Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แม่บทเดินทางข้ามวัฏสงสาร

แม่บทเดินทางข้ามวัฏสงสาร

Description: แม่บทเดินทางข้ามวัฏสงสาร

Search

Read the Text Version

'm แม่บท เดินทางข้ามวัฏสงสาร โดยพระรา'ยภาวนาวิสุทธึ๋ (หลวงพ่อธัมมขโย) www.kalyanamitra.org

/\\ บทนำ หนังสือ \"แม่บทเดินทางข้ามวัฎสงสาร'' เป็นการรวบรวมโอวาทรองพระเดชพระคุณพระ- ราชภาวนาวิสุทธ (หลวงพ่อธัมมชโย) จำ นวน ๔๐ เรื่อง เป็นคำสอนที่มุ่งเน้น หลักในการดำเน้น ชีวิตที่ถูกต้องดีงามให้ผีความตระหนักในอานุภาพแห่งบุญและคุณของพระรัตนตรัยลันไม่มีประมาณ ความสำคัญของวิชชาธรรมกายขององค์สมเด็จพระสัมมาลัมพุทธเจ้า แนวทางปฎิบดธรรมเพื่อให้ เข้าถึงวิชชาธรรมกาย พระคุณลันไม่มีประมาณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระคุณลัน ยิ่งใหญ่ของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนีผู้ต้นพบวิชชาธรรมกาย โอวาทคำสอนของพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิลุทธิ้ (หลวงพ่อธัมมชโย) ที่ไต้แสดง ไว้แก'สาธุชนหลายสิบป็มีอย'เป็นจำนวนมากซึ่งล้วนมีคุณค่าอย่างอเนกอนันต์สามารถน้าไป ประพฤติปฏิบ้ติเห็นผลไต้จริงสอดคล้องตามพระไตรปีฎกและธรรมปฎิบตวิชชาธรรมกาย ในที่นี้ เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถน้ามาเผยแพร่ตามความเหมาะลมของเนื้อที่ ทั้งนี้จะใต้ทยอย น้าออกมาเผยแพร่ในโอกาสต่อๆไป กองบรรณาธิการหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังลือ \"แม่บทเดินทางข้ามวัฏสงสาร\" เล่มนี้จะก่อ ให้เกิดประโยชน์แก่สาธุชนทั้งหลายที่จะไต้ศึกษาและนำไปปฎิบ้ติสามารถดำเน้นชีวิตบนเล้นทาง แห่งความดีไต้ตลอดไป มีแม่บทไนการสร้างบารมีเดินทางข้ามวัฏสงสารส่ที่สุดแห่งธรรมไต้ในที่สุด หากการเผยแพร่หนังลือเล่มนี้บังเกิดบุญกุศลมากเพียงใดก็ตาม ขอบุญกุศลทั้งหลาย เหล่านั้นจงบังเกิดแก'สาธุชนทุกท่านให้ผีความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม สามารถ บำเพีญทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาให้ยิ่งๆขึ้นไป ตลอดจนมีความมุ่งมั่นในการสร้างบารมีมุ่ง ไปลู่ที่สุดแห่งธรรมไต้โดยง่ายตลอดไป อนึ่งการรวบรวมคัดลอกและตัดทอนโอวาทของพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธ (หลวงพ่อธัมมชโย) จัดพิมพ์เป็นหนังสือ \"แม่บทเดินทางข้ามวัฏสงสาร\" เล่มนี้ หากมีความผิด พลาดประการใด ทางกองบรรณาธิการขอน้อมรับและยินดีรับคำเสนอแนะต่างๆ เพื่อปรับปรุง พัฒนาในการจัดพิมพ์ครั้งต่อๆ ไป กองบรรณาธิการ ๙ มิถุนายน พ.ค.๒๙๙๔ www.kalyanamitra.org

สารบัญ (at พระรัตนดรัยสือที่พึ่งที่แท้จริงของชาวโลก d ๑๓ พระรัตนตรัยเป็นแหล่งกำเนิดแฟงความสุข พระรัตนตรัยและผู้ทรงธรรมอย่างแท้จริง ๑๗ เข้าทงที่พึ่งภายในชีวิตจึงจะปลอดภัย 1อร^ ความสุขจากใจหยุดใจนิ่งยิ่งกว่าความสุขใดๆ ๓0 หัวใจของผู้เข้าถึงธรรม ๓๔ เสันทางอันพิสุทธิ' ๓๙ พลังแห่งความรู้แจ้ง ๔๓ ประสูต ตรัลรู้ ปรินิพพาน ณ คูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ๔๐ หนึ่งในล้านวิธีในการเข้าถึงธรรมกาย ๔๔ วิชชาธรรมกาย ๔๔ ๖๓ วิป๋'ลลนูปกิเลส ๖๔ ทางลู่อายตนนิพพาน อานิสงส์การเจริญพุทธานุสติ ๗1อ ทรัพย์ชั้นเยี่ยมที่โลกต้องการ ๗๙ สาระแก่นสารแห่งชีวิต ๔๔ บุญเป็นปอเกิดแห่งความสุขและความสำเริจในชีวิต ๙๐ เมื่อสั่งสมบุญเติมเปียมความอัคจรรย์ย่อมบังเกิดขึ้น ๙๔ ๙๙ เครษฐกิจกับจึตใจต้องไปด้วยกัน วิธีทำ ลายความสงสัยเกี่ยวกับชีวิต ๑๐เอ อโห พุทโธ ๑๐๔ ภารกิจของนักสร้างบารมี ๑๑เอ ๑๑๖ การรบที่แท้จริง ชีวิตที่เกิดมาเพึ่อค้นหาธรรมะ www.kalyanamitra.org

อธิษฐานจิตให้เป็นนิสัยข้ามชาติ ๑๒๒ อานิสงส์ของการเป็นผู้ให้ ๑๒ สายสมบ้ติ สายบุญบารมี ๑๒58 สมบ้ติจักรพรรติตักไม่พร่อง ๑๓๒ ความตระหนี่เป็นอันตรายต่อมวลมนุษยชาติ ๑๓๗ ทวนกระแสโลก ๑<5^๓ เมื่อศีลธรรมบังเกิดขึ้น สิ่งดีๆ จะหวนคืนมา ๑(5^๖ มหาทานบารมี ๑(tO อจินไตย สิ่งที่อยู่เหนือขอบเขตความนึกติดของมนุษย์ ๑๕^(5^ โลกจะสันติสุขได้ ด้องลูกคุ้มครองโดยธรรม ๑dfe'k สันติภาพอันถาวร เริ่มด้นจากสันติสุขภายใน ๑bร^ สันติภาพภายนอก เริ่มจากสันติสุขภายใน ๑๗0 วันแห่งธรรมจักร ๑๗๓ วันสมาธิโลก ๑๘๒ มหาธรรมกายเจดีย์ ศูนย์กลางแห่งการปฎิฟ้ติธรรม ๑๘(ร^ ๓๐ ปี วัดพระธรรมกาย เป้าหมายเพี่อสันติภาพของโลกที่แห้จริง ๑๘๘ วันบูชาครูผู้ด้นพบวิชชาธรรมกาย ๑๘๗ หลวงพ่อวัดปากนํ้า ผู้บังเกิดมาเพี่อตับที่สุดแห่งทุกข์ ๒GO หลวงพ่อวัดปากนํ้า ผู้ยังโลกให้สว่างด้วยแสงแห่งธรรม ๒0๓ พระคุณอันยิ่งใหญ่ ชองพระมงคลเทพมุนิ ๒0๗ หลวงพ่อวัดปากนํ้า พยานในการตรัสรู้ธรรม ๒๑0 มหาวิหารพระมงคลเทพมุนิ ๒๑ อานิสงส์การนั่งธรรมะกับคุณยาย ๒๑๘ ดูคุณยายเป็นตัวอย่าง ๒๒๓ คุณยายอาจารย์ ผู้ควรแก่ทักษิณาทาน ๒๒๘ มหาวิหารผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย ๒๓๒ วิธีปีกสมาธิเบื้องด้น ๒๓๗ คณะผ้จัดทำ ๒๘๘ www.kalyanamitra.org

า พระรัตนตรัยคือ ที่พึ่งที่แท้จริงของชาวโลก ...วันนี้เรามาประชุมพร้อมก้นเพื่อแสวงหาพระรัตนดรัย ซึ่งเปีนที่พื่งที่ ระลึกที่อยู่ภายในต้วของเรา นอกเหนือจากพระรัตนตรัยภายนอกคือพุทธปฏิมากร พระธรรมคำสอน และพระสงฆ์ ก็มีพระรัตนตรัยภายในที่อยู่ในกลางกายของ เราทุกๆ คน ได้แก่พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ ส้งฆรัตนะ ๓ อย่างนี้แหละเปีนที่พื่ง ที่ระลึกอันสูงสดของพวกเราทั้งหลาย สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พื่งที่ระลึกยิ่งกว่านี้ไม่มี อีกแล้ว เราจะด้องตั้งใจปฏิบตให้เข้าถึงรัตนะทั้ง ๓ นี้ใหได้ โตยอาศัย อตฺตา หิ อดฺดโน นาโถ เอาด้วของเรานี่แหละเป็นที่พื่ง อาศัยกายที่เรานั่งเข้าที่อยู่นี้ ประกอบความเพียร www.kalyanamitra.org

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสสอนพวกเราทั้งหลายว่า \"เธอ ทั้งหลายจงมีตนเป็นที่พึ่ง มีดนเป็นสรณะ อย่ามีสิงอื่นเป็นสรณะเลย จง เป็นมู้มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นสรณะ อย่ามีสิงอื่นเป็นสรณะเลย\" ที่ พระองค์ตรัสอย่างนี้ก็เพราะว่าตัวของเรานี่แหละที่จะเป็นที่พึ่งให้กับตัวเอง ไตัดีที่สุด คือท่านแนะนำให้เอากายนี่ป็กฝนปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมะภายใน ให้!ตั จะไตัยึดเอาธรรมะเป็นที่พึ่ง เพราะสิงอื่นไม่ใช่ ยังพึ่งไดไม่สมบูรณ์ ให้เอาธรรมะที่เราไตัเข้า ถึงนี่แหละ เป็นที่พึ่งทีระลึก เป็นสรณะ อย่าเอาอย่างอื่นเป็นสรณะ เนี่องจากช่วิตของเราเป็นทุกข์ มีทั้งทุกข์ประจำแล้วก็ทุกข์ที่จรมา เมื่อ ช่วิดมีทุกข์ก็จำเป็นตัองมีที่พึ่ง และที่พึ่งนั้นตัองสามารถพึ่งได้ทุกหนทุกแห่ง พึ่งได้ตลอดเวลา ให้ความอบอุ่น ความปลอดภัยในช่วิตได้ ทั้งภัยใน สังสารวัฏ ภัยในอบายภูมิช่วยได้หมด ธรรมะที่เราได้เข้าถึงนั่นแหละจึง จะเป็นที่พึ่งได้อย่างแห้จริง มีพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ๓ อย่าง นี้แหละที่จะพึ่งได้ ๓ อย่างนี้อย่ในตัวของเรา มีมาดั้งแต่ทั้งเติม เมื่อเข้า ถึงได้แล้ว เราจะมีดวามสุข มีความบริสุทธ แล้วก็มีความรู้แจ้ง จะรู้เรี่อง ราวของช่วิตเรา แล้วก็รู้หนทางที่จะไปถึงที่หมายได้โดยปลอดภัย พุทธรัตนะได้แก่พระธรรมกายที่ใสเป็นแก้ว ถ้าเราเข้าถึงด้วยตัวเอง เรา ก็จะเห็นท่านได้ชัดใสแจ่มชัดเจนทีเดียว ลักษณะก็คล้ายๆ พุทธปฏิมากร เกตุ ดอกบัวตูม ใสเกินใส ใสเป็นเพชร สวยเกินสวย งามไม่มีที่ติ ประกอบไปด้วย ลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ นั่งชัดสมาธิเจริญภาวนา หันหน้าออกไป ทางเดียวกับด้วของเรา เห็นท่านแล้วเราจะรู้สึกอบอุ่นใจ ปลอดภัย รู้สึก ปลอดภัยทีเดียว ทุกข์ทั้งหลายก็ด้บไปเมื่อเข้าถึงพุทธรัดนะ จนกระทั่งเราลืม ความทุกข์ทั้งหลายไปเลย นึกไม่ออกว่าเมื่อสักครู่นี้มีความทุกข์ได้อย่างไร เพราะพระรัดนดรัยนั้นเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขทั้งปวง ธรรมรัตนะ คือดวงธรรมใสๆ ที่อยู่ในกลางกายของพุทธรัดนะ เป็นที่ รวมพระธรรมคำสอน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ความร้ทั้งหมดในทางพระพุทธ- www.kalyanamitra.org

ศาสนาก็กลั่นออกมาจากกลางธรรมรัตนะนี่แหละ ส้งฆรัตนะ คือพระธรรมกายละเอียดที่ซ้อนอยู่ในกลางดวงธรรม รักษา ธรรมรัตนะเอาไว้๓ อย่างนี้เป็นที่พึ่งที่ระลึกอย่างแท้จริงของเราและของชาวโลก ทั้งหลาย ถ้าเห็นได้อย่างนี้ก็เรียกว่าเห็นธรรม เซ้าถึงได้อย่างนี้ก็เรียกว่าถึง ไตรสรณคมน์ คือใจแล่นเข้าไปถึงสรณะทั้ง ๓ ภายใน ไปเป็นอันหนี่งอันเดียว ก้บท่าน จะเข้าถึงท่านได้ใจด้องหยุด ต้องนี่ง ดังนั้น หยุดนี่งจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะท้าให้เข้าถึงรัตนะทั้ง ๓ ได้ เราต้อง หมั่นลึเกฝนใจให้หยุดให้นี่งให้ได้ เอาดัวของเรา เอากายของเรานี่แหละเป็นที่ ลึเกฝนอบรมจิต เป็นทางผ่านของใจให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน นี้เป็นสิ่ง สำ คัญสำหรับชีวิตเราทีเดียว ถ้าหากว่าไม่มีพระพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้น ไม่มีหลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ มารื้อหี่เนคำสอนขึ้นมาใหม่ ไม่มีคุณยายอาจารย์ของเรามา สืบทอดแล้วก็สั่งสอนกันต่อๆ มา เราก็คงไม่รู้ว่าในตัวของเรานีมี พระรัตนดรัย ไม่รูวธีการที่จะเข้าถึงพระรัดนตรัย เราก็จะไม่มีสิทธที่จะ พบสรณะที่แฑ้จริงไปจนตลอดชีวิต ก็จะมีชีวิตสะเปะสะปะกันไปวัน ๆ วิ่งวุ่นไปตามความทะยานอยาก ยินดียินรัายกันเรื่อยๆ ไป เคี้ยวมีสุขมี ทุกข์กันไปอย่างนั้นแหละ ใจไม่คงที่ มีขึ้นมีลงตลอดเวลา แต่ผู้รู้ท่านจะสอนตรงกันหมต คือ สอนให้หยุดจากความอยากทั้งปวง หยุดตรงกับคำว่านิโรธะ นิโรธะแปลว่าหยุด ก็คือเอาใจนั้นหยุดลงไปตรง ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เอากายหรือเอาคัวของเรานี่แหละเป็นฐานที่ตั้งสำหรับ หยุดใจ หยุดจากทุกสิ่ง หยุดแม้กระทั้งความคิด หยุดอยู่ภายใน ให็ใจกลับมา อยู่กับเนี้อกับคัวของเรา กลับมาอยู่ในฐานที่ตั้งตั้งเดิมของใจคือศูนย์กลางกายฐาน ที่ ๗ เพราะดำแหน่งนี้เป็นที่บังเกิดขึ้นของรัตนะทั้ง ๓ ที่เป็นนิจจัง เป็นสุข้ง เป็นอัตตา คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขล้วนๆ ไม่มีทุกข์ เจือเลยแม้แด่นิดเดียว แล้วก็เป็นคัวตนที่แท้จริงของเรา... วันอาทิตย์ที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕ช:๓ www.kalyanamitra.org

พระรัตนตรัย เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสข ...วนนี้ว้นอาทิตย์ เราก็มารวมประชุมก้นประพฤติปฏิปัติธรรมร่วมกัน จึงควรจะทำจิดใจของเรานี้ให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้ดีอกดีใจว่าเรามาพบก้น มาทำความดีด้วยก้น มาทำกิจของมนษย์ที่เรียกว่ากรณียกิจ คืองานที่แทํจริง www.kalyanamitra.org

ของมนุษย์ในอิริยาบถของพระอริยเจ้าที่ท่านพ้นแล้ว คือท่านั่งขัดสมาธิ ทำสมาธิ คู้บัลลังก์ดำรงสติมั่น เพราะฉะนั้น ทำ ใจให้เบิกบาน ให้แช่มชื่นอย่างนี้ แล้วก็ให้เลื่อมใสใน พระรัตนตรัย ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกอ้นสูงสุต สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกอ้นสูงสูด ยิ่งกว่านี้หริอเสมอเหมือนนี้ไม่มี เพราะพระรัตนตรัยเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความ สูข และเป็นอิสระจากกิเลสอาสวะ ไม่มีใครบังค้บบัญชาได้ สิงสถิตอยู่ภายใน ตัวของเรา นี่แหละคือที่พึ่งที่ระลึก เข้าถึงเมื่อไร ดวามสุขก็บังเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ นั้น ความบริสุทรผ่องแผ้วของดวงจิตของเราก็จะเกิดขึ้นในฑ้นฑี ความรู้ แจ้งของข้วิฅว่า เราเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของข้วิต เราก็จะได้ ทราบด้วยด้วของเราเอง และจะทำให้เกิดมหากรุณา มองสรรพสัตว์ ทั้งหลายเป็นประดุจเพื่อน เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน เพราะฉะนั้น ความคืดที่จะเบียดเบียนเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บดาย ด้วยกันนั้นไม่มี มีแต่ความปรารถนาดี แจ้วก็มองเหมือนญาติ เหมือน ครอบครัวเดียวกัน ที่จะด้องประคับประคองกันไปให้ถึงฝังแห่งพระนิพพาน ใจของเราจะถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างนี้ เมื่อเราได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว จะมีความสูข ทั้งนั่ง นอน ยืน เติน ทั้งหลับ ทั้งตื่น ทั้งปฏิบ้ติภารกิจอ้นใตก็ตาม จะมีความสูขเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าจะ ศึกษาเล่าเรียนก็มีความสูขใจเป็นพื้นฐาน มีปัญญาบริสูทธี้เกิดขึ้น มีมหากรุณา เป็นพื้นราน จะประกอบธุรกิจการงาน ก็เป็นธุรกิจทไปพร้อมกับจิตใจ คือภายในก็มี ความสุขเป็นพื้นฐาน มีปัญญาบริสูทธึ้ ความรู้ที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นจากความบริสูทธี้ แล้วก็จะมีมหากรุณา มีความเกื้อกูลเอื้อเพื้อเผื่อแผ่เพื่อนมนุษย์ด้วยก้นและ สรรพลัตว์ทั้งหลายทั้งปวง เกิดขึ้นในขณะที่ประกอบธุรกิจการงาน เหมือนบัณฑิตในกาลก่อน ที่ท่านเป็นน้กธุรกิจ แต่ว่าจิตใจของท่านเป็น www.kalyanamitra.org I ๙)

อริยะ ภายในหยุดนิ่ง ข้างนอกก็เคลื่อนไหว ท่านประกอบไปด้วยธรรมดังกล่าว คุณธรรมดังกล่าวคือ ปัญญาบริสุทธิ้ ความผาสุกภายใน มหากรุณา ทาควบคู่ ก้บธุรกิจการงาน แล้วก็ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ ในดัานเคลื่อนไหวแบบ ธุรกิจที่ด้องการสภาพคล่อง คล่องแคล่วว่องไว ก็ประสบความสำเร็จ ๑00 เปอร์เซ็นต์ ชีวิตแห่งการหยุดนิ่งอยู่กับพระรัตนตรัยในดัวก็สมบูรณ์ เป็นชีวิต อีก ๑00 เปอร์เซ็นต์ ชีวิต ๒00 เปอร์เซ็นต์ เกิดขึ้นกับบ้ณฑิตในกาลก่อน ซึ่งเราได้ยินได้ ฟังปอยๆ คือท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี มหาอุบาสิกาวิสาขา เป็นด้น คือมี มากมายก่ายกอง แต่ว่าที่มีปรากฏอยู่ในพระไตรปีฎกยกเอาไว้ ในฐานะท่าน เป็นกำลังอย่างสำดัญ สนับสนุนพระพุทธศาสนาเอาไว้ เป็นแบบอย่างได้จารึก ชื่อเอาไวิให้ปรากฏเกิดขึ้น แต่ผู้ที่ดำเนินชีวิตแบบท่านมีมากมายในสมัยโนัน เพราะฉะนั้น ปัจจุบันเราก็ทำอย่างนั้นได้ ธุรกิจกับจิตใจไปคู่กัน ก่อนที่เราจะปฏิบ้ตธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกาย เราด้องทำใจของ เราให้ปลอดกังวล ไม่ติดในคนในสัตว์ในสิ่งของ โดยพิจารณาด้วยปัญญาบริสุทธี้ ที่พระส้มมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนเอาไว้ และเป็นส้จธรรมคือเป็นความจริงว่า สรรพส้ตว์และสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนมีการเปลื่ยนแปลงเป็นปกติ ทนอยู่ในสภาพ เติมไม่ได้ มีเขึ้อแห่งความทุกข์ เป็นปอเกิด เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความทุกข์ เพราะความไม่เที่ยงนั้น จะเป็นคน เป็นส้ตว์ เป็นสิ่งของ จะเป็นของกิน ของใข้ อะไรก็แล้วแต่ มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต มีวิญญาณครองหรือว่าไม่มีวิญญาณครอง ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ชวคราว เปลื่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา บังคับบัญชาก็ไม่ได้ จะไห่ได้ดังใจเราไม่ได้ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วเสื่อมสลาย เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้ ใจเราก็จะได้เบา สบาย ปลอดกังวล เสื้อเรา แต่ไม่ใช่เสื้อของเรา ร่างกายเราแต่ไม่ใช่ร่างกายของ เรา บัานเราแต่ไม่ใช่บัานของเรา เพราะฉะนั้นเราจะบังคับบัญชาอะไรให่ได้ ดังใจปรารถนาของเรา เป็นไปไม่ได้ www.kalyanamitra.org

พอเราคิดอย่างนี้เข้า ใจก็จะได้ปลอดโปร่ง สบาย เมื่อเราเห็นว่า สรรพสิ่งทั้งหลาย เป็นอนิจจ้ง ทุกข้ง อน้ดตา พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้เพื่อให้ มองมุมกล้บตรงกันข้ามว่า เมื่อเราอยู่ในสิ่งแวดล้อม อยู่กับสิ่งแวดล้อม และอยู่ ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นอนิจจ้ง ทุกข้ง อนัดดา ไม่เป็นสาระแก่นสาร เราก็ควรจะมุ่ง แสวงหาสิ่งที่เป็นสาระแก่นสาร เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุข แล้วก็เป็นอิสระ จากกิเลส จากการบังคับบัญชาของกิเลสอาสวะของพญามาร เป็นชีวิตที่แห้จริง ของเรา เป็นตัวจริงของเรา สิ่งที่มีคุณสมบัติอย่าง/งนุ'อยู่ในตัวของเรา อยู่ตรงไหนของตัว อยู่ตรง ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อยู่ในกลางกายของเราที่เหนือจากจุดตัดขึ้นมา ๒ นี้วมือ ตรงนั้นแหละ เป็นที่สิงสถิตของสิ่งที่มีคุณสมบัติอย่างนี้ นั้นก็คิอพุทธร้ตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัดนะ พุทธรัตนะ ท่านมืลักษณะอย่างไร ลักษณะท่านสวยงาม งามไม่มืที่ติ เมื่อเราเข้าถึงพุทธรัตนะภายในแล้ว จะแจ่มแจ้งในใจของเราทีเดียว ว่าท่านงาม จริงๆ แต่ลักษณะคร่าวๆ ก็คือเกตุดอกบัวตูมอยู่บนพระเศียรท่าน อยู่บนจอม กระหม่อม คล้ายๆ บัวลัดตบงกชสวยงามมาก พระวรกายก็ใสบริสุทธี้ใสเกินใส งามไม่มืที่ติ สมบูรณ์ทั้งวิชชาและจรณะ คือวิชชาก็สมบูรณ์ จรณะก็สมบูรณ์ นี้ แหละพุทธรัตนะ เป็นที่พื่งที่ระลึกอยู่ภายใน ส่วนธรรมรัตนะ คลังปริย้ติ คลังแห่งความรูของพระไตรปีฎก ๘๔,๐๐๐ พระธรรมข้นธ์ รวมประชุมอยู่ในกลางธรรมรัดนะ และอยู่ในกลางกายของพุทธ- รัตนะ ลักษณะเป็นดวงใสๆ คล้ายๆ ดวงแห้วกายสิทธิ้เราดูดวงธรรมรัตนะ ความ กลมของตวงธรรมนั้นทำให้เราเกิดความรูสึกที่แปลกว่า ดวงแก้วกลมๆข้างนอก เหมือนไม่กลมอย่างนั้นน่ะ แล้วก็ใสเกินใส งามไม่มีที่ติ เป็นคลังแห่งปริย้ติ เมื่อเราจรดใจพระธรรมกายจรดอยู่ในกลางธรรมรัตนะ ความรู้ก็หลั่งไหลพรั่งพรู ออกมา เมื่อกายมนุษย์เป็นอ้นหนึ่งอันเดียวกับพุทธรัตนะเข้าก็พรั่งพรูลู่[กายมนุษย์ ความรู้นั้นก็มาสู่กายมนุษย์ เมื่อ ธมุมกาโย อหิ อิติปี เมื่อตถาคตเป็นอ้นหนึ่ง อ้นเดียวกับธรรมกาย หรือตัวเราเป็นอ้นหนึ่งอ้นเดียวกับธรรมกาย ความรู้ก็จะ www.kalyanamitra.org

เกิดขึ้นอย่างนั้น ส้งฆร้ตนะ มีหน้าที่ร้กษๆคลังปริย้ดิ คือความรู้๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ นี้เอาไว้ อยู่ตรงกลางของธรรมร้ตนะ ละเอียดไปอีกชั้นหนึ่ง อยู่ตรงกลาง รักษาธรรมรัตนะเอาไว้ ธรรมรัตนะก็ทรงรักษาพุทธรัตนะเอาไว้ ๓ อย่างนั้นน่ะ เรียกชื่อต่างกันแต่ว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พรากออกจากกันไม่ได้ แยกออก จากกันไม่ได้ ๓ สิ่งรวมอยู่ในนั้นแหละ เหมีอนเพชรนี่ มีแววดี มีสีดี มีเนี้อดี เรา จะเอาแววไปทาง สีไปทาง เนื้อไปทางก็ไม่เรียกว่าเพชร อันนี้เหมีอนกัน สรณะจะด้องประกอบไปด้วย ๓ คือ พุทธรัตนะ ธรรม- รัตนะ แล้วก็ลังฆรัตนะ เรียกชื่อกันคนละอย่าง มีคุณสมบ้ตคนละอย่าง หน้าที่ คนละอย่าง แต่พรากจากกันไม่ได้ ด้องรวมประชุมอยู่ จึงจะเรียกว่า เป็นสรณะ ที่พAงทAระล^ึกอ^ันสงสตอย่ภI ายในศด้4ว๙ของเรา... ข <1 วันอาทิตย์ที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๕ร:๓ fa๒'': www.kalyanamitra.org

พระรัตนตรัย และผ้ทรงธรรมอย่างแท้จริง ...พระรัดนตรัยนั้นมีอยู่ ๓ ระด้บ คือระด้บเบองต้น ระดับท่ามกลาง และ ระดับเบื้องปลาย พระพุทธเจ้าในเบื้องต้น สำ หรับแนะนำสั่งสอนผู้ที่เพิ่งจะเรียนรู้ เพิ่งที่ จะเข้ามาศึกษาพระรัตนตรัย ท่านไต้แนะนำให้รู้จักว่าพระพุทธเจ้าคือใคร คือ พุทธปฏิมากร พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหมู่บูชา ในโบสถ์ ในวิหาร ในศาลา การเปรียญ แม้กระทงองค์พระที่ห้อยคออยู่ จะองคไหญ่องค์เล็ก จะทำด้วยวัสด อะไรก็ตาม อิฐ หิน ปูน ทราย โลหะ หรือรัตนชาติ นี่คือพระพุทธเจ้าในเบื้องต้น www.kalyanamitra.org

พระพุทธเจ้าในท่ามกลาง ท่าน หมายเอาพระสิทธัตถะราชกุมาร ที่ทรง สละราชสมบัติ ออกผนวชเพื่อแสวงหา หนทางพ้นทุกข์ ได้ตรัสรู้ พบหนทาง พระนิพพาน ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธึ๋'ให้ ศึ กษาพุทธประรัติว่ามีประวัติความ เป็นมาอย่างไร นี่คือพระพุทธเจ้าใน ท่ามกลาง ทรงเป็นพระราชโอรสชอง พระเจ้าสทโธทนะและพระนางสิริมหามายา เป็นต้น พระพุทธเจ้าในเบิ้องสูง ท่านหมายเอาพุทธรัตนะ รัตนะ แปลว่า แกว พุทธรัตนะ หมายถึง พระพุทธเจ้าที่เป็นแก้ว ที่ใสเป็นแก้วมีอยู่ภายในตัวของ มนุษย์ทุกๆ คนในโลกนี้ มีอยู่ในตัวของพระสิทธ้ตถะ มีอยู่ในตัวของพระอรหันต์ ทั้งหลาย และในตัวของพวกเราทุกๆ คน มีลักษณะคล้ายๆ ก้มพุทธปฏิมากร ประกอบไปด้วยลักษณะมหาบุรุษครบก้วนทุกประการ เกดดอกบัวตูม ใสเกินใส งามไม่มีที่ติ นั่งทำสมาธิภาวนาอยู่ในกลางกายของเราทุกๆ คน นั่นหมายถึง พระพทธเจ้าในเบี้องปลาย พระธรรมในเบองต้น ท่านหมายเอาคำสอนทจารีกไว'ในพระไตรปิฎก จะเป็นภาษาบาล ภาษาสันสกฤต ภาษาไทย หรีอภาษาอะไรก็ตาม นี่คือ พระธรรมในเบื้องต้น พระธรรมในท่ามกลาง ท่านหมายเอาคำสอนที่ออกจากพระโอษฐ์ของ พระสมณโคดมพุทธเจ้า ที'ทรงสั่งสอนพระสาวกของพระองค'ไห'ได้บรรลุ มรรคผลนิพพาน พระธรรมในเบื้องปลาย ท่านหมายเอาธรรมรัตนะ คือพระธรรมที่เป็นแก้ว มีลักษณะเป็นดวงใสกลมรอบตัวเหมีอนตวงแก้ว อยู่ในกลางของพุทธรัตนะ ใส ^๔^ www.kalyanamitra.org

บริสุทธื้ งามไม่มีที่ติ ใสเกินใส ใสเหมือนกับพุทธรัตนะนั่นเอง พระสงฆในเบื้องต้น ใต้แก่ สมมติสงฆ์ ตั้งแต่หลวงพ่อ หลวงพี่ต่างๆ เหล่านี้เป็นต้น จ้ดเป็นสมมติสงฆ์ทั้งหมด พระสงฆ์ในท่ามกลาง หมายถึง พระอริยสาวกที่ใต้ฟังธรรมจากพระ- สมณโคดมสัมมาส้มพุทธเจ้าแล้วใต้ตรัสรู้ตาม บรรลุมรรคผลนิพพานเป็นพระ- โสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี เป็นพระอรหันต์ พระสงฆ์ในเบื้องปลาย หมายถึง สังฆรัตนะ คือ พระธรรมกายที่อยู่ใน กายท่าน พระธรรมกายที่อยู่ในกลางธรรมรัดนะ ที่ทำ หนาที่รักษาธรรมรัตนะ ใส บริลุทธี้ผุดผ่องทีเดียว สิงที่พระองค์ท่านทรงต้องการใหรูจก ไม่เพียงแต่รัตนะทั้งสามอย่าง นี้เท่านั้น แต่ต้องการให้เข้าถึงก็คือพระรัตนตรัยภายใน ไต้แก่ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ที่อยู่ภายในนี้ นี่คือสิงที่ท่านอยากให้เข้าถึง เพราะ เข้าถึงแล้ว จึงจะไต้เป็นที่พึ่งและที่ระลึกให้กับต้วของเราเองไต้ ถ้าทุกคน ไต้เข้าถึงพระรัตนตรัยที่มีอยู่ภายในต้วแล้ว สันติสุขที่แห้จริงของโลกก็จะ บังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน การที่ทุกคนในโลกปรารถนาอยากจะให้โลกเกิดสันติสุขที่แท้จริงนั้น ความปรารถนานี้สามารถเป็นความจริงใต้ ใม่ใช่เป็นความเพ้อฝันเลื่อนลอย เพราะว่าพระรัดนตรัยนั้นมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน ถ้าหากใครใต้เข้าถึง พระรัดนดรัยภายในแล้ว เขาจะมีชีวิตใหม่ที่สดใสบริสุทธี้ผุดผ่อง เป็นผุ'รั ผุ้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว เขาจะมีความคิดที่แตกต่างใปจากเดิม คำพูตและการกระท่าที่ แตกต่างใปจากเติม มีแต่ความปรารถนาดีต่อเพี่อนมนุษย์อย่างแท้จริง ใม่ใช่ ปากพูดอย่าง ใจคิดอีกอย่าง พระรัตนตรัยนี้เป็นของจริงที่อยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน ของจริงนั้นตัองคู่กับคนจริง ถ้าท่าจริงก็จะเข้าถึงใต้แน่นอน ถ้าหากปฎิบิติตาม พุทธวิธีที่ใต้แนะนำเอาใว้ จะใต้รู้แจ้งเห็นจริง หมดความสงสัยในพระรัตนตรัย บัณฑิตควรจะพิสูจน์โดยลงมีอปฏิบัติต้วยต้วเอง ใหัรู้แจ้งเห็นจริงใป www.kalyanamitra.org f\"'\\ f ๑๕'

ตามความเป็นจริง พระส้มมาส้มพุทธเจ้าเมื่อได้บรรลุพระสัมมาส้มโพธิญาณ ทรงเปล่งอุทานว่า ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมมา อาตาปีโน ฌายโต พราหฺมณสฺส อถสุส กงขา วปยนฺติ สพฺพา ยโต ปซานาติ สเหตุธมฺมํ \"เมื่อใด ธรรม'ท^งหลายปรากฏแก'พราหมณ์ ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่ เมื่อใfนความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์ ย่อมสิ้นไป เพราะมารู้ชัดในธรรม พร้อมทั้งเหตุ\" ธรรมกายเป็นของจริงที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนา และมือยู่ในตัว ของพวกเราทุก ๆ คน ควรที่เราจะพิสูจน1ห้เข้าถึงของจริงที่อยู่ภายในตัว ของเรา ผู้ที่ยังไม่รู้จักธรรมกายมีอยู่ ๒ ประเภท คือ ผู้ที่ไม่ได้ปฏิบต คือผู้ไม่ได้ ศึกษาและลงมีอปฏิบ้ตึธรรมกันอย่างจริงจัง จึงไม่ทราบว่าธรรมกายนั้นมีอยู่จริง เมื่อไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น จึงกล่าวแบบผู้ไม่รูไม่เห็นกันไปต่างๆ นานา อีกประเภทหนึ่ง คือผู้'ที่ลงมีอปฏิบ้ดแล้วแต่ทาไม่ได้ เพราะปฏิบ้ติไม่ถูก วิธี หรือบางพวกรู้วิธีการหมดแล้ว แต่ขาดความเพียร ทำไม่ต่อเนึ่อง จึงไม่รู้จัก และไม่เข้าใจเรื่องธรรมกาย ซึ่งเป็นหล้กที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา พระส้มมาส้มพุทธเจ้าไตัตรัสไว้ว่า \"ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เรียก ผู้เรียนมามากหริอผู้พูตมาก ว่าเป็นผู้ทรงธรรม ส่วนผู้ใดเรียนคาถาแม้ เพียงบทเดียว แล้วแทงตลอดในธรรมทั้งหลาย ผู้นั้นซึ่อว่าเป็นผู้ทรงธรรม\" ตังนั้น เราจะเห็นว่าลำพังความรูในทางปริยัติเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่เพียงพอ เราต้องนำความรู้เหล่านั้นมาปฏิบัติให้บรรลุผลด้วย เพราะ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการปฏิบัติ ถ้าเราเข้าถึงธรรมกายได้เมื่อไร ความ สงสัยทั้งปวงก็จะสิ้นไป จากผู้ไม่รู้ก็จะกลายเป็นผู้รู้ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ สามารถรู้แจ้งได้ด้วยธรรมกาย ถ้าทุกคนลงมีอปฏิบ้ติอย่างจริงจัง ทำอย่างถูก วิธีและมีความสมื่าเสมอก็จะสามารถเข้าถึงได้ทุกคน และเมื่อนั้นเราก็จะได้ชื่อ ว่าเป็น \"ผู้ทรงธรรมอย่างแท้จริง\"... วันอาทิตย์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.เอ๕<ร:๒ .f \\ www.kalyanamitra.org ๑๖ ไ

เข้าถึงที่พึ่งภายใน ชืวิตจึงจะปลอดภัย ...การทำพระนิพพานให้แจ้ง เปีนภารกิจอันยิ่งใหญ่ของพวกเราทุกคน และของมวลมนุษยชาติ เปีนสิ๋งที่ประเสริฐยิ่งกว่าการได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เสียอีก เพราะการเป็นพระเจ้าจักรพรรติแม้จะดีเลิศประเสริฐเพียงใดก็ตาม มี www.kalyanamitra.org ๑๗

อำนาจปกครองในทวีปทั้ง ๔ ก็ยังไม่พ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่พ้นจาก วัฏสงสาร ไม่พ้นจากการบ้งค้บบัญชาของพญามารที่เอากิเลสอาสวะคือ ความโลภ ความโกรธ ความหลงมาห่อหุ้ม มาบังค้บบัญชากันมายาวนานทีเดียว การจะหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี๋ได้ก็มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ก็คือ ทำ ใจให้ หยุดนิ่งอยู่ที่ดรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ใจต้องมาหยุดมานิ่งอยู่ที่ตรงนี้ให้ได้ ดลอดเวลา แล้วก็ต้องหมั่นปรารภความเพียรในทุกอิริยาบถหยุดนิ่งอยู่ดรงนี้ ที่ ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เปีนที่เดียวที่พญามารบังคับบัญชาไม่ไต้ พระผู้มีพระภา๑เจ้าท่านได้ตรัสเตือนพวกเราเอาไวิในอุฏฐานสูตร ว่า \"เธอทั้งหลายจงลุกขึ๋นทำความเพียรเถิด จะได้ประโยชน์อะไรด้วย ความหลับ เพราะความหลับไม่เป็นประโยชน์แก่เธอผู้เร่ารัอนด้วยกิเลส มีประการต่างๆ ถูกลูกศรคือราคะเสิยตแทงแลัวย่อมย่อยยับ เธอทั้งหลาย จงทำความเพียรเพื่อสืกษาสันตืเถิด ม้จจุราชอย่ารู้เลยว่าเธอทั้งหลาย เป็นผู้ประมาทแล้ว ฉะนั้นเราก็จะด้องหมั่นปรารภความเพียรอย่าประมาท ก้น เพียรทำใจให้หยุดนิ่งเพื่อสืกษ•าสันติคือความสงบ...\" บัณฑิตในกาลก่อนท่านรู้คุณค่าความสำคัญของศูนย์กลางกาย ไม่ว่าจะ ทำ ภารกิจอ้นใดก็ตามก็จะสืกฝนใจให้หยุดนิ่งควบคู'ไปด้วย จึงทำให้ประสบ ความสำเร็จในซีวิดทั้งทางโลกแล้วก็ทางธรรม ทางโลกก็ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ทาง ธรรมก็เป็นชีวิดที่ลมบูรณ์ถึง ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์ บัณฑิตในกาลก่อนนั้นท่านให้ เศรษฐกิจกับจิตใจไปต้วยกัน ร เหมือนอย่างมหาอุบาสิกา ^ ท่านหนึ่งที่ไต้อุป็ฏฐากดูแลพระภิกษุ คอยให้การสนับสนุนเรื่อง ^ ป้จจัย ๔ ไม่ให้ท่านต้องเดือดร้อน ในการแสวงหา พระภิกษุสงฆ์ น์ ท่านจะได้เอาเวลามาประพฤดิ 0 www.kalyanamitra.org

ปฎิบ้ตธรรมได้อย่างเต็มที่ ว้นหนึ่งมหาอุบาสิกาได้นำนํ้าปๆนะมาถวายพระ แต่พอมาถึงมองไม่ เห็นพระสักรูปก็สงส้ยจึงเคาะระฆ้ง พระท่านก็เดินออกมาก้นคนละทิศคนละทาง อุบาสิกาก็ถามว่าพระคุณเจ้าทะเลาะก้นหรือเปล่าถึงไม่อยู่ด้วยก้น พระท่านก็ ตอบว่า ไม่ได้ทะเลาะก้นหรอกโยม แด่ว่าแยกย้ายก้นไปบำเพ็ญภาวนา มหาอุบาสิกาเป็นคนมีบุญมีปัญญาก็ถามว่า แล้วอย่างโยมที่ด้องทำมา หากินด้วยนี่ จะบำเพ็ญภาวนาด้วยไดไหม พระท่านก็บอกว่าได้สิ เป็นสิ่งที่ดีมาก จะทำให้ชีวิตสมบูรถโ ทั้งภายนอกและภายใน เวลาประกอบภารกิจการงานก็ให้ ประคองใจให้หยุตนึ่งๆ ไปด้วย ใจที่สงบหยุตนึ่งเขาเรืยกว่าสันติ เมื่อเข้าถึง สันติ ไม่ข้าก็จะเข้าถึงนิพพาน ให้โยมหมนทำทุกวันเถอะแล้วจะสมหวัง มหาอุบาสิกาก็เชื่อฟังพระ กสับไปที่บ้านก็ไปทำตามที่ท่านสอน งาน ภายนอกก็ทำไปตามปกติ งานภายในก็หยุดนึ่งไปด้วย ภายนอกเคลื่อนไหวแต่ ภายในนั้นหยุดนึ่ง ในไม่ข้าก็ได้บรรลุธรรมกาย พอบรรลุแล้วก็เกิดธรรมจ้กชุ เกิดญาณท้สสนะ เกิดวิชชาสามารถรู้วาระจิตของผู้อื่นได้ พอพระปรารถนา อะไรก็เอาสิ่งนั้นมาถวาย ท่านอยากฉันอะไรก็จ้ตอาหารหวานคาวที่ถูกปากมา ถวายท่าน เป็นโยมอุปัฏฐากที่รู้ใจพระทีเดียว ทำ ให้พระท่านได้รับความสะดวก สบาย เมื่อทุกอย่างเป็นสัปปายะ พระก็ทำภาวนาได้ดี หยุดนิ่งได้ละเอียด ใน ที่ลุดก็ได้บรรลุธรรมกายอรหัตเป็นพระอรห้นต์ก้นหมดทุกรูป มหาอุบาสิกาก็ได้ บุญใหญ่เพราะได้ทำบุญก้บเนื้อนาบุญอ้นเลิศ เพราะฉะนั้น ชีวิตในระดับ ๒๐๐ เปอร์เซ็นต์ ดีอย่างนื้ เป็นชีวิตที่ดีเลิศสำหรับตัวของเราเองและพระพทธศาสนา เป็นชีวิตที่ดีเลิศสำหรับชาวโลก นึ่ถ้าหากว่าลูกทุกคนทำได้อย่างมหาอุบาสิกา ท่านนื้ พระพุทธศาสนาของเราก็จะเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่านื้อีกหลายๆ เท่าทีเดียว ชาวโลกก็จะได้รับประโยชน์จากพระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา มีอุบาสิกาท่านหนึ่งปฎิบํตธรรมสมาเสมอทุกวัน หลวงฟอก็ถามว่านั้ง www.kalyanamitra.org s

ธรรมะเป็นย้งไงบ้าง เธอก็บอกว่าไม่ก้าวหน้าอะไรเลย นั่งแล้วไม่มีต้วตนเหมือน ไม่มืร่างกาย ม้นโล่ง มันกว้างสบาย แล้วก็แปลก แปลกมากทีเดียว ทำไมเรา เห็นได้ทุกทิศทุกทาง ตอนที่ใจมันโล่งๆ ไม่มืด้วตน หลวงพ่อก็บอกว่านั่นละ ก้าวหน้าแล้วแต่เราไม่รู้ว่าก้าวหน้า แล้วเธอก็บอกอีกว่า ถ้าก้าวหน้ามันด้องเห็นอะไรอย่างที่คนอื่นเขาเห็น เช่น เห็นดวง เห็นองค์พระ แต่นี่ไม่เห็นอะไรเลย ก็ถามว่าแต่เดิมน่ะนั่งเป็นยังไง แต่เดิมมันนั่งมืตๆ เมื่อยๆ แต่ตอนนี้มันโล่งแล้วก็เห็นรอบด้ว ก็บอกว่านั่นแหละ ก้าวหน้าแล้ว แต่การที่เราจะเห็นดวงธรรมหรือเห็นองค์พระนั้นมันด้องละเอียด กว่านี้ไปอีก ตอนนี้เธอละเอียดไปได้ ๙๘ เปอร์เซ็นต์ ขาดอีก ๒ เปอร์เซ็นต์ ก็จะครบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว เธอก็ถามว่าแล้วจะทายังไงให้ครบร้อย ก็ทำ หยุดทำนิ่งต่อไป เพราะ เธอเริ่มด้นถูกด้องแล้ว หยุดนิ่งอย่างนั้นแหละจนกระทั่งมาสู่ภาวะที่โล่ง กว้าง และว่าง ไร้ด้วตน เห็นได้รอบตัวในระดับหนึ่งแล้ว ให้นิ่งอย่างนั้นต่อไปอีก นิ่ง ไปเริ่อยๆ ถ้านิ่งถูกส่วนเข้ามันก็กว้างหน้กเข้าหน้กเข้า ใจจะตกศูนย์วูบเข้าไป ข้างใน มันจะวูบลงไปเหมือนหล่นลงไป เหมือนหล่นจากที่สูงลงไปข้างล่าง แต่ จริงๆ หล่นเข้าไปสู่กลางต้ว เข้าถึงตวงธรรมภายในจะเห็นเป็นดวงใสๆ ที่มือยู่ดั้งเดิมเป็นดวงเล็กๆ อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางก็ขนาดพระจ้นทร็ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน จะขนาดไหนก็แล้วแต่นั่นละเป็นจุด เริ่มด้นที่ถูกด้องเรียกว่าปฐมมรรค เป็นดวงปฐมมรรค เป็นธรรมคือความ บริสุทธี้เบื้องด้น เป็นด้นทางไปสู่อายตนนิพพานภายในไปสู่ดรงนั้นแหละ เป็น ตวงใสๆ นิพพานจะเป็นอัตตาหรืออน้ตตาก็รู้ก้นเองตอนที่เข้าถึงนั่นแหละ ว่าเป็นอัตตาหรือว่าเป็นอนัตตา จะรู้ได้ด้วยการปฏิบัติโดยเข้าถึงจุด เบี้องด้นคือปฐมมรรคเสียก่อน ถ้าไม่ถึงตรงนึ๋ใปไม่ถูกไปไม่ได้ เพราะว่า ๒๐ www.kalyanamitra.org

ยังไม่ถูกต้อง ทางที่จะไปส่อายตนนิพพานภายใน อายตนนิพพานที่ พระพุทธเจ้าท่านตร้สว่ามือยู่ ไม่ใช่ดิน ไม่ใช่นํ้า ไม่ใช่ลม ไม่ใช่ไฟ นี่มือยู่ ข้างในนั่นแหละ อายตนนิพพานนั่นมือยู่ เป็นอะไรก็ไปดูกันเอง รู้ไต้ด้วย ตัวเองเป็น!โจจัดดัง เพราะฉะนั้น ใจให้นิ่งๆ และถ้าถูกทางก็จะเข้าถึงดวงธรรมใสๆ ถ้าถึง ตรงนี้แล้วก็จะถูกทาง พอถูกทางสายกลางซึ่งมีสายเดียว สายเดียวเท่านั้น แหละรูใด้ยังไง รูใด้ตอนที่ใจหยุดแล้วม้นเห็น มีอยู่สายเดียวอยู่ดรงกลางนั้นแหละ กลางดวงธรรมดวงนั้น เข้ากลางดวงนั้นเรื่อยไปเลย จะเห็นทางสายกลาง ภายในเป็นทางเดินของพระอริยเจ้า และเราก็จะเห็นกายในกาย เห็นเวทนาใน เวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม จนกระทั่งเห็นธรรมกายในธรรมกาย ตั้งแต่ธรรมกายโคตรภู ธรรมกายพระโสดาบัน ธรรมกายพระสกิทาคามี ธรรม กายพระอนาคามี ธรรมกายพระอรหัดซ้อนๆ กันอยู่ทีเดียว เป็นกายในกาย เป็นกายธรรมในกายธรรมซ้อนกันอยู่ ในกลางนั้นก็มีเวทนาในเวทนา มีจิตในจิต มีธรรมในธรรมซ้อนกันอยู่ตรงนั้นแหละ อย่างนี้จึงจะถูกทาง ที่พึ่งที'ระลึกของเราอยู่ในกลางตัวของเรา เราจะตัองประกอบความ เพียรให้ถูกวิธีให้ถูกส่วนจึงจะเข้าถึงได้ ถึงได้เมื่อไหร่ก็หายสงสัยเลิกทะเลาะก้น เลิกเถียงก้นเรื่องอัดตา เรื่องอน้ตตา เพราะว่าได้เข้าถึงแล้ว ที่ยังเถียงก้นอยู่เพราะยังเข้าไม่ถึง เพราะฉะนั้นด้องพยายามธีเกใจให้ หยุดให้นิ่งๆ และจะเข้าถึงสิ่งที่มีอยู่ในตัวของเรานี่แหละ ไม่ใช่เรื่องนอกตัว ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล ไม่ใช่เรื่องพอดีพอร้าย เป็นเรื่องสำด้ญสำหร้บชีวิตของเรา ทีเดียว ชีวิตของเราที่จะมีสุขมีทุกข้ก็ด้วยตัวของเรา จะไปดกนรกขึ้นสวรรค์ก็ ตัวของเราน่ะ คนอื่นไม่เกี่ยวนะ เพราะฉะนั่น ต้องแสวงหาที่พึ่งที่ระลึกภายในให้ไต้ ชีวิตจึงจะ ปลอดภัยทั้งใน!โจจุบัน ทั้งกัยในอบายภูมิและภัยในสังสารวัฏ กัาเข้าลึง ธรรมกายถึงที่พึ่งภายในไต้แล้ว หนทางที่จะไปสู่อายตนนิพพานก็ใกล้ เข้ามา 1 ๒๑ ^ www.kalyanamitra.org

มหาทานบารมีช่วยส่งเสริมการสร้างบารมีอื่นให้บริบูรณ์ การสร้างมหาทานบารมีนี้มีความจำเป็นมากทีเดียว เพราะว่าจะเป็น เสบียงที่จะส่งเสริมให้เราได้สร้างบารมีอื่นได้ครบถ้วนบริบูรณ์ หลวงพ่อได้อ่าน ในพระไตรปีฎก ได้พบความแปลกและแตกต่างก้นของการเป็นพระอรหันต์เข้าสู่ อายตนนิพพาน เป็นเรื่องที่ชวนคิดทีเดียว เรื่องก็มีอยู่ว่า มีพระอรหันต์บางองค์ก่อนจะเป็นพระอรหันต์ ท่านก็ทำความเพียรด้วย ความยากลาบาก ลำ บากมากแม้บวชเป็นพระแล้ว ไปบิณฑบาตก็ไม่ค่อยได้อาหาร ด้วผอมสะพรื่งไปด้วยเส้นเอ็นทีเดียว จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่นิพพาน พระสารีบุตรท่านด้องมาโปรด ท่านไปบิณฑบาตเอามาให้ พระสารีบุตรท่านก็ จับบาตรชองท่านเอาไร้ ด้วยอานุภาพแห่งบุญชองพระสารีบุตร ทำ ให้ภิกษุ รูปนั้นได้มีอาหารชบฉันในวันสุดท้ายก่อนจะด้บข้นธปรินิพพาน ก่อนเข้าสู่ อายตนนิพพาน อิ่มเป็นมื้อสุดท้ายด้วยบุญของพระสารีบุตร ก่อนหน้านี้ก็อตอยากลำบากเรื่อยมา เพราะไม่ได้สร้างมหาทานบารมี ไม่ให้ด้วยด้วเองยังไม่พอ ยังห้ามคนอื่นไห่อีก แม้บารมีมากพอที่จะเข้านิพพาน ยังอดอยาก แต่มีพระอรหันต์อีกองค์หนึ่งนี่น่าอัศจรรย์ ตอนเป็นฆราวาสท่านได้ สมบ้ตจักรพรรติตักไม่พร่อง วันที่ขึ้นบ้านใหม่พอโผล่ไปหลังบ้านก็เห็นภูเขาทอง ผุดขึ้นมาจากแผ่นดินสูงไปถึง ๘๐ ศอก หรือ ๔๐ เมตร ก็ขนาดสูงกว่า ธรรมกายเจดีย์ชองเราไปอีก ๗ เมตรกว่า ท่านก็เสวยสุขด้วยสมบ้ติที่ตักไม่พร่อง ภูเขาทองมีจอบเพชรด้ามทองเอาไร้อย่างนั้น ท่านก็แจกจ่ายทองของท่านที่ตัก ไม่พร่อง รวยจนเบื่อ ท่านชื่อชฎิลเศรษฐี พอเบื่อแล้วก็อยๆกบวช ก่อนบวชก็ส่งคนไปสืบดูว่ามีใครรวยเท่าเราไหม เพราะว่าตัวเองก็คิดว่าเราก็รวยที่สุดแล้ว เพราะสมบ้ตตักไม่พร่อง แต่เมือส่ง ไปสืบมาแล้วปรากฏว่ามีรวยเท่าก้นอีก ๒ ท่าน ได้สมบ้ติจักรพรรติอีก ๒ ท่าน คือท่านเมณฑกเศรษฐีและท่านโชติกเศรษฐี ยิ่งพอรู้ว่ามีคนรวยเท่าก้บท่านนั้น ก็เลยนึกคิดว่า ป่วยการที่เราจะครองสมบ้ตจักรพรรติ บวชดีกว่า พอออกบวช la)Is ^ www.kalyanamitra.org

แล้วก็เป็นพระอรห้นต์ เพราะฉะนั้น นี่ก็เป็นหนทางที่เรา 2m เท่าไรก็ไม่หมดสักที แล้วก็ออกบวช นี่ก็เป็นทางเลือกของเรา พระอรหันต์บางองค์นี่ไปสำเร็จอยู่ในปากเสือ เสือเคี้ยวกินตั้งแต่ฝ่าเท้า เรื่อยมา พอถึงตาตุ่มก็เป็นพระโสดาบัน กินเรื่อยมาเลยถึงครึ่งแข้งก็เป็นพระ สกิทาคามี พอถึงหัวเข่าก็เป็นพระอนาคามี กินเรื่อยมาเลยจนกระทั่งเลยหัวเข่า ชื้นมาก็เป็นพระอรหันต์เข้าสู่นิพพานในปากเสือ หรือว่าเราจะเป็นพระอรหันต์ประเภทฟังธรรมบรรทัดเดียวประโยคเดียว แล้วก็เข้านิพพาน หรือแค่มีดโกนจรดปอยผม ปลงผมหมดศีรษะอย่างพระสืวสื ซึ่งเป็นผู้เลิศต์วยลาภ พอปลงผมหมดศีรษะก็เป็นพระอรหันต์ ชีวิตของท่าน อุดมไปด้วยลาภ ไปในถิ่นทุรก้นดารที่ใดแม้ทะเลทรายก็อุดมลมบูรณ์ด้วย อานุภาพมหาทานบารมีที่ท่านได้สั่งสมเอาไว้ ลูกทุกคนก็มีสิทธิเลือกเอาว่าเรา จะไปสู่ที่สุดแห่งธรรมของเราประเภทไหน ก็ใข้ดวงปัญญาพิจารณาเอานะลูกนะ แต่หลวงพ่อเชื่อว่าลูกทุกคนนี่แหละ จะไปแบบท่านชฎิลเศรษฐี มี สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง ใช้จนเบื่อแล้วก็เข้าลู่นิพพาน หรือจะไปแบบพระ สีวลี ปลงผมเสร็จก็เข้าลู่นิพพาน อุดมไปด้วยทรัพย์ โภคทรัพย์สมบัติ หลวงพ่อเชื่ออย่างนั้นเพราะว่าลูกทุกคนได้ประกอบเหตุในสิ่งที่ดี ยากที่ใครๆ จะทำได้ ทั่งทำด้วยตนเองแล้วก็ชักชวนคนอื่นเขาท้าด้วย... วันอาทิตย์ทื ๑๒ ปีนาคม พ.ศ.๒๕ร:๓ www.kalyanamitra.org ^๒ctN

?ช^ ความสุขจากใจหยุดใจนิ่ง ยิ่งกวาความสุข\\ด ๆ ...สิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสารใfนผูกพันอะไรเราไม่ได้ แม้แด่ร่างกายของ เราณซ่นเดียวกันแค่เป็นที่อาศ้ย อาศัยสำหรับสร้างบารมี อาศัยเป็นที่ตั้งของใจ ที่จะเดินทางเข้าไปสู่ภายใน เพราะฉะนั้นกายนี้ก็เป็นที่อาศัยอยู่ชั่วคราว สิงที่เป็นสมบ้ติของเราจริงๆ ก็มีแค'ใจ คือความเห็น ความจำ ความคิด ความรู้ ๔ อย่าง แล้วก็ที่ดั้งของใจ ที่ดั้งของใจที่ถาวรเป็นจุด เริ่มต้นที่ถูกต้อง คือเริ่มตรงนี้แล้วถูกต้อง มีใจ มีที่ดั้งของใจเป็นสมบ้ติ ของเราเท่านี้น ที่ดั้งของใจที่ถาวรนั้นน่ะ อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ^๔^ www.kalyanamitra.org

ใครเอาใจมาดั้งอยู่ตรงฐานที่ ๗ ให้ใต้ตลอดเวลา กระแสธารแห่งบุญ กระแสธารแห่งความบริสุทธก็จะบังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เราจะเป็นผู้มีบุญ มีบารมี มีความบริสุทธิ้บังเกิดขึ้นทีเดียว และบังจะนำให้เราเข้าไปถึงแหล่งของ ปัญญาบริสุทธิ้ ที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายได้ ที่จะทำให้เรา เข้าใจแจ่มแจ้งในชีวิด ในสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย ปัญญาบริลุทธึ๋จะเกิดขึ้น เมื่อใจหยุดอยู่ตรงฐานที่ ๗ แยกสิ่งที่เป็นสาระกับสิ่งที่ไม่เป็นสาระออกได้ สิ่งที่ไม่เป็นสาระจะตกอยู่ในไตรสักษถเ คือมีคุณสมบัติไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอน้ตตา ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง แยกออก อันไหนตัวตน อันไหนไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่แปลว่าไม่มีตัวตน ไม่ใช่ตัวตน แยกออก จะเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นสิ่งของ อะไรต่างๆ แยกได้ แสัวก็จะมุ่งเข้าไปหาสิ่งที่เป็นสาระแก่นสารของ ชีวิต มีความบริสุทธิ้ล้วนๆ เป็นแหล่งกำเนิดแห่งปัญญา แห่งความบริสุทขึ้ เป็น แหล่งกำเนิดแห่งความสุข สุขที่ไม่มีที่สิ้นสุด สุขที่คงที เป็นเอกันดบรมสุข สุขอย่างเดียว ที่เป็นอิสระจากกิเลสจากอาสวะ คือกิเลสอาสวะจะบังตับบัญชา ให้โลภ ให้โกรธ ให้หลง ให้เปลี่ยนแปลงเป็นนั่นเป็นนี่ ให้ทุกข์ทรมานอะไรไม่ไตั เลย จะคงที่ เป็นสุข และเป็นอิสระ ความเป็นอิสระนี่แหละคือ ความปรารถนาของพระพุทธเจ้า พระ- อรห้นต์ทั้งหลาย ท่านปรารถนาจะเป็นอิสระจากการบังคับบัญชาของกิเลส อาสวะของความโลภ ความโกรธ ความหลง ยิ่งใจบริสุทขึ้เท่าไรก็ยิ่งมีความสุข ยิงเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แล้วเราจะรูได้อย่างไร รูได้เมื่อใจเราหยุดนิ่งๆ หยุดนี่งที่ศูนย์กลางกายดรงฐานที่ ๗ ประการแรกใจจะเป็นอิสระจากความคับแคบ ความอึดอัด คือเวลาใจ เราอยู่กับกายมนุษย์หยาบอย่างนี้ จะอึดอัด ตับแคบ เซ็ง เครียด เบื่อ กลุ้ม ไม่ค่อยได้ตังใจ กระสับกระส่ายทุรนทุราย แต่พอใจไปหยุดอยู่ตรงกลางกายฐาน ที่ ๗ ใจจะหลุดพ้นจากกายหยาบ ความรู้สึกว่ามีตัวตนก็หมดไป เหมีอนไม่มี ร่างกาย เหมีอนเราเป็นอิสระ เป็นหนี่งเดียวกับบรรยากาศ เป็นบรรยากาศแห่ง ความบริสุทธ ที่มีความเบาสบาย เบาสบายทั้งร่างกายและจิตใจ www.kalyanamitra.org ; ๒๕ :

จนกระทั่งถึงจุดๆ หนึ่ง เห็นดวงใสบริสุฑธี้ ผุดเกิดขึ้นมาในกลาง ของการหยุดนึ่ง ดรงฐานที่ ๗ ตรงนั้น อย่างเล็กก็ขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางก็ขนาดพระจ้นฑรในคืนว้นเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ ยามเที่ยงวัน เป็นดวงใสๆ บริสุฑธี้เกิดขึ้นมาดรงกลาง แล้วก็ยิงเรานึ่ง เข้าไปเรื่อยๆ เราก็จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวก้บดวงธรรมภายใน นึ่งเป็น จุดเริ่มด้นแห่งความบริสุทร ความบริสุฑธี้จะรูได้เมื่อเข้าไปถึงดวงธรรมดวงนี้ครั้งแรก แล้วเราจะ เห็นสัญญาณแห่งความบริสุทธี้หรือนิมิตหมายแห่งความบริสุทธี้ จะเป็นความใส ก้บความสว่างของดวงธรรม ยิ่งใสมาก สว่างมากก็ยิ่งบริสุทธี้มาก ยิ่งบรืสุทธี้ มากเท่าไร ใจก็ยิ่งเป็นอิสระมากขึ้น แล้วก็มีความสุขมากขึ้น เราจะเริ่มเข้าใจ อะไรต่างๆ ไดไปตามความเป็นจริงมากขึ้นกว่าเดิม เดิมเข้าใจว่าเท่านี้แต่พอถึง ดรงนี้เข้าใจมากกว่า เข้าใจจนยอมร้บว่ากายมนุษย์หยาบนั้นไม่ใช่ตัวจริง ไม่ใช่ ตัวเรา แล้วก็ไม่ใช่ของๆ เรา ความผูกพ้นในตัวของกายมนุษย์หยาบและสิ่งที่เนื่องกับกายมนุษย์หยาบ เป็นสมบ้ตพ้สถานลาภยศอะไรก็แล้วแต่ ก็เฉยๆ เริ่มเข้าใจแจ่มแจ้งว่าไม่ใช่ ตัวเรา ไม่ใช่ของๆ เรา อาศ้ยชั่วคราว เมื่อเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดก็จะเป็น อย่างนี้นะ แล้วก็จะเป็นไปในทำนองอย่างนี๋ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงกายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม กระทั่งถึงกายธรรม คือถึงกายที่อย่ในภาคแห่ง ความเป็นสาระแก่นสาร เป็นกายที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคือ ทรงรูปอย่างนี้ก็ เป็นอย่างนี้ ใส บริสุทธี้เป็นแกัว งามไม่มีที่ดิ ใสเกินใส สวยเกินสวย ประกอบ ไปด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ เกตุดอกบวตูม สงบ ตั้งมั่น บริสุทขึ้คงที่ เป็นแหล่งกำเนิดของความสุขที่แท้จริง สุขที่บริสุทขึ้ ซึ่งแตกต่าง จากความเข้าใจของมนุษย์ สุขแบบมนุษย์ สุขแบบมนุษย์ก็คือความเพลิน ความสนุกสนาน แล้วก็มีความทุกข์เจือ ปนกันอยู่ในนั้น แต่นื่มีแต่ความสุขสะอาดบริสุทธิ้เป็นอิสระกว้างขวางทีเดียว ไม่คับแคบ มีความเบิกบานเป็นนิจ ความเคลื่อนไหวที่อยู่ในกายที\"นิ่งสงบ f ๒๖ๆ www.kalyanamitra.org

เหมือนมีพล้งที่อัดแน่นเต็ม พลังแห่งความบริสุทธิ้อยู่ในกายที่นิ่งสงบ ปากปิด สนิท ไม่ได้ทำกิจแบบมนุษย์ สงบนิ่งตั้งมั่น ธรรมกายเปีนอย่างนี้ แล้วก็มืปัญญา ความรอบรู้อะไรต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องของชีวิตได้แจ่มแจ้งขึ้นมากทีเดียว จนกระทง เป็นเครื่องยืนยันว่าจะไปสู่ความบริสุทธิ้ที่ยิ่งขึ้นไป จนกว่าจะหลุดพ้น จากกิเลส อาสวะอย่างแท้จริง นี้เป็นอย่างนี้นะ คำ ว่า \"นตถิ สนฺติปริ สุฃํ สุขอื่น นอกจากหยุดนิ่งไม่มี\" คือ ความสุขที่เกิดจากหยุดนิ่งนั้นมากยิ่งกว่าความสุขใด ๆ ทั้งสัน ไม่ว่าจะได้ ดู ได้ดม ได้สัมรส ได้ถูกด้องสัมผ้ส นึกคิดทางใจ อะไรต่าง ๆ เหล่านั้น ยังไม่เท่ากับความสุขที่เกิดจากใจหยุดนิ่ง นี้เป็นเรื่องจริงที่ผู้ที่ได้เข้าถึงได้พิสูจน์แล้ว ยืนยันอย่างนี้ใครที่ยังเข้าไม่ ถึงก็ไปพิสูจน์ ให้เข้าถึงไห่ได้ การไปสู่ที่สุดแห่งธรรมนั้น เป็นสุดยอดแห่งความปรารถนาของผู้รู้ ทั้งหลาย เพราะว่าเราจะไปดับเหตุแห่งความทุกข์ทรมานของสรรพล้ตว์และ สรรพสิ่งทั้งหลาย ไปดับด้นตอกันไปเลย แล้วเราก็จะพ้นจากปาวจากทาสของ พญามารอย่างแท้จริง การที่จะไปอย่างนั้นน่ะไม่ใช่ว่ามีบุญเพียงเล็กๆ น้อยๆ แล้วจะไปได้ ด้องมีบุญยิ่งใหญ่ไพศาลทีเดียว จึงจะมืพล้งพอที่จะเอาชนะพญามารแล้วไปถึง ตรงนั้นได้ ชาตินี้ลำบากแค่ไหนลูกทุกคนก็ทราบดี ลูกที่อยู่ภายในและต่าง ประเทศนี้ คงจะทราบว่าชีวิตการสร้างบารมีของเราชาตินี้น่ะมันลำบากแค่ไหน |!|ดเคืองแค่ไหน ทั้งๆ ที่เรามีห้วใจใฝ่ดีอยากสร้างบารมี แต่อุปกรถnนการสร้างบารมีของเรานี้ ทำให้เราทำไม่ได้ด้งใจปรารถนา เราอยากจะทำให่ได้มาก มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ไม่ให้มือะไรเป็นอุปสรรคเลย แด'เราก็ยังทำอย่างนั้นไม่ไดในชาตินี้ บุญกุศลที่เราทำอย่างสมั่าเสมอรวมทั้ง บูชาข้าวพระนี้นี่แหละ จะทำให้เราสร้างบารมีกันสะดวกสบายมากกว่าชาตินี้ หลายร้อยหลายพ้นเท่าทีเดียว ตั้งแต่มีรูปสมบ้ติที่งดงาม ที่สวยงาม แข็งแรง % www.kalyanamitra.org

ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้ แล้วมีอายุยืนยาวได้สร้างบารมีไปนานๆ มีสมบัติที่คอยรองรับอยู่ สมบัติของผู้มีบุญมาก เขาไม่ต้องทำมา หากิน เขาจะมีสมบัติจ้กรพรรติที่ต้กไม่พร่องไวใช้อยู่ เรื่องนี๋มมาแล้วในอดีต ที่พระสัมมาล้มทุฑธเจ้าทั้งหลาย หรือแม้แต่พระอรหันต์ที่ท่านสั่งสมบารมี ในหลาย ๆ ชาติท่านมีสมบัติจักรพรรติเกิดขึ้น พระสัมมาล้มพุทธเจ้าเหมือนก้น ตอนเสวยพระชาติเป็นพระบรมโพธิสัตว์ มีหลายๆชาติที่ท่านมีสมบ้ติจ้กรพรรติเกิตขื้นไวํใข้สร้างบารมีก้นไป เป็นอุปกรณ์ ในการสร้างบารมีอย่างสะตวกสบาย จนกระทั่งบารมีท่านเต็มเปียม สมบ้ติอย่าง นี้แหละจะบังเกิดขึ้นกับเรา เราจะเป็นเจ้าของสมป้ตจ้กรพรรติที่ด้กไม่พร่อง มี แล้วก็ไม่ตระหนี่ ไม่หลง ไม่ม้วเมา ไม่ผูกพันในสมบ้ติ มีไร้เป็นเครื่องมือสำหรับ การสร้างบารมีเท่านั้น ไม่มีความตระหนี่ ไม่หวงแหน ผู้ที่มีบุญขนาดได้สมปดจักรพรรดิอย่างนี้นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ที่ท่าให้เรามี อุปกรณ์[นการสร้างบารมี แถมมีดวงปัญญาอีก มีทรัพย์แล้วยังใช้ทรัพย์เป็น มี คุณสมปดดีเลิศ ใช้ทรัพย์เป็นให้เกิดประโยชน์ยิ่งๆ ขึ้นไป การจะไปถึงที่สุดแห่ง ธรรมนั้นน่ะไม่ใช่ว่าจะมีมหาทานบารมีอย่างเดียว ยังจะด้องมีบารมีอื่นประกอบ คือศีล เนกช้มมะ ปัญญา วิริยะ ช้นติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขาบารมี อีก ๙ อย่างทีเดียวที่เราจะด้องท่าให้เต็ม รักษาศีลก็ด้องท่าให้บริบูรณ์ ถ้าเราเปิดหม้อข้าว เปิดฝาหม้อแล้วไม่มี ข้าวอยู่ในหม้อ รักษาศีลลำบาก จะด้องไปทำมาหากินเพื่อให้ใด้เงินได้ทองมา เลี้ยงชีพ แล้วโอกาสที่จะรักษาศีลนี่ม้นไม่ง่ายอย่างที่ได้ตั้งใจไร้ แต่ถ้าหากเรามี ทรัพย์สมบูรณ์พร้อมหมด ไม่มีเครื่องกังวลเรื่องทำมาหากิน จะรักษาศีลก็สะดวก จะบำเพ็ญเนกข้มมบารมี ไห่ใจพรากจากเบญจกามคุณ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ ก็ทำง่าย จะรักษาศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ค่อยๆ พราก ไปเรื่อยๆ ห่างไปเรื่อยๆ ก็ทำง่าย เพราะไม่มีเครื่องกังวลในเรื่องการทำมาหากิน เพราะฉะนั้น บารมีอีก ๙ อย่าง รวมแล้วเป็น ๑๐ อย่างนี้น่ะ ๙ อย่าง f๒๘I www.kalyanamitra.org

นั้นจะต้องมีมหาทานบารมีเป็นกำลังสนับสนุน อย่างสำคัญทีเดียว และเมื่อครบ ๑๐ อย่าง แล้วยังไม่พอ ยังต้องทำให้ยิ่งขึ้นไปเป็นอุป- บารมี จากอุปบารมีเป็นปรมัดถบารมี ¥ ยิ่งขึ้นไปตามลำดับ ทั้งหมดล้วนมีมหา A ทานบารมีเป็นพื้นฐาน เหมือนแผ่นดิน ๆ เป็นที่รองรับทุกสิ่ง ต้นหมากรากไม้ภูเขา เลากา มหาทานบารมีก็เป็นประดจแผ่นดิน อย่างนั้นแหละ เป็นที่รองรับของทุกสิ่ง... วันศุกร์ที่ ๑ร} กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕(T๓ www.kalyanamitra.org

หัวใจของผ้เข้าถึงธรรม ...ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นี้สำ คัญมาก เป็นที่เกิด ที่ด้บ ที่หลับ ที่ดื่น และกิเป็นทางไปลู่อายตนนิพพานคัวย รายละเอียดไม่คัองพูดถึง เอา แค่ว่าตรงนี้เป็นจุดเริ่มคันที่จะไปสู่อายตนนิพพาน เป็นจุดเริ่มคันที่ถูกคัองจะ อยู่ดรงกลางกายฐานที่ ๗ เมื่อใจหยุดถูกส่วนเข้าจะเห็นดวงธรรมบังเกิดขึ้นตรงกลางกายฐานที่ ๗ ท่านเรียกว่าปฐมมรรค เป็นจุดเริ่มคันของมรรคผลนิพพานหรือหนทางแห่ง พระอริยเจ้าที่จะเสด็จไปลู่อายตนนิพพาน โดยมีจุดเริ่มคันเป็นดวงใสๆ อยู่ที่ตรงนี้ และกิมีเส้นทางเอกสายเดียวที่บริสุทธี้เส้นเดียวเกิดขึ้นในกลางนี้น ปลายทางกิ เป็นอายตนนิพพาน เป็นที่อย่ของผ้ร้ ผ้ดื่น ผ้เบิกบานแลัว ผ้พ้นจากกิเลส อาสวะแล้ว พญามารบังคับบัญชาไม่ไคั หลุดพ้นแล้ว ปลายทางมีแต่ความสุข ^๓๐^ www.kalyanamitra.org

ล้วนๆ ที่เรียกว่า เอก้นตบรมสุข สุขล้วนๆ บางครั้งท่านก็ใช้คำว่า \"นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง\" สุขเมื่อใจหยุด คือ เกิดความสบายกาย สบายใจ ปลอดโปร่งโล่งใจทีเดียว ท่านใช้คำว่า \"นตฺถิ สนฺติปริ สุขํ สุขอื่น นอกจาก หยุดนิ่งไม่มี\" คือพอใจหยุดแล้วมันก็โล่ง โปร่ง เบา สบาย ใจขยายกว้างขวาง เป็นอิสระ ไม่คับแคบ ไม่อึดคัด ไม่ซึม ไม่เซ็ง ไม่เครียด ไม่เบื่อ ไม่กลุ้ม ไม่โศกเศร้าเสียใจ ไม่คับแค้นใจ ไม่ราพิไรรำพ้น ไม่อาล้ยอาวรณ์อะไรเลย เมื่อใจหยุดนิ่งที่ดรงนี้ ความรู้สึกชนิดนี้จึงจะเกิดขึ้น เขาเรียกว่าความ สุข เป็นสุขเบื้องต้น แต่ถ้าสุขอย่างเดียวยิ่งกว่านี้ เขาเรียกว่าเอก้นดบรมสุข สุขอย่างเดียว เขาใช้คำว่าบรมสุข คือสุดยอดแห่งความสุข สุขคันยิงใหญ่ ทีเดียวอยู่ปลายทาง เพราะฉะนั้นเส้นทางสายกลางภายในที่เริ่มต้นจากดวงใสๆ หรือเรียกว่า เส้นทางแห่งพระอริยเจ้า มีความสุขตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่ง ปลายทาง ไม่มีเส้นทางไหนในโลกนี้หรือโลกอื่นจะมีดวามสุขตั้งแต่เริ่ม เดินทาง และก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงปลายทาง จะไปเที่ยวต่างประเทศ จ้ดฑัวรีไปเที่ยวไหนก็แส้วแต่ เริ่มต้นก็ เหนื่อยเดินทาง นั่งก็เมื่อย ไปถึงปลายทางก็เพลีย กลับมาก็ลีมหมด หรือ จะเดินทางจากโลกนี้ไปสู่ดวงจ้นทร์ ดวงดาวต่าง ๆ เริ่มต้นก็หวาดเลียว กลัวตาย ไปถึงปลายทางก็ไม่มีอะไร กิเลสก็ย้งมีเท่าเดิม ความทุกข์ทรมาน ก็ยังมีเท่าเดิม โลภะ โทสะ โมหะ ยังเท่าเดิมหมด กลับมาก็เท่าเดิม เพราะฉะนั้น เส้นทางนี้ทางเอกสายเดียวที่มีความสุข ตั้งแต่เริ่มต้นจน กระทั่งถึงปลายทาง เป็นเส้นทางที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ทุกคน และสรรพสัตว์ ทั้งหลายต้วย เพราะว่าถ้าไม่ถึงเส้นทางนี้ก็เช้าไม่ถูกช่องทาง จะไม่ร้จ้กความ สุขเลย มีแต่สุกเกรียมก้บสุกไหมั สุขที่มีความหายนะครอบงำ จะสุขในขวด หรือสุขที่ไหนก็ดี นั้นแหละมีความหายนะครอบงำ แต่นี่เป็นสุขจริงๆ เป็นสิ่ง จำ เป็นสำหรับคัวมนุษย์และสรรพลัดว์ทั้งหลาย ถ้ายังเช้าไม่ถึงสุขดรงนี้ ถึงต้นทางดรงนี้ ซีวิดก็ยังไม่ปลอดภ้ย ยังต้อง เดินทางไกลแสวงหาหนทางที่จะเช้าถึงจุดนี้อีก แต่แสวงหาไปถ้าไม่เจอผ้ร้แนะนำ ริ ข่ข่ www.kalyanamitra.org ๓๑

หรือผู้รู้มาบังเกิดขึ้นแล้วไม่แนะนา เราก็ไม่มีวันที่จะเจอ นานๆ จะมีผู้มีบุญสัก ท่านเจอด้วยตัวเอง อย่างพระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านพบด้วยตัวท่านเอง แต่ ท่Iานกผ่านผูรูมาหลายท่าน จ_ะเ^หรูเองเด_ย_ฑ^ิVIเม่|Vเ| ด_v้_ผ•_่านผ_ูพรู_เลย^ย_งV|เมI่^ม เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่รู้ การดำเนินชีวิตก็ผิดพลาด เป้าหมายของชีวิต ก็เบี่ยงเบน เราเกิดมาเจออะไรเราก็ทำกันไปอย่างนั้น มีความทุกข์ทรมานเหมือน กับบรรพบุรุษของเรา ถ้าหากว่าเราเผลอประมาทและไม่ได้เจอกับกัลยาณมิตร ก็จะไปทำสิ่งที่เป็นบาปเป็นอกุศล ก็จะมีวิบากอกุศลกรรม คือความทุกข์ทรมาน ติดดามเราไปอีก ชีวิตก็จะตกตากันเรื่อยไป ตังนั้นมีหนทางเดียวเท่านั้นคือ เราจะตัองทำพระนิพพานให้แจ้ง พระนิพพานนั่นแหละอยู่ในตัวเรา ไม่ได้อยู่ที่ ไหน ไม่ได้อยู่ที่ด้นไม้ ไม่ได้อยู่ที่ภูเขา ไม่ได้อยู่ที่คนสัตว์สิ่งของ แต่อยู่ที่ในตัว ของเรา ถ้าอยู่ในตัวของคนอื่นก็เป็นของเขา ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรา ไม่ช่วยให้เรา ได้พ้นทุกข์ นิพพานอยู่ในตัวของเรา จะเข้าถึงได้เมื่อใจหยุดนิ่ง กิจนี้จึงเป็นกรณียกิจ เป็นสิ่งที่ควรทำ ส่วนการทำมาหากินเพื่อเลี้ยงชีพ ก็เป็นเรื่องที่จะด้องทำควบคู่ กันไป เราจะด้องอาศ้ยปัจจัย ๔ มาเลี้ยงชีวิตเรา เพื่อเอากำล้งหรือเอาความ แข็งแรง ความสืบต่อของการมีชีวิตนี้ มาแสวงหามาทำพระนิพพานให้แจ้ง มาทำหยุด มาทำนิ่ง จนกระทั่งเข้าถึงแผนผังของชีวิตภายใน คือเห็นดวงธรรม เบื้องด้นได้แก่ดวงใสๆ ที่เรืยกว่าปฐมมรรค และก็จะเห็นเป็นชุดๆไป เห็นศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณบัสสนะ ซึ่งมีอยู่แล้วภายในตัวของเรา แล้วก็จะเห็นกายในกาย ตามเห็นกันไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เห็นกายมนุษย์ละเอียดที่ หน้าตาเหมือนตัวเราที่เป็นเจ้าของ ท่านหญิงเหมือนท่านหญิง ท่านชายเหมือน ท่านชาย พอเข้ากลางต่อไปก็เข้าถึงดวงธรรมอีกชุดหนึ่ง พอสุดดวงสุดบัายก็เข้า ถึงกายทิพย์และก็ดำเนินจิตอย่างนี้เรื่อยๆ กระทั่งเข้าถึงกายรูปพรหม อรูปพรหม กายธรรมโคตรภู กายธรรมพระโสดาบัน กายธรรมพระสกิทาคามี กายธรรม พระอนาคามี และกายธรรมพระอรหัต ซ้อนๆ กันอยู่ภายใน มีทั้งหยาบ มีทั้ง ละเอียด ๑๘ กาย เป็นแผนผังของชีวิต www.kalyanamitra.org

การที่จะเข้าถึง ๑๘ กายนั้น จะต้องอาศัยหยุดนิ่งอย่างเดียวเท่านั้น หยุดจนกระทั่งถูกส่วนและหยุดไปเป็นชั้นๆ ดูดเข้าไปเป็นชั้นๆ จึงจะเข้าถึง แต่บางท่านไปเข้าใจว่าการเข้าถึง ๑๘ กายโดยการยกฃื้นมา คือนึกเอากายนั้น ขึ้น นึกเอากายนี้ขึ้น นึกเอากายมนุษย์ละเอียดขึ้น นึกเอากายทิพย์ กายรูปพรหม อรูปพรหม จนกระทั่งเข้าถึงกายธรรม คือนึกๆ ขึ้นมา อย่างนี้เรียกว่าขอถึง ๑๘ กาย ย้งไม่เรียกว่าเข้าถึง ๑๘ กาย การเข้าถึงจะต้องหยุดเข้าไปเรื่อยๆ แล้วก็ละเอียดไปตามลำดับ จนกระทั่ง หลุดจากสิ่งหนึ่งเข้าไปถึงอีกสิ่งหนึ่ง หลุดจากกายหยาบจึงเข้าถึงกายละเอียด หลุดจากกายละเอียดเข้าถึงกายทิพย์ เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นอ้น หนึ่งอ้นเดียวก้นกับดัวของเรา และก็ไม่ใช่แบบชะโงกมองเหมือนยกเถาปีนโดขึ้น มาอย่างนั้น ยกทีละเป็นเถาปีนโต ๑๘ กาย อย่างนี้เรียกว่า ๑๘ กายขอถึง แต่ ข้อดีก็คือมันไม่ฟังไปคิดเรื่องอื่น คิดถึง ๑๘ กายเหมือนยกเถาปีนโดก็ยังดีกว่า แต่ก็ยังไม่ใช่ ต้องหยุดเข้าไปเรื่อยๆ หยุดไป หลุดไป ไปเรื่อยเลย หลุดเป็นชั้นๆ การหลุดก็รู้ว่าหลุด เรียกว่าวิมุตติ และก็วิมุตติญาณท้สสนะ คือหลุด จริงๆ เหมือนเรากระโดดข้ามศันคูจาก&งนี้ไปถึง&งโน้น หลุดจากfiงนี้แล้ว เข้าถึงฝังโน้น ดวงธรรมก็ดี กายภายในก็ดี ๑๘ กายต้องเป็นชั้นๆ อย่างนี้ ไม่ใช่ยกเป็นเถาปีนโตก้นขึ้นมา คือนึกขึ้นมาเป็นชุดๆ เพราะฉะนั้นทำให้ถูก หลักวิชชา อ้นนี้พูดหมายถึงผู้ที่กำลังทำแบบนี้ ไม่ไต้หมายถึงผู้ที่มาใหม่ หรีอ ผู้ที่ทำ เป็น เพราะบางคนไปเข้าใจว่าเป็นอย่างนี้ แต่ว่าทำบ่อยๆ ไปเถิดทำไป เรื่อยๆ พอหายเหนื่อย หายลุ้นก็จะเข้าถึงจริงๆ จะมีลุขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สบาย แล้วก็บริลุทธิ้ จิตจะบริลุทธึ้เพิ่มไปเรื่อย ความอยากเต่น อยากดัง อยากให้ คนเขาชม อยากให้เขารู้ว่าเราถึง ๑๘ กายจะหมดไปเอง จะไม่มีความรู้สึกว่า อยากให้เขารู้!ห้เขาทราบเผื่อจะไต้ชื่นซมเราอย่างนี้ไม่มี เพราะฉะนั้น ผู้ที่เข้าถึง หรีอไม่เข้าถึงจะรู้ดัวเองจิตจะบริลุทขึ้แตกต่าง ก้น ตั้งแต่ความคิด คำ พูด การกระทำ นึ่คือข้อลังเกด และควรระว้งไว่ให้ดี ถ้า เรามีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร มีที่ลุดแห่งธรรมเป็นแก่นสาร การหลงดัวเอง www.kalyanamitra.org cncn s

จะไม่เกิดขึ้น การที่คิดแต่จะให้คนเขาชื่นชมยกย่องเพื่อให้เกิดผลอะไรบาง อย่างที่เราต้องการก็จะไม่เกิดขึ้นจิตจะบริลุmilปเรื่อยๆ ยิ่งปลด ยิ่งปล่อย ยิ่งวาง ใจจะยิ่งละเอียดทีเดียว เพราะฉะในั้เ ใครที่เข้าใจย้งไม่ถูกต้องก็แกิไขนะลูกนะ เราปรับให้ถูก เราไม่ต้องการให้Iครชมว่าเราเก่ง แต่เราต้องการความบริสุทธิ้ ความดีงาม ที่พื่งที่ระลึกที่แท้จริงของเรา เราต้องการกำลังใจในการสร้างบารมียิ่งๆ ขึ้นไป เพราะถ้าเข้าถึงจริงๆ ไม่ไปเที่ยวขอกำลังใจก้บใคร กำ ลังใจมีเพิ่มขึ้นทุกวันเลย ไม่ต้องไปหาคนโน้นคนนี้ว่า เธอช่วยให้กำลังใจฉันลักหน่อยเถิด ช่วยบริจาค กำ ลังใจให้ฉันหน่อยเถิด กำ ลังใจของฉันมันลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ เลย จะ ไม่มีอาการอย่างนี้ ใจจะใสบริลุ[ทธิ้ จะคิด จะพูด จะทำ ก็เป็นอรรถเป็นธรรม ถ้วนๆ เบิกบาน ไม่มีเหงาเลย เพราะว่านั่งอยู่คนเดียวเราก็มองดูพระไป เดี๋ยวพระท่านก็ขยายใหญ่ขึ้น ใสสว่างขึ้น จะใสในใส ชัดในชัดเรื่อยเลย เดี๋ยวก็มีองค็ใหม่ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ นี่ดือข้อสังเกต หลับเป็นสุข ดื่นเป็นสุข นั่งนอนยืนเดินเป็นสุข ใจ สบายไม่วิตกก้งวลอะไรเลย นี่ดือห้วใจของผู้ที่เข้าถึง เป็นข้อสังเกต สำ หรับต้วเราเอง ไม่ต้องไปสังเกตใครหรอก สังเกตต้วเรานี่แหละ เพราะ เราทำเพื่อต้วเรา หลวงพ่อเคยถามคุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ว่า \"ยายเคยเหงาไหม\" คุณยายอาจารย์ก็ตอบว่า\"ไม่เคยเหงาเลยตั้งแต่ เข้าถึงธรรม ไม่มีใครมายายก็นั่งคนเดียว ไปคุยภ้บพระในต้ว คุยกับ เทวดาก็ไต้ หรือนั่งหยุตในหยุดเข้านิโรธไปในกลางกาย ดูองค์พระใน องค์พระไปเรื่อยๆ สบาย ยิ่งไม่มีคนมาคุยยิ่งสบายไม่มีเหงาเลย\" นี่คิอ ข้อลังเกดว่าเราเข้าถึงจริงหรือไม่จริงก็สังเกตดู มันจะเปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้อง ไปเที่ยวเดินหาใคร ให้!ครเขามาชมว่าเราเก่ง เพราะยุคนี้เป็นยุคคิดใหม่ทำใหม่ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องคิดใหม่ แล้วก็ทำใหม่ให้ถูกต้อง คิดให้ถูกต้อง ใจจะไต้ ใสๆ บุญจะไต้มากๆ... f ๓๔] วันอาทิตย์ที่ ๑er มิถุนายน พ.ศ.๒๕a:ร: ^-.ร*' www.kalyanamitra.org

เส้นทางอันพิลทธิ๋ ...จุดเริ่มด้นของการเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางของชีวิต ที่จะทำให้ เราหลุดพ้นจากการเป็นบ่าวเปีนทาสของพญามาร จากกิเลสอาสวะได้ในเ คือ เราต้องตั้งใจปฏิป้ดธรรมใหใจเราหยุดนิ่งจนกระทั่งเข้าถึงแหล่งแห่งความบริสุทริ่ www.kalyanamitra.org ^๓

ภายใน หยุดเท่านั้นเป็นตัวสำเร็จ และเป็นสิ่งที่ทำไหใจของเราบริสุทธี้ เราจะอธิษฐานใหจิตบริลทธิ้แค่ไหน จะประกอบพิธีกรรมอะไรก็ตาม เรา จะเข้าถึงความบริสุทธตามที่ปรารถนาได้ต่อเมื่อใจหยุด ใจนิ่ง ตรงกลางกายฐาน ที่ ๗ แล้วจะเห็นความบริสุทธเกิดขึ้นตรงนั้น ดวงใจของเราทั้งดวง ใสเกินใส ไม่มีความใสใดๆ ในโลกมาเทียบได้ และก็จะสว่างที่สุดไม่มีความสว่างใดๆ ในโลก จะเทียบได้ แม้ความสว่างของตวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน เพราะเป็นความสว่าง ที่มาพร้อมก้มความสุข และเป็นแสงสว่างแห่งความบริสุทขึ้ในใจเรา ดอนนั้นจิต ของเราจะมีคุณภาพ เป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ถูกใครบังคับบัญชา แล้วก็ เป็นแหล่งกำเนิตแห่งความธุขที่แท้จริงที่ไม่มีวันสิ้นสุด และเป็นสิ่งที่คงที่ไม่มีวัน เปลี่ยนแปลง ณ ตำ แหน่งศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้ ความบริลุทธี้ผุดผ่อง ของใจจะบังเกิดขึ้น เป็นจุดเริ่มด้นที่จะเดินทาง e ไปภสาูย่ใพนรตะันวิขพอพงาเนราไปสเูป่ท็ีน่จสุุดดทแีห'่พงรธะรพรุมทธทเี่จอยู้า่ I ทุกพระองค์ และพระอรหันตทั้งหลาย ท่านเริ่มตันทางแห่งความบริสุทธ เริ่อยไป พอถูกส่วนเข้าก็จะพบเส้น ^ และเป็นทางไปของพระอริยเจ้าทั้งหลาย เโำร f. - s Iimyi- ที่เรียกว่า\"อริยมรรค\"อันเป็นทางสาย กลางภายในที่เรียกว่า\"มัชฌิมาปฏิปทา\" อย่ภายในกลางตัวตรงนี้แหละ คือ จดเริ่มด้น แห่งความบรีสทธ 1 เมื่อเราประพฤติปฏิบัติธรรมจนใจเราละเอียดถูกส่วนนิ่งแน่นหน้กเข้าไป เริ่อยๆ เราจะอัศจรรย์ใจเพิ่มขึ้นไปทุกครั้ง เพราะใจจะเปลี่ยนสภาวะจากหยาบ 'CI)b www.kalyanamitra.org

ไปสู่สภาวะที่ละเอียดกว่า จากไม่บริสุทธิ้ไปสู่บริสุทธี้ จากบริสฑธี้น้อยก็ไปสู่ บริสุทธี้มาก เราจะเห็นเส้นทางแผนผังชีวิตของเราซึ่งมีมาดั้งเดิม คือ กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม รวมอยู่ในกลางกาย เราจะเห็นไปดาม ลำต้ม โดยมีดวงธรรมเป็นจุดเริ่มต้น อยู่รวมกันในที่เดียว แต่ว่าเป็นคนละอย่าง กัน เหมือน ตา หู จมูก ปาก รวมอยู่บนใบหน้า แต่เรียกชื่อกันคนละอย่าง เพราะมีคณสมบ้ตที่ไม่เหมือนกัน จ น้กวิชาการทางภาษาบาลี><ช4งเป็นชาวตะว้นตกไต้ค้นพบความหมายของ คำ ว่า \"ธรรมะ\" ในพระไตรปีฎกอย่างน้อยๆ ถึง ๕๐ กว่าความหมาย แต่ทน่า อ้ศจรรยํใจ มีความหมายหนึ่งที่เขาใช้คำว่า \"ดวงธรรมภายใน\" เขาบอกว่า มีลักษณะเป็นทรงกลม ใสกว่าเพชร เป็นความบริสุทธี้ นึ่เป็นคำแปล ๑ ใน ๕๐ กว่าความหมายของคำว่า \"ธรรมะ\" ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกทีเดียว และเขาแปลมา อีกหลายความหมายว่า คือความบริสุทธี้ คือความถูกต้องดีงาม คือหน้าที่ คือ สิ่งโน้น คือสิ่งนี้ สารพัด แต่สุดท้ายมาลงที่ว่า มีรูปร่างลักษณะกลมรอบตัว เหมีอนดวงแก้ว แล้วก็ใสบริสุทธี้ใสยิ่งกว่าเพชร สว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ ยามเที่ยงวัน นั่นล่ะคือดวงธรรม เป็นจุดเบื้องตัน พอเห็นดวงธรรม ไม่ V๘ ๙ ซากจะเหนดถาคด พอเห็นดวงธรรมตรงนี้เช้าถึงความบริสุทธี้ตรงนี้ หยุดนึ่งเช้าไปเริ่อยๆ โดยไม่ต้องทำอะไรเลย หยุดเช้าไป พอถูกส่วน เดี๋ยวเราก็เห็นกายในกายช้อน กันอยู่เป็นชั้นๆ เช้าไป มีกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายรูปพรหม กาย- อรูปพรหม กายธรรมโคตรภู กายธรรมพระโสดาบัน กายธรรมพระสกิทาคามี กายธรรมพระอนาคามี แล้วก็กายธรรมพระอรห้ต ช้อนๆ กันอยู่อย่างน่าอัศจรรย์ ทีเดียว ที่ว่าน่าอัศจรรย์คือ ของใหญ่ช้อนอยู่ในของเล็ก ความละเอียดช้อนอยู่ ในความหยาบ ความใสบริสุทธิ้กว่าช้อนอยู่ในสิ่งที่บริสุทธิ้น้อยกว่า ใสน้อยกว่า เป็นชั้นๆ เช้าไป และเมื่อใจหยุดนึ่งถูกส่วน สิ่งที่ไม่บริสุทธี้ก็จะหลุดล่อนออกไป เหมือน มะขามกับเปลีอกไม่ดิดกัน หรือเหมือนเนี้อเงาะล่อนไม่ดีดกับเปลือก เป็นชั้นๆ www.kalyanamitra.org 1๓๗ I

เข้าไปเรื่อยๆ มาพร้อมก้บความสุข มาพร้อมกับปัญญาบริสุทธิ้ที่ทำให้เราเข้าใจ ชีวิตได้แจ่มแจ้งดียิ่งขึ้น เหนือกว่าปัญญาที่เกิดจากการจินตมยปัญญา และ สุตมยปัญญา เป็นปัญญาอันบริสุทธที่เกิดจากเห็นแจ้งเมื่อใจหยุด คือ ทิ้งทุกสิ่ง หมดเลย เห็นทุกสิ่งเป็นสิ่งไร้สาระว่างเปล่าทั้งหมด เกิดความเบื่อหน่าย คลาย ความกำหนัด คลายจากความยึดมั่นถือมั่นในคน สัตว์ สิ่งของ ทรัพย์สมป้ติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ซึ่งเป็นของปลอมๆ ที่ทำ ให้เป้าหมายของชีวิตเราเบื่ยงเบนไป ปัญญาอันบริสุทธิ้นี้จะมีเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ณ ตำแหน่งแห่งความบริสุทธิ้ที่ปลอด ความคิด เพราะตรงนั้น ไม่มีความนึกคิดอะไรเลย เกิดความรู้ขึ้นมาจากการ เห็นแจ้ง ภาพๆ หนึ่งที่เห็นนั้น ดีกว่าคำบรรยายเป็นล้านๆ คำ สิ่งที่เราไดยิน ได้ฟังหรือได้ดีกษาจากตำรับตำราต่าง ๆ สิ่งนี้มีอยูในต้วของเรา ซ้อนกันอยู่ เป็นหน้าที่ของเราที่จะด้องปฏิบ้ติให้เซ้าถึง ให้ไปรู้แจ้งเห็นแจ้งให้ได้ และ เป็นเป้าหมายชีวิตของเราที่เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาก็มีวัตถุประสงค์ เพียงแคํนั้แหละ แต่เราไม่เข้าใจ เพราะไม่มีผู้รู้แนะนำ เมื่อเราเกิดมาเห็นเขาเคย ทำอย่างไร เราก็ทำไปอย่างนั้น สุดท้ายก็ดายฟรีไปอีกชาติหนึ่ง เพราะฉะนั้น การสร้างบารมีกว่าจะไปถึงปลายทางที่เทปรารถนา จึงด้อง ใช้เวลายาวนานเป็นอสงไขยชาติทีเดียว แต่กัาเข้าใจตรงนี้ และเทบริหารเวลาเป็น เวลาทำมาหากิน เราก็ทำไป แล้วเราก็เจียดเวลามาทำหยุดทำนิ่งภายใน แสวงหาสิ่งนี้ให้พบ เมื่อเทพบแล้ว เข้าถึงแล้ว ธรรมะจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชีวิตของเทให้ ไปสู่ชีวิตในระดับที่พอดี ไม่มากเกินไป ไม่นัอยเกินไป เทจะรู้ด้วยตัวของเราเองว่า ความพอดีของชีวิต ด้องการแค่นี้เท่านั้น เมื่อถึงตรงนั้น เราก็จะเป็นผู้ที่สมหวัง ในชีวิต เป็นสุขที่สุดในโลก... วันอาทิตย์ที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๕(ร:(ฮ I๓cy www.kalyanamitra.org

a.•พ^ พลังแห่งความร้แจ้ง ...การปฎิบดธรรมเปีนภารกิจหลัก เป็นกรณียกิจหรือหน้าที่ที่สำคัญของ ทุกๆ คนที่จะคัองทำ ต้องรับผิดชอบด้วยคัวเองอย่างเค็มความสามารถ เพื่อให้ บรรลุจุดหมายปลายทางของการเกิดมาเป็นมนุษย์ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ไดไปถึงจุดหมายปลายทางของซีวิด พระส้มมาส้มพุทธเจ้าท่านได้ตรัสเอาไว้ว่า \"บุคคลพึงหมั่นปฏิบัติ ปรารภความเพียร เพื่อให้บรรลุมรรคผลที่ยังไม'ได้บรรลุ และเพื่อ กระทำให้แจ้งมรรคผลที่ยังไม่ได้กระทำให้แจ้ง การประพฤติให้บริสุทธ บริบูรณีในกรณึยกิจนี้ เป็นความงดงามในธรรมวิน้ยนี้ การขวนขวาย เอาใจใส่ในการประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพวน www.kalyanamitra.org

หรือว่าทำพระนิพพานให้แจ้งนี้เป็นงานหล้กของเรา เป็นงานที่แห้จรืง ของพวกเราทุกคน แล้วก็เป็นเป้าหมายของซีวิดที่สำคัญที่สุด ที่เราจะ ต้องหมั่นปรารภความเพียร แกฝนใจให้หยุดนิ่ง อย่างห้อยก็ให้เจ้าถึง พระรัดนดร้ยที่มีอยู่ในคัวของเราให้!ต้\" ถ้าเราลงมือปฏิบดกันอย่างจริงจ้ง ทำให้ถูกต้อง ถูกหลักวิชชา ถูกวิธี การ และทำอย่างต่อเนื่องสมาเสมอ เราจะต้องเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวกันไต้ อย่างแน่นอน ถ้าเราเข้าถึงไต้ เกิดมาชาตินี้ก็มีกำไร จะสมปรารถนาในชีวิต ชีวิตก็ไม่ว่างเปล่าจากประโยชน์จากแก่นสารสาระ การที่เรามารวมกันปฏิบ้ด รรรมทุกๆ อาทิตย์ ก็เพี่อวัตถุประสงค์ อย่างนี้ หรืออย่างห้อยก็เพี่อให้เข้า ถึงความสุฃที่แห้จริง การนั่งปฏิป้'คัธรรม พลังแห่งความเห็นแจ้ง จะทำให้เกิด กำ ลังใจซึ๋งก้นและกันว่า เรา ปฏิบัติไต้ถูกวิธีไต้เจ้าถึงประสบการณ์ ภายในแล้ว ก็จะไต้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน แนะนำวิธีการปฏิบัติที่ ไคัผลพี่งกันและกัน ธรรมะของเราก็จะก้าวหน้า ที่เคยสงลัยก็จะหายสงสัย เพราะเกิดการรู้แจ้งเห็นแจ้งไป พร้อมๆ กัน จะมืความรู้เท่าเทียมห้นกันทั้งหมู่ คณะ ความพร้อมเพรียงเป็นหนึ่งเดียวกันในธรรมะก็จะบังเกิดขึ้น เหมือนทุก คนมีใจเป็นดวงเดียวกัน ก็จะบังเกิดอานุภาพแห่งพระรัดนตรัยที่ไม่มีประมาณ ที่จะยังประโยชน์สุขอันยิ่งใหญ่ให้บังเกิดขึ้นกับโลกไต้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลวงพ่อได้เชิญซวนให้ลูกทุกคนนั่งธรรมะ ทำ ความละเอียดของใจ อธิษฐานจิตช่วยพี่ห้องที่อยู่ทางภาคใด้ที่ประสบกับ อุทกภัย และก็ให้ชำระกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทขึ้ทั้งสัปดาห์ เพี่อเดริยม 0 www.kalyanamitra.org

กาย วาจา ใจ ที่จะมารับบุญใหญ่ในวันนี้ และจะได้ถวายบุญที่เกิดขึ้นนี้เป็น พระราชกุศล ลูกๆ หลายท่านก็ตั้งใจปฏิบ้ติธรรมกันอย่างเต็มที่ วัดสรรบริหาร เวลานี้งธรรมะกันอย่างต่อเนี้องทุกๆ วัน จนมีผลของการปฏิบติธรรมกัาวหน้า บางท่านที่ไม่เคยรู้วักประสบการถ่เภายใน ในช่วงอาทิดย์ที่ผ่านมา ก็ได้ รู้วักจากการทำใจให้หยุดนิ่งอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็สมปรารถนา เกิดประสบ- การถไภายใน เป็นรางวัลสำหรับผู้ที่มีความตั้งใจดี มีความเพียรได้เข้าถึงแสง สว่างภายใน บางท่านก็เข้าถึงดวงธรรมภายใน บางท่านก็เข้าถึงองค์พระภายใน เกิดความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งเบาสบาย มีความสุข ความเบิกบานอย่างที่ไม่เคย เป็นมาก่อนเลยในชีวิต รู้สึกเย็นฉาอยู่ข้างใน มีปีติ มีความสุข สุขอย่างพูด ไม่ออก บอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว ที่ได้สัมผ้สถึงกระแสแห่งความสุข และความ บริสุทธิ้ภายใน ยิ่งทำใจหยุดนิ่งเฉยๆ องค์พระท่านก็จะผุดผ่านขึ้นมามากมาย ทีเดียว ต่อเนื่องกันเป็นสายไม่ขาดตอนเข้าไปเรื่อยๆ องค์พระธรรมกายท่านไม่ได้เกิดขึ้นที่ไหน เกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ ตรงนี้แหละเป็นสกาวธรรมอ้นประเสริฐ ที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกอ้น สูงสุดของพวกเราทั้งหลาย สิงนี้เป็นของจริงที่มีอยู่แล้วดิดด้วของพวกเรา ทุกดน เมื่อเราเข้าถึงท่านได้ เราก็จะเกิดดวามรู้สิกเป็นสุขอบอุ่นใจและ จะปลอดจากภัยทั้งมวล ความทุกข์ก็ไม่เข้ามากลํ้ากราย ทุกข์ทั้งหลายจะดับ ไปท้นที และความสุขที่ไม่มีประมาณก็จะบังเกิดขึ้นมาแทนที่ ส้นติสุขที่แท้จริง ก็จะบังเกิดขึ้น ที่พึ่งที่ระลึกอย่างนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ลูกทุกๆ คนจะด้องปฏิบ้ติให้ เข้าถึงให้ใด้ พระ&รรมกายภายใน ธรรมกายมีลักษณะสวยงาม ประกอบไปด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วน ทุกประการ ไม่ขาดตกบกพร่อง มีเกตุดอกบัวตูม กายใสยิ่งกว่าเพชร คือใสเกินใส สวยเกินสวย งามไม่มีที่ติ เป็นกายผ่'รั กายธรรมเป็นกายที่บริสทขึ้หลดจาก www.kalyanamitra.org 1#๔๑%) '

ภพ ๓ ออกมาแล้ว ล้าเข้าถึงกายธรรมโคตรภูก็ไปถึงครึ่งทาง หลุดจากภพ ๓ เข้าถึงนิพพานได้แด่ย้งไปอยู่ไม่ได้ ด้องกายธรรมอรห้ตถึงจะอยู่ได้ หมดกิเลส อาสวะจึงจะหลุดพ้นจากกิเลส แล้วไปอยู่ได้ กายธรรมหลุดออกไปเห็นได้รอบด้ว เห็นไปทุกทิศทุกทาง เห็นในภพ ๓ และนอกภพ ๓ จึงเรียกว่าเป็นผ้ร้ รได้รอบด้ว เพราะว่าเห็นรอบตัว ธรรม- ฃ่ ขิ SLI จ้กฃุของธรรมกายเห็นได้รอบตัว คือหยุดอยู่ที่เดียวดรงกลางก็เห็นไปได้ทุกทิศ ทุกทาง เห็นถึงไหนก็รูไปถึงนั่นรอบตัว แดกต่างจากการเห็นของตามนุษย์ทิพย์ พรหม อรูปพรหม ตามนุษย์จะเห็นอะไรก็เห็นได้ทีละด้าน อยู่ทางด้านหน้า อยากเห็นด้านหล้งก็ด้องกล้บหล้งห้น อยากเห็นซ้ายก็ห้นซ้าย อยากเห็นขวา ก็หันขวา อยากเห็นข้างบนก็เงย อยากเห็นข้างล่างก็ล้มลงไป แต่กายธรรมไม่เป็นอย่างนั้น หยุดที่เดียว ธรรมจ้กขเกิดขึ้นในธรรมกาย เห็นได้ทุกทิศทุกทาง เห็นถึงไหนญาณหัสสนะก็ถึงนั่น ก็รู้รอบตัว รู้รอบตัวนี่ แหละจึงจะเป็นผู้รู้ได้ ฑั้งอดีด ปัจจุบัน และอนาคตด้วยธรรมจ้กขุของธรรมกาย รู้เห็นไปตามความเป็นจริง สิ่งอะไรว่าเที่ยงก็เห็นว่าเที่ยง อะไรไม่เที่ยง ก็เห็น ว่ามันไม่เที่ยง สิ่งอะไรเป็นทุกข์ ก็เห็นไปดามความเป็นจริงว่าทุกข์ อะไร เป็นสุขก็เห็นว่าสุข อะไรที่เป็นด้วดน อะไรไม่ใช่ก็รู้ เห็น อะไรเป็นอิสระ อะไรที่ยังถูกเขาบังค้บบัญชาอยู่ ก็เห็นได้ด้วยธรรมจ้กขุของธรรมกายที่มีอยู่ใน ด้วของเราทุกคน แต่ว่าส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามี ไม่ฉงนใจไม่เฉลียวใจว่าในตัวมีธรรมกาย ซึ่ง เป็นที่พึ่งที่ระลึก เป็นสรณะอ้นวิเศษทีเดียว ที่ว่าวิเศษเพราะว่าเป็นกายที่เป็นอมตะ เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความบริสุทขึ้ความสุข เป็นอิสระ มารบังค้บบัญชาไม่ได้ สิ่งนี้ถึงจะเป็นที่พึ่งได้ นี่แหละธรรมกาย ที่พึ่งที่ระลึกที่แหัจริงอยู่ในตัวของพระ- ภิกษุของสามเณร อุบาสก อุบาสิกา ชนทุกชาติทุกภาษามีหมด มีทุกคนเลย หยุดเข้าไปดามลำด้บอย่างนี้แหละ ถอดกายออกเป็นชั้นๆ จึงจะเข้าถึงได้ ของ จริงมีจริงอย่างนี้ คนจริงทำจริงเท่านั้นและใหัถูกวิธีการด้องเข้าถึงแน่นอน ที่ ไม่ถึงเป็นไม่มี... [f๔๒\\] วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕(T๓ www.kalyanamitra.org

-ฬ•- ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ณ ศูนยกลางกายฐานที่ cry ...วันนี้ (วันจันทร์ที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๔) เปีนวันวิสาฃบูชา ชาวพุทธนี้งหลายถือว่าเป็นวันสำคัญอย่างยิ'ง เป็นวันแสงสว่างของโลก จนกระทั่งสหประซาชาติให้ความสำคัญว่า วันนี้เป็นวันสำคัญของโลกวันหนึ่ง www.kalyanamitra.org

ที เดียว เราชาวพุทธเป็นพุทธศาสนิกชน จะต้องให้ความสำคัญในวันนี้ ๆ แต้ว่าวันวิสาขบูชา ''^ K^ ของแต้ละนิกายวังไม่ตรงกัน แต่ละนิกายหมายถึง มหายาน ซึ่งมีความเห็นวัง ไม่ลงรอยกันว่าวันวิศาขบูชา ตรงกับวันไหน แต้ ก็มีความเห็นที่ลงรอยกันว่า เป็นวันที่สำคัญ คือเป็นวัน ที่พระสัมมาส้มพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน จึงไต้จ้ดพิธีวิสาฃบูชาใน วันที่แดกด่างกันไปยกเว้นชาวพุทธในประเทคไทยที่วังถือเอาวันขึ้น๑๕คาเดือน ๖ เป็นวันวิสาฃบูชา วันนี้เป็นวันของพระสัมมาส้มพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นด้วยกายเนื้อ ไต้ตรัสรู้ อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาส้มพุทธเจ้า แล้วก็เป็นวันที\"คับขันธ- ปรินิพพานมาตรงกันเป็นวันเดียวที่อัศจรรย์ยิ่ง ของเราวังถือกันอยู่ว่าเป็นวัน สำ คัญ และวันนี้เป็นวันที่เราจะต้องเจริญพุทธานุสติ คือทุกลมหายใจเขัาออก ให้มีแต่เรื่องราวของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ใจระลึก นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ โดยบทสวดมนต้อย่างนั้นก็ไต้ หรือเท่าที่เรา เขัาใจง่ายๆ ก็ไต้ว่า พระสัมมาส้มพุทธเจ้าเป็นบุคคลสำคัญของโลกของจักรวาล อย่างไร ท่านเกิดที่ไหน ตรัสรู้ที่ไหน คับขันธปรินิพพานที่ไหน และระหว่างที่วัง ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ไต้ตรัสสงลอนเผยแผ่ธรรมะ ๔๕ พรรษา ท่านทำอย่างไร สอนเรื่องอะไรบัาง เป็นสิ่งที่ซาวพุทธทุกคนจะต้องทบทวนระลึกนึกถึงท่าน จิต ที่ขุ่นม้วก็จะผ่องใส จิดที่ผ่องใสแล้วก็จะผ่องใสยิ่งขึ้น สว่างไสวไปเรื่อยๆ เป็น ทางมาแห่งบุญกุศล และมรรคผลนิพพาน เพราะฉะนั้น วันนี้เราจะปฏิวัตบูชา ถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระสัมมาส้มพุทธเจ้า บูชาท่านด้วยการปฏิวัต ไม่ส่งใจ www.kalyanamitra.org

ไปที่อื่น เอาใจมาอยู่ที่พระพุทธเจ้าของเรา อะไรคือพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านก็ให้นัยเอาไว้ว่า ธมฺมกาโย อหิ อิดิ£(ตถาคต คือธรรมกายนั่นเอง ธรรมกาย คือพระตถาคต ท่านหมาย เอาลึกส์งถึงธรรมกาย มิได้หมายถึงรูปกายของท่าน เพราะฉะนั้น เวลาที่เมื่อท่านตอบคำถามของพราหมณ์ ซึ่งเห็น ฉ้พพรรณรังสีสว่างมาจากพระวรกาย พราหมณ์ถามว่า \"พระองค์เป็นมนุษย์หรือเปล่า ?\" พระพุทธองค์ตรัสว่า \"ไม่ได้เป็นมนุษย์\" พราหมณ์ก็ถามว่า \"เป็นอมนุษย์หรือเปล่า ?\" พระพุทธองค์ตรัสว่า \"ไม่ได้เป็นอมนุษย์\" พราหมณ์ก็ถามว่า \"เป็นเทวดาหรือเปล่า ?\" พระพุทธองค์ตรัสว่า \"ไม่ได้เป็นเทวดา\" พราหมณ์ก็ถามว่า \"เป็นพรหมหรือเปล่า ?\" พระพุทธองค์ตรัสว่า \"ไม่ได้เป็น\" พราหมณ์ก็ถามอีกว่า \"แล้วท่านเป็นอะไร ?\" พระพุทธองค์ตรัสว่า \"เป็นธรรมกาย ธรรมกายไม่ใซ่ฑํ่งมนุษย์ ไม่ใช่อมนุษย์ ไม่ใช่เทวดา พรหม หรือ อรูปพรหม ธรรมกายก็คือธรรม- กาย เป็นกายแห่งความบริสุทธที่หลุดห้นจากกิเลสอาสวะ เป็นวิราคธาตุ วิราคธรรม ธาตุล้วนๆ ธรรมล้วนๆ ไม่มีกิเลสเจือปนเลย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว ผู้พ้นแล้ว ผู้ชนะแล้วจากกิเลสอาสวะทั้งหลาย\" ท่านบอกว่าท่านคือธรรมกาย เพราะฉะนั้นท่านเป็นธรรมกายจริงๆ เป็นอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่เป็นๆ ถอนๆ เมื่อหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ ส้งโยชน์ เบี้องดาเบื้องสูงแล้ว หลุดไปทีเดียว ไปเป็นอ้นหนึ่งอ้นเดียว ไปเป็นกายธรรม www.kalyanamitra.org ■(๔^'

อรหันดสัมมาส้มพุทธเจ้าเป็นอย่างใ?นตลอด ไม่มีใใลุด ไม่มีถอนถอย ติดอย่าง •นั้นตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ท่านก็ยีนยันกับพราหมโแว่าเป็นอย่างนั้น ว้นนี้เราจะนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมถ่เใ'หั!ด้สมบูรถ่เ ก็จะต้องทำใจ หยุดนิ่งใหัเข้าถึงธรรมกายใ'ต้ใต้ แส้วจะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลยว่า ทำ ไมพระ- บรมศาสดาถึงไต้ตรัสว่า พระตถาคตคือธรรมกาย หรือพูดง่ายๆว่า เราคือ ธรรมกาย ธรรมกายคือเรา เราจะเข้าใจแจ่มแจ้งต้วยตัวของเราเอง เมื่อเราเข้า ถึงธรรมกาย หลุด•ต้นไต้ เราก็เป็นอใ*พุทธะ คือ เข้าถึงธรรมกายตามคำแนะนำ สั่งสอนของพระองค์ท่าน ในการปฏิบัติธรรม ถ้าพูดถึงพระส้มมาส้มพุทธเจ้าในภายนอกที่ เข้าใจกัน'นั้น เราเคยได้ยินได้ฟังว่าท่านประสูติที่ห'นึ่ง ตรัสรู้ก็อีกที่หนึ่ง ดับขันธปริ'นิพพานอีกที่หนึ่ง คนละที่กัน แต่ในแง่ของการปฏิบัติ อัศจรรย์ อย่างยิ่ง ประสูติ ตรัสรู้ ดับขันธปรินิพพานที่เดียวกัน คือตรงศูนย์กลาง กายฐานที่ ๗ คือเวลาเมื่อท่านไต้ถูกอัญเชิญมาจากสวรรค์'ชั้นดสิต กายทิพย์ก็เข้าสู่ พระราชบิดาทางปากช่องจมูก แล้วก็เลื่อนเรื่อยไปเลย ไปที่หัวดา ไปที่กลางกั๊ก ศีรษะ ไปที่เพตานปาก ไปที่ช่องปากที'อาหารสำสัก ไปที่กึ่งกลางกายระต้บ เดียวกับสะดือ แล้วก็ถอยหส้งขื้นมาสองนิ้วมือ ตรงฐานที่ ๗ ของพระราชบิดา เกิดเป็นกายหยาบ แล้วกายทิพย์ก็เคลื่อนจากพระราชบิดาเข้าสู่พระพุทธมารดา ทางปากช่องจมูกตามลำดับในท่านองเดียวกัน แล้วก็ไปหยุดนิ่งๆ อยู่ตรงฐาน ที่ ๗ จนกระใางก่อเกิดเป็นกัอนกายมหาบุรุษ ท่านเกิดที่ฐานที่ ๗ ตรงนั้นแหละ เวลาตรัสรู้อใ*ดรล้มมาล้มโพธิญาณ ภายหล้งจากที่เอาชนะพญามารกับ เสนามารไต้ ท่านก็หยุดนิ่งอยู่ภายใน ใจหยุดใจนิ่งดรงฐานที่ ๗ ในต้วของท่าน หยุดไปเรื่อยๆ ก็เข้าถึงแผนผ้งชีวิตภายใน เ'คืนกายในกาย เวทนาในเวทนา จิต ในจิต ธรรมในธรรม แล้วก็ไต้บรรลุธรรมกายอรหัต บรรลุธรรมกายอรหัด เป็นพระอรหันตล้มมาล้มพุทธเจ้าในยามรุ่งอรุณ และแสงเงินแสงทองจับท้องฟ้า ท่านก็เป็นพระอรหันตล้มมาล้มพุทธเจ้า เป็นตรงฐานที่ ๗ ขจัดกิเลสอาสวะ ^๔๖') www.kalyanamitra.org

จนกระทั่งสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ คือกิเลสอาสวะที่อยู่ในต้ว ที่จะบงคํโบบโญชาพระ องค!ดํเก็หมดสิ้นไป จิตก็หลุดพโนจากการบ้งคับบัญชาของพญามาร เป็นตัวเป็น ตนตัวจริงแท้ๆ ของท่าน เป็นอิสระ มีแต่ลุชล้วนๆ เป็นนิรันดรบังเกิดชื้น หล้งจากที่ไตัเผยแผ่คำสอนของพระองค์จนกระทั่งพระศาสนาตั้งหล้กไตั มีพระรัดนดรัยบังเกิดชื้น พุทธบริษัทบังเกิดชื้น มั่นคงเข้มแข็งในการที่จะสอน ตัวเองและแนะนำ^นไตั ก็ถึงคราวที่ท่านจะตัองตับข้นธปรินิพพาน ตับข้นธปรินิพพานก็คือ การถอดข้นธ์ต่างๆ ออกหมด ข้นธ์ ๕ ในกาย มนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม ถอดหมด เหลือแต่กายธรรมอรหันตล้มมา- สมพุทธเจ้า และก็เข้านิโรธสมาบด ไม่ชํ้าสมาบ้ตด้วยกายธรรมอรหันตล้มมา- ล้มพุทธเจ้าดรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นิโรธะ แปลว่า หยุด ท่านก็หยุดของท่านไปเรื่อยๆ ถอดข้นธ์ออกเป็น ชั้นๆ แล้วหลุดไปเข้าไปสู่กายในกาย กายในกาย ธรรมกายในธรรมกาย ละเอียดชื้นไปเรื่อยๆ เข้าตั้งแต่กายนิพพานเป็นในตัวของท่าน ที่เรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพานเข้าไปเรื่อย เพราะฉะนั้น ที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน อยู่ตรงที่เดียวกัน คือที่ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นเรื่องที่อัศจรรย์ทีเดียว เป็นเรื่องที่จะตัองศึกษาใหั ได้ตัวยวิขขาธรรมกาย ใครเข้าถึงก็ศึกษาไตัก็จะเห็นกันไปอย่างนี้ เพราะฉะนั้น พระบรมศาสดาของเรา ท่านเป็นเลิศจริงๆ ในการที่สามารถสั่งสอนอบรม พัฒนาจิตไจของมวลมนุษยชาติ โดยไม่ตัองบังคับใหันับถือพระองค์ท่าน แต่ใหั เชื่อถือกันตัวยเหตุด้วยผล ด้วยการปฎิป้ตดนจนกระทั่งเข้าถึง แล้วจึงจะเชื่อถือ กันไป จะแดกต่างจากความเชื่ออื่นๆ ที่ต้องไข้กำอังบังคับ ต้องผูกเวรกัน ต้อง จองเวรกัน พระพุทธเจ้าท่านจะตรัสเกี่ยวกับเรื่องเหตุเรื่องผลอยู่ดลอดเวลา ถ้าเหตุ ตับผลก็ตับ เหตุอยู่ที่กิเลสอาสวะบังคับบัญชาเอาไว้ ถ้าไปตับที่เหตุได้จนสิ้น เชื้อไม่เหลือเศษ ผลแห่งความทุกข์ทรมานที่เรื่มตันจากการเกิด ก็มีแก่ เจ็บ ดาย www.kalyanamitra.org ๔๗ ^

ทุกข์ทรมาน สารพเดที่ตามมาก็จะดับสลายไป เป็นคำสอนที่อัศจรรย์ สิ่งแรกที่สอนก็คือ ให้รู้จักว่าชีวิตที่อยู่ในโลกนี้เป็นทุกข์ บางคนอยู่เสีย จนชิน ไม่ไดัคิตว่าทุกข์หรือไม่ทุกข์ แต่ท่านชี้ว่านี่ทุกข์ ต้องกำหนตรู้เอาไว้ ต้อง เห้เข้าเจทา1ห้แจ่มแจังว่าชิวิตเบนทุกฃํ แลวกต้องเห้รู้สาเหตุด้วย มาจากความ อยาก ความอยากไต้ อยากมี อยากเป็น ที่ประกอบด้วยความไม่รู้ ความเพลิน ทำให้เป็นเหตุให้เวียนว่ายดายเกิด มีความทุกข์ทรมาน ต้องขจัดให้หมด นี่เหตุ ที่จะทำให้เกิดทุกข์หรือความทะยานอยาก อยากด้วยความไม่รู้ คือดวงปัญญา ไม่สมบูรณ์ ถูกอวิชชาบังคับไว้ทำให้เป้าหมายชีวิตเบี่ยงเบน ไปแสวงหาสิ่งที่ ไม่เป็นสาระ ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ ท่านให้ลด ให้ละ ให้เลิกไปด้วยวิธี การหยุดนั่นเอง คือ นิโรธ นิโรธะ แปลว่า หยุด หยุดจากความอยากทั้งปวง เอาใจที่อยากกล้บมา สู่ที่ตั้งดั้งเดิมของใจ ที่เตลิดเป็ดเปิงไปในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ เอากสับมาสู่ที่ตั้งตั้งเดิม ทำหยุดทำนี่ง ให้หยุดในหยุด หยุดในหยุดเรื่อยไปเลย หยุดนี่งถูกส่วน มรรคก็เกิด คือเห็นเป็นดวงสว่าง และเห็นไสักลางที่จะทำให้ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะที่บังคับบัญชาไต้ มรรคก็เกิดขึ้นเป็นดวงใสๆ ดวงแรก เขาเรืยกว่าปฐมมรรค เป็นทางเบื้องต้น จุดเริ่มต้นที่ถูกต้องที่จะต้องเดินทาง เข้าไปสู่ภายใน มรรคเกิดขึ้นเรื่อยไป ตั้งแต่ปฐมมรรค มรรคจิต มรรคปัญญา เรื่อยไปเลยเรืยงไปดามลำคับ จนกระทั้งในที่ลุดก็เข้าถึงอรห้ตดมรรคขจัดกิเลส ขั้นลุดท้ายให้สิ้นเขึ้อไม่เหลือเศษ กิเลสมีทั้งหยาบและละเอียด บังต้บบัญชาเป็นขั้นๆ บังคับกายมนุษย์ กายทิพย์ กายพรหม กายอรูปพรหม กายธรรมโคตรภู กายธรรมพระโสดาบัน กายธรรมพระสกิทาคามี กายธรรมพระอนาคามีบังคับไว้หมด แต่ว่าละเอียดไป ตามลำคับ กายละเอียดกิเลสที่ละเอียดก็ต้องบังคับไว้ ก็ต้องอาศัยความละเอียด ด้วยก้นจึงจะมองเห็น และเมื่ออรห้ดดมรรคขจัดสิ้นหมดก็เป็นอรหัดดผล อรห้ดดผลพ้นแล้วเป็นผลที่สมบูรณ์ ที่ไม่ด้องย้อนกล้บกสับคืนไปสู่ดั้งเดิม เหมือนข้าวเปลือกกลับกลายมาเป็นข้าวสารที่งอกไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้น ด้อง (๔๘] www.kalyanamitra.org

สอนมาตามลำดับเลย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ให้รู้ว่าชีวิตเป็นทุกข์ พี้นฐานชีวิตเป็นทุกข์ จริงๆ ทุกข์เกิดจากอะไร อะไรเป็นสาเหตุ และจะหลุดไดัดัวยวิธีการหยุดกับนิ่งคือ นิโรธะ พอถูกส่วนก็เป็นมรรค มรรคมีองค์ ๘ ประชมรวมกันเป็น หนงเดียวกัน พอดำเนินจิตไปก็จะเห็นศีล สมาธิปัญญา อยู่ในนั้นเรื่อยไปเลย ด้วยวิธีหยุด วิธีนิ่งอย่างนี้แหละ อย่างที่เรากำล้งเรียนรู้กันอยู่ กำ ลัง ปฎิป้ตให้เข้าถึง นิ่เปีนสิ่งสำคัญทีเดียวที่เราจะด้องทำให้ดี ให้เป็น ให้เกิดชื้นได้ ในวันนี้ การปฏิบัติของเราในวันนี้ จึงจะได้ซื่อว่าเป็นพุทธบูชาอย่างสมบูรณ์ อย่างแท้จริง คือให้เห็นเรียงไปตามลำดับ ตั้งแต่ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ดัง กล่าวแลัวนั่นแหละ กระทั่งเห็นมรรคเป็นดวงใสๆ ติตอยู่ในกลางกาย แลัวก็ ดำเนินจิตหยุดในหยุด หยุตในหยุด เรื่อยไปเลย ไปตามลำดับอย่างนี้... วันจันทร์ที่ ทฤษกาคน พ.ศ.๒๕ร:ร: www.kalyanamitra.org

I หนึ่งในล้านวิธี ในการเข้าถึงธรรมกาย ...เมื่อ ๘๐ กว่าปีที่ผ่านมา หลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ พระมงคล- เทพมุนี(สด จนุทสโร)ท่านได้อุทิศชีวิตปฏิบ้ตธรรมจนค้นพบวิชชาธรรมกาย ณ วัดโบสถ์ (บน) บางคูเวียง แล้วท่านก็ได้ศึกษาค้นควัาวิชชาธรรมกายจนพบว่า www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook