แนะนาหนงั สือดี 100 เร่ือง ที่คนไทยควรอ่าน หอ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” อาเภอหนองฉาง
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวีนิพนธแ์ ละบทละคร 1. สมเด็จกรมพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเดชาดิศร. (พ.ศ. 2336 - 2402). ประชุมโคลงโลกนิติ. ฉบบั หอประชุมแหง่ ชาติ กรมศิลปากร, 2460 คนท่ีชอบอ่านกวีนิพนธ์จะชื่นชมซาบซ้ ึงท้ังรสความ รสคา และรสอารมณ์ เพราะแต่ละคาที่ใช้ มีอรรถรส มชี ีวิต และมีวิญญาณ แห่งถอ้ ยคา ประเทืองท้งั ปัญญา และอารมณ์ ...รดั กุม เขา้ ใจง่ายทุกบท แสดงว่า ผูน้ ิพนธ์ เช่ียวชาญ อยา่ งยง่ิ ในการแต่งโคลง และโลกนิติ ตามความหมายก็คือ ระเบียบแบบแผน ของโลกเป็ นความรสู้ ึกนึกคิด ที่ฝังในจิตใจมนุษย์ เป็ นหลกั ในการดารงชีวิตใน โลก อยา่ งดียิ่งเร่ืองหนึ่ง โทษท่านผูอ้ ่ืนเพ้ ียง เมล็ดงา ปองติฉินนินทา ห่อนเวน้ โทษตนเท่าภูผา หนักยง่ิ ป้องปิ ดคิดซ่อนเรน้ เร่ืองรา้ ยหายสญู (๑๗๑)
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวีนิพนธแ์ ละบทละคร 2. สานวนแตง่ ในสมยั รชั กาลที่ 4. เสภาเร่ืองศรีทะนนไชยเซียงเหม้ ียง. มปท., 2501 ศรีทะนนไชย เป็ นนิทานพ้ ืนบา้ น ที่เล่าสืบต่อกันมาชา้ นาน ในทั่วภูมิภาค เอเซียอาคเนย์ศรีทะนนไชยในยุคหลังๆ มีการดัดแปลง แต่งเติมเสริม ต่อกัเรื่อยมาเพื่อใหส้ อดคลอ้ ง กบั ยุคสมยั ย่ิงข้ ึน อน่ึง แม้แต่ศรีทะนนไชย ท่ี ปรากฏเป็ นเรื่องเล่า อยู่ในทอ้ งถ่ินต่างๆ ก็มีเร่ืองราวต่างกันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ ที่มีหลกั ฐานปรากฏชดั เจน คือ เซียงเหม้ ียง ซ่ึงเป็ นเร่ืองเดียว กบั ศรีทะนนไชย ที่แพรห่ ลายในภาคเหนือ และภาคอีสานที่แพร่หลายในสาระ สาคญั มากทีเดียว \"แมว้ า่ กษัตริยแ์ ละพระสงฆ์ จะเป็ นสถาบนั อนั สูงส่ง ที่ชนชาติไท-ลาว ยอมรบั นับ ถือมาชา้ นาน แต่ก็มิใช่วา่ สถาบนั จะเป็ นสิ่งท่ีขาวสะอาด นิทานเซียงเหม้ ียง ช้ ีใหเ้ ห็นเรื่องราว อย่าง ธรรมดา ของกษัตริยแ์ ละพระสงฆ์ ที่มีรกั โลภ โกรธ หลง และเพราะเหตุท่ีเป็ นนิทาน ไม่ใช่เรื่อง จริง ผูเ้ ล่าจึงมีสิทธิ จะวจิ ารณ์ หรือลอ้ เลน่ กบั ความรกั โลภ โกรธ หลง เหลา่ น้ัน โดยไม่มีความผิด นี่ เป็ นช่องระบายออก ท่ีสงั คมมีไวใ้ ห้ แก่ไพร่ฟ้าขา้ แผ่นดิน ผูท้ ่ีคุน้ เคย กบั นิ ทานพ้ ืนบา้ ลา้ นนา และ ลา้ นชา้ ง จะสงั เกตวา่ ท้งั กษัตริยแ์ ละพระนัน่ แหละ ที่จะถูกนามา เป็ นตวั ละคร ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ มากที่สุด ในอนั ดบั ตน้ ๆ ค่าท่ีเป็ นสถาบนั อนั มาจาก นอกหมบู่ า้ น\"
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวีนิพนธแ์ ละบทละคร 3. นายทิม สุขยางค์ (หลวงพฒั นพงษ์ภกั ดี) (พ.ศ. 2390-2458). นิราศหนองคาย. มปท., 2412 นิราศหนองคาย ต่างจากนิราศอื่นๆ คือ เป็ นบันทึกประวตั ิศาสตร์ ท่ีช่วยใหเ้ รา เขา้ ใจความหมาย ของคาว่า การยกทัพ การเกณฑ์ทัพ การพักพล รวมท้ัง เสน้ ทาง ระหว่างเดินทัพ จากกรุงเทพฯ ไปนครราชสีมา ต่อไปยงั พิมาย เมือง พุทไธสง เพ่ือปราบกบฏฮ่อ ที่หนองคาย แลว้ เดินทางกลบั มา ทางดงพระยากลาง กินเวลาถึง 8 เดือนน้ัน ช่วยใหเ้ ห็น สภาพบา้ นเมืองไทย ในสมยั รตั นโกสินทร์ ตอนตน้ ไดเ้ ป็ นอยา่ งดี เพราะนายทิม ไดเ้ ขยี นไวโ้ ดยละเอียด ไดภ้ าพกระจ่าง ครน้ั ตอ้ งแสงสุริยาทิพากร กาเริบรอ้ นดว้ ยพิษฤทธ์ิวิกล อายพ้ ืนดินนาพาใหอ้ าพาธ วิปลาสแรงกลา้ เม่ือหนา้ ฝน ตกแลง้ หมาดขาดเหงื่อยงั เหลือทน จึ่งพาคนใหเ้ ป็ นไขไ้ ดร้ าคาญ คนเดินเทา้ กา้ วหล่มบา้ งลม้ ลุก ชา้ งเดินบุกหลม่ ลา้ น่าสงสาร เหล่าโคต่างลา้ ลม้ อยูซ่ มซาน บา้ งวายปราณกล้ ิงตายเป็ นหลายโค ชา้ งบุกหล่มบา้ งลม้ ดว้ ยเต็มลา้ ดกู ็น่าสมเพชสงั เวชโข เจา้ ของชา้ งเสียใจรอ้ งไหโ้ ฮ วา่ พุทโธ่ซ้ ือมาราคาแพง ที่ชา้ งใหญ่ไมส่ ลู้ า้ มาติดติด พระอาทิตยค์ ลอ้ ยบา่ ยลงชายแสง คนเดินเทา้ อ่อนลา้ ระอาแรง บา้ งยอ่ งแยง่ เทา้ พุปะทุพอง (หนา้ 216-218)
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวนี ิพนธแ์ ละบทละคร 4. ชิต บุรทตั . (พ.ศ. 2435 - 2485). สามคั คีเภทคาฉนั ท.์ มปท., 2450 งานช้ ินเอก ในชีวิตการประพนั ธ์ ของชิต บุรทัต กวีรตั นโกสินทร์ ผูไ้ ดร้ บั การ ยกย่องว่า เป็ น \"มหาเศรษฐี แห่งศัพท์ภาษา\" รา่ รวยถอ้ ยคา จนสามารถ นาไปใชไ้ ดอ้ ย่างงดงาม ใหอ้ ารมณ์ และเหมาะสมกับเน้ ือเร่ือง จนเป็ นแบบ ฉบบั การแต่งฉนั ท์ ใหแ้ กอ่ นุชนรุน่ หลงั ไดย้ ึดถือ สามคั คีเภทคาฉันท์ เป็ นบทกวีนิทานสุภาษิต ว่าดว้ ย \"โทษแห่งการแตกสามคั คี\"ลักษณะเด่นของ สามคั คีเภทคาฉนั ท์ เป็ นกวี ท่ีมีความงดงาม ใชถ้ อ้ ยคา อยา่ งละเมียดละไม โอ่อ่าอลงั การ ในการใช้ แบบแผน ฉนั ทลกั ษณ์ ของกาพยแ์ ละฉนั ท์ เช่น การใชส้ ทั ทุลลวิกกีฬิตฉนั ท์ แต่งบทไหวค้ รู หรือการ ใชม้ าลินีฉันท์ และสัทธราฉันท์ แต่งบทขรึมขลงั การใชก้ าพย์ และฉันทล์ กั ษณะอื่นๆ ที่ใหอ้ ารมณ์ ความรสู้ ึก สอดคลอ้ งกบั เน้ ือหา อารมณ์ ไมว่ ่าจะเป็ นเรื่องน่าหวาดกลวั เกร้ ียวกราด ตกใจ ผาดโผน ลีลาอ่อนไหวโน้มนาใจ หรือเศรา้ สงั เวช จนกล่าวไดว้ ่า เอกภาพของเน้ ือหา และรูปแบบฉันทลกั ษณ์ ในสามคั คีเภทคาฉนั ทน์ ้ัน แต่งไดด้ ียิ่ง
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวีนิพนธแ์ ละบทละคร 5. มงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ,พระบาทสมเด็จพระ. (พ.ศ. 2424 - 2468). มทั นะพาธา. มปท, 2467. พระราชนิพนธเ์ รื่อง มทั นะพาธา เป็ นบทละครพดู คาฉนั ท์ 5 องค์ พระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยูห่ วั ทรงพระราชนิพนธข์ ้ นึ เม่อื พ.ศ.2466 วรรณคดี สโมสร ไดย้ กยอ่ งว่าเป็ นหนังสือแต่งดีเพราะทรงพระราชดาริ ใหใ้ ช้ คาฉนั ท์ เป็ น ละครพูด อนั เป็ นของแปลก ในกระบวนวรรณคดี และแต่งได้ โดย ยาก ยงั ไม่ เคยมีกวีคนใด ไดพ้ ยายามแต่งมาแต่ก่อน อีกประการหน่ึง ในทางภาษา ซ่ึงปรุง ช่ือตวั ละคร และภูมิประเทศ ถูกตอ้ งตามยุคแหง่ ภารตวรรษ อันจำนงใหเ้ ป็นเรื่อง ปรุงดี จะแต่งได้ แต่ดว้ ยพระปรีชาสามารถ และสุตาญาณ อนั กวา้ งขวาง บทละครคาฉันท์เร่ืองน้ ี แสดงใหเ้ ห็นถึงพิษรา้ ย อนั เนื่องมาจากความรกั ตรงตามความหมาย ของช่ือเรื่อง กล่าวคือ สุเทษณ์ เทพ ผูท้ รงฤทธานุภาพ หลงรกั มทั นาเทพธิดา แต่มทั นาไม่รกั ตอบ สุเทษณ์ผิดหวงั และโกรธ ถึงกบั สาปมทั นา ใหไ้ ปเป็ นดอกไมใ้ นโลกมนุษย์ เดือนหน่ึงเมอื่ ถึงวนั เพ็ญ จึงกลายร่างเป็ นมนุษย์ ท่ีสาวและ สวยไดว้ นั หน่ึง ต่อเม่ือใดไดพ้ บรกั โดยมีความรกั กบั บุรุษเพศ จึงจะเป็ นมนุษยต์ ลอดไป ฉากปฏิญาณ รกั ระหวา่ งทา้ วชยั เสนกบั มทั นา ในยามรุ่งอรุณ ชยั เสน อา้ อรุณแอร่มระเรื่อรุจี ประดุจมโนภิรมยร์ ะตี ณ แรกรกั แสงอะรุณวโิ รจน์นะภาประจกั ษ์ แฉลม้ เฉลาและโสภินัก นะฉนั ใด หญิงและชาย ณ ยามระตีอุทยั สวา่ ง ณ กลางกมลละไม ก็ฉนั น้ัน แสงอุษาสะกาวพะพราว ณ สรรค์ ก็เหมอื นระตีวิสุทธิอนั สวา่ งจิต อา้ อนงคะเชิญดาเนิรสนิธ ณ ขา้ ตะนูประดุจสุมติ ร มโนมาน ไปกระทงั่ ณ ฝั่งอุทกจีระธาร และเปลง่ พจี ณ สจั จะการ ประกาศหมน้ั ต่อพระพกั ตรส์ ุราภิรกั ษะอนั เสด็จสถิต ณ เขตอะรณั – ยะน่ีไซร้ วา่ ตะนูและนอ้ งจะเคียงคระไล และครองตลอด ณ อายุขยั บค่ ลาดคลา
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวนี ิพนธแ์ ละบทละคร 6. ธรรมศกั ด์ิมนตร,ี เจา้ พระยา.(พ.ศ. 2419 - 2486). โคลงกลอนของครูเทพ. องคก์ ารคา้ คุรุสภา, 2485 . ครูเทพ เป็ นนามแฝงของ นายสนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือเจา้ พระยา ธรรมศกั ด์ิมนตรี ผูเ้ ป็ นท้งั กวี นักเขียนเรื่องส้นั ละคร ความเรียง และนักการ ศึกษา คนสาคญั งานเด่นๆ มีอาทิ \"ประชาสามญั ของเรา\" (21 ธ.ค. 2472) ท่ีท่านนา ทานองเพลงชาวบา้ น คือ ลานาพวงมาลยั ลานานกกระทุง มาใช้ อย่างได้จังหวะจะโคน และงดงาม กลอนช้ ินน้ ี กล่าวถึงชีวิต ของชาวนา ชาวไร่ ซ่ึงเคยใชช้ ีวิต ตามสบาย แบบทางานบา้ ง พกั เลน่ ในชว่ งเทศกาลบา้ ง ไมไ่ ดห้ ว่ งเรื่องเวลา หรือการทางานเพ่ือเงิน แต่วถิ ีชีวติ เชน่ น้ ี กาลงั เปล่ียนไป เพราะ \"เจา้ พวงมาลยั เอย เจา้ เกิดทุรนทุราย เพราะเจก๊ แขกเขา้ มาล่อ ท้งั เครื่องกินเคร่ืองใช้ เจา้ ทนไมไ่ หวจริงหนอ แมแ้ ต่ขา้ วก็ มีโรงรบั จา้ งสีเอย\" ชาวนาชาวไร่ เร่ิมเปล่ียนไป เป็ นลกู จา้ ง โรงงานอุตสาหกรรม ซ่ึงท่านมองเห็นวา่ ไมไ่ ดม้ คี วามเป็ น อิสระ เหมอื นกสิกร อีกต่อไป \"เจา้ กรรมกรเอย อยใู่ นนาคร หรือป่ าดอนชนบท เวลาเป็ นของเขา ไมใ่ ชข่ องเจา้ ท้งั หมด ขาดเงินทองก็ตอ้ งอด ทุกสิ่งกาหนดค่าเอย\"
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวีนิพนธแ์ ละบทละคร 7. นราธิปประพนั ธพ์ งศ,์ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระ. (พ.ศ.2404-2474 ). บทละครเรื่องพระลอ. มปท., 2496. ในดา้ นของการดดั แปลงลิลิต มาเป็ นบทละคร ถือไดว้ า่ บทละครเรื่องพระลอ เป็ น ละครท่ีสนุกมากเรื่องหน่ึง ใช้บทร้อง ผสมผสานกับบทเจรจา สลับกับบท ประพันธ์ เป็ นช่วงๆ บทรอ้ งน้ัน ทรงแต่งข้ ึนอย่างประณีต ไดอ้ ารมณ์ ถอ้ ยคา ไพเราะ กะทดั รดั เพ่ือใชเ้ ป็ นบทรอ้ ง ในการแสดงบนเวที ทาใหไ้ มย่ ืดเย้ ือ ภาษา แต่ละตอน สอดคลอ้ งกบั อารมณข์ องเหตุการณ์ เป็ นอย่างดี สมกบั ที่ยกยอ่ งกนั ว่า ทรงเป็ นเจา้ นาย ท่ีมคี วามรอบรทู้ างอกั ษรศาสตร์ อยา่ งยอดเย่ยี ม ผูท้ ่ีเคยฟังเพลงรอ้ งลา ลาวครวญ บทต่อไปน้ ี ก็คงจะจาไดด้ ีวา่ เป็ นบทเพลงกินใจ ที่ไมเ่ คยเส่ือมคลาย นิยมเลย ซึ่งก็ตดั ตอนไปจาก บทครวญถึงพระมารดา ของพระลอ ขณะอยูใ่ นแดนป่ า บ่ายหนา้ สู่เมือง สรองดงั น้ ี โอพ้ ระชนนีศรีแมนสรวง จะโศกทรวงเสียวรูส้ ึกราลึกถึง ไหนทุกขถ์ ึงปิ ตุรงคท์ รงราพึง ไหนโศกซ้ ึงถึงกคู ู่หทยั รอ้ ยชูฤ้ ๅเท่าเน้ ือเมียตน เมียรอ้ ยคนฤๅเท่าพระแมไ่ ด้ พระแมอ่ ยเู่ ยือกเยน็ ไมเ่ ห็นใคร ฤๅกลบั ไปสนู่ ครก่อนจะดี (หนา้ 83)
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวนี ิพนธแ์ ละบทละคร 8. อุชเชนี(พ.ศ.2462- ). ขอบฟ้าขลิบทอง. ดวงกมล, 2499. อุชเชนี เป็ นตวั แทนของชนช้นั กลาง ยุคหลงั การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่ง ตระหนักในจิตวญิ ญาณ ของเสรีชน เสรีภาพ และความเสมอภาค ที่จะมีฐานะ นา หรือเปลี่ยนแปลงประวตั ิศาสตร์ เธออยูใ่ นยุคซ่ึงชนช้นั กลาง กาลงั แสวงหา ความหมาย ที่ยืนของตวั เขาเอง สาระสาคัญ ในบทกวีของอุชเชนี ท่ีมีอยู่เสมอตน้ เสมอปลาย ก็คือ อุชเชนี รบั รอง และยนื เคียงความรสู้ ึก ของชนชน้ั กลาง แต่ชนชน้ั กลางของอุชเชนีน้ัน มีลกั ษณะเฉพาะอยอู่ ยา่ งหนึ่งคือ เป็ นชนช้นั กลาง ผูเ้ ห็นคุณคา่ ของชนช้นั ท่ีตา่ กวา่ เขาชว่ ยเหลือ และยนื หยดั อยูด่ ว้ ยกนั เธอมองเห็นคนจน ผูซ้ ่ึงอาจกา้ วข้ นึ มา หรือทลายลงไป จากการเคยเป็ น ชนช้นั กลางมากอ่ น เพียงโคง้ สะพานอนั เดิม ชว่ ยเสริมความหวงั ชา่ งเขลา แต่คนยากเขญ็ เชน่ เรา มมี ากมิเบาเจา้ เอย... ดว้ ยใจแนบเรียงเคียงสนิท มิ่งมิตรจงพิงอกขา้ หยดั อยูส่ โู้ ลกพาลา จนกวา่ อรุณรุ่งราง (2493 หนา้ 57) หรือกบั เธอฉนั กลา้ กา้ วไป เพราะรวมกนั ไซรเ้ ราหาญ กบั เธอขมคุกรุกราน แหลกลาญหวานร่ืนชื่นแทน กบั เธอขดั สนจนยบั จกั ดบั รอ้ นเขญ็ เย็นแสน กบั เธอฉนั ด้นั ทวั่ แดน ดว้ ยแขนสองสชู้ ใู จ เพราะเธอใช่คนคนเดียว จกั เที่ยวดบั ทุกขใ์ ครได้ เธอคือทพั ทาสกาจไกร ผูใ้ ฝ่ เสรีชีวา (2493, หนา้ 88)
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวนี ิพนธแ์ ละบทละคร 9. นายผี (อศั นี พลจนั ทร)(พ.ศ.2461-2530). เราชะนะแลว้ , แม่จ๋า. มปท, 2517. เราชะนะแลว้ , แม่จ๋า เป็ นบทกวีประเภทฉันท์ ซึ่งผูกข้ ึน เป็ นเรื่องราวของ ชีวิต กรรมกรหญิง ในโรงเลื่อยแห่งหนึ่ง กบั แมแ่ ละนอ้ งชายของเธอ ...ในราตรีอนั พิกล พิการ เงียบสงดั ราตรีหนึ่ง ไม่มีแมแ้ สงดาว และแสงเดือน มีก็เพียงแสงอนาถ แห่งนัยน์ตา ของลกู นอ้ ยและแม่ มองดูกนั ดว้ ยความรนั ทด และส้ ินหวงั ผูเ้ ป็ นลูก นอ้ ยน้ัน ป่ วยหนัก และกาลงั จะจากโลกไป ฝ่ ายแม่ ซึ่งกาลงั เจ็บน้ันเล่า สุดจะหา หยกู ยา มาหยุดความตายของลกู นอ้ ย เธอผูเ้ ป็ นพี่ เป็ นกรรมกรหญิงโรงเล่ือย เป็ นผูน้ าการต่อสู้ ของเพื่อนกรรมกร จะตอ้ งไปรว่ มการต่อสู้ นัดหยุดงานประทว้ ง ของเพ่ือนกรรมกร แต่ทวา่ เม่อื นอ้ งน่ี มาเจ็บ ก็ประจกั ษ์ วา่ ยากใจ จกั ปอง แลมองไป ก็ปั่นป่ วน อยรู่ วนเร กาลงั แมอ่ ิดโรย ละเห่ียโหย ใหโ้ ผเผ ลุกนัง่ ยงั โงเง ดว้ ยหงอ่ มงุม้ อยงู่ นั งนั อุม้ นอ้ งอนั นอนแบบกบั อกแนบ บจ่ านรร จาน่ิง คานึงอนั ใดแลแม่ มาทรมาน น้าตาแม่ ตกตอ้ ง ท้งั สองแกม้ ยงิ่ สงสาร แมจ่ ๋า อยา่ ทนทาน ใหท้ ุกขท์ ่วม บ่ทานทน อา้ นอ้ งนี่ มาไข้ ยิง่ เจ็บใจ ในความจน แมล่ กู เราสามคน จะกอดคอ เขา้ ครา่ ครวญ (หนา้ 67)
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวนี ิพนธแ์ ละบทละคร 10. เปล้ ือง วรรณศรี.(พ.ศ. 2465 - 2539). บทกวี ของเปล้ ือง วรรณศรี. มปท., 2517.. งานบทกวี ของเปล้ ือง วรรณศรี ส่วนใหญ่ เป็ นกวีการเมือง หรือกวีเพื่อชีวิต กลา่ วถึง ความไมย่ ุติธรรมในสงั คม และการต่อสู้ เพ่ือสิทธิเสรีภาพ และความ เสมอภาค ของประชาชน มเี น้ ือหา ทานองวิพากษ์วิจารณ์ การกดข่ี เอารดั เอา เปรียบ ปลุกใจประชาชน ใหย้ ืนหยดั ต่อสู้ ที่มีลักษณะ ซ้าซากอยู่บา้ ง แต่มี หลายช้ ิน ท่ีเขียนไดอ้ ยา่ ง เห็นภาพชดั เจน, ไดอ้ ารมณค์ วามรูส้ ึก ใชค้ าง่ายๆ สน้ั ๆ สมั ผสั และจงั หวะ ท่ีกินใจ ไมว่ า่ จะเป็ น ช่ือบทกวี เชน่ เห็นอยแู่ ต่ผูย้ าก ยากเข็ญ, ใครไปจุดแสงไฟใหด้ าวเด่น, ใชน่ ้าตาขา้ ทาส, เพ่ือชีวติ ท่ีดีกวา่ หรือบางประโยค บางวรรค ที่เห็นภาพชดั มจี งั หวะจะโคน ที่ปลุกเรา้ อารมณ์ ความรสู้ ึกสะเทือนใจ ในสภาพความเป็ นอยู่ ของ สามญั ชนที่ยากจน
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวนี ิพนธแ์ ละบทละคร 11. จติ ร ภมู ิศกั ด์ิ.(พ.ศ.2473-2508). บทกวขี อง จติ ร ภูมิศกั ด์ิ. พิมพใ์ นนิตยสารตา่ งๆ ในชว่ งทศวรรษ 2500. บทกวที ี่เด่น และเป็ นตานาน ของจิตร ภูมิศกั ด์ิ ที่ผูค้ น กล่าวขวญั ถึง อยู่เสมอ ใน ยามต่อสูก้ บั อานาจเผด็จการ หลากหลายรูปแบบ ก็คือ บทกวี คาเตือน...จาก เพ่ือนเก่า” ซึ่งจิตร เขียนวิพากษ์วิจารณ์ นักหนังสือพิมพ์ ที่ขายตวั ” เพื่อแลกกบั เงิน แทนท่ีจะยึดถือ ความจริง และสจั จะ กลบั ใชป้ ากกา ป้ายสีขอ้ หา คอมมิวนิสต์ ใหแ้ ก่ประชาชน ผู้รักชาติ นอกจากน้ ี ยงั ปกป้อง และพิทักษ์ อานาจเผด็จการ บทกวีเหลา่ น้ ี เคยถูกอ่านบ่อยครง้ั บนเวทีการต่อสู้ สนามหลวง มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ และอ่ืนๆ ช่วงหลงั เหตุการณ์ 14 ตุลาคม เมอื่ ขบวนการ เคลื่อนไหวต่อสู้ ของประชาชน ถูกบิดเบือน ใหร้ า้ ย จากหนา้ หนังสือพิมพ์ ดงั เชน่ บทน้ ี มวลชนยอ่ มเป็ นคน มิใช่ควายที่โงง่ ม ทองแทห้ รืออาจม เขายอ่ มรกู้ ระจา่ งใจ ใครชวั่ สกุลถ่อย จะถูกถุยท้งั เมอื งไทย รศั มที ่ีเรืองไกร จะส้ ินแววท่ีเคยงาม รกั เสือตอ้ งรกั ศกั ด์ิ เยี่ยงพยคั ฆส์ งา่ งาม อยา่ เพียงพยกั ตาม ต่อแสเ้ งินที่กวดั ไกว รกั เพ่ือนจึงเตือนมงั่ ถา้ ไมฟ่ ังก็ตามใจ ป้ายสีลาดโคลนไป เยี่ยงนักสูแ้ บบเฮงซวย กวกี ารเมอื ง, (หนา้ 54)
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวนี ิพนธแ์ ละบทละคร 12. ทวปี วร (ทวีป วรดิลก)(พ.ศ.2471- ). จงเป็ นอาทิตยเ์ ม่ืออุทยั . รวมบทกวพี มิ พอ์ ยใู่ นนิตยสารตา่ งๆ ในชว่ งปี พ.ศ. 2488-2522. รวมเลม่ คร้งั แรกพ.ศ. 2532. ทวีป วรดิลก ผู้ใชน้ ามปากกา ทวีปวร เป็ นนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ ผู้มี ประวตั ิโดดเด่น ในการต่อสู้ กบั อานาจรฐั เผด็จการไทย ในยุคตน้ ทศวรรษ 2490 ต้งั แต่สมยั เป็ นนักศึกษา ธรรมศาสตร์ ในยุคน้ัน มีบทบาทเคล่ือนไหว ต่อตา้ นรฐั บาลอย่างแข็งขนั นับต้ังแต่ คดั คา้ นเนติบัณฑิตยสภา ที่พยายาม ลิดรอน สิทธิธรรมศาสตร์บัณฑิต ริเร่ิมให้สิทธิ ผู้จบรัฐศาสต ร์ จุฬาฯ เหนือกวา่ ผูจ้ บรฐั ศาสตรธ์ รรมศาสตรจ์ นถึงกบฏแมนฮตั ตนั พ.ศ.2494 และ และขบวนการสนั ติภาพ ในระยะเดียวกนั ในปี พ.ศ.2494 มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ไดม้ ีคาสงั่ ให้ ลบชื่อนักศึกษา 5 คน ฐานยุยง ใหน้ ักศึกษา กระดา้ งกระเด่ือง ต่อรฐั บาล ในจานวนน้ ี รวม ทวีป วร ดิลก ไวด้ ว้ ยคนหน่ึง \"คราใดที่เสียงเพลงแวว่ มา \"ฟากฟ้าครามงามประกายเฉิดฉายโดม รบั แสงโสมสอ่ งหลา้ รุ่งราศี เหนือลานาเจา้ พระยาพาชีวี เริงฤดีคลื่นขบั กลอ่ มย่งิ นอ้ มใจ\" คราน้ัน หวนนึกถึง ทวปี วรดิลก ผูแ้ ต่งเพลง โดมในดวงใจ น้ ีใหแ้ ก่ คุณเอ้ ือ สุนทรสนาน เป็ นท่ีระลึก งานชุมนุมศิษยเ์ ก่า เตรียมปริญญา มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ และการเมืองรุน่ ท่ี 6 และบางที ชาว ธรรมศาสตร์ ในยุคน้ ี อาจไมท่ ราบวา่ ผูแ้ ต่งเพลงอนั ไพเราะน้ ี เป็ นผูถ้ ูกลบชื่อ ออกจากมหาวิทยาลยั แห่งน้ัน\"
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวนี ิพนธแ์ ละบทละคร 13. องั คาร กลั ยาณพงศ(์ พ.ศ. 2469 - ). กวีนิพนธ์ ของ องั คาร กลั ยาณพงศ.์ มปท., 2507. เมอ่ื แรกเผยแพร่ งานกวีนิพนธ์ และเริ่มเป็ นท่ีรจู้ กั น้ัน อาจกลา่ วไดว้ า่ บทกวีของ องั คาร ผาดโผน และแหวกแนว จนเป็ นท่ีกลา่ วขวญั วพิ ากษ์วจิ ารณก์ นั มาก โดยเฉพาะ โดยผูร้ ู้ ผูเ้ ชี่ยวชาญ ดา้ นวรรณกรรม แนวจารีตนิยม เชน่ บทท่ีวา่ ดว้ ยปณิธานกวี ฉนั เอาฟ้าห่มให้ หายหนาว ดึกดื่นกินแสงดาว ต่างขา้ ว น้าคา้ งพร่างกลางหาว หาด่ืม ไหลหลงั่ กวีไวเ้ ชา้ ชวั่ ฟ้าดินสมยั ฯ องั คาร เป็ นกวี ท่ีรตู้ วั วา่ มือถึง จึงกลา้ แสดงความอหงั การ ท่ีจะฝากฝีมือ ไวใ้ หส้ ถิตย์ จวบจน ไฟประลยั กลั ป์ ลา้ งโลก ขณะเดียวกัน ก็แถลงความมุ่งหมาย ไวอ้ ย่างชดั เจนว่า แต่งกวีเพื่อศานติ อาจจะเป็ น เพราะ แลง้ กวีมาเนานาน กวีนิพนธ์ขององั คาร จึงกรา้ วท้งั คาและความ สรา้ งความหวนั่ ไหว ใหก้ บั ผูอ้ า่ น ท่ีไมอ่ าจจะ ไมเ่ คยชิน กบั บทกวี ฝีปากหา้ วหาญ ถึงขน้ั สาปแช่งผูค้ น เชน่ ในกาพยบ์ ทน้ ี ใครดถู ูกดหู มิ่นศิลปะ อนารยะไรส้ กุลสถุลสตั ว์ ราวลิงค่างเสือสางกลางป่ าชฏั ใจมืดจดั กวา่ น้าหมกึ ดา เพียงกินนอนสืบพนั ธุน์ ้ันฤา ชื่อวา่ ส่ิงประเสริฐเลิศล้า หยาบยโสกกั ขฬะอธรรม เหยียบยา่ ทุกหยอ่ มหญา้ สาธารณ์ ภพหนา้ อยา่ มรี ูปมนุษย์ จงผุดเกิดในร่างดิรจั ฉาน หนา้ ติดดินกินข้ เี ล้ ือยคลาน ทรมานทุกขร์ อ้ นรา้ ยนิรนั ดรเ์ อย ฯ
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวนี ิพนธแ์ ละบทละคร 14. ราช รงั รอง (รตั นะ ยาวะประภาษ)(พ.ศ. 2471-2534). ขอบกรุง. ทยอยลงในนิตยสารชาวกรุงในชว่ งทศวรรษ 2500-2510 ราช รงั รอง คือ นามแฝงของรตั นะ ยาวะประภาษ เป็ นหน่ึงในจานวนนักเขียน สี่มือทอง ยุคเดียวกันกับอาจินต์ ปัญจพรรค์, รงษ์ วงษ์สวรรค์ และนพพร บุณยฤทธ์ิ ท้งั สี่คนรุ่งข้ ึนมา เน่ืองจาก และเพ่ือเป็ นตัวแทน กระแสหนึ่ง ของ ชนช้นั ผูบ้ ุกเบิก การแสวงหาประสบการณช์ ีวิต และผลิตผลงาน ท่ีแหวกกรอบ ระเบียบ และกฎเกณฑ์ ที่จาเจซ้าซาก บทกวีของราช รังรอง ใน \"ขอบกรุง\" ชว่ งแรก สะทอ้ นจิตใจ อนั ด้ ินรนอยรู่ ะหวา่ ง อารมณร์ กั ใคร่ ชว่ งแรก สะทอ้ น จิตใจ อนั ด้ ินรนอยรู่ ะหวา่ ง อารมณร์ กั ใคร่ กบั การกา้ วไปสคู่ วามสงบนิ่ง และความสานึก ในดุลยภาพ ของธรรมชาติ ช่วงหลัง นับแต่เดือนพฤษภาคม 2505 เป็ นตน้ ไป เร่ิมตน้ จากการ ตัดพอ้ ต่อว่า โชคชะตาของตนเอง ในฐานะยาจกผูห้ ลงรกั ดอกฟ้า แลว้ บทกวรี อ้ ยแกว้ ของราช รงั รอง กลบั ลาหมุน เขา้ สูโ่ ลกรอ้ น มากข้ นึ เรื่อยๆ มีหลายสิ่ง ท่ีปลุกจิตวิญญาณของเขา ใหก้ ลายเป็ นนักสู้ เขาวางอารมณ์ ออ่ นไหวลง และหนั ไปเลือกเอา ความเคล่ือนไหวทุกดา้ น ไมว่ า่ จะเป็ นปัญหา จากการรุกของอิทธิพล อารยธรรมตะวนั ตก ปัญหาความแตกแยกในสงั คม วฒั นธรรมป่ าคอนกรีต หรือกระทงั่ ปัญหาชนช้นั
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ก. กวีนิพนธแ์ ละบทละคร 15. เนาวรตั น์ พงษ์ไพบลู ย(์ พ.ศ. 2483- ). เพียงความเคล่ือนไหว. พมิ พใ์ นนิตยสารต่างๆ ในชว่ งปี 2516-2522 และพิมพร์ วมเลม่ คร้งั แรก 2517 เนาวรตั น์ เป็ นกวีผูส้ ืบทอดขนบนิยม และภูมิปัญญาแห่งวรรณศิลป์ ไทย ชนิดหา ตวั จบั ไดย้ าก เนาวรตั น์ เดินตามรอยครูกลอนสุนทรภู่ มาโดยความศรทั ธา และ สมคั รใจ และโดยเหตุที่เนาวรตั น์ เป็ นชาวชนบท เขาเติบโตข้ ึนมาท่ามกลางไร่นา และอยใู่ นลมหายใจของชนบท เขาจึงสามารถเขา้ ถึงอารมณค์ วามรูส้ ึก ของกลอน เสภา หรือกลอนบทละคร แบบสุนทรภู่ไดด้ ี แมว้ า่ ในยุคหลงั 2500 น้ัน จะมีกวี จานวนไมน่ อ้ ย ที่นิยมการใชก้ ลอนแปด และเขียนกลอนแปด ไดอ้ ยา่ งดี แต่จะหา ผูเ้ ขา้ ถึงเอกลกั ษณ์ กลอนเสภาขุนชา้ งขนุ แผน ซึ่งเป็ นตน้ แบบกลอนลูกทุ่งแทๆ้ ได้ ไดส้ กั กี่คนกลอนยุคแรกๆ ของเนาวรตั น์ อย่างเช่น บทกวีรวมเล่มใน \"คาหยาด\" (2512) ส่วนมาก จะเป็ นกลอนรกั เวา้ วอน ออ้ นออด แต่มุมมองความรกั ของเขา มโี ลกอนั ซบั ซอ้ น และกฎของธรรมชาติ รวมอยดู่ ว้ ย ทาใหไ้ มน่ ่าจะพดู ไดท้ ีเดียววา่ เป็ นกลอนสงั วาส มบี างอยา่ งท่ีบอกวา่ เนาวรตั น์ จะกา้ วพน้ ไปจาก ขอบเขตอารมณ์รกั เพียงอย่างเดียว ไดใ้ นที่สุด บทกวีของเนาวรตั น์ เริ่มหนั เขา้ หาพุทธธรรม และธรรมชาติยิ่งข้ นึ เร่ือยๆ จนดูทีว่า เนาวรตั น์ กาลงั กา้ วเดินไปสู่ การแสวงหาศิลปะบริสุทธ์ิ แต่แลว้ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งขบวนการนักศึกษา ประชาชน ไดเ้ รียกรอ้ งรัฐธรรมนูญ และ ขยายตัวเป็ นการเคลื่อนไหว เพ่ือความเป็ นธรรม ด้านต่างๆ ของสังคม ในเวลาต่อมา ก็ได้ เปล่ียนแปลง นาพาเนาวรตั น์ ไปสู่เสน้ ทาง ที่เขาคงจะไม่เคย คิดจะเลือกมาก่อน ในบทกวี หนทาง แห่งหอยทาก ซ่ึงเนาวรตั น์เขียน เม่ือวนั ท่ี13 ตุลาคม 2516 ก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม เพียงวนั เดียว เปลี่ยนเนาวรตั น์ ไปเป็ นอีกคนหน่ึง เขาจงใจใชก้ าพยย์ านี 11 ปลดปล่อยเขา จากกลอนแปด ท่ี ผูกพนั ตลอดมา เพ่ือใหค้ วามรสู้ ึก กระชากกระชน้ั ของอารมณ์ เขียนบทกวี สนับสนุนการต่อสูค้ ร้งั น้ัน ใจความตอนหนึ่งว่า การเกิดตอ้ งเจ็บปวด ตอ้ งรา้ วรวดและทรมา ในสายฝนมีสายฟ้า ในผาทึบมี ถ้าทอง มาเถิดมาทุกขย์ าก มาบนั่ บากกบั เพื่อนพอ้ ง อย่าหวงั เลยรงั รอง จะเรืองไรในชีพน้ ี กา้ วแรกที่ เราย่าง จะสร้างทางในทุกที่ ป่ าเถ่ือนในปฐพี ยังมีไว้รอให้เดิน (เพียงความเคล่ือนไหว, หนา้ 108-109)
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 16. ม.จ. อากาศดาเกิง ระพีพฒั น์ (พ.ศ. 2448 - พ.ศ. 2475). ละครแหง่ ชวี ติ . พิมพค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2472 ละครแห่งชีวิต เป็ นนวนิยายท่ีตีพิมพ์คร้ังแรก ก่อนการเปล่ียนแปลงการ ปกครอง 3 ปี และเป็ นหนังสือ ท่ีก่อใหเ้ กิดผลสะเทือน ในหลายวงการ ในวง วรรณกรรม หนังสือเล่มแรก ของหม่อมเจา้ อากาศดาเกิง ระพีพฒั น์ ถือกนั วา่ เป็ นนวนิยายที่ใชฉ้ ากในประเทศ และต่างประเทศ เป็ นเรื่องแรก ท้งั ยงั เป็ น เรื่องเศรา้ รกั ไม่สมหวงั ซึ่งก็เป็ นเรื่อง แหวกแนวนิยมในยุคน้ัน นอกจากน้ัน ยงั เป็ นหนังสือที่ปลุกกระแส การวจิ ารณห์ นังสือ เป็ นที่ลือลนั่ ในยุคน้ัน อิทธิพลของละครแห่งชีวิต ต่อวงการวรรณกรรมไทย มีมากทีเดียว นักอ่านหลายท่าน ใหค้ วามเห็น ว่า หนังสือเล่มน้ ี เป็ นตน้ แบบของนวนิยาย ชีวิตต่างแดน และมีผลต่อ นักประพันธ์ร่วมสมยั ของ หม่อมเจา้ อากาศดาเกิงเอง เช่น กุหลาบ สายประดิษฐ หรือศรีบูรพา ในเรื่องขา้ งหลงั ภาพ และสด กูรมะโรหิต ในเร่ือง ปักก่ิงนครแห่งความหลงั และนักเขียนรุ่นต่อมา คือ เสนีย์ เสาวพงศ์ ในความรกั ของวลั ยา มาจนถึงนักเขียนยุคปัจจุบนั เช่น ถนนไปสู่กอ้ นเมฆ ของ ธัญญา ผลอนันต์ นอกจากวง วรรณกรรมแลว้ ละครแห่งชีวิต ก็มีส่วนช่วยดึงดูด ใหเ้ ยาวชนคนหนุ่มสาว เป็ นจานวนมาก ใฝ่ ฝัน อยากจะเป็ น นักหนังสือพิมพ์ และมองงานนักหนังสือพิมพว์ า่ เป็ นงานที่มีเกียรติมศี กั ด์ิศรี
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 17. เสฐียรโกเศศ (2431-2512) - นาคะประทีป (2432-2488) แปล. กามนิต : ภาคบนดินและภาคบนสวรรค.์ พิมพค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2473 กามนิ ต เป็ นงานที่เสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป แปลเรียบเรียงจากฉบับ แปลภาษาองั กฤษ ของจอหน์ . อี. โลจี (John E. Logie) จากเร่ือง The Pilgrim Kamanita ท่ีแปลจากบทประพันธ์ ภาษาเยอรมนั ของคาร์ล อดอล์ฟ เจลลิรูป (Karl Adolph Gjellerup) กวีและนักเขียนชาวเดนมารค์ (พ.ศ.2400-2462) ผูไ้ ดร้ ับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม พ.ศ.2460 ฉบับภาษาไทย จัดพิมพ์ คร้งั แรก พ.ศ. 2473 ถึงกามนิต จะเป็ นวรรณกรรมแปล เรียบเรียงมาจากภาษา อ่ืน แต่ดว้ ยความปรีชาชาญทางภาษา และความรูเ้ ร่ืองต่างๆ อนั เน่ืองดว้ ยขอ้ ความแปล ของผูแ้ ปลท้งั สอง ผูเ้ ป็ นปราชญ์ทางภาษา และวฒั นธรรมของไทย รวมท้ังเป็ นเร่ืองเก่ียวกับ พุทธศาสนาและ ประเทศอินเดีย ท่ีคนไทยคุน้ เคย ทาใหค้ นส่วนใหญ่ ไม่รูส้ ึกว่าเป็ นเร่ืองแปล กลายเป็ นเร่ืองไทย ซ่ึง อ่านได้สนิทใจ คาปรารภของ ส. ศิวรักษ์ ในหนังสือ กามนิต วาสิฏฐี ฉบับสานักพิมพ์ศยาม พ.ศ.2534 (คาปรารภน้ ี เขียนเม่ือวนั ที่ 1 กรกฎาคม 2520) มีความบางตอนว่า คุณค่าของกามนิต ในทางวรรณคดีน้ัน ไม่เป็ นที่กังขา แต่คนส่วนใหญ่สมยั น้ ี คงไม่ทราบว่า หนังสือน้ ี เป็ นหัวเล้ ียวที่ สาคญั ในทางวรรณกรรมไทย ฝ่ ายพระพุทธศาสนาดว้ ย ผูใ้ หญ่เล่าใหฟ้ ังว่า เม่ือก่อนเปลี่ยนแปลง การปกครองน้ัน ปัญญาชนสมยั น้ัน เร่ิมรสู้ ึกแลว้ วา่ ไมม่ หี นังสือสมยั ใหม่ สอนพระพุทธศาสนา แก่คน รุน่ ใหม.่ ....พอกามนิตเผยร่างออกมา ทางสานักไทยเขษม ปัญญาชนในสมยั น้ัน ก็เลยโล่งอกไปว่า ใน รชั กาลที่เจ็ดมีหนังสือดี ในทางพระศาสนา ปรากฏออกมาแลว้ ..... แก่นอนั เป็ นคุณค่า ของเร่ืองกาม นิต คือ ความรกั ความทุกขจ์ ากรัก และดับทุกขด์ ว้ ยธรรมมะ นวนิยายน้ ี เป็ นงานโรแมนติ ก อันมี ความลึกซ้ ึง รสรกั ทางวรรณกรรม ไดเ้ จือธรรมรสเขา้ ดว้ ยกนั กลมกลืน ทรงพลงั ประทบั ใจ มิใช่งาน ประพนั ธด์ าดๆ สาหรบั ชวั่ เวลาสกั ระยะหน่ึง งานวรรณกรรมเรื่องน้ ี จึงอยใู่ นเกราะกาบงั ของกาลเวลา เน่ืองจากความถึงพรอ้ ม ของเน้ ือหา และรปู แบบศิลปะ
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 18. เวทางค์ (พ.ศ. 2451-2522). ดารงประเทศ. ฉบบั พิมพค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2474 ดารงประเทศ เป็ นจินตนิยายของเวทางค์ หรือนามจริงรอ้ ยตรีทองอิน บุณย เสนา(ยศเวลาน้ัน) ท่ีเสนอปรชั ญาการเมือง ในแนวธรรมาธิปไตย ท่ามกลาง กระแสประชาธิปไตย ที่นาเขา้ มาจากตะวนั ตก กาลังพัฒนาอย่างทวีความ เขม้ ขน้ ในสงั คมไทย จนเป็ นเหตุนาไปสู่ การเปล่ียนแปลงการปกครอง ในปี ต่อมา (พ.ศ.2475) โดยการอภิวฒั น์ ของคณะราษฏร ดารงประเทศ เป็ นจินตนิยายท่ีลุ่มลึก ทางปรชั ญาการเมอื งแบบตะวนั ออก เน้ ือหาสาระและบทสนทนา ของตวั ละครสาคญั ช้ ึใหเ้ ห็นเด่นชดั วา่ เป้าหมาย หรือจุดมุ่งหมายของรฐั หรือการปกครอง คือธรรมะ \"เป็ นการปกครองโดยธรรม เพื่อความเป็ นธรรมของราษฎร\" ความกา้ วหนา้ ทางความคิด ที่อิงกบั สจั ธรรม หรือธรรมะในพุทธศาสนา ดงั กล่าวน้ ี มีอยูม่ ากมาย ดงั จะเห็นไดจ้ ากตัวอย่าง เช่น เจา้ หญิงกนกเลขา ทรงตระหนักว่า การท่ีพระองค์ ทรงอยู่อย่างสุข สมบูรณ์ ไปทุกสิ่งทุกอยา่ ง มีชีวิตอย่างสุขสาราญ ในปราสาทราชวงั ราชอุทยาน และแวดลอ้ มดว้ ย นางกานัลน้ัน คุณคา่ ของพระองค์ \"เป็ นเพียงดอกไม้ ท่ีลอ้ มรอบไว้ ดว้ ยความอบั เฉา เป็ นเพียงหุ่นของการเมือง และเป็ นเพียงรูปป้ันอนั งาม ที่มีไวส้ าหรบั ประดบั พระราชวงั หรือบา้ นเมือง แต่จะหาคุณค่าอะไร ใหม้ ากไปกว่าน้ัน อีกไม่ได้ ไม่มีความรูส้ ึก ไม่มีหวั ใจ นอกจาก มีแต่ความเปลือง ในค่าบารุงรกั ษา มากกว่าส่ิงอนั ใด ท้งั หลาย ท้งั น้ัน ซึ่งค่าบารุงรกั ษาเหล่าน้ ี ลว้ นแต่เป็ นน้าแรง ของชาวเทวะปุระท้งั ส้ ิน คิดดงั น้ันแลว้ เจา้ หญิง ทรงพระกรรแสง อย่างมีความเจ็บช้า อย่างหนักที่ดวงใจ และที่หน่วยตา และท้งั ๆ ท่ีทุกสิ่ง ที่ลอ้ ม พระองค์ อยู่โดยรอบน้ัน เต็มไปดว้ ยความเกษม เต็มไปดว้ ยความหอมหวน และเต็มไปดว้ ย พิ ภพ แห่งอุทยานสวรรค\"์ ดารงประเทศ เป็ นจินตนิยายทางความคิดท่ีสาคญั นอกจากเรื่องจะสนุก ภาษาจะดีแลว้ ยังเสนอ ปรชั ญา การปกครอง ชีวิต และสงคราม ท่ีแอบอิงปรชั ญาพุทธศาสนา เป็ นแกนกลาง และจบลงด้วย ธรรมะชนะอธรรม สงครามระหว่างสายเลือด ยุติลงดว้ ยการไม่จองเวร และคุณความดี ซึ่งเป็ น ความคิดที่กา้ วหนา้ กวา่ ชนช้นั นาของไทยในยุคน้ัน หรือต่อมา
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 19. ยาขอบ (โชติ แพรพ่ นั ธุ)์ (พ.ศ. 2450-2499). ผูช้ นะสิบทิศ. พิมพใ์ นชว่ งปี พ.ศ. 2474-2482 นิยายเร่ืองน้ ี ดาเนินตามกลวิธีนิยายโบราณ ทุกประการ เน้ ือเรื่องอิงพงศาวดาร พมา่ และไทย และอิงอยา่ งนิยายท้งั หลาย คือ ไมถ่ ือภมู ศิ าสตร์ หรือกาลเวลาอย่าง กวดขนั ความเยี่ยมของผูช้ นะสิบทิศ อยู่ท่ีลกั ษณะ อนั ประกอบกนั ข้ ึนเป็ นนิยาย ยาขอบ ใชช้ ีวติ บรรยายตามเหตุการณ์ ผูแ้ ต่งอยูใ่ นฐานะเป็ นสพั พญั ญู เกี่ยวกบั ตวั ละครในเรื่อง คือ รูแ้ ละช้ ีแจงความคิด ความรูส้ ึก อารมณ์ ในขณะต่างๆ ของตวั ละคร ตวั ละคร ใชส้ านวนเดียวกนั หมด แต่เชน่ เดียวกบั นิยายช้นั ดีของโบราณ ลกั ษณะนิสยั ของตวั ละครแต่ละตวั เป็ นบุคคลท่ีกาใจคนอ่านได้ ส่วนสานวนภาษา เป็ นสานวนของยา ขอบเอง เป็ นสานวนรอ้ ยแกว้ ท่ีละมา้ ยสานวน ในหนังสือราชาธิราช และหนังสืออิงพงศาวดารจีน แต่ ไมเ่ หมือนทีเดียว คุณค่าของผูช้ นะสิบทิศ นอกจากความเริงรมย์ อรรถรสทางภาษา ที่ไม่เหมอื นใคร มี ความไพเราะงดงาม ยงั เป็ นค่าควรเมือง การสรรคส์ รา้ งผลงานน้ ี แมจ้ ะมีเคา้ ของวรรณคดีด้ังเดิม แต่ การพลิกปลายปากกา ในอีกเหลี่ยมหรือมุมใหม่ เป็ นเยี่ยงและอย่าง ของการอนุรกั ษ์กบั พฒั นา ท่ีทา อยา่ งสมน้าสมเน้ ือ ไมเ่ พียงศึกษาเรื่องของไทย อยา่ งเช่ียวชาญ การผ่านวรรณกรรมต่างชาติ
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 20. ดอกไมส้ ด (พ.ศ. 2448 - 2506). หน่ึงในรอ้ ย. พมิ พค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2477. หนึ่งในรอ้ ย (2477) ที่สะท้อนชีวิต และสังคมในสมัยน้ัน และดีในเชิง วรรณศิลปเคา้ โครง เร่ืองกระชบั กระทัดรดั มีลกั ษณะหกั มุม ท่ีน่าสนใจ ตัว ละครสมจริง มีชีวิตชีวา มีความเป็ นไปได้ ไม่ถึงกบั เป็ นอุดมคติ หรือต้งั ใจป้ัน แต่ง ต้งั ใจสอนมากเกินไป เหมอื นกบั เร่ืองอยา่ ง ผูด้ ี ขอ้ ที่น่าสงั เกต จากการอ่านนิยาย ของดอกไมส้ ด คือ ไดเ้ ห็นวา่ สงั คมช้นั กลาง กรุงเทพฯ ในชว่ งหลงั ปี 2475 ค่อนขา้ งเหอ่ วฒั นธรรมฝรงั่ ในเรื่องการจดั งาน เล้ ียง, การเตน้ รา, การสูบบุหร่ี, ดูภาพยนตร์ อยู่มาก แต่ก็มีคนอย่างวิชยั ซึ่งยังมีความคิด ในเชิง ปกป้องวฒั นธรรมไทย ในบางเร่ืองเชน่ วจิ ารณก์ ารแต่งตวั การใหส้ ินคา้ ฝรงั่ มากเกินไป จนทาใหไ้ ทย เสียเปรียบ ซึ่งน่าจะใหค้ นรุ่นปัจจุบนั ที่ฟ่ ุมเฟื อยกนั จนเป็ นหน้ ีต่างชาติ หวั ปักหวั ปา ตอ้ งเป็ นทาสของ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ไดอ้ ่าน และเกิดแง่คิดกนั วา่ มีคนเริ่มเห็นปัญหาน้ ี มาต้งั แต่ 60 กวา่ ปี มาแลว้
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 21. ไม้ เมืองเดิม (พ.ศ. 2448 - 2485). บางระจนั . พมิ พค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2481 สานักพิมพเ์ หมเวชกร บางระจนั นวนิยายเชิงประวตั ิศาสตร์ ที่เสมอื นมหากาพย์ ของประชาชนไทย เป็ น งานที่สมบูรณ์ ท้ังเน้ ือหาและศิลปการเขียน นับต้ังแต่หัวใจของเรื่อง ซ่ึงไดแ้ ก่ วรี กรรมของชาวบา้ นบางระจนั ในการสพู้ มา่ ขา้ ศึก แบบยอมตาย ท่ามกลางความ ขลาดเขลาและเห็นแก่ตัว ของชนช้นั ปกครอง สาหรบั รูปแบบน้ัน นับว่าหมดจด งดงาม ท้ังในแง่ของตัวละคร ที่มีชีวิตชีวา สมจริง และในแง่ของวรรณศิ ลป์ โดยเฉพาะฉากสุดทา้ ย ท่ีชาวบา้ นบางระจนั สตู้ ายหมดทุกคน แต่ละชีวิตที่ลม้ ลง ดว้ ยดาบพมา่ คนแลว้ คนเลา่ สามารถเรียกน้าตา จากผูอ้ า่ นได้ \"บุตรชายนายทหารอาทมาตเมื่อปลงชีวิต ถวายเป็ นท่ีระลึกบชู าชาติเสร็จ ก็รา่ ลาและใหส้ ติคนอื่น\" \"สงั ข์ เราจะตายพรอ้ มกนั หมด เราไมร่ อดแลว้ บา้ นระจนั ก็ลม่ แลว้ เราจะอยดู่ ูหนา้ ใครอีก\" \"นอ้ งเขยทหารกลา้ มองมนั เศรา้ ใจ รอบคา่ ยก็ลว้ นแต่หนา้ ศึกพรงั่ พรอ้ ม แต่ไทยน้ันนอนสนิทหนา้ แนบ แผ่นดิน ซบไปแลว้ ท้งั ส้ ิน\" \"ฉนั จะตามไปตายรว่ มทุกแห่ง แต่หญา้ หยอ่ มไหนเลา่ จะยอมตาย\" \"หยอ่ มศึกมากขา้ งหนา้ น้ ีแหละ แฟงเอ๋ย ข้ ึนมาเคียงพี่เถิด มาตายเคียงพี่ ใกลผ้ ัวใกลเ้ มีย\" มนั กวกั มือ แฟง เม่อื เจา้ ประชิดมาแลว้ และจวงก็ข้ ึนคู่นายสงั ข์ ยืนหยดั รบั ศึกเป็ นสองคู่ ทัพก็กล่าวไปอีก \"เราจกั ยนื ตายตรงน้ ี กา้ วเดียวก็จะไมย่ อมถอย และไมร่ ุกล้าหนา้ เพราะจะทาใหแ้ ยกกนั ตาย\"
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 22. ก.สุรางคนางค์ (พ.ศ.2454- ). หญิงคนชวั่ . พิมพค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2480. หญิงคนชวั่ เป็ นนวนิยาย ที่มีโครงเรื่อง ธรรมดาๆ หากแต่ ความสามารถ ใน การสรา้ ง รายละเอียด เหตุการณ์ และการผูกบุคลิก ตัวละคร สรา้ งความ ซบั ซอ้ นเหตุการณต์ ่างๆ ช่วยใหเ้ รื่องราว น่าติดตาม ไดม้ ากข้ ึน และประการ สาคัญคง จะอยู่ท่ีว่า หญิงคนชัว่ ” เล่มน้ ี พิมพ์ข้ ึน เป็ นคร้ังแรก ในปี พ.ศ.2480 ซึ่งเวลาน้ัน การที่นักเขียนหญิง จะเขียนนวนิยายแบบน้ ี โดยท่ีมี โสเภณี เป็ นตวั เอก เป็ นเรืองแปลก เอาการอยู่ บา้ งก็คิดวา่ คงจะเป็ นนวนิยาย เรื่องโป๊ เล่นเอาวงการนักเขียน นักอ่าน กล่าวขวญั เร่ืองหญิงคนชวั่ ” กันอยู่นานทีเดียว รอ้ นถึง พระองคเ์ จา้ จุลจักรพงษ์ ตอ้ งทรงออกมา วิจารณห์ นังสือเล่มน้ ี เพ่ือปกป้องหญิงคนชวั่ ” ใจความ สาคัญว่าเรื่องหญิงคนชัว่ สมจะเป็ นจริงได้ ตัวละครทุกตัว ดูเป็ นคนจริงๆ มีเลือดมีเน้ ือ มิใช่แต่ เป็ นเงา ท้งั ตอนเล็กๆ นอ้ ยๆ เช่น การเล่าถึง สภาพการ ในบา้ นนอก ถึงการทาบุญ ท่ีวัดในบา้ นนอก การละเล่นต่างๆ สภาพการอยู่กิน ของหญิงคนชวั่ ชีวิตในสถานท่ี ซึ่งเรียกกนั ว่าซ่อง ก็ดูน่าจะเป็ น จริง ไดท้ ้งั ส้ ินท้งั ยงั แสดงนิสยั อนั ดีงาม ของนางเอก ท่ีถูกเป็ นคนชวั่ โดยฝืนนิสยั และแสดงนิสยั ของ เพ่ือนที่ดีสุจริต และความรกั ลกู และความกตญั ญู อยา่ งน่าอ่าน ท้งั มีตอน ที่ทาใหผ้ ูอ้ ่าน ใจเตน้ และ ตอนขบขนั ท้งั อาจจะเป็ นบทเรียน และเป็ นตวั อย่าง ใหแ้ ก่หญิงสาว ใหร้ ะวงั ตัว มิฉะน้ัน จะตกอยู่ ในสภาพ อนั น่าทุเรศ อยา่ งนางเอก
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 23. ป. อินทรปาลิต (พ.ศ. 2453 - 2511). พล นิกร กิมหงวน. พมิ พค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2481 – 2510 พล นิกร กิมหงวน หรือเร่ืองชุด สามเกลอ เป็ นงานประเภท หสั นิยาย หรืองาน เขียน ท่ีชวน ให้ขัน ท่ีเป็ นที่นิยม แพร่หลายมากที่สุด ในยุคก่อน และหลัง สงครามโลก ครง้ั ท่ี 2 เคยลง พิมพ์ ในนิตยสาร เพลินจิตต์ เป็ นตอนๆ แต่ละตอน จบในตัว และมาพิมพ์ รวมเล่มภายหลงั แต่นับรวมท้งั หมดแลว้ เป็ นจานวนพัน ตอน มีมุขตลก ที่หลากหลาย สะทอ้ นชีวิต และสงั คม ในแต่ละยุค การล้อเลียน นโยบาย ของจอมพล ป. เรื่องรฐั นิยม เป็ นชุด ท่ีคนยกยอ่ งกนั มาก กล่าวโดยรวม แลว้ ป.อินทรปาลิต เป็ นนักประพนั ธ์ ท่ีรุ่มรวยอารมณข์ นั เป็ นดาว ที่ส่องแสงจา้ เด่นท่ีสุด ดวงหน่ึง ในประวัติ การประพันธ์ สมัยใหม่ของเรา ถึงจะมิใช่ เป็ นงานประพันธ์ ท่ีเขียนด้วยภาษ า ท่ี ประดิษฐป์ ระดอย หรือเสนอความคิด เก่ียวกบั โลก สงั คม ชนิดที่ เป็ นที่นิยม ของปัญญาชน แต่คุณค่า ในเชิงส่งเสริม ใหป้ ระชาชน ระดับชาวบา้ น, เด็กๆ รกั การอ่าน อ่านเพ่ือการพกั สมอง อ่านเพื่อความ ชุม่ ชื่น ของจิตใจแลว้ พล นิกร กิมหงวน ยอ่ มเป็ นสวนอกั ษร ที่ชวนเชิญ นักอา่ นท้ังหลาย
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 24. สด กรู มะโรหติ (พ.ศ. 2451-2521). ปักก่ิง-นครแหง่ ความหลงั . พมิ พค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2486 ปักก่ิง-นครแห่งความหลงั เป็ นเร่ืองของความรกั ที่เนน้ ในเรื่องความเสียสละ โดยไม่เอาอารมณ์เป็ นใหญ่ ความรักในเร่ือง ปักกิ่ง-นครแห่งความหลงั ได้ ขยายกวา้ งคลุมออกไป ถึง ความรักระหว่างพ่อลูก เน้นท่ีความเสียสล ะ เช่นเดียวกนั ฉากที่นามาใชป้ ระกอบ ซ่ึงเป็ นเหตุการณจ์ ริง ของประวตั ิศาสตร ช่วงหน่ึง ที่ผูเ้ ขียนไดส้ มั ผัส คือ ภาวะสงครามกลางเมือง ท่ีประเทศกาลงั ถูก รุกราน จากศตั รภู ายนอกและการต่อสภู้ ายใน ระหวา่ งขบวนการประชาชนที่ ตอ้ งการปลดปลอ่ ยประเทศ ใหเ้ ป็ นเอกราชจากต่างชาติ และแอกของชนช้นั ปกครอง ที่เป็ นนายหน้า ของต่างชาติ รวมท้งั การกล่าวโยง ถึงสถานการณป์ ฏิวตั ิ ในประเทศรสั เซีย ซึ่งส่งผลให้ ตวั ละครเอก ในเรื่อง ตอ้ งล้ ีภยั การเมือง มาอยใู่ นประเทศจีนดว้ ย จุดเด่นของ ปักกิ่ง-นครแห่งความหลงั คือ เป็ นเร่ืองโรแมนติก ที่ผูเ้ ขียนพยายามวาดภาพใหส้ มจริง โดยใชฉ้ ากเหตุการณจ์ ริงเขา้ ช่วย การใชจ้ ุดยืนทางดา้ นมนุษยธรรม ของผูเ้ ขียน มาจบั สถานการณท์ ี่ ใชฉ้ าก ก็เป็ นการใหแ้ งค่ ิด และกระตุน้ ใหผ้ ูอ้ า่ น ไดค้ ิดท่ีดี เช่น ภาพที่ทาใหไ้ มส่ บาย ก็คือ ภาพของคนจนชาวปักกิ่ง จนมาก-จนอย่างที่เราคาดไมถ่ ึง จนอย่างท่ีจะ เป็ นจะตายทีเดียว พวกเราคนไทย ไมเ่ คยจนอย่างน้ัน คนจนของเมืองไทย ไม่เคยจนตาย แต่คนจน ของปักก่ิง และตลอดจีนเหนือ จนตายเอาบ่อยๆ วนั ที่รา้ ยกาจที่สุด สาหรบั คนจนในจีนเหนือ ก็คือ วนั ในฤดูเหมนั ต์
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 25. ร.จนั ทพมิ พะ (พ.ศ.2452-2497). เราลิขิต-บนหลุมศพวาสิฎฐี. พมิ พค์ ร้งั แรก ในนิตยสารปี 2489 และ 2493 นวนิยายสองภาคจบ ภาคแรกช่ือว่า \"เราลิขิต\" ลงตีพิมพค์ ร้งั แรก ในนิตยสาร ประชามิตร- สุภาพบุรุษ พ.ศ.2489 และต่อมาภาคสอง ซ่ึงเป็ นภาคจบ ไดล้ ง พิมพใ์ นนิตยสารสยามสมยั ในพ.ศ.2493 ในชื่อ บนหลุมศพวาสิฏฐี พิมพ์รวม เล่มในปี 2505 นวนิยายของ ร.จันทพิมพะ เป็ นนวนิยายท่ีไม่ไดเ้ สนอภาพ พระเอกนางเอก หรือผูร้ า้ ยตวั โกง ร.จนั ทพิมพะ แจกบทอย่างยุติธรรม ใหแ้ ก่ตวั ละครท่ีเธอสรา้ งข้ นึ มา เพราะร.จนั ทพิมพะ มองเห็นชีวิตทะลุ ไปถึงแรงขบั เคล่ือน ท่ีอยู่ภายใน และเธอพิจารณาไปท้งั น้ัน ไม่ว่าจะเป็ นเร่ือง ชาติกาเนิด สภาพครอบครัว วงศ์ตระกูล สิ่งแวดลอ้ ม สภาพความเปลี่ยนแปลงของสงั คม และสุดทา้ ย กระทงั่ ธรรมชาตินิสยั ท่ีอาจติดตวั มา ต้งั แต่ถือกาเนิด ตวั ละครของ ร.จนั ทพิมพะ จึงพิมพข์ ้ ึนมาหลายแบบ แตกต่างกนั และลว้ นแต่มีเสน่ห์ น่าสนใจ ติดตาม เธอเป็ นนักวเิ คราะหค์ นในแนวจิตวทิ ยา ท่ีเยย่ี มยอดมากคนหน่ึง เพราะเธอใหค้ วาม สนใจ ต่อความปรวนแปรของจิตใจ ที่สมั พนั ธก์ บั ความอยรู่ อดของมนุษย์ และสญั ชาติญาณของเขาทุก คน ร.จนั ทพิมพะ แทบจะเชื่อวา่ พฤติกรรมทุกอยา่ งของมนุษย์ อธิบายได้ วิเคราะหไ์ ด้ หาแบบแผนท่ี แน่นอนได้ แมจ้ ะมีแบบแผนเช่นว่าน้ัน อยู่หลายชุดก็ตาม และก็เพราะ ร.จนั ทพิมพะ สนใจเรื่องชีวิต ของคนจน มีความมนั่ ใจวา่ เธอเขา้ ใจชีวิตอยา่ งดีเช่นน้ ีเอง ตวั ละครของเธอ จึงถูกคุมทิศทางไวอ้ ย่างดี ไมม่ ที างสบั สนได้
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 26. นิมิตรมงคล นวรตั น์,ม.ร.ว. (พ.ศ. 2451 - 2491). เมืองนิมิตรและชีวิตแหง่ การกบฏ สองคร้งั . พมิ พค์ ร้งั แรก 2491 หนังสือเล่มน้ ี เดิมมีช่ือว่า \"ความฝันของนักอุดมคติ\" ผูเ้ ขียน ม.ร.ว.นิมิตร มงคลนวรัตน์ (2451-2491) เป็ นเรืออากาศโท ผู้ต้องให้ออกจาก ประจาการ ในปี 2476 ดว้ ยกรณีศาล พิเศษ ในคดีกบฏบวรเดช ถูกตัดสิน จาคุก 9 ปี ต่อมา ไดร้ ับการอภัยโทษ รับโทษจริงๆ 4 ปี เศษ กลับมารับ ราชการ อยูก่ รมชลประทาน ได้ 8 เดือนก็ถูกจบั คร้งั ท่ี 2 ในขอ้ หากบฏขณะที่ ตอ้ งโทษครง้ั หลงั ไดเ้ ขยี นเร่ือง \"ความฝันของนักอุดมคติ\" เป็ นภาษาองั กฤษ แต่ถูก ทางการทาลายตน้ ฉบบั หลงั จากไดร้ บั การอภยั โทษ เขาไดเ้ ขียนหนังสือน้ ี เป็ นภาคภาษาไทย และพิมพค์ ร้งั แรกเอง ก่อนท่ีเขาจะเสียชีวิต ดว้ ยโรคมาลาเรีย และวณั โรคปอด ในปี 2491 ดว้ ยวยั เพียง 40 ปี เมอื งนิมิตร เป็ นนิยายโรแมนติคกึ่งสมจริง แทรกความรู้ และทศั นะทางชีววทิ ยา จิตวิทยาสงั คมวิทยา เศรษฐกิจ และการเมือง ซึ่งก็เป็ นความรทู้ ี่ใหม่ สาหรบั คนไทยยุคน้ัน ถา้ อ่านในยุคน้ ี ก็ไมม่ ีอะไรใหม่ นัก แต่เน่ืองจาก เมอื งนิมติ ร เป็ นท้งั วรรณกรรม และบนั ทึกทางประวตั ิศาสตร์ และเนื่องจากประเทศ ที่งานช้ ินน้ ีอุบตั ิข้ ึนมา ก็ยงั คงเป็ นประเทศ ที่มีอะไรลา้ หลงั กว่าประเทศอ่ืน ในยุคสมยั เดียวกนั อยูอ่ ีก มาก งานช้ ินดงั กลา่ ว จึงยงั คงเป็ นงานท่ีคนไทย น่าจะไดอ้ ่าน
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 27. อ.ไชยวรศิลป์ (อาพนั ไชยวรศิลป์ ) (พ.ศ.2461-2533). แมส่ ายสะอ้ ืน. พิมพค์ ร้งั แรกในสยามสมยั พ.ศ. 2493-2494 นวนิยายเรื่อง แม่สายสะอ้ ืน น้ ี มีเสน่หพ์ ิเศษอยู่ท่ีว่า เป็ นเรื่องเล่าท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ดินแดนชนชาติและชาวภาคเหนือ ที่ผู้เขียนมีความเขา้ ใจ จิตวิญญาณและลม หายใจ ของพ้ ืนที่แห่งน้ัน อยา่ งลึกซ้ ึงรายละเอียดของการดาเนินชีวิต ไม่วา่ จะเป็ น วิธีไปมาติดต่อ การทามาหากิน พิธีกรรม งานฉลอง ขนบประเพณี อีกท้ังลมฟ้า อากาศ ลว้ นแต่เรา้ ใจ ใหอ้ ยากรูจ้ ัก และอยากจะติดตาม ความล้ ีลับชนิ ดน้ัน การเรียนรเู้ ร่ืองราวเช่นน้ ี อาจชว่ ยปลกู ฝัง ความรสู้ ึกรกั ทอ้ งถิ่น หรือการเคารพใน เกียรติยศศกั ด์ิศรี ของกนั และกนั ระหวา่ งถิ่นต่างๆ ข้ นึ อีกมากทีเดียว
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 28. ดาวหาง. พทั ยา. พิมพค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2494 พทั ยา เป็ นนิยายขนาด 2 เล่มจบ ท่ีคนรูจ้ กั กนั น้อย เพราะเคยพิมพ์เป็ นเล่ม เมื่อปี พ.ศ. 2494-2495 แลว้ ไมม่ ีการพิมพซ์ ้า ทาใหห้ าหนังสือ 2 เล่มน้ ี ได้ ยาก ผูเ้ ขียนใชน้ ามแฝงว่าดาวหาง ก็ค่อนขา้ งลึกลบั เหมือนช่ือ จนบดั น้ ีก็ยงั ไม่ ทราบว่าเป็ นใคร ก่อนท่ีบริษัทประชาช่าง จะนามาพิมพ์เป็ นเล่มน้ัน นิยาย เร่ืองน้ ีเคยตีพิมพเ์ ป็ นตอนๆ ลงในสุวนั ภูมิ คุณเสนีย์ บารุงพงศ์ ผูเ้ คยทางานที่ สุวนั ภมู ิ ในช่วงเวลาน้ัน กลา่ ววา่ นิยายเรื่องน้ ี สง่ มาทางไปรษณีย์ จากชลบุรี โดยไมร่ ะบุตวั ผูเ้ ขยี น วา่ เป็ นใคร นวนิยายเล่มน้ ี สะทอ้ นใหเ้ ห็นสภาพการเมือง สงั คมไทย ในสมยั หลงั สงคราม ไดห้ ลายดา้ น ท้งั การ หวาดกลวั ลทั ธิคอมมิวนิสต์ และการท่ีรฐั บาล ใชว้ ิธีการจดั ต้งั ยุวชนทหาร ตามแบบฟาสซิสม์ การ พฒั นาเศรษฐกิจแบบสมยั ใหม่ ซ่ึงประทะกบั วิถีชีวิตด้งั เดิม และวิถีชีวิตแบบชาวพุทธ นับไดว้ ่าเร่ืองน้ ี เป็ นนวนิยายลอ้ เลียนการเมือง และสงั คม เล่มแรกๆ ของไทย ที่นอกจากจะมีเน้ ือหาสาระแล้ว ก็มี ศิลปะในการเขยี น อยูใ่ นเกณฑด์ ี แมบ้ างคร้งั จะเป็ นการราพึง หรือวิจารณอ์ อกไป นอกเรื่องนอกราว บา้ ง นอกจากงานนิยายช้ ินน้ ีแลว้ ผูเ้ ขยี น ก็เขยี นเร่ืองสน้ั ๆ ไวอ้ ีกหลายเร่ือง เช่น จุดดา และเรื่องอ่ืนๆ (เขษมบรรณกิจ 2502)
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 29. ศรีรตั น์ สถาปนวตั น์.(พ.ศ.2461-2518). แผ่นดินน้ ีของใคร. พมิ พค์ ร้งั แรก เป็ นตอนๆ ในปิ ยะมิตร พ.ศ.2495 ศรีรตั น์ ต้งั คาถาม จากชื่อเร่ืองว่า แผ่นดินน้ ีของใคร เพราะความฝันของ ชนช้นั กลาง อย่างเจน และกุณฑลี วนาสัย ที่ฝ่ ากาแพงชนช้นั ไปสรา้ งครอบครัว ใน ชนบท ตอ้ งแหลกยบั กลบั กลาย เป็ นฝันสลายหมดส้ ิน เพราะการถูกกดข่ี จาก ขา้ ราชการเลวๆ ในยุคน้ัน เขาท้งั สอง หนีไปจาก ความไม่เสมอภาค ทางชนช้ัน จากสายตา ดหู มิ่นถ่ินแคลน จากกรอบประเพณี ครา่ ครึ ลา้ สมยั ท่ีปิ ดทางของเขา จากเมอื งหลวง แต่กลบั เผชิญกบั อานาจเถ่ือนที่ ไมเ่ พียงแต่ทารา้ ยจิตใจ แต่มนั กลบั เป็ น อนั ตรายรุนแรง พนันกนั ถึงชีวิต และเลือดเน้ ือ และผลสุดทา้ ยก็คือ ความตาย และ ความสูญส้ ิน ไมม่ ีเขตแดนแผ่นดิน ที่ใฝ่ ฝันไวว้ า่ จะเป็ นที่อนั สงบเงียบ สาหรบั ผู้ใฝ่ หา ความหมายของ ชีวติ ท่ีแท้ แผ่นดินน้ ีของใคร ไม่เพียงแต่ เป็ นการยื่นคาฟ้อง ดว้ ยสานวนรุนแรง และเด็ดขาด ต่อกฎเกณฑท์ าง สงั คม ระบบการเมอื ง กลไกรฐั ที่พิการ รวมท้งั วิถีทาง แห่งการประกอบ สมั มาอาชีพ แต่ยังต้งั คาถาม ต่อชะตากรรม ท่ีซ้าเติมชีวติ อยู่ไมร่ ูจ้ กั จบส้ ิน หลายคร้งั หลายครา ที่มนุษย์ มกั ต้งั คาถามวา่ ชีวิตของ เรา อยู่ในมือของเราจริงๆ ละหรือ ศรีรตั น์แทบจะไม่มี ศรทั ธาอยู่เลย เขาแทบจะไม่เชื่อว่า มีความ ยุติธรรม อยบู่ า้ งในโลกน้ ี โดยวถิ ีทางใดๆ
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 30. น.อ.แยม้ ประพฒั น์ทอง. มหาบณั ฑิตแหง่ มิถิลานคร. พิมพค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2495 เน่ืองจากคุณค่าหลายดา้ น ของมหาบณั ฑิตแห่งมิถิลานคร ทาใหอ้ ่านไดจ้ าก หลายนัย บา้ งอาจจะถือ เป็ นงานที่ใหเ้ น้ ือหาสาระเป็ นหลกั บา้ งอาจจะอ่าน เป็ นบนั เทิงคดีบา้ งอาจจะถือเป็ น งานเผยแพร่ศาสนา ดว้ ยวิธีที่แยบยล บา้ ง อาจจะถือเป็ นงานโดยคนไทย ของคนไทย เพ่ือคนไทย ฯลฯ ท้ังน้ ีตาม โลกทศั น์ และความมุ่งหมาย ในการอ่าน ของแต่ละคน สาหรบั ผูท้ ่ีรบั อิทธิพล พุทธศาสนา ไมว่ า่ จะตามแบบฉบบั ชาวบา้ น หรือตามภูมนิ ักวชิ าการ คงโนม้ เอียง ที่จะถือเรื่องน้ ี เป็ นวรรณกรรม พุทธศาสนา โดยเฉพาะ ในส่วนท่ีเป็ นชาดก ความจริง มี งานเกี่ยวกบั ทศชาดกน้ ี อยู่มากท้งั ท่ีเป็ นงานเขียน ส่ิงพิมพ์ และอาจจะนับรวม จิตรกรรมฝาผนังใน โบสถ์ และภาพวาดไวด้ ว้ ย แต่งานในรูปแบบ มหาบณั ฑิตแห่งมิถิลานครน้ ี หาไดย้ ากอยา่ งย่ิง ดว้ ยว่า เป็ นงานริเร่ิม ที่สรา้ งสรรค์ไดง้ ดงาม ควรแก่การต้ังความหวังว่า อาจจะเป็ นตัวอย่าง แก่ท้ังนัก ประพนั ธ์ และผูอ้ า่ น ใหก้ ่อจินตนาการ ในทานองน้ ี จากเน้ ือหาชาดกเรื่องอื่นๆ คุณคา่ ทางใจ จากภูมิ ปัญญา พุทธศาสนา จะไดง้ อกงาม นอกเหนือออกไป จากเพียงสถาบนั สงฆ์
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 31. เสนีย์ เสาวพงศ์ (พ.ศ. 2461- ). ปี ศาจ. พมิ พเ์ ป็ นเลม่ คร้งั แรก ปี 2500 โดยสานักพมิ พเ์ กวยี นทอง ปี ศาจ เป็ นนิยายช้ ินสาคญั ช้ ินหน่ึงของ เสนีย์ เสาวพงศ์ (นามแฝงของ ศกั ด์ิชัย บารุงพงษ์ 2461- ) ปี ศาจ เป็ นงานศิลปะ ท่ีแสดงถึงจุดมุ่งหมาย และความคิด ที่เด่นชัดมากท่ีสุด สาหรบั เมืองไทย ในยุคน้ัน หรือแมแ้ ต่ในยุค 14 ตุลาคม 2516 คนอย่าง สาย สีมา, รัชนี ผูร้ ักความเป็ นธรรม และเห็นใจคนยากคนจน อาจจะดู เป็ นคนใน อุดมคติ สาหรบั สงั คมไทย ในปัจจุบนั มากเกินไป แต่เขาเหล่าน้ัน ก็เป็ นเสมอื น ตวั แทน ของคนรุ่นใหม่ ในช่วงหลงั สงครามโลกคร้งั ท่ี 2 ผูเ้ ริ่มปฏิเสธค่านิยมเก่าๆ ของสงั คมโบรา่ โบราณ ซึ่งไมเ่ คย มกี ารเปล่ียนแปลง ขนาดใหญ่เลย ตลอดระยะเวลา หลายรอ้ ยปี ที่ผ่านมา สังคมอภิ สิทธิชน ซึ่งพรอ้ มท่ีจะ ดูดกลืนคนอยู่เสมอ เพราะความเจา้ เล่ห์ ซ่ึงเติบโตข้ ึน ตามอายุขยั และขนาด ของมนั ในแง่ประวตั ิศาสตร์ ภูมิปัญญา ปี ศาจ ที่เสนีย์ เสาวพงศ์ สรา้ งข้ ึนมา ก็เป็ นตัวแทน การ เร่ิมตน้ ท่ีจะประทว้ ง โดยคนรุน่ ใหม่ ในยุคหลงั สงครามโลกคร้งั ที่ 2 ที่กลบั มาจบั ใจ คนรุ่นใหม่ ช่วงปี 2516-2519 อย่างมีนัยสาคญั เพราะเป็ นยุคสมยั ที่คนหนุ่มสาว กาลงั ต่ืนตวั ที่จะแสวงหา สงั คม อุดมคติ คลา้ ยๆ กนั ปี ศาจอย่าง สาย สีมา ตวั ท่ีกาลเวลา ไดส้ รา้ งข้ ึนมาหลอกหลอน คนที่อยู่ในโลก เก่า ความคิดเก่า ทาใหเ้ กิด ความละเมอ หวาดกลวั ... อาจจะเป็ นเพียงนักฝัน นักอุดมคติในยุคหน่ึง แต่เขาไดส้ รา้ ง แรงบนั ดาลใจ ใหค้ นจานวนไมน่ ้อย ไดล้ งมือใชช้ ีวิต ต่อสูเ้ พ่ือความยุติธรรมจริงๆ ท้งั ในป่ าเขา ในชนบท ในโรงงาน ในวงการศึกษา, ส่ือสารมวลชน และอื่นๆ (เช่นเดียวกบั เรื่อง ความรกั ของวลั ยา ซึ่งโรแมนติก ออ่ นโยนกวา่ แต่ก็เป็ นเรื่อง เชิงอุดมคติ ท่ีใหแ้ รงบนั ดาลใจเชน่ กนั )
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 32. คึกฤทธ์ิ ปราโมช,ศาสตราจารย์ พลตรี ม.ร.ว.(พ.ศ. 2454-2538). สี่แผ่นดิน. พิมพค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2494. ส่ีแผ่นดิน ใหค้ วามรื่นรมย์ และสัน่ สะเทือนความรูส้ ึก เช่นเดียวกับการให้ ความรู้และทัศนะเก่ียวกับสังคมไทย ในช่วงส่ีแผ่นดิน นับแต่แผ่ นดิน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั รชั กาลท่ี 5 ถึงแผ่นดินรชั กาลที่ 8 แม้ว่า การสะท้อนเร่ืองราว ของสังคมไทย โดยเฉพาะวิถีชีวิตชาววัง ขนบประเพณี จะสะทอ้ นผ่านสายตา ของผูม้ ีความคิดอนุรกั ษ์นิยม ผสมเสรี นิยม พรอ้ มกบั จุดยนื ทางการเมอื ง ท่ีแน่นอน แนบแน่น กบั ฝ่ ายราชาธิปไตย ภาพตัวละคร ที่เกี่ยวพัน กบั คณะผูเ้ ปล่ียนแปลง การปกครอง 2475 อาจดูว่า เป็ นตัวละคร ท่ีมี บุคลิกภาพ ไม่น่าช่ืนชมนัก อย่างไรก็ตาม นวนิยาย มิใช่การบันทึกประวัติศาสตร์ ถึ งจะอิง ประวตั ิศาสตร์ ประเด็นน่าสนใจ ย่ิงกว่าน้ันคือ ท้งั นักประวตั ิศาสตร์ และนักประพันธ์ ถึงจะมีทาง ต่างกนั ก็ยงั ตอ้ งวินิจฉยั หรือตีความประวตั ิศาสตร์ เพื่อส่งสาร ตามทางของตน ศาสตราจารย์ ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ เปรียบเทียบการสะทอ้ นชีวติ ในพระราชฐานช้นั ใน ของพระบรมมหาราชวัง ของนว นิยายเร่ือง เดอะโรมานซ์ ออฟ เดอะฮาเร็ม ของแหมม่ แอนนา ซึ่งประดุจ ส่ีแผ่นดิน ที่เขียนโดยฝรงั่ กบั การสะทอ้ นภาพ ทานองเดียวกนั หากต่างมิติ จากสี่แผ่นดิน ของม.ร.ว.คึกฤทธ์ิ ปราโมช ภาพ สะทอ้ น จากนวนิยาย ของแหม่มแอนนา จะเห็นว่า การที่พระราชฐานช้ันใน มีสีสัน มีควา ม สนุกสนานมาก ก็ดว้ ยมีคนเล็กๆ ทางานรบั ใช้ แมค้ นช้นั สงู ที่เป็ นเจา้ จอมหมอ่ มหา้ ม ก็ใช่อยูใ่ นภาวะ พึงพอใจ เม่ือคิดถึงสิทธิสตรี ตามความคิดของฝรงั่ เวลาน้ัน และในทางประวตั ิศาสตร์ไทย อาจารย์ นิธิกล่าววา่ นิยายของแหมม่ แอนนา จึงแตกต่าง ตรงขา้ มกบั นิยาย เรื่องส่ีแผ่นดิน ซ่ึงเป็ นนิยาย ที่ให้ ภาพพระราชฐานช้นั ใน ของสมยั กอ่ น แกค่ นไทยสมยั น้ ี มากที่สุด
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 33. เรียมเอง.(พ.ศ. 2449-2506). ทุ่งมหาราช. พิมพค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2497 ทุ่งมหาราช เป็ นนวนิยาย เสมือนบนั ทึกเหตุการณ์ ของผูเ้ ขียน สมยั เมื่อคร้งั ใช้ ชีวิตอยู่กบั บิดา มารดา ที่คลองสวนหมาก จงั หวดั กาแพงเพชร ซ่ึงในยุคน้ัน ผูค้ น ตอ้ งผ่านพบ ความยากลาบาก นานับประการ ต้ังแต่ความอดอยากยากแคน้ โรคภัยไขเ้ จ็บ โดยเฉพาะไขท้ รพิษ และน้าท่วม หนังสือเล่มน้ ี สะทอ้ นภาพ ของ เร่ืองราวดังกล่าว โดยผ่านตัวละคร ที่มีเลือดเน้ ือ และวิญญาณ เช่น รุ่ง หรือขุน นิคมบริบาล ซึ่งคาเรือน และบา้ นไร่ ก็เพิ่งมชี าวเวยี งจนั ทน์ อพยพมาอยู่ ไมก่ ่ี ครอบครวั ความคิดของรุง่ สะทอ้ นความรสู้ ึกส่วนใหญ่ ของชาวบา้ น ต่อการทามาหากิน ดว้ ยความเป็ น อิสระ ของตนเอง เหมอื นกบั ท่ี ในตอนทา้ ยสุด เขาแสดงใหเ้ จา้ เมือง ไดร้ บั รูว้ า่ ความเป็ นอิสระ ในการ ทามาหากิน ในที่ดินของบรรพบุรุษน้ัน มีคุณค่า หรือมีความหมายเพียงใด และมีค่า เหนือความอด อยากยากแคน้ ความลาบาก และความเจ็บป่ วยไข้ ท่ีพวกเขาเคยประสบ จนแทบเอาชีวิตไมร่ อด ทุ่ง มหาราช เป็ นนวนิยาย ที่แฝงแนวความคิด ของการรกั ษา ปกป้องแผ่นดิน ทามาหากิน ความรักอิสระ ในการประกอบอาชีพ ความสามคั คี ของคนในชุมชน เม่ือเกิดภยั พิบตั ิ หรือปัญหาข้ ึนมา ดว้ ยถอ้ ยคา ท่ีอา่ นเขา้ ใจง่าย การพรรณาความ ท่ีมองเห็นไดช้ ดั เจน ถึงธรรมชาติ ความเป็ นอยู่ หรือประเพณี ของ คนทอ้ งถ่ิน ทาใหห้ นังสือ เล่มน้ ีมีเสน่หน์ ่าอ่าน และทาใหผ้ ูอ้ ่าน รูส้ ึกสนุ กสนาน เพลิดเพลินไปดว้ ย นอกเหนือจาก การไดเ้ รียนรู้ ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐกิจ สงั คม โดยไทยในยุคก่อน การพฒั นาทุนนิยม สมยั ใหม่ ไดอ้ ยา่ งมชี ีวติ ชีวา
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 34. ศรีบรู พา. (พ.ศ. 2448 - 2517). แลไปขา้ งหนา้ . ภาคปฐมวยั และภาคมชั ฌิมวยั (เขียนในชว่ งปี 2495-2500) ภาคปฐมวยั พมิ พค์ ร้งั แรกใน ปี 2498 ภาคมชั ฌิมวยั พิมพล์ งเป็ นตอนๆ ในนิตยสารปิ ยมิตร ปี 2500 และรวมเลม่ ปี 2518. โดยชมรมหนังสืออุดมธรรม แลไปขา้ งหนา้ ภาคปฐมวยั เป็ นเรื่องสมยั เด็กของจนั ทา โนนดินแดง เด็กบา้ น นอกซึ่งมีโอกาส เขา้ มาเรียนหนังสือช้นั มธั ยม ในโรงเรียนผู้ดีในกรุงเทพฯ เพราะการฝากฝังของเจา้ อาวาส และเพ่ือจะไดเ้ ป็ น \"องครกั ษ์\" ของลูกชาย ของขุนนางผูใ้ หญ่คนหน่ึง เวลาท่ีกล่าวถึงในทอ้ งเร่ือง เป็ นช่วงปี พ.ศ.2470 กว่าๆ ก่อนการเปล่ียนแปลงการปกครอง บรรยากาศของทอ้ งเร่ือง สะทอ้ น สงั คมของชนชน้ั สงู ท่ีถือช้นั วรรณะ ท้งั ท่ีบา้ นของท่านเจา้ คุณ ที่จนั ทาอาศยั อยู่ ในฐานะบ่าวไพร่ หรือในโรงเรียนเทเวศรร์ งั สฤษด์ิ (ภาพจาลองของโรงเรียนเทพศิรินทร์ ที่ศรีบรู พา ไดไ้ ปเรียน ในยุคใกลๆ้ กนั นัน่ เอง) ซ่ึงจนั ทาถูกมองเหมอื น คนท่ีมาจาก \"โลกอีกโลกหนึ่ง\" ภาคมชั ฌิมวยั เป็ นเร่ืองสมยั หลงั เปล่ียนแปลงการปกครอง 2475 เรื่อยมา จนถึงสงครามโลกคร้งั ที่ 2 ตวั ละครสมยั เด็ก ต่างก็โตเป็ นผูห้ ลกั ผูใ้ หญ่ และแยกยา้ ยกนั ไปประกอบอาชีพ ภาคน้ ี มีลกั ษณะ จะ สะทอ้ นภาพของสงั คมการเมอื ง ท่ีมผี ลกระทบต่อตวั ละครต่างๆ กนั มากกวา่ ภาคแรก และเนื่องจาก เรื่อง หยุดชะงกั ลงกลางคนั ผูเ้ ขยี นเขียนไมจ่ บ จึงยากจะวิจารณ์ ในแง่ของงานศิลปะไดเ้ ต็มที่ อย่างไร ก็ตาม ภาคน้ ี ศิลปะการเขียนโดยทวั่ ไป ก็อยู่ในเกณฑด์ ี ใกลเ้ คียงกบั ภาคปฐมวยั แม้จะไม่มีตอนท่ี สะเทือนใจนัก และมลี กั ษณะเป็ นการแสดงทศั นะ ท่ีคลา้ ยบทความอยหู่ ลายตอน แต่ก็เป็ นความเรียง ท่ีสละสลวย โดยเฉพาะในบทแรก ที่บรรยายถึงเหตุการณ์ วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 น้ัน ศรีบรู พา บรรยายไดอ้ ยา่ งสง่างาม และมพี ลงั มาก
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 35. รงค์ วงษ์สวรรค.์ (พ.ศ.2474- ). เสเพลบอยชาวไร่. พิมพค์ ร้งั แรก พ.ศ.2512 เสเพลบอยชาวไร่ ปรากฏโฉมคร้งั แรก ในสยามรฐั สปั ดาหว์ ิจารณ์ ผ่านคอลัมน์ ราพึงราพนั โดยลาพู เป็ นผลงานท่ีแปลกออกไป จากแนวเรื่องของนักเขียนคน เดียวกนั ซึ่งเวลาก่อนหน้าน้ัน ผูค้ นท่ีปรากฏ บนหนา้ วรรณกรรมของเขา ลว้ นอยู่ ในแวดวงโสเภณี ผูห้ ญิงบาร์ แมงดา แม่เลา้ โลกียชนในสงั คมเมือง และประสบ กาม ของเขาและหล่อน โดยเฉพาะ นวนิยายเร่ือง สนิมสรอ้ ย ของรงค์ วงษ์สวรรค์ ประดุจวทิ ยานิพนธโ์ สเภณี ในรูปนวนิยาย อนั ผูร้ จนา ปลอ่ ยตวั ละคร ไดเ้ ลน่ เต็ม บท สมจริง และมีรงค์ วงษ์สวรรค์ วางอุเบกขา ดบั ทุกขส์ ุขของผูค้ น ในหนา้ กระดาษ รงค์ วงษ์สวรรค์ ใหล้ มหายใจ แจง้ ใบตอง เฉ่ มะเขือพวง ทอง มะขามอ่อน ฝืด ตาแย และ ฯลฯ ดว้ ยความชานิทาง ภาษา และดแู ปลก นับแต่ช่ือของเขา หล่อน กวกั ความรูส้ ึกน่าสนใจ ฉากขา้ งหลงั ตวั ละคร คือ ชนบท ท่ีผูค้ นยงั เป็ นสุข (หรืออาจทุกข์) ตามอตั ภาพ รัฐดูจะเขา้ ไปเก่ียวขอ้ งน้อยเต็มที่ ชีวิตพออยู่พอกิน เพราะความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ลกั ษณะทางสงั คม ยงั ใหค้ วามสนใจแก่กนั จนมีประเด็นนิ นทา อยา่ งสราญรมย์ กลุ่มตวั ละครที่มีแจง้ ใบตอง เป็ นสายใย หรือแกนสมั พนั ธ์ เขาเป็ นโลกียชนระดบั ไม่ ล้าหนา้ ไปกวา่ วิถีชีวติ ส่วนใหญ่ของสงั คมไทย แมพ้ วกเขาจะเป็ นคนส่วนน้อย ที่อาจจะล่วงศีลขอ้ กาเม ขโมยไก่วดั หรือบางรายพ้ ีกญั ชา และกินใบกระท่อม แต่ยงั คงมีบรรทดั ฐาน วดั ใจเรื่องความดีงาม ดงั การต้งั คาถาม ต่อคาสรรเสริญ ชนิดพอเขาตายไปแลว้ ใครๆ ก็ว่าเขาดีท้งั น้ัน ขณะท่ีมีชีวิตอยู่ คนๆ น้ัน ดจู ะเป็ นคนละคน กบั คาสรรเสริญหลงั ตาย (เมืองขา้ งโลงของจอน บางขนุน)
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 36. โบตนั๋ (พ.ศ. 2488- ). จดหมายจากเมืองไทย. พิมพค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2513 สานักพมิ พแ์ พรพ่ ทิ ยา จดหมายจากเมืองไทย เป็ นนวนิยายเล่มแรก ที่สะทอ้ นความเป็ นจริง ท้ังดา้ น ชีวิตความเป็ นอยู่ และความคิดจิตใจ ของคนจีนในไทย ที่อพยพมาจากจีนผืน แผ่นดินใหญ่ ในช่วงเวลาท่ีประเทศจีน กาลังเผชิญกับสงครามภายในหมู่ ขนุ ศึกและสงครามรุกรานจากญ่ีป่ ุน ตนั ส่วงอู๋ เป็ นแบบฉบบั ของจีนฮนั่ ที่ถือความสาคญั สูงสุด ของผูช้ ายเป็ นหลกั ประกอบกบั ยดึ มนั่ ในความเช่ือแบบลทั ธิขงจ้ ือ ตนั ส่วงอู๋ จึงเป็ นคนที่ รบั ผิดชอบ ในหน้าท่ีการงาน อยา่ งซื่อสตั ยส์ ุจริต และขยนั หมนั่ เพียร หนักเอาเบาสู้ ทุกสภาพการณ์ ต่อคนจีน ท่ีสมั พนั ธใ์ นระดบั ช้นั ต่างๆ ตนั ส่วงอู๋ ก็มีความนอบนอ้ ม คารวะ มีกตัญญู รูเ้ คารพเทิดทูน เถา้ แก่ ผูเ้ ป็ นนายจา้ ง ซ่ึงต่อมา เปลี่ยนฐานะเป็ นพ่อตา รูบ้ ุญคุณของพ่ออุปถมั ภ์ ท่ีช่วยฝากฝังใหไ้ ด้ งานทา ทนั ทีท่ีข้ นึ จากเรือเดินทะเล ตนั ส่วงอู๋ เกลียดและดูหมิ่นเหยียดหยามคนไทย คนทอ้ งถิ่น เจา้ ของประเทศว่า เป็ นคนข้ ีเกียจสัน หลงั ยาว เอาแต่เมาเหลา้ เล่นการพนัน ไมร่ บั ผิดชอบครอบครวั ไมต่ ้งั หลกั ฐานทามาหากิน ชอบเป็ น คนรบั ใช้ หรือเท่ียวขอทาน กระทงั่ ขายตวั ในบารเ์ หลา้ ฯลฯ
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 37. สุวรรณี สุคนธา (พ.ศ.2475-2527). เขาชื่อกานต.์ พิมพค์ ร้งั แรก พ.ศ.2513 เร่ืองราวของชีวิตหมออุดมคติ ผูม้ ีอดีตที่ยากจน และตอ้ งการออกไปอยู่ในชนบท เพ่ือจะไดใ้ ชค้ วามรู้ ความสามารถของตน ออกรับใชบ้ ริการคนบา้ นนอก คน ยากจน ผูม้ ีชีวิตอย่างยากจน แรน้ แคน้ และขาดแคลน หมอรักษาโรคแผนใหม่ คุณคา่ ของนวนิยายเร่ืองน้ ี อยทู่ ่ีจุดเกิดของนวนิยาย ท่ีเกิดข้ ึนมาในยุคมืด ช่วงที่ 2 ของสงั คมไทย คือ ช่วงรฐั บาลถนอม-ประภาส ท่ีสืบอานาจต่อจากยุคเผด็จการ ของจอมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ต์ ซ่ึงในยุคน้ ี นวนิยายต่าง ๆ ท่ีตีพิมพเ์ ผยแพร่ อยูใ่ น บรรณพิภพส่วนใหญ่ เป็ นนวนิยายพาฝัน เร่ืองรกั ๆ ใคร่ๆ ในครอบครวั ท่ีเรียกกนั ว่าน้าเน่า เป็ นส่วน ใหญ่ เขาชื่อกานต์ จึงถือไดว้ ่า เป็ นงานวรรณกรรม ที่มีลกั ษณะ บุกเบิกทางความคิด ซ่ึงขาดช่วง หายไปเป็ นเวลากวา่ 10 ปี โครงเร่ือง (Plot) เป็ นการวางโครงเร่ือง ที่แฝงเรื่องโรแมนติก ในเชิงชิงรกั หกั สวาท ท่ีกาลงั เป็ นท่ีนิยม อยู่ ในยุคขณะน้ัน ในด้านการสรา้ งโครงเร่ือง ของเขาช่ือกานต์ ค่อนขา้ งจะ เป็ นเร่ือง ง่ายๆ ไม่ สลบั ซบั ซอ้ น เม่ือเทียบกบั จุดเด่น ในการสรา้ งตวั ละคร (Character) ของสุวรรณี ในดา้ นภาษาเขียน สุวรรณี สุคนธา เขยี นไดเ้ รียบงา่ ย และสละสลวย
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 38. หลวงวิจิตรวาทการ.(พ.ศ. 2441-2505). สรา้ งชีวติ . พิมพค์ ร้งั แรก พ.ศ.2514 นวนิยายเร่ือง สรา้ งชีวติ ซึ่งอาจเป็ นงาน ท่ีมีช่ือเสียง นอ้ ยกวา่ งานช้ ินอื่นๆ แต มีความลา้ สมยั ดว้ ยกาลเวลา น้อยกว่าดว้ ยเช่นกนั พอใจในการต่อสู้ ยินดี เผชิญหนา้ ศตั รู กลา้ ฝ่ าฟันอุปสรรค (คานา) ผูเ้ ป็ นตวั เอก และบุคคลตวั อยา่ ง ในนวนิยายเร่ืองน้ ี คือ หญิงสาว จากครอบครวั ชาวนา นามว่าเรไรการต่อสู้ ชีวิต ของเรไรน้ัน เธอต่อสู้ กบั ขอ้ จากดั แห่งการเป็ นชาวนา ที่ไรท้ ้งั ทรพั ยส์ ิน เงินทอง ไรท้ ้งั การศึกษา แมเ้ รไร จะไดเ้ รียน เพียงช้นั ประถม แต่เธอขวนขวาย ชว่ ยพ่อแมท่ างาน พอ่ แมท่ านา ตวั เธอปลกู ผกั และเล้ ียงไก่ เรไรเจียดเงิน จากการขายผกั และไก่น้ัน มาเพ่ือซ้ ือหนังสืออา่ น เพ่ิมความเขา้ ใจโลก ใหแ้ กต่ วั เธอเอง วนั หนึ่ง เรไรไดร้ จู้ กั กบั คฤหบดี บา้ นนาย สมพร ผูซ้ ึ่งเมื่อรูจ้ กั ประวตั ิชีวิตของเธอ ก็นึกเอ็นดู จึงอนุญาตใหเ้ ธอ มายืมหนังสือไปอ่าน เรไรจึง เติบโตข้ ึนมา อย่างผูม้ ีความรูด้ ีคนหน่ึง ประกอบกบั การช่างคิด ช่างสงสยั ก็ย่ิงทาใหเ้ รไร กลายเป็ น ชาวนา ท่ีมีความคิด และบุคลิกภาพ แบบปัญญาชน เรไร สรา้ งชีวิต”ของเธอไดส้ าเร็จ แมจ้ ะไดร้ บั บาดแผล อยู่ไม่น้อย แต่กลบั ดูไม่สลกั สาคญั เรไรฟันฝ่ าอุปสรรค คร้งั แลว้ คร้งั เล่า ดว้ ยท่าที ของผู้ เขา้ ใจโลก เขา้ ใจชีวิต เรไรดูแข็งแกร่ง มีสติ และมนั่ ใจ ในชยั ชนะของเธอ ท่ีจะตอ้ งมีมาทุกคร้งั หลงั คลื่นใหญ่ ลมแรง เรไร เริ่มตน้ จากการ ออกจากออ้ มอกครอบครวั ไปเป็ นเมียน้อยเศรษฐี อยา่ งไม่ สะทกสะทา้ น และรบั มอื กบั ทุกๆ เหตุการณ์ ไมว่ า่ เล็กหรือใหญ่ ดว้ ยจิตใจอนั เขม้ แข็ง มนั่ คง และบาง ที อาจบวกความเย็นชา เอาไวด้ ว้ ย ผูอ้ ่านชาวไทย อาจจะประหลาดใจ อยู่บา้ งเหมือนกนั กับผูห้ ญิง บุคลิกท่ีเต็มไปดว้ ยเหตุผล และเกือบปราศจากความรูส้ ึก แบบเรไรสรา้ งชีวิต” เป็ นนวนิยาย ที่ก็มี ประเด็น ทางความคิด ท่ีน่าสนใจมาก
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 39. กฤษณา อโศกสิน.(พ.ศ. 2474 - ). ตะวนั ตกดิน. พมิ พร์ วมเลม่ คร้งั แรก ธนั วาคม 2515 โดยบริษัทสานักพิมพโ์ ชคชยั เทเวศร์ ตะวนั ตกดิน สะทอ้ นใหเ้ ห็นดา้ นดี และดา้ นชวั่ ของมนุษย์ และไดข้ ยาย จากเร่ือง กามารมณ์ ใหก้ วา้ งออกไป สู่เรื่องของ การดาเนินไป ของชีวิต ในสงั คมดว้ ย โดย ผูเ้ ขียน สรา้ งใหโ้ สรวาร ปสันนาวิทย์ ตัวละครเอกของเรื่อง เป็ นตัวแทน ของ มนุษย์ ผูเ้ ต็มไปดว้ ยกิเลส ตวั ที่วา่ ดว้ ย ความทะเยอทะยาน อยากมี อยากเป็ นชีวิต ครอบครวั ท่ียากจน ทาใหเ้ ขาปรารถนา การไดร้ บั การยอมรบั มีสถานภาพใน สงั คม ท่ีดีข้ นึ ดารงตาแหน่ง หนา้ ท่ีการงานที่ดี มีความรา่ รวย สุขสบาย จนยอมทา ในส่ิงท่ีขดั ต่อความดีงาม ในมโนสานึก กฤษณา อโศกสิน ยงั ช้ ีใหเ้ ห็น ตวั ปัญหาสาคญั ท่ีมาจากเรื่อง กามารมณ์ ตัวละครทุกตวั ที่พยายาม ดารงสถานภาพ ในสงั คม แก่งแย่งแข่งขนั ต่างใชก้ ามารมณ์ เป็ นเครื่องมอื ในการพาตนเอง ไต่เตา้ ไปสู่จุดหมาย หรือสู่จุดหวงั โดยไม่จากดั เพศ วัยหรืออายุ หรือ สถานะทางสงั คม ในลกั ษณะจายอม และหรือไรอ้ ายในท่ีสุด แมม้ ุม และภาพชีวิต ที่กฤษณา อโศกสิน เลือกสะทอ้ น จะเป็ นมุม และภาพ ท่ีเน้นการเก่ียวพนั กบั คนระดับสูง ของสงั คม ท้ังยังเน้น ใหเ้ ห็น บรรยากาศ ของการฟุ้งเฟ้อ และการหมกมุ่น อยู่กบั ชีวิตส่วนตัว ที่น่าละอาย เป็ นอย่างย่ิง แต่เราก็ ปฏิเสธไมไ่ ดว้ า่ ภาพและมุมชีวิตเหล่าน้ัน ก็คือ ความเป็ นไป ของชีวิต ของคนในสงั คม ท่ีมีอยู่จริง ท้งั ผูเ้ ขียน ยงั ทาใหเ้ กิด การตระหนัก ในการดาเนินชีวิต ของมนุษย์คนหน่ึงๆ ท่ีดูว่า มีปัจจัยต่างๆ มากมายเหลือเกิน เขา้ มาเก่ียวขอ้ ง และคนท่ีมีสติ ไม่เล่ือนไหล ไปตามวตั ถุ หรือผู้คนที่แวดลอ้ ม โดยงา่ ยเท่าน้ัน จึงจะสามารถ พาชีวิต ไปสู่ความถูกตอ้ ง ดีงาม อนั น่าภาคภมู ใิ จได้
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 40. สุวฒั น์ วรดิลก (พ.ศ. 2466 - ). พิราบแดง. พมิ พค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2517 สุวฒั น์ เริ่มเขยี นพิราบแดง เม่อื ปี พ.ศ. 2500 เมือ่ เขามีวยั 34 ปี ในปี น้ัน เขา ผูน้ าคณะศิลปิ นไทย เดินทางไปแสดง ในประเทศจีนใหม่ เพ่ือกระชบั และเปิ ด ความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งประชาชนไทย และจีน เป็ นคณะแรก ภายหลงั จาก จอม พลสฤษด์ิ ทารฐั ประหาร ไดจ้ ับกุม นักการเมือง นักเขียน ปัญญาชน ฝ่ าย กา้ วหน้า จานวนมาก สุวัฒน์ ก็ถูกจับกุม คุมขัง ขอ้ หาการเมืองดว้ ย เขาม เขยี นเรื่องน้ ีต่อ เอาภายหลงั จาก เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 คุณค่าของนวนิยาย เร่ืองพิราบแดง ท่ีเด่นๆ มีอยู่อย่างน้อย 3 ประการ คือ 1. สาระ 2. ตวั ละคร ท่ี เป็ นสญั ลกั ษณ์ หรือตวั แทน ของเยาวชน ผูม้ ีความเสียสละ และอุทิศตน เพื่อบรรลุอุดมคติของตน และ 3. บทบาททางประวตั ิศาสตร์ ของนวนิยายเล่มน้ ี เมื่อตีพิมพอ์ อกมา สาระของพิราบแดง มี ลกั ษณะเป็ นสากล และไม่ข้ ึนต่อกาลเวลา มีลกั ษณะสรา้ งสรรค์ ต่อสงั คม โดยการเรียกร้อง ความ เสียสละ เพ่ือพิทกั ษ์รกั ษา ความยุติธรรมของสงั คม เรียกรอ้ งสนั ติภาพถาวร และคดั ค้าน การเอารดั เอาเปรียบ ของมหาอานาจต่างชาติ ตวั ละคร เป็ นตวั แทนของผูห้ ญิงยุคใหม่ ท่ีผูเ้ ขียน ตอ้ งการจะเห็น หรือใหเ้ กิดข้ นึ ในสงั คมไทย คือ เป็ นผูห้ ญิง ที่มีความคิด มคี วามเสียสละ มคี วามรกั ชาติ รกั ความเป็ น ธรรม โดยเฉพาะ ในภาวะท่ีผูห้ ญิง ในสงั คมตะวนั ออก ไม่วา่ จะเป็ นจีน ญ่ีป่ ุน หรือไทย ยงั มีค่านิยม ว่าเป็ นชา้ งเทา้ หลงั อยู่ และตัวละครเช่นน้ ี ยงั มีไม่มาก ในนวนิยายไทย ไห่เยี่ยน จึงเป็ นแบบอย่าง ของผูห้ ญิงยุคใหม่ ของเยาวชนรุ่นใหม่ โครงเรื่อง หรือการผูกเรื่อง และการเดินเร่ือง ของพิราบแดง ไมน่ ่าเบื่อหน่าย มีความผสมผสาน กลมกลืน ชวนติดตาม อ่านสนุก และสรา้ งความสะเทือนใจ
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ข. นิยาย 42. คาพนู บุญทวี (พ.ศ. 2471- ). ลกู อีสาน. พมิ พค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2519 (บรรณกิจ) ลกู อีสาน เป็ นการนาเอาเร่ืองราว จากประสบการณ์ ที่ผูเ้ ขยี นพบเห็น ถ่ายทอดใน รูปนิยาย โดยไดเ้ ขียนเป็ นตอนๆ ประมาณ 36 ตอน เพ่ือพิมพล์ ง ในนิตยสารฟ้า เมืองไทย ช่วงปี พ.ศ.2518-2519 ลูกอีสาน ใชว้ ิธีการเล่าเร่ืองราว โดยผ่าน เด็กชายคูน ซึ่งใชช้ ีวิตอยู่ ในถิ่นชนบท ของอีสาน แถบท่ีจัดได้ว่า เป็ นถ่ินท่ี แหง้ แลง้ แห่งหนึ่งของไทย ผูเ้ ขียนไดเ้ ล่าถึง ขนบธรรมเนียม ประเพณี ตลอดจน ความเช่ือของชาวอีสาน รวมไปถึง การบรรยาย ถึงสภาพความเป็ นไป ตามธรรมชาติ ของผูค้ น และสภาพแวดลอ้ ม เช่น การเก้ ียวพาราสีกนั ของทิดจุ่น และพี่คากอง จน ทา้ ยท่ีสุด ก็ไดแ้ ต่งงานกนั การออกไปจบั จ้ ิงหรีดของคูน การเดินทางไปหาปลา ท่ีลาน้าชี เพื่อนาปลา มาทาอาหาร และเก็บถนอม เอาไวก้ ินนานๆ ดว้ ยการทาปลารา้ เป็ นตน้ นอกจากน้ัน ยงั แทรกความ สนุกสนาน เพลิดเพลิน จากการทาบุญ ตามประเพณี ไวห้ ลายตอน ดว้ ยเช่นกนั ไดแ้ ก่ การจ้างหมอ ลาหนู ซึ่งเป็ นหมอลา ประจาหมู่บา้ น ลาคู่กบั หมอลาฝ่ ายหญิง ท่ีวา่ จา้ งมาจากหมบู่ า้ นอื่น ท้งั กลอน ลา และการแสดงออก ของหมอลาท้ังสอง สรา้ งความสนุกสนาน ครึกคร้ ืน แก่ผูช้ มท่ีมาเที่ ยวงาน อยา่ งมากลกู อีสาน เป็ นการถ่ายทอดเร่ืองราว จากประสบการณ์ ดว้ ยภาษาที่ตรงไปตรงมา และแสดง ใหเ้ ห็นวถิ ีชีวติ ความเป็ นอยู่ ของชาวอีสานวา่ ตอ้ งเผชิญ กบั ความยากลาบากอยา่ งไร การเรียนรู้ ท่ีจะ อดทน เพ่ือเอาชนะ กบั ความยากแคน้ ตามธรรมชาติ ดว้ ยความมานะบากบนั่ ความเอ้ ืออารี ที่มีให้ กนั ในหมูค่ ณะ ความเคารพ ในระบบอาวุโส สิ่งเหล่าน้ ี ปรากฏอยูใ่ นแต่ละตอน ของลกู อีสาน รวมท้งั การแทรกอารมณข์ นั ลงไปดว้ ย
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ค. เร่ืองส้นั 43. น.ม.ส. (พระราชวรวงศเ์ ธอ กรมหมื่นพทิ ยาลงกรณ์).(พ.ศ. 2419 - 2488). นิทานเวตาล.พิมพค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2461 นิทานเวตาล จดั อยู่ในประเภท วรรณคดี นิทานรอ้ ยแกว้ มีรอ้ ยกรอง แทรก เป็ นบางตอน ตน้ เคา้ ของนิทานเวตาล มาจากวรรณคดีอินเดียโบราณ ที่แต่ง เป็ นภาษาสนั สกฤต ช่ือ เวตาลปัญจวีศติ (คือ นิทานเวตาล 25 เร่ือง) ซ่ึง ศิว ทาส กวี สันสกฤต แต่งไวแ้ ต่โบราณกาล มีความเก่าแก่ ก่อนพุทธกาล คือ เกินกวา่ 2500 ปี ลว่ งมาแลว้ แมว้ า่ ฉบบั ของน.ม.ส. จะแปลเรียบเรียง จากฉบบั ภาษาองั กฤษ แต่ก็กล่าวได้ ว่า นิทานเวตาล ของน.ม.ส. มีท่ีมา จากขุมคลงั ภูมิปัญญา ตะวนั ออก (อินเดีย) โดยแทจ้ ริง และยงั ถือไดว้ า่ นิทานเวตาล มีที่มาแรกเร่ิม จากวรรณคดีมุขปาฐะ (Oral Literature) เพราะเป็ นนิทาน ท่ี เล่าสู่กนั ฟัง รูจ้ กั สืบทอด และเผยแพร่ กนั อย่างกวา้ งขวาง หลายสานวน ผ่านกนั มาหลายชวั่ รุ่นคน นับเนื่องสืบมาหลายพนั ปี นิทานเวตาล จึงเป็ นหนังสือท่ีใชอ้ ่าน เพื่อความสนุกเพลิดเพลินก็ได้ หรือ จะนามาใชศ้ ึกษา เพื่อเขา้ ใจโลกทศั น์ วิธีคิด สภาพสงั คม พฤติกรรมมนุษย์ และภูมิปัญญา ของชาว อินเดียโบราณ อย่างจริงจงั ก็ได้ คุณค่าของนิทานเวตาล จึงมิไดจ้ ากัดเพียง เป็ นประโยชน์ ดา้ น วรรณคดีศึกษา หากยงั เป็ นความรู้ ดา้ นคติชนวทิ ยาตะวนั ออก ซ่ึงน่าจะเป็ นประโยชน์ ต่อความเขา้ ใจ เร่ืองวิถีเอเซีย อนั กาลงั เป็ น กระแสความสนใจ อยา่ งกวา้ งขวางอยู่ ในปัจจุบนั
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ค. เร่ืองส้นั 44. มนัส จรรยงค์ (พ.ศ. 2450-2508). จบั ตาย. ) เร่ืองจบั ตายน้ัน มแี กน่ เรื่องตรงท่ี ช้ ีใหเ้ ห็น ความขดั แยง้ ระหวา่ งมนุษยธรรม กบั หน้าท่ี และสายใยความผูกพัน ของมนุษย์ ต่างหน้าท่ี ที่เกิดข้ ึน จากการอยู่ ร่วมกัน คือ เจา้ หน้าท่ีกับนักโทษเรื่องซาเก๊าะ มีแก่นเรื่องที่ช้ ีถึง ความละโมบ อย่างไม่มีท่ีส้ ินสุด ของมนุษย์ มกั จะนามาสู่ การตอ้ งชดใชก้ รรมของตน ฮะยีซะผู้ เป็ นเจา้ ของซาเกา๊ ะ ไดใ้ ชส้ ญั ชาติญาณป่ า ของตนออกมา ในรูปของการ ทรมาน ทารุณสตั ว์ คือ ววั ชนของตน ซึ่งกลบั มีสญั ชาติญาณ ของความเป็ นมนุษย์ คือ มศี กั ด์ิศรี มคี วามกลา้ หาญ มจี ิตใจสงา่ งาม กวา่ มนุษยเ์ สียอีก เร่ืองน้ ี จึงกินใจผูอ้ า่ นมาก เร่ืองติดขวาก น่าจะเป็ นเร่ืองส้นั ท่ีสมบูรณท์ ่ีสุด ของมนัส จรรยงค์ ท้งั ในเรื่องการใชภ้ าษา พรรณนา ความ ไดล้ ะเอียดลออ ประณีต ละเมียดละไม และกินใจมาก ที่หอ้ งน้อยของเจา้ น้ัน มีหน้าต่างเล็ก ยามกลางคืนเดือนหงาย เจา้ ดวง ก็แอบเอาลกู น้อย ไวก้ บั อกตวั แลว้ น้าตาไหล อนั ลูกเขาอ่ืนน้ัน เย็น ยา่ คา่ แลว้ พ่อก็จะกลบั มา เสียงตวาดโคด้ ือแตกฝูง ดงั มาถึงหลู ูก ในมือก็จะถือขดเชือก ท่ีไปไวใ้ นป่ า จากป่ า ก็จะคอนอาหารเล็กๆ น้อยๆ ท้งั กลว้ ยออ้ ยที่ไร่ มาฝากลูก ตามประสาคนนา แต่พ่อของเจา้ หนูน้อยน้ัน ไม่มีวันเสียแลว้ ที่เขาจะกลับ เพราะว่ามันเป็ นสมุนโจร ก็ไดแ้ ต่ช้ ี ใหล้ ูกน้อยน้ัน ชม พระจนั ทร์ ปะเผ่ือมนั เผอิญ แลดูพระจนั ทรด์ วงเดียวกนั ข้ ึนมาบา้ ง ก็คงจะเท่ากบั ว่า มนั ไดแ้ ลมา สบ นัยน์ตาลกู เมยี มนั บา้ ง สกั ครง้ั หนึ่ง แก่นเรื่องติดขวาก ช้ ีถึงธรรมชาติ เบ้ ืองลึกสุด ของจิตใจมนุษย์ แม้ จะเป็ นโจรใจเห้ ียม ก็ยงั มคี วามดี ประจาใจบางอยา่ ง เช่น ความรกั ในลกู เมยี ความรกั ในลูกน้อง แมว้ ่า จะขดั แยง้ กบั หนา้ ที่ หรือธรรมชาติ (ของโจร) ความรกั และความผูกพนั น้ัน จะมาก่อน และมีอานาจ เหนือการตดั สินใจ
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ค. เร่ืองส้นั 45. ป. บรู ณปกรณ์ (พ.ศ. 2447-2495). เร่ืองสนั้ ของ ป. บรู ณปกรณ์ ดาวเงนิ พ.ศ. 2493 ชีวิตจากมมุ มืด 2495 (พมิ พ์ครัง้ แรก พ.ศ. 2489) ในรวมเลม่ ชีวิตจากมุมมดื มเี ร่ืองสน้ั อยู่ 24 เร่ือง แนวการเขียนสว่ นใหญ่ ใน เลม่ น้ ี เป็ นการเลา่ เร่ืองราวชีวติ อีกดา้ น ของคนกลางคืน คนท่ีมชี ีวติ อยู่ อยา่ ง ยากจนแรน้ แคน้ แนวเร่ืองสว่ นใหญ่ มกั จะเป็ นเร่ืองราว ของชีวิตผู้คนธรรมดา การแสดงถึงมนุษยธรรม ท่ีมนุษยพ์ ึงมีใหต้ ่อกัน รวมท้ังสตั ว์ เป็ นการแสดง ความคิด แบบตรงไปตรงมา พรอ้ มไปกบั การแสดงเจตนา ของผูเ้ ขียน ดว้ ย ถอ้ ยคาพดู ที่ไมป่ รุงแต่งใหส้ วยงามนัก เพ่ือแสดงใหเ้ ห็นภาพชดั เจน ผูอ้ า่ น ส่วนใหญ่ อาจจะไม่ชอบ แนวการเขียนแบบน้ ีนัก เพราะเรื่องราว ของความยากจนขดั สน และการ ตอ้ งดารงชีวิต อยา่ งลาบาก ในอีกมุมหน่ึง ที่นาเสนอแบบน้ ี ไมไ่ ดเ้ ป็ นภาพ ที่สวยงามพอ โดยเฉพาะ เร่ืองของคน ท่ีตอ้ งหากินตอนกลางคืน คนท่ีหากินกบั ศพ หรือคนท่ียงั ชีพ ดว้ ยการเป็ นขอทาน แต่ เสน่หข์ องเรื่องก็คือ ความจริงใจ ในการนาเสนอเรื่องราว ท่ีผูอ้ า่ น จะสามารถรบั รูไ้ ดเ้ อง นัน่ เอง
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ค. เร่ืองส้นั 46. ส. ธรรมยศ (พ.ศ. 2457-2495). เสาชิงชา้ . เอแลนบารอง และเรื่องส้นั อื่นๆ ของ ส. ธรรมยศ. พิมพค์ ร้งั แรก 2495 โดยสานักพมิ พก์ รุงเทพ. เอแลนบารอง และ เร่ืองส้นั ที่สรรแลว้ พมิ พป์ ี 2531 โดยสานักพมิ พด์ อกหญา้ งานเร่ืองส้นั ของส.ธรรมยศ ซ่ึงเป็ นท้งั นักปรชั ญา นักวิจารณ์วรรณกรรม และ นักประวตั ิศาสตร์ เป็ นงานที่น่าสนใจ ท้งั ในแง่เน้ ือหาสาระ และในแง่วรรณศิลป์ เร่ืองส้นั ของเขา มีรวมอยู่ในหนังสือชุด เสาชิงชา้ พิมพค์ ร้งั แรก 2495 รวม 8 เร่ือง และรวมเร่ืองส้นั เอแลนบารอง และเร่ืองส้นั ที่สรรแลว้ ซ่ึงโครงการอนุรกั ษ์ วรรณกรรมเก่า และหายาก ของสานักพิมพด์ อกหญา้ คดั มาพิมพ์ รวม15 เรื่อง (มีเร่ืองที่ซ้ากบั เร่ืองในเสาชิงชา้ 4 เร่ือง 11 เร่ือง เป็ นเร่ืองท่ี ยงั ไมเ่ คย รวมพิมพ์ เป็ นเลม่ ) นอกน้ัน ก็มกี ระจดั กระจาย ในนิตยสารต่างๆ ความคิดในเชิง วิพากษ์วิจารณ์ และความฝัน ของส.ธรรมยศ มีท้งั เรื่อง อยากใหเ้ มอื งไทย มมี หาวิทยาลยั สอนวิชาปรชั ญา และศิลปศาสตร์ เพื่อให้ คนมวี ฒั นธรรม อยากใหเ้ มอื งไทย มสี ภาวิจยั , มีการปฏิวตั ิอุตสาหกรรม เพื่อจะไดเ้ จริญ เหมือนเมือง อื่น เป็ นความคิดความฝัน ที่น่าสนใจ แมค้ วามคิด ในเรื่องปรชั ญา สานักปฏิบตั ินิ ยม (Pragmatism) ของเขา อาจจะลา้ สมยั แลว้ ในปัจจุบนั แต่ในสมยั ท่ีคนไทย แทบไม่รูจ้ กั ปรัชญากนั นอกจากพุทธ ศาสนา ก็นับว่า เป็ นการกระตุน้ ความคิดของคน อยูไ่ มน่ อ้ ยสานวน ในการวิจารณข์ องเขา เผ็ดรอ้ น ชวนใหน้ ึกถึง ส.ศิวรกั ษ์ และภาษา ท่ีใชใ้ นเร่ืองส้นั ของเขาชวนใหน้ ึกถึง รงค์ วงษ์สวรรค์ น่าเสียดายที่ ส.ธรรมยศ ตอ้ งเสียชีวิต ดว้ ยโรค วณั โรคปอด ในวยั เพียง 38 ปี เพราะสมยั น้ันยาแพง และเขาก็ ยากจน แต่เขาก็ท้ ิงงาน ที่มีคุณค่า ไวม้ ากมายพอสมควร โดยเฉพาะ งานดา้ นประวตั ิศาสตร์ ปรชั ญา และวรรณกรรมวิจารณ์ อาทิ พระเจา้ กรุงสยาม, ศิลปะแห่งวรรณคดี, ชีวิตและงานของศรีปราชญ์, ปรชั ญาศาสตร,์ ศิลปะแหง่ การวจิ ารณ,์ กศร. กุหลาบ, ตากสินมหาราช, ปรชั ญาฝ่ ายปฏิบตั ินิยม ฯลฯ
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ค. เรื่องส้นั 47. ถนอม มหาเปารยะ (พ.ศ. 2451-2504). พลายมะลิวลั ล์ิ และเรื่องส้นั บางเรื่อง พ.ศ. 2489 พลายมะลิวลั ล์ิ เป็ นนิยายขนาดส้นั โครงเร่ืองของ พลายมะลิวลั ล์ิ เป็ นนิยาย แนวโรแมนติค ท่ีเน้นอารมณ์มาก แต่การบรรยายภาพ ที่สะทอ้ นใหเ้ ห็น ถึง การดารงชีวิต ของคนในยุคสมยั น้ัน โดยเฉพาะ สภาพชีวิต ผูค้ นแถวศรีราชา การทากิจการป่ าไม้ ภาพของการดารงชีวิต อยู่แบบชาวบา้ น อธั ยาศัย และ ความมีน้าใจ ของคนทอ้ งถิ่น ที่เก้ ือหนุน หมอ่ มเจา้ สุริยา ใหด้ ารงชีวิตอยู่ได้ มี ความสมจริงสงู สิ่งท่ีผูเ้ ขียน พยายามเสนอ คือ ความรกั ความผูกพนั ระหวา่ ง สายเลือด เป็ นส่ิงท่ีตดั ไมข่ าด แมว้ ่าจะพบกบั อุปสรรค หรือความไม่ราบร่ืน บางประการก็ตาม คนท่ี เป็ นพอ่ ก็ยงั รสู้ ึกถึงความรกั และความอาทร ท่ีใหแ้ ก่ลกู ซ่ึงเป็ นสายโลหิต โดยไม่คานึงถึง ความเป็ น ความตาย ของตวั เอง แต่อยา่ งใด ซึ่งต่างจากความรกั ของชา้ งมะลิวลั ล์ิ ที่อาจเรียกไดว้ า่ เป็ นความ รกั แบบหลง เพื่อเก็บเอาไวเ้ ฉพาะตัว ไม่ตอ้ งการใหใ้ คร เขา้ ใกลค้ น ท่ีตัวเองรกั นอกจากตวั มนั เอง หรือไมต่ อ้ งการ ใหค้ นท่ีมนั รกั แสดงความรกั แกค่ นอื่นต่อหนา้ มนั
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ค. เร่ืองส้นั 48. จนั ตรี ศิริบุญรอด (พ.ศ. 2460-2511). ผูด้ บั ดวงอาทิตย์ และเร่ืองส้นั อื่นๆ. พมิ พใ์ นนิตยสารวทิ ยาศาสตร์ มหศั จรรย์ ชว่ งปี 2498-2503 รวมพิมพเ์ ป็ นเล่มคร้งั แรก โดยสานักพมิ พด์ วงกมล 2521. เร่ืองส้นั ของจนั ตรี ศิริบุญรอด สานักพิมพด์ วงกมล (โดยการสนับสนุนของ สุชาติ สวัสด์ิศรี) ไดน้ ามาพิมพ์รวมเล่ม 2 เล่ม ในปี พ.ศ.2521 ในช่ือปกว่า \"ผู้ดับ ดวงอาทิตย์\" และ \"มนุษย์คู่\" เรื่องส้ันที่เด่นมาก ของจันตรี คือ เร่ืองผู้ดับ ดวงอาทิตย์ และหุ่นผูส้ รา้ งมนุษย์ สาหรบั เรื่อง \"ผูด้ ับดวงอาทิตย\"์ เป็ นเรื่องเชิง จินตนาการเพอ้ ฝัน กล่าวถึงตูราและคาลิ นักวิทยาศาสตร์ 2 คน จากโลกพระ องั คาร ซ่ึงมรี ะดบั ความเจริญ ทางเทคโนโลยี สงู กวา่ โลกมนุษย์ ถูกส่งใหล้ งมา แกป้ ัญหา การทดลองระเบิดปรมาณู ในโลกมนุษย์ เพราะการทดลอง ระเบิดปรมาณู จานวนมาก มี ผลผลกั ดนั ใหโ้ ลก ตอ้ งโคจรออกไป นอกเสน้ ทาง ทาใหค้ วามสมดุล ในจกั รวาลเสียไป เม่ือเขาท้งั สอง ไดเ้ ดินทางมาถึงโลก โดยเวหาสยาน (คาของคุณจนั ตรี ในสมยั ท่ี ยงั ไมม่ ีใครเรียกว่า ยานอวกาศ) ก็ ไดร้ บั รูป้ ัญหา ความละโมภ ของชนชาติต่างๆ ในโลกมนุษย์ นอกจาก การทดลองระเบิดปรมาณู แลว้ ก็มีการทดลองระเบิดเช้ ือโรค, การทาลายป่ าไม้ ไร่นาทางภาคเหนือ ของไทย และพม่า ลาว ด้วยตัว ยาเคมี เขาท้งั สอง ไดช้ ว่ ยแกป้ ัญหา ใหแ้ ก่ประเทศไทยได้ เร่ืองส้นั เรื่องน้ ี ดีท้งั พล็อต และการดาเนินเร่ือง ดีท้งั ความคิด ท่ีเป็ นอุดมคติ และกา้ วหน้า ถึงจะเป็ น จินตนาการ มากกว่าจะ คานึงความสมจริง แต่เรื่องที่เขียนเม่ือ 40 ปี ที่แลว้ ไดข้ นาดน้ ี ตอ้ งนับว่า เยี่ยมมาก เม่ือมองในบริบท ของโลกในปัจจุบนั ก็จะพบว่า ความคิดฝัน ในเร่ืองการสรา้ งสนั ติภาพ, การรกั ษาความสมดุล ของธรรมชาติ ยงั เป็ นสิ่งท่ีทนั สมยั อยูม่ าก สานวนภาษา ก็อยู่ในเกณฑท์ ี่ดี
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ค. เรื่องส้นั 49. อิศรา อมนั ตกุล (2463-2512). เร่ืองส้นั ของอิศรา อมนั ตกุล. พมิ พร์ วมในหนังสือรวมเรื่องส้นั หลายเลม่ (2495-2518) เร่ืองส้นั ของเขา ไดร้ บั การรวมเล่มตีพิมพใ์ นช่ือต่างๆ เช่น หวั เราะและน้าตา พิมพ์ในพ.ศ. 2511ยุคทมิฬ (2 เล่ม) คร้ังแรก พ.ศ. 2495 คร้ังท่ี 2 พ.ศ.2518 ไหว่ใครใชม้ ึงคิดกบฏ พ.ศ. 2539 เขาตะโกนหานายกรฐั มนตรี 2539ภาวะของเศรษฐกิจ การเมอื ง และสงั คมในยุคหลงั สงครามโลกคร้งั ท่ี 2 ท่ีส้ ินสุดลง เมื่อปี พ.ศ. 2488 ทาใหเ้ กิดภาวะขา้ วยากหมากแพงข้ ึนทัว่ โลก รวมท้งั ในประเทศไทยดว้ ย ทางด้านการเมืองน้ัน รัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ ผู้นาพลังมวลชนกูช้ าติไทย ใ นนามของ ขบวนการเสรีไทย ไดเ้ พลี่ยงพล้าถูกฝ่ ายนายทหารบกกลุ่มหน่ึง ก่อการรฐั ประหารโดยการป้ันข่าว เท็จวา่ รฐั บุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์ มีสว่ นเก่ียวขอ้ งในการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลท่ี 8 การรฐั ประหาร ในปี พ.ศ. 2490 เป็ นการเปิ ดศกั ราชของเผด็จการทหาร และเป็ นการเริ่มตน้ ของยุค ทมิฬ งานเขียนของอิศรา อมนั ตกุลในช่วงน้ ี คือ ระหว่าง พ.ศ. 2491-2494 จึงเป็ นผลงาน ที่ท้ัง สะทอ้ นภาพความเป็ นเผด็จการการคอรปั ชนั่ โกงกิน การกดข่ีข่มเหงและการเรียกรอ้ งเสรีภาพแทน เสียงของปวงชน เรื่องสน้ั ที่เด่นที่สุด และมีความสมบรู ณท์ ี่สุด ท้งั ดา้ นวรรณศิลป์ และดา้ นเน้ ือหา คือ เรื่องไหว่ใครใชม้ ึงคิดกบฏ ซ่ึงสะทอ้ นถึงจิตใจท่ีรกั ชาติ รกั เอกราช และรกั อิสรภาพของอิศราอย่าง ชนิดไมม่ ีการประนีประนอม ดงั ที่เขาเขียนไวใ้ นเรื่องส้นั ช้ ินน้ ี ท่ีใดที่เคยถูกกดขี่ ท่ีใดท่ีเคยถูกทาลาย ลา้ งดว้ ยความไม่เป็ นธรรม ที่นัน่ แรงดนั ย่อมเกิดข้ ึนเป็ นพลงั ซ่ึงจะกระตุน้ รุนเรา้ ใหเ้ กิดการสรา้ ง ตวั เองข้ นึ ใหมอ่ ยา่ งเขม้ แขง็ เพราะวา่ ที่ใดท่ีประชาชนตกเป็ นข้ ีขา้ ที่นัน่ ความด้ ินรนท่ีจะไดเ้ ป็ นตวั ของ ตวั เอง ยอ่ มปะทุข้ นึ มาอยา่ งมุมานะ
ประเภทบนั เทิงคดี (FICTION) ค. เร่ืองส้นั 50. อาจินต์ ปัญจพรรค์ (พ.ศ. 2470 - ). เหมืองแร่ ฉบบั สมบรู ณ.์ ทยอยพมิ พค์ ร้งั แรก พ.ศ. 2497 - 2526 อาจินต์ ปัญจพรรค์ ใชช้ ีวิตในเหมืองแร่สองแห่งรวมสี่ปี และเขียนเร่ืองส้นั ชุดที่มี ช่ือเสียงท่ีสุดของเขามากกว่ารอ้ ยเรื่อง และเรื่องยาวอีกหนึ่งเรื่องนพพร สุวรรณ พานิช เขียนถึงอาจินต์ไวว้ ่า \"ทุกวนั น้ ี ชื่อของอาจินต์ ปัญจพรรค์ เทียบไดก้ ับ เหมืองแร่ของไทย ทุกคร้งั ที่เอ่ยช่ือเหมืองแร่ คาว่า อาจินต์กลายเป็ นตานานอีก ช้ ินหนึ่ง ความเรียบง่ายในการเขียนทาใหง้ านของเขามีความกระชับ แฝงดว้ ย เสน่ห์ และมองดโู ลกดว้ ยสายตาที่มีคุณธรรม อยา่ งนักมนุษยธรรมโดยแท้ \"และช่ือของเขากลายเป็ นไวพจน์ (synonym) ของเหมืองแร่ไปเสียแลว้ \" และนพพรสรุปว่า \"ภาพท่ี นายอาจินตเ์ สนอเกี่ยวกบั เมอื งไทย เป็ นประดุจมติท่ีสามของประวตั ิศาสตร์ ซ่ึงนักประวตั ิศาสตรท์ วั่ ไป ไม่มีปัญญาเขียน และไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของนักประวตั ิศาสตร์ ท่ีจะตอ้ งเขียน\" อ่านเร่ืองส้นั ในชุด เหมืองแร่ของอาจินต์แล้ว นอกจากได้ความบันเทิง ยังได้รับรู้แง่มุมต่างๆ ของมนุษย์ไดส้ ัมผัส บรรยากาศชีวติ แบบไทยๆ ในปักษ์ใตเ้ มือ่ สมยั 50 ปี กอ่ นไดร้ ูจ้ กั สานวน และคาพงั เพยของคนทอ้ งถิ่น ท้งั ยงั ไดแ้ ง่คิด และแฝงปรชั ญาชีวิตไวด้ ว้ ย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104