Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักการออกแบบเบื้องต้น

หลักการออกแบบเบื้องต้น

Published by Worayodsanasorn Rangseethanasak, 2018-10-28 00:10:13

Description: หลักการออกแบบเบื้องต้น โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์จง บุญประชา คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สถาบันราชภัฎสวนสุนันทา

Keywords: ออกแบบ

Search

Read the Text Version

สัญลกั ษณ์ 53 ความหมาย อ่างอาบน้า อ่างลา้ งหนา้ สว้ มชกั โครก โถปัสสาวะหญิง โถปัสสาวะชาย เตียงคูข่ นาดใหญ่ เตียงคู่ขนาดเลก็ เตียงเด่ียว โตะ๊ เกา้ อ้ี โต๊ะอาหารกลม หนา้ ต่างบานเกลด็

54 ความหมาย สัญลกั ษณ์ หนา้ ต่างบานยก หนา้ ต่างบานพลิก หนา้ ต่างบานเปิ ดเด่ียว หนา้ ต่างบานเล่ือน หนา้ ต่างลกู ฟัก กระจกบานเปิ ดคู่ หนา้ ต่างบานเฟ้ี ยม ประตูเลื่อน (รูปแปลน) ประตูเลื่อน (รูปดา้ นหนา้ ) ประตูบานเฟ้ี ยม (รูปแปลน) ประตูบานเฟ้ี ยม (รูปดา้ นหนา้ )

สัญลกั ษณ์ 55 ความหมาย ประตบู านเดี่ยว บานคู่ (รูปแปลน) ประตูบานเด่ียว (รูปดา้ นหนา้ ) ประตูบานคู่ (รูปดา้ นหนา้ )ภาพที่ 3.6 แสดงตวั อยา่ งของรายการสญั ลกั ษณ์ท่ีจะมีบอกไวใ้ นการเขยี นแบบ

56 ภาพที่ 3.7 ตวั อยา่ งการเขียนแบบ ประกอบดว้ ย ผงั และ รูปดา้ น

57ภาพที่ 3.8 ตวั อยา่ งการเขียนแบบ ประกอบดว้ ย รูปดา้ น และสญั ลกั ษณ์การเขียนแบบ

58ภาพที่ 3.9 ตวั อยา่ งการเขียนแบบ ท่ีมีการจดั วางองคป์ ระกอบของผงั และรูปดา้ น ต่อ 1 หนา้ กระดาษ ภาพที่ 3.10 ตวั อยา่ งการเขียนแบบ ท่ีมีการจดั วางองคป์ ระกอบของส่วนขยายรายละเอียด

59สรุป การเขียนแบบ คือการเขียนส่วนประกอบของรูปดา้ นประเภทต่าง ๆ คือ ผงั พ้ืน(Plan) รูปดา้ น(Elevation) รูปตดั (Section) และส่วนขยายรายละเอียด (Details) เพื่อส่ือถึงความคิดการออกแบบตกแต่งภายในใหอ้ อกมาเป็นรูปธรรม โดยมีผงั พ้ืนเป็นส่วนสาคญั ท่ีสุดในการเขียนแบบเพราะเป็นส่วนแรกของการวางแผนวา่ การออกแบบจะมีการจดั วางอยา่ งไร ใชพ้ ้นื ที่เท่าใด มีประโยชนใ์ ชส้ อยอะไรบา้ ง เมื่อมีการออกแบบผงั พ้ืนที่ดีแลว้ จะส่งผลใหก้ ารออกแบบส่วนอ่ืน ๆ ดีตามไปดว้ ย การเขียนแบบ จะเป็นการเขียนแบบ 2 มิติ และจะใชเ้ สน้ กบั สญั ลกั ษณ์ ส่ือความหมายและอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ของอาคาร โดยจะมีการแยกการเขียนอธิบายถึงความหมายของสญั ลกั ษณ์ต่าง ๆ ในการเขียนแบบในการเขียนแบบ แต่ละโครงการทุกคร้ัง ส่วนลกั ษณะและขนาดของเสน้อาจจะมีหรือไม่มีการอธิบายความหมายกไ็ ด้คาถามทบทวน 1. ผงั พ้ืน มีลกั ษณะอยา่ งไร แสดงความสูงของพ้ืนที่หรือไม่ 2. รูปดา้ น มีลกั ษณะอยา่ งไร ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง 3. รูปตดั มีลกั ษณะอยา่ งไร ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง 4. ส่วนขยาย รายละเอียด มีลกั ษณะอยา่ งไร 5. ส่วนขยาย รายละเอียด ส่วนมากมกั จะเขียนขยายเป็นรูปอะไร 6. เสน้ ขอบนอก สาคญั อยา่ งไรในการเขยี นแบบ 7. เสน้ สลบั ฟันปลา มีเพอื่ อะไร ในการเขียนแบบ 8. ใหเ้ ขียนภาพประกอบ ของสญั ลกั ษณ์ ของทิศทางที่มอง 9. ใหเ้ ขียนภาพประกอบ ของสญั ลกั ษณ์ ของบนั ได 10. ใหเ้ ขียนภาพประกอบ ของสญั ลกั ษณ์ ปลกั๊ ไฟ

60 เอกสารอ้างองิวฒั นะ จูฑะวิภาต. (2554). ศิลปะการออกแบบตกแต่งภายใน. พมิ พค์ ร้ังที่ 3. กรุงเทพฯ : พมิ พด์ ี.Edward, J. (2009). Reading Architectural Working Drawings. New York : Van Nostrand Reinhold.Maureen, M. (2012) Interior Design Visual Presentation: A Guide to Graphics, Models and Presentation Techniques. London: Marshell Cavendish.Panero, J., & Zelnik, M. (2009). Time-Saver Standards for Interior Design and Space Planning, 2nd Edition . New Jersey: Prentice Hall International, Inc.Schaude, H. (2009). Residential Interior Design: A Guide To Planning Spaces. New York : Van Nostrand Reinhold.Tangaz, C. (2011). Interior Design Course: Principles, Practices, and Techniques for the Aspiring Designer. Upper Saddle River, NJ: Prentice Hall.

บทท่ี 4 การเขยี นทัศนียภาพและการทาหุ่นจาลอง ในการทางานออกแบบตกแต่งภายใน นอกจากการเขียนแบบในลกั ษณะภาพ 2 มิติ ที่กล่าวมาแลว้ ในบทที่ 3 ยงั มีการเขียนทศั นียภาพท่ีจะเป็นตวั ส่ือความเขา้ ใจในความคิดการออกแบบในลกั ษณะภาพ 3 มิติ เพ่อื แสดงใหเ้ ห็นภาพโดยรวมของงานเม่ือทาการตกแต่งเสร็จแลว้ โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ใกลเ้ คียงของจริงมากที่สุดเท่าท่ีจะทาได้ เช่น องคป์ ระกอบ สดั ส่วน สี ฯลฯ เป็นตน้ ซ่ึงจะมีส่วนช่วยใหผ้ ดู้ ูเขา้ ใจแบบไดร้ วดเร็วข้ึน และถึงแมจ้ ะเขยี นทศั นียภาพแลว้ แต่เพอื่ ใหเ้ ห็นภาพไดช้ ดั เจน สามารถส่ือสารไดใ้ กลเ้ คียงมากยงิ่ ข้ึนไปอีก จึงจาเป็นจะตอ้ งมี การทาหุ่นจาลอง(Model) ก่อนท่ีจะนาไปสร้างเป็นงานจริง หรือเพ่ือใชศ้ ึกษาและแกไ้ ขปรับปรุงรายละเอียดบางอยา่ งก่อนนาไปสร้างเป็ นงานจริ งประเภทของการเขยี นทศั นียภาพ ทศั นียภาพสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.) ทศั นียภาพภายนอก (Exterior Perspective)2.) ทศั นียภาพภายใน (Interior Perspective) ท้งั 2 ประเภท ยงั แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ 1. การเขียนทศั นียภาพแบบบรรยากาศ (Aerial Perspective) เป็นการเขียนภาพแสดงส่ิงต่าง ๆ ดงั ท่ีเห็นจริง ๆ ส่ิงที่อยใู่ กลต้ า จะมองเห็นไดช้ ดั ส่ิงที่อยไู่ กลออกไปจะรางเลือน เช่น ภาพทิวทศั น์ที่มีบา้ นและภูเขาเห็นไดช้ ดั ถนนทอดยาวไปจนลบั ตา เป็นตน้ 2. การเขียนทศั นียภาพแบบเสน้ (Linear Perspective) เป็นการเขียนภาพแสดงส่ิงต่าง ๆ ท่ีเห็นเช่นเดียวกบั การเขียนทศั นียภาพแบบบรรยากาศ แต่ถ่ายทอดออกมาเป็นลายเสน้ ไม่ระบายสีและลงน้าหนกั อ่อนแก่ของแสงเงา เพือ่ เนน้ ลกั ษณะของชิ้นงานต่าง ๆ ที่เป็นองคป์ ระกอบในภาพให้เห็นไดอ้ ยา่ งชดั เจน เทคนิคในการเขียนทศั นียภาพทาได้ 2 วิธี คือ 1. เขียนโดยเขา้ มาตราส่วนแลว้ ใชแ้ ปลนทามมุ กบั เสน้ รับภาพ 2. เขียนโดยกาหนดจุดรวมสายตาและประมาณสดั ส่วนระยะ โดยประมาณตามหลกั การและ อาศยั ประสบการณ์กบั ความชานาญ ในการใชง้ านจริง ๆ การเขียนทศั นียภาพแบบที่ 1 จะเป็นการเขียนที่มีข้นั ตอนท่ียงุ่ ยาก และผลที่ออกมามกั จะดูไม่คอ่ ยสมจริง และไม่ค่อยเห็นท่ีนกั ออกแบบจะใชว้ ิธีน้ี ส่วนการเขียน

64ทศั นียภาพแบบท่ี 2 จะนิยมเขียนโดยทว่ั ไปมากกวา่ ใหผ้ ลที่ออกมามีความสมจริงมากกวา่ ถึงแมจ้ ะทาการกะประมาณสดั ส่วน แต่ดวั ยอาศยั ประสบการณ์ และการกะประมาณอยา่ งมีหลกั การ จะทาให้ภาพมีความสมจริงและไดบ้ รรยากาศท่ีใกลเ้ คียงจินตนาการของการออกแบบได้ ภาพที่ 4.1 ตวั อยา่ งการเขียนทศั นียภาพแบบบรรยากาศ (Aerial Perspective) ภาพท่ี 4.2 ตวั อยา่ งการเขียนทศั นียภาพแบบเสน้ (Linear Perspective)

65ภาพที่ 4.3 ตวั อยา่ งการเขียนทศั นียภาพโดยเขา้ มาตราส่วนแลว้ ใชแ้ ปลนทามุมกบั เสน้ รับภาพภาพที่ 4.4 ตวั อยา่ งการเขียนทศั นียภาพโดยกาหนดจุดรวมสายตาและประมาณสดั ส่วนระยะ โดยประมาณตามหลกั การ

66การเขยี นทศั นียภาพโดยกาหนดจุดรวมสายตา การเขียนทศั นียภาพโดยกาหนดจุดรวมสายตาสามารถทาได้ 3 แบบดงั น้ี 1. การเขียนทศั นียภาพจุดเดียว (One-point Perspective) คือการเขียนภาพใหม้ ีจุดรวมสายตาเพยี งจุดเดียวบนเส้นระดบั สายตา ภาพของวตั ถุท่ีอยใู่ กลส้ ายตาจะมีขนาดใหญ่ แลว้ เลก็ ลง ๆเมื่อห่างสายตาออกไป หรือเขา้ ใกลจ้ ุดรวมสายตา ภาพที่ 4.5 การเขียนทศั นียภาพจุดเดียว 2. การเขียนทศั นียภาพสองจุด (Two-point Perspective) คือการเขียนภาพใหม้ ีจุดรวมสายตา 2 จุด บนเสน้ ระดบั สายตา จุดท้งั สองอยขู่ า้ งซา้ ยและขวา ของภาพ วตั ถุที่อยกู่ ลางภาพหรือใกล้สายตาจะมีขนาดใหญ่ท่ีสุด แลว้ จะเลก็ ลงท้งั 2 ขา้ งเม่ือทิศทางของภาพลู่เขา้ หาจุดรวมสายตา ภาพที่ 4.6 การเขียนทศั นียภาพสองจุด

67 3. การเขียนทศั นียภาพ 3 จุด (Three-point Perspective) คือ การเขียนภาพท่ีกาหนดใหม้ ีจุดรวมสายตา 3 จุด โดย 2 จุดแรกอยบู่ นเสน้ ระดบั สายตา จุดที่สามอยรู่ ะหวา่ ง 2 จุดแรก แต่ไม่ไดอ้ ยู่บนเสน้ ระดบั สายตา อาจอยสู่ ูง หรือ ต่ากวา่ ระดบั สายตากไ็ ด้ โดยจะอยตู่ รงขา้ มกบั ตาแหน่งของตามองวตั ถุ ภาพท่ี 4.6 การเขียนทศั นียภาพสามจุด เพอ่ื ฝึกความชานาญในการเขียนทศั นียภาพ ควรเริ่มฝึกดว้ ยการเขียนทศั นียภาพของวตั ถุในรูปแบบต่าง ๆ จากรูปทรงท่ีไม่ซบั ซอ้ นและง่าย เพ่ือทาความเขา้ ใจและสร้างความชานาญในการเขียนทศั นียภาพในข้นั ตอนท่ียงุ่ ยากและซบั ซอ้ น ภาพที่ 4.7 การเขียนทศั นียภาพของวตั ถุในรูปแบบต่าง ๆ จากรูปทรงท่ีไม่ซบั ซอ้ นและง่าย

68 ภาพที่ 4.8 การเขียนทศั นียภาพของบนั ไดที่มีรูปทรงท่ีซบั ซอ้ นมากข้ึน ภาพที่ 4.9 การเขียนทศั นียภาพของเฟอร์นิเจอร์

69ข้ันตอนการเขียนทศั นียภาพ 1. การเขียนทศั นียภาพตกแตง่ ภายในแบบจุดเดียว มีข้นั ตอนการเขียนดงั ภาพท่ี 4.10 -4.11 ภาพที่ 4.10 ข้นั ตอนการเขียนทศั นียภาพตกแต่งภายในแบบจุดเดียว 1

70 ภาพที่ 4.11 ข้นั ตอนการเขยี นทศั นียภาพตกแต่งภายในแบบจุดเดียว 2

712. การเขียนทศั นียภาพตกแตง่ ภายในแบบสองจุด มีข้นั ตอนการเขียนดงั ภาพท่ี 4.12 -4.16 ภาพท่ี 4.12 ข้นั ตอนการเขียนทศั นียภาพตกแต่งภายในแบบสองจุด 1

72 ภาพที่ 4.13 ข้นั ตอนการเขยี นทศั นียภาพตกแต่งภายในแบบสองจุด 2

73ภาพที่ 4.14 ข้นั ตอนการเขียนทศั นียภาพตกแต่งภายในแบบสองจุด 3

74 ภาพที่ 4.15 ข้นั ตอนการเขยี นทศั นียภาพตกแต่งภายในแบบสองจุด 4

75ภาพที่ 4.16 ข้นั ตอนการเขียนทศั นียภาพตกแต่งภายในแบบสองจุด 5

76การทาหุ่นจาลอง การทาหุ่นจาลอง เพื่อศึกษางานการออกแบบตกแต่งภายใน ท่ีมีการเห็นไดส้ มจริง หรือเพ่อืใชศ้ ึกษาและแกไ้ ขปรับปรุงรายละเอียดบางอยา่ งก่อนนาไปสร้างจริง โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ 1. หุ่นจาลองเท่าของจริง (Mock-up) หรือการทาหอ้ งตวั อยา่ งที่นิยมทากนั มากในท่ีอยู่อาศยั ประเภทอาคารชุด หรือ คอนโดมิเนียม ที่จะใหผ้ ูก้ าลงั ตดั สินใจซ้ือ ไดเ้ ห็นบรรยากาศของหอ้ งท่ีตกแต่งแลว้ มีรูปแบบเป็นอยา่ งไร ขนาดสดั ส่วนดีและประโยชนใ์ ชส้ อยดีหรือไม่ 2. หุ่นจาลองเพ่อื ศึกษารายละเอียด (Studied Model) ผอู้ อกแบบจะสร้างข้ึนมาเอง เพ่ือทดสอบส่วนรายละเอียด หรือส่วนใดส่วนหน่ึง เช่น สดั ส่วนของพ้นื ท่ี บรรยากาศโดยรวมของการตกแต่ง ฯลฯ เป็นตน้ วสั ดุที่ใชจ้ ะเป็นวสั ดุท่ีหาไดง้ ่าย และทาไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว เช่นกระดาษแขง็ แผน่โฟม เป็นตน้ 3. หุ่นจาลองยอ่ ส่วน (Scale Model) เป็นหุ่นจาลองท่ีมีขนาดเลก็ กวา่ ของจริง ท่ีเป็นอตั ราส่วน เช่น 1:10, 1:25 ฯลฯ เป็นตน้ แต่จะมีรายละเอียดที่ใกลเ้ คียงหรือเหมือนจริงมากกวา่หุ่นจาลองเพอื่ ศึกษารายละเอียด (Studied Model) ในประเภทที่ 2 4. หุ่นจาลองตน้ แบบ (Prototype Model) หรือเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ ผลิตภณั ฑต์ น้ แบบนิยมท่ีจะใชก้ บั งานผลิตภณั ฑ์ โดยสร้างข้นึ จากวสั ดุจริง และมีขนาดจริงทุกส่วน ส่วนมากโรงงานผผู้ ลิตจะตอ้ งจดั ทาข้ึน เพ่อื ทดสอบและคน้ หาส่วนบกพร่องและคน้ หาส่วนบกพร่องแลว้ แกไ้ ขก่อนลงมือผลิตจริงจานวนมากต่อไป เช่น การทารถยนตต์ น้ แบบ ภาพท่ี 4.17 หุ่นจาลองเท่าของจริง (Mock-up) หรือหอ้ งตวั อยา่ งในโครงการคอนโดมิเนียม

77ภาพที่ 4.18 ตวั อยา่ งหุ่นจาลองเพื่อศึกษารายละเอียด (Studied Model)

78 ภาพที่ 4.19 ตวั อยา่ งหุ่นจาลองยอ่ ส่วน (Scale Model)

79 ภาพที่ 4.20 ตวั อยา่ งหุ่นจาลองตน้ แบบ (Prototype Model)สรุป การเขียนทศั นียภาพ เป็นส่วนหน่ึงของขนั ตอนการส่ือความเขา้ ใจในความคิดการออกแบบในลกั ษณะภาพ 3 มิติ สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท ทศั นียภาพภายนอก และ ทศั นียภาพภายใน โดยท้งั 2 ประเภท ยงั แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ การเขียนทศั นียภาพแบบบรรยากาศ และ การเขียนทศั นียภาพแบบเสน้ มีเทคนิคในการเขยี นทศั นียภาพทาได้ 2 วิธี คือ เขียนโดยเขา้ มาตราส่วน และเขียนโดยประมาณแต่อาศยั ประสบการณ์ความชานาญ ซ่ึงนกั ออกแบบส่วนใหญ่จะใชว้ ธิ ีท่ี 2 โดยส่วนมาก เน่ืองดว้ ยวธิ ีที่ 1 มีข้นั ตอนท่ียงุ่ ยาก และผลที่ออกมามกั จะดูไม่ค่อยสมจริง

80 การทาหุ่นจาลอง เพอื่ ศึกษางานการออกแบบตกแต่งภายใน ที่มีการเห็นไดส้ มจริง หรือเพ่ือใชศ้ ึกษาและแกไ้ ขปรับปรุงรายละเอียดบางอยา่ งก่อนนาไปสร้างจริง โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ หุ่นจาลองเท่าของจริง หุ่นจาลองเพื่อศึกษารายละเอียด หุ่นจาลองยอ่ ส่วน และหุ่นจาลองตน้ แบบ โดยส่วนใหญ่ของการเรียนการสอน การออกแบบตกแต่งภายใน จะใชก้ ารทาหุ่นจาลองแบบเพื่อศึกษารายละเอียด และ แบบยอ่ ส่วนคาถามทบทวน 1. ทศั นียภาพแบ่งเป็นกี่ประเภท อะไรบา้ ง 2. การเขียนทศั นียภาพแบบบรรยากาศ มีลกั ษณะการเขียนอยา่ งไร 3. การเขียนทศั นียภาพแบบเสน้ มีลกั ษณะการเขียนอยา่ งไร 4. เทคนิคในการเขียนทศั นียภาพมีกี่วิธี อะไรบา้ ง 5. การเขียนทศั นียภาพโดยกาหนดจุดรวมสายตาแบ่งเป็นก่ีแบบ อะไรบา้ ง 6. เพ่ือฝึกความชานาญในการเขียนทศั นียภาพ ควรฝึกอยา่ งไร 7. หุ่นจาลองเท่าของจริง มีลกั ษณะอยา่ งไร 8. หุ่นจาลองเพอ่ื ศึกษารายละเอียด มีลกั ษณะอยา่ งไร 9. หุ่นจาลองยอ่ ส่วน มีลกั ษณะอยา่ งไร 10. หุ่นจาลองตน้ แบบ มีลกั ษณะอยา่ งไร

81 เอกสารอ้างองิGeorge, C. (2010). Architectural Drawing and Design. London : Thames and Hudson Ltd . Publication, Inc.Maureen, M. (2012) Interior Design Visual Presentation: A Guide to Graphics, Models and Presentation Techniques. London: Marshell Cavendish.Panero, J., & Zelnik, M. (2009). Time-Saver Standards for Interior Design and Space Planning, 2nd Edition . New Jersey: Prentice Hall International, Inc.Tangaz, C. (2011). Interior Design Course: Principles, Practices, and Techniques for the Aspiring Designer. Upper Saddle River, NJ: Prentice Hall.

บทท่ี 5 สีและแสงเพอ่ื การออกแบบตกแต่งภายใน การตกแต่งภายใน นอกเหนือจากการคานึงถึงประโยชนใ์ ชส้ อยและการกาหนดรูปแบบในงานตกแต่งแลว้ สีและแสงเป็นอีกปัจจยั หน่ึงท่ีจะกาหนดทิศทางความรู้สึกและความงามของการตกแต่ง ประกอบกบั การสร้างบรรยากาศของบา้ นไดน้ ่าอยนู่ ่าอาศยั ขณะที่สีมีอิทธิพลในการช่วยสร้างและปรับเปลี่ยนองคป์ ระกอบในงานออกแบบภายในใหด้ ูดี เหมาะสมหรือช่วยทาใหก้ ารรับรู้หรือตีความแตกต่างไปจากเดิมได้ เช่น สีอ่อนช่วยผลกั ใหผ้ นงั ดูไกล ในขณะท่ีสีเขม้ จะช่วยร่นระยะใหด้ ูใกลข้ ้ึน เป็นตน้ แสงจะมีอิทธิพลต่อการสร้างอารมณ์และบรรยากาศท่ีแตกต่างกนั ไปสามารถขบั รายละเอียดของสถาปัตยกรรมใหโ้ ดดเด่น เนน้ ความสวยงามของของตกแต่งหรือรูปภาพใหเ้ ด่นข้ึน การออกแบบแสงจึงเป็นสิ่งหน่ึงท่ีเป็นสไตล์ และความน่าสนใจของงานตกแต่งสีสันและการใช้ในงานออกแบบตกแต่งภายใย การเลือกสีสนั หรือกลุ่มสีเพอ่ื นามาใชใ้ นงานออกแบบภายใน สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 2ส่วนใหญ่ ๆ คือ - กลุ่มโครงสีที่เกิดจากอุณหภูมิสีที่แตกต่างกนั เรียกกลุ่มโครงสีน้ีวา่ กลุ่มสีร้อน และกลุ่มสีเยน็ - กลุ่มโครงสีท่ีเกิดจากการตดั กนั และกลมกลืนของสี เช่น กลุ่มสีตรงขา้ มและกลุ่มสีขา้ งเคียง เป็นตน้ ภาพที่ 5.1 กลุม่ สีร้อน (ซา้ ย) และ กลุ่มสีเยน็ (ขวา)

86 ภาพที่ 5.2 กลุ่มสีครงขา้ ม (บน) และ กลุ่มสีขา้ งเคียง (ล่าง)

87 1. การใช้กล่มุ สีร้อนในการออกแบบภายใน มีการกาหนดโครงสีซ่ึงประกอบดว้ ยสีท่ีไล่จากสีเหลือง สีเหลืองสม้ สีสม้ สีแดงสม้ สีแดงและสีชมพู จนถึงสีแดงม่วง ซ่ึงเป็นสีในกลุ่มสีร้อนดงั น้นั การใชส้ ีในกล่มน้ีจึงช่วยใหบ้ รรยากาศดูอบอุ่น สดใสและดูเป็นกนั เอง แต่ขอ้ สงั เกตพบวา่หากจะใชส้ ีในกลุ่มน้ีเป็นสีหลกั มกั หลีกเล่ียงสีแดงแทแ้ ละ สีเหลืองซ่ึงเป็นแม่สีเพราะจะทาใหม้ ีความร้อนแรงและแขง็ กระดา้ งมาก โดยเฉพาะหากนามาใชใ้ นส่วนสดั ที่ไม่เหมาะสม ดงั น้นั การใช้สีในกลุ่มน้ีจึงมกั เลี่ยงแม่สีมาเป็นสีขา้ งเคียงแม่สีเป็นสีหลกั แทนเช่น สีชมพู สีลกู พชี หรือ สีเหลืองไพร ฯลฯ เพราะจะคงความอบอุ่น สดใส และนุ่มนวลข้ึน หากตอ้ งการใชส้ ีเหลือง หรือ สีแดงแม่สีจึงมกั นิยมใชเ้ ป็นสีเนน้ มากกวา่ เป็นสีหลกั ภาพที่ 5.3 ตวั อยา่ งการใชส้ ีกลุ่มสีร้อน

88 2. การใช้สีกล่มุ สีเยน็ ในการออกแบบภายใน มีการกาหนดโครงสีซ่ึงประกอบดว้ ยสีที่ไล่จากสีเขียว สีฟ้ า สีน้าเงิน สีม่วง และสีแดงม่วง ซ่ึงเป็นในกลุ่มสีเยน็ ดงั น้นั การใชส้ ีในกลุ่มน้ีจึงช่วยใหบ้ รรยากาศดูสงบ เยอื กเยน็ และเบาสบายแต่ขอ้ สงั เกตพบวา่ ในหอ้ งนงั่ เล่นแห่งน้ีใชก้ ลุ่มสีเยน็ ในวรรณะสีฟ้ าท่ีหลากหลายเร่ิมจากสีฟ้ าบนผนงั และกลุ่มสีฟ้ าและน้าเงินที่ต่างระดบั กนั ในส่วนของโซฟาที่นงั่ เน่ืองจากวรรณะสีในกลุ่มสีเยน็ ดูสงบเยอื กเยน็ และอาจดูเหงาได้ หากใชส้ ีเยน็ ในปริมาณมากหรือเกือบท้งั หมด ดงั น้นั จะเห็นไดว้ า่ มีการใชก้ ลุ่มสีตรงขา้ มท่ีมีการทาค่าสีใหด้ ูอ่อนหรือ เบาลง เขา้ มาช่วยเ ภาพท่ี 5.4 ตวั อยา่ งการใชส้ ีกลุ่มสีเยน็

89 3. การใช้กลุ่มสีข้างเคยี งในการออกแบบภายใน จากกลมุ่ สีดงั กล่าวสามารถกาหนดโครงสีซ่ึงประกอบดว้ ยสีขา้ งเคียงที่ต่อเนื่องกนั ในวงจรสีต้งั แต่ สองสี สามสีหรือส่ีสี มาใชไ้ ดแ้ ละขอ้ ดีของสีในกลุ่มน้ี คือหากนามาใชจ้ ะง่ายในการสร้างบรรยากาศใหด้ ูกลมกลืนและเขา้ กนั ได้ ตวั อยา่ งเช่นการออกแบบโดยนาสีเขียว สีฟ้ า และสีน้าเงินมาใชส้ าหรับหอ้ งซ่ึงเป็นสีในกลุ่มขา้ งเคียงดงั กล่าวทาใหบ้ รรยากาศดูกลมกลืมกนั ดีแต่ขาดจุดเด่น ดงั น้นั จึงจาเป็นท่ีควรสร้างความน่าสนใจใหเ้ กิดข้ึนในหอ้ ง วิธีที่เลือกใชค้ ือการนาสีตรงขา้ มเช่นสีแดงและเหลืองที่สดใสในส่วนสดั ท่ีนอ้ ยจากลวดลายของผา้ บุโซฟา และสีสนั ของดอกไมม้ าใชเ้ พื่อเพ่ิมจุดเด่นในงานทาใหด้ ูน่าสนใจยงิ่ ข้ึน ภาพท่ี 5.5 ตวั อยา่ งการใชส้ ีกลุ่มสีขา้ งเคียง

90 จากอิทธิพลของคา่ สีท่ีมีผลต่อบรรยากาศและความรู้สึกดงั ท่ีกล่าวมาขา้ งตน้ แลว้ ค่าสียงั มีอิทธิพลในดา้ นอ่ืนๆอีกดว้ ย จึงควรทราบเพ่อื ใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการพิจารณาเลือกใชด้ งั ต่อไปน้ี 1. การใช้ค่าสีทมี่ ีอทิ ธิพลต่อขนาด นอกจากสีสนั คา่ สีกม็ ีผลต่อการเปล่ียนแปลงของขนาดดว้ ย เช่น หากใชค้ า่ สีสูงหรือสีในวรรณะสีอ่อนจะช่วยลวงตาใหว้ ตั ถุมีขนาดใหญ่ข้ึน ในทางตรงขา้ มหากใชค้ ่าสีต่าหรือสีในวรรณะสีเขม้ จะช่วยลวงตาใหว้ ตั ถุมีขนาดเลก็ ลง ดงั ภาพท่ี 5.6 ภาพที่ 5.6 .อิทธิพลของค่าสีที่มีผลต่อขนาดของหอ้ ง

91 2. การใช้สีสันทม่ี อี ทิ ธิพลต่อระยะใกล้ - ไกล สีสนั น้นั มีผลต่อระยะใกลไ้ กลและนาผลดงั กล่าวมาช่วยการออกแบบท่ีช่วยในเรื่องมิติของระยะได้ คือ หากใชส้ ีสนั ในวรรณะสีร้อนจะช่วยผลกั ระยะของวตั ถุหรือผนงั ใหม้ ีระยะท่ีดูใกลข้ ้ึน ในทางตรงขา้ มหากใชส้ ีสนั ในวรรณะเยน็ช่วยผลกั ระยะของวตั ถุหรือผนงั ใหม้ ีระยะไกลข้ึนจากเดิม ดงั ตวั อยา่ งจากภาพที่ 5.7 ภาพที่ 5.7 .อิทธิพลของคา่ สีท่ีมีผลต่อระยะไกล้ – ใกล

92 3. การใช้สีสันทม่ี อี ทิ ธิพลต่อเส้นขอบ - เส้นรอบรูป สีสนั น้นั มีผลต่อเสน้ ขอบหรือเสน้ รอบรูปดว้ ยและช่วยใหเ้ ห็นวตั ถุไดช้ ดั เจนแตกต่างกนั คือ หากใชส้ ีสันในวรรณะสีร้อน ช่วยให้เสน้ ขอบวตั ถุน้นั ๆดูนุ่มนวลในทางตรงขา้ ม หากใชส้ ีในวรรณะสีเยน็ ช่วยใหเ้ สน้ ขอบวตั ถุน้นั ๆดูชดั เจนและ หากใชส้ ีสันตดั กนั จะช่วยใหเ้ สน้ ขอบวตั ถุดูชดั เจนข้ึนกวา่ ปกติ ดงั ภาพท่ี 5.8 ภาพท่ี 5.8 .อิทธิพลของค่าสีที่มีผลต่อเส้นขอบ – เสน้ กรอบรูป

93แสงเพอ่ื การออกแบบตกแต่งภายใน แสงไฟเป็นส่ิงสาคญั อยา่ งหน่ึงสาหรับการใชช้ ีวิตของมนุษยเ์ พอื่ ทดแทนหรือเพม่ิ เติมความสวา่ งจากแสงธรรมชาติ เพอื่ ใหก้ ารทากิจกรรมต่าง ๆ เป็นไปอยา่ งสะดวกและปลอดภยั หรือเป็นการเพ่ิมความสวา่ งใหก้ บั มมุ อนั มือทึบของบา้ น นอกเหนือจากความสาคญั ในเร่ืองประโยชนใ์ ชส้ อยแลว้ แสงไฟยงั เป็นองคป์ ระกอบหน่ึงของการตกแต่ง รูปแบบและดีไซน์ของไฟชนิดต่าง ๆ เป็นรายละเอียดหน่ึงที่สร้างเสน่ห์ใหก้ บั บา้ น แต่ท่ีสาคญั ที่สุดกค็ ือ แสงไฟสร้างอารมณ์และบรรยากาศท่ีแตกต่างกนั ไป สามารถขบั รายละเอียดของสถาปัตยกรรมใหโ้ ดดเด่น เนน้ ความสวยงามของของตกแต่งหรือรูปภาพใหเ้ ด่นข้นึ การออกแบบแสงไฟจึงเป็นสิ่งหน่ึงที่เป็นสไตล์ และความน่าสนใจของงานตกแต่งเช่นกนั ภาพท่ี 5.9 แสงไฟสร้างอารมณ์และบรรยากาศที่แตกต่างกนั ไป

94ลกั ษณะการใช้แสงไฟในทอี่ ย่อู าศัย หากจะพดู อยา่ งง่ายที่สุด แสงไฟในที่อยอู่ าศยั จะมีสององคป์ ระกอบดว้ ยกนั คือที่มาของแสงโดยตรงอนั ไดแ้ ก่หลอดไฟ และรูปร่างหนา้ ตาของโคมหรือโป๊ ะไฟ ในการเลือกแสงไฟสาหรับบา้ น คุณไม่ควรคานึงถึงเพยี งรูปร่างของมนั แต่ตอ้ งคานึงถึงคุณภาพและลกั ษณะของการกระจายแสงดว้ ย ซ่ึงโดยทว่ั ไปลกั ษณะการกระจายของแสงจะมีอยู่ 3 ชนิดคือ - แสงที่ส่องออกมาอยา่ งสม่าเสมอในทุกทิศทาง - แสงท่ีส่องออกมาทางดา้ นใดดา้ นหน่ึง และมีความฟ้ งุ กระจายเลก็ นอ้ ย - แสงที่บีบใหเ้ ป็นลาแสง เราจาเป็นตอ้ งเลือกลกั ษณะของการส่องสวา่ ง ใหเ้ หมาะกบั การใชง้ านในแต่ละส่วนของบา้ น ซ่ึงเราอาจแบ่งลกั ษณะของการใชแ้ สงไฟในบา้ นไดเ้ ป็น 3 ประเภทคือ 1. แสงพนื้ ฐาน (Background Lighting) แสงชนิดน้ีเป็นแสงท่ีจาเป็นสาหรับการทดแทนแสงธรรมชาติ โดยทวั่ ไปมกั จะเป็นไฟที่ติดบนเพดานหรือโคมไฟหอ้ ยจากเพดาน (Pendant) หรือตวั เลือกอยา่ งอ่ืน เช่นไฟกาแพง ไฟที่ส่องข้ึนขา้ งบน (Uplight) หรือโคมไฟต้งั โตะ๊ ซ่ึงท้งั หมดน้ีจะใหแ้ สงที่น่าสนใจมากกวา่ การใชแ้ สงไฟสวา่ ง ๆ ดวงเดียวเหนือหวั ซ่ึงจะดูน่าเบื่อและไม่ดึงดูดใจ 2. แสงสาหรับการทางาน (Task Light) ในบริเวณเช่นครัว เคาน์เตอร์ หอ้ งทางาน หรือที่ใดกต็ ามท่ีมีการทางานเฉพาะอยา่ งเกิดข้ึน ตอ้ งการระดบั แสงท่ีสวา่ งเป็นพิเศษ ซ่ึงควรจะติดต้งั ในตาแหน่งท่ีไม่ทาใหเ้ งาตกลงบนงานท่ีกาลงั ทาอยู่ แสงไฟท่ีกาหนดทิศทางได้ เช่น ดาวนไ์ ลท์ โคมไฟสาหรับโตะ๊ ทางานที่ปรับมุมได้หรือสปอตไลท์ เป็นไฟ ท่ีเหมาะสมสาหรับบริเวณเช่นน้ี หรืออาจใชไ้ ฟที่สวา่ งเป็นพิเศษ ซ่ึงปกติมกั จะใชใ้ นจุดที่มืดและอาจเป็นอนั ตรายไดง้ ่าย เช่น บนั ได หรือทางเดินภายนอกบา้ น มาใชใ้ นส่วนทางานกไ็ ด้ 3. แสงสาหรับเน้นส่วนสาคญั (Accent Light) สาหรับการขบั เนน้ ของตกแต่งท่ีจดั วางเอาไว้ แสงไฟเฉพาะจุด เช่น สปอตไลท์ จะเป็นแบบที่ไดผ้ ลดีเป็นพเิ ศษ เพราะสามารถปรับมุมองศาสาหรับส่องสวา่ งได้ นอกจากน้ี กอ็ าจใชไ้ ฟลกั ษณะอ่ืนได้ เช่น ไฟส่องรูปภาพ (Picture Light) ไฟที่ซ่อนอยใู่ นช้นั วางของ หรือโคมไฟต้งั พ้ืนที่ส่องแสงข้ึนขา้ งบน (Floor-standing Uplight)

95 ภาพท่ี 5.10 ตวั อยา่ งการตกแต่งดว้ ยการใชแ้ สงพ้ืนฐานภาพที่ 5.11 ตวั อยา่ งการตกแต่งดว้ ยการใชแ้ สงสาหรับการทางาน

96 ภาพที่ 5.12 ตวั อยา่ งการตกแต่งดว้ ยการใชแ้ สงสาหรับเนน้ ส่วนสาคญัประเภทของหลอดไฟ หลอดไฟท่ีใชก้ นั ในบา้ นมีอยู่ 3 ประเภทหลกั ๆ คือ ทงั สเตน (tungsten) ทงั สเตน ฮาโลเจน(Tungsten Halogen) และ ฟลอู อเรสเซน้ ต์ (Fluorescent) ความแตกต่างข้ึนอยกู่ บั ประสิทธิภาพในการใชพ้ ลงั งาน อายกุ ารใชง้ านโดยเฉลี่ย และท่ีสาคญั ที่สุดกค็ ือทางดา้ นสุนทรียภาพ อนั เกิดจากสีสันของบรรยากาศโดยรวมท่ีต่างกนั ไปเม่ือใชห้ ลอดไฟต่างชนิดกนั 1. ทังสเตน จะเป็นแสงที่อบอุ่น ออกโทนสีเหลือง และเหมาะสาหรับการใชใ้ นงานตกแต่ง เพราะไม่ทาใหส้ ีสนั ของส่ิงของเปลี่ยนไป และใหค้ วามแตกต่างในดา้ นโทนที่ดี อยา่ งไรกต็ าม ทงั สเตนมีขอ้ เสียกวา่ หลอดไฟชนิดอื่นกค็ ือ หลอดไฟมีอายกุ ารใชง้ านส้นั และทาใหเ้ กิดความร้อน แต่กม็ ีขอ้ ดีตรงที่ราคาไม่แพงและสามารถใชง้ านร่วมกบั ดิมเมอร์ (Dimmer-อุปกรณ์หร่ีไฟ)ได้

97ภาพท่ี 5.13 หลอดไฟทงั เสตน และการใชง้ านตกแต่งภายใน

98 2. ทงั สเตน ฮาโลเจน หลอดไฟชนิดน้ีจะใหแ้ สงที่ดูเยน็ ขาวกวา่ และสวา่ งกวา่ ทงั สเตน โดยในหลอดไฟจะใส่ก๊าซฮาโลเจน ซ่ึงเป็นองคป์ ระกอบทางเคมีอยา่ งหน่ึง ซ่ึงจะทาปฏิกิริยากบั ไอร้อนจากไสแ้ บบทงั สเตน ทงั สเตนฮาโลเจนใชไ้ ดผ้ ลดีมากในการแสดงรายละเอียดของสีสัน ทาใหด้ ูมีคอนทราสต์และดว้ ยความท่ีใหค้ วามรู้สึกสดใสและสวา่ งมาก ทาใหเ้ หมาะจะใชก้ บั แสงท่ีส่องข้ึนขา้ งบน ไฟสปอตไลท์ และไฟท่ีเนน้ จุดสาคญั หลอดไฟชนิดน้ีสามารถใชก้ บั ดิมเมอร์ไดเ้ ช่นกนั ภาพที่ 5.14 หลอดไฟทงั เสตน ฮาโลเจน และการใชง้ านตกแต่งภายใน

99 3. ฟลูออเรสเซนต์ แสงไฟชนิดน้ีจะมีผลต่อสีและโทนเป็นพิเศษ อยา่ งไรกต็ าม มีหลอดฟลอู อเรสเซน้ ต์สมยั ใหม่ที่เลียนแบบแสงธรรมชาติ และมีการใชช้ นิดของแกว้ ที่ใชท้ าตวั หลอดต่าง ๆ กนั ไป ทาให้แสงไฟดูนุ่มนวลข้ึน ภาพที่ 5.15 หลอดไฟฟลอู อเรสเซ็นต์ และการใชง้ านตกแต่งภายใน

100การจดั วางแสงไฟเพอื่ การใช้งาน การจดั วางแสงไฟเพ่อื การใชง้ านมีหลากหลายรูปแบบดงั น้ี 1. ไฟเพดาน เป็นไฟท่ีติดตายอยเู่ หนือศีรษะไม่วา่ จะเป็นโคมไฟกิ่งไฟช่อ หรือไฟติดเพดาน เป็นวิธีท่ีง่ายที่สุดในการใหก้ าเนิดแสง โดยทวั่ ไปสาหรับบา้ น อยา่ งไรกต็ ามการใชแ้ สงชนิดน้ีเพยี งอยา่ งเดียว ทาใหเ้ กิดความรู้สึกอนั แหง้ แลง้ ไร้ชีวติ ชีวา ควรมีการเพิม่ แสงไฟชนิดอื่น เช่น ดาวนไ์ ลท์หรือสปอตไลท์ และติดต้งั ดิมเมอร์เพอื่ จะไดป้ รับสภาพแสงไดต้ ามตอ้ งการ มีรูปแบบการติดต้งั คือ 1. 1 ไฟทห่ี ้อยจากเพดาน (Pendant) รูปแบบของโคมไฟหอ้ ยเพดานน้นั มีแตกต่างกนั มากมาย ท้งั ราคาและคุณภาพแสง โป๊ ะแกว้ หรือเซรามิค จะทาใหแ้ สงกระจายออกไปเท่ากนั ในทุกทิศทาง แต่ถา้ มีโคม (Shades) คลุมไม่วา่ จะเป็นกระดาษ โลหะหรือผา้ จะทาใหแ้ สงส่องลงไปขา้ งล่างตรง ๆ แชนเดอเลียร์ (Chandeliers) เป็นไฟเพดานที่ใหค้ วามสวา่ งมากประเภทหน่ึง เพราะมนั รวมเอาหลอดไฟเลก็ ๆ มากมายไวด้ ว้ ยกนั แต่ส่วนมากมกั จะมีราคาแพง 1.2 ไฟตดิ เพดาน (Ceiling-mounted Light) เป็นไฟเพดานที่ทาไดท้ ้งั แบบทาเป็นช่องเจาะลึกเขา้ ไปภายใน หรือติดอยบู่ นผวิ หนา้ ของเพดาน ใหป้ ระโยชนใ์ ชส้ อยที่ดี และดูมีเสน่ห์กวา่ธรรมดา ใหท้ ิศทางของแสงท่ีส่องลงมาขา้ งล่าง และใหไ้ ดท้ ้งั ลาแสงแคบหรือกวา้ ง สามารถหนัทิศทางใหส้ ่องไปยงั กาแพงหรือพ้ืนผวิ อื่น ๆ ได้ ดาวนไ์ ลทม์ ีประโยชนม์ าก และเป็นการใหแ้ สงท่ีน่าสนใจสาหรับส่วนทางานบางส่วน เช่น เคาน์เตอร์ในครัว หรือจะใชเ้ ป็นไฟแบค็ กราวนดท์ ี่ดูน่าสนใจไดด้ ว้ ย โดยเฉพาะเมื่อใชร้ ่วมกบั สวิทชไ์ ฟ แบบดิมเมอร์ 1.3 ไฟเพดานแบบอน่ื ๆ สปอตไลทส์ ามารถใชต้ ิดตายบนเพดาน หรือติดบนราง และใชเ้ ป็นไฟแบค็ กราวนด์ หรือส่องสวา่ งเนน้ ในจุดสาคญั บางจุดกไ็ ด้ หลอดฟลูออเรสเซน้ ตแ์ บบติดเพดาน เหมาะสาหรับส่วนใชง้ านท่ีตอ้ งการประโยชนใ์ ชส้ อยเตม็ ท่ี เพอื่ ตดั แสงสะทอ้ นเขา้ ตา 2. ไฟผนัง เป็นไฟท่ีไม่คอ่ ยเด่นเหมือนดาวนไ์ ลทห์ รือสปอตไลท์ แต่กม็ ีใหเ้ ลือกหลายแบบ ท้งัแบบด้งั เดิมและแบบสมยั ใหม่ แบบด้งั เดิม มกั จะอยใู่ นรูปของโป๊ ะท่ียน่ื ออกมาจากผนงั ส่วนแบบสมยั ใหม่มีหลายแบบส่วนมากมกั จะติดเป็นคู่ การกระจายของแสงข้ึนอยกู่ บั รูปร่างของโคม และไฟผนงั เหมาะท่ีสุด สาหรับโตะ๊ แต่งตวั โดยติดรอบกรอบกระจกแบบหอ้ งแต่งตวั ในโรงละคร โดยไม่ตอ้ งมีโคมคลุม เพราะจะใหแ้ สงสวา่ ง โดยไม่เกิดเงาบนใบหนา้ 3. ไฟต้งั โต๊ะ โคมไฟชนิดน้ีควรมีฐานท่ีหนกั พอสมควร เพือ่ จะต้งั ไดอ้ ยา่ งมน่ั คง และรับน้าหนกั ของ

101หลอดไฟและโคมได้ ไม่วา่ จะเป็นกระดาษ ผา้ หรือเปลือกหอย โคมไฟต้งั โตะ๊ ใหแ้ สงท่ีนุ่มนวลและกระจาย แสงไฟมกั ส่องข้ึนขา้ งบน (แต่กข็ ้ึนอยกู่ บั รูปแบบของโคม) การวางโคมไฟต้งั โตะ๊ ไว้หลาย ๆ อนั รอบหอ้ ง จะสร้างแสงและเงาที่ใหผ้ ลในการสร้างบรรยากาศอยา่ งมาก จึงเป็นวิธีหน่ึงท่ีดีของการใชแ้ สงสาหรับทว่ั ๆ ไป 4. โคมไฟโต๊ะทางาน จุดประสงคค์ อื การใหแ้ สงสวา่ ง ตรงไปยงั บริเวณท่ีตอ้ งการโดยเฉพาะรูปแบบท่ีถือวา่เหมาะที่สุดสาหรับไฟท่ีโต๊ะทางาน คือไฟที่ปรับขาต้งั ได้ ทาใหไ้ ดท้ ิศทางของแสงตามที่ตอ้ งการ 5. โคมไฟต้งั พนื้ โคมไฟแบบลอยตวั สาหรับต้งั พ้นื ช่วยในการเพม่ิ ระดบั ของการส่องสวา่ งที่สวา่ งพอสาหรับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การอ่านหนงั สือ ส่วนมากมกั จะใชไ้ ฟฮาโลเจน เพราะใหแ้ สงที่สวา่ งกวา่ รูปแบบกม็ ีท้งั แบบโคมไฟที่มีขาต้งั แบบเก่า แบบที่ไฟส่องข้ึนขา้ งบน แบบที่ปรับมุมได้ หรือบางทีกใ็ ชส้ ปอตไลทต์ ้งั บนขาต้งั ไฟต้งั พ้นื ไม่จาเป็นตอ้ งสูงมาก แต่อาจจะเป็นไฟท่ีวางไวบ้ นพ้ืนในระดบั ต่า ๆ เพอื่ ส่องสวา่ งใหก้ บั กลุ่มตน้ ไมท้ ่ีใชต้ กแต่งภายใน หรือของตกแต่งที่อยบู่ นพ้ืน หรือเพยี งแต่เพมิ่ ความรู้สึกใหก้ บั แสงข้อปฏบิ ัตใิ นการใช้แสงไฟ 1. ไฟท่ีติดต้งั กลางเพดานไม่เหมาะสาหรับใชอ้ ่านหนงั สือ เพราะอาจ ทาใหเ้ กิดเงามืดในหนา้ หนงั สือ 2. ดวงไฟที่ซ่อนไวห้ ลงั บงั ตา จะทาใหส้ บายตา และมองเห็นดีข้ึน เนื่องจากแสงไม่เขา้ ตาโดยตรง 3. ควรติดต้งั ดวงไฟแสงอ่อนไวใ้ กลเ้ ครื่องรับโทรทศั น์เพอ่ื ช่วยลด อาการเคืองตา

102 4. ไฟหอ้ งนอนควรติดต้งั ไฟอ่านหนงั สือไวท้ างดา้ นหวั เตียง 5. โคมไฟหอ้ งอาหารไม่ควรใชโ้ คมไฟท่ีมองเห็นหลอดยนื่ ออกมา เพราะจะทาใหร้ าคาญตาขณะรับประทานอาหาร 6. โคมไฟท่ีใชต้ ิดต้งั เหนือโต๊ะอาหาร ควรเป็นแบบที่ปรับระดบั ได้ 7. หอ้ งนอนเดก็ ควรใชแ้ สงสวา่ งท่ีสะทอ้ นมาจากหอ้ งขา้ งเคียง หรือ ติดต้งั ไฟที่มีแสงสลวั 8. ไฟหอ้ งน้า ควรติดต้งั ดวงไฟทางดา้ นขา้ งของกระจกเงา มิใช่แสงอยู่ ทางดา้ นบน เพราะทาใหเ้ กิดแสงสะทอ้ นบนกระจก 9. ควรติดต้งั ดวงไฟไวเ้ หนือช้นั วางของ 10. ไฟในหอ้ งหรือตูเ้ กบ็ ของควรใชส้ วทิ ชไ์ ฟแบบอตั โนมตั ิ ท่ีควบคุม การปิ ด-เปิ ด และมีแผงบงั ตาดวงไฟ

103สรุป สีและแสงมีอิทธิพลต่อการออกแบบตกแต่งภายใน รวมท้งั มีอิทธิพลต่อการรับรู้และการสร้างบรรยากาศท่ีดีต่อการอยอู่ าศยั เช่น สีอ่อนช่วยผลกั ใหผ้ นงั ดูไกล ในขณะที่สีเขม้ จะช่วยร่นระยะใหด้ ูใกลข้ ้ึน กลุ่มสีที่นามาใชใ้ นงานออกแบบภายในแบ่งออกไดเ้ ป็น 2กลุ่มใหญ่ ๆ คือ โครงสีท่ีเกิดจากอุณหภูมิสีท่ีแตกต่างกนั (กลุ่มสีเยน็ และ กลุ่มสีร้อน) และ กลุ่มโครงสีท่ีเกิดจากการตดั กนัและกลมกลืนของสี (กลุ่มสีตรงขา้ มและกลุ่มสีขา้ งเคียง) แสงนอกจากการใชป้ ระโยชน์ในดา้ นการใชง้ านที่จาเป็นต่อชีวติ ประจาวนั แลว้ แสงยงั ถกูนามาใชใ้ นการสร้างบรรยากาศ และอารมณ์ท่ีแตกต่างกนั ไป สามารถขบั รายละเอียดของสถาปัตยกรรมใหโ้ ดดเด่น เนน้ ความสวยงามของของตกแต่งหรือรูปภาพใหเ้ ด่นข้ึน การออกแบบแสงไฟจึงเป็นส่ิงหน่ึงท่ีเป็นสไตล์ และความน่าสนใจของงานตกแต่งคาถามทบทวน 1. การเลือกสีสันหรือกลุ่มสีเพ่อื นามาใชใ้ นงานออกแบบภายในไดอ้ ยา่ งไร 2. การใชก้ ลุ่มสีร้อนในการออกแบบภายใน มีลกั ษณะการใชอ้ ยา่ งไร 3. การใชก้ ลุ่มสีเยน็ ในการออกแบบภายใน มีลกั ษณะการใชอ้ ยา่ งไร 4. การใชก้ ลุ่มสีขา้ งเคียงในการออกแบบภายใน มีลกั ษณะการใชอ้ ยา่ งไร 5. กลุ่มสีร้อน กลุ่มสีเยน็ และ กลุ่มสีขา้ งเคียง แต่ละกลุ่มประกอบดว้ ยสีอะไรบา้ ง 6. การใชค้ ่าสีที่มีอิทธิพลต่อขนาดอยา่ งไร 7. ลกั ษณะการกระจายของแสงมีอยกู่ ่ีชนิด อะไรบา้ ง 8. หลอดไฟที่ใชก้ นั ในที่พกั อาศยั มีอยู่ กี่ประเภท อะไรบา้ ง 9. การจดั วางแสงไฟควรทาอยา่ งไร ใหเ้ หมาะสมกบั การอ่านหนงั สือ 10. โคมไฟหอ้ งอาหารควรมีลกั ษณะอยา่ งไร และการจดั วางอยา่ งไร

104 เอกสารอ้างองิปิ ยานนั ท์ ประสารราชกิจ. ( 2549). ทฤษฎสี ีและการออกแบบตกแต่งภายใน. กรุงเทพฯ : บริษทั พริกหวาน กราฟฟิ ค จากดั .Brcker, H. (2009). The Color Scheme Bible: Inspirational Palettes for Designing Home Interiors. Boston: McGraw Hill Irwin.Lock ,W. (2009 ) . Choosing a colour scheme : How to handle samples and use colour successfully in your home . London : Cassell Company.McCarthy, B. (2010). Luminous Interiors: The Houses of Brian McCarthy. Newyork : Harper & Row.Maureen, M. (2012) Interior Design Visual Presentation: A Guide to Graphics, Models and Presentation Techniques. London: Marshell Cavendish.

บทที่ 6 การออกแบบห้องรับแขก หอ้ งรับแขกหรือหอ้ งนงั่ เล่นเป็นหอ้ งที่เป็นจุดศูนยก์ ลางของบา้ นในแง่ของการใชง้ าน คือสมาชิกในครอบครัวจะมีกิจกรรมต่างๆร่วมกนั ท่ีน่ี เช่น การดูทีวี ฟังเพลง หรือเป็นท่ีทาการบา้ นของลกู และท่ีทางานของคุณพอ่ คุณแม่ นอกจากน้ียงั เป็นบริเวณท่ีสงั สรรคก์ บั เพ่อื น ๆ บางคร้ังหอ้ งรับแขกน้ีกส็ ามารถใชเ้ ป็นหอ้ งนงั่ เล่นไดส้ าหรับบา้ นท่ีมีพ้ืนท่ีจากดั หอ้ งน้ีจึงเป็นหนา้ เป็นตาของบา้ น ดงั น้นั การออกแบบหอ้ งรับแขกจึงตอ้ งใหค้ วามสาคญั เป็นอยา่ งมากการวางผงั ห้องรับแขก การจดั วางควรจะแยกออกจากบริเวณทางเดิน เม่ือมีคนเดินไปมาจะไดไ้ ม่เป็นการรบกวนสมาธิ ของผทู้ ี่นงั่ พกั ผอ่ นอ่านหนงั สือ พดู คุย หรือดูรายการ โทรทศั น์ การจดั วางหนงั สือ แผน่ เสียงเทปคาสเซ็ท วิดีโอเทป หรืออุปกรณ์อื่นๆ ควรจดั วางในท่ีที่หยบิ ใชไ้ ดง้ ่าย จดั ใหเ้ ป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม จดั วางโตะ๊ เต้ีย สาหรับวางแกว้ น้า และแมกกาซีนต่างๆ ไวใ้ นบริเวณท่ีนงั่ ติดต้งัโคมไฟ เพ่มิ ใหส้ วา่ งพอ และอยใู่ นตาแหน่งท่ีใชน้ ง่ั อ่านหนงั สือ เขียนหนงั สืองานเยบ็ ปักถกั ร้อยและงานอื่นๆท่ีตอ้ งใชส้ ายตา และควรคานึงการประกอบกิจกรรมอ่ืนๆ เช่น การทางาน เขียนหนงั สือ ทาการบา้ น อ่านหนงั สือ เหล่าน้ีควรจะอยใู่ นบริเวณที่สงบ อุปกรณ์ในการเยบ็ ปักถกั ร้อยขนาดใหญ่น้นั ไม่เหมาะ ที่จะนามาต้งั ไว้ ในหอ้ งรับแขก แต่ถา้ จาเป็นจะตอ้ งใชง้ านจริงๆ กใ็ ชใ้ นเวลาที่ไม่มีการใชง้ านในหอ้ งน้ี โตะ๊ เกา้ อ้ีที่ใช้ ควรเป็นชุดเดียวกนั เพราะเม่ือมีการจบั แยกชุด ไปไว้หอ้ งอื่นจะสงั เกตได้ การจดั วางผงั หอ้ งรับแขกสามารถจดั ไดห้ ลากหลายรูปแบบดงั น้ี - เนน้ จุดศูนยก์ ลาง - เนน้ การสนทนา - เนน้ พ้ืนที่สาหรับเดก็ - เนน้ ความสมดุล - เนน้ ความสมมาตร

108 ภาพที่ 6.1 การจดั วางผงั หอ้ งรับแขกแบบเนน้ จุดศนู ยก์ ลาง ภาพที่ 6.2 การจดั วางผงั หอ้ งรับแขกแบบเนน้ การสนทนา

109ภาพท่ี 6.3 การจดั วางผงั หอ้ งรับแขกแบบเนน้ พ้นื ที่สาหรับเดก็ ภาพท่ี 6.4 การจดั วางผงั หอ้ งรับแขกแบบเนน้ ความสมดุลย์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook