Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore thai-asean2

thai-asean2

Description: thai-asean2

Search

Read the Text Version

ประเทศไทยกับอาเซียน One Vision, One Identity, One Community



ค�ำ น�ำ การบรรลุเป้าหมายของการเป็นประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ นั้น ประชาชนในชาติต้องรับรู้เข้าใจ และให้การสนับสนุน ดังน้ันการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับอาเซียนและความรู้สึก ของการเป็นประชาคม จึงเป็นสิ่งที่ส�ำคัญ กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะ หน่วยงานด้านสนเทศอาเซียนของประเทศไทย ซ่ึงมีภารกิจท่ีส�ำคัญ ในการเผยแพร่ความรู้เร่ืองอาเซียนสู่ประชาชนในทุกภาคส่วนของ ประเทศ จึงได้จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ข้ึนมาโดยรวบรวมข้อมูลของอาเซียน ในด้านต่าง ๆ ที่ประชาชนควรรู้ ได้แก่ ข้อมูลพื้นฐานของประเทศ อาเซียน แผนการส่ือสารของอาเซียน แผนแม่บทว่าด้วยความเช่ือมโยง ระหว่างกันในอาเซียน และที่ส�ำคัญคือแผนงานแห่งชาติส�ำหรับการ ก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ซ่ึงได้ก�ำหนดเป้าหมายและมาตรการ ให้กับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องน�ำไปปฏิบัติ คณะผู้จัดท�ำหวังเป็นอย่างย่ิงว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ ต่อผู้อ่านในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับอาเซียน และการเตรียม ความพร้อมก่อนการก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ได้อย่าง สมบูรณ์และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป ส�ำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ กรมประชาสัมพันธ์ เมษายน 2555

สารบญั 3 ค�ำ นำ� บทที่ 1 ก�ำ เนดิ อาเซียนและวตั ถปุ ระสงค์ 5 10 สญั ลกั ษณ์ของอาเซยี น 10 เพลงประจำ�อาเซียน 13 กฎบตั รอาเซยี น 20 กลไกการบริหารของอาเซียน 22 ประเทศสมาชิกอาเซยี น 70 ประเทศคเู่ จรจาอาเซยี น บทที่ 2 ประเทศไทยกบั อาเซยี น 105 115 117 บทที่ 3 สปู่ ระชาคมอาเซยี น ปี 2558 119 - ประชาคมการเมอื งและความมนั่ คงอาเซียน (ASEAN Political - Security Community) 121 - ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น (ASEAN Economic Community) 124 - ประชาคมสงั คมและวัฒนธรรมอาเซยี น (ASEAN Socio - Cultural Community) - แผนงานแห่งชาติส�ำหรับการกา้ วสูก่ ารเปน็ ประชาคมอาเซยี นในปี 2558 บทท่ี 4 การสร้างความเชอื่ มโยงในอาเซยี น 161 บรรณานุกรม 199 คณะผู้จดั ทำ� 200

1 ก�ำ เนดิ อาเซียนและวตั ถปุ ระสงค์ 5ประเทศไทยกับอาเซยี น

ก�ำเนดิ อาเซยี นและวตั ถปุ ระสงค์ สมาคมประชาชาตแิ หง่ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ หรอื อาเซยี น (Association of South East Asian Nations : ASEAN) กอ่ ต้งั ขึ้นโดยปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) ลงนามโดย รฐั มนตรจี าก 5 ประเทศ ได้แก่ นายอาดมั มาลิก รฐั มนตรวี ่าการ กระทรวงการตา่ งประเทศ สาธารณรฐั อนิ โดนเี ซยี ตนุ อบั ดลุ ราซกั บิน ฮสุ เซน รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรวี า่ การกระทรวงพฒั นาการแหง่ ชาติ ประเทศมาเลเซยี นายนาซิโซ รามอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรฐั ฟลิ ปิ ปนิ ส์ นายเอส ราชารตั นมั รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการ ต่างประเทศ สาธารณรัฐสิงคโปร์ และพันเอก (พิเศษ) ดร.ถนัด คอมนั ตร์ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงการตา่ งประเทศ ราชอาณาจกั รไทย เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510 มีวัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริมความ เข้าใจอันดีต่อกันระหว่างประเทศในภูมิภาค ธ�ำรงไว้ซ่ึงสันติภาพ เสถยี รภาพ และความมนั่ คงปลอดภยั ทางการเมอื ง สรา้ งสรรคค์ วาม เจริญเติบโตทางดา้ นเศรษฐกจิ การพฒั นาทางสงั คมและวัฒนธรรม การกนิ ดอี ยดู่ บี นพนื้ ฐานของความเสมอภาคและผลประโยชนร์ ว่ มกนั จากเจตจ�ำนงทสี่ อดคลอ้ งกนั นน้ี �ำไปสกู่ ารขยายสมาชกิ ภาพ โดยบรไู น ดารสุ ซาลาม ได้เข้าเป็นสมาชกิ ในล�ำดับท่ี 6 เมอ่ื วันท่ี 7 มกราคม 2527 สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เข้าเป็นสมาชกิ ล�ำดบั ท่ี 7 เมอ่ื วนั ท่ี 28 กรกฎาคม 2538 สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์เข้าเป็นสมาชิกพร้อมกัน เมอ่ื วนั ท่ี 23 กรกฎาคม 2540 และราชอาณาจกั รกมั พชู า เขา้ เปน็ สมาชิก ล�ำดบั ที่ 10 เมอ่ื วันท่ี 30 เมษายน 2542 ท�ำใหป้ ัจจุบนั อาเซยี นมสี มาชิกรวมทั้งหมด 10 ประเทศ 6 ประเทศไทยกบั อาเซียน

ปฏิญญากรุงเทพฯ ได้ระบุวัตถุประสงค์ส�ำคัญ 7 ประการ ของการจัดต้ังอาเซียน ได้แก่ (1) ส่งเสริมความร่วมมือและ ความช่วยเหลือซ่ึงกันและกันในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และการบริหาร (2) ส่งเสริมสันติภาพ และความมั่นคงส่วนภูมิภาค (3) เสริมสร้างความเจริญรุ่งเรือง ทางเศรษฐกิจ พัฒนาการทางวัฒนธรรมในภูมิภาค (4) ส่งเสริม ให้ประชาชนในอาเซียนมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดี (5) ให้ความช่วยเหลือซ่ึงกันและกันในรูปของการฝึกอบรมและ การวิจัย และส่งเสริมการศึกษาด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (6) เพ่ิมประสิทธิภาพของการเกษตรและอุตสาหกรรม การขยาย การคา้ ตลอดจนการปรบั ปรุงการขนสง่ และการคมนาคม และ (7) เสริมสร้างความร่วมมืออาเซียนกับประเทศภายนอกองค์การความ รว่ มมอื แห่งภูมภิ าคอื่น ๆ และองค์การระหว่างประเทศ 7ประเทศไทยกับอาเซียน

นโยบายการด�ำเนนิ งานของอาเซยี นจะเปน็ ผลจากการประชมุ หารอื ในระดบั หวั หน้ารัฐบาล ระดบั รฐั มนตรี และเจา้ หนา้ ทอี่ าวุโส อาเซยี น ทง้ั นกี้ ารประชมุ สดุ ยอดอาเซยี น (ASEAN Summit) หรอื การ ประชมุ ของผนู้ �ำประเทศสมาชกิ อาเซยี นเปน็ การประชมุ ระดบั สงู สดุ เพอื่ ก�ำหนดแนวนโยบายในภาพรวมและเป็นโอกาสที่ประเทศสมาชิก ได้ร่วมกันประกาศเป้าหมายและแผนงานของอาเซียนในระยะยาว ซ่ึงจะปรากฏเป็นเอกสารในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ แผนปฏิบัติการ (Action Plan) แถลงการณ์ร่วม (Joint Declaration) ปฏิญญา (Declaration) ความตกลง (Agreement) หรอื อนสุ ญั ญา (Convention) สว่ นการประชมุ ในระดบั รฐั มนตรแี ละเจา้ หนา้ ทอี่ าวโุ สจะเปน็ การประชมุ เพือ่ พจิ ารณาทงั้ นโยบายในภาพรวมและนโยบายเฉพาะด้าน 8 ประเทศไทยกบั อาเซยี น

อาเซียนได้ลงนามร่วมกันในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือใน อาเซียน ฉบับที่ 2 (Declaration of ASEAN Concord II หรือ Bali Concord II) เพื่อประกาศจัดตัง้ ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ภายในปี 2563 หรือ ค.ศ. 2020 โดยสนบั สนนุ การรวมตัวและความร่วมมืออย่างรอบด้าน ในด้านการเมือง ให้ จัดตัง้ “ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน” หรอื ASEAN Political-Security Community (APSC) ด้านเศรษฐกจิ ใหจ้ ดั ตงั้ “ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น” หรอื ASEAN Economic Community (AEC) และด้านสงั คมและวฒั นธรรมใหจ้ ัดต้งั “ประชาคมสงั คมและ วัฒนธรรมอาเซยี น” หรือ ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) ซึ่งต่อมาผู้น�ำอาเซียนได้เห็นชอบให้เร่งรัดการรวมตัวเป็น ประชาคมอาเซยี นใหเ้ ร็วขึน้ กวา่ เดิมอกี 5 ปี คอื ภายในปี 2558 หรือ ค.ศ. 2015 โดยได้เล็งเห็นว่าสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลง อยา่ งรวดเรว็ อาเซยี นจ�ำเปน็ ตอ้ งปรบั ตวั เพอ่ื ใหส้ ามารถคงบทบาทน�ำ ในการด�ำเนินความสัมพันธ์ในภูมิภาคและตอบสนองความต้องการ ของประชาชนไดอ้ ยา่ งแท้จรงิ 9ประเทศไทยกับอาเซียน

สญั ลกั ษณแ์ ละธงของอาเซยี น สญั ลกั ษณข์ องอาเซยี นเปน็ รวงขา้ วสเี หลอื ง 10 มดั หมายถงึ การท่ีประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ท้ัง 10 ประเทศ รวมกันเพ่ือมิตรภาพและความเป็นน้�ำหนึ่งใจเดียวกัน อยู่ในพื้นท่ี วงกลม สแี ดง สขี าว และนำ�้ เงนิ ซึง่ แสดงถงึ ความเปน็ เอกภาพ มี ตัวอักษรค�ำว่า “asean” สีน้�ำเงิน อยู่ใต้ภาพรวงข้าวอันแสดงถึง ความมุ่งม่ันท่จี ะท�ำงานร่วมกนั เพอ่ื ความมัน่ คง สันตภิ าพ เอกภาพ และความก้าวหน้าของประเทศสมาชิกอาเซียน สีทั้งหมดท่ีปรากฏ ในสัญลักษณ์ของอาเซียนเป็นสีส�ำคัญที่ปรากฏในธงชาติของแต่ละ ประเทศสมาชิกอาเซียน สีน้�ำเงิน หมายถึง สันติภาพและความ มั่นคง สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญและความกา้ วหน้า สขี าว หมายถึง ความบริสุทธิ์ และสีเหลือง หมายถึง ความเจรญิ รุง่ เรอื ง เพลงประจ�ำอาเซยี น (ASEAN Anthem) การจดั ท�ำเพลงประจ�ำอาเซยี น เปน็ การด�ำเนนิ การตามขอ้ 40 ของกฎบัตรอาเซยี นท่กี �ำหนดให้อาเซยี น “มเี พลงประจ�ำอาเซยี น” ในปี 2551 ประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจากประเทศ สมาชกิ อาเซยี น ใหเ้ ปน็ เจา้ ภาพจดั การแขง่ ขนั เพลงประจ�ำอาเซยี น ซงึ่ ไดจ้ ดั เปน็ การแขง่ ขนั แบบเปดิ ใหป้ ระชาชนในประเทศสมาชกิ อาเซยี น ทส่ี นใจสง่ เพลงของตนเองเขา้ ประกวด (open competition) โดยมี หลกั เกณฑ์ 5 ประการ ไดแ้ ก่ 1. มเี นื้อรอ้ งเป็นภาษาองั กฤษ 2. มีลกั ษณะเปน็ เพลงชาตปิ ระเทศสมาชกิ อาเซียน 10 ประเทศไทยกบั อาเซยี น

3. มคี วามยาวไมเ่ กิน 1 นาที 4. เนอื้ รอ้ งสะทอ้ นความเปน็ หนึง่ เดียวของอาเซียนและ ความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมและเช้อื ชาติ 5. เป็นเพลงทแี่ ต่งขึ้นใหม่ กระทรวงการตา่ งประเทศ เปน็ เจา้ ภาพจดั การประกวดแขง่ ขนั เพลงประจ�ำอาเซียนในระดับภูมิภาค การแข่งขันรอบแรกมีขึ้นเมื่อ วนั ที่ 16 ตลุ าคม 2551 ทีโ่ รงแรม Pullman Bangkok King Power มีกรรมการจากประเทศสมาชกิ อาเซียนประเทศละ 1 คน ในส่วนของประเทศไทย ฯพณฯ องคมนตรี พล.ร.อ.อศั นี ปราโมช ได้ให้เกียรติรับเป็นกรรมการฝ่ายไทยและท�ำหน้าท่ีประธานการ ประชุมคัดเลือกเพลง คณะกรรมการได้คัดเลือกเพลงจ�ำนวน 10 เพลง จาก 99 เพลงทส่ี ง่ เขา้ ประกวดจากทกุ ประเทศสมาชกิ อาเซยี น (เปน็ เพลงทแี่ ตง่ โดยชาวไทย 11 เพลง) และการแขง่ ขนั รอบตดั สนิ มี ข้ึนเมื่อวนั ท่ี 20 พฤศจิกายน 2551 คณะกรรมการตดั สินประกอบ ด้วยกรรมการชุดเดิมจากอาเซียนจ�ำนวน 10 คน และจากนอก อาเซียนอกี 3 คน คอื ประเทศญีป่ นุ่ สาธารณรัฐประชาชนจนี และ เครอื รฐั ออสเตรเลยี ท่ีประชมุ มีมตเิ ปน็ เอกฉันทเ์ ลอื กเพลง ASEAN Way ของไทยทแ่ี ต่งโดย นายกติ ตคิ ณุ สดประเสริฐ (ท�ำนองและ เรยี บเรยี ง) นายส�ำเภา ไตรอดุ ม (ท�ำนอง) และ นางพะยอม วลยั พชั รา (เนื้อร้อง) ให้เป็นเพลงประจ�ำอาเซียน และได้ใช้บรรเลงอย่างเป็น ทางการในพิธีเปิดการประชมุ สดุ ยอดอาเซยี น ครั้งที่ 14 เมือ่ วนั ท่ี 28 กุมภาพันธ์ 2552 การมเี พลงประจ�ำอาเซยี นถอื วา่ มคี วามส�ำคญั ตอ่ อาเซยี นเปน็ อย่างยิ่ง ซ่ึงจะช่วยสนับสนุนการเสริมสร้างอัตลักษณ์ของอาเซียน อนั จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การเชอื่ มโยงประชาชนของรฐั สมาชกิ อาเซยี น เขา้ ไว้ด้วยกัน และการทไี่ ทยได้รบั ความไว้วางใจจากประเทศสมาชกิ อาเซียนให้เป็นเจ้าภาพจัดการประกวดแข่งขันเพลงประจ�ำอาเซียน รวมทง้ั เพลงจากไทยไดร้ บั คดั เลอื กใหเ้ ปน็ เพลงประจ�ำอาเซยี น ถอื เปน็ เกียรตภิ ูมิของประเทศ และแสดงถึงความสามารถของคนไทยดว้ ย 11ประเทศไทยกบั อาเซียน

12 ประเทศไทยกบั อาเซยี น 12 ประเทศไทยกับอาเซยี น

กฎบตั รอาเซยี น (ASEAN Charter) ในการประชมุ สุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 13 เมอ่ื ปี 2550 ที่ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ผู้น�ำอาเซียนได้ลงนามในกฎบัตรอาเซียน ซ่ึง เปรียบเสมือนธรรมนูญของอาเซียนท่ีจะวางกรอบทางกฎหมายและ โครงสรา้ งองคก์ ร เพอ่ื เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพของอาเซยี นในการด�ำเนนิ การ ตามวตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิง่ การขับเคล่อื น การรวมตวั เปน็ ประชาคมอาเซยี นภายในปี 2558 ตามทผ่ี นู้ �ำอาเซยี น ได้ตกลงกันไว้ โดยวัตถุประสงค์ของกฎบัตรคือ ท�ำให้อาเซียนเป็น องค์กรท่ีมีประสิทธิภาพ มีประชาชนเป็นศูนย์กลางและเคารพ กฎกติกาในการท�ำงานมากขึ้น นอกจากน้ี กฎบัตรอาเซียนจะมี สถานะเปน็ นติ บิ คุ คลแกอ่ าเซยี นในฐานะทเี่ ปน็ องคก์ รระหวา่ งรฐั บาล (Intergovernmental Organization) จดุ เดน่ ประการหนงึ่ ของกฎบตั รอาเซยี น คอื การทขี่ อ้ บทตา่ ง ๆ ถูกก�ำหนดขึ้นเพ่ือให้อาเซียนเป็นองค์กรที่ประชาชนเข้าถึงและ เอ้ือประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศสมาชิกมากยิ่งขึ้น กฎบัตร อาเซียนประกอบด้วยบทบญั ญตั ิ 13 บท รวม 55 ข้อย่อย อาจ สรุปบทบัญญัตทิ ีส่ �ำคัญของกฎบัตรอาเซียนได้ ดงั นี้ บทท่ี 1 เปา้ หมายและหลกั การ (Purposes and Principles) ระบเุ ปา้ หมายของอาเซยี นและหลกั การด�ำเนนิ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งรฐั สมาชกิ ไดแ้ ก่ เปา้ หมายการสง่ เสรมิ สนั ตภิ าพ เสถยี รภาพ ความสามารถ ในการแขง่ ขนั ของภมู ภิ าค ความกนิ ดอี ยดู่ ขี องประชาชน ความมนั่ คง ของมนษุ ย์ การสง่ เสรมิ ความรว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ การเมอื ง สงั คม และวฒั นธรรม การลดชอ่ งวา่ งของการพฒั นาการสง่ เสรมิ ประชาธปิ ไตย การเคารพสิทธิมนุษยชน การพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่ิงแวดล้อม การศกึ ษา ยาเสพตดิ การสรา้ งอตั ลกั ษณอ์ าเซยี น เปน็ ตน้ สว่ นหลกั การ 13ประเทศไทยกับอาเซยี น

ไดแ้ ก่ เรอื่ งอ�ำนาจอธปิ ไตย การไมแ่ ทรกแซงกจิ การภายใน หลกั นติ ธิ รรม และธรรมาภบิ าล และการเคารพความแตกตา่ ง เปน็ ตน้ บทที่ 2 สถานะบุคคล (Legal Personality) ให้อาเซยี นมี สถานะบุคคลตามกฎหมาย บทท่ี 3 สมาชิกภาพ (Membership) ก�ำหนดกฎเกณฑ์และ กระบวนการในการรับสมาชิกใหม่ เช่น ต้องเป็นประเทศที่อยู่ใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับการรับรองจากประเทศ สมาชกิ อาเซยี นและตอ้ งยนิ ยอมผกู พนั ตามกฎบตั รและสามารถปฏบิ ตั ิ ตามพันธกรณีของรัฐสมาชิก รวมท้ังก�ำหนดสิทธิและหน้าท่ีของรัฐ สมาชกิ ไว้กวา้ ง ๆ คอื รฐั สมาชิกจะมีสิทธแิ ละหน้าทีต่ ามท่ีก�ำหนดไว้ ในกฎบตั รและความตกลงตา่ ง ๆ ของอาเซียน รวมถึงหนา้ ทีใ่ นการ ออกกฎหมายภายในเพื่อรองรับพันธกรณีด้วย บทท่ี 4 องค์กรของอาเซียน (Organs) ประกอบด้วย 1. ที่ประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) เป็น องค์กรสูงสดุ ในการก�ำหนดนโยบายและมีการประชมุ ปีละ 2 ครัง้ 2. คณะมนตรปี ระสานงานอาเซยี น (ASEAN Coordinating Council) ประกอบดว้ ยรฐั มนตรวี ่าการกระทรวงการตา่ งประเทศของ ประเทศสมาชกิ อาเซยี น ท�ำหนา้ ทเ่ี ตรยี มการประชมุ สดุ ยอดอาเซยี น ประสานงานระหว่าง 3 เสาหลกั เพอื่ ความเป็นบรู ณาการในการ ด�ำเนินงานของอาเซยี น และแตง่ ตัง้ รองเลขาธิการอาเซียน 3. คณะมนตรปี ระชาคมอาเซยี น (ASEAN Community Councils) ส�ำหรับ 3 เสาหลักของประชาคมอาเซียน ประกอบ ด้วยผู้แทนที่แต่ละประเทศสมาชิกแต่งต้ังเพื่อท�ำหน้าท่ีประสานงาน และติดตามการด�ำเนินงานตามแนวนโยบายของผู้น�ำทั้งในเรื่องที่ อยภู่ ายใตเ้ สาหลกั ของตน และเรอ่ื งทเ่ี ปน็ ประเดน็ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั สาม เสาหลัก และเสนอรายงานและข้อเสนอแนะในเรอ่ื งทอ่ี ยู่ภายใต้การ ดแู ลของตนตอ่ ผ้นู �ำ 14 ประเทศไทยกับอาเซียน

4. องค์กรระดับรัฐมนตรีอาเซียนเฉพาะสาขา (ASEAN Sectoral Ministerial Bodies) จดั ต้ังโดยทป่ี ระชมุ สุดยอดอาเซียน 5. ส�ำนักเลขาธกิ ารอาเซียน (ASEAN Secretariat) อยู่ ภายใต้บังคับบญั ชาของเลขาธิการอาเซยี น (Secretary - General of ASEAN) 6. คณะผู้แทนถาวรประจ�ำอาเซียน (Committee of Permanent Representatives (CPR) to ASEAN) ทีก่ รุงจาการ์ตา โดยประเทศสมาชกิ จะแตง่ ตงั้ ผแู้ ทนระดบั เอกอคั รราชทตู เพอื่ ท�ำหนา้ ที่ เป็นคณะผู้แทนถาวรประจ�ำอาเซียน ที่กรุงจาการต์ า 7. ส�ำนกั เลขาธกิ ารอาเซยี นแหง่ ชาติ (ASEAN National Secretariats) จดั ตงั้ โดยประเทศสมาชิกแตล่ ะประเทศ 8. องคก์ รสิทธิมนุษยชนของอาเซียน (ASEAN Human Rights Body - AHRB) มีหน้าทสี่ ่งเสรมิ และคุ้มครองสทิ ธิมนุษยชน ในภมู ิภาค 9. มลู นธิ อิ าเซยี น (ASEAN Foundation) มหี นา้ ทส่ี นบั สนนุ เลขาธิการอาเซียนและประสานงานกับองคก์ รอ่ืน ๆ ของอาเซยี น บทท่ี 5 องค์กรที่มีความสัมพันธ์กับอาเซียน (Entities Associated with ASEAN) ใหอ้ าเซยี นสามารถมปี ฎสิ มั พนั ธก์ บั องคก์ ร ตา่ ง ๆ ทส่ี นบั สนนุ หลกั การและวตั ถปุ ระสงคข์ องอาเซยี นตามรายชอ่ื ในภาคผนวกของกฎบัตรได้ โดยภาคผนวกจะแบ่งประเภทองค์กร ดงั กล่าวเปน็ 5 ประเภท ได้แก่ 1) องค์กรรฐั สภา คือ สมัชชา รฐั สภาอาเซยี น (ASEAN Inter - Parliamentary Assembly - AIPA) 2) องคก์ รภาคธรุ กจิ 3) องคก์ รภาคประชาสงั คมทไ่ี ดร้ บั การรบั รอง โดยอาเซียน 4) กลุ่ม Think Tank และองคก์ รด้านการศกึ ษา และ 5) องค์กรอนื่ ๆ โดยให้อ�ำนาจเลขาธกิ ารอาเซียนในการปรับปรงุ ภาคผนวกตามข้อเสนอแนะของคณะผู้แทนถาวรประจ�ำอาเซียน 15ประเทศไทยกบั อาเซยี น

บทที่ 6 เอกสทิ ธิ์และความค้มุ กันทางการทูต (Immunities and Privileges) ระบหุ ลักการกวา้ ง ๆ ในการใหเ้ อกสิทธ์แิ ละความ ค้มุ กันทางการทูตแก่ 1) ส�ำนักเลขาธิการอาเซยี นและองค์กรอนื่ ๆ ของอาเซยี น 2) เลขาธกิ ารอาเซยี นและเจา้ หนา้ ทข่ี องส�ำนกั เลขาธกิ าร อาเซยี น และ 3) ผู้แทนถาวรของรัฐสมาชกิ ณ กรุงจาการต์ า และ ผแู้ ทนของรฐั สมาชกิ ทเี่ ขา้ รว่ มกจิ กรรมของอาเซยี น เชน่ เดนิ ทางไป ประชมุ เปน็ ตน้ โดยรายละเอยี ดใหเ้ ปน็ ไปตามขอ้ ตกลงแยกตา่ งหาก จากกฎบัตร บทที่ 7 กระบวนการตดั สนิ ใจ (Decision-making) หลกั ท่วั ไป คือ ฉนั ทามติ (Consensus) แต่มขี อ้ ยกเว้นได้แก่ 1) กรณที ่ี ไมม่ แี นวทางมติ อาจสง่ เรอ่ื งใหผ้ นู้ �ำตกลงกนั วา่ จะใชว้ ธิ กี ารใดตดั สนิ 2) กรณีที่มีข้อตกลงอื่น ๆ ของอาเซียนอนุญาตให้ใช้วิธีการอ่ืน ตดั สนิ ใจได้ เชน่ ปจั จบุ นั มสี นธสิ ญั ญาวา่ ดว้ ยเขตปลอดอาวธุ นวิ เคลยี ร์ ในภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ทใ่ี หใ้ ชค้ ะแนนเสยี ง 2 ใน 3 ได้ และ 3) กรณที ม่ี กี ารละเมดิ พนั ธกรณตี ามกฎบตั รอยา่ งรา้ ยแรง ผนู้ �ำ มีอ�ำนาจตัดสินใจด้วยวิธีการใด ๆ ตามที่จะตกลงกันเพ่ือก�ำหนด มาตรการลงโทษ นอกจากน้ี ยังให้มีความยืดหยุ่นในการผูกพัน ตามข้อตกลงต่าง ๆ โดยใช้สูตรอาเซยี น ลบ X (ASEAN minus X) ส�ำหรบั ความตกลงทางเศรษฐกจิ ซงึ่ หมายความวา่ หากประเทศสมาชกิ ทกุ ประเทศมฉี นั ทามตเิ กยี่ วกบั เรอ่ื งนนั้ ๆ แลว้ ประเทศทย่ี งั ไมพ่ รอ้ ม ก็อาจเลอื กทจี่ ะยังไม่เข้าร่วมได้ บทที่ 8 การระงบั ข้อพิพาท (Settlement of Disputes) 1) ก�ำหนดในหลกั การให้มกี ลไกระงบั ข้อพพิ าท (Dispute Settlement Mechanism - DSM) ส�ำหรับทุกเสาหลัก 2) ใชก้ ารปรกึ ษาหารอื และการเจรจาในการระงับขอ้ พิพาทเป็นอันดบั แรก 3) ใหค้ ู่พพิ าท สามารถเลอื กใชก้ ระบวนการไกลเ่ กลยี่ โดยอาจขอใหป้ ระธานอาเซยี น หรอื เลขาธกิ ารอาเซียนเปน็ ผ้ไู กลเ่ กล่ยี ได้ 4) หากความตกลงเฉพาะ 16 ประเทศไทยกับอาเซยี น

ก�ำหนด DSM ไวแ้ ลว้ กใ็ หใ้ ช้ DSM นน้ั 5) หากขอ้ ขดั แยง้ ไมเ่ กย่ี วขอ้ ง กบั ความตกลงของอาเซยี นฉบบั ใดใหใ้ ชก้ ลไกคณะอคั รมนตรที จ่ี ดั ตงั้ โดย สนธสิ ญั ญาไมตรแี ละความรว่ มมอื ในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ 6) หากไมอ่ าจหาขอ้ ยตุ ใิ นขอ้ ขดั แยง้ ได้ อาจยกเรอ่ื งใหท้ ปี่ ระชมุ สดุ ยอด อาเซยี นตดั สนิ 7) ใหเ้ ลขาธกิ ารอาเซยี นตดิ ตามตรวจสอบการปฎบิ ตั ิ ตามค�ำแนะน�ำ/ ค�ำตดั สนิ จาก DSM ของประเทศสมาชกิ และจดั ท�ำ รายงานเสนอผนู้ �ำ 8) ก�ำหนดใหน้ �ำเรอื่ งการไมป่ ฎบิ ตั ติ ามค�ำแนะน�ำ/ ค�ำตดั สนิ จาก DSM ให้ผนู้ �ำพิจารณา และ 9) กฎบตั รไมต่ ดั สิทธิ ของประเทศสมาชิกท่ีจะใช้รูปแบบการระงับข้อพิพาทตามกฎบัตร สหประชาชาติหรือกฎหมายระหวา่ งประเทศอนื่ บทท่ี 9 งบประมาณและการเงนิ (Budget and Finance) ใหค้ วามส�ำคญั กบั การบรหิ ารจดั การงบประมาณทเี่ ปน็ ไปตามมาตรฐาน สากลและสามารถตรวจสอบได้ และก�ำหนดเร่ืองงบการบริหาร งานของส�ำนกั เลขาธกิ ารอาเซยี น ซึง่ รฐั สมาชิกจะจ่ายเงินสนับสนนุ เท่า ๆ กันตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และสามารถรับเงินสนับสนุน จากประเทศคู่เจรจาได้ แตจ่ ะตอ้ งไมม่ ีเงอ่ื นไขพเิ ศษ ท้ังนี้ กฎบตั ร มไิ ดร้ ะบุเรื่องกองทนุ พเิ ศษตา่ ง ๆ เพื่อการด�ำเนนิ การของอาเซยี น อาทิ การด�ำเนนิ กจิ กรรมความร่วมมอื การลดชอ่ งว่างการพัฒนา ฯลฯ เพราะเป็นเร่ืองท่ีจะต้องมีการศึกษาและก�ำหนดวิธีระดมทุนที่ เหมาะสมต่อไป บทท่ี 10 การบรหิ ารงานและกระบวนการ (Administration and Procedure) 1) ก�ำหนดใหป้ ระธานของทปี่ ระชมุ สดุ ยอดอาเซยี น คณะมนตรปี ระสานงานอาเซยี น คณะมนตรปี ระชาคมอาเซียน และ คณะผู้แทนถาวรประจ�ำอาเซียน ตลอดจนองค์กรระดับรัฐมนตรี อาเซยี นเฉพาะสาขาและองคก์ รเจา้ หนา้ ทอี่ าวโุ สตามทเ่ี หมาะสมมาจาก ประเทศเดยี วกนั (Single Chairmanship) เพอื่ สง่ เสรมิ ใหก้ ารท�ำงาน เป็นเอกภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 2) การเพิ่มบทบาท 17ประเทศไทยกบั อาเซยี น

ประธานในการ (ก) เป็นผู้ส่งเสริมผลประโยชน์ของอาเซียนและเป็น ผผู้ ลักดนั การสร้างประชาคมอาเซยี น (ข) เปน็ ผสู้ ่งเสริมความเป็น ศนู ยก์ ลางของอาเซยี นในแงก่ ารน�ำนโยบายของอาเซยี นเขา้ ไปผนวก ไว้ในนโยบายระดบั ชาตขิ องรัฐสมาชกิ และการส่งเสรมิ บทบาทของ อาเซยี นในการด�ำเนนิ ความสมั พนั ธก์ บั ประเทศภายนอกภมู ภิ าค และ (ค) ท�ำใหอ้ าเซยี นสามารถจดั การวกิ ฤตการณแ์ ละสถานการณเ์ รง่ ดว่ น ท่มี ผี ลกระทบตอ่ อาเซยี นได้อยา่ งทันทว่ งทแี ละมปี ระสทิ ธภิ าพ บทที่ 11 อัตลักษณ์และสัญลักษณ์ของอาเซียน (Identity and Symbols) ก�ำหนดให้อาเซียน มีหน้าท่ีในการส่งเสริม 1) อตั ลกั ษณ์ ซงึ่ หมายถงึ การสรา้ งความรสู้ กึ ในการเปน็ เจา้ ของอาเซยี น ในหมู่ประชาชนและ 2) สญั ลักษณ์ ไดแ้ ก่ ค�ำขวญั (วิสัยทัศนเ์ ดยี ว อตั ลกั ษณเ์ ดยี ว ประชาคมเดยี ว) ธงและดวงตราอาเซยี น วนั อาเซยี น (วันท่ี 8 สิงหาคม ของทุกป)ี และเพลงอาเซยี น บทท่ี 12 ความสมั พนั ธก์ บั ภายนอก (External Relations) มีหลักการส�ำคญั ดังนี้ 1) ให้อาเซียนเป็นผู้ผลักดันหลกั ในการรวม กลมุ่ ระดบั ภมู ภิ าคทอี่ าเซยี นรเิ รม่ิ ขน้ึ และเนน้ การเปน็ ศนู ยก์ ลางของ อาเซยี นในโครงสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะดบั ภมู ภิ าค 2) ใหป้ ระเทศสมาชกิ พยายามหาท่าทีร่วมในเวทีระหว่างประเทศต่าง ๆ 3) ก�ำหนดให้ ประเทศผู้ประสานงาน (Country Coordinators) มหี น้าท่ปี ระสาน งานความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาหรือองค์กร ระหวา่ งประเทศอน่ื โดยมคี ณะกรรมการอาเซยี นในประเทศที่ 3 หรอื องคก์ รระหว่างประเทศ (ASEAN Committees in Third Countries and International Organizations) เป็นผู้สนันสนุนการท�ำงาน โดยเฉพาะการส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศท่ีคณะกรรมการ นนั้ ตง้ั อยู่ 4) ใหร้ ฐั มนตรีต่างประเทศอาเซียนในฐานะองค์กรความ รว่ มมอื เฉพาะสาขาเป็นผดู้ แู ลความสอดคล้องและความเป็นอันหนง่ึ อันเดียวกันของการด�ำเนินความสัมพันธ์ภายนอกของอาเซียน 18 ประเทศไทยกับอาเซียน

5) ให้อ�ำนาจคณะมนตรีประสานงานอาเซียนแต่เพียงองค์กรเดียว ในการก�ำหนดสถานะความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับประเทศ หรือองค์กรภายนอก โดยท่ีประชุมรัฐมนตรีอื่น ๆ สามารถเชิญ ประเทศหรือองค์กรภายนอกเขา้ รว่ มกิจกรรมไดเ้ ป็นครั้งคราว และ 6) ให้การรับรองเอกอัครราชทูตท่ีประเทศอ่ืนแต่งต้ังให้เป็นผู้แทน ประจ�ำอาเซยี น บทท่ี 13 บทบญั ญตั ทิ ว่ั ไปและบทบญั ญตั สิ ดุ ทา้ ย (General and Final Provisions) ก�ำหนดเร่ืองพนั ธกรณขี องประเทศสมาชิก ในการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎบัตร และความตกลงต่าง ๆ ของอาเซยี น การมผี ลใชบ้ งั คบั ของกฎบตั รเมอ่ื ทกุ ประเทศใหส้ ตั ยาบนั การภาคยานวุ ตั ิของประเทศสมาชิกใหม่ ซึง่ เปน็ ทีเ่ ขา้ ใจว่าจะเปิดให้ เฉพาะประเทศติมอร์เลสเตเท่าน้ัน การแก้ไขกฎบัตร การทบทวน กฎบัตร 5 ปีหลังจากกฎบัตรมีผลใช้บังคับหรือตามที่ผู้น�ำก�ำหนด การตคี วามกฎบัตร ตามกฎการด�ำเนินงานท่ีก�ำหนดโดยคณะมนตรี ประสานงานอาเซียน การก�ำหนดให้ความตกลงอาเซียนที่มีอยู่ใน ปัจจุบันมีผลใช้บังคับต่อไปและให้กฎบัตรมีผลเหนือกว่าความตกลง ในกรณีทม่ี ีความขัดแยง้ กนั กรรมสทิ ธ์ใิ นทรพั ยส์ ินของอาเซียน กฎบตั รอาเซยี นมผี ลใชบ้ งั คบั ตงั้ แตว่ นั ท่ี 15 ธนั วาคม 2551 กลา่ วคอื หลงั จากทปี่ ระเทศสมาชกิ ครบทง้ั 10 ประเทศ ไดใ้ หส้ ตั ยาบนั กฎบตั ร และการประชุมสุดยอดอาเซียน คร้งั ที่ 14 ระหว่างวันที่ 28 กมุ ภาพนั ธ์ − 1 มีนาคม 2552 ท่ีจงั หวดั เพชรบรุ ี ประเทศไทย เป็นการประชุมระดับผู้น�ำอาเซียนคร้ังแรกหลังจากกฎบัตรมีผล บงั คับใช้ 19ประเทศไทยกับอาเซยี น

กลไกการบรหิ ารของอาเซยี น (Organ) กลไกระดบั อาเซียน การประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) คณะมนตรปี ระสานงานอาเซียน (ASEAN Coordinating Council : ACC) คณะมนตรปี ระชาคมการเมือง คณะมนตรีประชาคมเศรษฐกจิ คณะมนตรปี ระชาคมสงั คมและ และความมั่นคงอาเซียน อาเซยี น (ASEAN Economic วัฒนธรรมอาเซยี น (ASEAN (ASEAN Political - Security Community Council) Socio - Cultural Community Council) Community Council) การประชมุ รมต./จนท.อาวุโส การประชมุ รมต./ จนท.อาวโุ ส อาเซยี นเฉพาะด้าน การประชุม รมต./จนท.อาวุโส อาเซยี นเฉพาะดา้ น อาเซียนเฉพาะดา้ น คณะกรรมการประสานงานการเชือ่ มโยงกันในภูมภิ าคอาเซียน (ASEAN Connectivity Coordinating Committee: ACCC) การตดิ ตามความคืบหน้าระดับอาเซียน กฎบตั รอาเซยี น (ASEAN Charter) ประชาคมการเมอื งและ ประชาคม ประชาคมสงั คมและ ความม่ันคงอาเซยี น เศรษฐกิจอาเซียน วฒั นธรรมอาเซยี น APSC Blueprint AEC Blueprint ASCC Blueprint AEC Scorecard อยรู่ ะหวา่ งท�ำ ASCC Scorecard แผนแมบ่ ทวา่ ดว้ ยความเชอื่ มโยงระหวา่ งกนั ในอาเซยี น (Master Plan on ASEAN Connectivity) การท�ำ Scorecard และ Matrix of Implementation 20 ประเทศไทยกบั อาเซียน

กลไกระดับประเทศ กลไกระดับคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ (รฐั มนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน) คณะกรรมการด�ำเนินการเพอ่ื คณะอนุกรรมการด�ำเนนิ การตาม คณะกรรมการส�ำหรบั คณะ จดั ต้งั ประชาคมการเมืองและ แผนงานไปสกู่ ารเปน็ ประชาคม มนตรีประชาคมสงั คมและ ความม่นั คงอาเซยี น เศรษฐกจิ อาเซยี น วฒั นธรรมอาเซียน คณะอนกุ รรมการวา่ ด้วยความเช่ือมโยงระหวา่ งกันในอาเซยี น การติดตามความคืบหนา้ ระดบั ประเทศ แผนงานแหง่ ชาตสิ �ำหรบั การกา้ วส่กู ารเปน็ ประชาคมอาเซยี นในปี 2558 ภายใตก้ ารก�ำกบั ดแู ลของคณะกรรมการแหง่ ชาติ แผนงานระดบั กระทรวง ภารกิจเรง่ ด่วน การเตรยี มความพร้อมภายในประเทศ การเตรยี มความพรอ้ มส่วน ผลกั ดนั การสรา้ งประชาคมอาเซียน การสรา้ งความตระหนกั รแู้ ละ ราชการ ให้อยู่ในร่างแผนพฒั นาเศรษฐกจิ เตรียมความพรอ้ ม และสังคมแห่งชาติฉบบั ที่ 11 การด�ำเนนิ การ ปรบั โครงสรา้ ง ฝึกอบรม ในภาค ในภาค อย่างเขม้ ข้นเพ่อื สว่ นราชการเพื่อ ขา้ ราชการใหม้ ี การศึกษา ประชาชน สร้างประชาคม รองรบั ประชาคม ความพร้อม และในการมี อาเซียน ปฏิสมั พนั ธ์ กับภายนอก 21ประเทศไทยกบั อาเซียน

ประเทศสมาชกิ อาเซยี น (ขอ้ มลู ณ เมษายน 2555) บรไู นดารสุ ซาลาม บรูไนฯ เปน็ สมาชิกอาเซยี น เมื่อวันท่ี 7 มกราคม 2527 ขอ้ มลู ทว่ั ไป มีช่อื เปน็ ทางการว่า เนการาบรูไนดารุสซาลาม (Negara Brunei Darussalam) ตง้ั อยบู่ นเกาะบอรเ์ นยี ว มนี ำ�้ มนั ดบิ และกา๊ ซธรรมชาติ มีความต้องการน�ำเข้าสินค้าเกษตรและแรงงาน มีนักท่องเท่ียวท่ีมี ก�ำลงั ซอ้ื สงู และสง่ เสรมิ Medical Tourism เรมิ่ พจิ ารณาขยายการคา้ การลงทนุ ในธรุ กจิ ทหี่ ลากหลายในภมู ภิ าคตา่ ง ๆ เพมิ่ มากขนึ้ ซงึ่ เปน็ โอกาสส�ำหรบั ไทยในการเพม่ิ การคา้ การลงทนุ กบั บรไู นฯ และรว่ มกนั เขา้ ไปลงทนุ ในประเทศทีส่ ามมากขนึ้ พ้นื ที่ 5,765 ตารางกโิ ลเมตร เมืองหลวง บันดาร์เสรีเบกาวนั ประชากร 414,000 คน (พ.ศ. 2553) 22 ประเทศไทยกบั อาเซียน

ภาษา มาเลย์ เป็นภาษาราชการ รองลงมาเปน็ ภาษาองั กฤษและภาษาจนี ศาสนา อสิ ลาม (ร้อยละ 67) พทุ ธ (รอ้ ยละ 13) คริสต์ (ร้อยละ 10) และ ฮนิ ดู (ร้อยละ 10) วนั ชาติ วนั ที่ 23 กมุ ภาพันธ์ วันสถาปนาความสัมพันธท์ างการทตู กับไทย วันที่ 1 มกราคม 2527 การปกครอง ระบอบกษัตริย์ มีสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นประมุขของรัฐและเป็น นายกรฐั มนตรี รฐั มนตรกี ลาโหม และรกั ษาการรฐั มนตรกี ารคลงั ดว้ ย อากาศ อากาศโดยท่ัวไปค่อนข้างร้อนชื้น มีปริมาณฝนตกค่อนข้างมาก อณุ หภูมิเฉลยี่ 28 องศาเซลเซียส สกุลเงนิ ดอลลารบ์ รไู น (เงนิ ดอลลารบ์ รไู นมมี ลู คา่ เทา่ กบั เงนิ ดอลลารส์ งิ คโปร์ และสามารถใชแ้ ทนกนั ได)้ ข้อมลู เศรษฐกจิ บรูไนฯ ส่งออกน�้ำมันถึงร้อยละ 90 รายได้ประชากรต่อหัว 23ประเทศไทยกบั อาเซยี น

25,200 ดอลลาร์สหรัฐ แต่น้�ำมันส�ำรองจะเหลืออยู่อีกประมาณ 25 ปี หากไมพ่ บแหลง่ นำ้� มนั ใหมใ่ นอนาคต จงึ เรมิ่ กระจายการผลติ และสง่ เสรมิ อตุ สาหกรรมอน่ื ๆ เชน่ สนิ คา้ เกษตร ประมง และเสอ้ื ผา้ นอกเหนอื จากการผลิตน้ำ� มนั ทรพั ยากรธรรมชาติ น้�ำมันดบิ และกา๊ ซธรรมชาติ ผลติ ภณั ฑส์ ง่ ออกหลัก นำ้� มนั ดิบและก๊าซธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์น�ำเขา้ ทส่ี ำ� คญั เครอื่ งจกั รอตุ สาหกรรม รถยนต์ เครือ่ งใชไ้ ฟฟ้า สนิ คา้ เกษตร อาทิ ขา้ วและผลไม้ ตลาดสง่ ออกที่สำ� คญั ญปี่ ุ่น อาเซยี น เกาหลใี ต้ ออสเตรเลยี ตลาดน�ำเขา้ ทส่ี ำ� คัญ อาเซยี น สหภาพยุโรป สหรฐั อเมริกา ญ่ีปุ่น ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งไทย – บรไู นดารสุ ซาลาม ไทยสถาปนาความสมั พนั ธท์ างการทตู กบั บรไู นฯ เมอื่ วนั ท่ี 1 มกราคม 2527 ท้ังสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและมีทัศนคติท่ีดีต่อกัน มีการแลกเปล่ียนการเยือนระดับราชวงศ์และผู้น�ำระดับสูงอย่าง สม่ำ� เสมอ และเป็นพนั ธมิตรในเร่อื งต่าง ๆ ทง้ั ในกรอบอาเซยี นและ กรอบสหประชาชาติ 24 ประเทศไทยกับอาเซียน

ด้านการเมืองและความมั่นคง ไทยและบรไู นฯ มที ศั นะทางดา้ นการทหารและความมนั่ คงทสี่ อดคลอ้ ง กันและมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้น�ำระดับสูงของกองทัพ ของท้งั สองประเทศ ด้านเศรษฐกิจ/การค้า บรูไนฯ ก�ำลังพยายามเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐกิจท่ีพ่ึงพาน้�ำมัน เปน็ หลกั ไปสกู่ ารปรบั โครงสรา้ งทางเศรษฐกจิ ทมี่ คี วามหลากหลาย มากข้ึน จากเดมิ ที่เนน้ นโยบายใหส้ วัสดิการมาเป็นการส่งเสริมการ ลงทุนจากต่างประเทศ และแปรรูปรฐั วิสาหกิจต่าง ๆ โดยให้เอกชน เข้ามามสี ่วนรว่ ม บรไู นฯ เป็นคคู่ ้าล�ำดบั ท่ี 9 ของไทย ในอาเซียน และอนั ดบั ท่ี 71 ในระดบั โลก สนิ คา้ ทบ่ี รไู นฯ สง่ ออกมาประเทศไทย ได้แก่ สินค้าเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สินค้าส่งออกของ ประเทศไทย คอื ขา้ ว หมอ้ แปลงไฟฟา้ และสว่ นประกอบ ปนู ซเิ มนต์ ผลติ ภณั ฑ์เซรามิก และผลิตภณั ฑ์กระดาษ ด้านการท่องเที่ยว นักท่องเท่ียวบรูไนฯ เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยเป็นนักท่องเท่ียว ที่มกี ารใชจ้ ่ายสงู และมศี กั ยภาพ ดา้ นสังคม วัฒนธรรมและการศกึ ษา ไทยและบรไู นฯ ไดร้ ว่ มลงนามในบนั ทกึ ความเขา้ ใจวา่ ดว้ ยความรว่ มมอื ในทวภิ าคดี า้ นสารสนเทศและการกระจายเสยี งและภาพเพอื่ เปน็ การ ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพันธ์ การแลกเปลย่ี นรายการวทิ ยุ โทรทศั นแ์ ละสอื่ สง่ิ พมิ พท์ ม่ี สี าระ ตลอดจน การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร อันจะส่งผลให้เกิดความเข้าใจอันดี ระหวา่ งประชาชนของทง้ั สองประเทศ 25ประเทศไทยกับอาเซยี น

ด้านการศึกษา ปัจจุบันมีนักศึกษาไทยท่ีไปเรียนในมหาวิทยาลัยบรูไนฯ ทั้งโดยทุน รัฐบาลไทยและบรูไนฯ และมีนักศึกษามุสลิมจากจังหวัดชายแดน ภาคใต้ท่ีไดร้ ับทนุ จากทางการบรูไนฯ ใหไ้ ปเรยี นทางดา้ นรฐั ศาสตร์ และการศาสนา ซึ่งมีทั้งหญิงและชาย แต่ก็มีนักศึกษาหลายคนที่ บริษัทเอกชนในประเทศไทยส่งไปเรียนวิชาท่วั ไป ขอ้ ควรร ู้ - สินค้าทีข่ ัดกับข้อก�ำหนดฮาลาล ได้แก่ เน้อื ไก่สด/แช่แข็ง (ทไ่ี มไ่ ดเ้ ชอื ดโดยชาวมสุ ลมิ ) สนิ คา้ ทข่ี ดั กบั ประเพณี และขนบธรรมเนยี ม อันดงี าม ได้แก่ ภาพและสงิ่ พิมพล์ ามกอนาจาร เป็นต้น สินค้าท่ีขดั กบั หลกั ขอ้ ปฏบิ ตั ขิ องศาสนาอสิ ลาม เชน่ เครอ่ื งดม่ื ผสมแอลกอฮอล์ และสินค้าทขี่ ัดกบั กฎหมายระหว่างประเทศตา่ ง ๆ เช่น กฎหมายที่ ให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เช่น สินค้าปลอม รวมทั้ง สินคา้ ทไี่ ม่เปน็ ไปตามมาตรฐานดา้ นสุขอนามัย - สตรีชาวบรูไนฯ จะแต่งกายมิดชิด นุ่งกระโปรงยาว เสอ้ื แขนยาวและมผี า้ โพกศรี ษะ คนตา่ งชาติ จงึ ไมค่ วรนงุ่ กระโปรงสนั้ และใส่เส้ือไม่มีแขน ควรหลีกเล่ียงเสื้อผ้าสีเหลืองเพราะถือเป็น สีของพระมหากษตั รยิ ์ - การทกั ทายจะจบั มอื กนั เบา ๆ และสตรจี ะไมย่ น่ื มอื ใหบ้ รุ ษุ จบั การใชน้ วิ้ ชไี้ ปทค่ี นหรอื สง่ิ ของถอื วา่ ไมส่ ภุ าพ แตจ่ ะใชห้ วั แมม่ อื ชแ้ี ทน และจะไม่ใช้มือซ้ายในการส่งของให้ผู้อื่น สตรีเวลานั่งจะไม่ให้เท้าช้ี ไปทางผูช้ ายและไมส่ ง่ เสยี งหรือหวั เราะดัง 26 ประเทศไทยกบั อาเซียน

ราชอาณาจกั รกมั พชู า กัมพชู า เป็นสมาชกิ อาเซยี นเมือ่ วันท่ี 30 เมษายน 2542 ขอ้ มูลทว่ั ไป มชี อ่ื เปน็ ทางการวา่ ราชอาณาจกั รกมั พชู า (Kingdom of Cambodia) มคี วามส�ำคญั ในเชงิ ยทุ ธศาสตรต์ อ่ ประเทศไทยในทกุ ๆ ดา้ น เนอ่ื งจาก มีพรมแดนทางบกติดตอ่ กันยาว 798 กิโลเมตร และมพี ้นื ทที่ บั ซอ้ น ทางทะเลประมาณ 26,000 ตารางกโิ ลเมตร จงึ เปน็ ปจั จยั ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ทง้ั “โอกาส” และ “ปญั หา” รวมทง้ั เปน็ แหลง่ วตั ถดุ บิ ตลาดการคา้ และแหล่งลงทุนที่ส�ำคัญของไทย ทั้งสองประเทศจึงควรร่วมมือกัน อย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และทาง เศรษฐกจิ เพอ่ื ผลประโยชนร์ ว่ มกนั ในอนาคต นอกจากนย้ี งั เปน็ จดุ เชอื่ มโยง ทางเศรษฐกจิ และการท่องเที่ยวทส่ี �ำคัญระหว่างไทยและลาว พ้ืนท ่ี 181,035 ตารางกโิ ลเมตร เมืองหลวง กรุงพนมเปญ 27ประเทศไทยกับอาเซยี น

ประชากร 14.14 ล้านคน (พ.ศ. 2553) ภาษา เขมรเป็นภาษาราชการ ส่วนภาษาที่ใช้โดยท่ัวไป ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เวียดนาม จนี และไทย ศาสนา พุทธ (นกิ ายเถรวาท) อิสลาม และคริสต์ วนั ชาต ิ วนั ท่ี 9 พฤศจกิ ายน วนั สถาปนาความสมั พนั ธ์ทางการทตู กับไทย วนั ท่ี 19 ธนั วาคม 2493 การปกครอง ระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตรยิ ์เปน็ ประมขุ อากาศ รอ้ นชื้น มีฤดฝู นยาวนาน อุณหภมู ิโดยเฉลี่ย 20 - 36 องศาเซลเซยี ส สกุลเงิน เรยี ล ขอ้ มูลเศรษฐกจิ รฐั บาลกมั พชู าใหค้ วามส�ำคญั อยา่ งสูงสุดตอ่ การก�ำหนดยทุ ธศาสตร์ 28 ประเทศไทยกับอาเซยี น

การพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ เพอื่ มงุ่ ขจดั ความยากจน ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะใน พ้นื ทช่ี นบทใหด้ ีขึ้น ผลิตภณั ฑ์สง่ ออกหลกั เสอ้ื ผา้ ส่ิงทอ รองเท้า ปลา ไม้ ยางพารา และข้าว ผลิตภณั ฑ์นำ� เขา้ ส�ำคัญ ผลติ ภณั ฑ์ปโิ ตรเลยี ม บุหร่ี ทองค�ำ วัสดกุ ่อสรา้ ง เคร่ืองจักรยาน พาหนะและยา ตลาดสง่ ออกที่ส�ำคัญ สหรัฐอเมรกิ า เยอรมน ี สหราชอาณาจักร แคนาดา และเวยี ดนาม ตลาดนำ� เข้าท่ีสำ� คญั จนี ฮ่องกง เวยี ดนาม ไทย ไตห้ วนั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งไทย - กมั พชู าดา้ นการเมอื งและความมน่ั คง ผู้น�ำไทยกับกัมพูชามีความสัมพันธ์ท่ีใกล้ชิดและมีการแลกเปลี่ยน การเยือนระหว่างกันอย่างสม่�ำเสมอ ซ่ึงมีส่วนช่วยให้ความร่วมมือ ระหวา่ งสองประเทศด�ำเนนิ ไปอยา่ งราบรนื่ และสามารถแกไ้ ขปญั หา และอุปสรรคตา่ ง ๆ ไดแ้ ตย่ งั คงมีประเด็นปญั หาที่ต้องรว่ มมือแกไ้ ข เช่น การปักปันเขตแดน เป็นตน้ ดา้ นเศรษฐกิจ/การคา้ /การลงทุน การลงทนุ ของไทยในกมั พชู าสงู เปน็ ล�ำดบั 5 การลงทนุ ทส่ี �ำคญั ของไทย 29ประเทศไทยกับอาเซยี น

คอื ดา้ นการเกษตร ดา้ นอตุ สาหกรรมและภาคบรกิ าร เชน่ โรงแรม ทอ่ งเที่ยว รา้ นอาหาร และธุรกจิ โทรคมนาคม เป็นต้น ดา้ นสงั คม วฒั นธรรมและการศกึ ษา ไทยกบั กมั พชู ามคี วามคลา้ ยคลงึ กนั ทางดา้ นศลิ ปวฒั นธรรมอยา่ งมาก จงึ เปน็ เรอ่ื งงา่ ยทรี่ ฐั บาลทง้ั สองฝา่ ยจะใชค้ วามรว่ มมอื ดา้ นวฒั นธรรม เป็นส่ือกลาง ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมไทย – กัมพูชา เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและใช้เป็นกลไกในการ กระชบั ความสมั พนั ธร์ ะหว่างประชาชนของทง้ั สองประเทศ และยงั ได้ จัดตั้งคณะอนุกรรมการด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และการ ท่องเท่ียว เพ่ือผลักดันความร่วมมือในแต่ละสาขาด้วย นอกจากน้ี ไทยกบั กมั พชู าไดร้ ว่ มลงนามในบนั ทกึ ความเขา้ ใจวา่ ดว้ ยความรว่ มมอื ด้านสารสนเทศและการกระจายเสียง ดา้ นแรงงาน ไทยกับกัมพูชาได้จัดท�ำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือใน การจ้างแรงงาน และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการ ขจัดการค้าเด็กและผู้หญิงและการช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ เมือ่ วันที่ 31 พฤษภาคม 2546 เพื่อจดั ระเบยี บและแกไ้ ขปัญหา แรงงานข้ามแดนโดยผิดกฎหมายชาวกัมพูชาในไทยรวมท้ังป้องกัน และปราบปรามขบวนการค้ามนษุ ย ์ 30 ประเทศไทยกบั อาเซยี น

สาธารณรฐั อนิ โดนเี ซยี อนิ โดนเี ซยี เปน็ สมาชกิ ผกู้ อ่ ตง้ั อาเซยี น เมอื่ วนั ท่ี 8 สงิ หาคม 2510 ขอ้ มูลท่ัวไป มชี อ่ื เปน็ ทางการวา่ สาธารณรฐั อนิ โดนเี ซยี (Republic of Indonesia) เป็นประเทศท่ีใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีประชากร มุสลิมมากทีส่ ดุ ในโลก มที รัพยากรธรรมชาตมิ าก (น�้ำมนั ถา่ นหนิ ทองค�ำ สตั ว์นำ�้ ) เป็นแหลง่ ประมงที่ใหญ่ทีส่ ุดของไทย มบี ทบาทสูง ในกล่มุ NAM และ OIC พืน้ ที่ 5,193,250 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวง กรุงจาการ์ตา ประชากร 243 ลา้ นคน (พ.ศ. 2553) ภาษา อนิ โดนีเซีย เปน็ ภาษาราชการ 31ประเทศไทยกบั อาเซยี น

ศาสนา อิสลาม (รอ้ ยละ 85.2) ครสิ ตน์ กิ ายโปรแตสแตน (รอ้ ยละ 8.9) คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก (ร้อยละ 3) ฮินดู (ร้อยละ 1.8) พทุ ธ (รอ้ ยละ 0.8) ศาสนาอ่นื ๆ (ร้อยละ 0.3) วันชาต ิ วนั ท่ี 17 สิงหาคม วันสถาปนาความสมั พนั ธ์ทางการทตู กับไทย วันท่ี 7 มีนาคม 2493 การปกครอง ระบอบประชาธิปไตย มปี ระธานาธิบดเี ป็นผนู้ �ำของประเทศ (วาระ การบรหิ ารประเทศ 5 ปี และตอ่ ได้อกี 1 วาระ) มกี ารแบ่งอ�ำนาจ ระหวา่ งประธานาธบิ ดแี ละสภาผแู้ ทนราษฎรและเปน็ การปกครองใน ระบบสาธารณรฐั แบบ Unitary Republic ซง่ึ มกี ารปกครองตนเอง ในบางพนื้ ที่ (Provincial Autonomy) อากาศ แบบป่าฝนเขตรอ้ น มี 2 ฤดูคอื ฤดูแลง้ และฤดูฝน อุณหภมู เิ ฉลีย่ อยู่ ระหวา่ ง 21 – 33 องศาเซลเซยี ส สกลุ เงิน รูเปียห์ 32 ประเทศไทยกบั อาเซียน

ข้อมูลเศรษฐกิจ อินโดนีเซียมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศคิดเป็นมูลค่ารวม ประมาณ 10,349.6 ลา้ นดอลลารส์ หรฐั โดยประเทศผลู้ งทนุ ทส่ี �ำคญั ในอินโดนีเซีย 10 อันดับแรก เม่ือพิจารณาจากมูลค่าการลงทุน คือ สิงคโปร์ อังกฤษ เกาหลีใต้ ญีป่ นุ่ ไต้หวัน ซีเชล เมอริเชียส มาเลเซยี ออสเตรเลยี และบราซลิ ไทยเปน็ ประเทศผลู้ งทนุ อนั ดบั ที่ 15 ของอนิ โดนเี ซีย มีมูลคา่ การลงทนุ ประมาณ 63 ลา้ นดอลลาร์สหรฐั ทรัพยากรส�ำคัญ น�ำ้ มนั ถา่ นหนิ สัตวน์ ้ำ� อุตสาหกรรมหลัก น�้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ส่งิ ทอ เสอ้ื ผา้ รองเท้า เหมอื งแร่ ผลิตภัณฑน์ �ำเข้าที่สำ� คญั นำ้� มัน เหล็ก ทอ่ เหล็กและผลติ ภณั ฑเ์ หล็ก ส่งิ ทอ เคมภี ัณฑ์ ผลิตภัณฑส์ ง่ ออกทส่ี ำ� คัญ ก๊าซธรรมชาติ แรธ่ าตุ ถา่ นหนิ ผลติ ภัณฑจ์ ากไม้ สงิ่ ทอ ตลาดสง่ ออกทส่ี �ำคัญ สหภาพยุโรป ญ่ีปนุ่ สหรัฐอเมริกา จีน 33ประเทศไทยกับอาเซยี น

ตลาดนำ� เขา้ ทสี่ ำ� คญั สิงคโปร์ ญ่ีปนุ่ จีน สหรัฐอเมริกา ความสัมพันธ์ระหว่างไทย – อนิ โดนเี ซยี ไทยมคี วามสัมพนั ธก์ ับดนิ แดนทีเ่ ป็นอนิ โดนเี ซยี ในปัจจบุ นั มาชา้ นาน โดยเฉพาะความสมั พนั ธก์ บั ชวา และ มกี ารแลกเปลยี่ นทางวฒั นธรรม กันอยา่ งลกึ ซึ้ง ท้ังทางวรรณคดี อาหาร เครอื่ งแตง่ กาย และเคร่ือง ดนตรี เป็นต้น ด้านการทูต ไทยและอินโดนีเซียได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเม่ือวันท่ี 7 มนี าคม 2493 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศทงั้ สองด�ำเนนิ ไปได้ ดว้ ยดี มีความสมั พนั ธอ์ ย่างใกลช้ ิดทั้งดา้ นการเมอื ง เศรษฐกจิ และ สังคม ทั้งในระดับทวิภาคีและกรอบพหุภาคีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความร่วมมือในกรอบอาเซียน นอกจากน้ี ยังมีการแลกเปล่ียน การเยอื นในระดบั ตา่ ง ๆ อยา่ งสม่�ำเสมอ ดา้ นการเมืองและความมัน่ คง ทั้งไทยและอินโดนีเซียมีประเพณีการแลกเปล่ียนการเยือนของ ผู้น�ำทางทหาร โดยผนู้ �ำทางทหาร ของทง้ั สองประเทศจะเดินทาง ไปท�ำความรู้จักกันในโอกาสเข้ารับต�ำแหน่งใหม่ และเยี่ยมอ�ำลา ในโอกาสพ้นจากต�ำแหน่ง 34 ประเทศไทยกบั อาเซยี น

ด้านเศรษฐกิจ/การคา้ ไทยและอินโดนีเซียมีกลไกความร่วมมือในรูปของคณะกรรมาธิการ รว่ มว่าดว้ ยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ (JC) ข้อควรร ู้ - ไมค่ วรใชม้ อื ซา้ ยในการรบั - สง่ ของ หรอื รบั ประทานอาหาร คนมสุ ลมิ อนิ โดนเี ซยี ถอื วา่ มอื ซา้ ย ไมส่ ภุ าพ ไมจ่ บั ศรี ษะคนอนิ โดนเี ซยี รวมท้ังการลูบศีรษะเด็ก - การครอบครองยาเสพตดิ อาวุธ หนงั สอื รูปภาพอนาจาร มีบทลงโทษหนัก อาทิ การน�ำเขา้ และครอบครองยาเสพตดิ มีโทษ ถึงประหารชวี ิต นอกจากนัน้ ยังมีบทลงโทษรุนแรงเก่ยี วกบั การค้า และสง่ ออกพชื และสตั วก์ วา่ 200 ชนดิ จงึ ควรตรวจสอบกอ่ นซอื้ หรอื น�ำพืชและสตั ว์ออกนอกประเทศ 35ประเทศไทยกับอาเซียน

สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว ลาวเป็นสมาชิกอาเซยี นเมื่อวนั ที่ 23 กรกฎาคม 2540 ขอ้ มูลทว่ั ไป มีชอ่ื เปน็ ทางการว่า สาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว (Lao People’s Democratic Republic) เปน็ ประเทศเพอ่ื นบา้ นทมี่ คี วาม ใกล้ชิดกบั ไทยท้ังในเชงิ ประวตั ศิ าสตร์ ที่ตั้งทางภูมศิ าสตร์ เชอ้ื ชาติ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม มีเขตแดนติดต่อกับประเทศไทย ทงั้ ทางบกและทางนำ้� ถงึ 1,810 กโิ ลเมตร พฒั นาการตา่ ง ๆ ในลาว จงึ สง่ ผลกระทบตอ่ ไทยและการก�ำหนดนโยบายของไทยตอ่ ภมู ภิ าคอยา่ ง หลกี เล่ยี งไมไ่ ด้ รวมท้งั เป็นแหลง่ ป้อนวตั ถดุ บิ แหล่งพลังงานส�ำรอง และแหล่งลงทุนของไทย เพ่ือการผลิตสินค้าส่งออกไปยังประเทศท่ี สามทใี่ ห้สทิ ธพิ เิ ศษทางการคา้ แกล่ าว นอกจากนเ้ี ป็นประเทศทไ่ี มม่ ี ทางออกทางทะเล แต่สามารถเปน็ จดุ เช่ือมต่อ (Land Bridge หรือ Land Link) ด้านการคมนาคมขนส่งและการส่งออกสนิ คา้ ของไทย ไปยงั ประเทศท่ีสามในอนุภมู ิภาค พ้นื ที่ 236,800 ตารางกโิ ลเมตร 36 ประเทศไทยกับอาเซยี น

เมืองหลวง นครหลวงเวียงจนั ทน์ ประชากร 6 ล้านคน ภาษา ลาว ศาสนา พทุ ธ (ร้อยละ 75) อื่นๆ (รอ้ ยละ 25) วนั ชาต ิ วันที่ 2 ธันวาคม วนั สถาปนาความสัมพนั ธท์ างการทตู กับไทย วันท่ี 19 ธนั วาคม 2493 การปกครอง ระบอบสงั คมนยิ มคอมมวิ นสิ ต์ (ทางการลาวใชค้ �ำวา่ ระบอบประชาธปิ ไตย ประชาชน) โดยพรรคการเมืองเดยี ว คือพรรคประชาชนปฏวิ ตั ลิ าว ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอ�ำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ มีประธาน ประเทศเปน็ ประมขุ และนายกรฐั มนตรเี ปน็ หวั หนา้ รฐั บาล นโยบาย ต่างประเทศมงุ่ สร้างเสรมิ ความสมั พนั ธแ์ บบรอบด้านกบั ทกุ ประเทศ 37ประเทศไทยกับอาเซียน

โดยให้ความส�ำคัญกับประเทศเพ่ือนบ้านเป็นล�ำดับแรก ได้แก่ เวียดนาม จีน เมียนมาร์ กมั พชู า และไทย รองลงมาเปน็ ประเทศ รว่ มอดุ มการณ์ ไดแ้ ก่ รสั เซยี เกาหลเี หนือ และคิวบา อากาศ ลกั ษณะภมู อิ ากาศของลาวคลา้ ยกบั ภาคเหนอื และภาคอสี านของไทย แต่ฤดูหนาวมีอากาศหนาวมากกว่า พ้ืนที่ทางภาคใต้และทาง ตอนกลางของประเทศเปน็ บรเิ วณทีม่ ีฝนตกชกุ มากกวา่ ภาคเหนอื สกลุ เงนิ กบี ข้อมลู เศรษฐกจิ การเพาะปลูก ภาคเกษตรกรรม มพี ืน้ ทีเ่ พาะปลูก 1,187,500 ไร่ และผลติ ข้าวได้ 2.6 ล้านตัน/ปี ผลิตภัณฑส์ ง่ ออกที่ส�ำคญั ไม้ซุง ไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์ไม้ เศษโลหะ ถา่ นหิน เสอื้ ผ้าส�ำเรจ็ รปู ผลติ ภัณฑ์นำ� เขา้ ทส่ี ำ� คญั รถจกั รยานยนต์ และสว่ นประกอบ เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ เครอื่ งอปุ โภคบรโิ ภค ตลาดสง่ ออกทีส่ ำ� คัญ ไทย เวียดนาม ฝรั่งเศส ญ่ีปุ่น เยอรมนี สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรเนเธอรแ์ ลนด์ 38 ประเทศไทยกบั อาเซยี น

ตลาดนำ� เขา้ ทสี่ �ำคญั ไทย จีน เวียดนาม สงิ คโปร์ ญีป่ ุ่น ออสเตรเลยี เยอรมนี ความสมั พันธ์ระหว่างไทย - ลาว ดา้ นการทตู ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวในปัจจุบันด�ำเนินไปอย่างราบร่ืน ใกล้ชิด ท้ังสองฝ่ายได้ใช้กลไกและเวทีความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ที่จัดต้ังขึ้นทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีผลักดันความร่วมมือและ แกไ้ ขปญั หา เพอ่ื หาทางออกรว่ มกนั อย่างสันติวธิ ี ด้านการเมืองและความมนั่ คง กองทัพไทยและลาวมีความสัมพันธ์ท่ีดีทั้งในระดับส่วนกลางและ ท้องถิ่นมีความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านความม่ันคงบริเวณ ชายแดนไทย - ลาว ระหว่างรฐั มนตรีวา่ การกระทรวงกลาโหมกบั รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงปอ้ งกนั ประเทศ ตง้ั แตเ่ ดอื นตลุ าคม 2546 เพ่ือเป็นกรอบในการปฏิบตั ิงานใหช้ ายแดนไทย - ลาวเปน็ ชายแดน แห่งมิตรภาพ สันติภาพ และความมั่นคง นอกจากน้ีทั้งสองฝ่าย ยงั มคี วามรว่ มมอื ดา้ นการปอ้ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ ซงึ่ มกี าร ประชมุ วา่ ด้วยความร่วมมือด้านยาเสพตดิ เป็นประจ�ำทกุ ปี ด้านเศรษฐกิจ/การค้า การคา้ ระหวา่ งประเทศทง้ั สองมมี ลู คา่ เพมิ่ ขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ไทยเปน็ ประเทศที่ลงทนุ ในลาวมากทสี่ ุด นอกจากนไี้ ทยไดใ้ หส้ ิทธพิ ิเศษดา้ น ภาษีศุลกากรในการน�ำเข้าสินค้าเกษตรจากลาว ทั้งในรูปของการ ให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่ และ 39ประเทศไทยกบั อาเซียน

ยกเวน้ อากรขาเขา้ สนิ คา้ ในลกั ษณะ one way free trade หลายรอ้ ย รายการต้งั แตป่ ี 2547 จนถึงปจั จุบัน ด้านการท่องเทย่ี ว นักท่องเท่ียวไทยไปลาวเพ่ิมขึ้นร้อยละ 60 และนักท่องเที่ยวลาว มาไทยเพ่มิ ข้นึ ร้อยละ 78.84 ดา้ นสังคม วฒั นธรรมและการศึกษา ไทยใหค้ วามรว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ และวชิ าการกบั ลาว ตง้ั แตป่ ี 2516 โดยเน้นด้านการพัฒนาบุคลากรในลักษณะการให้ทุนการศึกษา ทุนฝึกอบรม ดูงาน และโครงการพัฒนาในสาขาการเกษตร การศกึ ษา และสาธารณสขุ ทงั้ สองฝา่ ยยงั มคี วามรว่ มมอื ดา้ นแรงงาน ทง้ั การจา้ งแรงงาน การคมุ้ ครองแรงงาน และการแกป้ ญั หาแรงงาน ต่างดา้ วหลบหนเี ขา้ เมือง 40 ประเทศไทยกับอาเซียน

ประเทศมาเลเซยี (Malaysia) มาเลเซียเป็นสมาชิกผู้ก่อตง้ั อาเซียนเมอ่ื วนั ที่ 8 สิงหาคม 2510 ขอ้ มลู ทว่ั ไป มาเลเซียม่งุ เปน็ ประเทศทีพ่ ัฒนาแล้วภายในปี 2563 หรือ (Vision 2020) และมีแผนพฒั นาต่อเน่ือง (Mission 2057) เป็นแนวทาง พฒั นาประเทศจนถงึ ปี 2600 มบี ทบาทส�ำคญั ในองคก์ ารการประชมุ อิสลาม (OIC) และตอ้ งการเปน็ ศนู ย์กลางเศรษฐกจิ การค้าของ OIC ภายในปี 2552 โดยใช้ศักยภาพด้านการบริหารธนาคารอิสลาม และอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ในปี 2550 นกั ทอ่ งเท่ยี วมาเลเซยี มาไทยมากเป็นอนั ดบั หนง่ึ และเปน็ ค่คู ้าส�ำคัญของไทยในอาเซยี น พน้ื ที่ 329,758 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวง กรงุ กัวลาลัมเปอร์ ประชากร 27.73 ลา้ นคน 41ประเทศไทยกับอาเซยี น

ภาษา มาเลย ์ ศาสนา อิสลาม (รอ้ ยละ 60) พุทธ (รอ้ ยละ 19) ครสิ ต์ (ร้อยละ 12) วนั ชาติ วันท่ี 31 สงิ หาคม วนั สถาปนาความสมั พันธท์ างการทูตกบั ไทย วันที่ 31 สิงหาคม 2500 การปกครอง ระบอบประชาธิปไตยแบบรฐั สภา ปัจจบุ ันประกอบดว้ ยรัฐ 13 รฐั ประมุขแห่งรัฐมีต�ำแหน่งเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี อยู่ในต�ำแหน่ง คราวละ 5 ปี นายกรฐั มนตรีเป็นหวั หน้ารฐั บาลสหพนั ธรฐั และ มขุ มนตรีแหง่ รฐั เป็นหวั หนา้ รฐั บาลแหง่ รฐั อากาศ มอี ากาศรอ้ นชืน้ แถบศูนย์สูตร อย่ใู นอิทธิพลของลมมรสุม สกุลเงิน ริงกิต ข้อมลู เศรษฐกิจ การเพาะปลูก เป็นประเทศท่ีผลิตยางพาราที่ส�ำคัญของโลก และ ขา้ วเจา้ ปลกู มากบรเิ วณทีร่ าบลุม่ แมน่ ้ำ� ทง้ั 2 ด้าน 42 ประเทศไทยกบั อาเซียน

ผลิตภัณฑ์ส่งออกทีส่ ำ� คญั อุปกรณ์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ น�้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติเหลว ปโิ ตรเลียม เฟอรน์ เิ จอร์ ยาง นำ้� มันปาลม์ ผลิตภณั ฑ์นำ� เข้าที่สำ� คญั ช้ินส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เคร่ืองจักรอุตสาหกรรม สนิ ค้าแปรรูป สินค้าอาหาร ตลาดสง่ ออกทสี่ �ำคญั สหรฐั อเมรกิ า สงิ คโปร์ ญ่ีปุ่น จีน ไทย ฮอ่ งกง ตลาดนำ� เข้าทีส่ �ำคัญ ญ่ปี ุ่น จนี สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ไตห้ วนั ไทย ความสมั พันธร์ ะหว่างไทยกบั มาเลเซีย ดา้ นการทูต นอกจากสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงกัวลาลัมเปอร์แล้ว ไทย ยังมีสถานกงสุลใหญ่ ในมาเลเซียอีก 2 แห่ง คือ ปีนัง และ โกตาบารู และมีสถานกงสุลกติ ติมศกั ดเ์ิ กาะลงั กาวี อกี 1 แห่ง ส�ำหรบั หนว่ ยงานของสว่ นราชการตา่ ง ๆ ซงึ่ ต้ังส�ำนกั งานอยภู่ ายใต้ สถานเอกอัครราชทูตไทย ได้แก่ ส�ำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร ส�ำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ส�ำนักงานแรงงาน ส่วน หนว่ ยงานของไทยอนื่ ๆ ทตี่ งั้ ส�ำนกั งานในมาเลเซยี คอื การทอ่ งเทยี่ ว แห่งประเทศไทยบริษัทการบินไทย ส�ำหรับหน่วยงานของมาเลเซีย ในไทยได้แก่ สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย และสถานกงสุลใหญ่ มาเลเซยี ประจ�ำจงั หวัดสงขลา 43ประเทศไทยกบั อาเซยี น

ดา้ นการเมืองและความมัน่ คง ไทยและมาเลเซียมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและแน่นแฟ้น มีการ แลกเปล่ียนการเยือนท้ังเป็นทางการและไม่เป็นทางการในระดับ ต่าง ๆ ตัง้ แตร่ ะดบั พระราชวงศช์ ัน้ สงู ระดบั รัฐบาล และเจ้าหนา้ ท่ี อยา่ งสมำ่� เสมอ แตย่ งั คงมปี ระเดน็ ปญั หาทตี่ อ้ งรว่ มมอื กนั แกไ้ ข เชน่ ปัญหาการปักปันเขตแดนทางบก ปัญหาบุคคลสองสัญชาติ และ การกอ่ ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เป็นต้น ด้านเศรษฐกิจ/การคา้ การคา้ ระหวา่ งไทยกับมาเลเซยี ในปี 2550 มีมลู คา่ 16,408 ลา้ น ดอลลารส์ หรฐั ไทยขาดดลุ การคา้ 826.50 ลา้ นดอลลารส์ หรฐั สนิ คา้ สง่ ออกที่ส�ำคญั ของไทย ไดแ้ ก่ เคร่อื งส�ำอาง เครื่องคอมพิวเตอร์ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า ยางพารา สนิ ค้าน�ำเข้าที่ส�ำคญั จากมาเลเซีย ไดแ้ ก่ น�้ำมนั ดิบและแร่เชือ้ เพลงิ เคมีภณั ฑ์ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ อุปกรณแ์ ละสว่ นประกอบเคมีภัณฑ์ เคร่ืองจกั รไฟฟ้า และส่วนประกอบ ในปี 2550 นกั ลงทนุ มาเลเซีย ไดร้ บั อนมุ ตั โิ ครงการลงทนุ จากส�ำนกั งานคณะกรรมการสง่ เสรมิ การ ลงทุนเพ่ิมขนึ้ รอ้ ยละ 53 ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านอุปกรณ์และ ช้นิ สว่ นอิเล็กทรอนิกส์ ดา้ นการทอ่ งเทยี่ ว ในปี 2550 นกั ทอ่ งเทย่ี วมาเลเซยี เดนิ ทางมาประเทศไทย 1.2 ลา้ นคน และนกั ทอ่ งเทย่ี วชาวไทยเดนิ ทางไปมาเลเซยี ประมาณ 600,000 คน ด้านสังคม วัฒนธรรมและการศึกษา ไทยกับมาเลเซยี มีความใกล้ชิดกันในระดบั ท้องถ่ิน ประชาชนท้งั สอง ฝ่ายไปมาหาสู่กันในฐานะมิตรและเครือญาติ มีโครงการเชื่อมโยง 44 ประเทศไทยกับอาเซียน

เส้นทางคมนาคม และความร่วมมือด้านการบริหารจัดการสัญจร ขา้ มแดน เพื่ออ�ำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในพนื้ ท่ีและส่งเสรมิ การติดต่อด้านการค้าและการท่องเท่ียว นอกจากนี้ ท้ังสองฝ่าย ยงั อนญุ าตใหป้ ระชาชนทถี่ อื สญั ชาตขิ องอกี ฝา่ ยหนงึ่ ทอ่ี าศยั อยใู่ นพน้ื ท่ี ชายแดนใช้บัตรผ่านแดนซึ่งออกให้โดยหน่วยงานปกครองท้องถ่ิน ของแต่ละประเทศแทนการใชห้ นงั สือเดินทางเพื่อผา่ นดา่ นพรมแดน รวมทงั้ มกี ารแลกเปลยี่ นการเยอื นของผนู้ �ำศาสนาอสิ ลาม การแลกเปลย่ี น ขอ้ มลู ดา้ นการบรหิ าร จดั การโรงเรยี นสอนศาสนาอสิ ลามและวทิ ยาลยั อิหม่าม เพือ่ สง่ เสรมิ ความรว่ มมอื ด้านกจิ การศาสนาอสิ ลาม มกี าร ประชุมความร่วมมอื ทางวชิ าการระหว่างกันเพ่อื ทบทวนและตดิ ตาม ผลการด�ำเนินงานของท้งั 2 ประเทศ ขอ้ ควรรู้ ประเทศมาเลเซยี บญั ญตั ใิ นรฐั ธรรมนญู ใหศ้ าสนาอสิ ลามเปน็ ศาสนา ประจ�ำชาติ และผู้ทีน่ บั ถอื ศาสนาอิสลามจะได้รบั สทิ ธิพิเศษ คือ เงิน อดุ หนนุ ทางดา้ นการศกึ ษา สาธารณสขุ การคลอดบตุ ร งานแตง่ งานและ งานศพตามนโยบาย “ภมู บิ ตุ ร” มาเลเซยี มปี ญั หาประชากรหลากหลาย เช้ือชาติ ในอดีตเคยเกิดการปะทะระหว่างเช้ือชาติ เนื่องจากการ กีดกันทางเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ในมาเลเซียประกอบด้วย ชาวมาเลย์ กว่ารอ้ ยละ 40 ที่เหลอื กวา่ รอ้ ยละ 33 เปน็ ชาวจนี รอ้ ยละ 10 เป็นชาวอินเดีย ร้อยละ 10 เป็นชนพ้ืนเมืองบนเกาะบอร์เนียว รอ้ ยละ 5 เปน็ ชาวไทย และอ่ืน ๆ ร้อยละ 2 45ประเทศไทยกบั อาเซียน

สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมยี นมาร์ เมยี นมารเ์ ป็นสมาชิกอาเซยี นเมื่อวันท่ี 23 กรกฎาคม 2540 ข้อมลู ท่วั ไป มีชื่อเป็นทางการว่า สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (Republic of the Union of Myanmar) มีทรพั ยากรอดุ มสมบรู ณ์ เป็นแหล่ง วตั ถดุ บิ ทรพั ยากรธรรมชาติ ตลาดการคา้ แรงงาน และแหลง่ ลงทนุ ท่ีส�ำคัญของไทย โดยเฉพาะด้านพลังงาน (ก๊าซและไฟฟ้าพลังน้�ำ) และเป็นทางเช่ือมสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐอินเดีย เมยี นมารเ์ ปน็ “Critical Factor” ในยทุ ธศาสตรร์ ะดบั ภมู ภิ าคของไทย ซงึ่ ไทยไดร้ บั ผลกระทบจากสถานการณภ์ ายในเมยี นมารห์ ลายประการ อาทิ ยาเสพตดิ แรงงานผิดกฎหมาย ความม่ันคงบรเิ วณชายแดน เป็นตน้ พ้นื ท่ี 657,740 ตารางกโิ ลเมตร เมืองหลวง เนปดิ อว์ 46 ประเทศไทยกับอาเซยี น

ประชากร 58.38 ล้านคน (พ.ศ. 2551 - 2552) ภาษาราชการ เมียนมาร์/พมา่ ศาสนา พุทธ (รอ้ ยละ 89) ครสิ ต์ (รอ้ ยละ 5) อิสลาม (ร้อยละ 4) และ อน่ื ๆ (ร้อยละ 2) วนั ชาต ิ วันที่ 4 มกราคม วันสถาปนาความสมั พนั ธท์ างการทตู กับไทย วันที่ 24 สงิ หาคม 2491 การปกครอง การปกครองแบบสาธารณรฐั มรี ฐั สภาซง่ึ ประกอบดว้ ยสภาประชาชน สภาชาติพนั ธ์ุ และสภาทอ้ งถ่นิ โดยมี นายเตง็ เสง่ (U Thein Sein) ด�ำรงต�ำแหนง่ ประธานาธิบดี เป็นประมขุ และหวั หน้ารฐั บาล ตัง้ แต่ วนั ท่ี 30 มีนาคม 2554 อากาศ มรสมุ เมอื งรอ้ น ดา้ นหนา้ ภเู ขาอาระกนั โยมา ฝนตกชกุ มาก ภาคกลาง 47ประเทศไทยกบั อาเซียน

ตอนบนแหง้ แลง้ มาก เพราะมีภเู ขากนั้ ก�ำบงั ลม ส่วนภาคตะวันออก เฉียงเหนอื อากาศคอ่ นข้างเย็น และค่อนข้างแห้งแลง้ สกุลเงิน จ๊ัต ข้อมูลเศรษฐกิจ การเพาะปลกู เกษตรกรรมเปน็ อาชพี หลกั เขตเกษตรกรรมคอื บรเิ วณ ดนิ ดอนสามเหลย่ี มปากแม่น�้ำอริ วดี และแมน่ ำ้� สะโตง ปลกู ขา้ วเจา้ ปอกระเจา อ้อย และพชื เมอื งรอ้ นอนื่ ๆ ผลิตภณั ฑ์สง่ ออกทสี่ �ำคัญ กา๊ ซธรรมชาติ สงิ่ ทอ ไมซ้ ุง ผลิตภัณฑ์น�ำเข้าทส่ี �ำคัญ เครื่องจกั รกล ใยสงั เคราะห์ น้ำ� มันส�ำเร็จรปู ตลาดสง่ ออกที่ส�ำคญั ไทย อินเดยี จีน ตลาดน�ำเขา้ ทีส่ �ำคัญ จนี สิงคโปร์ ไทย ความสัมพันธร์ ะหวา่ งไทย - เมยี นมาร์ ดา้ นการทูต ไทยและเมียนมาร์เปดิ สถานเอกอคั รราชทูตของทั้งสองฝ่ายเมอ่ื วันท่ี 14 ธันวาคม 2492 ทง้ั สองประเทศมีความสมั พนั ธ์ใกล้ชดิ ทงั้ ใน 48 ประเทศไทยกับอาเซยี น

ระดับรัฐบาลและประชาชน มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับ อย่างสม่ำ� เสมอ ด้านการเมืองและความม่นั คง ไทยและเมยี นมารม์ กี ลไกความรว่ มมอื ทวภิ าคี ไดแ้ ก่ คณะกรรมาธกิ าร ร่วมไทย - เมยี นมาร์ (Thailand – Myanmar Joint Commission on Bilateral Cooperation – JC) คณะกรรมการเขตแดนรว่ ม (Joint Boundary Committee – JBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วน ภมู ภิ าค (Regional Border Committee – RBC) เพอ่ื สง่ เสรมิ ความ รว่ มมอื และแกไ้ ขปญั หาในระดบั ตา่ ง ๆ ทง้ั ในภาพรวมและระดบั พน้ื ท ่ี ด้านเศรษฐกิจ/การคา้ ไทยและเมยี นมารม์ กี ลไกความรว่ มมอื ในกรอบคณะกรรมาธกิ ารรว่ ม ทางการคา้ ไทย - เมียนมาร์ (Joint Trade Commission – JTC) เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือทางการค้าระหว่างกัน ไทยเปน็ ประเทศคคู่ ้าอนั ดับ 1 ของเมียนมาร์ สนิ คา้ สง่ ออกท่สี �ำคญั ของไทย ไดแ้ ก่ ไขมันและน�้ำมันจากพืชและสัตว์ เคมภี ัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และเม็ดพลาสติก สินค้าท่ีไทยน�ำเข้าจาก เมียนมาร์ ไดแ้ ก่ ก๊าซธรรมชาติ ไม้ซงุ ไม้แปรรูป สนิ แร่โลหะอน่ื ๆ และเศษโลหะ เหลก็ เหล็กกลา้ และถา่ นหนิ ดา้ นการลงทนุ ภาค เอกชนไทยลงทนุ ในเมียนมาร์ รอ้ ยละ 17.28 ของการลงทุนจาก ต่างประเทศทัง้ หมด และเป็นอนั ดบั 2 รองจากประเทศสิงคโปร์ ดา้ นการทอ่ งเท่ียว ไทยและเมียนมาร์จัดตั้งคณะกรรมการร่วมด้านการท่องเท่ียวและ พฒั นาการทอ่ งเทยี่ วระหวา่ งภาคใตข้ องไทยกบั เมอื งทวายของเมยี นมาร์ 49ประเทศไทยกบั อาเซยี น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook