๑๙๓ ภมู ปิ ระเทศ พ้ืนท่ีบริเวณตาบลสามตุ่ม มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มทางตอนใต้ของอาเภอเสนา พ้ืนที่มีลักษณะ เป็นทุ่งนากวา้ งสาหรับทาเกษตรกรรม มีแหลง่ น้าตามธรรมชาติสายสาคัญไหลผ่าน ได้แก่คลองขนมจีน ซึ่ง เป็นลาคลองสาขาที่แยกจากแม่น้าน้อยที่ไหลผ่านมาทางตอนบนของอาเภอเสนา ประชาชนนิยมปลูก บา้ นเรือนอยรู่ ิมสองฝงั่ คลองตามลกั ษณะวิถีชีวิตท่สี ัมพนั ธก์ ับธรรมชาติเป็นหลัก แผนที่ ๓๖ สภาพทางภมู ศิ าสตรต์ าบลสามตมุ่ ท่ีมา: สถาบนั อยธุ ยาศกึ ษา พ.ศ.๒๕๖๑
๑๙๔ เขตกำรปกครอง ตาบลสามตมุ่ แบ่งเขตการปกครอง เปน็ ๙ หม่บู ้าน ดงั น้ี หมู่ที่ ๑ บ้านสาคลี หมทู่ ี่ ๖ บ้านไทรน้อย หมทู่ ี่ ๒ บา้ นสาคลโี คกจฬุ า หมู่ที่ ๗ บา้ นไทรใหญ่ หมทู่ ่ี ๓ บ้านสามตุ่ม หมู่ท่ี ๘ บ้านหลม่ ตารอดคู้สลอด หม่ทู ่ี ๔ บ้านหนา้ วดั หมู่ที่ ๙ บา้ นหว้ ยรี หมู่ที่ ๕ บ้านทา้ ยวดั ๑๗.๒ ตำนำนและควำมทรงจำของท้องถิ่น ตำนำน ตานานเลา่ ขานเกี่ยวกบั ชื่อตาบลสามตุ่ม นางประดับ มาบุรี ไดใ้ หข้ ้อมูลวา่ มีเรือ่ งเล่าวา่ เมอื่ สมัย กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีและเป็นช่วงที่กองทัพของพม่าได้เข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านได้อพยพหนี พม่า และไดฝ้ ังทรัพย์สมบัติโดยการฝังตุ่ม ๓ ใบ ไวใ้ นบริเวณพื้นทีน่ ั้น ซ่ึงในตุ่มน้ันได้ใส่แก้วแหวนเงินทอง เมื่อยุติการทาศึกแล้วชาวบ้านรุ่นหลังได้พบตุ่ม ๓ ใบ ฝังอยู่ใต้ดิน จึงไดต้ ั้งชอ่ื บรเิ วณนั้นวา่ “สามตุ่ม” และ เรียกขานมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีเร่ืองราวของวัดสามตุ่ม ซ่ึงมีท่ีมาจากในอดีตคนในชุมชนอาศัยอยู่ที่ท้ายวัด จึง เรียกว่าหมู่บ้านท้ายวัด ในพ.ศ.๒๔๕๐ มีคนอพยพมาจากตาบลลาดน้าเค็ม อาเภอผักไห่ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เพื่อเดินทางมาเพื่อมาทานา และต่อมาได้อพยพย้ายมาอยู่ประจา เมื่อได้อยู่มา ประมาณ ๑๐ ปีจึงมาร่วมกันสร้างวดั ขึ้น ผู้สรา้ ง คือ ตระกูลสุทธิธรรม ดาเนินการสร้างวัดสามตุ่มที่อยู่ใน ปัจจุบัน ในการเริ่มสร้างวัดสามตุ่ม มีการนิมนต์พระธุดงค์มาอยู่หลายปี จึงเกิดศรทั ธามากขึ้นและนิมนต์ หลวงพ่อปาน วดั บางนมโค มาสร้างวดั สามตุ่ม ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ควำมทรงจำทอ้ งถิน่ ในอดีตชุมชนบ้านสามตุ่มเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีการจับปลาโดยการทอดแห ยกยอ ลงขา่ ยตามภูมิปญั ญาดงั้ เดมิ มกี ารปลูกผกั ตามรมิ แม่นา้ เพื่อรบั ประทานในครัวเรอื น นอกจากนี้ ยังมีเร่ืองราวเกี่ยวกับที่มาของคลองขนมจนี ซ่งึ เป็นลาคลองสายหลักในตาบลสามตุ่ม โดยในอดตี คลองขนมจีนเป็นเสน้ ทางการเดินทางเขา้ กรงุ เทพมหานครและเปน็ เส้นทางขนส่งการคา้ ผลิตผล ทางการเกษตร และตลาดสาคลีเป็นศูนย์กลางการรับส่งสินค้าทางการเกษตรและมีการส่งขายต่อไปยัง ตลาดบ้านแพน ซึ่งตลาดบ้านแพนมีโรงสีข้าวมากมายและคนนุชมชนส่วนใหญ่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ริม คลองขนมจีน ซงึ่ มาจากชาวบา้ นส่วนใหญท่ าขนมจีนเป็นสว่ นมาก คลองนี้จึงมชี อื่ วา่ คลองขนมจีน
๑๙๕ ๑๗.๓ วิถชี ีวิต และควำมสัมพนั ธท์ ำงสังคม ด้ำนอำชีพ ในอดีตคนในชุมชนประกอบอาชีพเกษตรกรรม เม่ือได้ผลิตผลทางการเกษตร จะ นาไปขายที่ตลาดสาคลี ซ่ึงปจั จุบันไมม่ ีแลว้ นอกจากนี้ยังมีการออกหาปลาชว่ งฤดูน้าท่วมเพ่ือรับประทาน และแบง่ ปันเพอื่ นบา้ น ปจั จบุ นั วถิ ชี วี ิตของคนในชุมชนมีอาชีพเกษตรกรรม รบั จ้างทว่ั ไป ทางานโรงงาน ปลูกพืชผักสวน ครัวไว้รบั ประทานในครวั เรือนเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย คนชมุ ชนได้มีความสนใจในการศึกษาด้านสมุนไพร เพ่ือใช้รักษาโรค มีบางส่วนท่ีทานา้ หมกั ไว้ใช้ในครวั เรอื น และยงั จัดจาหน่ายอกี ดว้ ย ดำ้ นกำรเดินทำง ในอดีตคนในชมุ ชนมีวิถีชวี ิตอยู่กับการเดินทางจะใช้เรือเพื่อเป็นพาหนะ เน่ืองจากยังไม่มีถนนท่ี สามารถเดินทางได้อยา่ งสะดวกเหมือนในปจั จบุ ัน การเดนิ ทางเขา้ มาท่ีกรุงเทพมหานคร ต้องสัญจรโดยใช้ เรือด่วนทท่ี ่าเรือบ้านแพน และยังมีการเดินเท้าเพ่ือเดินไปสถานท่ีต่าง ๆ จะใช้วิธกี ารเดินลัดทุ่ง เพราะใน อดตี ยงั ไมม่ ถี นนเหมือนปัจจบุ นั ปัจจุบันการเดินทางมีความสะดวกมากข้ึน เน่ืองจากมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถโดยสาร ประจาทาง การขนึ้ รถโดยสารเพื่อเขา้ ตัวจังหวดั อยุธยา หรอื เขา้ กรุงเทพมหานคร ด้ำนเศรษฐกิจ ในอดีต ตาบลสามตุ่มหรือหมู่บ้านท้ายวัด จะมีตลาดค้าส่งสินค้าและมีโรงสีข้าว มีตลาดเก่าแก่ ซ่ึงชาวบ้านส่วนใหญ่แถบเสนาตอนใต้จะมาจับจ่ายซื้อของกันท่ีตลาดสาคลีเป็นส่วนใหญ่ ซ่ึงเดิมเรียกขาน กันว่าท่าเกวียนของทุ่งกว้าง ชาวบ้านทางคู้สลอด ซึ่งอยู่ทางอาเภอลาดบัวหลวง โคกจุฬาก็จะใช้เส้นทาง เรอื มาจับจ่ายซ้อื ของที่ตลาดสาคลี ซึง่ ปจั จุบันตลาดสาคลจี ะย้ายไปอยู่ติดถนนสายหลกั ซง่ึ อยู่ในเขตตาบล บางนมโค ทาให้ศูนย์กลางการค้าในตาบลสามตุ่มเปลี่ยนแปลงไป โดยพบว่ากิจกรรมทางเศรษฐกจิ ของชาว ตาบลสามตุ่มในปัจจุบัน มักยึดโยงกับแหล่งการค้าอ่ืน ๆ ในพ้ืนท่ีนอกตาบล เช่นตลาดโรงงานรองเท้า ตลาดบ้านแพน ตลาดนัดวดั มารวชิ ัย และตลาดประชารัฐวัดมารวชิ ยั เป็นต้น ดำ้ นกำรศกึ ษำ ในอดีตชาวบ้านตาบลมารวิชยั รับการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาท่ีศาลา วัดมารวิชัย ศาลาวัดสามตุ่ม และศาลาวัด คู้สลอด ส่วนในระดับอุดมศึกษาชาวบ้านทั่วไปมักไม่เข้ารับ การศกึ ษาตอ่ เน่ืองจากการศกึ ษาในระดบั ชัน้ อดุ มศกึ ษามคี ่าใช้จ่ายในการเรียนสงู ส่วนคนท่ีบา้ นพอมีฐานะ จะเข้าเรียนในระดับชันมัธยมศกึ ษาที่ โรงเรยี นเสนาประสทิ ธ์ิ ในปจั จุบันนักเรยี นไดร้ ับโอกาสในการศึกษา มากมาย มีโรงเรียนเกิดข้ึนเป็นจานวนมาก ท้ังภาครัฐและเอกชน ในระดับชั้นประถมศึกษา จะศึกษาที่ โรงเรียนเสนาบดี ต่อด้วยการเรยี นระดบั ช้ันมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนเสนาประสิทธิ์ และระดบั ช้นั อุดมศึกษา
๑๙๖ ได้ศึกษาต่อท่ีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จังหวัด พระนครศรอี ยุธยาและมหาวทิ ยาลัยอนื่ ๆ ในกรุงเทพมหานคร ๑๗.๔ ภูมิปัญญำท้องถิ่น ภมู ิปญั ญาด้านการแปรรูปอาหาร ในชุมชนสามตุ่มมกี ารแปรรูปอาหาร คอื การทากล้วยฉาบและ กล้วยเบรกแตก ซึง่ เป็นสนิ คา้ OTOP ของชุมชน มีการจัดต้ังกลมุ่ การทากล้วยฉาบประจาตาบลขึ้น การทา กลว้ ยฉาบและกล้วยเบรกแตกข้ึนอยู่กับชนิดของกล้วยและสว่ นประกอบในการปรุงรสวา่ เป็นชนิดเค็มหรือ หวาน ซ่งึ รายได้ในการแปรรูปกลว้ ยนั้นข้ึนอยู่กับปรมิ าณการขายกล้วยของแต่ละคน ๑๗.๕ ประเพณที อ้ งถน่ิ กำรทำบุญพระแม่โพสพ ประเพณีท้องถ่ินในตาบลสามตุ่มส่วนใหญ่มีลักษณะวิถีเกษตรกรรม และความเช่อื ทางศาสนา เชน่ ในท้องถิน่ ช่วงประมาณเดอื นเมษายนของทกุ ปจี ะมกี ารทาบุญแม่โพสพ ตอ้ ง ประกอบพิธเี ซน่ บูชาแม่โพสพทุกระยะ เช่น ก่อนหน้าเวลาฤกษ์แรกนา จะปลูกศาลเพียงตาสงู ระดบั สายตา คนข้ึน ณ ที่ใดท่ีหน่ึง ที่กาหนดไว้เป็นที่แรกนา ตระเตรียมเคร่ืองสังเวยบูชาแม่โพสพให้ครบถ้วน ข้ันตอน วิธีการทาบุญแม่โพสพ คือ ไถคร้ังท่ี ๑ เรยี กวา่ ไถดะ เพ่ือให้ดนิ หลวม เมื่อฝนตกลงมาแล้วหญา้ จะขึ้น เมื่อ หญ้าขึ้นเป็นจานวนมากจึงไถครั้งท่ี ๒ เรียกว่า ไถแปร เพ่ือให้หญ้าข้ึนมาน้ันตายโดยไม่ต้องใช้ยาฉีด จากนั้นไถครั้งท่ี ๓ เรยี กว่า ไถหว่าน หญ้าที่เหลือก็จะตายอีกครัง้ เมื่อถึงเวลาหว่านข้าวจะเร่มิ ทาพิธีกรรม ตามความเช่อื โบราณ มีอุปกรณ์ในการทาพิธี คอื เคร่ืองที่ทาการแรกนา มีกระทุน ๑ อนั หมาก ๕ คา บหุ ร่ี ๑ ม้วน ใบคูน ใบยอ ธูป ๕ ดอก กรวยทาด้วยใบตอง ๕ อัน ดอกไม้ ๕ ดอก หรือเรียกว่า ขัน ๕ ข้าวเปลือกประมาณ ๑ กิโลกรัม พร้อมทั้งกล่าวคาขวัญเป็นถ้อยคาไพเราะ อ้อนวอน พระแม่โพสพให้ คุ้มครอง รักษาต้นข้าว ขอให้ปีน้ีจงทานาได้ผลเพ่ือเป็นขวัญและกาลังใจใหก้ ับชาวนาผู้ทาการเกษตรกรรม ต่อไป กำรทำขวัญนำค เป็นประเพณีที่ทาในงานอุปสมบท เพ่ือเป็นการสอนนาคให้ระลึกถึงบุญคุณ ของผใู้ ห้กาเนิด และเตรยี มตัวเพ่ือเปน็ การศกึ ษาพระธรรมวินัยต่อไป ซึง่ คนในชมุ ชนสามตุ่มมหี มอทาขวัญ ประจาตาบล คือ นายผนิ สุขจรูญ หรอื คนในชมุ ชนเรยี กว่าหมอผิน ซง่ึ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการทาพิธีการตั้ง ศาลพระภูมิอีกด้วย โดยได้ไปเรียนวิชาข้ันตอนการทาพิธีกรรมต่าง ๆ กับพ่อเพื่อนที่อาเภออุทัย จังหวัด พระนครศรีอยุธยา และได้ไปเรียนกับพระราชโมรี เจ้าคณะอ่างทอง เจ้าอาวาสวัดต้นสน โดยท่านได้ให้ หนังสือมาศึกษาต่อ แต่ในอดีตมี อ.บุญมี เกตุบท เป็นผยู้ กศาลก่อน ต่อมา อ.บุญมี ได้เสียชีวิต หมอผนิ จึง เรม่ิ รับงานยกศาลมาจนถงึ ปจั จุบัน การตั้งศาลการยกศาลพระภูมิจะหยุดในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ขน้ั ตอนการตั้งศาลพระภูมิ ส่ิงที่ ต้องคานึงในการต้ังศาลพระภูมิ คือ สถานที่ต้ัง,ทิศทาง,วันและฤกษ์ตั้ง,ความสูงของศาลพระภูมิและผู้ ประกอบพธิ กี รรมการต้งั ศาลพระภมู ิ รายการของมงคลใสห่ ลุม ประกอบดว้ ย
๑๙๗ ๑.เหรียญเงิน ๙ เหรยี ญ ๘.ใบนางกวกั ๙ ใบ ๒.เหรียญทอง (เหรียญสลึงหรือ ๕๐ ๙.ใบนางคุ้ม ๙ ใบ ๑๐.ใบกาหลง ๙ ใบ สตางคก์ ็ได้) ๙ เหรียญ ๑๑.ดอกบานไมร่ โู้ รย ๙ ดอก ๓.ใบเงิน ๙ ใบ ๑๒.ดอกพทุ ธรกั ษา ๙ ดอก ๔.ใบทอง ๙ ใบ ๑๓.ไมม้ งคล ๙ ชนดิ ๕.ใบนาค ๙ ใบ ๑๔.แผน่ เงิน,ทอง,นาค ๑ ชุด ๖.ใบรัก ๙ ใบ ๑๕.พลอยนพเก้า ๑ ชุด ๗.ใบมะยม ๙ ใบ ๑๗.๖ บุคคลสำคัญในทอ้ งถิน่ อาจารย์สุรินทร์ กิจนิตย์ชีว์ อดีตผู้อานวยการโรงเรียนสาคลวี ิทยา มีความรู้ความสามารถในด้าน ตา่ ง ๆ เชน่ ด้านเกษตรอินทรยี ์ ดา้ นเพลงพน้ื บ้าน ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม เปน็ ต้น ๑๗.๗ คนในทอ้ งถนิ่ กบั ทรัพยำกรธรรมชำติ ผู้คนในชมุ ชนตั้งถ่ินฐานตามริมแม่น้า เพื่อประกอบอาชีพในการหาปลา และยังเป็นเส้นทางการ คมนาคมทางน้าอีกด้วย ในชุมชนสามตุ่มมีลาคลองขนมจีน เป็นแม่น้าสายหลักที่ใช้เล้ียงผู้คนในหมู่บ้าน และทาการเกษตรในเขตน้ี ซึ่งเป็นแม่นา้ หลักท่ีใช้เดินทางไปตลาดบ้านแพนและไปยังอาเภออ่ืน ๆได้อย่าง สะดวก ชาวตาบลสามตุ่มจึงมคี วามผูกพันและใช้ชีวิตองิ กับแม่นา้ ลาคลองเปน็ หลกั ๑๗.๘ ควำมเช่อื และส่งิ ยึดเหนยี่ วทำงจติ ใจ คนในตาบลสามตุ่มมีความเชื่อและให้ความนับถือสิ่งยึดเหน่ียวจิตใจต่าง ๆ ท้ังในทาง พระพุทธศาสนาและในลักษณะของวญิ ญาณศักด์ิสิทธิ์ ดังจะเห็นไดจ้ ากการนบั ถือศาลพ่อปู ซึ่งเป็นศาลที่ คนในชมุ ชนใหค้ วามเคารพนับถือหลวงปู่ นอกจากนี้ ชาวตาบลสามตุ่มยงั นิยมทาบุญและมีความศรทั ธาทั้ง วัดท่ีอยู่ในตาบลสามตุ่ม เช่น วัดสามตุ่ม และวัดมารวิชัย ที่อยู่ในตาบลบางนมโค โดยต่างเป็นวัดท่ีชาว ตาบลนยิ มเข้าไปทาบญุ ตกั บาตรและทากจิ กรรมทางศาสนาในโอกาสตา่ ง ๆ ๑๗.๙ ควำมเปลยี่ นแปลงของทอ้ งถนิ่ เดิมตาบลสามตุ่ม มีลักษณะเป็นหมู่บ้านอู่ข้าวอู่น้ากล่าวคือมีการค้าขาย มีตลาดค้าส่งสินค้า ทางการเกษตร มกี ารทาอาชีพประมง ยกยอ ทอดแห ลงขา่ ย ปลูกผักรมิ ลาคลองซงึ่ หากินไดต้ ามธรรมชาติ โดยไม่ต้องมีเงินซื้อหาต้องมีกิน ในอดีตการเดินทางมีความลาบากมากเพราะมีพื้นที่ติดกับลาคลอง และ ถนนยงั เป็นดนิ โคลนอยู่
๑๙๘ ในปัจจุบันมีการพัฒนาการทาถนนคอนกรีตและถนนลาดยาง ทาให้การเดินทางต่าง ๆ มีความ สะดวกมากข้ึน แต่ก็มีผลทาใหศ้ นู ย์กลางการค้าปรับเปลีย่ นไป โดยท่คี นในตาบลไปมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กับพนื้ ที่รอบนอกตาบลมากข้นึ
๑๙๙ บทท่ี ๕ สรปุ การวิจัยสารวจข้อมูลประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถ่ินในอาเภอเสนา จังหวัด พระนครศรีอยุธยาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาค้นคว้า ๔ ประการ ดังนี้ ๑) คือเพื่อรวบรวมข้อมูล พื้นฐานของอาเภอเสนา ๒) เพื่อสารวจข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ตานานและเร่ืองเล่าท้องถ่ินของอาเภอ เสนา โดยเน้นข้อมูลจากการบอกเล่า ๓) เพ่ือสารวจข้อมูลทางวฒั นธรรมและภูมิปัญญาท้องถ่ิน และ ๔) เพื่อศึกษาความสมั พันธท์ างสังคม เศรษฐกิจในท้องถน่ิ อาเภอเสนา จากการศึกษาคน้ ควา้ โดยเน้นการเก็บ ขอ้ มูลในท้องถ่นิ ดว้ ยวิธกี ารสัมภาษณ์ ผรู้ ู้ และครูภูมิปัญญาท้องถิน่ ในตาบลต่าง ๆ ของอาเภอเสนา ทาให้ สามารถสรุปเป็นหวั ข้อได้ดังนี้ ๑.เขตกำรปกครอง ภูมปิ ระเทศ และภมู ิวฒั นธรรม อาเภอเสนา ตั้งอยู่ทางดา้ นทิศตะวันตกของอาเภอพระนครศรีอยธุ ยา มีเนอ้ื ที่ ๒๐๕,๕๖๗ ตาราง กิโลเมตร นับเป็นอาเภอท่ีมีขนาดใหญ่เป็นลาดับที่ ๓ ของจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา มีประชากรมากกว่า ๖๗,๐๐๐ คน อาณาเขตทางด้านทิศเหนือติดต่อกับอาเภอผักไห่ ทางด้านทิศใต้ติดต่อกับ อาเภอลาดบัว หลวง ส่วนทางด้านทิศตะวันออกติดต่อกับอาเภอบางบาลและอาเภอบางไทร และทางด้านทิศตะวันตก มี พื้นทีต่ ิดต่อกับอาเภอบางซา้ ย อาเภอเสนาแบ่งเขตการปกครองท้องถิ่นออกเป็น ๑๗ ตาบล ประกอบด้วย ตาบลเสนา ตาบล บา้ นแพน ตาบลเจ้าเจด็ ตาบลสามกอ ตาบลบางนมโค ตาบลหัวเวียง ตาบลมารวชิ ัย ตาบลบ้านโพธ์ิ ตาบล รางจรเข้ ตาบลบ้านกระทุ่ม ตาบลบ้านแถว ตาบลชายนา ตาบลสามตุ่ม ตาบลลาดงา ตาบลดอนทอง ตาบลบ้านหลวง และตาบลเจา้ เสดจ็ ทอ้ งทีอ่ าเภอเสนาประกอบดว้ ยองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ๑๔ แห่ง ได้แก่ เทศบาลเมืองเสนา เทศบาลตาบลเจ้าเจ็ด เทศบาลตาบลหัวเวียง เทศบาลตาบลบางนมโค เทศบาลตาบลสามกอ และองค์การ บริหารสว่ นตาบลอีก ๙ แห่ง ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตาบลบ้านแพน องค์การบริหารสว่ นตาบลมารวชิ ัย องค์การบริหารส่วนตาบลบ้านโพธ์ิ องค์การบริหารส่วนตาบลรางจรเข้ องค์การบริหารส่วนตาบลชายนา องค์การบริหารส่วนตาบลสามตุ่ม องค์การบริหารส่วนตาบลลาดงา องค์การบริหารส่วนตาบลดอนทอง และองค์การบริหารส่วนตาบลบ้านหลวง ครอบคลมุ พ้ืนทต่ี าบลบ้านหลวงท้ังตาบล ลักษณะภูมิประเทศ เป็นท่ีราบลุ่ม มีความสูงจากระดับน้าทะเลปานกลางไม่ถึง ๕ เมตร ด้วย สภาพพื้นที่เป็นที่ราบลุ่มดินตะกอนทับถม จึงมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมแก่การทาเกษตรกรรม พ้ืนท่ี ส่วนใหญ่เป็นทุ่งนา ไม่มีภเู ขาและป่าไม้ เป็นชมุ ทางของลานา้ หลายสาย ได้แก่ แมน่ ้านอ้ ยที่ไหลมาจากทาง ทศิ เหนือ และคลองเจ้าเจ็ด-บางย่ีหนท่ีไหลมาจากจังหวดั สุพรรณบุรีทางด้านทิศตะวันตก มาบรรจบกันที่ ตวั อาเภอเสนา ก่อนไหลไปบรรจบกับแมน่ ้าเจา้ พระยาที่ทางตอนใต้ของอาเภอเสนา โดยมีคลองสาขา แตก
๒๐๐ แขนงไปยังท้องที่ต่าง ๆ หลายสาย เช่น คลองรางจรเข้ คลองสานและคลองขนมจีน ลักษณะทาง ภมู ศิ าสตรด์ งั กลา่ วไดเ้ ปน็ ประโยชนใ์ หแ้ กอ่ าเภอเสนาหลายประการ ไดแ้ ก่ ประกำรแรก เป็นปจั จัยสาคัญท่ีทาใหอ้ าเภอเสนา เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางเรือท่ีสาคัญ มี ท่าเรือเมล์และเรือด่วนที่ขึ้นล่องระหว่างอาเภอเสนา และกรงุ เทพมหานคร รวมไปถึงตาบล อาเภอ และ จงั หวัดข้างเคยี ง ประกำรท่ีสอง ทาใหอ้ าเภอเสนาเป็นแหล่งพบปะค้าขาย โดยมีตลาดบ้านแพนเปน็ ศนู ย์กลางทาง การคา้ ที่สาคญั ประกำรสุดท้ำย การที่มีลานา้ หลายสายแตกแขนงไปในท้องที่ต่าง ๆ นั้น ช่วยอานวยประโยชน์ ในด้านการชลประทาน ประกอบกับสภาพดินที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุท่ีมาพร้อมกับตะกอนโคลน ที่พัด พามากับสายนา้ ช่วงหน้านา้ ของทุกปี ทาให้ท้องถ่ินน้ีเหมาะแก่การทาเกษตรกรรม ทาไร่ ทานา เป็นอย่าง ย่งิ ทอ้ งทที่ างตอนบนของอาเภอเสนา มีร่องรอยของการเป็นชมุ ชนเกา่ แก่ตงั้ แตส่ มัยกรงุ ศรอี ยุธยา มี การตั้งถิ่นฐานอยรู่ มิ แมน่ ้าน้อย โดยพบจากรอ่ งรอยสถาปตั ยกรรมสมัยกรุงศรอี ยุธยาที่ตั้งอยู่ภายในวดั ตา่ ง ๆ ในย่านน้ี และตานานที่เก่ียวกับการเคล่ือนทัพของกองทัพไทยและพม่าผ่านท้องที่น้ี โดยพบข้อมูลว่า พน้ื ท่ีแถบน้ีเป็นจดุ ข้ามฟากแม่น้าน้อยมาตงั้ แต่ในอดีต ดังเช่นท่ีวัดบันไดช้าง มีเร่อื งเล่าว่าเคยเป็นทางลาด ลงไปในแม่น้า สาหรับให้ช้างเดินลุยน้าข้ามฝั่งในบริเวณนี้ ส่วนท้องท่ีทางตอนกลางของอาเภอเสนา เป็น ศูนยร์ วมของลานา้ สาคัญคือ แมน่ า้ น้อย และคลองเจา้ เจ็ดบางยี่หนไหลมาบรรจบกนั ซ่งึ เปน็ เส้นทางสัญจร ที่สาคญั จึงมกี ารต้ังถน่ิ ฐานบ้านเรือน เปน็ แหล่งชุมชน และย่านการคา้ มาตั้งแต่ในอดตี สว่ นพ้ืนที่ทางตอน ใตข้ องอาเภอ สว่ นใหญ่เปน็ ท้องทงุ่ กว้างขวาง ปรากฏร่องรอยของโบราณสถานทม่ี ีอายเุ ก่าแกบ่ ้างตามแนว คลองขนมจีน โดยภาพรวมแล้วเป็นแหลง่ ชุมชนเมืองที่ไม่ค่อยหนาแน่น เม่ือเทียบกับทางตอนเหนือ และ ตอนกลางของอาเภอเสนา ลกั ษณะการแบ่งเขตการปกครองในอาเภอเสนา จะแบ่งโดยใช้แนวแม่น้า หรือคลองเปน็ เส้นแบ่ง อาณาเขตของตาบลต่าง ๆ ซึง่ แม้วา่ มกี ารแบง่ พ้ืนท่ีการปกครองเช่นนี้ แตก่ ็มิอาจแบ่งแยกความสัมพันธ์ทาง สังคมของผู้คนในท้องถ่ินได้ เน่ืองจากชุมชนที่ต้ังอยู่ริมลาคลองสายเดียวกัน มักมีความสัมพันธ์กันแบบ เครือญาติ รจู้ ักซ่ึงกันและกัน ไปมาหาสู่และมีการรว่ มงานหรือพิธีกรรมต่าง ๆ ดว้ ยกัน เช่น งานอุปสมบท งานมงคลสมรส และงานศพ งานทาบญุ งานแหพ่ ระ งานแห่ผา้ กฐนิ งานเทียนพรรษา เป็นต้น ในอดีตผู้คนใช้เรือเป็นพาหนะ และใช้คลองเป็นเส้นทางสัญจร ทาให้แม่น้า และคลอง เป็นทาง เชือ่ มความสัมพนั ธท์ างสงั คม ดังน้ัน ผคู้ นทัง้ สองฝ่ังคลองจงึ มวี ัดในท้องถ่ินรว่ มกัน มีชื่อบา้ นหรือชุมชนเป็น ชื่อเดยี วกัน ยกตัวอย่างเช่น คลองรางจรเข้เป็นเสน้ แบ่งเขตตาบล ระหว่างตาบล รางจรเข้และตาบลบ้าน โพธิ์ โดยตาบลรางจรเข้อยทู่ างทิศตะวันตก และตาบลบา้ นโพธิ์ตั้งอย่ทู างทศิ ตะวันออกของคลอง ทงั้ สองฝ่ัง คลองมีชุมชนช่ือบ้านรางจรเข้เช่นเดียวกัน และมีวัดรางจระเข้ซึ่งเป็นวัดประจาท้องถิ่น ต้ังอยู่ในฝ่ังของ
๒๐๑ ตาบลบ้านโพธิ์ มิได้ตั้งอยู่ในท้องท่ีตาบลรางจรเข้ แต่คนท้ังสองฝ่ังคลองที่อยู่ต่างตาบลกัน ต่างมาทาบุญ รว่ มกนั ทวี่ ดั รางจรเข้ เป็นตน้ ๒.ด้ำนประวัตศิ ำสตร์ ตำนำน และเร่ืองเลำ่ ของท้องถนิ่ งานวิจัยฉบับน้ี ศึกษาขอ้ มลู ด้านประวัตศิ าสตร์ และตานานท้องถ่ิน ของท้องถ่นิ ตา่ ง ๆ ในอาเภอ โดยเน้นข้อมูลจากคาบอกเล่าของคนท่ีมีพื้นกาเนิดดั้งเดิมในท้องถ่ิน ซ่ึงพบว่าคนในท้องถ่ินมีความรับรู้ เกย่ี วกับเรื่องราวทเี่ ลา่ ขานอยู่ในทอ้ งถน่ิ ตนเอง โดยเนื้อหาเรื่องราวแตล่ ะเรอื่ งน้ัน มีเน้ือหาตรงกันบา้ ง และ มีความคลาดเคล่ือนกันไปบ้าง บางเร่อื งความพยายามผกู เร่ืองราว ให้สามารถอธบิ ายความหมายของชื่อ หรือที่มาท่ีไปของชื่อท้องถ่ินตนเอง บางเร่ืองก็มีความพยายามเชื่อมโยงเร่ืองราวในท้องถ่ินของตน ให้ สามารถผูกโยงเข้ากับเรื่องราวในท้องถนิ่ ขา้ งเคียง จากการศึกษาเร่ืองเล่าเชิงตานานและเร่ืองเล่าจากความทรงจาของผู้คนในท้องถิ่นต่าง ๆ ของ อาเภอเสนา ทาให้สามารถจาแนกลักษณะของเนอื้ หาออกเป็น ๔ กลุ่ม ไดแ้ ก่ ๑.ตานานท่เี กีย่ วกบั สงครามไทย-พม่า ๒.ตานานเกยี่ วกบั สาเภาจนี ลม่ ที่บา้ นแพน ๓.ตานานอธบิ ายลักษณะเด่นของภูมปิ ระเทศ และธรรมชาตใิ นทอ้ งถน่ิ ๔.ความทรงจาของทอ้ งถิ่นเก่ยี วกับการเสดจ็ พระราชดาเนนิ ของพระมหากษตั รยิ ์ ๒.๑ ตำนำนที่เกี่ยวกับสงครำมไทย-พม่ำ ท้องที่แถบตอนบนตลอดจนตอนกลางของอาเภอ เสนา มักมีตานานเล่าขานเกี่ยวข้องกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของสงครามการสู้รบระหว่างไทยกับพม่าสมัย กรุงศรีอยุธยาตอนกลาง-ตอนปลาย จึงมีเร่ืองราวท่ีเล่าถึง พระมหากษัตริย์ เสนาบดี และช้างศึกใน กระบวนทพั ซ่ึงบางเร่อื งมีความเชื่อมโยงกนั เสมือนเปน็ เหตุการณท์ เี่ กี่ยวเน่ืองกัน เริ่มจากเรื่องเล่าเชิงตานานท่ีเก่ียวข้องกับตาแหน่งที่ต้ังและ ภูมิประเทศของท้องท่ีอาเภอเสนา ที่ต้ังอยู่ระหว่างเส้นทางการเดินทัพไปทาสงครามระหว่างกองทัพไทย กับกองทัพพม่าท่ียกทัพเข้ามาถึง เมืองสุพรรณบุรี โดยเล่าว่าท้องที่ตอนบนของอาเภอเสนา เป็นเส้นทางเดินทางทางบกระหว่างกรุงศรี อยุธยา กบั เมืองสุพรรณบุรี มีวดั บนั ไดช้าง ตาบลหัวเวยี ง เป็นสถานที่ท่ีแสดงถงึ การต้ังช่ือบ้านนามเมอื งที่ เกี่ยวข้อง กล่าวคือ กองทัพ คาราวานขนส่งสินค้าหรือผู้สัญจรทางบก ระหว่างอยุธยากับเมืองสุพรรณบุรี ในอดีต ท่ีส่วนหนึ่งมีการใช้ชา้ งเป็นพาหนะสาคัญในการเดินทาง และเมื่อเดินทางมาถึงท้องที่อาเภอเสนา กจ็ ะมแี ม่น้าน้อย ซึ่งไหลลงมาจากทศิ เหนือ ลงสทู่ ิศใต้ เป็นแนวขวางกั้นอยู่ ผู้ควบคุมช้าง หรือควาญช้างก็ จะต้องนาช้างเดินลุยข้ามแม่น้าน้อยอยู่บ่อยครัง้ ดังน้ัน ผู้ปกครองในท้องท่ีนี้ จึงนากาลังไพรม่ าจัดเตรียม ช่องทางไว้สาหรับให้ชา้ งเดินลง และเดินข้ึนจากแม่น้า โดยการทาทางลาด หรอื ก่อคันไว้ลักษณะเป็นขั้นๆ คล้ายกบั ขั้นบันได จึงมกี ารเรียกขานทอ้ งท่ีน้ีว่า “บันไดช้าง” ดังนั้น วัดสาคัญในท้องถิ่นนี้ จึงมีช่ือว่า “วัด บนั ไดช้าง”
๒๐๒ นอกจากนี้ ยังมเี รื่องเล่าในลักษณะเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทแี่ ทรกอยใู่ นเหตุการณ์ทางประวตั ิศาสตร์ ระหว่างการเดินทางของกองทัพฝ่ายไทย คือ เรื่องราวที่เก่ียวข้องกับตาบลลาดงา ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ การเคล่อื นทัพกลับของกองทพั กรงุ ศรีอยธุ ยา ทไี่ ปกระทาศึกสู้รบกับพมา่ ที่ท้องทแี่ ถบเมืองสุพรรณบุรี โดย มีช้างศึกเชือกสาคัญได้รบั บาดเจ็บสาหัสจากการสู้รบ จนกระท่ังงาหักห้อยมาตลอดทาง และเกิดล้มลงท่ี ทอ้ งที่แถบน้ี แม่ทัพนาย กองจึงได้ส่ังให้นางาช้างศึกเชือกน้ีกลับมากรุงศรีอยุธยา แต่งาคงมีขนาดใหญ่ไม่ สามารถบรรทุกกลับมาได้ จึงสั่งให้ใชเ้ ชือกผูกและลากกลับมา จึงได้รบั การขนานนามวา่ “บ้านลากงา” ที่ เรียกผดิ เพยี้ นมาเปน็ “บา้ นลาดงา” ในเวลาต่อมา นอกจากเร่ืองเล่าน้ีซึ่งเป็นการเคลื่อนทัพของกองทัพฝ่ายไทยแล้ว ก็ มีเรื่องเล่าในลักษณะเกร็ด ทางประวตั ิศาสตร์ระหวา่ งการเคล่ือนทัพของฝา่ ยพม่าด้วย ซ่ึงเปน็ เหตุการณต์ ่อเนอ่ื งในช่วงหลังเสียกรงุ ศรี อยุธยา เช่น ตานานบ้านช่างเหล็ก ตาบลบ้านแพน ที่เล่าวา่ กองทัพพม่ามาตัง้ เวียง หรือ เมือง ข้ึนที่ตาบล หวั เวียง ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับตาบลบ้านแพนและทหารพม่าได้ต้ังโรงตีเหล็ก เพ่ือผลิตอาวุธไว้ใช้ในการสู้รบ กับกรุงศรีอยธุ ยาในท้องท่นี ี้ จึงกลายมาเปน็ ท่ีมาของชอื่ หมบู่ ้านชา่ งเหล็กในตาบลบ้านแพน ภายหลังจากท่ี พม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกแล้ว ก็มีเรื่องเลา่ ที่เกี่ยวพันกับพื้นท่ีตาบลหวั เวียงอีกครั้ง แต่คร้ังหลังนี้มีเรื่องราว แยง้ กบั ตอนแรกทก่ี ล่าววา่ ชื่อท้องที่หวั เวียงมีความหมายว่าเมอื ง คือมีเรื่องเลา่ อธิบายความหมายของคาว่า หวั เวยี งเป็นอกี สานวน คือเลา่ ว่ามาจากการท่ที หารพม่านาขบวนเชลยศึกชาวไทยผ่านมาแถบนี้ แล้วบงั เกิด ความไมพ่ อใจเชลยศึกชาวไทยบางประการ จึงได้สัง่ ตัดหัวเชลย และเหวยี่ งลงในลาราง จึงเรยี กขานตาบล น้วี ่า “บา้ นหัวเหวีย่ ง” ก่อนท่จี ะเรยี กเพยี้ นมาเปน็ ชอื่ “หัวเวียง” อนั เป็นทีม่ าของช่อื ตาบลหัวเวียง ในช่วงเวลาเสียกรงุ ศรีอยุธยา ยงั มีเรื่องเล่าเก่ียวกับการอพยพล้ีภัยสงครามของบรรดาเจา้ ฟ้า เจ้า แผ่นดินและเสนาบดีต่าง ๆ คือ เร่ืองเล่าเกี่ยวกับตานานของตาบลเจ้าเจ็ด ตาบลเจ้าเสด็จ และรวมถึง ตาบลเสนา ที่ต่างเร่ืองเล่าเชิงตานาน ผูกโยงกันเรื่องราวต่าง ๆ ให้เป็นเร่ืองเดียวกัน โดยเล่าว่า มีเจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน ลี้ภัยสงครามผ่านเข้ามาในท้องที่น้ี นับรวมไดท้ ้ังหมด ๗ พระองค์ จงึ กลายเป็นตานานประจา ชุมชนย่านคลองเจ้าเจ็ด ซึ่งมีอิทธิพลต่อการผูกโยงไปถึงความเป็นมาของตาบลเจ้าเสด็จซึ่งมีอาณา ติดต่อกันว่าเคยมีกษัตริย์ และเจ้าฟ้า หลายพระองค์ เสด็จผ่านมายังท้องที่น้ี เช่นในบ้านรางข้าวผอก ตาบลเจ้าเสด็จ ก็มีเรื่องเล่าว่า เคยมีพระมหากษัตริย์เคลื่อนทัพ ผ่านมาบริเวณลารางสายหน่ึง และทรง แวะพักเสวยพระกระยาหารกลางวันอยู่ครู่หน่ึง จากน้ันจึงเสด็จต่อไป ซ่ึงข้าวผอก หมายถึงอาหารกลาง วันที่พกตดิ ตัวไปรับประทาน โดยอาจมผี ู้ผกู เร่อื งให้มคี วามเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของเจ้าฟ้า ๗ พระองค์ท่ีลี้ ภยั สงครามดว้ ยก็เปน็ ได้ นอกจากตานานเจ้าฟ้า ๗ พระองค์เสด็จล้ีภัยมาอยู่ในท้องท่ีนี้แล้ว ยังรวมถึงเหตุการณ์ทาง ประวัติศาสตร์ที่พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเสด็จพระราชดาเนนิ มายังค้งุ น้าแห่งหนึ่งใน ย่านเจ้าเจ็ด ในเวลาใกล้ค่ามืด จึงมีการขนานนามคุ้งน้าแห่งน้ันว่า “คุ้งไอ้เพล้” กับเหตุการณ์เม่ือคร้ังท่ี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จมาทอดผ้าพระ กฐินท่ีวัดเจ้าเจ็ดใน และวัดเจ้าเจ็ดนอกในเขตตาบลเจ้าเจ็ด ซึ่งแม้ว่าไม่ได้เกิดข้ึนในท้องท่ีของตาบลเจ้า
๒๐๓ เสด็จโดยตรง แต่คนในท้องถิ่นก็มีการรับรู้ และให้ความหมายแก่ท้องถ่ินน้ันว่า หมายถึงท้องท่ีที่เคยมีเจ้า ฟ้า และพระมหากษัตรยิ เ์ สดจ็ ผ่านมา จึงเรียกว่า ตาบลเจา้ เสด็จ อีกหน่ึงเกร็ดเหตุการณ์ ท่ีมีเรื่องราวผูกโยงกับตานานเจ้าเจ็ด แห่งตาบลเจ้าเจ็ด และตาบลเจ้า เสด็จ ก็คือการที่เหล่าข้าราชบริพาร เสนาบดี ที่ติดตามเจ้าฟ้า และพระมหากษัตริย์ ได้มาตั้งถ่ินฐาน บ้านเรือนอาศัยอยู่ จนเป็นที่มาของช่ือตาบลเสนา และนอกจากตานานเจ้าเจ็ดแล้ว ยังมีอีกเรือ่ งเล่าท่ีผูก โยงไปถึงท้องถิ่นที่ชือ่ ว่า “บ้านเจา้ แปด” ตาบลมารวิชัยด้วย โดยมีเรื่องเล่าส้ันๆ ว่า มีแม่ทัพผู้หนึ่งนาทัพ เคลอื่ นผ่านท้องท่ีนี้ แล้วไม่มชี อ่ื จึงไดเ้ รียกวา่ “เจา้ แปด” นอกจากนีย้ ังมีตานาน ท่ีเล่าเร่ืองราวสืบเน่ืองจากเหตุการณ์ภายหลงั จากเสยี กรงุ ศรีอยธุ ยา คอื ที่ ตาบลสามตมุ่ มีเรอื่ งเล่ากนั วา่ ในชว่ งท่ีกองทพั ของพมา่ ไดเ้ ข้ามาตีกรงุ ศรีอยธุ ยา ชาวบ้านได้อพยพหนพี ม่า โดยการฝังตุ่ม ๓ ใบ ไว้ในบริเวณน้ัน ซึ่งในตุ่มน้ันได้ใส่แก้วแหวนเงินทองไว้เป็นจานวนมาก เมื่อภาวะ สงครามคล่ีคลายลงแลว้ ชาวบ้านร่นุ หลงั ไดพ้ บตุ่ม ๓ ใบ ฝงั อยใู่ ต้ดิน จึงได้ต้งั ช่ือแถววา่ “สามตุ่ม” มาจนถึง ปัจจุบัน จากเร่ืองเล่าเชิงตานานท่ีเกี่ยวกับเกร็ดเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างการเคลื่อนทัพของทั้ง กองทพั ไทย และกองทัพพม่า ในชว่ งสงครามคร้ังต่าง ๆ ดังท่ีได้กล่าวแลว้ น้ัน พบว่ามแี กนเรอื่ งท่ีตรงกนั อยู่ คอื ท้องท่ีอาเภอเสนา เป็นเส้นทางเดินทพั ในสมัยโบราณระหวา่ งอยธุ ยาและเมอื งสุพรรณบรุ ี โดยบางเร่อื ง น้ัน เลา่ เรือ่ งเฉพาะท้องถิน่ ตนเอง เช่น ตานานของตาบลลากงา ตานานของตาบลหัวเวยี ง และบางเรอื่ งผูก โยงเปน็ เหตกุ ารณต์ ่อเนอ่ื งกัน เชน่ ตานานของตาบลเจา้ เจ็ด ตาบลเจา้ เสดจ็ และตาบลเสนา ข้อสังเกตเกย่ี วกบั เร่ืองเลา่ เชิงตานานในอาเภอเสนา คอื เร่อื งเลา่ ในลักษณะเหตกุ ารณท์ เ่ี ก่ียวขอ้ ง กับประวัติศาสตร์น้ี ส่วนใหญ่มีเรื่องราวของชุมชนท่ีอยู่ในท้องท่ีทางตอนเหนือและตอนกลางของอาเภอ เสนา ซ่ึงเป็นแหล่งตั้งถ่ินฐานด้ังเดิมของผู้คนในย่านแม่น้าน้อยและคลองเจ้าเจ็ด โดยมีเรื่องเล่าที่เก่ียวกับ พื้นท่ีทางตอนใต้ของอาเภออยู่เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ตานานบ้านเจ้าแปดในตาบลมารวิชัย และตานานตุ่ม สามใบ ในตาบลสามต่มุ เทา่ นัน้ ๒.๒ ตำนำนสำเภำจนี ล่มทีบ่ ้ำนแพน เป็นเรือ่ งเลา่ เชิงตานาน ท่ผี ูกโยงเรื่องราวของช่ือบา้ นนาม เมืองในย่านบ้านแพนเข้าไว้เป็นเร่ืองเดียวกัน มีลักษณะคล้ายกับตานานตาม่องล่าย ที่เล่าเร่ืองราวเพื่อ อธิบายชอ่ื ของเกาะตา่ ง ๆ ในทอ้ งทะเลอา่ วไทย ตานานนี้มีโครงเรื่องเล่าว่า ชาวจีนล่องเรือสาเภาลาใหญ่เข้ามาค้าขายตามลาน้าในย่านน้ี แล้ว สาเภาเกิดอับปางลง โดยมเี พียงเสากระโดงเรือทีโ่ ผล่พ้นขน้ึ มาเหนือผิวน้า ส่วนขา้ วของและสัมภาระท่ีชาว จีนนาติดตัวมาด้วย ตา่ งลอยกระจัดกระจายไปคนละทิศทาง จุดที่เรือล่มจนเหลือแต่เสากระโดงเรือที่โผล่ พน้ น้าขึ้นมา คือบริเวณวัดกระโดงทอง ตาบลบ้านโพธิ์ ส่วนข้าวของท่ีลอยกระจายไปตามลาน้า เช่น เสื่อ ลาแพนลอยไปตดิ อยู่ที่ชายตลิ่งแหง่ หนึ่ง กลายเปน็ ทมี่ าของชอ่ื ยา่ นบ้านแพน ชอ่ื ตาบลบ้านแพน และชอ่ื วัด บ้านแพนซึ่งต้ังอยู่ในตาบลสามกอ ส่วนเสื่อกกท่ีลอยไปติดอยู่ท่ีท่าน้าอีกแห่งหน่ึง ชาวบ้านช่วยกันลาก
๒๐๔ ข้ึนมาตากไว้บนโคกสูงนั้น ชาวบ้านเรยี กกนั ว่า โคกเสือ ภายหลังมีการเรียกผดิ เพย้ี นจนกลายเปน็ ท่มี าของ ชื่อวดั โคกเสอื ในตาบลบ้านแพน ตานานสาเภาจีนล่มแห่งย่านบ้านแพน อาเภอเสนาน้ี ได้มีการผูกโยงเร่ืองราวที่เก่ียวกับช่ือ หมู่บ้าน และวัดต่าง ๆ ในย่านบ้านแพน ซ่ึงรวมพ้ืนท่ีในหลายตาบล ประกอบด้วย ตาบลบ้านแพน ตาบล บา้ นโพธิ์ ตาบลสามกอ และตาบลเสนา ซ่ึงบรเิ วณนี้เป็นชุมทางของแม่น้าน้อย และคลองสายต่าง ๆ เป็น ยา่ นชุมชนเมืองใหญ่ และเปน็ ศูนย์กลางทางการค้า และการคมนาคมทสี่ าคัญของอาเภอเสนา ๒.๓ เรอ่ื งเล่าอธิบายลกั ษณะเด่นของภูมปิ ระเทศ และธรรมชาติประจาทอ้ งถิ่น อาทิ บ้านรางจรเข้ ในตาบลรางจรเข้ และตาบลบ้านโพธ์ิ มีเรือ่ งเลา่ ขานเกีย่ วกับจระเข้ที่เคยอาศัยอยู่ ชกุ ชุมตามคลองหรือลารางในท้องทนี่ ี้ จนมีการขนานนามคลองสายสาคัญท่ีไหลผ่านในย่านน้ีวา่ คลองราง จรเข้ และเป็นที่มาของชื่อบ้านรางจรเข้ ที่ต้ังอยู่ท้ังสองฝ่ังคลอง ทั้งในเขตตาบลรางจรเข้ และตาบลบ้าน โพธ์ิ รวมถึงวดั รางจรเข้ ซงึ่ เป็นวัดสาคัญของคนในยา่ นน้ี บ้านโพธ์ิ ตาบลบ้านแพน และตาบลบ้านโพธิ์ มีเร่ืองเลา่ มามาจากภมู ิประเทศสองฝ่ังแมน่ า้ นอ้ ยที่ มีสภาพเป็นป่าไม้ มีต้นโพธิ์ใหญ่ขึ้นอยู่เป็นจานวนมาก จนมีลิงมาอาศัยอยู่ตั้งแต่ในอดีตจวบจนปัจจุบัน เป็นท่ีมาของการเรียกขานชุมชนที่อยู่ ๒ ฝ่ังลาน้าน้อยนี้ว่าบ้านโพธิ์ และเป็นท่ีมาของชื่อตาบลบ้านโพธิ์ ทางด้านทิศตะวันตกของแม่น้าน้อย และวัดโพธ์ิ รวมถึงชุมชนบ้านโพธิ์ ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของ แมน่ ้า ซึ่งอยู่ในท้องท่ตี าบลบา้ นแพน บ้านจรเขไ้ ล่ ในตาบลดอนทอง เล่าขานกันตอ่ มาวา่ พ้ืนท่ีในอดีตของตาบลดอนทอง เป็นพ้นื ที่ป่า รกร้าง และมีจระเข้อาศัยอยู่เป็นจานวนมาก เม่ือคนในชุมชนออกหาปลามักจะโดนจระเข้ไล่กัด คนใน ชุมชนจึงช่วยกันถางป่าและเผา เพ่ือขับไล่ฝูงจระเข้ไม่ให้มาทาอันตรายต่อชาวบ้าน จึงเรียกขานย่านน้ีว่า บา้ นจรเข้ไล่ มีวดั จรเขไ้ ล่ เป็นวัดสาคญั ประจาทอ้ งถ่นิ นี้ ตานานบ้านรางหมาตาย เป็นเร่ืองเล่าของหมู่ ๑ ตาบลดอนทอง ท่ีเล่าอธิบายท่ีมาของชื่อชุมชน วา่ เดิมเป็นลารางที่คนในบริเวณนี้อาศยั เปน็ ใชน้ ้าเพื่ออุปโภคและบรโิ ภค แตม่ ชี ่วงหนึง่ ท่ีเกิดน้าท่วม สุนขั ที่ ชาวบ้านเล้ียงไว้ก็ทยอยตายและลอยน้ากันเต็มลาราง ไหลไปรวมกันท่ีสุดลารางนี้ คนในชุมชนจึงเรียก ชมุ ชนนวี้ ่า “บา้ นรางหมาตาย” บ้านงวั นอน เดิมตาบลมารวชิ ัย มีชื่อเรียกขานกันว่า บ้านงวั นอน มีเรื่องเล่าว่า บริเวณนี้เคยเป็น ทพ่ี ักแรมของพ่อคา้ ท่ีนาววั มาค้าขาย ซึง่ ครั้งหนง่ึ จะต้อนววั มาเป็นขบวนใหญ่ ประมาณ ๒๐๐ ตัว คร้งั หน่ึง จงึ เคยมกี ารเรียกขานท้องถ่ินแถบนวี้ ่า “บ้านงวั นอน” เร่ืองเล่าอธิบายลกั ษณะเด่นของภูมิประเทศ และธรรมชาตปิ ระจาทอ้ งถิ่นลักษณะนี้ มักเป็นการ เล่าเรื่องราวผ่านความทรงจาของผู้คนจากรุ่นก่อนท่ีอาจเคยเห็นลักษณะตามธรรมชาติ หรือเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นจริงในอดีต จนกลายเป็นท่ีกล่าวขาน และขนานนามของท้องถ่ิน เพ่ืออธิบายความเป็นมาของชื่อ ท้องถิน่ ของตนเอง
๒๐๕ ๒.๔ ความทรงจาของทอ้ งถิน่ เกยี่ วกับการเสด็จพระราชดาเนนิ ของพระมหากษตั ริย์ ชาวอาเภอเสนา มีเรื่องเล่าจากความทรงจาที่เกี่ยวกับการเสด็จพระราชดาเนินของ พระมหากษัตริย์ และเหตุการณ์ท่ีเก่ียวกับภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น อุทกภัย และอัคคีภัยคร้ังใหญ่ที่เกิดข้ึนใน ท้องถ่นิ ต่าง ๆ และอยู่ในความทรงจาร่วมกันของผคู้ นในท้องถ่ินน้ัน ๆ หรือถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึน้ เม่ือ นานมาแล้ว ก็จะกลายเปน็ เรื่องเลา่ จากความทรงจาท่ีเล่าขานสบื ตอ่ กนั มา เรื่องเล่าท่ีอยู่ในความทรงจาของผู้คนที่อยู่ในท้องถ่ินเด๋ียวกัน ที่สามารถจดจาได้ดีที่สุด และเล่า ขานสืบต่อกันมาเป็นเวลานานท่ีสดุ คอื เร่ืองเล่าเกย่ี วกับการเสด็จพระราชดาเนินของพระมหากษัตริย์ ซึ่ง เป็นการเสด็จพระราชดาเนินของพระมหากษัตริย์ ๒ พระองค์ ได้แก่ การเสด็จพระราชดาเนินของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อย่หู ัว รัชกาลที่ ๕ และพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ย เดช รัชกาลที่ ๙ ๑) เรื่องเล่าเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดาเนินของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่ี ปรากฏในตาบลหัวเวียงว่า พระองค์เสด็จพระราชดาเนินทางชลมารคในท้องที่จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวนั ที่ ๗ สงิ หาคม ร.ศ.๑๒๓ (พ.ศ.๒๔๔๗) แลว้ ทรงพกั เสวยพระกระยาหารที่บ้านของนายช้าง และยาย พลับ ส่วนท่ีตาบลเจ้าเจ็ดก็มีเรื่องมีเร่ืองเล่าเก่ียวกับการเสด็จพระราชดาเนินของพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัวด้วยเช่นกัน คือเล่าว่าทรงเสด็จพระราชดาเนินมาประพาสต้นตามคลองเจ้าเจ็ด มา ประทับอยู่ที่คุง้ น้าแห่งหน่ึงในเวลาใกล้ค่ามืด และได้มกี ารสร้างพลบั พลาท่ปี ระทับ ณ ฝั่งวัดเจ้าเจ็ด ตอ่ มา ชาวบ้านถึงเรียกคุ้งน้านี้ว่า “คุ้งไอ้เพล้” เจ้าของกรรมสิทธ์ิท่ีดินท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จมาประทับนั้นมีการต้ังพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้เป็น อนุสรณ์แหง่ ความทรงจา ๒) เรอ่ื งเล่าเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดาเนินของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ย เดช ที่ทรงเสดจ็ พระราชดาเนินมาที่อาเภอเสนาหลายครั้ง และเสดจ็ เย่ียมเยือนราษฎรหลายตาบล เช่นท่ี ตาบลบ้านแพน มีเรื่องเล่าว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินนี าถ ในรัชกาลท่ี ๙ พร้อมด้วยพระบรมวงศานวุ งศ์ เสดจ็ เยย่ี มเยยี นราษฎร์ และประทับ ณ พลับพลาตรีสุขี ตาบลบ้านแพน ในวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๕ ซึ่งชาวบ้านแพนได้มีการอนุรกั ษ์ พลบั พลาตรีสุขไี ว้เปน็ มรดกความทรงจารว่ มกันของคนในทอ้ งถน่ิ นอกจากน้ีท่ีตาบลเจ้าเจ็ด ตาบลเจ้าเสด็จ และรวมถึงตาบลบ้านแถวซ่ึงอยู่ในลาคลองสาย เดยี วกัน ต่างก็มีความทรงจาร่วมกันเกีย่ วกบั การที่พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จ ทอดผ้าพระกฐิน ณ วัดเจ้าเจ็ดใน และวัดเจ้าเจ็ดนอก ทางชลมารค โดยเรือด่วนสองชั้น และมีพระบรม วงศานุวงศ์ตามเสด็จในคร้งั น้ันด้วย ชาวบ้านรมิ คลองเจา้ เจ็ดได้ร่วมใจกันสรา้ งพลับพลาใจสมานเพ่อื ใช้เป็น ท่ีประทับสาหรับรับเสด็จ เมื่อถึงวันเสด็จพระราชดาเนิน ก็มีชาวบ้านย่านคลองเจ้าเจ็ดหลายตาบล เดนิ ทางมารบั เสด็จเปน็ จานวนมาก
๒๐๖ ความทรงจาของท้องถนิ่ เก่ยี วกบั การเสด็จพระราชดาเนินของพระมหากษตั รยิ ์ในอาเภอเสนา ที่มี การเล่าขานกันสืบมานี้ สะท้อนให้เห็นถึงการถ่ายทอดเร่ืองราวจากความทรงจาของแต่ละคน ท่ีมีต่อ เหตุการณเ์ ดยี วกนั จนกลายเป็นความทรงจารว่ มกันของผ้คู นในท้องถ่ิน ๓. วฒั นธรรม และภูมปิ ัญญำท้องถนิ่ อำเภอเสนำ จากลักษณะทางภูมิศาสตร์ของอาเภอเสนาท่ีมีภูมิประเทศเป็นเป็นท่ีราบลุ่ม เป็นชุมทางของ แม่น้าหลายสาย ท้ังแมน่ ้าน้อยท่ไี หลมาจากทางทิศเหนือ และไหลไปบรรจบกับแมน่ ้าเจ้าพระยาทางทิศใต้ และคลองเจา้ เจ็ด-บางยี่หนทีไ่ หลมาจากจังหวัดสุพรรณบุรีทางด้านทศิ ตะวันตก มาบรรจบกับแมน่ ้าน้อยที่ ตวั อาเภอเสนา โดยมีคลองสาขาที่แยกออกมาหลายสาย เช่ือมต่อเข้าไปในตาบลต่าง ๆ จงึ เป็นการเอ้อื ให้ ประชากรส่วนใหญ่ในพืน้ ทข่ี องอาเภอเสนามีการดารงชีวติ และประกอบอาชพี ที่สอดคล้องกับลกั ษณะทาง ภูมิศาสตร์ เช่นการทาเกษตรกรรม รวมถึงการทามาคา้ ขายตามชมุ ทางลาน้าต่าง ๆ ซงึ่ ส่ิงเหลา่ น้ีได้สง่ ผลถึง ลกั ษณะวัฒนธรรมและภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่นของทอ้ งท่ีที่แสดงออกมาผ่านขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรม วิถีชีวติ ความเช่อื ฯลฯ ท่ีผกู พนั อยูก่ ับชาวอาเภอเสนาในรูปแบบต่าง ๆ การทาเกษตรกรรม หรือการทานา นับเป็นอาชีพหลักที่สาคัญของชาวอาเภอเสนา จากการ สารวจข้อมูลนั้นจะพบว่า การทานาเป็นวิถดี ั้งเดิมของชาวเสนาที่มักทาสบื ทอดมาตง้ั แต่ครั้งบรรพบุรุษ ซ่ึง ในการทานาน้ัน มักจะมีรูปแบบประเพณีที่สอดคล้องกับวิถีการทาเกษตรกรรม ก่อให้เกิดรูปแบบ วัฒนธรรมชาวนาทมี่ ีลักษณะรว่ มอย่างแพร่หลายในท้องทต่ี าบลตา่ ง ๆ ของอาเภอเสนา นับตงั้ แต่ความเชื่อ ในการขอให้มีน้าฝนในการทาเกษตร เช่น การแห่นางหมานางแมว ของตาบลบ้านโพธ์ิ ซึง่ มักทาในชว่ งฝน แล้ง เป็นตน้ นอกจากน้ี ในขั้นตอนตา่ ง ๆ ของการทานา มักจะประกอบไปดว้ ยพิธกี รรมต่าง ๆ เช่นการทา ขวัญข้าว ทาบุญพระแม่โพสพ ทาขวัญลานข้าว ส่วนเมื่อถึงฤดูเก็บเก่ียวของชาวนาในสมัยก่อน ก็จะมี ประเพณีหรือธรรมเนียมปฏิบัติเช่นกัน เช่นการลงแขกเก่ียวข้าว การทาลานนวดข้าว ฯลฯ จนเสร็จสิ้น กระบวนการทานา ซ่ึงถือเป็นวัฒนธรรมที่สืบเน่ืองจากวิถีชีวิตท่ีในการทาเกษตรกรรมท่ีโดดเด่นของชาว อาเภอเสนา ซึ่งถึงแม้ในปจั จบุ ันน้ี ประเพณีพิธีกรรมดังกล่าวจะลดน้อยถอยลงหรืออาจสูญหาย เน่ืองจาก การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตไปสู่ความเจริญซึ่งมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาช่วยมากขึ้น แต่วัฒนธรรม ดังกล่าวคงมีการทาสืบเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน จนมีคนที่สามารถจดจาและเล่าสืบต่อกันมาจนถึงทุก วนั น้ี ลักษณะอันโดดเด่นอีกประการหน่ึงของชาวอาเภอเสนา อันก่อให้เกิดเป็นเอกลักษณ์ประจาถ่ิน คือความสัมพันธ์กับสายน้า โดยในท้องที่ของอาเภอเสนานั้นอุดมไปด้วยแม่น้าลาคลองสายน้อยใหญ่คอย หล่อเล้ียงชวี ิตให้กบั ชาวเสนาและส่งผลต่อรูปแบบการดาเนินชีวิตในลักษณะต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นออกมา ในรูปแบบของวฒั นธรรมต่าง ๆ เชน่ การต้ังถน่ิ ฐานบา้ นเรือน ท่ีในอดีตชาวบ้านมักต้ังบ้านเรอื นอยูต่ ามริม แม่น้าลาคลองต่าง ๆ โดยจะสร้างบ้านใต้ถุนสูง เม่ือถึงฤดูน้าหลากนั้น น้าในแม่น้าลาคลองจะเอ่อล้นเข้า ท่วมเตม็ ตลิ่ง การสร้างบา้ นใต้ถนุ สูงจงึ เป็นการสร้างที่อยู่อาศัยอย่างเข้าใจธรรมชาติ และช่วยอานวยความ
๒๐๗ สะดวกในการดาเนินชีวิตให้สอดคล้องกับฤดูกาล ส่วนหนึ่งมักมีการสร้างที่อยู่อาศัยแบบเรือนแพ เพ่ือให้ สะดวกตอ่ การทามาค้าขายและดารงชวี ติ อกี ด้วย นอกจากน้ี ความอุดมสมบูรณ์ของสายน้ายังส่งผลถึงวิถีชีวิตการอุปโภคบริโภคของชาวอาเภอ เสนา ที่สามารถใช้ประโยชน์จากแม่น้าลาคลองหลากหลายด้าน เช่นการทาประมงน้าจืด ท่ีก่อให้เกิดภูมิ ปญั ญาในการทาอุปกรณ์จับปลาต่าง ๆ การสัญจรทางน้า ท่ีส่งผลต่อวิถีชีวิตวฒั นธรรมที่โดดเด่นในอาเภอ เสนา โดยการสัญจรทางนา้ นั้น นับเป็นวิถีชีวติ อันเปน็ เอกลักษณ์ของอาเภอเสนา ดว้ ยลักษณะของพืน้ ท่ีซึ่ง อดุ มไปด้วยลาน้า และแม่น้าต่าง ๆ ส่งผลให้การเดินทางในอดีตของชาวอาเภอเสนานั้น มักจะใช้เรือเป็น พาหนะ ตง้ั แต่ในระดบั ตาบลซึ่งมีคลองสายยอ่ ยตา่ ง ๆ ซง่ึ ชาวบา้ นจะใชเ้ รือไปมาหาส่กู ันเป็นปกติ จนถงึ ใน ตัวเมืองอาเภอเสนาซึ่งเป็นท่ีตั้งของตลาดใหญ่ อันมีเรือโดยสารสายต่าง ๆ แลน่ ผ่านอยเู่ สมอ เช่นเรือด่วน เรือเมล์เขียว เรือเมล์แดง ที่ชาวอาเภอเสนาใช้เดินทางไปยังท้องถ่ินอื่น ๆ เช่น อาเภอผักไห่ ท่าเตียนใน กรุงเทพมหานคร เป็นต้น วิถีชีวิตท่ีผูกพันอยู่กับการสัญจรทางน้ันของชาวเสนา ยังได้สะท้อนให้เห็นผ่าน ประเพณีต่าง ๆ เช่นการแห่นาคทางน้า การแห่ขันหมากทางน้า และยังมีประเพณีการแห่พระพุทธรูป สาคญั ทางนา้ ผ่านทอ้ งที่ตาบลตา่ ง ๆ อันเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างชาวเสนาและแสดงใหเ้ ห็นถึง วิถีชีวติ ที่ใกลช้ ิดกับสายน้าของชาวเสนาได้เป็นอย่างดี นอกจากน้ียังมีการตอ่ เรือ พิธีกรรมบูชาเรอื เชน่ ใน ตาบลเสนา ภูมิปัญญาการทาเรือจ๋ิวในตาบลบางนมโคและในบางตาบล เช่น ตาบลบ้านหลวง ยังมีภูมิ ปัญญาการเลน่ เพลงเรือ ที่แสดงใหเ้ หน็ ถงึ วถิ ชี วี ิตอันผูกพนั กบั สายน้าอย่างชัดเจน ในด้านของภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่นน้ัน จากการสารวจขอ้ มลู พบว่า ภูมิปัญญาท้องถนิ่ ในอาเภอเสนามี ลักษณะที่แบ่งได้หลายประเภทแตกต่างกันไปตามความถนัดและความสามารถส่วนบุคคล รวมถึง ทรัพยากรทม่ี อี ยใู่ นทอ้ งถิน่ โดยอาจแบ่งไดต้ ามประเภท ไดแ้ ก่ ภูมิปัญญาดา้ นการประกอบอาชีพ เชน่ การ ทานา ภูมิปัญญาด้านพิธกี รรม เช่น การทาขวญั ขา้ ว การทาขวัญนาค ตั้งศาลพระภูมิ ภูมิปัญญาด้านงาน ฝีมือ ซ่ึงพบว่ามมี ากที่สดุ เช่น การทาจกั สาน การแทงหยวก การทาเมรุลอย การทาบ้านทรงไทย กระดาษ การทาทอง การแกะพิมพ์พระป๊ัมพระแบบโบราณ การทอเสื่อกก เจียระไนพลอย เป็นต้น นอกจากนี้ ใน หลายตาบลยังมีภูมิปัญญาในเรื่องของอาหารการกิน เช่น การทาน้าพริก ทาขนมไทย ซ่ึงสามารถทาเป็น สนิ คา้ ส่งออกของตาบล ความสามารถของบุคคลยังแสดงให้เหน็ จากภูมิปัญญาด้านการรกั ษาโรค เช่น หมอ แผนโบราณ หมอสมุนไพร หมอตาแย ซ่ึงมักเป็นบคุ คลทไี่ ด้รบั การนบั ถอื ของคนในท้องถิน่ นอกจากน้ียังมี ภูมิปญั ญาในดา้ นของดนตรี เชน่ การเลน่ เพลงเรือ เพลงเกี่ยวขา้ ว การทาแตรวง เปน็ ต้น จากทกี่ ลา่ วมาจะเหน็ ได้ว่า วัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ ของอาเภอเสนา มีลักษณะโดดเดน่ ท่ี สบื เน่ืองจากการทาเกษตรกรรม และการดาเนินชีวิตท่สี อดคล้องกับความอุดมสมบูรณ์ของท่ีราบลุ่มแม่น้า กอ่ ใหเ้ กิดเอกลกั ษณ์ประเพณแี ละภูมิปัญญาหลายด้าน ในส่วนหน่ึง ชาวอาเภอเสนายังมีกิจกรรมประเพณี ท่ัวไป เช่น การทาบุญวันพระใหญ่ ตรุษสงกรานต์ งานอุปสมบท งานศพ ในลักษณะตามรูปแบบของ ประเพณีไทยลุ่มแม่น้าภาคกลาง ส่วนในบางตาบลของอาเภอเสนา ซึ่งมีผู้นับถือศาสนาอื่น ๆ เช่นศาสนา ครสิ ต์ในตาบลเจ้าเสด็จ ศาสนาอิสลามในตาบลชายนาก็จะมีวัฒนธรรมท่อี ิงตามหลักการและพธิ ีกรรมทาง
๒๐๘ ศาสนาในท้องถ่ินของตนเอง ซ่ึงแสดงให้เห็นว่าภายในอาเภอเสนาน้ัน มีท้ังลักษณะวัฒนธรรมท่ีโดดเด่น และหลากหลาย แต่มีความสอดประสานกลมกลนื ในมิติความสมั พันธ์เปน็ อย่างดี ๔.ด้ำนควำมสมั พันธ์ทำงสงั คม เศรษฐกจิ ในทอ้ งถน่ิ อำเภอเสนำ ชาวอาเภอเสนา มีความสัมพันธ์ทางสงั คมผ่านกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงความเช่ือทม่ี ีอยู่ในท้องถ่ิน อนั สะท้อนความเปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกันของคนในชมุ ชน ตัวอยา่ งท่ีเห็นไดช้ ัดคือ วถิ ีการประกอบอาชีพทา เกษตรกรรม เช่นการทานา เห็นได้จากเม่ือถึงฤดูเก็บเก่ียว คนในชุมชนจะรวมตัวกันมาช่วยลงแขกเก่ียว ข้าว โดยไม่มีเรอื่ งของอามสิ สนิ จา้ ง หากแต่เป็นการร่วมแรงร่วมใจกัน เป็นการสรา้ งความสามัคคีในชุมชน จากวิถีเกษตรกรรมที่นับวันจะเสื่อมถอยอยู่ทุกขณะ นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ของชาวเสนาในวิถี เกษตรกรรม จะมีความเออ้ื อาทร ช่วยเหลือเกือ้ กูลกัน มีการแบ่งปันกนั เรอื่ งอาหารการกิน มีความสัมพันธ์ อันดี มีหลักการเคารพผู้อาวุโสกว่าและเชื่อฟังพ่อแมเ่ ป็นสาคัญ ความสัมพันธ์เชน่ น้มี ักปรากฏอยู่ในชนบท ท้องถิน่ ไทยในลักษณะครอบครัวขยาย ซึ่งมสี มาชกิ ครอบครวั อยู่ร่วมกันหลายคนแบบเครอื ญาติ และหลาย ครอบครัวอย่รู วมตัวกันเปน็ หมู่บา้ นในทีส่ ดุ เมื่อในท้องที่หนึ่งๆเกดิ การรวมตัวเป็นหมู่บ้าน คนในชุมชนมักจะสรา้ งถาวรวัตถุซึ่งเก่ียวข้องกับ สิ่งยึดเหน่ียวทางจิตใจ เช่น ศาสนสถาน เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชน จากการสารวจข้อมูลใน อาเภอเสนาก็พบความสัมพันธ์ในลักษณะน้ีเช่นกัน โดยท้องที่ตาบลต่าง ๆ ในอาเภอเสนาจะมีวัดประจา ตาบลต้ังอยู่ ในวนั พระใหญ่หรือวนั สาคญั คนในตาบลจะมารวมตัวเพ่ือทาบุญท่ีวดั เปน็ การพบปะสงสรรค์ กันเนื่องในกิจกรรมทางศาสนาท่ีช่วยเช่ือมความสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ยัง รวมถึงกิจกรรมท่ีชาวบ้านรวมตัวกันทาเป็นงานประเพณีประจาปี อันเนื่องมาจากความเคารพสิ่งเหนือ ธรรมชาติต่าง ๆ ทค่ี นในชมุ ชนให้ความนับถือ เชน่ ศาลผี ศาลเจา้ พ่อเจา้ แม่ ฯลฯ อกี ดว้ ย นอกจากน้ี ในอาเภอเสนา ยังพบลักษณะพิเศษเกีย่ วกับการเคารพนับถือสิง่ ศักด์สิ ิทธใ์ิ นพืน้ ที่ต่าง ตาบล ดังในกรณีของวัดบ้านแพน ซ่ึงปัจจุบันต้ังอยู่ในตาบลบ้านโพธ์ิ แต่เป็นที่นับถือสักการะและเป็นท่ี ทาบุญของชาวบ้านท่ัวไปท้ังในตาบลบ้านโพธิ์ ตาบลบ้านแพน และตาบลใกล้เคียง และกรณีของวัดเจ้า แปดทรงไตรย์ที่ตั้งอยู่ในตาบลมารวิชัย แต่ชาวบ้านในตาบลชายนาซ่ึงมีพ้ืนท่ีติดกนั ก็ให้ความเคารพและ ต่างมาทาบุญท่ีวัดนี้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นว่า ชาวอาเภอเสนามีการทากิจกรรมทางศาสนาใน ท้องท่ีต่าง ๆ ตามความศรัทธา ความเช่ือ และความสัมพันธ์ทางสังคมท่ีไม่อิงกับการแบ่งท้องท่ีตามการ ปกครองแตอ่ ยา่ งใด ในด้านการศึกษา จากภาพรวมของการสารวจข้อมลู ในอาเภอเสนาจะพบว่า การศึกษาของชาว อาเภอเสนามีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย กล่าวคือ ในคนรุ่นปู่ย่าตายาย มักจะได้รับการศึกษาใน ระดับชั้นท่ีไม่สูงนัก โดยมากจะจบการศึกษาเพียงแค่ชั้นประถมท่ีมักจะศึกษาเล่าเรียนกันตามศาลาวัด ต่างๆ ท่ีตั้งอยู่ในแต่ละตาบล และมีผู้สอนคือพระภิกษุท่ีอยู่ในวัดน้ัน ๆ ส่วนในรุ่นพ่อแม่ เมื่อสังคมเริ่มมี ความเจริญและการศึกษาตามท้องที่ต่าง ๆได้รับการสนับสนุน คนในรุ่นนี้จะมีโอกาสจบการศึกษาใน
๒๐๙ ระดับชน้ั ทส่ี ูงขึน้ โดยคนรนุ่ พ่อแม่มกั เรียนหนังสอื ชนั้ ประถมตามศาลาวดั ต่าง ๆเชน่ เดิม ส่วนโอกาสในการ เรียนมัธยม จะมีถึงช้ัน มศ.๓ ท่ีสามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนเสนาประสิทธ์ิ และโรงเรียนอื่น ๆ ในอาเภอ เสนาได้ ส่วนในการเรียนต่อระดับชั้นอุดมศึกษายังไม่เป็นท่ีนิยม เพราะค่าใช้จ่ายสูง หรือหากบางคนมี โอกาส กจ็ ะเรยี นต่อท่ีกรุงเทพฯ แตจ่ ะพักอาศัยตามวดั เพอื่ เป็นการประหยัดคา่ ใชจ้ ่าย ส่วนในปัจจุบนั นกั เรียนในอาเภอเสนา ได้รับโอกาสในการศกึ ษามากขึ้น เพราะมีโรงเรียนเกดิ ข้ึน เป็นจานวนมาก ทัง้ ภาครัฐและเอกชน โดยในระดับชั้นประถมศกึ ษา นกั เรียนมกั จะศกึ ษาท่ีโรงเรยี นประจา ตาบล ต่าง ๆ ทั้งโรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน และโรงเรียนขยายโอกาสในตาบล การเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษา ในอาเภอเสนาจะมีสถานศึกษาหลายแห่ง เช่นโรงเรยี นเสนาประสิทธิ์ โรงเรียนผดุง โรงเรียน เซนจอร์น บัปติส เป็นต้น และระดับช้ัน อุดมศึกษา จะเข้าศึกษาต่อท่ีมหาวิทยาลัยราชภัฏ พระนครศรอี ยุธยา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมหาวิทยาลัยอ่ืน ๆ ในกรุงเทพมหานครตามลาดับ การพัฒนาความเจริญตามยุคสมัยท่ีส่งผลให้มีการขยายโอกาสทาง การศึกษาเพ่ิมข้ึน ได้ช่วยให้ชาวอาเภอเสนามีการติดต่อสัมพันธ์กับผู้คนท่ีหลากหลายทั้งภายในพ้ืนท่ีและ ตา่ งพนื้ ที่ อนั จะเป็นการเพิ่มรูปแบบความสัมพันธ์ทางสังคมให้มีความหลากหลายและปรบั เปล่ียนไปตาม การเปลีย่ นแปลงทีเ่ กดิ ข้นึ ในปจั จุบนั ในด้านเศรษฐกิจท้องถิ่นอาเภอเสนา จากการสารวจข้อมูลพบว่า การดาเนินกิจกรรมทาง เศรษฐกิจตั้งแต่ในอดีตมักยึดโยงกับลักษณะทางภูมิศาสตร์ของท้องท่ีเป็นสาคัญ โดยทั่วไปแล้ว ในตาบล ตา่ ง ๆ ของอาเภอเสนาส่วนมากจะมีเส้นทางแม่น้าลาคลองไหลผ่าน ท้ังสายใหญ่และสายย่อย โดยคนใน ตาบล นอกจากจะดารงชีวิตด้วยการอุปโภคบริโภคจากทรัพยากรน้าแล้ว ยังใช้ประโยชน์ในการทามาหา กนิ ด้วยการเปิดร้านทามาค้าขายตามริมฝั่งแม่น้าลาคลองอีกด้วย โดยมีลักษณะท้ังท่ีอยู่ในรูปแบบร้านค้า ริมน้า การพายเรือขายสินค้าและการเปิดแพขายของ ดังเช่นกรณีของตาบลเจ้าเจ็ด ซึ่งมีความโดดเด่นใน เรอ่ื งของการค้าทางน้าอย่างชัดเจน โดยริมคลองยา่ นเจ้าเจ็ดในสมัยก่อนจะเตม็ ไปดว้ ยเรือนแพผูกเรียงราย อยู่เต็มสองฝั่งคลอง หรือบริเวณริมคลองจะมีร้านค้าขายของต้ังแต่เช้าถึงมืด เพราะลาคลองเจ้าเจ็ดเป็น ทางคมนาคมเดินเรือและสินค้าจากจังหวัดสุพรรณบุรีมาบ้านแพน จึงส่งผลให้พื้นท่ีดังกล่าวได้เป็น ศูนย์กลางทางการค้าที่สาคัญของพื้นที่ อย่างไรก็ดี ในตาบลบางแห่งที่ตั้งห่างออกไปจากศูนย์กลางความ เจริญของอาเภอเสนา มักจะมีตลาดย่อยเป็นของตัวเอง ดังเช่นตลาดคลองขุด ตลาดป่ินแก้ว ท่ีตั้งอยู่ใน ตาบลชายนา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แหล่งเศรษฐกิจท่ีนับว่ามีขนาดใหญ่ท่ีสดุ ของอาเภอเสนา คือตลาดบ้านแพน ซึ่งมี ลักษณะเป็นศูนย์กลางทางการค้า ศูนย์กลางทางการปกครองและศูนย์กลางการคมนาคมแห่งใหญ่ท่ีสุด ของอาเภอ ที่ต้ังอยู่ในท้องท่ีตาบลเสนา ตลาดบ้านแพนนับต้ังแต่อดีต จะเป็นท่ีขายสินค้าต่าง ๆ อย่าง หลากหลายชนิด เช่นสินค้าทางการเกษตร เครื่องมือประกอบอาชีพ เสื้อผ้าเคร่ืองนุ่งห่ม เคร่ืองอุปโภค บริโภค เคร่ืองบวช ฯลฯ และต่อมาเม่ือสังคมพัฒนาข้ึน ก็มีสินค้าที่เก่ียวกับเทคโนโลยีต่าง ๆ เพ่ิมเข้ามา โดยตลาดบ้านแพน จะเปน็ ศูนย์การคา้ หลักของชาวตาบลต่าง ๆ ในอาเภอเสนา ท่ีเมื่อชาวตาบลไม่สามารถ
๒๑๐ หาสินค้าและบริการตามร้านค้าท่ีอยู่ในตาบลของตนเองได้ ก็มักจะเดินทางมาหาสินค้าท่ีมีอยู่อย่างครบ ครันท่ีตลาดบ้านแพนเป็นลาดับต่อไป โดยใช้วิธีเดินเท้า พายเรือและโดยสารเรือที่มีบริการมา แม้ตลาด บ้านแพนจะมีความเจริญทางการค้ามาจากการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางน้าเป็นหลัก แต่ภายหลัง จากเม่ือการคมนาคมทางบกได้รับความนิยมแทนท่ีการคมนาคมทางน้า ในปัจจุบันตลาดบ้านแพนก็ได้มี การขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่บนบกในลักษณะของอาคารพาณิชย์ และยังคงเป็นศูนย์กลางด้านการ คมนาคมอยู่ เพียงแต่เปล่ียนจากการเป็นท่าเรือ มาเป็นท่ารถที่สาคัญของย่านน้ีแทน และมีลักษณะเป็น แหล่งชมุ ชนเมืองท่ีมีผคู้ นอาศยั อยหู่ นาแน่นกว่าพืน้ ทอี่ ่ืน ๆ ในตาบลเสนา ซึง่ ถึงแม้ในปัจจบุ ันน้ี ชาวอาเภอ เสนาจะมีตัวเลือกในการจับจ่ายใช้สอยมากข้ึน ดังจะเห็นได้จากการต้ังห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส ใน ตาบลบางนมโค หรือการเดินทางไปซ้ือหาสินค้าที่ตลาดหัวรอ และตลาดเจ้าพรหม ในตัวเมืองจังหวัด พระนครศรีอยธุ ยา ทีม่ กี ารเดินทางไดส้ ะดวกรวดเร็วมากข้ึน แตต่ ลาดบ้านแพนกย็ ังคงเป็นแหล่งเศรษฐกิจ ท้องถนิ่ ทีส่ าคัญท่ีสดุ ของอาเภอเสนาจนถึงปจั จบุ ัน
๒๑๑ บรรณำนุกรม ทวศี ิลป์ สบื วฒั นะ.(๒๕๕๔).แนวคดิ และแนวทางการศกึ ษาประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถิ่น.กรงุ เทพฯ: อินทนลิ . นา้ มนต์ อย่อู ินทร์. (๒๕๕๓). กำรดำรงอยขู่ องควำมเชอื่ และพธิ ีกรรมเก่ียวกับข้ำวในสังคมไทยปจั จบุ นั : กรณีศึกษำหมู่บ้ำนดอนโพธิ์ ตำบลชำยนำ อำเภอเสนำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ . วทิ ยานิพนธ์อกั ษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาภาษาไทย. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . บุญเลิศ บรรเลง. (๒๕๕๒). กำรเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมข้ำวของเกษตรกรตำบลชำยนำ อำเภอเสนำ จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ. ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต.สังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา. มหาวิทยาลยั ราชภัฏพระนครศรอี ยธุ ยา. ไพฑูรย์ มีกศุ ล.(๒๕๕๐).แนวคิด และแนวทำงในกำรศกึ ษำภูมปิ ญั ญำท้องถิน่ .๒๐(๒), ๒๑-๓๙. ยงยุทธ ชูแว่น.(๒๕๕๑).ประวตั ศิ ำสตรท์ อ้ งถิน่ ไทย.กรงุ เทพฯ: สานักงานกองทนุ สนบั สนนุ การวิจัย. ศรีศักร วัลลโิ ภดม.(๒๕๕๑).คู่มือฉุกคดิ ควำมหมำยของภูมิวัฒนธรรม กำรศึกษำจำกภำยในและสำนึก ของท้องถน่ิ . กรุงเทพฯ: มลู นิธิเล็ก-ประไพ วิรยิ ะพันธุ.์ สมหวัง นวลละออง, พ.อ.อ. (๒๕๓๕). กำรเปล่ียนแปลงทำงเศรษฐกิจและสังคมของคนงำนโรงงำน อตุ สำหกรรม ในเขตอำเภอเสนำ จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยำ. ปริญญาศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต (พฒั นาสงั คม). มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ อารยา เรืองคงเกยี รติ. (๒๕๕๙). กำรศึกษำรปู แบบทำงกำยภำพเรือนแพทรงไทย กรณีศึกษำ ชุมชนหัว เวียง ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนำ จงั หวดั พระนครศรีอยุธยำ. วิทยานิพนธ์สถาปัตยกรรมศาสต รมหาบัณฑติ . จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั . สมั ภำษณ์ กฤตธัช บุญประเทือง. (๒๕๖๑, ๒ กรกฎาคม). หมอดินอาสาประจาตาบล. กศน.ตาบลเจ้าเสด็จ อาเภอ เสนา. สัมภาษณ์. กองทรัพย์ ชมโฉม. (๒๕๖๑, ๑๕ กรกฎาคม). ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ท่ี ๑. กศน.ตาบลบ้านกระทุ่ม. สมั ภาษณ์. กลั ยาณี มสี รรพวงศ์. (๒๕๖๑, ๒๓ กรกฎาคม). อาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมู่บ้าน. สัมภาษณ.์ เกษม ปุ่นอุดม. (๒๕๖๑, ๒ กรกฎาคม). ครูบานาญ. ตาบลเจา้ เจด็ . สัมภาษณ์. คาพล สมวณา. (๒๕๖๑, ๑๐ กรกฎาคม). ชา่ งรับจา้ ง. สัมภาษณ์. จินดา ศุภเสนา. (๒๕๖๑, ๙ กรกฎาคม). ชาวบ้าน. ตาบลหวั เวยี ง. สมั ภาษณ์ เฉลมิ สภุ าเกตุ. (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). คณะกรรมการโรงเรยี นวัดอู่สาเภา หมู่ ๓. สัมภาษณ์. เฉียบ มงคลทรง. (๒๕๖๑, ๓ กรกฎาคม). ชาวบา้ น. ตาบลบ้านแพน. สัมภาษณ์. ชลอ สิงห์สุขศรี. (๒๕๖๑, ๑๕ สิงหาคม). คนในชุมชน. สัมภาษณ.์
๒๑๒ ชอบ รักษา. (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). ประธานศูนยถ์ ่ายทอดเทคโนโลยีประจาตาบล. สัมภาษณ.์ ชยั ยุทธ สมยั มาก. (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). กรรมการหมู่บ้าน. สมั ภาษณ์. ณรงค์ สมั พันธมิตร. (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). ผู้ใหญบ่ า้ น. ตาบลลาดงา. สมั ภาษณ์ ณฐั วฒุ ิ แปน้ ทองคา. (๒๕๖๑, ๑๓ กรกฎาคม). อดตี ผใู้ หญบ่ า้ น. ตาบลบ้านแพน. สมั ภาษณ.์ ดาวเรือง ฤกษ์บุบผา. (๒๕๖๑, ๑๑ กรกฎาคม). เจ้าของธรุ กิจท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์: โฮมสเตย์รางจระเข้. สัมภาษณ.์ ตรุษ กจิ กาย.ี (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). อดตี กานนั ตาบลมารวชิ ัย หมู่ ๑. สัมภาษณ์. ทองคา ฤทธินัย. (๒๕๖๑, ๒๐ กรกฎาคม). เจ้าของวงป่ีพาทย์มอญวงใหญ่ คณะเทพทอง พรสวรรค์. สมั ภาษณ.์ ทองใบ โททอง. (๒๕๖๑, ๓ กรกฎาคม). ชาวบ้าน. ตาบลบา้ นแพน. สมั ภาษณ.์ ทองสุข กจิ ประสงค.์ (๒๕๖๑, ๑๑ กรกฎาคม). ขา้ ราชการบานาญ. สัมภาษณ์. ทองสุข อนิ สงค์ (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). ปราชญ์ชาวบา้ นดา้ นแตรวง กลองยาว. สัมภาษณ.์ ทองหล่อ วิฑูรย์สทุ ธ.์ิ (๒๕๖๑, ๑๑ กรกฎาคม). กรรมการหมบู่ า้ น. สมั ภาษณ์. ทับทิม แสงอ่อน. (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). ประธานกองทนุ หมบู่ า้ น. สมั ภาษณ์. ธรี วัจน์ เกตุซ่ือสัตยว์ .ี (๒๕๖๑, ๑๐ กรกฎาคม). ผใู้ หญ่บา้ นหมู่ ๓. สมั ภาษณ์. นกแกว้ สมสวาท. (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคมสมาชิกกลุ่มสตรี. สัมภาษณ์. นรินทร์ มศี รีชชู ยั . (๒๕๖๑, ๒๕ มิถุนายน). คนในชมุ ชน. สมั ภาษณ์. นะวาท ไกรพันธุ์ (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). ผใู้ หญบ่ ้าน หมู่ ๖. สัมภาษณ์. นิตย์ ฤกษส์ มโภชน์. (๒๕๖๑, ๙ กรกฎาคม). ชาวบ้าน. ตาบลหัวเวยี ง. สมั ภาษณ์ นิสา ฤกษ์ศรี. (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน. กศน.ตาบลบางนมโค. สัมภาษณ.์ บารงุ ฤกษ์สอาด. (๒๕๖๑, ๒ กรกฎาคม). ประธานชุมชน. กศน.ตาบลเจ้าเสดจ็ . สมั ภาษณ์. บุญชู ธนรี มย์. (๒๕๖๑, ๒๓ กรกฎาคม). อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมบู่ า้ น. สมั ภาษณ์. บญุ ธรรม สนิ ธเุ ดชะ. (๒๕๖๑, ๑๓ กรกฎาคม). อดตี ผใู้ หญ่บา้ น. ตาบลบ้านแพน. สมั ภาษณ์. บญุ มา ทรพั ย์วิเชยี ร. (๒๕๖๑, ๑๑ กรกฎาคม). ชาวบ้าน. ตาบลบา้ นแถว. สัมภาษณ์. บญุ ยัง กติ โอสถ. (๒๕๖๑, ๑๑ กรกฎาคม). ชาวบ้าน. ตาบลบ้านแถว. สัมภาษณ์. บุญสง่ สภุ ชี ะวี. (๒๕๖๑, ๒๐ มถิ ุนายน). ข้าราชการบานาญ. สมั ภาษณ.์ บุปผา ฤทธิเลศิ . (๒๕๖๑, ๑๕ กรกฎาคม). อาสาสมคั รสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน. สัมภาษณ์. เบญจวรรณ อือ้ ฉาว. (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). ปราชญช์ าวบา้ น. สมั ภาษณ์. ปทมุ พร สญั ญะชติ . (๒๕๖๑, ๙ กรกฎาคม). ชาวบา้ น. ตาบลหวั เวยี ง. สมั ภาษณ์ ประกติ พลายแก้ว. (๒๕๖๑, ๑๐ กรกฎาคม). ปราชญ์ชาวบา้ น. สมั ภาษณ.์ ประจักษ์ กิจเจตน.ี (๒๕๖๑, ๑๐ กรกฎาคม). ปราชญ์ชาวบา้ น. สัมภาษณ.์
๒๑๓ ประดับ มาบรุ .ี (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). ประธานกลมุ่ OTOP ประจาตาบล. สัมภาษณ์. ประนอม สนธิ. (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). ชาวบ้าน. ตาบลลาดงา. สัมภาษณ์ ประยทุ ธ ตรพี ชื . (๒๕๖๑, ๗ กรกฎาคม). มัคนายกวดั เจา้ แปดทรงไตรย์. สมั ภาษณ์. ประเสริฐ ตรสี นิ ธุ์. (๒๕๖๑, ๗ กรกฎาคม). อดตี กานันตาบลมารวิชยั หมู่ ๕. สมั ภาษณ์. ปราโมทย์ ไกรพยงุ . (๒๕๖๑, ๘ กรกฎาคม). คณะกรรมการกองทุนหมบู่ ้าน. สมั ภาษณ.์ ปรีชา ดัสดุลย์. (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). นายกเทศมนตรีเทศบาลตาบลบางนมโค. เทศบาลตาบลบางนม โค. สัมภาษณ.์ ปณุ ยนุช ปรีชาเดช. (๒๕๖๑, ๔ กรกฎาคม). รองประธานชุมชน. ตาบลเสนา. สมั ภาษณ์. ไปล่ สัญญากร. (๒๕๖๑, ๒๖ มิถุนายน). ประธานชมรมผสู้ งู อายุตาบลบางนมโค. สมั ภาษณ์. ผนิ สุขจรญู . (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). หมอทาขวัญประจาตาบล. สัมภาษณ์. พรชยั จันทรว์ ิบูล. (๒๕๖๑, ๒ กรกฎาคม). ผูน้ าชมุ ชน. กศน.ตาบลเจา้ เสดจ็ อาเภอเสนา. สัมภาษณ์. พระครูวนิ ัยธรยิง่ ยศ อุตตมปญโญ. (๒๕๖๑, ๑๕ กรกฎาคม). ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวดั บ้านแพน. พระอธิการไพบูลย์ วปิ ุโล (สกุลเดมิ เกดิ เสว)ี . (๒๕๖๑, ๑๔ กรกฎาคม). เจา้ อาวาสวัดจระเข้ไล่. สัมภาษณ์. พะเนียด ชนะฤทธิ.์ (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). ผ้ชู ว่ ยผู้ใหญบ่ ้าน. กศน.ตาบลบางนมโค. สมั ภาษณ์. เพ็ง ตรพี าต. (๒๕๖๑, ๓ กรกฎาคม). เลขานุการนายก อบต. อบต.ตาบลบ้านแพน. สมั ภาษณ์. มนตรี ยงิ่ ยง. (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). กานันตาบลลาดงา. ตาบลลาดงา. สมั ภาษณ์ มะลิ พูลลาย. (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). ภมู ปิ ัญญาดา้ นการทาขวญั ชา้ ว. สัมภาษณ.์ มานิตย์ วงษ์ศาสาย. (๒๕๖๑, ๙ กรกฎาคม). ชาวบา้ น. ตาบลหวั เวียง. สัมภาษณ์ รตั นา ขาพร้อม. (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). อาสาสมัครสาธารณสขุ ประจาหมบู่ า้ น. สมั ภาษณ.์ ละออง ทรพั ยส์ มบัติ. (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). คนในชุมชน. สัมภาษณ์. วัฒนา โคตรแสงอ่อน. (๒๕๖๑, ๙ กรกฎาคม). ชาวบา้ น. ตาบลเสนา. สมั ภาษณ.์ วันชัย จุลศรี. (๒๕๖๑, ๒๖ มิถุนายน). ผใู้ หญ่บ้านหมู่ ๕. สมั ภาษณ์. วันทนา ปิติพร. (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). ผู้อานวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านโพธ์ิ. สมั ภาษณ์. วชิ ัย กรกมล. (๒๕๖๑, ๑๐ กรกฎาคม). ชาวบา้ น. ตาบลเสนา. สมั ภาษณ.์ วินยั ร่งุ อรุณ. (๒๕๖๑, ๑๕ สงิ หาคม). กรรมการชุมชน หมู่ ๔ ชมุ ชนบ้านตากแดด. สมั ภาษณ์. วิรัช เกตุโกมุท. (๒๕๖๑, ๒ กรกฎาคม). ท่ีปรึกษานายกเทศบาลตาบลเจ้าเจ็ด. เทศบาลตาบลเจ้าเจ็ด. สัมภาษณ.์ วีสวัสด์ิ เทยี นบชู า. (๒๕๖๑, ๑๓ กรกฎาคม). ประธานกองทุนชุมชนศาลาแดง. ตาบลบ้านแถว. สมั ภาษณ์. ศักดา กิจเมฆ. (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). ชาวบ้าน. ตาบลหวั เวยี ง. สมั ภาษณ์ ศิริ ฤกษน์ าว.ี (๒๕๖๑, ๘ กรกฎาคม). อดตี ผ้ใู หญบ่ า้ นหมทู่ ่ี ๑ ตาบลบา้ นโพธิ์. สมั ภาษณ์. สนม สาตะโยธิน. (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). ผู้ใหญบ่ า้ น. ตาบลลาดงา. สมั ภาษณ์
๒๑๔ สมควร ดวงดี. (๒๕๖๑, ๓ กรกฎาคม). อดีตผใู้ หญบ่ ้าน. ตาบลบ้านแพน. สมั ภาษณ.์ สมใจ เฉดิ ฉาย. (๒๕๖๑, ๙ กรกฎาคม). ชาวบา้ น. ตาบลเสนา. สัมภาษณ.์ สมบัติ ควรสงวน. (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). หัวหน้าโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพตาบลดอนทอง อาเภอ สมบูรณ์ เลื่อมใส. (๒๕๖๑, ๑๓ กรกฎาคม). รองนายกองค์การบริหารสว่ นตาบลดอนทอง. องคก์ ารบริหาร ส่วนตาบลดอนทอง อาเภอเสนา. สมั ภาษณ.์ สมพสิ ธิราวาส. (๒๕๖๑, ๑๓ กรกฎาคม). กรรมการชมุ ชน. ตาบลบา้ นแถว. สัมภาษณ.์ สมศักดิ์ อรุณโชต.ิ (๒๕๖๑, ๒๑ มิถนุ ายน). ภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ ดา้ นการทาเรือจิ๋ว. สมั ภาษณ์. สวัสด์ิ กองพทิ กั ษ์. (๒๕๖๑, ๑๙ มถิ ุนายน). ทีป่ รกึ ษาชมุ ชน. ตาบลเจา้ เจ็ด. สมั ภาษณ.์ สาล่ี การสมทรัพย์. (๒๕๖๑, ๑๔ กรกฎาคม). ผ้สู ูงอาย.ุ สัมภาษณ.์ สารวญ เพ่ิมทรพั ย์. (๒๕๖๑, ๑๓ กรกฎาคม). ประธานกองทุน อสม. ตาบลบา้ นแถว. สัมภาษณ.์ สารวย ธนะจันทร์. (๒๕๖๑, ๘ กรกฎาคม). อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน ตาบลบ้านโพธิ์. สัมภาษณ์. สาราญ ตรีธนะ. (๒๕๖๑, ๑๕ กรกฎาคม). คณะกรรมการศูนย์ดารงธรรม เทศบาลตาบลหัวเวียง. สมั ภาษณ์. สาราญ ปุ่นอดุ ม. (๒๕๖๑, ๑๕ สงิ หาคม). คนในชมุ ชน. สัมภาษณ์. สารดิ ทรงไตรย.์ (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). อดตี ผูใ้ หญ่บ้าน หมู่ ๑. สัมภาษณ์. สาเรงิ ชานาญศลิ ป.์ (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). ผใู้ หญบ่ า้ น หมู่ ๒. สมั ภาษณ์. สาลี ชมวชิ า. (๒๕๖๑, ๑๑ กรกฎาคม). ชาวบ้าน. ตาบลบ้านแถว. สัมภาษณ์. สุกัญญา พุม่ เผือก. (๒๕๖๑, ๓๐ กรกฎาคม). อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บา้ น. สมั ภาษณ์. สชุ าติ พันธ์ุเพ็ง. (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). ประธานกองทุนหมบู่ ้านและชุมชนเมือง. สมั ภาษณ์. สุดใจ นาวายนต.์ (๒๕๖๑, ๑๕ สงิ หาคม). สมาชิกเทศบาลตาบลเจ้าเจ็ด. สมั ภาษณ์. สธุ รี า กล่นิ สขุ . (๒๕๖๑, ๑๒ กรกฎาคม). ประธานบทบาทสตรีประจาหมู่ท่ี ๖ ตาบลบา้ นโพธ.์ิ สมั ภาษณ.์ สุเมธ ศรอี ักขรนิ ทร์. (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). นายกองค์การบริหารสว่ นตาบลชายนา. สมั ภาษณ.์ สรุ ิยนต์ อร่ามโรจน.์ (๒๕๖๑, ๒ กรกฎาคม). ผู้นาชุมชน. กศน.ตาบลเจ้าเสดจ็ อาเภอเสนา. สัมภาษณ์. เสวก พยุงแกว้ . (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). สารวตั รกานนั และอดตี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน. สมั ภาษณ์. แสวง สุขเกษม. (๒๕๖๑, ๑๕ กรกฎาคม). กรรมการหม่บู ้าน. สมั ภาษณ์. ไสว ม่งั มี. (๒๕๖๑, ๑ กรกฎาคม). ชาวบ้าน. ตาบลเจ้าเจด็ . สมั ภาษณ์. ไสว สนธ.ิ (๒๕๖๑, ๙ กรกฎาคม). ชาวบ้าน. ตาบลหัวเวยี ง. สมั ภาษณ์ หอมหวล สุภกี ติ ย.์ (๒๕๖๑, ๑๕ กรกฎาคม). กรรมการหมูบ่ า้ น. สมั ภาษณ.์ อณัญญา บุญช่วยชีพ. (๒๕๖๑, ๖ กรกฎาคม). อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บ้าน. ตาบลเสนา. สัมภาษณ์. อนงค์ สมุ งั คโล, พระครูปลัด. (๒๕๖๑, ๒๑ กรกฎาคม). เจ้าอาวาส. วัดเจา้ เจ็ดใน. สัมภาษณ์.
๒๑๕ อัครพงษ์ ทิพยพ์ งษ์. (๒๕๖๑, ๓ กรกฎาคม). รองนายก อบต. อบต.ตาบลบา้ นแพน. สมั ภาษณ์. อาบ สขุ ษาสณุ .ี (๒๕๖๑, ๙ กรกฎาคม). ชาวบ้าน. ตาบลหัวเวยี ง. สัมภาษณ์ อาพัน โกง่ ศร. (๒๕๖๑, ๑๕ สิงหาคม). อาสาสมัครสาธารณสุขประจาหมู่บา้ น. สมั ภาษณ์.
๒๑๖ ภำคผนวก
๒๑๗ เครือขำ่ ยนักวิจยั ในทอ้ งถิน่ ๑๗ ตำบล ในอำเภอเสนำ ๑.นางสาวปยิ ธิดา ทานาค ตาบลเสนา อาเภอเสนา จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา ๒.นางสาวเจนจริ า กจิ เมฆ ตาบลบา้ นแพน อาเภอเสนา จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา ๓.นางมะลิ สงิ หช์ ัย ตาบลเจ้าเจ็ด อาเภอเสนา จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา ๔.นางนิชานนั ท์ ธรรมพร ตาบลสามกอ อาเภอเสนา จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา ๕.นางแววดาว จตรุ พรภทั รพงศ์ ตาบลบางนมโค อาเภอเสนา จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา ๖.นางสาวปรยิ ากร ทองจรสั ตาบลหวั เวียง อาเภอเสนา จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ๗.นายสมชาย ปุน่ อุดม ตาบลมารวิชัย อาเภอเสนา จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา ๘.นางขนษิ ฐา ลีลาชยั เจริญภณั ฑ์ ตาบลบา้ นโพธ์ิ อาเภอเสนา จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา ๙.นางสาวระวีวรรณ ปริญญาศาสตร์ ตาบลรางจรเข้ อาเภอเสนา จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา ๑๐.นางสาวพรพรรณ ดสิ ปรชี า ตาบลบ้านกระทุ่ม อาเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๑๑.นางอัจฉรา รุ่งอรณุ ตาบลบา้ นแถว อาเภอเสนา จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา ๑๒. นางสายรงุ้ กรวยทอง ตาบลชายนา อาเภอเสนา จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา ๑๓.นายธนพล สมภักดี ตาบลสามตุ่ม อาเภอเสนา จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา ๑๔.นางสาวทศั นยี ์ จลุ มัลลกิ ตาบลลาดงา อาเภอเสนา จงั หวดั พระนครศรีอยุธยา ๑๕.นายพิเนตร สภุ คตุ ตาบลดอนทอง อาเภอเสนา จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา ๑๖.นายสุรเชษฐ์ กองจินดา ตาบลบ้านหลวง อาเภอเสนา จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา ๑๗.นายศักด์นิ ริ ันดร์ แสงย้อย ตาบลเจ้าเสดจ็ อาเภอเสนา จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา
๒๑๘ แบบสำรวจข้อมูลประวตั ศิ ำสตร์ วฒั นธรรม และภมู ิปญั ญำทอ้ งถ่นิ ในอำเภอเสนำ จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยำ ตอนที่ ๑ ขอ้ มลู พื้นฐานของผูใ้ ห้ข้อมลู ชอื่ – นำมสกลุ อำยุ อำชีพ เชอ้ื ชำติ ศำสนำ โทรศพั ท์ สัมภำษณท์ ่ี วันท่ี ตำแหนง่ ทำงสังคม (ทาหนา้ ท่อี ะไรในชมุ ชน) ชือ่ เรยี กทำงสงั คม (คนในชุมชนส่วนใหญ่เรียกชื่อ ท่านวา่ อะไร) ตอนท่ี ๒ การรับรู้ และความทรงจาต่อท้องถ่ิน ควำมรับรูเ้ กยี่ วกับ ๑.ทา่ นมคี วามรบั รู้ เก่ียวกบั ความเป็นมาของทอ้ งถ่นิ อย่างไร ควำมเปน็ มำของ ๒.ท่านรู้ ความหมายของชื่อตาบล และหมู่บ้านต่างๆ บ้างไหม มีเรื่องเล่า หรือตานานเล่าว่า ชุมชน อย่างไร เรื่องเลำ่ ๑.ในท้องถน่ิ ของท่าน มเี ร่ืองเลา่ หรือตานานเล่าขาน ว่าอยา่ งไรบ้าง และตำนำนใน ทอ้ งถ่นิ ควำมทรงจำ ๑.ในท้องถิน่ ของท่าน มเี รอ่ื งราวอะไรบ้างทน่ี ่าจดจา เก่ยี วกบั ชุมชนน้ี เช่น การมาเยย่ี มเยอื นของบคุ คลสาคัญ เรอื่ งราว หรอื ขา่ วสาคญั ท่ีเคยเกิดขึ้นในทอ้ งถิน่ เช่น เหตุการณ์นา้ ทว่ มคร้งั สาคัญ เหตไุ ฟไหม้ครั้งสาคญั ฯลฯ ควำมเปล่ยี นแปลง ๑.สมยั กอ่ นเป็นอย่างไร ปจั จบุ นั เปลีย่ นแปลงไปอยา่ งไร ของท้องถนิ่ ๒.อะไรคอื เหตุการณ์สาคญั ท่ที าให้เกิดความเปล่ยี นแปลง ภำพถำ่ ยเกำ่ ของ มภี าพถ่ายเกา่ ของชุมชน หรอื กจิ กรรมตา่ ง ๆ หรือไม่ เชน่ งานบวช การแหเ่ รือ การละเล่น ชมุ ชน ถา้ มี ควรขออนญุ าตบันทกึ ภาพถา่ ย ตอนที่ ๓ อตั ลกั ษณ์ และวัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ (ทาใหท้ ราบตวั ตนของผคู้ นในทอ้ งถ่นิ ) อำชีพ (ดงั้ เดิม) ทา่ นทาอาชีพอะไร ทาสืบเน่ืองมาตง้ั แต่ร่นุ ไหน เช่น ปู่ ทวด และจะทาสบื ต่อไปหรือไม่ รุน่ ลูก ยังทาอยู่หรอื ไม่
๒๑๙ วถิ ีชวี ิตในปัจจุบัน ในปัจจุบันการประกอบอาชีพของท่าน ท่านทาอะไรบ้างใน ๑ วัน เริ่มต้ังแต่ตื่นนอน – เข้า นอน วถิ ีชวี ิตในอดีต เม่ือก่อนวิถีชีวิตใน ๑ วันของท่าน เหมือน หรือ แตกต่างจากในปัจจุบันหรือไม่ มีความ แตกตา่ งอย่างไร วิถีชวี ิตใน ๑ ปี วิถชี ีวิตของท่าน ในรอบ ๑ ปี เปน็ อยา่ งไรบา้ ง เชน่ อาชีพทานา และอาชีพหาปลา ชาวนา และชาวประมง จะมีวิถีชีวิตในรอบปีแตกต่างกัน ไปในแต่ละเดอื น เช่น เดือน ๑ – ๒ ทาอะไร หรือ หน้านา้ เดอื น ๑๑-๑๒ ทาอะไรบา้ ง ประเพณที ้องถ่ิน ๑. ประเพณีทอ้ งถิ่นมอี ะไรบ้าง ๒. ประเพณที อ้ งถ่ิน มีเอกลักษณท์ ่แี ตกตา่ ง จากท่อี น่ื หรือไม่ อยา่ งไร ๓. ประเพณที อ้ งถิ่น ยกตวั อย่างเชน่ .............. มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ๔. ประเพณีท้องถน่ิ ในข้อที่ ๓ เหมอื น หรือ แตกตา่ งจากในอดตี หรือไม่ อย่างไรบา้ ง ภมู ิปญั ญำท้องถน่ิ ภูมิปัญญาท้องถิ่น คือ ความรู้ ความสามารถ ความเชื่อ ที่ส่ังสมจากบรรพบุรุษสู่รุ่นปัจจุบัน เชน่ ภมู ปิ ญั ญาดา้ นการปน้ั หมอ้ การทอผ้า การรกั ษาโรค การเลน่ เพลงเรือ เพลงเกี่ยวข้าว ฯลฯ ๑.ในทอ้ งถ่ินนี้ มีภมู ิปญั ญาอะไรบา้ ง ๒.ภมู ปิ ัญญานี้ มรี ายละเอียดอยา่ งไร เช่น มขี ั้นตอนการทาอยา่ งไร ๓.ภูมปิ ัญญาน้ี มคี วามเปลี่ยนแปลงจากอดีตอยา่ งไร ๔.ภูมปิ ญั ญาน้ี ยังได้รบั ความนิยมอยูใ่ นปจั จบุ ันหรอื ไม่ อยา่ งไร ๕.ภูมปิ ญั ญานี้ มีแนวโน้มในการดารงอยตู่ ่อไปหรือไม่ อยา่ งไร บคุ คลสำคัญใน ๑.ผู้นาทางสังคม ท่ีได้รับการยอมรับ นับถือ มีใครบ้าง เช่น ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นาชุมชน พระ ท้องถ่ิน บาทหลวง โต๊ะอิหม่าม มีวรี กรรมอันนา่ จดจาอย่างไร ตอนท่ี ๔ ภมู ิวัฒนธรรม ความสมั พนั ธ์ทางสังคม กำรค้ำขำย ๑.ในละแวกใกล้ๆ มีศูนย์กลางการคา้ ขายคอื ทต่ี ลาดใด (ทงั้ สมัยก่อนและสมยั น)้ี ๒.ถ้าต้องการสินค้าท่ีตลาดในทอ้ งถ่นิ ของทา่ นไม่มีขาย ทา่ นจะไปตลาดไหน (สมัยก่อน-สมัยน)้ี ๓.ทา่ นไปซ้อื ของท่ตี ลาดบา้ นแพนบ้างไหม ถ้าไป ไปหาซื้ออะไร ๔.ท่านไปซ้ือของท่ีตลาดเจา้ พรหม หรอื ตลาดหัวรอในตวั เมอื งอยุธยาบ้างไหม ถา้ ไป ไปหาซื้อ อะไร กำรศึกษำ ๑.สมัยกอ่ น รุน่ ปยู่ ่า คนในท้องถ่ินน้ี เรียนหนังสอื ทไ่ี หน (ชนั้ ประถม / มัธยม / อดุ มศกึ ษา) ๒.คนร่นุ พ่อแม่ เรยี นหนงั สือทไ่ี หน (ช้นั ประถม / มัธยม / อุดมศกึ ษา) ๓.สมยั น้ี นักเรียน นยิ มไปเรยี นหนังสอื ทีไ่ หน (ชน้ั ประถม / มัธยม / อุดมศกึ ษา) กำรเดนิ ทำง ๑.สมยั กอ่ น ร่นุ ปู่ย่า นยิ มเดนิ ทางไปทีต่ า่ งๆ อยา่ งไร (ทางเรอื ทางรถ รถโดยสาร เดนิ ?) ๒.สมยั น้ี คนเสนา นิยมเดินทางไปท่ีต่างๆ อย่างไร
๒๒๐ กำรทำมำหำกิน คนในทอ้ งถิน่ สมยั ก่อนประกอบอาชีพอะไรบ้าง อำชพี ตอนท่ี ๕ ภมู วิ ฒั นธรรม ความสมั พันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติ แม่นา้ คลอง นา แมน่ ้ำ คลอง ในชุมชนของทา่ น มแี มน่ า้ หรอื คลองสายใด ท่านมีความสมั พันธ์กับแมน่ ้า หรอื คลองสายนั้นๆ อยา่ งไร ตอนท่ี ๖ ภมู วิ ฒั นธรรม คนกับส่งิ เหนือธรรมชาติ (วดั ศาลเจ้า สิง่ ศักดส์ิ ิทธ์ิ ผี ) ศำลเจำ้ ศำลผี -ศาลเจ้า หรอื ศาลผี ทผี่ ู้คนในทอ้ งถ่นิ นบั ถือกันมาก มศี าลอะไรบา้ ง -ศาลเจ้า หรือศาลผีแต่ละศาล มเี ร่อื งเล่า หรือความเป็นมาอยา่ งไร -ศาลเจา้ หรือศาลผแี ตล่ ะศาล มพี ิธีกรรม หรอื วธิ ปี ฏิบัตติ นอย่างไร -ท่านมคี วามสมั พันธ์กับศาลเจา้ หรือศาลผี แตล่ ะศาลอย่างไร วัด -ในทอ้ งถ่ิน มีวัดทีส่ าคัญอะไรบ้าง -วัดแต่ละวัด มเี รอ่ื งเล่า หรอื ความเปน็ มาอยา่ งไร -วัดแตล่ ะวดั มพี ิธกี รรม หรอื วิธีปฏิบตั ิตนยา่ งไร -วัดแตล่ ะวดั มีหลวงพ่ออะไร -วัดแตล่ ะวดั มีเครอ่ื งรางของขลงั อะไรบ้าง -ทา่ นมีความสัมพนั ธก์ บั วัด แตล่ ะวดั อย่างไร ศำสนสถำน - ศาสนสถาน ในศาสนาอนื่ มอี ะไรบา้ ง ในศำสนำอ่นื - มีเร่ืองเล่า หรอื ความเปน็ มาอย่างไร - มพี ิธกี รรม หรอื วิธีปฏิบัติตนย่างไร -ท่านมคี วามสัมพันธก์ บั ศาสนสถาน ในศาสนาอื่นอยา่ งไร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228