Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Description: 12

Search

Read the Text Version

แนวทางการเพม่ิ ประสิทธภิ าพการผลติ และแหลง่ สบื ค้นข้อมลู เพ่มิ เตมิ แนวทางการเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการผลติ 1. ใชค้ �ำฝอยสายพันธท์ุ ี่ไมม่ หี นามท่ีใบและกลีบเล้ยี งรองดอก เพ่ือสามารถเก็บกลบี ดอก ได้สะดวกส�ำหรับเกษตรกร ได้แก่พันธุ์พานทอง ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งมีผลผลิต กลีบดอกระดับดี เมล็ดมปี อรเ์ ซ็นตก์ รดไขมนั ไม่อม่ิ ตวั สูง 2. การเลือกพ้ีนท่ีเหมาะสม ระบายน้�ำดี ดินไม่เป็นกรด และเลือกช่วงปลูกที่มีความช้ืนต่�ำ เพอื่ หลกี เลย่ี งการระบาดของโรครากเนา่ จากเชอื้ ราซง่ึ สามารถเขา้ ทำ� ลายไดท้ กุ ระยะของการเจรญิ เตบิ โต 3. การทำ� แหง้ กลบี ดอกคำ� ฝอยสำ� หรบั ทำ� ชาทส่ี ะอาด โดยการตากยกพน้ื สงู ภาชนะสะอาด ป้องกนั ฝุ่นละอองและการปนเปื้อนจากเชอื้ จลุ นิ ทรยี ์ แหล่งสืบค้นข้อมลู เพิ่มเตมิ วาสนา วงษ์ใหญ่ . มปป. ค�ำฝอย. ภาควชิ าพืชไร่นา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์. (สำ� เนา) วาสนา วงษ์ใหญ่ วิทยา แสงแก้วสุขและสรุ พล เช้าฉ้อง. มปป. เอกสารค�ำแนะน�ำค�ำฝอยไร้หนาม พนั ธพ์ุ านทอง ภาควชิ าพชื ไรน่ า และศูนย์วจิ ยั ข้าวโพดขา้ วฟา่ งแห่งชาต.ิ (ส�ำเนา) เพ็ญนภา คันธวงศ์. มปป. การผลิตชาดอกค�ำฝอย 100 % . (สำ� เนา) http://www.nstfood.com/NSTF/Product%20detail/Popup_detail.php?param_itemcode= G00002&param_language=TH&param_ctgcode= 47

ดีปลี ข้นั ตอนการปลกู และการดแู ลรักษาดีปลี การเตรียมการ 20 วัน 40 วนั 60 วนั 80 วัน 100 วัน 120 วัน 140 วัน การเตรียมดนิ การปลูก การใสป่ ุ๋ย การใหน้ ำ้� การกำ�จดั วชั พืช เลือกดินท่ีอุดมสมบูรณ์ - 3 - 4 ยอดตอ่ คา้ ง - ปุ๋ยท่ีควรใช้มีท้ัง ให้น�้ำสม่�ำเสมอไม่ควร - 2 ครั้งต่อเดือน ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมัก -ระยะปลกู ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ใหแ้ ฉะจนเกนิ ไปเพราะ ในช่วงฝนโดยวิธีถาง ปุ๋ยคอก ท�ำร่องระบายน้�ำ 1.5-2 X 2 เมตร ปลี ะ 1 กโิ ลกรมั ตอ่ ตน้ จะทำ� ใหเ้ กดิ โรคโคนเนา่ ตามแนวรอ่ ง ให้มีความลาดเท จำ� นวน 400 - 600 ตน้ และปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ ไดง้ ่าย ตอ่ ไร่ พรางแสงประมาณ หยอดทโ่ี คนตน้ 1 กำ� มอื การเก็บเกีย่ ว การเตรียมพนั ธ์ุ 2 สัปดาห์ ต่อตน้ ดชั นกี ารเกบ็ เก่ียวทเี่ หมาะสมคอื เก็บเกย่ี วในระยะทผ่ี ล ปักช�ำส่วนยอดในถุง แก่จัดเริ่มมีสีส้มแดงเรื่อ แต่ยังไม่สุก เน้ือแน่นแข็งไม่น่ิม จนกระท่ังแตกราก การปฏิบตั ิหลงั การเกบ็ เกยี่ ว ผลต้องไม่สุกแดงเกินไปหรือเขียวไป จะเป็นระยะท่ีดีปลี คัดแยกผลที่มีสีสม้ แก่ เนอื้ แน่นแข็ง ไม่มรี อยถูก มกี ลน่ิ ฉุนจดั ท่ีสุด ศัตรูที่ส�ำคญั และการป้องกนั ก�ำจัด แมลงท�ำลาย ออกจากผลทไี่ มม่ ีคุณภาพ นำ� ไปทำ� วิธีเก็บเก่ียว ใช้มือเด็ดท่ีก้านขั้วผล ส�ำหรับค้างที่สูง เพลี้ยแป้ง ดูดกินน้�ำเล้ียงท่ีช่อดอก การป้องกันก�ำจัด แห้งทันที เพื่อไม่ให้เกิดเช้ือรา โดยตากแห้งบน ใชบ้ ันไดปีนขนึ้ ไปเกบ็ เกย่ี ว ใน 1 กง่ิ สามารถเก็บผลดปี ลไี ด้ ใช้เซฟวนิ ภาชนะยกพื้น สะอาด ปอ้ งกนั ฝ่นุ ละออง หรือการ 2 - 3 ผลต่อครงั้ การเก็บเกยี่ วแตล่ ะรุน่ ใช้ระยะเวลาหา่ งกนั ปนเปอ้ื นจากจลุ นิ ทรยี ์ จนแหง้ สนทิ ดปี ลี 4 กโิ ลกรมั สด 1 - 2 เดือน ได้ 1 กโิ ลกรมั แหง้ เก็บรักษาในภาชนะทสี่ ะอาด ระบายอากาศได้ แห้งเย็นและปราศจากแมลง และสตั วร์ บกวน

เทคนิคการปลูก และดแู ลรกั ษาดีปลี 1. การเตรียมการกอ่ นปลูก 1.1 การเตรียมดิน เลือกพ้ืนทท่ี ่ีมคี วามอุดมสมบรู ณ์ มคี วามร่วนซยุ ระบายนำ้� ดี 1.2 การเตรียมพันธุ์ ดีปลีนิยมขยายพันธุ์โดยใช้เถาปักช�ำ โดยจะใช้ยอดหรือไหลมาช�ำก็ได้ แตน่ ยิ มใชย้ อดมากกวา่ เพราะใหผ้ ลผลติ ไดเ้ ลย ถา้ ใชไ้ หลปลกู ใชเ้ วลาหลายปกี วา่ จะออกดอก ปกั ชำ� สว่ นยอดใหร้ ากเดนิ ดกี อ่ น ยอดทจ่ี ะนำ� มาชำ� ใหใ้ ชย้ อดกระโดงหรอื ยอดทแี่ ยกออกดา้ นขา้ ง ตดั ตำ่� กวา่ ปลายยอดลงมา 5 ขอ้ แลว้ เอาดนิ เหนยี วหมุ้ 2 ขอ้ ลา่ ง เพอื่ เพม่ิ ความชน่ื ใหแ้ ตกรากเรว็ ขน้ึ ไมเ่ ชน่ นน้ั จะเหยี่ วเฉา จากนน้ั จงึ น�ำยอดไปช�ำลงในถุงจนกระทงั่ แตกรากแลว้ จงึ น�ำไปปลูก 2. การปลูก 2.1 วิธปี ลูก - ใชย้ อดแกป่ ลกู 3 - 4 ยอดตอ่ คา้ ง เกษตรกรอาจไมเ่ พาะชำ� กลา้ แตใ่ ชว้ ธิ ปี ลกู ทนั ที โดยตดั ยอดดปี ลปี ระมาณ 5 ขอ้ แลว้ นำ� ไปปลกู ตดิ กบั เสาคา้ งเลย จำ� นวน 3 - 5 คา้ งตอ่ เสา ฝงั ลงดนิ ประมาณ 3 ขอ้ นำ� ยอดทงั้ หมดผกู ตดิ กบั เสาคา้ งเพอื่ ใหร้ ากยดึ เกาะทเ่ี กดิ ขน้ึ ใหมเ่ กาะตดิ กบั เสาคา้ ง พรางแสง ด้วยทางมะพรา้ วประมาณ 2 สัปดาห์ - คา้ งทใี่ ชป้ ลกู ดปี ลเี ปน็ คา้ งไมห้ รอื คา้ งปนู เสาคา้ งไมข้ นาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง 10 - 15 เซนตเิ มตร เปน็ ไมเ้ นอื้ แขง็ มอี ายกุ ารใชง้ าน 10 - 20 ตน้ ดปี ลสี ามารถยดึ เกาะไดเ้ ปน็ อยา่ งดี แตป่ จั จบุ นั เสาคา้ งไม้ หายากและมรี าคาสงู จงึ ใชเ้ สาคอนกรตี สเ่ี หลยี่ มขนาด 15 X 15 เซนตเิ มตร สงู 2.5 เมตร รากของดปี ลี ทใี่ ชย้ ดึ เกาะกบั เสาคา้ งคอนกรตี ไมส่ ามารถยดึ เกาะไดด้ เี ทา่ คา้ งไมเ้ พราะเมอ่ื อณุ หภมู สิ งู จะเกบ็ ความรอ้ น 2.2 การเตรยี มดนิ 2.3 ระยะปลูก ระหวา่ งตน้ 1.5 - 2 เมตร ระหวา่ งแถว 2 เมตร 2.4 จำ� นวนต้นตอ่ ไร่ 400 - 600 ตน้ ตอ่ ไร่ 3. การดแู ลรกั ษา 3.1 การใส่ปุ๋ย ปุ๋ยเป็นส่ิงจ�ำเป็นเน่ืองจากดีปลีเป็นพืชอายุยืนและให้ผลผลิตตลอดปี ดังน้ัน ถา้ มกี ารใหป้ ยุ๋ อยา่ งสมำ่� เสมอดปี ลจี ะใหผ้ ลผลติ สงู ตามไปดว้ ย ปยุ๋ ทคี่ วรใชม้ ที ง้ั ปยุ๋ คอก หรอื ปยุ๋ หมกั ปลี ะ 1 กโิ ลกรมั ตอ่ ตน้ และปยุ๋ เคมสี ตู รเสมอหยอดทโ่ี คนต้น 1 กำ� มอื ต่อต้น 3.2 การใหน้ ำ้� ใหน้ ำ�้ สมำ�่ เสมอ ใชร้ ะบบการใหน้ ำ�้ ตามรอ่ ง 1 ครงั้ ตอ่ สปั ดาห์ การใหน้ ำ้� ไมค่ วรใหแ้ ฉะ จนเกนิ ไปเพราะจะทำ� ให้เกิดโรคโคนเน่าไดง้ า่ ย 49

4. การปอ้ งกันและกำ� จัดศตั รูพชื 4.1 วัชพืช กำ� จดั วชั พืช 2 ครง้ั ตอ่ เดอื นในชว่ งฝนโดยวธิ ถี างตามแนวร่อง 4.2 แมลงสำ� คัญ ได้แก่ เพล้ยี แป้ง ซงึ่ จะเกาะชอ่ ดอกดูดกินน�้ำเลยี้ ง 5. การปฏบิ ัติกอ่ นและหลังการเกบ็ เกีย่ ว 5.1 ดปี ลสี ามารถใหผ้ ลผลติ และเกบ็ เกยี่ วไดเ้ มอื่ มอี ายุ 6 เดอื น ถงึ 1 ปี โดยทวั่ ไปจะสามารถ เก็บเกีย่ วผลผลติ ได้ 3 ครั้งต่อปี 5.2 สว่ นทใี่ ชเ้ ปน็ ยา คอื ผลดปี ลแี ก่ ดชั นกี ารเกบ็ เกย่ี วทเ่ี หมาะสมคอื เกบ็ เกย่ี วในระยะทผี่ ลแกจ่ ดั เรม่ิ มสี สี ม้ แดงเรอื่ ๆ แตย่ งั ไมส่ กุ เนอื้ แนน่ แขง็ ไมน่ ม่ิ จะเปน็ ระยะทดี่ ปี ลมี กี ลนิ่ ฉนุ จดั ทสี่ ดุ ผลตอ้ งไมส่ กุ แดงเกินไปหรือเขียวเกนิ ไป 5.3 วธิ เี ก็บเก่ยี ว ใชม้ อื เดด็ ทกี่ ้านขวั้ ผล สำ� หรับคา้ งทีส่ ูงใชบ้ ันไดปนี ขน้ึ ไปเก็บเกี่ยว ใน 1 กงิ่ สามารถเกบ็ ผลดปี ลีได้ 2 - 3 ผลตอ่ คร้ัง การเกบ็ เกีย่ วแตล่ ะรนุ่ ใช้ระยะเวลาหา่ งกนั 1 - 2 เดอื น 5.4 คดั แยกผลทมี่ สี สี ม้ แก่ เนอ้ื แนน่ แขง็ ไมม่ รี อยถกู แมลงทำ� ลาย ออกจากผลทไ่ี มม่ คี ณุ ภาพ 5.5 นำ� ไปทำ� แห้งทนั ทีเพือ่ ไม่ใหเ้ กดิ เชอ้ื รา โดยตากแหง้ บนภาชนะยกพ้ืน สะอาด ปอ้ งกัน ฝนุ่ ละออง หรอื การปนเปอ้ื นจากจลุ นิ ทรยี ์ จนแหง้ สนทิ สงั เกตจากผลทแ่ี หง้ สนทิ สามารถ หกั กรอบได้ อัตราแห้งของดปี ลี 4 กโิ ลกรมั สด ได้ 1 กโิ ลกรัมแหง้ 5.6 เกบ็ รกั ษาในภาชนะทสี่ ะอาด ระบายอากาศได้ แหง้ เยน็ และปราศจากแมลงและสตั วร์ บกวน 6. ขอ้ มลู อืน่ ๆ 6.1 ดีปลที ่ีมาจากประเทศอนิ เดียไดจ้ ากตน้ ดปี ลี 2 ชนิด คอื Piper longum Linn. และ Piper peepuloides Roxb. ส่วนดปี ลีทีม่ าจากอินโดนเี ซีย หรอื มาเลเซยี และทปี่ ลกู ในประเทศไทย ได้จาก Piper retrofrdctum Vahl 6.2 สารสำ� คญั ในผลดปี ลมี สี ารส�ำคญั เปน็ อลั คาลอยดท์ ม่ี รี สเผด็ รอ้ นชอ่ื พพิ เพอรนี (piperine) ประมาณร้อยละ 4 - 6 และมนี ํ้ามนั หอมระเหยประมาณ รอ้ ยละ 0.7 - 1 นํ้ามันดปี ลจี ะมีกลนิ่ คลา้ ย น้ํามันจากพริกไทยและขิงรวมกัน ในนํ้ามันดีปลีประกอบด้วยสารแอลฟ่า-ทูจีน (a-thujene), เทอร์ปโิ นลนี (terpinolene), ซิงจเิ บอรีน (zingiberene), พารา-ไซมีน (p-cymene) 6.3 การใชป้ ระโยชน์ ดปี ลใี ชเ้ ปน็ เครื่องเทศ นยิ มใชแ้ ตง่ กล่นิ ผกั ดอง และชว่ ยถนอมอาหาร ไมใ่ หบ้ ดู งา่ ย ในทางยา ดปี ลใี ชเ้ ปน็ ยาขบั ลม ใชใ้ นโรคทเี่ กย่ี วกบั ทางเดนิ หายใจ เชน่ ขบั เสมหะ แกห้ ดื แก้หลอดลมอักเสบ เป็นต้น ใช้แก้โรคลมบ้าหมู ใช้เป็นยาขับน้ําดี ขับระดู ช่วยลดอาการอักเสบ และยงั ใชภ้ ายนอกเพอ่ื ระงบั อาการปวดทกี่ ลา้ มเนอ้ื ทำ� ใหร้ อ้ นและมเี ลอื ดมาเลย้ี งบรเิ วณนน้ั มากยง่ิ ขน้ึ 50

ขอ้ มลู สภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมตอ่ การเจริญเตบิ โตและให้ผลผลติ ของดปี ลี สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม 1. สภาพภมู ิอากาศ - สามารถปลูกไดต้ ้งั แต่อณุ หภูมิ 10 - 40 องศาเซลเซียส 1.1 อณุ หภมู ิ อณุ หภมู ทิ ี่เจริญเติบโตได้ดอี ยู่ระหวา่ ง 25 – 40 องศาเซลเซยี ส - ความช้นื สัมพัทธ์ 65 – 95 เปอรเ์ ซน็ ต์ 1.2 ความช้นื สัมพัทธ์ - เฉลย่ี 1,200 – 2,500 มลิ ลิเมตรตอ่ ปี และมกี ารกระจายตวั ตลอดปี 1.3 ปรมิ าณน�้ำฝน - ความเขม้ ของแสงประมาณ 50 เปอรเ์ ซน็ ต ์ 1.4 แสง 2. สภาพพืน้ ที่ - ปลกู ได้ตัง้ แต่พน้ื ทร่ี ะดับน้ำ� ทะเล จนถงึ 1,500 เมตร เหนอื ระดบั นำ้� ทะเล 2.1 ความสูงของพื้นท่ี - ไมเ่ กนิ 2 เปอรเ์ ซ็นต์ 2.2 ความลาดเท 3. สภาพดนิ ดนิ ท่ีอุดมสมบรู ณ์ หลกี เล่ยี งดนิ ทรายจดั หรือดินเหนยี ว 3.1 ชนิดดนิ 3.2 อินทรยี วัตถใุ นดิน มีอินทรยี ์วตั ถุสงู 3.3 การระบายน�้ำ มีการระบายน้�ำด ี 3.4 คา่ ความเปน็ กรด-ดา่ งของดนิ 5.5 - 6.5 4. สภาพน�ำ้ นำ้� ทีใ่ ชใ้ นการเกษตร

แนวทางการเพ่ิมประสิทธภิ าพการผลิต และแหลง่ สบื ค้นขอ้ มลู เพิ่มเติม แนวทางการเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการผลติ 1. ดปี ลีเป็นพืชอายยุ ืน หากมีการบ�ำรงุ รกั ษาที่ดจี ะสามารถให้ผลผลิตได้นานถึง 40 ปี ดังนน้ั ควรเลอื กพ้ืนทท่ี มี่ ีความอุดมสมบรู ณ์ 2. การปอ้ งกนั โรครากเนา่ โคนเนา่ เปน็ ปญั หาสำ� คญั ควรใชแ้ นวทางการปอ้ งกนั และการจดั การทดี่ ี โดยกอ่ นปลกู ควรใหค้ วามสำ� คญั กบั ดนิ ทรี่ ะบายนำ้� ดี มกี ารจดั การทดี่ ี เชน่ การพนู โคนและทำ� รอ่ งนำ้� ให้มคี วามลาดเทเล็กน้อยเพอ่ื ให้น้ำ� ไหลผ่านสะดวก 3. การใช้ค้างควรใช้ค้างที่มีความแข็งแรง มีอายุการใช้งานนาน เน่ืองจากดีปลีมีอายุยืน การเปลี่ยนคา้ งบ่อยเปน็ การสิ้นเปลืองและทำ� ใหด้ ีปลชี ะงักการเจริญเติบโต 4. ดปี ลเี ปน็ พชื ทตี่ อ้ งการการดแู ลมากพอสมควรทง้ั การใหน้ ำ�้ การใสป่ ยุ๋ การกำ� จดั วชั พชื และการเกบ็ เกยี่ ว ดงั นนั้ ควรมแี รงงานในครอบครวั หรอื แรงงานจา้ งเพยี งพอทจ่ี ะสามารถดแู ลจดั การได้ ในทกุ ข้ันตอนการผลติ 5. คณุ ภาพผลผลติ ดปี ลที ตี่ ลาดตอ้ งการ คอื ผลขนาดใหญ่ สนี ำ้� ตาลแดง ไมด่ ำ� คลำ�้ แหง้ สนทิ แตไ่ มก่ รอบเกนิ ไป ไมม่ เี ชอื้ ราหรอื แมลงทำ� ลายหรอื ตดิ อยู่ และไมม่ สี ง่ิ ปลอมปนอน่ื ดงั นนั้ การตากแหง้ และการเกบ็ รกั ษาเปน็ สง่ิ สำ� คญั มากเพอื่ ใหม้ คี ณุ ภาพดี ไมม่ เี ชอื้ รา หรอื มอดเขา้ ทำ� ลาย ทำ� ใหเ้ สยี คณุ ภาพ และขายไดร้ าคาตำ่� ควรทำ� การคัดแยกผลท่ีไมไ่ ด้คณุ ภาพและส่ิงปลอมปนออก แหลง่ สบื ค้นข้อมูลเพมิ่ เตมิ อรุณรัตน ์ ฉวีราช. 2548.พชื สกุลพริกไทยในประเทศไทย ขอนแกน่ : หจก. ขอนแก่นการพิมพ์ กลมุ่ สง่ เสรมิ การผลติ พชื สมนุ ไพร 2545. ขอ้ มลู ตน้ ทนุ การผลติ พชื สมนุ ไพรและเครอื่ งเทศบางชนดิ กรมสง่ เสรมิ การเกษตร. (สำ� เนา) ภสั รา ชวประดษิ ฐ์. 2553. ดีปล.ี ..มดี ี จดหมายข่าว สผส. www.doae.go.th 52

บวั บก ข้นั ตอนการปลกู และการดูแลรกั ษาบัวบก การเตรียมการ 15 วัน 30 วัน 45 วนั 60 วนั 75 วนั 90 วนั การเตรยี มดนิ การปลกู การใส่ปยุ๋ การใหน้ ำ�้ การเก็บเก่ียว - ไถพรวนดนิ ใหร้ ว่ นซยุ แลว้ - จดั ใหห้ ลมุ ปลกู หา่ งกนั - ครง้ั แรกใสป่ ยุ๋ หลงั จาก ใหน้ ำ�้ บวั บกทกุ วนั หลังจากปลกู ประมาณ 60 - 90 วัน เร่ิมเกบ็ เกย่ี วได้ ตากแดดทงิ้ ไวป้ ระมาณ 10 วนั ดา้ นละ 15 x 15 เซนตเิ มตร ปลกู 15 - 20 วนั โดย เชา้ - เย็น นานครงั้ ละ ใช้เสยี มเหลก็ ขดุ เซาะบริเวณใต้ราก - ยกแปลงปลกู กวา้ ง 3 เมตร - เมอื่ ปลกู หรอื ปกั ชำ� แลว้ ใสป่ ยุ๋ สตู ร 16 - 20 - 0 2 ช่วั โมง ระหว่างแปลงปลูกจัดเป็น ตอ้ งรดนำ้� พอชุม่ อตั รา 5 กิโลกรัมต่อไร่ รอ่ งนำ�้ หรอื ทางเดนิ กวา้ ง 50 - หลังจากปลูกหรือปัก - ครั้งที่สองจะเปล่ียน เซนตเิ มตร ลกึ 15 เซนตเิ มตร ชำ� 7 วัน ล�ำต้นจะเจรญิ เปน็ ใสป่ ยุ๋ สตู ร 46 - 0 - 0 เติบโตแตกยอดออกมา อตั รา 3 กิโลกรัมต่อไร่ การเตรยี มพันธ์ุ ใหม่ 1 - 2 ยอด - คร้ังต่อไปใช้ปุ๋ยสูตร การเพาะเมลด็ การปกั ชำ� ไหล เสมอ 15 - 15 - 15 ใน ตดั แยกไหลทมี่ ตี น้ ออ่ นและ การกำ�จดั วัชพชื อตั รา 50 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ มรี ากงอก ทุก 20 วัน ศัตรูทีส่ �ำคัญและการป้องกนั กำ� จัด การปฏิบัติหลงั การเก็บเกีย่ ว โรคโคนเนา่ รากเน่าของบัวบก ให้ใช้เช้ือไตรโคเดอร์มาหว่านในแปลงปลูก นำ� ต้นบวั บกออกมาลา้ งน�้ำท�ำความสะอาดเศษดิน หนอนกนิ ใบ ถา้ พบจ�ำนวนไม่มากจะเกบ็ ตัวมนั ออกไปท�ำลายท้งิ หรอื หากพบ เกบ็ ใบเหลอื งเศษวชั พชื อน่ื ๆ ออกจากนน้ั ใชม้ ดี บางตดั บรเิ วณ วา่ มีจ�ำนวนมากต้อง ใช้สารเคมหี รอื สารสกัดเมล็ดลางสาดกำ� จัด โคนตน้ ใหไ้ ดค้ วามยาวประมาณ 1 คบื นบั จากปลายใบลงมา

เทคนคิ การปลูก และดูแลรักษาบวั บก 1. การเตรยี มการก่อนปลกู 1.1 การเตรียมดนิ ไถยกร่องเพอ่ื ตากดนิ แล้วท้ิงไว้ประมาณ 15 วนั ไถพรวนดินให้รว่ นซุยจากนนั้ จงึ ขดุ แต่ง ให้เป็นรูปแปลง ยกรอ่ งเป็นแปลงปลูกกวา้ ง 3 เมตร ระหว่างแปลงปลกู จดั เปน็ ร่องน้�ำหรอื ทางเดิน กวา้ ง 50 เซนตเิ มตร ลกึ 15 เซนตเิ มตร เพอื่ ใหม้ กี ารระบายนำ้� ทงิ้ ไดด้ ี เมอื่ ทำ� แปลงเสรจ็ ใหใ้ สอ่ นิ ทรยี วตั ถุ หวา่ นลงบนแปลงใหท้ วั่ แลว้ รดน�้ำให้ชุม่ 1.2 การเตรียมพันธุ์ การปลูกบัวบกแต่เดิมใช้วิธีปลูกด้วยเมล็ด โดยน�ำมาเพาะในกระบะ เมื่อต้นกล้าแข็งแรง หรอื มอี ายุ 15 - 25 วนั จงึ ยา้ ยกลา้ ลงปลกู ในแปลง ทำ� การดแู ลรกั ษา ใสป่ ยุ๋ ใหน้ ำ้� ตอ่ มาไดพ้ ฒั นาเปน็ การปลกู โดยใชไ้ หลหรอื ลำ� ตน้ นำ� ไหลหรอื ลำ� ตน้ ของบวั บกทแี่ ตกจากตน้ แม่ ทำ� การขดุ ไหลหรอื ลำ� ตน้ นนั้ ใหต้ ดิ ดนิ จากนน้ั นำ� ดนิ มาพอกทร่ี ากใหเ้ ปน็ กอ้ นแลว้ เกบ็ พกั ไวใ้ นทร่ี ม่ แลว้ พรมนำ้� เลก็ นอ้ ย จงึ เกบ็ ไว้ อยา่ งนอ้ ย 1 วนั พอวนั ที่ 2 สามารถจะนำ� แขนงนน้ั ไปปลกู ไดเ้ ลย หรอื หากไมส่ ะดวกทจ่ี ะเกบ็ พกั ไว้ ก็สามารถจะขดุ แขนงมาแลว้ ปลูกไดเ้ ลยก็ได้ 2. การปลกู 2.1 วธิ ปี ลกู เมื่อปลูกเสรจ็ แลว้ รดน�้ำให้ชุม่ 2.2 การเตรยี มดนิ ขดุ หลมุ ลกึ 3 - 4 เซนตเิ มตร ปลกู หลมุ ละ 1 ตน้ 2.3 ระยะปลกู ระยะระหวา่ งตน้ และระยะระหวา่ งแถว 15 x 15 เซนตเิ มตร 2.4 จำ� นวนต้นตอ่ ไร่ 70,000 - 72,000 ตน้ 3. การดแู ลรักษา 3.1 การใส่ปุย๋ ครั้งแรกใส่ปุ๋ยหลังจากปลูก 15 - 20 วัน โดยใส่ปุ๋ยสูตร 16 - 20 - 0 อตั รา 5 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ การใส่ป๋ยุ ครง้ั ท่ีสองจะหา่ งจาก การใสค่ ร้งั แรก 15 - 20 วนั โดยเปล่ียนเปน็ ใสป่ ยุ๋ สูตร 46 - 0 - 0 อตั รา 3 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ การใสป่ ยุ๋ ครง้ั ทสี่ ามจะหา่ งจากการใสค่ รงั้ สอง 15 - 20 วนั โดยเปลยี่ นเปน็ ใสป่ ยุ๋ สตู รเสมอ 15 - 15 - 15 ในอตั รา 50 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ ทกุ ครง้ั ทม่ี กี ารใสป่ ยุ๋ 54

เสร็จแล้วจะต้องรดน�้ำใหช้ ุ่ม สำ� หรบั อตั ราการใส่ป๋ยุ ทกุ ครง้ั จะดูการเจรญิ เตบิ โต ความอุดมสมบรู ณ์ ของดิน และความสมบรู ณ์ของต้นบวั บกด้วย จึงจะท�ำให้เกดิ ประโยชนอ์ ยา่ งคุม้ ค่า 3.2 การใหน้ ำ�้ สามารถใหน้ ำ้� ได้ 2 วธิ คี อื ระบบมนิ สิ ปรงิ เกอร์ ซง่ึ เปดิ ใหน้ ำ�้ เชา้ และเยน็ ชว่ งละ 10 - 15 นาท ี หากเปน็ การใชส้ ายยางเดนิ ฉดี นำ้� ใหร้ ดจนกวา่ จะชมุ่ เพราะใบบวั บกจะเจรญิ เตบิ โตไดด้ เี มอ่ื ไดร้ บั ความชน้ื ทเ่ี หมาะสม 4. การปอ้ งกันและก�ำจดั ศัตรพู ชื 4.1 โรคโคนเนา่ รากเนา่ ของบวั บก ใหใ้ ชเ้ ชอ้ื ไตรโคเดอรม์ าหวา่ นในแปลงปลกู หรอื ใชว้ ธิ เี ขตกรรม 4.2 หนอนกนิ ใบ ถา้ พบจำ� นวนไมม่ ากจะเกบ็ ตวั ออกไปทำ� ลายทง้ิ หรอื หากพบวา่ มจี ำ� นวนมาก ใชส้ ารสกดั จากสะเดาฉดี พน่ เพอ่ื กำ� จดั หรอื ใหน้ ำ� เมลด็ ลางสาดจำ� นวน 1.5 กโิ ลกรมั มาบดนำ� ไปผสมกบั น�้ำ 1 ปบ๊ี หมกั ทิ้งไว้ประมาณ 12 ชัว่ โมง หลังจากน้ันนำ� มากรองเอาเฉพาะน้�ำไปฉดี พ่นใหท้ ่ัวแปลง 5. การปฏบิ ัตกิ อ่ นและหลังการเก็บเกี่ยว นำ� ตน้ บวั บกออกมาลา้ งนำ้� ทำ� ความสะอาดเกบ็ ใบเหลอื ง เศษวชั พชื อนื่ ๆ ออก จากนนั้ ใชม้ ดี บาง ตดั บรเิ วณโคนตน้ ใหไ้ ดค้ วามยาวประมาณ 1 คบื นบั จากปลายใบลงมา นำ� ตน้ บวั บกออกมาลา้ งน�้ำ ตากแดดให้แห้งสนทิ ห้ามตากแดดจดั เพราะจะท�ำใหใ้ บบัวบกสซี ดี 6. ขอ้ มูลอืน่ ๆ 6.1 สารสำ� คญั และสรรพคุณ บัวบก (Centella asiatica) เปน็ พชื สมนุ ไพรทส่ี �ำคญั ชนดิ หนึง่ และเป็นตัวยาหน่งึ ในตำ� รบั อายุรเวท เน่ืองจากสารสกัดจากบัวบกมีคณุ สมบัติในการสมานแผล รกั ษาการอักเสบ เพิม่ ความจ�ำ และต้านมะเร็ง นอกจากนั้นสารออกฤทธ์ิที่ส�ำคัญในบัวบกซึ่งได้แก่ กรดเอเชียติก (asiatic acid) เอเชียติโคไซด์ (asiaticoside) กรดมาเดคาสสิก (madecassic acid) และ มาเดคาสโซไซด์ (madecassoside) และป้องกันการเกิดบีตาแอมิลอยด์ (b-amyloid) ซ่ึงมีผลต่อระบบประสาท และโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) 6.2 การใชป้ ระโยชน์ - สว นที่ใช ท้งั ตน - วิธีใช นําใบมารับประทานเปนผักสด หรือค้ันนํ้าทําเปนเคร่ืองดื่ม ผลิตภัณฑ์บัวบกเป็น ผลิตภัณฑ์สุขภาพหลากหลาย เชน่ ยาใชภ้ ายนอก เร่งการสมานแผล 55

ขอ้ มลู สภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสมต่อการเจรญิ เติบโตและให้ผลผลติ ของบัวบก สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ขอ้ จ�ำกัด 1. สภาพภมู ิอากาศ 1.1 อุณหภมู ิ - เจริญเติบโตได้ดที ี่อณุ หภูมิ ระหวา่ ง 25 - 30 องศาเซลเซียส - ไมเ่ หมาะสมกบั พน้ื ทแ่ี หง้ แลง้ 1.2 ความตอ้ งการแสง - เปน็ พืชทไี่ ม่ชอบแสงแดดจดั ต้องการแสงมาก 1.3 ปริมาณน้�ำฝน - ปรมิ าณนำ้� ฝนเฉล่ีย 1,200 – 2,500 มิลลเิ มตรต่อปี 2. สภาพพ้ืนท่ี - เปน็ พ้นื ทด่ี อน ไมม่ นี ้�ำขงั หรอื ควบคุมนำ�้ ไดด้ ี 3. สภาพดนิ 1.1 โครงสร้างของดิน - ดินรว่ นปนทราย ชน้ื แฉะ 1.2 ปริมาณอินทรยี วัตถุ - มีอินทรียวตั ถอุ ดุ มสมบูรณ์ 1.3 ลักษณะของดนิ - เป็นดนิ ท่ีมีความชุม่ ช้ืนมาก มกี ารระบายน้�ำดี 4. ธาตุอาหาร - เนน้ ให้ธาตไุ นโตรเจนเพื่อให้เกิดใบมากขึน้ 5. สภาพน�ำ้ - มีความสะอาด ไมม่ สี ารอนิ ทรีย์และสารอนินทรีย์ท่เี ปน็ พษิ ปนเปอ้ื น ไมม่ ี โลหะหนักปนเปอื้ น

แนวทางการเพม่ิ ประสิทธภิ าพการผลิต และแหล่งสืบค้นขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ แนวทางการเพิ่มประสทิ ธภิ าพการผลิต 1. ใชไ้ หลหรือล�ำตน้ ปลูก ทำ� ให้เก็บผลผลติ ได้เรว็ กวา่ การปลูกด้วยเมลด็ 2. การปลกู บวั บกเพอ่ื เปน็ วตั ถดุ บิ ในอตุ สาหกรรมสมนุ ไพร ควรปลกู โดยปลอดภยั จากสาร เคมตี กคา้ ง และไม่ให้มโี ลหะหนกั ในดนิ และในผลผลิต หรอื ปลกู ในระบบเกษตรอนิ ทรยี ์ 3. การปลกู ในพ้ืนทที่ ไี่ มท่ �ำรอ่ งนำ�้ ควรจัดระบบการให้นำ้� บัวบกเปน็ แบบมินิสปรงิ เกอร์เพอ่ื ใหต้ ้นบัวบกได้รับนำ้� อยา่ งเพียงพอ แหลง่ สบื คน้ ขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ http://www.karnkaset.com/index.php?p=1&s=1&m=4&i=102 http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0 %B8%9A%E0%B8%81 http://natres.psu.ac.th/radio/radio_article/radio44-45/44-450021.htm คมู่ ือปลกู พชื สมุนไพรเพื่อเศรษฐกจิ ชมุ ชน การปลกู ยารักษาปา่ 1 มลู นิธิสุขภาพไทย 57

ตะไครห้ อม ข้ันตอนการปลกู และการดแู ลรกั ษาตะไครห้ อม 150 วนั 180 วนั การเตรยี มการ 30 วัน 60 วัน 90 วัน 120 วัน การเตรียมดิน การปลูก การใสป่ ๋ยุ - ไถพรวนดนิ กาํ จดั เศษวชั พชื - ขดุ หลมุ วางตน้ พันธุ์ให้เอยี ง 45 องศา - ชว่ ง 1 เดอื นแรกใสป่ ๋ยุ คอก 1 ครงั้ ออกจากแปลง ไปดา้ นใดดา้ นหนง่ึ หลมุ ละ 3 ตน้ แลว้ กลบดนิ หลงั จากนน้ั ใส่ปุ๋ยยเู รยี (46 - 0 - 0) - ใสป่ ยุ๋ คอกคลกุ คลา้ ให้ พอมิดรากตะไครร้ ดนำ้� ให้ชุม่ หรอื แอมโมเนียมซลั เฟต (21 - 0 - 0) เข้ากันดี ปรับพ้ืนท่ใี ห้เรยี บ - ระยะระหว่างตน้ และระยะระหวา่ งแถว อตั รา 15 - 20 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ ทกุ 3 เดอื น - ทำ� แปลงแบบลกู ฟูก 1.5 x 1.5 เมตร สนั ลกู ฟกู สงู 30 - 50 เซนตเิ มตร การกำ�จดั วัชพชื โคง้ หลงั เตา่ กวา้ ง 3 - 5 เมตร การใหน้ �ำ้ ก�ำจดั วัชพชื 1 ครั้ง หลงั จากปลูกแลว้ ยาวตามความเหมาะสม รดนา้ํ สมา่ํ เสมอ ทุกวนั 2 - 3 เดือน และทกุ 6 เดอื น ด้วยจอบ เว้นร่องระหวา่ งสนั ลูกฟูก 50 - 80 เซนตเิ มตร สำ� หรบั ศตั รูท่ีสำ� คัญและการป้องกันกำ� จดั การเกบ็ เกีย่ ว เปน็ ทางเดิน ไม่พบโรคแมลงส�ำคัญ เกบ็ เก่ยี วครั้งแรกหลงั ปลูก 6 เดือน และ จะเกบ็ เกี่ยวต่อไปทกุ ๆ 3 เดือน โดยตัด การเตรียมพันธุ์ การปฏิบตั ิหลงั การเกบ็ เกี่ยว ใบซ่งึ อยู่เหนอื พ้ืนดิน 25 - 30 เซนติเมตร - ตน้ พันธใ์ุ ห้มขี ้อ 2 - 3 ข้อ นำ� ใบทต่ี ดั มาผงึ่ ไว้ 1 - 2 วนั กอ่ นนาํ ไปสกดั นาํ้ มนั หอมระเหย หลงั จากการเกบ็ เกยี่ วแลว้ อายกุ ารใหผ้ ลผลติ 2 - 3 ปี ตดั ตะไครห้ อม มีกาบใบห้มุ ข้ออยู่ 4 - 5 ใบ ควรหว่านปุ่ยยูเรียหรือแอมโมเนียซัลเฟต อัตรา 15 - 20 กิโลกรัมต่อไร่เพ่ือให้ ตอนเช้าตร ู่ และตัดปลายใบออกให้ แตกใบใหม่ได้เร็ว เหลือตน้ ยาวประมาณ 30 – 40 เซนตเิ มตร มาแชน่ ำ้� ประมาณ 5 - 7 วนั เพือ่ ให้ รากงอก รากทแ่ี ก่เตม็ ที่ จะมสี เี หลืองเขม้

เทคนิคการปลูก และดแู ลรักษาตะไคร้หอม 1. การเตรยี มการกอ่ นปลกู 1.1 การเตรยี มดิน ใหไ้ ถพลกิ ดนิ และไถพรวนลกึ ประมาณ 0.5 เมตร ใสอ่ นิ ทรยี วตั ถุ เชน่ มลู ววั มลู ไกไ่ ถพรวน คลกุ เคล้าให้อนิ ทรยี วตั ถุเข้าเปน็ เนอ้ื เดียวกันดแี ละทัว่ ถงึ ทำ� แปลงแบบลกู ฟกู สันลกู ฟกู สงู 30 - 50 เซนติเมตร โค้งหลังเต่า กว้าง 3 - 5 เมตร ยาวตามความเหมาะสม เว้นร่องระหว่างสันลูกฟูก 50 - 80 เซนติเมตร ส�ำหรับเปน็ ทางเดิน 1.2 การเตรยี มพนั ธุ์ - พันธุ์ตะไคร้หอมชนิดท่ีน�ำมาผลิตน้�ำมันหอมระเหย มี 2 ชนิด คือ ชนิดศรีลังกา (Cymbopogon nardus Rendle) และชนดิ ชวา (Cymbopogon winterianus Jewitt.) ซง่ึ นยิ มปลกู มาก ในประเทศไทย มีช่อดอกยาวโน้มลงต่างกับพนั ธศ์ุ รลี ังกาท่ีมชี อ่ ดอกสั้นและตงั้ - นำ� ตน้ พนั ธท์ุ จ่ี ะมาตดั แตง่ ใหม้ ขี อ้ 2 - 3 ขอ้ มกี าบใบหมุ้ ขอ้ อยู่ 4 - 5 ใบ และตดั ปลายใบออก ใหเ้ หลอื ตน้ ยาวประมาณ 30 – 40 เซนตเิ มตร มาแชน่ ำ�้ ประมาณ 5 - 7 วนั เพอ่ื ใหร้ ากงอก รากทแี่ กเ่ ตม็ ที่ จะมีสเี หลืองเข้ม 2. การปลกู 2.1 วธิ ีปลูก ฤดปู ลูกทีเ่ หมาะสมคือตน้ ฤดูฝน ขุดหลมุ ขนาด กวาง 15 เซนติเมตร ยาว 15 เซนติเมตร ลึก 15 เซนติเมตร นําตนพนั ธ์ทุ ีเ่ ตรยี มไวป ลูก 3 ตนตอหลุม ปกั ตน้ พันธตุ์ ะไคร้ลงใหเ้ อียง 45 องศา ไปดา้ นใดด้านหนึ่งแลว้ กลบดนิ พอมดิ ราก แลว้ รดน�้ำให้ชมุ่ 2.2 การเตรยี มดนิ ใสใ่ บไมแ้ ห้งหรอื ปุ๋ยคอกหรอื ป๋ยุ หมักเล็กนอ้ ยรองกน้ หลุม 2.3 ระยะปลกู ระยะระหวา งตน และระยะระหวา งแถว 1.5 x 1.5 เมตร 2.4 จ�ำนวนตน้ ตอ่ ไร่ 2,100 – 2,200 ต้น 59

3. การดูแลรกั ษา 3.1 การใสป่ ยุ๋ ชว่ ง 1 เดอื นแรกใสป ยุ๋ คอก 1 ครงั้ หลงั จากนน้ั ใสป่ ยุ๋ ยเู รยี (46 - 0 - 0) หรอื แอมโมเนยี มซลั เฟต (21 - 0 - 0) อตั รา 15 - 20 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ ทกุ 3 เดอื นหรอื ใชป ยุ สตู ร 16 - 16 - 8 หรอื 16 - 20 - 0 หรอื 15 - 15 - 15 อตั ราการใหข ึน้ อยกู บั ความสมบูรณข องดิน 3.2 การให้น้�ำ รดน้ําสม่ําเสมอทกุ วนั ตลอดการปลกู 4. การปอ้ งกนั และกำ� จดั ศตั รพู ืช 4.1 วชั พืช ใหก้ ำ� จดั วชั พชื 1 คร้งั หลังจากปลูกแลว้ 2 - 3 เดือน 4.2 โรคและแมลง ไม่พบโรคและแมลงทีเ่ ปน็ ศัตรูสำ� คัญทที่ �ำให้ผลผลติ ลดลง 5. การปฏิบตั กิ อ่ นและหลงั การเกบ็ เก่ียว ตะไครห้ อมเกบ็ เกยี่ วโดยใชส้ ว่ นใบเมอื่ อายุ 6 - 7 เดอื น การเกบ็ เกยี่ วเพอ่ื ใชใ้ นอตุ สาหกรรมนำ้� มนั ควรตัดเอาส่วนของใบซ่ึงอยู่เหนือพื้นดินประมาณ 1 ใน 3 ส่วนของความสูงท้ังหมด เก็บเก่ียว ตอนเชา้ ตรเู่ พราะเปน็ ชว่ งทม่ี สี ารหอมระเหยมากทส่ี ดุ หากปลอ่ ยใหต้ ะไครห้ อมถกู แสงแดดจะท�ำให้ ต่อมของน้�ำมันหอมระเหยขยายตัวและส่งกล่ินกระจายออกมา น้�ำมันหอมระเหยก็จะมีน้อยลง นำ� มาผงึ่ ไว้ 1 - 2 วนั กอ นนาํ ไปสกดั นา้ํ มนั ไมค่ วรทง้ิ ไวน้ าน หลงั จากการเกบ็ เกยี่ วแลว ควรหวา นปยุ๋ ยเู รยี หรือแอมโมเนียซัลเฟต อัตรา 15 - 20 กิโลกรัมต่อไรเพื่อใหแตกใบใหมเร็วขึ้น ได้ใบขนาดใหญ่ และมปี รมิ าณนำ�้ มันหอมระเหยเพมิ่ ข้ึน 6. ข้อมลู อ่ืนๆ 6.1 สารออกฤทธ์ใิ นตะไคร้หอม ได้แก่ Citronellol oil ซงึ่ มคี ณุ สมบตั ชิ ว่ ยในการแตง่ กลนิ่ ในผลติ ภณั ฑห์ ลายประเภท เชน่ สบู่ แชมพู น้ำ� หอม อาหาร เคร่ืองดม่ื ใช้ไล่แมลง เชน่ ยงุ หมัดสุนัข และใช้ในการป้องกันก�ำจัดศัตรูพืชในการเกษตร 6.2 การกลน่ั นำ�้ มนั ตะไครห้ อม เหมาะสมกบั วธิ กี ารกลนั่ ดว้ ยนำ้� และไอนำ�้ (water and steam distillation) ใชส้ ว่ นใบของ ตะไครห้ อมในการกลน่ั เมอ่ื กลนั่ แลว้ จะไดข้ องเหลวใส สเี หลอื งออ่ น ปราศจากตะกอนและแยกชนั้ ของนำ�้ มกี ลน่ิ เฉพาะตวั ตะไครห้ อม 150 กโิ ลกรมั กลนั่ นำ�้ มนั หอมระเหยไดป้ ระมาณ 0.6 - 1 ลติ ร 60

ขอ้ มูลสภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมตอ่ การเจรญิ เติบโตและให้ผลผลติ ของตะไครห้ อม สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ขอ้ จ�ำกัด 1. สภาพภูมอิ ากาศ - เจริญเติบโตได้ดีทีอ่ ุณหภมู ิ ระหว่าง 22 – 30 องศาเซลเซียส - อุณหภูมิและแสงตำ่� ปรมิ าณน้ำ� มนั หอมระเหย 1.1 อุณหภมู ิ - เป็นพืชทชี่ อบแสงแดดจัดมาก จะลดลง 1.2 ความต้องการแสง - ปรมิ าณน้�ำฝนเฉลีย่ 2,000 – 2,500 มลิ ลเิ มตรตอ่ ปี - การปลกู ในทท่ี มี่ ปี รมิ าณนำ�้ ฝนนอ้ ย / ฝนทงิ้ ชว่ ง 1.3 ปริมาณน้�ำฝน ตอ้ งจัดเตรียมระบบการให้นำ�้ หรือชลประทาน 2. สภาพพนื้ ที่ 2.1 ความสงู จากระดับน้�ำทะเล - ตะไคร้หอมพันธุ์จากศรีลังกาสามารถปลูกได้ดีในพื้นที่ท่ีมีความสูง ประมาณ 1,500 เมตรจากระดับนำ�้ ทะเล - ตะไครห้ อมพนั ธจ์ุ ากอนิ โดนเี ซยี สามารถปลกู ไดด้ ใี นพนื้ ทท่ี มี่ คี วามสงู ประมาณ 500 เมตรจากระดบั นำ�้ ทะเล 3. สภาพดนิ - ปลูกไดใ นดนิ ทกุ ชนดิ เจริญเตบิ โตไดดใี นดนิ รว นปนทราย - ไม่ควรปลูกในดินเหนียว 3.1 โครงสร้างของดนิ - เป็นดินท่มี ีอนิ ทรียวัตถุอุดมสมบรู ณ์ ประมาณ 2.5 - 3 เปอรเ์ ซ็นต์ - ดนิ ไมอ่ ดุ มสมบรู ณพ์ ชื จะมอี ายกุ ารเกบ็ เกยี่ วสนั้ 3.2 ปริมาณอินทรยี วตั ถุ - เปน็ ดินทีม่ คี วามชุม่ ชืน้ นอ้ ย มีการระบายนำ้� ดี - ไม่ทนดินเค็ม 3.3 ลักษณะของดนิ 4. ธาตอุ าหาร -ตอ้ งการธาตไุ นโตรเจนเพอ่ื สง่ เสรมิ ให้เกิดการแตกกอ 5. สภาพน�้ำ - มคี วามสะอาด ไมม่ สี ารอนิ ทรยี แ์ ละสารอนนิ ทรยี ท์ เี่ ปน็ พษิ ปนเปอ้ื น 5.1 คุณภาพนำ�้ - ไม่มคี ่าโลหะหนัก 5.2 ความต้องการน�้ำ - ทนตอ ความแหง แลง แตถ า ใหน าํ้ สมาํ่ เสมอ บาํ รงุ รกั ษาดจี ะใหผ ลผลติ สงู ตลอดปี

แนวทางการเพิ่มประสทิ ธิภาพการผลิต และแหลง่ สืบค้นขอ้ มลู เพิม่ เติม แนวทางการเพ่ิมประสิทธิภาพการผลติ ตะไคร้หอมต้องการน้�ำมากและสม่�ำเสมอ ควรปลูกในระยะเวลาท่ีเหมาะสมคือฤดูฝน ท�ำให้ ตน้ ตะไครห้ อมเจรญิ เตบิ โตไดเ้ รว็ หรอื อาจใชร้ ะบบนำ้� หยดหรอื สปรงิ เกอรเ์ พอื่ ใหต้ ะไครห้ อมไดร้ บั นำ้� สมำ�่ เสมอ การเกบ็ เก่ยี วที่เหมาะสม - เก็บเกย่ี วตะไคร้ตอนเช้า ไม่ใหต้ ะไครห้ อมทต่ี ดั แลว้ ถกู แสงแดด - ไมค่ วรเก็บตะไคร้หอมทิง้ ไว้เกิน 2 วัน - การปลกู เพอ่ื สง่ โรงงานสกดั นำ้� มนั หอมระเหย แหลง่ ปลกู ควรอยใู่ กลโ้ รงงานเพอื่ ลดการสญู เสยี แหล่งสืบคน้ ขอ้ มลู เพ่มิ เติม คูม่ ือปลกู พืชสมุนไพรเพอ่ื เศรษฐกจิ ชมุ ชน การปลูกยารักษาป่า 2 มลู นธิ ิสุขภาพไทย http://www.eto.ku.ac.th/neweto/e-book/plant/herb_gar/herb3.pdf กรมวิชาการเกษตร.มมป. การปลูกตะไคร้หอม. (สำ� เนา) 62

บุกเน้อื ทราย ข้นั ตอนการปลูกและการดูแลรกั ษาบุกเน้อื ทราย การเตรยี มการ 2 เดือน 4 เดอื น 6 เดอื น 8 เดอื น 10 เดอื น 12 เดือน 14 เดือน 16 เดือน 18 เดือน 20 เดอื น 22 เดือน 24 เดือน การเตรียมดิน การปลูก การใสป่ ุ๋ย การให้นำ้� การกำ�จดั วชั พชื - ไถดะ ไถพรวนดนิ ร่วมกบั -ในแปลงผลิต ปลูก - ใสป่ ยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั การปลกู ดว้ ยหวั - แปลงผลติ กำ� จดั การใสป่ ยุ๋ คอก 1.5 – 3 ตนั ตอ่ ไร่ 2 แถวตอ่ รอ่ ง ใชร้ ะยะ หลงั ปลกู 1 เดอื นครง่ึ ใตด้ นิ หากฝน วชั พชื อย่างน้อย ตากดินไว้ 1 - 2 สปั ดาห์ ปลกู 30 x 30 เซนตเิ มตร และ 3 เดือน ท้งิ ช่วง ให้น้�ำ 2 คร้งั - เกบ็ เศษวสั ดแุ ละกำ� จดั วชั พชื - ฝงั หวั พนั ธล์ุ กึ จากผวิ ดนิ - วธิ ใี สป่ ยุ๋ โดยหวา่ น 5 - 7 วนั ตอ่ ครง้ั - กำ� จดั วชั พชื กอ่ น ออกจากแปลง 5 เซนติเมตร โดยหนั บนร่อง การใสป่ ยุ๋ แตล่ ะครงั้ - ยกรอ่ ง กวา้ ง 60 เซนตเิ มตร หน่อกลางขึ้นด้านบน โดยใชม้ อื ถอนบนรอ่ ง สูง 25 – 30 เซนตเิ มตร ระยะ หนอ่ จะฝงั ดนิ หรอื โผล่ และใชจ้ อบดายหญา้ การเกบ็ เกยี่ ว ระหวา่ งรอ่ ง 40 - 50 เซนตเิ มตร พน้ ดนิ ขน้ึ มากไ็ ด้ ชนิ้ พนั ธ์ุ ระหว่างรอ่ ง - เกบ็ เกยี่ วหวั ใตด้ นิ ทมี่ อี ายุ 2 - 3 ปี เมอ่ื ตน้ บกุ ฝงั ดา้ นทผี่ า่ ลงกน้ หลมุ ตายไปแลว้ มากกวา่ 90 เปอรเ์ ซ็นต์ การเตรยี มพันธ์ุ - ขดุ ทกุ ระยะของหลมุ ปลกู ดว้ ยความระมดั ระวงั - ใชห้ วั ใตด้ นิ ขนาด 125 กรมั หรือใหญ่กว่า เปน็ พนั ธ์ุ ศัตรทู สี่ �ำคญั และการป้องกันกำ� จัด การปฏิบัตหิ ลงั การเกบ็ เก่ยี ว ปลกู ในแปลงผลติ หากหัว - โรคเน่า ป้องกันก�ำจัดโดยใช้หัวพันธุ์ที่ปลอดโรค เลือก - น�ำหัวบกุ มาล้าง ขัดเปลือกออกจนเหลอื แตห่ วั บุกสีขาวสะอาด ขนาดใหญเ่ กนิ กวา่ 400 กรมั สถานทป่ี ลกู ทไี่ มเ่ คยมกี ารระบาดของโรค ปลกู พชื หมนุ เวยี น - ห่ันเป็นแผ่นบางๆ ขนาดกว้าง 1.5 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตร ใหผ้ า่ ออกเปน็ สว่ นๆ ขนาด ทไ่ี มใ่ ช่พืชอาศัยของเช้ือโรค เช่น ถว่ั และขุดตน้ ที่เปน็ โรค หนา 2.5 มลิ ลิเมตร 125 กรัม และดินรอบๆ ต้น รัศมี 10 น้ิว ไปทิ้งหรือฝังท�ำลาย - นำ� เขา้ ตอู้ บ ใชว้ ธิ เี ปา่ ลมรอ้ นใหม้ อี ณุ หภมู สิ งู คงท่ี 120 – 130 องศาเซลเซยี ส - ใชห้ วั บนใบหรอื ไขบ่ กุ ขนาด โรยปูนขาวในบรเิ วณที่ขุด รมดว้ ยซลั เฟอรไ์ ดออกไซดห์ รอื ควนั จากผงกำ� มะถนั อบใหแ้ หง้ สมำ่� เสมอ 2.5 – 20 กรัม เปน็ พนั ธุ์ - หนอนแกว้ กำ� จดั โดยจับไปท�ำลาย นาน 45 นาที ปลกู ในแปลงหัวพนั ธ์ุ - ทงิ้ ไว้ใหเ้ ยน็ บรรจุถงุ หรือบดหยาบเพอื่ แยกผงว้นุ

เทคนคิ การปลูก และดูแลรกั ษาบุกเนอ้ื ทราย 1. การเตรียมการก่อนปลกู 1.1 การเตรยี มดิน 1) ไถดะ ไถพรวนดิน ร่วมกบั การใส่ปยุ๋ คอก 1.5 – 3 ตันต่อไร่ และตากดินไวป้ ระมาณ 1 - 2 สปั ดาหก์ อ่ นปลกู 2) เกบ็ เศษวัสดแุ ละกำ� จดั วัชพชื ออกจากแปลง 3) ยกรอ่ ง กวา้ ง 60 เซนตเิ มตร สงู 25 - 30 เซนตเิ มตร ระยะระหวา่ งรอ่ ง 40 - 50 เซนตเิ มตร 1.2 การเตรียมพันธ์ุ 1) การเกบ็ รกั ษาหัวพันธุ์ - หวั ใตด้ ิน นำ� มาเกลีย่ วางในทม่ี ีหลังคากันฝนได้ อากาศถ่ายเทสะดวก ใหผ้ วิ แห้งสนิท น�ำไปเกบ็ บนชัน้ โดยอาจวางหวั ซอ้ นกันได้ 2 – 3 ช้ัน - หวั บนใบ นำ� มาเกลยี่ ในตะแกรง วางไวใ้ นทร่ี ม่ ใหผ้ วิ แหง้ (สนี ำ�้ ตาล) นำ� ไปเกบ็ ในโรงเกบ็ ทส่ี ะอาด อากาศถา่ ยเทสะดวก 2) การเตรียมพันธ ์ุ - หัวใตด้ นิ ใชห้ วั ขนาด 125 กรัมหรอื ใหญก่ วา่ หากหัวขนาดใหญเ่ กนิ กว่า 400 กรมั ให้ผา่ ออกเป็นส่วนๆ ขนาด 125 กรมั สำ� หรับเตรียมเปน็ พนั ธปุ์ ลูกในแปลงผลิต - หัวบนใบหรอื ไข่บกุ ใช้ขนาด 2.5 – 20 กรัม เป็นพันธ์ปุ ลูกในแปลงหัวพนั ธ์ุ 2. การปลูก 2.1 วธิ ปี ลูก 1) แปลงผลิต ส�ำหรับการปลูกด้วยหัวใต้ดิน ขนาดต้ังแต่ 50 กรัมข้ึนไป เพื่อเกบ็ ผลผลติ สง่ จ�ำหนา่ ย - ใช้หวั พนั ธุห์ รอื ชนิ้ พันธ์ทุ ่เี ตรยี มไว้ ปลกู 2 แถวตอ่ รอ่ ง - ฝงั หวั พนั ธล์ุ งดนิ โดยหนั หนอ่ กลางขน้ึ ดา้ นบน ใหส้ ว่ นหวั อยู่ลึกจากผิวดิน 5 เซนติเมตร โดยหน่อจะฝังดินหรือโผล่พ้นดิน ข้ึนมาก็ได้ ช้ินพันธุฝ์ ังโดยหนั ด้านทีผ่ ่าลงก้นหลมุ - ให้นำ�้ หลังปลกู ครงั้ แรกใหช้ ุม่ แตไ่ มข่ งั แฉะ ระวังอยา่ ใหห้ ัวเน่าเสียหาย 64

2) แปลงหวั พันธ์ุ สำ� หรับการปลูกดว้ ยหวั บนใบ - หัวที่มีขนาดเลก็ กวา่ 2.5 กรมั ตอ้ งท�ำแปลงหว่านให้งอกเสียกอ่ น จึงนำ� ไปปลูกใน แปลงพันธต์ุ ่อไป - หัวท่ีมีขนาด 2.5 - 20 กรัม ปลกู ลงแปลงหวั พันธไุ์ ด้ โดยขดุ หลมุ ใหล้ กึ จากผวิ ดิน 3 เซนติเมตร วางให้สว่ นทม่ี ขี นาดใหญท่ ี่สุดตั้งขึ้นแลว้ กลบดนิ - คลุมรอ่ งด้วยฟาง เพอื่ รกั ษาความชุ่มชนื้ 2.2 ระยะปลกู 1) แปลงผลิต ใช้ระยะปลกู 30 x 30 เซนตเิ มตร 2) แปลงหัวพนั ธ์ุ ใช้ระยะปลูก 30 x 20 เซนตเิ มตร 2.3 จ�ำนวนตน้ ต่อไร่ 1) แปลงผลติ อัตราการใช้หัวพันธ์ุ 9,400 หัวต่อไร่ 2) แปลงหัวพันธุ์ อัตราการใชห้ ัวพันธุ์ 14,400 หวั ตอ่ ไร่ 3. การดแู ลรักษา 3.1 การใส่ปุ๋ย ใสป่ ยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั หลงั จากปลกู ประมาณ 1 เดอื นครง่ึ และ 3 เดอื น โดยใสแ่ บบหวา่ นบนรอ่ ง 3.2 การใหน้ �้ำ 1) การปลกู ดว้ ยหัวใต้ดิน หากฝนทิง้ ชว่ ง ให้นำ้� 5 - 7 วันตอ่ ครัง้ 2) การปลูกดว้ ยหวั บนใบ ใหน้ ้�ำทุก 3 – 5 วนั ในชว่ งแลง้ 4. การปอ้ งกันและก�ำจัดศัตรพู ชื 4.1 วัชพืช 1) แปลงหวั พันธุ์ กำ� จัดวัชพชื อย่างน้อย 3 คร้ัง 2) แปลงผลติ กำ� จัดวัชพชื อยา่ งนอ้ ย 2 คร้งั 3) กำ� จดั วชั พชื กอ่ นการใสป่ ยุ๋ แตล่ ะครง้ั โดยใชม้ อื ถอนบนรอ่ ง และใชจ้ อบดายหญา้ ระหวา่ งรอ่ ง 4) ทำ� การกลบโคนตน้ ในช่วงก่อนการใสป่ ุ๋ยครัง้ แรกเทา่ นัน้ 4.2 โรค โรคเน่า ทเี่ กดิ จากเช้อื แบคทเี รยี จะเข้าทำ� ลายต้นบกุ ทางหวั ใต้ดนิ และเสน้ ใบทีห่ กั หรอื เปน็ แผล ท�ำใหห้ ัวเนา่ และมีกลิ่นเหมน็ แล้วลกุ ลามไปยงั สว่ นของต้น ทำ� ให้ตน้ หกั พบั ลงมา 65

การป้องกนั ก�ำจัด 1) ใชห้ วั พนั ธ์ุทีป่ ลอดโรค หรือจากแหล่งท่ไี ม่มีการระบาดของโรค 2) เลือกสถานทีป่ ลูก ท่ไี มเ่ คยมีประวัติการระบาดของโรคกบั พืชอ่นื มาก่อน 3) หมนั่ ตรวจสอบแปลงปลกู หากพบโรค ใหข้ ดุ ตน้ และดนิ รอบๆ ตน้ รศั มี 10 นวิ้ ไปทงิ้ หรอื ฝังทำ� ลาย แลว้ โรยปนู ขาวในบรเิ วณที่ขุด เพ่อื ปอ้ งกันการแพรเ่ ชอื้ 4) ปลกู พืชหมนุ เวียนที่ไมใ่ ช่พชื อาศยั ของเชือ้ เชน่ ถวั่ 5) เก็บเกยี่ วอยา่ งระมดั ระวงั ไมใ่ ห้ชำ้� หรอื เกิดแผล และห้ามใชน้ �้ำรดกองหัวบุก 4.3 แมลง หนอนแก้ว (Theretra sp.) ทำ� ลายต้นบุกโดยกัดกินใบ ก�ำจัดโดยจับไปทำ� ลาย 5. การปฏิบตั กิ ่อนและหลังการเก็บเกยี่ ว 5.1 การเก็บเกย่ี วหัวบนใบ เกบ็ หวั ที่รว่ งหลน่ จากต้นท่แี ห้งหมดสภาพแล้วเท่านัน้ 5.2 การเกบ็ เก่ียวหัวใต้ดนิ 1) เก็บเก่ยี วหัวใต้ดนิ ทม่ี อี ายุ 2- 3 ปี เมื่อต้นบุกตายไปแลว้ มากกวา่ 90 เปอรเ์ ซ็นต์ 2) ขดุ ทุกระยะของหลมุ ปลูกดว้ ยความระมดั ระวัง เพราะมีหัวขนาดแตกต่างกัน 5.3 การเกบ็ รกั ษา 1) หวั บนใบ นำ� ไปผ่ึงแดด 1 – 2 วัน ใสถ่ ุงตาขา่ ยแขวนไว้ หรอื ใสต่ ะแกรงวางเปน็ ชนั้ ๆ ในทอ่ี ากาศถา่ ยเทสะดวก 2) หวั ใตด้ ิน หากดนิ แห้งน�ำหวั บุกที่ขดุ ได้เกบ็ ในโรงเรือนได้เลย แตห่ ากดินเปียกควรทงิ้ ไว้ ในแปลง ใหด้ นิ รว่ งหลุดจากหัวบกุ ก่อน และห้ามล้างน้�ำกอ่ นเกบ็ เพราะหวั บุกเนา่ เสียได้ง่าย หวั บุก ไมค่ วรเกบ็ ไว้นานเกนิ 3 วัน น้�ำหนกั จะลดลงอย่างรวดเรว็ 5.4 การท�ำบกุ แห้ง น�ำหัวบุกมาล้าง ขัดเปลือกออกจนเหลือแต่หัวบุกสีขาวสะอาด หั่นให้เป็นแผ่นบางๆ ขนาดกว้าง 1.5 เซนตเิ มตร ยาว 5 เซนตเิ มตร หนา 2.5 มลิ ลเิ มตร น�ำเข้าตอู้ บ ใช้วธิ ีเปา่ ลมรอ้ น ใหม้ อี ณุ หภมู สิ งู คงที่ 120 – 130 องศาเซลเซยี ส ในระยะเรม่ิ อบ รมดว้ ยซลั เฟอรไ์ ดออกไซดห์ รอื ควนั จากผงกำ� มะถัน เพือ่ ย้บั ย้งั การเจรญิ ของเช้อื จลุ นิ ทรยี ์และเชอ้ื รา ลดการเปล่ยี นสีหรอื ให้มสี ขี าวข้นึ และยืดอายุเก็บรกั ษาได้นานขน้ึ แตต่ อ้ งตกค้างในบกุ แหง้ ได้ไม่เกนิ 1000 ppm อบใหแ้ ห้งสม�่ำเสมอ ใชเ้ วลาประมาณ 45 นาที ใหไ้ ดบ้ กุ แหง้ ทมี่ คี วามชนื้ ไมเ่ กนิ 10 เปอรเ์ ซน็ ต์ ทง้ิ ไวใ้ หเ้ ยน็ นำ� ไปบรรจถุ งุ หรือบดหยาบเพื่อแยกผงวุ้นต่อไป โดยอัตราการท�ำแห้ง บุกสด : บุกแห้ง เท่ากับ 10 : 1 และ บกุ แหง้ : ผงวนุ้ เท่ากับ 3 : 1 66

6. ขอ้ มูลอน่ื ๆ 6.1 สารส�ำคัญและสรรพคุณ หวั บกุ เนอ้ื ทรายมสี ารทมี่ โี ครงสรา้ งประกอบดว้ ยนำ้� ตาลกลโู คสและแมนโนส คอื กลโู คแมนแนน (glucomannan) เป็นเส้นใยอาหารธรรมชาติ (dietary fiber) ท่ีมีลักษณะเป็นวุ้นท่ีไม่เพ่ิมพลังงาน และไมถ่ กู ยอ่ ยโดยนำ�้ ยอ่ ยในกระเพาะอาหาร โดยจะเปน็ เมอื กลน่ื แทรกตวั อยโู่ ดยรอบ ขดั ขวางการ ดูดซึมน�้ำตาล คอเลสเตอรอล และไตรกลเี ซอร์ไรดท์ จ่ี ะเขา้ สกู่ ระแสโลหิต และเมือกล่นื จะสลายตัว เป็นนำ้� ชว่ ยระบายของเสียและสารพิษตกคา้ งในระบบยอ่ ยอาหารออกจากร่างกายได้ดขี ้นึ 6.2 การใชป้ ระโยชน์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากบุกเนื้อทราย ได้แก่ อาหารลดความอ้วน และอาหารเสริมสุขภาพ เชน่ วุ้นบุก เสน้ บุก 67

ข้อมูลสภาพแวดล้อมท่เี หมาะสมต่อการเจรญิ เติบโตและใหผ้ ลผลติ ของบกุ เนื้อทราย สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ขอ้ จ�ำกดั 1. สภาพภมู อิ ากาศ - เจรญิ เตบิ โตได้ดที ีอ่ ุณหภูมิ 20 – 35 องศาเซลเซยี ส 1.1 อุณหภมู ิ - ต้องการความชนื้ สูง ความชืน้ สมั พัทธข์ องอากาศ 90 เปอร์เซน็ ต์ 1.2 ความชน้ื สัมพัทธ์ - ต้องการรม่ เงา มีการบังแดดสูงสดุ ไมเ่ กิน 70 เปอร์เซนต์ 1.3 ความเข้มของแสง - มแี สงแดดประมาณ 5 - 6 ชวั่ โมงตอ่ วนั - ชว่ งความเขม้ ของแสงทตี่ อ้ งการวนั ละ 175 – 250 แคลอรตี อ่ ตารางเซนตเิ มตร ตอ่ วนั 2. สภาพพื้นที่ - หลกี เล่ยี งการปลูกในเขตท่มี ีลมพัดแรง เพราะต้น 2.1 ความลาดเอยี งของพ้ืนที่ - พน้ื ทปี่ ลูกควรเปน็ ทีด่ อน มคี วามลาดเอียง 5 – 10 องศา หกั ลม้ ไดง้ ่าย 2.2 ความสงู จากระดบั นำ�้ ทะเล - ปลูกได้ดีที่ระดบั ความสูงจากระดบั น้�ำทะเล 300 - 800 เมตร - หลกี เลย่ี งการปลกู ในพน้ื ทที่ เี่ คยมปี ระวตั กิ ารระบาด ของโรคเน่ากับพืชอ่ืนมาก่อน และควรปลูก - เป็นพ้ืนท่ีน�้ำไมท่ ่วมขงั พชื หมนุ เวยี นทไ่ี มใ่ ชพ่ ชื อาศยั ของเชอ้ื โรคเนา่ เชน่ ถวั่ 3. สภาพดิน 3.1 ลักษณะของเนอื้ ดนิ - ดนิ ร่วนเหนยี วถึงร่วนปนทราย มีการระบายนำ้� ดี หนา้ ดนิ ค่อนขา้ งลกึ 3.2 ความเปน็ กรดเปน็ ดา่ งของดนิ - มีค่าความเปน็ กรดเปน็ ด่างของดิน (pH) 5.5 – 7 - ค่าความเป็นกรดด่างต่�ำกว่า 5.5 มีโอกาสเกิด 3.3 ปริมาณอินทรยี วตั ถุ - มีความอุดมสมบรู ณส์ งู มีอนิ ทรียวตั ถไุ มน่ อ้ ยกวา่ 3 % โรคหวั เนา่ มากขน้ึ - คา่ ความเปน็ กรดดา่ งสงู กวา่ 7 จะทำ� ใหเ้ กดิ อาการ ใบเหลอื งจากการขาดธาตุเหลก็

ข้อมลู สภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมตอ่ การเจริญเติบโตและใหผ้ ลผลิตของบกุ เนือ้ ทราย (ตอ่ ) สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม 4. สภาพนำ้� - ปรมิ าณนำ้� ฝนทเ่ี หมาะสม 1,200 – 2,200 มลิ ลลิ ติ รตอ่ ปี ไมม่ ฝี นทงิ้ ชว่ ง หรือมีระยะสั้นๆ - มีระดับนำ้� ใตด้ นิ ในช่วงฤดูฝนตำ่� กว่าผิวดนิ อย่างน้อย 50 เซนติเมตร - น้�ำทเี่ หมาะสมกบั การเกษตร ตามมาตรฐานของกรมพัฒนาที่ดิน ควรมีลกั ษณะดงั น้ี : มีความสะอาด ไมม่ ีสารอนิ ทรียแ์ ละสารอนนิ ทรยี ์ทเ่ี ป็นพิษปนเปอ้ื น : มคี า่ โลหะหนัก เชน่ สารหนู ไม่เกนิ 0.25 มิลิกรัมต่อลติ ร, แคดเมียม ไม่เกนิ 0.03 มิลกิ รมั ตอ่ ลติ ร , ตะกัว่ ไมเ่ กนิ 0.1 มิลลกิ รัมตอ่ ลติ ร : มีคา่ ความเป็นกรดเป็นด่าง อยู่ระหว่าง 6.0 – 7.9 : มคี ่าอณุ หภมู ขิ องน้�ำไมเ่ กนิ 40 องศาเซลเซียส : มคี า่ ความเค็มของนำ�้ ไม่เกนิ 0.3 กรมั ตอ่ ลิตร : มีคา่ ปริมาณออกซิเจนละลายนำ้� ไม่ต�่ำกวา่ 2 มิลลิกรมั ตอ่ ลิตร

แนวทางการเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการผลติ และแหล่งสืบคน้ ข้อมลู เพิ่มเติม แนวทางการเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการผลติ 1. การคดั เลอื กหวั พนั ธ์ุ เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ทมี่ ผี ลตอ่ ปรมิ าณและคณุ ภาพผลผลติ บกุ เนอ้ื ทราย โดยเฉพาะการลดความสญู เสยี อนั เนอื่ งมาจากโรคเนา่ ซงึ่ เปน็ ปญั หาส�ำคญั ในการผลติ บกุ เนอื้ ทราย โดยพจิ ารณาคดั เลือกหวั พนั ธ์ุ ดงั นี้ 1.1 พันธุ์เน้ือทราย เป็นพันธุ์บุกท่ีใช้ในอุตสาหกรรม ให้ผลผลิตสูง และมีปริมาณ สารกลูโคแมนแนนสูง 1.2 หัวพนั ธ์ุ (หัวใต้ดิน) มีความสมบูรณ์ ปราศจากโรคและแมลงเข้าท�ำลาย 1.3 หัวบนใบหรือไข่บุก มีความสมบูรณ์ และเจริญเต็มที่ โดยเป็นหัวที่ร่วงหล่นจากต้น ที่แห้งตายแลว้ 2. การพรางแสง มีผลต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตบุกเนื้อทราย การปลูกกลางแจ้ง ตน้ จะเตยี้ กวา่ ปกติ ประมาณ 1/3 เทา่ ของการปลูกใต้ร่มเงา ใบไหม้ ใหผ้ ลผลติ ต่�ำหรอื ไม่ให้ผลผลติ ในขณะที่การปลูกในที่มีร่มเงามากเกินไป ต้นจะมีขนาดเล็ก ไม่แข็งแรง หรือต้นมีขนาดใหญ่ แตห่ วั มขี นาดเลก็ เนอ่ื งจากประสทิ ธภิ าพการสงั เคราะหแ์ สงลดลง ทำ� ใหส้ ะสมอาหารไดต้ ำ�่ การพรางแสง ทเี่ หมาะสมมีวิธีการ ดังน้ี 2.1 ตง้ั โครงตาขา่ ยสงู จากพน้ื ดนิ 1.5 – 2 เมตร ใชต้ าขา่ ยพรางแสง 50% กางคลมุ ใหท้ วั่ แปลง สำ� หรบั แปลงหัวพนั ธ์ุ และสำ� หรับแปลงผลติ ใหเ้ วน้ ระยะตาขา่ ย 50 เซนติเมตร 2.2 การใชไ้ มย้ นื ตน้ พรางแสง สามารถลดตน้ ทนุ ในการผลติ และเปน็ การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพ การใชป้ ระโยชนพ์ ืน้ ที่การเกษตร 1) เลอื กไมท้ ม่ี ใี บเลก็ ผลัดใบในฤดูแลง้ และมีใบโปร่งในฤดฝู น มีอายใุ บ 4 – 5 เดอื น เชน่ ประด่อู อ่ น 2) ไมค่ วรปลกู เปน็ พชื แซมในระบบเพาะปลกู ไมย้ นื ตน้ ทมี่ ที รงพมุ่ ทบึ และระบบรากตนื้ เช่น ยางพารา ลำ� ไย ลิ้นจ่ี เปน็ ต้น แหลง่ สบื ค้นข้อมลู เพิม่ เตมิ มงคล เกษประเสรฐิ . 2547. บกุ และการใชป้ ระโยชนจ์ ากบกุ ในประเทศไทย. เอกสารวชิ าการลำ� ดบั ที่ 22/2547. ส�ำนกั วจิ ยั พฒั นาเทคโนโลยชี ีวภาพ กรมวิชาการเกษตร. สำ� นกั สง่ เสรมิ และจดั การสนิ คา้ เกษตร. 2545. การผลติ สมนุ ไพรและเครอื่ งเทศ. กรมสง่ เสรมิ การเกษตร. 70

ปัญจขันธ์ ข้ันตอนการปลูกและการดแู ลรกั ษาปัญจขนั ธ์ 100 วนั 120 วัน การเตรยี มการ 20 วัน 40 วนั 60 วัน 80 วนั การเตรยี มดนิ การปลูก การใส่ปุย๋ การให้น้�ำ การกำ� จัดวชั พชื - ไถพรวน 2 คร้งั ตากดนิ ไว้ - ใชร้ ะยะปลกู 15 x 15 - ใสป่ ยุ๋ คอก 2-3 ครงั้ ใหน้ ำ�้ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ใช้มือถอนอย่าง 1 สัปดาห์ หรอื 15 x 30 เซนตเิ มตร - วธิ ใี สป่ ยุ๋ หวา่ นรอบๆ ระวงั อยา่ ใหน้ ำ้� ทว่ ม สมำ�่ เสมอ โดยเฉพาะ - ใสป่ ยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั - รองกน้ หลมุ ปลกู ดว้ ย ตน้ ขงั ในแปลง ในระยะแรกทพี่ ชื - ใสป่ นู ขาว เพอ่ื ปรบั pH 6 – 8 ปยุ๋ หมกั และเชอ้ื รา ยงั เลอ้ื ยไมค่ ลมุ แปลง - ยกร่อง สูง 30 เซนตเิ มตร ไตรโคเดอรม์ า 1 กำ� มอื กวา้ ง 1 เมตร ระยะระหวา่ งรอ่ ง - นำ� เถาปกั ชำ� ทเี่ ตรยี ม การเกบ็ เก่ียว 50 เซนติเมตร ไว้ ยา้ ยลงหลมุ ปลกู - เกบ็ เกย่ี วปญั จขนั ธอ์ ายุ 3 – 4 เดอื น - ตดั สว่ นทอ่ี ยเู่ หนอื ดนิ หา่ งจากลำ� ตน้ ใตด้ นิ การเตรียมพนั ธุ์ 15 – 20 เซนตเิ มตร การปกั ชำ� ใชเ้ ถาทไ่ี มอ่ อ่ นหรอื ไมแ่ กเ่ กนิ ไป ตดั เปน็ ทอ่ นๆ ศตั รทู ่สี �ำคัญและการปอ้ งกนั กำ� จัด การปฏิบัติหลงั การเก็บเก่ยี ว มี 3 – 4 ขอ้ ปกั ลงดนิ โดย - โรคราแปง้ ขาว ปอ้ งกนั กำ� จดั โดยเลอื กพน้ื ทปี่ ลกู ใหห้ า่ ง - คดั เลอื กเอาเศษหนิ ดนิ ทราย สว่ นของพชื อนื่ ทป่ี ะปนมา และสว่ นของปญั จขนั ธ์ ใหเ้ อยี งเลก็ นอ้ ย เมอื่ รากงอก จากพน้ื ทป่ี ลกู พชื ตระกลู แตง ตน้ ทเ่ี ปน็ โรคใหถ้ อนทง้ิ และ ทไี่ มต่ อ้ งการใชอ้ อก และยอดยาว10–15เซนตเิ มตร ทำ� ลายทนั ที และทำ� ความสะอาดแปลงปลกู หลงั เกบ็ เกยี่ ว - ลา้ งดว้ ยนำ�้ สะอาด 2 -3 ครงั้ ผง่ึ บนตะแกรงใหส้ ะเดด็ นำ้� ยา้ ยลงแปลงปลกู ผลผลติ - สบั หรอื ตดั ตามขนาดทตี่ อ้ งการ ผงึ่ ในทรี่ ม่ - โรคใบจดุ ปอ้ งกนั โดยใชต้ น้ พนั ธท์ุ ป่ี ราศจากโรค และ - เกลยี่ ใหแ้ ผบ่ าง ๆ บนภาชนะ อบทอ่ี ณุ หภมู ไิ มเ่ กนิ 40 องศาเซลเซยี ส หรอื คลมุ หมนุ เวยี นแปลงปลกู ปญั จขนั ธ์ ภาชนะดว้ ยผา้ ขาวบาง นำ� ไปตากแดดจนแหง้ สนทิ - แมลงปกี แขง็ หอยทาก แมลงเตา่ ทอง และตกั๊ แตน ใหเ้ กบ็ - เกบ็ ในถงุ พลาสตกิ ตดิ ฉลากระบชุ อื่ ชนดิ สมนุ ไพร แหลง่ ปลกู วนั ทเี่ กบ็ แปลงทเ่ี กบ็ ทำ� ลายทง้ิ หรอื โรยดว้ ยผงดนิ ขาว หรอื ผงกากถวั่ ผปู้ ลกู - เกบ็ ในทมี่ อี ากาศถา่ ยเท สะอาด ปลอดภยั จากแมลงและสตั ว์ นำ� ออกตากแดด หรอื อบ ทกุ 2 – 3 เดอื น

เทคนคิ การปลกู และดแู ลรักษาปญั จขนั ธ์ 1. การเตรียมการกอ่ นปลกู 1.1 การเตรยี มดนิ 1) ทำ� การไถพรวน 2 คร้งั โดยไถดะเพ่อื ก�ำจดั วชั พชื ตากดินไว้ 1 สัปดาห์ แลว้ ไถแปร เพือ่ ท�ำใหด้ นิ รว่ นซยุ 2) ใส่อินทรียวตั ถุ เช่น ป๋ยุ คอก ปยุ๋ หมัก เพอื่ เพ่ิมความอุดมสมบรู ณข์ องดิน 3) ใสป่ ูนขาว เพอ่ื ปรับสภาพความเปน็ กรดดา่ งของดนิ ใหเ้ หมาะสม ระหวา่ ง 6 – 8 4) ทำ� การขนึ้ แปลงหรอื ยกรอ่ ง สงู จากผวิ ดนิ 30 – 50 เซนตเิ มตร ขนาดแปลงกวา้ ง 1 เมตร ความยาวขนึ้ อยู่กับสภาพพน้ื ท่ี และระยะห่างระหวา่ งรอ่ งประมาณ 50 เซนตเิ มตร 1.2 การเตรยี มพนั ธ์ุ 1) การเกบ็ เมลด็ พนั ธ์ุ โดยเกบ็ เกยี่ วผลแกจ่ ดั ทมี่ ลี กั ษณะสมบรู ณ์ นำ� ไปทำ� ใหแ้ หง้ เอาเปลอื กออก เกบ็ เมลด็ ในที่เย็น แห้ง อากาศถ่ายเทไดด้ ี 2) วิธกี ารขยายพันธ์ุ การเพาะเมลด็ ใชว้ สั ดเุ พาะเปน็ ทรายละเอยี ด โดยหวา่ นเมลด็ ในแปลงเพาะ จากนน้ั 8 – 14 วนั เมลด็ จะ เรม่ิ งอก ทำ� การยา้ ยกลา้ เมอื่ มใี บจรงิ 2 – 3 ใบ ควรเพาะเมลด็ ในชว่ งอากาศเยน็ แตไ่ ม่ควรเพาะเมล็ดในชว่ งฝนตกชกุ หรือหยอดเมล็ด 2 – 3 เมล็ด ลงในหลมุ ปลูกโดยตรง การปกั ช�ำ ใชเ้ ถาทเ่ี จรญิ เตบิ โตเตม็ ท่ี ไมอ่ อ่ น หรอื ไมแ่ กเ่ กนิ ไป ตดั เปน็ ทอ่ นๆ ใหม้ ี 3 – 4 ขอ้ รดิ ใบทอ่ี ยู่ 2 ขอ้ ลา่ งออก ปกั ลงดนิ ใหล้ กึ 1 – 2 ขอ้ โดยปกั ใหเ้ อยี งเลก็ นอ้ ย ทำ� มมุ ประมาณ 45 องศา เอนสว่ นปลายไปทางทศิ ตะวนั ตก เมอื่ รากงอกและยอดยาวประมาณ 10 – 15 เซนตเิ มตร ใหย้ า้ ยลงแปลงปลกู โดยรากจะงอกประมาณ 7 วนั หลงั ปกั ชำ� การขยายพนั ธโ์ุ ดยใชล้ �ำตน้ ใตด้ นิ โดยขดุ ลำ� ตน้ ใตด้ นิ ขน้ึ มา ตดั เปน็ ทอ่ นๆ ขนาด 5 เซนตเิ มตร ในแตล่ ะท่อนมี 1 – 2 ขอ้ ขดุ หลมุ เปน็ แนว ใช้ 1 ทอ่ นพนั ธุต์ อ่ หลมุ 72

2. การปลกู 2.1 วิธีปลูก 1) ขดุ หลมุ ปลกู ขนาดกวา้ งและลกึ ประมาณ 1 คบื รองกน้ หลมุ ปลกู ดว้ ยปยุ๋ หมกั และเชอ้ื รา ไตรโคเดอร์มา ประมาณ 1 กำ� มือ 2) ปลกู ปญั จขนั ธใ์ นชว่ งฤดฝู น โดยหยอดเมลด็ ลงในหลมุ ปลกู โดยตรง หรอื ปลกู โดยใชเ้ ถา ปกั ช�ำ หรือปลกู โดยใชล้ ำ� ต้นใตด้ ิน 2.2 ระยะปลกู 1) การปลกู โดยหยอดเมล็ดลงในหลมุ ปลกู ใช้ระยะปลกู 30 x 30 เซนติเมตร 2) การปลูกโดยใชเ้ ถาปกั ชำ� ใชร้ ะยะปลูก 15 x 30 เซนตเิ มตร หรอื 15 x 15 เซนตเิ มตร ตามความเหมาะสมของพ้นื ท่ี หากใชร้ ะยะปลกู ชิดมากเกนิ ไป อาจทำ� ใหเ้ กิดการระบาดของโรคพืช และแมลงได้งา่ ย 3) การปลูกโดยใช้ลำ� ต้นใต้ดิน ใชร้ ะยะปลกู 30 x 50 เซนตเิ มตร 2.3 จ�ำนวนต้นต่อไร่ การปลูกโดยใชเ้ ถาปกั ช�ำ จ�ำนวน 370 – 740 ต้นตอ่ ไร่ 3. การดูแลรักษา 3.1 การใสป่ ุ๋ย ในระยะเจรญิ เตบิ โต ควรใหป้ ยุ๋ คอก 2 – 3 ครง้ั และควรใหป้ ยุ๋ แกป่ ญั จขนั ธท์ กุ ครง้ั หลงั เกบ็ เกยี่ ว ผลผลติ โดยวิธีหวา่ นปุย๋ รอบๆ ต้น 3.2 การใหน้ ้�ำ ปญั จขนั ธช์ อบดนิ ทมี่ คี วามชน้ื สงู แตไ่ มแ่ ฉะ หนา้ ดนิ ไมแ่ หง้ ควรรดนำ้� อยา่ งสมำ�่ เสมอ แตห่ าก มนี ำ�้ ท่วมขังมากๆ จะท�ำให้พชื เนา่ ตายได้ 4. การป้องกนั และก�ำจดั ศัตรพู ืช 4.1 วัชพชื ใช้มอื ถอนอย่างสม่�ำเสมอ โดยเฉพาะในระยะแรกที่พชื ยงั เลอื้ ยไมค่ ลมุ แปลง 4.2 โรค 1) โรคราแป้งขาว เช้ือราจะท�ำลายแผ่นใบ ก้านใบ และล�ำต้น ท�ำให้แผ่นใบเห่ียวแห้ง ล�ำตน้ โทรมเรว็ และออ่ นแอ การป้องกันก�ำจดั - เลอื กพนื้ ทป่ี ลกู ใหห้ า่ งจากพนื้ ทป่ี ลกู พชื ตระกลู แตง หรอื ไมเ่ คยปลกู พชื ตระกลู แตงมากอ่ น มอี ากาศถา่ ยเทได้ดีและไมอ่ บั แสง - เมื่อพบต้นทีเ่ ปน็ โรคให้ถอนท้งิ และทำ� ลายทันที 73

- เมอื่ เกบ็ เกี่ยวผลผลิตแลว้ ใหร้ ีบทำ� ความสะอาดแปลงปลูก น�ำเศษพืชไปเผาทำ� ลาย หรือนำ� ไปทำ� ปุ๋ยหมัก 2) โรคใบจดุ เช้อื ราจะท�ำให้ใบเหี่ยวแห้งตาย อาจเกิดขึน้ ได้ หากมีการใหน้ ำ้� มากเกนิ ไป หรือมนี ำ้� ทว่ มขงั หรือปลูกพชื ซำ�้ ทเ่ี ดิมหลายๆ ครงั้ การปอ้ งกนั ก�ำจดั - การหมนุ เวียนแปลงปลูกปัญจขันธ์ - การใช้ตน้ พันธทุ์ ่ีปราศจากโรค 4.3 แมลงและสัตวศ์ ัตรพู ชื แมลงปีกแข็งจะท�ำลายต้นอ่อน หอยทากจะท�ำลายแผ่นใบ แมลงเต่าทอง และต๊ักแตน ใหเ้ กบ็ ท�ำลายท้ิงหรอื โรยดว้ ยผงดินขาว หรอื ผงกากถัว่ 5. การปฏิบัตกิ อ่ นและหลงั การเก็บเกี่ยว 5.1 ระยะเก็บเกยี่ วทเี่ หมาะสม เก็บเกย่ี วเม่ือปัญจขันธ์อายุ 3 – 4 เดอื น สามารถเกบ็ ผลผลติ ได้ 3 – 4 ครัง้ ต่อปี 5.2 วิธีการเกบ็ เก่ยี ว เก็บเก่ียวโดยตัดส่วนท่ีอยู่เหนือดินหรือบริเวณท่ีห่างจากล�ำต้นใต้ดินประมาณ 15 – 20 เซนติเมตร เพื่อให้แตกยอดเจริญเติบโตให้ผลผลิตในรุ่นต่อไป การเก็บเก่ียวครั้งสุดท้ายในรอบปี สามารถตัดจนเตยี นได้ และทำ� การพลกิ หน้าดนิ ใหม่ ปรับปรงุ สภาพดินและปลกู พืชรนุ่ ตอ่ ไป 5.3 การท�ำแหง้ ปัญจขนั ธ์ ผลผลิตทีเ่ กบ็ เก่ียวได้ ต้องน�ำมาท�ำใหแ้ ห้งทันที ดงั นี้ 1) คดั เลอื กเอาเศษหนิ ดนิ ทราย และสว่ นของพชื อนื่ ทปี่ ะปนมา หรอื สว่ นของปญั จขนั ธ์ ท่ีไมต่ ้องการใช้ออก 2) ลา้ งดว้ ยนำ้� สะอาด 2 - 3 ครง้ั ในภาชนะทส่ี ะอาด โดยใหน้ ำ�้ ไหลผา่ นตลอดเวลา และนำ� ขนึ้ ผงึ่ บนตะแกรงให้สะเดด็ น้�ำ 3) สบั หรอื ตดั ปญั จขนั ธต์ ามขนาดทต่ี อ้ งการ ดว้ ยอปุ กรณท์ สี่ ะอาด เชน่ มดี กรรไกร ตามขนาด ที่ต้องการ 4) ผ่ึงในท่ีร่ม ไม่อับช้ืน บนตะแกรงทส่ี ะอาด ประมาณคร่ึงชัว่ โมง 5) น�ำเข้าอบในตู้อบร้อนไฟฟ้าท่ีมีพัดลม ระบายอากาศ ใช้อุณหภูมิไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส เกล่ียปัญจขันธ์ให้แผ่บางๆ บนภาชนะ และหมั่นกลับ ตลอดเวลา หรือน�ำปัญจขันธ์ไปตากแดดจนแห้งสนิท 74

6) เมอ่ื ปญั จขนั ธแ์ หง้ กรอบดแี ลว้ เกบ็ ในถงุ พลาสตกิ โดยไมบ่ รรจแุ นน่ เกนิ ไป รดั ปากถงุ ใหส้ นทิ เขยี นชอื่ ชนดิ สมนุ ไพร แหลง่ ปลกู วนั ทเี่ กบ็ แปลงทเ่ี กบ็ ผปู้ ลกู หรอื ผผู้ ลติ บนฉลาก และตดิ ไวใ้ หช้ ดั เจน 5.4 การเกบ็ รกั ษา เกบ็ ในทอี่ ณุ หภมู ติ ำ่� กวา่ 25 องศาเซลเซยี ส หรอื ในทที่ มี่ อี ากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวกและสะอาด ปลอดภยั จากการรบกวนของแมลงและสตั วต์ า่ งๆ และควรนำ� ออกตากแดดหรอื อบ ทกุ 2 – 3 เดอื น 6. ข้อมลู อื่นๆ ปัญจขันธ์หรือเจียวกู่หลาน เป็นสมุนไพรจีนที่ใช้ส่วนเหนือดินหรือใบเป็นยาแก้อักเสบ แก้ไอ ขบั เสมหะ และแกห้ ลอดลมอกั เสบเรอ้ื รงั สาร Saponin ในปญั จขนั ธ์ คอื gypenosides มสี ตู รโครงสรา้ ง คลา้ ยคลึงกบั ginsengnosides หรอื panaxosides ท่ีพบในโสม (Panax ginseng) มีฤทธิล์ ดนำ้� ตาล และระดบั ไขมันในเลือด ตา้ นเนอ้ื งอก รกั ษาแผลในกระเพาะอาหาร ฤทธต์ิ ้านอนมุ ูลอสิ ระ และชว่ ย ปรบั สมดลุ ของระดบั ฮอรโ์ มนในรา่ งกาย มาตรฐานสารสำ� คญั กำ� หนดใหม้ ปี รมิ าณซาโปนนิ รวมในปญั จขนั ธ์ ตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 8 กรมั ตอ่ นำ�้ หนกั แหง้ 100 กรมั ในประเทศญป่ี นุ่ นำ� ปญั จขนั ธม์ าเตรยี มเปน็ ผลติ ภณั ฑ์ แกผ้ มหงอก ดบั กลนิ่ กาย เครอื่ งดมื่ สมนุ ไพร และอาหารเสรมิ สขุ ภาพ ในประเทศไทยพฒั นาปญั จขนั ธ์ เปน็ ชาชงสมุนไพร บำ� รุงร่างกาย แกอ้ าการออ่ นเพลีย ชว่ ยใหน้ อนหลับและเจริญอาหาร 75

ขอ้ มลู สภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะสมต่อการเจรญิ เติบโตและให้ผลผลติ ของปญั จขันธ์ สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ข้อจ�ำกดั 1. สภาพภมู อิ ากาศ - เจรญิ เตบิ โตไดด้ ีทอ่ี ณุ หภมู ริ ะหว่าง 16 –28 องศาเซลเซยี ส ปญั จขนั ธไ์ มท่ นตอ่ ความแหง้ แลง้ และอากาศรอ้ นจดั 1.1 อณุ หภูมิ - ความชื้นสัมพนั ธท์ เ่ี หมาะสมมากกว่ารอ้ ยละ 80 1.2 ความช้ืนสมั พทั ธ์ - ชอบท่ีรม่ มปี รมิ าณแสงร้อยละ 40 – 60 1.3 ความเข้มของแสง 2. สภาพพืน้ ที่ 2.1 ความสงู จากระดบั นำ�้ ทะเล - เจริญเตบิ โตได้ท้ังบนเขาและทรี่ าบ ในระดับความสูงจากน�้ำทะเล - หลีกเล่ียงการปลูกในพ้ืนท่ีใกล้เคียงกับพื้นท่ีปลูก 300 – 3,200 เมตร พชื ตระกลู แตง หรอื การปลกู ในพนื้ ทท่ี เี่ คยปลกู พชื ตระกลู แตงมาก่อน - หลกี เลยี่ งการปลกู ในพนื้ ทเี่ ดมิ ตดิ ตอ่ กนั 3. สภาพดนิ - ดินรว่ นปนทรายท่มี คี วามอุดมสมบูรณ์ 3.1 ลักษณะของเนือ้ ดิน - ดินช้นั ล่างไมค่ วรมดี ินดาน ดนิ ลกู รัง หรอื หนิ - มกี ารระบายนำ�้ ไดด้ ี -ปญั จขนั ธไ์ มท่ นทานตอ่ สภาพนำ�้ ทว่ มขงั 3.2 ความลกึ ของหนา้ ดนิ - ระดบั ความลกึ หนา้ ดนิ 15 – 30 เซนตเิ มตร สามารถอุ้มน้�ำได้ด ี 3.3 ความเปน็ กรดเปน็ ดา่ งของดนิ - มีฤทธเิ์ ปน็ กรดอ่อนหรือด่างอ่อน

ข้อมูลสภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมต่อการเจรญิ เตบิ โตและให้ผลผลิตของปญั จขนั ธ์ (ตอ่ ) สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม 4. สภาพนำ�้ - ตอ้ งการนำ�้ สม�่ำเสมอตลอดระยะเวลาการปลกู - นำ�้ ท่เี หมาะสมกับการเกษตร ตามมาตรฐานของกรมพัฒนาที่ดิน ควรมีลักษณะดงั นี้ : มคี วามสะอาด ไมม่ สี ารอนิ ทรยี ์และสารอนนิ ทรยี ท์ เ่ี ปน็ พษิ ปนเปอื้ น : มคี ่าโลหะหนัก เช่น สารหนู ไม่เกนิ 0.25 มลิ ิกรมั ตอ่ ลติ ร, แคดเมียม ไม่เกนิ 0.03 มิลิกรัมตอ่ ลติ ร, ตะกั่ว ไมเ่ กิน 0.1 มิลลกิ รมั ต่อลติ ร : มีค่าความเปน็ กรดเป็นดา่ ง อย่รู ะหว่าง 6.0 – 7.9 : มคี ่าอุณหภมู ขิ องนำ�้ ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส : มคี า่ ความเค็มของนำ�้ ไมเ่ กิน 0.3 กรัมตอ่ ลิตร : มีคา่ ปริมาณออกซิเจนละลายนำ�้ ไม่ตำ�่ กวา่ 2 มิลลกิ รมั ต่อลติ ร

แนวทางการเพิ่มประสิทธภิ าพการผลติ และแหล่งสืบคน้ ขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ แนวทางการเพิ่มประสทิ ธภิ าพการผลิต 1. แนวทางการเพิ่มปริมาณผลผลติ การพรางแสงมีผลต่อการให้ผลผลิตของปญั จขนั ธ์ โดยการใช้ตาข่ายพรางแสงท่ีลดแสงได้ 40 – 60% การปลูกภายใต้ตาข่ายพรางแสงสีเขียว ปัญจขันธ์จะเจริญเติบโตได้ดีและได้น�้ำหนัก ผลผลติ สดสงู กวา่ การใช้ตาขา่ ยพรางแสงสีด�ำ 2. แนวทางการเพ่ิมคุณภาพผลผลิต 2.1 การสร้างค้าง เพ่ือให้ล�ำต้นหรือเถาปัญจขันธ์สามารถยึดเกาะเจริญเติบโตข้ึนไป ชว่ ยใหก้ ารปฏบิ ตั ดิ แู ลรกั ษางา่ ย สะดวก แปลงปลกู โปรง่ ไมแ่ นน่ เกนิ ไป ลดการสญู เสยี จากการทบั ซอ้ น ของผลผลติ และชว่ ยลดการปนเปอ้ื น ทำ� ใหผ้ ลผลติ มคี วามสะอาด ลดเวลาและความยงุ่ ยากในการลา้ ง ทำ� ความสะอาดผลผลิต โดยสร้างคา้ งสงู ประมาณ 1.5 – 2.5 เมตร ใช้ไมไ้ ผ่อย่างละเอยี ดมาเสยี บ หรือสอดไขวใ้ ห้เป็นรูป X และขงึ ด้วยเชอื กเป็นระยะ หา่ งประมาณ 30 - 50 เซนติเมตร 2.2 การท�ำแหง้ ปญั จขนั ธ์ มขี อ้ ควรคำ� นงึ ในการปฏบิ ตั เิ พอื่ ใหไ้ ดว้ ตั ถดุ บิ ปญั จขนั ธค์ ณุ ภาพดี ดงั น้ี 1) การลา้ งปญั จขนั ธ์ ไมต่ อ้ งถหู รอื ขยี้ เนอ่ื งจากจะสญู เสยี สารสำ� คญั ละลายออกมากบั นำ�้ 2) การตากผลผลติ ปญั จขนั ธ์ ตอ้ งคลมุ ภาชนะดว้ ยผา้ ขาวบาง เพอื่ ปอ้ งกนั ฝนุ่ ละออง สตั ว์เลย้ี ง และกนั การปลิวของชนิ้ ส่วนปญั จขนั ธ์ และวางภาชนะบนลานตากแบบยกพนื้ สงู 3) เก็บรักษาวัตถุดิบปัญจขันธ์ในภาชนะที่สะอาด ป้องกันความชื้นได้ โดยวางบน ยกพ้ืนหรือชั้นวาง ในท่ีมีอากาศถ่ายเทสะดวก ปลอดภัยจากการรบกวนของแมลงและสัตว์ต่างๆ และน�ำออกตากแดด ทกุ 2 – 3 เดือน 2.3 ตรวจวิเคราะห์โลหะหนักในดินแปลงปลูกปัญจขันธ์ก่อนปลูก และใช้ปุ๋ยคอก หรอื ปุ๋ยอินทรยี ์ทม่ี าจากแหลง่ หรือวัตถุดิบทไี่ ม่มีความเสยี่ งท่จี ะมีโลหะหนักตกคา้ ง แหล่งสบื คน้ ข้อมลู เพิม่ เติม กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก 2548. แนวทางการผลติ วตั ถดุ บิ ปญั จขนั ธ์ ในประเทศไทย. กระทรวงสาธารณสขุ . กอบเกยี รต์ิ บนั สทิ ธ์ิ และสจั จะ ประสงคท์ รพั ย.์ 2547. GAP และการจดั การวตั ถดุ บิ คณุ ภาพดา้ นสมนุ ไพร. เอกสารประกอบการประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร เรอ่ื ง แนวทางการเพาะปลกู แปลงสาธติ และการแปรรปู สมนุ ไพรจนี ในทอ้ งถน่ิ วนั ท่ี 26 – 27 เมษายน 2547 ณ โรงแรมเพชรงาม จังหวัดเชียงใหม่. ประพศิ พรรณ อนพุ นั ธ.์ 2550. รายงานผลการดำ� เนนิ งาน เรอื่ ง การสง่ เสรมิ การผลติ สมนุ ไพรปญั จขนั ธ.์ ส�ำนกั สง่ เสรมิ และจัดการสนิ ค้าเกษตร กรมสง่ เสรมิ การเกษตร. 78

พญายอ ขัน้ ตอนการปลกู และการดแู ลรกั ษาพญายอ การเตรียมการ 60 วัน 90 วนั 150 วนั 180 วนั 240 วัน 270 วนั 300 วนั การเตรยี มดิน การปลกู การใส่ปยุ๋ การก�ำ จัดวัชพชื - กำ� จดั วชั พชื และเศษวสั ดุ ไถพรวน - ขุดหลุมกว้างประมาณ 10 - 15 - อายุประมาณ 6 เดือน - ระยะแรกปลกู ตากดนิ ประมาณ 7 - 15 วนั เซนติเมตร ลึก 8 - 12 เซนตเิ มตร ใสป่ ยุ๋ คอก และพรวนดนิ หมน่ั กำ� จดั โดยการ - ใส่ปุย๋ คอกท่ยี ่อยสลายดแี ลว้ - ใส่ปยุ๋ คอกรองก้นหลมุ อัตรา 125 ทุก 1 เดือน ถอนหรอื ใชเ้ ครอื่ งมอื คลกุ เคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั อตั รา 2 ตนั ตอ่ ไร่ กรมั ตอ่ หลมุ ควรใส่ปนู ขาว เพอ่ื ปรบั คา่ pH - นำ� กง่ิ ชำ� ออกจากถงุ ลงปลกู ในแปลง การใหน้ �ำ้ การเกบ็ เก่ียว ของดนิ ให้มีคา่ 5.5 - 6.5 แลว้ รดนำ�้ ใหช้ มุ่ หรอื ใชก้ งิ่ พนั ธต์ุ ดั ใหม่ - ระยะ 30 - 60 วัน เกบ็ เกย่ี วเมอ่ื อายปุ ระมาณ 180 วนั ขน้ึ ไป โดยตดั ตน้ เหนอื ระดบั จากตน้ เดมิ ลงปลกู ในแปลง ปกั กงิ่ ชำ� ควรรดน้�ำทุกวนั ผิวดิน 15 เซนตเิ มตร แล้วเก็บใบจากใตย้ อดลงมา 2 ปล้อง การเตรยี มพนั ธุ์ ใหเ้ อยี ง 45 - 60 องศา รดนำ�้ ทง้ั เชา้ - อายุ 60 วนั ขึ้นไปแลว้ - โดยใช้กงิ่ ปักช�ำ เลือกกิง่ พันธ์ุ และเย็น จนกว่ากิ่งพันธุ์จะแตกใบ อาจใหน้ ำ้� วนั เวน้ วนั ชว่ ง จากตน้ แมพ่ นั ธท์ุ มี่ คี วามสมบรู ณ์ และออกราก หนา้ ฝนอาจไมต่ อ้ งรดนำ้� - ตัดก่ิงพันธุ์ให้มีความยาว - ใช้ตาข่ายพรางแสงบังให้ร่มเงา ประมาณ 3 - 4 ขอ้ หรอื มตี ากง่ิ จนกวา่ จะตงั้ ตัวได้ อยา่ งนอ้ ย 3 ตา และตดั ใบออก - ระยะปลกู 50 x 50 เซนตเิ มตร จากก่ิงเล็กน้อย ทาปูนแดง บรเิ วณปลายกง่ิ ทตี่ ดั ออก ปลกู ศตั รูทส่ี �ำคัญและการป้องกันก�ำจดั การปฏบิ ัตหิ ลงั การเกบ็ เก่ยี ว ลงในถุงเพาะช�ำ วางในท่ีมี ศตั รูท่ีส�ำคญั คอื ไรแมงมุม และเพลย้ี ไฟ กำ� จัดโดย นำ� ไปลา้ งนำ�้ 1 - 2 ครงั้ ผง่ึ ใหห้ มาด เกลยี่ บางๆ นำ� ไปตากแดด หรอื อบดว้ ยตอู้ บ แสงแดดร�ำไร รดน้�ำให้ชุ่มจน การใช้น้�ำฉีดพ่น หรือใช้สารสกัดจากพืช เช่น อุณหภมู ิประมาณ 55 องศาเซลเซียส กิง่ ปกั ชำ� ออกราก สารสะเดาฉดี พ่น

เทคนิคการปลูก และดูแลรักษาพญายอ 1. การเตรยี มการกอ่ นปลูก 1.1 การเตรียมดิน - ก�ำจัดวัชพืชและเศษวัสดุ ไถพรวน ตากดินประมาณ 7 - 15 วัน จากนั้นใส่ปุ๋ยคอก ทยี่ อ่ ยสลายดแี ลว้ คลกุ เคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั อตั รา 2 ตนั ตอ่ ไร่ ควรใสป่ นู ขาวเพอ่ื ปรบั คา่ ความเปน็ กรด - ดา่ ง ของดนิ (pH) ให้มีคา่ 5.5 - 6.5 1.2 การเตรยี มพนั ธ์ุ - โดยใชก้ งิ่ ปักช�ำ เลอื กกิ่งพนั ธ์จุ ากตน้ แม่พันธุ์ทมี่ ีความสมบูรณ์ ปราศจากโรคและแมลง เลอื กก่ิงก่งึ ออ่ นกง่ึ แก่ ตดั กงิ่ พันธ์ุใหม้ คี วามยาวประมาณ 3 - 4 ขอ้ หรือมตี ากง่ิ อย่างน้อย 3 ตา และตดั ใบออกจากกงิ่ เลก็ น้อย ทาปูนแดงบริเวณปลายกิง่ ทต่ี ัดออก ปลกู ลงในถุงเพาะช�ำ วางในท่ี มแี สงแดดร�ำไร รดนำ้� ให้ชุม่ จนกิ่งปกั ช�ำออกรากจงึ น�ำไปปลูกในแปลง 2. การปลกู 2.1 วิธปี ลูก - ขดุ หลมุ ปลกู กวา้ งประมาณ 10 - 15 เซนตเิ มตร ลกึ 8 - 12 เซนตเิ มตร นำ� กงิ่ ชำ� ออกจากถงุ ลงปลูกในแปลงแล้วรดนำ�้ ให้ชมุ่ หรือใชก้ ่ิงพนั ธุ์ตัดใหม่จากต้นเดิมลงปลูกในแปลง ปกั กิ่งช�ำให้เอียง 45 - 60 องศา รดน้�ำทงั้ เชา้ และเยน็ จนกวา่ กิ่งพนั ธจ์ุ ะแตกใบและออกราก ในช่วงแรกอาจตอ้ งใช้ ตาขา่ ยพรางแสงบังให้ร่มเงา เพ่อื ปอ้ งกันไม่ใหโ้ ดนแสงแดดโดยตรง จนกวา่ พชื จะตัง้ ตวั ได้ 2.2 ระยะปลกู - ระยะห่างระหวา่ งหลมุ และระหว่างแถว 50 x 50 เซนตเิ มตร 2.3 จำ� นวนต้นตอ่ ไร่ - 4,000 ต้น 3. การดูแลรักษา 3.1 การใส่ปุ๋ย - กอ่ นปลกู ใหใ้ สป่ ยุ๋ คอกรองกน้ หลมุ อตั รา 125 กรมั ตอ่ หลมุ และใสอ่ กี ครงั้ เมอ่ื อายปุ ระมาณ 180 วนั ใส่ปยุ๋ และพรวนดินทุก 1 เดือน 3.2 การให้นำ้� - ระยะ 30 - 60 วนั ควรรดนำ�้ ทกุ วนั เมอื่ อายุ 60 วนั ขนึ้ ไปแลว้ อาจใหน้ ำ�้ วนั เวน้ วนั ชว่ งฤดฝู น อาจไม่ตอ้ งรดน�้ำ 80

4. การปอ้ งกันและก�ำจัดศตั รูพชื แมลง : ไรแมงมมุ และเพลย้ี ไฟ การป้องกันก�ำจัด : ใช้น�้ำฉีดพ่น หรือใช้สารสกัดจากพืช ในการป้องกันก�ำจัดหรือไล่แมลง แทนการใชส้ ารเคมี เชน่ สารสกัดจากสะเดา 5. การปฏบิ ตั ิกอ่ นและหลังการเก็บเก่ียว เก็บเก่ียวเม่ืออายุประมาณ 180 วันข้ึนไป โดยตัดต้นเหนือระดับผิวดิน 15 เซนติเมตร แลว้ เกบ็ ใบจากใตย้ อดลงมา 2 ปลอ้ ง นำ� ไปลา้ งนำ้� 1 - 2 ครง้ั ผง่ึ ใหห้ มาด เกลย่ี บางๆ นำ� ไปตากแดด หรอื อบด้วยตอู้ บอุณหภูมปิ ระมาณ 55 องศาเซลเซยี ส 6. ข้อมูลอนื่ ๆ 6.1 สารสำ� คญั : ใบของพญายอประกอบดว้ ยสารกลมุ่ สเตอรร์ อยด์ คอื Lupeol, (ß-Sitosterol, Stigmasterol และมสี ารประกอบ Flavonoids 6.2 มฤี ทธร์ิ กั ษาอาการผนื่ คนั แผลไฟไหม้ นำ้� รอ้ นลวก อาการอกั เสบเฉพาะท ่ี สารสกดั มฤี ทธิ์ ต้านไวรัสท่ีทำ� ใหเ้ กดิ หวัด งูสวดั และโรคเริม 6.3 การนำ� มาใชป้ ระโยชน์ ภมู ปิ ญั ญา ใชใ้ บถอนพษิ แมลงสตั วก์ ดั ตอ่ ย ควรใชใ้ บสด และใชเ้ ฉพาะที่ เพราะสารเคมีทีอ่ อกฤทธ์ิในใบไม่คงตวั สารสกดั พญายอนำ� ไปใช้ในอตุ สาหกรรมยา 81

ข้อมูลสภาพแวดลอ้ มที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและใหผ้ ลผลิตของพญายอ สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ข้อจ�ำกัด 1. สภาพภูมอิ ากาศ 1.1 อณุ หภูมิ - อากาศรอ้ นชื้น อณุ หภมู ิประมาณ 25 - 30 องศาเซลเซียส 1.2 ความช้ืนสมั พทั ธ์ - ความช้นื สัมพทั ธเ์ ฉลย่ี 60 - 80 เปอร์เซน็ ต์ 1.3 แสง - ตอ้ งการแสงแดดตลอดวนั 2. สภาพพื้นที่ 2.1 ความสูงจากระดับน�ำ้ ทะเล - สงู จากระดับนำ�้ ทะเล 300 - 800 เมตร 3. สภาพดนิ - ดนิ รว่ นปนทราย - ไมค่ วรปลกู ในดนิ เหนยี ว และดนิ ลกู รงั 3.1 โครงสรา้ งดิน 3.2 อินทรยี วตั ถุ - มอี ินทรียวตั ถไุ มน่ ้อยกว่า 3.5 เปอรเ์ ซ็นต์ 3.3 ความเป็นกรด-ดา่ งของดนิ - ค่าความเป็นกรดดา่ งของดิน (pH) 5 - 5.6 3.4 การระบายน�้ำ - ระบายน้ำ� ดี ไมท่ ่วมขงั 4.สภาพน�้ำ - ต้องการนำ้� สม�ำ่ เสมอตลอดปี - น้ำ� ที่ใช้เป็นน�้ำสะอาดไม่มีสารเคมปี นเปื้อน

แนวทางการเพ่ิมประสิทธภิ าพการผลติ และแหลง่ สบื ค้นข้อมลู เพม่ิ เติม แนวทางการเพม่ิ ประสิทธภิ าพการผลิต 1. การลดตน้ ทนุ ปกั ชำ� กง่ิ โดยตดั กง่ิ พนั ธล์ุ งปลกู ในแปลงเลย โดยไมป่ กั ชำ� กง่ิ พนั ธใ์ุ หอ้ อกราก ในถงุ ก่อน จะทำ� ใหป้ ระหยัดเวลาและต้นทุนการผลติ เหมาะกบั การผลิตพญายอเชงิ อุตสาหกรรม 2. การท�ำแห้งเพ่ือให้ผลผลิตมีคุณภาพดี เนื่องจากเป็นการท�ำแห้งสมุนไพรประเภทใบ การใช้เครือ่ งอบควรใชอ้ ณุ หภูมิตำ่� และระยะเวลานาน วิธีการตากแดดไม่ควรตากโดยตรง มหี ลงั คา หรอื ผ้าคลุมหรอื การใช้ต้พู ลังงานแสงอาทิตยจ์ ะทำ� ให้ได้ใบแหง้ ที่มคี ณุ ภาพดี แหลง่ สืบค้นขอ้ มลู เพิ่มเตมิ สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก, เอกสารคู่มือ การปลกู สมุนไพรทเี่ หมาะสม. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพอ์ งคก์ ารสงเคราะห์ทหารผ่านศกึ . 2553 สถาบนั การแพทยแ์ ผนไทย กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก, เอกสารคมู่ อื การปลกู พชื สมนุ ไพรเศรษฐกจิ . พิมพค์ รัง้ ที่ 1. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์องค์การรับสง่ สนิ ค้าและ พสั ดุภัณฑ.์ 2548 83

พรกิ ไทย ขัน้ ตอนการปลกู และการดแู ลรักษาพริกไทย ปที ่ี 3-15 การเตรียมการ ปที ี่ 1 ปีที่ 2 การเตรียมดิน การปลกู การข้นึ ค้าง การตัดเถา การใส่ปุ๋ย การเก็บเกยี่ ว - ไถพรวนดนิ ลกึ 40 – 60 - ค้างละ 1 หลมุ หลุมละ - เรมิ่ แตกยอด เลอื กยอดออ่ นท่ี - กรณที ต่ี อ้ งการเถาไป - ครง้ั ท่ี 1 ปยุ๋ เคมี - พรกิ ไทยออ่ นเกบ็ เกยี่ ว เซนตเิ มตร 2 ตน้ สมบรู ณไ์ วต้ น้ ละ 3 ยอด ใชท้ ำ� พนั ธเ์ุ พอื่ ขยายพนื้ ท่ี สตู ร 15 - 15 - 15 หลงั ตดิ ผล 3 – 4 เดอื น – ใสป่ ยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั 2 - 3 ตนั - หลุมปลูกกว้าง 40 - จดั ยอดใหเ้ รยี งขนานขน้ึ รอบคา้ ง ปลกู หรอื จำ� หนา่ ย ตดั เถา หลงั จากเกบ็ เกยี่ ว - พรกิ ไทยดำ� เกบ็ เกยี่ วผลแก่ ตอ่ ไร่ เซนติเมตร ลกึ 40 -ใชเ้ ชอื กฟางผกู ยอด ใหแ้ นบตดิ ใหเ้ หลอื 50 เซนตเิ มตร พรกิ ไทย ทย่ี งั เขยี วอยเู่ มอื่ ผลสเี ขยี ว - ใส่ dolomite หรอื ปนู ขาว เซนตเิ มตร หา่ งคา้ ง กบั คา้ ง ผกู ขอ้ เวน้ ขอ้ ผกู ยอด เมอ่ื แตกยอดใหม่ เลอื ก - ครงั้ ที่ 2 ปยุ๋ เคมี แกจ่ ดั แตไ่ มส่ กุ ระยะเวลาหลงั - ตากดนิ 15 วนั 15 เซนตเิ มตร จนกระทงั่ ยอดทว่ มคา้ ง เถาขน้ึ คา้ ง เชน่ ปที ี่ 1 สตู ร 8 - 24 - 24 ตดิ ผล 6 – 8 เดอื น - ระยะปลกู 2 x 2 เมตร เพอื่ เรง่ การออกดอก - พรกิ ไทยขาว ตอ้ งเกบ็ เกยี่ ว การเตรยี มพันธ์ุ 400 คา้ งตอ่ ไร่ การใส่ป๋ยุ - กรณไี มต่ ดั เถาเพอ่ื และตดิ ผล ทแี่ กจ่ ดั และผลเรมิ่ สกุ เปน็ - ใชล้ ำ� ตน้ (เถา) ของสว่ นยอด - ใช้วัสดุพรางแสงไม่ให้ -ใสป่ ยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั ปลี ะ ขยายพนั ธ์ุ เมอ่ื พรกิ ไทย - ครงั้ ท่ี 3 ปยุ๋ เคมี สตู ร สแี ดงทโ่ี คนชอ่ 3 - 4 ผล ระยะ ทม่ี อี ายอุ ยรู่ ะหวา่ ง 1 – 2 ปี โดนแดดจดั 1 ครั้ง ออกดอก ใหป้ ลดิ ชอ่ ดอก 12 - 12 - 17 + Mg เวลาหลงั ตดิ ผล 6 – 8 เดอื น ตดั เปน็ ทอ่ นๆ มขี อ้ 5 – 7 ขอ้ -ปยุ๋ เคมี สตู ร 15 - 15 -15 หรอื ทง้ิ ทงั้ หมด ไวด้ อกในปี เพอื่ บำ� รงุ ผล ปกั ชำ� จนออกราก การใหน้ ำ�้ 8 - 24 - 24 หรอื 12 - 12 - 17 ที่ 3 - หลงั ปลกู ใหน้ ำ้� ทกุ วนั +Mg ปรมิ าณ 400 - 500 กรมั การเตรยี มค้าง - พรกิ ไทยตงั้ ตวั ได้ ใหน้ ำ�้ ตอ่ คา้ ง แบง่ ใส่ 3 ครงั้ - ใชค้ า้ งไมแ้ กน่ หรอื คา้ งปนู ซเี มนต์ 2 – 3 วนั ตอ่ ครงั้ -ปที ่ี 2 ใสป่ ยุ๋ เคมเี ชน่ เดยี วกบั ขนาด 4 เมตร ปที ่ี 1 เพมิ่ ปรมิ าณเปน็ 1 กโิ ลกรมั - ฝงั ลกึ 50 – 60 เซนตเิ มตร ตอ่ คา้ ง กลบดนิ ใหแ้ นน่ ศตั รทู ่ีส�ำคัญและการป้องกันกำ� จดั การปฏิบตั หิ ลงั การเก็บเกี่ยว - โรครากเนา่ และโคนเนา่ ของพรกิ ไทย ลดความเสยี หายจากโรค โดยการ - นำ� พรกิ ไทยมากองรวมบนลานทม่ี กี ารรองพนื้ ทส่ี ะอาดบม่ ไวป้ ระมาณ จดั การดนิ ในแปลงปลกู ใหม้ กี ารระบายนำ้� ไดด้ ี ตดั แตง่ กง่ิ หรอื แขนงตามบรเิ วณ 3 วัน แยกผลพริกไทยออกจากก้านโดยใช้เครื่อง น�ำไปร่อน โคนตน้ ออกใหโ้ ปรง่ ดว้ ยเครอ่ื งแยก ตากแดดจนแหง้ สนทิ - เพลย้ี แปง้ ดดู กนิ นำ้� เลยี้ งทใี่ บ เถาและรวงพรกิ ไทยใชส้ ารเคมตี ามคำ� แนะนำ�

เทคนคิ การปลูก และดูแลรักษาพรกิ ไทย 1. การเตรียมการก่อนปลูก 1.1 การเตรยี มดนิ แปลงปลกู จะตอ้ งเปน็ พน้ื ทท่ี มี่ กี ารระบายน้�ำไดด้ ี ปรบั พนื้ ทไี่ มใ่ หม้ สี ภาพนำ�้ ขงั ไมช่ นื้ แฉะหรอื เปน็ แอง่ นำ้� ไถพรวนดนิ ลกึ 40 – 60 เซนตเิ มตร ปรบั ปรงุ ดนิ ดว้ ยอนิ ทรยี วตั ถุ โดยการใส่ ปยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั 2 - 3 ตนั ตอ่ ไร่ เพอื่ ใหด้ นิ สามารถดดู ซบั ธาตอุ าหารไดด้ ี หากดนิ เปน็ กรด ควรปรบั ดว้ ย ปูนขาวหรอื ปนู โดโลไมต์ เพอื่ ใหค้ วามเปน็ กรดน้อยลง ตากดิน 15 วนั ยกแปลงเปน็ ลอนลกู ฟกู 1.2 การเตรยี มคา้ ง ใชค้ า้ งไมแ้ กน่ หรอื คา้ งปนู ซเี มนต์ ขนาด 4 เมตร ฝงั ลกึ 50 – 60 เซนตเิ มตร กลบดนิ ใหแ้ น่น 1.3 การเตรยี มพันธ ์ุ 1) พนั ธุท์ ีใ่ ช้ พันธุ์ซาราวคั เหมาะสมสำ� หรบั พรกิ ไทยแก่ พันธซุ์ ลี อน เหมาะสมสำ� หรบั พริกไทยอ่อน 2) ใช้ล�ำต้น (เถา) ของสว่ นยอดหรือสว่ นอ่นื ทีไ่ ม่แกจ่ ัดของพริกไทย ที่มีอายอุ ยูร่ ะหวา่ ง 1 – 2 ปี โดยควรตดั จากตน้ ทมี่ คี วามอดุ มสมบรู ณ์ ใหผ้ ลผลติ สงู ไมเ่ ปน็ โรคและไมม่ แี มลงทำ� ลาย คอ่ ยๆ แกะตนี ตกุ๊ แกใหห้ ลดุ ออกจากคา้ ง อยา่ ใหต้ น้ หกั หรอื ชำ้� จากนนั้ นำ� มาตดั เปน็ ทอ่ นๆ ยาว 40 – 50 เซนตเิ มตร มขี อ้ 5 – 7 ขอ้ ลดิ ใบทงิ้ และตดั กง่ิ แขนงตรง 3 – 4 ขอ้ ลา่ งออก นำ� ยอดไปปกั ชำ� ในกระบะชำ� หรอื ชำ� ใส่ ถงุ พลาสติก ใหข้ อ้ อยใู่ ต้ระดับดิน 3 – 4 ข้อ จนรากออกแข็งแรงดจี งึ ยา้ ยไปปลกู 2. การปลูก 2.1 วธิ ปี ลกู คา้ งละ 1 หลมุ หา่ งจากโคนคา้ ง 15 เซนตเิ มตร ขดุ หลมุ ขนาด 40 x 60 เซนตเิ มตร ลกึ 40 เซนตเิ มตร ผสมดนิ กบั ปยุ๋ อนิ ทรยี ์ อตั รา 1 : 1 แลว้ ใสใ่ นหลมุ ประมาณครงึ่ หลมุ นำ� กง่ิ พนั ธ์ุ ทเ่ี ตรยี มไวไ้ ปปลกู หลมุ ละ 2 ก่ิง ใหป้ ลายยอดเอนเขา้ หาค้าง หนั ดา้ นท่ีมรี าก (ตีนตกุ๊ แก) ออกด้าน นอกคา้ ง กลบดินให้แน่น รดนำ�้ ใหช้ ่มุ 2.2 ระยะปลูก พันธซ์ุ าราวคั ใช้ระยะ 2 x 2 เมตร พนั ธ์ุซลี อน ใช้ระยะปลูก 2.25 x 2.25 หรือ 2.25 x 2.5 เมตร 2.3 จำ� นวนตน้ ตอ่ ไร่ 400 ค้าง ค้างละ 2 ต้น รวม 800 ตน้ ตอ่ ไร่ 85

3. การดแู ลรักษา 3.1 การใส่ป๋ยุ 1) ใสป่ ยุ๋ อนิ ทรยี ์ ปยุ๋ คอก หรอื ปยุ๋ หมกั อยา่ งนอ้ ยปลี ะ 1 ครง้ั ปยุ๋ ดงั กลา่ วจะชว่ ยปรบั สภาพ ความเปน็ กรด - ดา่ งของดนิ ใหเ้ หมาะกบั การเจรญิ เตบิ โตของพรกิ ไทย และชว่ ยทำ� ใหด้ นิ โปรง่ มคี วามสามารถ ดดู ซบั ความช้นื และเพ่มิ แรธ่ าตุ จำ� เป็นตอ้ งใชค้ วบคกู่ บั ป๋ยุ เคมี 2) ปยุ๋ เคมี สตู ร 15 - 15 - 15, 8 - 24 - 24 และ 12 - 12 - 17+Mg ใหพ้ จิ ารณาเลอื กใส่ สตู รใดสตู รหนงึ่ ตามความเหมาะสมดงั น้ี ปีที่ 1 ใสป่ ุ่ยเคมี ประมาณ 400 - 500 กรมั ตอ่ ค้าง แบ่งใส่ 3 คร้ัง ปีท่ี 2 ใส่ปุ๋ยเคมี 1 กโิ ลกรมั ตอ่ คา้ ง แบง่ ใส่ 3 ครงั้ ปที ี่ 3 และปีถดั ไป ใส่ป๋ยุ เคมี 1.5 กิโลกรัมต่อค้าง แบง่ ใส่ 3 คร้งั ครั้งที่ 1 ป๋ยุ เคมี สูตร 15 - 15 - 15 หลงั จากเกบ็ เกย่ี วพรกิ ไทย ครง้ั ท่ี 2 ปยุ๋ เคมี สตู ร 8 - 24 - 24 ประมาณเดอื น พ.ค. - ม.ิ ย. เพอ่ื เรง่ การออกดอกและตดิ ผล ครั้งที่ 3 ปุย๋ เคมี สูตร 12 - 12 -17+Mg ประมาณเดอื น ก.ย. - ต.ค. เพือ่ บำ� รุงผล 3.2 การใหน้ ำ�้ 1) เลือกระบบน้�ำตามสภาพแวดล้อมท่ีให้พริกไทยได้รับน้�ำอย่างเพียงพอและสม่�ำเสมอ ทว่ั ทง้ั แปลง การใหน้ ำ้� แบบรอ่ งตอ้ งปรบั พนื้ ทใี่ หเ้ รยี บและมคี วามลาดเท การใชม้ นิ สิ ปรงิ เกอรเ์ ปน็ วธิ ี ทป่ี ระหยดั นำ้� กว่า 2) ระยะเวลาการให้น�้ำ หลังปลูกควรรดน�้ำทุกวันหรือวันเว้นวัน เมื่อพริกไทยต้ังตัวได้ ลดเหลอื 2 – 3 วนั ตอ่ ครง้ั พรกิ ไทยทใี่ หผ้ ลผลติ แลว้ ควรให้ 3 – 4 วนั ตอ่ ครง้ั ตามสภาพดนิ ฟา้ อากาศ 3) ในฤดูแล้งอาจประหยัดการให้น�้ำโดยการคลุมดินในแปลงปลูกด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง แต่ในฤดูฝนไม่ควรคลุมดินจนชิดโคนต้น ควรเว้นห่างเพื่อไม่ให้โคนต้นช้ืนแฉะเกินไปและเกิดโรค เตรยี มใหน้ ำ�้ ระบายออกจากแปลงปลกู อยา่ งรวดเรว็ และขณะดนิ ชน้ื แฉะไมค่ วรเหยยี บยำ่� ในแปลง จะทำ� ใหด้ นิ แนน่ ทบึ รากเสยี หายได้ 3.3 การขึ้นคา้ ง 1) หลงั จากปลกู พรกิ ไทยได้ประมาณ 30 - 50 วนั พริกไทยจะ เรม่ิ แตกยอดอ่อน ใหเ้ ลอื กยอดอ่อนทส่ี มบรู ณไ์ วต้ ้นละประมาณ 3 ยอด ท่ีเหลือตดั ทิ้งไป 2) จดั ยอดใหเ้ รยี งขนานขน้ึ รอบคา้ ง อยา่ ใหย้ อดทบั กนั เพราะจะ ทำ� ใหไ้ ดท้ รงพมุ่ ทไี่ มด่ ี ใชเ้ ถาวลั ยห์ รอื เชอื กฟางผกู ยอด ใหแ้ นบตดิ กบั คา้ ง โดยผกู ขอ้ เวน้ ขอ้ ผกู ยอดจนกระทง่ั ยอดทว่ มคา้ ง ใชเ้ วลาประมาณ 10 - 12 เดอื น 3) กรณที ต่ี อ้ งการเลยี้ งเถาเพอื่ ใชท้ ำ� พนั ธเ์ุ พอื่ ขยายพน้ื ทป่ี ลกู ในปตี อ่ ไป หรอื เพอ่ื จำ� หนา่ ยยอด คนื ทนุ เมอื่ พรกิ ไทยอายุ 1 ปี ตดั เถาใหเ้ หลอื 50 เซนตเิ มตร จากระดบั ผวิ ดนิ เมอื่ พรกิ ไทยแตกยอด จดั ยอดขน้ึ คา้ งเชน่ เดยี วกบั ปแี รก จนกวา่ พรกิ ไทยจะสงู เลยคา้ งไปประมาณ 30 เซนตเิ มตร ใหผ้ กู ไวบ้ นยอดคา้ ง 86

4. การปอ้ งกนั และก�ำจัดศัตรพู ืช 4.1 วชั พชื ควรทำ� ดว้ ยความระมดั ระวงั เพราะพรกิ ไทยมรี ะบบรากตนื้ แผก่ ระจายรอบทรงพมุ่ กำ� จัดวัชพืชกอ่ นใส่ป๋ยุ ทุกคร้งั 4.2 โรค โรครากเนา่ และโคนเนา่ ของพรกิ ไทย ซงึ่ เกดิ จากเชอื้ รา เปน็ โรคสำ� คญั ทท่ี ำ� ความเสยี หาย มากทีส่ ุด การระบาดของโรคเป็นไปอยา่ งรวดเรว็ อาการของโรคเถาจะเห่ียว ใบรว่ ง โคนต้นเน่าดำ� การปอ้ งกันก�ำจดั หรือลดความเสียหายจากโรคในแปลงปลกู 1) จัดการดนิ ในพ้ืนท่แี ปลงปลกู ใหม้ ีการระบายน้�ำไดด้ ี ไม่มสี ภาพน�้ำขัง 2) ปรบั ปรุงดนิ ด้วยอนิ ทรียวัตถุ โดยการใสป่ ๋ยุ คอก ปุ๋ยอนิ ทรยี ์ เพื่อให้ดนิ สามารถดดู ซบั ธาตอุ าหารไดด้ ี หากดินเปน็ กรดควรปรบั ดว้ ยปูนขาวหรอื ปูนโดโลไมต์ 3) ตดั แตง่ กงิ่ หรอื แขนงตามบรเิ วณโคนตน้ ออกใหโ้ ปรง่ เพอื่ ลดความชนื้ และใหม้ อี ากาศถา่ ยเท ไดส้ ะดวกดีขน้ึ และไม่เป็นแหลง่ สะสมโรค 4) ไมค่ วรเดนิ ผา่ นเขา้ สวนขณะทม่ี กี ารระบาด และทำ� ความสะอาดเครอื่ งมอื กอ่ นเขา้ สวน 4.3 แมลง เพลย้ี แป้ง เป็นแมลงทส่ี ำ� คญั ดดู กนิ นำ้� เลย้ี งท่ีใบ เถาและรวงพริกไทย โดยเฉพาะ ขณะยงั อ่อน ทำ� ให้ผลผลิตลดลง ป้องกันก�ำจดั โดยใชส้ ารเคมตี ามค�ำแนะน�ำ 5. การปฏิบตั กิ ่อนและหลงั การเกบ็ เกี่ยว พรกิ ไทยอายุ 18 เดอื น จะเรมิ่ มชี อ่ ดอกบา้ ง ใหป้ ลดิ ชอ่ ดอกทงิ้ ใหห้ มด เพอื่ ใหเ้ จรญิ เตบิ โตทางตน้ เตม็ ที่ เม่อื พริกไทยอายุ 3 ปี จึงปล่อยให้มชี ่อดอกและเรม่ิ เก็บเกีย่ วผลผลติ ได้ 5.1 ดชั นกี ารเกบ็ เกยี่ ว พรกิ ไทยออ่ น บรโิ ภคสด เกบ็ เกย่ี วหลงั ตดิ ผล 3 – 4 เดอื น พรกิ ไทยดำ� เกบ็ เกยี่ วผลแกท่ ยี่ งั เขยี วอยเู่ มอื่ ผลสเี ขยี ว แกจ่ ดั แตไ่ มส่ กุ ระยะเวลา หลงั ตดิ ผล 6 – 8 เดอื น พรกิ ไทยขาว ตอ้ งเกบ็ เกย่ี วพรกิ ไทยทแ่ี กจ่ ดั และผลเรมิ่ สกุ เปน็ สแี ดงทโี่ คนชอ่ ประมาณ 3 - 4 ผล ระยะเวลาหลงั ตดิ ผล 6 – 8 เดอื น 5.2 อปุ กรณแ์ ละวธิ เี กบ็ เกยี่ ว ใชม้ อื ปลดิ ทง้ั รวง ภาชนะบรรจขุ ณะเกบ็ เกยี่ วตอ้ งสะอาด แรงงาน ต้องมคี วามชำ� นาญ 5.3 การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวพริกไทยอ่อน เก็บเก่ียวโดยใส่ภาชนะที่สะอาดจากแปลง นำ� มายงั จดุ รวบรวมผลผลติ เกลยี่ บนพนื้ ทร่ี องดว้ ยวสั ดสุ ะอาด จากนน้ั คดั แยกโรค แมลง เชน่ เพลย้ี แปง้ เพลยี้ หอย หรอื สงิ่ เจอื ปน เชน่ ใบ เมอื่ ทำ� ความสะอาดแลว้ บรรจดุ ว้ ยถงุ พลาสตกิ และคลมุ ดว้ ยผา้ สะอาด เปยี กช้ืนเพอื่ รกั ษาความช้ืน รอการขนสง่ ต่อไป 5.4 การปฏบิ ตั หิ ลงั การเกบ็ เกยี่ วพรกิ ไทยดำ� นำ� พรกิ ไทยมากองรวมบนลานทมี่ กี ารรองพน้ื ทสี่ ะอาด บม่ ไวป้ ระมาณ 3 วนั แยกผลพรกิ ไทยออกจากกา้ นโดยนำ� ไปรอ่ นดว้ ยเครอ่ื งแยก เพอื่ แยกกา้ น ออกจากรวง การทำ� แหง้ โดยการอบแหง้ ใชเ้ ครอ่ื งอบแหง้ ลมรอ้ น ทอี่ ณุ หภมู ปิ ระมาณ 60 องศาเซลเซยี ส หรอื การตากแดด ซง่ึ ตอ้ งเขม้ งวดในเรอ่ื งความสะอาดและสขุ อนามยั วางผลผลติ พรกิ ไทยในภาชนะสะอาด 87

บนพน้ื ทย่ี กสงู มวี สั ดรุ องรบั เพอ่ื ปอ้ งกนั ฝนุ่ ละออง และสงิ่ เจอื ปนอนื่ ๆ รวมทง้ั การปนเปอ้ื น เมอ่ื ผลพรกิ ไทย แห้งสนิท จะเปล่ียนเปน็ สดี �ำ จงึ นำ� ไปรอ่ นดว้ ยตะแกรงหรือกระด้ง เพื่อแยกเอาเศษฝนุ่ และเมล็ด ที่ลีบออก บรรจุพริกไทยในถุงหรือภาชนะที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน อัตราการท�ำแห้ง พรกิ ไทยสด 100 กิโลกรัม จะไดพ้ รกิ ไทยด�ำ 33 กิโลกรมั 5.5 การปฏบิ ตั ิหลงั การเก็บเกีย่ วพรกิ ไทยขาว นำ� ผลพรกิ ไทยทเ่ี กบ็ มาแลว้ ตากแดดเลก็ นอ้ ย หรือผ่ึงลมค้างคืน เพ่ือให้ข้ัวผลหลุดง่ายข้ึน น�ำเข้า เครอื่ งนวด เพอื่ แยกผลออกจากรวง นำ� ผลพรกิ ไทยแชน่ ำ้� ในบ่อซีเมนต์ หรือถังไม้ หรือภาชนะอื่นทเี่ หมาะสม ประมาณ 7 – 14 วัน น�ำพริกไทยขึ้นจากน้�ำท่ีแช่ แลว้ นำ� มานวดเพื่อลอกเปลือกออก น�ำมาเกลี่ยบน ตะแกรงเหล็ก หรือตะแกรงไม้ไผ่สะอาด ท่ีมีช่อง ใหเ้ ปลอื กพรกิ ไทยหลดุ ออกได ้ ใชน้ ำ�้ ลา้ งเปลอื กออก จนหมด หลงั ลา้ งทำ� ความสะอาดแลว้ นำ� ไปทำ� ใหแ้ หง้ สนทิ โดยการอบแหง้ ใช้เคร่อื งอบแหง้ ลมรอ้ น ทอี่ ณุ หภูมิ ประมาณ 60 องศาเซลเซียส หรือการตากแดด ซ่ึงต้องเข้มงวดในเร่ืองความสะอาดและสุขอนามัย วางผลผลติ พรกิ ไทยในภาชนะสะอาด บนพน้ื ทย่ี กสงู มีวัสดุรองรับเพื่อป้องกันฝุ่นละออง และส่ิงเจือปน อ่ืนๆ รวมทง้ั การปนเปอื้ น 6. ข้อมลู อืน่ ๆ 6.1 การใชป้ ระโยชน์ พริกไทยเป็นเคร่ืองเทศส�ำคัญที่มีความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรม ยาสมนุ ไพรแผนโบราณ และใชใ้ นครวั เรือน มีความต้องการในการค้าระหว่างประเทศ 6.2 สารสำ� คัญและสรรพคณุ ผลพริกไทยมีน�้ำมันหอมระเหยและแอลคาลอยด์ไพเพอร์รีน (piperine) ซ่ึงมีฤทธ์ิ กระตุ้นประสาท กระทรวงสาธารณสขุ โดยกรมวิทยาศาสตรก์ ารแพทย ์ ได้ก�ำหนดมาตรฐานทาง เคมขี องพรกิ ไทยขาวและพริกไทยดำ� ที่ใช้ กำ� หนดให้พรกิ ไทยมสี ารส�ำคญั ออกฤทธิ์ คอื ไพเพอร์รนี (piperine) ไมต่ ำ่� กวา่ 5% โดยนำ�้ หนกั ทงั้ พรกิ ไทยดำ� และพรกิ ไทยขาว มปี รมิ าณความชน้ื ไมเ่ กนิ 14% ทั้งพริกไทยด�ำและพริกไทยขาว และมีปริมาณน�้ำมันหอมระเหย ไม่ต�่ำกว่า 1% ในพริกไทยด�ำ และไมต่ ำ่� กวา่ 0.8% ในพรกิ ไทยขาว 88

ข้อมลู สภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมต่อการเจริญเตบิ โตและใหผ้ ลผลิตของพริกไทย สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ขอ้ จ�ำกัด 1. สภาพภมู อิ ากาศ - สามารถปลูกไดต้ ้งั แตอ่ ณุ หภมู ิ 10 - 40 องศาเซลเซยี ส - พรกิ ไทยเปน็ พชื เขตกงึ่ รอ้ นชนื้ ไมเ่ หมาะสมกบั อณุ หภมู ติ ำ่� 1.1 อณุ หภมู ิ อุณหภูมิทเี่ จรญิ เตบิ โตได้ดอี ยูร่ ะหวา่ ง 25 – 40 องศาเซลเซียส 1.2 ความช้ืนสมั พทั ธ์ - ความช้ืนสมั พทั ธ์ 65 – 95 เปอร์เซ็นต์ - ความชนื้ สมั พทั ธต์ ำ่� กวา่ กำ� หนด เจรญิ เตบิ โตไมด่ แี ละ 1.3 ปรมิ าณน�้ำฝน มปี ญั หาการออกดอกและตดิ ผล 1.4 ความเข้มของแสง - เฉลีย่ 1,200 – 2,500 มิลลเิ มตรตอ่ ปี และมกี ารกระจายตัวตลอดปี 1.5 ลม - ความเข้มของแสงตำ่� ประมาณ 50 เปอรเ์ ซ็นต์ - ไมค่ วรมลี มกรรโชกแรง โดยเฉพาะในชว่ งผสมเกสร พน้ื ทป่ี ลกู ควรเปน็ ทโ่ี ปรง่ มีการระบายอากาศดี 2. สภาพพืน้ ที่ 2.1 ความสงู จากระดบั น�้ำทะเล - ปลกู ไดต้ ง้ั แตพ่ น้ื ทร่ี ะดบั นำ�้ ทะเล จนถงึ 1,500 เมตรเหนอื ระดบั นำ�้ ทะเล - ไมเ่ หมาะสมกบั พนื้ ทท่ี ม่ี คี วามลาดชนั สงู เพราะระบบ 2.2 ความลาดเอียง - ควรมคี วามลาดเอยี งของพน้ื ทเ่ี ลก็ นอ้ ย ไมเ่ กนิ 2 % เพอ่ื ใหร้ ะบายนำ�้ ดี รากตืน้ หนา้ ดินอาจถูกเซาะหายไปและก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ การดดู นำ�้ และธาตอุ าหาร 3. สภาพดิน - ดนิ ท่ีเหมาะสมเป็นดนิ รว่ นซยุ มีสแี ดงคล�้ำ - หลกี เลยี่ งดนิ ทรายจดั หรอื ดนิ เหนยี ว 3.1 ประเภทดนิ - มอี นิ ทรยี วัตถสุ งู - พรกิ ไทยออ่ นแอตอ่ สภาพดนิ ระบายนำ้� ไมด่ ี ทำ� ใหเ้ กดิ 3.2 อินทรยี วตั ถุ - มีการระบายน้�ำดี โรคทสี่ ำ� คญั คอื โรครากเนา่ ไดง้ า่ ย 3.3 การระบายนำ้� - ดนิ เปน็ ดา่ งอาจทำ� ใหข้ าดจลุ ธาตอุ าหาร เชน่ เหลก็ ทองแดง สงั กะสี 3.4 ความลึกของหนา้ ดิน - ความลกึ ของหนา้ ดิน 1 เมตร ไมม่ ีชน้ั หินแข็ง ดินดาน 3.5 คา่ ความเปน็ กรด - ดา่ งของดนิ - 5.5 – 6.5 (pH)

ขอ้ มลู สภาพแวดลอ้ มท่เี หมาะสมต่อการเจรญิ เติบโตและให้ผลผลติ ของพรกิ ไทย (ต่อ) สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ข้อจำ� กัด 4. ธาตอุ าหาร - ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปตัสเซียม แคลเซยี ม แมกเนเซยี ม และซัลเฟอร์ - ไวตอ่ การขาดธาตแุ มกเนเซยี ม โดยเฉพาะพนื้ ทดี่ นิ ทราย 4.1 ธาตอุ าหารหลัก - ธาตอุ าหารรองทพ่ี ริกไทยตอ้ งการในปรมิ าณเล็กน้อย ได้แก่ แมงกานสี - ธาตอุ าหารรองถา้ มมี ากเกนิ ไปกเ็ ปน็ พษิ กบั พรกิ ไทย 4.2 ธาตอุ าหารรอง สงั กะสี เหล็ก โบรอน โมลบิ ดนี ัม ทองแดง และคลอรีน อย่างเพียงพอ 5. สภาพน�ำ้ - ตอ้ งการน�้ำสม�่ำเสมอตลอดปี มนี ำ้� พอเพยี งในหนา้ แล้ง - นำ�้ ท่ีใชเ้ ปน็ นำ�้ ทีส่ ะอาด เหมาะสมกบั การเกษตร

แนวทางการเพิม่ ประสทิ ธภิ าพการผลิต และแหลง่ สบื ค้นข้อมูลเพ่มิ เตมิ 1. แนวทางการเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพการผลติ 1.1 การเพ่มิ ผลผลติ เตรียมต้นหลังการเก็บเก่ียวให้สมบูรณ์ เพื่อให้พริกไทยออกดอกได้ดีข้ึนและให้ผลผลิตสูง โดยการตดั แต่งกิ่งและควบคมุ ทรงพุ่มและการใสป่ ๋ยุ 1.2 เทคนคิ การตดั แต่งทรงพุ่ม 1) ตัดยอดท่ีเจริญเตบิ โตพน้ ค้างทง้ิ 2) ตัดไหลและกิง่ ข้าง (ปราง) บริเวณโคนต้นเหนือพื้นดินประมาณ 8 - 10 เซนตเิ มตร 3) ตดั กงิ่ ทไ่ี มค่ อ่ ยสมบรู ณ์ และกง่ิ ทเี่ ปน็ โรคออกใหห้ มด เพอ่ื ไมใ่ หเ้ ปน็ ทสี่ ะสมของโรคแมลง 2. การเพ่ิมคณุ ภาพผลผลติ โดยการจัดการท�ำแห้งพริกไทยที่มีคุณภาพ เพื่อลดการปนเปื้อนของเช้ือจุลินทรีย์และเชื้อรา ลา้ งทำ� ความสะอาดพรกิ ไทย ลวกดว้ ยน้ำ� ร้อนเพอ่ื ใหผ้ วิ ของพรกิ ไทยด�ำและเป็นมัน ตากให้ถูกแดด อย่างสม�่ำเสมอจนแห้งสนิท เข้มงวดในเร่ืองความสะอาดและสุขอนามัย วางผลผลิตพริกไทย บนพนื้ ทย่ี กสงู มวี สั ดรุ องรบั ทสี่ ะอาดเพอ่ื ปอ้ งกนั ฝนุ่ ละออง และสงิ่ เจอื ปนอนื่ ๆ หรอื วธิ กี ารอบใหแ้ หง้ ดว้ ยเครอื่ งอบแหง้ แบบลมรอ้ น ทอ่ี ณุ หภมู ิ 55 - 60 องศาเซลเซยี ส จะสามารถหลกี เลย่ี งการเกดิ เชอื้ รา ในพรกิ ไทยได้ และไมใ่ ช้สารฟอกขาวหรอื สารเคมีอื่นๆ ท่อี าจตกคา้ งในผลผลติ 3. การลดตน้ ทุนการผลติ โดยใช้ค้างท่ีมีชีวิตแทนการใช้เสาปูนซีเมนต์ท่ี มีราคาแพง เป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ปลูกพริกไทย ในการลดตน้ ทนุ การผลติ พชื ทใ่ี ชท้ ำ� คา้ งเปน็ ไมย้ นื ตน้ โตเรว็ ไม่แตกกิ่งก้านสาขามาก และไม่ผลัดใบ เช่น ยอป่า กระถินเทพา นุ่น เป็นต้น เตรียมปลูกต้นไม้ที่ท�ำค้าง กอ่ นการปลกู พรกิ ไทยใหเ้ ปน็ ระเบยี บ อายปุ ระมาณ 1 - 2 ปี ตัดยอดให้เหลือความสูงของล�ำต้นหลักตรงกลางตั้งแต่ ระดบั ผวิ ดนิ ประมาณ 2.5 - 3 เมตร รดิ แขนงออก คอยแตง่ กง่ิ ใบใหโ้ ปรง่ รักษาทรงพมุ่ ไวใ้ ห้ได้ขนาดท่พี อเหมาะ 91

แหล่งสบื ค้นข้อมูลเพิม่ เตมิ กรมวิชาการเกษตร. 2548. ฐานความรู้ดา้ นพืช. แหล่งท่ีมา : http://www.doa.go.th/data-agri/ PEPPER/3var0.1.htm. 5 สิงหาคม 2548 คณะท�ำงานจัดท�ำข้อมูลความต้องการของพืช. 2551. คู่มือนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร พริกไทย. กรมสง่ เสรมิ การเกษตร. จิรศักด์ิ เพชร์หอย. 2548. การผลิตพริกไทยของจังหวัดจันทบุรี. ส�ำนักงานเกษตรจังหวัดจันทบุรี. (อดั ส�ำเนา) เสรมิ ศกั ดิ์ รกั ธรรม และกนกวรรณ คณาภเู ศรษฐ.์ ไมป่ รากฏปที พี่ มิ พ.์ การปลกู พรกิ ไทย. กรมวชิ าการเกษตร. (อดั ส�ำเนา) สำ� นกั งานสง่ เสรมิ การเกษตรภาคตะวนั ออก จ. ระยอง. ไมป่ รากฏปที พ่ี มิ พ.์ การปลกู พรกิ ไทยในภาคตะวนั ออก. กรมส่งเสรมิ การเกษตร. (อดั ส�ำเนา) 92

ไพล ขนั้ ตอนการปลูกและการดูแลรักษาไพล การเตรียมการ 1 เดือน 2 เดือน 3 เดอื น 4 เดอื น 5 เดือน 6 เดือน 7 เดอื น 8 เดอื น 9 เดือน 10 เดือน 11 เดอื น 12 เดือน การเตรียมดนิ การปลูก การใส่ป๋ยุ การให้น�้ำ การก�ำจัดวชั พืช - ไถพรวนดิน ก�ำจัดเศษวัสดุ - ใชร้ ะยะปลกู 25 × 27 - ใสป่ ยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั - ใหน้ ำ�้ อยา่ งสมำ่� เสมอ กำ� จดั วชั พชื 2 ครง้ั และวชั พชื ตากดิน 7 - 15 วัน เซนตเิ มตร 500 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ จนกวา่ พชื จะตงั้ ตวั ได้ พร้อมการใส่ปุ๋ย - ปลกู พชื ตระกลู ถวั่ แลว้ ไถกลบ - ขดุ หลุมปลูกขนาด - ใสห่ ลงั การปลกู 1 เดอื น - หลงั จากน้ันใหน้ ำ้� ในระยะออกดอก หรอื ใสป่ ยุ๋ คอก กว้าง x ยาว x ลกึ และ 4 เดอื น สปั ดาหล์ ะ 1 คร้ัง 1 - 2 ตันตอ่ ไร่ 25 x 25 x 15 ซม หรอื ตามสภาพแวดลอ้ ม - ใสป่ นู ขาว ปรบั คา่ pH 5.5 - 6.5 - ใสป่ ยุ๋ คอกรองกน้ หลมุ หลุมละ 250 กรมั การเก็บเก่ียว การเตรยี มพันธ์ุ - วางเหง้าในหลมุ - เกบ็ เกย่ี วเมื่อต้นไพลเหีย่ วและฟบุ - แช่หวั พันธ์ุใน Indole Acetic กลบดนิ คลมุ ด้วยฟาง - เกบ็ เกีย่ วไพลอายุ 1 ปี เพือ่ ใชเ้ ปน็ วัตถดุ บิ ประกอบเครอ่ื งยา Acid ความเขม้ ขน้ 250 ppm หนา 2 น้ิว เครือ่ งสำ� อาง และส่วนผสมในลกู ประคบ เปน็ เวลา 24 ชวั่ โมง - เกบ็ เก่ยี วไพลอายุ 2 ปี เพื่อใชส้ กดั นำ�้ มนั - แบง่ หวั พนั ธ์ุ นำ�้ หนกั 100 กรมั - ขดุ เหงา้ ไพลโดยใชจ้ อบ เสยี ม ระวงั ไมใ่ หเ้ กดิ บาดแผลและรอยชำ้� ตอ่ หวั มตี า 3 - 5 ตา ศัตรูทีส่ �ำคัญและการปอ้ งกนั ก�ำจดั การปฏบิ ัตหิ ลงั การเกบ็ เก่ยี ว โรคเหีย่ ว ปอ้ งกันกำ� จดั โดย - นำ� เหงา้ ไพลลา้ งน�้ำ 2 - 3 ครงั้ หั่นเปน็ ชิ้นบางๆ ใสถ่ าด น�ำไปตากแดด นาน 6 วัน - ใชห้ ัวพันธุ์ทป่ี ลอดโรค หรืออบทีอ่ ณุ หภมู ิ 55 องศาเซลเซียส 48 ชั่วโมง - ปลกู พืชหมนุ เวียนท่ไี ม่เป็นพชื อาศัยของโรค - ไพลแหง้ นำ� มาบดใหล้ ะเอยี ดโดยการตำ� หรอื เครอ่ื งบดผง และรอ่ นผงไพล บรรจใุ นถงุ สะอาด - พน้ื ทที่ เี่ คยมกี ารระบาดของโรค ใชย้ เู รยี ผสมปนู ขาว อตั รา 80 : 100 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ - ไพลสด ใช้สกดั นำ้� มันโดยวธิ ีการกล่ันแบบไอน�้ำ บรรจุในขวดแก้วสะอาด คลกุ เคลา้ ดนิ และใชแ้ ผน่ พลาสตกิ สดี ำ� คลมุ ทง้ิ ไว้ 3 สปั ดาห์ กอ่ นปลกู พชื - เก็บไพลแห้งในห้องท่ีสะอาด อากาศถ่ายเท ไพลท่ีเกบ็ ไว้นานเกนิ 3 เดือน นำ� มาผึง่ - ขุดต้นทเ่ี ป็นโรคเผาทำ� ลาย และโรยปนู ขาวรอบหลุมปลกู ในท่รี ่มหรอื อบใหม่อกี คร้ัง และไม่ควรเก็บรกั ษาไพลเกนิ 1 ปี

เทคนคิ การปลูก และดูแลรักษาไพล 1. การเตรยี มการก่อนปลกู 1.1 การเตรยี มดิน 1) ไถพรวนดิน ก�ำจดั เศษวัสดุและวัชพืช และตากดนิ ไวป้ ระมาณ 7 - 15 วนั 2) ดินที่มีอินทรียวัตถุน้อย ควรปลูกพืชตระกูลถ่ัวให้ได้ระยะออกดอกจึงไถกลบดิน หรอื ปรบั ปรงุ ดนิ ดว้ ยการใสป่ ยุ๋ คอกทยี่ อ่ ยสลายสมบรู ณด์ แี ลว้ คลกุ เคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั อตั รา 1 - 2 ตนั ตอ่ ไร่ 3) ใส่ปนู ขาว เพอื่ ปรบั ค่าความเป็นกรด - ดา่ งของดนิ ใหม้ คี ่าประมาณ 5.5 - 6.5 1.2 การเตรยี มพันธ์ุ 1) การเกบ็ รกั ษาหวั พันธ์ุ - วางผงึ่ ไวใ้ นทรี่ ม่ สะอาด ปราศจากโรค แมลง และสตั วต์ า่ งๆ รบกวน มอี ากาศถา่ ยเท ไดส้ ะดวก ไม่อบั ชื้น พน้ื ท่ที ีเ่ ก็บตอ้ งแหง้ ปราศจากความชน้ื - เกบ็ ฝงั ในทรายทส่ี ะอาด เยน็ และชนื้ ในทรี่ ม่ และควรแชท่ อ่ นพนั ธด์ุ ว้ ยสารปอ้ งกนั กำ� จดั แมลงหรอื สารปอ้ งกนั กำ� จัดเชื้อราก่อนน�ำไปฝงั ทราย 2) การจัดเตรียมหวั พันธ์ุ น�ำหัวพันธุ์มาพักตัวในระยะเวลาหน่ึง แช่ใน Indole Acetic Acid (IAA) ที่ระดับ ความเขม้ ขน้ 250 ppm เป็นเวลา 24 ชวั่ โมง เพือ่ กระตุน้ ให้หัวไพลงอกได้เร็วข้นึ และแบง่ หวั พนั ธุ์ ให้มีน้�ำหนัก 100 กรมั ต่อหัว โดยใหม้ ตี า 3 - 5 ตา 2. การปลกู 2.1 วิธปี ลกู 1) ขุดหลมุ ปลกู ขนาด กว้าง x ยาว x ลึก 25 x 25 x 15 เซนตเิ มตร 2) ใสป่ ยุ๋ คอกรองกน้ หลมุ หลมุ ละ ประมาณ 250 กรมั น�ำดินกลบปยุ๋ หนาประมาณ 1 เซนติเมตร 3) วางเหง้าลงในหลุมปลกู กลบดนิ ใหม้ ิด หนาประมาณ 2 - 3 เซนติเมตร คลุมด้วยฟาง หรอื ใบหญา้ คาตากแหง้ หนาประมาณ 2 นวิ้ รดนำ�้ ทนั ที 94

2.2 ระยะปลกู ระยะระหว่างตน้ และระหวา่ งแถว 25 × 27 เซนติเมตร 2.3 จำ� นวนตน้ ตอ่ ไร่ หวั พนั ธ์ุ 960 กโิ ลกรมั ต่อไร ่ 3. การดแู ลรกั ษา 3.1 การใสป่ ๋ยุ ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 500 กิโลกรัมต่อไร่ โดยใส่พร้อมกับการถอนวัชพืชและพรวนดิน หลงั การปลูกประมาณ 1 เดอื น และหลงั การปลูกประมาณ 3 – 4 เดอื น 3.2 การใหน้ ำ�้ ระยะแรกต้องรดน้�ำอย่างสม�่ำเสมอจนกว่าพืชจะต้ังตัวได้ จากนั้นควรให้น�้ำอย่างน้อย สปั ดาหล์ ะ 1 คร้ัง ในพน้ื ทีแ่ ห้งแล้ง ส่วนพน้ื ที่ทอ่ี าศัยนำ้� ฝนจากธรรมชาตจิ ะไมม่ กี ารรดนำ�้ 4. การป้องกันและก�ำจดั ศตั รพู ชื 4.1 วชั พชื ก�ำจัดโดยการถอนวชั พชื ออกจากแปลง ดังน้ี ปที ่ี 1 กำ� จดั วชั พชื 2 ครงั้ ปที ่ี 2 กำ� จัดวชั พืช 1 ครั้ง เน่ืองจากไพลจะคลมุ พน้ื ท่ีระหว่างตน้ และแถวจนเตม็ ปีที่ 3 ไมต่ อ้ งกำ� จดั วัชพชื และปล่อยใหแ้ ห้งตายไปพร้อมกับตน้ ไพลท่ฟี บุ 4.2 โรค โรคเหยี่ ว เกดิ จากเชอ้ื แบคทเี รยี ทำ� ใหต้ น้ มอี าการใบเหลอื ง ตน้ เหยี่ วและหวั เนา่ ตายในทส่ี ดุ การป้องกนั ก�ำจดั 1) ใช้หวั พนั ธท์ุ ปี่ ลอดโรค หรือจากแหล่งทไี่ มม่ ีการระบาดของโรค 2) ควรจะมีการไถตากดินก่อนปลูก และโรยด้วยปูนขาว ปรับสภาพความเป็นกรด และดา่ งของดินใหไ้ ด้ 5.5 - 6.5 3) ไมค่ วรปลกู ไพลซำ�้ ในปีถัดไป และควรปลกู พชื หมนุ เวยี นท่ไี ม่เป็นพืชอาศยั ของโรค ก่อนการปลูกในฤดถู ดั ไป 4) พนื้ ทท่ี มี่ กี ารระบาดของโรคใหท้ ำ� การอบดนิ ฆา่ เชอ้ื กอ่ นปลกู โดยการใชย้ เู รยี ผสมปนู ขาว อัตรา 80 : 100 กิโลกรัมต่อไร่ คลุกเคล้าดินที่ไถพรวนแล้ว และใช้แผ่นพลาสติกสีด�ำคลุมทิ้งไว้ ประมาณ 3 สปั ดาห์ กอ่ นปลกู พืช 5) ควรปลกู ในพน้ื ทที่ ี่มีการระบายนำ้� ดี ไม่มีน�ำ้ ท่วมขงั 6) ตน้ ทเ่ี ปน็ โรคใหข้ ดุ ใสถ่ งุ และนำ� ไปเผาทำ� ลายทง้ิ และโรยปนู ขาวรอบหลมุ ปลกู ทท่ี ำ� การขดุ 7) รองเท้าที่ใส่ในแปลง ควรมีกระบะหรืออ่างท่ีใส่น�้ำยาฆ่าเช้ือไว้ส�ำหรับจุ่มหรือแช่ ก่อนเดินเข้าแปลง และเคร่ืองมือทางการเกษตร กอ่ นและหลังจากใชแ้ ล้วใหแ้ ช่นำ้� ยาฆา่ เช้อื 4.3 แมลง ไพลมีกล่นิ เฉพาะตัวทีไ่ ล่แมลง จึงไม่คอ่ ยมีแมลงศัตรพู ชื รบกวน 95

5. การปฏบิ ัตกิ อ่ นและหลังการเกบ็ เกย่ี ว 5.1 ระยะเวลาเกบ็ เก่ียว เกบ็ ในชว่ งฤดแู ลง้ โดยระยะเวลาการเกบ็ เกยี่ วทเ่ี หมาะสมขนึ้ อยกู่ บั วตั ถปุ ระสงคใ์ นการนำ� ไปใช้ ดงั นี้ 1) การนำ� ไพลมาใช้เพ่อื สกดั นำ�้ มัน เกบ็ ไพลเมื่อมีอายไุ ด้ประมาณ 2 ปี นบั ตง้ั แตเ่ ร่ิมปลูก จนถงึ วนั ทเ่ี กบ็ เกยี่ ว โดยเกบ็ หวั ไพลเมอ่ื ตน้ ไพลแหง้ และฟบุ ลงกบั พนื้ หา้ มเกบ็ หวั ไพลขณะทเี่ รม่ิ แตกหนอ่ ใหม่ เพราะนำ�้ มันท่ีไดจ้ ะมีปริมาณและคณุ ภาพต�ำ่ 2) การนำ� ไพลมาใชเ้ พอ่ื เปน็ วตั ถดุ บิ ประกอบเครอ่ื งยา เครอ่ื งสำ� อาง และสว่ นผสมในลกู ประคบ เก็บเกีย่ วไพลเมอื่ มีอายุ 8 เดอื น – 1 ปี และต้นไพลแหง้ ฟบุ ตัว 5.2 วิธีการเก็บเก่ยี ว ขดุ เหง้าไพลโดยใช้จอบ เสียม ระวงั ไมใ่ ห้เกดิ บาดแผลหรือรอยชำ�้ เขยา่ ดินออกจากเหง้า ตดั รากโดยรอบออกใหห้ มด และผง่ึ ลมใหแ้ หง้ เกบ็ ผลผลติ บรรจใุ นถงุ ตาขา่ ย ในทท่ี ม่ี อี ากาศถา่ ยเทดี 5.3 การแปรรูปหลังการเกบ็ เกยี่ ว ไพลแหง้ โดยนำ� เหงา้ ไพลไปลา้ งผา่ นนำ�้ ทส่ี ะอาดประมาณ 2 - 3 ครงั้ แลว้ หน่ั เปน็ ชน้ิ บางๆ ใสถ่ าดหรอื กระดง้ นำ� ไปตากแดด บนชนั้ ทแ่ี ขง็ แรง มคี วามสงู จากพนื้ ประมาณ 60 - 70 เซนตเิ มตร ประมาณ 6 วัน ส�ำหรบั การอบไพลใชอ้ ุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียส นาน 48 ชั่วโมง หรืออณุ หภูมิ 50 องศาเซลเซยี ส ในชว่ งเวลา 8 ช่ัวโมงแรก และลดอุณหภูมิลงที่ 40 - 45 องศาเซลเซียส หมั่นกลับไพลบ่อยๆ จนแห้ง ความช้ืนไม่เกิน รอ้ ยละ 11 อัตราส่วนไพลสด : ไพลแห้ง เทา่ กบั 5 กโิ ลกรัม : 1 กโิ ลกรมั ไพลผง นำ� ไพลแหง้ มาบดใหล้ ะเอยี ด โดยการต�ำหรือด้วยเคร่ืองบดผง และร่อนเอา เฉพาะผงไพล บรรจุในถุงสะอาด ซึ่งการเก็บ ในรูปไพลผง สามารถคงประสิทธิภาพได้ดีกว่า ของเหลว อตั ราสว่ นไพลแห้ง : ไพลผง เท่ากบั 1 กโิ ลกรมั : 0.95 กิโลกรมั 96


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook