Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ ครูอาภาภรณ์ (รายวิชาประวัติศาสตร์ ม.5)

แผนการจัดการเรียนรู้ ครูอาภาภรณ์ (รายวิชาประวัติศาสตร์ ม.5)

Published by Arpaporn Sonprasert, 2021-03-30 09:09:14

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ ครูอาภาภรณ์ (รายวิชาประวัติศาสตร์ ม.5)

Search

Read the Text Version

บันทกึ หลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ปญจ หา/อุปสรรค ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ แนวทางแกไ้ ข ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงช่ือ_________________________ (ผู้บนั ทกึ ) (นางสาวอาภาภรณ์ สอนประเสริฐ) _____/_____/_____

แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่อื ง ประเด็นสาคญั ในประวัติศาสตร์ไทย แผนจัดการเรียนรู้ท่ี 10 เร่ือง การค้ากับตา่ งประเทศสมัยอยธุ ยา : ปจจ จัยที่ทาใหก้ รงุ ศรอี ยุธยาเป็นเมอื งท่านานาชาติ (1) รายวชิ า ประวัตศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส 32102 ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2563 น้าหนกั เวลาเรียน 0.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง/สัปดาห์ เวลาท่ีใชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1 ชวั่ โมง ....................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชีว้ ัดชัน้ ป/ี ผลการเรยี นร/ู้ เปา้ หมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธารง ความเป็นไทย ตวั ช้วี ดั /ผลการเรียนรู้ ส 4.3 ม.4-6/1 วเิ คราะหป์ ระเด็นสาคัญของประวัตศิ าสตร์ไทย ส 4.3 ม.4-6/2 วิเคราะห์ความสาคญั ของสถาบนั พระมหากษัตริยต์ อ่ ชาติไทย ส 4.3 ม.4-6/4 วเิ คราะห์ผลงานของบุคคลสาคัญทงั้ ชาวไทยและตา่ งประเทศทีม่ สี ว่ นสรา้ งสรรค์ วัฒนธรรมไทยและประวัติศาสตรไ์ ทย 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 อธบิ ายความสาคัญของทาเลทตี่ ั้งอยธุ ยา 2.2 ศกึ ษาเรียนรู้และจาแนกปจั จยั ทที่ าใหก้ รุงศรีอยุธยาเปน็ เมอื งทา่ นานาชาติ 2.3 เหน็ ความสาคัญและคุณค่าการศึกษาเรยี นรู้ประวตั ิศาสตรไ์ ทย 3. สาระสาคัญ อาณาจักรอยุธยามคี วามเจริญรุ่งเรืองเป็นปึกแผ่นมายาวนานถึง 417 ปี ทาเลท่ีต้ังคือปัจจัยสาคัญหนึ่งที่ส่งเสริมความ เจรญิ รงุ่ เรอื งของอาณาจักรอยธุ ยาทงั้ ในด้านการปกครอง โดยเฉพาะการค้ากับต่างประเทศท่ีนาเงินตราและความม่ัง คั่งมาสู่อาณาจกั รอยุธยา 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 การคา้ กับต่างประเทศสมัยอยธุ ยา ปัจจัยที่ทาให้อยธุ ยาเป็นเมืองท่านานาชาติ 5. คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ รักความเปน็ ไทย ตัวช้วี ดั ท่ี 7.1 ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วัฒนธรรมไทย และมีความกตัญญูกตเวที

6. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคดิ 7. ช้ินงานหรือภาระงาน 7.1 แผนภาพความคิด วเิ คราะหค์ วามสาคัญของทาเลทต่ี งั้ ของกรุงศรีอยธุ ยา 7.2 แผนภาพความคดิ วเิ คราะห์ผลดี ผลเสยี ของทาเลท่ีต้งั กรุงศรีอยุธยา 8. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครูนาแผนท่ีแสดงลักษณะทางภูมิศาสตร์ของอาณาจักรอยุธยามาให้นักเรียนร่วมกันศึกษาถึง ลักษณะภูมิประเทศและทาเลที่ต้ังของอาณาจักรอยุธยา ก่อนนาเข้าสู่บทเรียน แล้วแสดงความคิดเห็นร่วมกัน โดยครูใชค้ าถาม ดังนี้  ที่ต้ังกรุงศรีอยุธยามีแม่น้าใดบ้างท่ีล้อมรอบและสามารถเป็นเส้นทางออกสู่ทะเลได้ (แม่น้า เจ้าพระยา แม่นา้ ป่าสกั และแม่นา้ ลพบรุ ี)  ลักษณะภูมิประเทศส่งผลดีต่ออยุธยาอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ ทาให้อยุธยาเป็นเมืองท่า สามารถใช้เส้นทางเรอื ออกส่ทู ะเลได้ ทาใหเ้ กิดการติดต่อทาการคา้ กับตา่ งประเทศได้สะดวก) 2. ครูให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ถึงความสาคัญของสภาพที่ต้ังของกรุงศรีอยุธยาโดยใช้แผนภาพ ความคดิ ดงั นี้ มีทรัพยากรทางธรรมชาติอนั อุดมสมบูรณ์ ปลอดภัยจากข้าศึก ความสาคญั ของ พน้ื ทีเ่ หมาะแกก่ าร เพราะมีแมน่ า้ ล้อมรอบ สภาพท่ตี ง้ั เพาะปลูก กรงุ ศรีอยธุ ยา เปน็ เกราะป้องกัน มแี ม่น้าไหลผา่ นเหมาะแก่การคมนาคม ตดิ ต่อค้าขายและทาการประมง

3. ครูใหน้ กั เรียนรว่ มกันวเิ คราะห์ถงึ ผลดีและผลเสยี ของทาเลทต่ี ั้งกรงุ ศรีอยุธยา โดยใชแ้ ผนภาพความคิด ดงั นี้ สภาพทตี่ ัง้ ผลดี กรงุ ศรีอยธุ ยา  เป็นด่านปอ้ งกันขา้ ศกึ เน่อื งจากมแี ม่น้า 3 สายลอ้ มรอบตวั เกาะกรุงศรีอยธุ ยา  เปน็ เส้นทางการคมนาคม ติดตอ่ การคา้ กับตา่ งประเทศทาให้กรงุ ศรีอยธุ ยา การเปน็ เมอื งทา่ ทส่ี าคัญ  กรงุ ศรีอยธุ ยามีทาเลอนั อดุ มสมบรู ณพ์ ้ืนทเี่ หมาะแกก่ ารเพาะปลกู และทาประมง ผลเสยี  ข้าศึกสามารถเข้ามาทาศึกสงครามได้ทุกเสน้ ทางท้งั ทางบกและทางนา้  เกดิ น้าท่วมในช่วงฤดูนา้ หลาก  พ้ืนที่กรุงศรีอยุธยามขี นาดเล็กไมส่ ามารถขยายตวั เมืองได้อกี 4. ให้นกั เรียนร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี  อาณาจกั รอยธุ ยามีความเจริญรุง่ เรืองเป็นปึกแผ่นมายาวนานถงึ 417 ปี ทาเลทีต่ ้ัง คือปัจจัยสาคญั หน่ึงทีส่ ่งเสริมความเจริญรุ่งเรอื งของอาณาจกั รอยุธยา เนอ่ื งจากเป็นทาเลทีต่ ้ังที่มี ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ มีพ้ืนที่เหมาะแก่การเพาะปลูก มีแม่น้าหลายสายล้อมรอบเหมาะกับ การติดต่อคา้ ขายกับตา่ งชาติและปลอดภยั จากการรุกรานของข้าศึก 5. ใหน้ ักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ าถามท้าทาย ดังน้ี  สภาพทาเลทต่ี ั้งมีความสาคญั ตอ่ กรงุ ศรอี ยธุ ยาอยา่ งไร 9. สอ่ื การเรยี นการสอน / แหลง่ เรียนรู้ 9.1 แผนทีแ่ สดงลกั ษณะทางภูมิศาสตรข์ องอาณาจกั รอยุธยา 9.2 แผนภาพความสาคัญของสภาพทตี่ ง้ั กรงุ ศรีอยธุ ยา 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล 10.1 วิธกี ารวัดและประเมินผล 10.1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม 10.2 เคร่อื งมอื 10.2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม 10.3 เกณฑ์การประเมนิ 10.3.1 การประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผา่ นตั้งแต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถอื วา่ ไม่ผ่าน

บนั ทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ปญจ หา/อปุ สรรค ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ แนวทางแกไ้ ข ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงช่ือ_________________________ (ผบู้ นั ทกึ ) (นางสาวอาภาภรณ์ สอนประเสรฐิ ) _____/_____/_____ แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 เร่ือง ประเด็นสาคัญในประวตั ศิ าสตรไ์ ทย

แผนจัดการเรียนรู้ท่ี 11 เรอื่ ง การค้ากับตา่ งประเทศสมัยอยุธยา : ปจจ จยั ที่ทาให้กรงุ ศรีอยธุ ยาเปน็ เมอื งท่านานาชาติ (2) รายวิชา ประวตั ิศาสตร์ รหัสวชิ า ส 32102 ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 น้าหนกั เวลาเรียน 0.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 1 ชัว่ โมง/สัปดาห์ เวลาท่ใี ชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1 ชั่วโมง ....................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั ชั้นปี/ผลการเรียนรู้/เปา้ หมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธารง ความเปน็ ไทย ตัวช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ ส 4.3 ม.4-6/1 วิเคราะห์ประเด็นสาคัญของประวตั ศิ าสตรไ์ ทย ส 4.3 ม.4-6/2 วเิ คราะหค์ วามสาคญั ของสถาบันพระมหากษตั ริยต์ อ่ ชาติไทย ส 4.3 ม.4-6/4 วิเคราะหผ์ ลงานของบุคคลสาคัญทงั้ ชาวไทยและต่างประเทศทม่ี ีสว่ นสร้างสรรค์ วฒั นธรรมไทยและประวัติศาสตร์ไทย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 อธิบายปัจจัยทท่ี าให้กรุงศรอี ยุธยาเป็นเมืองท่านานาชาติ 2.2 นาเสนอข้อมลู เกีย่ วกับปัจจัยของกรงุ ศรีอยุธยาที่ทาให้กลายเป็นเมืองท่านานาชาติ 2.3 เหน็ คณุ คา่ และความสาคัญของการศึกษาการคา้ ของกรุงศรีอยุธยากบั นานาชาติ 3. สาระสาคญั การค้ากับต่างประเทศในสมัยอยุธยามีความเจริญม่ังค่ัง จนทาให้อยุธยาเป็นเมืองท่านานาชาติที่สาคัญแห่ง หนึ่ง ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีปัจจยั ตา่ ง ๆ ท่สี นับสนุนการค้ากับต่างชาติ คอื สภาพที่ต้ัง การให้ สิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา และพระราชทานท่ีดินเพื่อการอยู่อาศัย ประสิทธิภาพการบริหารราชการ นโยบายการคา้ และประเภทของสินคา้ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ปจั จัยท่ีทาให้กรุงศรอี ยุธยาเป็นเมอื งทา่ นานาชาติ 5. คณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ รักความเป็นไทย ตัวช้วี ัดท่ี 7.1 ภาคภมู ิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย และมีความกตัญญูกตเวที 6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 6.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 6.2 ความสามารถในการคิด

7. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน 7.1 แผนภาพความคิด วเิ คราะหป์ ัจจัยที่ทาให้กรงุ ศรอี ยุธยาเป็นเมอื งทา่ นานาชาติ 8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สนทนาเก่ียวกบั ปัจจัยทีท่ าให้กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองท่านานาชาติ โดยครูใช้ คาถาม ดังน้ี  เพราะเหตุใดกรุงศรอี ยธุ ยาจึงไดช้ อื่ ว่าเปน็ เมืองท่านานาชาติ (ตวั อยา่ งคาตอบ เพราะกรุงศรี อยธุ ยาเปน็ เมืองทา่ ที่ตดิ ต่อค้าขายกับชาวตา่ งชาติมากมาย ทาใหเ้ กิดความหลากหลายทาง เช้อื ชาติ กรงุ ศรอี ยุธยาจงึ ได้ชอ่ื ว่าเปน็ เมืองทา่ นานาชาติ)  นักเรียนคิดว่าปจั จัยใดบา้ งที่ทาใหก้ ารคา้ กบั ตา่ งชาติในสมัยอยุธยาเป็นไปอย่างม่ังคัง่ (ตัวอยา่ งคาตอบ สภาพที่ตงั้ ความสามารถในการค้า ประเภทของสนิ คา้ เป็นทตี่ อ้ งการ)  นกั เรยี นคิดว่าในสมัยอยุธยาได้ให้สทิ ธใิ ดบา้ งแก่ชาวต่างชาติ ที่เข้ามาคา้ ขายกับอยุธยา (ตัวอย่างคาตอบ พระมหากษตั รยิ ์พระราชทานทดี่ นิ แกพ่ ่อคา้ ตา่ งชาติ ใหส้ ทิ ธเิ สรีภาพในการนับถอื ศาสนา) 2. ใหน้ ักเรยี นแบ่งกลุ่มศึกษาขอ้ มูลท่ีกาหนดให้ แล้วออกมานาเสนอข้อมูลหน้าชน้ั เรยี น ดังนี้  การใหส้ ิทธเิ สรีภาพในการนับถือศาสนา และพระราชทานทีด่ นิ เพ่ือการอยู่อาศัย  ประสิทธิภาพการบริหารราชการ  นโยบายการคา้ ของไทยสมยั อยุธยา  ประเภทของสนิ คา้ 3. ใหน้ กั เรียนร่วมกันวเิ คราะหแ์ ละสรปุ ปจั จยั ท่ที าให้กรุงศรีอยธุ ยาเปน็ เมืองท่านานาชาติ โดยใช้แผนภาพ ความคดิ

สภาพทีต่ งั้ แมน่ ้าหลายสายไหลผ่าน สะดวกตอ่ การคมนาคม มีพนื้ ท่อี ดุ มสมบรู ณ์เหมาะกับการเพาะปลูก การให้สทิ ธเิ สรีภาพในการนบั ถือศาสนา และพระราชทานทด่ี นิ เพ่อื การอยอู่ าศัย พระราชทานทด่ี นิ แกพ่ ่อค้าเพ่อื สรา้ งทีอ่ ย่อู าศยั ให้สิทธิเสรีภาพในการนบั ถือศาสนา ปัจจัยท่ีทาให้ ประสิทธภิ าพการบริหารราชการ กรงุ ศรีอยธุ ยาเป็น เมอื งทา่ นานาชาติ ปกครองโดนดึงอานาจเขา้ สสู่ ว่ นกลาง มีพระราโชบายอันหลากหลายในการปกครองชาวตา่ งชาติ นโยบายการค้าของไทยสมยั อยธุ ยา ให้สิทธิประโยชนแ์ กพ่ ่อค้าเพื่อสนบั สนุนใหต้ า่ งชาตเิ ขา้ มาค้าขาย ส่งทูตไปเจริญสมั พนั ธไมตรีกบั ประเทศคคู่ ้า ต้ังระบบการคา้ ขายของหลวง จดั ต้ังกรมราชการตา่ ง ๆ เพื่อจดั ระบบและควบคมุ ชาวต่างชาติ ประเภทของสินคา้ สนิ คา้ ขาออก ส่วนใหญเ่ ปน็ ของปา่ สินคา้ ขาเขา้ เปน็ สินค้าทส่ี ั่งเพื่ออปุ โภคบรโิ ภคในประเทศ 4. ให้นักเรียนรว่ มกันสรุปความรู้ ดังนี้  ความม่งั คั่งทางเศรษฐกจิ เป็นปจั จยั สาคญั หนึ่งท่ีทาใหอ้ าณาจกั รอยธุ ยามคี วามเจริญรุง่ เรืองยาวนานถึง 417 ปี โดยเฉพาะการค้ากับชาวต่างชาตทิ ี่มีความเจรญิ ม่งั คั่งจนทาให้กรุงศรีอยธุ ยาเป็นเมืองท่านานาชาติทสี่ าคัญแห่ง หนึ่งในภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ โดยมปี จั จัยท่ีทาให้กรุงศรีอยธุ ยาเปน็ เมืองท่านานาชาตคิ อื สภาพทีต่ ั้ง การให้ สทิ ธิเสรภี าพในการนับถือศาสนา และพระราชทานท่ดี นิ เพ่ือการอยู่อาศยั ประสิทธภิ าพการบริหารราชการ นโยบาย การค้าและประเภทของสนิ คา้

5. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี  การท่ีกรงุ ศรีอยธุ ยาเป็นเมอื งท่านานาชาตสิ ่งผลอยา่ งไร 9. ส่ือการเรยี นการสอน / แหลง่ เรียนรู้ 9.1 แผนภาพปัจจยั ทท่ี าให้กรุงศรีอยธุ ยาเปน็ เมืองท่านานาชาติ 10. การวดั ผลและประเมินผล 10.1 วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล 10.1.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม 10.1.2 สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม 10.2 เคร่ืองมอื 10.2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม 10.2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ 10.3 เกณฑก์ ารประเมิน 10.3.1 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผา่ นต้ังแต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถอื วา่ ไม่ผ่าน 10.3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ คะแนน 9-10 ระดับ ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรับปรุง

บนั ทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ปจญหา/อปุ สรรค ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ แนวทางแก้ไข ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงชือ่ _________________________ (ผู้บันทกึ ) (นางสาวอาภาภรณ์ สอนประเสริฐ) _____/_____/_____ แผนการจัดการเรยี นรู้

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 3 เร่อื ง ประเดน็ สาคัญในประวัตศิ าสตรไ์ ทย แผนจัดการเรียนรู้ที่ 12 เร่อื ง การคา้ กับต่างประเทศสมัยอยุธยา : ประเทศทีค่ ้าขายกับกรงุ ศรีอยธุ ยา รายวิชา ประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ส 32102 ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563 น้าหนกั เวลาเรียน 0.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 1 ช่วั โมง/สัปดาห์ เวลาทใ่ี ชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1 ชัว่ โมง ....................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัดชน้ั ปี/ผลการเรียนรู้/เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธารง ความเป็นไทย ตวั ช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ ส 4.3 ม.4-6/1 วิเคราะห์ประเด็นสาคัญของประวัติศาสตร์ไทย ส 4.3 ม.4-6/2 วเิ คราะหค์ วามสาคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ตอ่ ชาติไทย ส 4.3 ม.4-6/4 วเิ คราะห์ผลงานของบุคคลสาคัญทงั้ ชาวไทยและตา่ งประเทศที่มีส่วนสร้างสรรค์ วฒั นธรรมไทยและประวตั ิศาสตร์ไทย 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ระบปุ ระเทศที่คา้ ขายกบั อยธุ ยาและผลกระทบจากการค้า 2.2 ศึกษาเรยี นรู้การเขา้ มาทาการค้าของประเทศต่าง ๆ สมยั อยุธยาและผลกระทบที่เกิดจากการทาการค้า 2.3 เหน็ ความสาคญั ในการศึกษาเรียนรูป้ ระวตั ิศาสตร์ไทยท้ังดา้ นการเมือง เศรษฐกจิ และวฒั นธรรม 3. สาระสาคญั ชาติท่ีเข้ามาทาการค้าในสมัยอยุธยาประกอบด้วยประเทศในแถบเอเชียและชาติตะวันตกส่งผลต่อการ เปลีย่ นแปลงและเกิดพัฒนาการดา้ นเศรษฐกจิ การเมอื ง สงั คม และวัฒนธรรม 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ประเทศทคี่ ้าขายกบั กรุงศรอี ยุธยา 4.2 ผลกระทบจากการค้า 5. คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ รกั ความเป็นไทย ตวั ชี้วัดท่ี 7.1 ภาคภมู ิใจในขนบธรรมเนยี มประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย และมีความกตัญญูกตเวที 6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการสอื่ สาร 6.2 ความสามารถในการคิด

7. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน 7.1 แผนภาพความคิด ผลกระทบจากการค้าในสมยั อยธุ ยา 8. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ให้นักเรียนร่วมกนั สนทนาเกยี่ วกับความรุ่งเรืองทางเศรษฐกจิ ของอยธุ ยา โดยครูใช้คาถาม ดงั น้ี  ความรงุ่ เรืองทางเศรษฐกิจของอยธุ ยาเกิดข้ึนจากปัจจัยใดบ้าง อย่างไร (ตัวอยา่ งคาตอบ สภาพ ทตี่ ัง้ ของกรุงศรีอยธุ ยา ที่มีแม่นา้ ลอ้ มรอบเหมาะสาหรับการคา้ ขาย โดยใชก้ ารคมนาคมทางนา้ นโยบาย การคา้ ในสมยั อยธุ ยาท่สี นับสนนุ การคา้ กับชาวต่างชาติ)  ลักษณะการทาการค้าของอยุธยามลี กั ษณะแบบใด (ตัวอย่างคาตอบ เปน็ การคา้ แบบผกู ขาด โดยเป็นการซื้อขายสนิ คา้ กบั พระคลงั สนิ คา้ เท่าน้ัน) 2. ใหน้ ักเรยี นร่วมกนั ศึกษาเกี่ยวกับประเทศทีเ่ ข้ามาทาการค้ากบั อยธุ ยา แล้วรว่ มกนั แสดงความ คดิ เหน็ โดยครใู ชค้ าถาม ดงั นี้  ตา่ งชาตทิ ี่เข้ามาทาการค้ากบั อยุธยาแบ่งออกเปน็ กกี่ ลมุ่ อะไรบ้าง (ตวั อย่างคาตอบ 2 กลมุ่ คอื ประเทศในแถบเอเชยี และชาติตะวนั ตก)  นกั เรียนคดิ ว่าประเทศในแถบเอเชียประเทศใดมีอิทธพิ ลในการทาการคา้ กับอยุธยา มากทีส่ ดุ อย่างไร (ตัวอยา่ งคาตอบ จนี เพราะเปน็ ประเทศท่ีมีขนาดใหญ่ และอยุธยาต้องสง่ บรรณาการให้กับ จีนเพ่อื ให้จีนอานวยความสะดวกแกเ่ รือที่เข้าไปทาการค้าของอยุธยา แสดงให้เหน็ อิทธพิ ลของจนี ในการทา การคา้ )  นอกจากผลดีดา้ นเศรษฐกิจการคา้ แลว้ การคบคา้ กับชาตติ ะวันตกในสมยั อยธุ ยา มจี ุดประสงค์ใดอีกบา้ ง อย่างไร (ตวั อย่างคาตอบ จดุ ประสงค์เพอื่ ถว่ งดลุ อานาจชาติตะวนั ตกทเ่ี ขา้ มาทา การค้าและแสวงหาผลประโยชนใ์ นอยุธยา) 3. ครูให้นักเรยี นศึกษาผลกระทบท่เี กิดจากการการค้าในสมัยอยธุ ยา โดยให้นกั เรียนแบง่ กลุ่มแล้วสรุป ความรู้ นาเสนอหนา้ ชัน้ เรียน ตามหวั ขอ้ ท่กี าหนด  ด้านเศรษฐกจิ และการคา้  ดา้ นการเมือง  ด้านสงั คม

4. จบการนาเสนอ ครูอธิบายเพ่ิมเติม สรุปความรเู้ รอ่ื ง ผลกระทบจากการคา้ โดยใช้แผนภาพความคิด ดา้ นเศรษฐกิจและการค้า ผลกระทบจากการค้า ดา้ นการเมอื ง ในสมยั อยธุ ยา เกดิ การประกอบอาชีพ เกิดการถว่ งดลุ อานาจ ตา่ ง ๆ ของชาวต่างชาติ ด้านสังคม อยา่ งชาตติ ะวนั ตก เศรษฐกจิ อยุธยาขยายตวั เกดิ กองทหารอาสาตา่ งชาติที่ อยุธยาเปน็ ศูนยก์ ลาง สงั คมมีความหลากหลายทาง คอยใหก้ ารคุ้มครอง ทาการซอื้ ขายสินค้า เชื้อชาติ ศาสนาและอาหาร พระมหากษตั รยิ ์ ศลิ ปะและสถาปัตยกรรม ในอยธุ ยาไดร้ บั อิทธิพล จากตา่ งชาติ เกิดความนยิ มในการใช้สนิ ค้า นาเขา้ จากต่างประเทศ 5. ให้นักเรยี นรว่ มกันสรุปความรู้ ดเรังม่ิ นใช้ี ้ภาษาด้วยการทับศัพท์  ชาตทิ ี่เขา้ มาทาการค้าในสมยั อยธุ ยาประกอบดว้ ยประเทศในแถบเอเชยี และชาติตะวนั ตกการเขา้ มา ของตา่ งชาตจิ ึงสง่ ผลตอ่ การเปลีย่ นแปลงและเกิดพฒั นาการดา้ นเศรษฐกิจการค้า การเมืองและสังคมของกรุง ศรีอยุธยา 6. ให้นักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คาถามท้าทาย ดังนี้  การเข้ามาทาการค้าของชาวตา่ งชาตสิ มยั อยุธยาส่งผลดผี ลเสียอย่างไร 9. ส่ือการเรียนการสอน / แหลง่ เรียนรู้ 9.1 แผนภาพผลกระทบจากการคา้ ในสมัยอยุธยา

10. การวดั ผลและประเมินผล 10.1 วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล 10.1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 10.1.2 สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ 10.2 เครอื่ งมือ 10.2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม 10.2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม 10.3 เกณฑก์ ารประเมิน 10.3.1 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผา่ นตง้ั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถอื วา่ ไม่ผา่ น 10.3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดับ พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรบั ปรงุ

บันทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ปจญหา/อุปสรรค ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ แนวทางแกไ้ ข ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงช่อื _________________________ (ผ้บู นั ทกึ ) (นางสาวอาภาภรณ์ สอนประเสรฐิ ) _____/_____/_____

แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรื่อง ประเด็นสาคญั ในประวัตศิ าสตรไ์ ทย แผนจดั การเรียนร้ทู ่ี 13 เรื่อง ที่ปรกึ ษาและข้าราชการตา่ งชาติในสมัยรัชกาลที่ 5 (1) รายวิชา ประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส 32102 ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 น้าหนกั เวลาเรียน 0.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง/สัปดาห์ เวลาทใ่ี ชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1 ช่วั โมง ....................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วัดชั้นป/ี ผลการเรยี นร/ู้ เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธารง ความเปน็ ไทย ตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรู้ ส 4.3 ม.4-6/1 วเิ คราะห์ประเด็นสาคัญของประวัตศิ าสตรไ์ ทย ส 4.3 ม.4-6/2 วิเคราะห์ความสาคัญของสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ต่อชาติไทย ส 4.3 ม.4-6/4 วิเคราะหผ์ ลงานของบุคคลสาคัญทั้งชาวไทยและตา่ งประเทศทม่ี สี ่วนสรา้ งสรรค์ วัฒนธรรมไทยและประวัตศิ าสตร์ไทย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 อธิบายถึงการบริหารราชการแผน่ ดินในสมัยรัชกาลท่ี 5 เกีย่ วกบั ทีป่ รึกษาและข้าราชการต่างชาติ 2.2 ศึกษาจาแนกมลู เหตุ นโยบายการวา่ จ้างชาวต่างชาติ และประเภทของขา้ ราชการต่างชาติ 2.3 เหน็ ความสาคัญและสนใจศกึ ษาประวตั ิศาสตร์ไทย 3. สาระสาคัญ การปรบั ปรงุ และพฒั นาประเทศในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดข้ึนเพ่ือเสริมสร้าง ความมั่นคง และการพยายามรักษาเอกราชของประเทศจากลัทธิจักรวรรดินิยม วิธีการหน่ึงคือ การว่าจ้าง ชาวตา่ งชาติมาเป็นทป่ี รึกษาและข้าราชการเพือ่ สานสมั พนั ธ์ท่ดี กี ับต่างชาติ และเพ่ือให้ท่ีปรึกษาและข้าราชการ ตา่ งชาติชว่ ยเสนอแนะการปรบั ปรงุ ประเทศให้ทันสมยั ตามแนวทางของชาตติ ะวนั ตก 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 มลู เหตกุ ารวา่ จา้ งชาวต่างชาติ 4.2 นโยบายการว่าจา้ งชาวต่างชาติ 4.3 ประเภทของขา้ ราชการต่างชาติ 5. คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ รกั ความเป็นไทย ตัวช้วี ดั ที่ 7.1 ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนยี มประเพณี ศลิ ปะ วัฒนธรรมไทย และมคี วามกตัญญูกตเวที

6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 6.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 6.2 ความสามารถในการคดิ 7. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน 7.1 แผนภาพความคิด สรปุ ความรู้เกยี่ วกบั ท่ีปรึกษาและขา้ ราชการต่างชาตใิ นสมัยรัชกาลท่ี 5 8. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สนทนาเก่ยี วกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า- เจา้ อยหู่ ัว โดยครูใช้คาถาม ดงั น้ี  พระราชกรณยี กจิ ใดบา้ งในพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยูห่ วั ท่นี ักเรยี นรู้จกั (ตัวอย่าง คาตอบ ทรงยกเลิกการใชแ้ รงงานทาสและระบบไพรใ่ นสังคมไทย ทรงดาเนินการปฏริ ปู ประเทศให้ทันสมยั ตามแบบตะวันตก)  เพราะเหตใุ ดพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัวจึงตอ้ งปฏริ ปู ประเทศใหท้ นั สมยั (ตวั อยา่ ง คาตอบ เพราะในขณะน้นั ชาติตะวนั ตกเขา้ มามอี ิทธิพลในเอเชยี จนเกดิ ลัทธจิ ักรวรรดนิ ิยม การปฏริ ปู ประเทศให้ทันสมัยจึงเป็นวธิ ีการหนง่ึ ในการรักษาเอกราชของประเทศ) 2. ให้นกั เรยี นแบ่งกลุม่ ศกึ ษาความรเู้ กี่ยวกับการว่างจ้างท่ีปรึกษาและข้าราชการต่างชาติ ในสมยั รชั กาลท่ี 5 โดยวิเคราะหแ์ ละสรุปความรูจ้ ากการศึกษา แลว้ ออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน ในหัวข้อที่กาหนดให้ ดังนี้ 3231.111เมอ่ื ปมนจูลโรบยะเหกบเภาตารทยกุ นกขาาราอเวรงสา่วขนจา่้าอจ้ารคงา้าชงรชชาแูกวาลาตวะรตา่ตนงา่ ่าักชงงเชาชรตายีาติตนิ ิร่วมกันสรุปเป็นแผนภาพความคิดเกีย่ วกับท่ีปรกึ ษาและ ข้าราชการต่างชาติในสมยั รัชกาลที่ 5

ท่ีปรกึ ษาและข้าราชการต่างชาติ มูลเหตุการว่าจ้างชาวต่างชาติ ในสมัยรัชกาลที่ 5 เสรมิ สร้างความมั่นคงของบา้ นเมอื ง รกั ษาเอกราชของชาติใหพ้ ้นจากลทั ธจิ กั รวรรดนิ ยิ ม พฒั นาประเทศใหท้ นั สมัยตามแบบชาติตะวันตก นโยบายการว่าจา้ งชาวต่างชาติ รฐั บาลสยามเปน็ ผ้ชู ี้ขาดว่าบุคคลใดควรดารงตาแหนง่ ใด เลือกมอบหมายงานแกข่ า้ ราชการต่างชาติตามคณุ สมบตั ิของ แต่ละบคุ คล มกี ารทาสญั ญาวา่ จ้างท่ีระบผุ ลตอบแทน และขอบเขตหน้าท่ี ไวอ้ ย่างชัดเจน ประเภทของข้าราชการตา่ งชาติ ที่ปรกึ ษาขา้ ราชการท่ัวไป เปน็ ตาแหน่งท่ีปรกึ ษาใกลช้ ิดพระมหากษตั รยิ ์ ทีป่ รึกษาประจากระทรวงและกรมตา่ ง ๆ คอยชว่ ยเหลอื แนะนากิจการบรหิ ารบ้านเมือง โดยจากัดหนา้ ที่ อยูเ่ ฉพาะกรมกองหรือกระทรวงของตนเท่าน้นั ขา้ ราชการตา่ งชาตปิ ระจากรมกองตา่ ง ๆ เปน็ ขา้ ราชการทป่ี ฏบิ ตั หิ น้าท่ปี ระจากรมกองท่ีต้ังขึ้นใหมต่ าม แบบอยา่ งการบริหารงานของชาตติ ะวันตก 4. ให้นกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ความรู้ ดงั นี้  การวา่ งจ้างท่ปี รึกษาและขา้ ราชการในสมัยรชั กาลท่ี 5 มีสาเหตุมาจากการพยายามรกั ษาเอก ราชของประเทศให้พน้ จากลทั ธจิ ักรวรรดนิ ยิ ม โดยการวา่ จ้างชาวตา่ งชาตทิ ่ีมคี วามเช่ยี วชาญเฉพาะดา้ นเขา้ มา มสี ่วนร่วมในการพฒั นาประเทศใหเ้ ป็นไปตามแนวทางของชาตติ ะวันตก และมกี ารกาหนดสญั ญาว่าจา้ งท่ีระบุ ผลตอบแทนและขอบเขตอานาจทางราชการไว้อย่างชดั เจน เพื่อให้การปรบั ปรุงประเทศเป็นไปอยา่ งมนั่ คงและ สยามไดร้ บั ผลประโยชนส์ ูงสดุ โดยไม่ขดั แยง้ กบั ชาตติ ะวนั ตก 5. ให้นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครูใช้คาถามทา้ ทาย ดงั น้ี  นักเรยี นคดิ ว่าการวา่ จ้างทปี่ รกึ ษาและข้าราชการตา่ งชาติสง่ ผลดี ผลเสียอย่างไร ต่อการพัฒนาประเทศในสมยั รัชกาลท่ี 5 9. ส่อื การเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ 9.1 แผนภาพความคิดสรปุ ความรเู้ กย่ี วกับท่ีปรึกษาและขา้ ราชการต่างชาติในสมยั รชั กาลที่ 5

10. การวดั ผลและประเมินผล 10.1 วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล 10.1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 10.1.2 สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ 10.2 เครอื่ งมือ 10.2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม 10.2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ 10.3 เกณฑก์ ารประเมิน 10.3.1 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผา่ นตง้ั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถอื วา่ ไม่ผา่ น 10.3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดับ พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรบั ปรงุ

บันทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ปญจ หา/อปุ สรรค ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ แนวทางแกไ้ ข ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงชอื่ _________________________ (ผู้บันทกึ ) (นางสาวอาภาภรณ์ สอนประเสรฐิ ) _____/_____/_____

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เรือ่ ง ประเด็นสาคญั ในประวัตศิ าสตร์ไทย แผนจัดการเรียนรู้ที่ 14 เร่อื ง ท่ปี รึกษาและขา้ ราชการตา่ งชาตใิ นสมยั รัชกาลท่ี 5 (2) รายวชิ า ประวตั ศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส 32102 ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 นา้ หนกั เวลาเรียน 0.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 1 ช่วั โมง/สัปดาห์ เวลาทใ่ี ชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1 ชั่วโมง ....................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ดั ชนั้ ปี/ผลการเรียนร/ู้ เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธารง ความเปน็ ไทย ตัวช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ ส 4.3 ม.4-6/1 วเิ คราะห์ประเด็นสาคัญของประวตั ิศาสตร์ไทย ส 4.3 ม.4-6/2 วิเคราะหค์ วามสาคัญของสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ต่อชาติไทย ส 4.3 ม.4-6/4 วเิ คราะห์ผลงานของบุคคลสาคัญท้งั ชาวไทยและตา่ งประเทศที่มสี ว่ นสร้างสรรค์ วฒั นธรรมไทยและประวตั ิศาสตรไ์ ทย 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 อธิบายปัญหาและอปุ สรรคการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีของข้าราชการต่างชาติ 2.2 จาแนกสาเหตขุ องการเกิดปญั หาระหวา่ งไทยกบั ตา่ งชาตเิ ก่ียวกับการปฏิบตั ิหน้าท่ขี องขา้ ราชการ ต่างชาติ 2.3 เหน็ ความสาคัญของการศกึ ษาประเด็นสาคญั ทางประวัติศาสตร์ 3. สาระสาคญั การปฏิบัติหน้าท่ีของข้าราชการต่างชาติในสยาม ช่วยวางรากฐานการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง เพ่ือให้สังคมพฒั นาตามอยา่ งชาตติ ะวันตก อย่างไรกต็ ามการวา่ งจ้างข้าราชการชาวต่างชาติยังคงมีปัญหาความ ขัดแย้งในการทางานจากความแตกต่างทางสังคม และวัฒนธรรมในการทางานของข้าราชการไทยกับ ข้าราชการต่างชาติ ทาให้ต่างก็กีดกันผลประโยชน์ของกันและกัน การดาเนินงานพัฒนาประเทศจึงได้รับ ผลกระทบอยู่บา้ งจากปญั หาความขัดแยง้ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 ปญั หาและอปุ สรรคการปฏิบัติหนา้ ที่ของข้าราชการต่างชาติ 5. คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ รักความเป็นไทย ตวั ชว้ี ัดท่ี 7.1 ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทย และมคี วามกตญั ญูกตเวที

6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 6.1 ความสามารถในการสื่อสาร 6.2 ความสามารถในการคดิ 7. ชน้ิ งานหรือภาระงาน 7.1 แผนภาพความคิดปญั หาและอปุ สรรคการปฏบิ ตั หิ น้าที่ของข้าราชการต่างชาติ 7.2 แผนภาพความคิด วิเคราะห์ผลดี ผลเสยี ของการวา่ จา้ งขา้ ราชการตา่ งชาติในสมยั รชั กาลท่ี 5 7.3 ช้ินงานท่ี 3 เรอื่ ง ประเด็นสาคัญในประวตั ิศาสตรไ์ ทย 8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูทบทวนบทเรยี นใหก้ บั นักเรียนเรื่องที่ปรึกษาและข้าราชการต่างชาติในสมัยรัชกาลที่ 5 นักเรียน แสดงความคิดเหน็ รว่ มกนั โดยครูใชค้ าถาม ดงั น้ี  การว่าจ้างชาวต่างชาติให้มารับราชการในประเทศไทยเกิดจากสาเหตุใด (ตัวอย่างคาตอบ การเสริมสร้างเสถียรภาพของบา้ นเมอื งเพ่อื รกั ษาเอกราชของชาตใิ หร้ อดพ้นจากลัทธิจักรวรรดินิยม)  วิธีการคดั เลอื กชาวตา่ งชาตเิ พ่อื ให้เขา้ มารับราชการใช้วธิ ีการใด (ตวั อยา่ งคาตอบ ผา่ นการทดสอบความรู้ทางภาษาไทย) ขา้ ราชการชาวต่างชาติมีบทบาทและขอบเขตอานาจหน้าท่อี ย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ ขา้ ราชการต่างชาติมีหนา้ ท่ีให้คาปรึกษา ชแ้ี นะผลดี ผลเสีย และกาหนดแนวทางการดาเนินการเพื่อพัฒนา ประเทศในด้านตา่ ง ๆ ใหท้ ันสมยั โดยจากดั อานาจหน้าทเี่ ฉพาะกรมกองหรือกระทรวงของตนเท่าน้นั ) การดารงตาแหน่งของข้าราชการต่างชาติใช้วิธีการใด (ตัวอย่างคาตอบ รัฐบาลสยามเป็นผู้ กาหนดว่าบุคคลใดควรดารงตาแหน่งใด โดยพิจารณาความสามารถของบุคคล และท่าทีความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ) 2. ครูให้นักเรียนศึกษาปัญหาและอุปสรรคการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการต่างชาติ จากนั้นสรุป สาเหตแุ ละวเิ คราะห์ผลกระทบ โดยใชแ้ ผนภาพความคิด  ปญั หาจากผ้บู ริหาร ผลกระทบ - ข้าราชการไทยใช้ระบบอุปถัมภ์ ขณะที่ ตา่ งชาตถิ อื ผลงานเปน็ หลกั - ทาให้ขา้ ราชการตา่ งชาตริ สู้ ึกเบ่ือหน่าย - ผบู้ รหิ ารไทยบางคนเปน็ พวกอนุรกั ษ์นิยม - ขา้ ราชการต่างชาติไม่มัน่ ใจ ไม่เห็นด้วยกบั การทางานกบั ต่างชาติ - สื่อสารไม่เข้าใจ ในตาแหนง่ และการปฏบิ ัตงิ านใน หนา้ ทข่ี องตน สาเหตุ ปจญหาจากฝ่าย - ความขัดแย้งของขา้ ราชการไทยและ  ปัญหาจากนโยบายของรฐั ไทย ตา่ งชาติกระทบต่อการดาเนินงาน ของประเทศ - ขา้ ราชการต่างชาติไมม่ ีอานาจในการ ตดั สนิ ใจดาเนินงาน - การต่อสัญญาวา่ จ้างเปน็ ระยะ ทาให้เปน็ ตาแหนง่ ท่ขี าดความมัน่ คง

ข้าราชการต่างชาติทรี่ ับราชการมานาน ผลกระทบ มักใช้ตาแหน่งหน้าทข่ี องตนเอง - สยามเสยี ผลประโยชนบ์ างอยา่ งให้กับ แสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง ขา้ ราชการต่างชาติ อาทิ ข้าราชการสยาม มิได้มีโอกาสบริหารจัดการในระดบั สูง สาเหตุ ปญจ หาจาก ในการจัดซ้ือจัดจา้ งกับบริษัทตา่ งชาติ ต่ำงชำติ เพราะถูกกีดกัน ข้าราชการต่างชาติทเ่ี ขา้ มาทงั้ ในระยะส้นั - ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหายจาก และระยะยาวก็จะรีบเรียกร้องผลตอบแทน การแสวงหาผลประโยชนข์ อง อยา่ งเต็มท่ี เม่ือกลบั ประเทศบา้ นเกิดกน็ า ขา้ ราชการต่างชาติที่กลับบ้านเมืองตนเอง เร่อื งราวของไทยไปแสวงหาผลประโยชน์ 3. ครูใหน้ ักเรียนรว่ มกนั วิเคราะห์ผลดผี ลเสียของการวา่ จา้ งข้าราชการต่างชาตใิ นสมัยรัชกาลที่ 5 โดยใช้ แผนภาพแสดงความคิด ผลดี การว่าจ้าง - ชาวต่างชาตวิ างรากฐานความเป็นสากลใหส้ ยาม ข้าราชการต่างชาติ - คนสยามบางกลุ่มมีการปรบั เปลย่ี นไปเปน็ แบบ ในสมยั รัชกาลที่ 5 ตะวันตก - รัฐบาลเปิดโอกาสให้มีชวี ิตที่เปน็ อิสระจากระบบ ไพร่ทาส - เกิดกลุ่มผรู้ ภู้ าษาอังกฤษหรือมกี ารศกึ ษาตามแบบ ตะวันตกมสี ถานภาพทางสงั คมและโอกาสในการ แสวงหาความก้าวหนา้ ดีกว่ากลุ่มอืน่ ผลเสยี - ข้าราชการต่างชาตแิ สวงหาผลประโยชน์ ใหก้ ับตนเอง - ข้าราชการตา่ งชาตกิ ีดกนั ความเจรญิ ก้าวหน้า ในการทางานของขา้ ราชการสยาม - การพฒั นาประเทศดาเนินงานไดไ้ มเ่ ตม็ ที่จาก ปญั หาความขัดแยง้ ระหว่างขา้ ราชการไทยและ ข้าราชการต่างชาติ

4. ให้นักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี  การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการต่างชาติในสยามโดยทั่วไปก่อให้เกิดประโยชน์ในการ วางรากฐานการปรบั ตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง เพ่ือให้สงั คมสยามมคี วามทนั สมยั ตามอย่าง ชาตติ ะวันตก แตย่ ังคงมปี ัญหาความขดั แยง้ เกิดขึ้นบา้ งในการทางาน เน่ืองจากสงั คม และวฒั นธรรม ในการทางานของข้าราชการไทยแตกต่างกับข้าราชการตะวันตก ทาให้ข้าราชการไทยกลุ่มอนุรักษ์นิยมไม่พอใจและ กีดกันข้าราชการต่างชาติ สว่ นขา้ ราชการต่างชาตกิ ็มุ่งแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง ความขัดแย้งของกลุ่ม ข้าราชการจงึ กระทบตอ่ การดาเนินงานพัฒนาประเทศอย่บู ้าง 5. ใหน้ กั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั นี้  ปัญหาและอุปสรรค์การทางานของข้าราชการไทยกับชาวต่างชาติมีผลกระทบต่อประเทศไทย หรือไม่ อย่างไร 6. ใหน้ ักเรยี นทาชนิ้ งานท่ี 3 เรื่อง ประเด็นสาคัญในประวัติศาสตร์ไทย 9. สอ่ื การเรียนการสอน / แหลง่ เรียนรู้ 9.1 แผนภาพปัญหาและอปุ สรรคการปฏิบตั ิหนา้ ที่ของขา้ ราชการต่างชาติ 9.2 แผนภาพวเิ คราะห์ ผลดี ผลเสียของการวา่ จ้างขา้ ราชการตา่ งชาติ ในสมัยรชั กาลท่ี 5 9.3 ชิ้นงานที่ 3 เรื่อง ประเด็นสาคญั ในประวัติศาสตร์ไทย 10. การวัดผลและประเมินผล 10.1 วิธกี ารวดั และประเมินผล 10.1.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม 10.2 เครอื่ งมอื 10.2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม 10.3 เกณฑ์การประเมิน 10.3.1 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ่าน

ชนิ้ งานที่ 3 เรือ่ ง ประเด็นสาคัญในประวัติศาสตรไ์ ทย ใหน้ กั เรียนเลือกวเิ คราะห์ประเด็นสาคัญในประวัติศาสตรไ์ ทยทส่ี นใจจากประเด็นท่ีกาหนดให้ มา 1 ประเด็นลงในแบบบันทึก 1. ความเปน็ มาของชนชาติไทย 2. การคา้ กบั ตา่ งประเทศสมัยอยุธยา 3. ท่ปี รึกษาและข้าราชการต่างชาติในสมยั รชั กาลที่ 5 แบบบนั ทึกการศกึ ษาประเด็นสาคัญในประวตั ศิ าสตรไ์ ทย  ประเดน็ ทเี่ ลอื กศกึ ษา  คาถามทใ่ี ช้ในการศกึ ษา  หลักฐานท่ีเลือกใช้ 1. หลักฐานช้นั ต้น 2. หลกั ฐานชั้นรอง  สรุปประเดน็ ทเี่ ลือกศึกษา

บนั ทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ปจญหา/อปุ สรรค ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ แนวทางแก้ไข ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงชอื่ _________________________ (ผ้บู ันทึก) (นางสาวอาภาภรณ์ สอนประเสรฐิ ) _____/_____/_____

แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เร่อื ง สถาบันพระมหากษตั ริย์ แผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 15 เรื่อง สถานภาพของพระมหากษัตรยิ ์ รายวิชา ประวัตศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส 32102 ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 นา้ หนักเวลาเรยี น 0.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง/สัปดาห์ เวลาทใี่ ชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1 ชั่วโมง ....................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชวี้ ัดชัน้ ป/ี ผลการเรียนร/ู้ เปา้ หมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธารง ความเป็นไทย ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ ส 4.3 ม.4-6/2 วเิ คราะหค์ วามสาคญั ของสถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ่อชาติไทย 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2.1 อธิบายสถานภาพของพระมหากษตั ริย์สมัยสุโขทยั อยุธยา ธนบุรีและรัตนโกสินทร์ 2.2 ศึกษาเรียนรู้ทาความเข้าใจเกีย่ วกับสถานภาพของพระมหากษตั ริย์ 2.3 เห็นคุณคา่ และความสาคัญของสถาบนั พระมหากษัตริย์ ซึง่ เปน็ สถาบันหลักของสังคมไทย 3. สาระสาคัญ สถานภาพของพระมหากษัตรยิ ์ปรับเปล่ียนไปตามพฒั นาการทางสังคมในแต่ละยุคสมัยพิจารณาได้จากพระ นามของพระมหากษัตรยิ ์ ซง่ึ บง่ บอกถงึ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งพระมหากษตั รยิ ก์ ับประชาชน และบอกถึงอานาจ หนา้ ท่ใี นการปกครองบา้ นเมอื ง 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 สถานภาพของพระมหากษัตรยิ ์ 5. คณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ตัวช้วี ดั ท่ี 1.4 เคารพเทิดทนู สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ 6. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 6.1 ความสามารถในการส่ือสาร 6.2 ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา

7. ช้ินงานหรือภาระงาน 7.1 แผนภาพความคิดวเิ คราะห์และสรปุ สถานภาพของพระมหากษตั ริย์ 8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสนทนาเก่ียวกบั พระมหากษตั รยิ ไ์ ทย โดยใหน้ ักเรียนบอกความสาคญั ของสถาบัน พระมหากษตั ริยต์ ามความรสู้ กึ ของตนเองมาคนละ 1 หัวขอ้ ครสู รปุ ความสาคญั ของสถาบนั พระมหากษัตรยิ ล์ งในแผนภาพ ความคิด เปน็ ศูนยร์ วมจิตใจ ของคนในชาติ เป็นสถาบันท่ีช่วยสร้างความ ความสาคญั ของสถาบนั เปน็ ผมู้ บี ทบาทในการ สามัคคีแกค่ นในชาติ พระมหากษัตริย์ ทานบุ ารุงพระพุทธศาสนา เป็นบุคคลแบบอยา่ ง 2. ครเู ขยี นสถานภาพพระมหากษตั รยิ ท์ ่ีสรุปแบบกว้าง ๆ ให้นักเรียนร่วมกนั แสดง ความคดิ เหน็ ดงั นี้ 1 หัวหน้าครอบครวั 2 ประมขุ ของรฐั ทางการเมือง โดยให้นักเรยี นชว่ ยกันระบคุ วามหมายและความแตกตา่ งของทง้ั 2 สถานภาพ จากนน้ั ครอู ธิบายสรุปเพมิ่ เตมิ โดยสงั เขป ดงั นี้ หวั หน้าครอบครัว เป็นสถานภาพของพระมหากษตั ริยใ์ นยุคแรก ๆ ที่มีการรวมตวั กันเป็นกลุม่ เพื่อความอย่รู อด มีความสัมพันธแ์ บบเครอื ญาติ ประมุขของรัฐทางการเมือง เปน็ สถานภาพของพระมหากษัตริย์ผ้มู อี านาจปกครองสงู สุด สถานภาพนเี้ กดิ ขน้ึ เม่ือดนิ แดนและผูอ้ ยูใ่ ต้ปกครองมจี านวนมากขึ้น สัมพันธก์ ับประชาชนแบบการเมือง กษตั รยิ ์มหี นา้ ทปี่ กครอง และบริหารจดั การรัฐให้มีความมัน่ คง เจริญร่งุ เรอื ง

3. ครแู บง่ นกั เรียนออกเป็น 3 กลมุ่ เพ่ือศึกษาวเิ คราะหแ์ ลว้ ออกมานาเสนอหน้าชัน้ เรียนเก่ียวกบั สถานภาพของ พระมหากษตั ริยใ์ นแตล่ ะยคุ สมัย ดงั ตอ่ ไปนี้ 1 สมัยสโุ ขทัย 2 สมยั อยธุ ยา 3 สมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ 4. จบการนาเสนอให้ครูอธบิ ายสรปุ เปน็ ความรเู้ พิม่ เตมิ ในรปู ของแผนภาพความคดิ สมัยสโุ ขทยั พ่อเมอื ง หรือพ่อขุน มีสถานภาพแบบหวั หน้าครอบครัว มีหนา้ ทดี่ แู ลลูกบ้าน พญาหรือพระเจ้า พระนามแสดงถึงสถานภาพของกษตั รยิ ์ที่มภี าพลกั ษณ์ ความศกั ดสิ์ ิทธแิ์ บบเทพเจ้า ธรรมราชา มีสถานภาพเปน็ กษตั รยิ ์ผยู้ ึดม่นั ในพระพุทธศาสนา ปกครองด้วย คุณธรรมตามหลกั ทศพธิ ราชธรรม สถานภาพของ สมยั อยธุ ยา พระมหากษตั รยิ ไ์ ทย พระนามของกษัตริยม์ ที ่มี าจากทวยเทพ กษัตรยิ ์มสี ถานภาพ เปน็ สมมติเทพ กษตั ริย์เป็นผู้มอี านาจและอภสิ ทิ ธเ์ิ หนอื ปวงชน เปรียบดงั สมมตุ เิ ทพ สมยั ธนบรุ ีและรตั นโกสนิ ทร์ พระเจา้ อยหู่ วั หรือพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พระนามแสดงถงึ สถานภาพของ กษตั รยิ ์ทเี่ ปน็ เจ้าชวี ติ ของประชาชน ปกครองด้วยหลักทศพิธราชธรรม พระเจา้ แผ่นดนิ กษตั รยิ ์มสี ถานภาพเป็นผูค้ รอบครองแผ่นดินท้ังหมดในอาณาจกั ร พระมหากษัตรยิ ์ กษตั ริย์ผเู้ ป็นจอมทพั ปกปอ้ งแผ่นดนิ และแผ่พระบรมเดชานภุ าพเหนือ ชนชาตอิ ่นื ๆ 5. ให้นกั เรยี นร่วมกนั สรุปควาใมนรหู้ ดลังวนงี้ เปน็ คาเรยี กขานทปี่ ระชาชนใช้ในลกั ษณะการเคารพเทิดทนู เอาไวใ้ นดวงใจ  สถานภาพของพระมหากษตั ริย์ปรบั เปลยี่ นไปตามพฒั นาการทางสงั คมในแตล่ ะยุคสมยั พิจารณาไดจ้ ากพระนาม ของพระมหากษตั รยิ ์ ซงึ่ บง่ บอกถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพระมหากษตั ริยก์ บั ประชาชน และบอกถึงอานาจหน้าทใ่ี นการปกครอง บา้ นเมอื ง โดยในประวัตศิ าสตรไ์ ทยนั้นระยะแรกพระมหากษัตริยม์ คี วามใกล้ชิดกบั ประชาชนแบบหัวหนา้ ครอบครัว และ เปลีย่ นแปลงไปเม่อื อาณาจักร มีการขยายอาณาเขต พระมหากษัตรยิ ์จงึ มสี ภาพภาพทส่ี ูงส่ง เป็นสมมตเิ ทพทีศ่ ักดส์ิ ิทธ์ขิ องประชาชน อยา่ งไรก็ตาม พระมหากษตั ริย์ในประวัติศาสตร์ไทยในทกุ ยุคสมยั ยงั คงยึดหลักในการปกครองประชาชนด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาจน ปจั จบุ นั 6. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั นี้  นักเรยี นจะรักษาสถาบันพระมหากษตั ริย์ใหด้ ารงอย่คู กู่ บั สังคมไทยตลอดไปได้อยา่ งไร

9. สือ่ การเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ 9.1 แผนภาพความสาคัญของสถาบันพระมหากษตั รยิ ์ 9.2 แผนภาพสถานภาพของพระมหากษตั ริย์ไทย 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล 10.1 วธิ กี ารวดั และประเมินผล 10.1.1 สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรม 10.1.2 สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ 10.2 เครือ่ งมอื 10.2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม 10.2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 10.3 เกณฑ์การประเมิน 10.3.1 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถอื วา่ ไมผ่ า่ น 10.3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน 9-10 ระดบั ดมี าก คะแนน 7-8 ระดับ ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรับปรุง

บันทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ปจญหา/อปุ สรรค ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ แนวทางแก้ไข ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงช่ือ_________________________ (ผูบ้ ันทกึ ) (นางสาวอาภาภรณ์ สอนประเสรฐิ ) _____/_____/_____

แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 เรื่อง สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ แผนจัดการเรียนร้ทู ี่ 16 เร่ือง รากฐานแหง่ พระราชอานาจ รายวชิ า ประวัติศาสตร์ รหัสวิชา ส 32102 ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 นา้ หนกั เวลาเรยี น 0.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 1 ชัว่ โมง/สัปดาห์ เวลาทใี่ ช้ในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 1 ช่วั โมง ....................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั ชั้นปี/ผลการเรยี นร/ู้ เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธารง ความเป็นไทย ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ ส 4.3 ม.4-6/2 วิเคราะหค์ วามสาคัญของสถาบนั พระมหากษัตรยิ ต์ ่อชาติไทย 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 อธิบายรากฐานแห่งพระราชอานาจของสถาบนั พระมหากษัตริย์ 2.2 จาแนกปจั จยั แห่งพระราชอานาจของสถาบันพระมหากษตั รยิ ์ 2.3 เห็นคุณคา่ และแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ 3. สาระสาคัญ รากฐานแหง่ พระราชอานาจของพระมหากษัตรยิ ์ไทย ประกอบดว้ ยปัจจัยต่าง ๆ คือ ปัจจัยของอิทธิพลและ การสนับสนุนจากลัทธิศาสนา ที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของกษัตริย์ผู้เป็นสมมติเทพและผู้ปกครองด้วย คุณธรรม และปัจจัยจากการสนับสนุนและความจงรักภักดีของกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ท่ีมีบทบาทในการสนับสนุนการ ปกครอง และช่วยรกั ษาพระราชอานาจของพระมหากษัตรยิ ใ์ ห้คงอยู่ต่อไปได้อยา่ งมนั่ คง 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 รากฐานแหง่ พระราชอานาจของสถาบนั พระมหากษัตริย์ 5. คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ตวั ช้ีวัดที่ 1.1 เปน็ พลเมืองดขี องชาติ ตวั ชี้วดั ที่ 1.2 ธารงไวซ้ ึ่งความเปน็ ชาตไิ ทย ตวั ชี้วัดท่ี 1.4 เคารพเทดิ ทนู สถาบันพระมหากษัตรยิ ์

6. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 6.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 6.2 ความสามารถในการคดิ 6.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 7. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน 7.1 แผนภาพความคดิ สรุปความหมายและวิเคราะห์ความสาคัญของปจั จยั ทเ่ี ปน็ รากฐานแห่งพระราช อานาจ 8. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สนทนาเก่ียวกบั สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย โดยครใู ชค้ าถามให้นกั เรยี น ร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น ดงั น้ี  รากฐานแห่งพระราชอานาจคืออะไร มคี วามสาคัญอย่างไร (ตัวอยา่ งคาตอบ รากฐานแหง่ พระ ราชอานาจ คอื สิ่งท่ีช่วยส่งเสริมบทบาทหนา้ ที่ของพระมหากษตั ริย์ รากฐานแห่งพระราชอานาจมี ความสาคัญ คือ การสนับสนนุ ให้สถาบนั พระมหากษตั ริย์ดารงอยตู่ ่อไปในสังคม)  นกั เรยี นคดิ ว่ารากฐานแหง่ พระราชอานาจได้แก่อะไรบ้าง อย่างไร (ตวั อยา่ งคาตอบ ความสามารถในการปกครองของพระมหากษตั รยิ ์ เพราะการปกครองทีด่ ีจะทาให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ ที่ดี สง่ ผลใหป้ ระชาชนมีความจงรกั ภักดีตอ่ สถาบนั พระมหากษตั ริย์ ซ่ึงเปน็ การรักษาสถาบัน พระมหากษัตริย์ให้คงอยใู่ นสงั คมตอ่ ไป) 2. ให้นักเรียนแบง่ กลุ่มศกึ ษารากฐานแห่งพระราชอานาจของพระมหากษตั ริยไ์ ทย สรปุ ความเข้าใจ แล้วออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรยี น โดยแบ่งกลุ่มศึกษาออกเป็น 2 กลุ่ม ดงั น้ี 1 อทิ ธพิ ลและการสนับสนุนจากลัทธิศาสนา 2 การสนบั สนนุ และความจงรักภักดีของกลุ่มบุคคล 3. ให้นกั เรยี นสรปุ ความหมายและวเิ คราะห์ความสาคัญของปัจจยั ท่ีส่งเสรมิ พระราชอานาจของ พระมหากษัตริย์ไทยโดยใชแ้ ผนภาพความคดิ ความหมาย 1. ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นศาสนาที่แพร่หลายอยใู่ นภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ มแี นวคิดการปกครอง คือ กษตั รยิ เ์ ปน็ สมมตเิ ทพ และจะตอ้ งประกอบพิธีกรรมเพือ่ ความ ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ 2. พระพทุ ธศาสนา เผยแผเ่ ข้ามาในภูมิภาคในชว่ งเวลาใกลเ้ คียงกับศาสนาพราหมณ์- ฮนิ ดู คตขิ องผ้ปู กครอง คอื ใช้เมตตาธรรมสร้างบารมี มพี ระราชจริยวตั รของผปู้ กครองคอื หลกั ทศพิธราชธรรม อิทธพิ ลและการสนบั สนุน จากลัทธิศาสนา ความสาคัญตอ่ พระราชอานาจ  แนวคิดของศาสนาพราหมณ์-ฮินดทู าใหพ้ ระมหากษตั ริย์เปน็ ผู้มีความศักดส์ิ ทิ ธิ์ เป็นท่ี เคารพนบั ถือและยาเกรงแก่ประชาชน เปน็ ภาพลักษณ์ของกษัตรยิ ์ผทู้ รงพระราชอานาจ  แนวคดิ ของพระพุทธศาสนา ทาใหพ้ ระมหากษตั รยิ ป์ กครองและบริหารบา้ นเมือง เพื่อบาบัดทุกข์บารุงสขุ แก่ประชาชน ประชาชนจึงมคี วามจงรักภักดตี ่อพระมหากษตั ริย์

การสนับสนนุ และความ แนวคดิ ของพระพุทธศาสนาสรา้ งภาพลกั ษณ์ของกษตั รยิ ์ผเู้ ปยี่ มคณุ ธรรม จงรกั ภักดขี องกลมุ่ บุคคล ความหมาย 1. กลมุ่ ชนชนั้ สงู เป็นผ้ใู กลช้ ิดพระมหากษัตรยิ ์ มีบทบาทในการบรหิ ารปกครอง บ้านเมอื ง 2. กลมุ่ สมณพราหมณ์ คอื นักบวชในศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู และพระพทุ ธศาสนา 3. กลมุ่ ผู้ถกู ปกครอง หรือประชาชน ทาหนา้ ทเี่ ป็นแรงงานและกาลงั สาคัญของ บ้านเมือง ความสาคัญต่อพระราชอานาจ  กลมุ่ ชนชนั้ สงู เป็นกาลงั สาคญั ในการคา้ จุนพระราชบลั ลงั กแ์ ละมีความสามารถในการ ลม้ ลา้ งราชบัลลงั ก์ไดเ้ ชน่ กนั กษตั รยิ จ์ ึงตอ้ งใชม้ าตรการดา้ นไมตรีเพอื่ ให้เป็นฐาน อานาจสาคญั ขณะเดียวกนั กต็ อ้ งใชม้ าตรการดา้ นอานาจเพ่อื ลงโทษผู้กระทาผิด เป็น วธิ ีการควบคมุ กลมุ่ ชนช้นั สงู ของกษัตรยิ ์  กลุม่ สมณพราหมณ์ เป็นผู้สรา้ งภาพลกั ษณค์ วามศักด์สิ ิทธิ์และทรงธรรมแก่กษตั ริย์ กษตั ริยจ์ งึ ตอ้ งทานบุ ารงุ ศาสนา ซงึ่ เปน็ เครื่องมอื ทางการปกครองทสี่ าคัญ  กลุม่ ผถู้ กู ปกครอง กษตั รยิ ต์ ้องให้การค้มุ ครองพรอ้ มการควบคมุ เพอ่ื สรา้ งความ จงรักภักดี ซง่ึ เป็นประโยชน์ต่อการเปน็ ฐานอานาจการสรู้ บ เพอ่ื ความมนั่ คงของ ราชบลั ลังกแ์ ละบา้ นเมือง 4. ให้นกั เรียนรว่ มกันสรุปความรู้ ดังนี้  รากฐานแห่งพระราชอานาจ คือ ปจั จยั ตา่ ง ๆ ทีส่ นับสนนุ และสง่ เสรมิ การดารงอยู่ของสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ไทยต้งั แต่อดีตจนถงึ ปัจจุบัน ประกอบดว้ ยปัจจัยของอทิ ธิพลและการสนับสนนุ จากลทั ธิศาสนา ซง่ึ มีความสาคัญในการเสรมิ สร้างภาพลักษณข์ องกษัตรยิ ผ์ เู้ ป็นสมมติเทพตามแนวคดิ ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และ กษัตรยิ ์ผปู้ กครองด้วยคณุ ธรรมตามแนวทางของพระพทุ ธศาสนา และปัจจยั จากการสนับสนนุ และความจงรักภักดี ของกลมุ่ บคุ คลต่าง ๆ ในประเทศ ซ่ึงมีบทบาทในการสนบั สนุนการปกครองและรกั ษาพระราชอานาจของ พระมหากษัตริยใ์ ห้คงอยู่ต่อไปอยา่ งมั่นคง 5. ให้นักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี  นกั เรียนควรปฏบิ ัติตนอย่างไรเพื่อเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 9. สื่อการเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ -

10. การวดั ผลและประเมินผล 10.1 วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล 10.1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 10.1.2 สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ 10.2 เครอื่ งมือ 10.2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม 10.2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ 10.3 เกณฑก์ ารประเมิน 10.3.1 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผา่ นตง้ั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถอื วา่ ไม่ผา่ น 10.3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดับ พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรบั ปรงุ

บันทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ปจญหา/อุปสรรค ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ แนวทางแก้ไข ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงชอื่ _________________________ (ผบู้ ันทึก) (นางสาวอาภาภรณ์ สอนประเสรฐิ ) _____/_____/_____

แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 4 เรื่อง สถาบันพระมหากษัตริย์ แผนจัดการเรียนรทู้ ี่ 17 เรอื่ ง บทบาทและหน้าทขี่ องกษตั รยิ ์ : ด้านการเมอื งการปกครอง รายวิชา ประวตั ิศาสตร์ รหัสวิชา ส 32102 ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 น้าหนกั เวลาเรียน 0.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 1 ชัว่ โมง/สัปดาห์ เวลาทใี่ ช้ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1 ชั่วโมง ....................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ช้วี ดั ช้ันป/ี ผลการเรยี นรู/้ เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธารง ความเปน็ ไทย ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ ส 4.3 ม.4-6/2 วเิ คราะห์ความสาคญั ของสถาบนั พระมหากษตั ริยต์ ่อชาติไทย 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 อธิบายบทบาทและหนา้ ทขี่ องพระมหากษัตริยด์ า้ นการเมอื งการปกครอง 2.2 วิเคราะหบ์ ทบาทและหน้าทีข่ องพระมหากษตั รยิ ์ 2.3 เห็นคณุ คา่ และแสดงความจงรกั ภกั ดตี ่อพระมหากษตั ริย์ดว้ ยการประพฤตติ นเปน็ คนดขี องบ้านเมือง 3. สาระสาคัญ บทบาทและหน้าที่ของกษัตริย์ในด้านการเมือง คือ การดาเนินงานเพ่ือสร้างอาณาจักรที่มีเสถียรภาพ มี ความสามารถในการขยายอาณาจักร และปกป้องตนเองจากการรุกรานของรัฐต่าง ๆ และบทบาทหน้าที่ใน ดา้ นการปกครอง คือ การดาเนินงานเพื่อสร้างความเป็นอยู่ท่ีดีแก่ประชาชนภายใต้การปกครองโดยปกครอง อย่างท่ัวถึงและมคี วามเปน็ ธรรมกับประชาชน 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 บทบาทและหน้าที่ของกษัตริย์ด้านการเมือง 4.2 บทบาทและหนา้ ทขี่ องกษัตริย์ดา้ นการปกครอง 5. คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ตัวชี้วดั ท่ี 1.1 เปน็ พลเมืองดีของชาติ ตัวชี้วดั ที่ 1.2 ธารงไวซ้ ่ึงความเปน็ ชาตไิ ทย ตวั ช้ีวดั ที่ 1.4 เคารพเทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษัตริย์

6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการส่อื สาร 6.2 ความสามารถในการคดิ 6.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 6.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 7. ช้ินงานหรือภาระงาน 7.1 แผนภาพผลงานการนาเสนอผลการศึกษาของนักเรียน 7.2 แผนภาพความคิดความหมายและความสาคญั ของบทบาทและหน้าท่ขี องกษตั รยิ ์ดา้ นการเมืองและ ดา้ นการปกครอง 8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ให้นักเรียนรว่ มกนั สนทนาเก่ียวกับบทบาทและหนา้ ท่ขี องกษตั ริย์ โดยครใู ชค้ าถาม ดังนี้  นักเรียนคิดว่ากษัตริย์มีบทบาทและหน้าท่ีใดบ้าง (ตัวอย่างคาตอบ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อ แก้ไขปญจ หาและพฒั นาความเป็นอยขู่ องประชาชน)  นักเรียนคิดว่าบทบาทหน้าท่ีด้านการเมืองการปกครองของพระมหากษัตริย์ในอดีตกับปัจจุบัน แตกต่างกันอย่างไร (ตัวอย่างคาตอบ ในอดีตพระมหากษัตริย์จะเน้นพระราชกรณียกิจกอบกู้และปกป้อง บา้ นเมอื ง ส่วนปจจจุบันพระมหากษตั ริย์จะมีบทบาทในการพัฒนาประเทศ) 2. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม ศึกษาบทบาทและหน้าที่ของพระมหากษัตริย์ จากน้ัน วิเคราะหแ์ ละสรุปความรู้จากการศกึ ษาแลว้ ออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรยี น โดยศึกษาในหวั ข้อทกี่ าหนดให้ กลุ่มท่ี 1 ดา้ นการเมอื ง กลุ่มที่ 2 ด้านการปกครอง 3. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับบทบาทและหน้าท่ีของพระมหากษัตริย์ โดยครูใช้ คาถาม ดงั นี้  กษตั ริย์ใชห้ ลักเกณฑ์ใดบ้างในการเลือกตาแหนง่ ทีต่ ัง้ เพื่อการสถาปนาราชธานีอย่างไร (ตวั อยา่ งคาตอบ การคานงึ ถงึ ความอดุ มสมบูรณข์ องพื้นท่ี เพอื่ ความเป็นอยูท่ ่ดี ีของประชาชนใน ราชธานี คานึงถึงที่ตั้งด้านยุทธศาสตร์ คือ เป็นที่ตั้งท่ีได้เปรียบในการรบและปลอดภัยจากการรุกรานของ ขา้ ศึก)  การสถาปนากรงุ เทพฯ เปน็ ราชธานีในสมยั รตั นโกสินทร์ ใช้หลกั เกณฑใ์ ดบา้ ง (ตัวอย่างคาตอบ ใช้หลักเกณฑ์การสร้างราชธานีตามอย่างสมัยอยุธยา คือ มีปราการล้อมรอบเป็นแม่น้า สมัย รัตนโกสินทร์จึงมีการขุดคูคลองเพื่อเช่ือมลาน้าทาให้กรุงเทพฯ เป็นราชธานีที่มีลักษณะคล้ายเกาะเหมือนใน สมัยอยุธยา มีเสน้ ทางคมนาคมที่สะดวก เป็นชัยภูมิท่ีเหมาะสมท้ังความอุดมสมบูรณ์และความเหมาะสมด้าน ยทุ ธศาสตร)์  บทบาทหน้าทใี่ นการทาศกึ สงคราม มจี ดุ ประสงค์ใด (ตัวอยา่ งคาตอบ แผพ่ ระบรม เดชานภุ าพแข่งขันกับรัฐใกล้เคยี ง เป็นการปกปอ้ งอาณาจักรของตนเองจากการถูกรกุ ราน)  การเจริญสัมพันธไมตรีด้วยการสมรสมีจุดประสงค์ใด (ตัวอย่างคาตอบ เป็นการสร้าง ความสัมพนั ธ์ท่ดี ีตอ่ รัฐขา้ งเคียงเพอื่ หลีกเลย่ี งการทาสงคราม)

 การทูตและการค้าเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีด้วยจุดประสงค์ใด (ตัวอย่างคาตอบ เพื่อ ผลประโยชน์ทางการค้า)  การเจริญสัมพันธไมตรีด้วยการแลกเปล่ียนศิลปวัฒนธรรมในสมัยใดมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องเอก ราชของชาติ (ตวั อย่างคาตอบ ในสมยั รัตนโกสนิ ทร์ ชว่ งรัชกาลที่ 4-6 มกี ารเปลี่ยนแปลงการดาเนินชีวิต การ แต่งกายและค่านิยมบางอย่างเพื่อให้สังคมพัฒนาไปตามวิถีของตะวันตก เพ่ือป้องกันการเสียเอกราชให้กับ ชาติตะวนั ตก)  การจัดระเบียบการปกครองมีจุดประสงค์ใดบ้าง (ตัวอย่างคาตอบ เพื่อแบ่งเบาภาระหน้าท่ีในการ บรหิ ารบา้ นเมอื งของกษัตริย์ เพ่อื ให้การดแู ลประชาชนเกดิ ข้นึ อยา่ งท่ัวถึงทกุ พ้ืนทีใ่ นอาณาจักร)  พัฒนาการการจัดระเบียบการปกครองในประวัติศาสตร์ไทย เปลี่ยนแปลงไปด้วยปัจจัยใดบ้าง (ตัวอย่างคาตอบ เม่ือมีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน ระเบียบการปกครองปรับเปลี่ยนตามนโยบายการปกครอง ของกษตั รยิ ์แตล่ ะพระองค์ เปล่ียนแปลงเมอ่ื อาณาเขตภายใต้การปกครองขยายตัวมากข้นึ )  กษัตริย์มีบทบาทอย่างไรในระบบยุติธรรม (ตัวอย่างคาตอบ เป็นผู้ร่างและตรากฎหมายเพื่อใช้ ในการปกครอง มีส่วนรว่ มในการพจิ ารณาและตดั สินคดคี วามด้วยตนเอง) 4. ครูอธิบายสรุปเพ่ิมเติมบทบาทและหน้าท่ีของกษัตริย์ ด้านการเมืองและด้านการปกครอง โดยใช้ แผนภาพความคดิ บทบาทและหน้าที่ ความหมาย ของกษัตริย์ 1. การสถาปนาราชธานี เป็นการเลือกตาแหน่งทีต่ ้งั ของราชธานี โดยคานึงถึงความอุดม ดา้ นการเมือง สมบูรณ์ การคมนาคม และตาแหนง่ ของยทุ ธศาสตร์ในการรบ 2. การทาศึกสงคราม เพื่อปกป้องอาณาจักรและเพ่ือเผยแผ่พระบรมเดชานุภาพของ กษัตรยิ ์ 3. การเจริญสัมพันธไมตรี เป็นการสร้างมิตรกับรัฐต่าง ๆ ด้วยการสมรส การทูตและ การคา้ และการแลกเปลย่ี นศิลปวัฒนธรรม ความสาคญั ของบทบาทและหนา้ ท่ี  เปน็ บทบาทหนา้ ทที่ ีส่ ่งผลใหก้ ารสรา้ งชาติมีเสถยี รภาพ มคี วามเจรญิ รุ่งเรอื ง  ทาให้ประชาชนมีความเป็นอยูท่ ่ดี ี  เสรมิ สร้างบารมขี องกษัตรยิ ์ใหเ้ ป็นที่เคารพยาเกรง

บทบาทและหน้าท่ี ความหมาย ของกษัตริย์ 1. การจดั ระเบยี บการปกครอง เปน็ การจัดรูปแบบการบริหารกิจการต่าง ๆ ในอาณาจกั ร ดา้ นการปกครอง โดยกษตั ริยเ์ ป็นผู้วางรูปแบบ และแตง่ ต้ังขุนนางเข้าทางานตามรปู แบบการปกครอง 2. ระบบยุติธรรม กษัตริย์มีบทบาทในการตรากฎหมาย เพื่อบังคับใช้ในอาณาจักรและ บทบาทในการพิจารณาคดีด้วยตนเอง ความสาคญั ของบทบาทและหนา้ ท่ี  เปน็ บทบาทหน้าทีท่ ีส่ ง่ ผลใหป้ ระชาชนภายใตก้ ารปกครองไดร้ บั ความเปน็ ธรรม  ทาใหส้ งั คมมคี วามสงบสขุ 5. ให้นกั เรียนรว่ มกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี  กษัตริยเ์ ปน็ ผู้มีความสาคญั ในการเป็นประมุขของประเทศ ซึ่งมีภาระหน้าท่ีในการบริหารจัดการ ส่ิงต่าง ๆ ภายในอาณาจักร ท้ังในด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจและสังคม โดยในด้านการเมือง เป็น บทบาทหน้าท่ีท่ีดาเนินงานเพ่ือสร้างอาณาจักรที่มีเสถียรภาพ มีความสามารถในการขยายอาณาจักร และ ปกปอ้ งตนเองจากการรกุ รานของรัฐตา่ ง ๆ และในด้านการปกครอง เป็นบทบาทที่ดาเนินงานเพื่อความเป็นอยู่ ทดี่ ีของประชาชนภายใต้การปกครอง 6. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คาถามท้าทาย ดังนี้  บทบาทและหน้าท่ดี า้ นการเมอื งการปกครองของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) มีลักษณะ และความสาคญั อย่างไรตอ่ ประเทศ เหมือนหรือแตกตา่ งกับกษตั รยิ ใ์ นอดตี หรือไม่ อย่างไร 9. สื่อการเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ 9.1 แผนภาพบทบาทและหน้าท่ขี องกษัตรยิ ์ดา้ นการเมือง 9.2 แผนภาพบทบาทและหน้าทขี่ องกษตั ริยด์ า้ นการปกครอง

10. การวดั ผลและประเมนิ ผล 10.1 วิธีการวัดและประเมินผล 10.1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม 10.1.2 สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ 10.2 เครอื่ งมอื 10.2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม 10.2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ 10.3 เกณฑ์การประเมิน 10.3.1 การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น 10.3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดบั ดมี าก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรบั ปรงุ

บันทกึ หลังการสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ปญจ หา/อปุ สรรค ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ แนวทางแกไ้ ข ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงชอ่ื _________________________ (ผู้บันทกึ ) (นางสาวอาภาภรณ์ สอนประเสรฐิ ) _____/_____/_____

แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 เรอ่ื ง สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ แผนจดั การเรียนรทู้ ี่ 18 เร่ือง บทบาทและหน้าท่ขี องกษตั รยิ ์ : การสง่ เสริมดา้ นเศรษฐกจิ และการทานุบารงุ สง่ เสริมศิลปวฒั นธรรม รายวิชา ประวตั ศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส 32102 ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 น้าหนกั เวลาเรียน 0.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 1 ช่วั โมง/สัปดาห์ เวลาทใี่ ช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1 ชั่วโมง ....................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชีว้ ัดชน้ั ปี/ผลการเรียนรู้/เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธารง ความเปน็ ไทย ตวั ช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ ส 4.3 ม.4-6/2 วเิ คราะห์ความสาคัญของสถาบนั พระมหากษตั ริยต์ ่อชาติไทย 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 อธิบายบทบาทและหน้าที่ของพระมหากษัตรยิ ์ทางด้านเศรษฐกิจ และการทานุบารุงสง่ เสริม ศลิ ปวัฒนธรรม 2.2 ศึกษาและทาความเข้าใจบทบาทและหน้าทขี่ องพระมหากษตั ริย์ทางดา้ นเศรษฐกจิ และการทานุบารุง สง่ เสริมศลิ ปวฒั นธรรม 2.3 เห็นคณุ ค่าและความสาคัญของสถาบนั พระมหากษัตริยใ์ นฐานะเป็นสถาบันหลักของประเทศไทย 3. สาระสาคญั กษัตริย์มีบทบาทด้านเศรษฐกิจในการกาหนดนโยบายทางเศรษฐกิจ เพ่ือส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบ อาชพี ของประชาชน ทัง้ ยงั มบี ทบาทในการกาหนดกลไกทางเศรษฐกจิ โดยการกาหนดอัตราภาษีหรือกฎเกณฑ์ให้ ผู้ค้าปฏิบัติ รูปแบบหรือข้อกาหนดทางเศรษฐกิจ จึงเปลี่ยนแปลงไปตามนโยบายของกษัตริย์แต่ละพระองค์ และในด้านการทานุบารุงส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมน้ัน กษัตริย์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ท่ีสาคัญ โดยโปรดเกล้าฯ ให้เกิด การสร้างสรรค์ศิลปะ และกษัตรยิ ห์ ลายพระองค์ยังเป็นผ้สู ร้างสรรค์งานศิลปะด้วยพระองคเ์ อง 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 บทบาทและหนา้ ท่ขี องกษัตรยิ ์ในการส่งเสรมิ ด้านเศรษฐกจิ 4.2 บทบาทและหน้าท่ีของกษตั ริย์ในการทานบุ ารุงส่งเสริมศลิ ปวัฒนธรรม

5. คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ตวั ชี้วดั ที่ 1.1 เปน็ พลเมืองดีของชาติ ตัวช้วี ดั ที่ 1.2 ธารงไวซ้ ่งึ ความเปน็ ชาตไิ ทย ตวั ชี้วดั ที่ 1.4 เคารพเทดิ ทูนสถาบนั พระมหากษัตริย์ 6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 6.1 ความสามารถในการส่อื สาร 6.2 ความสามารถในการคดิ 6.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา 6.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 7. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน 7.1 ตารางสรุปบทบาทและหนา้ ท่ขี องกษัตริย์ในการส่งเสริมด้านเศรษฐกิจ 7.2 ตารางสรุปบทบาทและหน้าทขี่ องกษัตริย์ในการทานุบารงุ ส่งเสริมศลิ ปวฒั นธรรม 7.3 ช้นิ งานที่ 4 เรอื่ ง บทบาทและหนา้ ทีข่ องกษัตรยิ ์ 8. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครใู หน้ กั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเกี่ยวกบั บทบาทและหน้าท่ีของกษตั ริยใ์ นการสง่ เสริมด้านเศรษฐกจิ โดยครใู ช้คาถาม ดังน้ี  นกั เรียนคิดวา่ กษตั ริย์ทรงมีบทบาทในเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง (ตวั อยา่ งคาตอบ เป็นผ้กู าหนดนโยบาย ในการทาการคา้ กับต่างชาติ กาหนดอัตราการเกบ็ ภาษีประเภทต่าง ๆ ส่งเสริมการประกอบอาชีพใหม่ ๆ แก่ ประชาชน)  นักเรียนคิดว่าสภาพเศรษฐกิจของไทยต้ังแต่อดีต-ปจั จบุ นั เปล่ยี นแปลงไปหรือไม่ อย่างไร (ตัวอย่าง คาตอบ เปล่ียนแปลงไป ในอดตี เศรษฐกิจไทยเป็นแบบพอยงั ชพี พึ่งพาตนเองเป็นหลกั จนกระทั่งชาตติ ะวันตก เขา้ มาในภมู ิภาค เศรษฐกิจจึงเปลี่ยนไปเพ่ือการคา้ ) 2. ครใู หน้ ักเรียนศึกษาบทบาทและหนา้ ที่ของกษัตริยใ์ นการสง่ เสรมิ ด้านเศรษฐกิจ ต้งั แต่อดตี -ปัจจบุ ัน ครูกาหนดหัวข้อใหน้ กั เรียนรว่ มกนั ศึกษา ดังนี้  สภาพเศรษฐกจิ แบบดงั้ เดมิ 1. สมยั สุโขทยั 2. สมยั อยุธยา 3. สมัยธนบรุ ี-รัตนโกสินทรต์ อนตน้  ระบบเศรษฐกจิ แบบใหม่ (รัชกาลที่ 5 - ปัจจุบนั ) โดยใหน้ กั เรียนศึกษาว่าในแต่ละยคุ สมยั กษตั ริย์ทรงมีบทบาทอยา่ งไรบ้าง แล้วสนทนาแบบถามตอบ จากนน้ั ครูอธบิ ายสรุปเพิม่ เติมลงในตาราง

บทบาทและหน้าท่ีของกษัตรยิ ใ์ นการสง่ เสริมด้านเศรษฐกจิ ยคุ สมยั ทางเศรษฐกจิ บทบาทของกษัตริย์  สภาพเศรษฐกจิ แบบดั้งเดิม 1. สมัยสโุ ขทัย - กษตั รยิ ์ทรงสนับสนนุ ใหป้ ระชาชนจับจองพนื้ ที่เพาะปลูก - ปรับปรุงชลประทานเพอื่ เก็บนา้ ใหเ้ พียงพอตอ่ การอุปโภคบรโิ ภค - พอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราชยกเลกิ การเก็บภาษผี า่ นแดน และผูกไมตรกี ับรัฐ ชายฝงั่ ทเี่ อ้ือประโยชน์ทางการค้า 2. สมยั อยธุ ยา - ขุดคลองเชอ่ื มเส้นทางคมนาคมกบั แม่นา้ สายหลกั - กษตั รยิ บ์ ารุงขวญั กาลังใจแก่เกษตรกรโดยจดั ทาพระราชพิธเี ก่ียวกบั การเพาะปลูก - ใหพ้ ระคลงั สินค้าดแู ลการคา้ ระหวา่ งประเทศ - ระบบเงนิ ตรา ใชเ้ งนิ พดดว้ งที่ประทบั ตราประจารชั กาล 3. สมยั ธนบรุ -ี รัตนโกสนิ ทร์ตอนตน้ - ธนบรุ เี กดิ ภาวะขาดแคลนจากภยั สงคราม สมเด็จพระเจา้ กรงุ ธนบรุ ที รงแก้ปญั หา โดยการซือ้ ข้าวต่างชาตจิ าหนา่ ย เกณฑ์กาลงั คนมาทานา และขยายพื้นทน่ี าใหม่ - ตั้งกรมช่างสิบหมเู่ พอ่ื ส่งเสรมิ อาชพี หตั ถกรรม - รัตนโกสินทรต์ อนต้นมกี ารจัดระเบยี บพระคลังและกาหนดการจา่ ยภาษีประเภท ต่าง ๆ - รชั กาลท่ี 4 เร่มิ ตดั ถนนเปน็ เส้นทางคมนาคมหลกั ทาใหเ้ กิดแหลง่ การค้าใหม่ และมีการผลติ เหรยี ญกษาปณป์ ระทบั ตรามงกุฎประจารัชกาล บทบาทและหนา้ ท่ีของกษัตรยิ ใ์ นการส่งเสริมด้านเศรษฐกิจ ยคุ สมัยทางเศรษฐกิจ บทบาทของกษัตริย์  สภาพเศรษฐกิจแบบใหม่ รัชกาลที่ 4 - 5 ทรงวางนโยบายปรับปรุงสภาพเศรษฐกจิ ไทยใหส้ อดคล้องกบั (รชั กาลท่ี 5 - ปัจจุบนั ) ชาตติ ะวันตก - การรวมศูนย์การจดั เก็บเงินรายไดข้ องหน่วยงานราชการตา่ ง ๆ โดยจัดต้งั หอรัษฎากรพพิ ฒั น์ ยกเลิกระบบเจ้าภาษีนายอากร จัดทางบประมาณแผ่นดิน - ตงั้ หน่วยงานดแู ลผลผลติ ดา้ นการเกษตรเฉพาะด้าน - ส่งเสรมิ กจิ การอตุ สาหกรรมแบบใหม่ - สร้างเสน้ ทางคมนาคมท้ังการตัดถนน การขดุ ขยายคลอง การสรา้ งทาง รถไฟ - ยกเลิกระบบรัฐบรรณาการกบั จีน ส่งเสรมิ การค้าเสรแี ละการลงทุนในประเทศ - เหรียญกษาปณไ์ ดร้ บั การพัฒนาจนมีมาตรฐาน และเรมิ่ การผลติ ธนบตั ร 3. ครใู ห้นักเรียนร่วมกนั ศกึ ษาบทบาทและหนา้ ท่ีของกษตั ริยใ์ นดา้ นการทานุบารุงส่งเสริม ศลิ ปวัฒนธรรม โดยครูแบ่งนกั เรยี นออกเปน็ 5 กล่มุ ศกึ ษาความร้ใู นหัวข้อทีค่ รูกาหนดแล้วออกมานาเสนอ หนา้ ชน้ั เรยี น ดงั น้ี กลมุ่ ท่ี 1 ด้านศาสนา กลุ่มท่ี 2 ดา้ นศิลปะสถาปัตยกรรม กลมุ่ ที่ 3 ด้านวรรณกรรม กลุ่มที่ 4 ด้านนาฏกรรม กลุม่ ที่ 5 ขนบธรรมเนยี มประเพณี จากน้ันครสู รปุ และอธบิ ายเพิม่ เติม แลว้ บันทกึ ลงในตาราง

บทบาทและหนา้ ทขี่ องกษตั ริยใ์ นดา้ นการทานบุ ารุงสง่ เสริมศิลปวฒั นธรรม บทบาทของกษัตรยิ ใ์ นศิลปวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ ตัวอยา่ งบทบาทของกษัตรยิ ใ์ นแต่ละยุคสมัย 1. ดา้ นศาสนา - พอ่ ขุนรามคาแหงมหาราชทรงอาราธนาพระเถระท่ีเชีย่ วชาญ - กษตั รยิ ์ทรงสถาปนาและปฏสิ ังขรณพ์ ระอาราม หลกั ธรรมและเครง่ ครัดพระวนิ ยั มากอ่ ตัง้ คณะสงฆท์ ่ีสโุ ขทยั - กษัตริย์ทรงมีนโยบายในการสังคายนาพระไตรปฎิ ก - สมัยธนบรุ มี กี ารนาพระไตรปฎิ กจากนครศรีธรรมราชมา ใช้ แทนฉบบั หลวงทีส่ ูญหายไป - กษตั ริยท์ รงปกครองดว้ ยหลักทศพธิ ราชธรรม - กษัตรยิ ์มพี ระบรมราชานญุ าตใหค้ นตา่ งศาสนา - รชั กาลท่ี 5 มกี ารสงั คายนาชาระและจัดพมิ พ์ พระไตรปิฎกเปน็ ครั้งแรก สร้างศาสนพิธีและประกอบพธิ กี รรมได้ 2. ดา้ นศลิ ปะสถาปตั ยกรรม การสถาปนาและปฏสิ งั ขรณ์ - สมเดจ็ พระรามาธิบดีที่ 2 สร้างพระศรีสรรเพชญ์ พระพุทธรูป สาคัญในสมยั อยธุ ยา พระอารามทาให้เกดิ การพัฒนาทกั ษะฝมี อื ช่างในแต่ละ ยุคสมยั ท้งั งานชา่ งสถาปตั ยกรรม ประตมิ ากรรม จิตรกรรม - รชั กาลท่ี 1 มีความพยายามฟ้ืนฟูความรงุ่ เรืองแบบอยุธยา เชน่ การสรา้ งรูปแบบพระบรมมหาราชวัง และราชธานใี ห้เหมือนกบั และประณตี ศลิ ป์ สมัยอยธุ ยา - รัชกาลท่ี 3 ศลิ ปะสถาปตั ยกรรมนยิ มสรา้ งศิลปะจนี ตาม พระราชนยิ มของกษัตริย์ บทบาทและหนา้ ทข่ี องกษตั รยิ ์ในดา้ นการทานุบารงุ ส่งเสริมศิลปวฒั นธรรม บทบาทของกษตั ริยใ์ นศิลปวฒั นธรรมดา้ นต่าง ๆ ตัวอยา่ งบทบาทของกษตั รยิ ์ในแต่ละยุคสมยั 3. ดา้ นวรรณกรรม - รชั กาลท่ี 1 ใหช้ าระเรียบเรยี งวรรณกรรมตาราขึ้นใหม่ - กษัตรยิ ท์ รงพระราชนิพนธ์งานวรรณกรรมดว้ ย - รชั กาลที่ 3 ใหจ้ ารกึ ตาราวชิ าการตา่ ง ๆ ไว้ทวี่ ัดพระเชตพุ น- พระองค์เอง วมิ ลมังคลารามราชวรมหาวหิ าร - กษัตรยิ ์ทรงจดั ใหม้ ีการประชุมกวปี ระจาราชสานัก - รัชกาลที่ 4-5 เริ่มการชาระเรยี บเรยี งพงศาวดาร - รัชกาลท่ี 6 มีพระราชนิพนธแ์ ปลจากวรรณกรรมตะวนั ตก เพ่ือชว่ ยกันแต่งชาระงานวรรณกรรมตา่ ง ๆ 4. ด้านนาฏกรรม กษัตรยิ ท์ รงอปุ ถมั ภ์นาฏกรรมใน - รชั กาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้ขดุ คลองมหานาคเพื่อใหป้ ระชาชน ราชสานักและพระราชพิธใี หถ้ อื ปฏบิ ัตเิ ปน็ ธรรมเนียม เลน่ เพลงสกั วาเหมือนในสมยั อยธุ ยา - รชั กาลที่ 4 ทรงยกเลกิ ข้อห้ามนาบทละครในไปเลน่ นอกวงั 5. ขนบธรรมเนยี มประเพณี กษตั ริยใ์ นทุกยุคสมยั - กษตั ริยท์ รงมกี ฐนิ พระราชทานไปยังอารามตา่ ง ๆ ทกุ ยคุ สมยั ทรงประกอบพระราชพิธที ่เี กี่ยวกบั พระพทุ ธศาสนา - กษตั รยิ แ์ ละพระราชวงศ์จะเสดจ็ ไปประกอบพธิ ีดว้ ยพระองค์ เอง หรอื เป็นประธานในพระราชพธิ ี เชน่ พระราชพิธจี รด- พระราชพธิ เี กย่ี วกบั การเกษตร และพระราชพิธี พระนงั คลั แรกนาขวัญ เฉพาะองคก์ ษตั รยิ ์ ตามธรรมเนยี มประเพณีอย่เู สมอ - รชั กาลที่ 4 โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ พม่ิ พิธีสงฆ์รว่ มกบั พธิ พี ราหมณ์ ในพระราชพธิ ีเฉพาะองคก์ ษัตรยิ ์ 4. ให้นักเรียนรว่ มกันสรุปความรู้ ดงั น้ี  ดา้ นเศรษฐกิจ กษัตริย์ในทุกยุคทุกสมยั ทรงมีบทบาทในการกาหนดนโยบายต่าง ๆ เพ่ือส่งเสรมิ การประกอบอาชพี ของประชาชน ทงั้ ระบบเกษตรกรรม และการคา้ กบั ต่างประเทศ ทรงกาหนดระเบยี บการ จ่ายภาษีแก่รัฐ เพ่ือควบคุมระบบเศรษฐกิจ โดยรปู แบบเศรษฐกิจจะเปลย่ี นแปลงไปตามนโยบายทางเศรษฐกจิ ของกษตั ริยแ์ ต่ละพระองค์ในการปรบั ปรงุ ใหเ้ หมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้น ด้านการทานุบารงุ ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมนนั้ เกดิ จากความผูกพันของคนไทยกับศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา ทาให้การพฒั นาและสืบทอดศิลปะในทุกแขนงเกดิ ขนึ้ จากความศรทั ธาทางศาสนา โดยมกี ษัตริย์เปน็ ผู้อุปถมั ภ์ผลงาน และกษตั ริยย์ ังเปน็ ผสู้ รา้ งสรรคง์ านศิลปะด้วยพระองค์เอง 5. ให้นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ชค้ าถามทา้ ทาย ดังนี้

 นกั เรียนคิดว่าเพราะเหตผุ ลใดพระมหากษัตรยิ ์ไทยตั้งแตอ่ ดีต-ปัจจุบนั จงึ นิยมสรา้ งวดั ประจา รชั กาลและความนิยมดังกลา่ วส่งผลอย่างไร 6. ใหน้ กั เรยี นทาชนิ้ งานที่ 4 เร่ือง บทบาทและหนา้ ท่ขี องกษตั ริย์ 9. ส่ือการเรยี นการสอน / แหลง่ เรียนรู้ 9.1 ตารางแสดงบทบาทและหน้าที่ของกษัตรยิ ์ในดา้ นการทานุบารงุ สง่ เสริมศิลปวฒั นธรรม 9.2 ชิ้นงานที่ 4 เรอ่ื ง บทบาทและหน้าที่ของกษัตรยิ ์ 10. การวัดผลและประเมินผล 10.1 วธิ ีการวดั และประเมินผล 10.1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรม 10.1.2 สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 10.2 เคร่อื งมือ 10.2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม 10.2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ 10.3 เกณฑ์การประเมิน 10.3.1 การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นตงั้ แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถือว่า ไมผ่ ่าน 10.3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกล่มุ คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดับ ดี คะแนน 5-6 ระดับ พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรับปรุง

บนั ทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ปจญหา/อุปสรรค ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ แนวทางแกไ้ ข ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ลงชอื่ _________________________ (ผู้บันทกึ ) (นางสาวอาภาภรณ์ สอนประเสรฐิ ) _____/_____/_____

แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่ือง สถาบันพระมหากษัตริย์ แผนจัดการเรียนรู้ท่ี 19 เรื่อง การเถลงิ ถวัลยราชสมบตั ิ : สิทธิธรรมในการเปน็ ผู้ปกครอง รายวิชา ประวตั ศิ าสตร์ รหัสวชิ า ส 32102 ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 นา้ หนักเวลาเรียน 0.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ เวลาที่ใช้ในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1 ชั่วโมง ....................................................................................................................................................... 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชวี้ ดั ชั้นปี/ผลการเรยี นรู้/เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจ และธารง ความเปน็ ไทย ตัวชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้ ส 4.3 ม.4-6/2 วิเคราะหค์ วามสาคญั ของสถาบันพระมหากษตั รยิ ต์ ่อชาติไทย 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 อธบิ ายการเถลิงถวัลยราชสมบัตเิ กยี่ วกบั สทิ ธธิ รรมในการเป็นผู้ปกครอง 2.2 ศกึ ษาทาความเขา้ ใจเกย่ี วกบั สิทธธิ รรมในการเป็นผปู้ กครอง 2.3 เหน็ คุณค่าและความสาคัญของสถาบนั พระมหากษตั ริย์ทีม่ ตี อ่ สงั คมไทย 3. สาระสาคญั สิทธิธรรมในการเป็นผู้ปกครอง มี 2 ลักษณะ คือ สิทธิโดยกาเนิด เป็นการกาหนดการสืบทอดตาแหน่ง กษตั ริย์ โดยการพิจารณาลาดับสกุลยศของเช้ือพระวงศ์ ประกอบกับพระปรีชาสามารถ ลักษณะที่ 2 คือ สิทธิ ธรรมโดยสถานการณ์ เกิดขึ้นเมื่อบ้านเมืองประสบปัญหา ขาดความสงบสุข หากมีบุคคลใดเข้ามาแก้ไขปัญหา บคุ คลนนั้ กจ็ ะไดร้ บั การยกย่องยอมรบั ใหเ้ ปน็ กษัตรยิ ์ 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 สทิ ธธิ รรมในการเปน็ ผ้ปู กครอง 5. คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ตัวชว้ี ดั ท่ี 1.1 เป็นพลเมืองดขี องชาติ ตวั ชวี้ ัดที่ 1.2 ธารงไวซ้ งึ่ ความเปน็ ชาติไทย ตวั ชี้วดั ที่ 1.4 เคารพเทดิ ทนู สถาบันพระมหากษัตรยิ ์

6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 6.1 ความสามารถในการส่อื สาร 6.2 ความสามารถในการคิด 6.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา 7. ชิ้นงานหรือภาระงาน 7.1 แผนภาพความคิดความหมายและเหตุการณต์ ัวอย่างเกี่ยวกบั สิทธิธรรมในการเป็นผู้ปกครอง 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครนู าพระราชประวัติโดยย่อของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ภมู ิพลอดุลยเดชฯ (รชั กาลที่ 9) ให้ นักเรยี นอ่าน แล้วร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครูใช้คาถาม ดังนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวภูมิพลอดุลยเดชฯ (รชั กาลที่ 9) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ เมืองเคมบริดจ์ แมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงเป็นพระราชโอรสองค์เล็กในสมเด็จ- พระ มหติ ลาธเิ บศร อดุลยเดชวกิ รม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็น พระอนุชา ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยู่หัวอานนั ทมหิดล (รชั กาลท่ี 8) วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เม่ือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคต รฐั สภาจึงเปิดประชุมในวันเดยี วกัน และมีมตเิ ห็นชอบเปน็ เอกฉันท์ใหก้ ราบบังคมทูลอัญเชิญพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ ัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงสืบราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระเชษฐา ขณะน้ันทรงมีพระชนมพรรษา 18 พรรษา จึงเสดจ็ พระราชดาเนินกลับไปประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ เพอื่ ทรงศกึ ษาต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เสด็จนิวัติพระนครเม่ือวันท่ี 24 มีนาคม พ.ศ. 2493 และโปรดเกล้าฯ ให้ต้ังการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในวันท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 เฉลมิ พระปรมาภิไธยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ โดยมีพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพอ่ื ประโยชน์สขุ แห่งมหาชนชาวสยาม”  พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวทรงเสดจ็ ข้นึ เถลิงถวัลยราชสมบัตไิ ดอ้ ยา่ งไร (ตัวอยา่ งคาตอบ เป็นการเสดจ็ ข้ึนครองราชย์ โดยการสบื ต่อตามสนั ตติวงศ์ เพราะพระองค์ทรงเปน็ พระ อนชุ าของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวอานนั ทมหิดล (รัชกาลที่ 8)) 2. ให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ ออกเป็น 2 กลมุ่ ศกึ ษาและสืบค้นข้อมูลเกยี่ วกับการเถลงิ ถวลั ยราชสมบัติของ พระมหากษัตริยไ์ ทย เก่ยี วกบั สทิ ธธิ รรมในการเปน็ ผ้ปู กครอง แล้วออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียน โดยแต่ละกลุ่ม วิเคราะห์และยกตัวอยา่ งเหตุการณ์ในประวตั ศิ าสตร์ไทยในหัวขอ้ ท่ีกาหนดให้ ดังน้ี สทิ ธิธรรมในการเป็นผู้ปกครอง กลุ่มท่ี 1 สทิ ธโิ ดยกาเนดิ กลมุ่ ท่ี 2 สิทธธิ รรมโดยสถานการณ์ 3. ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับสทิ ธิธรรมในการเป็นผู้ปกครอง โดยครูใช้คาถาม ดังน้ี