Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สังคม ป.6

สังคม ป.6

Published by sunisa.sombunma, 2020-05-03 02:16:01

Description: สังคม ป.6

Search

Read the Text Version

สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๔ ๑_หลกั สูตรวิชาสังคมศึกษา ๒_แผนการจัดการเรยี นรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๖_ข้อสอบ_เฉลย ๗_การวดั และประเมนิ ผล ๘_สอ่ื เสรมิ การเรยี นรู้

๑หน่วยการเรียนรู้ท่ี ศาสนากับการดารงชวี ติ จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. อธบิ ายการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนบั ถือสู่ประเทศไทยได้ ๒. วิเคราะห์ความสาคัญของพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาท่ตี นนับถือที่มีต่อสภาพแวดลอ้ มในสงั คมไทยรวมทั้งการพัฒนาตนและครอบครวั ได้

บทที่ ๑ ศาสนาตา่ งๆ ความสาคัญของพระพุทธศาสนา คนไทยกับพระพุทธศาสนามีความสัมพันธใ์ กล้ชิดกนั มานาน คนไทยสว่ นใหญน่ บั ถอื พระพุทธศาสนาและนา หลกั ธรรมคาสอนในพระพทุ ธศาสนามาเปน็ แนวทางในการดาเนินชวี ติ พระพทุ ธศาสนาเปน็ เอกลกั ษณ์ของชาติ • คนไทยนับถอื พระพุทธศาสนามาเปน็ ระยะเวลายาวนาน ทาใหว้ ิถชี ีวติ ของคนไทยได้รบั การผสมผสานเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั กับพระพทุ ธศาสนา ไมว่ า่ จะเปน็ พระราชพธิ กี ิจกรรมทางสงั คมจะมพี ิธีกรรมทางพระพทุ ธศาสนา เขา้ มาเกีย่ วข้องด้วย อีกทั้งลกั ษณะนสิ ยั ของคนไทยมคี วามเมตตากรณุ า ความกตัญญกู ตเวที ความเสยี สละ ล้วนไดร้ ับการหลอ่ หลอมมาจากหลักธรรม ทางพระพุทธศาสนา ส่งิ ต่างๆ เหล่านีน้ บั เปน็ เอกลกั ษณท์ ่ีทาให้คนตา่ งชาติ รู้จักและประทบั ใจประเทศไทย

พระพทุ ธศาสนาเป็นรากฐานและมรดกทางวัฒนธรรม วฒั นธรรมไทยแสดงถึงวถิ ีการดาเนนิ ชวี ติ ของคนไทยท่ีถา่ ยทอดสืบต่อกนั มา คนไทยมคี วามผกู พนั กับ พระพทุ ธศาสนา ทาใหห้ ลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาสอดแทรกอยูจ่ นกลายเปน็ รากฐานทางวฒั นธรรมไทยในดา้ นตา่ งๆ • ดา้ นศิลปะทางสถาปตั ยกรรม ประตมิ ากรรม จติ รกรรม เช่น - การก่อสรา้ งวัดวาอาราม - การปั้นพระพุทธรปู ปางตา่ งๆ - ภาพวาดเรอ่ื งราวทแ่ี สดงพุทธประวตั ิ • ดา้ นประเพณี เชน่ - ประเพณสี งกรานต์ - ประเพณเี ขา้ พรรษา • ด้านภาษาและวรรณคดี เชน่ - ไตรภูมพิ ระร่วง - พระเวสสันดรชาดก (พระเวสสันดรชาดก เป็นเร่อื งราวในอดตี ชาตขิ องพระพทุ ธเจา้ )

พระพทุ ธศาสนาเป็นศูนยร์ วมจติ ใจ พระพทุ ธศาสนาเปน็ ศนู ย์รวมจิตใจของชาวพุทธ โดยมีวัดเป็นศูนยก์ ลาง • ชว่ ยอบรมสง่ั สอนจริยธรรมของคนในสงั คม • เปน็ บอ่ เกดิ ของศิลปวทิ ยาการต่างๆ • เปน็ สถานทใ่ี ช้ประกอบพิธกี รรมตา่ งๆ - พระสงฆ์เปน็ ผเู้ ผยแผ่หลกั ธรรม - ประชาชนรับทราบ และนาไปเป็นหลกั ปฏิบตั ิ

พระพุทธศาสนาเปน็ หลกั ในการพฒั นาชาติไทย การพัฒนาชาติไทยจะต้องอาศัยการพฒั นาทางด้านจิตใจควบคู่ไปกับการพัฒนาทางดา้ นวัตถุ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนานน้ั จะเป็นเคร่อื งช่วยทาให้การพฒั นาถกู ต้องเหมาะสม พระพทุ ธศาสนามหี ลกั ธรรมโอวาท ๓ • ละเวน้ ความชวั่ • ทาความดี • ทาจิตใจใหบ้ ริสทุ ธ์ิ

ประวตั ิศาสดาของศาสนาตา่ งๆ ศาสดา ผู้ก่อตง้ั ศาสนา ศาสดาของแตล่ ะศาสนาน้นั มปี ระวัติทน่ี ่าสนใจและควรศึกษา เพือ่ นามาเป็นแบบอยา่ งในการดาเนินชีวติ ของเรา พทุ ธประวัติ ทรงปลงพระชนมายสุ งั ขาร • นบั จากทพ่ี ระสทิ ธัตถะตรสั รู้เปน็ พระพุทธเจ้า ไดเ้ สดจ็ สัง่ สอนประชาชนตามแวน่ แควน้ มาเปน็ เวลา ๔๕ ปี • ในวันขึน้ ๑๕ ค่า เดือน ๓ ทรงปลงพระชนมายสุ งั ขารว่าพระองคจ์ ะปรินิพพานในอีก ๓ เดอื นข้างหน้า พระพทุ ธเจา้ ทรงปลงพระชนมายุสงั ขาร ณ เมอื งเวสาลี ในวนั ขนึ้ ๑๕ ค่า เดือน ๓

ปจั ฉิมสาวก • พระพทุ ธเจ้าทรงปลงพระชนมายสุ งั ขารแลว้ จงึ ได้เสดจ็ ถงึ • สุภทั ทะได้เขา้ เฝ้าและทูลถามข้อสงสยั พระพทุ ธเจา้ ไดต้ รัส สาลวโนทยานแห่งมลั ลกษัตริย์ ซง่ึ ตง้ั อยู่ทเี่ มืองกสุ นิ ารา ตอบข้อสงสัยนนั้ ทรงเทศนาอริยมรรค ๘ ประการ ว่าเป็น • พระองคต์ รสั ส่งั พระอานนทใ์ ห้จดั ท่ปี ระทับระหวา่ งตน้ สาละ หนทางอนั ประเสริฐทาใหบ้ ุคคลธรรมดาสามารถเป็น ทั้ง ๒ ตน้ แล้วบรรทม • สภุ ทั ทปรพิ าชกผู้อาศยั อยู่ในเมอื งกุสินารา เดนิ ทางไปเพอื่ พระอรหันต์ได้ • สุภัททะไดฟ้ ังแลว้ ก็เกิดความเลอื่ มใส จงึ ทลู ขออปุ สมบท เข้าเฝา้ ทลู ถามความสงสัย พระอานนท์ได้คดั คา้ น • พระพุทธเจ้าไดต้ รัสแกพ่ ระอานนทอ์ นุญาตให้สุภัททะได้ • พระพทุ ธเจ้าอนญุ าตใหส้ ุภทั ทะเขา้ เฝ้า โดยตรสั แกพ่ ระอานนท์ อุปสมบท ว่า “หากสภุ ทั ทะไดถ้ ามขอ้ สงสัยและไดฟ้ ังเนือ้ ความแล้วจะ • พระสภุ ัททะไดป้ ฏิบัติธรรมดว้ ยความเพียรพยายามจนสาเร็จ สามารถร้ทู ว่ั ถงึ ได้โดยฉบั พลนั ” เป็นพระอรหนั ตใ์ นคืนวนั นน้ั • พระสุภทั ทะจงึ นบั เป็นปจั ฉมิ สาวก ที่สาเร็จเป็นพระอรหนั ต์ กอ่ นทพี่ ระพทุ ธเจ้าปรนิ ิพพาน ปรินพิ พาน • ขณะใกล้จะปรนิ ิพพาน พระพทุ ธเจ้าไดต้ รัสเตือนเหล่าภิกษทุ เ่ี ฝ้าแวดล้อมดูอาการพระประชวร ของพระองค์ถือเป็นปจั ฉมิ โอวาทวา่ “ สังขารทัง้ หลายมีความเส่ือมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจะยงั ประโยชนต์ นเองและประโยชนผ์ ู้อน่ื ใหถ้ งึ พร้อมดว้ ยความไมป่ ระมาทเถดิ “ • พระพทุ ธเจา้ จึงได้เสด็จดับขันธป์ รินพิ พาน ในวันขน้ึ ๑๕ ค่า เดอื น ๖ กอ่ นพทุ ธศักราช ๑ ปี ขณะพระชนมายไุ ด้ ๘๐ พรรษา

การถวายพระเพลิง • เมื่อพระพทุ ธเจ้าเสด็จดับขนั ธปรนิ พิ พานแลว้ มัลลกษัตริย์ พระเถระผู้ใหญ่ งานประเพณีถวายพระเพลิงฯ จ่าลอง ในวันอฏั ฐมบี ชู า วัดพระบรมธาตุท่งุ ย้งั ผ้ถู ่าย : http://www.utdhome.com/board/viewthread.php?tid=582 มพี ระอนุรุทธะและพระอานนท์ เป็นตน้ ไดร้ ่วมกันประกอบพิธถี วาย พระเพลงิ พระพุทธสรีระ • จดั พธิ เี หมือนพระศพของพระเจ้าจกั รพรรดิ จัดขึ้นทีม่ กฏุ พนั ธนเจดีย์ กรงุ กุสนิ ารา • จัดตงั้ พระพุทธสรรี ะไวใ้ หป้ ระชาชนไดส้ ักการบชู าเปน็ เวลา ๗ วนั • พระมหากสั สปะ ได้ถวายพระเพลิงในวันแรม ๘ ค่า เดอื น ๖ ซึง่ ชาวพุทธ เรยี กว่า วันอัฏฐมีบชู า การแจกพระบรมสารรี กิ ธาตุ • จากความเคารพทมี่ ีในพระบรมศาสดา เจา้ ผคู้ รองนครทง้ั หลายจงึ ได้สง่ ทูตานทุ ตู มาขอสว่ นแบ่งพระบรมสารีรกิ ธาตุ เพอื่ นาไปประดษิ ฐาน ณ เมืองของตน • เม่อื ได้ส่วนแบ่งแลว้ จงึ ได้นาพระบรมสารีรกิ ธาตุไปบรรจุสถปู เพ่ือสกั การบูชาทบี่ ้านเมืองของตน

สงั เวชนียสถาน สถานท่ที ี่ทาใหพ้ ทุ ธศาสนกิ ชนเกดิ ความระลึกถึงพระพทุ ธเจา้ มี ๔ แห่ง • สถานท่ีประสตู ิ อยทู่ ีล่ ุมพนิ วี นั • สถานที่ตรสั รู้ ตั้งอย่ทู ี่อรุ ุเวลา ต้ังอยูก่ ง่ึ กลางระหวา่ งกรุง เสนานิคม ในกรุงราชคฤหแ์ ควน้ กบลิ พสั ดุ์ แคว้นสักกะ และ มคธ ปจั จุบนั เรยี กว่า พุทธคยา กรงุ เทวทหะ แคว้นโกลยิ ะ ตัง้ อยทู่ ี่รัฐพหิ าร ประเทศอนิ เดีย ปัจจบุ ันเรียกวา่ รุมมนิ เด อยใู่ นประเทศเนปาล ลมุ พินีวนั เป็นสถานทท่ี ่ีพทุ ธศาสนกิ ชน เจดยี ์พทุ ธคยา เป็นสถานท่ีที่พทุ ธศาสนกิ ชน พึงระลึกถึงการประสตู ขิ องพระพุทธเจ้า พึงระลึกถงึ การตรสั รขู้ องพระพทุ ธเจา้ • สถานทแี่ สดงปฐมเทศนา • สถานท่ีปรนิ ิพพาน อยทู่ อ่ี ิสปิ ตนมฤคทายวนั อยทู่ ส่ี าลวโนทยาน กรุงพาราณสี แคว้นกาสี ในกรุงกุสนิ าราแควน้ มัลละ ปจั จบุ ันอยูท่ สี่ ารนาถ ปัจจุบนั อยทู่ ่รี ฐั อุตรประเทศ รฐั อตุ รประเทศ ประเทศอนิ เดีย ประเทศอนิ เดีย ธมั เมกขสถปู แปลว่า สถูปผู้เหน็ ธรรม สถปู ปรินิพพาน เปน็ สถานที่ระลึก เป็นสถานทีร่ ะลกึ ถงึ ปฐมเทศนาในครั้งพทุ ธกาล ถึงการเสดจ็ ดบั ขนั ธปรินิพพานของพระพทุ ธองค์

ประวตั ิศาสดาของศาสนาอื่น ๆ ประวัตศิ าสดาของศาสนาคริสต์ • ศาสดาของศาสนาคริสต์ คอื พระเยซู พระองค์เป็นชาวยิว • ประสตู เิ มื่อวนั ท่ี ๒๕ ธนั วาคม ค.ศ. ๑ ท่หี ม่บู า้ นเบธเลเฮม แควน้ ยูดาย ในดินแดนปาเลสไตน์ • บดิ าของพระเยซู เป็นช่างไม้ ชื่อว่า โยเซฟ มารดาของพระเยซู ชอื่ ว่า มาเรยี • พระเยซเู ปน็ เด็กท่ีสนใจในเรื่องศาสนาและเปน็ ผทู้ ีม่ คี วามเฉลียวฉลาดมาก • พระเยซปู ระกาศศาสนาไดเ้ พียง ๓ ปี นกั บวชชาวยิวใส่ความฟอ้ งรอ้ งต่อทางการว่า พระเยซูเป็นกบฏทรยศตอ่ บา้ นเมอื ง • พระเยซูถกู จับและถูกตดั สนิ ใหป้ ระหารชวี ิต โดยการถูกตรงึ บนไมก้ างเขนจนสิ้นพระชนม์

ประวตั ิศาสดาของศาสนาอสิ ลาม • ศาสดาของศาสนาอิสลาม คอื นบมี ฮุ ัมมัด พระองค์เปน็ ชาวอาหรับ • ประสตู ิเมื่อ ค.ศ. ๕๗๐ ที่เมอื งเมกกะ หรือบางแหง่ เรียกว่า มกั กะฮ์ ในประเทศซาอุดอี าระเบีย พระองคเ์ ปน็ บตุ รของอับดลุ เลาะห์ และนางอามีนะฮ์ พระองคก์ าพร้าต้งั แตว่ ยั เยาว์ จึงตอ้ งอยใู่ นความอุปการะของลงุ โดยชว่ ยลุงทางานตา่ งๆ • วัยหนุม่ พระองคไ์ ด้ไปทางานกบั นางคอดญี ะฮ์ โดยทาหนา้ ทช่ี ว่ ยควบคมุ กองคาราวาน เพือ่ นาสนิ ค้าไปขาย ตอ่ มาท้ังสองไดแ้ ตง่ งานและมบี ตุ รธดิ าดว้ ยกนั ๖ คน • พระองคไ์ ดเ้ ขา้ ไปหาความสงบในถา้ บนภูเขาฮิรอฮ์ มที ูตสวรรคน์ าโองการของพระเจา้ มา ประทานแกพ่ ระองค์ Pic • พระองค์เริ่มประกาศศาสนา คอื บชู าพระเจ้าเพยี งองค์เดียวและทาลายรูปเคารพต่าง ๆ ให้หมดส้ิน การทพ่ี ระองค์สอนให้ทาลายรูปเคารพนเ้ี อง ทาให้เปน็ อุปสรรคในการเผยแผ่ ศาสนา เพราะขดั กับความรู้สึกของคนทว่ั ไปทน่ี ับถอื รปู เคารพ นบีมุฮมั มัดประกาศศาสนา ได้ ๑๓ ปี จงึ สามารถรวบรวมแควน้ ตา่ ง ๆ เป็นอาณาจกั ร ของชาวอาหรับไวไ้ ด้ พระองค์ ถึงแก่กรรมเมือ่ ค.ศ. ๖๓๓ ขณะมี พระชนมายุ ๖๓ ปี

ประวัติศาสดาของศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู เปน็ ศาสนาที่ไม่มศี าสดา แตน่ ับถอื เทพเจา้ เป็นทส่ี ักการบชู า • คนอินเดียนับถอื เทพเจ้าประจาธรรมชาติต่างๆ • ผทู้ ี่นับถอื ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดเู ช่ือว่า เทพเจ้า เช่อื ว่า เทพเจ้าสามารถบนั ดาลให้เกิดเหตุการณ์ ผยู้ ง่ิ ใหญข่ องศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู มอี ยเู่ พยี ง ๓ ทางธรรมชาตไิ ด้ จึงได้มกี ารประกอบพิธกี รรม องค์ ไดแ้ ก่ พระพรหม พระวษิ ณุ และพระศิวะ ต่างๆ เพ่อื บชู าและสรรเสริญเทพเจา้ โดยเทพเจ้าท้ัง ๓ องค์น้ี เปน็ องค์เดยี วกัน แตไ่ ด้ แบ่งภาคออกเป็นสามองค์ เพื่อทาหนา้ ทต่ี า่ งกัน พระพรหม พระศวิ ะ เป็นผู้สรา้ งโลก เป็นผทู้ าลายโลก และสรรพสิง่ ตา่ งๆ เม่อื โลกมีคนชัว่ จานวนมาก พระวิษณุเปน็ ผรู้ ักษาดูแลโลก

ประวัติศาสดาของศาสนาสขิ • ศาสนาสิขน้นั มศี าสดาทง้ั หมด ๑๐ องค์ • ศาสดาองคท์ ี่สาคญั ทส่ี ดุ คือองค์แรก ได้เเก่ ครุ ุนานัก เกดิ เมอื่ ค.ศ. ๑๔๖๙ ที่แคว้นปญั จาบ ประเทศอนิ เดยี พระองคม์ ีบดิ าชือ่ กาลุ มีมารดาชอื่ ตฤปตา ครุ นุ านกั ผู้เปน็ ศาสดาพระองค์แรกของศาสนาสขิ • ครุ นุ านักมคี วามรูเ้ กีย่ วกบั ศาสนาตัง้ เเตว่ ยั เยาวจ์ นมีความรู้แตกฉานในคัมภรี ์ พระเวทรวมทั้งได้ศึกษาถงึ ความเปน็ มาของศาสนาตา่ งๆ จนทาให้สามารถ สนทนาเร่อื งศาสนากบั คณาจารย์ตา่ ง ๆ ได้ • ครุ นุ านักบาเพญ็ สมาธิในป่าและไดพ้ บพระเปน็ เจา้ ในทางจติ เม่อื พระองคก์ ลบั มาถึงบ้านได้ใหค้ วามชว่ ยเหลือคนยากจนและดูเเลรักษาพยาบาลผู้ทเี่ จ็บปว่ ย • พระองคไ์ ดเ้ ดนิ ทางสงั่ สอนประชาชนไปยงั เมอื งต่าง ๆ ทาให้พระองค์มลี กู ศิษย์ ทง้ั ท่เี ปน็ มุสลิม และพราหมณ์-ฮนิ ดู ศาสนาสขิ เป็นศาสนาทีน่ บั ถือพระเจา้ เพยี ง พระองค์เดยี ว

บทที่ ๒ หลักธรรมนาความสขุ หลกั คาสอนสาคญั ของพระพุทธศาสนา พระรัตนตรยั แปลว่า แก้วอันประเสรฐิ ๓ ประการ pic พระพทุ ธ สมเดจ็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า ผู้ท่สี ่งั สอนหนทางเเห่งความดบั ทุกขแ์ กม่ นุษย์ โดยพระองคท์ รงบาเพ็ญ พทุ ธกจิ ๕ ประการ เป็นประจาทกุ วนั pic พระธรรม คาสัง่ สอนของพระพทุ ธเจา้ ทีพ่ ระองคท์ รงแสดงและทรงบญั ญตั ิไว้ เพ่ือให้ พทุ ธบริษทั ได้ยดึ ถือมาเป็นหลกั ปฏิบตั นิ าชวี ติ ไปสคู่ วามสขุ และหลดุ พ้น จากความทุกข์ pic พระสงฆ์ สาวกของพระพุทธเจ้า เปน็ ผปู้ ฏิบัติตามคาสั่งสอนของพระพทุ ธเจ้า แล้วนา คาสอนมาเผยแผแ่ ก่คนท่วั ไป

หลกั คาสอนสาคญั ของพระพุทธศาสนา หลกั ธรรมของศาสนาพุทธ -ศรทั ธา ๔ -เบญจศลี -อรยิ สัจ ๔ -อบายมขุ ๖ -หลกั ธรรม -อกุศลมูล ๓ -ไตรสกิ ขา -เบญจธรรม -กตญั ญกู ตเวทีต่อพระมหากษัตรยิ ์ -กศุ ลมลู ๓ -มงคล ๓๘ -พละ ๔ -คารวะ ๖

หลกั คาสอนสาคญั ของศาสนาครสิ ต์ หลกั ความรกั ครสิ ตศ์ าสนกิ ชนควรดาเนินชวี ติ ด้วยความมีเมตตา มคี วามเสียสละ และชว่ ยเหลอื ผู้ทไ่ี ด้รบั ความเดือดร้อนอยู่เสมอ ความรกั มี ๓ ประเภท คอื • ความรกั ระหวา่ งมนษุ ย์กับพระเจ้า • ความรกั ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ หลกั ตรีเอกานุภาพ ภาพพระเยซูถกู ตรงึ บนไม้กางเขน เพ่ือไถ่บาปใหม้ วลมนษุ ย์ ตรีเอกานุภาพ : พระเจ้าองค์เดยี ว แตม่ ี ๓ พระบคุ คล เป็นสิง่ ท่ีเเสดงถึงพระเมตตาของพระองค์ พระบิดา (พระยะโฮวา) พระบตุ ร (พระเยซู) พระจิต ผสู้ รา้ งโลก ผู้เกดิ มาเพอื่ ไถ่บาป และใหก้ าเนดิ แก่ทกุ ชีวิต ให้แกม่ วลมนุษย์ (วิญญาณศักดส์ิ ิทธ์ขิ องพระบดิ า และพระบตุ รรวมกนั ) วิญญาณอันบรสิ ทุ ธเิ์ พื่อมอบความ รกั และชว่ ยให้มนุษยป์ ระพฤติดี

หลกั บญั ญัติ ๑๐ ประการ ๑. จงนมสั การพระเจ้าพระองค์เดียว ๒. อย่าออกนามพระเจ้าโดยไม่มีเหตุผล ๓. จงถือวันพระเจ้าเป็นวันศกั ด์สิ ิทธิ์ ๔. จงนบั ถือบิดามารดา ๕. อย่าฆ่าคน ๖. อย่าผดิ ประเวณี ๗. อย่าลักขโมย ๘. อยา่ พูดเทจ็ ๙. อย่าคิดมชิ อบ ๑๐. อย่ามีความโลภในทรพั ยส์ ินของผู้อ่นื

หลักคาสอนสาคัญของศาสนาอิสลาม หลกั คาสอนสาคญั ของศาสนาอสิ ลาม ถอื เปน็ วถิ ีการดาเนนิ ชวี ิตของผเู้ ป็นมุสลิมที่ต้องนาไปปฏบิ ตั ิอยา่ งเครง่ ครดั หลกั ศรัทธา ๖ ประการ • ศรัทธาตอ่ อัลเลาะห์ ผู้เปน็ มุสลมิ จะละหมาด • ศรัทธาต่อเทวทูตของอัลเลาะห์ เพ่อื เเสดงความศรัทธาต่ออัลเลาะห์ วนั ละ ๕ เวลา • ศรัทธาตอ่ พระคมั ภีร์ • ศรัทธาต่อศาสนทตู • ศรัทธาในวนั พิพากษาโลก • ศรทั ธาในลิขิตของอัลเลาะห์

หลกั ปฏบิ ัติ ๕ ประการ การปฏญิ าณตน การละหมาด การถอื ศลี อด เป็นการนมสั การพระเจา้ เปน็ การประกาศยอมรบั ดว้ ยความศรทั ธาและความบริสุทธิ์ใจว่า เป็นการกาจดั อบายมขุ ทงั้ หลายด้วย ทั้งทางร่างกายและจิตใจ อัลเลาะห์เปน็ พระเจ้าสูงสุดเพียงพระองค์เดยี วเทา่ น้ัน การหยุด การกนิ การดม่ื การเสพ ป็นมสุ ลิมจะต้องละหมาด และยอมรบั วา่ นบีมุฮัมมัดเป็นศาสนทตู ของอัลเลาะห์ การมีความสัมพนั ธท์ างเพศ รวมทง้ั หยดุ การดู การทา ตลอดจนการคดิ วันละ ๕ เวลา การบริจาคซะกาต ซง่ึ กอ่ นทจี่ ะทาการละหมาด ในสิ่งทไ่ี ม่ดีทง้ั หลาย ตงั้ แต่ จะต้องชาระรา่ งกายใหส้ ะอาด เป็นการบรจิ าคทรพั ยห์ รือใหท้ านแกค่ น พระอาทติ ยข์ ้ึนจนถึงพระอาทิตยต์ ก ท่ีเหมาะสมตามทศี่ าสนากาหนด เชน่ เด็กกาพรา้ เปน็ เวลา ๑ เดอื น คือเดอื นรอมฎอน และสารวมจิตใจให้สงบ คนทีข่ ัดสน ผูเ้ ผยแผ่ศาสนา ตามปฏทิ นิ ของอสิ ลาม การประกอบพิธฮี จั ญ์ การประกอบพธิ ีฮัจญน์ น้ั ไม่ไดม้ กี ารบังคับ ให้ผู้เปน็ มสุ ลิม ตอ้ งปฏบิ ัติ แตผ่ ้เู ป็นมุสลิมทพ่ี รอ้ มดว้ ยกาลังทรัพย์และ เปน็ การประกอบศาสนกิจทน่ี ครเมกกะ กาลังกาย ควรหาโอกาสไปทาพิธีนอ้ี ยา่ งนอ้ ย ๑ คร้งั ในชวี ติ ประเทศซาอดุ ีอาระเบยี มจี ดุ มงุ่ หมาย เพอ่ื ให้มสุ ลิมระลึกถงึ พระเจ้าและได้ พบปะพีน่ อ้ งมุสลมิ จากท่วั โลก

หลักคาสอนสาคญั ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู หลกั ธรรม ๑๐ ประการ ธฤติ อสั เตยะ อินทรยี นคิ รหะ อนิ ทรีย์ : การไม่ลกั ขโมย การหมนั่ ตรวจสอบอนิ ทรยี ์ ความพอใจ ความกลา้ ไม่กระทาการโจรกรรม ทง้ั ๑๐ ประการ รา่ งกายและจิตใจ ความมั่นคง ธี อินทรยี ์ ๑๐ : กษมา ปญั ญา สติ มติ ความคดิ ความอดทน ความอดกลัน้ ความม่นั คงยนื นาน มีปัญญา อวยั วะ ๑๐ อยา่ ง และรูจ้ กั ระเบียบวิธีตา่ งๆ • ตา มคี วามเพียรพยายาม • หู และมีความเมตตากรณุ า เศาจะ วทิ ยา • ลาคอ การกระทาตนใหบ้ ริสทุ ธ์ิ ความรทู้ างปรชั ญา • จมูก ทมะ ทัง้ รา่ งกายและจิตใจ • ลิ้น การขม่ จิตใจของตนเองดว้ ย สัตยา • ผิวหนัง เมตตา และมสี ตอิ ยู่เสมอ ความจรงิ คอื การแสดงความ • มอื ซ่ือสัตยต์ อ่ กัน ด้วยความจริงใจ • เท้า • ทวารหนกั อโกธะ • ทวารเบา ความไม่โกรธ คอื การเอาชนะ ความโกรธด้วยการไมโ่ กรธ มคี วามอดทน

หลักอาศรม ๔ ขัน้ ตอนการดาเนินชีวิตของผู้ทนี่ ับถือศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู เพื่อยกระดับชวี ิตใหส้ ูงขน้ึ จนบรรลจุ ุดมุง่ หมายสูงสดุ ของชีวิต คือ หลดุ พ้นจากสังสารวฏั (การเวยี นวา่ ยตายเกดิ ) พรหมจารี คฤหัสถ์ วานปรัสถ์ สนั นยาสี วัยทต่ี อ้ งศกึ ษา วยั แหง่ การ ทาประโยชน์เพือ่ สงั คม การออกบวชเพอื่ ให้ เลา่ เรยี น ครองเรือน ตนเองหยุดพน้ จาก ออกบวชเพ่อื หาความสงบ สังสารวฏั นกั บวชของศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดูทพ่ี บเหน็ ไดท้ ่ัวไปในประเทศอินเดีย

หลกั คาสอนสาคัญของศาสนาสิข หลกั คาสอนของศาสนาสิข จะเน้นสอนใหค้ นเราพบกบั ความสุขทแี่ ทจ้ ริงและรจู้ ักพยายามเอาชนะอุปสรรคต่างๆ หลักความสุขอันแทจ้ รงิ • กรรม : การกระทา • ปัญญา : ความรอบรู้ในทกุ สง่ิ ทกุ อย่างท่ีเปน็ จรงิ • มหาปตี ิ : ความอม่ิ ใจ ทาใหอ้ มิ่ เอบิ อยใู่ นทางธรรม • พละ : กาลังจติ ทาใหจ้ ิตแน่วแน่ ม่ันคง ไม่หวน่ั ไหว เเละไม่เกรงกลวั • สจั จะ : ความเคารพอย่างจริงใจตอ่ พระเจ้า หลกั วินยั • วินยั ทางกาย : การให้บรกิ ารคนอื่นทางกาย และทางวาจา เป็นการให้ทาน • วนิ ัยทางศลี ธรรม : การหาเลี้ยงชีพโดยชอบธรรม • วินยั ทางจิตใจ : ความเชอ่ื มัน่ ในพระเจ้าพระองค์เดยี ว

บทที่ ๓ เรียนรสู้ งิ่ ทด่ี ี เเบบอยา่ งการทาความดี : ศกึ ษาประวตั ิ และเรียนรูเ้ รอื่ งราวเก่ียวกบั คุณธรรมต่างๆ ๑.พระราธะ ๒.ทฆี ตี ิโกสลชาดก (ผูไ้ มท่ าลายโอวาท) ๓.สัพพทาฐชิ าดก (ความโลภทาใหเ้ สอื่ มลาภ) ๔.พอ่ ขุนรามคาแหงมหาราช ๕.สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานุชิโนรส ๖.ตัวอยา่ งการกระทาความดขี องบุคคลในประเทศ

การพฒั นาจิตตามแนวทางของศาสนา • การสวดมนตไ์ หว้พระสรรเสรญิ คณุ พระรตั นตรัย • การแผ่เมตตา • ความหมายของสติ สมั ปชัญญะ สมาธิ และปญั ญา - สติ คอื ความระลกึ ได้ นึกได้ ความไมเ่ ผลอ การคุมใจไว้กับกจิ ทที่ า หรอื คมุ จิตไว้กับส่ิงที่เก่ียวขอ้ ง - สัมปชญั ญะ คือ ความร้ตู ัวท่ัวพรอ้ ม ความร้ชู ัด ความเข้าใจดีและรตู้ ัวอยเู่ สมอ - สมาธิ คือ การทาจิตใจใหจ้ ดจ่ออยกู่ บั ส่งิ ใดสงิ่ หนงึ่ โดยไมค่ ดิ ถงึ สิ่งอนื่ - ปญั ญา คอื ความรอบรู้ ความฉลาด • วธิ ีบรหิ ารจิต เเละเจรญิ ปญั ญา การทาสมาธิ ซง่ึ เปน็ หนทาง ท่ีจะช่วยทาให้เกดิ สตสิ ัมปชัญญะ สมาธิ และปัญญาได้ • ประโยชนข์ องการบรหิ ารจติ และเจริญปัญญา - ทาให้จิตใจสบาย ไม่เครียดหรอื วิตกกงั วล - มีประสทิ ธิภาพในการเรยี นหรือการทางาน - มคี วามกระฉบั กระเฉงคล่องแคล่ว - มีประสิทธภิ าพในการเรียนหรอื การทางาน • วิธฝี ึกการยนื การเดนิ การน่ัง และการนอนอยา่ งมีสติ • วิธีฝกึ กาหนดร้คู วามรู้สึก • วธิ ฝี กึ ให้สมาธใิ นการฟงั อา่ น คดิ ถาม และเขียน

บทที่ ๔ ศาสนกิ ชนที่ดีและศาสนพธิ ีนา่ รู้ ศาสนสถาน เเละการปฏบิ ตั ติ นทเ่ี หมาะสมเมอ่ื อยู่ในศาสนสถาน ความร้เู บอ้ื งต้นเก่ยี วกับสถานทต่ี า่ งๆ ภายในวดั วัดเป็นศาสนสถานของพระพุทธศาสนา เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของพระภิกษุและสามเณร รวมท้ัง ยังเป็นสถานทส่ี าหรบั พทุ ธศาสนิกชนมาประกอบพธิ กี รรมทางศาสนา เชน่ ตกั บาตร รกั ษาศีล ฟงั ธรรม วดั ประกอบไปด้วย • โบสถ์ • วิหาร • ศาลาการเปรียญ • หอสวดมนต์ • กุฏิ • โรงเรียนพระปรยิ ตั ิธรรม • หอสมดุ • หอพระไตรปิฎก

การปฏิบตั ติ นทีเ่ หมาะสมภายในวดั • การแตง่ กาย - แตง่ กายด้วยเสอ้ื ผา้ ทมี่ สี ีขาวหรอื สีออ่ นๆ - ไมค่ วรใช้สีฉูดฉาด เนื้อผ้าต้องไม่บางจนเกนิ ไป - ใส่เส้อื ผา้ หลวมๆ เพือ่ สะดวกในการกราบ หรอื ทาสมาธิ - สตรไี มค่ วรนงุ่ กระโปรงสนั้ หรอื ใสก่ างเกงขาสั้น - ไม่ควรแต่งกายนาแฟชั่น หรือประดบั เครอ่ื งแตง่ กายมากจนเกนิ ไป • การสารวมใจ - ขณะพระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนาหรือให้ศลี ควรตั้งใจฟงั อย่างสารวม เเละมีสมาธิ ไมค่ ิดฟุ้งซ่าน • การสารวมกายเเละวาจา - ไมก่ ระทาการที่จะเปน็ การรบกวนการประกอบศาสนพิธขี องผอู้ ื่น

มรรยาทของศาสนกิ ชน การถวายของแกพ่ ระสงฆ์ การถวายของแก่พระสงฆ์ หรอื การประเคน คือ การยกสง่ิ ของอนั ควรถวายใหแ้ กพ่ ระภกิ ษุ องค์ประกอบของการประเคน • ของที่จะประเคนต้องเป็นของทค่ี นคนเดียวพอยกได้ • ไมห่ นกั มาก หรือมีขนาดใหญ่เกนิ ไป • ผู้ประเคนควรนั่งห่างประมาณ ๑ ศอก พอท่ีจะเออ้ื มประเคนของได้

การปฏิบัติตนในขณะฟงั ธรรม การฟังธรรม หรอื การฟังเทศน์ ถอื เปน็ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา เนอ่ื งจากเป็นการนาธรรมะ ในทางพระพทุ ธศาสนามาแสดง เพื่อใหผ้ ู้ฟงั นาไปปฏบิ ตั ใิ นชีวติ ประจาวัน อย่างถกู ตอ้ ง การปฏบิ ตั ิตามแนวทางของพุทธศาสนิกชนเพอ่ื ประโยชน์ต่อศาสนา • การศึกษาหาความรู้ เพอื่ นาไปใช้ในการประกอบอาชีพ และปฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา • การปฏบิ ัตติ ามหลกั ธรรม ประเพณี และพิธกี รรมทางศาสนา การปฏบิ ัตติ ามหลกั ธรรม เช่น รักษาศลี ๕ • การเผยแผศ่ าสนา พทุ ธศาสนิกชนสามารถช่วยเผยแผ่ศาสนาไดด้ ้วยวิธกี ารต่างๆ • การปกปอ้ งศาสนา ศาสนกิ ชนที่ดีควรทาหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนา

พธิ กี รรมสาคญั ของพระพทุ ธศาสนา การอาราธนาศลี อาราธนาธรรม และอาราธนาพระปริตร : การกลา่ วเชอ้ื เชิญให้พระภิกษุสงฆใ์ นพธิ ีใหศ้ ีลสวดพระปรติ รหรือแสดงธรรม คาอาราธนาธรรม พรหั มา จะ โลกาธิปะตี สะหมั ปะติ กตั อัญชะลี อันธิวะรงั อะยาจะถะ สันตีธะ สัตตาปปะระชักขะชาติ กา เทเสตุ ธมั มัง อะนกุ มั ปิมัง ปะชัง. คาอาราธนาศลี ๕ มะยงั ภนั เต, วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ. ทตุ ิยมั ปิ มะยัง ภนั เต, วสิ งุ วิสงุ รกั ขะณตั ถายะ, ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปญั จะ สีลานิ ยาจามะ. ตะติยมั ปิ มะยงั ภันเต, วิสงุ วิสงุ รกั ขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ. คาอาราธนาพระปรติ ร สัพพะสมั ปัตตสิ ิทธยิ า ปะริตตงั พรูถะ มังคะลัง วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสมั ปัตติสิทธิยา สัพพะทกุ ขะวนิ าสายะ ปะรติ ตัง พรูถะ มังคะลงั สพั พะสัมปตั ตสิ ิทธิยา วปิ ัตติปะฏิพาหายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง สพั พะภะยะวนิ าสายะ วิปตั ติปะฏิพาหายะ สัพพะโรคะวนิ าสายะ

การบวช การบวชเปน็ ศาสนพิธีทเี่ ปน็ พุทธบญั ญตั เิ ปน็ ๒ ลักษณะ • การบรรพชา : - การบวชเป็นสามเณร ผู้ที่จะบวชต้องมอี ายตุ ั้งแต่ ๗ ปขี ้นึ ไป และมีคณุ สมบัตอิ ื่นตามทีก่ าหนดไว้อย่างครบถ้วน - เมอ่ื เข้าบรรพชาต้องประพฤตปิ ฏบิ ัติตามพระธรรมวนิ ัย และรกั ษาศีล ๑๐ ข้อ • การอปุ สมบท : - การบวชเป็นพระภิกษสุ งฆ์ ผ้บู วชตอ้ งมีอายตุ ง้ั แต่ ๒๐ ปีขน้ึ ไป และมีคุณสมบตั ิอนื่ ท่ีกาหนดไว้อย่างครบถว้ น - เม่อื อุปสมบทต้องปฏิบัติตามพระธรรมวินยั และรักษาศีล ๒๒๗ ขอ้ พธิ ที อดผ้าปา่ ผา้ ปา่ ในสมัยพทุ ธกาลเป็นผ้าเป้ือนฝุน่ ทีไ่ มม่ ีเจา้ ของหวงแหน เปน็ ผา้ ที่อยู่ ตามปา่ ดง ปา่ ช้า กองขยะ พระภิกษุเก็บเอามาเย็บตอ่ กนั นาไปซกั ฟอก แล้วยอ้ ม ด้วยน้าฝาด ทาเปน็ เครอื่ งนงุ่ หม่ เรยี กวา่ ผา้ บังสุกลุ จีวร

พิธที อดกฐิน คาว่า กฐิน แปลวา่ กรอบไมห้ รอื สะดงึ สาหรบั ขงึ ผ้าเยบ็ จีวรของภกิ ษุ ซึ่งการถวายผา้ กฐินเป็นพุทธานุญาตพเิ ศษท่ีโปรด ให้ทาเป็นการสงฆ์ เพือ่ ขยายเวลาการทาจวี รของภกิ ษใุ หย้ าวออกไปตามกาหนด คือ ต้ังแต่ วนั แรม ๑ ค่า เดอื น ๑๑ จนถงึ กลางเดอื น ๑๒ กฐนิ มีอยู่ ๒ ลกั ษณะ • จุลกฐิน เป็นกฐนิ ที่ตอ้ งทาทกุ อยา่ งให้เสรจ็ ภายใน ๑ วนั • มหากฐิน เป็นกฐินทีม่ ีปัจจัยไทยธรรมมาก ใช้เวลาเตรยี มการหลายวัน โดยมีเจตนาเพื่อหาเงินมาพัฒนาวัด

การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ การประกาศตนว่า ยอมรับนบั ถือ พระพทุ ธศาสนา เปน็ ทพ่ี งึ่ เปน็ ท่ียดึ เหน่ียว และระลกึ ถึง ทสี่ าคญั พระมหากษตั ริยไ์ ทยทกุ พระองคท์ รงแสดง พระองค์เปน็ พทุ ะมามกะด้วย วัตถปุ ระสงคข์ องการแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ • เพ่อื ใหม้ ีความมัน่ คงในการเปน็ พทุ ธบรษิ ัททดี่ ี • เพื่อให้มจี ิตใจมั่นคงต่อหลกั ธรรมคาสอน • เพ่อื เปน็ การชว่ ยปลูกฝงั นิสัยชาวพทุ ธทดี่ ีให้กับเดก็ ๆ ระเบยี บพิธใี นการทาบญุ งานอวมงคล พธิ ีทาบุญงานอวมงคล หมายถึง พิธีที่ทาใหเ้ กดิ ความเจริญ โดยปรารภเหตุ ไมด่ ี เป็นการทาบุญเพ่อื กลับสิง่ ชั่วร้ายใหก้ ลายเปน็ ดี และให้เกดิ สริ มิ งคลตอ่ ไป ๑. งานอวมงคล ๒. งานอวมงคล ไม่นิยมวงสายสิญจน์ ๓. การอารธนาในการสวดมนต์

วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา วนั มาฆบชู า วันวสิ าขบูชา วันอฏั ฐมบี ูชา วันอาสาฬหบชู า วนั ข้นึ ๑๕ คา่ เดอื น ๖ วันแรม ๘ คา่ เดือน ๖ วนั ขึน้ ๑๕ ค่า เดอื น ๘ วนั ขึน้ ๑๕ ค่า เดอื น ๓ พระพทุ ธเจ้าทรงแสดง ตรงกับวนั ประสตู ิ ถวายพระเพลงิ แสดงปฐมเทศนา ตรสั รู้ และปรนิ ิพพาน พระพทุ ธสรีระ โอวาทปาฏิโมกข์ เดอื น ๑ เดือน ๒ เดอื น ๓ เดอื น ๔ เดือน ๕ เดอื น ๖ เดอื น ๗ เดือน ๘ เดือน ๙ เดอื น ๑๐ เดอื น ๑๑ เดือน ๑๒ วันธรรมสวนะ วนั เขา้ พรรษาและวนั ออกพรรษา วัน ๘ ค่า และ ๑๕ คา่ ของทกุ เดือน เรม่ิ ตั้งแตว่ ันแรม ๑ ค่า เดือน ๘ ถือเป็นวันประชุมฟงั ธรรม จนถงึ วนั ขนึ้ ๑๕ เดือน ๑๑ พระสงฆ์จาพรรษา

การปฏบิ ตั ติ นในวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา • นงั่ สมาธิ • สวดมนต์ ระลึกถงึ คณุ พระรตั นตรยั • รกั ษาศลี • เวยี นเทียน (วนั มาฆบชู า วนั วสิ าขบูชา และวัน • ทาบญุ ตกั บาตร • ฟงั และสนทนาธรรม อาสาฬหบชู า) หลอ่ เทยี นพรรษาและถวายผา้ • บาเพ็ญประโยชน์ อาบนา้ ฝน(เฉพาะวนั เข้าพรรษา) • ตกั บาตรเทโว (เฉพาะวนั ออกพรรษา)

ประโยชน์ของการเข้าร่วมในศาสนพิธี พิธกี รรม และวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา • ช่วยขัดเกลากิเลสในจติ ใจใหเ้ บาบางลง • เกิดความสมคั รสมานสามคั คี • เป็นแบบอย่างที่ดขี องพุทธศาสนกิ ชน • เปน็ การชว่ ยทานบุ ารุงเกอื้ หนนุ ให้พระพุทธศาสนา มีความเจรญิ รุ่งเรืองม่นั คงยงิ่ ข้นึ • ก่อใหเ้ กดิ ความสงบสุขในการดาเนนิ ชวี ติ

พิธีกรรมสาคญั ของศาสนาคริสต์ พธิ กี รรมสาคัญของศาสนาคริสต์ เรียกว่า พิธีรับศีลศักดสิ์ ทิ ธิ์ ซึ่งมี ๗ ประการ ๑. พิธีศีลล้างบาปหรือพธิ ีศีลจมุ่ : พิธีกรรมแรกที่ผนู้ บั ถอื ศาสนาคริสตจ์ ะต้องรับเพือ่ แสดงตนเปน็ ชาวครสิ ต์ ชาวครสิ ตเ์ ชอ่ื วา่ มนุษยท์ ุกคนมบี าปตดิ ตัวมาแต่กาเนิด ๒. พธิ ีศีลกาลงั : พิธยี ืนยนั ความเชือ่ และแสดงตนเป็นชาวคริสตโ์ ดยสมบรู ณ์ ๓. พธิ ีศลี แก้บาป : พธิ กี รรมที่ชาวคริสต์ จะตอ้ งไปสารภาพบาปกบั บาทหลวง ในฐานะ ทที่ ่านน้นั เปน็ ตัวแทนของพระเจ้า ๔. พธิ ีศีลมหาสนทิ : พิธีกรรมทีส่ าคัญ โดยมีสัญลักษณท์ ่สี าคญั คอื แผน่ ปังและเหล้า องุ่น ท่เี เทนพระกายเเละพระโลหติ ของพระเยซู ซ่ึงคริสต์ศาสนกิ ชนจะได้รับจาก บาทหลวงในพิธมี สิ ซาบูชาขอบพระคุณ เเละชาวครสิ ตจ์ ะตอ้ งไปฟงั มสิ ซาในโบสถท์ ุกวัน อาทิตย์

๕. พิธศี ลี เจิมคนไข้ : พิธีทจี่ ะเจมิ คนไข้ด้วยนา้ เสก โดยมบี าทหลวงเปน็ ผ้ทู าพิธีเพอ่ื สรา้ ง กาลงั ใจใหเ้ เกผ่ ู้ปว่ ย ๖. พธิ ีศลี อนุกรมหรือพิธศี ีลบวช : พธิ ีบวชสาหรับผทู้ ่ีจะเปน็ บาทหลวงซึ่งเปน็ ผู้ที่ไดร้ ับ การคดั เลอื กให้กระทาหนา้ ท่เี ป็นผู้ประกอบพธิ กี รรมทางศาสนา ๗ พิธีศีลสมรส : พิธกี ารแตง่ งานของหญิงเเละชาย โดยมบี าทหลวงเปน็ ประธาน และเป็น ผ้ปู ระกอบพธิ ีให้ในโบสถ์

พิธีกรรมสาคญั ของศาสนาอิสลาม ศาสนาอิสลามน้นั เปน็ ศาสนาท่ีไม่มนี ักบวชเปน็ ผู้ประกอบพธิ ีกรรม แตม่ ุสลมิ ทกุ คนเป็นทัง้ ฆราวาส และเปน็ นักบวชอยใู่ นคนคนเดียวกนั และถอื หลกั การของศาสนาเป็นธรรมนญู สงู สดุ ในการดารงชวี ติ • การละหมาด เปน็ การแสดงถึงความจงรกั ภักดใี นความเมตตากรณุ าปรานีของอัลเลาะห์ ซ่ึงจะต้องปฏิบตั ิทกุ วนั วันละ ๕ เวลา • พธิ ถี อื ศลี อด เปน็ การละเวน้ จากการกิน การดมื่ การเสพ การร่วมเพศ การนนิ ทา ตลอดจนการ ประพฤตทิ ีผ่ ดิ บาปทกุ อยา่ ง จะกระทาในเดือนรอมฎอน เป็นเวลา ๑ เดอื น • พธิ ฮี ัจญ์ เป็นการไปทาศาสนกจิ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอดุ ีอาระเบียซง่ึ ถือเปน็ ข้อกาหนด ประการหนง่ึ ทอี่ ลั เลาะห์ทรงบัญญตั ิไวใ้ ห้แกม่ ุสลิมคุณสมบัตขิ องผู้ท่ีไปประกอบพิธีฮจั ญ์คอื ตอ้ งเปน็ มสุ ลมิ บรรลุศาสนภาวะมีสตปิ ญั ญาสมบรู ณ์ มีความสามารถ เชน่ มีทุนทรัพยเ์ พยี งพอ มีสขุ ภาพแข็งแรง มีการเดินทางที่ปลอดภัย

พิธีกรรมสาคัญของศาสนา พราหมณ-์ ฮนิ ดู • กฎสาหรบั วรรณะ - การแตง่ งาน จะแตง่ งานกบั คนนอกวรรณะไมไ่ ด้ - อาหารที่รบั ประทาน จะมขี อ้ กาหนดว่าส่ิงใดกนิ ไดห้ รือไมไ่ ด้ คนในวรรณะท่ตี ่ากวา่ จะปรงุ อาหารให้ คนในวรรณะที่สงู กว่ากนิ ไมไ่ ด้ - อาชีพ ตอ้ งประกอบอาชีพตามกาหนดของแตล่ ะวรรณะ - เคหสถานทีอ่ ยู่ ในกฎเดมิ หา้ มมถี นิ่ ฐานบา้ นช่องนอกเขตประเทศอนิ เดยี หา้ มเดนิ เรอื ในทะเล เเต่ในปัจจุบนั ไมค่ ่อยยึดถอื ปฏบิ ตั กิ ัน • พธิ ีประจาบ้านหรือพธิ ีสงั สการ : เปน็ พธิ กี รรมท่ที าให้บริสุทธ์ิ ซงึ่ ผทู้ ีอ่ ย่ใู นวรรณะพราหมณ์ กษัตริย์ และแพศย์ จะต้องปฏบิ ตั ิ มีอยู่ ๑๒ อย่าง ดงั นี้ ๑) พธิ ีต้ังครรภ์ ๗) พธิ ีป้อนขา้ ว ๒) พธิ ีเมือ่ เด็กมลี มปราณ ๘) พิธีโกนผม ๓) พิธีแยกหญิงตั้งครรภ์ ๙) พธิ ีตัดผม ๔) พธิ ีคลอดบุตร ๑๐) พธิ เี รม่ิ การศกึ ษา ๕) พธิ ีตั้งชอื่ เด็ก ๑๑) พธิ ีกลับเขา้ บา้ น ๖) พิธีนาเด็กออกไปดดู วงอาทติ ย์ ๑๒) พิธีแต่งงาน

• พิธศี ราทธ์ : เป็นพิธที าบุญอยา่ งหน่งึ ที่ลกู หลานทาบญุ อุทศิ ใหแ้ กบ่ ดิ ามารดาหรือบรรพบรุ ษุ ท่ีลว่ งลับไปแล้ว จะกระทากนั ใน เดอื น ๑๐ ตัง้ แตว่ นั แรม ๑ ค่า จนถึงวันแรม ๑๕ ค่า เรียกว่า ทาปิณฑะ ซึ่งหมายถงึ ก้อนข้าวท่ีจะถวายอทุ ศิ ใหแ้ ก่ผ้ลู ่วงลับ • พิธีบูชาเทวดา : ถ้าเปน็ ผทู้ อี่ ยูใ่ นวรรณะสูงจะมพี ิธีสวดมนตภ์ าวนา อาบนา้ เพือ่ ชาระรา่ งกาย และสังเวยเทวดาทกุ วัน และในวนั ศกั ดส์ิ ิทธจ์ิ ะไปนมัสการบาเพ็ญกศุ ลในเทวาลยั แต่ถ้าเปน็ ผทู้ ี่อยใู่ นวรรณะต่าจะปฏบิ ตั ิแตกตา่ งออกไป

พิธีกรรมสาคัญของศาสนา สขิ • พิธีสังคัต : เปน็ พธิ ีชมุ นมุ ของผู้นบั ถอื ศาสนาสขิ ซง่ึ ทุกคนจะมีการปฏิบตั ิอยา่ งเท่าเทียมกนั จะไมม่ ใี ครได้รบั การยกเวน้ เปน็ พเิ ศษ เช่น ต้องตักน้าเช็ดรองเท้าดว้ ยตนเอง เป็นตน้ • พิธอี มฤตสงั สการ : เปน็ พิธีในการรบั คนเข้าส่ศู าสนาสิข ซึง่ จะใชห้ ลักแหง่ ความเสมอภาค เเละไม่รงั เกียจกนั • พธิ ปี าหุล : เป็นพิธลี ้างบาป หลงั จากผา่ นพธิ ปี าหลุ แลว้ - ผชู้ ายจะมชี ่ือลงท้ายวา่ “สิงห์” หรือ “ซิงซ์” (ความเขม้ แขง็ ดังเช่นสงิ โต) - ผหู้ ญิงจะมชี ื่อลงท้ายวา่ “เการ”์ เมอ่ื เสรจ็ พิธีแลว้ จะไดร้ บั กกะ

กกะ ก ๕ ประการ • เกศ หมายถงึ ต้องไว้ผมยาว โดยไม่ตดั หรือโกนเด็ดขาด • กังฆา หมายถึง ตอ้ งมหี วตี ิดท่ีผม • กฉา หมายถึง ต้องสวมกางเกงขาสั้นช้ันใน • กรา หมายถึง ตอ้ งสวมกาไลทท่ี าดว้ ยเหลก็ ไวท้ ขี่ อ้ มือขา้ งขวา • กริ ปาน หมายถึง ตอ้ งพกกรชิ ตดิ ตัว

๒หน่วยการเรียนรู้ท่ี หนา้ ที่ของพลเมือง จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ชวี ติ ประจาวนั ของครอบครัวและชุมชมได้ ๒. ตดิ ตามข้อมลู ขา่ วสาร เหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ในชีวิตประจาวนั เลอื กรับและใชข้ ้อมลู ขา่ วสารในการเรยี นรู้ไดเ้ หมาะสม ๓. แสดงออกถงึ มรรยาทไทยไดเ้ หมาะสมถกู กาลเทศะ

บทท่ี ๑ กจิ กรรมประชาธปิ ไตย บทบาทหน้าท่ีของรัฐบาล รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย ซงึ่ เปน็ กฎหมายสูงสุดของประเทศ กาหนดใหร้ ัฐบาลมีบทบาท หนา้ ที่ในการบรหิ ารราชการแผน่ ดิน ดงั น้ี • บรหิ ารราชการแผน่ ดนิ • รกั ษาเอกราชของประเทศชาติ • พฒั นาประเทศให้มคี วามเจริญก้าวหน้าในทุกๆ ดา้ น • จดั สวสั ดิการให้แกป่ ระชาชน • สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนรจู้ ักใช้สทิ ธเิ สรภี าพ และหนา้ ทขี่ องตนเอง • สร้างความสัมพนั ธท์ ดี่ ีกบั นานาประเทศ • ส่งเสรมิ ให้ประชาชนมีคุณธรรมจริยธรรม • สง่ เสริมใหป้ ระชาชนมคี วามรัก

การบริหารราชการแผ่นดิน การบริหารราชการแผ่นดินของรฐั บาลแบง่ ออกเป็น ๓ ส่วน ดงั แผน่ ผงั ตอ่ ไปน้ี รฐั บาล ระเบยี บบรหิ ารราชการ ระเบียบบรหิ ารราชการ ระเบียบบรหิ ารราชการ สว่ นกลาง สว่ นภูมภิ าค สว่ นท้องถิน่ สานกั นายกรัฐมนตรี / จังหวัด องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั กระทรวง / ทบวง อาเภอ เทศบาล กรม องค์การบรหิ ารสว่ นตาบล ราชการบริหารสว่ นท้องถิ่นอืน่ ตามกฎหมายกาหนด กรงุ เทพมหานคร เมอื งพัทยา

บทบาทหนา้ ที่ขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ : องค์กรทท่ี าหน้าท่บี รหิ ารงานในทอ้ งถน่ิ และ มผี แู้ ทนที่ไดร้ บั การเลอื กต้งั มาจากประชาชนใน ท้องถิน่ โดยรับผดิ ชอบตอ่ การบริหารงานอยา่ งอสิ ระใน เขตพืน้ ท่ที ี่กาหนดมีอานาจและในการบรหิ ารการเงิน หรอื การคลังและกาหนดนโยบายของตนเอง รวมท้งั ดาเนนิ กจิ การภายในกรอบท่กี ฎหมายบัญญตั ไิ ว้ เพอ่ื ประโยชน์ของรฐั และของประชาชนในท้องถ่ิน องคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ มอี ยู่ ๔ ประเภท • องค์การบริหารสว่ นจังหวดั (อบจ.) • เทศบาล • องค์การบรหิ ารสว่ นตาบล (อบต.) • องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นรปู แบบพเิ ศษ มี ๒ แหง่ คือ - กรงุ เทพมหานคร - เมอื งพัทยา

• จัดให้มีและทานุบารุงทางน้าและ บทบาทหน้าท่ีทส่ี าคญั ขององค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ทางบก ดูแลรักษาความสะอาดของ ถนน และพ้ืนท่ีสาธารณะรวมท้ังการ • สง่ เสรมิ การประกอบอาชพี ของ กาจดั ขยะมูลฝอย ประชาชน เพอื่ ทาใหม้ รี ายได้พอเพยี ง ต่อการดารงชวี ิต • ป้องกนั โรค ระงับโรคตดิ ตอ่ และบรรเทาสาธารณภยั • ค้มุ ครองดูแล รวมทั้งบารุงรกั ษา ทรพั ยากรทางธรรมชาติและ • จดั ใหม้ ีการบริการทางดา้ น สิ่งแวดลอ้ ม สาธารณูปโภคให้แก่ประชาชน ในท้องถนิ่ • บารงุ รกั ษาศลิ ปะ จารตี ประเพณี วัฒนธรรม และภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ • ส่งเสริมดา้ นการศกึ ษา การพฒั นา สตรี เด็ก และเยาวชนผสู้ งู อายุ • ส่งเสริมดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ปฏิบตั ติ น และคนพกิ าร ตามหลักธรรมของศาสนา ทต่ี นเองนับถือ เข้าร่วมพิธกี รรมทางศาสนา อีกทัง้ ยงั ร่วมกนั ทานุบารงุ ศาสนสถานและ ศาสนวัตถุ

กจิ กรรมประชาธิปไตย • การไปใช้สิทธิเลือกตงั้ เลือกผทู้ ีม่ คี วามรู้ ๑ ๕ • ประชาสมั พนั ธห์ รอื รณรงคใ์ หป้ ระชาชนทั่วไปเหน็ ความสามารถ เป็นคนดแี ละมีคุณธรรมเข้าไป ๒ ความสาคัญ และไปใชส้ ิทธิเลอื กตงั้ สมาชิกสภา เป็นตวั แทนในการบริหารประเทศในระดับตา่ งๆ หรอื ผูน้ าระดับท้องถิน่ และระดบั ประเทศ • การร่วมมอื กันทางานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แสดงถงึ ความเปน็ ผ้มู จี ิตสาธารณะ รู้จักเสนอ ๖ • รว่ มกิจกรรมในการสบื สานวฒั นธรรมไทย ความคดิ เห็น และรับฟังความคดิ เหน็ ของผู้อ่ืน ภมู ปิ ัญญาไทย และภมู ิปัญญาท้องถน่ิ • ร่วมมอื กับสมาชิกในชุมชนในการแกไ้ ขปัญหา ๓ ต่างๆ ท่ีเกิดข้นึ ในชุมชน โดยยดึ หลักเหตุผล และความถกู ตอ้ ง ๗ • รว่ มกันอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ ส่งิ แวดล้อม ชว่ ยกนั ประหยัดพลังงานธรรมชาติ ๔ ใช้วสั ดธุ รรมชาติอยา่ งคมุ้ คา่ • เข้ารว่ มชมุ นุมโดยสงบ และปราศจากอาวธุ ๘ • ร่วมกันรักษาสาธารณสมบตั ิ ความสะอาด เพ่อื แสดงความคดิ เห็นทเี่ ปน็ ประโยชน์ต่อรัฐบาล และปกปอ้ งผลประโยชน์ของตนและประเทศชาติ ของถนนหนทาง และสวนสาธารณะ

การมสี ่วนร่วมในการออกกฎหมาย ระเบียบ กติกาการเลอื กต้งั การออกกฎหมายการเลอื กต้งั เป็นหนา้ ทข่ี องรัฐสภา ประกอบด้วย • สภาผแู้ ทนราษฎร : สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎร หรอื ส.ส. • วุฒิสภา : สมาชิกวฒุ ิสภา หรือ ส.ว. ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมทางอ้อมโดยการ เสนอความคิดเห็นท่ีเกี่ยวกับการเลือกตั้งผ่านสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร หรือผ่านสมาชิกวุฒิสมาชิก เพ่ือนาข้อคิดเห็นของ ประชาชนไปประกอบการพจิ ารณาออกกฎหมายเลือกตง้ั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook