Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์-ป.4

แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์-ป.4

Published by 01dada, 2022-02-18 13:28:47

Description: แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์-ป.4

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 วิทยศาสตร์นา่ รู้

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 1 เรื่อง เรียนรกู้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 วิทยาศาสตร์นา่ รู้ ระยะเวลา 3 ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 4 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชีว้ ดั _ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายและใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการแสวงหาความรูไ้ ด้ (K) 2) ใชท้ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ (P) 3) มีจิตวิทยาศาสตร์ (A) 3. สาระการเรยี นรู้ วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละจิตวทิ ยาศาสตร์ 4. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด วิธีการทางวิทยาศาสตร์ คือ การแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างมีกระบวนการที่เป็นแบบแผนมี ข้ันตอนท่ีสามารถปฏิบัติตามได้ โดยข้ันตอนวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เป็นเครื่องมือสาคัญของนักวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 5 ข้ันตอน ดงั นี้ ระบปุ ญั หา ตงั้ สมมตฐิ าน รวบรวมขอ้ มูล วเิ คราะห์ข้อมลู และสรุปผล ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์คือ วิธีการสาคัญในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เพราะช่วยให้สามารถหา คาตอบในเรื่องท่ีสน ใจได้อย่างถูกต้องซึ่งทักษะกระ บวน การทางวิทยาศาสตร์ ท่ีเรียน ใน ช้ัน เรียน น้ีเป็น ทั กษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วย ทักษะการวดั ทักษะการใชจ้ านวน ทักษะการต้ังสมติฐาน ทักษะการ กาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ ทักษะการกาหนดและควบคมุ ตัวแปร ทกั ษะการทดลอง และทกั ษะการตีความหมาย ข้อมลู และลงขอ้ สรุป จิตวิทยาศาสตร์ คือ ลักษณะนิสัยของบุคคลท่ีเกิดข้ึนจากการศึกษาหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียนทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ความสามารถในการส่อื สาร 1) การสังเกต 1) มวี นิ ยั 2)ความสามารถในการคิด 2) การวัด 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3)ความสามารถในการ 3) การใช้ตวั เลข 3) มงุ่ มน่ั ในการทางาน 4) การตัง้ สมมติฐาน แกป้ ัญหา 5) การทดลอง 6) การกาหนดและควบคุมตวั แปร 7) การกาหนดนยิ ามเชงิ ปฏบิ ัติการ 8) การตีความหมายข้อมูลและการลง ขอ้ สรุป 6.กิจกรรมการเรยี นรู้  แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน/เทคนคิ : การสอนแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) ชัว่ โมงที่ 1 กิจกรรมการเรยี นรู้ ทักษะที่ใช้ สือ่ ท่ใี ช้/อปุ กรณ์ ประเมินผล 1. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง - ทกั ษะการ - แบบทดสอบกอ่ น - ตรวจแบบทดสอบ วิทยาศาสตรน์ ่ารู้ เพื่อเข้าใจระดับความรเู้ ดิมของนักเรียนก่อน วิเคราะห์ เรยี น กอ่ นเรยี น เขา้ สู่กจิ กรรม ข้นั นา ทกั ษะท่ีใช้ สอ่ื ทีใ่ ช้/อุปกรณ์ ประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นดูภาพต้นไม้ 2 ต้นในบัตรภาพ จากนั้นตอบคาถามว่า - ทกั ษะการคดิ - บัตรภาพ - สังเกต ทาไมต้นพืช 2 ต้นนจี้ ึงเจริญเตบิ โตไมเ่ ท่ากัน วิเคราะห์ ต้นไม้ 2 ตน้ พฤตกิ รรม การทางาน (แนวคาตอบ ตอบตามความคดิ ของนกั เรียน เช่น ตน้ ไมท้ ้ังสองต้น - ทักษะการ ได้รับปริมาณน้าแตกต่างกัน ต้นท่ีได้รับน้าจะเจริญเติบโตกว่า รายบคุ คล อีกต้นท่ไี ดร้ บั น้านอ้ ย) สงั เกต

กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทกั ษะท่ีใช้ สอ่ื ทีใ่ ช/้ อปุ กรณ์ ประเมินผล 2. ตัง้ คาถามเพอื่ กระตนุ้ ความสนใจนักเรียนว่า - ทกั ษะการคดิ - สงั เกต วิเคราะห์ พฤติกรรม  นักเรียนคิดวา่ ปัจจัยใดบา้ งท่ีผลต่อการเจริญเติบโตของ การทางาน พืช รายบคุ คล (แนวคาตอบ นา้ แสงแดด อุณหภูมิ แรธ่ าตุต่างๆ)  นักเรียนจะทราบได้อย่างไรว่าปัจจัยต่างๆ เหล่านี้มีผล ต่อการเจริญเติบโตของพชื (แนวคาตอบ ทดลอง หรือค้นคว้าห าข้อมูลท่ีมี นกั วทิ ยาศาสตร์ศกึ ษา/ทดลองมาแล้ว) 3. ครูอธิบายเพ่ิมเติมว่า วิทยาศาสตร์เป็นการศึกษาหาคาตอบ ของส่ิงที่สงสัย ซ่ึงในการแสวงหาความรู้และการแก้ปัญหาทาง วิทยาศาสตร์จะต้องอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขัน้ สอน กิจกรรมการเรียนรู้ ทกั ษะทใี่ ช้ สือ่ ท่ีใช/้ อปุ กรณ์ ประเมินผล ขน้ั กาหนดขอบเขตของปญั หา - ทกั ษะการ - ตน้ กลา้ เมล็ดถั่ว สงั เกต เขยี ว 1. ครเู ลา่ ปญั หาให้นกั เรยี นฟังวา่ เด็กชายธาดาต้องการปลูกต้นถั่ว เขียวแต่ทบ่ี ้านเด็กชายธาดาไม่มีท่ีแสงแดดส่องถึงเลย เดก็ ชาย - ทกั ษะการ - ใบงานที่ 1.1 - ตรวจใบงานท่ี ธาดาจึงเกิดข้อสงสัยว่า แสงแดดมีผลต่อการเจริญเติบโตของ ตคี วามหมาย การ 1.1 การ ต้นถั่วเขยี วหรือไม่จากเรื่องของเด็กชายธาดา ครูจึงใหน้ ักเรียน ข้อมลู และ เจริญเติบโต เจริญเติบโตของ ร่วมแสดงความคดิ เหน็ ว่า ปัญหาของเรือ่ งน้ีคอื อะไร การลงข้อสรปุ ของต้นถั่วเขียว ต้นถั่วเขียว 2. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 4-5 คน แล้วร่วมกันสรุป - หนงั สอื เรยี นชดุ ประเดน็ ปัญหาว่า แสงแดดมีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นพืช แม่บทมาตรฐาน หรือไม่ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มบันทึกประเดน็ ปัญหาลงในใบงาน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 ที่ 1.1การเจรญิ เตบิ โตของต้นถ่วั เขียว 3. นักเรียนศึกษาเก่ยี วกับวธิ ีการทางวิทยาศาสตรใ์ นหนังสอื เรียน ชุดแม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า 5 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า ประเด็นปัญหาข้อสงสัยท่ีต้องการหา คาตอบ นกั เรียนสามารถใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ วธิ ีการทาง วิทยาศาสตร์ในการหาคาตอบได้ ข้ันตอนแรกของวิธีการทาง

กิจกรรมการเรียนรู้ ทกั ษะที่ใช้ สื่อท่ีใช้/อุปกรณ์ ประเมินผล วิทยาศาสตร์คือ ระบุปัญหา เป็นการต้ังปัญหาหรือข้อสงสัยท่ี เกิดจากการสงั เกตส่ิงต่างๆ รอบตวั การสังเกตควรทาอย่างระ - ทักษะการ - หนงั สือเรยี นชุด - สงั เกต เอียดรอบคอบ โดยใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ เข้ามาชว่ ยในการ ตคี วามหมาย แมบ่ ทมาตรฐาน พฤตกิ รรมการ สงั เกต ข้อมูลและการลง วทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ทางานกล่มุ ข้อสรุป หนา้ 5 ขนั้ ตงั้ สมมตฐิ าน - ตรวจการต้ังสม - ทักษะการ - ใบงานท่ี 1.1การ ติฐาน ในใบงานท่ี 1. นักเรียนตง้ั สมมติฐาน เร่ือง แสงแดดท่ีมีผลตอ่ การเจริญเติบโต สมมติฐาน เจรญิ เติบโตของ 1.1 การ ของต้นถั่วเขียว จากนั้นศึกษาการต้ังสมมติฐานจากหนังสือ ต้นถั่วเขียว เจริญเตบิ โตของ แม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า 5ร่วมกันอภิปราย ตน้ ถ่ัวเขียว ตรวจสอบการตั้งสมมติฐาน และปรับปรุงการตั้งสมติฐานใน ตอนแรก แล้วบันทึกสมมติฐานของกลุ่มลงในใบงานที่ 1.1 - หนงั สอื เรยี นชุด การเจรญิ เตบิ โตของต้นถ่วั เขียว แมบ่ ทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 4 ขน้ั รวบรวมข้อมลู และขั้นทดลอง หน้า 13 1. นักเรียนศึกษาการกาหนดและควบคมุ ตัวแปรและการกาหนด นิ ย า ม เชิ ง ป ฏิ บั ติ ก าร ใ น ห นั ง สื อ เรี ย น ชุ ด แ ม่ บ ท ม า ต ร ฐ า น วิทยาศาสตร์ ป. 4 หนา้ 13 2.นักเรียนตอบคาถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับการ - ทกั ษะการระบุ - สังเกต กาหนดและควบคุมตวั แปรวา่ พฤตกิ รรมการ - ทกั ษะการ - ใบงานที่ 1.1 ทางานรายบคุ คล  ตัวแปรตน้ คืออะไร (แนวคาตอบ ตัวแปรต้นคอื สง่ิ ท่เี ปน็ สาเหตุและมีผลต่อ กาหนดนิยามเชงิ การ - ตรวจใบงานท่ี ตวั แปรตามสิ่งทีเ่ ราตอ้ งศกึ ษา) 1.1การ ปฏบิ ตั กิ าร เจรญิ เตบิ โต เจรญิ เติบโต  ตัวแปรตาม คอื อะไร (แน วค าตอบ ตัวแป รต าม คือ สิ่งท่ี เป็ น ผ ล ต่ อ เน่ืองมาจากตัวแปรต้นหรือส่ิงท่ีเป็นสาเหตุนั้นมีการ เปล่ียนแปลงไป)  ตวั แปรควบคุม คืออะไร (แนวคาตอบ ตวั แปรควบคุมคือ ส่งิ อ่ืนๆ ที่ตอ้ งควบคุม ให้คงท่ีตลอดระยะเวลาการทดลอง เพ่ือให้แน่ใจว่าผล การทดลองเกิดจากตวั แปรต้นเท่าน้ัน) 3. นักเรียนกาหนดและควบคมุ ตัวแปรและและกาหนดนิยามเชิง ปฏิบัติการของกิจกรรมการทดลอง เร่อื ง แสงแดดมีผลต่อการ เจริญเติบโตของต้นถั่วเขียวหรือไม่ บันทึกลงในใบงานที่ 1.1

กิจกรรมการเรยี นรู้ ทกั ษะทใี่ ช้ สือ่ ท่ใี ช้/อปุ กรณ์ ประเมินผล การเจริญเตบิ โตของตน้ ถ่ัวเขยี ว ของต้น ของตน้ - ทกั ษะการ 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาวิธีทาการทดลองและอุปกรณ์ในใบ กาหนดและ - ใบงานท่ี 1.1 - สงั เกต งานท่ี 1.1การเจริญเติบโตของต้นถ่ัวเขียว จากน้ันนักเรียน ควบคมุ ตวั แปร การ พฤตกิ รรมการ ปฏิบตั ดิ งั นี้ เจริญเติบโต ทางานกลุม่ - ทกั ษะการ ของต้นถั่วเขียว 1) ปลูกต้นกล้าถ่ัวเขียว (เลือกต้นท่ีมีขนาดใกล้เคียงกัน) ทดลอง ลงกระถาง (ขวดนา้ ที่ตัดครง่ึ ) กลมุ่ ละ 6 กระถางเล็กๆ - ตน้ กลา้ - ทักษะการวัด 2) เขียนหมายเลขกากับ 1-6 ให้นักเรียนใช้ไม้บรรทัดวัด - กระถาง ความยาวต้นบันทกึ ลงช่องที่ 1 ของบนั ทึกผล - ทกั ษะการ ทดลอง - ไม้บรรทัด 3) นักเรียนนาต้นถั่วเขียวกระถางท่ี1-3 ไปวางในท่ี แสงแดดสอ่ งถึงและกระถางที่ 4-6 ไปวางในที่แสงแดด ส่องไมถ่ ึง 4) นักเรียนรดน้าต้นไม้ในปริมาณที่เท่ากันและวัดความ ยาวของต้นถ่ัวเขียวบันทึกลงช่องที่ 2-4 ของตาราง บันทึก และนาข้อมูลมาวิเคราะห์กระถางที่ 1 - 3 กับ ต้นถั่วเขียวท่ีไม่โดนแดด (ค่าเฉลี่ยของต้นถ่ัวเขียว กระถางที่ 4-6)ในช่ัวโมงหน้า หมายเหตุ :หากเวลาไม่พอ หรือไมเ่ ห็นผลการทดลองชัดเจน ครู อาจทาการทดลองปลูกต้นถ่ัวเขียวไว้ล่วงหน้า แล้วใหน้ ักเรียนวัด ขนาดต้นถวั่ เขียว ชว่ั โมงท่ี 2 ทกั ษะทใ่ี ช้ สอ่ื ทใ่ี ช/้ อุปกรณ์ ประเมนิ ผล ขน้ั สอน [ต่อ] - ทักษะการใช้ - สังเกต กจิ กรรมการเรยี นรู้ ตัวเลข พฤตกิ รรม การทางาน ข้นั วเิ คราะหข์ ้อมลู - ทักษะการ กลุ่ม ตีความหมาย 1.นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ นาขอ้ มูลการทดลองทีบ่ ันทึกไว้ มาปฏบิ ัติ 1) คานวณหาหาค่าเฉล่ียความสูงของต้นถั่วเขียวที่ได้รับ แสงแดด 2) วิเคราะห์ผลการทดลองว่า ผลการเจริญเติบเติบโตของ ต้นถั่วเขียวที่ได้รับแสงแดดและไม่ได้รับแสงแดดเป็น อยา่ งไร

กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทกั ษะทใี่ ช้ สื่อทใ่ี ช/้ อปุ กรณ์ ประเมินผล ข้นั สรุป - ทักษะการ - ใบงานท่ี 1.1 - ตรวจใบงาน สื่อสาร การเจริญเติบโต 1. นักเรียนนาข้อมูลท่ีได้จากการวิเคราะห์มาสรปุ ผลการทดลอง ของต้นถั่วเขียว บันทกึ ลงในใบงานท่ี 1.1การเจรญิ เตบิ โตของต้นถ่วั เขียว - ทักษะการ ระบุ - สังเกต 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนาเสนอ โดยให้นาเสนอใน พฤติกรรม ประเดน็ ดังนี้ - ทกั ษะการ การทางาน ระบุ รายบคุ คล 1) บอกชื่อกิจกรรมทดลองที่ทาและขอ้ ปัญหาที่ตั้งไว้ - สงั เกต 2) บอกสมมตฐิ านของกล่มุ ตนเอง พฤติกรรมการ ทางานรายบุคคล 3) อธบิ ายผลทไี่ ด้จากการทดลอง 4) สรุปผลการทดลอง 4. นักเรียนตอบคาถามว่า จากกิจกรรมทดลองหาคาตอบว่า แสงแดดมีผลต่อการเจริญเติบตัวของต้นถั่วหรือไม่ นักเรียน คดิ วา่ วิธีการทางวทิ ยาศาสตรม์ ีขั้นตอนอะไรบ้าง (แนวคาตอบ แสงแดดมีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นถั่วเขียว วิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้แก่ ระบุปัญหา ตั้งสมมติฐาน รวบรวมข้อมลู วิเคราะห์ สรปุ ผล) 5. ใหก้ ารบ้านนักเรยี นไปสืบค้นข้อมูลวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์จาก แหลง่ เรยี นรู้ต่าง ๆ เพื่อมาทากจิ กรรมในช่วั โมงหน้า ชวั่ โมงที่ 3 ข้นั สอน [ต่อ] กิจกรรมการเรยี นรู้ ทกั ษะทใี่ ช้ สื่อทีใ่ ช/้ อปุ กรณ์ ประเมินผล - ทกั ษะการ 1. นักเรียนตอบคาถามเพื่อทบทวนกิจกรรมช่ัวโมงท่ีแล้วว่า - สงั เกต วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์มีกี่ขัน้ ตอนอะไรบ้าง ระบุ พฤติกรรม การทางาน (แนวคาตอบ มี 5 ขนั้ ตอนดงั นี้ - ทกั ษะการ รายบคุ คล 1) ระบปุ ัญหา ฟงั 2) ต้ังสมมตฐิ าน 3) รวบรวมขอ้ มลู 4) วเิ คราะห์ขอ้ มูล 5) สรปุ ผล) 2. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 4-5 คน (ใช้กลุ่มเดิม) ทา - สลาก - สงั เกต กิจกรรม “หนรู ู้ หนูตอบได้” โดยปฏบิ ัตกิ จิ กรรมดังน้ี สถานการณ์ พฤติกรรม

กิจกรรมการเรยี นรู้ ทักษะท่ใี ช้ สื่อทีใ่ ช/้ อุปกรณ์ ประเมินผล - ทกั ษะการ การทางาน 1) สุ่มเลือกฉลากโจทย์สถานการณ์หมวดวิธีการทาง หมวดวิธกี าร กลมุ่ วิทยาศาสตร์มาทีละ 1ใบ แล้วให้นักเรียนอ่านให้เพื่อน ระบุ ทาง ฟัง วิทยาศาสตร์ - ตรวจ - ทักษะการ คาตอบของ 2) นักเรยี นแต่ละกล่มุ ทายว่าประโยคนน้ั เป็นขนั้ ทเี่ ท่าไร ระบุ นักเรียน และเปน็ ขนั้ ไหนของวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ โดยใหย้ ก มอื ขนึ้ กลุ่มใดยกมือก่อนครใู หส้ ิทธิ์กลมุ่ นั้นตอบก่อน - ทักษะการ - สังเกต และถา้ กลุ่มแรกตอบผดิ กลุ่มตอ่ ไปมสี ิทธ์ิตอบคาถาม ฟัง พฤตกิ รรม การทางาน 3) ถ้าตอบถกู ได้ 1 คะแนน ถา้ ผดิ ลบ 2 คะแนน รายบุคคล 4) คะแนนที่ได้จะเป็นคะแนนสะสม เพื่อนาไปรวมกับ - สลาก - สังเกต กจิ กรรมตอ่ ไป สถานการณ์ พฤตกิ รรม หมวด ทกั ษะ การทางาน 3. นกั เรียนตอบคาถามท้ายกิจกรรม ดังนี้ กระบวนการ กลุม่  นอกจากอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์การท่ีจะได้ ทาง - ตรวจ คาตอบของข้อส งสัยน้ั นนัก เรียนคิดว่ายังมีส่ิงใดอีก ที่ วิทยาศาสตร์ คาตอบของ สามารถทาให้หาคาตอบได้ นกั เรยี น (แนวคาตอบ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์)  ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่นักเรียนรู้จักมี อะไรบา้ ง (แนวคาตอบ ตอบตามความคิดเห็นของนักเรียน เช่น ทกั ษะการสังเกต ทักษะการจาแนกประเภททักษะการ วัด ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล ทักษะการใช้ ตัวเลข ทกั ษะการพยากรณห์ รือคาดคะเน เป็นต้น)  จากกิจกรรมทดลองเร่ือง แสงแดดมีผลต่อการ เจริญเติบโตของต้นถั่วเขียวหรือไม่ นักเรียนคิดว่า นกั เรียนใชท้ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ใดบา้ ง (แนวคาตอบ ตอบตามความคิดเห็นของนักเรียน เช่น ทกั ษะการสังเกต ทักษะการวดั เป็นตน้ ) 4. นักเรยี นทากจิ กรรม “หนูรู้ หนตู อบได้” รอบท่ี 2 สลากจะเป็น สถานการณ์ในกิจกรรมการทดลองเร่ือง แสงแดดมีผลต่อการ เจรญิ เติบโตของต้นถัว่ เขยี วหรือไม่โดยปฏบิ ัติ ดังนี้ 1) อ่านสถานการณใ์ นกิจกรรมการทดลองเรอ่ื ง แสงแดดมี ผลต่อการเจริญเตบิ โตของตน้ ถั่วเขียวหรือไม่ ทีละข้อ 2) นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มทายว่าสถานการณน์ ้นั ใชท้ กั ษะใด โดยให้ยกมอื ข้ึน กลุ่มใดยกมือก่อนครูให้สทิ ธิก์ ลุ่มนั้น ตอบกอ่ น และถา้ กลมุ่ แรกตอบผดิ กลมุ่ ต่อไปมีสทิ ธ์ิ

กิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะท่ีใช้ สื่อที่ใช/้ อปุ กรณ์ ประเมนิ ผล ตอบคาถาม - ทกั ษะการ - สังเกต 3) ถ้าตอบถกู ได้ 1 คะแนน ถ้าผดิ ลบ 2 คะแนน ระบุ พฤตกิ รรม การทางาน 4) คะแนนท่ีได้จะเป็นคะแนนสะสม เพ่ือนาไปรวมกับ - ทักษะการ รายบคุ คล กิจกรรมต่อไป ฟัง 5. ครสู รุปคะแนนกิจกรรม “หนูรู้ หนตู อบได้” ทั้งสองรอบ กลุ่ม ที่ได้คะแนนมากสุดถือว่าเป็นกลุ่มท่ีชนะ สมาชิกในกลุ่มได้ คะแนนไป 5 คะแนน 6.นักเรียนตอบคาถามเร่อื ง สารวจตวั เอง จากการทากิจกรรมการ ทดลองเรื่อง โดยมีกติกาว่า ครูอ่านคาถาม ถ้านักเรียนปฏิบัติ ใหต้ อบใช่ ไมป่ ฏิบัติให้ตอบไม่ใช่ เมอ่ื นกั เรียนตอบใช่ให้เดนิ มา ข้างหน้า 1 ก้าว แต่ถ้าตอบไม่ใช่ให้ถอยหลัง 1 ก้าว จากนั้น นกั เรียนยืนขึ้นเรียงแถวหน้ากระดานกลางห้อง อาจทาเป็น 2- 3 แถวตามจานวนนักเรยี นแล้วปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ครถู ามคาถามตอ่ ไปน้ี  นักเรียนช่วยเพื่อทางานกลุ่มตามหน้าท่ีที่ได้รับผิดชอบ ใชห่ รือไม่  กอ่ นทางานกลมุ่ ทกุ ครั้ง นักเรียนจะมีการวางแผนและ แบ่งหนา้ ทีก่ ันเสมอใชห่ รือไม่  นักเรียนตงั้ ใจเรียน สนใจเรียนรูช้ อบหาขอ้ มูลเพิ่มเตมิ จากแหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ ใชห่ รือไม่  นักเรียนสังเกตเห็นการเจริญเติบโตของต้นถั่วเขียวใช่ หรือไม่  นักเรียนวัดและบันทึกข้อมูลความสูงของต้นถ่ัวเขียว และบันทึกผลตรวจสอบผลทกุ ครง้ั สง่ ครใู ชห่ รือไม่  นักเรียนชา่ งสงสยั อยากร้อู ยากเหน็ ใชห่ รอื ไม่  นักเรยี นใจกว้าง ยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ผู้อน่ื ใช่หรือไม่  นักเรียนมีระเบยี บวนิ ยั ใช่หรือไม่  นกั เรียนมคี วามรับผิดชอบสง่ งานตรงเวลาใช่หรือไม่  นักเรยี นมคี วามมงุ่ มั่นอดทนใชห่ รอื ไม่ 7. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า คาถาม 10 ข้อคือพฤติกรรมของคนที่มี จิตวิทยาศาสตร์ จากนั้นให้นักเรียนพิจารณาว่าตนเองมีจิต วิทยาศาสตร์มากนอ้ ยเพียงใด

กิจกรรมการเรยี นรู้ ทกั ษะทใ่ี ช้ ส่อื ที่ใช้/อุปกรณ์ ประเมนิ ผล 8. นักเรียนตอบคาถามว่า จากกิจกรรมใน 2 ช่ัวโมงที่ผ่านมามี - ทักษะการ - สงั เกต จติ วทิ ยาศาสตร์เกิดขนึ้ กับนกั เรียนหรอื ไม่ และเกิดขึ้นอย่างไร ระบุ พฤตกิ รรม การทางาน (แนวคาตอบ ตอบตามความคิดเหน็ ของนกั เรียน โดยครพู ิจารณา รายบุคคล คาตอบตามดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) ขน้ั สรุป กิจกรรมการเรียนรู้ ทกั ษะท่ใี ช้ ส่ือท่ีใช้/อปุ กรณ์ ประเมินผล 1. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ กิจกรรมวา่ กระบวนการทาง - สงั เกต วิทยาศาสตร์ คอื วธิ กี ารและขัน้ ตอนที่ใชด้ าเนินการค้นคว้าหา พฤติกรรมการ ความรทู้ างวิทยาศาสตร์ แบ่งเปน็ 3 ประเภท คือ ทางาน รายบุคคล 1) วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ คอื ขัน้ ตอนการค้นคว้าหรือ แสวงหาความรทู้ างวิทยาศาสตรอ์ ย่างเป็นระบบโดย - ทกั ษะการ - หนังสอื เรียนชดุ - สังเกต มี 5 ขน้ั ตอน ดงั นี้ ระบุปญั หา ตั้งสมมติฐาน รวบรวม ตีความหมาย มาตรฐานแมบ่ ท พฤตกิ รรมการ ข้อมลู วิเคราะห์ขอ้ มูลและสรปุ ข้อมูลและการลง วทิ ยาศาสตร์ หนา้ ทางานรายบคุ คล 2) ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คอื ความ ข้อสรปุ 17 ชานาญและความสามารถในการสืบเสาะเพ่ือค้นหา คาตอบ และการแกไ้ ขปญั หาต่างๆ ได้อยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม 3) จติ วิทยาศาสตร์ คอื ลกั ษณะนิสยั บคุ คลที่เกดิ ขึ้นจาก การศกึ ษาหาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใช้ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ครใู หน้ ักเรียนสรุปสาระสาคญั ลงในหนังสอื เรียนชดุ มาตรฐาน แม่บทวทิ ยาศาสตร์ ป.4 หนา้ 17(ครพู จิ ารณาหากเวลาไม่พอ ให้ทาเปน็ การบา้ น)

ข้ันประเมิน ทกั ษะทีใ่ ช้ สอื่ ที่ใช/้ อปุ กรณ์ ประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู้ - ทกั ษะการ - แบบทดสอบ - ตรวจ 1. นักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 วเิ คราะห์ ก่อนเรียน แบบทดสอบหลงั เรยี น วิทยาศาสตรน์ ่ารู้ - ใบงานท่ี 1.1การ - ตรวจใบงานที่ 2. ครูตรวจใบงานท่ี 1.1การเจรญิ เตบิ โตของตน้ ถ่ัวเขียว เจริญเติบโตของ 1.1 ตน้ ถั่วเขียว 7. การวัดและประเมนิ ผล รายการวัด วธิ ีการ เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ 1) ใบงานที่ 1.1 การ - ตรวจใบงานที่ 1.1 การ - ใบงานที่ 1.1 การ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ เจริญเตบิ โตของตน้ ถ่ัว เจริญเติบโตของต้นถั่วเขยี ว เจริญเติบโตของต้นถว่ั เขียว เขยี ว 2) กิจกรรม “หนูรู้ หนูตอบ - สงั เกตจากการตอบ - คาถามจากสลาก - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ได้” คาถาม สถานการณ์ 3) สรปุ สาระประจาเร่ืองที่ - สรปุ สาระประจาเรื่องที่ 1 - หนังสือเรยี นชดุ แม่บท - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 1 เรยี นร้กู ระบวนการ เรยี นรูก้ ระบวนการทาง มาตรฐานวทิ ยาศาสตร์ ป. ทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 4 หน้า 17 4) แบบทดสอบหลงั เรียน - ตรวจแบบทดสอบหลัง - แบบทดสอบหลังเรยี น - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 วิทยาศาสตรน์ า่ รู้ 1 วิทยาศาสตร์น่ารู้ วิทยาศาสตรน์ ่ารู้ - ระดบั คณุ ภาพดี ผ่าน เกณฑ์ 5) พฤตกิ รรมการทางาน - สังเกตพฤติกรรมการ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม รายบุคคล ทางานรายบคุ คล การทางานรายบคุ คล - ระดับคุณภาพดี ผา่ นเกณฑ์ 6) พฤติกรรมการทางาน - สังเกตพฤตกิ รรมการ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม กล่มุ ทางานกล่มุ การทางานกลุ่ม หมายเหตุ : แบบสงั เกตพฤตกิ รรมประเมินรายเทอม

8. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนแมบ่ ทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1วทิ ยาศาสตร์นา่ รู้ 2) วัสดุ-อปุ กรณก์ จิ กรรม แสงแดดมผี ลตอ่ การเจริญเตบิ โตของตน้ ถวั่ เขียวหรอื ไม่ 3) ใบงานที่ 1.1 การเจริญเติบโตของตน้ ถว่ั เขยี ว 4) บัตรภาพตน้ ไม้ 5) สลากสถานการณ์หมวด วีธีการทางวิทยาศาสตร์ 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) ห้องเรียน 2) อินเทอรเ์ นต็

ใบงานที่ 1.1 การเจรญิ เตบิ โตของต้นถั่วเขยี ว คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นทากจิ กรรมแสงท่มี ผี ลต่อการเจรญิ เติบโตของต้นถ่ัวเขยี วและบนั ทกึ ผล การทดลองเรื่อง: ............................................................. ....................................................... ระบุปญั หา : ......................................................................................... สมมติฐาน : ......................................................................................... ตวั แปรตน้ : ......................................................................................... ตัวแปรตาม : ......................................................................................... ตวั แปรควบคมุ :........................................................................................ ..................................................... นยิ ามเชิงปฏิบัตกิ าร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................................

อปุ กรณก์ ารทดลอง 1. ต้นกล้าถวั่ เขยี ว 2. ดิน 3. กระถาง (ขวดน้าตดั ครง่ึ ) 4. ปากกามารค์ เกอร์ วธิ ีการทดลอง 1. เตรียมกระถางไว้ 6 กระถาง ใช้ปากกามาร์คเกอร์ 1 เขียนตัวเลขกากบั 1- 6 12 3 2. เลือกต้นกล้าถั่วเขียวท่ีมีขนาดใกล้เคียงกัน 1 2 ปลูกลงกระถางละ 1 ต้น ใช้ไม้บรรทัด 1 วัดความยาวต้นถวั่ เขียว บนั ทกึ ลงในตาราง 3. นากระถางที่ 1-3 วางไว้ที่ที่ได้รับแสงแดด นากระถางท่ี 4-5 ไปวางไว้ในที่ไม่ได้รับ แสงแดด 12 3 12 4. รดน้าและใช้ไม้บรรทัดวัความยาว1ของตน้ ถั่วเขียว คร้ังที่ 2-3 แล้วบันทึกลงในตารางบันทึกผลการ ทดลอง

ตารางบันทกึ ผล ไดร้ ับแสงแดด ไมไ่ ด้รบั แสงแดด การวดั การเจริญเติบโต กระถางท่ี กระถางที่ กระถางท่ี กระถางที่ กระถางที่ กระถางท่ี 123456 ครั้งที่ 1 ครัง้ ท่ี 2 คร้ังท่ี 3 ความสูงของลาต้นเพิม่ ขึ้น คา่ เฉลย่ี สรุปผลการทดลอง ......................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ...................................................

ใบงานท่ี 1.1 เฉลย แสงที่มีผลตอ่ การเจรญิ เติบโตของต้นถัว่ เขียว คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนทากจิ กรรมแสงท่มี ผี ลต่อการเจรญิ เติบโตของต้นถั่วเขยี วและบนั ทกึ ผล การทดลองเรื่อง : ............................................................. ....................................................... ระบปุ ญั หา : ......................................................................................... สมมตฐิ าน : .....พ..ิจ.า.ร..ณ..า.ค..า.ต..อ.บ..ข..อ.ง..น.กั..เ.ร.ยี..น.ต..า.ม..ด.ลุ..ย..พ.ิน..จิ..ข.อ..ง.ค..ร.ูผ..ูส้ .อ..น........................... ตัวแปรตน้ : ......................................................................................... ตวั แปรตาม : ......................................................................................... ตวั แปรควบคุม :........................................................................................ ..................................................... นยิ ามเชิงปฏบิ ตั ิการ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................................

อุปกรณก์ ารทดลอง 1 1. ต้นกล้าถัว่ เขียว 2. ดนิ 3. กระถาง (ขวดนา้ ตดั คร่งึ ) 4. ปากกามารค์ เกอร์ วิธีการทดลอง 1. เตรียมกระถางไว้ 6 กระถาง ใช้ปากกามาร์คเกอร์ เขียนตวั เลขกากับ 1- 6 12 3 2. เลือกต้นกล้าถ่ัวเขียวท่ีมีขนาดใกล้เคียงกัน ปลูกลง 1 2 กระถางละ 1 ต้น ใช้ไม้บรรทัดวัดความยาวต้นถ่ัวเขียว บนั ทกึ ลงในตาราง 1 3. นากระถางท่ี 1-3 วางไว้ที่ท่ีได้รับแสงแดด นา 12 กระถางที่ 4-5 ไปวางไว้ในท่ีไมไ่ ด้รับแสงแดด 1 3 2 1 4. รดน้าและใช้ไม้บรรทัดวัความยาวของต้นถ่ัวเขยี วคร้ัง ที่ 2-3 แลว้ บันทึกลงในตารางบันทึกผลการทดลอง 1

ตารางบันทกึ ผล ไดร้ บั แสงแดด ไมไ่ ดร้ ับแสงแดด การวดั การเจรญิ เตบิ โต กระถางท่ี กระถางท่ี กระถางที่ กระถางท่ี กระถางท่ี กระถางท่ี 123456 คร้งั ที่ 1 คร้งั ท่ี 2บนั ทึกผลตามจรงิ พจิ ารณาคาตอบของนักเรยี นตามดลุ ยพนิ จิ ของครผู ู้สอน ครงั้ ที่ 3 ความสูงของลาต้นเพิม่ ขึ้น คา่ เฉลีย่ สรุปผลการทดลอง ......................................................................................... ................................................พ................จิ ..............า..........ร........ณ.....................า..........ค..............า..........ต.........อ................บ..............ข..........อ................ง........น...............กั.........เ........ร..............ีย..........น...............ต..............า..........ม.........ด................ลุ ..............ย..........พ................นิ ..............จิ..........ข...........อ.......ง..........ค........ร.........ผู.........สู้ ..........อ........น............................................................................................................................................................ ...................................................

ต่างๆ  บตั รภาพตน้ ไม้ ต่างๆ

สลากสถานการณห์ มวด วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ต่างๆ “ถ้าตน้ ถว่ั เขียวไมไ่ ดร้ บั แสงแดดพชื อาจจะตาย”  “สังเกตและวัดความสูงของตน้ ถัว่ เขยี ว และบันทึกข้อมลู ลงในตารางบนั ทึกผล” “แสงแดดมีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของต้นถั่วเขียวหรอื ไม่” “ทดลองปลกู ถั่วเขียวโดยชดุ หนึ่งใหไ้ ด้รบั แสง และอกี ชดุ หน่งึ ไมใ่ ห้ไดร้ ับแสงแดด” “พืชจะเป็นอย่างไรถา้ ไมไ่ ด้รบั แสงแดด” นกั เรียนกาหนดว่า การเจรญิ เตบิ โตของพืช สามารถวดั ไดจ้ ากความสงู ของต้นพชื “ต้นถว่ั เขยี วทไี่ ดร้ บั แสงแดดความสงู ของลาต้นเพ่ิมมากกว่าต้นท่ีไม่ไดร้ ับแสงแดดอยู่ 2 เซนตเิ มตร จากขอ้ มูลตน้ ทม่ี ีความสงู เพิม่ แสดงวา่ มีการเจรญิ เติบโต”

สลากสถานการณห์ มวด ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์  สถานการตณ่า์ :งนๆกั เรยี นใชไ้ ม้บรรทัดวดั ความสงู ของถวั่ เขียว สถานการณ์ : นกั เรยี นคานวณความสงู ทีเ่ พมิ่ ขนึ้ ของตน้ ถว่ั เขียว สถานการณ์ : นักเรยี นคิดว่าต้นถวั่ เขยี วทีไ่ ดร้ บั แสงแดดน่าจะสงู ข้ึน สถานการณ์ : นกั เรียนนาต้นถ่ัวเขยี วไปวางไวใ้ นที่ได้รับแสงแดดและที่ไมโ่ ดนแสงแดดเพื่อ เปรยี บเทียบการเจรญิ เตบิ โต สถานการณ์ : นกั เรียนกาหนดว่า ชนิดต้นไม้ ขนาดกระถาง ปริมาณดิน ปริมาณนา้ ทีร่ ดในแต่ละ วนั ตอ้ งควบคุมให้คงท่ีตลอดระยะเวลาการทดลอง สถานการณ์ : นักเรียนกาหนดว่า การเจรญิ เตบิ โตของพชื คือความสงู ของต้นพืชทีเ่ พ่มิ ข้นึ สถานการณ์ : นักเรยี นรว่ มกันวเิ คราะห์วา่ ตน้ ถวั่ เขยี วทไ่ี ดร้ ับแสงแดดมีลาต้นสงู เพม่ิ ข้นึ มากกวา่ ต้นถ่ัวเขียวทีไ่ ม่ได้รบั แสงแดด ดงั น้นั แสงแดดจงึ มีผลต่อการเจรญิ เตบิ โตของตน้ ถั่วเขียว

เฉลยคาตอบกิจกรรม “หนูรู้ หนูตอบได”้ รอบที่ 1 ในหมวด วิธีการทางวิทยาศาสตรว์ ิทยาศาสตร์ 1. “ถ้าตน้ ถ่ัวเขียวไมไ่ ดร้ ับแสงแดดพชื อาจจะตาย” (เฉลย ขัน้ ท่ี 2 ตั้งสมมตฐิ าน) 2. “ตน้ ถั่วเขียวทไี่ ด้รบั แสงแดดความสูงของลาตน้ เพ่ิมมากกว่าตน้ ท่ไี ม่ไดร้ บั แสงแดดอยู่ 2 เซนตเิ มตร จาก ขอ้ มูลตน้ ทีม่ คี วามสงู เพิ่มแสดงว่ามีการเจริญเตบิ โต” (เฉลย ขั้นที่ 4 วิเคราะห์ข้อมูล) 3. “พืชจะเป็นอยา่ งไรถา้ ไมไ่ ด้รบั แสงแดด” (เฉลยขน้ั ท่ี 1 ระบปุ ัญหา) 4. “ทดลองปลูกถว่ั เขยี วโดยชดุ หน่งึ ให้ได้รบั แสงและอกี ชดุ หนึง่ ไม่ให้ไดร้ บั แสงแดด” (เฉลย ขั้นที่ 3 รวบรวมขอ้ มูล) 5. “ต้นถว่ั เขียวทีไ่ ด้รบั แสงแดดเจริญเติบโตดีกว่าตน้ ที่ไม่ไดร้ ับแสงแดด” (เฉลย ขน้ั ท่ี 5 สรุปผล) 6. “สงั เกตและวัดความสูงของต้นถ่ัวเขียว และบันทึกข้อมูลลงในตารางบันทกึ ผล” (เฉลย ข้ันที่ 3 รวบรวมขอ้ มูล) 7. “แสงแดดมผี ลต่อการเจริญเตบิ โตของต้นถ่ัวเขยี วหรอื ไม่ (เฉลย ขนั้ ท่ี 1 ระบปุ ัญหา)

กิจกรรม “หนูรู้ หนูตอบได”้ รอบที่ 2 หมวด ทกั ษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ 1. สถานการณท์ 1ี่ นักเรยี นใช้ไมบ้ รรทดั วัดความสูงของถั่วเขียว (แนวคาตอบ ทักษะการวดั ) 2. สถานการณ์ที่ 2 นกั เรียนคานวณความสูงท่เี พม่ิ ข้ึนของต้นถ่วั เขยี ว (แนวคาตอบ ทกั ษะการใช้ตัวเลข) 3. สถานการณท์ ี่ 3 นักเรียนคดิ วา่ ต้นถัว่ เขยี วท่ไี ดร้ ับแสงแดดนา่ จะสูงขน้ึ (แนวคาตอบ ทักษะการต้ังสมมติฐาน) 4. สถานการณ์ท่ี 4 นักเรียนนาตน้ ถวั่ เขยี วไปวางไว้ในท่โี ดนแสงแดดและที่ไมโ่ ดนแสงแดดเพ่อื เปรียบเทียบ การเจรญิ เตบิ โต (แนวคาตอบ ทักษะการทดลอง) 5. สถานการณท์ ่ี 5 นักเรียนกาหนดวา่ ชนดิ ตน้ ไม้ ขนาดกระถาง ปริมาณดิน ปรมิ าณน้าท่รี ดในแตล่ ะวัน ตอ้ ง ควบคมุ ให้คงท่ตี ลอดระยะเวลาการทดลอง (แนวคาตอบ ทกั ษะการกาหนดและควบคมุ ตวั แปร) 6. สถานการณ์ที่ 6 นกั เรียนกาหนดวา่ การเจริญเตบิ โตของพืช ความสูงของต้นพชื ทเี่ พมิ่ ขนึ้ (แนวคาตอบ ทกั ษะการกาหนดนิยามเชิงปฏบิ ตั ิการ) 7. สถานการณท์ ่ี 7 นกั เรียนร่วมกันวเิ คราะห์ว่าต้นถวั่ เขยี วทไี่ ดร้ บั แสงแดดมีลาต้นสูงเพมิ่ ขน้ึ มากกวา่ ต้นถวั่ เขียวที่ไม่ไดร้ ับแสงแดด ดังน้ัน แสงแดดจึงมีผลต่อการเจริญเตบิ โตของตน้ ถัว่ เขียว (แนวคาตอบ ทกั ษะตีความหมายและลงข้อสรุป

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ความหลากหลายของสิ่งมชี วี ติ

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 การจัดกลมุ่ สง่ิ มชี วี ติ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 ความหลากหลายของสง่ิ มชี ีวิต ระยะเวลา 3 ช่ัวโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด ว 1.3 ป.4/1 จาแนกสิง่ มีชวี ิตโดยใช้ความเหมอื นและความแตกตา่ งของลกั ษณะของส่ิงมชี วี ิต ออกเปน็ กล่มุ พชื กลมุ่ สัตว์ และกลมุ่ ท่ีไม่ใชพ่ ืชและสตั ว์ 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2) จาแนกสง่ิ มีชวี ิตออกเป็นกลุม่ โดยใชค้ วามเหมือนและความแตกต่างของลักษณะสง่ิ มีชวี ติ เป็นเกณฑ์ได้ (K) 3) สร้างแผนผงั หรอื แผนภาพจัดกลุ่มสิง่ มีชวี ิตได้ (P) 4) ยกตัวอย่างประโยชนข์ องการจดั กล่มุ สิ่งมชี วี ิตทนี่ กั เรยี นพบเจอในชวี ติ ประจาวันได้ (A) 3. สาระการเรยี นรู้ ใช้ความเหมอื นและความแตกตา่ งของลักษณะต่างๆ ของสงิ่ มชี วี ติ มาจัดกลมุ่ ส่ิงมชี วี ติ 4. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด สงิ่ มีชวี ิตรอบตัวเรามีหลายชนิด ซึ่งส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิดจะมลี ักษณะสาคัญบางอยา่ งเหมือนกันและมีลักษณะ สาคัญบางอยา่ งแตกตา่ งกันไป โดยเราสามารถใชค้ วามเหมือนและความแตกต่างของลักษณะต่างๆ ของสิง่ มชี วี ิตมา จดั กล่มุ สิ่งมชี วี ิตออกจากกันได้ 3 กลุ่ม คอื กลุ่มพืช กลมุ่ สตั ว์ และกลุ่มทไี่ มใ่ ช่พืชและสตั ว์ 5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) ความสามารถในการส่ือสาร 1) การสังเกต 1) มวี ินัย 2)ความสามารถในการคดิ 2) การจาแนกประเภท 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3)ความสามารถในการ 3) การลงความเห็นจากขอ้ มลู 3) มงุ่ มัน่ ในการทางาน แก้ปญั หา 4) การจดั กระทาและการส่อื ความหมาย ขอ้ มลู 6.กิจกรรมการเรยี นรู้  แนวคิด/รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : การสอนโดยใช้เกม ช่ัวโมงท่ี 1 กจิ กรรมการเรียนรู้ ทักษะท่ใี ช้ สอื่ ท่ใี ช้/อุปกรณ์ ประเมนิ ผล 1. ครูให้นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 - ทกั ษะการ - แบบทดสอบ - ตรวจ เร่ือง ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิตเพ่ือเข้าใจระดับความรู้ วเิ คราะห์ กอ่ นเรียน แบบทดสอบ เดมิ ของนักเรยี นก่อนเขา้ สกู่ ิจกรรม ก่อนเรยี น

ข้นั นา กิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะทใ่ี ช้ สือ่ ท่ีใช/้ อปุ กรณ์ ประเมินผล 1. ครูให้นักเรียนดูภาพและสังเกตสิ่งท่ีอยู่ในภาพหรือให้สังเกต - ทกั ษะการ - หนังสอื เรียน ภาพจากในหนังสือเรียนชดุ แม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป. สังเกต ชดุ แมบ่ ท 4 หน้า 19 หรือให้นักเรียนทากิจกรรมลองทาดูในหนังสือ มาตรฐาน เรยี นชุดแมบ่ ทมาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หน้า 20 วิทยาศาสตร์ ป. 4 หนา้ 19 หรอื หน้า 20 2. นกั เรียนตอบคาถามวา่ สงิ่ มีชวี ิตในภาพมอี ะไรบ้าง - สังเกต พฤตกิ รรมการ (แนวคาตอบ นักเรียนตอบตามสิ่งท่ีนักเรียนเห็น เช่น คนยรี าฟ ทางานรายบคุ คล นก ม้า ต้นไม้ หญา้ เหด็ เป็นตน้ ) - ทักษะการ - สมดุ ประจาตัว - ตรวจสอบการ 3. นกั เรียนแต่ละคนสังเกตสิ่งมีชีวิตในภาพแล้วแบง่ ไดก้ กี่ ลุ่ม จาแนก นักเรียน แบง่ กลมุ่ พร้อมเหตผุ ล บันทึกลงสมดุ ประจาตวั นกั เรียนหรอื ในหนังสอื ประเภท ส่งิ มชี วี ติ ในสมดุ ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า 20 ประจาตวั หมายเหตุ : ครยู งั ไมเ่ ฉลย และใหน้ กั เรยี นเก็บคาตอบไว้เพ่อื นกั เรยี น ตรวจท้ายชว่ั โมง ขั้นสอน ทกั ษะที่ใช้ สือ่ ทใ่ี ช้/อปุ กรณ์ ประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู้ - หนงั สือเรยี น ชุดแมบ่ ท 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 4-5 คน จากนั้นให้ มาตรฐาน นั ก เรี ย น ศึ ก ษ า ข้ั น ต อ น ก า ร ท า กิ จ ก ร ร ม พั ฒ น า ทั ก ษ ะ วิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ท่ี 1 เร่ือง การจาแนกกลุ่ม ป.4 หน้า 21-22 ส่ิงมีชีวิต ในหนังสือเรียนชุดแม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 หนา้ 21-22

กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทักษะที่ใช้ สือ่ ทใ่ี ช้/อปุ กรณ์ ประเมินผล 2. ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมพัฒนาทักษะกระบวนการทาง - ทักษะการจัด - หนังสือเรียน - สงั เกต วทิ ยาศาสตร์ท่ี 1 เรือ่ ง การจาแนกกล่มุ ส่ิงมชี วี ติ ปฏิบตั ดิ งั น้ี พฤติกรรมการ กระทาและสอื่ ชดุ แม่บท ทางานกลุ่ม 1) ให้นักเรียนระดมสมองเขียนสมมติฐานของกลุ่ม ตนเองลงในหนังสือแมบ่ ทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป. ความหมาย มาตรฐาน 4 หนา้ 21 ข้อมลู วิทยาศาสตร์ 2) ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกไปสารวจบริเวณต่างๆ ใน โรงเรียนเม่ือพบเห็นสิ่งมีชีวิตให้สังเกตและวิเคราะห์ - ทกั ษะการลง ป.4 หน้า 21- ลักษณะของส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิดให้บันทึกลงตาราง ความเห็นจาก 22 บันทึกผลการสังเกตและจาแนกกลุ่มส่ิงมีชีวิต ใน หนังสือเรียนชุดแม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 ข้อมูล - กระดาษปร๊ฟู หน้า 22 (ใช้เวลาในการสารวจบริเวณต่างๆ ใน โรงเรยี น 20 นาที แล้วกลับเขา้ มาทีห่ อ้ งเรียน) - ทกั ษะการ ทางานร่วมกัน 3) พิจารณาลักษณะความเหมือนความแตกต่างของ ส่ิงมีชีวติ ท่ีสังเกตได้ แล้วกาหนดเป็นเกณฑ์สาหรับใช้ - ทกั ษะการ ในการจาแนกประเภทของสิ่งมีชวี ติ ตัง้ สมมติฐาน 4) อภปิ รายและสรปุ ผลการทากิจกรรม จากน้ันนาขอ้ มูล การสงิ่ มีชวี ิตมาจดั ทาเป็นแผนผัง แผนภาพ หรืออนื่ ๆ ลงในกระดาษปรู๊ฟแล้วตกแต่งให้สวยงาม เพ่ือ นาเสนอข้อมลู หน้าชั้นเรียน 3. นกั เรียนออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชั้น ในประเด็นตอ่ ไปน้ี - ทกั ษะการ - สงั เกต 1) ลักษณะของส่ิงมชี ีวติ แตล่ ะชนิด สือ่ สาร พฤติกรรมการ ทางานกลุม่ 2) เกณฑ์ที่ใช้ในการจาแนกส่ิงมีชวี ิตพรอ้ มเหตผุ ล - ทกั ษะการ ตีความหมาย - สังเกต 3) ผลการจาแนกสงิ่ มชี ีวติ ที่สารวจตามเกณฑท์ ตี่ งั้ ไว้ และลงข้อสรุป พฤตกิ รรมการ ทางาน 4. นักเรียนร่วมกันอภปิ รายผลการทากิจกรรมจนได้ข้อสรุปว่า รายบคุ คล ส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิดมีลักษณะโครงสร้างภายนอกและการ ดารงชีวิตแตกต่างกนั ไป ส่ิงมชี วี ิตที่จดั อยู่ในกลุ่มเดียวกันจะ มีลักษณะบางประการเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน เราจึง ส าม าร ถ ใ ช้ ลั ก ษ ณ ะ เป็ น เก ณ ฑ์ ใน ก า ร จ าแ น ก สิ่ ง มี ชี วิ ต ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มไม่ใช่ พชื ไมใ่ ชส่ ตั ว์

ชัว่ โมงท่ี 2 ขน้ั สอน [ต่อ] กิจกรรมการเรยี นรู้ ทักษะที่ใช้ ส่อื ที่ใช/้ อปุ กรณ์ ประเมินผล 1. นกั เรยี นแบง่ กลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 4-5 คน เพื่อทากิจกรรม - ทักษะการ - คาใบแ้ ละ - สงั เกต “ใบป้ ุ๊บ ตบปั๊บ” โดยปฏบิ ัติ ดังน้ี สงั เกต เฉลย พฤติกรรมการ 1) ตัวแทนกลุ่มรับการ์ดส่ิงมีชีวิตกลุ่มละ 1ชุด มี 10 ทางานกล่มุ ภาพ - ทกั ษะการคิด - การด์ สิง่ มีชีวติ 2) สมาชิกในกลุ่มน่ังล้อมวง แล้ววางการ์ดทั้ง 10 ใบไว้ วิเคราะห์ กลางวง 3) ครูใบ้คาให้นักเรียน มีคาใบ้ 5 ประโยค/รอบระหว่าง - ทักษะการระบุ ที่ครูใบ้หากนักเรียนรู้คาตอบก่อน สามารถตบการ์ด ได้กอ่ นทค่ี รจู ะใบค้ รบทกุ ประโยค 4) เม่อื นักเรียนตบการ์ดแล้วไม่มสี ิทธิ์เปลย่ี นคาตอบ 5) เมื่อครูอ่านครบ 5 ประโยคครูจะเฉลยคาตอบในรอบ นั้น ถ้านักเรียนเลือกการ์ดถูกจะได้การ์ดเก็บไว้ ถ้ามีคนตอบถูกมากกวา่ 1 คน คนที่ตบคนแรกจะเป็น คนท่ไี ดก้ ารด์ ใบนนั้ ไป 6) ในการ์ดจะมีดาวอยู่ในแต่ละใบไม่เท่ากัน คนที่สะสม ดาวในการด์ ไดม้ ากสดุ ถือว่าเป็นผู้ชนะในกลมุ่ หมายเหตุ :จานวนรอบท่ีเล่นให้ครูพิจารณาตามเวลาท่ี เหมาะสม

กิจกรรมการเรียนรู้ ทกั ษะทใ่ี ช้ สอื่ ท่ใี ช/้ อปุ กรณ์ ประเมนิ ผล 2. นกั เรียนตอบคาถามหลงั ทากิจกรรม “ใบ้ปุ๊บ ตบปบ๊ั ” โดยครู - ทักษะการคิด - สงั เกต สร้างตารางกลุ่มสง่ิ มีชีวิตไว้หน้ากระดาน และบันทึกคาตอบ วเิ คราะห์ พฤติกรรมการ ของนักเรียนลงไป โดยครูจะสุ่มหยิบการ์ดและถามคาถาม ทางาน ตามตัวอย่าง แตเ่ ปลี่ยนชนิดของส่ิงมชี วี ิตตามการ์ดทจ่ี บั ได้ - ทักษะการลง รายบคุ คล ความเห็นจาก ตวั อย่างคาถาม ขอ้ มูล 1) กลว้ ย สามารถเคลื่อนไหวไดห้ รอื ไม่ - ทักษะการระบุ 2) กล้วย สามารถเคลอ่ื นที่ได้หรอื ไม่ 3) กลว้ ย สามารถสร้างอาหารเองได้หรือไม่ ตัวอย่างตารางและวธิ ีการเขยี นคาตอบ ส่งิ มีชีวติ การ การเคลื่อนท่ี การสร้าง ตน้ กลว้ ย เคลื่อนไหว อาหาร ได้ ไมไ่ ด้ ได้ ไม่ได้ ได้ ไม่ได้    3. นักเรียนตอบคาถามเพื่อสรุปกจิ รรม “ใบ้ปบุ๊ ตบป๊บั ” - ทักษะการคดิ - สงั เกต วเิ คราะห์ พฤติกรรมการ  สงิ่ มชี วี ิตชนิดไหนบ้างทีส่ ามารถสรา้ งอาหารเองได้ ทางาน (แนวคาตอบ บัว สตรอเบอร่ี กล้วย อง่นุ ) - ทักษะการลง ความเห็นจาก รายบคุ คล  กลมุ่ สิ่งมชี ีวติ ทเี่ คลื่อนไหวได้แต่เคล่ือนทไี่ ม่ได้คอื กลุ่ม ข้อมลู ส่ิงมชี วี ติ ใด (แนวคาตอบ บวั สตรอเบอร่ี กล้วย อง่นุ )  กลุม่ สิง่ มชี วี ิตทตี่ อ้ งกินสิง่ มีชีวิตอ่นื เปน็ อาหารคือ สง่ิ มีชีวติ ชนดิ ไหนบ้าง (แนวคาตอบ สนุ ัข หนู ผึ้ง นก อฐู เหด็ )  ส่ิงมชี ีวิตชนิดใด ท่สี ามารถเคลือ่ นไหวร่างกายและ เคล่อื นที่ได้ (แนวคาตอบ สนุ ขั หนู ผึง้ นก อูฐ แบคทีเรีย)  กลุ่มส่ิงมีชีวิตที่ ช่วยย่อยส ล าย บ างช นิดอาจ เคลอื่ นไหวหรอื เคลื่อนทไ่ี ด้ บางชนิดสร้างอาหารไม่ได้

กิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะทีใ่ ช้ ส่อื ทใี่ ช้/อุปกรณ์ ประเมินผล ได้แก่กลุม่ สง่ิ มีชวี ิตใดบา้ ง (แนวคาตอบ แบคทเี รีย เห็ด) 4. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปว่า กลุ่มสิ่งมีชีวิตแบ่งออกเป็น 3 - ทกั ษะการแปร - สังเกต กลุ่มคอื กลุม่ พืช กลุม่ สตั ว์ และกล่มุ ไมใ่ ชพ่ ชื และไม่ใช่สัตว์ ความหมาย พฤตกิ รรมการ และการลง ทางาน ตวั อยา่ งส่ิงมีชวี ิต ขอ้ สรุป รายบุคคล 1) กลมุ่ ทเ่ี ป็นพืช ไดแ้ ก่ บัว สตรอเบอรี่ กลว้ ย องุน่ - ทักษะการฟัง - หนงั สอื เรยี น 2) กลุ่มที่เปน็ สตั ว์ ได้แก่ สนุ ัข หนู ผึ้ง นก อฐู ชดุ แม่บท 3) กล่มุ ทีเ่ ปน็ กลุ่มไมใ่ ช่พชื และไม่ใช่สัตว์ ได้แก่ มาตรฐาน แบคทเี รีย เหด็ วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หนา้ 23/ 5. ครูอธิบายหรือให้นักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเรื่องการจัดกลุ่ม QR Code ส่งิ มีชีวิตในหนังสือเรยี นชุดแม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป. การจดั กลมุ่ 4 หน้า 23/สแกนQR Codeการจัดกลุ่มส่ิงมีชีวิต ในหนังสือ ส่งิ มีชวี ติ เรียนชุดแม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า23 เพ่ือธิ บายขยายความเข้าใจของนักเรียนมากขน้ึ ชว่ั โมงที่ 3 ข้นั สอน [ต่อ] กิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะทใ่ี ช้ สอื่ ทใ่ี ช้/อปุ กรณ์ ประเมินผล 1.ครูให้นกั เรียนจับค่กู ิจกรรมทบทวนและตรวจสอบความเขา้ ใจ - ทกั ษะการระบุ - สังเกต โดยทากิจกรรม “จบั คู่ จับผิด” มีขัน้ ตอนการทากจิ กรรม ดงั น้ี พฤติกรรมการ 1) นักเรียนจับคู่แล้วหันหน้าเข้าหากนั ย่ืนมอื อกมาขา้ งหน้า ทางาน รายบคุ คล 2) ครูจะพูดชื่อกลุ่มส่ิงมีชีวิต ได้แก่กลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ กลุ่ม ไมใ่ ช่พืชและไม่ใช่สัตว์ มาทีละ 1 กลุ่ม 3) นักเรียนคิดช่ือส่ิงมีชีวิตท่ีพบเจอในชีวิตประจาวันข้ึนมา ตามกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ครูพูด ใครคดิ ได้ก่อนจะเปน็ ฝ่ายแตะ ส่วนอกี ฝ่ายทีต่ อบช้า/ตอบผิด/ไม่ตอบ จัดเปน็ ฝา่ ยหลบ 4) ฝา่ ยแตะจะแตะมือพร้อมพูดฝ่ายแตะจะต้องแตะมือฝ่าย หลบใหไ้ ด้ 5) ฝา่ ยหลบจะต้องหลบไม่ให้ถูกแตะมือฝ่ายหลบมีอีกหน้าท่ี คือตรวจสอบ ถ้าฝ่ายแตะตอบผิด ฝ้ายหลบแตะมือฝ่าย

กิจกรรมการเรียนรู้ ทกั ษะทใ่ี ช้ ส่อื ทีใ่ ช้/อุปกรณ์ ประเมินผล แตะกลับได้ทนั ที - ทักษะการระบุ - สงั เกต พฤตกิ รรมการ 6) ฝ่ายที่ได้แตะมือถือเป็นผู้ชนะในเกมน้ัน แต่ถ้าฝ่ายหลบ ทางาน หลบทันถอื ว่าเสมอจะเล่น 3 เกมเพอื่ หาผ้ชู นะ รายบุคคล 7) ผู้ชนะจะได้คะแนน 3 คะแนน - ทักษะการระบุ - หนังสือเรยี น - ตรวจแบบฝึก พัฒนาการ 3. นกั เรียนตอบคาถามวา่ ชุดแมบ่ ท เรยี นรูท้ ่ี 1  นักเรียนคิดว่าในบริเวณโรงเรียนเรา มีสิ่งมีชีวิตทั้ง 3 มาตรฐาน กล่มุ หรือไม่ วทิ ยาศาสตร์ (แนวคาตอบ พิจารณาคาตอบของ นักเรียนตามดุลย ป.4 หน้า24- พินิจของครูผ้สู อน) 25 4. นักเรียนทาแบบฝึกพัฒนาการเรียนรู้ที่ 1 ในหนังสือเรียนชุด แม่บทมาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หนา้ 24-25 ข้ันสรปุ กิจกรรมการเรยี นรู้ ทักษะทใี่ ช้ สอ่ื ท่ใี ช/้ อปุ กรณ์ ประเมนิ ผล 1. นักเรียนร่วมกันสรุปว่า สามารถใช้ลักษณะความเหมือนหรือ - ทกั ษะการสรุป - สังเกต ความแตกต่างของสิ่งมีชีวิตเป็นเกณฑ์ในการจาแนกส่ิงมีชีวิต ลงความเหน็ พฤตกิ รรมการ ออกเปน็ 3 กล่มุ ใหญ่ ดงั นี้ ทางาน 1) กลมุ่ พืช คือ กลุ่มสง่ิ มีชีวิตทสี่ ามารถสรา้ งอาหารเองได้ รายบุคคล เคล่ือนไหวได้แต่เคลื่อนทไี่ มไ่ ด้ 2) กลมุ่ สัตว์ คอื กลุม่ ส่งิ มชี ีวิตทีไ่ ม่สามารถสรา้ งอาหารเอง ได้ เคลอ่ื นไหวรา่ งกายและเคลื่อนทีไ่ ด้ 3) กลุ่มไมใ่ ชพ่ ืชไมใ่ ชส่ ตั ว์ คอื กลมุ่ สิ่งมชี วี ติ นอกเหนอื จากกลุ่ม พืชและกลุม่ สัตว์ บางชนิดสามารถเคล่อื นไหวไดแ้ ละ เคลอ่ื นทีไ่ ด้ บางชนิดสามารถสรา้ งอาหารเองได้ ข้ันประเมิน กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทกั ษะทใ่ี ช้ สอ่ื ท่ใี ช้/อุปกรณ์ ประเมินผล 1. นกั เรียนตรวจสอบการจาแนกกลุ่มส่ิงมีชีวติ จากหนังสือเรียนชุด - ทักษะการจัด - หนงั สือเรยี น - ตรวจแผนผงั / แม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า 19 ในสมุดประจาตัว กระทาและสอ่ื ชดุ แม่บท แผนภาพ นักเรยี นหรอื ในหนังสอื เรียนชุดแมบ่ ทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป. ความหมาย มาตรฐาน 4 หน้า 20 ที่ทาต้นชั่วโมงว่าถูกต้องหรือไม่และให้แก้ไขให้ ขอ้ มลู วิทยาศาสตร์ ถูกต้อง และนาไปจัดทาเป็นแผนผัง หรือแผนภาพ ลงในสมุด ป.4 หนา้ 19

กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทกั ษะท่ใี ช้ สอื่ ที่ใช้/อปุ กรณ์ ประเมินผล ประจาตัวนักเรียน (หากเวลาไม่พอ ครูอาจพิจารณาให้นักเรียน ทาเปน็ การบ้าน) 2. ครตู รวจบนั ทึกผลการทากิจกรรมพัฒนาทกั ษะกระบวนการทาง - หนงั สือแม่บท - ตรวจบนั ทกึ การ วิทยาศาสตร์ท่ี 1 การจาแนกกลุ่มสงิ่ มีชีวิต ในหนงั สือแม่บท มาตรฐาน ทากิจกรรมพฒั นา มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หน้า 22 วทิ ยาศาสตร์ ป. ทักษะ 4 หน้า 22 กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ท่ี 1 การจาแนกกลุม่ สงิ่ มีชีวิต 7.การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน รายการวดั 1) แผนผัง/แผนภาพกลมุ่ - ตรวจแผนผงั /แผนภาพ - แผนผงั /แผนภาพกลมุ่ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สงิ่ มชี วี ติ กลุ่มสง่ิ มีชวี ติ สงิ่ มชี วี ติ 2) กจิ กรรมพฒั นาทกั ษะ - ตรวจบันทกึ ผล - หนงั สือเรียนชุดแมบ่ ท - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ กระบวนการทาง กิจกรรมพฒั นาทักษะ มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ท่ี 1 การ กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หน้า จาแนกกล่มุ ส่งิ มีชวี ติ วิทยาศาสตร์ท่ี 1 การ 22 จาแนกกลุ่มส่ิงมชี วี ติ 3) แบบฝกึ พฒั นาการเรียนร้ทู ่ี - ตรวจแบบฝึก - หนงั สือเรียนชดุ แม่บท - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 1 พัฒนาการเรยี นรู้ที่ 1 มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หนา้ 24-25 4) พฤติกรรมการทางาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพดี ผา่ น รายบุคคล การทางานรายบคุ คล การทางานรายบคุ คล เกณฑ์ 5) พฤติกรรมการทางาน - สังเกตพฤติกรรมการ - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพดีผา่ น รายบคุ คล ทางานรายบคุ คล การทางานรายบุคคล เกณฑ์ หมายเหตุ : แบบสังเกตพฤติกรรมประเมนิ รายเทอม

8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 6) หนงั สือเรยี นชุดแมบ่ ทมาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2ความหลากหลายของส่งิ มีชวี ติ 7) วัสดุ-อุปกรณใ์ นกิจกรรมพฒั นาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรท์ ่ี 1 การจาแนกกลุม่ ส่งิ มชี วี ติ 8) QR Code การจัดกลมุ่ สิ่งมีชีวิต 9) กระดาษปรฟู๊ 10) การ์ดสง่ิ มีชวี ติ 11) คาใบแ้ ละเฉลย 12) สมดุ ประจาตวั นกั เรยี น 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) บรเิ วณตา่ งๆ ในโรงเรียน

การด์ สงิ่ มีชีวิต  บวั ตน้ กลว้ ย ผ้ึง หนู สนุ ขั แบคทเี รยี

การด์ สงิ่ มีชีวิต  ต่างๆ องนุ่ สตรอวเ์ บอรี่ นก เห็ด ตน้ ทานตะวัน แมว

คาใบแ้ ละเฉลย คาใบทต1่ี :่“าสงาๆมารถสร้างอาหารได้จากกระบวนการ คาใบที่1 : “สามารถสร้างอาหารได้เอง”  คาใบท่ี 2 : “เคลือ่ นท่ีไมไ่ ด้” สงั เคราะหด์ ้วยแสง” คาใบที่ 3 : “หอ่ อาหารได้ ทากระทงได้” คาใบท่ี 2 : “เคล่อื นไหวไดแ้ ตเ่ คลื่อนท่ีไม่ได้” คาใบ้ท่ี 4 : “ลาต้นและหวั อยู่ในดนิ ใต้นา้ ” คาใบที่ 3 : “ออกดอกเดยี่ ว มีลกั ษณะเปน็ รูปแตร” คาใบ้ที่ 5 : “นาดอกไปไหวพ้ ระได”้ คาใบ้ที่ 4 : “ผลมีทรงกลมรี ตรงขวั้ มีสเี ขียว” คาใบ้ท่ี 5 : “มเี ม็ดเลก็ ๆ เกาะอยู่บนผลสีแดง” เฉลย : บวั เฉลย : สตรอวเ์ บอรี่ คาใบที1่ : “สามารถสรา้ งอาหารไดเ้ อง” คาใบที1่ : “สามารถสร้างอาหารได้เอง” คาใบที่ 2 : “เคลือ่ นท่ีไม่ได้แตเ่ คล่ือนไหวได้” คาใบที่ 2 : “มกี ารเคลอื่ นไหวแบบบดิ เกลียว” คาใบท่ี 3 : “ห่ออาหารได้ ทากระทงได้” คาใบที่ 3 : “มีดอกกลมยาว ออกเป็นช่อ” คาใบ้ท่ี 4 : “ดอกเปน็ ชอ่ หอ้ ยลงมามสี ีแดงอมมว่ ง” คาใบ้ที่ 5 : “ผลแก่มีสีเหลอื ง” คาใบ้ท่ี 4 : “เป็นผลไม้” คาใบ้ที่ 5 : “ผลเปน็ รปู ทรงกลมหรือรหี รือรปู ไข่ เฉลย : กลว้ ย เป็นพวง” เฉลย : องนุ่ คาใบที่1 : “สามารถสร้างอาหารได้เอง” คาใบที่1 : “เคล่ือนทไี่ ด้คล่องแคล่ววอ่ งไว” คาใบที่ 2 : “หันเข้าหาดวงอาทิตย์” คาใบท่ี 2 : “ชอบออกหากนิ เวลากลางคืน” คาใบที่ 3 : “ใบเด่ยี ว และออกดอกตรงข้ามกัน” คาใบท่ี 3 : “หางไม่มขี น” คาใบ้ท่ี 4 : “เมลด็ เป็นผลแหง้ ” คาใบ้ท่ี 4 : “กนิ อาหารได้หลากหลาย เชน่ เมลด็ พืช” คาใบ้ท่ี 5 : “เป็นดอกเดียวขนาดใหญ่สีเหลืองเข้ม” คาใบ้ท่ี 5 : “มฟี นั แทะคูห่ นา้ ทแ่ี หลมยาวและแหลมคม” เฉลย : ทานตะวนั เฉลย : หนู

คาใบแ้ ละเฉลย คาใบท1่ี : “มขี น”  คาใบท่ี 2 :“สามารถบินได้” คาใบทตี1่ :่า“งมๆีปกี บินได้” คาใบท่ี 3 : “อาศยั อยูบ่ นที่สงู ” คาใบ้ท่ี 4 : “กินหนอน กนิ เมลง กนิ ผลไม้ได”้ คาใบที่ 2 : “มี 6 ขา” คาใบ้ท่ี 5 : “ทอี่ ยู่อาศยั เรยี กว่ารัง” คาใบท่ี 3 : “ชอบบนิ ไปตอมดอกไม้” คาใบ้ท่ี 4 : “กินน้าหวานของดอกไมเ้ ป็นอาหาร” เฉลย : นก คาใบ้ที่ 5 : “ลาตัวมสี ีเหลือง สลับดา” เฉลย : ผ้งึ คาใบท1่ี : “หากนิ เวลากลางคืนเป็นส่วนใหญ่” คาใบที่1 : “ชอบว่ิงเล่น” คาใบที่ 2 : “เป็นส่งิ มีชีวติ กินเนือ้ ” คาใบที่ 2 : “เป็นส่งิ มีชีวติ ทีม่ ีเขีย้ ว” คาใบท่ี 3 : “บางคร้งั อาจกนิ หญา้ หรอื พืชใบเขียว” คาใบท่ี 3 : “ออกลกู เป็นตวั ” คาใบ้ที่ 4 : “ชอบถแู ละกลิ้งเกลือกตวั กับสงิ่ ของ” คาใบ้ที่ 4 : “ทานอาหารเม็ดได้” คาใบ้ท่ี 5 : “มี 4 ขา ชอบส่งเสียงร้อง เหมยี วๆ” คาใบ้ที่ 5 : “ชอบเห่า โฮ่งๆ” เฉลย : แมว เฉลย : สนุ ัข คาใบที่1 : “พบทว่ั ไปในธรรมชาติ ดนิ นา้ อากาศ” คาใบท1่ี : “กินส่ิงอนื่ เป็นอาหาร” คาใบท่ี 2 : “สรา้ งอาหารเองไมไ่ ด้” คาใบที่ 2 : “เคลือ่ นท่ไี ม่ได้” คาใบท่ี 3 : “เคลือ่ นทีไ่ ด้” คาใบ้ที่ 4 : “มขี นาดเล็ก มองด้วยตาเปล่าไม่เหน็ ” คาใบท่ี 3 : “ปลอ่ ยน้าย่อยออกมาย่อยสลายซากให้เป็น คาใบ้ที่ 5 : “เป็นสาเหตสุ าคัญท่ีทาให้อาหารเน่าเสยี ” ธาตอุ าหาร” เฉลย : แบคทเี รีย คาใบ้ที่ 4 : “เกดิ ขน้ึ ในป่าทีม่ ีความชุม่ ชนื้ ” คาใบ้ที่ 5 : “บางชนดิ นามารบั ประทานได้ บางชนิดเป็น พิษ” เฉลย : เหด็

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 ความหลากหลายของพชื หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 ความหลากหลายของสิ่งมีชวี ติ ระยะเวลา 4 ช่วั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด ว 1.3 ป.4/2 จาแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพชื ไม่มีดอกโดยใช้การมีดอกเปน็ เกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลทรี่ วบรวม ได้ 2.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) สงั เกตและบอกลกั ษณะโครงสรา้ งภายนอกของพชื ได้(P) (K) 2) จาแนกพืชออกเป็นพชื ดอกและพชื ไมม่ ดี อก โดยใชก้ ารมีดอกเป็นเกณฑ์ได้ (K) 3) จาแนกพชื ดอกเปน็ พชื ใบเลยี้ งเด่ียวและพชื ใบเลีย้ งคู่ โดยใช้ลกั ษณะภายนอกของพืชเปน็ เกณฑ์ (P) 4) สรา้ งแผนผังหรือแผนภาพ จาแนกพืชท่ีสารวจได้ (P) 5) ยกตัวอย่างการจัดกลมุ่ พชื เพือ่ ปรับใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั ได้ (A) 3.สาระการเรยี นรู้ ใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ในการจาแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอกพืชดอกจาแนกได้เป็นพืชใบเล้ียง เดีย่ วและพืชใบเล้ยี งคู่ 4. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด สิ่งมีชีวิตต่างๆ ในโลกถูกจาแนกออกเป็นหมวดหมู่ เพ่ือง่ายต่อการศึกษา โดยส่ิงมีชีวิตท่ีมีลักษณะสาคัญ รว่ มกันจะถกู จาแนกเอาไว้ในกล่มุ เดียวกนั ซึ่งการจาแนกพืช เราสามารถใชล้ กั ษณะภายนอกของพชื ที่สงั เกตได้มาเป็น เกณฑใ์ นการจาแนกพืชออกเป็นกลุ่ม เช่น ใชก้ ารมีดอกมาจาแนกพืชได้เป็นพชื มดี อกและพืชไมม่ ดี อก พชื ดอก เป็นพืชท่ีมีสว่ นสาคัญ ไดแ้ ก่ ราก ลาต้น ใบ ดอก ผลและเมล็ด เม่อื พืชดอกเจรญิ เติบโตเต็มทแี่ ลว้ จะ ผลติ ดอกเพื่อใช้สาหรับการสืบพันธุ์ หากจัดกลุ่มพืชดอกโดยใช้ลกั ษณะภายนอกเป็นเกณฑ์ จะแบง่ ไดเ้ ปน็ 2 กลุ่มใหญ่ คอื พชื ใบเล้ียงเดย่ี ว และพืชใบเลย้ี งคู่ โดยพืชดอกทั้ง 2 กลุม่ น้ี จะมลี กั ษณะโครงสร้างสว่ นต่างๆ แตกตา่ งกันไป

5. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี นทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1) ความสามารถในการสือ่ สาร 1) มวี นิ ัย 2)ความสามารถในการคิด 1) การสงั เกต 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3)ความสามารถในการแกป้ ญั หา 2) การจาแนกประเภท 3) มุ่งม่ันในการทางาน 3) การตง้ั สมมตฐิ าน 4) การลงความเหน็ จากขอ้ มูล 5) การจัดกระทาและการสือ่ ความหมายข้อมูล 6) การตีความหมายและลงข้อสรปุ 6.กิจกรรมการเรียนรู้  แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : 5Es Instructional Model ชั่วโมงท่ี 1 ขนั้ นา กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทักษะท่ใี ช้ ส่อื ท่ีใช้/อปุ กรณ์ ประเมนิ ผล ข้นั กระตุ้นความสนใจ - ทักษะการ - ตัวอย่างต้นพชื สงั เกต 1.นักเรียนสังเกตพืชท่ีครูเตรียมตัวอย่างต้นพืชมาอย่างน้อย 2 - สังเกต ชนิด (เช่น ใบบัวบกต้นพริก) แล้วใหร้ ่วมกันแสดงความคิดเห็น - ทกั ษะการระบุ พฤตกิ รรมการ เกีย่ วกับลักษณะภายนอกของพชื ท่สี งั เกตได้ - ทักษะการระบุ ทางาน 2.นกั เรยี นตอบคาถามเพื่อกระตนุ้ ความคิด ดงั น้ี รายบคุ คล  พชื ทัง้ 2 ชนิด มีลักษณะภายนอกแตกต่างกนั หรือไม่ อย่างไร (แนวคาตอบ ต่างกัน เช่น ใบมีลักษณะต่างกัน ต้น หน่งึ มดี อก อีกต้นหน่ึงไม่มีดอก เปน็ ตน้ )  นักเรียนคิดวา่ พืชตัวอย่างต้นใดเป็นพืชดอกและพืช ตวั อยา่ งตน้ ใดเปน็ พชื ไม่มดี อก สังเกตไดจ้ ากส่งิ ใด (แนวคาตอบ ต้นพริกเป็นพืชมีดอก ส่วนใบบัวบก เปน็ พชื ไม่มีดอก)

กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทกั ษะทใ่ี ช้ สือ่ ทีใ่ ช้/อุปกรณ์ ประเมนิ ผล 3.นกั เรยี นยกตัวอย่างพืชทอ่ี ยู่รอบๆ ตัวนักเรียนจากนัน้ ครูอธบิ าย - ทักษะการ เพ่ิมเติมว่าพชื มีมากมายหลายชนิด พืชบางชนิดมีลาต้นสงู ใหญ่ สังเกต พืชบางชนิดมีลาต้นขนาดเล็ก พืชบางชนิดมีดอก พืชบางชนิด - ทกั ษะการ ไม่มีดอก จะเห็นได้ว่า พืชแต่ละชนิดมีลักษณะบางอย่าง ระบุ แตกตา่ งกนั และอาจมลี ักษณะบางอยา่ งเหมอื นกนั ขน้ั สอน กจิ กรรมการเรียนรู้ ทกั ษะท่ีใช้ สือ่ ทีใ่ ช/้ อปุ กรณ์ ประเมินผล ขนั้ สารวจคน้ หา - หนงั สอื เรยี น - สงั เกต ชุดแม่บท พฤตกิ รรมการ 1. นกั เรยี นแบง่ กลุม่ ออกเปน็ กลมุ่ ละ 4-5 คน แล้วศกึ ษาขน้ั ตอน มาตรฐาน ทางานกล่มุ การทากิจกรรมพฒั นาทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรท์ ี่ 2 วทิ ยาศาสตร์ สารวจกล่มุ พืช ในหนงั สือเรยี นชดุ แม่บทมาตรฐาน ป.4 หนา้ 27 วิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า 27 2. ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมพัฒนาทักษะกระบวนการทาง - ทักษะการ - หนังสือเรียน - สังเกต วิทยาศาสตรท์ ่ี 2 สารวจกลุม่ พชื โดยปฏิบัติดงั นี้ สังเกต ชุดแม่บท พฤติกรรมการ มาตรฐาน ทางานกลุ่ม 1) นกั เรยี นสารวจพืชตา่ งๆ รอบบริเวณโรงเรยี นมา 5-6 ชนิด - ทกั ษะการ วิทยาศาสตร์ แล้วบันทึกลงในตารางบันทึกผลการสารวจและสังเกต จาแนก ป.4 หน้า 27- - สงั เกต ลักษณะโครงสร้างภายนอกของพืช ในหนังสือเรียนชุด 28 พฤตกิ รรมการ แม่บทมาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หนา้ 28 - ทกั ษะการลง ทางานกลุ่ม ความเหน็ จาก - กระดาษปรู๊ฟ 2) สังเกตและวเิ คราะห์ลักษณะโครงสรา้ งภายนอกของพืชแต่ ขอ้ มลู ละชนิด พิจารณาความเหมือนหรือแตกตา่ งของโครงสรา้ ง ภายนอกท่สี งั เกตได้ แลว้ บนั ทึกผล - ทกั ษะการจดั กระทาและ 3) ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับผลท่ีสังเกต จากน้ัน การส่อื ช่วยกันจัดกลุ่มพืชโดยใช้ลักษณะภายนอกของพืชเป็น ความหมาย เกณฑ์ ข้อมูล 4) อภิปรายและสรุปผลการทากิจกรรม แล้วนาข้อมูลการ - ทกั ษะการ จาแนกพืชมาจัดทาเป็นแผนผงั แผนภาพ หรอื อื่นๆ ลงใน ตีความหมาย กระดาษปรู๊ฟแล้วตกแต่งให้สวยงาม เพ่ือนาเสนอข้อมูล และลงขอ้ สรุป หนา้ ช้นั เรียน - ทกั ษะการ ขนั้ อธิบายความรู้ ส่อื สาร 1.นักเรียนออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชั้น ในประเดน็ ต่อไปนี้ 1) ลกั ษณะโครงสรา้ งภายนอกพืชแตล่ ะชนดิ 2) เกณฑ์ทใ่ี ช้ในการจาแนกพืชพรอ้ มเหตุผล

กิจกรรมการเรยี นรู้ ทักษะท่ีใช้ สอ่ื ทใ่ี ช้/อปุ กรณ์ ประเมนิ ผล 3) ผลการจาแนกพืชทส่ี ารวจตามเกณฑท์ ีต่ ง้ั ไว้ - ทกั ษะการคดิ - หนังสอื เรยี น - ตรวจแบบฝกึ วิเคราะห์ พฒั นาการ 2. นักเรียนทาแบบฝึกพัฒนาการเรียนรู้ท่ี 2 ในหนังสือเรียน ชุดแม่บท เรยี นร้ทู ี่ 2 ชุดแมบ่ ทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า 30 มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า 30 ชวั่ โมงท่ี 2 ทักษะทีใ่ ช้ ส่อื ท่ใี ช้/อปุ กรณ์ ประเมนิ ผล ขั้นสอน [ต่อ] - ทักษะการระบุ - สงั เกต กิจกรรมการเรยี นรู้ พฤติกรรมการ ทางาน ขน้ั อธิบายความรู้ รายบุคคล 1. ทบทวนความความรู้โดยนักเรียนสแกน QR Code 3D - ทักษะการ - บตั รภาพตน้ - สงั เกต โครงส ร้างเฟิร์น ในห นังสือเรียน ชุดแม่บ ทมาตรฐาน สงั เกต พชื ชนดิ ต่างๆ พฤตกิ รรมการ วิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า 29 แล้วตอบคาถามว่าพืชดอก และ ทางานกลุม่ พืชไมม่ ดี อกมีโครงสร้างภายนอกแตกต่างกนั หรอื ไม่ อย่างไร - ทกั ษะการ (แนวตอบต่างกัน พืชมีดอกประกอบด้วย ราก ลาต้น ใบและ จาแนก - สังเกตพฤติกรรม ดอก ส่วนพืชไม่มีดอก ประกอบด้วย ราก ลาต้น และใบ แต่ ประเภท การทางานกลมุ่ จะไม่มีดอกตลอดชีวติ ) - ทักษะการ - สงั เกต 2. นกั เรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็นกลมุ่ ละ 4-5 ปฏบิ ัติ ดังนี้ สอื่ สาร พฤติกรรมการ ทางาน 1) ส่งตัวแทนรับบัตรภาพต้นพืชชนิดต่างๆ กลุ่มละ 1 ชุด - ทกั ษะการสรุป รายบคุ คล ชุดละ 8-10 ใบ ลงความเห็น 2) นักเรียนช่วยกันสังเกตลักษณะภายนอกของต้นพืชใน - หนงั สอื เรยี นชุด บตั รภาพ และจาแนกโดยใช้เกณฑพ์ ชื ดอกและไมม่ ดี อก แม่บทมาตรฐาน 3. นักเรียนนาเสนอผลการจาแนกบตั รภาพต้นพืชชนิดต่างๆโดย ใช้เกณฑ์พชื ดอกและไม่มีดอก 4. นักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทากิจกรรมจนได้ข้อสรุปว่า พืชบางชนิดมีโครงสร้างส่วนต่างๆ ภายนอกท่ีสาคัญ ได้แก่ ราก ลาต้น ใบ และดอก เหมือนกัน จึงจัดเป็นกลุ่มพืชดอก ส่วนพืชบางชนิดที่มีโครงสร้างส่วนต่างๆ ภายนอกท่ีสาคัญ ได้แก่ ราก ลาต้น และใบ แต่ไม่มีดอกตลอดการดารงชีวิต เหมือนกนั จัดเป็นกลุ่มพชื ไมม่ ีดอก ขนั้ สารวจค้นหา 1. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน จากนัน้ ใหน้ ักเรียนศึกษา ข้ั น ต อ น ก า ร ท า กิ จ ก ร ร ม พั ฒ น า ทั ก ษ ะ ก ร ะ บ วน ก า ร ท า ง

กิจกรรมการเรียนรู้ ทกั ษะทใี่ ช้ ส่อื ที่ใช/้ อุปกรณ์ ประเมินผล วิทยาศาสตร์ที่ 3 ศึกษาพืชดอก ในหนังสือเรียนชุดแม่บท วิทยาศาสตร์ ป.4 มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หนา้ 31-32 หน้า 31-32 2.นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมพัฒ นาทักษะกระบวนการทาง - ทักษะการ - หนังสือเรยี น - สงั เกต วทิ ยาศาสตรท์ ่ี 3 ศึกษาพืชดอก โดยปฏิบัตดิ งั น้ี สงั เกต ชุดแม่บท พฤตกิ รรมการ มาตรฐาน ทางานกลุ่ม 1) นักเรียนศึกษาลักษณะภายนอกของต้นพริก และต้นหญ้า - ทกั ษะการลง วิทยาศาสตร์ วา ด ภ า พ ท่ี สั ง เก ต ไ ด้ ล ง ใ น ต า ร าง บั น ทึ ก ผ ล ก า ร สั ง เก ต ความเห็นจาก ป.4 หน้า 32 ลกั ษณะโครงสรา้ งภายนอกของพืชดอก ในหนังสือเรียนชุด ขอ้ มลู แมบ่ ทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า 32 - ต้นพริก - ทกั ษะการ 2)สังเกตลักษณะของราก ลาต้น และเส้นใบของต้นพืชว่ามี ตง้ั สมมตฐิ าน - ตน้ หญา้ ลักษณะเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไรแล้วสืบค้นข้อมูล เพม่ิ เติมจากแหลง่ ข้อมูลอืน่ ๆ - กระดาษปรู๊ฟ 3) ร่วมกันเปรยี บเทยี บความแตกตา่ งของราก ลาต้นและเสน้ ใบ 4) นักเรียนพิจารณาลักษณะต่างๆ แล้วนามาเป็นเกณฑ์เพื่อ จาแนกประเภทของพชื บนั ทึกผลลงในกระดาษปรฟู๊ หมายเหตุ : ครูอาจเตรยี มตน้ ไมช้ นิดอืน่ แทนต้นพริกและตน้ หญ้า ได้ โดยคานึงว่าต้องเป็นพืชใบเล้ียงเด่ียวกับพืชใบเล้ียงคู่เพ่ือใช้ เปรยี บเทียบ ชวั่ โมงที่ 3 ข้นั สอน [ต่อ] กจิ กรรมการเรยี นรู้ ทกั ษะท่ีใช้ สอ่ื ที่ใช้/อปุ กรณ์ ประเมนิ ผล ขัน้ อธบิ ายความรู้ - ทักษะการ - บัตรภาพต้น สงั เกต ข้าวโพดและ 1. นักเรียนตอบคาถามทบทวนความรู้เดิมว่า ต้นพริกกับหญ้ามี ตน้ ทานตะวัน ลกั ษณะภายนอกเหมอื นกันหรอื แตกต่างกนั หรอื ไม่ อย่างไร - ทกั ษะการระบุ - สงั เกต (แนวคาตอบ ต้นหญา้ ใบเรยี วยาว สว่ นต้นพรกิ ใบกลมกว่า) - ทกั ษะการ พฤติกรรมการ 2. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอผลการทากิจกรรม หน้าชน้ั สื่อสาร ทางานกลุ่ม ในประเดน็ ต่อไปนี้ 1) ลักษณะราก ลาตน้ เสน้ ใบ ของตน้ หญา้ และตน้ พริก 2) เกณฑท์ ีใ่ ชใ้ นการจาแนกพชื และผลการจาแนกพืชทส่ี ารวจ ตามเกณฑ์ท่ตี ั้งไว้

กิจกรรมการเรยี นรู้ ทักษะทีใ่ ช้ สื่อท่ีใช้/อปุ กรณ์ ประเมินผล 3.นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเรื่องพืชใบเลี้ยงเด่ียวกับพืชใบเลี้ยงคู่ - ทกั ษะการ - หนงั สือเรยี น - สงั เกต ในหนังสือเรียนชุดแม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4หน้า 33 สังเกต ชุดแมบ่ ท พฤตกิ รรมการ แล้วปฏิบตั ิดังนี้ มาตรฐาน ทางานกลุม่ 1) นาข้อมูลท่ีได้มาจาแนกต้นพริกกับต้นหญ้า ว่าพืชชนิดใด - ทกั ษะการลง วิทยาศาสตร์ เป็นพืชใบเลี้ยงเด่ียวและใบเลี้ยงคู่บันทึกลงในตาราง ความเห็นจาก ป.4 หนา้ 32- บันทึกผลการสังเกตลักษณะโครงสร้างภายนอกของพืช ข้อมลู ดอก ในหนังสือเรียนชุดแม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 33 4 หน้า 32 - ทกั ษะการ สอ่ื สาร 2) นาเสนอข้อมลู การจาแนกพร้อมบอกลกั ษณะพืชใบเล้ียงคู่ ใบเล้ียงเดีย่ ว - ทกั ษะการ เชอ่ื มโยง 3) ยกตัวอย่างพืชดอกมา 1 ชนิด บอกลักษณะราก ลาต้น เสน้ ใบ และวิเคราะห์ว่าเป็นพชื ใบเลย้ี งคู่หรือใบเล้ยี งเดี่ยว 4. นกั เรียนร่วมกนั สรุปว่า จากการทากจิ กรรมทาใหท้ ราบว่า เมื่อ - ทักษะการสรปุ - สงั เกต ใช้ลักษณะของราก ลาต้น และใบของพืชดอกเป็นเกณฑ์ ลงความเห็น พฤติกรรมการ ร่วมกัน สามารถจาแนกพืชดอกออกเป็น 2 ประเภทได้แก่พืช ทางาน ใบเล้ียงคู่และพชื ใบเล้ยี งเด่ียว - ทักษะการระบุ - หนงั สือเรยี น รายบคุ คล ชุดแมบ่ ท 5. นักเรียนทาแบบฝึกพัฒนาการเรียนรู้ที่ 3 ในหนังสือเรียนชุด มาตรฐาน - ตรวจแบบฝึก แมบ่ ทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 หนา้ 34-35 พฒั นาการ วิทยาศาสตร์ เรียนรทู้ ี่ 3 ชัว่ โมงท่ี 4 ป.4 หนา้ 34- ข้ันสอน [ตอ่ ] 35 กจิ กรรมการเรียนรู้ ทกั ษะทีใ่ ช้ สือ่ ทใ่ี ช้/อปุ กรณ์ ประเมนิ ผล ขั้นขยายความเข้าใจ - ทกั ษะการระบุ - บัตรภาพพืช - สังเกต ดอก พฤติกรรมการ 1. นักเรียนแต่ละคนบอกช่ือพืช 1 ชนิด และให้นักเรียนในห้อง - ทกั ษะการ ทางาน ร่วมกนั อภิปรายวา่ เป็นดอกหรอื พชื ไมม่ ีดอก เพราะเหตุใด สังเกต รายบุคคล (แนวตอบ ข้ึนอยู่กับคาตอบของนักเรียน ให้อยู่ในดุลยพินิจ - ทักษะการลง - สงั เกต ของครูผู้สอน) ความเห็นจาก พฤติกรรมการ ข้อมลู ทางาน 2. นกั เรยี นดูบัตรภาพพืชดอกทีละใบ แล้วให้นกั เรียนบอกวา่ เป็น รายบุคคล พชื ใบเล้ียงเดย่ี วหรอื พชื ใบเลี้ยงคู่พร้อมทั้งบอกเหตุผล

กิจกรรมการเรยี นรู้ ทักษะที่ใช้ สือ่ ทีใ่ ช/้ อปุ กรณ์ ประเมินผล 3. นักเรียนทากิจกรรมสารวจพืชใบเลี้ยงเด่ียวและใบเลี้ยงคู่ใน - ทกั ษะการ - ใบงานที่ 2.1 - สงั เกต โรงเรียนนกั เรยี นปฏิบตั ดิ งั นี้ สงั เกต ใบไม้ท่ฉี ันชอบ พฤติกรรมการ ทางาน 1) สารวจพืชชนิดต่างๆ ในบริเวณโรงเรียนแล้วเลือกใบไม้ท่ี - ทักษะการ รายบุคคล สนใจมา 1 ชนดิ จาแนก ประเภท 2) ให้นักเรียนนาใบไม้มาวาดภาพหรือทาใบไม้ฝนสีลงในใบ งานที่ 2.1 ใบไมท้ ี่ฉันชอบ จากนั้นตกแตง่ ใหส้ วยงาม - ทกั ษะการจัด กระทาและสื่อ 3) สังเกตลกั ษณะของเส้นใบ วเิ คราะห์ว่าใบไม้ที่นักเรียนเลือก ความหมาย มาเปน็ ใบไมข้ องพืชใบเลยี้ งเดย่ี วหรอื ใบเลีย้ งคู่ ข้อมูล 4) นาผลงานไปติดแสดงไวบ้ ริเวณหลงั ห้อง 5) ร่วมกันโหวตผลงานที่น่าสนใจท่ีสุด เพื่อออกมานาเสนอ หนา้ ช้ันเรยี น 6) ออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรียน ข้นั สรุป กิจกรรมการเรียนรู้ ทักษะที่ใช้ ส่ือทใ่ี ช้/อุปกรณ์ ประเมนิ ผล 1. นักเรียนร่วมกันสรปุ ความรู้ เรือ่ ง ความหลากหลายของพืชว่า - ทกั ษะการสรปุ - สงั เกต พืชเป็นกลุ่มส่ิงมีชีวิตหนึ่งที่อาศัยอยู่บนโลก และมีหลายชนิด ลงความเห็น พฤติกรรมการ พืชเป็นส่ิงมชี ีวิตท่ีสามารถสร้างอาหารเองได้จากกระบวนการ ทางาน สังเคราะห์ด้วยแสง พืชชนิดต่างๆ อาจมีลักษณะบางอย่างท่ี รายบคุ คล เหมอื นกนั หรอื แตกต่างกันขึ้นอยู่กบั ชนดิ ของพืช ดังนนั้ เพอ่ื ให้ ง่ายและสะดวกในการศึกษาเก่ียวกับพืช นักวิทยาศาสตร์จึง จาแนกพชื ออกเป็นกลมุ่ ๆโดยใชเ้ กณฑ์ทเี่ หมาะสมเมื่อใชก้ ารมี ดอกเป็นเกณฑ์ จึงสามารถจาแนกพืชได้เป็น 2 กลุ่มคือ พืช ดอก และพืชไม่มีดอกพืชส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นพืชดอกดังนั้น เพ่ือการศึกษาพืชดอกทาได้ง่ายขึ้น จึงใช้ลักษณะโครงสร้าง ภายนอก ได้แก่ ราก ลาตน้ ใบ และดอก มาเป็นเกณฑ์ร่วมกัน ในการจาแนกพืชดอกออกเป็น 2 กลุ่มคือ พืชใบเล้ียงเด่ียว และพชื ใบเล้ยี งคู่

ขนั้ ประเมิน กิจกรรมการเรยี นรู้ ทักษะท่ใี ช้ ส่อื ทใ่ี ช้/อุปกรณ์ ประเมินผล ขัน้ ตรวจสอบ - ทักษะการระบุ - ใบงานท่ี 2.1 - สงั เกต 3. นักเรียนตรวจสอบใบงานท่ี 2.1 ใบไม้ท่ีฉันชอบ ของตนเอง - ทักษะการระบุ ใบไมท้ ่ีฉันชอบ พฤตกิ รรมการ ทางาน และเพ่ือนว่าถูกตอ้ งหรอื ไม่และใหแ้ ก้ไขใหถ้ กู ตอ้ ง - หนังสอื เรียน รายบุคคล ชดุ แมบ่ ท 4. ครูตรวจกิจกรรมพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ท่ี มาตรฐาน - ตรวจตาราง 2สารวจกลุ่มพืช ในหนังสือเรียนชุดแม่บทมาตรฐาน วิทยาศาสตร์ บันทกึ ผล วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หน้า 28 ป.4 หน้า 28 - ตรวจตาราง 3.ครูตรวจบันทึกผลกิจกรรมพัฒนาทักษะกระบวนการทาง - หนงั สอื เรยี น บนั ทกึ ผล วิทยาศาสตร์ท่ี 3ศึกษาพืชดอกในหนังสือเรียนชุดแม่บท ชุดแมบ่ ท มาตรฐานวทิ ยาศาสตร์ป.4 หน้า 32 มาตรฐาน - ตรวจแบบฝกึ วทิ ยาศาสตร์ พฒั นาการ 4. ครูตรวจแบบฝึกพัฒนาการเรียนรู้ท่ี 2 ในหนังสือเรยี น ชุด ป.4 หนา้ 32 เรียนรูท้ ่ี 2 แม่บทมาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หนา้ 30 - หนังสือเรยี น - ตรวจแบบฝึก 5.ครตู รวจแบบฝึกพัฒนาการเรยี นรทู้ ่ี 3ในหนังสือเรยี นชุดแม่บท ชุดแม่บท พัฒนาการ มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า 34-35 มาตรฐาน เรยี นรู้ที่ 3 วิทยาศาสตร์ ป.4 หน้า 30 - หนงั สอื เรียน ชดุ แมบ่ ท มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หน้า 34- 35

7.การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ รายการวดั - ตรวจกิจกรรมพฒั นา - หนังสือเรยี นชดุ แม่บท ทกั ษะกระบวนการ มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ 1) กิจกรรมพัฒนาทกั ษะ ทางวทิ ยาศาสตรท์ ่ี 2 ป.4 หนา้ 28 กระบวนการทาง สารวจกลุ่มพชื วิทยาศาสตรท์ ่ี 2 สารวจกลมุ่ พชื 2) กิจกรรมพัฒนาทักษะ - ตรวจบนั ทึกผล - หนงั สอื เรียนชดุ แมบ่ ท - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ กระบวนการทาง กิจกรรมพัฒนาทักษะ มาตรฐานวทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ที่ 3ศึกษา ป.4 หนา้ 32 กระบวนการทาง พชื ดอก วทิ ยาศาสตร์ท่ี 3 3) แบบฝกึ พฒั นาการ - ตรวจแบบฝกึ - หนังสอื เรยี นชุดแมบ่ ท - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ เรยี นร้ทู ่ี 2 พฒั นาการเรียนรทู้ ี่ 2 มาตรฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4 หนา้ 30 4) แบบฝกึ พฒั นาการ - ตรวจแบบฝกึ - หนงั สือเรยี นชุดแมบ่ ท - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ เรยี นรู้ท่ี 3 พัฒนาการเรียนรูท้ ่ี 3 มาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 5) ใบงานที่ 2.1 ใบไมท้ ่ี - ตรวจใบงานท่ี 2.1 - ใบงานที่ 2.1 ใบไมท้ ี่ - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ฉนั ชอบ ใบไม้ทฉี่ ันชอบ ฉนั ชอบ 6) พฤตกิ รรมการทางาน - สังเกตพฤตกิ รรมการ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพดี ผ่าน รายบุคคล ทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล เกณฑ์ 7) พฤติกรรมการทางาน - สังเกตพฤติกรรมการ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพดี ผ่าน กล่มุ ทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม เกณฑ์ หมายเหตุ : แบบสังเกตพฤตกิ รรมประเมินรายเทอม

8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 13) หนังสือเรียนชุดแม่บทมาตรฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2ความหลากหลายของส่งิ มชี วี ติ 14) วสั ดุ-อปุ กรณใ์ นกิจกรรมพฒั นาทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ท่ี 2 สารวจกลุ่มพืช 15) วสั ด-ุ อปุ กรณ์ในกิจกรรมพัฒนาทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ 3ศกึ ษาพชื ดอก 16) ใบงานท่ี 2.1 ใบไมท้ ี่ฉนั ชอบ 17) QR Code 3D โครงสร้างเฟริ ์น 18) ตัวอยา่ งตน้ พชื 19)บตั รภาพต้นพืชชนิดตา่ งๆ 20) บตั รภาพตน้ ข้าวโพดและตน้ ทานตะวนั 21) กระดาษปรู๊ฟ 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องเรียน 2) บรเิ วณตา่ งๆ ในโรงเรยี น 3) อินเทอรเ์ น็ต

ใบงานที่ 2.1 ใบไมท้ ฉี่ ันชอบ คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นวาดภาพใบไม้ทช่ี อบ โดยบอกโครงสร้างของใบและวิเคราะหว์ ่าเปน็ พชื ใบเล้ยี ง เดย่ี วหรือพชื ใบเลีย้ งคู่พร้อมระบายสีให้สวยงาม พืชดอกทฉ่ี ันชอบคอื เป็นพชื ดอกประเภท

ใบงานท่ี 2.1 เฉลย ใบไมท้ ี่ฉนั ชอบ คาช้ีแจง : ให้นักเรียนวาดภาพใบไม้ท่ีชอบ โดยบอกโครงสร้างของใบและวิเคราะห์ว่าเป็นพืชใบเลี้ยง เดยี่ วหรอื พชื ใบเล้ียงคู่พรอ้ มระบายสใี ห้สวยงาม ข้นึ อยูก่ ับดุลยพินจิ ของครผู ูส้ อน พชื ดอกท่ฉี ันชอบคือ เป็นพชื ดอกประเภท


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook