาความรูจ้ ากสอื่ ต่าง ๆ ในการเรยี นวชิ าภาษาไทย ผา่ นทางช่องทางออนไลนเ์ ชน่ Microsoft Teams , Google Hangouts Meet , Zoom Cloud Meetings , Line , Facebook Live การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2.ขั้นจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน (๔ ช่วั โมง) 2.1 ครูใหน้ ักศกึ ษาทําแบบทดสอบกอ่ นเรียน (Pre-test) วิชา ภาษาไทย แบบปรนยั จาํ นวน 20 ข้อ โดย ใช้ Google from ผ่านทาง Google Classroom หรือ Line และแจ้งผลสอบให้นักศึกษาทราบผ่านทาง Google Classroom หรอื Line และบนั ทึกคะแนนลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 2.2 ครใู ห้นักศกึ ษาดคู ลิปเรื่องการฟังทีส่ ่อื สารไมส่ มั ฤทธผ์ิ ลhttps://youtu.be/joXPKB90HF8) ผา่ น Google Classroom หรอื Line แล้วรว่ มกันวเิ คราะหส์ ่งิ ทไ่ี ด้รบั ชมคลิปผ่าน Google Classroom 2.3 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม ๑๑ ประการ ในเรื่อง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตัญญู กตเวทีความขยัน ความประหยัด ความซ่ือสัตย์ ความมีน้ําใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดมั่นใน วิถีชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผ่านทาง Google Classroom หรอื Lineและแจ้งผลสอบให้นกั ศึกษาทราบผา่ นทาง Google Classroom หรือ Line การปฏบิ ตั ิและนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ขนั้ การปฏิบตั ิและนาไปประยุกต์ใช้( 30 นาที ) 3.1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอา่ นทบทวนเนอื้ หาเพมิ่ เตมิ จากหนงั สือเรียนภาษาไทย พท 31001 ในการฟัง การดู การพดู 3.2ครมู อบหมายให้นกั ศกึ ษาไปศึกษาคน้ คว้าเพ่ิมเตมิ จากหนงั สอื เรยี นออนไลน์ รายวชิ าภาษาไทย ลงิ คh์ ttps://www.youtube.com/watch?v=Pcpafw_lOrI&t=1531sและศกึ ษาเพม่ิ เตมิ จากใบความรเู้ รอื่ ง การฟงั การดู และการพูด และใหน้ ักศึกษาทาํ ใบงาน (โดยครูจะส่งใบงานทาง Google classroom) และให้นักศกึ ษาส่งงานทาง LINE ตามวนั เวลาท่ีกําหนด

10 ข้นั ประเมินผล (E :Evaluation) 4.ข้นั สรุปและประเมนิ ผล (๑ ช่ัวโมง) 4.1 ครใู หน้ ักศกึ ษาทาํ แบบทดสอบยอ่ ย เรื่อง การฟัง การดู การพดู แบบปรนัย จาํ นวน ๒๐ ข้อ การชุด แบบทดสอบ หรือจาก Google Classroom หรือ Line พร้อมเฉลยและประเมินผล ให้นักศึกษาบนั ทึกลงคะแนนในแบบ บันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครูให้นักศึกษาสรปุ การทําความดีและคุณธรรมที่ได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมดุ บันทึกความดเี พ่อื ประเมินคณุ ธรรม 4.3 ครูติดตามท่ีได้รับมอบหมายนักศึกษา เพื่อติดตามความคืบหน้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ เช่น Google Classroom หรือ Line 4.3.1 ติดตามงานท่ีไดร้ บั มอบหมายสปั ดาห์ทผ่ี ่านมา 4.3.2 ตดิ ตามการทํากจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต (กพช.) 4.3.3 ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนักศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย) 4.3.4 ติดตามสอบถามการทําความดีในแต่ละวัน สัปดาห์ที่ผ่านมาและติดตามการบันทึกกิจกรรมท่ีทํา ความดีลงในสมดุ บันทกึ ความดเี พ่อื การประเมินคุณธรรม 4.3.5 ติดตามสอบถามเก่ียวกับงานอดิเรก สุนทรียภาพ การเล่นกีฬา การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ 4.3.6 ติดตามความก้าวหน้าการทาํ โครงงาน ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ 1.ชอ่ งทางออนไลน์เช่น Google Classroom หรือ Line 2.หนงั สอื เรียนวิชา พท 31001 หรอื หนังสอื เรียนออนไลน์ 3.คลิปวดิ ีโอ 4.แบบทดสอบก่อนเรียน (pre-test) วิชาภาษาไทย แบบปรนัย จํานวน 20 ข้อ (ชุดแบบทดสอบ หรือ Google from) 5.แบบทดสอบย่อย เรอื่ ง การฟัง การดู การพูด จํานวน ๒๐ ข้อ (ชดุ แบบทดสอบ หรือ Google from) 6.ใบความรทู้ ี่ 1 เรอ่ื งหลกั การจบั ใจความสาํ คญั ของเร่อื งทฟี่ งั และดู 7.ใบงานที่ 1 เร่อื งการฟัง การดู การพูด 8.แบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. ขนั้ มอบหมายงาน 1. ครูแบ่งนักศึกษาออกเป็น 3 กลุ่ม โดยแบ่งจํานวนนักศึกษาตามลําดับรหัสนักศึกษาในกลุ่มตนเอง และ จัดมอบหมายงานผ่านทาง Google Classroom หรือ Line 2. ครูมอบหมายให้ผู้เรียนกลุ่มท่ี 1 ศึกษาโดยเลือกฟังหรือดูรายการข่าว/รายการสารคดีทางวิทยุหรือ โทรทัศน์ 1 รายการแล้วให้สรปุ ประเดน็ จากเรื่องท่ีฟังหรอื ดูตามหลักการที่ได้ศึกษาจากนั้นให้วิเคราะห์ข้อเท็จจริงนําเสนิ ต่อกลุ่มตามความคดิ เหน็ ของตนเอง 2 รวบรวมไว้ในสมุดบันทึก กศน. 3. ครูมอบหมายให้ผู้เรียนกลุ่มท่ี 2 ศึกษาเรื่องการพูดและการพูดในโอกาสต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ต จากน้ันใหว้ ิเคราะหข์ ้อมูลจริงนําเสนิตอ่ กลุ่มตามความคดิ เหน็ ของตนเอง และ รวบรวมไวใ้ นสมุดบันทกึ กศน.

11 4. ครูมอบหมายให้ผเู้ รยี นกลุม่ ที่ 3 ศึกษาเรือ่ งอาชีพทีใ่ ชท้ กั ษะการพูดเป็นช่องทางในการประกอบอาชพี และ อาชีพท่ีใช้ทักษะการเขียนเป็นช่องทางในการประกอบอาชีพจากอินเทอร์เน็ตจากน้ันให้วเิ คราะห์ข้อมูลจรงิ นําเสนอ ต่อกลุม่ ตามความคิดเหน็ ของตนเอง และ รวบรวมไว้ในสมุดบนั ทึก กศน. 5. ครูมอบหมายให้นักศึกษาศึกษาเนื้อหาจากใบความรู้ ที่ 1 เร่ืองหลักการจับใจความสําคัญเร่ืองที่ฟัง และดู และบนั ทึกลงสมุดบันทกึ กศน. 6. ครูมอบหมายนักศึกษาทําใบงานผ่านทาง Google Classroom หรือ Line เรื่อง การฟัง การดู การ พดู แล้วกําหนดส่งกลบั ในสัปดาห์ต่อไปผา่ น ผ่านทาง Google Classroom หรือ Line การวัดและประเมนิ ผล 1.การมสี ว่ นร่วมในการเขา้ หอ้ งเรยี น ช่องทางออนไลน์ เช่น Google Classroom หรือ Line 2.ตรวจแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 3.การตรวจใบงาน 4.การตรวจแบบทดสอบ 5.ประเมนิ คุณธรรม

12 วธิ ีการเรยี น : แบบหนังสือเรยี น มอบหมายงาน (ON - Hand) กระบวนการจัดการเรียนรู้ การกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1. ข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรียน (30นาที ) 1.1ครสู ํารวจความพร้อมของนกั ศึกษาในการเรยี นรู้ สาํ หรบั นักศึกษาไม่มีอินเตอรเ์ น็ต และเครือ่ งมอื สือ่ สาร โดย นําหนังสอื เรยี น ใบความรู้ และใบงาน ใหผ้ ู้เรยี นไดเ้ รียนรทู้ บ่ี า้ น ในรายวชิ า ภาษาไทย จากหนังสอื ท่ีครไู ดน้ ําไปให้ พรอ้ ม ใหน้ กั ศึกษา ศึกษาใบความรู้ จัดทําใบงาน พรอ้ มทัง้ ทาํ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1.2ครูนาํ ตวั อยา่ งการเรียนรู้แบบโครงงาน ไปใหน้ ักศึกษา ศกึ ษาเรยี นร้ทู ีบ่ า้ น เพอ่ื เช่อื มโยงเขา้ สบู่ ทเรยี นและ มอบหมายงานตอ่ ไป 1.3นกั ศึกษาสรปุ สิ่งทไี่ ด้เรยี นรู้ในตัวอยา่ งรปู เลม่ โครงงาน บนั ทกึ ลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. และนําสง่ ตามวนั เวลาท่คี รกู ําหนด การแสวงหาข้อมลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขั้นจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน (4ชั่วโมง ) 2.1ครมู อบหมายให้นักศกึ ษาไปศึกษาหาความรู้ ในหวั ข้อ การฟัง การดู และการพูดจากหนงั สือรายวชิ า ภาษาไทย 2.2 ครอู ธิบายเน้ือหาตามหนงั สอื เรียนวิชาภาษาไทย เกี่ยวกับหลกั การอ่านและใหน้ กั ศกึ ษาสรปุ ลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 2.3ครูสอนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการ ในเรอื่ ง ความสะอาด ความสุภาพ ความขยัน ความประหยดั ความซ่ือสัตยส์ ุจริต ความสามคั คี ความมนี าํ้ ใจ ความมวี ินัย ศาสน์ กษัตรยิ ์ รักความเปน็ ไทย และยึดมน่ั ในวถิ ชี ีวติ และการ ปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข การปฏบิ ตั ิและนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ข้ันการปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยุกต์ใช้( 30 นาที ) 3.1 ครูสมุ่ ตัวแทนกลุม่ นาํ เสนอ เพอื่ แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ ซึง่ กนั และกนั สรุปสงิ่ ที่ได้เรยี นรรู้ ว่ มกันและให้ นกั ศึกษาบนั ทกึ ความรทู้ ไี่ ด้ ลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. 3.2นักศกึ ษานาความรู้ท่ไี ด้จากการเรยี นร้มู าเปน็ แนวทางในการแก้ปญั หาและการดาเนนิ ชีวติ ในประจาวันตอ่ ไป ขน้ั ประเมินผล (E :Evaluation) 4. ข้นั สรปุ และประเมนิ ผล (1 ช่วั โมง) 4.1 ครแู ละนักศึกษาสรุปสง่ิ ที่ได้เรยี นรรู้ ว่ มกนั พรอ้ มเพม่ิ เติมความรแู้ ละใหข้ ้อเสนอแนะเพม่ิ เตมิ ให้นักศกึ ษา บนั ทึกลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. 4.2 ครใู ห้นกั ศึกษาทําแบบทดสอบยอ่ ย เรอื่ ง การฟงั การดู การพูด แบบปรนยั จํานวน 20 ข้อจากชดุ แบบทดสอบ หรือจาก Google From พร้อมเฉลยและประเมินผล ให้นักศึกษาบันทกึ คะแนนลงในแบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 4.3 ครใู ห้นกั ศกึ ษาสรุปการทาํ ความดแี ละคณุ ธรรมทไี่ ด้ปฏบิ ตั ิ พร้อมบันทึกลงในสมดุ บนั ทกึ ความดเี พอ่ื การ ประเมินคณุ ธรรม 4.4 ครูติดตามงานท่ไี ดม้ อบหมายนักศึกษา เพอ่ื ติดตามความคืบหน้า ดังน้ี 4.4.1 ตดิ ตามงานทไ่ี ด้รับมอบหมายสปั ดาห์ท่ีผ่านมา 4.4.2 การติดตามการทาํ กจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ (กพช.) 4.4.3 ตดิ ตามสอบถามสุขภาพของนกั ศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย)

13 4.4.4 ตดิ ตามสอบถามการทาํ ความดีในแตล่ ะวนั สัปดาหท์ ่ีผา่ นมาและติดตามการบันทกึ กิจกรรมทีท่ าํ ความดีลงในสมุดบันทึกบันทึกความดีเพ่อื การประเมินคณุ ธรรม 4.4.5 ติดตามสอบถามเก่ยี วกบั งานอดเิ รก สุนทรียภาพ การเล่นกฬี า การใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ 4.4.6 ตดิ ตามความกา้ วหน้าการทําโครงงาน สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี นวชิ า พท 31001 วิชาภาษาไทย หรอื หนงั สอื เรียนออนไลน์ 2. คมู่ ือนกั ศึกษา 3. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) วชิ าภาษาไทย แบบปรนยั จาํ นวน 30 ขอ้ (ชุดแบบทดสอบ หรอื Google Form) 4. แบบทดสอบยอ่ ย เรื่อง การฟัง การดู การพูด จาํ นวน 20 ขอ้ (ชดุ แบบทดสอบ หรอื Google Form) 5. ใบความรู้ท่ี 1 เรอ่ื งหลักการจบั ใจความสาํ คัญของเรอ่ื งทฟ่ี ังและดู 6. ใบงานท่ี 1 เร่ืองการฟงั การดู การพดู 7. แบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. ขน้ั มอบหมายงาน 1 ครูแบ่งนกั ศึกษาออกเปน็ 3 กลมุ่ 1.1 ครมู อบหมายให้ผู้เรยี นกลมุ่ ที่ 1 ศึกษาโดยเลือกฟงั หรอื ดรู ายการขา่ ว/รายการสารคดีทางวทิ ยหุ รือโทรทัศน์ 1 รายการแล้วใหส้ รปุ ประเดน็ จากเรอื่ งที่ฟงั หรอื ดูตามหลกั การท่ไี ด้ศึกษาจากนน้ั ใหว้ เิ คราะหข์ อ้ เท็จจริงนําเสนอตอ่ กลมุ่ ตามความคิดเหน็ ของตนเอง และ รวบรวมไว้ในสมุดบันทึก กศน. 1.2 ครมู อบหมายใหผ้ เู้ รยี นกลุ่มท่ี 2 ศกึ ษาเรื่องการพูดและการพูดในโอกาสตา่ งๆจากอนิ เตอรเ์ นต็ จากน้นั ให้ วิเคราะหข์ อ้ มลู จริงนําเสนอตอ่ กลุ่มตามความคิดเห็นของตนเอง และ รวบรวมไว้ในสมุดบันทึก กศน. 1.3 ครูมอบหมายใหผ้ ูเ้ รียนกล่มุ ท่ี 3 ศกึ ษาเรอื่ งอาชพี ทใ่ี ชท้ ักษะการพูดเปน็ ชอ่ งทางในการประกอบอาชพี และ อาชพี ท่ใี ช้ทกั ษะการเขียนเปน็ ชอ่ งทางในการประกอบอาชีพจากอินเตอร์เนต็ จากนัน้ ให้วเิ คราะห์ขอ้ มลู จรงิ นาํ เสนอตอ่ กล่มุ ตามความคดิ เห็นของตนเอง และ รวบรวมไว้ในสมดุ บนั ทึก กศน. 2 ครมู อบหมายให้นกั ศกึ ษาศกึ ษาเนอ้ื หาจากใบความรู้ท่ี 1 เร่อื งหลกั การจบั ใจความสําคญั ของเร่ืองทีฟ่ งั และดู และ บนั ทกึ ลงสมุดบนั ทึก กศน. 3 ครูมอบหมายนักศึกษาทําใบงานเรอ่ื ง การฟัง การดู การพดู แล้วนํามาสง่ ในสัปดาห์ตอ่ ไป การวดั และประเมินผล 1) การสงั เกตพฤตกิ รรมการมรี ายบคุ คล/รายกล่มุ 2) การตรวจแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. 3) ประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน/ช้ินงาน 4) การตรวจใบงาน 5) การตรวจแบบทดสอบ 6) การประเมนิ คณุ ธรรม

14 วิธกี ารเรียน : แบบผา่ นชอ่ งทาง ETV (ON-Air) กระบวนการจัดการเรียนรู้ การกาหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1. ขนั้ นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น ( 30 นาที ) 1.1ครูทักทายนักศึกษา และนําเข้าสบู่ ทเรียนโดยแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ปัจจบุ ัน ผ่านทางช่องทางออนไลน์ เชน่ Microsoft teams , Google Meet , Line กลุ่ม ให้นักศึกษาทราบพร้อมท้ังแลกเรียนเปล่ียนเรียนรู้ข้อมูลข่าวสาร เหตุการณป์ ัจจบุ นั ร่วมวิเคราะห์ และแสดงความคดิ เห็นรว่ มกัน และแสดงความคดิ เหน็ ร่วมกนั ในกลมุ่ LINE พรอ้ มทงั้ ทํา แบบทดสอบก่อนเรียน (ชุดแบบทดสอบ หรือ Google Form) ผ่านทาง Google Classroom หรือ LINE กลุ่ม พร้อม อธบิ ายถึงเหตุผลความจําเป็นที่ตอ้ งจดั กจิ กรรมการเรียนรูปแบบ ( ON-Air) 1.2 ครูนาํ เข้าสบู่ ทเรยี นโดย ให้นกั ศึกษาสมัครเป็นสมาชิก ETV ตามลง้ิ ตอ่ ไป นhี้ ttps://www.etvthai.tv/member/AddMember_ext.aspx เพ่อื ใหน้ ักศกึ ษามีรหัสผ่านเพ่อื เขา้ ไปศึกษาหาความรู้ ตาม ตารางออนแอร์ ในแตล่ ะวนั ของสถานวี ทิ ยโุ ทรทัศนเ์ พอื่ การศึกษา กระทรวงศึกษาธิการตามล้ิง รายการโทรทศั น์ ส่งเสริมการศึกษานอกระบบโรงเรียน http://www.etvthai.tv/Video/VDO_Detail_Ext.aspx?ContentID=320&videoid=1087&v=1&p=5และและ นกั ศกึ ษาสามารถตดิ ตามขา่ วสารไดใ้ นเฟสบุ๊ค ETV Channel ตามลงิ้ ตอ่ ไปนี้ https://www.facebook.com/Etv- Channel-1512499252411798/ การแสวงหาขอ้ มลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ขนั้ จดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ( 4 ชั่วโมง ) 2.1 ครมู อบหมายให้นักศกึ ษาเข้าไปศึกษาหาความรู้ ของสถานีวิทยโุ ทรทศั น์เพอื่ การศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร ตามเว็บไซต์ www.etvthai.tv โดยเข้าส่รู ะบบดว้ ยรหสั ผ่านท่นี ักศกึ ษาสมัครไว้แล้ว โดยสามารถดตู าราง ออนแอรไ์ ด้ ตาม ล้งิ http://www.etvthai.tv/Front_ETV/FETV_Schedule.aspx และสามารถดรู ายการยอ้ นหลงั ได้ ตามลิ้ง http://www.etvthai.tv/home/home_External.aspx อกี ช่องทางการศึกษาหาความร้โู ดยผ่าน ทีวีดิจติ อลชอ่ ง 52 (กศน.) สามารถตดิ ตามขา่ วสารและตารางออนแอร์ ไดใ้ นเฟสบคุ๊ :ETV สอ่ื ดิจิทลั เพอื่ การศึกษา สาํ นักงาน กศน.ตามล้ิงน้ีhttps://www.facebook.com/etv.digital/ 2.2 ครมู อบหมายให้นักศกึ ษาเรียนรูแ้ บบ (ON-Air) ในเร่ืองการฟังที่สอื่ สารไมส่ มั ฤทธิผ์ ล (https://youtu.be/joXPKB90HF8) และให้นักศึกษาสรุปลงในแบบบันทึกการเรียนรู้ กศน. นําส่งผ่านทาง Google Classroom หรือ แอปพลเิ คชนั LINE 2.3 ครมู อบหมายให้นักศึกษาใหไ้ ปศกึ ษาคน้ คว้าจากหนังสือ เรยี นออนไลนร์ ายวชิ าภาษาไทย จากลิงค์ http://online.anyflip.com/zocht/wabr/mobile/index.htmและจากการศกึ ษาในรูปแบบ(ON-Air)ท้งั ในเว็บไซต์ www.etvthai.tv และ ทีวดี จิ ิตอลชอ่ ง 52 (กศน.) หรือจากแหล่งการเรยี นรตู้ า่ งๆ และให้นกั ศึกษาจดั ทําสรุปความรเู้ ปน็ แผนผังความคดิ ลงในแบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน. ในหัวขอ้ การฟงั ที่สอ่ื สารไมส่ มั ฤทธ์ิผล และส่งงานผ่านทาง Google Classroom หรอื แอปพลิเคชนั LINE 2.4 ครสู อนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการ ในเร่อื ง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตัญญู กตเวทีความขยัน ความประหยัด ความซ่ือสัตย์ ความมีนํ้าใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดมั่นใน วถิ ชี วี ติ และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข ผ่านทาง LINE กลุม่ การปฏบิ ัติและนาไปประยกุ ต์ (I : Implementation) 3. ข้ันการปฏบิ ตั ิและนาไปประยกุ ตใ์ ช้( 30 นาที )

15 3.1 ครูสุ่มตัวแทนกลุ่มนาํ เสนอ เพอ่ื แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ซ่ึงกันและกันสรุปสิง่ ท่ไี ด้เรยี นรูร้ ว่ มกันและให้ นักศกึ ษาบันทกึ ความรทู้ ี่ได้ ลงในแบบบนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 3.2นักศกึ ษานาความรู้ที่ได้จากการเรยี นรู้มาเป็นแนวทางในการแกป้ ญั หาและการดาเนนิ ชีวิตในประจาวันตอ่ ไป ข้ันประเมินผล (E :Evaluation) 4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล (1ชั่วโมง ) 4.1ครูให้นักศึกษาทําแบบทดสอบย่อย เรื่อง การฟัง การดู การพูด แบบปรนัย จํานวน ๒๐ ข้อ การชุด แบบทดสอบ หรือจาก Google Classroom หรือ Lineกลุ่ม พร้อมเฉลยและประเมินผล ให้นักศึกษาบนั ทึกลงคะแนนใน แบบบนั ทกึ การเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครูให้นักศึกษาสรุปการทําความดีและคุณธรรมที่ได้ปฏิบัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบันทึกความดี เพื่อการ ประเมินคณุ ธรรม 4.3 ครตู ดิ ตามงานทไ่ี ด้มอบหมายนกั ศกึ ษา เพ่ือตดิ ตามความคืบหน้าทางแอปพลิเคชนั Line ดงั น้ี 4.3.1 ติดตามงานทไ่ี ด้รับมอบหมายสัปดาห์ทผ่ี า่ นมา 4.3.2 ติดตามการทาํ กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ (กพช.) 4.3.3 ติดตามสอบถามสุขภาพของนักศึกษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย) 4.3.4 ติดตามสอบถามการทําความดใี นแตล่ ะวัน สปั ดาห์ท่ผี า่ นมาและติดตามการ บนั ทึก กิจกรรมท่ีทํา ความดีลงในสมดุ บนั ทกึ บนั ทกึ ความดเี พ่อื การประเมนิ คุณธรรม 4.3.5 ติดตามสอบถามเกี่ยวกับงานอดิเรก สุนทรียภาพ การเล่นกีฬา การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ 4.3.6 ตดิ ตามความก้าวหน้าการทาํ โครงงาน ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้ 1.www.etvthai.tv 2.ทวี ดี จิ ิตอลช่อง 52 (กศน.) 3.เฟสบ๊คุ https://www.facebook.com/etv.digital/ และ https://www.facebook.com/Etv-Channel-1512499252411798/ 4. Google Classroom / แอปพลเิ คชนั LINE 5. หนงั สอื เรยี นวชิ าภาษาไทย พท31001 หรือ หนังสือเรียนออนไลน์ ลงิ ค์ nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404198800.pdf 6. คมู่ อื นักศกึ ษา 7.https://www.youtube.com/watch?v=87x1M-2g9Cs 5. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรือ่ ง ภาษาไทย แบบปรนัย จํานวน 30 ข้อ (ชดุ แบบทดสอบ หรอื Google Form) 6. ใบความรทู้ ่ี 1 7. ใบงานท่ี 1 8. ใบงานท่ี 2 9. ใบงานท่ี 3 10. แบบบนั ทกึ การเรียนรู้ กศน.

16 ขนั้ มอบหมายงาน 1 ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเนื้อหาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย จากล้ิง nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404198800.pdf(แบบเรียนออนไลน์) โดยศึกษาในเรื่อง หลกั การฟงั การดู และการพูด และสรปุ ลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาศึกษาเน้ือหาจากใบความรู้ และทําใบงานที่ 1 การพูด ใบงานท่ี 2 จุดมุ่งหมายของ การฟังและการดู และทําแบบทดสอบย่อย และให้นักศึกษาส่งงาน (โดยครูจะส่งใบงานทาง Google classroom) และ ใหน้ ักศึกษาส่งงานทาง LINE 3 ครูมอบมายงานให้แต่ละคน/หรือรายกลุ่ม ศึกษาเร่ืองอาชีพท่ีใช้ทักษะการพูดเป็นช่องทางในการประกอบ อาชีพ และ อาชีพที่ใช้ทักษะการเขียนเป็นช่องทางในการประกอบอาชีพจากอินเทอร์เน็ตจากนั้นให้วิเคราะห์ข้อมูลจริง นําเสนอตอ่ กลมุ่ ตามความคิดเห็นของตนเอง และ รวบรวมไวใ้ นสมดุ บนั ทึก กศน. การวดั และประเมินผล 1. การสังเกตพฤติกรรมการมีรายบุคคล/รายกลุ่ม 2. การตรวจแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 3. ประเมินการนําเสนอผลงาน/ชิ้นงาน 4. การตรวจใบงาน 5. การตรวจแบบทดสอบ 6. การประเมนิ คณุ ธรรม

17 วิธกี ารเรียน : ผ่าน แอปพลิเคชน่ั (ON-Demand) กระบวนการจดั การเรียนรู้ การกาหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O : Orientation) 1.ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน (30 นาที) 1.1 ครทู ักทายนักศึกษา และนาํ เข้าสู่บทเรียนโดยแจง้ ข่าวสารเหตกุ ารณป์ จั จุบัน ผา่ นทางช่องทางออนไลน์ เช่น Microsoft teams , Google Meet , Line กลุ่ม ให้นักศึกษาทราบพร้อมท้ังแลกเรียนเปล่ียนเรียนรู้ข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปจั จุบนั รว่ มวิเคราะห์ และแสดงความคดิ เห็นรว่ มกันพรอ้ มอธิบายถึงเหตุผลความจาํ เป็นที่ตอ้ งจัดกจิ กรรมการ เรยี นรู้แบบออนไลน์ 1.2ครูนาํ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยเปดิ วดี ที ัศน์ เร่อื ง การฟังที่สอื่ สารไมส่ ัมฤทธิ์ผล จากลิงค์ (https://youtu.be/joXPKB90HF8) ให้นักศกึ ษารบั ชม ครูและนกั ศกึ ษารว่ มกันวเิ คราะห์และแลกเปลย่ี นเรียนร้แู สดง ความคิดเหน็ ผ่านทาง Google Classroom หรอื แอปพลเิ คชนั LINE เพอื่ เชอื่ มโยงเข้าสบู่ ทเรยี นต่อไป 1.3 ครูและนักศึกษาร่วมวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็น เก่ียวกับปัญหา ความต้องการ รูปแบบในการเรียน และการแสวงหาความรู้จากส่ือต่าง ๆ ในการเรียนวิชาภาษาไทย ผ่านทางช่องทางออนไลน์เช่น Microsoft teams , Google Meetหรอื แอปพลเิ คชนั LINE การแสวงหาข้อมลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2.ขน้ั จัดกจิ กรรมการเรียนการสอน (4 ชว่ั โมง) 2.1ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเนื้อหาเพ่ิมเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย จากล้ิง nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404198800.pdf(แบบเรียนออนไลน์) โดยศึกษาในเร่ือง หลกั การฟัง การดู และการพูด และสรุปลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน.ในหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี 1. มารยาทในการฟงั ดู และการพดู 2. ฟงั และดู อย่างมีวจิ ารณญาณ 3. การพูดเปน็ ทางการ และไมเ่ ปน็ ทางการ 2.2 ครูสอนและสอดแทรกคุณธรรม ๑๑ ประการ ในเรื่อง ความสะอาด ความสุภาพ ความกตัญญูกตเวทีความ ขยัน ความประหยัด ความซื่อสัตย์ ความมีน้ําใจ ความมีวินัย ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยึดม่ันในวิถีชีวิตและ การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผ่านทาง Google Classroom หรือ Line และแจ้งผลสอบใหน้ ักศกึ ษาทราบผ่านทาง Google Classroom หรอื Line การปฏบิ ตั ิและนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ข้นั การปฏิบตั ิและนาไปประยุกต์ใช้( 30 นาที ) 3.1 ครูสุม่ ตวั แทนกลุ่มนําเสนอ เพอ่ื แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ซง่ึ กนั และกนั สรปุ ส่งิ ที่ไดเ้ รยี นรู้รว่ มกนั และให้ นกั ศึกษาบนั ทึกความรู้ทไี่ ด้ ลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 3.2นักศึกษานาความรู้ที่ได้จากการเรยี นรูม้ าเป็นแนวทางในการแกป้ ัญหาและการดาเนนิ ชวี ิตในประจาวนั ตอ่ ไป

18 ข้ันประเมนิ ผล (E :Evaluation) 4.ขน้ั สรปุ และประเมินผล (1 ช่ัวโมง) 4.1 ครูให้นักศึกษาทําแบบทดสอบย่อย เรื่อง การฟัง การดู การพูด แบบปรนัย จํานวน 20 ข้อ การชุด แบบทดสอบ หรอื จาก Google Classroom หรือ Line พรอ้ มเฉลยและประเมินผล ใหน้ ักศึกษาบันทึกลงคะแนนในแบบ บนั ทึกการเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครูให้นักศึกษาสรปุ การทําความดีและคุณธรรมท่ีได้ปฏบิ ัติ พร้อมบันทึกลงในสมุดบนั ทึกความดเี พื่อประเมิน คุณธรรม 4.3 ครูติดตามท่ีได้รับมอบหมายนักศึกษา เพ่ือติดตามความคืบหน้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ เช่น Google Classroom หรอื Line 4.3.1 ติดตามงานท่ไี ด้รับมอบหมายสัปดาห์ทผี่ า่ นมา 4.3.2 ตดิ ตามการทํากจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชีวติ (กพช.) 4.3.3 ติดตามสอบถามสุขภาพของนักศกึ ษา (การตรวจสขุ ภาพ/ความสะอาด/การแตง่ กาย) 4.3.4 ติดตามสอบถามการทําความดใี นแต่ละวัน สัปดาห์ท่ีผ่านมาและติดตามการบันทึกกิจกรรมที่ทําความดีลง ในสมดุ บันทกึ ความดีเพื่อการประเมินคุณธรรม 4.3.5 ติดตามสอบถามเกย่ี วกบั งานอดเิ รก สุนทรียภาพ การเล่นกฬี า การใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชน์ ฯลฯ 4.3.6 ติดตามความกา้ วหนา้ การทําโครงการ ส่อื และแหลง่ การเรยี นรู้ 1.ชอ่ งทางออนไลน์เชน่ Google Classroom หรือ Line 2.หนงั สอื เรยี นวชิ า พท ๓๑๐๐๑ หรอื หนังสอื เรยี นออนไลน์ 3.คลิปวิดโี อ(https://youtu.be/joXPKB90HF8) 4.แบบทดสอบก่อนเรียน (pre-test) วิชาภาษาไทย แบบปรนัย จํานวน 30 ข้อ (ชุดแบบทดสอบ หรือ Google from) 5.แบบทดสอบยอ่ ย เรื่อง การฟงั การดู การพูด จาํ นวน ๒๐ ขอ้ (ชุดแบบทดสอบ หรือ Google from) 6.ใบความรทู้ ่ี ๑ เรือ่ งหลกั การจบั ใจความสาํ คัญของเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู 7.ใบงานท่ี ๑ เร่อื งการฟัง การดู การพูด 8.แบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. ขัน้ มอบหมายงาน 1ครูมอบหมายให้นักศึกษาไปอ่านทบทวนเน้ือหาเพ่ิมเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย จากลิ้ง nfe.go.th/media/uploads/2014-07-01/20140701-1404198800.pdf(แบบเรียนออนไลน์) โดยศึกษาในเร่ือง หลกั การฟงั การดู และการพูด และสรปุ ลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 2 ครูมอบหมายให้นักศึกษาศึกษาเนื้อหาจากใบความรู้ และทําใบงานที่ 1 การพูด ใบงานที่ 2 จุดมุ่งหมายของ การฟังและการดู และทําแบบทดสอบย่อย และให้นักศึกษาส่งงาน (โดยครูจะส่งใบงานทาง Google classroom) และ ใหน้ ักศึกษาสง่ งานทาง LINE 3 ครูมอบหมายนักศึกษาทําใบงานผ่านทาง Google Classroom หรือ Line เรื่อง การฟัง การดู การพูด แล้ว กาํ หนดส่งกลับในสัปดาห์ตอ่ ไปผา่ น ผา่ นทาง Google Classroom หรือ Line การวดั และประเมินผล 1.การมีส่วนรว่ มในการเขา้ หอ้ งเรยี น ชอ่ งทางออนไลน์ เช่น Google Classroom หรอื Line 2.ตรวจแบบบนั ทึกการเรียนรู้ กศน.

19 3.การตรวจใบงาน 4.การตรวจแบบทดสอบ 5.ประเมินคุณธรรม

20 การเรยี นรดู้ ้วยตนเอง(กรต.)คร้ังท่ี 2 (จานวน 34 ช่ัวโมง) สาระความรู้พ้นื ฐานรายวิชา พท31001ภาษาไทย ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย คาสั่ง ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม และไปทากิจกรรมการเรียนรู้ต่อเน่ือง (กรต) โดยการไปศึกษาค้นคว้า อ่าน หนังสือ จดบันทึก จากหนังสือแบบเรียน ตารา หนังสือ และสื่ออ่ืนๆ ในห้องสมุดประชาชนจังหวัด ห้องสมุดประชาชน อาเภอ โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา วิทยาลัยชุมชนในพ้ืนท่ีอาเอเมืองนราธิวาสหรืออาเภออื่นๆ หรือไป สอบถามขอความร้จู ากบุคคล ในหัวขอ้ ตอ่ ไปนี้ กลมุ่ ท่ี 1 สรปุ ความหมายหลกั การฟังและการดู กลมุ่ ที่ 2 การวเิ คราะหขอเทจ็ จรงิ ขอคิดเห็นและสรปุ ความเรือ่ งท่ีฟงั และดู กลุ่มที่3การพดู เป็นทางการ และไมเ่ ปน็ ทางการ และมารยาทในการพดู กล่มุ ที่4ศลิ ปะการพูดประเภทต่าง ๆ เชน่ - พูดแนะนาตนเอง - พูดกลา่ วขอบคุณ - พดู โน้มนา้ ว / ปฏิเสธ - พดู เจรจาตอ่ รอง - พูดแสดงความคิดเหน็ - พดู อธิบาย - พดู สนุ ทรพจน์ / โตว้ าที ข้ันตอนของการไปเรียนรตู้ อ่ เนอ่ื ง (กรต.) ของนกั ศกึ ษา มดี งั นี้ 1. แผนการเรียนรู้ต่อเน่ือง (กรต.) ในแต่ละแต่ละสัปดาห์ แต่ละครั้งท่ีครู กศน.ตาบล/ครู ศรช. หรือครูประจา กลมุ่ กลุ่มมอบหมาย 2. ให้บริหารเวลาและใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองและทากิจกรรมการเรียนรู้ต่อเน่ือง (กรต.) สัปดาห์ ละ 15 ช่ังโมงเป็นอย่างนอ้ ย 3. อ่านหนังสือ สอบถามผู้รู้ และจดบันทึกทุกคร้ังทีมีการทากิจกรรม กรต. และเก็บหลักฐานไว้ทุกครั้งเพ่ือส่ง ครูกศน.ตาบล/ครูศรช. หรือครปู ระจากล่มุ ตรวจใหค้ ะแนนการทา กรต. 4. จัดทารายงานเป็นเล่ม ตามแบบรายงานที่ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกาหนดและ ให้สง่ ในวนั ทมี่ ีการนาเสนอผลการทากรต. ในเร่ืองนั้นๆ 5. ตัวแทนกลุ่มนาเสนอด้วยตนเอง (กรณีท่ีทากรต.คนเดียว) โดยให้นาเสนอผลงานตามข้อ4 กลุ่มละ/คนละไม่ เกิน 10 นาที ในวันพบกลมุ่ ครง้ั ตอ่ ไป

21 ใบความร้ทู ี่ ๑ ใบความรู้ เรอ่ื ง หลกั การจับใจความสาคัญของเร่ืองที่ฟังและดู ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย การวิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคดิ เห็นจากการฟัง การฟงั นบั วา่ มคี วามสาํ คัญย่ิงในการส่งสารขอ้ มลู ต่าง ๆ แตถ่ ้าฟงั ไมถ่ กู วธิ กี จ็ ะไม่ก่อประโยชน์เท่าทคี่ วร และบาง กรณอี าจเปน็ โทษอีกด้วย หลกั การฟงั ทั่วไปมีดังนี้ ๑.มีมารยาทในการฟงั โดยการแสดงความกระตือรือร้นที่จะฟัง ตั้งคาํ ถามตามความเหมาะสม ยอมรับฟงั ความ คดิ เห็นทแี่ ตกต่างกันออกไป และรู้จักควบคุมอารมณ์ ๒.ต้งั ความประสงค์ในการฟังใหแ้ นน่ อน และพยายามฟงั ใหไ้ ดต้ ามมงุ่ หมายมากท่ีสดุ ใชว้ จิ ารณญาณเลือกเฟ้นแต่ เร่อื งทคี่ วรฟัง และหลกี เลีย่ งเร่ืองทไี่ มเ่ หมาะสม รจู้ กั แยกแยะสว่ นทเ่ี ปน็ ข้อเทจ็ จรงิ และความคิดเหน็ รจู้ กั เหตผุ ล ประกอบการลงความคิดเห็นรู้จกั การใช้ศลิ ปะในการฟงั คอื การใช้ความ สามารถและไหวพรบิ ทจี่ ะใหผ้ ู้พูดมีความสบายใจ ท่จี ะพูดและพูดได้ตรงจุดประสงคข์ องผฟู้ งั เช่น การแสดงใหผ้ ้พู ูดเหน็ วา่ เราตง้ั ใจฟัง เปดิ โอกาสใหผ้ พู้ ดู ได้พูดเตม็ ท่แี ละ แรกคําถาม ท่ีเหมาะสมในโอกาสอนั ควรจดบนั ทึกสาระสาํ คญั และประเด็นทคี่ วรซักถามเพิม่ เติม การจบั ใจความสาํ คัญของเรอื่ ง การฟงั มคี วามมุง่ หมายประการสาํ คญั เพ่อื แสวงหาความรูแ้ ละเสริมสรา้ ง สตปิ ญั ญาการฟงั ท่จี ะสมั ฤทธผิ์ ลดังกลา่ วจะตอ้ งมคี วามสามารถจบั ใจความสําคญั และใจความอันดบั รองของเรอ่ื ง ทฟ่ี งั ได้ รวดเร็วถกู ต้องหลักการพิจารณาใจความสาํ คญั และใจความสําคญั อันดบั รองมดี ังนี้ 1. ฟังเรอื่ งทั้งหมดให้จบ 2. เรอ่ื งทีฟ่ ังเก่ยี วกบั อะไร 3. มีความสําคญั อยา่ งไร 4. เหตเุ กิดทไี่ หน 5. เกดิ จากสาเหตอุ ะไร 6. ผลที่เกิดข้นึ อย่างไร การฟงั อยา่ งมวี ิจารณญาณ การฟังมีความมุง่ หมายประการสาํ คญั เพอ่ื แสวงหาความรูแ้ ละเสริมสร้างสตปิ ญั ญา การฟังท่จี ะสมั ฤทธิ์ผลดังกลา่ วจะตอ้ งมีความสามารถจบั ใจความสําคญั และใจความอันดบั รองของเรอ่ื ง ทฟี่ งั ได้ รวดเรว็ ถูกตอ้ งหลกั การพจิ ารณาใจความสาํ คญั และใจความสําคญั อันดบั รองมดี ังนี้ 1. ฟงั เรอ่ื งทังหมดใหจ้ บ 2. เรื่องท่ฟี ังเกยี่ วกับอะไร 3. มคี วามสําคัยอยา่ งไร 4. เหตุเกิดทไี่ หน 5. เกิดจากสาเหตอุ ะไร 6. ผลทีเ่ กดิ ขน้ึ เปน็ อยา่ งไร การฟังอย่างมีวิจารณญาณ การฟังนับว่าเป็นปัจจัยที่สุดในการรับสารในชีวิตประจําวันคนเรา มีการรับฟัง เรื่องราวมากมาย การฟังําพูดของคนท่ีคุ้นเคยหรือใกล้ชิดอาจจะไม่ก่อให้เกิดปัญหามากนัก เพราะเรารู้ภูมิหลังของผู้พูด เร่ืองท่ีรับฟังส่วนมาก แต่ละวันแต่ในปัจจบุ ันสื่อสารในด้านตา่ ง ๆ เจริญมากขึ้นไม่จํากัดแต่เพียงแต่ฟังกับคนท่ีเราพูดด้วย แตเ่ รากฟ็ งั ทางส่ืออิเลคทรอนิคสต์ า่ ง ๆ เช่น วทิ ยุ โทรศพั ท์เทปเสยี ง เทปภาพวทิ ยโุ ทรทัศน์ ซ่งึ การฟังไมไ่ ดป้ ระจันหน้ากัน บางคร้ังเป็นการส่ือสารทางเดียวมีแต่รัฟังเท่าน้ัน ไม่สามารถท่ะซักถามได้อย่างละเอียดถ่ีถ้วน จึงทําให้ก่อเกิดความไม่ เขา้ ใจไม่ตรงกนั หรอื บางครง้ั การประกาศภยั พิบตั ติ ่าง ๆ ทเ่ี กิดขึน้ ตาธรรมชาติหรอื มนุษยเ์ ปน็ ผู้กระทาํ ขนึ้ การโฆษณาชวน เชื่อและข่าวลื่อเรื่องต่าง ๆ ในการฟังเร่ืองราวต่าง ๆดังกล่าวถ้าหากเกิดฟังแล้วเช่ือหรือไม่เชื่อแล้วนําไปปฏิบิหรืองดเว้น

22 การปฏิบัติ หากเกิดความพลาดพลั้ง อาจเกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงตามมาได้ ดังน้ันการฟังข่าวสารต่างๆ จะฟังอย่าง ธรรมดาไม่พินิจพิเคราะห์ข่าวสารที่ได้รับนั้นไม่ได้ การวินิจวิเคราะห์วิจารณ์ข่าวสารว่าเป็นจริงหรือเป็นเท็จควรเช่ือถือ มากน้อยเพียงใดจะต้องใช้ความคิดใคร่ควรด้วยเหตุผล ปัญญาและประสบการณ์ มาทําความเข้าใจ ในสถานภาพและดู เจตนาของผู้ส่งสาร ว่ามีข้อเท็จจริงหรือมีประโยชน์ มีคุณมีโทษเพียงใด ควรที่จะเชื่อแล้วปฏิบัติตามหรือไม่ การฟังสาร ตามลักษณะดังกล่าวเรียกวา่ การฟังอย่างวจิ ารณญาณ ดังนั้นการฟังอย่างมวี ิจารณญาณต้องประกอบไปดว้ ยการใชป้ ญั ญา ในการวเิ คราะห์พนิ จิ พจิ ารณาไตร่ตรอง เพื่อค้นหาขอ้ เท็จจริงสามารถวเิ คราะห์ตดั สนิ ใจ และประเมินคา่ ส่ิงที่ฟังได้ หลักการฟังอยา่ งวิจารณญาณ การฟงั อย่างวิจารณญาณมหี ลักปฏบิ ตั ดิ ังน้ี ๑.ผู้ฟังพิจารณาว่า ฟังเร่ืองอะไรเป็นการฟังประเภทบทความ บทสัมภาษณ์การเล่าเร่อื งสรุปเหตกุ ารณ์ ใครเป็นคนพูดคน สัมภาษณ์ ใครเป็นคนเขียนบทความ และหัวขอ้ น้ันมีคณุ ค่าการฟงั หรือไม่ 1. พจิ ารณาผ้สู ่งสารว่ามีจดุ มุง่ หมาย และมีความจรงิ ใจในการส่งสารน้นั เพียงใด 2. พิจารณาผสู้ ง่ สารวา่ มคี วามรู้ ประสบการณ์หรอื ความใกล้ชดิ กบั เรื่องราวในสารนนั้ เพยี งใด 3. พจิ ารณาผสู้ ่งสารว่าใชก้ ลวิธีในการสง่ สารน้ันอย่างไร คอื วิธกี ารธรรมดาหรือยอกย้อน ซ่อนปมอยา่ งไร 4. พิจารณาเนอ้ื หาของสารว่า ส่วนใดเปน็ ข้อเทจ็ จรงิ ส่วนใดเปน็ ข้อคิดเห็น 5. พจิ ารณาเนือ้ หาของสารวา่ เปน็ ไปได้ และควรเช่อื เพยี งใด 6. ผฟู้ งั ควรประเมินวา่ สิ่งท่ฟี ังมีประโยชน์และมคี ณุ ค่ามากนอ้ ยเพียงไร หลักการแยกขอ้ คิดเห็น และการรับฟังสาร นอกจากจะจับใจความสําคัญของเรื่องท่ีฟังแล้ว นักเรียนจะต้องแยกแบะได้ว่า ใจความตอนใดเป็น ข้อคิดเห็นส่วนตัวของผู้พูดซ่ึงจะมีลักษณะเมื่อพิจารณาความถูกต้องได้ยาก และตอนใดเป็นข้อเท็จจริง ซ่ึงเป็นเรื่องท่ี สามารถพสิ จู นค์ วามถกู ต้องได้ การแยกข้อเท็จจริงและขอ้ คดิ เหน็ มีดงั น้ี 1. การแยกขอ้ เทจ็ จริง เป็นขอ้ มูลทสี่ ามารถพสิ ูจนไ์ ด้ เห็นว่าเปน็ จรงิ หรือเปน็ เท็จ ไดจ้ าก ตัวเลขเชงิ ปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีมีอยู่ซงึ่ ทาํ การตรวจสอบได้ดังนี้ เช่น ประชา หนัก ๕๐ กิโลกรัม 2. ความคิดเห็นเปน็ เร่ืองของการคาดคะเนหรือการทาํ นายโดยอาศยั เหตผุ ลส่วนตัวซงึ่ ควรจะ เปิดโอกาสให้มกี ารโตแ้ ยง้ หรอื สนับสนนุ เชน่ ของเกา่ ดีกว่าของใหม่ มเี งินดีกว่ามเี กยี รติ การฟังเพื่อประเมินคา่ การฟังเพื่อประเมินค่าเป็นตรวจสอบว่าส่ิงท่ีฟัง ถูกต้องชัดเจนมีเหตุผล เช่ือถือได้หรือไม่การฟังเพ่ือ ประเมินค่าเป็นแสดงความคิดเห็นต่อข้อมูลที่ได้รับนั้นว่าเป็นความจริงหรือเป็นโฆษณาชวนเช่ือ ซ่ึงมีลักษณะเป็นการ เผยแพร่ความคิด ความเช่ือและความคิดเห็นด้วยกลอบุ ายต่าง ๆ เพ่ือโน้มน้าวจิตใจของผฟู้ ังใหค้ ล้อยตามท่ีต้องการ และ สิ่งที่ฟังน้ันมีคุณค่าหรือไม่ดังน้นั การฟังเพป่ื ระเมินค่าจึงเป็นการฟงั อยา่ งวเิ คราะห์วิจารณเ์ พอื่ ต้นหาขอ้ เท็จจริงและตัดสิน ส่งิ ที่ฟังว่า มคี ุณคา่ หรอื มปี ระโยชน์อย่างไร การฟงั เพ่อื ค้นหาข้อเท็จจรงิ การฟังเพอ่ื ค้นหาข้อเท็จจริงเป็นการฟังท่ีใช้ความคิดไตร่ตรองและการวเิ คราะห์อยา่ งมีเหตุผลจะช่วยให้ ไดข้ อ้ มลู ที่ถูกตอ้ งเชื่อถือได้ การค้นหาข้อเทจ็ จรงิ ต้องพจิ ารณาหลาย ๆ ด้านอยา่ งรอบคอบคือ 1. วิเคราะหเ์ จตนาของผู้พดู ว่าผพู้ ดู มีจดุ ม่งุ หมายหรอื เจตนาอยา่ งใดอย่างหนึ่ง 2. เจตนาผ้พู ดู เพือ่ ความบนั เทิง เชน่ การพดู ในงานพบปะสงั สรรคก์ ันเพื่อให้เกิดความสนุกสนานรืน่ เรงิ 3. เจตนาผู้พูดเป็นการบอกเล่า แถลงการณ์รายงานเรื่องราวต่าง ๆ เป็นการบอกเก่ียวกับ การปฏิบัติงาน บรรยายเกย่ี วกบั ทางวชิ าการ เลา่ เหตกุ ารณท์ ่ีได้พบเห็นประสบการณม์ าเพ่ือผู้อืน่ ได้ความรู้ ความเข้าใจ 4. ผพู้ ูดอาจมีเจตนาในการพูดเพอ่ื ชกั จงู ให้เห็นใหค้ ล้อยตาม

23 5. วิเคราะห์นัยของเรื่องที่ฟัง คือ การพิจารณาสาระสําคัญของเร่ืองท่ีฟว ว่าประเด็นหลักคืออะไร ผู้พูด อาจจะพูดออกมาตรง ๆ ก็ได้ หรืออาจมีจุดมุ่งหมายหมายแอบแฝง อยู่ผู้ฟังจะต้องวิเคราะห์นัยสําคัญและนัยแฝง โดย อาศัยความรู้ความสามารถของผู้ฟังในการพจิ ารณษดังน้ี ก. ข้อมลู และความคิดเหน็ ของผพู้ ดู จะต้องอาศยั เหตผุ ลในการพจิ ารณาดงั นี้ ก.ข้อมลู ทร่ี บั ฟังนัน้ มคี วามจริงมากนอ้ ยเพียงใดเป็นขอ้ มูลเกา่ หรือขอ้ มลู ใหม่ หรือวา่ เป็น ความจรงิ ตามหลกั ตรรกวทิ ยา ซง่ึ ผฟู้ ังจะต้องแยกแยะพจิ ารณาความเป็นไปได้ของขอ้ มูลและเจตคติของผพู้ ูด ในบางครง้ั ขอ้ เทจ็ จริงและข้อคิดเหน็ ของผู้พูด จะแยกกนั อยา่ ง ข.ความสําคญั และความเปน็ มาของเรอ่ื ง ว่าผู้พดู ได้แสดงความสําคญั ตลอดจนความเป็นมาของ เรือ่ งอยา่ งไรเป็นเรื่องทนี่ า่ สนใจท่ผี ฟู้ งั จะได้ประโยชน์หรอื ไม่ ๕.๒ เนื้อหาสาระผู้พดู ได้พดู ได้ชัดเจนและพดู ไปตามลาํ ดบั ความสําคัญ ความยากงา่ ยของเรื่อแง หรอื พดู ออกประเดน็ ยกตวั อยา่ งไดช้ ดั เจนเพยี งใด การฟงั เพ่อื ตัดสนิ ใจ การฟงั เพื่อตดั สนิ ใจ การฟังเพ่ือตัดสนิ ใจเป็นกระบวนการฟงั ข้ันสูง ผู้ฟังมีความสามารถจะตัดสินใจเลอื กสิ่งทีด่ ีท่ีสดุ ที่ ได้จากการฟังนําไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตน ผู้ฟังจะต้องรู้จักใช้กระบวนการคิดช่วยในการ ตัดสินใจแก้ปัญหา หรือ เลือกแนวทางในการนําส่ิงใดส่ิงหน่ึง กระบวนการคิดที่เป็นระบบน้ันต้องประกอบด้วยข้อมูล ๓ ด้าน คือ ๑.ขอ้ มูลเกี่ยวกับตนเอง ต้องรูจ้ กั ตนเองอย่างทอ่ งแท้ โดยพจิ ารณษข้อมูลทกุ ดา้ น เช่นดา้ น สขุ ภาพรา่ งกาย ความรู้ วัย สถานภาพทางสังคม เศรษฐกจิ เป็นตน้ ๒.ขอ้ มูลเกี่ยวกบั สงั คมและสงิ่ แวดลอ้ ม คือพิจารณาผอู้ ่ืน ส่ืงอื่นๆ เช่นสภาพแวดลอ้ มทางชุมชน ภมู ปิ ระเทศคุณธรรม ศีลธรรมคา่ นยิ ม สงั คมตลอด จนธรรมเนียมประเพณี เป็นตน้ ๓.นําข้อมูลเก่ยี วกบั ดา้ นวชิ าการมาพิจารณารว่ มดว้ ยเพือ่ ตดั สนิ เรอื่ งใดเร่อื งหนึง่ ได้ถกู ตอ้ ง ชือ่ สกลุ ……..…………………………..…………หัสประจาํ ตวั นกั ศกึ ษา……………………………………..……………...

24 ใบงานที่ ๑ เรื่อง การฟัง การดู ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย คาํ ชแ้ี จง ใหผ้ ู้เรียนตอบคาํ ถามตอ่ ไปน้ี ๑.ใหผ้ ู้เรียนอธบิ ายความหมายของการฟังและการดู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๒.ใหผ้ เู้ รียนบอกหลักการฟงั และหลักดูทดี่ ี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓.ให้ผ้เู รยี นอธบิ ายจุดม่งุ หมายฟงั และการดู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….…. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…. ชอ่ื สกลุ ………………………………………….………..รหัสประจาํ ตัวนกั ศกึ ษา………………………………………………...

25 ใบงานที่ ๑ เร่อื ง การพูด ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย คาํ ช้ีแจง ให้ผเู้ รียนตอบคาํ ถามตอ่ ไปนี้ ๑.ใหผ้ เู้ รยี นอธบิ ายลกั ษณะการพดู แนะนาํ ตวั ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒.ให้ผูเ้ รียนอธิบายความหมายของพดู แสดงความคดิ เหน็ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓.ให้ผเู้ รียนบอกหลักการปฏิเสธ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................................................................................ ช่ือสกลุ …………………………………………………………..รหสั ประจําตวั นกั ศกึ ษา………………………………………………...

26 ใบงานที่ ๑ เรื่อง การจดุ มุ่งหมายของการฟงั และดู ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย คาชแ้ี จง ๑.ให้ผู้เรียนบันทึกกิจกรรมในชีวิตประจําวันเกี่ยวกับส่ิงท่ีได้ฟังและดู ซ่ึงคิดว่าน่าสนใจ ๒ รายการ โดยแยกประเภทตาม จดุ มุ่งหมายของการฟังหรือดู พร้อมทัง้ สรปุ ประโยชนท์ ีไ่ ดอ้ ยา่ งสั้นๆ ลาํ ดบั ที่ วัน/เดือน/ปี ช่ือเร่อื งท่ีฟงั หรอื ดู ประเภทตามจดุ มุ่งหมายของ ประโยชนท์ ไ่ี ด้รับ ฟังหรอื ดู ๒.ให้นักศึกษาดูข่าวจากโทรทัศน์หรือฟังจากวิทยุ ๑ ข่าวแล้วใช้หลักการฟังและดูอย่างมีวิจารญาณพิจารณาว่าตาม ประเดน็ ดังน้ี หัวข้อข่าว……………………………………………………………………………… แหลง่ ทมี่ า ……………………………………..…………………….วนั ………………เดอื น…………………………ปี……………………. เนอ้ื หาข่าว ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… วิเคราะห์ (ใคร ทําอะไร ท่ไี หน อยา่ งไร) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

27 ข้อวนิ จิ ฉยั (ความนา่ เช่อื ถือของข่าวมมี ากนอ้ ยเพียงใด เพราะอะไร) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ประเมินค่า (ขา่ วมีประโยชน์ มขี อ้ ดี ข้อเสยี อยา่ งไร) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

28 แบบทดสอบย่อย เรอ่ื ง การฟัง การดู การพูด รายวิชา ภาษาไทย รหสั วิชา พท ๒๑๐๐๓ ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ****************************************** คาํ ชีแ้ จง จงเลอื กคาตอบทถี่ กู ต้องทส่ี ดุ เพียงข้อเดยี ว 1. ขอ้ ใดคอื ลกั ษณะของการฟังแล้วจับใจความได้ถูกตอ้ ง ก.คณุ ยวุ ดีดูรายการแมบ่ ้านรอบรู้ เสนอวธิ กี ารทําเค้กใหน้ า่ รบั ประทาน คณุ ยวุ ดีลองทําแจกเพื่อน เพื่อนชมวา่ อรอ่ ย เธอทําขายและสามารถขายไดด้ ี ข.นายสมหวงั ฟังตวั แทนกลุม่ ผ้ปู ระทว้ งอภปิ รายขบั ไลผ่ ้วู า่ ฯ นายสาธติ เกิดอารมณโ์ กรธแคน้ จึงกระโดดเข้ารว่ ม การประท้วงด้วย ค.นายศักรินทร์ฟังครสู อนหนงั สอื แต่พอครสู อนจบนายศกั รนิ ทร์ตอบคาํ ถามครไู มไ่ ด้ ง.มาลินีฟังเพลง “หน่งึ ในรอ้ ย” เพียง ๑ เทีย่ วก็สามารถรอ้ งตามได้ทันที 2. นายดาํ ฟังครสู นิ หนงั สืออยา่ งต้ังใจ เมอ่ื ครสู อนจบ ครถู ามนายดาํ นายดําสามารถตอบคําถามคําถามของครไู ด้” ลกั ษณะการฟงั ของนายดาํ ตรงกบั คาํ ตอบข้อใด ก.ฟังเปน็ ข.ตงั้ ใจฟัง ค.ฟงั แลว้ ติดตาม ง.ถกู ทกุ ขอ้ 3. ลักษณะของการฟงั ในข้อใดทนี่ า่ จะทาํ ให้ผฟู้ งั สามารถสรปุ ใจความจากเรือ่ งท่ฟี งั ได้มากท่ีสุด ก.โจฟังขา่ วจากรายการทวี ีในรา้ นอาหารทีม่ ีคนพลกุ พลา่ น ข.นายดาํ ฟังโฆษณาสรรพคุณยาจากรถขายยาเคลอ่ื นท่ี ค.ลูกน้อยฟังคุณแม่รอ้ งเพลงกลอ่ มจนเคลิ้ยมหลบั ไป ง.ขณะนีใ้ กลส้ อบแลว้ นักเรยี นทกุ คนต่างต้ังใจฟงั ครูสอน 4. บคุ คลในข้อใดขาดมารยาทในการฟังมากทส่ี ุด ก.คยุ กบั เพื่อนขณะทฟ่ี ังผอู้ ่นื พดู ข.ฟังไปทานอาหารไปขณะทผี่ พู้ ูด ค.จดบันทกึ ขณะทฟ่ี งั โดยไมม่ องผู้พูดเลย ง.ไปถงึ สถานทีฟ่ ังหลงั จากผู้พดู เร่มิ พดู แลว้ 5. ขอ้ ใดคอื ลักษณะของการฟังท่ีดี ก.แสดงสีหนา้ เมอื่ สงสยั และรอถามเมอ่ื ผพู้ ดู พดู จบ ข.ดวงตาจบั จอ้ งอย่ทู ผี่ ู้พดู แสดงความใสใ่ จในคําพูดอย่างจริงจัง ค.กวาดสายาไปมาพรอ้ มกบั จอ้ งหนา้ และทกั ทว้ งขึ้นเม่ือไมเ่ หน็ ดว้ ย ง.สบตากับผูพ้ ูดเปน็ ระยะ ๆ อยา่ งเหมาะสมและเสรมิ หรือโตแ้ ยง้ ตามความเหมาะสม 6. ความสามารถในการฟังขอ้ ใดสําคญั ท่สี ุดสาํ หรบั ผเู้ รียน ก.จดสง่ิ ทฟี่ ังไดค้ รบถว้ น ข.ประเมนิ คา่ เรอื่ งทฟ่ี งั ได้ ค.จบั สาระสาํ คญั ของเรอ่ื งได้ ง.จับความมงุ่ หมายของผู้พดู ได้ 7. ข้อใดเป็นประโยคเจตนาแจง้ ใหท้ ราบ ก. ไปเท่ียวไหนบอกดว้ ย ข. เธอจะไปเทย่ี วที่ไหน ค. ท่ีไหนทเ่ี ธอชอบทส่ี ดุ ง. ที่ไหนๆ เธอกช็ อบไป 8. การฟังบรรยายธรรมในหอ้ งประชมุ ควรปฏิบัตติ น อย่างไร ก. เมอื่ สงสยั ใหถ้ ามทันที ข. คุยโทรศพั ทเ์ บาๆ ค. ต้งั ใจดูและฟังสรุปสาระสําคญั ง. เลือกฟังเฉพาะประเด็นสําคัญ

29 9. “เม่ือมีการชุมนุมประทว้ งนโยบายของรฐั บาล เก่ียวกบั เร่ืองใดเรอ่ื งหน่งึ ก็มกั จะมีตัวแทน ฝา่ ยรฐั บาลมา เจรจา ทาํ ความเขา้ ใจแกก่ ลุ่มผู้ ประท้วงอยเู่ สมอ” จาก ข้อความนชี้ ้ีใหเ้ หน็ ว่าการพดู มคี วามสาํ คญั อย่างไร ก. การคลีค่ ลายเหตุการณ์ ข. การเมอื งภายในประเทศ ค. การปกครองและควบคมุ สังคม ง. มนษุ ยสัมพนั ธใ์ นชีวติ ประจาํ วนั 10. ข้อใดใช้ถ้อยคําเหมาะสมกับบุคคล กาลเทศะ และ โอกาส ก. ขอแสดงความยินดีกบั ตาํ แหน่งใหม่ คาดอยูแ่ ลว้ วา่ คุณจะตอ้ งไดฝ้ มี อื เหน็ ๆ กนั อยู่ ข. สงกรานต์นี้ ขออาํ นาจสง่ิ ศักด์สิ ิทธิ์คมุ้ ครองคุณ ลุง คณุ ปา้ ใหม้ ีสขุ ภาพแข็งแรง ค. ยนิ ดีดว้ ยนะ คนเก่งก็อย่างน้ีแหละ โชคดเี สมอ ง. ในทีส่ ดุ กเ็ ป็นไปตามทค่ี าดหมาย ยินดีดว้ ยนะ 11. เรอื่ งเลา่ สภุ าพเกนิ เหตุ คณุ ผูห้ ญงิ ชาวกรงุ ถามแม่ ค้าขายสับปะรด “แม่คา้ จะ๊ สับปะรดนข้ี ายศีรษะละ เท่าไรจ๊ะ” แมค่ า้ ไดย้ นิ เชน่ น้กี ร็ ะคายหู กอปรกับ อารมณ์ไม่ดีเปน็ ทนุ เดมิ แมค่ ้าก็ตอบว่า “สับปะรดน่นี ะ หรอื ขายกบาลละ 10 บาท คะ่ ” ขอ้ ความน้ีเป็น ตัวอยา่ งของการใช้ภาษาแบบใด ก. ตอ้ งการสื่อสารดว้ ยคํางา่ ยๆ และชดั เจน ข. เจตนายกระดับผพู้ ูดใหเ้ ห็นว่าเป็นผมู้ ฐี านะดี ค. เจตนาพดู สุภาพแต่ใชค้ ําไมถ่ กู ต้อง ง. ตอ้ งการส่อื สารดว้ ยคําไพเราะอยา่ งถกู ต้อง 12. ขณะพดู ควรใช้สายตามองทีใ่ ด ก. มองผ้ทู ีเ่ ป็นประธานอยตู่ ลอดเวลา ข. จ้องมองที่ตาคนนงั่ เฉพาะหนา้ ผพู้ ดู ค. พยายามกวาดสายตามองผ้ฟู งั ให้ทัว่ ถงึ ง. มองคนทตี่ นร้จู กั เพือ่ สรา้ งกาํ ลังใจในการพดู 13. คาํ พูดของพอ่ คา้ เรค่ นใด สามารถเรยี กรอ้ งให้คนซื้อ สนิ ค้าของเขาได้ ก. กบั ข้าวมาแลว้ ข. ไอตมิ ไอตมิ เยน็ ๆ มาแล้วจ้า ค. เร่เขา้ มาๆ ชกั ชา้ สินค้าหมดจะอดซอื้ ง. เสื้อผา้ เกา่ ๆ มาแลกไข่ แลกจานได้ยนิ เสยี งนอี้ ยา่ รอชา้ 14. เมือ่ คนไข้ประสบอบุ ัตเิ หตุ สูญเสยี ขาไปหน่งึ ข้าง คาํ พดู ของแพทย์ ข้อใดเหมาะสมทสี่ ดุ ก. คุณตอ้ งทาํ ใจแคเ่ ลยี ขาไปขา้ งเดยี วคนอนื่ ๆ ตาย กนั หมดนะครับ ข. คุณตอ้ งพยายามทําใจ แมข้ าของคณุ จะพกิ ารแต่ ชวี ติ ของคณุ ยงั มีค่า ค. อย่าวติ กไปเลย แม้คุณจะขาพกิ าร แต่คณุ ยัง ประกอบอาชีพคณุ ได้ ง. คณุ ต้องยอมรบั ความจรงิ เหตุท่ีเกิดขึน้ เพราะความ ประมาทของคณุ 15. การเปน็ นกั พดู ทีด่ แี ละประสบความสําเรจ็ ในการพดู ผพู้ ูดจะตอ้ งทาํ อยา่ งไร ก. ฟงั บอ่ ยๆ ดูบอ่ ยๆ ข. ฝึกหดั พูดอยเู่ สมอ ค. อ่านหนงั สอื บอ่ ยๆ ง. เขยี นบทกอ่ นพูดทุกคร้ัง 16. ข้อใดเป็นคาํ ราชาศัพทท์ ีร่ ับมาจากภาษาเขมร ก. พระโอรส ข. พระสณุ สิ า ค. พระทีน่ ง่ั ง. เสวย 17. ข้อใดทีเ่ มอ่ื นํามาเติมในชอ่ งวา่ งทเ่ี วน้ ไวแ้ ลว้ จะทําให้ ผดิ ฉันทลักษณ์ “ชีวติ มีผิดติดตนหนไหน ชีพน้มี กี รรมร่ํา ไป ใครใครตามผลาญนาน……” ก. วนั ข. ช้า ค. เน่นิ ง. แลว้ 18. “เธอควรจะรบั ฟังและกน็ ัง่ สงบคาํ ” ข้อความนถ้ี า้ แบ่ง วรรคตอนใหถ้ กู ต้องและอ่านอย่างรอ้ ยกรองจะเปน็ คํา ประพนั ธ์ชนดิ ใด ก. รา่ ยยาว ข. กลอนสุภาพ ค. โคลงสส่ี ภุ าพ ง. อนิ ทรวเิ ชียรฉันท์ 19. คําประพันธต์ อ่ ไปน้ใี ห้ความรูส้ ึกอย่างไร “นางตกใจรอ้ งหวดี กรดี ผวา หมายวา่ ชวี ามว้ ยอาสญั ล้มลงยงั พน้ื แผ่นดนิ พลัน ไม้ไผ่ผันผินรอ้ งกอ้ ไพร” ก. ความกลวั ข. ความตกใจ ค. ความส้ินหวัง ง. ความหวาดหว่ัน

30 20. ข้อใดเป็นการอา้ งทส่ี มเหตุสมผล ข. ตดั ไฟก่อนนอนตัดทอนรายจ่าย ก. ดบั ไฟกอ่ นนอน ทกุ ขร์ ้อนไม่มี ง. ดบั ไฟกอ่ นนอนกอ่ นจะไม่มไี ฟให้ดบั ค. ดับไฟก่อนนอนแลว้ จะไมร่ ้อนใจ

31 แผนการจดั การเรียนรู้ รายสัปดาห์ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายครง้ั ท่ี 3 รายวิชาภาษาไทย รหัสวชิ า พท31001 เวลาเรียน 40 ชวั่ โมง (พบกลุ่ม 6 ชัว่ โมง /การเรยี นรู้ด้วยตนเอง34ช่ัวโมง) วนั ท…่ี …………เดือน...................................พ.ศ. 2564 *********************************************************************** มาตรฐานที่ 2.1 ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพน้ื ฐานเกย่ี วกับภาษาและการส่ือสาร มาตรฐานท่ีการเรยี นรู้ระดบั การอ่าน 1. สามารถอ่านอย่าง มวี ิจารณญาณ จัดลําดับความคดิ จากเรื่องท่อี ่าน 2. สามารถศึกษาภาษาถน่ิ สาํ นวน สภุ าษิตทมี่ ีอยู่ในวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบัน และวรรณกรรมท้องถ่ิน 3. สามารถวเิ คราะห์ วิจารณ์ ประเมนิ ค่าองค์ประกอบของวรรณคดี วรรณกรรม ปัจจบุ ัน วรรณกรรมท้องถิ่น ตวั ชว้ี ดั 4. สามารถค้นคว้าหาความรู้ จากสือ่ สง่ิ พิมพ์ และสอ่ื สารสนเทศ 5. ปฏิบัตติ นเป็นผู้มมี ารยาทในการอ่าน และนสิ ัยรักการอ่าน 1. ตีความ แปลความ และขยายความเรอ่ื งทีอ่ ่าน 2. วเิ คราะห์ วิจารณ์ความสมเหตสุ มผล การลําดบั ความคดิ และความเป็นไปได้ของเรื่องทอ่ี ่าน 3. อธบิ ายความหมายของภาษาถ่ิน สาํ นวน สุภาษติ ท่ปี รากฏในวรรณคดี วรรณกรรมปัจจบุ นั วรรณกรรมท้องถนิ่ 4. วิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินค่าวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั วรรณกรรมท้องถิน่ ในทเ่ี ป็นฐานะ มรดกทางวฒั นธรรม ของชาติ แล้วนาํ ไปประยกุ ต์ ใช้ในการดาํ เนนิ ชวี ิต 5. เลอื กใช้สอื่ ในการค้นคว้าหาความร้ทู หี่ ลากหลาย เนอ้ื หา 1. หลกั การตคี วาม แปลความและขยายความ 2. การอา่ นบทประพันธท์ ีไ่ พเราะท้ังรอ้ ยแก้ว ร้อยกรอง 3. การอ่านวรรคตอนในวรรณดคีจากเรอื่ ง ขนุ ช้างขนุ แผน พระอภัยมณี อเิ หนา นิทานเวตาล นิราศ พระบาท นริ าศภูเขาทอง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก มทั นพาธา พระมหาชนก (ทศชาติชาดก) 4. หลักการวเิ ตราะห์ วิจารณแ์ ละประเมนิ คา่ วรรณดคี วรรณกรรมปัจจบุ นั และวรรณกรรมทอ้ งถนิ่ เชน่ วรรณกรรมปจั จุบัน ไดแ้ ก่ บทละครโทรทัศน์ นวนิยาย เรื่องสั้น บทเพลงตา่ ง ๆ วรรณกรรม ท้องถ่นิ ไดแ้ ก่ ไกรทอง นางสิบสอง ปลาบทู่ อง ผาแดงนางไอค่ ํา ละครจกั ร ๆ วงศ์ ๆ ฯลฯ 5. การมมี ารยาทในการอา่ น – พูดโนม้ น้าวใจ / ปฏเิ สธ – พดู สนุ ทรพจน์ / โต้วาที

32 วธิ ีการเรยี น : แบบพบกลุ่ม ( ON-Site ) กระบวนการจดั การเรียนรู้ การกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องในการเรยี นรู้ ( O : Orientation ) 1. ขัน้ นําเข้าส่บู ทเรยี น (30นาท)ี 1.1 ครูทักทายนักศึกษา และนําเข้าสู่บทเรียนโดยแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ให้นักศึกษาทราบ พร้อมทัง้ แลกเปลยี่ นเรียนรู้ ข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน ร่วมกันวเิ คราะห์ และแสดงความคิดเหน็ ร่วมกนั ในช้ันเรยี น 1.2 ครูชี้แจง สาระสําคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ เน้ือหา กระบวนการจัดการเรียนรู้ สื่อและแหล่งการ เรียนรู การวดั และประเมินผล และการติดตามรายวชิ าภาษาไทย 1.3 ครูและนักศึกษาร่วมกนั วิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั ปัญหา ความต้องการ รูปแบบ ในการเรยี น และการแสวงหาความรู้ จากสอื่ ต่าง ๆ ในการเรียนวิชาภาษาไทย การแสวงหาข้อมลู และการจดั การเรยี นรู้ (N : New ways of learning) 2. ข้นั จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน(4ชั่วโมง ) 2.1 ครูร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้ เกี่ยวกับการอ่านในใจ การอ่านออกเสียง การอ่านจับใจความสําคัญ มารยาทในการอ่าน แล้วให้นกั ศกึ ษาเขยี นออกมาในรูปแบบแผนผังความคดิ ลงในสมดุ บนั ทกึ กศน. 2.2 ค รู อ ธิ บ า ย เ น้ื อ ห า ต า ม ห นั ง สื อ เ รี ย น วิ ช า ภ า ษ า ไ ท ย เ กี่ ย ว กั บ ห ลั ก ก า ร อ ่า น แ ล ะ ใ ห ้ นักศึกษาสรปุ ลงในแบบบนั ทึกการเรียนรู กศน. 2.3 ครูแบ่งกลุ่มผ้เู รยี น ออกเป็น 3 กลุ่มๆ ละ 7คน 2.3.1 ให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม แตง่ นทิ านคนละ 1 ประโยค เขยี นลงในกระดาษบร๊ฟู จนครบ ทุกคน 2.3.2 ให้ตวั แทนกลุ่มออกมาอ่านนําเสนอนทิ านทไ่ี ด้จากการแต่งของกล่มุ ของตน 2.3.3 ให้สมาชกิ ทกุ คนในกลุ่มจดบนั ทกึ นทิ านทไ่ี ด้จากการแต่งของกล่มุ ตนเองและวิเคราะหส์ ่งิ ทไ่ี ด้ จากกจิ กรรมในครัง้ นี้ลงในสมดุ บันทกึ กศน. 2.4 ครูสอนและสอดแทรกคณุ ธรรม 11 ประการ ในเรอ่ื งความสะอาด ความสภุ าพ ความขยนั ความ ประหยัด ความซอื่ สัตย์สุจริต ความสามัคคี ความมีนาํ้ ใจ ความมวี ินยั ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย และยดึ ม่นั ในวถิ ี ชวี ิตและการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ทรงเปน็ ประมขุ การปฏบิ ตั แิ ละนาไปประยุกต์ (I : Implementation) 3. ข้ันการปฏิบัตแิ ละนาไปประยกุ ตใ์ ช้ ( 30 นาที ) 3.1 ครูสุ่มตวั แทนกลุม่ นาํ เสนอ เพอื่ แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ซึ่งกนั และกัน สรปุ สง่ิ ทไี่ ดเ้ รยี นรู้รว่ มกันและให้นักศึกษา บนั ทึกความรทู้ ่ไี ด้ ลงในแบบบันทึกการเรยี นรู้ กศน. 3.2 นกั ศกึ ษานาความรทู้ ี่ไดจ้ ากการเรยี นรู้มาเปน็ แนวทางในการแกป้ ัญหาและการดาเนนิ ชวี ติ ในประจาวนั ตอ่ ไป ขั้นประเมนิ ผล (E : Evaluation) 4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล (1 ช่ัวโมง) 4.1 ครูและนกั ศกึ ษาสรุปส่งิ ที่ได้เรียนรูร้ ่วมกัน พร้อมเพ่มิ เตมิ ความรู้ และให้ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ ให้ นกั ศกึ ษาบันทกึ ลงในแบบบันทกึ การเรยี นรู้ กศน. 4.2 ครูให้นกั ศึกษาทําแบบทดสอบย่อย เรอ่ื งการอ่าน พร้อมเฉลยและประเมินผล ให้ นักศึกษาบนั ทกึ คะแนนลงในแบบบันทกึ การเรียนรู้ กศน. 4.3 ครูให้นักศึกษาสรปุ การทาํ ความดแี ละคุณธรรมที่ได้ปฏิบตั ิ พร้อมบนั ทกึ ลงในสมดุ บันทึกความดี เพอ่ื การประเมนิ คณุ ธรรม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook