๔. การปฏบิ ตั ติ นอย่างเหมาะสมต่อเพ่ือนตามหลกั พระพทุ ธศาสนา ทศิ ๖ ทิศเบื้องบน พระสงฆ์ มิตรที่ดีพงึ ปฏิบตั ิต่อเราดงั น้ี ทิศ ทศิ • ป้องกนั เราเมื่อเราอยใู่ นความ เบื้องหลงั ทศิ ๖ เบื้องหน้า สามี ภรรยา บิดา มารดา ประมาท ทศิ เบื้องล่าง • รักษาทรัพยส์ ินของเราเมื่อ ทศิ เบื้องซ้าย คนงาน ทิศ มติ รสหาย ลูกจา้ ง เบื้องขวา เราอยใู่ นความประมาท ครูกบั ศิษย์ • เมื่อมีภยั เอาเป็นที่พ่ึงได้ • ไม่ละทิ้งเราในยามทุกขย์ าก • ใหค้ วามนบั ถือตลอดถึงวงศ์ ตระกลู ของเรา
มติ รแท้ มติ รเทยี ม มติ รแท้ มิตรอุปการะ มิตรร่วมทุกขร์ ่วมสุข มิตรแนะนาประโยชน์ มิตรมีน้าใจ
มติ รเทยี ม มิตรปอกลอก มิตรดีแต่พดู มิตรหวั ประจบ มิตรชวนไปในทางเส่ือม
๖หน่วยการเรียนรู้ท่ี วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาและศาสนพธิ ี ช า ติ ไ ท ย มี เ อ ก ลั ก ษ ณ์ ก า ร ประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา เป็ นของตนเอง ศาสนพิธีแสดงถึง เอกลักษณ์ของชาติและเป็ นเครื่ อง รวมน้าใจให้ผูค้ นที่หลากหลาย นึก คิดเข้าสู่จุดศาสนธรรมอนั เดียวกัน ดงั น้นั พทุ ธศาสนิกชน ที่ ดี จึ ง ค ว ร รู้ ค ว า ม เ ป็ น ม า ข อ ง วัน ส า คั ญ ท า ง พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า เ พ่ื อ ใ ห้ส า ม า ร ถ ป ฏิ บัติ ต น ไ ด้อ ย่า ง เหมาะสมในวนั ดงั กล่าว
๑. วนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา วนั มาฆบูชา วนั มาฆบูชาตรงกบั วนั เพญ็ เดือน ๓ ของทุกปี ถา้ ปี ใดมีอธิกมาสจะเล่ือนไปเป็นวนั เพญ็ เดือน ๔ เมื่อคร้ังพทุ ธกาลมีเหตุการณ์ “จาตุรงคสนั นิบาต” ณ เวฬุวนั มหาวิหาร ในกรุง ราชคฤห์ ไดแ้ ก่ ๑. พระสาวกซ่ึงเป็นพระอรหนั ต์ ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมกนั ๒. พระสาวกท้งั ๑,๒๕๐ รูป ไดร้ ับเอหิภิกขสุ มั ปทา คือไดร้ ับการอุปสมบทจากพระพทุ ธเจา้ ๓. พระสาวกเหล่าน้นั มาประชุมกนั โดยมิไดน้ ดั หมาย ๔. พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงโอวาทปาฎิโมกข์
“โอวาทปาฎโิ มกข์” เป็นคาสอนท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงต่อพระสงฆจ์ านวน ๑,๒๕๐ รูป ประกอบดว้ ยหลกั ธรรมใหญๆ่ ๓ ประการ ดงั น้ี ๑ • ขนั ติ คือ ความอดกล้นั เป็นตบะสูงสุด ๒ • การไม่ทาชวั่ ท้งั ปวง ทาความดี ทาจิตใจใหบ้ ริสุทธ์ิ ๓ • การไม่วา่ ร้าย ไม่ทาร้าย บาเพญ็ สมาธิ
พธิ ีมาฆบูชา มีคร้ังแรกในสมยั รัชกาลที่ ๔ พทุ ธศาสนิกชนประกอบพิธีตามประเพณี นิยม ดงั น้ี ๑. ทาใหต้ นอยใู่ นศีลในธรรม เช่น รักษาศีล ๘ งดสุรา อบายมุข เป็นตน้ ๒. บาเพญ็ สาธารณประโยชน์ เช่น บริจาคโลหิต ซ่อมแซมวดั เป็นตน้ ๓. ทาบุญตกั บาตร ฟังธรรม ๔. เวยี นเทียน ระลึกถึงพระพทุ ธคุณ พระธรรมคุณ และพระสงั ฆคุณ นอกจากน้ี สามารถประกอบศาสนกิจท่ีบา้ นไดห้ ากไม่สะดวกไปวดั โดยการจุดธูปเทียนบูชา พระ ทาจิตใจใหส้ งบ ยอ่ มเป็นพทุ ธศาสนิกชนที่ดีเช่นกนั
วนั วสิ าขบูชา วนั วสิ าขบูชา ตรงกบั วนั เพญ็ เดือน ๖ ของทกุ ปี ถา้ ปี ใดมีอธิกมาสจะเลื่อนไปเป็น วนั เพญ็ เดือน ๗ ถือเป็นวนั คลา้ ยวนั ประสูติ วนั ตรัสรู้ และวนั ปรินิพพานของพระพทุ ธเจา้ พระพทุ ธเจา้ ประสูติท่ีสวนลุมพินีวนั ก่อนพระพทุ ธศกั ราช ๘๐ ปี พระพทุ ธเจา้ ตรัสรู้เป็นสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ณ ใตร้ ่มพระศรีมหาโพธิ เม่ือพระชนมไ์ ด้ ๓๕ พรรษา พระพทุ ธเจา้ ปรินิพพานท่ีนครกสุ ินารา เม่ือพระชนมไ์ ด้ ๘๐ พรรษา นบั วา่ เป็นเรื่องอศั จรรยท์ ่ีเหตุการณ์ท้งั 3 เกิดข้ึนในวนั เดียวกนั
สมยั รัชกาลที่ ๒ มีการออกพระราชกาหนดเรียกวา่ “พระราชกาหนดพธิ ีวิสาขบูชา” หา้ มมิใหม้ ีการฆ่าสตั วแ์ ละเสพสุราเมรัย ๓ วนั คือ วนั ข้ึน ๑๔ ค่า วนั ข้ึน ๑๕ ค่า และ แรม ๑ ค่า เดือน ๖ มีการทาบุญตกั บาตร รักษาศีล เวยี นเทียน เป็นตน้
อ ง ค์ ก า ร ส ห ป ร ะ ช า ช า ติ ไ ด้ ประกาศให้วนั วิสาขบูชาเป็ น “วนั สาคญั สากลของโลก” ท่ีมีความสาคัญของ มนุษยชาติ โดยตระหนกั วา่ มีความสาคญั ต่อ พทุ ธศาสนิกชนทวั่ โลก เป็นศาสนาท่ีเก่าแก่ เป็น พระพทุ ธเจา้ ทรงสอน ปัจจุบนั วนั วสิ าขบูชาเป็นวนั หยดุ ราชการ ท่ียดึ เหน่ียวจิตใจต้งั แต่ ใหม้ ีเมตตาธรรม เพื่อให้พุทธศาสนิกชนไปบาเพ็ญกุศล ขนั ติธรรม ส่งผลให้ ตามประเพณีนิยมเหมือนวนั มาฆบูชา อดีตจนอนาคต เกิดสนั ติสุขในสงั คม
วนั อฏั ฐมีบูชา วนั อฏั ฐมีบูชา ตรงกบั วนั แรม ๘ ค่า เดือน ๖ หรือ เดือน ๗ นบั ถดั จากวนั วสิ าขบูชา ไป ๗ วนั เป็นวนั คลา้ ยวนั ถลายพระเพลิงพระพทุ ธสรีระ เป็นวนั สาคญั ที่ระลึกถึงพระพทุ ธองค์ ในวนั อัฏฐมีบูชาจะมีการเทศน์เรื่องพุทธ- ประวัติ เพ่ือให้น้อมราลึกถึงพระคุณและ พระธรรมคาสอนของพระพุทธเจ้า และ ซาบซ้ึงในพระรัตนตรัย
เนื่องจากวนั อฏั ฐมีบูชาเพ่ิงไดร้ ับการจดั ให้เป็ นวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา จึงยงั ไดร้ ับความสนใจจากประชาชนนอ้ ยกว่าวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนาวนั อื่นๆ ส่วนใหญ่มีแต่ พระสงฆเ์ ป็นผจู้ ดั ศาสนพธิ ี ซ่ึงเป็นพธิ ีเลก็ ๆ สาหรับพทุ ธศาสนิกชน ควรเขา้ วดั ตกั บาตร ฟังเทศนา และปฏิบตั ิตนตามพระธรรม คาสอน เพ่ือระลึกถึงคุณของพระพทุ ธเจา้ และสืบทอดพระพทุ ธศาสนาใหค้ งอยสู่ ืบไป
วนั อาสาฬหบูชา วนั อาสาฬหบูชา ตรงกบั วนั เพญ็ เดือน ๘ ของทุกปี ถา้ ปี ใดมีอธิกมาสจะเลื่อนไปเป็นเดือน ๘ หลงั เป็ นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา คือ แสดง พระธรรมเป็ นคร้ังแรก มีช่ือว่า ธัมมจักกัปปวตั ตนสูตร มีใจความสาคญั กล่าวถึง อริยสจั ๔ เป็นวนั ท่ีพระสงฆเ์ กิดข้ึนเป็นคร้ังแรก เป็นวนั ที่พระรัตนตรัย คือ ในโลก พระพทุ ธ พระธรรม และ พระสงฆ์ ครบท้งั ๓ ดวง
ทางราชการกาหนดให้วัน อาสาฬหบูชา เป็ นวนั สาคัญทาง พระพุทธศาสนา เม่ือ พ.ศ. ๒๕๐๑ และใหเ้ ป็นวนั หยดุ ราชการ ๑ วนั สาหรับพุทธศาสนิกชน ควร บ า เ พ็ญ กุ ศ ล ต า ม ธ ร ร ม เ นี ย ม ประเพณี เช่นเดียวกบั วนั มาฆบูชา และวนั วสิ าขบูชา
วนั เข้าพรรษา วนั เขา้ พรรษา ตรงกบั วนั แรม ๑ ค่า เดือน ๘ หรือ วนั ถดั จากวนั อาสาฬหบูชา หากเป็นปี อธิกมาสจะตรงกบั วนั แรม ๑ ค่า เดือน ๘ หลงั เป็นวนั ท่ีพระสงฆอ์ ธิษฐานวา่ จะอยปู่ ระจาในอาวาสตลอด ๓ เดือน โดยไม่ไปแรมคืนในท่ีอ่ืน เรียกวา่ จาพรรษา ในสมยั พุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงวางระเบยี บให้จาพรรษา ในฤดูฝน เพื่อไม่ให้พระภิกษุไปเหยยี บข้าวกล้าของชาวบ้าน
วนั เขา้ พรรษามีวตั ถุประสงคท์ ี่สาคญั ดงั น้ี ๑. เพอื่ ใหพ้ ระสงฆ์ ไดม้ ีเวลาศึกษา ในวนั น้ี พุทธศาสนิกชนมกั จะนิยมไปทาบุญ เช่นเดียวกับวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนา พระธรรมวนิ ยั ไดม้ ากข้ึน วนั อื่นๆ และมีการหล่อเทียนพรรษาเพ่ือนาไป ถวายใหแ้ ด่พระสงฆท์ ่ีวดั ๒. เพือ่ เปิ ดโอกาสใหช้ าวบา้ นไดบ้ าเพญ็ กศุ ล เช่น รักษาศีล ฟังธรรม เป็นตน้ ๓. เพื่อใหป้ ระชาชนนาบุตรหลานท่ีเป็น ชายเขา้ มาบวช เพื่อศึกษาธรรม
ภาพประเพณีแห่เทียนพรรษาท่ีจดั ข้ึนอยา่ งยงิ่ ใหญเ่ ป็นประจาทุกปี และมีชอ่ื เสียงไปทวั่ โลก ที่จงั หวดั อุบลราชธานี
วนั ออกพรรษาและ วนั ตักบาตรเทโวโรหณะ ในเทศกาลออกพรรษา พทุ ธศาสนิกชนจะร่วมกนั ทาบุญตกั บาตรคร้ังใหญ่ เรียกวา่ “ตกั บาตรเทโวโรหณะ” เชื่อกนั วา่ เป็นวนั คลา้ ยวนั ท่ีพระพุทธเจา้ เสดจ็ กลบั ลง จากเทวโลก จึงเฉลิมฉลองและถือเป็นประเพณีสืบมา
ภาพประเพณีตกั บาตรเทโวท่ีจดั ข้ึนอยา่ งยง่ิ ใหญ่เป็นประจาทุกปี และมีชื่อเสียงไปทวั่ ประเทศ ท่ีวดั สงั กสั รัตนคีรี จงั หวดั อุทยั ธานี
วนั ธรรมสวนะ ธรรมสวนะ แปลวา่ วนั สาหรับฟังธรรม ทวั่ ไปเรียกวา่ วนั พระ มีวนั พระเลก็ กบั วนั พระใหญ่ วนั พระเลก็ ไดแ้ ก่ วนั ข้ึน วนั แรม ๘ ค่า ส่วนวนั พระใหญ่ ไดแ้ ก่ วนั ข้ึน วนั แรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่า พทุ ธศาสนิกชนนิยมสวดมนต์ ฟังธรรม และถือศีล ๘
วนั ธรรมสวนะที่ • ในฝ่ ายสงฆ์ พระสงฆไ์ ดม้ าประชุมกนั ฟังคาสง่ั สอน พระพทุ ธเจา้ ทรงบญั ญตั ิข้ึน ของพระพทุ ธเจา้ ก่อเกิดประโยชน์ ดงั น้ี • เปิ ดโอกาสใหพ้ ระภิกษสุ ามเณรไดแ้ สดงธรรม • ฝ่ ายอุบาสกอุบาสิกา ไดฟ้ ังธรรม เพ่มิ พนู ความศรัทธา • ชาวพทุ ธไดฟ้ ังส่ิงท่ีควรรับฟัง ทราบแนวทางนาไป ปฏิบตั ิ • สิ่งท่ีเคยฟังแลว้ ชดั แจง้ ยง่ิ ข้ึน • บรรเทาความสงสยั • รู้สิ่งดีชวั่ มีความเห็นถูกตอ้ งตามหลกั พระพทุ ธศาสนา • สงั คมชุมชนเป็นหน่ึงเดียว ไดพ้ บปะกนั ช่วยเหลือกนั และมีความสามคั คี
ในวนั ธรรมสวนะ พทุ ธศาสนิกชนพงึ ปฏิบตั ิศาสนพธิ ี ดงั น้ี ตอนเชา้ พระสงฆ์ สามเณร และอุบาสก อุบาสิกา ประชุม กนั ที่พระอุโบสถ หรือศาลาการเปรียญ ร่วมกนั กล่าวคาบูชาพระรัตนตรัย และสวดบททาวตั รเชา้ รับศีล ๕ หรือศีล ๘ จากพระสงฆ์ พระธรรมกถึกข้ึนธรรมมาสน์แสดงธรรม อุบาสก อุบาสิกา ต้งั ใจฟังธรรมเทศนาดว้ ยความเคารพและต้งั ใจ เม่ือเทศนาจบ หวั หนา้ อุบาสก อุบาสิกา นากล่าวสาธุการ ๓ คร้ัง เป็นอนั เสร็จพธิ ี
ประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา • มีเวลาในการปฏิบตั ิศาสนกิจ • มีโอกาสร่วมบาเพญ็ สาธารณประโยชน์ เช่น การ มากข้ึน และทาใหร้ ักษาศีล ทาความสะอาดวดั การขดุ ไดอ้ ยา่ งเคร่งครัดมากยง่ิ ข้ึน ลอกทางระบายน้า เป็นตน้
๒. ศาสนพธิ ี การบูชาพระพทุ ธเจ้า พทุ ธศาสนิกชนสามารถแสดงความเคารพต่อพระพทุ ธเจา้ เพือ่ ความสงบทางจิตใจ และเตือนสติใหท้ าความดี ซ่ึงสามารถทาได้ ๒ ทาง ๑. อามสิ บูชา คือ ๒. ปฏบิ ตั ิบูชา คือ บูชาด้วยการปฏบิ ตั ิตนตาม บูชาด้วยส่ิงของ คาสอน
การจดั ที่บูชาในศาสนพธิ ี การจัดท่ีบูชาในศาสนพิธี นิยมจัดเป็ นโต๊ะหมู่บูชา เพ่ือแสดงความเคารพต่อ พระพทุ ธเจา้ ซ่ึงโดยทว่ั ไปจะใชโ้ ต๊ะหมู่ในการจดั แต่หากหาโต๊ะหมู่ไม่ไดก้ ็สามารถใชโ้ ต๊ะหรือ ตงั่ อะไรกไ็ ดท้ ี่ควรนามาจดั โตะ๊ หมู่บูชา การต้ังพระพุทธรูปบนโต๊ะหมู่บูชา นิยมต้ังให้หันพระพกั ตร์ไปทางเดียวกับ พระสงฆ์ โดยพระสงฆ์จะนงั่ ทางเบ้ืองซ้ายของพระพุทธรูป เพ่ือจะไดถ้ ือว่าพระพุทธรูปเป็ น ประธาน มีเครื่องบูชา ไดแ้ ก่ ธูป เทยี น ดอกไม้
โต๊ะเดย่ี ว • ใช้แจกนั ๒ • เชิงเทยี น ๒ • กระถางธูป ๑
โต๊ะหมู่ ๔ แบบธรรมดา • แจกนั ๒ • เชิงเทยี น ๖ • กระถางธูป ๑ • พานดอกไม้ ๒
โต๊ะหมู่ ๕ • แจกนั ๔ • เชิงเทยี น ๖ หรือ ๘ • กระถางธูป ๑ • พานดอกไม้ ๕
โต๊ะหมู่ ๗ • แจกนั ๔ • เชิงเทยี น ๘ หรือ ๑๐ • กระถางธูป ๑ • พานดอกไม้ ๕
โต๊ะหมู่ ๙ • แจกนั ๖ • เชิงเทยี น ๑๐ หรือ ๑๒ • กระถางธูป ๑ • พานดอกไม้ ๗
การจดั ที่บูชาพระประจาบ้าน การจดั ท่ีบูชาพระที่บา้ น นิยมจดั ตามสภาพของบา้ นและฐานะของเจา้ บา้ น เช่น บา้ นขนาดเลก็ นิยมมีหิ้งพระติดขา้ งฝา บา้ นขนาดปานกลาง นิยมจดั เป็นโต๊ะเด่ียวบชู า บา้ นที่กวา้ งมาก นิยมจดั ใหม้ ีหอ้ งพระประจาบา้ น
การจุดธูปเทียน การจุดธูปเทียน เป็นการเริ่มตน้ ประกอบพธิ ีกรรมทางพระพทุ ธศาสนา นิยมเชิญ ประธานเป็นผจู้ ุด โดยเร่ิมจุดจากทางขวาของพระพทุ ธรูปก่อน ถา้ มีเทียนหลายคู่นิยมจุดคู่บน ก่อน หลงั จากจุดเทียนจะจุดธูปเป็นลาดบั ต่อไป
การอาราธนาศีล การอาราธนาศีล เป็นคาท่ีใชก้ บั พระสงฆ์ มีความหมายวา่ การเช้ือเชิญพระใหศ้ ีล โดยกล่าวคาอาราธนาศีล หลงั จากท่ีประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เพือ่ ใหพ้ ระสงฆ์ เตือนสติไม่ใหท้ าชว่ั และรักษาศีล คาอาราธนาศีล (คาอ่าน) มะยงั ภนั เต วสิ ุง วสิ ุง รักขะนตั ถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สิลานิ ยาจามะ ทุติยมั ปิ มะยงั ภนั เต วสิ ุง วสิ ุง รักขะนตั ถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สิลานิ ยาจามะ ตะติยมั ปิ มะยงั ภนั เต วสิ ุง วสิ ุง รักขะนตั ถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สิลานิ ยาจามะ
คาอาราธนาศีล (คาแปล) ขา้ แต่พระสงฆผ์ เู้ จริญ ขา้ พเจา้ ท้งั หลายขอศีล ๕ ประการ พร้อมดว้ ย ไตรสรณคมน์ เพ่อื ประโยชน์แก่การศึกษาเป็นภาคๆ ไป แมค้ ร้ังท่ี ๒ ขา้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จริญ ขา้ พเจา้ ท้งั หลายขอศีล ๕ ประการ พร้อมดว้ ยไตรสรณคมน์ เพอ่ื ประโยชนแ์ ก่การศึกษาเป็นภาคๆ ไป แมค้ ร้ังที่ ๓ ขา้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จริญ ขา้ พเจา้ ท้งั หลายขอศีล ๕ ประการ พร้อมดว้ ยไตรสรณคมน์ เพ่ือประโยชน์แก่การศึกษาเป็นภาคๆ ไป
การอาราธนาธรรม ธรรม คือ หลกั คาสอนอนั เป็นแนวทางใหป้ ฏิบตั ิแต่ความดี บารุงจิตใจใหง้ ดงาม เพื่อ สร้างวนิ ยั ท่ีดี การอาราธนาธรรมมีความหมายวา่ การเช้ือเชิญใหพ้ ระสงฆไ์ ดก้ รุณาช้ีแนะ แนวทางในการปฏิบตั ิความดีตามหลกั ธรรมพระพทุ ธศาสนา คาอาราธนาธรรม (คาอ่าน) พรหมา จะ โลกาธิปะตี สะหมั ปะติ กตั อญั ชลีอนั ธิวะรัง อะยาจะถะ สนั ตีธะ สตั ตาปปะระชกั ขะชาติกา เทเสตุ ธมั มงั อนุกมั ปิ มงั ปะชงั
คาอาราธนาธรรม (คาแปล) ทา้ วสหมั บดีพรหมผเู้ ป็นอธิบดีของโลก ไดป้ ระนมหตั ถน์ มสั การ กราบทูลวงิ วอนตอ่ สมเดจ็ พระผมู้ ีพระภาคเจา้ ผปู้ ระเสริฐวา่ สตั วท์ ้งั หลายที่มี ธุลี คือ กิเลสในดวงตาเบาบางยงั มีอยใู่ นโลกน้ี ขอพระองคไ์ ดโ้ ปรดแสดงธรรม เพ่ืออนุเคราะห์แก่หมู่สัตวน์ ้ีดว้ ยเถิด
การอาราธนาพระปริตร ปริตร มีความหมายวา่ คุม้ ครองรักษา เป็นบทสวดมนตท์ ่ีนิยมวา่ ศกั ด์ิสิทธ์ิ สามารถ ปัดเป่ าหรือป้องกนั อนั ตรายได้ คาอาราธนาพระปริตร (คาอ่าน) วปิ ัตติ ปะฏิพาหายะ สพั พะสมั ปัตติสิทธิยา สพั พะทุกขะวนิ าสายะ ปริตตงั พรูถะ มงั คะลงั วปิ ัตติ ปะฏิพาหายะ สพั พะสมั ปัตติสิทธิยา สพั พะภะยะวนิ าสายะ ปริตตงั พรูถะ มงั คะลงั วปิ ัตติ ปะฏิพาหายะ สพั พะสมั ปัตติสิทธิยา สพั พะโรคะวนิ าสายะ ปริตตงั พรูถะ มงั คะลงั
คาอาราธนาพระปริตร (คาแปล) ขอพระสงฆท์ ้งั หลาย จงสวดพระปริตรอนั เป็นมงคล เพอื่ ป้องกนั ความวบิ ตั ิท้งั ปวง เพอ่ื ยงั สมบตั ิท้งั ปวงใหส้ าเร็จ เพื่อใหท้ ุกขภ์ ยั โรคท้งั ปวง พนิ าศไป
๗หน่วยการเรียนรู้ที่ การบริหารจิต และการเจริญปัญญา การฝึ กจิตเปรียบเสมือนการ ให้อาหารท่ีมีคุณภาพแก่จิตใจ ซ่ึงจิต ท่ี ไ ด้รั บ ก า ร บ า รุ ง รั ก ษ า ดัว ย ส ม า ธิ ย่อมมี ความบริ สุ ทธ์ิ สะอาด มี คุณธรรมจริยธรรม สามารถคิดหรือ กระทาส่ิงต่างๆ ไดอ้ ยา่ งคล่องแคล่ว และมีประสิทธิภาพ ดังพระพุทธ- วจนะท่ีว่า “จิตท่ีมีสมาธิ ย่อมจะ เก้ือกูลแก่การเจริ ญเติบโตแห่ ง ปัญญาเป็นอยา่ งดี”
๑. ความรู้เบื้องต้นเกย่ี วกบั การบริหารจติ และการเจริญปัญญา ความหมายและประโยชน์ของสมาธิ สมาธิ แปลวา่ ความต้งั มน่ั แห่งจิต หมายถึง ภาวะท่ีจิตมีเร่ืองท่ีคิดเป็นหน่ึง หรือ อาการท่ีจิตแนบแน่นอยกู่ บั สิ่งใดสิ่งหน่ึงนานๆ สัมมาสมาธิ คือ สมาธิถูก เกิดจากการใชส้ มาธิสร้าง คุณงามความดี เป็นประโยชนต์ ่อตนเองและผอู้ ่ืน มจิ ฉาสมาธิ คือ สมาธิผดิ เกิดจากการใชส้ มาธิเพ่ือ เบียดเบียนหรือทาร้ายผอู้ ่ืน
สมาธิมีประโยชน์ ดงั น้ี ประโยชน์ต่อ ๑. ทาใหจ้ ิตใจผอ่ นคลาย หายจากความเครียด ชีวติ ประจาวนั ๒. ทาใหห้ ายจากความวติ กกงั วล และความหวาดกลวั ๓. ทาใหค้ วบคุมตนเองได้ นอนหลบั สบาย ๔. ทาใหม้ ีความวอ่ งไว กระฉบั กระเฉง ตดั สินใจไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและมีสติ ๕. ทาใหป้ ระสบความสาเร็จในการกระทาสิ่งต่างๆ ๖. ทาใหม้ ีสติสมั ปชญั ญะ รู้เท่าทนั ปรากฏการณ์ต่างๆ ๗. ทาใหม้ ีประสิทธิภาพในการศึกษาเล่าเรียน และการทางาน ๘. ทาใหม้ ีความจาดี ๙. ทาใหส้ ุขภาพกายดี และทาใหด้ ูอ่อนกวา่ วยั ๑๐. ทาใหโ้ รคบางอยา่ งหายไปได้ เช่น โรคทอ้ งผกู เร้ือรัง โรคหอบหืด เป็นตน้
ประโยชน์ต่อการ ๑. ทาใหบ้ ุคลิกเขม้ แขง็ หนกั แน่น มน่ั คง พฒั นาบุคลกิ ภาพ ๒. ทาใหม้ ีความเยอื กเยน็ ไม่ฉุนเฉียวเกร้ียวกราด ๓. ทาใหเ้ ป็นคนสุภาพนุ่มนวล มีเมตตากรุณา ๔. ทาใหส้ ดชื่นผอ่ งใส ยมิ้ แยม้ เบิกบาน ๕. ทาใหม้ ีความสง่าอ่าอง น่าเกรงขาม ๖. ทาใหม้ ีเสน่ห์ดึงดูดใจ น่าคบหา ๗. ทาใหม้ ีความมน่ั คงทางอารมณ์ ๘. ทาใหก้ ระฉบั กระเฉง กระปร้ีกระเปร่า ไม่เซื่องซึม ๙. ทาใหพ้ ร้อมเผชิญเหตุการณ์ต่างๆ และแกไ้ ขสถานการณ์คบั ขนั ได้ ๑๐. ทาใหร้ ับรู้ส่ิงต่างๆ ไดง้ ่าย รู้จกั ตนเองและผอู้ ่ืนตามความเป็นจริง
ประโยชน์ท่ี ทาใหจ้ ิตใจสงบแน่วแน่ สามารถ เป็ นจุดหมาย ระงับ “นิวรณ์” หรื อ กิเลสที่ ของศาสนา ปิ ดก้ันจิตมิให้พฒั นาสูงข้ึนได้ ท้งั หมด อนั จะก่อให้เกิดปัญญา เห็นแจง้ ความจริงสูงสุด อันเป็ น จุดมุ่งหมายสูงสุดของพระพุทธ- ศาสนา
การเตรียมการเพื่อปฏบิ ัติสมาธิ มีข้นั ตอน ดงั น้ี ๓ ๒ สมาทานศีล เพือ่ ให้ จิตใจบริสุทธ์ิ สะอาด กาหนดเวลา ควรเป็น อนั เป็นพ้ืนฐานสาคญั เวลาที่ร่างกายพร้อมต่อ ของการทาสมาธิ การทาสมาธิ ๑ เลือกสถานท่ี ท่ีไม่อบั ลม ไม่มีเสียงดงั รบกวน
ข้นั ตอนการปฏิบตั ิสมาธิ (ต่อ) ๖ ๕ ตัดกงั วล ไม่คิดเร่ืองใดๆ แผ่เมตตา เพอ่ื ส่งความ ท้งั สิ้น ใหก้ าหนดเฉพาะ ปรารถนาดีไปใหแ้ ก่ เรื่ องท่ีจะฝึ กสมาธิ สรรพสตั วท์ ้งั หลาย ขณะน้นั เท่าน้นั ๔ นมสั การพระรัตนตรัย สวดราลึกพระคุณของ พระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์
การสวดมนต์แปลและแผ่เมตตา คานมสั การพระรัตนตรัย
คานอบน้อมพระพทุ ธเจ้า
บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย (พระพทุ ธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ)
คาแผ่เมตตา
๒. กระบวนการฝึ กสมาธิตามหลกั อานาปานสติ การเจริญสมาธิ การเจริญสมาธิมีดว้ ยกนั หลายวธิ ี แต่วธิ ีที่นิยมฝึกกนั มาก และฝึกไดง้ ่าย มี ๓ วธิ ี ไดแ้ ก่ แบบเพ่งวตั ถุ • วตั ถุท่ีใชเ้ พง่ มกั จะเป็นพระพทุ ธรูปองคใ์ ดองคห์ น่ึง โดยการเพง่ มอง ไปท่ีพระพทุ ธรูปองคน์ ้นั นานๆ แลว้ หลบั ตา หากยงั เห็นรูปพระติด ตาชดั อยู่ แสดงวา่ สมาธิเร่ิมเกิดข้ึนแลว้ แบบกาหนด • ขณะที่หายใจเขา้ ใหเ้ อาจิตจดจ่ออยกู่ บั ลมหายใจเขา้ ขณะหายใจออก ลมหายใจ กใ็ หจ้ ิตจดจ่อกบั ลมหายใจออก โดยอาจกาหนดดว้ ยคาวา่ “พทุ -โธ” กไ็ ด้ แบบนับ • สูดลมหายใจเขา้ -ออก แลว้ นบั หน่ึง โดยนบั เฉพาะลมหายใจออกทุก ลมหายใจ คร้ัง เร่ือยไปจนถึงสิบถือเป็นหน่ึงเที่ยว โดยควรทาไม่นอ้ ยกวา่ สิบ เที่ยว จึงจะไดร้ ับอานิสงส์เร็ว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182