Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore EBook หนังสือเราคิดอะไรฉบับที่336

EBook หนังสือเราคิดอะไรฉบับที่336

Published by godofthecrash, 2018-07-03 09:42:16

Description: EBookหนังสือเราคิดอะไรฉบับที่๓๓๖ ปีที่๒๔ เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑

Search

Read the Text Version

เศรษฐกจิ ๕ ชนิด (๑) เศรษฐกจิ ชนดิ หนึง่ น้ัน เรียกขาน [[[[[ ยึดสิทธิรวบ“เผดจ็ การ” กาจกลา้1 • เราคิดอะไร “ผูเ้ ดียว”เดย่ี วบริหาร สดุ เกง่ หรอื “กลุ่มอ�ำนาจ”ล้นฟา้ ก็แท้“เผด็จการ” (๒) สองขานเศรษฐกจิ โก้ “ประชา- ธปิ ไตย” แตถ่ กู “ทุนนยิ ม”พา เฟ่ืองฟงุ้ ครอบง�ำทัว่ โลกทา- รุณแนบ เนยี นเลย หลงวา่ เจริญรุ่งร้งุ สู่รู้ อวชิ ชา (๓) ตอ่ มา“คอมมูนิสต์”แท้ ชนิดสาม อสิ ระถกู คกุ คาม หมดส้ิน หากใครไม่ท�ำตาม คณะเผด็จ การแฮ ไมค่ กุ กท็ ัณฑด์ ้นิ ไป่ได้ตายเป็น (๔) เหน็ ระบอบตา่ งแบบไซร ้ สามชนิด ตามสจั จแ์ ห่งเศรษฐกจิ บง่ ช้ี แต่ยังซ่อนภยั พิษ แทรกอยู่ ลึกเลย เพราะฉลาดโลกีย์น้ี ไม่พรอ้ มปัญญา (๕) ตอ้ งศกึ ษาพทุ ธซง้ึ “โลกุตระ” สรา้ งฉลาดธาตอุ ญั ญะ อ่นื ให้ ธาตรุ เู้ กิดใหม่จะ ปัจจัต- ตังเฮย เปลยี่ นโลกเศรษฐกจิ ได้ แน่แทจ้ รงิ จัง (๖) ดังมชี นดิ สี่แล้ว ยืนยนั ไทยประเทศสุดสำ� คัญ พทุ ธแท้ “ประชาธิปไตย”อัน มกี ษัตรยิ ์ ทรงทศพธิ ฯวิศิษฏแ์ ล้ เลิศแมอ้ ภบิ าล (๗) “ศรอี ารยิ ”์ ชนดิ หา้ “สาธาระ- ณะโภค”ี มี“ประชา”พรอ้ ม“ก- ษัตริย์”ไซร้ กินใชร้ ่วมกันสละ ลดอตั - ตาเฮย เศรษฐกจิ ห้าชนดิ ให้ โลกแจ้งเป็นจริง “สไมย์ จำ� ปาแพง” ๒ มถิ นุ ายน ๒๕๖๑

...ประเทศไทยเราอาจไม่เป็นประเทศที่รุ่งเรืองที่สุดในโลก หรือรวยท่ีสุดในโลก หรือฟู่ฟ่าที่สุดในโลก แต่ก็ขอให้เมอื งไทยเปน็ ประเทศทมี่ คี วามมน่ั คง มคี วามสงบได้ เพราะวา่ ในโลกนี้หายากแลว้ เราทำ� เปน็ ประเทศทส่ี งบ ประเทศท่ีมคี นทช่ี ่วยเหลอื ซึง่ กันและกนั จรงิ  ๆ เราจะเปน็ ที่หนึง่ ในโลกในข้อนี.้ .. ถ้าเรามคี วามสงบ แลว้ มคี วามสบายความมนั่ คงที่สุดในโลกนั้น รสู้ กึ จะไมม่ ใี ครสเู้ ราได้! (พระราชดำ� รัสในหลวง ร.๙ ) เศรษฐกจิ ๕ ชนิด สงบดที ีส่ ุดเลย แลว้ ยอมรบั ไหมวา่ ต้งั แต่พลเอกประยุทธ์ เข้ามาบริหารมา บ้านเมืองสงบเรียบร้อยราบรื่นซ่ึงคน เมือ่ “ธนาธร จึงรงุ่ เรอื งกจิ ” VS “อภิสิทธิ์ เวชชา- เกา่  ๆ ทเ่ี คยบรหิ ารมา ไดส้ รา้ งรปู แบบคา่ ยกลการเมอื ง ฝงัชวี ะ” ชว่ ยกันมองระบบการปกครอง ทจี่ ะเป็นทางออกให้ ราก ลงลึก จนยากทจี่ ะแกไ้ ขในขณะนี้ กต็ อ้ งมาเคลยี ร์ มาแก่ประเทศไทย พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ฟันธงว่า แบบ จัดการเปลย่ี นแปลง ปราบปราม เรยี กโดยศพั ทว์ ่าปฏิรูปปัจจบุ นั นดี้ ที สี่ ดุ แลว้ ....... พยายามมาแก้ไขปรับปรุงพวกน้ีอยู่ตลอด มันไม่ใช่งานที่ ธนาธร “ถา้ เรายอ้ นหลงั กลบั ไปเมอ่ื ๕๐ ปที แ่ี ลว้ ทจ่ี ดุ งา่ ยเลยนะ ๘๕–๘๖ ปี พวกนกี้ อ่ รา่ งฝงั รอยมาเทา่ ไหร่ ทำ� ได้เริ่มต้นของการพัฒนาประเทศไทย เราจะเห็นได้ว่า ขนาดนอี้ าตมาวา่ เปน็ ผลงานทเ่ี ขา้ ตาอาตมา ประเทศไทยมาเลเซีย สงิ คโปร์ ไตห้ วนั เกาหลี พวกน้ี ไทยอย่ใู นระนาบ จงึ เปน็ ประเทศทน่ี ำ� หนา้ ทกุ อยา่ ง ทงั้ ดา้ นเศรษฐกจิ -ทง้ั ดา้ นการพฒั นาเดียวกนั ผ่านมา ๕๐-๖๐ ปี วันน้ีมาเลเซียมีราย การเมอื ง-ทงั้ ดา้ นสงั คมจรงิ ๆ ไมไ่ ปเปน็ ประเทศทไ่ี ปขม่ เหงไดต้ อ่ หวั สงู กวา่ เรา ๒ เทา่ เกาหลสี งู กวา่ เรา ๔ เทา่ สงิ คโปร์ ใคร หรือแมแ้ ตจ่ ะไปเอาเปรียบใครสูงกวา่ เรา ๙ เท่า โลกปจั จบุ ันหมุนเร็ว คุณตอ้ งหมุนเร็ว ......อาตมาก�ำลังอธิบายประชาธิปไตย ๕ ชนิดกวา่ โลกซะอกี ซงึ่ ระบบทไี่ มใ่ ชป่ ระชาธปิ ไตยมนั ตามไมท่ นั ” ๑. ประชาธิปไตยแบบเผด็จการเต็มรูป ๒. ประชาธิปไตย อภิสิทธ์ิ “เม่ือสักครู่คุณธนาธรพูดว่า เราเคยต้ังต้น แบบทุนนิยมสามานย์ ๓. อย่างคอมมิวนิสต์ ๔.ประชา-อยเู่ ท่าๆ กับมาเลเซยี สงิ คโปร์ ไตห้ วัน อะไรต่าง ๆ ผมไม่ ธิปไตยโลกุตระในระดับก�ำลังเดินทาง ๕. สุดยอดแนใ่ จวา่ เราพรอ้ มจะเรยี กสงิ คโปรห์ รอื จนี ทกี่ ำ� ลงั ไปเรว็ และ ประชาธปิ ไตย Absolute สงู สดุ คือ “สาธารณโภค”ี ซ่งึไปไกลท่ีสุดในช่วงนี้ว่าเป็น “ประชาธิปไตย” เพราะฉะนั้น เป็นประชาธิปไตยท้ังเศรษฐกิจ-การเมือง-และสังคมส�ำหรับผม คุณค่าของประชาธิปไตยอยู่ท่ีว่า มันเป็น (พอ่ ครอู ธบิ ายระบบทดี่ ที ส่ี ดุ ใหค้ ณุ สทุ ธชิ ยั  หยนุ่ ในรายการระบบท่ีคนจะได้รับการเคารพศักด์ิศรีของความเป็น โลกปว่ น เม่อื ๖ ม.ิ ย. ๖๑)มนุษย ์ และมสี ทิ ธิเสรภี าพ” คุณสุทธิชัย... อาจารย์อธิบายสาธารณโภคีหน่อย พ่อครู : เป็นเร่ืองธรรมชาติของโลก เม่ือมองกัน ได้ไหมครบั ส�ำหรับคนท่เี พิ่งไดย้ ินคำ� นค้ี รั้งแรกต่างมุม ย่อมมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเป็นธรรมดา เพราะ พ่อครู..ระบบสงั คมสาธารณโภคี คอื ทุกคนในชุมชนฉะนัน้ ในการจะมีภูมปิ ญั ญารู้ความจริง ในโลกนี้ อาตมาว่า ท�ำงานฟรี ไม่รับรายได้ ไม่รบั เงินทอง ทำ� งานแล้วรายได้มนั กอ็ ยทู่ ภี่ มู ปิ ญั ญาของตนเองแตล่ ะคน จะมคี วามเหน็ วา่ ท่ี เขา้ กองกลางของชมุ ชนทง้ั หมด กินใช้ร่วมกนั อยใู่ นชมุ ชนดำ� เนินไปดีแลว้ หรอื ไม?่ มีความลงตัว-เหมาะสม แลว้ หรอื เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งชุมชน ไมว่ า่ พอ่ แมพ่ ีน่ ้องลูกเตา้ไม่ ? ถา้ มันได้ลงตวั เหมาะสม สำ� เร็จแล้วก็จบ และความ เหลา่ ใดกเ็ ปน็ ญาติ (ธรรม) กนั แท ้ ๆ พึง่ เกดิ พง่ึ แก่ พึง่ เจ็บลงตวั เหมาะสมทด่ี ที สี่ ดุ นนั้ กค็ อื ความสงบเรยี บรอ้ ย ความ พึ่งตายกนั ได้จริง ๆ เปน็ พ่นี ้องทแ่ี ท้จรงิ หรอื ยงิ่ กว่าพีน่ อ้ งอยดู่ ี ไมม่ คี วามเดอื ดรอ้ นวนุ่ วายอะไรกนั ไมม่ ตี รี นั ฟนั แทง สบื สายเลือดทพ่ี ่งึ กนั ไม่ได้ฆ่าแกงวุ่นวาย และมนั เป็นไปได้ด้วยดี นี่แหละคอื คุณค่า อาตมาภูมิใจที่น�ำสาธารณโภคีมาท�ำได้ส�ำเร็จแม้ใกล้ของความลงตัวของสงั คมทด่ี ที ี่สดุ โดยจะเรียกเป็นภาษา กลยี คุ เช่นทกุ วันนี้ มาเป็นคนจนทมี่ วี รรณะ ๙ ไมโ่ ลภ ไม่ว่าประชาธิปไตย คอมมิวนิสต์ หรือเผด็จการก็ตามใจ ไม่หวงแหน และไม่ยึดเอาทรัพย์สินมาเป็นของส่วนตนแต่มันจะต้องมีพฤติกรรมจริงของสังคม (ไม่ใช่ชื่อ ทำ� ใหท้ รัพยากรของระบบเพมิ่ ขน้ึ ตลอดเวลา จึงเปน็ ระบบประชาธิปไตย แต่การกระทำ� เผดจ็ การ) ท่ีมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจมากท่ีสุดในโลก เป็นท้ังสุด ด้วยภูมิปัญญาของอาตมา เห็นว่าเมืองไทยขณะน้ี ยอดของ “คอมมูน” เพราะเอาเขา้ กองกลาง ๑๐๐% และดที ส่ี ดุ ในโลก สงบและเจรญิ สงู สดุ ในโลก นา่ สงสารอเมรกิ า เป็นสุดยอดของประชาธิปไตยท่ีแต่ละคนจะเลือก “อยู่มาก ยำ่� แยไ่ ปเรื่อย ๆ ทีเ่ ขาบอกว่าเจรญิ  ๆ ประเทศไทยอยู่ หรอื ไป” เมอ่ื ไหร่ก็ไดอ้ ย่างอสิ ระเสรี 2 • เราคิดอะไร • จรงิ จงั ตามพอ่

หนงั สอื พิมพ์ “เราคิดอะไร” ปที ี่ ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๖ เดอื นกรกฎาคม ๒๕๖๑เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ พหุธาปิ หตุ ฺวา เอโก โหติ จากหนึง่ จึงเปน็ เรา รวมเราเขาเขา้ เปน็ หนึง่1 นัยปก : เศรษฐกิจ ๕ ชนดิ สไมย์ จ�ำปาแพง, จรงิ จัง ตามพอ่ บรรณาธกิ ารผู้พมิ พผ์ ู้โฆษณา4 จากผ้อู ่าน บรรณาธิการ พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ เรอื งฤทธิ์6 ทางสามแพร่ง จ�ำลอง ศรีเมอื ง12 คุยนดิ คดิ หน่อย บ รรณาธิการ e-mail : [email protected] เปดิ ยคุ บญุ นิยม เก่าสมัย ใหม่เสมอ : [email protected] สีสันชวี ติ  (พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร) ทีม สมอ. กองรบั ใช้บรรณภพ28 เชอ่ื อยา่ งพทุ ธ ณวมพุทธ สุนัย เศรษฐ์บญุ สรา้ ง30 คดิ คนละขว้ั แรงรวม ชาวหินฟ้า สมพงษ์ ฟังเจริญจิตต์35 เวทคี วามคิด นายหนนุ ดี สงกรานต์ ภาคโชคดี36 บทความพเิ ศษ (ไม่อยากพอ กต็ ้องพอ) พิมลวัฑฒ์ิ ชูโต แซมดิน เลศิ บุศย์40 ธรรมดาของโลกจะได้ไม่ตอ้ งโศกสลด สมพงษ์ ฟังเจริญจิตต์ อ�ำนวย อินทสร42 คนจะมีธรรมะไดอ้ ย่างไร? สมณะโพธริ ักษ์ นอ้ มคำ� ปิยะวงศร์ ุ่งเรอื ง52 การต์ ูน วิสูตร รนิ ธรรม อโศกตระกลู54 ชาดกทันยคุ ณวมพุทธ นอ้ มนบ ปฐั ยาวัต56 ตามหย่ังฟ้าทะลดุ นิ ดงั นั้น วมิ ตุ ตินิยม กองรบั ใช้ศิลปกรรม61 ลูกอโศกชะโงกดูโลกกวา้ ง ฟ้าสาง ต�ำนานไท ธานี64 ความคิดทางการเมืองในพทุ ธศาสนา ส นุ ัย เศรษฐบ์ ุญสรา้ ง แสงศิลป์ เดือนหงาย68 เรื่องส้นั (จาตมุ หาราช ตอนท่ี ๑๖-จบตอน) เฉลมิ ศกั ด์ิ แหงมงาม วสิ ตู ร นวพันธุ์73 จากใจถงึ ใจ ก ล่ันแกน่ ดนิ หนิ รกั พงษ์อโศก74 แคค่ ดิ กห็ นาว...ว ์ นายธงิ วินเทอร์ พุทธพันชาติ เทพไพฑูรย์76 ชีวิตไร้สารพิษ ลอ้ เกวยี น เพชรพนั ศลิ ป์ มุนีเวช78 กตกิ าเมือง ประคอง เตกฉตั ร กองรับใชธ้ ุรการ80 ปดิ ท้าย พ.ต.ท. รุง่ โรจน์ เรืองฤทธิ์ ใบแกว้ ชาวหินฟ้า ทองแกว้ นาวาบญุ นิยมสีสันชีวิต ผมถือวา่ ท่านมีมรดกตกทอดมาใหเ้ ราต้องรักษาไว้ ซอ่ื สนิท นาวาบญุ นิยม นัน่ คอื หน้าที่ของแตล่ ะคน เราจะละท้งิ ไม่ได้ สเู่ สรี สีประเสรฐิ18 ผมเองอยู่นอกราชการแล้ว จดั จ�ำหนา่ ย แต่ว่ายงั มีอะไรอย่างอ่นื ทผ่ี มคิดว่าผมท�ำให้บ้านเมืองไดอ้ ยู่ กลนั่ แกน่ ๖๔๔ ซอยนวมนิ ทร์ ๔๔ ก็จะตอ้ งท�ำตอ่ ไปจนกว่าจะไมม่ ชี ีวิต ถ.นวมินทร์ คลองกุ่ม บงึ กมุ่ กทม. ๑๐๒๔๐ ............. โทร. ๐-๒๗๓๓-๖๒๔๕ พมิ พ์ที่ บรษิ ทั ฟ้าอภัย จ�ำกัด โทร.๐-๒๓๗๕-๘๕๑๑ อตั ราค่าสมาชิก ๒ ปี ๒๔ ฉบบั ๕๐๐ บาท ๑ ปี ๑๒ ฉบับ ๒๕๐ บาท ส่งธนาณัติ หรือตัว๋ แลกเงินไปรษณยี ์ สงั่ จา่ ย นางสาวใบแก้ว ชาวหินฟา้ ปท.คลองกมุ่ ๑๐๒๔๔ สำ� นกั พมิ พก์ ล่นั แก่น ๖๔๔ ซ.นวมินทร์ ๔๔ ถ.นวมนิ ทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบงึ กุม่ กทม.๑๐๒๔๐ หรือโอนเงินผ่านบัญชีออมทรพั ย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนนวมนิ ทร์ ๓๖ บญั ช ี นางสาวใบแกว้ ชาวหนิ ฟา้ เลขที ่ ๐๓๘-๘-๖๖๗๐๕-๒ ยนื ยันการโอนท่ี ๐๘-๖๔๘๖-๗๘๖๘ หรือ [email protected] ปีท่ี ๒๔ ฉบับท่ี ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 3

e-mail : [email protected]บุญนิยม-ยคุ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เงนิ ตอ่ เงนิ เมินศลี ธรรมตำ�่ ใต้ตม ทนุ นิยมถมทับความอปั ลกั ษณ์ หนอนไม่รอู้ าจมหนอนจมเอง....ท�ำลายคปู่ รปักษห์ กั สะบ้ัน “บญุ นิยม”ทางออกงามเลย่ี งทำ� ไมมือใครยาวสาวไดส้ าวไปพลัน “บญุ นยิ ม”ทางออกงามเลย่ี งทำ� ไมมือใครส้ันสาวไมถ่ งึ จงึ อดตาย “บุญนิยม”ทางออกงามเลยี่ งท�ำไม อา้ งกฎกรรมธรรมชาติพิลาสเหลือ “บญุ นยิ ม”ทางออกงามเล่ียงท�ำไมทุนชาวบา้ นตกเป็นเหยอื่ เช่อื กฎหมาย • สมบตั ิ ตงั้ กอ่ เกยี รติ พระนครศรอี ยธุ ยา - “บญุ นิยม” คารม หมายนมิ ิตสิทธเิ สรมี เี ท่ากนั ต้นยนั ปลาย ส�ำแดงพลังอทิ ธิฤทธ์ิแจง้ ปรากฏแต่ละฝา่ ยทนุ หนาบางช่างปะไร ยตุ ธิ รรมค�ำนช้ี ีใ้ ห้เหน็ “ทุนนยิ ม” สยายมวลมลิ ะลดภาพลวงเป็นภาพจรงิ ยงิ่ บอดใบ้ ก็เป็นไปตามบทกำ� หนดมาสงั คมมวั ซวั ต่อต่อเนอื่ งไป “พลังบญุ ” ยนื หยัดเสยี สละทางออกอยู่ใกล้ใกล้ว่าไร้ทาง ยดึ จาคะเจือจานจติ แกร่งกล้า เพราะพนื้ ฐานการศึกษาลา้ หลงั มาก เออื้ อาทรสังคมดว้ ยเมตตาถกู เลห่ ์เหล่ียมหลายหลากดักลงล่าง ไทยถว้ นหนา้ ...รว่ มเกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนเรอื นอ้ ยยอ่ ยยับจมอบั ปางดูไมต่ ่าง“โชห่วย”ซวยรายตัว กลุ่มหนิ ผาฟ้าน้ำ� คิดถงึ “เราคิดอะไร” “เราคิดอะไร”ขาดหายไปต้ังแต่เดือนมีนาคม “รฐั ธรรมาภิบาล”ผลาญเสยี สนิ้ จนถึงปัจจุบัน มีเหตุขัดข้องอะไรแจ้งด้วย เพราะอาชีพคนท�ำกินด่าวดิ้นท่ัว“หูไปนาตาไปไร่”ด่งั ใบบัว คอยรบั อยทู่ กุ เดอื น กลมุ่ หนิ ผาฟา้ นำ้� ของ อาจารย์เอ้ือเจ้าสัวเหนอื ชีวิตชาติติดลบ ถงึ ธรรม เวลานร้ี บั เปน็ สว่ นตวั ของใครของมนั แลว้ “ยคุ ปลาใหญ่กินปลาเลก็ ”กฎเหล็กเพชร • จ.อ.สะอาด สินโพธิ์ ชยั ภมู ิ - “เราคิดอะไร” ต้ืนตันในน�ำใจเอ้ืออาทรเศรษฐกิจตกสะเก็ดเสร็จระบบ ของสมาชิกและขอน้อมรับความบกพร่องด้วยห้างเคลอ่ื นท่ีตีตลาดคราดสมทบสักวันคงขายโลงศพตบหน้าคน คารวะ จะพยายามมิให้เกิดปญั หาเช่นนอี้ ีกขอรบั แท้จรงิ “รา้ นสะดวกซ้อื ”คือตน้ เหตุ ผดิ ปน็ ครูดูเยย่ี งอย่างกา้ วย่างตอ่สนองเจตนารมณ์ในทุกหน สืบสานก่อการงานสรรค์สร้างเสริม“ห้างเคลอ่ื นที่”ดกี วา่ เข้าหาชน ผนึกพลงั รวมประสานก่อการเดิม“รถเร่ตามท้องถนน”จนตรอกวาย แลพนู เพม่ิ มวลชน“คนทำ� ดี” เกดิ สงครามการคา้ แบบบ้าเลือดใครจะเชอื ดเฉือนใครนนั่ คิดกันง่าย บุหรไี่ ฟฟา้ ขณะทส่ี ถานศกึ ษา ผปู้ กครอง สังคม เพ่งเลง็ระเบยี บกฎกตกิ าพากลบั กลาย กวดขันป้องกันเยาวชน ลูกหลานไม่ให้สูบบุหร่ีลามขยายเปน็ สงั คงั ของสังคม อาชญากรอาชญากรรมขา้ มชาตสิ ิน้ ยาเสน้  ฯ แตว่ ยั รนุ่ สว่ นหนง่ึ แปรไปทดลองของเลน่ ตวั ใหมก่ นั เกรอ่ นนั่ กค็ อื บหุ รไี่ ฟฟา้ หลงเชอื่ วา่ ไมม่ ียดึ อาณานคิ ม ถ่นิ แหว่ง ว่ิน ล่ม4 • เราคิดอะไร

e-mail : [email protected]สารใหโ้ ทษ จึงเป็นของโปรดพวกวัยรุ่น และคน อเมรกิ าถอนตวั จากสภาสิทธฯิที่จะลด ละ เลกิ บุหรี่ ผมเปน็ คนบ้านนอก อดเปน็ห่วงวยั รุ่นยคุ ใหม่ และวยั เก๋าไทยไม่ได้ นา่ เสียดาย หลายวันก่อนมีข่าวว่าอเมริกาเตรียมจะถอนตัวชีวิตท่ีเกิดมาในแผ่นดินพุทธแต่ไม่หลุดพ้นส่ิงเสพ จากสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หลังจากติดเลก็ ๆ นอ้ ยๆ เพียงแคค่ วันจากมวนกระดาษ สมาชิกสหประชาชาติ ๑๒๐ เสียงลงมติประณาม อิสราเอลว่าท�ำเกินเหตุต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์ • คนไมเ่ คยบวช ...เอะ๊ ประณามอสิ ราเอลทำ� ไมอเมรกิ าจะตอ้ งถอนตวั จะ ถอนตวั จรงิ  ๆ หรอื เปลา่ ไมน่ า่ เชอ่ื ขา่ วลา่ มาดว่ นวา่ ถอน - รศ.ดร.เนาวรัตน์ เจริญค้า อาจารย์ ตัวแล้ว มีข่าวอีกว่ารัสเซียขอส่งตัวแทนเป็นกรรมการสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล ศนู ยว์ จิ ยั สภาสิทธมิ นษุ ยชนสหประชาชาตดิ ้วย เรียกวา่ อเมรกิ าและจัดการความรู้เพ่ือการควบคุมยาสูบ ภาคี ออก-รัสเซียเข้า หรือว่าเป็นความจริงท่ีเขาว่าอเมริกาสสส..เผยรายงานการศึกษา “ผลกระทบต่อ สนับสนุนอสิ ราเอลให้บุกรกุ แยง่ ท่ีปาเลสไตน์ ฉะน้นั พอสุขภาพของบุหรี่อิเลกทรอนิกส์หรือบุหรี่ไฟฟ้า” มกี ารประณามความโหดของอสิ ราเอล อเมรกิ าเลยถอนเม่ือ ๒๓ ม.ค. ๒๕๖๑ โดยสถาบันวิชาการแห่ง ตัว น่างงน่ะ กภ็ าพอเมรกิ านะ่ ดูเปน็ ประเทศทใ่ี ห้ความชาติดา้ นวทิ ยาศาสตร์ วศิ วกรรมศาสตร์ และการ สำ� คญั ตอ่ สทิ ธมิ นษุ ยชนยงั กะอะไรดี แลว้ มาถอนตวั ออกแพทย์ร่วมกับองค์การอาหารและยาของประเทศ ดอื้  ๆ จากสภานท้ี ำ� ไม เหมอื นเดก็ ไมไ่ ดด้ งั ใจ ทนี จ้ี ะไปพดูสหรัฐอเมริกา ได้ข้อสรุปผลงานวิจัยว่า ในบุหร่ี เรอื่ งสทิ ธมิ นษุ ยชนยังไงกันล่ะเน่ียไฟฟ้าและไอระเหยที่ผู้สูบพ่นออกมามีสารนิโคตินและสารพิษอ่ืนอีกจ�ำนวนมากท่ีเป็นอันตรายต่อ • ธาตุ บญุ เทียมรา่ งกาย เชน่  ฟอรม์ าลดไี ฮด์ และอะไดรลนี เปน็ ตน้ การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเวลานานท�ำให้เส่ียง - สังคมโลกมีสองขั้ว ตะวันออก-ตะวันตกต่อการเป็นโรคมะเร็งและเป็นอันตรายต่อระบบ ประชาธิปไตย-เผด็จการ ยุคต่อมาการคมนาคมสืบพันธุ์ ตอ่ เซลล์เยือ่ บุหลอดเลอื ด สะดวก สังคมกข็ ยายตวั สรุปได้ว่า ทั้งบุหรี่ไฟแช็ก และบุหร่ีไฟฟ้า ก็ วันน้ี แยกข้ัวกันด้วยหลายเหตุปัจจัยอ้างอิงมี “ค่ามหาภัย”เสมอภาคกันตามระบอบประชา- โดยเฉพาะการเมืองระหว่างประเทศซับซ้อนซ่อนธิปไตยยคุ คสช.. จงึ สมควรทป่ี วงผเู้ กีย่ วข้องจัก เง่อื นกลเชิงชั้นยง่ิ นกัพจิ ารณาวา่ ตนควรจะอยหู่ รอื ไปเมอื่ ใด? ผนู้ ำ� ไทย...หน.คสช. และคณะ แมใ้ กลจ้ ะสนิ้ วาระ ดำ� รงตำ� แหนง่ กย็ งั มวิ ายหว่ งใยแผน่ ดนิ ทำ� หนา้ ทเี่ พอ่ืต่ออายุสมาชิก คนรนุ่ หลงั น่ีแหละ! จติ วญิ ญาณของ “ร้วั ของชาต”ิ โอนเงนิ คา่ ตอ่ อายสุ มาชกิ หนังสอื พิมพ์ “เรา- ตลาดซอยกลางสนั ตอิ โศกคดิ อะไร” ๕๐๐ บาท/ ๒ ปี มาทคี่ ณุ ใบแกว้ แลว้ ครบั มาตลาดนดั พชื ผกั ผลไมไ้ รส้ ารพษิ ทสี่ นั ตอิ โศก • กติ ติพงษ์ รู้สกึ ดี ทนี่ ีไ่ วใ้ จได้ เลยมาซื้อบอ่ ย ๆ ขอใหท้ ำ� ตลอดไป - ไดร้ บั แลว้ ครบั ถา้ “เราคดิ อะไร” เกดิ ลอ่ งหนหายตวั ไมท่ ราบวา่ มอี ภนิ หิ ารจากทางไหนบา้ ง โปรด • คนปทุม - รวมพลปลูกฝังส่ังสมคนมีธรรม เพิ่มพูนแจง้ ดว่ นนะครบั เพราะมหี นงั สอื ตกี ลบั จากไปรษณยี ์ กรรมเสียสละเจือจานสังคมบุญนิยม จึงเกิดตลาดอยู่เหมือนกนั บางท่านกไ็ มไ่ ดร้ ับตงั้ แต่ต้นปี เล่นเอาหนว่ ยปฏบิ ัตกิ ารพเิ ศษฝา่ ยจดั ส่งชกั งง ๆ นัดทกุ เสาร-์ อาทติ ยข์ นึ้ มาดว้ ยดวงใจ ! บรรณาธิการ ปที ่ี ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 5

}...แม้จะเป็นทหารอาชีพ แต่ผู้ท่ีเคยพบปะ พูดจากับเขา ตลอดจนบทบาทในระยะหลัง ยากที่จะจ�ำแนกได้ว่า นายพันเอกผู้นี้เป็น นักการทหาร นกั การเมอื ง หรือนกั การศาสนา• ตอ่ จากฉบับที่ ๓๓๕ กนั แน่...~ สยามรฐั ๑๔ เมษายน ๒๕๒๕ รวบรวมข้อเขียนและคำ� ปาฐกถาของ พลตรี จ�ำลอง ศรีเมอื ง ตัง้ แตป่ ี ๒๕๒๕ ศาสนากบั การเมอื ง หนา แล้วนี่เอาการเมืองมาชิด ๆ กับศาสนา ย่ิง กลัวกันใหญเ่ ลย นมัสการพระคุณเจ้า ท่านนักศึกษา และ เขากลัวค�ำว่า “การเมือง” จนกระทั่งท่านเพื่อนนักหนังสือพิมพ์ ตลอดจนท่านผู้สนใจใน นักศึกษาทั้งหลาย ที่ต้ังหน้าตั้งตาจะมาเรียนศาสนาและการเมอื งครบั มหาวทิ ยาลัยเดียวกับปู่ ย่า ตา ยาย กลับต้องมา การมาอภปิ รายของผมในวนั น้ี รสู้ กึ วา่ จะเปน็ เรยี นคนละมหาวทิ ยาลยั เพราะปู่ ยา่ ตา ยาย เขาวนั ทสี่ บายใจทส่ี ดุ นบั ตง้ั แตไ่ ดเ้ คยอภปิ รายรว่ มกบั เรยี นมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตรแ์ ละการเมอื ง สว่ นใครต่อใครมา ผมสบายใจตั้งแต่ตอนที่ได้รับเชิญ ทา่ นทงั้ หลายนน้ั เรยี นแคม่ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์แล้ว เพราะได้มาอภิปรายร่วมกับท่านผู้รู้เกี่ยวกับ เทา่ น้ันเรื่องศาสนาและท่านผู้รู้เก่ียวกับการเมืองอย่าง ศาสนากับการเมืองนี่ เขาบอกว่าเอามาแทจ้ รงิ วนั นผ้ี มพดู ดว้ ยความสบายใจ แตอ่ าจจะไม่ ติดกันไม่ได้ เอามายุ่งกันไม่ได้หรอก เพราะอะไรสบายอยหู่ นอ่ ย ตอนทจี่ ะออกไปนจี่ ะตอ้ งเจอเพอื่ น ครับ เพราะเขากลัวว่าจะเป็นโคไมน่ี กลัวจริง ๆนักหนังสือพิมพ์ ผมก็ไม่ทราบว่าจะมีอะไรมาถาม นะครับ ท่านคงจะจ�ำได้ว่า คร้ังหนึ่งผมเคยมาผม เพราะเพงิ่ ถามกนั ไปหยก ๆ ทโี่ รงแรมนารายณ์ พดู ณ ทีน่ ้ี เก้าอี้คนละตวั ครับ เก้าอ้ีอยู่ทางซ้ายเมื่อสองสามวันน้ีเอง นัน้ พดู ถึงเรอื่ งกฎหมายท�ำแทง้ กอ่ นหนา้ น้นั ไมก่ ี่ ก่อนอ่ืนต้องชมชุมนุมปาฐกถาและโต้วาที อาทติ ย์ เราไดจ้ ดั อภปิ รายทีส่ วนพฤกษชาติ ชุมชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หน่อยนะครับ ท่ีได้ต้ัง คลองจน่ั หนังสือพมิ พ์เพอื่ นท่แี สนดีเขาเอาไปลงหวั ข้อการอภิปรายในวนั น้ีได้อยา่ งดที ีเดียว เพราะ นะครับ ลงเอาไว้วา่ ยังไง ลงเอาไว้ในท�ำนองใหค้ นปกติแล้วค�ำว่าการเมืองน่ี เขากลัวกันนักกลัวกัน อื่นเขาตกใจ กลัวว่าเราจะรวม ๓ ศาสนา ต่อตา้ น กฎหมายทำ� แทง้ จะกลายเปน็ โคไมน่ี เขากเ็ ลยกลวั6 • เราคิดอะไร กนั ใหญ่ แปลกนะครบั คนไทยเราเดยี๋ วนค้ี ำ� คำ� เดยี วกนั ทง้ั อยากไดแ้ ละไมอ่ ยากได้ คำ� นน้ั คอื อะไร คำ� นนั้ คอื คำ� วา่ “โค” โคทอี่ ยากไดแ้ ลว้ ไมไ่ ดค้ อื อะไร “โคไพร”

ครับ วันนี้หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวไปแล้วครับ ตาม คำ� นำ� พมิ พค์ รง้ั ที่ ๓มาหลายวัน เจออึบ้าง เจอรอยเท้าบ้าง วันนี้ก็บ๊ายบาย ขอให้โคไพรเข้าเขมรไปตามล�ำพังเถิด “ชีวิตจ�ำลอง” ออกวางตลาดในวันลงคะแนนเลือกต้ังเพราะคนตามตามไปไม่ได้แล้ว เจอกับระเบิด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปรากฏว่าขายดีเกินคาด ไปน้ีเปน็ โคทอี่ ยากได้แล้วไมไ่ ด้ ท่ไี หนก็มักจะไดย้ นิ คนพูดถึง สว่ นโคทไ่ี ม่อยากไดก้ ็คอื โคไมนี่ โคอีกอย่าง “ชีวิตจ�ำลอง” ได้กล่าวถึงหนังสือเล่มอ่ืนๆท่ีผมเขียนหนึ่งเป็นโคท่ีไม่อยากจะเอ่ยถึง คือ โคทัค ซึ่งมัน คอื “ทางสามแพร่ง” เล่ม ๑, ๒, ๓ และ “ทางสองแพร่ง”อยนู่ อกเหนือประเดน็ ท่เี ราจะพดู กนั ในวันน้ี เกือบ ผอู้ ่านหลายท่านถามหาลืม เมอ่ื ก้ีท่านผู้ดำ� เนินรายการกบ็ อกหมดวา่ ผมมี ขณะนี้ “ทางสองแพรง่ ” ยงั มวี างจำ� หนา่ ยอยู่ แต่ “ทาง-การศกึ ษายงั ไง ชนั้ ประถมกจ็ บจากโรงเรยี นวดั ชนั้ สามแพร่ง” ขาดตลาดไปนานแล้ว เหน็ สมควรจัดพิมพเ์ พ่มิ เติมมธั ยมกก็ ลบั ไปจบโรงเรยี นบา้ น ทง้ั  ๆ ทช่ี าวบา้ นเขา “ทางสามแพร่ง” ทอ่ี ยใู่ นมอื ของทา่ นนี้ แมจ้ ะเปน็ เร่อื งจบจากโรงเรยี นสวนกัน เก่าๆ แต่ก็คงจะให้ข้อคดิ บางอยา่ งในแง่มุมท่แี ตกตา่ งไปจาก ผดู้ ำ� เนนิ รายการยงั ไมไ่ ดบ้ อกอกี อยา่ ง เพราะ “ชีวิตจ�ำลอง” ซ่งึ คงจะเปน็ ประโยชน์แกท่ า่ นผอู้ ่านบา้ งผมไม่ได้บอกท่าน ก็คือว่าผมมีงานอดิเรก งาน ผมขอขอบพระคณุ ทกุ ทา่ นทตี่ ดิ ตามผลงานของนกั เขยี นอดิเรกประการแรกก็คือ รับคุยเฟอื่ งเรอื่ งปัญหา จ�ำเปน็สงั คม เร่อื งปัญหาธรรมะทั่วราชอาณาจักร โดย ขอบพระคณุ ครับไม่รับค่ากัณฑ์เทศน์ ค่าพาหนะ และค่ากินอยู่ใด ๆ พลตรี จำ� ลอง ศรเี มืองเพราะผมกินม้ือเดียว เวลาจะนอนก็แบกกลด ๑ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๓๓ไปค่�ำไหนก็นอนนั่น เหมือนนกขม้ินเหลืองอ่อนเพราะฉะนนั้ จงึ สะดวก สำ� หรบั ใครตอ่ ใครทจ่ี ะเชญิ นะครับ แยกกันโดยเด็ดขาดไม่ด้ เพราะว่าถ้า งานอดเิ รกอกี อยา่ งหนง่ึ ถา้ วนั เสารว์ นั อาทติ ย์ การเมืองไม่มีศาสนาละก็บรรลัยแน่ผมไม่ได้ไปบรรยายที่ไหน ก็เป็นพ่อค้าขายข้าว หลวงพ่อปัญญาเคยมอบหนังสือธรรมะไว้แกง ขอโฆษณาสักนิดหนึ่งครบั เพราะไม่ไดร้ ับคา่ ให้ผมหลายเล่ม ท่านชวนผมไปพูดให้พระที่วัดกัณฑ์เทศน์อยู่แล้ว ร้านอยู่ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ชลประทานฟงั ทหี นึง่ ทา่ นกใ็ หม้ าเล่มหนึ่งสองเล่มซอย ๔ จ�ำงา่ ยครับ จตุแปลวา่ ๔ อย่แู ลว้ มอี ยู่เลม่ หนง่ึ ครับชื่อ “ธรรมะกบั การเมือง” ท่าน พูดวกไปถึงเร่ืองกลัว เรากลัวกันนักกลัวกัน นักศึกษาท่ีสนใจคงเคยอ่านมาแล้ว แต่งโดยท่านหนาก็คือค�ำว่า “ศาสนากับการเมือง” ผมอยาก อาจารย์พุทธทาสภิกขุ ท่านพูดไว้โดยแน่ชัดเลยถามทา่ นจรงิ  ๆ นะครบั วา่ แยกกนั ออกอยา่ งเดด็ - ครับ พูดไว้ว่า “ถ้าเศรษฐกิจและการเมืองไม่มีขาดไดไ้ หม เราไมย่ อมรบั ความจรงิ กนั หรอื ยงั ไง ธรรมะละก็ ท้ังเศรษฐกิจและการเมืองจะเป็นหลวงพ่อปัญญาท่านยืนหยัดยืนยัน แล้วท�ำให้ เครอื่ งทำ� ลายโลก คอื ทำ� ลายใหห้ มดไปจากความเปน็ ตวั อยา่ งเลย ทา่ นบอกเอาซิ พรรคการเมอื ง เปน็ คนเอาทเี ดยี ว” บางคนกเ็ ถยี งนะครบั วา่ ทอี่ ยู่ไหนก็ได้จะประชุมกันไม่มีที่ให้ไปที่วัด อย่าไป ทุกวันน้ไี มเ่ หน็ ตอ้ งมีศาสนาก็อยู่ไดอ้ ย่างสบาย ไม่ประชุมตามโรงแรม เสียเงินเสียทองมากมาย จริงหรอกครบั คดิ ดใู หด้ ีนะครับ ถ้าคนไม่มศี าสนาเปล่า ๆ ไปท่ีวดั ไม่เสยี อะไรเลย เพราะทา่ นเห็น อยากจะได้อะไรก็ไปย้ือเอา ไปแย่งเอา เห็นเขาว่า ศาสนากับการเมืองน่ีจะต้องเกี่ยวพันกัน สวย ๆ หน่อยกต็ รงเข้าไปท�ำมิดนี ะครับ แต่ท�ำรา้ ย เพราะฉะนนั้ บา้ นเมืองมันจะวุน่ ไปหมด เพราะไม่มี ศาสนา ทท่ี า่ นบอกวา่ ไมม่ ศี าสนาแลว้ อยไู่ ดน้ ะ่ อยา่ เขา้ ใจนะว่าศาสนาจะตอ้ งตีตรา จะตอ้ งพะยี่หอ้ ลง ปที ่ี ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 7

ไปว่า พทุ ธ ครสิ ต์ อสิ ลาม ศาสนาไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ ง ผ้เู ขยี น (กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓)มีตรา ถ้าท่านท�ำดีนั่นท่านท�ำตรงกับศาสนาทุก การศึกษาศาสนาอยู่แลว้ เพราะศาสนาสอนให้คนทำ� ความดี ชั้นประถม จบจากโรงเรยี นวัด (วดั ส�ำเหร่) เม่ือสมัยที่คุณป้า คุณอาของนักศึกษาท้ัง ชัน้ มธั ยม จบจากโรงเรยี นบ้าน (บ้านสมเดจ็ เจา้ พระยา)หลายยังสาวอยู่น้ัน ก็มีเพลงที่ร้องกันติดปากเลย ปรญิ ญาตรี จบจากโรงเรียนนายรอ้ ยในสมัยน้นั ผมยังจำ� ได้ เพราะยังหนุ่มอย่นู ะครับ ท่ี ปรญิ ญาโท ทางการบริหาร (MANAGEMENT)ร้องว่า “รักไม่มพี รมแดน รักไม่มศี าสนา” รักไมม่ ี จบจากสหรฐั อเมริกา โดยทุนรฐั บาลพรมแดนอาจจะใชค่ รบั จากลาวขา้ มมาแตง่ งานกบั การงานไทย จากไทยขา้ มไปแตง่ งานกับลาว ไม่มีพรมแดน ทหาร อดีตแตเ่ มื่อไหร่รกั ไมม่ ีศาสนาละยงุ่ ท้ังรักทั้งใคร่ ไมม่ ี : ประจ�ำกองบัญชาการทหารสงุ สดุ ช่วยราชการวทิ ยาลยั ป้องกนัศาสนาน่ีจะยงุ่ ไปหมด ราชอาณาจักร เพราะฉะนั้น ท่านท้ังหลายจะต้องนึกไว้ : หวั หนา้ ชดุ ปฏบิ ตั กิ ารรบภผู าที ท่ปี ระเทศลาว (๒๕๑๑)นะครับ ที่เรายังอยู่รอดปลอดภัยตามสมควร : ผชู้ ว่ ยหวั หนา้ ยทุ ธการกองพลอาสาสมคั รไทยในเวยี ตนาม (๒๕๑๓)ทุกวันนี้เพราะเรามีศาสนา ถ้าท่านไม่เข้าวัด การเมือง อดตีเลย โดยมีความหวงั วา่ สกั วนั หน่งึ ทา่ นต้องเข้า : วุฒิสมาชกิ (๒๕๒๒ - ๒๕๒๖)อย่ดู ี เขา้ ตอนไหน ตอนตาย ทา่ นได้แตม่ ุ่งหวงั : เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี (๒๕๒๓ - ๒๕๒๔)อยา่ งนี้ เสรจ็ แลว้ การเมอื งมนั กไ็ มเ่ จรญิ รงุ่ เรอื ง : ผวู้ ่าราชการกรงุ เทพมหานคร สมัยท่ี ๒ขน้ึ เพราะอะไรครบั เพราะทา่ นทงั้ หลายวนั หนง่ึ ศาสนาข้างหน้า บางทา่ นจะต้องไปเป็นนักการเมือง อดีต : อุปนายกพทุ ธสมาคมแหง่ ประเทศไทย เราเคยพดู กนั นกั กนั หนาในทกุ วนั น้ี เดยี๋ วทา่ น ปัจจุบนั : ประธานกองทพั ธรรมมลู นธิ ิก็เอ่ยช่ือนักการเมืองคนน้ัน เด๋ียวท่านก็เอ่ยชื่อ งานอดิเรกนักการเมืองคนน้ี บอกคนโน้นชัว่ คนนี้เลว ท่านก็ : รบั คยุ เฟื่องเร่ืองธรรมะ โดยไม่รับค่าบรกิ ารใดๆ ทัง้ สิน้ดา่ เขาไปหมด ทา่ นดูใหล้ ึกดใู หซ้ งึ้ ว่า นักการเมือง : ขายข้าวแกงมังสวิรัติ ที่ตลาดเจริญสุข ตรงข้ามตลาดนัดย่านเหล่านั้นน่ะ เราสั่งมาจากต่างประเทศหรือเปล่า พหลโยธนิ กทม.ไม่ใช่นะครับ ต่างก็เป็นลกู ไทย หลานไทย เปน็ คนที่เกิดในเมืองไทยท้ังน้ัน เพราะฉะนั้น ถ้าเราช่วย ปัญญา ท่านก็พยายามไปเทศน์นะครับ ไปเทศน์กันพดู ถา้ เราช่วยกันท�ำในเรือ่ งน้ี เผยแพร่ธรรมะ ในรัฐสภา เสียดายว่าวั้นนั้นมีนักการเมืองไปน้อยให้มากเข้าๆละก็ สักวันหนึ่งนะครับ นักการเมือง หนอ่ ยเพราะไมท่ ราบกนั ทางทดี่ ปี ระชมุ วนั ไหน ถา้ของเราส่วนใหญ่จะเป็นนักการเมืองที่มีศาสนา มี เขานบั ยอดกนั แล้ว มาครบหรอื เกือบครบเม่อื ไหร่ธรรมะ และแลว้ วนั นนั้ แหละครบั เราจะพดู ไดอ้ ยา่ ง ก็โทรศัพท์กร๊ิงกร๊างไปนิมนต์ท่านปัญญาไปทันทีเต็มปากเต็มค�ำวา่ “โชติช่วงชชั วาล” ขอเวลาสกั คร่ึงช่วั โมง หรือสกั ชวั่ โมงหนึง่ แทนท่ี ท่านเห็นไหมครับว่า มันมีความจ�ำเป็นอย่าง จะมาย่ืนญตั ตโิ นน้ ญัตตนิ ้ี ผมวา่ คงจะได้ประโยชน์นี้ อย่าเทย่ี วไปดา่ ไปวา่ เขา เพราะว่ามันเป็นความ มากทเี ดียวผดิ ของเรานะครบั มนั เปน็ ความผดิ ของเราทเ่ี ราจะ ท่านทั้งหลายก็คงจะถามว่า เอ้า! แล้วคนที่ต้องช่วยกัน บางท่านบางองค์อย่างเช่นหลวงพ่อ ตัดผมเกรียน ๆ พูดจ้อย ๆ อยู่น่ี ได้จ้องหาโอกาส อย่างน้ีบ้างหรือไม่ เพราะว่าได้เที่ยวพูดกับคนทั่ว8 • เราคดิ อะไร บ้านทั่วเมือง ขอให้มีธรรมะ ขอให้เลิกอบายมุข ขอให้ถือศีล ๕ ถือศีล ๘ ผมท�ำครับ อย่างท่ีท่าน เคยอ่านจากหนังสือพิมพ์แล้ว ครั้งหน่ึงผมเคยได้ โอกาสพดู ในท่ีประชมุ คณะรฐั มนตรี มีอกี คร้งั หนง่ึ

ไดพ้ ดู ในทีป่ ระชุมผ้วู ่าราชการจงั หวดั ๓๗ จังหวัด ทหาร น�ำหน้าเศรษฐกจิ น�ำหน้าสารพดั อย่าง และซงึ่ ถอื กนั วา่ เปน็ จงั หวดั ทมี่ พี น้ื ทย่ี ากจน หลงั จากนนั้ นักการเมืองน่ีแหละครับ เป็นกลุ่มบุคคลท่ีส�ำคัญไมม่ โี อกาสอกี เลยครับ ที่สุดกลุ่มหนึ่งในบ้านเมืองนี้ และในบ้านเมืองอ่ืน เมื่อไม่มีโอกาส ท้ังพระทัง้ ฆราวาส จะมานงั่ ท่านลองเทียบกันดซู คิ รับ ถ้าลงุ ปา้ นา้ อาเราที่งอมอื งอเท้าอยู่ไมไ่ ด้หรอกครับ เพราะวา่ ถ้าตอ่ ไป อยู่หัวไร่ปลายนา ท่านเกิดพลาดข้ึนมา ท่านเกิดภายภาคหน้าจ�ำนวนของนักการเมืองท่ีมีธรรมะมี ไมม่ ศี าสนา ทา่ นทำ� อะไรเสยี หายไมไ่ ดเ้ ทา่ ไหรห่ รอกจำ� นวนน้อยลง ๆ ชาติไปไม่รอดแน่ แก้ปัญหาอะไร แตถ่ า้ นกั การเมอื งละก็ จะทำ� อยา่ งยอ่ ยยบั อบั จนให้กแ็ ก้ไม่ไดค้ รบั แกป่ ระเทศชาติมากมายกา่ ยกองหากไม่มีศาสนา แตก่ อ่ นนผี้ มกเ็ หมอื นอยา่ งทา่ นนกั ศกึ ษาครบั เพราะฉะน้ัน ต้องระวงั ให้ดนี ะครับ นักการ-เจอปัญหาอะไรคุยเฟื่องไปหมดเลย แล้วก็บอก เมืองส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เรียนสูง ๆ บางคนก็เป็นว่าปัญหาอย่างน้ีรัฐบาลต้องแก้อย่างน้ัน ปัญหา บณั ฑติ อย่างที่เราพูดกนั ไว้ เตอื นท่านนักศึกษาไว้อย่างน้ันต้องแก้อย่างนี้ พอผมได้พลัดเข้าไปเป็น วา่ จบไปนอี่ ยา่ เปน็ โจรบณั ฑติ หรอื โจรมหาบณั ฑติเลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรอี ยู่เปน็ เวลา ๑ ปกี ับ ๗ หรือโจรดุษฎีบัณฑิตนะครับ อย่าไปกอบโกยเดอื น ถงึ พบคำ� ตอบวา่ ทเี่ รายงั แกป้ ญั หาของชาติ เอารดั เอาเปรยี บเพอื่ นรว่ มชาตดิ ว้ ยการโกงกนิ จะไมไ่ ดน้ ั้นเพราะนักการเมอื ง นกั บรหิ ารของเราท่มี ี เป็นการกินตามนำ้� น้�ำนง่ิ  ๆ หรือกินทวนน้�ำก็ตามศาสนา ทม่ี ีธรรมะนัน้ ยงั มีจำ� นวนไม่พอ ส�ำหรับความคิดเห็นของผมแล้ว มาตรฐาน มาวนั น้ี กอ็ ยากจะฝากทา่ นนกั ศกึ ษาทง้ั หลาย ข้ันต�่ำของนักการเมืองอยากจะให้มีศาสนาในขั้นครับ ถ้าท่านอยากจะเป็นนักการเมืองท่ีดีต่อไปใน ไหน ผมอยากจะใหม้ ี ๗ คำ� ครบั อยา่ งทผ่ี มไดเ้ คยภายภาคหน้า ท่ีท�ำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองละก็ รณรงคม์ าแลว้ คอื “เลกิ อบายมขุ ถอื ศลี ๕” งา่ ยจะตอ้ งสนใจธรรมะและปฏบิ ัติอย่างจริงจงั นิดเดยี วครบั ในขณะนีผ้ ้บู รหิ ารชัน้ สงู คอื รัฐมนตรี การเลือกต้ังตอ่ ไปน้ี มแี นวโน้มวา่ เขาอาจจะ กไ็ ดม้ กี ฎหมายออกมาแลว้ วา่ จะตอ้ งแจกแจงบญั ชีพูดเร่ืองธรรมะเป็นการหาเสียงด้วยนะครับ เม่ือ ทรัพย์สิน แล้วกลุ่มบุคคลอื่นก็จะต้องท�ำต่อ ๆ ไปสองเสาร์ที่แล้ว ผมได้รับเชิญให้ไปพูดท่ีจังหวัด แตส่ ำ� หรบั ตวั ผมแลว้ อยากเหลอื เกนิ ครบั อยากจะนครศรีธรรมราช ท่านผู้เชิญบอกมาว่า จะมี ใหม้ กี ารแจง้ บัญชคี ณุ ธรรมพรรคการเมืองใหญ่ ๒ พรรคไปพูดเรื่องธรรมะ ทา่ นลองคิดดซู ิครบั ว่า ถ้านกั การเมืองมกี ารก็เลยอยากจะเชิญมหา คือมหาเทียม ๆ เพราะ แจ้งบัญชีคุณธรรมก่อนที่จะเลือกตั้ง มันจะดีไหมจ�ำลองแปลว่าเทียม ไปพูดท่ีน่ันด้วย ก็เผอิญผม ครับ เพราะว่าการท่ีมีคุณธรรมหรือไม่มีคุณธรรมตดิ ทีจ่ ะตอ้ งไปพดู กับครู เลยไม่ไดไ้ ป มแี นวโน้มใน มนั โกหกกนั ไมไ่ ด้ อยา่ งเชน่ นกั การเมอื งคนนก้ี บ็ อกทางที่ดีนะครับว่า เวลาเขาพูดหาเสียงเขาจะพูด ไปเลย ความรเู้ ทา่ ไหร่ ม.๘ แล้วกม็ ีคณุ ธรรมอะไรเรอื่ งธรรมะกนั ละตอ่ ไปนี้ นกี่ เ็ ปน็ สญั ลกั ษณท์ ดี่ ขี อง ออ๋ เลิกอบายมขุ ถอื ศลี ได้ ๔ ข้อแล้ว ขอ้ ท่ี ๕ เร่อื งการเมอื งไทย เหล้ายังติดไว้นดิ หน่งึ บอกไปเลย ท่านผู้ฟังทั้งหลายครับ อย่างที่ผมเรียนให้ นักการเมืองอีกคนหน่ึงจบปริญญาตรี ยังทราบแล้วนะครับว่า นักการเมืองน้ีจ�ำเป็นเหลือ เลกิ อะไรไม่ไดเ้ ลย สุรา นารี พาชี บหุ ร่ี กฬี าบตั รเกนิ ทจี่ ะตอ้ งมธี รรมะ การเมอื งเปน็ เรอื่ งสำ� คญั ทกุ แม้กระทั่งติดโอ่งติดอ่างยังติดอยู่ครับ ก็บอกวันนที้ า่ นได้ยินไหมครับ การเมอื งต้องนำ� หนา้ การ ประชาชนเขาไป เขาจะไดม้ าเทยี บกนั ดู ออ๋ มคี วาม ปที ่ี ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 9

รแู้ ค่นี้ มีคุณธรรมแคน่ ี้ จะเลือกดีไหม นี่แหละครับ ท่ีผมให้หลวงพ่อไปเลยสองหมื่นห้า แต่ถ้าผมแพ้เราจะได้นกั การเมืองทีด่ สี มตามเจตนาของเรา แมแ้ ตค่ ะแนนเดยี ว ผมขอคนื นะครับ” น่กี ค็ อื การ ถา้ นกั การเมอื งมศี าสนาอยา่ งเหน็ เดน่ ชดั พอ พนันเหมือนกนั โดยเอาเงนิ ไปวางไว้ก่อนพูดถึงนกั การเมืองคนนี้ป๊ับ คนเขาเชอ่ื ได้ทันทีเลย ส่วนการสาบานน้ัน ท่านท้ังหลายก็ทราบนะว่า ถ้าข้ึนมาเป็นรัฐมนตรีแล้วจะไม่โกง ไม่โง่ ไม่ ครบั นกั การเมอื งทม่ี ปี มดว้ ย นกั การเมอื งทสี่ นั หลงัขี้เกียจเป็นอันขาด อย่างนี้ก็สบายแล้ว เพราะ หวะ ไปโกง ไปทำ� สงิ่ ทไี่ มถ่ กู ไมต่ อ้ งไว้ คนเขารกู้ นั ทวั่ศาสนาสอนให้คนเราไม่โกง ให้คนเราไม่โง่ และ บ้านท่ัวเมอื ง แกโ้ ดยวิธีไหนครบั แกโ้ ดยคำ� สาบานสอนใหค้ นเราไมข่ ี้เกียจ ไปถงึ กข็ น้ึ ไปบนหลงั คารถเลย “ผมขอสาบานวา่ ทมี่ ี เพราะฉะน้ัน รับประกันได้ถ้านักการเมือง คนกลา่ วหาวา่ ผมโกง ผมกนิ ผมไมไ่ ดโ้ กง ถา้ ผมโกงใดมี ๓ อย่างน้เี ป็นอยา่ งตำ่� นะครบั ไมโ่ กง ไม่โง่ อย่างท่ีว่านนั้ ขอใหผ้ มมีอันเปน็ ไปภายใน ๓ วัน ๗ไม่ขี้เกียจ ผมเช่ือว่าการเมืองของไทยจะรุดหน้า วนั ” ประชาชนกร็ ้อง โอโ้ ฮ! เจา้ คนนกี้ ล้าพนนั เอาไปไกล แล้วเราก็สามารถที่จะแก้ไขปัญหาทุก ชวี ิตเป็นเดิมพนั กล้าสาบาน คงซ่ือสตั ย์จรงิ แน ่ ๆปญั หาของชาตไิ ด้ แต่ไหนแต่ไรมายังไม่มีใครกล้าสาบานเหมือนเจ้า นักการเมืองที่ไม่ค่อยมีศาสนานั้น เริ่มต้น หมอนเี่ ลย วา่ แลว้ กเ็ ลอื กคนหนา้ เดมิ จมกู เดมิ เขา้ มาต้ังแต่การหาเสียง ท่านนักศึกษาท้ังหลายคงไป พดู ถงึ เรอ่ื งดา่ ทา่ นกร็ อู้ ยแู่ ลว้ วา่ นกั การเมอื งสังเกตการณ์การหาเสียงมาแล้ว เขาหาเสียงกัน นตี่ อ้ งปากจดั ดา่ ฝา่ ยตรงขา้ มสาดเสยี เทเสยี บางทีดว้ ยอะไรครบั เขาหาเสยี งกนั ดว้ ยการสาบาน พนนั ขุดมาหมดเลยตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ตายไปแล้วก็ขุดด่า หลอก ขายแหลก แจกเงิน แจกของ แจกแม้ มาดา่ แตถ่ า้ จะดา่ ใหม้ นั ตอ้ งดา่ รฐั บาล เพราะอะไรกระทงั่ ปลาทปู ลาเคม็ แจกมนั ยนั ไปเลย ตวั เองไมม่ ี ครบั เพราะรฐั บาลเปน็ ฝา่ ยทำ� นี่ เมอื่ ทำ� ไปแลว้ ยอ่ มคุณวุฒิคุณธรรมพอท่ีจะไปให้ประชาชนเขาเลือก มอี ะไรผิดพลาด ตัวกจ็ ับมาดา่  ๆ ๆ ๆ แลว้ ตัวก็บอกก็ต้องใช้วิธีต่าง ๆ นานา ซ่ึงไม่ถูกต้องตามท�ำนอง จะแก้โน่นแก้นี่ แก้โดยปากมันง่ายครับ ง่ายนิดคลองธรรม เดียว แตแ่ ก้โดยการกระทำ� นน้ั ตวั รูอ้ ยู่แลว้ ว่ายาก อย่างเช่นการพนันนี่ เขาพนันกันในรูป คนเรานี่ชอบฟังเขาเถยี งกันอยแู่ ล้วลักษณะไหน สมมติผู้สมัครหมายเลข ๕ อยาก เวลามีการหาเสียงเลือกตั้ง เป็นโอกาสท่ีดีจะเป็น ส.ส. กพ็ นันว่า “ต่อ ๓ เอา​ ๑ หมายเลข ที่สุดท่ีจะไปฟังมันมัน ไม่มีอะไรจะมันไปกว่านี้อีก๕ ไม่มีวนั ไดเ้ ปน็ ส.ส.หรอก” ชาวบ้านเขาเห็นว่า แลว้ กท็ ยอยกนั ไปฟงั แลว้ คนทีด่ า่ เกง่ ท่ีสดุ กไ็ ดร้ บัโอ้โฮ้ตอ่ เยอะดี เอาเงินมารองดกี ว่า ชนะไดก้ ำ� ไร เลอื ก นก่ี เ็ ปน็ อีกวิธหี นึ่งมากดี พอรองไปแล้วเขาท�ำยังไงครับ เ ขาต้อง พอถงึ วธิ หี ลอก ทำ� ยงั ไงครบั ทา่ นทงั้ หลายกร็ ู้พยายามชว่ ยหมายเลข ๕ ให้เปน็ ส.ส.ให้ได้ ถา้ ไม่ วิธีหลอกก็คือ สมมตวิ ่าเราอยู่พรรคนี้ เราต้องการไดเ้ ขาจะเสยี พนนั เลยรวบรวมสมัครพรรคพวกไป จะท�ำลายพรรคตรงกันข้าม เราก็ให้หัวคะแนนไปชว่ ยกนั ใหญ่ หมายเลข ๕ เลยไดเ้ ปน็ ส.ส.เพราะ เที่ยวป่าวประกาศเลย วันพรุ่งน้ีนะครับ ขอเชิญการพนนั พ่อแม่พี่น้องมาชุมนุมกันท่ีนี่แหละครับ ที่ลาน การพนันนี้ก็ยังมีอีกครับ เข้าในท�ำนองพนัน วดั หรอื ทีห่ นา้ ศาลากลางจังหวดั เพราะว่าพรรคเหมือนกัน คอื เอาเงินใหก้ ่อน เอาเงินไปให้สมภาร นั้นแหละครับ (พรรคท่ีเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับเราเจา้ อาวาส เชน่ ใหว้ ดั นสี้ องหมน่ื หา้ “หลวงพอ่ ครบั นะ) พรรคนั้นจะหาหมอลำ� ชัน้ ดมี า จะไปหาดนตรี10 • เราคิดอะไร

ลูกทงุ่ วงใหญม่ า จะเอาหนงั มาฉายต้งั ๘ จอ ๙ จอ ตดิ หู ดเี หมอื นกนั แฮะ รับหมายเลข ๑ แตไ่ ปเลือกประชาชนกด็ อี กดใี จ เตรยี มอาบนำ�้ อาบทา่ เปน็ การใหญ่ ต้ังใจสนบั สนุนพรรคนนั้ เต็มท่ี เพราะยงั ไม่มี หมายเลข ๓ มันคงเข้าท่า ว่าแล้วก็รับเงินจากใครท่ีใจดีถึงขนาดน้ีเลย พอไปแล้วเป็นไงครับเง้ยี บเงยี บ ไฟสกั ดวงกไ็ ม่มี รู้วา่ ถกู หลอก คนกห็ ัน หมายเลข ๑ จะใหเ้ ทา่ ไหร่รบั หมด แตเ่ วลาเลอื กเฮละโลมาเลือกพรรคเราซิครับ เพราะว่าเราไปโฆษณาหลอกให้เขาเกลียดพรรคนัน้ แลว้ ไปเลือกหมายเลข ๓ ต่อไปนไ้ี มไ่ ด้แลว้ นะครบั รบั หลอกอีกวิธีก็มีนะครับ ต้องใกล้วันเลือกต้ังหน่อย หลอกยงั ไงครบั หลอกใหเ้ ขาปรับตัวไมท่ ัน เงินไปปบุ๊ เขายึดบตั รประจ�ำตวั ปบั๊ และบังคบั ให้ไปหลอกว่าอย่าไปเลือกฝ่ายตรงข้ามของเราน่ีที่สมัครไว้เลย เพราะเขาตัดสินใจแล้ว ไม่เอาแล้ว สาบานว่าจะไปเลือกตามน้ันถอนตวั ไปแล้ว ถา้ ยิง่ ใกลว้ ันมากกวา่ นน้ั ยง่ิ ดีใหญ่ครับ ไปหลอกว่าเขาตาย บอกว่าถูกรถชนตาย ผมอยากจะฝากท่านนักศึกษาทั้งหลายนะหรือรถคว�่ำตายไปแล้ว อย่าไปต้ังหน้าต้ังตาเลือกเลย เสยี เวลาเปลา่  ๆ บตั รเปน็ โมฆะ มาเลอื กพรรค ครบั เวลากลับไปบา้ น ช่วยบอกกบั ญาติโกโหติกาเราดีกว่า นี่ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่ง พูดมามากเด๋ียวท่านจะหาว่า เอ!๊ ผมน่คี งจะเตรียมสมคั รเลอื กตัง้ ว่า ระวงั ให้ดีจะถกู เขาหลอก แล้วเราจะไมไ่ ดค้ นดีมงั้ เพราะไปรกู้ ลวิธีมามาก มิใช่หรอกครบั ฟงั เขาเล่าบ้าง ไปเจอเองมาบ้าง ก็เลยไปเอามาขยาย เขา้ สภาส่กู นั ฟงั เท่านน้ั เองครับ อีกประเภทหน่ึงคือขายแหลก เม่ือกี้รถ เม่ือก้ีท่านผู้อภิปรายก็พูดไปแล้ว บอกไว้ว่าโฆษณาขายข้าวสารเพ่ิงแล่นผ่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไป ทจ่ี ริงเขาขายหลายอย่างนะ ขาย ถ้านักการเมืองมีศาสนาจะยังผลให้ประเทศชาติทั้งกะปิ น้�ำปลา ขา้ วสาร อาหารแหง้ พวกนี้ใกล้เวลาเลอื กต้ัง เขาตอ้ งทุ่มครับ ทมุ่ โดยใช้นโยบาย เรานเ่ี ป็นเมอื งพระศรีอารยิ ์ ทีนค้ี ดิ ในทางตรงข้ามซื้อแพงขายถูก บางทีอะไรต่อมิอะไรบาทเดียวน�้ำมันพืชขวดละ ๒๔ บาท พ่อก็ขายบาทเดียว นะครับ ถ้าเราได้นักการเมืองที่ไม่มีศาสนาเข้ามาประเภทลูกนายหา้ งหลานนายห้างมาเอง ทำ� ไมจะขายไมไ่ ด้ ผงซักฟอกกล่องหนง่ึ ๔๐ กวา่ บาท ขาย มาก ๆ ละ่ ครบั จะเปน็ ยงั ไงบาทเดยี วอกี เหมอื นกนั แลว้ ใครจะไมเ่ ลอื กละ่ ครบัเพราะอยากไดข้ องอยา่ งละบาท ประเทศชาตเิ ราแทนทจี่ ะกลายเปน็ เมอื งพระ วิธีแจกเงินล่ะ แต่ก่อนน้ีท่านเคยฟังใช่ไหมครบั เขาแก้เผด็ กัน อยา่ งเชน่ หมายเลข ๑ นชี่ อบ ศรีอาริย์ กลับจะกลายเป็นอะไรครับ กลายเป็นแจกเงนิ ฝา่ ยเราหมายเลข ๓ เราก็บอกว่า “รบัหมายเลข ๑ ลงให้หมายเลข ๓” ประชาชนฟงั ก็ เมอื ง “ภาษีอาน” ผมขอจบข้อคิดความเห็นในรอบแรกเรื่อง “ศาสนากบั การเมอื ง” ไวเ้ พียงแคน่ ีก้ ่อนครบั จากคำ� อภิปรายเรือ่ ง “ศาสนากบั การเมือง” ของ พ.อ. จำ� ลอง ศรีเมอื ง อา่ นต่อฉบับหน้า ปที ่ี ๒๔ ฉบับท่ี ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 11

ทง้ั พรรคการเมอื งและนักการเมอื ง พันธ์แุ ท้และพันทางต่างออกมาสำ� แดงตนประกาศเดชศักดาอทิ ธฤิ ทธิ์นานา เพอื่ เรียกคะแนนนิยมล่วงหนา้ ........ ในวงการสงฆ์ผสู้ ละโลกย์ แต่แทจ้ รงิ มยิ อมสละ กระทำ� ผิดทั้งทางธรรมและทางโลก ใกล้ส้ินวาระรัฐบาล คสช.และจะเข้าสู่วาระ ประเด็น เปน็ ขา่ วฉาว เป็นงานขององคก์ ร แทนท่ีการเลอื กตงั้ ตามระบอบประชาธปิ ไตย ในตน้ ปหี นา้ บ้านเมืองจะสงบเรียบร้อยร่มเย็น ก็วุ่นวายด้วยชว่ งน้ี ทง้ั พรรคการเมอื งและนกั การเมอื ง พนั ธแ์ุ ท้ ปัญหาที่ไมน่ ่าจะเปน็ ปญั หาและพันทางต่างออกมาส�ำแดงตนประกาศเดชศกั ดาอทิ ธฤิ ทธน์ิ านาเพอื่ เรยี กคะแนนนยิ มลว่ งหนา้ น่าอนาถแท้ แมแ้ ต่ในวงการสงฆผ์ ู้สละโลกย์บ้างก็เหิมเกริม คึกคะนอง ห้าวหาญ เรียกเสียง แต่แท้จริงมิยอมสละ กระท�ำผิดท้ังทางธรรมและฮอื ฮาไดก้ กึ กอ้ ง กน็ า่ สนใจตดิ ตามดวู า่  “ทพี่ ดู พลา่ ม ทางโลก คร้ันถูกด�ำเนินคดีตามกติกาสังคมกลับตามประสาคนรุ่นใหม่ไฟแรงวูบวาบ ฉุดไม่ยั้ง เกดิ ปฏิกิริยาตอบโต้ นหี่ รอื ผทู้ รงศีล จงึ ขอชนื่ ชมรงั้ ไมอ่ ย”ู่ จะทรหด อดทน ฟนั ฝา่ ขวากหนามสนาม รัฐบาล คสช. ที่อาจหาญย่ิงในการ “ปฏิบัติการ” การเมืองไปได้สักกี่ยก และท่ีพูดปาว ๆ น่ะท�ำได้ คดีน้ี หากเป็นยคุ รัฐบาลจากการเลอื กตั้ง ย่อมจรงิ แน่นะ ยากจะยืนหยัดช�ำระขบวนการรุงรังระดับสูงน้ีได้ ปฏบิ ตั ิการคดีศาสนาคร้งั นี้ อยากจะถือวา่ เปน็ งาน บา้ นเมอื งของเราวนุ่ วายอยทู่ กุ วนั นี้ สว่ นหนงึ่ ช้ินเอกของรัฐบาล คสช. เพราะคณะสงฆ์ คือ“จากพวกนักพดู ไม่ใชน่ ักทำ� ” หาเรื่อง ผชู้ ธู งธรรมของพระพทุ ธองค์ รฐั บาลไดท้ ำ� หนา้ ที่ ได้อยา่ งสมบูรณ์กอ่ นสิน้ วาระ ไม่เสยี เวลาเปล่า เอาเร่ืองไม่เป็นสาระมาก่อกวนสังคมให้เป็น12 • เราคดิ อะไร

Z เกา่ สมยั ใหมเ่ สมอ จนแตม่ ีเกียรติ (สุจรติ )• ต่อจากฉบับท่ี ๓๓๕ ดีกวา่ รำ่� รวยแต่อปั ยศ (ขี้โกง) ๑. ศาสนาบญุ นิยม ๗. อตุ สาหกิจบญุ นยิ ม ๒. ชุมชนบญุ นยิ ม ๘. การเมอื งบุญนยิ ม ๓. การศึกษาบญุ นิยม ๙. ศลิ ปวฒั นธรรมบญุ นยิ ม ๔. บรโิ ภคบญุ นิยม ๑๐. สอื่ สารบุญนิยม ๕. พาณิชยบ์ ญุ นยิ ม ๑๑. สุขภาพบุญนิยม ๖. กสิกรรมบุญนิยม ๑๒. สถาบันขยะวทิ ยาด้วยหวั ใจระบบ“บญุ นิยม”นี้ ข้าพเจ้ามคี วามเชอ่ื มั่นในใจจรงิ ๆ ว่าจะชว่ ยสงั คมมนษุ ยชาตทิ ถี่ ูกพษิ และฤทธิข์ องระบบ“ทนุ นิยม” ก�ำลงั ตอ้ นเขา้ มมุ อบั อยู่ในปจั จุบันนไ้ี ดแ้ น่ๆ หากประชาชนไดศ้ ึกษาช่วยวจิ ัยกนั ต่อ และอบรมฝกึ ฝนร่วมมือสรา้ งสรรใหเ้ กดิ ใหเ้ ปน็ ผูเ้ จรญิ ตามระบบ“บญุ นิยม”นี้กนั จนมคี ุณภาพ(quality) และปรมิ าณ(quantity)เพยี งพอ ตอนนีค้ นจะเหน็ จะรยู้ งั ยากอยู่ ยง่ิ จะเชอ่ื ตามย่ิงยากใหญ่ เพราะยังมีผพู้ อรู้พอเปน็ หรือ ด�ำเนนิ ชวี ติ ในระบบ“บุญนยิ ม”ได้แลว้ จำ� นวนน้อยเหลอื เกิน เฉพาะอย่างยงิ่ คนทั้งหลายเกือบทง้ั โลกทุกวันน้ีกล็ ้วนด�ำเนินชวี ติ กันอยู่ ดว้ ยระบบ“ทุนนิยม”อย่างสนทิ สนมและตายใจวา่ไม่เห็นจะมรี ะบบอะไรอนื่ อกี เลย กนั ทงั้ นั้นสว่ นผทู้ ่ีเห็นและเขา้ ใจถงึ ได้ว่า ระบบ“ทุนนยิ ม”ก�ำลงัเขา้ มุมอับ ไปไม่รอด ชว่ ยมนษุ ยชาตใิ นโลกให้เกดิ สุขสนั ติอยา่ งอดุ มสมบรู ณ์ เป็นสังคมท่ีดตี ามอดุ มการณ์ ไมไ่ ดน้ น้ัก็ยังมนี ้อยอยู่ดว้ ย จงึ เป็นเรอื่ งยากที่ยากสุดๆ จรงิ ๆแตข่ า้ พเจา้ กย็ งั ไม่เหน็ ทางออกอื่นใดเลยทีจ่ ะดกี ว่าตอ้ งปรับตวั มาเป็นระบบ“บญุ นยิ ม”นใี้ หไ้ ด้แลว้ สงั คมมนุษยชาตใิ นโลกไปรอดแน่ๆ • สมณะโพธิรกั ษ์ ปีท่ี ๒๔ ฉบับท่ี ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ •  13

เราคิดอะไร ฉบับ ๓๓๕ ท่ีแล้ว เรา ความหมายหนึ่งคือ ไม่มี“เทวะ”(พระเจ้า)ใดก�ำลังพูดถึง“การเกิด”ที่ลุ่มลึกเข้าไปถึงขั้น ใหญย่ งิ่ มาทำ� ใหเ้ ราเกดิ เราทำ� ตวั เราเกิดเอง“อจินไตย” พูดถึงความเป็น“แม่”ที่ให้“การเกดิ ”ข้นั ผู้สามารถจะท�ำให“้ ปรากฏ”กไ็ ด้ จะ พุทธจงึ ไม่เหมอื นกบั “เทวนยิ ม”ตรงนี้ทำ� ให“้ หายไป”กไ็ ด้(อาวภิ าวงั ติโรภาวงั )ปานนนั้ อีกความหมายหน่ึงก็คือ “อเทฺว” ที่ซงึ่ เปน็ เรอื่ งของ“ความอยู่เหนอื (อุตตระ)ความ หมายความว่า “เป็นหน่ึงแท้ๆจริงๆ ไม่มีเป็นโลกหรือโลกยี ธรรม”(อตุ ตรมิ นุสสธรรม) สอง” ดังนั้น แม้“ธรรมะ ๒”ใดก็สามารถ ท�ำให้“เป็นหนึ่ง”หรือเหลือ“ความเป็นหนึ่ง “มาตา(ความเปน็ แม่ทางอภิธรรมหรอื ปรมตั ถ ไดอ้ ยา่ งยงิ่ ยอด”(เทวฺ ธมั มา ทวฺ เยนะ เวทนายะ เอกธรรม)”ท่ีเป็น“สัมมาทิฏฐิ” ข้อ ๗ ใน“สัมมา สโมสรณา ภวันติ) เชน่ สขุ กับทุกข์ หรอื สวรรค์ทฏิ ฐิ๑๐”ของพทุ ธศาสนา จงึ ไม่ใช่เรอื่ งโลกยี ์ กับนรก กส็ ามารถทำ� ใหเ้ หลือแค่“หน่ึง” คือปถุ ชุ น ทยี่ งั เขา้ ใจคำ� วา่ “กาย”กด็ ี “ปญั ญา” เหลอื แต“่ สวรรค์(สวรรค์โลกตุ ระ)”ก็ท�ำได้จรงิกด็ ี “บญุ ”ก็ดี แม“้ สมาธ”ิ ผดิ (มจิ ฉาทฏิ ฐ)ิ อยแู่ นๆ่ หรอื ยง่ิ กวา่ นน้ั เหลอื “สญู ”ไปเลยกท็ ำ� ได้ เป็นต้นว่า ท�ำภาวะของตนที่เป็น“อิตถี เพราะในท่ีนี้ไม่ใช่หมายถึง“ผู้เป็นแม่” ลิงค์(เพศหญิง)”ให้เป็น“ปุงลิงค์(เพศชาย)” และที่ยงั เป็นแค“่ ตัวตนบคุ คล”ทม่ี ีเนื้อมหี นัง ให้ ทำ� “ปงุ ลงิ ค”์ ใหเ้ ปน็ “นปงุ สกลงิ ค์(ไมม่ เี พศ)”กไ็ ด้ก�ำเนิดร่างสรีระ ที่“ก่อเกิดกันทางมดลูก เช่น ธรรมะท่ียังปรุงแต่งกันอยู่เป็น(ชลาพุชะ)-ทางไข่(อัณฑชะ)-ทางจุลินทรีย์(สังเสท “ทุกข์เป็นสุข”(ยังเป็น ๒) แล้วสามารถท�ำให้ชะ)” แต่น่ีคือ“การเกิดทางโอปปาติกโยนิ” เหลอื แต“่ สขุ ”ถ่ายเดยี วเท่าน้นั กท็ ำ� ได้ หรือซึ่งเป็นการเกิดทางจิตวญิ ญาณโดยเฉพาะ ย่ิงกว่านั้น ท�ำให้“ไม่มีทั้งทุกข์ทั้งสุข(อทุกขม สุข)”เลย ให้เป็นภาวะ“กลางๆ,ว่างๆ,เฉยๆ คอื “เกดิ ได้ดว้ ยกรรม(กรรมโยนิ)”เท่านัน้ (เนกขมั มสติ อเุ บกขา)”กส็ ามารถทำ� ได้จริง “การเกิดได้ด้วยกรรมหรือกรรมเป็น สูงสุดๆแห่งที่สุดก็ถึงขั้นสามารถท�ำส่ิงท�ำให้เกิด”น้ี เป็นเรื่อง“การเกิดของจิต ตนถงึ ขนั้ เปน็ พระพทุ ธเจา้ “องค์ใดองคห์ นงึ่ ”วญิ ญาณหรอื สตั วโ์ อปปาตกิ ะ”แทๆ้ โดยตรง ดว้ ยตนเองกไ็ ด้ หรอื ตนเองจะ“ไมท่ ำ� ตนให้ “ จิต วิ ญญาณ” ใดๆก็ล้วนเป็น“ของ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”ก็ท�ำได้ด้วยตนตนเอง” ผู้ใดท�ำกรรมใด ก็กรรมน้ันแหละ เอง จะทำ� อยา่ งใดกไ็ ด้ ปานนัน้ เลยทีเดียวเป็นเหตุปัจจัยท�ำให้จิตวิญญาณเราเกิด หมายความวา่ ทา่ นผู้นสี้ ามารถสง่ั สมเอง ไม่มีใครมาท�ำให้จิตวิญญาณเราเกิด บารมีบำ� เพญ็ บรรลุถึงข้ัน“สยัมภู”เป็น“พระได้ “ตัวเราเองเท่านั้นที่จะท�ำให้ตนเกิดตน โพธิสัตว์ระดับ ๙”มีภูมิธรรมถึงขั้น“สัมมาเป็นตนมีอยหู่ รือไม่มีอยู่(กรรมโยนิ)” พุทธจึงชอ่ื ว่าเป็นศาสนา“อเทวนยิ ม”14 • เราคิดอะไร

สัมโพธิญาณ”เท่ากันกับ“พระพุทธเจ้าทุก เป็น“พระสัมมาสัมพุทธเจ้า”โดยเป็นผู้ท�ำพระองค์” มี“ภูมิธรรม”โพธิสัตว์ระดับ ๙ “การเกิดศาสนาพุทธ”ข้ึนมาให้แก่โลกท่านเทา่ กนั กบั พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทกุ พระองค์ ก็มี“ภูมิธรรม”เท่ากันกับพระพุทธเจ้าทุกแต่เรยี กทา่ นว่า“พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธ พระองค์ ภมู บิ ารมีของท่านถึงข้นั “ท�ำได”้เจา้ ” เพราะท่าน“ผู้นี้ไม่ประกาศตนเองต่อโลก-ไม่ทรงสอนศาสตร์พุทธแก่คนในโลก เป็นแต่เพียงว่า ท่านเองไม่ประกาศ-ไม่แสดงตนเองเปน็ เจ้าของศาสนาพุทธ” ตนตอ่ คนในโลก ทา่ นไม่ทำ� “การเกดิ ”ศาสนา พุทธ“ด้วยตนเอง”ขึ้นมาเท่านั้น ทา่ น“ดบั ทา่ นเปน็ “สยมั ภ”ู ทา่ นม“ี สมั มาสมั โพธิ ตนเอง”เข้าสู่“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”ไปญาณ”เท่ากับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แต่ เสยี เองกบั “ภมู สิ ยมั ภ”ู ของทา่ น แคน่ น้ั แหละท่าน“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”ไปเองเสียโดยไม่ประกาศตนเองกบั โลกให้มนษุ ยร์ ูจ้ ัก ฉะน้ีคือ “ชาติ”ที่ตนเองท�ำ“การเกิด” เอง หรือ“ไม่ท�ำเกิด”เอง ย่ิงใหญ่ที่สุดของ คนในโลกจึงไม่มีใคร“รู้”ว่า ท่านเป็น ความเป็น“ชาต”ิ ในประดาผู้เป็น“มนษุ ย”์ จะ“พระสยัมภู”ผู้มี“สัมมาสัมโพธิญาณ”องค์ พงึ เปน็ -พงึ มี-พึงท�ำได้ในมหาเอกภพน้ีหนงึ่ ในทำ� เนยี บโลกมนุษย์จงึ ไม่มีชอื่ ทา่ นเปน็ “พระพทุ ธเจา้ ” ทา่ นจงึ ไม่ได้ชอ่ื วา่ เป็น ยกเว้นผู้มี“อนัน ต ริยกรรม”ยิ่งสุดย่ิง“พระพทุ ธเจา้ องค์ใดองคห์ นงึ่ ”ขน้ึ ในโลก ไง! คอื ท�ำร้ายพระพุทธเจ้าสะสมมามากมาย ชาตติ อ่ ชาติ หนกั สุดมากสุดแมช้ าตสิ ุดทา้ ย น่ีคือ เครื่องตัดสินช้ี“ความเป็นพระ ก็ถึงกับท�ำให้พระสรีระของพระพุทธเจ้าแค่สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งในโลก” ขนั้ พระบาท“หอ้ เลอื ด”เทา่ นน้ั (พระบาทเทา่ นนั้ นะ ไม่ใช่ส่วนที่สูงไปกว่านั้น) ก็เป็น“อนันตริย ตดั สนิ กนั ตรงนี้ ตรงท“ี่ พระสยมั ภหู รือ กรรม”ร้ายแรงสดุ ๆ “หมดสทิ ธิ์เกดิ เป็นพระพระผมู้ สี ัมมาสัมโพธิญาณ” จะประกาศตน สัมมาสัมพุทธเจ้า”องค์ใดองค์หนึ่งเด็ดขาดต่อโลกมนษุ ย์ หรือไม?่ ..ตรงนี้แหละ ผนู้ สี้ งู สุดจึงได้แค“่ ปจั เจกสัมพุทธเจ้า” น่ันคือ ท้ังสองท่านบรรลุ“ภูมิสัมมา ความเปน็ ผทู้ ำ� “การเกดิ ”(ชาต)ิ หรอื เปน็สมั พทุ โธ”แลว้ เปน็ “สยมั ภ”ู เทา่ กนั แลว้ แต่ ผ“ู้ ไมท่ ำ� การเกดิ ”ทสี่ งู สดุ “ยอดแหง่ ยอด”ฉะนี้ถ้าท่านจะเป็นเพียง“พระปัจเจกสัมมาสมั แลคอื ยอดกวา่ ยอดใดๆใน“การเกดิ ”ทสี่ งู สดุพุทธเจ้า”เท่าน้ันก็ได้ นั่นก็คือ ท่านท�ำตน กวา่ สดุ ใดๆของ“ผู้ทำ� การเกดิ ”ขน้ั ทต่ี ้องเรียกปรินิพพานเป็นปริโยสานไปโดยไม่เปน็ ผู้ วา่ “สิรมิ หามายา” ซง่ึ ทา่ นเปน็ “ผรู้ ”ู้ ตนเองในสร้าง“พทุ ธศาสนา”ขึ้นมาให้แก่โลก ทงั้ ๆท่ี ตนเองจรงิ ใครกไ็ มร่ ู้กับทา่ นไดเ้ ลย ว่าท่านบรรลุสัมมาสัมพุทโธเท่ากับพระสัมมาสัม มีความวิเศษสูงสุดๆแห่ง“อนุตตริยภูมิ”ท่ีพทุ ธเจา้ ทกุ องคเ์ ชน่ กนั ทา่ นจะทำ� “การเกดิ ” ปีท่ี ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ •  15

จะ“ท�ำการเกิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”องค์ จึงเป็นเรื่องที่เหมือน“ความจริงมันก็อยู่ที่ใดองค์หนึ่ง หรือ“ไม่ท�ำการเกิดพระสัมมา ท่านแทๆ้ ” ท่ีท่านจะ“ปกปิด”หรอื “เปิดเผย”สมั พทุ ธเจา้ ”ในตนเอง ..นน้ั จรงิ หรอื ไมจ่ รงิ ? ไมบ่ อกใครเลย ทส่ี ดุ แหง่ ทส่ี ดุ กเ็ ปน็ “ปจั เจก” ก็เหมือนกับ“อรหันต์”บางองค์ท่ีท่าน ซงึ่ ภมู ธิ รรมขน้ั “สงู สดุ ”ขน้ั “อรหนั ต”์ ขน้ึม“ี ภูมิอรหันต”์ แท้ๆแต่ท่านไม่บอกใครแล้ว ไปแต่ละล�ำดบั ชอ่ื วา่ “เป็นปจั เจกบุคคล”ได้ก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป หรือบอก แล้วทกุ องค์ เพียงแตต่ ามชั้นตามฐานะใครเขาก็ไม่เชื่อ ซ้�ำมิหน�ำคนเข้าใจผิดว่าท่านไม่ใช่“อรหันต์” หาว่าท่านหลอกคน “การเกดิ หรอื ไมเ่ กดิ ”จงึ เปน็ “จรงิ ”อยทู่ ี่แสดงกลให้คนดหู ลงเชอ่ื เสียอกี ทา่ นก็ไมม่ ี ทา่ น“ปจั เจก”เองคอื ทา่ นเองแตผ่ เู้ ดยี วจรงิ ๆ“ปัญหา”อะไร.. เพราะท่านมี“ปัญญา”รู้ตัวท่านเองเท่าน้ันท่านก็พอแล้ว จึงประหน่ึง อันเป็น“การเกิดหรือไม่เกิด”ก็ได้ ท่ีวา่ ท่านเป็น“จอมมายา” ดว้ ยประการฉะนี้ เป็น“สัจธรรม” แต่ผู้อ่ืนไม่สามารถหย่ังเข้า ไปถึง“ความจรงิ แท”้ ของจติ ใจท่านได้ แตท่ า่ นกไ็ มเ่ สยี ใจหรอื ดีใจแตอ่ ยา่ งใดเพราะจติ พระอรหนั ตไ์ มม่ “ี เสยี ใจ-ดีใจ”แลว้ ดังนั้น ส�ำหรับผู้อื่น จึงเท่ากับ“จริง หรอื ไมจ่ รงิ ”กไ็ ด้ หรอื “หลอก”ผู้อ่ืนก็ได้ ถ้า ผู้ก�ำหนด“การเกิดหรือไม่เกิดเอง”กัน ผทู้ เี่ หน็ วา่ “หลอก” กห็ ลอกไดเ้ กง่ สนทิ เหมอื นอย่างน้ีแล คือ “ความจริง”ของ“อนุตตริย นกั เล่นกล จึงคลุมเครือเป็น“มายา”อยู่ธรรม” ท่ีผู้แสดงอยู่จึงเหมือน“ยอดมายากล”ของนักเล่นกล ท่ีผู้อ่ืนย่อมไม่สามารถ แตแ่ ทจ้ รงิ แลว้ เปน็ “ความจรงิ สดุ จรงิ ”จะหยงั่ “ร”ู้ เขา้ ไปถงึ “เบอ้ื งลกึ ”ของผู้แสดงได้ แต่คนวา่ “มายา” จงึ ชือ่ ว่า “สิรมิ หามายา” ดังน้ัน “พระนาม”ของผู้ท�ำ“การเกิด หมายความวา่ “มายาทด่ี ปี ระเสรฐิ สดุ ”พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ”แทๆ้ หรอื คอื บคุ คล พอเข้าใจกันหรือยงั ?ทเี่ ปน็ “พระมารดาของพระพทุ ธเจา้ ”ทำ� ไมจึง ผู้ม“ี พทุ ธภมู ”ิ จรงิ และมงุ่ ตอ่ “พทุ ธภมู ”ิตอ้ งมีค�ำว่า“มายา” กเ็ พราะมนั เกยี่ วกบั “การ จะชัดเจนใน“การเกิดหรอื ไม่เกดิ ”น้ีแนแ่ ท้เกดิ ”หรอื “ไมเ่ กิด”ของ“อนุตตรยิ ธรรม”แทๆ้ ยกเวน้ “อรหนั ต์”ผู้ไม่ตอ่ “พทุ ธภมู ”ิ แต่ซ่ึงเปน็ “สัจธรรม”ข้ัน“สูงสดุ ”จริงๆ ยังมีชีวิตอยู่ก็ย่อมมี“กรรม” ก็ยังมี“ชาติ” ชนิดที่เป็น“อภินิพพัตติ ”(การเกิดของผู้มีจิต ท่ีผู้ใดก็ไม่สามารถจะ“หย่ังเข้าไปรู้ นพิ พาน,การเกดิ ของผู้ที่ไม่มีกเิ ลส) ซ่ึงได้แก่“ชาต”ิความจริงใจ”ของท่านได้ เป็น“ความจริง”ท่ี ข้ัน“โลกุตรจิต”สูงสุด ที่เกิดแค่อาศัยใช้งานท่าน“จริง”ของท่าน“จริงๆ”แต่ผู้เดียว แต่ผู้ ไปกบั การดำ� เนนิ ชีวิตท�ำประโยชน์แก่ผูอ้ ื่นอ่ืนผู้ใดจะ“เชื่อ”หรือ“ไม่เชื่อ”ย่อมได้ท้ังน้ัน และแก่ตนเท่าท่ีตนอาศัยกินใช้เลี้ยงตน ไปกับอาศัยใช้ท�ำงานของอรหันต์ทุกองค์16 • เราคดิ อะไร

จน ก ว ่ า ชี วิ ต จะตาย กายแตกไป ในวาระ มจิ ฉาทฏิ ฐิ กเ็ ปน็ “โอกกนั ต”ิ ท่ีเปน็ โลกียะอยู่สุดท้าย(กายัสสะ เภทา)เท่านน้ั ท่านกจ็ บสุด กล่าวคือ กรรมทุกกรรมท่ีเรามี“การ “อรหันต์”ทุกองค์จึงมี“ชาติ”ท่ีเรียก กระท�ำ” ไม่ว่า..กายกรรม-วจีกรรม-มโนว่า“อภินิพพัตติ”อยู่กับชีวิต ซ่ึงเป็น“การ กรรม ก็ล้วนมีแต่“กิเลสหย่ังลงไปในจิต”เกิด”(ชาติ)ของผู้ท่ีจิต“ไม่มีกิเลส แล้ว”ไปกับกรรมทุกกรรม หรือไม่มีบาปท้ังปวง(สัพพ ฉะน้คี อื “โอกกันติ”ทีโ่ ลกียะเป็นกนั อยู่ปาปัสสะ อกรณัง) ทุกกรรมท่ีท�ำจึงมีแต่“การ จิตก็เกิดตามภาษาท่ีว่า “โอกกันติ”เกิด”ของ“กศุ ล”เทา่ น้นั (กุสลัสสูปสัมปทา) ดว้ ยอวชิ ชา กเ็ ปน็ สตั วน์ รกไปอยา่ งมดื บอด ทีน้ี..การเกิดคือ “ชาติ” ท่ีเรียกว่า บญุ นนั้ “อรหนั ต”์ ยงิ่ ไมม่ เี ลย ไมท่ ำ� แลว้ “สัญชาติ” มคี วามหมายว่าคนผู้น้ีก�ำลังทำ� “อรหันต์”จึงเป็นคนผู้มีแต่“กุศล”แท้ “การเกิด”ซึ่งเป็น“การเกิด”ตาม“สัญ”หรือไม่มีภัย-ไม่มีโทษแล้วในความเป็นมนุษย์ “สัญญา”หรือตาม“สัญชาตญาณ”นั่นเอง ส�ำหรับผู้ปฏิบัติท่ีก�ำลังปฏิบัติอยู่ เป็นการเกิดด้วยพลังงานจิตท่ีน�ำจากคลังเป็น“เสขบุคคล”ก็จะมีผลของ“เนกขัมมสิต แหง่ “ความจ�ำเกา่ ของตน(สัญญา)”พาเกิดเวทนา”ไปตามล�ำดับ ก็เรียก“ชาติ”(การเกิด) อนั ได้แก่“สัญญา”ท่ีมันมีในใจอยู่แต่ชนิดน้ีว่า “นิพพัตติ”ท่ีได้ผลไปตามล�ำดับ เก่าแต่เดิมมา มันก็ท�ำงานของมันตาม นั่นคือผู้ก�ำลังศึกษาปฏิบัติ พยายาม ปกติ ก็เรียกว่า“สัญชาติ” คือ“ชาติ”หรือ“ท�ำใจในใจ”(มนสิกโรติ)ของตนให้เป็นการ การเกิดทเี่ ปน็ “ความจำ� เกา่ ๆเดิมๆ”ของตนลดละกิ เลสลงได้ไปตามล�ำดับอยู่เสมอๆ ท้ังกิเลสและไม่ใช่กิเลส แต่เดิมของตนก็คือ ท�ำ“การเกิด”(ชาติ)ท่ีเป็นการเกิดเรียก มันพาเกิดพาเป็นไปชื่อว่า สญั ชาตญาณวา่ “นิพพัตติ” มคี วามหมายวา่ คนผนู้ ้ีกำ� ลงั ปุถุชนก็จะมี“ชาติ”ที่เป็น“สัญชาติ”ซ่ึงทำ� “การเกดิ ”ซงึ่ เปน็ “การเกิด”ของมรรคผล เป็นอดีตนี่แหละมันมี“ชาติ”ข้ึน คือมีการอนั ได้แก่“กเิ ลส”ก�ำลังถูกก�ำจัดให้ลดลงๆ เกิดหยั่งลงไปในปัจจุบันทุกปัจจุบัน เรียก เราท�ำ“ผล”อยา่ งน้ีใสจ่ ติ ใจตนนแ่ี หละ วา่ “โอกกนั ต”ิ ตามภูมิธรรมเดมิ ของตนคอื “โอกกนั ต”ิ เปน็ “การปฏบิ ตั ใิ ห้ได้ผลเกิด สว่ นผทู้ มี่ คี วามรเู้ ปน็ สัมมาทฏิ ฐิ และอาริยธรรมหย่ังลงไปในจิตตน” จนกว่าจะ สามารถ“ท�ำใจในใจ”ของตนใหเ้ ปน็ การลด“สำ� เร็จเตม็ ผล”ตาม“สมั มาทฏิ ฐิ”เทา่ ที่ตนมี ละกิเลสลงไดไ้ ปตามล�ำดับอยู่เสมอๆ ก็คือ อย่างน้ีคือ “โอกกันติ”ที่เป็นโลกุตระ ท�ำ“การเกิด”(ชาติ)ที่เป็นการเกิดอันเรียกได้ ส่วน“โอกกันติ”ของผู้ท่ีไม่มีภูมิท่ีจะ วา่ “นิพพัตติ” ซง่ึ เปน็ การเกิดขนั้ โลกุตระปฏิบัตเิ ลย ไม่ได้ศกึ ษาเลย และผู้ศกึ ษาแต่ แต่ก็ยงั เป็น“การเกดิ ”ทีย่ ังไมส่ งู สดุ อา่ นตอ่ ฉบบั หน้า ปีท่ี ๒๔ ฉบบั ท่ี ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ •  17

สี ตชสีวันิ ทมี สมอ. เพลงมาร์ชต�ำรวจไทย *เกยี รติต�ำรวจของไทย เกยี รตวิ นิ ัยกลา้ หาญมัน่ คง ต่างซ่อื ตรง พทิ กั ษ์สันตริ าษฎร์นน้ั ถงึ ตวั จะตายกช็ า่ งมนั มิเคยคำ� นึงถึงชีวนั เขา้ ประจญั เหลา่ รา้ ย เพือ่ ประชา (ซ�้ำ *) *ไม่ยอมเปน็ มติ ร.... ผผู้ ดิ กฎหมาย ปราบโจรผูร้ า้ ย.... กลา้ ตายเร่อื ยมา เน้ือของเราเราเชอื ด พร้อมท้งั เลอื ดเราพลี เอาชีวีของเราเข้าแลกมา เพื่อให้ประชาด�ำรงสุขสถาพรชัย (ซำ้� *) เกิดมาแล้วต้องตาย ชาตชิ ายเอาไวล้ ายตำ� รวจไทย ช่วยประชาไม่ว่าหนไหน เป็นมติ รด้วยดวงจติ สดใส เราอยูไ่ หนประชาอนุ่ ใจทัว่ กนั ปราบภัยและผองพาลใหเ้ ข็ดขาม เราปราบปรามเสริมความสขุ สันต์ เหลก็ ท่แี กร่งกล้านั้น เราฝกึ กายาทุกวนั แขง็ กว่าเหล็กนัน้ ..ต�ำรวจไทย ชาตชิ ายเอาไว้ลายตำ� รวจไทย ชว่ ยประชาไม่ว่าหนไหน เป็นมติ รด้วยดวงจติ สดใส เราอยไู่ หนประชาอุ่นใจท่ัวกัน ปราบภัยและผองพาลใหเ้ ขด็ ขาม เราปราบปรามเสริมความสขุ สนั ต์ เหล็กทแี่ กรง่ กลา้ น้นั เราฝึกกายาทกุ วนั แขง็ กว่าเหล็กนนั้ ...ต�ำรวจไทย18 • เราคิดอะไร

ธ สถติ ในดวงใจ ๑ ปที ี่ผ่านมา(สัมภาษณโ์ ดยคณุ ไตรภพ ลมิ ปพัทธ)์ คุณไตรภพ : ท่านอาจารย์เข้าไปถวายงานพระองค์ท่านตั้งแต่ปี พ.ศ. อะไรและในต�ำแหน่งอะไรครบั พล.ต.อ.วสิษฐ : ปี ๒๕๐๙ ตอนน้ันไม่มีต�ำแหนง่ ผมเป็นนายตำ� รวจสันตบิ าล แล้วกไ็ ด้รับเชิญให้ไปเป็นครูสอนวิชาประวัติศาสตร์และลัทธิคอมมิวนิสต์ให้แก่ต�ำรวจพลร่ม ที่อ�ำเภอหัวหินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างท่ีก�ำลังท�ำหน้าที่เป็นครูอยู่น้ัน เผอิญได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทโดยไม่ได้คาดหมาย พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกญุ ชร d ตำ� รวจตงฉนิ แหง่ กรมตำ� รวจไทย d ปที ่ี ๒๔ ฉบับท่ี ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 19

พวกเราท่ีเขา้ ไปอยู่ในวงั กนั สมยั โนน้ ไปรวู้ ่า พระเจา้ อยูห่ ัวของเราทา่ นทรงสมาธิสม�่ำเสมอ พอรู้วา่ ทา่ นท�ำสมาธิ ทุกคนก็เอาอยา่ ง คือลุกขึน้ หาสมาธิมาสอน แลว้ กไ็ ปเรยี นน่ังบา้ ง.. •• คือขณะนั้นค่ายฝึกของเราอยู่ท่ีราชนิเวศน์ เวรก่อน แต่ไม่ใช่นายต�ำรวจราชส�ำนักประจ�ำมฤคทายวัน ที่อ�ำเภอชะอ�ำ จังหวัดเพชรบุรี ห่าง เวรหมายความว่าไปเข้าเวรตามคราว ซึ่งเป็นจากหวั หินราวๆ ๑๑ กโิ ลเมตร แลว้ พระเจ้าอยูห่ ัว เกียรตยิ ศท่ีไม่คดิ ว่าจะเกิดขนึ้ กับตัวเองเสด็จพระด�ำเนินไปทรงพักผ่อนพระอิริยาบถท่ี คุณไตรภพ : หลังจากนั้นก็ได้รับใช้พระองค์ชายหาดพระราชนิเวศน์ท่ีพวกเราก�ำลังฝึกกันอยู่ ท่านท้ังหมดก่ีปคี รับขณะที่ก�ำลังเข้าแถวรับเสด็จอยู่ ท่านผู้บังคับค่าย พล.ต.อ.วสษิ ฐ : เปน็ เวลา ๑๑ ปี ๑๑ เดอื นครบันเรศวร ค่ายต�ำรวจพลร่มเบิกพวกเราเฝ้าทลี ะคน ๆ ถึงได้พ้นต�ำแหน่งแล้วกลับไปอยู่กรมต�ำรวจ สมัยเพราะว่าครูมีอยู่สัก ๑๐ คน และผมอยู่เป็นคนท่ี น้ันไม่ได้เรียกว่าส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ เรียก๒ จากหวั แถว พอทรงพระดำ� เนินมาตรงหน้า ผม วา่ กรมต�ำรวจก็ถวายรายงานว่า ข้าพระพุทธเจ้า พ.ต.ท.วสิษฐ เดชกุญชร ครับ คุณไตรภพ : ระหว่างท่ีรับใช้ก็มีเร่ืองราวท่ีผม แทนทที่ า่ นจะทรงพระดำ� เนนิ ตอ่ ไป ท่านหยดุ รสู้ กึ แปลกใจมากและมคี วามรสู้ กึ ชอบมากคอื เรอ่ื งแลว้ กท็ รงทอดพระเนตรมาทผ่ี ม แลว้ รบั สง่ั ถามวา่ นง่ั สมาธิ ทราบว่าพระองคท์ า่ นสอนนั่งสมาธดิ ว้ ยมาทำ� อะไรอยทู่ นี่ ี่ โดยทผี่ มไมเ่ คยนกึ ไมเ่ คยฝนั วา่ จะ พล.ต.อ.วสิษฐ : ไม่เชิงสอน แต่ว่าพวกเราท่ีมารับส่งั กับผม ผมกราบบงั คมทูลไม่ได้ อึก ๆ อกั  ๆ เข้าไปอยู่ในวังกันสมัยโน้น ไปรู้ว่าพระเจ้าอยู่หัวในทส่ี ดุ กห็ ลดุ ออกไปวา่ มาเปน็ ครสู อนตำ� รวจพลรม่ ของเราท่านทรงสมาธิสม่�ำเสมอ พอรู้ว่าท่านท�ำอยู่ที่นี่ หลังจากน้ันก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ สมาธิ ทุกคนกเ็ อาอยา่ ง คือลุกข้นึ หาสมาธมิ าสอนเขา้ ไปรับประทานเล้ยี งในวัง ตอ่ จากนนั้ ท่านกเ็ ริ่ม แล้วกไ็ ปเรยี นน่งั บา้ ง พอความทราบถึงพระกรรณรับส่ังให้ตามเสด็จท้ัง ๆ ท่ียังไม่มีต�ำแหน่งอยู่ในวัง พระเจ้าอยู่หัวท่านก็ทรงพระกรุณาพระราชทานยังเป็นตำ� รวจสนั ติบาล หนังสือลงมาบ้าง ตลับเทปของครูบาอาจารย์ที่ ตอนน้ันพอจะเสด็จราชด�ำเนินไปท่ีไหน ท่าน ท่านได้มา มาให้พวกเรา แล้วพอมีโอกาสได้เฝ้าก็ให้สมุหราชองครักษ์บอกมาที่ค่ายนเรศวรว่าให้ ทา่ นกท็ รงซักถาม และกแ็ นะนำ� วิธีปฏบิ ัติผมตามเสด็จ เหมือนกับเริ่มให้ฝึกงาน ต่อมาไม่ นานนักก็ทรงแต่งต้ังให้เป็นนายต�ำรวจราชส�ำนัก คุณไตรภพ : พระองค์ท่านทรงสมาธิตั้งแต่20 • เราคิดอะไร เมอ่ื ไหรค่ รับ พล.ต.อ.วสิษฐ : ผมสันนิษฐานว่าท่านทรง ผนวชเม่ือปี ๒๔๙๙ เดือนพฤษภาคม ต้ังแต่น้ัน มาทรงศึกษาและทรงปฏิบัติไม่เคยหยุดเลย คง มีพระเจ้าแผ่นดินไม่กี่องค์ในโลกน้ีที่ทรงปฏิบัติ

อยากจะใหเ้ ป็นเคร่ืองเตือนใจวา่ พระราชทานโดยไม่ได้ขอ มนี ายตำ� รวจทง้ั หมด ๘ การทำ� ความดีไมจ่ ำ� เป็นตอ้ งไปอวดใคร คน เราก็ขนึ้ ไปเฝ้าท่ีพระต�ำหนักเปี่ยมสขุ ในวงั ไกล กังวล ท่านก็เสด็จลงมา ตอนที่จะข้ึนไปบังเอิญมี หรือวา่ ไมจ่ �ำเป็นต้องใหค้ นรู้ นายทหารเรอื คนหนงึ่ ไดย้ นิ วา่ จะมพี ระราชทานพระ ให้ถือว่าการท�ำหน้าทเ่ี ปน็ รางวัล กเ็ ลยหอ้ ยท้ายไปเปน็ ๙ คน เมอ่ื พระราชทานให้ ทกุ คนครบแล้ว ท่านกร็ บั สั่งว่าพระที่จะเอาไปบูชา ทส่ี ำ� เรจ็ แล้วด้วยตวั เอง ก่อนจะบูชาใหป้ ิดทองเสยี ก่อน แต่วา่ ใหป้ ิดเฉพาะ •• ขา้ งหลงั เทา่ นน้ั ทใี่ หป้ ดิ ทองหลงั พระกเ็ พราะเหตวุ า่ อยากจะให้เป็นเคร่ืองเตือนใจว่าการท�ำความดีสมาธิแล้วก็ทรงศีลเคร่งครัด เวลาทรงเสด็จ ไม่จ�ำเป็นต้องไปอวดใคร หรือว่าไม่จ�ำเป็นต้องพระราชด�ำเนินไปในพระราชกิจอะไรท่ีต้องใช้ ใหค้ นรู้ ใหถ้ อื วา่ การทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ รางวลั ทสี่ ำ� เรจ็เวลานานๆ พระเจ้าอยู่หัวท่านไม่ทรงมีปฏิกิริยา แลว้ ด้วยตวั เองเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหรือง่วงหรือหลับท่านไม่มี ผมกลับมากรุงเทพฯ ก็เอาพระไปใส่กรอบพระราชทานปริญญาบัตรบางมหาวิทยาลัย ๔ เจา้ ของรา้ นใจดเี อาทองแทป้ ดิ ใหข้ า้ งหลงั ตงั้ แตน่ น้ัชวั่ โมงตดิ ตอ่ กนั ประทบั อยู่ ๔ ชวั่ โมง ไมเ่ คยเปลยี่ น มาผมก็หอ้ ยพระองค์เดยี ว ปนี ัน้ ผมกลับมาท�ำงานท่าน่งั แลว้ กต็ ลอด ๔ ช่ัวโมง บณั ฑติ ก่ีพันคนนึกดู อย่างเก่า ตอนนน้ั ยังไมไ่ ด้อยใู่ นวงั ปรากฏวา่ งานกแ็ ล้วกนั ผมยนื เฝา้ ผมยังจะหลับเอง หนักมาก ไปภาคอีสานกไ็ ปปะทะต่อส้ดู ้วย แลว้ ก็ สารพัดเผชิญอันตรายท้ังน้ัน แล้วพอสิ้นปีปรากฏ คุณไตรภพ : อีกเร่ืองที่อยากทราบครับ เมื่อ ว่ากรมต�ำรวจก็ไม่ให้เงินเดือนข้ึนเลยสักบาทเดียวเราได้รับใช้อยู่ใกล้ชิดนานๆ พระองค์ท่านมี ไมไ่ ด้บ�ำเหนจ็ รางวัลอะไรท้ังนัน้พระราชทานพระให้ด้วย อาจารย์เล่าหน่อย พอเดือนเมษายนถัดมาปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ผมนะครับ ก็กลับไปเฝ้าท่ีหัวหิน เผอิญต้องไปสอนโรงเรียน พล.ต.อ.วสิษฐ : ที่จริงก็บังเอิญอีกเหมือนกัน พลร่มอีก แล้วพระองค์ท่านก็ประทับที่หัวหินอีกพระที่ทรงสร้างเองที่เรียกว่าพระสมเด็จจิตรลดาเป็นพระที่สมัยโน้นท่านทรงสร้างข้ึนมาเพื่อจะ ปีที่ ๒๔ ฉบับท่ี ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 21พระราชทานให้ผู้ที่ไปเส่ียงอันตรายเพื่อบ้านเพ่ือเมือง ทหารท่ีไปรบเวียดนามสมัยโน้นได้รับเกือบทุกคน ผมเองไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ว่าเสี่ยงอันตรายแต่ตอนผมท�ำหน้าที่อยู่สันติบาลเผอิญผมได้รับมอบหมายให้ไปฝึกราษฎรที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดนครพนม สกลนครและอุบลราชธานี สอนให้รู้จักป้องกันตัวเอง รบกับคอมมิวนิสต์ ผมเป็นครูก็คงจะอยู่ในเกณฑ์เส่ียงอันตรายเหมือนกัน ปกติพระสมเด็จจิตรลดาถา้ ไม่ขอทา่ นไม่ให้นะ ผมเองกไ็ มไ่ ด้ขอ วันที่ได้รับพระราชทานเป็นวันที่รับพระ-ราชทานเล้ียงเสร็จแล้ว ผมก�ำลังจะกลับออกมาแลว้ มนี างสนองพระโอษฐล์ งไปบอกวา่ นายตำ� รวจที่ยังไม่ได้รับพระราชทานพระให้คอยก่อนท่านจะ

เหมอื นกนั รบั สงั่ ใหไ้ ปนง่ั โตะ๊ เสวยดว้ ย วนั นน้ั ไดร้ บั พระสมเดจ็ จติ รลดาองค์นต้ี ้ังแต่ได้มาพระราชทานเบยี รเ์ ขา้ ไป ๒ ถว้ ย ปกตทิ า่ นจะใหร้ บั กห็ ้อยองคเ์ ดียวตลอด แล้วก็งานหนักมากพระราชทานเบียร์คนละ ๒ ถ้วยไม่ให้เกิน เพราะท่านทรงหว่ งทหารราชองครักษ์ กลัวจะเมา เสร็จ เสี่ยงอันตราย ไปปะทะต่อส้มู าดว้ ยแลว้ มนั กเ็ กดิ ความกลา้ หาญ พอกอ่ นจะเสดจ็ ขน้ึ ผม ยงั ไม่นับไปกระโดดรม่ อีกตงั้ ๖ ทีกล็ งกราบ แลว้ กก็ ราบบงั คมทลู วา่ มาเทยี่ วนจ้ี ะขอ พอสิน้ ปีกรมตำ� รวจเขาไม่ใหเ้ งินเดือนข้ึนพระราชทานพระบรมราชานญุ าตปดิ ทองหนา้ พระ จึงจะมาขอพระราชทานปิดทองหนา้ พระท่านก็รับสั่งถามว่าเกิดอะไรข้ึนมาถึงจะมาปิดทอง เผือ่ จะไดบ้ �ำเหน็จรางวลั กับเขาบ้างหน้าพระ ผมก็กราบทูลว่า พระสมเด็จจิตรลดาองคน์ ตี้ งั้ แตไ่ ดม้ ากห็ อ้ ยองคเ์ ดยี วตลอด แลว้ กง็ าน ท่านกร็ บั สงั่ ตอบทันทวี ่าหนักมากเส่ียงอันตราย ไปปะทะต่อสู้มาด้วย ยัง ปิดทองหลังพระไปมากๆ แล้วมันจะล้นมาข้างหนา้ เองไม่นบั ไปกระโดดร่มอกี ต้งั ๖ ที พอสิ้นปีกรมตำ� รวจเขาไม่ใหเ้ งินเดือนข้นึ จงึ จะมาขอพระราชทานปดิ ••ทองหนา้ พระ เผอื่ จะได้บำ� เหนจ็ รางวัลกบั เขาบา้ ง พล.ต.อ.วสิษฐ : เขาเรียกวา่ สครับไทฟัส เปน็ทา่ นกร็ บั ส่งั ตอบทนั ทวี า่ ปดิ ทองหลังพระไปมากๆ ไวรัสชนดิ หนงึ่ มนั นำ� เชื้อโดยหมดั เพราะในปา่ มันแล้วมนั จะล้นมาข้างหนา้ เอง มีหมัดเยอะ และตัวหมัดคงไปกัดท่านเข้า ก็ทรง พระประชวรมาก ตอนน้ันประทับท่ีพระต�ำหนัก คุณไตรภพ : มีอยู่ช่วงหน่ึงซึ่งตอนนั้นเป็นปี ภพู งิ ค์ราชนิเวศน์ เชยี งใหม่๒๕๑๘ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่พระเจ้าอยู่หัวประชวรหนักเป็นคร้ังแรก พระองค์ท่านต้องเสด็จไปตาม คณุ ไตรภพ : เหน็ บอกวา่ คณะแพทยท์ ไี่ ปทำ� การพนื้ ทีท่ ุรกนั ดารตา่ งๆ มากมาย บางทีไปเย่ยี มพวก รักษาเดินร้องไห้ออกมาเลย ใช่ไหมครบัชาวป่าชาวเขากต็ อ้ งไป แล้วกไ็ ปตดิ โรคที่เรยี กว่า พล.ต.อ.วสิษฐ :  ใช่ครับ พวกเราก็ปั่นป่วนอะไรครบั กนั หมดทั้งวงั เพราะร้วู า่ พระอาการหนักมาก แยก22 • เราคิดอะไร ย้ายไปท�ำบญุ คนละวดั  ๆ ถวายพระเจา้ อยู่หัว รวม ทงั้ ตวั ผมเองดว้ ย ไขส้ งู อยอู่ าทติ ยห์ นง่ึ เตม็  ๆ พอไข้ ลดลงพวกเราก็ดีใจ หมอก็ขอพระราชทานให้ทรง งดพระราชกิจเดือนหน่ึง พวกเราก็ดีใจว่าท่านไม่ เสดจ็ ออกไปไหนแน่ กพ็ ากนั อยใู่ ครอยากทำ� อะไรก็ ท�ำตามล�ำพัง เช้าวันหนง่ึ ผมนัง่ อยูใ่ นเรือนพกั ของ ราชองครักษ์ที่ภูพิงค์ ก็ได้ยินเสียงสถานีต�ำรวจ สถานีวิทยุแม่ข่ายของต�ำรวจตระเวนชายแดนท่ี คา่ ยดารารศั มี อำ� เภอแมร่ มิ จงั หวดั เชยี งใหม่ เรยี ก เครื่องบินเครื่องหนึ่งของต�ำรวจท่ีหาย เรียกแล้ว เรยี กอีก ไม่ได้รบั ตอบ สักพักหน่ึงผมกไ็ ด้ยนิ เสียง พระเจา้ อย่หู วั รับส่ังออกมาเสยี งเครือ แหบ บอก ว่า ฮ. ตวั นัน้ ไปลงอยทู่ ่แี มฮ่ อ่ งสอน ความจรงิ ผม ก็ควรจะดีใจที่พบ ฮ. แต่ผมเกิดขัดใจขึ้นมาที่รู้ว่า พระเจา้ อยูห่ วั ทา่ นไม่ไดท้ รงพัก ยังทรงงานอยู่ ผม กเ็ ขยี นฎกี าถวายวา่ หมอหา้ มแล้วท�ำไมท่านถึงได้ ลุกขึ้นมา แตต่ อนน้นั ไม่มโี อกาสได้เฝา้ ไม่ไดก้ ราบ

ท่านท�ำมาตลอดพระชนม์ชีพของท่าน ล้วนแตเ่ ก่ียวขอ้ งกับชวี ิตสุขทกุ ขข์ องประชาชนผมถือวา่ ทา่ นมมี รดกตกทอดมาให้เราตอ้ งรกั ษาไว้ นนั่ คือหน้าท่ขี องแต่ละคน เราจะละทงิ้ ไม่ได้ผมเองอยู่นอกราชการแล้ว แต่ว่ายังมอี ะไรอยา่ งอนื่ ทผ่ี มคิดวา่ ผมท�ำใหบ้ ้านเมอื งไดอ้ ยู่ กจ็ ะต้องท�ำตอ่ ไปจนกวา่ จะไมม่ ชี ีวิต ••บังคมทูล จึงเขียนหนังสือขึ้นไปถวาย เขียนฎีกาขึ้นไปประท้วง วนั ร่งุ ขนึ้ สมเด็จพระเทพรัตนฯ์ เชญิ พระ-ราชหตั ถเลขาของพระเจา้ อยหู่ วั ลงมาพระราชทานผม คณุ ไตรภพ : อาจารย์เขยี นไปก่หี นา้ ครับ ด้วย (ทำ� มานานแลว้ ) นแ่ี สดงวา่ ทา่ นอาจารยต์ ้อง พล.ต.อ.วสษิ ฐ : เขียนไปสัก ๒ หน้า เขยี นอะไรไปอีกถงึ จะโดนขนาดนี้ คณุ ไตรภพ : พระองคท์ า่ นมพี ระราชหตั ถเลขา พล.ต.อ.วสษิ ฐ : หลายประโยคเหมือนกนั ผมตอบมาโดยเปน็ ตวั พิมพ์ จำ� ไม่ได้ พล.ต.อ.วสิษฐ : สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ทรง คุณไตรภพ : แล้วก็มาข้อส่ี เคยบอกไว้ว่างานพิมพใ์ ห้ ประจ�ำต้องท�ำอยู่แล้ว ถึงไม่บอกให้ท�ำก็ต้องท�ำ คณุ ไตรภพ : มีพระราชกระแสมาวา่ หนง่ึ จะ ไม่ต้องส่ังซ�้ำอีก จะประชวรหรือไม่ก็ต้องท�ำตามตายแทน ใครจะตาย เราเหนียว เราไม่ตาย ถ้า นโยบายที่ส่ังไว้แต่ต้น ห้ามทรยศและห้ามโง่ด้วยเราไม่ตายก็ต้องการใช้ จะไปหาความสุขส่วนตัว นีอ่ าจารยโ์ ดยเต็ม ๆ นะครับ และมอี กี ข้อหนึ่ง คงอปุ สมบทไมไ่ ด้ หมายความว่าไงครับ เป็นส่วนพระองค์มาก ๆ ซ่ึงอาจารย์คงเขียนอะไร พล.ต.อ.วสษิ ฐ : ผมกราบบงั คมทลู ไปว่า พวก ไปสกั อยา่ งเพราะวา่ ขอ้ หา้ นบ้ี อกวา่ เหน็ ดว้ ยวา่ ทกุเราวติ กกนั มาก ผมตง้ั ใจวา่ ถา้ หายพระประชวรผม คนต้องเห็นแกต่ วั ถ้าเหน็ แก่ตัวโดยแท้โดยบรสิ ทุ ธ์ิจะไปบวช ใจประเทศชาตกิ ร็ อด และวงเลบ็ (หา้ มมอี คต)ิ เหน็ คณุ ไตรภพ : ไมใ่ หบ้ วช ถา้ เราไมต่ ายกต็ อ้ งการ แก่ตวั คอื อยา่ งไรครบั อาจารย์ใช้ จะไปหาความสุขส่วนตัวไปบวชไม่ได้ ผมชอบ พล.ต.อ.วสษิ ฐ : ผมกราบบงั คมทลู วา่ ทกี่ ราบตรงนี้มากคือจะตายแทน จะตายแทนใคร เรา บงั คมทลู เพอื่ จะใหท้ รงทำ� อยา่ งโนน้ อยา่ งนกี้ เ็ พราะเหนยี ว เราไม่ตาย ขอ้ สอง ถา้ ตายอนุญาตใหบ้ วช ตวั ผมเองน้ีเห็นแก่ตัวผม คอื เวลาเราพดู ว่าเรารกัหนา้ ไฟ ถวายพระราชกศุ ลและมวี งเลบ็ มาดว้ ย (แต่ ใคร ความจริงเราเหน็ แก่ตัว เราอยากจะใหค้ นนนั้เราไม่ตาย) และข้อสาม ถ้าให้ท�ำอะไรก็ต้องมีค�ำ เขาท�ำอะไรถกู ใจเราส่ัง ให้ทำ� ตามคำ� สงั่ ไมอ่ ย่างนัน้ จะตี แลว้ ก็บอกวา่ คุณไตรภพ :  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะท�ำอะไรคนเดยี วไมไ่ ด้ ตอ้ งเปน็ ทีมเวริ ์ก วงเลบ็ เหน็ แบบฟอรม์ สองหนา้ กระดาษทอี่ าจารยเ์ ขยี นไป ปีท่ี ๒๔ ฉบบั ท่ี ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 23

แล้วก็อ่านจนจบตามท่ีทรงตอบมาตรงนั้น ข้อหก ประวตั ิ พล.ต.อ.วสษิ ฐ เดชกญุ ชรพระองคท์ า่ นเขียนวา่ แบบฟอร์มเวร่ีเชย อาจารย์ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตนายต�ำรวจครับ อาจารย์มีเจ้านายแบบนี้ ๑๑ ปี ๑๑ เดือน ท่ีได้รับการยอมรับว่าเป็นนายต�ำรวจตงฉิน เป็นของอาจารย์คุ้มมากเลยนะครบั อาจารยอ์ ยากจะ หนึ่งในปชู นียบคุ คลของสังคมไทย และเปน็ บคุ คลมีอะไรบอกคนไทยบ้างไหมครับ ตอนน้ีพระองค์ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไว้ท่านสวรรคตไปแล้ว ผมอยากรูจ้ ริง ๆ อาจารย์คิด วางพระราชหฤทัย จนได้รับการแต่งตั้งให้ด�ำรงอย่างไรครบั ต�ำแหน่งหัวหน้านายต�ำรวจราชส�ำนักประจ�ำก่อน พล.ต.อ.วสิษฐ : เรารู้สึกเราขาดส่ิงที่ส�ำคัญ ท่ีจะออกมาด�ำรงต�ำแหน่งรองอธิบดีกรมต�ำรวจท่ีสุดในชีวิต เราเคยมีพระเจ้าอยู่หัวฯ ตั้งแต่วัน และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นมาเราไม่มีท่าน นายต�ำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นนักเขียนนวนิยายเก่ียวความเสียใจคงเหมือนๆ กันหมด เพราะว่าญาติ กบั วงการต�ำรวจและอาชญากรรม โดยนำ� มาจากผมเพื่อนผมท่ีผมรู้จักยังร้องไห้กันไม่หยุดเลย แต่ ประสบการณจ์ รงิ จนไดร้ ับการเชิดชูเกียรตใิ ห้เปน็ผมตั้งใจและก็อยากจะฝากคุณไตรภพและท่าน ศลิ ปินแห่งชาติ สาขาวรรณศลิ ป์ ประจำ� ปี ๒๕๔๑ผู้ชมทั้งหลายว่าจะมาน่ังเสียใจอยู่อย่างเดียว และได้รับการยกย่องว่าเป็นต�ำรวจตงฉินแห่งกรมไม่ได้นะครับ ถึงเวลาท่ีจะต้องมาทบทวนว่า ตำ� รวจไทยยคุ ปราบปรามคอมมวิ นิสต์อกี ด้วยพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงท�ำอะไรเอาไว้ แล้วท่านมี พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เกิดเมื่อวันที่ ๑๔พระราชประสงคท์ จี่ ะใหพ้ วกเราทำ� ตอ่ หรอื เปลา่ สงิ่ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๒ ท่ีต�ำบลในเมอื ง อำ� เภอทผ่ี มเหน็ ทา่ นทำ� มาตลอดพระชนมช์ พี ของทา่ นลว้ น เมอื ง จงั หวดั อดุ รธานี เปน็ บตุ รคณุ ครคู เชนทร์ กบัแตเ่ ปน็ เรอ่ื งทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ชวี ติ ความเปน็ อยู่ ความ คณุ ครเู กสร เดชกญุ ชร บดิ ามารดามอี าชีพครูสขุ ความทกุ ขข์ องประชาชน เพราะฉะนนั้ ผมถอื วา่ ด้านการศึกษา พล.ต.อ.วสิษฐ ส�ำเร็จการท่านมีมรดกตกทอดมาให้เราต้องรักษาไว้ ต้องท�ำ ศึกษาระดับช้ันมัธยมจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยาต่อ นั่นคือหน้าท่ีของแต่ละคนที่มีอยู่ในขณะน้ีเรา ยน โรงเรยี นประจำ� จงั หวดั ขอนแกน่ แหง่ แรก เมอื่ ปีจะละทิ้งไม่ได้ ผมเองอยู่นอกราชการแล้ว หน้าท่ี ๒๔๘๗ ส�ำเร็จการศกึ ษาช้ันเตรียมอุดมศกึ ษาจากราชการกเ็ หลอื น้อยแลว้ แต่ว่ายังมีอะไรอยา่ งอ่นื โรงเรยี นอำ� นวยศลิ ป์พระนคร รุ่นลมหวน กอ่ นจะท่ีผมคิดว่าผมท�ำให้บ้านเมืองได้อยู่ แล้วก็จะต้อง สำ� เรจ็ การศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี รฐั ศาสตรบณั ฑติทำ� ต่อไปจนกวา่ จะไมม่ ีชวี ิต เกียรตนิ ยิ มอันดับ ๒ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์24 • เราคิดอะไร มหาวิทยาลัย ระดับปริญญาโทรัฐประศาสน- ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการต�ำรวจ จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และ เข้าศึกษาหลักสูตรวิชาการป้องกันประเทศ จาก วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.รุ่นที่ ๒๓) อกี ทงั้ ยงั เคยเขา้ รบั การอบรมหลกั สตู รการสบื สวน จากสหรัฐอเมรกิ าอีกดว้ ย พล.ต.อ.วสษิ ฐ เดชกญุ ชร เรม่ิ รบั ราชการใน ต�ำแหน่งอาจารย์ท่ีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั ตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๔๙๕ จากนนั้ ไดล้ าออก ไปสมัครเข้ารับราชการในกรมประมวลราชการ

แผ่นดิน (ต่อมาคือกรมประมวลข่าวกลาง) แล้ว ในปี ๒๕๓๗ ละครเลือดเข้าตา ในปี ๒๕๓๘ ละครโอนไปรับราชการท่ีกองต�ำรวจสันติบาล กอง หกั ลน้ิ ชา้ ง ในปี ๒๕๓๙ ละครสนั ตบิ าลในปี ๒๕๓๙บัญชาการต�ำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการ เปน็ ตน้ต�ำรวจตระเวนชายแดน ก่อนย้ายไปเป็นนาย ด้านชีวิตส่วนตัว พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชรตำ� รวจราชสำ� นกั ประจำ� ในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ และดำ� รง สมรสกบั คณุ หญงิ ทศั นา เดชกญุ ชร หรอื สกลุ เดมิต�ำแหน่งรองอธิบดีกรมต�ำรวจ ฝ่ายกิจการพิเศษ บญุ นาค เม่ือปี ๒๕๐๐ มบี ตุ ร ๒ คน ได้แก่ ว่าท่ีเป็นต�ำแหน่งสุดท้ายในกรมต�ำรวจ ก่อนลาออก ร้อยตรี ดร.สทุ รรศน์ เดชกญุ ชร และ ร้อยตำ� รวจไปเป็นรฐั มนตรี นอกจากนั้น พล.ต.อ.วสษิ ฐ ยังได้ ตรีหญงิ ปรีณาภา เดชกุญชรรับการแต่งต้ังเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เข้ารับการรักษาในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ เป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี พ.ศ. อาการมะเร็งระยะสุดท้ายที่โรงพยาบาลต�ำรวจ๒๕๓๒ และในปี พ.ศ. ๒๕๓๙–๒๕๔๓ และเป็น กระทง่ั เวลา ๒๒.๓๐ น. ของวันที่ ๒๐ มิถุนายนรฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงมหาดไทย ในรฐั บาล ๒๕๖๑ พล.ต.อ.วสิษฐ ได้เสียชีวิตอย่างสงบพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นระยะเวลาสั้นๆ ทา่ มกลางความเศรา้ โศกเสยี ใจของญาตพิ นี่ อ้ ง สริ ิตงั้ แตว่ ันท่ี ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ถงึ วนั ท่ี ๙ ธันวาคม อายุ ๘๘ ปีพ.ศ. ๒๕๓๓ เหตกุ ารณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ พล.ต.อ.วสิษฐ รดนำ้� ศพ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกญุ ชร (จากข่าวซ่ึงในขณะน้ันมียศเป็น พ.ต.อ. ด�ำรงต�ำแหน่ง ค�่ำมติ ิใหม่ทัว่ ไทย THAI PBS)นายต�ำรวจราชส�ำนักประจ�ำ มีบทบาทในการ ถือว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ในวงการดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณพระต�ำหนักจิตร- ต�ำรวจส�ำหรับ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตลดารโหฐาน อันเป็นสถานท่ีประทับของพระบาท รองอธิบดีกรมต�ำรวจและอดีตหัวหน้านายต�ำรวจสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ชั้น ราชส�ำนักประจ�ำ และเป็นอดีตต�ำรวจที่เสนอสงู หลายพระองค์ รวมไปถงึ บรเิ วรพระราชวงั ดสุ ติ บทบาทแนวปฏิรูปต�ำรวจมาต่อเน่ือง วันนี้ญาติอีกด้วย โดยเป็นผู้ติดต่อและเจรจากับผู้ชุมนุมและเป็นผู้อัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาท ปที ี่ ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 25สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาอ่านให้แก่ผู้ชุมนุมฟังในเวลา ๐๕.๓๐ น.ของวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ก่อนที่ผู้ชุมนุมจะสลายตัวไป แต่จากอุปสรรคทางการส่ือสารประกอบกับมวลชนมีเป็นจ�ำนวนมาก ผชู้ มุ นมุ จงึ ไมอ่ าจควบคมุ ไดท้ ง้ั หมดจงึ เกดิ เหตุนองเลือดในเวลาตอ่ มาหลังจากนน้ั พล.ต.อ.วสิษฐเป็นนักเขียนนิยายเก่ียวกับวงการต�ำรวจและอาชญากรรมที่มีชื่อเสียงโด่งดังโดยเปน็ นิยายจากประสบการณใ์ นการรบั ราชการต�ำรวจ โดยใช้นามปากกา “โก้ บางกอก” และนิยายหลายเร่ืองได้ถูกน�ำไปสร้างภาพยนตร์ และละครโทรทศั น์ เชน่  ละครสารวตั รเถอื่ นในปี ๒๕๓๐ละครแมล่ าวเลอื ด ในปี ๒๕๓๓ ละครสารวตั รใหญ่

ได้รับศพ พล.ต.อ.วสิษฐ ไปบ�ำเพ็ญกุศลท่ีวัดมกุฏ- ประสบการณ์ทางธรรมของ พล.ต.อ.วสิษฐกษัตริยารามราชวรวิหาร โดยมีก�ำหนดพิธีบรรจุ เดชกุญชร (หน่ึงในวิปัสสนาจารย์ของยุวพุทธิก-ศพในวันท่ี ๒๕ มิถุนายนนี้ ญาติและบุคคลท่ีทราบข่าวการถึงแก่อนิจกรรมของ พล.ต.อ.วสิษฐ สมาคมฯ ประสบการณก์ ารปฏิบัตธิ รรม ๔๑ ปี)เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมต�ำรวจและศิลปิน เคยมีคนถามผมว่า ส่ิงท่ีมีค่าที่สุดท่ีได้มาจากแห่งชาติได้ร่วมพิธีรดน�้ำศพต้ังแต่ช่วงบ่ายท่ีผ่าน การเป็นนายตํารวจราชสํานักประจําคืออะไร ผมมา หลังจากที่ พล.ต.อ.วสิษฐ ได้ถึงแก่อนิจกรรม ตอบกลับไปโดยไม่ลังเลเลยว่า “ธรรมะ” ก่อนด้วยโรคมะเร็งตับอ่อนที่โรงพยาบาลต�ำรวจ โดย เข้าไปอยู่ในวัง ชีวิตของผมลุ่ม ๆ ดอน ๆ เหมือนญาติได้ก�ำหนดพิธีสวดอภิธรรมเป็นเวลา ๓ วัน นายตํารวจธรรมดาทั่วไป กลางวันทํางาน กลางตงั้ แตว่ นั นจี้ นถงึ วนั ที่ ๒๓ มถิ นุ ายน ณ ศาลา ๕ วดั คืนกินเหล้าเมายา เที่ยวเตร่อยู่กับอบายมุขทุกมกฏุ กษตั รยิ ารามราชวรวหิ าร และทำ� พธิ บี รรจศุ พ เมื่อเชื่อวัน กระทั่งเมื่อได้ไปเป็นนายตํารวจราช-ในวันท่ี ๕ มถิ นุ ายน ในเวลา ๒๐.๐๐ น. สาํ นักประจํา ผมก็เริม่ ตระหนกั วา่ หน้าทใ่ี หมข่ อง ส�ำหรับพล.ต.อ.วสิษฐถือเป็นนายต�ำรวจที่ ตัวเองคือการถวายความปลอดภัยแด่พระบาทมีบทบาทส�ำคัญในการปฏิรูปต�ำรวจมาหลายยุค สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ ๙ สมเดจ็ พระบรม-หลายสมัย โดยในรัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลา- ราชินีนาถ และทูลกระหม่อมทุกพระองค์ ซึ่งถือนนท์ ไดร้ บั การแต่งต้ังเปน็ ประธานคณะกรรมการ เป็นหน้าทีท่ ่ีสาํ คัญมาก เพราะหากผมทําหนา้ ท่ผี ิดพฒั นาระบบงานปฏริ ปู ตำ� รวจ ผลงานสำ� คญั คอื ขอ้ พลาดคลาดเคล่ือนจะกระเทือนไปถึงเมืองไทยท้ังเสนอในการปฏิรูปโครงสร้างต�ำรวจรวม ๑๐ ข้อ ประเทศ ผมจงึ เรมิ่ ปฏริ ปู และปฏวิ ตั ติ วั เองดว้ ยการก่อนจะได้รับการแต่งต้ังให้เป็นประธานคณะการ ลด-ละ-เลกิ อบายมุขทั้งหมดปฏิรูประบบงานต�ำรวจอีกคร้ังในสมัยรัฐบาลนาย แรกที่ผมเข้าไปอยู่ในวัง หลังลงจากเวรดึกอภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ และตกผลึกแนวทางปฏิรูป แล้ว ผมมักเห็นภาพข้าราชการพลเรือนทั้งนายตำ� รวจ ๑๔ ขอ้ โดยมีเน้อื หาหลักในการปรับปรุง ตํารวจและทหารน่ังสมาธิบนเตียงกันเป็นแถวโครงสร้างต�ำรวจ ด้วยการปรับปรุงสถานีต�ำรวจ ประหนึง่ ว่าอย่ใู นวดั พอถามถึงสาเหตุของการทําใหเ้ ปน็ ศนู ยก์ ลางการบรหิ ารงาน เสนอใหพ้ นกั งาน เช่นนั้น ทุกคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่ีสอบสวนเป็นผูห้ ญงิ และลดขนาดโรงพัก การแก้ ทําเพราะพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติธรรม ทุกคนปัญหาการรีดไถด้วยการก�ำหนดอัตราเงินเดือน เลยพลอยทําด้วย ตอนแรกผมนึกขําคิดว่าเขาคงที่เหมาะสม ตลอดจนการจัดโครงสร้าง และการ นั่งกันเอาพระทัยท่านหรือเปล่า กระทั่งมีเหตุให้กระจายอำ� นาจ เพอ่ื ลดความซำ้� ซอ้ นในการบรหิ าร ตัวเองได้ลองปฏิบัติธรรมโดยที่ไม่ทันได้คาดคิดงาน และป้องกันปัญหาการถูกแทรกแซงโดย มาก่อน เรื่องมีอยู่ว่า คร้ังหน่ึงผมมีโอกาสได้ตามกล่มุ ผมู้ ีอิทธพิ ล เสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทางรถไฟจาก ในบทบาทนายต�ำรวจราชส�ำนักประจ�ำ กรุงเทพฯไปภาคใต้…รถไฟจะต้องออกจากสถานีพล.ต.อ.วสษิ ฐ เดชกญุ ชร ไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ ผู้ จิตรลดาเวลา ๑๖.๓๐ น. แต่ว่าแม้ฟ้าจะมืดแล้วถวายงานไดอ้ ยา่ งใกลช้ ดิ หากในวงการวรรณกรรม รถไฟก็ยังไปไม่ถึงไหน เพราะมีคนมากมายมารอนายต�ำรวจอาวุโสผู้น้ียังได้รับการยอมรับในฐานะ ชมพระบารมตี ามรายทาง นายทหารราชองครักษ์นกั เขยี นทส่ี รา้ งผลงานจากประสบการณต์ ำ� รวจได้ ท่ตี ามเสด็จจงึ น่ังสมาธิฆา่ เวลา ในขณะท่ีผมเองไม่อยา่ งนา่ สนใจ และฝากผลงานเอาไวม้ ากมายกอ่ น รจู้ ะทาํ อะไรนัน้ ผมจงึ นึกครมึ้ ทดลองปฏบิ ตั ธิ รรมจะจากไปดว้ ยวยั ๘๘ ปี น่ังสมาธิจนจิตสงบ… ทําให้ได้คําตอบว่าทําไม26 • เราคดิ อะไร ขา้ ราชบรพิ ารทกุ คนจงึ พากนั นงั่ สมาธิ ตง้ั แตน่ นั้ มา

ผมเร่ิมปฏิบัติธรรมทุกวัน และค้นหาตําราธรรมะ นอ้ ยลงและเขา้ ใจสจั ธรรมของความทกุ ขว์ า่ ความของครูบาอาจารย์มาอ่านเพอื่ ประดบั ความรู้… ทุกข์คือส่ิงที่เราไม่สามารถบังคับบัญชาได้ว่าจะให้ เม่ือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ มาหรือไปเม่ือไร อย่างไร… พระพุทธเจ้าสอนว่าท่านก็พระราชทานหนังสือและเทปธรรมะมาให้ ถ้ามีทุกข์ ต้องดับที่เหตุคือตัณหา ดังนั้นสิ่งที่เราอ่านและฟัง ควรทาํ เมอ่ื มที กุ ขค์ อื ตอ้ งปลอ่ ยมนั ไปแลว้ ไมเ่ ขา้ ไป ครง้ั ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระ- ยุ่ง ไม่เข้าไปดน้ิ รน… “ไมเ่ ข้าไปยุ่ง” อย่างไร…ราชดําเนินไปตา่ งจงั หวัด หนง่ึ ในหน้าท่สี ําคัญของ ไม่เข้าไปยุ่งด้วยการไม่ดึงตัวเองเข้าไปสู่วังวนของนายตํารวจราชสํานักประจําคือออกลาดตระเวน ตัณหาตั้งแต่แรกโดยการเจริญสติอย่างสม่�ำเสมอพ้ืนท่ีเพ่ือศึกษาเส้นทางและสถานการณ์โดยมี อยา่ งเชน่ เวลาคยุ กบั ใคร สตกิ ต็ อ้ งอยตู่ รงนนั้ เพอื่ภารกิจเสริมคือ คอยหาข้อมูลว่าจังหวัดท่ีท่าน พิจารณาในสิ่งท่ีเรากําลังฟังหรือพูด หากต้องทําเสด็จฯนั้นมีพระสําคัญอยู่ท่ีวัดใด เม่ือทราบแล้ว งาน สตกิ ต็ ้องจดจอ่ อยูก่ บั งาน เวลาเดนิ สตกิ ต็ ้องจงึ ไปกราบบงั คมทลู และนาํ เสดจ็ ทา่ นไปทว่ี ดั เหลา่ จดจ่ออยู่กับเท้า ไม่มีอะไรทําก็กลับมาอยู่กับลมน้นั เพราะฉะน้ันในยุคทีผ่ มทํางานอยใู่ นวงั ผมจึง หายใจ และเมื่อมีสติแล้วก็ต้องคอยเสริมกําลังใจมีโอกาสได้พบและสนทนาธรรมกับครูบาอาจารย์ ใหห้ นักแนน่ มั่นคง ไมใ่ หไ้ หลไปตามกิเลส ด้วยการมากมาย ทําสมาธิอย่างต่อเน่ืองสม่�ำเสมอ เข้าใจเร่ืองทุกข์ คร้ังหน่ึงผมมีความทุกข์ใจอย่างมาก จึงไป และการดับทุกข์แล้ว นิพพานจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวกราบท่านอาจารย์ชา สุภัทโท ท่ีวัดหนองป่าพง อีกต่อไป ผมเชื่อว่าเพียงแค่มีศีล สมาธิ ปัญญาอําเภอวารินชําราบ จังหวัดอุบลราชธานี เม่ือไป และขอให้เริ่มปฏิบัติเท่าน้ัน เราก็จะสามารถเดินถึงผมก็ระบายความในใจให้ท่านฟัง หลวงพ่อชา เข้าสูห่ นทางหลดุ พน้ ได้ในทส่ี ดุก็ช้ีไปท่ีก้อนหิน ก้อนใหญ่ขนาดเก้าอี้ที่วางอยู่ข้าง ที่ผมปฏิบัติธรรมอยู่ทุกวันน้ีก็เพราะหวังว่ากุฏิ แล้วถามว่า “ยกไหวไหม” ผมตอบกลับซ่ือๆ ตอนท่ีจิตจะดับหรือกําลังจะตาย ผมจะสามารถวา่ “ถา้ ใหก้ ลง้ิ พอไหว แตย่ กคงไมไ่ ด”้ ทา่ นจงึ เทศน์ วางใจใหเ้ ป็นศูนย์หรืออยตู่ รงกลางได้ ไมเ่ ฉไปซา้ ยสอนมาวา่ “จําไว้ ร้วู ่าหนักอย่ายก…วางเสีย” … ขวา บน ล่าง ไม่มีความอยากทจ่ี ะอยู่หรืออยากที่เพราะครูบาอาจารย์เหล่าน้ีนี่เองทําให้ผมเข้าใจ จะไป เพราะถ้ายงั มี “ความอยาก” อยู่ กจ็ ะตอ้ งสภาวธรรมหรือความทุกข์มากข้ึน และสามารถ กลับมาเกิดอีกแน่นอน เกิดมาแล้วทุกข์…จะเกิดยอมรบั ทกุ ปัญหาท่ีผา่ นเขา้ มาได้ มาอีกทาํ ไมละ่ ครับ ทุกวันนี้ผมอยู่ได้อย่างมีความสุขเพราะทุกข์ ปที ี่ ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 27

] อ สรพษิ ร้ายกาจนกั ล่อให้รักโลภหลงมัน แยง่ กนั รวยฉวยไม่อั้นณวมพุทธ คอร์รปั ชนั่ พังท้ังเมอื ง. อสรพษิ ร้ายพระ ผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ท่ีพระ “ชาวนาน้ีจะโดนจับกุม เพราะถุงเงินที่หล่นเชตวนั มหาวิหาร กรงุ สาวัตถีนครหลวงของแคว้น อยใู่ นนาของเขา นอกจากเราแลว้ จะไมม่ ใี ครอนื่โกศล ทรงแสดงธรรมแกภ่ ิกษุทั้งหลาย ถึงเรื่อง เปน็ พยานแกเ่ ขาไดเ้ ลย เราควรไปในทนี่ น้ั เพราะของชาวนาคนหน่งึ อุปนิสัยแห่งโสดาปัตติมรรค(ทางปฏิบัติเพื่อบรรลุ โสดาบัน) ของชาวนาน้ันมีอย”ู่ ................ แล้วเสด็จไปยังที่นาน้ัน มีพระอานนทเถระ ติดตามไปด้วย ชาวนาน้นั มที ีน่ าอยูใ่ กลๆ้  กรุงสาวตั ถี แต่เช้าตรู่ชาวนานั้นก�ำลังไถนาอยู่ คร้ันเห็น วันหนง่ึ มีพวกโจรลอบเข้าไปในพระนครทาง พระศาสดาเสด็จมา เขาจึงเข้าไปถวายบังคมทอ่ นำ้� แลว้ เจาะอโุ มงคเ์ ขา้ ไปในบา้ นเศรษฐตี ระกลู จากนน้ั กเ็ รมิ่ ไถนาตอ่ พระศาสดาทอดพระเนตรไปหนง่ึ ปลน้ เอาทรัพย์สนิ เงนิ ทองจำ� นวนมาก หลบ เห็นถงุ เงนิ น้นั แลว้ ก็ตรัสวา่หนกี ลับออกไปทางท่อน�ำ้ นนั่ เอง “อานนท์ เธอเห็นไหม อสรพิษ” มีโจรคนหนึง่ แอบเอาถงุ เงิน ๑,๐๐๐ ซ่อนไว้ “เหน็ พระเจา้ ข้า อสรพษิ ร้าย”ท่ีเกลียวผ้าของตน แล้วช่วยแบกทรัพย์ที่ปล้นไป พระศาสดาตรสั เพียงเทา่ นี้ แล้วกเ็ สดจ็ ไป แต่แบง่ กนั ในบรเิ วณทน่ี าของชาวนานนั้ พวกโจรแบง่ ชาวนาน้ันได้ยินแล้ว บังเกิดความคดิ ขนึ้ มาทันทีทรัพย์กนั เสร็จ ตา่ งกพ็ ากันแยกยา้ ยหนีไป แตโ่ จร “ทน่ี านเ้ี ราทำ� นาตอ้ งเดนิ ไปเดนิ มาเสมอๆ หากท่ซี ่อนถุงเงินไว้ที่เกลียวผา้ ท�ำถุงเงินหลน่ อยใู่ นท่ี มีอสรพษิ อยู่ เหน็ ทีเราจะตอ้ งกำ� จดั เสีย เพ่ือความนานั้น โดยไมร่ ู้ตัว ปลอดภยั ” เชา้ วนั รุ่งขน้ึ พระศาสดาทรงตรวจดูสตั วโ์ ลก คิดแล้วก็คว้าด้ามประตัก(ไม้ที่ฝังเหล็กแหลมทรงมอี นาคตงั สญาณ(ญาณหยงั่ รอู้ นาคต) เหน็ กาล ไว้ที่ปลาย) เดินไปค้นหาอสรพิษ แต่กลับพบเจอภายหนา้ ว่า28 • เราคดิ อะไร

ถุงเงิน ๑,๐๐๐ แทน จงึ ไดส้ ติว่า พระราชา พระองค์ทรงรับฟังจบ ทรงพิจารณา “อสรพิษนั้น พระศาสดาคงตรัสหมายถึง แลว้ ตรสัเงนิ ๑,๐๐๐ นีเ้ ปน็ แน”่ “ชาวนาผู้นี้อ้างเอาพระศาสดาเป็นพยาน เขาจึงน�ำถุงเงนิ ไปซกุ ฝังไว้ กลบด้วยฝนุ่ แล้ว แตเ่ รายังไมอ่ าจจะยกโทษแกเ่ ขาได้ เราจะต้องทูลก็กลับไปไถนาทำ� งานของตน ถามพระศาสดาดกู อ่ น” ตอนสายของเช้าวันนั้น พวกบริวารของ แลว้ ทรงพาชาวนาไปยงั สำ� นกั ของพระศาสดาเศรษฐีออกติดตามรอยเท้าของพวกโจร กระทั่ง ในเย็นวันน้นั เอง ได้ทลู ถามพระศาสดามาถึงท่ีนานั้น ได้เห็นรอยเท้าของชาวนานั้น จึง “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ได้เสด็จตามรอยเท้าไป จนได้พบถุงเงินท่ีฝังไว้ แล้วก็ถือ ไปยงั ทน่ี าของชาวนาผนู้ ี้ พรอ้ มกบั พระอานนทเถระถุงเงนิ มาข่มขคู่ กุ คามชาวนานั้น จริงหรอื ” “แกปลน้ เรอื นเศรษฐแี ลว้ มาทำ� ทไี ถนาอยหู่ รอื ” “จริง มหาบพติ ร” โดยไม่รอค�ำตอบ ก็โบยตีชาวนาด้วยท่อนไม้ “พระองค์ทองพระเนตรเห็นอะไรที่นาน้ันแล้วคุมตัวไปหาพระราชา กราบทลู ถงึ ถุงเงนิ เป็น พระเจ้าขา้ ”พยานหลักฐานให้ทรงทราบ พระราชาทรงสดับ “ถุงเงนิ ๑,๐๐๐ มหาบพติ ร”ความเป็นไปแล้ว ตัดสินพระทัยรับส่ังให้ประหาร “แลว้ ทรงกลา่ วถอ้ ยค�ำอยา่ งไรหรือ”ชีวติ ชาวนาน้ัน “อานนท์ เธอเห็นไหม อสรพิษ แลว้ อานนท์ก็ พวกราชบุรุษ(คนของพระราชา)จึงมัดเขา ตอบเราว่า เหน็ พระเจ้าข้า อสรพษิ รา้ ย”เอาแขนไพล่หลัง เฆี่ยนด้วยหวาย พาเดินไปสู่ สิ้นค�ำตรัสของพระศาสดา พระราชาทรงตะแลงแกง(ทป่ี ระหารชวี ิตนกั โทษ) อทุ านว่า ระหว่างทาง แม้เขาโดนเฆยี่ นตีสกั เท่าใด ก็ไม่ “ถ้าชาวนาน้ีไม่ได้อ้างบุคคลผู้เลิศในโลกเช่นพดู อยา่ งอน่ื เลย นอกจากกล่าววา่ พระองค์เป็นพยานแล้ว เขาจะไม่มีชีวิตรอดแน่ “อานนท์ เธอเห็นไหม อสรพิษ” แตเ่ พราะเขากลา่ วคำ� ทพี่ ระองคต์ รสั แลว้ จงึ มชี วี ติ “เห็น พระเจ้าขา้ อสรพิษร้าย” รอดอยู่ได้” เขากล่าวซ�้ำๆ อยู่อย่างน้ี จนในที่สุดพวก พระศาสดาทรงสดบั คำ� ของพระราชาแลว้ จงึราชบรุ ษุ อดไม่ไดท้ ี่จะถามเขา ตรสั คาถาธรรมบทถวายแดพ่ ระราชา “เจ้ากล่าวแต่ถ้อยค�ำของพระศาสดา กับ “บคุ คลกระทำ� กรรมใดแล้วพระอานนทเถระอยอู่ ย่างนท้ี ำ� ไมกัน ส�ำคญั อะไร” ย่อมเดอื ดรอ้ นในภายหลัง คราวนีช้ าวนาจงึ ยอมตอบพวกราชบรุ ุษ รอ้ งไห้นำ�้ ตานองหน้า ได้รบั ผลกรรมอยู่ “หากเราไดเ้ ขา้ เฝ้าพระราชาอกี สกั ครงั้ จึงจะ กรรมน้ันช่อื วา่ ทำ� แล้วไมด่ ”ีบอก วงิ วอนท่านช่วยด้วยเถดิ เป็นคำ� ขอร้องคร้งั ชาวนาได้ยนิ ธรรมบทน้ีแลว้ ก็ไดบ้ รรลุโสดา-สุดท้าย กอ่ นเราจะถกู ประหาร” ปตั ตผิ ล(พระโสดาบนั )ในทีน่ น้ั เอง พวกราชบรุ ุษจึงไปราบทลู พระราชา พระองค์กท็ รงอนญุ าตคำ� ขอครง้ั สุดทา้ ยก่อนตาย ............. เมอื่ ชาวนานนั้ ไดเ้ ขา้ เฝา้ อกี ครง้ั พระราชาตรสั ถาม พระศาสดาตรัสธรรมเทศนาจบแล้ว ภิกษุ “เพราะเหตใุ ด เจา้ ถงึ เอาแตก่ ลา่ วถอ้ ยคำ� ของ ทั้งหลายท่ีมาร่วมประชุมกันฟังธรรม ก็บรรลุพระศาสดา กบั พระอานนทเถระเลา่ ” อารยิ ผล(ไดส้ ำ� เรจ็ เปน็ พระอารยิ ะ) มโี สดาปตั ต-ิ “ขา้ แตส่ มมตุ ิเทพ ข้าพระองคไ์ ม่ใช่โจร...” ผล เปน็ ต้น แล้วเขาก็เล่าเร่ืองราวท้ังหมดกราบทูล (พระไตรปฎิ กเล่ม ๒๕ “คาถาธรรมบท พาลวรรค” ขอ้ ๑๕ อรรถกถาแปลเลม่ ๔๑ “เรือ่ งชาวนา” หน้า ๑๙๙) ปที ่ี ๒๔ ฉบับท่ี ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 29

¨ ทอ่ี าตมาประกาศพระโพธสิ ตั วใ์ นเมืองไทย เพราะวา่ ในเมอื งไทยเปน็ เถรวาท ไมค่ อ่ ยเข้าใจโพธิสตั ว์ในเถรวาทเข้าใจว่า พระโพธิสตั ว์นี้ เป็นอารยิ บุคคลไมไ่ ด้ แม้แต่โสดาบัน เพราะเถรวาท เขา้ ใจผดิ เพยี้ นไปจากธรรมะพระพุทธเจ้าไปหมดแลว้ ไปเข้าใจว่าถา้ เป็นโสดาบัน แมช้ น้ั ต่ำ� สดุ กจ็ ะเกดิ ไดอ้ ีกแค่ ๗ ชาติ แล้วการเกิดทเี่ ขาเข้าใจ เขา้ ใจเปน็ ตวั ตนบุคคลเราเขา คอื เกิดออกจากทอ้ งแมเ่ จด็ ชาตแิ ลว้ ตอ้ งเป็นอรหันต์ เมอ่ื เป็นพระอรหนั ต์ ตายแล้วตอ้ งดบั สูญ จะบ�ำเพญ็ เพยี รต่อไปไม่ได้โพธสิ ัตวท์ ่สี ดุ โต่ง (ทงั้ เถรวาทและมหายาน) พ่อครูเห็นว่า : ท้ังเถรวาทและมหายานไม่ โพธิสัตว์ ในเถรวาทเข้าใจว่า พระโพธิสัตว์นี้เป็น อาริยบุคคลไม่ได้ แม้แต่โสดาบัน เพราะเถรวาทเข้าใจโพธิสัตว์ ยิ่งพระโพธิสัตว์ของฝ่ายมหายาน เข้าใจผิดเพ้ียนไปจากธรรมะพระพุทธเจ้าไปหมดเละเทะไปหมด เป็นโพธิสัตว์มีเมียก็ได้ มีลูกก็ได้ มี แล้ว ไปเข้าใจว่าถ้าเป็นโสดาบัน แม้ช้ันต�่ำสุดทรัพย์ศฤงคารร่�ำรวยได้ เป็นเจ้าอาวาสวัดแต่มี ก็จะเกิดได้อีกแค่ ๗ ชาติ แล้วการเกิดที่เขาเข้าใจทรัพย์ศฤงคารส่วนตัว มีลูกรับมรดกถ่ายทอดได้ เขา้ ใจเปน็ ตวั ตนบคุ คลเราเขา คอื เกดิ ออกจากทอ้ งแม่มหายานบานปลายขนาดนนั้ เขายงั บอกวา่ เปน็ โพธสิ ตั ว์ เจ็ดชาตแิ ลว้ ต้องเป็นอรหันต์ เม่อื เป็นพระอรหนั ต์ถ้าไม่ใช่โพธิสัตว์ไม่ร่�ำรวยขนาดน้ัน วัดของญี่ปุ่นมี ตายแล้วต้องดบั สูญ จะบ�ำเพ็ญเพียรต่อไปไม่ได้แบบนนั้ ถา้ วนั นถ้ี อนเงนิ ออกจากธนาคารหมด ธนาคาร สรปุ แลว้ โพธสิ ตั วข์ องมหายานจงึ เปน็ ไดแ้ ค่นนั้ ล้ม พระมหายานของญ่ีปุน่ มอี ำ� นาจขนาดนนั้ สัตว์ใต้ต้นโพธิ์ และโพธสิ ัตวข์ องเถรวาทจึงเปน็ ที่อาตมาประกาศพระโพธิสัตว์ในเมืองไทย ไดแ้ คป่ ุถชุ นโพธิสัตวเ์ ท่าน้ันเองเพราะว่าในเมืองไทยเป็นเถรวาท ไม่ค่อยเข้าใจ30 • เราคิดอะไร

นัยโพธสิ ัตวแ์ บบเถรวาท แมต้ วั เองจะถกู มองวา่ ไมด่ ี หรอื จะถกู ใครตรา หนา้ ดา่ วา่ อยา่ งไร จะมภี าพลกั ษณเ์ สยี หายอยา่ งไร ศษิ ยห์ ลวงตาบวั เผย “พทุ ธะอสิ ระ” มงุ่ ชว่ ยเหลอื เขากย็ อมรับได้ทุกอยา่ ง และพอใจท่ีจะรบั ผิดชอบคน สรา้ งบารมีเปน็ พระพทุ ธเจ้า ไมส่ นภาพลักษณ์ แตเ่ พยี งผเู้ ดยี ว ขอใหช้ าติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์เจา้ อาวาสวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสมั ปนั โน เผย อยรู่ อดปลอดภยั เทา่ นั้นกพ็ อเคยคุยกับอดีตพระพุทธะอิสระ เจ้าตัวบอกจะ “แตส่ �ำหรับพวกท่าน เปน็ สัญลักษณ์ของพระท�ำทุกอย่างเพ่ือช่วยคนพ้นทุกข์ สร้างบารมีเป็น ปฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบ ผมอยากใหพ้ วกทา่ นรกั ษาภาพพระพุทธเจ้า ไม่สนภาพลักษณ์จะเสียหาย ขอให้ ลักษณ์อันน้ีไว้เพ่ือให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่พระลูกชาติ ศาสนา กษตั ริย์ อยู่รอด ไม่ต่างจาก “สนธ”ิ พระหลานตอ่ ไปในวนั ขา้ งหนา้ อยา่ ลงมาเกลอื กกลว้ัและพันธมติ รฯ ยอมสู้ถวายหัว แมต้ ้องถูกจบั ตดิ คุก ในแบบทผี่ มเปน็ ไมใ่ ชห่ นา้ ทที่ พี่ วกทา่ นจะทำ� อยา่ งนน้ัถกู ฟอ้ งลม้ ละลาย แตก่ ย็ อมรบั อยา่ งลกู ผชู้ ายใจสงิ ห์ สำ� หรบั ผมไมไ่ ดส้ นใจวา่ จะตอ้ งมภี าพลกั ษณท์ ดี่ งี าม พระวทิ ยา กจิ จฺ วชิ โฺ ช หนง่ึ ในคณะศษิ ยานศุ ษิ ย์ แต่ผมจะท�ำทุกอย่างเพ่ือปกป้องชาติ ศาสนาของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้โพสต์ข้อ พระมหากษตั รยิ ใ์ หอ้ ยรู่ อดปลอดภยั เทา่ นน้ั ” นเ่ี ปน็ความในเฟซบุ๊ก พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช เม่ือเวลา ค�ำพูดที่คุยกันในตอนนน้ั ก็ประมาณน้เี ท่าที่เรายัง๑๙.๑๗ น.ของวันที่ ๒๕ พ.ค.ท่ีผา่ นมาวา่ ส�ำหรบั พอจำ� ได้ เราบอกกับหมู่คณะวา่ “พทุ ธะอิสระพดูพทุ ธะอสิ ระนน้ั ไมร่ จู้ กั กนั เปน็ การสว่ นตวั แตเ่ คยเจอ อย่างนี้ ถือว่าใจเขาใช้ได้ทีเดียวนะ ใจเขาสูงในหอ้ งรบั รองเมื่อคร้ังไปออกรายการที่ ASTV ได้ พอสมควร คนใจตำ�่ ทรามคิดแบบนไี้ มไ่ ดห้ รอก”คยุ กบั พทุ ธะอสิ ระ ซงึ่ เขาบอกวา่ เขาไมไ่ ดป้ รารถนาจะเปน็ สาวก เขาปรารถนาพทุ ธภมู ิ การปฏบิ ตั ขิ อง พระอาจารยว์ ทิ ยาระบอุ กี วา่ พทุ ธะอสิ ระไมใ่ ช่เขาจงึ มไิ ดม้ งุ่ แสวงหาความหลดุ พน้ แตเ่ ขาจะสรา้ ง พระปฏบิ ตั ดิ ใี นแบบทจ่ี ะเปน็ พระอรยิ เจา้ ไมใ่ ชผ่ ทู้ รงบารมีเป็นพระพุทธเจ้า เขาจะท�ำความดีทุกอย่าง คุณธรรมอันล้�ำเลิศถึงข้ันจะหลุดพ้น เพราะความเพ่ือช่วยคนให้พ้นทุกข์ เพ่ือปกป้องชาติ ศาสนา ปรารถนาท่จี ะเปน็ พระพทุ ธเจา้ เสียเอง เพราะเหตุพระมหากษตั รยิ ์ นั้นบางอย่างก็อาจประพฤติเกินเลยไปจากสมณ- วสิ ยั ซง่ึ เขาเองกร็ ตู้ วั เขาดี ไมใ่ ชไ่ มร่ ู้ แตค่ วามสำ� คญั มันอยู่ที่เจตนาแห่งการกระท�ำ ถ้าเขาแน่ใจว่า ส่ิงท่ีเขาท�ำเป็นเจตนาดี และเป็นความดีจริง ปที ่ี ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 31

เขาทำ� ไปใจเขากไ็ มเ่ ดอื ดรอ้ น เพราะความปรารถนา ดังน้นั ทางเถรวาทจงึ เขา้ ใจไปว่า จะสามารถจะสร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้านั้นย่ิงใหญ่นัก เป็นพระพุทธเจ้าต้องไม่เป็นแม้แต่พระโสดาบันใจตอ้ งสงบนง่ิ เยอื กเยน็ เหมอื นนำ�้ หนกั แนน่ ยงิ่ กวา่ ต้องเป็นปุถุชนแล้วบ�ำเพ็ญไปจนกว่าจะมีภูมิธรรมขนุ เขา และเบายิง่ กว่าอากาศธาตุ เป็นพระพุทธเจ้าได้เลย ไม่ต้องผ่านพระอาริยะ ส่ิงหนึ่งที่ทุกคนควรรับทราบได้ด้วยกัน คือ สิ่ง โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์เลย น่าที่เขาท�ำมันเป็นคุณประโยชน์ต่อชาติ ศาสนา พระ สงสารพวกมิจฉาทิฐิที่เป็นความเข้าใจผิดเพี้ยนไปมหากษัตรยิ ์ หรือวา่ มนั เปน็ โทษ อนั ไหนจะมีน�้ำหนกั อย่างมาก เปน็ เร่อื งนอกรีต ผดิ เพย้ี นไปหมด เปน็มากกวา่ กนั เมอ่ื ผลแหง่ กรรมจะบนั ดาลใหต้ ดิ คกุ กต็ อ้ ง ความไม่รู้ (อวิชชา) ของฝา่ ยเถรวาทตดิ คกุ ไป ไมม่ ใี ครจะอยเู่ หนอื กรรมได้ แตถ่ งึ เวลาหากกรรมดใี ห้ผลกอ็ อกจากคกุ ได้ โลกน้ีมนั กไ็ ม่มอี ะไรแน่ นยั ของโพธสิ ตั วแ์ บบสัมมา (ไมส่ ดุ โตง่ )(เผยแพร:่ ๒๖ พ.ค. ๖๑ โดย: MGR Online) ความเข้าใจผิด ๆ ของเถรวาทในเรอ่ื งโพธิสัตว์ ความจรงิ คำ� วา่ “โพธสิ ตั ว”์ โดยพยญั ชนะกม็ ี พ่อครู: พุทธศาสนาในเมืองไทยแบบเถรวาท ความหมายชดั เจนอยใู่ นตวั แลว้ วา่ หมายถงึ สตั วผ์ มู้ ีไม่เข้าใจเร่ืองโพธิสัตว์ แต่ไปเข้าใจโดยปริยายว่า โพธิ หรอื มกี ารตรสั รอู้ ารยิ สจั ๔ ไดแ้ ลว้ ในเบอ้ื งตน้พระโพธสิ ตั ว์ คือ ผบู้ ำ� เพ็ญเพยี รเป็นพระพุทธเจา้ จนเกิดดวงตาเห็นธรรม น่ันก็คือการส�ำเร็จเป็นและเข้าใจว่าโพธิสัตว์ไม่ได้บรรลุเป็นอาริยชน พระโสดาบัน เช่นพระอัญญาโกณฑัญญะได้ฟังต้องเป็นปุถุชน โพธิสัตว์จะเป็นพระอาริยะไม่ได้ ปฐมเทศนาจนเกิดดวงตาเห็นธรรม เป็นตน้โพธิสัตว์คือผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า จะเป็น ค�ำว่าพระโพธิสัตว์จึงไม่ได้หมายความตื้น ๆพระอารยิ ะไม่ได้ เพราะหากไปเป็นพระอาริยะ ถ้า สว่ นความหมายพน้ื  ๆ ทสี่ ดุ  “โพธสิ ตั ว”์  กค็ อื ใจทเี่ หน็ขืนมีจิตเข้ากระแสโสดาบันเท่านั้นก็ตาม จะไม่ แก่ตัวน้อยลงจริง! แล้วเมื่อใจของผู้ใดเห็นแก่ตัวสามารถไปเป็นพระพุทธเจ้าได้ โพธิสัตว์จึงต้องไม่ น้อยลงได้ ก็ต้องมีสัดส่วนหรือว่ามีความจริงเป็นให้เป็นพระอาริยะ แม้แต่สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน “สมั มา” ด้วยข้นั ต�ำ่ สดุ ก็เป็นไม่ได้ สมั มาคอื อะไร? สมั มา...คอื “เมอื่ ไมเ่ หน็ แกต่ วั ถ้าขืนเข้ากระแส เถรวาทเข้าใจว่า หากเข้า ลดลง - จึงต้องเห็นแก่ผู้อื่นมากขึ้น! อย่างกระแสเป็นพระโสดาบันแล้วจะต้องบรรลุอรหันต์ ระบบท่ีเป็นฤๅษีเขาปฏิบัติโดยเขาไม่เห็นแก่ตัวเขาก็แปล สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน คือบรรลุ คอื เขาไมแ่ กง่ แยง่ ใคร เมอื่ ไมแ่ ยง่ กไ็ มเ่ หน็ แกต่ วั นะสังโยชน์ ๓ เขาเข้าใจว่าจะเกดิ ได้อีก ๗ คร้งั แลว้ ไม่แยง่ จรงิ แต่กไ็ ม่ชว่ ยใครจะต้องบรรลเุ ป็นพระอรหนั ต์ แต่โพธิสัตวน์ ั้นไมเ่ หน็ แกต่ วั แล้ว ยงั ต้องช่วย ทนี เ้ี ขาเขา้ ใจตอ่ ไปอกี วา่ ถา้ หากบรรลอุ รหนั ต์ คนอน่ื พอเริม่ ต้นเปน็ โสดาบนั กเ็ ปน็ โพธสิ ตั ว์ เมอ่ืในชาติใดก็ตาม ตายแล้วต้องสูญ เพราะต้อง ลดความเห็นแก่ตัวได้จะท�ำให้มีส่วนเกิน เหลือปรนิ พิ พานเปน็ ปรโิ ยสาน ไมเ่ หลอื อะไรไปตอ่ ภพภมู ิ กินเหลือใช้ในตนเองระดับหน่ึง ส่วนเกินอันนั้นซ่งึ ถ้าเปน็ โสดาบัน อย่างเกง่ จะอยู่ได้อกี ๗ ชาติ โสดาบนั กจ็ ะนำ� ไปชว่ ยเหลอื สงั คม นคี่ อื เรม่ิ ตน้ เปน็(ทางทอ้ งพ่อทอ้ งแม)่ แลว้ กเ็ ปน็ อรหันต์ พระโพธิสตั ว์อนั ดบั หนึง่32 • เราคดิ อะไร อันดับสองก็สกิทาคามี ก็ลดความเห็นแก่ตัว ลงไปอกี และชว่ ยผอู้ น่ื มากขน้ึ ไดอ้ กี โพธสิ ตั วร์ ะดบั

ทสี่ ามกล็ ดความเหน็ แกต่ วั ลงไปอกี แลว้ กช็ ว่ ยผอู้ น่ื เห็นผิดชั่ว (บาปกัง ทิฏฐิคตัง) หากผู้ใดไปคิดว่าเพิ่มได้อีก ก็มีคุณสมบัติหรือคุณภาพที่มันทวีคูณ พระอรหันต์ตายแล้วขาดสูญไม่เกิดอีก (ก็โดยสมัยสูงขึ้นตามลำ� ดับตามสัจจะทเ่ี ป็นจรงิ เพราะฉะน้ัน น้ันแล ยมกภิกษุเกิดทิฏฐิอันชั่วช้าเห็นปานน้ีว่าเราสังคมจึงไปรอด ไม่ใช่มีแต่ความรู้แล้วมีแต่ความ ย่อมรู้ทั่วถึงธรรม ตามท่ีพระผู้มีพระภาคทรงแสดงเห็นแก่ตัวเพิ่ม ย่ิงความรู้มากย่ิงเห็นแก่ตัวเพ่ิม แล้วว่า พระขีณาสพเมื่อตายไปแล้วย่อมขาดสูญนอกจากเห็นแก่ตัวเพิ่มไม่พอ ยังไม่ช่วยใครอีก ยอ่ มพนิ าศ ยอ่ มไมเ่ กดิ อกี จากยมกสตู ร พตป ล.๑๗)มันกเ็ ลยหนักกันไปใหญ่ โดยจริงแล้ว พระอรหันต์ตายแล้วเกิดได้อีก เพราะฉะน้ันสังคมจึงขาดความเป็นโพธิสัตว์ ทางรา่ งกาย แตก่ เิ ลสนนั้ ตายสนทิ ไมเ่ วยี นกลบั อกีไม่ได้ การศึกษาของพระพุทธเจ้าจึงเริ่มต้น (อสังกุปปัง) แต่ชีวิตร่างกายท่านก็ต่อภพภูมิได้ท่ีโสดาบัน มิฉะน้ันจะไม่ได้ผลจากการศึกษา ท่านจะเกดิ มากท็ �ำประโยชนแ์ ก่โลกถา่ ยเดยี ว ไมม่ ีเมอ่ื ไมไ่ ดผ้ ลจากการศกึ ษาคน ๆ นก้ี ไ็ มเ่ กดิ ประโยชน์ พษิ ภยั ใด ๆ ตอ่ โลกในโลก เข้าใจขึ้นใช่ไหม? แต่เถรวาทไม่รู้ว่า คณุ ลองคดิ ดูสิ ถ้าผูท้ ่บี รรลุสงู สุดเปน็ อรหนั ต์โพธิสัตวค์ ืออะไร ตายลงแลว้ สญู จะมคี นเปน็ อรหนั ตเ์ หลอื มาสบื ทอด โพธสิ ตั วจ์ ะตอ้ งผา่ นอารยิ ธรรม ไดอ้ ารยิ สจั ๔ ความเป็นอรหันต์อยู่ไหม ก็หมดเชื้อ เพราะถ้าไปตามลำ� ดับ เป็นโพธิสัตว์ ๙ ระดับ เริม่ ต้งั แต่ พระอรหันต์รูปไหนบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วจะโสดาบันโพธิสตั ว์ สกทิ าคามโี พธสิ ัตว์ อนาคามี ต้องตายใชไ่ หม แล้วพระอรหนั ตท์ ีไ่ หนมันจะเหลือโพธิสตั ว์ อรหันตโ์ พธสิ ัตว์ อนุโพธิสตั ว์ อนยิ ต- พวกเข้าใจว่า อรหันต์ตายแล้วสูญน้ีเป็นมิจฉาทิฐิโพธิสัตว์ นิยตโพธิสัตว์ มหาโพธิสัตว์ และ ทำ� ลายศาสนาพุทธให้ดว้ นเลยนะสัมมาสมั พุทโธ คือพระพุทธเจา้ ศาสนาพทุ ธนถ้ี งึ บอกวา่ อยา่ พดู ผดิ วา่ อรหนั ต์ จะเรียกว่าโพธิสัตว์จริง ก็คือเป็นอนุโพธิสัตว์ ตายแลว้ สญู แลว้ ใครจะมาสบื ทอดศาสนา ถา้ บรรลุขึ้นไป เปน็ พระอรหันตข์ ณี าสพเป็นตน้ ไปก่อน ถงึ อรหันต์แล้วจะตายเร็วหรือช้า ก็ต้องตายแล้วสูญกระนั้นก็จะต้องระวังตัวในอันตรายอันแสบเผ็ด แลว้ เชื้ออรหนั ต์จะเหลือหรือ ที่มชี ีวติ อยกู่ ็ไม่มใี ครพระพทุ ธเจ้าตรสั ว่า ลาภ ยศ สรรเสรญิ โลกยี สุข เปน็ พระอรหนั ต์ หนกั เขา้ แมเ้ ปน็ อนาคามตี ายแลว้เปน็ อนั ตรายอันแสบเผ็ด แมพ้ ระอรหันต์ขณี าสพ ไม่มาเกดิ อกี ตายแลว้ ไปอย่ใู นภพภูมิของอนาคามี เราเป็นพระอรหันต์ แล้วไปท�ำผิดพลาด ไม่เวยี นวนมาเกดิ อกี อยสู่ ทุ ธาวาสอกี แล้วมันจะลำ� เอียงในลาภ ยศ สรรเสริญ ไม่ใช่ตนเอานะ แต่ เหลืออะไรอีกหรือ จะเหลือสักก่ีสกิทาคามี? จะให้คนอืน่ แต่ไมท่ ่ัวถงึ เหมือนล�ำเอียงก็โดนนะ ดไี ม่ เหลือสกั ก่โี สดาบัน?ดีมันจะฆ่าเราไดเ้ ลย วนิ ิจฉยั ตดั สนิ ไมด่ ี ระวังเถดิ สดุ ท้ายแม้เป็นอรหันตแ์ ล้ว ก็ยังบอกไม่ได้อีกคนทร่ี ้ายแรงจะเอาตาย เป็นอันตรายอันแสบเผด็ ขนาดยังมีชีวติ ยงั ไม่ตายก็บอกไมไ่ ด้ แสดงตวั ออกในลาภสักการะของพระอรหันต์ ไม่ใช่ท่านเองว่า มาให้ใครรู้ไม่ได้ แถมเม่ือตายไปก็ยังคุมก�ำเนิดไม่ทา่ นจะตอ้ งวนไปมอี กี แตท่ า่ นตอ้ งทำ� งานกบั สงั คม ให้ผุดให้เกิดอีก จะท�ำลายคุณค่าของพระอรหันต์แต่มนั ไม่สมดลุ ไปเจอเอาตัวรา้ ย คืออนั ตรายอนั ไปถงึ ไหนกนั ในเมอื งไทยจงึ คงมแี ตอ่ รหนั ตด์ น้ เดาแสบเผ็ด ความหมายอจินไตยพวกนี้เดาไมไ่ ด้นะ กนั เอาเอง จากผู้ไมร่ ู้ให้ม่วั กันไปหมด ความเขา้ ใจผดิ ๆ เกย่ี วกับเรอ่ื งพระอรหนั ต์แบบ น่ีคือการท�ำลายศาสนาพุทธให้สั้นลงอย่างเถรวาท จึงเป็นการท�ำลายศาสนาพุทธ เช่น เป็น รวดเร็ว!พระอรหันต์แล้ว ตายแล้วต้องสูญซ่ึงพระพุทธเจ้า ในโลหจิ จสตู รบอกถงึ พราหมณผ์ มู้ มี จิ ฉาทฐิ วิ า่ ….ท่านตรัสถึงแนวความคิดเหล่าน้ีว่า เป็นความ โลหิจจพราหมณ์ มีทฐิ ลิ ามกวา่ “ผูบ้ รรลุแล้วไมพ่ ึง ปีที่ ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 33

บอกแกผ่ อู้ นื่ เพราะคนอนื่ จะทำ� อะไรแกอ่ กี คนหนงึ่ได้ การบอกแก่คนอ่ืน จัดว่าเป็นความโลภที่เป็นบาป เปรียบเหมอื นคนตดั เครือ่ งพนั ธนาการเก่าออกแล้ว กลบั ทำ� เครอื่ งพนั ธนาการใหม่... ฯลฯ ”. พระพทุ ธองคต์ รสั วา่ เปน็ มจิ ฉาทฏิ ฐิ ยอ่ มมคี ติ๒ คือ นรกหรือก�ำเนดิ เดียรจั ฉาน อย่างใดอยา่ งหนึ่ง (พตปฎ. เล่ม ๙ ขอ้ ๓๕๘) จริง ๆ แล้ว การบอกเร่ืองบรรลุธรรม ด้วยเจตนาเพอ่ื การใหเ้ ขา้ ใจศาสนานี้ ไมม่ สี าเฐยจติ ไมม่ ีจติ อยากอวดอา้ ง ไมไ่ ดอ้ ยากไดส้ งิ่ ตอบแทน แตเ่ พอื่ให้เข้าใจธรรมะน้ี เอาไปปฏิบัติกันให้ได้อย่างดี ๆอย่าผิดเพี้ยน ธรรมะพระพุทธเจ้านี้ช่วยโลก คุ้มครองโลก ถา้ ใครยืนยันวา่ ศาสนาพทุ ธยงั ไม่เสื่อม คณะแต่ก็พ้นจากไตรลักษณ์ไม่ได้ เกิดขึ้นตั้งอยู่ ใหญ่นั่นแหละถูก ที่โพธิรักษ์พูดมานั้นผิดก็แล้วไปดบั ไป ตามกาลและเวลา ตามความจริงท่เี ลย่ี งไม่ ถ้าคนจะมีปฏิภาณปัญญาอยู่แค่นั้น เช่ืออยู่ว่าได้ พระพุทธเจา้ สร้างศาสนามา ๒,๕๐๐ กว่าปแี ลว้ ศาสนาพุทธคณะใหญ่เขายังดีอยู่นะ ส่วนใหญ่จงึ แทบไมเ่ หลือสัจธรรมความจริงที่ถูกตอ้ ง ยังดี แต่โพธิรักษ์น้ันแหละผิดก็จบ อาตมาก็ไม่มี อาตมาจึงขอยืนหยัดยืนยัน พูดอย่างจริงใจ ปญั หาอะไร ถา้ เข้าใจอย่างนนั้ ไปบังคบั ไมไ่ ด้เลยว่า อาตมาเข้าใจศาสนาพุทธถูกต้อง ยิ่ง แต่ถา้ เข้าใจวา่ ศาสนาพทุ ธทกุ วันนี้ สว่ นใหญ่อาตมายืนยันว่าที่พูดกล่าวนี้ถูกต้อง แล้วไป ทท่ี ำ� กนั นน่ั แหละผดิ แตอ่ ยา่ งทโี่ พธริ กั ษม์ าพดู ใหม้ นัขัดแย้งกับศาสนาพุทธท่ีเขายึดถือกันในคณะใหญ่ ถูก อย่างน้อยหรืออย่างมากก็แล้วแต่ มีหลักฐานมันยิ่งยนื ยันวา่ มันจริง มนั จริงตรงทีว่ า่ ถ้าอาตมา ตามพระไตรปิฎกมายืนยัน อาตมาวา่ อาตมาได้พดูพดู อยา่ งนถ้ี กู คณะใหญท่ ก่ี ำ� ลงั เสอื่ มเพราะมนั ตรง ตามพระไตรปฎิ ก ถูกตอ้ งตามพระไตรปิฎก แต่อนักันข้ามกับความจริง มันก็ยิ่งถูกต้องว่า มันเสื่อม น้ันมันนอกรตี จากพระไตรปฎิ ก ตั้งแตศ่ ีลเลย อยา่จรงิ  ๆ กม็ นั ขดั แยง้ กบั สง่ิ ทพ่ี ระไตรปฎิ กยนื ยนั วา่ ถกู พดู ถึงสมาธหิ รอื ปญั ญาเลย เพราะผดิ เพี้ยนไปจาก34 • เราคดิ อะไร ศลี -สมาธ-ิ ปญั ญา แมแ้ ตว่ มิ ตุ ตกิ เ็ ปน็ มจิ ฉาวมิ ตุ ติ ให้ มาศึกษากันใหด้ ี อาตมายนื หยดั มน่ั คงอย่างทว่ี ่าน้ี อาตมาตอ้ งการฟื้นฟศู าสนาให้ถกู ต้อง โดย ไม่ต้องการลาภยศสรรเสริญ ไม่ต้องการค�ำ ชนื่ ชม แลว้ จะพดู ใหน้ านทสี่ ดุ ไมย่ อมตายงา่ ย ๆ ขอยืนยนั เพือ่ จะพูดอย่างน.ี้

• นายหนนุ ดี ใครทเ่ี ขา้ ใจ “ประชาธิปไตย” แคค่ ือ “การเลอื กต้งั ” เท่านน้ั เปน็ สำ� คัญ กถ็ ือว่า เป็นผ้ไู รเ้ ดียงสา ในเร่ืองประชาธิปไตยมาก ๆ ประชาธปิ ไตยอยหู่ นใด? ใครที่เข้าใจ “ประชาธิปไตย” แค่คือ “การ สามารถบริหารโดยไม่มีการโกงกิน หรือทุจริตเลอื กตงั้ ” เทา่ นน้ั เปน็ สำ� คญั กถ็ อื วา่ เปน็ ผไู้ รเ้ ดยี งสา คอร์รปั ชนั่ ประชาชนส่วนใหญ่ได้รบั คุณประโยชน์ในเรื่องประชาธิปไตยมาก ๆ อย่างเหมาะสมถูกธรรม ก็ย่อมเป็นการบริหาร การเลอื กตงั้ กเ็ ปน็ เพยี งการเลอื กคณะบรหิ าร ปกครองประเทศแบบประชาธิปไตยอย่างจริงแท้เข้ามาท�ำงานเพ่อื ประชาชนโดยรวมเท่าน้ัน แนน่ อนยิง่ กวา่ แตถ่ า้ คณะบรหิ ารประเทศทไ่ี ดร้ บั การ “เลอื กตงั้ ” ถ้าเรามุ่งเนื้อหาของประชาธิปไตยมากกว่าเข้ามาได้เพราะการซื้อเสียง แล้วบริหารอย่าง เปลอื ก หรอื รปู แบบวา่ จะตอ้ งเลอื กตงั้ เทา่ นนั้ จงึ จะโกงกิน หรอื ทุจรติ คอร์รัปช่ัน ประชาชนสว่ นใหญ่ เป็นประชาธิปไตย สังคมโลกจึงจะสงบสุขร่มเย็นไม่ได้รับคุณประโยชน์อย่างเหมาะสมถูกธรรม มากกว่านี้ อย่างน้อยในช่วงนี้ประเทศไทยท่ีได้ย่อมมิใช่การบริหารปกครองแบบประชาธิปไตย นายกฯ ทไี่ มไ่ ดม้ าจากการเลอื กตงั้ กส็ งบสขุ รม่ เยน็อยา่ งแนน่ อน กว่าหลายประเทศที่ได้นายกฯ หรือผู้น�ำประเทศ แล้วถ้าคณะบริหารที่เข้ามาบริหารปกครอง ท่ีมาจากการเลอื กต้งัประเทศ เข้ามาโดยการปฏิวัติรัฐประหาร แต่ จริงไหม? 35ปที ่ี ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ •

บทความพเิ ศษ แหลง่ น�ำ้ จำ� นวนมากก�ำลงั ถกู คุกคามอย่างหนักเพราะลทั ธบิ ริโภคนยิ ม นอกจากน�ำ้ จะปนเปือ้ นสารเคมี และมลพษิ นานาชนดิ แลว้• พิมลวัฑฒ์ ชโู ต ขนาดของแหล่งน�ำ้ จ�ำนวนมากยังหดหายและเหือดแหง้ ... ไม่อยากพอ ก็ต้องพอ!! (No Choice But Enought!!) • ตอ่ จากฉบับที่ ๓๓๕น้�ำแขง็ ละลาย บนภูเขาตา่ ง ๆ ท่วั โลก องคก์ าร “World Glacier น�้ำแข็งที่ข้ัวโลกเหนือเป็นนำ้� แข็งท่ีลอยอยบู่ น Monitoring Service” พบว่าธารน�้ำแข็ง ๙๒นำ�้ ทะเลอารค์ ติกและมคี วามหนาเพียง ๒-๓ เมตร แหง่ จาก ๑๑๓ แหง่ จะละลายหมดในอนาคตอันส่วนน�้ำแข็งท่ีข้ัวโลกใต้ต้ังอยู่บนทวีปแอนอาร์คติก ใกล้ การละลายเกิดขึ้นท้ังในนอร์เวย์ซึ่งอยู่ทางและมีความหนาเฉล่ียถงึ ๔ กิโลเมตร สตั วส์ ำ� คัญ เหนอื และในนวิ ซแี ลนดซ์ ง่ึ อยทู่ างใต้ แตก่ ารละลายของข้ัวโลกเหนือคือหมีขาวและของข้ัวโลกใต้คือ อย่างรวดเร็วเกิดข้ึนแถบภูเขาร็อกกี้ในอเมริกาใต้นกเพนกวิน ในระยะ ๒-๓ ทศวรรษที่ผ่านมา และภเู ขาแอลป์ในยุโรป ธารนำ�้ แข็ง ๑๑๐ แห่งในอุณหภูมิที่ขั้วโลกเหนือสูงขึ้นสองเท่าของอัตรา อทุ ยานแหง่ ชาตมิ อนตานาของสหรฐั ฯละลายหมดเฉลยี่ ของโลก สว่ นที่ขว้ั โลกใต้ระบบลมและคลน่ื ไปแลว้ สว่ นเทือกเขาแอลป์ ธารน�้ำแขง็ รอ้ ยละช่วยป้องกันไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากนักใน ๕๐ ได้ละลายหมดแล้วและส่วนที่เหลือคาดว่าจะระยะ ๓๐ ปีทีผ่ า่ นมา ยกเว้นส่วนทเ่ี ปน็ แหลมซง่ึ ละลายหมดใน ๒๐ ปียนื่ ข้นึ ทางเหนือที่อณุ หภูมิเฉลย่ี ได้สงู ขนึ้ ๓ องศา นอกจากปรากฏการณ์ข้างต้น แผ่นเยือกเซลเซยี สและมนี ำ้� แขง็ แตกออกจาก “หง้ิ ” (shelve) แขง็  (Permafrost) ซงึ่ อยู่ใตพ้ ื้นดินในอลาสก้าและบา้ งแล้ว ทีน่ า่ จับตาและติดตามอยา่ งใกล้ชิดคือ ไซบีเรียก็ก�ำลังละลายด้วย และน่ันส่งผลให้เกิดน�้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์ซึ่งละลายเร็วกว่าท่ีนัก แผ่นดินทรุดและก๊าซมีเทนลอยข้ึนสู่บรรยากาศวทิ ยาศาสตร์ประเมนิ ตลอดมา ถ้าน�ำ้ แขง็ บนเกาะ และก๊าซน้ีจะเร่งให้อุณหภูมิของโลกสูงข้ึนเร็วกว่านลี้ ะลายหมดกจ็ ะทำ� ใหน้ ำ้� ทะเลสูงขน้ึ อกี ๗ เมตร ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เสยี อกีแตน่ กั วทิ ยาศาสตรป์ ระเมนิ วา่ การละลายหมดตอ้ ง นำ�้ แขง็ ทลี่ ะลายสว่ นใหญไ่ หลลงสทู่ ะเลและในใช้เวลาร้อย ๆ ปี ศตวรรษที่ ๒๐ ระดบั นำ้� ทะเลไดส้ งู ขน้ึ แลว้ ระหวา่ ง นอกจากน�ำ้ แข็งทขี่ วั้ โลกเหนอื ข้วั โลกใต้และ ๑๒-๒๒ เซนตเิ มตร และ “ไอพซี ซี ”ี ประเมนิ ว่านำ�้บนเกาะกรีนแลนด์แล้ว โลกยังมีธารน้�ำแข็งอยู่ ทะเลจะสงู ขน้ึ ๑๘-๖๐ เซนติเมตรเม่อื สน้ิ ศตวรรษ36 • เราคดิ อะไร

ท ่ี ๒๑ นำ้� ทะเลทสี่ งู ขนึ้ ทำ� ใหช้ ายฝง่ั ทะเลทว่ั โลกถกู การผลิตแฮมเบอร์เกอรห์ นงึ่ ชิ้น ตอ้ งใช้นำ้� ๓,๐๐๐กดั เซาะอยา่ งหนกั และจะคกุ คามเมอื งทต่ี ง้ั อยตู่ าม ลติ ร (เล้ยี งสตั ว์ ปลูกพืช ฯลฯ) ในปี ๒๐๑๒ ชาวชายฝง่ั ทะเล เชน่ นวิ ยอรก์ ลอนดอน เซยี่ งไฮ้ เวนสิ สหราชอาณาจักรบริโภคแฮมเบอร์เกอร์ประมาณฮานอย และกรุงเทพฯ ฯลฯ นอกจากนั้น น้ำ� หนกั ๓,๐๐๐ ล้านชน้ิ ซึง่ ตอ้ งใชน้ ้�ำถึง ๑๕ ลา้ นล้านลิตรของน้ำ� ทเ่ี พม่ิ ขึ้นในทะเลยงั จะสง่ ผลให้เกดิ ภยั พบิ ัติ ในการผลติ การเลยี้ งไกห่ นง่ึ ตวั ตอ้ งใชน้ ำ�้ ถงึ ๙,๐๐๐เช่นแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด คล่ืนซินามิและ ลิตร การผลติ ชอ็ กโกแลตหน่งึ กโิ ลกรมั ตอ้ งใชน้ �้ำอ่นื  ๆ มากขน้ึ ด้วย ๒๗,๐๐๐ ลิตร และการผลิต “ชปิ ”(Chip) หนึง่ ตวั “เม่อื เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๕๔ นกั ศกึ ษา ส�ำหรับคอมพิวเตอร์แบบ “วางบนตัก” ต้องใช้น�้ำของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดท่ีเลือกเรียนวิชา ถงึ ๗๒,๐๐๐ ลิตร ในปี ๒๐๑๒ (พ.ศ.๒๕๕๕) มกี ารเศรษฐศาสตรก์ ับ ดร.เกรกอรี แมนคิว ไดเ้ ดินออก ผลิต “ชิป” ถึง ๒,๐๐๐ ล้านตัว ซ่ึงหมายถึงการจากห้องเรียนเพ่ือประท้วงการสอนที่มุ่งสอนแต่ ใชน้ ้�ำมากถงึ ๑๔๕ ลา้ นล้านลิตร สรปุ ได้วา่ การเร่ืองตลาดเสรี (ทุนนิยมคาวบอย) แทนท่ีจะสอน ใช้น�้ำของชาวโลกก�ำลังเป็นไปอย่างไม่ย่ังยืนให้นักศึกษาเข้าใจถึงระบบที่หลากหลายเพ่ือช่วย เพราะ “บริโภคนิยม” ท่ถี กู ภวิ ฒั น์ไปทั่วโลก นนั่ให้นักศึกษาสามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์ หมายความว่าการขัดแย้งกันเป็นสิ่งท่ีหลีกเลี่ยงต่าง ๆ ทีเ่ ปน็ จรงิ ไดอ้ ย่างเหมาะสมในอนาคต” ไดย้ ากในโลกทอี่ ณุ หภมู สิ งู ขน้ึ เรอ่ื ย ๆ เชน่ ระหวา่ ง Kalle Lasn,2012 อนิ เดยี ปากสี ถาน และบงั คลาเทศ ซง่ึ ใชแ้ ม่นำ�้ บรรณาธิการของหนงั สือชื่อ รว่ มกัน หรือในอฟั ริกาเหนอื ระหวา่ งอยี ิปตแ์ ละ The Creative Destruction เอธิโอเปีย รวมทั้งอาจเกิดการขัดแย้งระหว่าง Of Neoclassical Economics สหรัฐและคานาดา ซ่ึงใช้ทะเลสาบ “เกรตเลก”  หมายเหตุ: หนังสือข้างต้นร่วมกันเขียนโดย (Great Lake) ร่วมกนั ดว้ ยนักเศรษฐศาสตร์ช้ันน�ำ เช่น โจเซฟ อี.สติกลิตส์ ชาวโลกจ�ำนวนมากต้ังถิ่นฐานอยู่ใกล้แม่น้�ำเฮอรแ์ มน เดลี และอื่น ๆ อกี หลายคน ลำ� คลอง ทะเลสาบ และทะเล เพราะสามารถใชน้ ำ้� ส�ำหรับการอุปโภคบรโิ ภค เดนิ เรอื และเพาะปลูกทะเลสาบหดแม่น�ำ้ แห้ง อยา่ งไรกต็ ามแหลง่ นำ้� จำ� นวนมากกำ� ลงั ถกู คกุ คาม อยา่ งหนกั เพราะลทั ธบิ รโิ ภคนยิ ม นอกจากคณุ ภาพ เม่ือ ๒๐๐ ปีก่อนชาวโลกโดยรวมใช้น้�ำจืด ของน้�ำจะถูกท�ำลายด้วยการปนเปื้อนของสารประมาณ ๖๐๐ ลูกบาศก์กิโลเมตรต่อปี แต่เมื่อ เคมี และมลพิษนานาชนิดจากบ้านเรือน โรงงานถึงปี ๒๐๒๖ (พ.ศ.๒๕๖๒) เราจะใช้น�้ำถึง ๔,๐๐๐ และการเกษตรแล้ว ขนาดของแหล่งน�้ำจ�ำนวนลูกบาศก์กิโลเมตรต่อปี เน่ืองมาจากการเพิ่มขึ้น มากยังหดหายและเหือดแห้งเพราะการถูกรีดนา-ของประชากรและแต่ละคนใช้น�้ำมากขึ้น การใช้ ทาเร้นอย่างหนักด้วย ตัวอย่างเช่น “ทะเลสาบนำ้� จดื ของโลกเพมิ่ ขนึ้ ในอตั ราสองเทา่ ของการเพมิ่ อาราล”ในเอเชียกลาง ซึ่งเคยเป็นทะเลสาบนำ้� จดืขึ้นของประชากร ร้อยละ ๗๐ ของน�้ำที่ใช้ถูกใช้ ทใี่ หญเ่ ปน็ อนั ดบั สข่ี องโลก ไดเ้ หอื ดแหง้ จนมขี นาดเพื่อการเกษตรและส่วนใหญ่ท่ีใช้ได้จากน้�ำใต้ดิน เหลือเพียง ๑ ใน ๑๐ ของในอดตี เพราะแม่นำ้� สองซ่ึงก�ำลังร่อยหรอลงอย่างรวดเร็วเกิดกว่าการ สายท่ีไหลลงทะเลสาบได้ถูกดูดไปใช้ท�ำไร่ฝ้ายบนทดแทน ฝนทีต่ กลงมาต้องใช้เวลา ๑๐๐-๑,๐๐๐ ปี สองฝง่ั แม่นำ�้ จนเกือบไม่มีนำ้� ไหลลงทะเลสาบอกีในการแทรกซมึ ผา่ นชน้ั ดนิ และหนิ ลงไปอยใู่ นแหลง่ ต่อไป ในอฟั รกิ า ทะเลสาบ “ชาด” หดขนาดลงใต้ดิน ความต้องการอาหารท่ีเพ่ิมขึ้นอีกร้อยละ เหลือเพียงร้อยละ ๕ ของขนาดในปี ๑๙๖๐ (พ.ศ.๕๐ ของปัจจบุ นั เมอ่ื ถงึ ปี ๒๐๕๐ จะสง่ ผลกระทบ ๒๕๐๓) ส่วนในจนี ทะเลสาบ ๘๐๐ แหง่ ในหุบเขาอยา่ งมหาศาลตอ่ แหลง่ นำ�้ จดื ของโลก ตวั อยา่ งเชน่ ปีที่ ๒๔ ฉบบั ท่ี ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 37

ของแม่น้�ำแยงซีเกียงได้เหือดแห้งไปใน ๕๐ ปีท่ี เมษายน ๒๐๑๒ ฝนุ่ ทรายลอยไปปกคลมุ กรุงโซลผ่านมา และแม่น้�ำแยงซีเกียงเองก็เกือบจะไม่มี ของเกาหลีใต้จนต้องปิดโรงเรียน ยกเลิกการบินน�้ำไหลลงทะเลในฤดูร้อน เหมือนแม่น�้ำเมอร์เรย์ และมีคนป่วยลน้ คลนิ ิก เกาหลใี ตต้ ้องเผชญิ กับฝุน่และดาร์ลิ่งในออสเตรเลีย ซ่ึงถูกขุดรีดอย่างหนัก จากจีน ๓๙ วันในทศวรรษ ๑๙๘๐ แล้วเพ่ิมเป็นเพ่ือการเกษตรแบบ “รวยเร็ว” ซาอุดิอาระเบีย ๗๗ วันและ ๑๘๘ วันในปี ๒๐๐๕ และ ๒๐๑๑ต้องเลิกปลกู ขา้ วสาลีเพอื่ การบริโภค และต้องหัน บางครั้งฝุ่นทรายลอยไปถึงญ่ีปุ่นและด้านตะวัน-ไปน�ำเข้าใน ๒-๓ ปีขา้ งหนา้ เพราะแหลง่ นำ�้ ใตด้ ิน ตกของสหรัฐฯ ส�ำหรับในอเมริกา แอนกรู โกดี้กำ� ลงั จะหมด หลงั จากถกู สบู ขน้ึ มาใชต้ ลอด ๒๐ ปที ี่ ศาสตราจารย์กิตติคุณทางภูมิศาสตร์ ของมหา-ผา่ นมา ตวั อยา่ งขา้ งตน้ เปน็ เพยี งสว่ นหนง่ึ ของการ วิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด รายงานว่าพายุฝุ่นในทะเล“หดและแห้ง”ของแหล่งน้�ำจืดทั่วโลก นอกจาก ทรายซาฮาราเพม่ิ จำ� นวนขนึ้ ๑๐ เท่าในระยะ ๕๐น้ันเม่ือน้�ำแข็งละลายมากข้ึน น�้ำจืดท่ีได้จากการ ปีท่ีผ่านมาและน�ำฝุ่นทราย ๒.๓ พันล้านตันข้ามละลายของน�้ำแข็งบนภูเขาหลายแห่งทั่วโลก เช่น มหาสมทุ รแอตแลนตกิ ไปทำ� ลายความอดุ มสมบรู ณ์ในอเมริกาใต้ ในแคลฟิ อร์เนีย ในแถบภูเขาแอลป์ ของเกาะต่าง ๆ ในทะเลแครบิ เบยี นของยุโรปและในที่ราบสูงธิเบตก็จะร่อยหรอหรือ ระหว่างปี ๑๙๗๐-๒๐๑๐ การเลี้ยงสัตว์ของหมดไป ทงั้ หมดอาจจะเกดิ ขนึ้ ใน ๒๐-๓๐ ปขี า้ งหนา้ โลกเช่นวัวและแกะ ขยายตัว ๓๒ เปอร์เซ็นต์ องคก์ ารสหประชาชาตปิ ระเมนิ วา่ เมอ่ื ถงึ กลาง ส่วนแพะเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า การขยายตัวส่วนศตวรรษที่ ๒๑ พื้นทร่ี ้อยละ ๔๐ ของโลกจะขาดนำ�้ ใหญ่เกิดข้ึนในเอเชียและแอฟริกา และนั่นท�ำให้ “สงครามโลกครงั้ ตอ่ ไป ทะเลทรายกอ่ ตวั ขน้ึ ในหลายประเทศ เชน่ ไนจเี รยี จะเกิดจากการแยง่ นำ้� ” บงั คลาเทศ ปากีสถาน มาลี อลั จเี รยี และอนิ เดยี ธนาคารโลก ๒๐๑๒ ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคต่อการ ผลิตอาหารเพื่อเลี้ยงประชากรท่ีก�ำลังเพ่ิมขึ้นเป็นการขยายตวั ของทะเลทราย ประมาณ ๙,๑๐๐ ล้านคนในปี ๒๐๕๐ ความแห้งแล้งท่ีร้ายแรงเพิ่มจ�ำนวนข้ึนต้ังแต่ ในปจั จบุ นั ทะเลทรายใหมส่ องแหง่ กำ� ลงั กอ่ ตวั ปี ๑๙๖๔ (พ.ศ.๒๕๐๗) ระหวา่ งปี ๒๐๐๐-๒๐๑๑ข้ึน แห่งที่หน่ึงเกิดข้ึนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ความแห้งแลง้ รุนแรงเกดิ ขึ้นทัว่ โลกรวม ๑๕ แหง่ของจีนและมองโกเลีย อีกแห่งหน่ึงอยู่ระหว่าง และส่วนใหญ่เกิดขึ้นในอัฟริกา จีน และอินเดียโซมาเลยี เอธิโอเปยี ซเี นเกลิ และมอริแทเนีย ทง้ั ความแห้งแล้งเชื่อมโยงกับไฟป่า ในปี ๑๙๙๘ สองแหง่ ครอบคลมุ พน้ื ทขี่ นาดมหึมา (พ.ศ.๒๕๔๑) ไฟป่าคร้ังใหญ่ที่สุดในโลกสมัยใหม่ จนี กำ� ลงั เผชญิ ปญั หาทร่ี า้ ยแรงทสี่ ดุ ตงั้ แตเ่ รมิ่ เกิดขึ้นในอินโดนีเซียและมันส่งควันขึ้นครอบคลุมปฏริ ูปเศรษฐกิจในปี ๑๙๗๘ จำ� นวนสัตวเ์ ล้ียงเช่น ไปถึงสิงคโปร์และมาเลเซีย ในสหรัฐฯ ไฟป่าในววั แกะและแพะ ไดเ้ พม่ิ จ�ำนวนเป็น ๓๖๙ ลา้ นตัว รัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งเคยดับได้ในเวลาเพียงหน่ึง(สหรัฐมี ๑๐๓ ล้านตัว) สัตว์เหล่าน้ีท�ำลายหญ้า สัปดาห์ กลับต้องใช้เวลาเป็นเดือน ๆ ในปัจจุบันและพชื อืน่  ๆ จนดนิ อยู่ในสภาพเปลอื ยเปลา่ และ ในปี ๒๐๐๙ (พ.ศ.๒๕๕๒) ไฟป่าในรัฐวิคตอเรียของเปลี่ยนเป็นทะเลทราย ระหว่างปี ๑๙๕๐-๑๙๗๕ ออสเตรเลยี กลนื ชวี ติ ผู้คนไป ๑๗๓ ชวี ิต และมีผู้พื้นที่ ๙๖๐ ตารางกิโลเมตรได้กลายเป็นทะเล บาดเจบ็ อกี กวา่ ๔๐๐ คน ไฟปา่ ในรสั เซยี ในปี ๒๐๑๑ทรายในแต่ละปี และเพม่ิ เป็นกวา่ ๒,๐๐๐ ตาราง (พ.ศ.๒๕๕๔) ส่งควนั ครอบคลมุ ทว่ั เมอื งหลวงและกโิ ลเมตรต่อปี เมอ่ื สน้ิ ศตวรรษที่ ๒๐ พายฝุ ุ่นจาก ผลติ ผลทางการเกษตรลดลงรอ้ ยละ ๓๐ จนรฐั บาลทะเลทราย ๑ ล้านตันครอบคลุมหลายเมืองในห้า ตอ้ งหา้ มการส่งออก และส่งผลให้อาหารในตลาดมณฑลของจีนมากกว่า ๑๐ ครั้งต่อไป ในเดือน38 • เราคดิ อะไร

โลกมีราคาสูงขึ้น ระหว่างทศวรรษ ๑๙๙๐ (พ.ศ. เช่น นิวยอร์ก นวิ ออรล์ ีน ลอนดอน กรุงเทพ นคร๒๕๓๓) ไฟเผาผลาญป่าทัว่ โลกไป ๔๖,๑๖๖ ตาราง โฮจมิ นิ ห์ นครเซยี งไฮ้ บงั คลาเทศ รวมทง้ั ชาวเกาะกิโลเมตร แต่ในทศวรรษ​๒๐ (พ.ศ.๒๕๔๓) โลกสญู ในมหาสมุทร เชน่ มลั ดีฟล์ ชาวเกาะในมหาสมุทรเสยี ป่าไปเพราะไฟถงึ ๗๓๖,๕๘๓ ตารางกิโลเมตร แปซฟิ กิ บางเกาะ เชน่ ตวู าล(ู Tuvalu) ไดท้ ำ� สญั ญาฉะนน้ั ไมม่ ขี อ้ สงสยั เลยวา่ อณุ หภมู ทิ สี่ งู ขน้ึ จะทำ� ให้ กับรัฐบาลนิวซีแลนด์เพ่ืออพยพไปอยู่ท่ีนิวซีแลนด์ปัญหานีร้ า้ ยแรงขน้ึ ในอนาคต แลว้ “ในการพจิ ารณาตดั สินใจทุกอย่างทเี่ ราทำ� ในทศวรรษ ๑๙๗๐ ภยั พบิ ตั ิ ๖๖๐ กรณเี กดิ ขน้ึเราต้องใคร่ครวญถึงผลก ระทบของการตัดสิน ทว่ั โลกซง่ึ ไดแ้ กค่ วามแหง้ แลง้ อทุ กภยั อณุ หภมู สิ งูใจที่จะเกดิ แต่คนร่นุ ต่อไปถึงเจด็ รุน่ ” หรือต่�ำผิดปกติ ไฟป่าและพายุขนาดใหญ่ พอถึง กฎอนั ยิง่ ใหญข่ องสหพันธไ์ อโรวอยส,์ สหรฐั ฯ ทศวรรษ ๒๕๐๐ จำ� นวนของภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาติ ประกอบด้วยอินเดียนแดงหกเผ่า เพ่มิ ขึ้นเปน็ ๓,๓๒๐ ครัง้ หรอื เพมิ่ ขนึ้ ๕ เทา่ ของ ที่เคยมใี นเวลาเพียง ๓๐ ปี ในสหรัฐฯ ความเสยี เมอื่ กวา่ ๒๐๐ ปที แ่ี ล้ว หายจากมหาพายุแซนด้ีในปี ๒๐๑๔ (พ.ศ.๒๕๕๗) มีมูลค่า ๖๕ พันล้านดอลลาห์ และเฮอร์ริเคนไอภยั พบิ ัติ ลีนท่ีเกิดหน่ึงปีก่อนหน้าน้ัน สร้างความเสียหาย ๑๘.๗ พันลา้ นดอลลาห์ ในปี ๒๐๑๑ ธรรมชาติได้ บริษทั มิวนิก ร ี (Munich Re) ยักษ์ใหญด่ า้ น สรา้ งความเสยี หายใหช้ าวโลกเปน็ มลู คา่ อยา่ งนอ้ ยประกันภัยของเยอรมนีเปิดเผยว่า “ระหว่าง ๓๘๐ พันล้านดอลลาห์ทศวรรษ ๑๙๖๐-๑๙๙๐(พ.ศ.๒๕๐๓-๒๕๕๓) หรอื ใน เม่ือปี ๒๐๐๖(พ.ศ.๒๕๔๙) นิโคลัส เสติร์นระยะเพยี ง ๓๐ ปี ความสญู เสยี จากภัยธรรมชาติ อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกเพ่ิมขึ้นแปดเท่า ภัยพิบัติทั้งหมดเกิดจากความ กลา่ วเตอื นไวใ้ นรายงานทเี่ ขายน่ื ตอ่ รฐั บาลองั กฤษรุนแรงสุดขีดของภูมิอากาศและเมื่อถึงปี ๒๐๖๕ เกี่ยวกับวิกฤตและมิคสัญญีท่ีจะเกิดขึ้นจากการ(พ.ศ.๒๖๐๘) หรอื อกี ประมาณ ๖๐ ปขี า้ งหนา้ มลู คา่ เปลยี่ นแปลงของภมู อิ ากาศวา่ “ความเสยี หายทจี่ ะความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจะสูงกว่ามูลค่าของ เกดิ ขนึ้ จากการแกไ้ ขทลี่ า่ ชา้ จะสงู กวา่ ทจี่ ะสามารถทรัพย์สินท่ีทำ� ประกันไว้” รับได้ และยง่ิ ทอดเวลาออกไป ความเสยี หายก็จะ องค์การสหประชาชาติ เปิดเผยว่า ใน ย่งิ สงู ข้ึนขัน้ เทา่ นนั้ ”ปี ๑๙๗๐(พ.ศ.๒๕๑๓) ผู้ที่ประสบความสูญเสีย อนงึ่ ภยั พบิ ตั ิในอนาคตจะสง่ ผลอนั เลวร้ายกจากภัยธรรมชาติมีเพียงประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ คน ว่าในปัจจุบันต่อประเทศก�ำลังพัฒนาและประเทศพอถึงทศวรรษ ๑๙๙๐ (พ.ศ.๒๕๒๓) ตัวเลขก็ ยากจน เพราะขาดท้ังเทคโนโลยีและงบประมาณพุ่งขึ้นเป็น ๑๘ ล้านคนหรือเพ่ิมขึ้น ๖๐ เท่า ใน ตัวอย่างเชน่ พายุ “ไห่เอย่ี น” ที่ถล่มฟลิ ปิ ปนิ ส์เม่อืปี ๒๐๑๐ (พ.ศ.๒๕๕๓) ผู้คนท่ีต้องอพยพหนีภัย ปลายปี ๒๐๑๔(พ.ศ.๒๕๕๗) ได้ท�ำให้ผู้เสียชีวิตถึงทางธรรมชาติมีจำ� นวนถึง ๒๕๐ ล้านคน ในเวลา ประมาณ ๕,๐๐๐ คน และทรัพย์สินเสียหายอีกเดียวกัน คณะกรรมการติดตามการเปล่ียนแปลง หลายพันล้านดอลลาห์ และแผ่นดินไหวในเนปาลของภูมิอากาศ(Intergovermental Panel on เม่อื ปี ๒๕๕๘ ก็เปน็ ตวั อยา่ งท่ดี ใี นเรื่องน้ีเช่นกันChimate Change-IPCC) ที่ต้ังขึ้นโดยองค์การ “เราก�ำลังท�ำสงครามกับระบบโลก ซึ่งเราสหประชาชาตไิ ดเ้ ปิดเผยการประเมนิ ในปี ๒๐๐๗ ไมม่ โี อกาสจะชนะแมแ้ ต่นอ้ ย”(พ.ศ.๒๕๕๐)ว่า เมอื่ ถงึ ปี ๒๐๘๐ (พ.ศ.๒๖๒๓) หรือ เจมส์ เลฟิ ลอ็ ก นกั วทิ ยาศาสตรช์ น้ั น�ำชาวองั กฤษ๖๖ ปีข้างหน้า คนหลายสิบล้านคนจะต้องเผชิญ ได้รับพระราชทานรางวลั จากพระราชนิ ีองั กฤษหน้ากับอุทกภัยทุกปี อันเนื่องมาจากน�้ำทะเลที่สูงข้ึน ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่คือผู้ท่ีอาศัยในที่ราบต�่ำ ปีที่ ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๖ กรกอฎ่าาคนมตอ่๒ฉ๕๖บ๑บั ห•นา้39

สงั คมโลกมนษุ ย์เดนิ ทางดว้ ยอตั ตาตัวตน โอ่โชว์โฉมไมห่ ยุดหย่อน แม้เหน็ดเหนอ่ื ย แมท้ ุกข์ยาก ก็ไมม่ ใี ครยอมใคร บา้ งก็เบง่ ด้วยทรัพย์สินเงินทอง บ้างกเ็ บง่ ดว้ ยวาจาคำ� พดู บา้ งกเ็ บง่ ดว้ ยเสือ้ ผา้ การแต่งกาย บา้ งก็เบ่งดว้ ยบ้านหรู ๆ...โรคเวรโรคกรรม...โรคแหง่ อตั ตาตวั ตน ๑. ขา่ วรา้ ย...​​โรคนวี้ งการแพทยย์ งั ไมย่ อมรบั จับน่ังวปิ ัสสนากแ็ ล้ววา่ เปน็ โรค ยงั ไม่ประกาศเปน็ ทางการ ภาวนายุบหนอพองหนอก็แลว้ “มะเรง็ ” เขน่ ครา่ ชวี ติ ผคู้ นมากมาย แต ่ “อตั ตา” พจิ ารณาเกดิ ขนึ้ ตงั้ อยู่ ดับไป ก็ฝกึ ฝนฆ่าคนมากกว่านนั้ ! แต่จุดอ่อนของการศึกษาพิฆาตท�ำลาย “โรคอัตตา” เป็น แ ล้วก่อเกิดโรคข้างเคียง “อัตตา” เขาใช้เวลาฝึกฝนนอ้ ยไปมหาศาล เมอ่ื คนไข้ตายจึงไมม่ ีใครบอกวา่ เป็นโรค นั่งภาวนายังนอ้ ยไป ต้องเอากลับบ้านอตั ตาตาย! ไปทำ� ตอ่ ทบทวนบอ่ ย ๆ และที่สำ� คัญ...ต้องมี ๒. สถานการณ์ปัจจุบัน... สังคมมนุษย์มีคน โจทยใ์ หฝ้ ึกฝน ปฏบิ ัติอยู่ ๔ จำ� พวก ทา่ นเป็นคนจ�ำพวกไหน ภาษาพระ ทา่ นจะหมายถึงการมี “ผัสสะ” คนชวั่ หลงลาภ-คนดหี ลงยศ-คนธรรมดาหลง ขาดผัสสะ... รอ้ ยร้ไู ม่สู้ ๑ ท�ำ ร้อยทำ� จะได้ ๑สรรเสริญ และปุถชุ นหลงสขุ ! อ๋อ ร้อยอ๋อจะได้ ๑ รู้แจง้ ! บ้านเมืองวอดวายเพราะคนมันทุจริต สมการคณติ ศาสตรม์ ปี ระการดว้ ยฉะน.้ี ..คอรร์ ปั ชนั่ โกงกนิ ทกุ หยอ่ มหญา้ นค่ี อื สงิ่ ทค่ี นชวั่ ทำ� ๔. สมุทัยของอัตตา...แต่แรกจิตเดิมแท้ แต่ “คนดี” ก็ท�ำร้ายท�ำลายบ้านเมืองด้วย สบาย ๆ หลั่นลา้  ๆ แต่นานวันผ่านไป แขกจรมา“อตั ตาตัวตน” เยี่ยมบา้ นบ่อย ๆ สดุ ทา้ ยยึดบา้ นของเรา! ถือทิฐิ-ถือศกั ดิศ์ รี-ถือตวั ถือตน-ถือตวั กขู องกู! วนั  ๆ กพ็ รำ่� พรรณนา...กคู อื ก.ู ..ไมร่ จู้ กั กเู หรอ? ๓. สำ� นกั วปิ สั สนาคดิ คน้ ... แปลกแตจ่ รงิ วชิ า ทีอ่ ยขู่ องอัตตา นอนอย่ใู ต้เตยี ง สงบนงิ่ แต่ท�ำลายอตั ตา มีผพู้ ยายามคิดคน้ ฆา่ มันให้ส�ำเรจ็ ! อยา่ มาแหย่กูเชยี วนะ จะบอกให!้40 • เราคดิ อะไร

เสือหลับระวังจะตื่นนะโว้ย โคตรดุเลยแหละ! แมเ้ หนด็ เหน่อื ย แม้ทกุ ข์ยากกไ็ ม่มีใครยอมใคร ๕. เมอ่ื ใดเสือตน่ื ? ...เม่อื ถูกรกุ ราน บา้ งก็เบ่งด้วยทรพั ย์สินเงินทอง ...เมอ่ื ถกู ละเลย บา้ งก็เบ่งดว้ ยวาจาค�ำพูด ...เมอ่ื ถกู ลบหลู่ บา้ งก็เบ่งด้วยเส้ือผา้ การแตง่ กาย ...เมื่อถูกละเลียด บ้างก็เบง่ ดว้ ยรถยนต์คันแพง บ้านหรู ๆ เม่ือไอ้เสือตื่นก็จะหน้ามืดตามัว...สู้เว้ย...ตาย บา้ งกเ็ บง่ ดว้ ยรอยสักยนั ต์รอบตัวเป็นตาย! บา้ งกจ็ ดั งานวันเกดิ เพอื่ ดบู ารมตี ัวเอง หรอื ไมก่ ถ็ อยกรูด หลบมุมไปเลยี แผล ไปแทง บา้ งกต็ รวจรายชอื่ ใครมาเย่ยี มตอนปว่ ย...ข้างหลงั ไปนนิ ทา ไปแอบหม่ันไสอ้ ย่หู ลงั บา้ น! อตั ตานน้ั ...ตน่ื ตวั ตน่ื รู้ สมใจกย็ มิ้ แยม้ ไมส่ มใจ วิชาล้าง “อัตตา” น้ัน เรียนปริญญาเอกยัง ก็บึ้งตึง-ขึง้ โกรธ-หงดุ หงดิง่ายกวา่ หลายรอ้ ยเท่า! ๙. เปดิ คณะอัตตาในมหา’ลยั ... คงถึงเวลา ๖. ภาษาไทยอ่านว่า... อัตตาอ่านไทย ๆก็ แลว้ ท่ีจะตอ้ งเรยี นวชิ าอตั ตา แล้วพยายามลดละอัด-ตา หรืออัดลูกกะตา ตาโอนอัดก็ท�ำให้มืดมัว กอ่ นทม่ี นั จะทำ� ลายล้างเผา่ พนั ธ์มุ นษุ ยชาต!ิสติปญั ญาว่ิงหายหมด! สำ� นกั วปิ สั สนาเปิดสอนให้เขม้ ขน้ มองไม่เห็นทาง-มีทิฐิถือดี-ไม่อ่อนน้อมถ่อมตน มหา’ลัยควรต้ังคณะข้ึนมาศึกษาเรียนรู้ให้-หยิ่งยะโส-ไม่ฟังใครแล้วโว้ย-บางทีก็ชอบส่ัง แตกฉานชอบสอน ชอบติคนรอบขา้ ง... ฯลฯ เพอ่ื สงั คม เพอื่ ประเทศชาตจิ ะไดพ้ น้ หลม่ จมปลกั ๗. นิทานอัตตา... เร่ืองท่ี ๑ ยายกะตาเขา้ ทท่ี �ำให้ชีวิตเดอื ดร้อน ทกุ ข์เข็ญมาอย่างยาวนานปา่ ตาสง่ั อะไร ยายกจ็ ะตอ่ ตา้ นทำ� สงิ่ ตรงขา้ ม ยาย การทำ� งานพฒั นาบา้ นเมอื งจะไดม้ พี ลงั แขง็ ขนัอย่าไปนะ ยายก็จะไป ยายอย่าจับ ยายก็จะจับ มกี ารท�ำงานทมี เวริ ค์ ชว่ ยคดิ ช่วยท�ำสุดท้ายตาสั่งอย่าโดดหน้าผา ยายแกก็กระโดด พึงระลึกไว้ คนช่ัวโกงเมือง คนดีหลงอัตตาทันที!... สมเจตนาลุง! ท้ังสองคนเลวรา้ ยพอ ๆ กนั ! เรอ่ื งท่ี ๒ ผวั เมยี นอนอยู่ แตไ่ มไ่ ดเ้ กบ็ กบั ขา้ ว เพราะท้ังสองคนมีส่วนท�ำให้ชาติบ้านเมืองหมาแอบเข้ามากนิ ของเหลอื ต่างฝา่ ยต่างขเ้ี กียจ ฉบิ หาย พินาศ ยอ่ ยยบัจงึ ตกลงกันใครพดู ก่อน ตอ้ งลกุ ไปไล่หมา ผวั เมยี ความทุกข์ของประชาชนจะไมค่ ลาย และมนัอดึ ทง้ั คู่ นอนนงิ่ เงยี บจนหมากนิ กบั ขา้ วหมดเกลยี้ ง! บานเต็มท่วั แผ่นดินทีเดยี วเจียวเหวย! เรอ่ื งท่ ี ๓​ ผัวเมยี ทะเลาะกัน ไมม่ แี พ้ชนะ จึง หมายเหตุตกลงกนั ใครพูดกอ่ น คนน้ันแพ้ หากยึดถือท่านกัสสปเถระเป็นปรมาจารย์ เพอ่ื นบา้ นเขาไมร่ กู้ ม็ าแหยย่ ว่ั เอาปตั ตาเลยี่ น ปฐมแหง่ นกิ ายเซน็ เรากน็ า่ จะยดึ ถอื ทา่ นราหลุ เปน็มาไถหวั ของผชู้ าย ซง่ึ พอดแี กนงั่ อยคู่ นเดียว หัว ปรมาจารยป์ ฐมแหง่ อัตตาตัวตน แหวง่ ก็ยอม เพราะถ้าพดู กจ็ ะแพ้ ตอนทา่ นบวช อตั ตากใ็ หญโ่ ตเพราะถอื วา่ เปน็ เมียกลับมาเ ห็นหวั แหว่งก็ตกใจ ถามเกิดอะไร ลกู ของพระพุทธเจา้ขึ้น ผวั ตัวดลี กุ ขน้ึ เต้นผาง ปรบมือดีใจ “แกแพฉ้ นั ทา่ นไดก้ รรมฐานจากพระพทุ ธองค.์ .. “ราหลุ ...แลว้  ๆ ๆ” เธอจงทำ� ตนเหมอื นแผน่ ดนิ ” ประโยคเดยี วเทา่ นน้ั สรปุ ทง้ั ๓ เรอ่ื ง อตั ตาทำ� ใหฉ้ บิ หายลกู เดยี ว! กบ็ รรลธุ รรม ๘. ปรากฏการณแ์ หง่ อตั ตา สงั คมโลกมนษุ ย์ คนสมัยนี้ก็ช่างกระไร ท�ำตนเป็นนกยูงอยู่เดนิ ทางดว้ ยอัตตาตัวตน โอโ่ ชวโ์ ฉมไมห่ ยดุ หยอ่ น นนั่ แหละ...อตั ตากเ็ ลยใหญเ่ บ้งงง์ !์ ปีท่ี ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 41

• ต่อจากฉบบั ที่ ๓๓๕ ไมม่ แี สงสว่างของพระอาทิตย์(อาโลก สัญญา)ดวงเดยี วกนั รว่ มกับคนอ่นื ไม่มี“ภาย ฉบบั ๓๓๖ นขี้ อแทรกเรอ่ื งสำ� คญั นดิ นอก(พหิทธา)”ออกมาร่วมกับ“โลก”ภายนอกหน่อยกอ่ นอน่ื คอื เรอ่ื งทอี่ า้ งองิ ไดว้ า่ “หลบั ตา” ใตด้ วงอาทติ ยเ์ ดียวกนั กบั ใครเขาเลยปฏบิ ตั นิ นั้ มนั ผดิ ออกนอกพทุ ธ จรงิ ๆ น่ันคอื กเ็ ปน็ ไดแ้ ค“่ สญั ญายะ นจิ จาน”ิ เทา่ นนั้ นักปฏิบัติมิจฉาทิฏฐิทั้ง“๒ สาย”..ไม่ “สญั ญายะ นจิ จาน”ิ หมายความวา่ เราวา่ “สายสวา่ ง(อาภัสรา) หรือสายมดื (สภุ กณิ หา)” กำ� หนดรเู้ ฉพาะของเราอยภู่ ายในจติ ของเราการหลบั ตาปฏบิ ตั นิ นั้ คอื สะกดจติ ตนจมอยู่ เองเทา่ นน้ั วา่ “ภาวะนจี้ รงิ -ภาวะนม้ี -ี ภาวะใน“สญั ญา” เปน็ “เจโตสมาธ”ิ (meditation)ทงั้ สน้ิ น้ีเป็น-ภาวะนี้ได้-ภาวะน้ีแท้-ภาวะน้ีเท่ียง-จะจมอยู่ใน“อดีต ๑๘ อนาคต ๔๔”ตามที่ ภาวะนคี้ อื ตวั ตน”อย่คู นเดยี ว ภายในจติ ตนเองพระพทุ ธเจา้ ตรสั ไวใ้ น“พรหมชาลสตู ร”นน่ั เอง ‘หนง่ึ เดยี ว’เท่าน้นั ” ไม่มอี ะไรรว่ ม“เปน็ ๒”เลยไม่รู้เท่าทัน“ปัจจุบัน” จึงไม่มี“ทิฏฐธรรมนิพ ไมม่ “ี คนอน่ื ”อกี อยา่ งนอ้ ยก“็ ผหู้ นงึ่ -ผู้พาน”ทเ่ี ป็น“นิพพานในปัจจบุ ัน”ของแท้ชัดๆ ใด”รว่ มรู้ หรอื ทกุ คน รว่ มรบั รองกนั ใน“โลก” “โลก”ตอ้ งม“ี ภายนอก” ตอ้ งม“ี แสงสวา่ ง เพราะหลงผิด(โมหะ)“สะกดจิตตนไว้อยู่ ของพระอาทติ ย์ ต้องม“ี จติ นยิ าม”ของผอู้ น่ืแต่ในภวงั ค”์ คอื “ภพภายใน”เทา่ นน้ั จงึ ไดแ้ ค่ ร่วมร้ไู ด้ดว้ ย รว่ มสัมพันธด์ ้วยได้ จงึ จะเรยี ก“สญั ญา”เทา่ นน้ั วา่ เปน็ “นพิ พาน” ซงึ่ “กร็ ไู้ ดแ้ ค่ วา่ “โลก” ทร่ี ว่ ม“โลกเดยี วกนั ” มสี จั จะดว้ ยกนัตนคนเดยี ว” ทีเ่ ป็น“อดีต๑๘ อนาคต๔๔” ไมเ่ ชน่ นน้ั กอ็ ยกู่ นั “คนละโลก(คนละภพ)” ก็พดู กนั ไม่รูเ้ รื่อง กต็ อ้ งเลิกรากันไปแคน่ ัน้ ซงึ่ ไมม่ “ี ภายนอก(พหทิ ธา)”รว่ มดว้ ยเลย “โลก”จงึ คอื ในภาวะทม่ี ที งั้ “ภายนอกจติ ผมู้ แี ต“่ ภายใน(อชั ฌตั ตงั )”จะมแี ต“่ อดตี ๑๘ ของตน” รว่ มเปน็ “ธรรมะ๒ (เทวฺ ธมั มา)”กบั อะไรอนาคต ๔๔”..ไม่มีทิฏฐกาล “ทิฏฐกาล” คอื อน่ื หรอื คนอนื่ ทีเ่ ป็น“จิตนยิ าม”ร่วมด้วยภาวะที่ไม่มีเป็น“ปจั จบุ นั ”แต่อยา่ งใด และ“นพิ พาน”ตอ้ งมีภาวะ“ปจั จบุ นั ”อยู่ มีแต่..ไม่“อดีต”ก็“อนาคต” หรือถ้าจะ พน้ ภาวะ“ปจั จบุ นั ”ไป “ตนจะนพิ พานเปน็ “ปจั จบุ นั ”กเ็ ปน็ เพยี ง“ปจั จบุ นั ของตนคน หรอื ไม่ใช่นพิ พาน”มนั ก็เป็นเอาเองได้สารพัดเดยี วทต่ี นร-ู้ เหน็ -อยู่ในภพภายในแต่ของตน”42 • เราคดิ อะไร

ตามแตต่ นจะยดึ -จะถอื จะปน้ั เอาเองเทา่ นน้ั ก�ำจดั ไปได้จากภายนอกไปหาภายใน ไม่ใช่ เพราะไมม่ “ี ปจั จบุ นั ”ในความเปน็ “โลก” ทำ� จากภายในมาหาภายนอก ตอ้ งภายนอก ก�ำจัดได้หมดก่อน จึงจะท�ำภายในชั้นต้นครบบรบิ รู ณข์ อง“อาโลก” อนั ม“ี แสงสวา่ งภาย แล้วก็ช้ันกลาง ชั้นปลาย ซ่ึงพระพุทธเจ้าก็นอกของพระอาทติ ยร์ ว่ มอย่ดู ว้ ย”(อาโลกสญั ญา) ตรัสไว้ดแี ล้วว่า ภายนอกก�ำจัดงา่ ยกว่า รู้ได้ซงึ่ “คนผอู้ นื่ สามารถรว่ มร-ู้ รบั รอง-ยนื ยนั ดว้ ย” ง่ายเพราะหยาบใหญ่ รู้“ความเป็นตน-เป็น เรา”ของภายนอกปรากฏชดั เสอื่ มกด็ ี เจริญ “นิพพาน”ที่มขี องตนยดึ อยู่ผเู้ ดยี ว ไม่ กด็ ี ตายกด็ ี เกดิ กด็ ี จงึ เรยี นรงู้ า่ ย เบอื่ หนา่ ยเปน็ “ธรรมะ ๒ ทส่ี มั ผสั วโิ มกข์ ๘ ดว้ ยกาย” ไดง้ า่ ย รคู้ วามเปน็ ตัวตน ความเปน็ เรางา่ ยครบถ้วน“วิโมกข์ ๘”ทั้ง ๘ ข้อ และท่ีสุดมี“สญั ญา เวทยติ นโิ รธ(วโิ มกข์ข้อ ๘)”ที่นับเป็น ต่างจาก“นาม”ที่รู้ได้ยากกว่า“นิพพาน”ตามแบบพุทธของพระพุทธเจ้า “นาม”หรือความเป็นพลังงานข้ัน“จิตทรงประกาศเป็นสจั จะสากลในโลก ไม่ ได้ นยิ าม”เทา่ นนั้ จงึ จะเรยี นร“ู้ ความเปน็ ตน-เป็น เรา” พลังงานขั้น“อุตุนิยาม-พีชนิยาม”ไม่มี จงึ เปน็ ไดแ้ ค่ผงู้ มอยู่ใน“ภวงั ค”์ กไ็ ดแ้ ต่ สทิ ธ์ิจะเรียนรู้ได้เอง แม้ของตนเองแทๆ้หลงจมหรอื จบอย่กู บั “นพิ พานในใจตน”เทา่ นน้ั แม้นว่าจะเป็น“จิตนิยาม”ก็เถอะต้องก็เป็นแค่“สัญญา”ตน ไม่ใช่“นิพพาน”ท่ีเห็น ขน้ั “เวไนยสตั ว”์ ดว้ ย จงึ จะเปน็ “พลงั งานขน้ัดว้ ย“ปญั ญาอนั ยง่ิ ” ซงึ่ ตอ้ ง“ลมื ตา”ปฏบิ ตั “ิ เหน็ อาริยะ”ที่สามารถมีประสิทธิประจักษ์เป็นนพิ พาน”อยา่ งคนผ“ู้ ลมื ตา”มสี ตสิ มั ปชญั ญะ ปญั ญาร้“ู ความจรงิ ”ขั้นนี้กันได้ ถึงจะบรรลุปัญญา(จักขุมาปรินิพพุโพติ) ท่ีเกิดจาก“ภาวะที่ “อรหัตตผล”ข้นั สูงสุด“อรหันต์”ส�ำเร็จแท้ลมื ตามผี สั สะ ๖”มชี วี ติ ปกตอิ ยกู่ บั “อาชพี -กมั “อเวไนยสัตว์”เปน็ ไม่ได้ แน่นอนมนั ตะ-วาจา-สงั กปั ปะ”ครบทกุ อริ ยิ าบถตนื่ เตม็ ผเู้ จรญิ เขา้ ขดี “โลกตุ รภมู ”ิ จงึ ถงึ เขตจรงิ พลงั งานของสตั วผ์ เู้ ปน็ “จติ นยิ าม”แลว้ “ครบกาย-ครบใจ”ครบภายนอก-ภายใน สามารถท�ำ“จิต”(ใจ)ของตน ให้ตนเองทั้งมี“ธรรมะ๒” คอื มีทง้ั “รปู ”ทงั้ “นาม”บรบิ ูรณ์ “รู้ถูก”จรงิ ทัง้ “ทำ� ใจตน”ได้แท้ “ทำ� ใจตน”ได้แท้ ทวี่ า่ นี้ กค็ อื ทำ� “จติ จงึ มใิ ชเ่ รยี นรแู้ ค“่ ใจ”ภายในเทา่ นน้ั สว่ นเดียว และมิใช่เรียนรู้อยู่แต่“กาย”ภายนอกเทา่ นน้ั สว่ นเดยี วดว้ ย ต้องร้ทู งั้ นอกและใน และรู้ท้ังการไล่เรียงเป็นล�ำดับลดละ ปที ี่ ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 43

นยิ าม”ของตนให้อยู่ในภาวะเป็น“พีชนยิ าม” ปจั จยั “ใชพ้ ลงั งานเปน็ “นทิ าน” เปน็ เรอ่ื งราวส�ำเร็จส่วนหนึ่ง และภาวะ“จิตนิยาม”ส่วน ของ“จิตนิยาม”ไปอยา่ งดงี ามได้จรงิอนื่ กท็ ง้ั มี“ความร”ู้ (ปญั ญา) จดั การ“ปรบั แตง่ตนเอง”ให้อยู่ในภาวะ“พีชนิยาม-อตุ ุนิยาม” นี้คือ “โลกใหม่”(ปรโลก)หรือ“โลกอื่น”ไดแ้ ท้ ในขณะทต่ี นกย็ งั มคี วามเปน็ “จติ นยิ าม” (ปรโลก)ทพี่ ทุ ธทำ� ได้ มนี ยิ ามวา่ “อเทวนยิ ม”อยู่ด้วยกัน ด้วยตนเองนั้นเองที่ท�ำ“กรรม จึงชอ่ื ว่า“โลกุตระ” เพราะเป็นคนละโลกกันนยิ าม”เอง สำ� เรจ็ เปน็ “ธรรมนยิ าม”อยใู่ นตน ผู้ดบั “เหต”ุ ของโลกยี ์ในใจไปตามลำ� ดบั น้ีคือ สมรรถนะของคนที่พระพุทธเจา้ โดยไม่ตดั ลดั ไมส่ ับสน ก็เปน็ “โลกุตรธรรม”ทรงคน้ พบทฤษฎไี ดด้ ว้ ยพระองคเ์ อง ทเี่ รยี ก ที่มหัศจรรย์ย่ิง ถ้าไม่ตามล�ำดับ ก็วกไปชอ่ื วา่ “พทุ ธธรรม-พทุ ธศาสตร-์ พทุ ธศาสนา” วนมา ดีไม่ดี“วนเข้าขั้นโลกียะ”ไปเลย ซง่ึ รจู้ กั รแู้ จง้ รจู้ รงิ “การเกดิ ”และสามารถ เมอ่ื “ดบั อบายภพ”ได้(นิโรธ)สนทิ สมั บรู ณ์ทำ� “การดบั ”ใหแ้ ก“่ จติ ในจติ ”ของตนไดอ้ ยา่ ง ดีแลว้ ผนู้ น้ั ไมม่ สี ขุ -ไมม่ ที กุ ขอ์ ยู่กบั “อบาย”เป็นจริง จึงสามารถจะ“ดับ”พลังงานส่วน นนั้ ๆได้แล้ว อยา่ งสงา่ ผา่ เผย โดยเรากอ็ ยู่ในที่ต้องการให้“ดับ”ถาวรยั่งยืนนิรันดรก็ได้- สงั คมทม่ี ี“อบาย”นนั้ ดว้ ยได้ อยา่ งมี“จิตใจ”ต้องการเหลือส่วนที่จะ“อาศัย”ใช้สอยก็ได้ สบาย ไม่ลำ� บาก และ“ไม่”แม้แต่แอบเสพสขุ-ไดท้ ง้ั ในภาวะทำ� งานและท่ีใหห้ ยดุ นง่ิ รออยู่ จาก“ความเป็นอบาย”น้ันๆอยู่กบั สงั คม อยู่ ภายในใจของตนเอง ไม่ม“ี แอบเสพ”แล้ว ก็ เป็น“ธรรมะ ๒”ท่ีเรียกว่า จัดการ“รูป หมดสิ้น“อบาย”น้ันได้แท้ กระทั่งใจสะอาดกับนาม”ได้อย่างเก่ง คือ“อภิสังขาร” หรือ เปน็ ขนั้ ๆไปตามลำ� ดบั เรยี บรอ้ ย นา่ อศั จรรย์สามารถจัดการกับภาวะของ“พลังงานบวก(static)และพลงั งานลบ(dynamic)ได้อย่างเก่ง แลว้ กม็ าลด ละ ลา้ งกเิ ลสตวั ตอ่ ไปของ เรา คอื กามใน“กามภพ”ที่เหลือ ก็“ภพ”ที่ เพราะรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“เหตุ-นิทาน- มี“ตาหูจมูกลิ้นกายภายนอก”สัมผัสอยู่-สมทุ ยั -ปจั จยั ”ของพลงั งาน“จติ นยิ าม”อยา่ ง สัมพันธ์อยู่ใน“ภพกาม”สามัญปกติ ที่ในใจถอ่ งแท”้ (โยนโิ ส) และมคี วามสามารถ“ทำ� ใจใน เราหมด“รสสขุ ”กบั “ภพอบาย”นัน้ แลว้ จรงิ ๆใจ”(มนสิการ)ของตนได้อยา่ งเกง่ จริงๆ อบายก็คือ ความต่�ำใน“กามภพ”ของ จงึ สามารถ“ดบั เหต”ุ แลว้ อาศยั “สมทุ ยั - เรา เฉพาะของเรานะ ต่ำ� สดุ ของแต่ละคน44 • เราคิดอะไร

เปรยี บกบั ของคนอนื่ ดไู ด้ เพอ่ื ความชดั “ศรทั ธา”ก็จะต้องมี“ศรัทธาวิมุติก่อน และเจนส�ำหรบั ตน ซงึ่ จะร้ชู ดั ได้เลยวา่ ทแี่ ท้เรา จะต้องผ่าน“ทิฏฐิปัตตะ”ด้วยยังตำ่� กวา่ คนอ่นื เสยี อกี หรือเรายังดีกวา่ คนอน่ื บา้ งกด็ ชู ดั ๆ ตามท“่ี ม”ี อยนู่ นั้ จรงิ ๆ จะได้ ส่วน“ธรรมานุสารี”น้ันขึ้นเป็น“ทิฏฐิพัฒนา“ความต่ำ� ของเรา”นนั้ ๆ ให้ย่งิ ๆขึ้น ปตั ตะ”เลย ไม่ต้องลงไปผ่าน“ศรทั ธาวิมุต”ิ ที่“ต�่ำสุด”ของเราก็ส�ำคัญของเรา นั่น เพราะม“ี ปญั ญา”รจู้ กั รแู้ จง้ รจู้ รงิ “กาย”แหละ“อบาย”ของเรา แมจ้ ะสูงกว่า“คนอ่นื ” สมั มาทฏิ ฐทิ กุ ภาวะปรากฏมาตลอดละเอยี ดก็คือ“อบาย”ของเรา เพราะนี่คือ“ช่ัวต่�ำสุด และสามารถปฏบิ ัติตาม“วโิ มกข์๘”ได้บริบรู ณ์ของเรา” “อบาย”คอื “ต่ำ� สดุ ” ก็ของตนๆ ผปู้ ฏบิ ตั อิ ยา่ งสมั มาทฏิ ฐ-ิ สมั มาปฏบิ ตั ิ ผู้ละล้างก�ำจัดกิเลสได้แล้วในใจตน ก็ จึงเกดิ ผล ที่เปน็ “ทฏิ ฐปิ ัตตะ”น่แี หละ ผู“้ หลุดพ้นจากภพ” ไปแตล่ ะภพๆ ไม่ใช่แค“่ ศรทั ธาวิมุติ”เท่านั้น นี้คือ “ผู้ได้สดับ”แล้วปฏิบัติจน“ใจตน ซง่ึ “ทฏิ ฐปิ ตั ตะ”น้ี หมายความวา่ “บรรลุมีความหลดุ พน้ ”จาก“ภพ”ตำ�่ ไปเปน็ ลำ� ดบั ๆ อย่างบริบูรณ์พร้อมทัง้ “ปญั ญาอันยง่ิ ” แต“่ ศรทั ธาวมิ ตุ ”ิ นน้ั ยงั ไมม่ “ี ปญั ญาอนั แม้จะ“ได้สดับ” จะเขา้ ใจอยา่ งลกึ ซง้ึ ใน ยง่ิ ”เพยี งพอ คอื ยงั ไม่ม“ี อภปิ ญั ญา” ทเ่ี รยี กให้ค�ำวา่ “โลกตุ ระ”ก็ตาม แตถ่ า้ คนผู้นนั้ “จติ ใจ” ยงิ่ ขึ้นว่า“อภปิ ัญญา” เพราะ“ปญั ญา”นีเ้ ปน็ยังไม่มีผลจิตเข้า“กระแสโลกุตรธรรม” (โสตา “ความรู้”ข้ัน“โลกุตระ” มันย่ิงกว่าความรู้ขั้นปันนะ)แม้ขัน้ ต้น ก็คอื ผู้ยงั ไม่“หลดุ พ้น”เลย “โลกยี ะ”ไปจรงิ ๆ ซง่ึ มนั รคู้ รบทง้ั สภาวะและ ล�ำดบั แม้ท่สี ดุ รู้ความเปน็ “กรรมกบั กาละ” พลังงานจิตของเราผู้เริ่ม“เข้ากระแส จึงรู้จักรู้แจ้ง“ความเป็น“ศรัทธานุสารี-ธรรมโลกตุ ระ” ผู้ปฏิบัติของพุทธจะต้องมี ธรรมานุสารี-ศรัทธาวิมุติ-ทิฏฐิปัตตะ-กาย“สัญญา” กำ� หนดรู้“พลงั งาน”นัน้ ก่อนแล้วจงึ สกั ข-ี ปญั ญาวมิ ุติ-อุภโตภาควมิ ตุ ิ”จะรจู้ รงิ ยงิ่ ขน้ึ จาก“ศรทั ธานสุ าร”ี สายศรทั ธา สาย“สัทธา(ศรัทธา)”นั้นมีธาตุแท้ของและจาก“ธรรมานสุ ารี”สายปัญญา “ส+ท+ธ” ส่วนสาย“ปัญญา”นั้นมีธาตุแท้ ของ“ป+ญ+ญ” สาย“ศรทั ธานสุ าร”ี กบ็ รรลเุ ป็น“ศรัทธา สาย“สัทธา”มีธาตุพลังงานลบ(dy-วมิ ุต”ิ สว่ นสาย“ปญั ญา”คอื “ธรรมานสุ าร”ีก็จะบรรลุเป็น“ทิฏฐิปัตตะ”เลย ซึ่งสาย ปีที่ ๒๔ ฉบบั ที่ ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 45

namic)คือ“ส” และพลังงาน fa336.jpg บวก “เจตสกิ ๕”มาแลว้ จรงิ คอื “ปรสิ ทุ ธา-ปรโิ ยทา(static)คือ“ท+ธ” จึงมีสภาพ“น่ิง,ไม่ปรุง ตา-มทุ -ุ กมั มญั ญา-ปภสั รา” (สทั ธา ก็คอื ศรทั ธา)งาน”มากกว่า“เคล่ือน,ปรุงงาน” ฉะนั้นก็มี“พัฒนาการ,ผลงาน”น้อยกว่า เพราะมี สายสัทธาจงึ ตอ้ งมี“ปัญญา”ให้“สัมมาภาวะ“น่ิง”หรือภาวะ“ไม่ทำ� งาน”มาก กว่า ก็ ทฏิ ฐ”ิ จงึ จะผา่ น“ทฏิ ฐปิ ตั ตะ”ไดไ้ ปส“ู่ กายสกั ข”ีกา้ วไปได้น้อยกว่า ก“็ ตามจรงิ ”นีแ้ ท้ๆ ทมี่ ที ัง้ “ปญั ญา”ทงั้ “ศรัทธา”ครบ สองส่วน ส่วนสาย“ปัญญา”มีธาตุพลังงานลบ แลว้ จึงจะผ่าน“กายสักขี”ดว้ ยกนั ทั้งคู่(dynamic)คือ“ญ+ญ” กับพลังงานบวกคือ“ป” โดยเฉพาะสาย“ศรัทธา”ต้อง“เห็น”ว่า“หลุดปรงุ แตง่ กนั ,ทำ� งานจดั การ”จงึ ม“ี พฒั นาการ, พ้น”แล้วด้วย“ปัญญา”ที่มี“กาย”เป็นพยานผลงานมากกวา่ ”จรงิ กเ็ ปน็ ไปตาม“ธาต”ุ แทท้ ี่ หลกั ฐาน โดยต้องมีจิตสัมผัส“อาการ”ของมจี รงิ นนั้ ๆ ไม่ใช่ไปกดขม่ หรอื ลำ� เอยี งใดๆ กระแสจิตที่เดินทางไปสู่ทิศท่ีตรงกันขา้ ม กับกระแสโลกีย์ อย่างรู้จักรู้แจ้งรู้จริงชัด “สายสทั ธา(ศรทั ธานสุ าร)ี ”จงึ ไดว้ มิ ตุ กิ เ็ ปน็ เจนแท้ ใน“ความแตกต่าง”(ลิงคะ)ของกระแสแบบศรัทธาเรยี กว่า“สัทธาวมิ ตุ (ิ ศรทั ธาวิมตุ ิ)” “โลกียะ” กับกระแส“โลกุตระ” ซึ่งมี“นิมิต” หรือมี“เครื่องหมาย”ให้ตนเองรู้ชัดๆ ตาม สว่ น“สายปญั ญา(ธมั มานสุ าร)ี ”จงึ ไดว้ มิ ตุ กิ ็ “อเุ ทศ”(คำ� สาธยายอธบิ าย)ที่ไดย้ นิ ไดฟ้ งั มาจากเปน็ “ทฏิ ฐปิ ตั ตะ” ซงึ่ “ทฏิ ฐปิ ตั ตะ”หมายความ พระพทุ ธเจา้ หรอื จากสตั ตบรุ ษุ ครบ“อาการ-ว่า บรรลุ(ปัตตะ)ด้วย“ทิฏฐิ”ที่มี“ปัญญา”น�ำ ลิงคะ-นิมิต-อุเทศ”(พระไตรปฎิ ก เลม่ ๑๐ ข้อ๖๐)จงึ “สมั มาทฏิ ฐิ”ไดเ้ รว็ ไดง้ า่ ย ได้คลอ่ งกวา่ แท้ ซงึ่ มิใชเ่ ดา(อตกั กาวจรา)หรอื มแี ต“่ ตกั กะ” ส�ำหรับ“สายศรัทธา(สัทธานุสารี)”น้ันได้ ทวา่ มี“ธาตุรู้ท่ีมีความจรงิ ของปญั ญา”แทๆ้วมิ ตุ กิ ็ได้วิมุติท่ีเป็น“สัทธาวิมุติ” ซึ่ง“สัทธาวมิ ตุ ”ิ นี้ หมายความวา่ บรรลุ(ปตั ตะ)ดว้ ย“สทั ธา” “เขา้ กระแสธรรมโลกตุ ระ” หมายความทมี่ “ี สทั ธา”นำ� ไม่ม“ี ปัญญา”นำ� จงึ “สมั มาทฏิ ฐ”ิ วา่ ผู้น้ันรู้จักจิตใจตนเอง อา่ นจติ ใจตนเองได้ชา้ ได้ยาก ได้ไม่แววไวเทา่ “สายปญั ญา” ไดจ้ รงิ วา่ จติ ใจตนอยู่ในทศิ ทางของ“เคหสิต เวทนา”(ความรสู้ กึ แบบโลกยี )์ อนั เป็น“มโนปวจิ าร เพราะสายสัทธามี“มุทุภูตธาตุ”ไม่เท่า ๑๘”ในเวทนาโลกยี ธรรมมากอ่ น แลว้ สามารถสายปัญญาที่พฒั นา“อเุ บกขาองค์๕”มาครบ ทำ� จิตใจของตน(มนสกิ โรติ)ให้“ออกจากกรอบ “อุเบกขา ๕”ที่สายปัญญาได้พัฒนา46 • เราคดิ อะไร

โลกียะ”เข้าสู่กระแส“โลกุตระ”(เนกขัมมสิต (วิ)เสร็จแล้ว]-กระทง่ั ม“ี วจิ าร”(อาการของจติ -เจตสกิเวทนา)ได้ส�ำเร็จ แม้ขั้นแรกข้ันต้น ช่ือว่า ท่ีดีย่ิงแล้ว) การจัดการจิตของตนจนส�ำเร็จน้ี“โสตาปันนะ” เรียกในภาษาไทยวา่ โสดาบัน ภาษาศพั ทเ์ รยี กสนั้ ๆไดว้ า่ “วติ กวจิ าร”นนั่ เอง สำ� เรจ็ เปน็ อารยิ ชนข้นั ตน้ ตอ่ จากนัน้ ก“็ สกทิ า และค�ำว่า “มิได้สดับ” ก็คือ ไม่ได้ยิน คาม”ี แลว้ ก“็ อนาคาม”ี และสูงสดุ “อรหันต”์ไม่ได้ฟังค�ำตรัส หรือความรู้ขั้น“โลกุตระ”ซึง่ “ความรู้”น้ีเปน็ ความรู้ขน้ั “อาริยชน” ซง่ึ มีใน“องค์ธรรม”ของ“ฌาน๑”นน่ั เอง ผู้“ท�ำฌาน”ของพุทธจึงคือ ผู้“ท�ำใจใน “อารยิ ชน”คอื ผ้มู “ี ภมู ิปญั ญา”หยง่ั ร้แู ล้ว ใจ” ได้แก่ สร้างพลังงาน“ธาตุไฟ”ข้ึนมาเผาปฏบิ ัตบิ รรลธุ รรมอนั เปน็ “ปรมตั ถธรรม”มผี ล กิเลสของตนให้กิเลสลดละจางคลายลงให้ ได้ ความมีผลขนั้ ต้นคอื “ฌาน๑”เร่ิมเสรจ็ จงึ “ปรมตั ถธรรม”คอื ธรรมะทเี่ ปน็ ภาวะ พูดสนั้ ๆวา่ “มีวิตกวิจาร-ปีติ-สุข-เอกัคคตา”ของ“จิต-เจตสิก-รูป(ส่ิงที่ถูกรู้แม้ข้ันนามธรรม)- ขน้ั นี้ยังไม่ถึงข้นั นับว่าม“ี อเุ บกขา”นพิ พาน” ผู้สามารถหยั่งรู้“จติ -เจตสกิ -รปู (รูป ตอ้ งขนั้ “ฌาน๓”ขน้ึ ไปจงึ จะเรม่ิ นบั วา่ มีที่ถกู รนู้ ้ีไม่ใชแ่ คว่ ตั ถแุ ต่ถงึ ขน้ั นามธรรม)-นพิ พาน”ได้ อาการของ“อเุ บกขา”กนั ได้ ม“ี ปัญญา”รู้ชดั “ฌาน”ของพุทธจึงไม่ใช่“การสะกดจิต “อาริยชน”จรงิ นนั้ จะสัมผัสความเป็น ลงไปๆๆ”ใหห้ ยดุ ใหเ้ ยน็ ให้นงิ่ แต่ถา่ ยเดยี ว“นามธรรม”ดงั กล่าวนี้ได้แท้ ด้วย“สัญญา” “อุเบกขา”ของพุทธเรียกว่า“เนกขัมมและดว้ ย“ปญั ญา”ของตน และมี“ธรรมวจิ ยั สติ อุเบกขา” จงึ ไม่ใช“่ เคหสติ อุเบากขา”เลยสมั โพชฌงค”์ ทสี่ ามารถวจิ ยั “จติ -เจตสกิ -รปู “อุเบกขา”ก็จะมี“องค์ธรรม ๕”ดังที่(สง่ิ ทถ่ี กู ร้แู ม้ขั้นนามธรรม)-นิพพาน”ส�ำเร็จ เคยพดู มาบอ่ ยๆแลว้ ผบู้ รรลขุ นั้ นแ้ี ลว้ แตย่ งั มี “กรรม”อยู่ ก็จะสะสม“อาเนญชาภิสังขาร” เรม่ิ จาก“โสดาบนั ”คอื รู้“ตกั กะ-วติ กั กะ ยงิ่ ๆขน้ึ ไปตามที่ไดท้ �ำ-ได้มกี ันจรงิ ๆ-สังกัปปะ-อัปปนา-พฺยัปปนา-เจตโส อภินิ “ความรู้ข้ันอาริยะ”น้ีเป็น“ความรู้อันโรปนา-วจสี งั ขาร”(พตปฎ. เลม่ ๑๔ ขอ้ ๒๖๓) ซง่ึ ย่ิงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ท่านทรงค้นเปน็ “กระบวนการแหง่ องคธ์ รรมสงั กปั ปะ ๗” พบ“ความร”ู้ ขน้ั นี้ขน้ึ มาประกาศใหโ้ ลกรตู้ ามทตี่ อ้ ง“ทำ� ใจในใจ(มนสกิ โรติ)”จดั การ(อภสิ งั ขาร)ใจ และคนสามารถเรียนรู้ แล้วปฏิบัติบรรลุได้ของเราใหส้ ำ� เรจ็ ถงึ ขนั้ กเิ ลสไม่เกดิ อกี (ภวันตคูหรือภวันติ) ส�ำเร็จเป็น“วิตกั ก[วิตก = ได้“จัดการกับตักกะ”ให้ส�ำเร็จถึงข้ันวิสุทธิ์-วิศิษฏ์-วิสารท-วิเศษ ปที ี่ ๒๔ ฉบับท่ี ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 47

จรงิ ทพ่ี สิ จู นไ์ ดแ้ ท้ เปน็ วทิ ยาศาสตรแ์ นน่ อน พลังแรงฉกาจฉกรรจ์ของโลกยี ์ได้ สำ� เรจ็ แต่ยคุ ทกุ วันนี้ แม้ชาวพุทธเองแทๆ้ ก็ เพราะคนผู้นั้น ได้พบ“มิตรดี” คือ ผู้“ไมส่ ดบั ” คอื ไม่ฟงั “ธรรมอนั เปน็ โลกตุ ระ”กนั รจู้ กั รแู้ จง้ รจู้ รงิ ในโลกตุ รธรรม ตามขอ้ ๑ ของแล้ว แม้จะได้ยินกไ็ มร่ ู้ ไมเ่ ขา้ ใจ ไมร่ ู้จัก ไม่ “แสงอรุณ ๗”ท่ีพระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระสนใจ โดยเฉพาะ“โลกุตระ” ไม่แยแสกนั เลย ไตรปิฎก เล่ม๑๙ ขอ้ ๑๒๙-๑๓๖ จึงไดส้ ดบั รบั ฟงั ธรรมจากมติ รดชี ดั เจนตอ่ ในขอ้ ๒ วา่ ... เพราะไม่มี“ผู้รู้ธรรมที่เป็นโลกุตระ”ไดแ้ ท้ แมจ้ ะ“ร”ู้ ก็รกู้ นั ไมส่ มั มาทฏิ ฐพิ อ จงึ ใครเกดิ มาเปน็ คน ถา้ ไมม่ “ี ศลี ”พน้ื ฐานไม่สามารถน�ำพาผู้ศึกษาปฏิบัติบรรลุธรรม คือ“ศีล ๕” คนนั้นก็ไม่ใช่“มนุษย์”(ผู้มีจิตใจสูงท่ีเป็น“โลกตุ รธรรม”ของพุทธถกู ตอ้ งแทๆ้ ได้ ข้ันอาริยะ) เพราะยังเป็นคน“จิตต�่ำ,จิตทุจริต, จติ ทราม”อยตู่ ามสจั จะ จงึ ม“ี ความประพฤต”ิ พทุ ธศาสนาลว่ งเลยมาแค่ ๒,๕๐๐ กวา่ บาป-มกี รรมเปน็ อกศุ ลอยแู่ ทก้ จ็ ะเสอ่ื มลงๆปีเท่านัน้ กพ็ สิ ูจนช์ รตา อนิจจตา กันปานนี้ คนผนู้ ้ีจะไมเ่ จรญิ พฒั นาขนึ้ ส่สู งู แนๆ่ กล่าวคือ เนอ้ื แท้ของพุทธสจั จะยงั อยู่ ยง่ิ ใครไมเ่ ชอื่ เลยวา่ “ศลี ”นน้ั สำ� คญั จะแต่“ทฏิ ฐ”ิ ของคนไมเ่ ทย่ี ง เปล่ียนไป เพ้ียน ชว่ ยให้เราเจริญสูงขนึ้ จริง ดถู กู ศลี ปรามาสไป เขา้ ใจผดิ ไป รู้ไม่ถกู ตอ้ ง ยังไม่ตรงตาม ศีล ละเมิดศีลเป็นว่าเล่น คนผู้น้ีก็จะมี“ผลค�ำสอนของพระศาสดา ยังไม่ลึกซ้ึงพอที่ กรรม”จรงิ คือจะตกต�่ำ จะเส่ือมทราม พบจะปฏิบัตมิ ผี ล จนสามารถพาบรรลธุ รรมได้ วิบากหนักหนาสาหัสในต่อไปภายภาคหน้า จริงท่ีสุด อย่างเก่งก็วนเวียนอยู่กับ“นรก- ยืนยันความเป็น“พลังโลกีย์” อ�ำนาจ สวรรค์”ตามท่ีตนพากเพียรเอาได้ ซ่ึงก็ไม่กระแสโลกีย์ที่มีมวลมากในยุคทุกวันน้ี มัน เท่ยี ง แยง่ กันไปกันมา “สมบตั ผิ ลดั กนั ชม”มีฤทธ์ิมอี ทิ ธิพลแรงจรงิ ๆ จนยากเหลือเกนิ น่นั คือ คนผ้นู ้ันยัง“ฆา่ สตั ว-์ เอาของที่ที่คนจะ“หลุด”พ้น(วิมุติ)ออกมาจากฤทธ์ิแรง ไม่ใช่ของตนอยู่-ผิดประเวณีอยู่-โกหกอยู่-โลกยี ์ ซง่ึ มนั แผเ่ ดชอยู่ในสงั คมปจั จบุ นั น้ี ได้ ยงั หลงมวั เมาจอั ยกู่ บั อบายมขุ อย”ู่ ยงั เปน็ ผู้ ละเมิดศลี ๕ เป็นปกติอยู่ ไม่รสู้ ึกรู้สาว่าตน แต่กระนน้ั กย็ งั มผี ู้บรรลธุ รรมได้อยนู่ ะ ชั่วเพราะกรรมท่ีไม่สุจริต จึงทุจริตบาปอยู่ ดังน้ัน ผู้สามารถเอาชนะพลังอ�ำนาจโลกยี ะได้นน้ั จงึ แขง็ แกรง่ แกลว้ กลา้ อาจหาญยง่ิ ยอดจริงๆ ส�ำหรับยุคน้ี ที่สามารถชนะ48 • เราคิดอะไร

ในสังคม เพราะไม่ม“ี ศลี ๕”ท่ยี ั่งยนื เทีย่ งแท้ กระทง่ั ถงึ มศี ลี ๑๐ซงึ่ เปน็ ฆราวาสนะชาวอโศก ตอ้ งปฏบิ ตั มิ ผี ลกระทงั่ “ไมล่ ะเมดิ ศลี ๕” ทมี่ ศี ลี ๑๐ และม“ี ศลี ”มากกวา่ ๑๐ ตาม“ศลี พทุ ธธรรมนญู ” จึงเป็นสังคม“สาธารณโภคี”อย่เู สมอจรงิ ๆ คอื ไม่กระทำ� ผดิ ศลี ๕ ได้ถึง ได้จรงิ อนั เปน็ “ระบบบญุ นยิ ม”ท่ีม“ี เศรษฐกจิขั้นเป็นปกติของชีวิต ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ ชนั้ สงู ”ของสังคมมนุษย์ในโลก ที่มีไดย้ ากยง่ิตัว จะมีสติหรือไม่มีสติ จะเจตนาหรือไม่เจตนา ยิ่งรู้อยู่เห็นอยู่เข้าใจอยู่ว่า น่ันมัน แต่ชาวอโศกก็สามารถท�ำได้ เป็นอยู่จะผิด“ศีล ๕”อันเป็นพื้นฐานข้ันต�่ำในความ กนั ดว้ ยระบอบ“สาธารณโภค”ี ได้จริง เปน็ ท่ีเป็น“มนุษย์”จริงๆน้ี คนผู้นี้จะไมล่ ะเมดิ เลย น่าอศั จรรยแ์ ท้ ในโลกยุคน้ี นี่เองไม่ท�ำผิดศลี ๕ เด็ดขาด ชนิดทีม่ ีพลงั ปัญญา “ศลี ๕”ของพทุ ธนค้ี รบบรบิ รู ณท์ งั้ “กาย สงั คมใดทสี่ มาชกิ สงั คมตา่ ง“สงั วร”กัน กรรม-วจกี รรม-มโนกรรม”ข้ัน“พื้นฐาน”แล้วจรงิ ๆ กวดขนั กนั จรงิ “ไม่ละเมดิ ศลี ๕”จนเปน็ สำ� หรบั ความเปน็ “มนษุ ย”์ ถา้ มนุษย์กลุ่มใดปกตขิ องคนในสงั คมนัน้ เลยคอื ตา่ งสงั วรแท้ กระทำ� “กรรม๓”ตามศลี ๕ นกี้ นั ไดจ้ รงิ สงั คมกส็ งบแน่ ชนิดท่ีเป็นสงั คมมีระบอบ“ศีล๕” มนุษย์กลุ่มน้ัน ไม่ต้องออกกฎหมายใดมา ควบคุมใหล้ ำ� บากยากเยน็ กไ็ ดแ้ ลว้ จรงิ ๆ ยิ่งมี“ศีล ๕”กันเป็นปกติเต็มสังคม มีบกพรอ่ งบา้ งกเ็ ลก็ นอ้ ย เพราะมีผู้ส้ินอาสวะ ทีนเ้ี รามาสาธยาย“มรรค๘”กันดทู ีซิใน“ศลี ๕”มากมายในสงั คมนัน้ อีกด้วย สงั คม เข้าใจชัดเจนกันแล้วนะ พระพุทธเจ้านั้นก็ยิ่ง“เป็นอยู่”บรมสุขสงบเรียบร้อยชนิด ตรสั วา่ ผู้จะปฏบิ ตั “ิ มรรค๘”บรรลผุ ลได้นนั้ จะมี“ของจริง”ทีแ่ ทพ้ ิสจู นไ์ ด้ ยนื ยนั ไดแ้ นน่ อน ตอ้ งไดเ้ หน็ “แสงอรณุ ๗(สรุ ยิ เปยยาล ๗)”กอ่ นจงึ จะมสี ทิ ธ“ิ์ เหน็ ดวงอาทติ ย์” นั่นคอื ผจู้ ะปฏบิ ตั ิ ขออภัยที่จะยกตัวอย่าง ว่าตัวอย่าง “มรรค๘”บรรลผุ ล ตอ้ งพบแสงอรณุ กอ่ น ไม่ชุมชนชาวอโศกเรา ทุกชุมชน“มีศีล ๕-ไม่มี เชน่ นน้ั ปฏบิ ตั “ิ มรรค๘”ไมม่ สี ิทธ์ิเกดิ มรรคผลอบายมขุ -ไม่กินเนอ้ื สตั ว”์ กันท้งั ชมุ ชนจรงิ ๆ เปน็ “อารยิ ธรรม-โลกตุ ระ”แน่นอน เพราะไม่ได้๔๐ กว่าปแี ล้ว เราจงึ เหน็ ได้จรงิ ๆวา่ สขุ สงบ สดบั จากผรู้ แู้ ท้ เชน่ สตั บรุ ษุ หรอื พระพทุ ธเจา้สบายกนั จริงๆ แค่ไหน ในสงั คมชาวอโศก “แสงอรณุ ๗”ไมม่ บี ริบรู ณ์น�ำมากอ่ น จะไม่เกดิ “ศีล”เปน็ อารยิ ะ ไม่ม“ี ฉันทะ” เพราะเรามศี ลี กนั จรงิ ๆ อยา่ งตำ่� ศลี ๕ย่ิงกว่านั้นคนในชุมชนชาวอโศกเรามีศีล ๘ ปีที่ ๒๔ ฉบับที่ ๓๓๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ • 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook