Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 18348x844X9x6wAG28Gw

18348x844X9x6wAG28Gw

Description: 18348x844X9x6wAG28Gw

Search

Read the Text Version

132 ภาพท่ี 4.27 ท่าย่ิงใหญ่ ท่ีมา : ปิ่นเกศ วัชรปาณ, 2559 กลุม่ ท่ี 1 ศีรษะ : ระหวา่ งทิศทางท่ี 1 และ 4 ลาตัว : ระหวา่ งทศิ ทางที่ 1 และ 4 แขน-มอื : คนท่ี 1 และ 4 ต้ังวงมือในสูง คนท่ี 2 และ 3 มือซ้ายจีบส่งหลัง มือขวาตัง้ วงมือซา้ ยอยู่ระดบั ไหล่ ขา-เทา้ : ยนื เทา้ ซา้ ยอยู่ขา้ งหนา้ กลุม่ ที่ 2 ศรี ษะ : ทศิ ทางที่ 1 ลาตวั : ทิศทางที่ 1 แขน-มือ : 3 คนยก คนท่ถี ูกยกมือขวาตง้ั วงมอื ซ้ายเหยยี ดแขนตงึ ขา้ งตัว ขา-เทา้ : ค่อยๆ เดินไปทางขวาของเวที คนท่ีถูกยกขาขวางอเข่า ขาซ้าย เหยยี ดออก สือ่ ความหมาย : การกลับมารงุ่ เรืองอีกครั้ง

133 ภาพท่ี 4.28 ท่าความสาเร็จ ท่ีมา : ปิ่นเกศ วัชรปาณ, 2559 ศรี ษะ : ทิศทางที่ 1 ลาตัว : ทศิ ทางที่ 1 แขน-มือ : ผูช้ ายคนหนง่ึ ยกคนกลางขึน้ คนที่โดนยกนามือประกบกันข้างหน้า งอแขนเล็กน้อย ส่วนคนท่ีเหลือต้ังมือแขนงออกทั้งสองข้าง มือแตะหลังคนท่ีถูกยก มือท่ีอยู่ด้านหลังต่าลง ผู้หญิงต้ังมือ แขนท้ัง 2 ข้างกลางออก มือหน้าสอง มือหลงั ต่าลงระดับไหล่ ขา-เทา้ : ผู้ชายขาในก้าวหน้า ขานอกวางหลังกดปลายเท้า ผู้หญิงน่ังทับ ส้นเทา้ ขาใน ขานอกเหยยี ดไปข้างหลังกดปลายเท้า ส่อื ความหมาย : ความสาเรจ็ เกดิ ข้ึนจากความสามัคคี

134 การเคลือ่ นไหวบนเวที และการแปรแถว แถวท่ี 1 แถวปากผนัง แถวที่ 2 รวมกลมุ่ 2 กลุ่ม แถวที่ 3 ปากผนงั คู่

135 แถวท่ี 4 แถวสับหว่าง แถวท่ี 5 แถวเฉียง แถวที่ 6 แถวเฉียงคู่

136 แถวที 7 แถวเป็นตง้ั ซมุ้ แถวท่ี 8 แถวกากบาท แถวที่ 9 แถวรวมกลุ่ม 2 กล่มุ

137 แถวที่ 10 แถวปากผนงั คว่า

138 การแต่งกาย การแสดงชุดสุวรรณวารี แบ่งกายอกเป็น 2 แบบ คือ การแต่งกายของนักแสดงและกายแต่ง ของนักแสดงชาย เครอ่ื งแต่งกายของนักแสดงหญิงท่ใี ช้ในการแสดง ภาพท่ี 4.29 เครอ่ื งแต่งกายนักแสดงหญิง ทม่ี า : ปิน่ เกศ วัชรปาณ เครื่องแต่งกายของนักแสดงหญิงที่ใช้ในการแสดงสุวรรณวารีประกอบไปด้วยเกาะอกสาเร็จ ผ้าแถบสีแดงความยาวประมาณ 2.5 เมตร กว้าง 50 เซนติเมตร ผ้าถุงพิมพ์ลายโทนสีน้าตาลชมพู ความยาวประมาณ 2 เมตร กางเกงขายาวผ้าชีฟองสีเทา ผ้าคาดเอวเย็บสาเร็จ มีผ้าพลิ้วห้อยหน้าสี น้าตาลปักด้วยลูกปัดสีทองเพ่ือเพ่ิมลวดลายและทาให้แวววาวสวยงามเมื่อแสงไฟที่ใช้ในการแสดง ตกกระทบ

139 เครื่องแต่งกายของนักแสดงชายทใ่ี ชใ้ นการแสดง ภาพท่ี 4.30 เครื่องแต่งกายนักแสดงชาย ที่มา : ป่ินเกศ วชั รปาณ เครื่องแต่งกายของนักแสดงชายได้ดัดแปลงการแต่งกายของชายไทยสมัยอยุธยา ผู้ชาย ไม่ใส่เสื้อ ใช้ผ้าสีแดงพาดไหล่ ใส่กางเกงผ้าชีฟองสีดาไว้ข้างใน ทับด้วยผ้าถุงสีน้าตาลทองจับผ้า ลักษณะคล้ายโจงกระเบน โดยมัดผ้าให้พอดีเอว ดงึ ชายผ้าท้ังสองขา้ งพับไวด้ ้านใน ดึงออกทางหลับจับ จีบหน้านาง ใส่ผ้าคาดเอวทับ เครื่องประดับ สร้อยถัก เข็มขัดถัก ข้างหลังจะเย็บสไบติดกัน และเห็น จบี ของผา้ ถงุ ท่ีจับจบี วางทับไว้ เพลงและดนตรี เป็นการประพันธ์เพลงขนึ้ ใหม่ ซ่งึ ใช้แนวคดิ ทานองเพลงชเวดากองของวงฟองน้า มาเป็นหลัก ในการประพันธ์ ท่ีมีท่วงทานองไทยส่ือถึงสายน้า และประพันธ์เพลงเพิ่มเติมข้ึน โดยนาเพลงอารมณ์ ของการแสดงใน 3 ช่วง เปน็ หลักในการออกแบบเพลงดนตรี ดงั น้ี

140 ช่วงท่ี 1 ใช้จังหวะดนตรีมีความเร็วปานกลาง ให้อารมณ์สบาย เปรียบเหมือนการล่องเรือ การดาเนินชวี ติ แบบไทย ช่วงท่ี 2 ใช้จังหวะดนตรีท่ีเร็วข้ึน ทานองให้ความรู้สึกต่ืนเต้น หวาดกลัว มีเสียงพายุโหม กระหน่า ช่วงที่ 3 ใช้จงั หวะดนตรีท่ชี ้า ทานองให้ความรู้สกึ เข้มแข็ง และย่ิงใหญ่ นอกจากน้ี ยงั ใชเ้ ทคนคิ เสียงประกอบเขา้ ชว่ ย เพื่อความสมจริงในการบนั ทกึ เสยี ง โนต้ เพลง ตารางท่ี 4.1 โน้ตเพลงสวุ รรณวารี ---ด -ลซด -ม-ด -ลซด -ซ-ม รมชร -ซ-ฺ ฟ ลมฟซ -ซ-ซ ลมชร -ม-ฟ ซฟมด -มรม ---ล --ดล -ซ-ม -ซ-ด ซรฟํด --ลซ --ฟม ---ล ---ล ---- ---- ---- ---- -ลฟซ ซฟมร มฟซ- -ทดฺ ร -มฟซ ซฟมร ม ฟ ซ - -ทฺดร ---ม -ซลซ -มรม ซมรด -ร-ม ซมรด -ทฺ -ลฺ ---- ---- ซ-ลซ -ล-ซ -ล-ซ ลซมร ด-รม -ซ- ม --รด รมซม รดลฺด ---- ซฺลฺดร -มซม -ร-ม -ร-ม ซลซม ซมรม ซมรม --ซด ---- ---- -ม-ซ -ร-ม -ดรลฺ -ม-ซ -ร-ล -ทลร -ม-ซ -ร-ล -ซลม -ม-ซ -ร-ล -ทลร -ทลซ ---- -ร-ท -ล-ท -รมร -ท-ล -ซ-ล -ทรม -ร-ซ -ล-ซ -มรม -ซมร มรทรฺ -ทลฺ ทฺ ฺ -ลฺ-ซฺ ---- -ร-ท -ล-ท -รมร -ท-ล -ซ-ล -ทรม -ร-ม -ซ-ม -รทร -ทลท -ลซล -ท-ร -ม-ร -ล-ร -มซม -ร-ม -ร-ม -รมซ -ร-ซ -ล-ซ -มรม -ชมร มรทร -ทลท -ล-ซ ---- ---- ---- ----

141 สรปุ การแสดงนาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ชุดสุวรรณวารี ได้มีวิธีการศึกษาค้นคว้าและวิธีการดาเนิน โครงการอย่างเป็นระบบเพ่ือสร้างสรรค์ผลงานให้มีความสมบูรณ์แบบตรงตามวัตถุประสงค์ ซึ่งมีขั้นตอนเร่ิมตั้งแต่ศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลภาคสนามจากการสัมภาษณ์ผู้เช่ียวชาญและ การสังเกตวิถีชีวิต พฤติกรรมของชุมชนในแถบลุ่มแม่น้า กาหนดเนื้อหาและรูปแบบการแสดง ออกแบบการแสดงเชิงสัญลักษณ์ มีการแทนความหมายเปรียบเทียบลักษณะนามธรรม ที่ถ่ายทอด เร่ืองราวความสามัคคีของคนสยามในอดีต เป็นการสร้างเร่ืองราวท่ีมีการดาเนินเร่ือง และ เกิดอุปสรรค ตลอดจนการแก้ใขปัญหา จบลงด้วยความสาเร็จ ซ่ึงนับได้ว่ามีการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ ไทยที่มีความแปลกใหม่ น่าสนใจ และผู้ชมสามารถเข้าใจได้ชัดเจน การสร้างสรรค์กระบวนท่าราใช้ รูปแบบนาฏศิลป์ไทยเป็นหลัก จานวน 28 ท่า มีการใช้ลักษณะการเชื่อมท่าและเคลื่อนไหวแบบ รวดเรว็ โดยมีการใชจ้ งั หวะนบั ในคร่ึงจงั หวะบอ่ ยคร้ัง การใชล้ าตัวมีลักษณะเกินจริง ใช้วงล้น ซึ่งถือว่า เปน็ นาฏยลกั ษณ์ในระบาชดุ น้ี

142

บทที่ 5 การสรา้ งสรรค์นาฏศลิ ปไ์ ทยประเภทพนื้ เมือง ชดุ เซ้งิ สาวกุมภวาโบกขา้ วหลาม เซิ้งสาวกุมภวาโบกข้าวหลาม เป็นผลงานการสร้างสรรค์นาฏศิลป์ไทยประเภทพ้ืนเมือง ที่นาเสนอถึงอาชีพขายข้าวหลามท่ีมีช่ือเสียงของ อาเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี โดยเน้ือหาของ การแสดงสื่อให้เห็นถึงอาชีพขายข้าวหลามประกอบกับท่าทางการเรียกลูกค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของ แม่ค้าที่เป็นที่ดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี การสร้างสรรค์นาฏศิลป์ไทยประเภทพื้นเมืองนี้ เป็นการนาเอานาฏยลักษณ์นาฏศิลป์พื้นบ้านในท้องถ่ิน เช่นการย่าเท้าเร็ว การใช้ลาตัวโยกไปมาอยู่ ตลอดเวลา การใช้การจีบ ตั้งวงในลักษณะไล่ท่าจากต่าไปสูง การเคลื่อนไหวสะโพกข้ึนลง ไปด้านหน้าและด้านข้าง ชุดเซ้ิงสาวกุมภวาปีโบกข้าวหลามนี้มีความโดดเด่นท่ีการนาเอาท่าโบก ข้าวหลามของแม่ค้ามาสร้างสรรค์เพิ่มเติมให้เกิดความลงตัวได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งมีขั้นตอน การสรา้ งสรรค์ผลงาน ได้แก่ ข้ันตอนและวิธีการสร้างสรรค์ แนวคิด แรงบันดาลใจ การแบ่งช่วงแสดง การประดิษฐ์แม่ท่าและกระบวนท่า การเคลื่อนไหวบนเวทีและการแปรแถวการแต่งกาย เพลงและ ดนตรี ขนั้ ตอนและวิธกี ารสรา้ งสรรค์ 1. ศึกษาจากเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับประเพณี วัฒนธรรมท้องถ่ินอาเภอกุมภวาปี จังหวัดอดุ รธานี 2. รวบรวมข้อมลู จากงานวจิ ัย เรอื่ งข้าวหลาม เพอ่ื ทราบถงึ วิธกี ารทาข้าวหลาม 3. ศึกษาข้อมูลโดยการสมั ภาษณบ์ ุคคล 3.1 สัมภาษณ์ นางทองย้อย พาวิรัตน์ อาเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี เพ่ือทราบ วิธีการขายข้าวหลาม 3.2 สัมภาษณ์ นางหนูนา เจริญสุข อาเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี เพื่อทราบกรรม วิธกี ารโบกขา้ วหลาม 4. กาหนดเนอื้ หาและรปู แบบการแสดง 4.1 เน้ือหา ผู้สร้างสรรค์ ได้รวบรวมข้อมูลจากเอกสารต่างๆข้างต้น นอกจากน้ียังได้ศึกษา จากการสัมภาษณ์ และเก็บข้อมูลท่าทางของโบกข้าวหลาม เพื่อเป็นแนวทางในการกาหนดขอบเขต เนื้อหาของการแสดง ให้สอดคล้องและตรงตามวัตถุประสงค์ ของหัวข้อเรื่องมากที่สุด โดยเน้นเน้ือหา

144 ในส่วนของท่าทางการโบกข้าวหลาม ซึ่งผู้สร้างสรรค์มีแนวคิดท่ีต้องการให้ผู้ชมได้ทราบถึงท่าทาง การโบกขา้ วหลามท่เี ปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะ 4.2 รูปแบบของการแสดง การนาท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์ ดึงดูดสายตาลูกค้าท่ีขับรถ ผ่านร้านขายข้าวหลามท่ีมีความโดดเด่น ดึงดูดลูกค้า มาสร้างสรรค์ท่าทางเพิ่มเติมจากจินตนาการ นาเสนอในรูปแบบนาฏศลิ ปพ์ ื้นเมอื ง โดยใชน้ กั แสดงหญงิ 8 คน การแสดงแบง่ ออกเป็น 3 ชว่ ง ดังนี้ ช่วงที่ 1 สื่อถงึ เอาขา้ วหลามออกมาขาย ช่วงท่ี 2 สือ่ ถึงกระบวนการโบกข้าวหลาม ช่วงท่ี 3 ส่ือถึงการพกั เหน่ือย แนวคดิ ผู้สร้างสรรค์นาเสนอความคิดท้ังหมดออกมาในรูปแบบของการแสดงนาฏศิลป์ไทยประเภท พื้นเมืองอีสาน โดยเน้ือเร่ืองต้องนาเสนอถึงกรรมวิธีการการขายข้าวหลามที่มีท่าทางการโบก ข้าวหลามเป็นหลัก เช่น กระบวนการนาข้าวหลามมาตั้งร้าน การเรียกลูกค้าหรือ ลักษณะท่าทางของ การโบกขา้ วหลาม แรงบนั ดาลใจ เน่ืองจากข้าวหลามเป็นสินค้า OTOP ประจาอาเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี มีวิธีการขาย ข้าวหลามในวิธีการเรียกลูกค้าท่ีเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองซ่ึงเป็นสิ่งท่ีสะดุดตาให้ลูกค้าจอดรถซ้ือข้าว หลามผู้สร้างสรรค์ผลงานจึงนาเอาวิธีการโบกข้าวหลามมานาเสนอถ่ายทอดและสร้างสรรค์ชุด “เซงิ้ สาวกมุ ภวาปโี บกขา้ วหลาม การแบง่ ชว่ งการแสดง เซ้ิงสาวกุมภวาปีโบกข้าวหลามใช้ผู้แสดงเป็นหญิงต้ังแต่ 8-10 คนขึ้นไป โดยนาลักษณะ ทา่ ทางการโบกรถเรยี กลกู ค้าตามแนวข้างทาง เพอื่ ให้ลูกค้าจอดและซื้อขา้ วหลาม แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ดังน้ี ชว่ งแรก ส่อื ถงึ การต้ังร้านขายข้าวหลามของแม่คา้ ช่วงที่ 2 ท่าทางวิธีการเรียกลูกค้าโดยใช้การเลียนแบบท่าทางธรรมชาติที่พบเห็นนามาประดิษฐ์ท่ารา ลกั ษณะนาฏศิลปพ์ ้นื เมืองอสี าน

145 ชว่ งท่ี 3 การพักเหนื่อยหลงั จากขายขา้ วหลาม แสดงถึงความสนกุ สนาน ร่ืนเรงิ การประดิษฐแ์ มท่ ่าและกระบวนทา่ การแสดงชุดเซ้ิงสาวกุมภวาปีโบกข้าวหลามมีแม่ท่าและกระบวนท่าทั้งหมด 25 กระบวนท่า แต่ละท่าจะให้ความหมายต่างกันออกไปตามบทบาทในการแสดง โดยเป็นท่าที่ประดิษฐ์ข้ึนใหม่จาก ข้อมูล และจนิ ตนาการของผสู้ รา้ งสรรค์ ซ่ึงอาศัยพืน้ ฐานมาจากทา่ ราพ้ืนเมืองมาช่วยในการสร้างสรรค์ กระบวนทา่ ภาพที่ 5.1 ทา่ ท่ี 1 ทมี่ า : ป่นิ เกศ วัชรปาณ, 2559 ศรี ษะ : เอยี งขวาเล็กนอ้ ย ลาตวั : หันตรงไปทศิ ที่ 1 แขน-มือ : มอื ซ้ายท้าวสะเอวมือขาวจบี ทห่ี มวก ขา-เทา้ : ยืนจรดพนื้ เท้าขาว ส่อื ถึงการออกมาตง้ั ร้านขายขา้ วหลามทรี่ ิมทาง

146 ภาพที่ 5.2 ท่าที่ 2 ทม่ี า : ปนิ่ เกศ วัชรปาณ, 2559 ศรี ษะ : เอียงขวา ลาตัว : หนั ตรงไปทศิ ที่ 1 แขน-มือ : มือขวาจับหมวกวางท่หี ัวไหลซ่ ้าย มือซ้ายทา้ วสะเอว ขา-เท้า : เทา้ ซา้ ยกา้ วหนา้ เท้าไขวห้ ลังเปดิ ส้นเทา้ ส่อื ถึงการออกมาตงั้ รา้ นขายขา้ วหลามทร่ี ิมทาง

147 ภาพที่ 5.3 ทา่ ท่ี 3 ท่ีมา : ปนิ่ เกศ วัชรปาณ, 2559 ศรี ษะ : เอียงขวา ลาตัว : หนั ตรงไปทศิ ที่ 1 แขน-มือ : มอื ขวาจับหมวกยื่นมาขา้ งหน้าเฉยี งออกข้างลาตวั เลก็ น้อย มือซา้ ยทา้ วสะเอว มอื -เท้า : เทา้ ขวาก้าวหน้า เท้าซ้ายไขว้หลังเปดิ สน้ เท้า สอ่ื ถงึ การออกมาต้ังรา้ นขายข้าวหลามทร่ี ิมทาง

148 ภาพที่ 5.4 ท่าที่ 4 ท่มี า : ปนิ่ เกศ วชั รปาณ, 2559 ศรี ษะ : เอียงขวา ลาตวั : หันตรงไปทิศท่ี 1 แขน-มอื : มอื ขวาจีบหงายเหยียดแขนตึงเฉียงมาดา้ นขวาเลก็ นอ้ ย มือขวาทา้ วสะเอว ขา-เทา้ : เท้าซา้ ยก้าวหน้า เท้าขาไขว้หลงั เปดิ ส้นเท้า สอื่ ถึงการออกมาต้งั รา้ นขายข้าวหลามที่ริมทาง

149 ภาพท่ี 5.5 ทา่ ท่ี 5 ทม่ี า : ปนิ่ เกศ วัชรปาณ, 2559 ศีรษะ : ตรง ลาตวั : หนั ตรงไปทิศที่ 1 แขน-มอื : มือจบี ค่าทงั้ สองขา้ งแขนเหยยี ดตงึ ขา-เทา้ : เท้ายา่ ทง้ั สองข้าง สอ่ื ถึงการออกมาตัง้ รา้ นขายข้าวหลามทรี่ ิมทาง

150 ภาพที่ 5.6 ทา่ ท่ี 6 ท่ีมา : ป่ินเกศ วัชรปาณ, 2559 ศีรษะ : เอียงซา้ ย ลาตวั : หันตรงไปทศิ ท่ี 1 แขน-มอื : มือซา้ ยตั้งวงล่าง มอื ขาวต้ังวงบน ขา-เทา้ : เทา้ ซา้ ยกา้ วหน้า เท้าขวาไขว้หลงั เปดิ สน้ เทา้ สอ่ื ถึงการโบกมือเรียกลูกค้า

151 ภาพที่ 5.7 ทา่ ท่ี 7 ทม่ี า : ปิน่ เกศ วัชรปาณ, 2559 ศรี ษะ : เอยี งขวา ลาตัว : หันตรงไปทศิ ที่ 1 แขน-มอื : มอื ท้ังสองข้างแทงวงลงแล้วตง้ั วงขึ้นระดับชายพก ขา-เทา้ : เทา้ ซา้ ยก้าวหนา้ เทา้ ขวาไขว้หลังเปิดส้นเทา้ สอื่ ถงึ การโบกมือเรียกลกู คา้

152 ภาพที่ 5.8 ทา่ ที่ 8 ท่มี า : ป่ินเกศ วชั รปาณ, 2559 ศีรษะ : เอียงขวา ลาตวั : หนั ตรงไปทิศท่ี 1 แขน-มือ : มือขวาต้งั วงบนระดบั หางคิว้ มอื ซ้ายตั้งวงลา่ งระดับชายพก ขา-เทา้ : เทา้ ซา้ ยกา้ วหนา้ เท้าขวาไขว้หลังเปิดสน้ เท้า สอ่ื ถึงการโบกมือเรยี กลูกค้า

153 ภาพท่ี 5.9 ทา่ ที่ 9 ท่มี า : ปิ่นเกศ วัชรปาณ, 2559 ศีรษะ : ตรง ลาตัว : หันเขา้ วง แขน-มือ : มือขวาจบี คว่าแขนเหยียดตึง มือซ้ายกาแขนงอเล็กนอ้ ย ขา-เท้า : เทา้ ย่าตามจังหวะ ส่อื ถึงการรวมกลุ่มกันเพื่อเรียกลกู คา้

154 ภาพท่ี 5.10 ท่าท่ี 10 ที่มา : ปิน่ เกศ วัชรปาณ, 2559 ศีรษะ : เอียงขวา ลาตัว : หนั เข้าวง แขน-มอื : มอื ทงั้ สองข้างต้งั วงล่าง ขา- เทา้ : เทา้ ซา้ ยก้าวหนา้ เท้าขวาไขวห้ ลังเปิดสน้ เท้าย่อเข่าลง สื่อถึงการโบกมือเรียกลกู ค้า

155 ภาพที่ 5.11 ทา่ ท่ี 11 ท่ีมา : ป่ินเกศ วชั รปาณ, 2559 ศรี ษะ : ตรง ลาตัว : หมนุ ทวนเขม็ นาฬกิ า แขน-มือ : มอื ทั้งสองกา แขนเหยยี ดตึง ขา-เท้า : ยนื จรดเทา้ ซ้าย สื่อถึงการเดินรวมกลุ่ม

156 ภาพท่ี 5.12 ท่าท่ี 12 ทม่ี า : ปน่ิ เกศ วชั รปาณ, 2559 กลุม่ ที่ 1 ศรี ษะ : ตรง ลาตัว : หันตรงไปทิศท่ี 1 แขน-มอื : มอื ท้งั สองข้าง จับหมวกแขนเหยยี ดตงึ ส่งไปข้างหนา้ ขา-เท้า : เดนิ ย่าเท้า กลุ่มที่ 2 ศรี ษะ : เอยี งขวา ลาตวั : หนั ตรงไปทิศที่ 1 แขน-มอื : มอื ทง้ั สองขา้ งตงั้ วงบน มือ-เท้า : เดนิ ยา่ เทา้ ทั้งสองข้างแลว้ คอ่ ยๆนั่งลง สื่อถึงการพักเหนอื่ ยโดยใชห้ มวกพดั ให้คลายรอ้ น

157 ภาพที่ 5.13 ทา่ ท่ี 13 ที่มา : ปิ่นเกศ วชั รปาณ, 2559 กลมุ่ ที่ 1 ศีรษะ : ตรง ลาตัว : หนั ตรงไปทิศที่ 1 แขน-มอื : มอื ท้งั สองขา้ งจบั หมวก ขา-เทา้ : เปิดส้นเทา้ ท้งั สองขา้ ง น่ังย่อเขา่ กล่มุ ท่ี 2 ศรี ษะ : เอียงขวา ลาตวั : หันตรงไปทิศที่ 1 แขน-มือ : มือทั้งสองข้างตงั้ วงบน ขา-เทา้ : เดนิ ยา่ เทา้ ทั้งสองขา้ ง ขาขวาทับซา้ ย สอื่ ถงึ การพกั เหน่อื ยโดยใช้หมวกพดั ใหค้ ลายร้อน

158 ภาพท่ี 5.14 ทา่ ท่ี 14 ท่มี า : ปิ่นเกศ วชั รปาณ, 2559 กลมุ่ ที่ 1 ศรี ษะ : เอยี ง ลาตัว : หนั ตรงไปทิศที่ 1 แขน-มือ : มอื ขวาจับหมวกมือซ้ายแทงมือลง ขา-เท้า : เท้าย่าท้ังสองขา้ ง กลุ่มที่ 2 ศีรษะ : เอียงขวา ลาตวั : หันตรงไปทิศท่ี 1 แขน-มือ : มือทงั้ สองข้างต้งั วงสลบั กัน ขา-เทา้ : เดินย่าเท้าทง้ั สองข้าง ขาขวาทับซ้าย สื่อถงึ การพักเหน่ือยโดยใชห้ มวกพัดใหค้ ลายร้อน

159 ภาพที่ 5.15 ทา่ ที่ 15 ทม่ี า : ป่ินเกศ วัชรปาณ, 2559 กล่มุ ท่ี 1 ศีรษะ : เอียงซ้าย ลาตัว : หันตรงไปทิศท่ี 1 แขน-มือ : มอื ขวาจับหมวกเหนือศรี ษะเลก็ นอ้ ย มือซา้ ยทา้ วสะเอว ขา-เท้า : นั่งคกุ เข่าทับส้น 1 คน กลมุ่ ที่ 2 ศรี ษะ : ตรง ลาตวั : หนั ตรงไปทิศที่ 1 แขน-มอื : มือขวาจับหมวกเหนือศีรษะเลก็ น้อย มือซ้ายทา้ วสะเอว ขา-เทา้ : นงั่ ตง้ั เข่าขวา 2 คน กลุ่มท่ี 3 ศีรษะ : ตรง ลาตวั : หันตรงไปทิศท่ี 1 แขน-มือ : มือขวาจับหมวกเหนือศรี ษะเล็กนอ้ ย มือซ้ายท้าวสะเอว ขา-เท้า : เทา้ ซา้ ยกา้ วหน้า เท้าขวาไขวห้ ลงั เปิดสน้ เท้า ส่อื ถึงการพักเหนื่อยโดยใชห้ มวกพัดใหค้ ลายร้อน

160 ภาพท่ี 5.16 ทา่ ที่ 16 ท่ีมา : ปนิ่ เกศ วชั รปาณ, 2559 ศรี ษะ : เอียงขวา ลาตวั : หมนุ ทวนเข็มนาฬกิ า แขน-มือ : ปรบมอื ขา-เทา้ : ยืนจรดเทา้ ซา้ ย สื่อถงึ การปรบมือเรยี กลูกค้า

161 ภาพท่ี 5.17 ท่าท่ี 17 ทีม่ า : ป่นิ เกศ วชั รปาณ, 2559 ศรี ษะ : เอียงซา้ ย ลาตัว : หมุนทวนเขม็ นาฬิกา แขน-มอื : มอื ท้งั สองข้างกวัก ขา-เทา้ : ยืนจรดเท้าขวา สือ่ ถึงการโบกมือเรียกลกู ค้า

162 ภาพที่ 5.18 ทา่ ที่ 18 ท่มี า : ปิน่ เกศ วัชรปาณ, 2559 ศีรษะ : ตรง ลาตวั : หันตรงไปทิศท่ี 1 แขน-มอื : มอื ขวาจับหมวกแขนเหยียดตึงเหนอื ศีรษะ มือซา้ ยท้าวสะเอว ขา-เทา้ : ยนื จรดเท้าซา้ ย สอ่ื ถงึ การใช้หมวกพัดเพ่ือคลายรอ้ น

163 ภาพที่ 5.19 ท่าท่ี 19 ท่ีมา : ปิ่นเกศ วชั รปาณ, 2559 ศรี ษะ : เอียงขวา ลาตัว : หนั ตรงไปทิศท่ี 1 แขน-มือ : มือขวาจบี ทช่ี ายพก มอื ซา้ ยจีบส่งหลัง ขา-เทา้ : เทา้ ซา้ ยก้าวหนา้ เทา้ ขวาไขวห้ ลงั เปดิ ส้นเทา้ สือ่ ถงึ ทา่ หลักทา่ ที่ 1 การใชท้ ่าเป็นสารบั

164 ภาพท่ี 5.20 ทา่ ท่ี 20 ที่มา : ปิน่ เกศ วชั รปาณ, 2559 ศรี ษะ : เอียงซ้าย ลาตวั : หันตรงไปทิศท่ี 1 แขน-มือ : มือซา้ ยจีบทีช่ ายพก มอื ขวาจบี สง่ หลัง ขา-เทา้ : เทา้ ขวากา้ วหน้าเท้าซา้ ยไขว้หลังเปดิ ส้นเทา้ สือ่ ถงึ ทา่ หลักทา่ ท่ี 2 การใช้ท่าเปน็ สารับ

165 ภาพท่ี 5.21 ทา่ ท่ี 21 ที่มา : ป่ินเกศ วชั รปาณ, 2559 ศรี ษะ : เอยี งซา้ ย ลาตัว : หนั ตรงไปทิศที่ 1 แขน-มือ : มือขวาจบี เหยียดตึง มือซ้ายจีบท่ชี ายพก ขา-เท้า : เท้าซ้ายยกหนา้ เทา้ ขวายืนขนานกับพื้น สอ่ื ถึงท่าหลักทา่ ที่ 3 การใชท้ ่าเปน็ สารับ

166 ภาพที่ 5.22 ทา่ ท่ี 22 ท่มี า : ปิ่นเกศ วชั รปาณ, 2559 ศีรษะ : เอยี งขวา ลาตวั : หนั ตรงไปทิศที่ 1 แขน-มอื : มือขวาตั้งวงระดบั ศีรษะ มอื ซ้ายตง้ั วงท่ีชายพก ขา-เทา้ : เทา้ ขาวก้าวมาขา้ งหนา้ เทา้ ซ้ายส่งหลงั แลว้ เปดิ ส้นเทา้ สอ่ื ถงึ ท่าหลักทา่ ที่ 4 การใชท้ ่าเปน็ สารับ

167 ภาพที่ 5.23 ทา่ ท่ี 23 ทม่ี า : ปิน่ เกศ วัชรปาณ, 2559 ศีรษะ : เอยี งขวา ลาตัว : หันตรงไปทิศท่ี 1 แขน-มือ : มอื ขวาตัง้ วงกลาง มือซา้ ยจบี ควา่ เหนอื ศรี ษะ ขา-เทา้ : ย่าเท้าชา้ ๆตามจงั หวะเพลง สื่อถึงความสนกุ สนาน รน่ื เรงิ ของการขายข้าวหลาม

168 ภาพที่ 5.24 ทา่ ที่ 24 ท่มี า : ปนิ่ เกศ วัชรปาณ, 2559 ศรี ษะ : เอียงขวา ลาตัว : หันตรงไปทิศที่ 1 แขน-มือ : มือขวาต้ังวงกลาง มือซา้ ยจบี ควา่ เหนอื ศีรษะ ขา-เทา้ : เท้าซา้ ยก้าวหน้า เท้าขวาไขวห้ ลงั เปดิ ส้นเท้า สอ่ื ถงึ ความสนกุ สนาน ร่นื เริงของการขายขา้ วหลาม

169 ภาพท่ี 5.25 ท่าที่ 25 ที่มา : ปน่ิ เกศ วัชรปาณ, 2559 ศีรษะ : เอยี งขวา ลาตวั : หนั ตรงไปทิศท่ี 1 แขน-มอื : มือขวาตง้ั วงลา่ ง ขา-เทา้ : ยา่ เทา้ ท้ังสองข้าง สอ่ื ถงึ ความสนกุ สนาน ร่นื เริงของการขายข้าวหลาม

170 การเคล่ือนไหวบนเวที และการแปรแถว เน่ืองจากการแสดงชุดฟ้อนกระตกสายลายมัดหมี่เป็นการราที่เป็นรูปแบบของนาฏศิลป์พ้ืนบ้าน เนื่องจากเป็นผลงานสร้างสรรค์ การแสดงจะต้องมีการเคล่ือนไหวจะทาให้การแสดงดูไม่น่าเบ่ือหรือ ซา้ ซาก ผสู้ รา้ งสรรคจ์ งึ ได้คดิ กระบวนท่าที่หลากหลายทาให้การแสดงดูน่าชมและน่าติดตามมากยิ่งขึ้น จึงมกี ารแปรแถวดังต่อไปนี้ แถวที่ 1 ออกมาดา้ น หน้าเวทีตอนแรกเปน็ แถวหนา้ กระดาน แถวที่ 2 แปรแถวมาเป็นแถวหนา้ กระดาน แถวท่ี 3 แปรแถวเปน็ เฉียง 1 แถว แถวท่ี 4 แปรแถวเป็นกลม 1 แถว

171 แถวที่ 5 แปรแถวเป็นหนา้ กระดาน 2 แถว 2 กลมุ่ แถวที่ 6 แปรแถวหนา้ กระดาน 1 แถว วงกลม 1 วง แถวที 7 แปรแถวเป็นตั้งซุ้ม แถวท่ี 8 แปรแถวเป็นวงกลม

172 แถวท่ี 9 แปรแถวมาเป็นแถวหนา้ กระดาน แถวที่ 10 แปรแถวเป็นเฉียง 1 แถว การแต่งกาย การออกแบบเครื่องแต่งกายยังคงความเป็นอีสานไว้จะนุ่งผ้าถุงส้ัน เส้ือแขนกุด จึงมีรูปแบบ การแต่งกายดงั น้ี ภาพท่ี 5.26 เสอ้ื แขนกุด ทีม่ า : ปนิ่ เกศ วชั รปาณ, 2559

173 ภาพที่ 5.27 ผ้าถุง ทีม่ า : ปน่ิ เกศ วัชรปาณ, 2559 ภาพที่ 5.28 ตา่ งหเู งิน ท่ีมา : ปิ่นเกศ วชั รปาณ, 2559

174 ภาพท่ี 5.29 ดอกไมต้ ิดผม ที่มา : ปน่ิ เกศ วัชรปาณ, 2559 ภาพที่ 5.30 หมวก ที่มา : ปิ่นเกศ วัชรปาณ, 2559

175 ภาพท่ี 5.31 ดอกไม้ติดผม ท่มี า : ป่ินเกศ วัชรปาณ, 2559 ภาพท่ี 5.32 ดอกไม้ติดผม ทม่ี า : ปิน่ เกศ วัชรปาณ, 2559 เพลงและดนตรี เปน็ การประพันธ์เพลงขนึ้ ใหม่โดยอาจารย์ภิภพ ป่ินแก้ว สาขาวิชาดนตรี คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี วิธีการประพันธ์มีหลักการประพันธ์ที่อาศัย แนวคดิ จากการแบ่งชว่ งการแสดงเปน็ 3 ชว่ ง คอื ชว่ งท่ี 1 สอ่ื ถงึ การออกมาต้ังรา้ นขาย โดยใชจ้ นิ ตนาการจากท่าทางท่ีผู้สร้างสรรค์ได้ออกแบบ นาเอาอารมณ์ของการแสดงที่ค่อยๆออกมาตั้งร้านแบบไม่รีบร้อน จึงออกแบบเพลงให้มีลักษณะ ความเรว็ ปานกลาง มีความอ่อนโยน และยงั คงเอกลักษณ์ของชาวอีสานท่ีมีความสนุกสนาน ร่าเริงอยู่ ในตวั

176 ช่วงท่ี 2 สื่อถึงการโบกข้าวหลาม โดยมีท่าหลักท่ีเป็นเอกลักษณ์ของการโบกเป็นจังหวะ จึงนาเอาการหยุดจังหวะในห้องเพลงหนึ่ง ประกอบด้วย การหยุด 4 ครั้ง ในทุกจังหวะ ต่อกันใน 1 ห้องเพลง แทนการกดข้อมือลง และย่อตัว ดังนั้น จึงเน้นจังหวะให้หยุดตามท่ารา และเร่งจังหวะ เรว็ ข้นึ ในช่วงที่ 2 ช่วงที่ 3 ส่ือถงึ การพกั เหน่อื ยเมอื่ ขายข้าวหลามเสร็จสิ้น ท่ีมีอารมณ์เพลงผ่อนคลาย จึงนาเอา วิธกี ารทอดเพลงลงในจังหวะช้า แต่มคี วามแตกต่างของทานองในชว่ งที่ 1 โน้ตเพลง ตารางท่ี 5.1 โนต้ เพลงเซ้ิงสาวกมุ ภวาปโี บกขา้ วหลาม ---- ---ม ---ร -ม–ด ---ร -ม-ท ---ด -ร–ล ---- ---ม ---ร -ม–ด ---ร -ม–ซ -ลซม -ซ–ล - - - - - - - ม - - - ซ - - - ลฺ - - - ซ - ล – ด - - - ร ม ซ – ม - - - - - - - ลฺ - - - ท - ด - ร - - - ท - ม – ร ม ร ด ลฺ - ด – ร - - - - - - - ลฺ - - - ท - ด – ร - - - ท - ม – ร ม ร ด ลฺ - ซฺ – ลฺ - - - - - ด ลฺ ซฺ ลฺ ดฺ ซฺ ลฺ ลฺ ดฺ ซฺ ลฺ - - - - - ด ลฺ ซฺ ลฺ ด ซฺ ลฺ ลฺ ด ซฺ ลฺ ---ด --ทด --รด --ทด --รด --ทด --รด -ดรม ---- -ดรม ---- -ดรม ---- -ดรม -ม–ม -ม–ม ---- -ดรม -ม–ม -ม–ม ---ซ --รม --ลซ --ลม - - ซ ร - - ล ซ - - ล ซ - - ล ม - - ซ ร - - ซ ม ซ ม ร ด - ท – ลฺ

177 - - - - - - ม ล - - ซ ม ร ม ซ ล - - ซ ม ร ม ดํ ล - - ซ ม ร ด ร ม - - - - - - ม ล - - ซ ม ร ม ซ ล - - ซ ม ร ม ดํ ล - - ซ ม ร ด ร ม - - - - - ดํ – รํ - ดํ รํ ม รํ ดํ รํ มํ - - รํ ดํ รํ ดํ รํ มํ - - รํ ดํ รํ ดํ รํ มํ - - - - - ดํ – มํ - ดํ รํ ม รํ ดํ รํ มํ - - รํ ดํ รํ ดํ รํ มํ - - รํ ทํ รํ ม ซ ล สรปุ การแสดงเซิ้งสาวกุมภวาโบกข้าวหลาม ได้มีวิธีการศึกษาค้นคว้าและวิธีการดาเนินโครงการ อย่างเป็นระบบเพ่ือสร้างสรรค์ผลงานให้มีความสมบูรณ์แบบตรงตามวัตถุประสงค์ ซึ่งมีขั้นตอน เร่ิมตง้ั แตศ่ ึกษาทฤษฎีการตั้งหัวข้อเร่ืองศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์กาหนดเน้ือหา และรูปแบบการแสดงออกแบบการแสดงท้ังเรื่องแม่ท่า เพลงการแต่งกายอุปกรณ์และการฝึกซ้อม การแสดงโดยวิธีการดาเนินงานที่เป็นระบบทางการศึกษาค้นคว้าข้อมูลท่ีถูกต้องทาใ ห้ผู้สร้างสรรค์ ผลงานสามารถถ่ายทอดความคิดความสามารถจากประสบการณ์ผ่านทางชุดการแสดงสู่ท่านผู้ชมได้ อย่างเต็มท่ี อันจะเป็นแนวทางและประโยชน์ต่อผู้ท่ีต้องการศึกษาลวดลายการโบก ข้าวหลาม และขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวอสี าน เซ้ิงสาวกุมภวาปีโบกขา้ วหลาม เป็นผลงานการสร้างสรรค์ ที่ดึงเอาท่าทางธรรมชาติของแม่ค้าท่ีเรียกลูกค้าด้วยกิริยาการโบกมือและแขนวาดเป็นวงกดต่าลง และมีการใช้ลาตัวโน้ตไปด้านหน้าและย่อตัวลงต่า เป็นท่ีน่าสนใจและเป็นวิธีการใช้ท่าทางเรียกลูกค้า ท่ีเป็นเอกลักษณ์ จึงเป็นแรงบันดาลใจนาท่าทางนั้นมาประดิษฐ์สร้างสรรค์เป็นนาฏศิลป์พื้นเมือง อีสานขน้ึ จากกระบวนทา่ รามกี ารคิดสร้างสรรค์ท่าราจานวนทั้งหมด 25 ท่า โดยมีลักษณะท่าราเด่ียว 24 ท่า และท่าราเป็นชุด หรือเรียกว่าสารับ อีก 1 ท่า การใช้ท่าทางน้ีเกิดจากท่าทางท่ีนามาเป็น ต้นแบบจากท่าโบกข้าวหลามของแม่ค้าเพียง 1 ท่า และเป็นท่าที่สร้างสรรค์จากจินตนาการโดยสร้าง เร่ืองราวเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงการต้ังร้านขายข้าวหลาม และช่วงท่าโบกเรียกลูกค้า มีการแปรแถว 10 ลกั ษณะ เปน็ การแสดงทม่ี คี วามสนกุ สนาน ครนื้ เครงด้วยเพลงที่สนุก รวดเร็ว และท่าทางเชิญชวน ของกลุ่มสาวชาวกุมภวาปี จากท่าต้นแบบนามาสร้างสรรค์เพิ่มเติมได้อย่างหลากหลาย การแสดง ชุดนี้ได้รับการประเมินจากผู้เชียวชาญด้านนาฏศิลป์พ้ืนบ้าน และจากผู้ชมหลายคร้ัง ซ่ึงมี ความสมบรู ณด์ ้านเนื้อหา ท่ารา และองค์ประกอบของการแสดง จัดว่าเป็นการส่งเสริมเอกลักษณ์ของ ชุมชนในอาเภอกุมภวาปี จังหวัดอดุ รธานี ได้เป็นอยา่ งดี

178

บทที่ 6 การสรา้ งสรรค์ผลงานนาฏศลิ ปป์ ระยุกตช์ ดุ ฟ้อนพทุ ธชนะมาร การแสดงชุด ฟ้อนพุทธชนะมาร (พาหุงตะกาถา) เป็นการแสดงนาฏศิลป์ประยุกต์ โดยมีลักษณะการนาเอานาฏศิลป์พนื้ เมืองอีสานผสมผสานกับการใช้เท้าแบบโขน และการเคล่ือนไหว แบบอิสระ โดยใช้เครื่องดนตรีพื้นเมืองอีสานประยุกต์กับทานองเพลงแบบสากลร่วมสมัย เนื้อเร่ือง เกี่ยวกับพุทธประวัติในตอนชนะมาร ซึ่งการสร้างสรรค์น้ีเกิดจากการทดลองสร้างสรรค์ในรายวิชา ผลงานสรา้ งสรรคน์ าฏศิลป์สาหรบั ครู เพื่อเปน็ การทดลองนาไปใชส้ อนในโรงเรียนโดยนาเน้ือหาในวิชา พทุ ธศาสนามาบูรณาการร่วมกับวิชานาฏศิลป์เป็นเนื้อหาของเร่ือง โดยมีวิธีการดาเนินงานสร้างสรรค์ ตามลาดบั ได้แก่ ข้ันตอนและวิธีการสร้างสรรค์ ประวัติที่มา นิยามศัพท์เฉพาะ แนวคิด แรงบันดาลใจ การแบ่งช่วงการแสดง การประดิษฐ์แม่ท่าและกระบวนท่า การเคล่ือนไหวบนเวทีและการแปรแถว การแตง่ กาย เพลงและดนตรี ขัน้ ตอนและวธิ กี ารสรา้ งสรรค์ 1. ทาการรวบรวมขอ้ มูลทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับดา้ นเน้ือหา ประวัตคิ วามเป็นมาของตานาน 2. วางโครงเร่ือง กาหนดรูปแบบนาฏยลักษณ์ โดยใช้ลักษณะการแสดงแบบการฟ้อนมวย โบราณผสมผสานกบั การเต้นโขนยกั ษ์ 3. ปรกึ ษาผู้เช่ยี วชาญด้านนาฏศลิ ป์ ดนตรี เคร่อื งแต่งกาย 4. ออกแบบดนตรีมาประกอบกันการออกแบบท่าทางการแสดง โดยเลือกเอาลายเพลงทาง อีสานเปน็ หลัก 5. ผลิตสือ่ และอุปกรณพ์ ร้อมเคร่ืองแตง่ กายประกอบการแสดง 6. คิดประดิษฐท์ า่ ราขน้ึ ใหม่จากจนิ ตนาการ 7. ทดลองนาการแสดงไปให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในโรงเรียนที่ออกฝึกปฏิบัติ การสอน 8. ประเมินผลการแสดงจากผู้ชม ซ่ึงประกอบดว้ ย ครู ผู้เชี่ยวชาญดา้ นนาฏศิลป์และ นักเรียน ในช้ันเรยี น 9. นาผลประเมินมาปรับปรุงแก้ไข ผลที่ได้อยู่ในคะแนนระดับดีมาก แต่มีข้อเสนอแนะใน การปรับปรุงซึ่งได้ปรับปรุงแล้วคือ ปรับท่าให้มีความเหมาะสมกับจังหวะเพลง มีการปรับแก้ไขเพลง เพ่ิมเติม โดยให้มีความเป็นพ้ืนบ้านอีสานมากข้ึนนาท่าจากทักษะการแสดงโขนตัวยักษ์มาผสมเข้าไป

180 ในช่วงที่มีการแสดงของฝ่ายมารเพิ่มเติมการตีบทโดยใช้แม่ท่าจากแม่บทเล็กในบทของพระแม่ธรณีมี การปรับแถวเพ่ิมเติมเพ่ือให้มีความหลายหลายในการแสดงหลังจากน้ันได้มีการนาเอาการแสดงชุด ฟ้อนพทุ ธชนะมาร (พาหุงตะกาถา) ออกแสดงในงานของโรงเรยี นในกิจกรรมต่างๆ ประวัตทิ ี่มา จากพุทธประวัติ ตอน ทรงผจญมารและทรงชนะมาร กล่าวถึงเม่ือนางสุชาดา ได้ถวาย ข้าวมธุปายาส พระสมณะโคดม พระองค์จึงได้เสด็จไปทางต้นโพธ์ิในทิศตะวันออก คนหาบหญ้า ชอื่ โสตถิยะ หาบหญา้ มาเห็นพระองค์เข้าจึงเกิดความเลื่อมใสในพระลักษณะท่ีงามสง่าของพระสมณะ โคดม จึงได้ยินดีสร้างบารมีโดยการน้อมถวาย หญ้าคา จานวน 8 กา ณ บัดนั้นพระองค์จึงได้ น่ังประทับที่โคนต้นไม้น้ัน อันเกล่ียด้วยหญ้าคา 8 ฟ่อน น่ังในท่าขัดสมาธิหันพระพักตร์ไปทางทิศ ตะวันออก และตั้งจิตอธิฐานว่า “บัดน้ีเราจะตั้งจิตอธิฐาน กาหนดใจ แม้เลือดในกายเราจะเหือดแห้ง ไปหมดสิ้น เหลือแต่หนังหุ่มกระดูกก็ตาม หากเรายังไม่บรรลุพระธรรมอันประเสริฐสุดนั้น เราจะไม่ ยอมลุกข้ึนจากบัลลังก์นี้” เหล่าเทวดาทั้งหลายท่ัวสากลจักรวาลน้ัน ได้รับรู้ถึงคาอธิฐาน จึงได้พากัน กล่าวสรรเสริญพระมหาบุรุษ ด้วยดอกไม้เครื่องหอม แลว้ พากนั ยนื ถวายสาธุการ ขณะนนั้ พญาวัสวดีมาราธิราช ได้สดับเสียงเทพเจ้าบันลือเสียงสาธุการ ก็ทราบชัดในพระทัย ว่า พระมหาบุรุษจะตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ ทาลายบ่วงมารที่เราวางขึงรึงรัดไว้ แล้วหลุดพ้นไปได้ ก็น้อยใจ คิดฤษยา เคียดแค้น ป่าวประกาศเรียกพลเสนามารมากกว่ามาก พร้อมด้วยสรรพาวุธและ สรรพวาหนะที่รา้ ยแรงเหลือทจ่ี ะประมาณเต็มไปในท้องฟ้า พญาวัสวดีข้ึนช้างพระท่ีนั่งคีรีเมขล์ นิรมิต มือพันมือ ถืออาวุธพร้อมสรรพ นากองทัพอันแสนร้าย เหาะมาทางนภาลัยประเทศ เข้าล้อมเขต บลั ลังก์ของพระมหาบรุ ษุ เจ้าไว้อยา่ งแนน่ หนา ทันใดน้ันเอง บรรดาเทพเจ้าที่พากันมาห้อมล้อมถวายสักการะบูชาสาธุการพระมหาบุรุษอยู่ เม่ือได้เห็นพญามารยกพหลพลมารมาเป็นอันมาก ต่างมีความตกใจกลัวอกส่ันขวัญหาย พากันหนีไป ยงั ขอบจกั รวาฬ ทิ้งพระมหาบรุ ษุ เจ้าให้ตอ่ สพู้ ญามารแตพ่ ระองค์เดยี ว เม่ือพระมหาบุรุษไม่ทรงแลเห็นผู้ใด ใครที่ไหนจะช่วยได้ ก็ทรงระลึกถึงบารมีธรรมทั้ง 30 ประการ ซงึ่ เปน็ ดจุ ทหารท่แี กน่ กล้า มีศัตราวธุ ครบครนั สามารถผจญกับหมมู่ าร ขับไล่ใหป้ ราชัยหนีไป ให้สิ้นเชิงได้ และพร้อมกันมารับอาสาอยู่พร้อมมูลเช่นน้ัน ก็ทรงโสมนัส ประทับนิ่งอยู่ โดยมิได้ สะทกสะทา้ นแตป่ ระการใด ฝ่ายพญาวัสวดีมารเห็นพระมหาบุรุษประทับนั่งน่ิง มิได้หวั่นไหวแต่ประการใดก็พิโรธร้อง ประกาศกอ้ ง ให้เสนามารรกุ เขา้ ทาอันตรายหลายประการจนหมดฤทธิ์ บรรดาสรรพาวุธ ศัตรายาพิษที่ พุ่งซัดไป ก็กลับกลายเป็นบุบผามาลัยบูชาพระมหาบุรุษจนสิ้น คร้ังนั้นพญามารตรัสแก่พระมหาบุรุษ

181 ด้วยสันดานพาลว่า “ดูกรสิทธัตถะ บัลลังก์แก้วน้ี เกิดเพ่ือบุญเรา เป็นของสาหรับเรา ท่านเป็นคน ไม่มบี ุญ ไมส่ มควรจะนงั่ จงลุกไปเสยี โดยเรว็ ” พระมหาบุรุษหนอ่ พระบรมโพธิสัตว์เจ้า ก็ตรัสตอบว่า \"ดูกรพญามาร รัตนะบัลลังก์นี้ เกิดขึ้น ด้วยบุญของอาตมา ท่ีได้บาเพ็ญมาแต่อสังไขยยะกัปป์ จะนับจะประมาณมิได้ ดังน้ัน อาตมาผู้เดียว เท่านั้น สมควรจะนั่ง ผู้อ่ืนไม่สมควรเลย\"พญามารก็คัดค้านว่า ที่พระมหาบุรุษรับสั่งมาน้ัน ไม่เป็น ความจริง ให้พระองค์หาพยานมายืนยันว่า พระองค์ได้บาเพ็ญกุศลมาจริง ให้ประจักษ์เป็นสักขีพยาน ในท่ีนี้ เม่ือพระมหาบุรุษไม่เห็นผู้อื่นใด ใครจะกล้ามาเป็นพยานยืนยันในที่นี้ได้ จึงตรัสเรียกนาง วสุนธรา เจ้าแห่งธรณีว่า “ดูกร วสุนธรา นางจงมาเป็นพยานในการบาเพ็ญกุศลของอาตมาในกาล บัดนี้ด้วยเถิด” ลาดับน้ัน วสุนธรา เจ้าแม่ธรณี ก็ชาแรกแทรกพ้ืนปฐพีข้ึนมาปรากฏกาย ทาอัญชลีถวาย อภิวาทพระมหาบุรุษเจ้าแล้ว ประกาศให้พญามารทราบว่า พระมหาบุรุษ เมื่อเป็นพระบรม โพธิสัตว์เจ้า ได้บาเพ็ญบุญมามากมายตลอดกาล เหลือที่จะนับจะประมาณได้ แต่น้าตรวจที่ข้าพเจ้า เอามวยผมรองรบั ไวบ้ นเศยี รเกลา้ ก็มีมากพอจะถือไว้เป็นหลักฐานวินิจฉัยได้ นางวสุนธรากล่าวแล้วก็ ประจงหตั ถ์อนั งามปล่อยมวยผม บีบน้าตรวจที่สะสมไว้ในอเนกชาติให้ไหลหล่ังออกมาเป็นทะเลหลวง กระแสน้าบ่าออกท่วมทับเสนามารท้ังปวงให้จมลงวอดวาย กาลังน้าได้ทุ่มซัดพัดช้างนาฬาคีรีเมขล์ให้ ถอยล่นลงไปตดิ ขอบจักรวาล ครั้งน้ัน พญามารตกตลึงเห็นเป็นอัศจรรย์ ด้วยมิได้เคยเห็นมาแต่กาลก่อน ก็ประนมหัตถ์ ถวายนมสั การ ยอมปราชยั พา่ ยแพ้บุญบารมีของพระมหาบุรุษ แล้วก็อนั ตรธานหนีไปจากทน่ี ้ัน เม่ือพระมหาบุรุษทรงกาจัดมารและเสนามารให้ปราชัยด้วยพระบารมี ต้ังแต่เวลาสายัณห์ มิทันที่พระอาทิตย์จะอัศดงคต ก็ทรงเบิกบานพระทัย ได้ปิติเป็นกาลังภายในสนับสนุน เพ่ิมพูนแรง ปฏิบัติสมาธิภาวนาให้ยิ่งขึ้น ดังน้ัน พระมหาบุรุษจึงมิได้ทรงพักให้เสียเวลา ทรงเจริญสมาธิภาวนา ทาจิตให้แน่วแน่ ปราศจากอุปกิเลส จนจิตสุขุมเข้าโดยลาดับ ไม่ช้าก็ได้บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตฌาน ซง่ึ เป็นส่วนรูปสมาบัติ เปน็ ลาดับ จนถึงอรูปสมาบตั ิ 4 บริบูรณ์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook