16. ขอ้ ใดกลา่ วถกู เกย่ี วกบั ลกั ษณะความตอ้ งการในตลาดอุตสาหกรรม 1. เป็นความตอ้ งการตอ่ เน่ืองจากความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค 2. ความตอ้ งการจะลดลงเมอ่ื สนิ คา้ ราคาสงู ขน้ึ 3. ความตอ้ งการเปลย่ี นแปลงอยเู่ สมอ 4. ความตอ้ งการครงั้ ละไมม่ าก 5. ความตอ้ งการเป็นบางเลา 17. ขอ้ ใดไม่ใช่กจิ การทจ่ี าหน่ายผลติ ภณั ฑป์ ระเภทบรกิ าร 1. โรงแรม 2. สนามกอลฟ์ 3. รา้ นอาหาร 4. รา้ นเสรมิ สวย 5. โรงเรยี นกวดวชิ า 18. ขอ้ ใดชว่ ยใหผ้ บู้ รโิ ภคเช่อื มนั่ ในกจิ การประเภทบรกิ าร 1. ทาเลทต่ี งั้ 2. ตราสนิ คา้ 3. ราคาสนิ คา้ 4. การโฆษณา 5. การสง่ เสรมิ การขาย 19. การใหบ้ รกิ ารขอ้ ใดทต่ี อ้ งมกี ารควบคมุ มาก 1. บรกิ ารทาความสะอาด 2. บรกิ ารขนสง่ 3. บรกิ ารเสรมิ ความงาม 4. บรกิ ารโรงแรม 5. บรกิ ารรบั ฝากจอดรถ 20. ขอ้ ใดเป็นบรกิ ารทไ่ี มม่ งุ่ หวงั กาไร 1. มลู นิธิ 2. บรษิ ทั ประกนั ภยั 3. ธนาคาร 4. รถแทก็ ซ่ี 5. นวดแผนโบราณ
บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาที่พบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 8 วชิ า การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร รหสั วชิ า 2202-2004 สปั ดาหท์ ่ี 6 เวลา 4 ชวั่ โมง หน่วยท่ี 4 สถานการณ์ทางการตลาด เรอ่ื ง ความรเู้ กย่ี วกบั สถานการณ์ทาง การตลาด 1.สาระสาคญั การประกอบธุรกจิ ปจั จบุ นั มกี ารแขง่ ขนั สงู ผปู้ ระกอบการตอ้ งมกี ารวางแผนการดาเนินงานทเ่ี หมาะสม โดยใช้ ขอ้ มลู ทแ่ี มน่ ยา การวเิ คราะหส์ ถานการณ์ทางการตลาด ช่วยใหผ้ ปู้ ระกอบการสามารถวางแนวทางการดาเนินกจิ การได้ ถกู ตอ้ ง และประสบความสาเรจ็ ในการประกอบธรุ กจิ ได้ 2.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั สถานการณ์ทางการตลาดได้ 2. การวเิ คราะหส์ ถานการณ์การจดั จาหน่ายได้ 3. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษาสานักงาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง 3.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 3.2 ความมวี นิ ยั 3.3 ความรบั ผดิ ชอบ 3.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 3.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 3.6 การประหยดั 3.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 3.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั 3.9 ความรกั สามคั คี 3.10 ความกตญั ญกู ตเวที 3.สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การและกระบวนการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั สถานการณ์ทางการตลาด และตลาดเป้าหมาย 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั กฎหมาย และองคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 4. วางแผนและจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ ารตามหลกั การ 5. ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 4.เนื้อหาสาะ 1. ความรเู้ กย่ี วกบั สถานการณ์ทางการตลาด 2. การวเิ คราะหส์ ถานการณ์การจดั จาหน่าย กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน
1. ครูกล่าวถึงผู้ประกอบการ จะต้องมกี ารวเิ คราะห์สถานการณ์ทางการตลาดเพ่อื หาทิศทางการดาเนิน กจิ การอยา่ งเหมาะสม สรา้ งความพงึ พอใจแก่ผบู้ รโิ ภค และสามารถอยเู่ หนือคแู่ ขง่ ขนั ได้ 2. ผเู้ รยี นบอกวตั ถุประสงคใ์ นการวเิ คราะหส์ ถานการณ์บรกิ าร ขนั้ สอน 3. ครูอธบิ ายความรู้เก่ียวกบั สถานการณ์ทางการตลาด ซ่ึงสถานการณ์ หมายถึง สภาพแวดล้อมขณะท่ี ดาเนินการเรอ่ื งใด ๆ สถานการณ์ทางการตลาด จงึ หมายถงึ สภาพแวดลอ้ มขณะทด่ี าเนินการทางดา้ นการตลาด 4. ครอู ธบิ ายและแบง่ สภาพแวดลอ้ มทางการตลาด ไดด้ งั น้ี 1) สภาพแวดลอ้ มมหภาค (Macro – environment) เป็นสภาพแวดลอ้ มทไ่ี มไ่ ดม้ ผี ลกระทบโดยตรงต่อ ธรุ กจิ มากนกั แตธ่ ุรกจิ จาเป็นตอ้ งศกึ ษาเพอ่ื ใชเ้ ป็นขอ้ มลู สาหรบั การวางแผนการดาเนินการใหเ้ หมาะสม สภาพแวดลอ้ ม มหภาคมดี งั น้ี 1.1 ประชากรศาสตร์ ลกั ษณะระชากรศาสตรม์ ผี ลต่อพฤตกิ รรมการบรโิ ภคของผู้บรโิ ภค ผูด้ าเนิน ธุรกจิ จงึ ตอ้ งศกึ ษาความแตกต่างและการเปลย่ี นแปลงของประชากร เชน่ อายุ การศกึ ษา รปู แบบครอบครวั เป็นตน้ 1.2 เศรษฐกจิ เศรษฐกจิ มผี ลต่อรายได้ และอานาจซอ้ื ของประชากร การเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกจิ จงึ ทาใหพ้ ฤตกิ รรมการซอ้ื ของผบู้ รโิ ภคเปลย่ี นแปลงตามไปดว้ ย 1.3 สภาวะแวดลอ้ มทางกายภาพ ปจั จุบนั ผู้บรโิ ภคให้ความสนใจกบั สนิ ค้าท่ไี ม่ทาลายสง่ิ แวดล้อม องคก์ รทช่ี ่วยรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มสรา้ งภาพลกั ษณ์ทด่ี ตี ่อองคก์ ร ตรงกนั ขา้ มองคก์ รท่แี สดงออกถงึ การทาลายสงิ่ แวดลอ้ ม ทาใหเ้ กดิ การตอ่ ตา้ นการใชส้ นิ คา้ ได้ ดงั นนั้ การปฏบิ ตั ติ ามกฎ และไมท่ าลายสง่ิ แวดลอ้ ม จงึ เป็นสง่ิ ทค่ี วรกระทา 1.4 เทคโนโลยี ผปู้ ระกอบธุรกจิ จะตอ้ งกา้ วตามใหท้ นั การเปลย่ี นแปลงทางเทคโนโลยที เ่ี ปลย่ี นแปลง ไป แต่ทงั้ น้ีตอ้ งรจู้ กั นาเทคโนโลยมี าใชอ้ ยา่ งเหมาะสม ไม่ควรใชเ้ ทคโนโลยที ส่ี งู เกนิ ไปทาใหเ้ สยี ต้นทุนจา้ งช่างเทคนิค นอกจากน้ียงั มขี อ้ จากดั ดา้ นวสั ดอุ ุปกรณ์ทใ่ี ชก้ บั เทคโนโลยที ท่ี าใหส้ น้ิ เปลอื ง และไมค่ ุม้ กบั การดแู ลรกั ษา 1.5 การเมืองและกฎหมาย กฎหมายท่ีผู้ประกอบธุรกิจจะต้องศึกษา เช่น กฎหมายพาณิชย์ กฎหมายเกย่ี วกบั ผถู้ อื หุน้ กฎหมายการคุม้ ครองผบู้ รโิ ภค เป็นตน้ 1.6 วฒั นธรรมและสงั คม ผปู้ ระกอบธุรกจิ จะตอ้ งพจิ ารณาถงึ คา่ นิยม และวฒั นธรรมของกลุม่ รวมถงึ การเปลย่ี นแปลงทางวฒั นธรรมทเ่ี กดิ ขน้ึ เพ่อื จะไดท้ ราบแนวทาง และระวงั ไม่กระทาผดิ ต่อความดงี ามของแต่ละสงั คม เพราะอาจกอ่ ใหเ้ กดิ การต่อตา้ นอยา่ งรนุ แรงได้ 2) สภาพแวดลอ้ มจลุ ภาค (Micro-environment) เป็นการวเิ คราะหเ์ กย่ี วกบั ปจั จยั ตอ่ ไปน้ี 2.1 ผขู้ ายวตั ถุดบิ ผปู้ ระกอบการธุรกจิ จะตอ้ งพจิ ารณาถงึ ความเหมาะสมของผขู้ ายวตั ถุดบิ เกย่ี วกบั คณุ ภาพของวตั ถุดบิ ราคาของวตั ถุดบิ รวมถงึ การใหบ้ รกิ ารตา่ ง ๆ 2.2 สภาพแวดลอ้ มภายใน พจิ ารณาเกย่ี วกบั บุคคลต่าง ๆ ภายในหน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง กบั งานดา้ น การตลาด ซ่งึ จะต้องพจิ ารณาเก่ยี วกบั ประสทิ ธภิ าพในการทางาน และการทางานเป็นทมี ท่แี สดงถงึ ความร่วมมอื กนั เพอ่ื ใหบ้ รรลุเป้าหมายดว้ ย 2.3 คนกลางทางการตลาด เป็นการพจิ ารณาเลอื กใชค้ นกลางอย่างเหมาะสม โดยเลอื กคนกลางทม่ี ี ประสทิ ธภิ าพในการกระจายสนิ คา้ การชว่ ยเหลอื ดา้ นสง่ เสรมิ การตลาด โดยคานึงถงึ ตน้ ทุนดว้ ย 2.4 กลุ่มลูกคา้ เป็นปจั จยั สาคญั ท่จี ะต้องให้ความสนใจเป็นพเิ ศษ เพราะเป็นปจั จยั ท่ที าให้ธุรกจิ มี รายได้ จะตอ้ งศกึ ษาถงึ ความตอ้ งการ ความจาเป็นในการใชส้ นิ คา้ ของลกู คา้ อานาจซอ้ื ความตอ้ งการทจ่ี ะซอ้ื และตอ้ ง พจิ ารณาวา่ องคก์ รสามารถตอบสนองความตอ้ งการและสรา้ งความพงึ พอใจใหแ้ ก่ลกู คา้ ไดห้ รอื ไม่
2.5 ค่แู ขง่ ขนั พจิ ารณาวา่ คแู่ ขง่ ขนั ของกจิ การคอื ใคร มจี ุดอ่อนและจุดแขง็ อยา่ งไร เพอ่ื จะไดป้ รบั กล ยทุ ธใ์ หส้ ามารถรบั มอื คแู่ ขง่ ได้ 2.6 กลุ่มชุมชน เป็นกลุ่มทม่ี อี ทิ ธพิ ลต่อการทางานขององคก์ รธุรกจิ ต่าง ๆ หน่วยงานเหล่านนั้ ไดแ้ ก่ สถาบันการเงนิ หน่วยงานของรฐั บาล ส่ือมวลชน เป็นต้น กลุ่มชุมชนจะต้องมีกฎระเบียบ ข้อบังคับสาหรบั การ ดาเนินงาน จงึ ต้องมขี อ้ จากดั ในการปฏบิ ตั ิ กจิ การจะตอ้ งศกึ ษา เพ่อื หลกี เลย่ี งหรอื ไม่ก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบใดๆ ต่อการ ดาเนินกจิ การ 5. ครูและผู้เรยี นช่วยกนั วเิ คราะห์สถานการณ์การจดั จาหน่าย ซ่งึ เป็นการพจิ ารณาว่าการนาสนิ ค้าถงึ มอื ผู้บรโิ ภคนัน้ สามารถบรรลุวตั ถุประสงค์ได้หรอื ไม่ การจดั จาหน่ายท่จี ดั ว่าบรรลุวตั ถุประสงค์คอื สามารถสรา้ งความ ประทบั ใจแก่ลกู คา้ ทาใหใ้ นตลาดมสี นิ คา้ วางจาหน่ายในจานวนทเ่ี หมาะสม ในเวลาท่ีถูกตอ้ ง สถานทท่ี ถ่ี ูกตอ้ ง รวมถงึ การวเิ คราะหว์ า่ สนิ คา้ ทจ่ี ดั จาหน่าย เหมาะกบั การจดั จาหน่ายแบบใด เพอ่ื ใหเ้ ลอื กกลยทุ ธท์ เ่ี หมาะสม และเอาชนะคแู่ ขง่ ขนั ได้ 6. ครบู อกลกั ษณะการจดั จาหน่ายทป่ี ระสบความสาเรจ็ ดงั น้ี 1) รวดเรว็ และสะดวก ผซู้ อ้ื มกั พงึ พอใจทไ่ี ดร้ บั สนิ คา้ ทส่ี งั่ ซ้อื ภายในเวลารวดเรว็ และสะดวก ช่วงทผ่ี ซู้ อ้ื สงั่ ซอ้ื สนิ คา้ คอื ช่วงทเ่ี วลาทเ่ี ขากาลงั เกดิ ความตอ้ งการ จงึ ตอ้ งการใหส้ นิ คา้ ถงึ มอื โดยเรว็ ท่สี ุด กจิ การท่สี ามารถสนอง ความตอ้ งการของผซู้ อ้ื ได้ ยอ่ มสรา้ งความพงึ พอใจแก่ลกู คา้ และทาใหข้ ายสนิ คา้ ไดม้ ากขน้ึ ปจั จุบนั การบรกิ ารสง่ สนิ คา้ ถงึ ท่ี จงึ เขา้ มามบี ทบาทสาคญั และเป็นทน่ี ิยม เน่ืองจากช่วยอานวยความสะดวกแก่ผซู้ ้อื และนอกจากน้ีบางกจิ การยงั มี กลยุทธก์ ารรบั ประกนั เร่อื งระยะเวลาในการสง่ เพ่อื ใหผ้ ซู้ ้อื เกดิ ความพงึ พอใจมากขน้ึ อกี ดว้ ย เช่น พชิ ซ่า คอมปะนี แจง้ กบั ลกู คา้ วา่ หากพนกั งานไมส่ ามารถสง่ สนิ คา้ ใหถ้ งึ มอื ภายใน 30 นาที ผซู้ อ้ื จะไดก้ นิ ฟรี เป็นตน้ 2) ความน่าเช่อื ถอื การจดั จาหน่ายทน่ี ่าเช่อื ถอื คอื การจดั จาหน่ายนนั้ สามารถทาใหส้ นิ คา้ ถงึ มอื ผซู้ ้อื ใน สภาพทส่ี มบรู ณ์ทส่ี ดุ ทงั้ ดา้ นคุณภาพ และรปู รา่ งลกั ษณะของสนิ คา้ 3) หาสนิ คา้ ไดง้ า่ ย การจดั จาหน่ายทป่ี ระสบความสาเรจ็ จะตอ้ งทาใหผ้ ซู้ อ้ื เหน็ สนิ คา้ ไดท้ ุกครงั้ และทุกท่ี ทต่ี อ้ งการ โดยเฉพาะปจั จุบนั มสี นิ คา้ หลายชนิดทท่ี ดแทนกนั ได้ หากผซู้ อ้ื ไม่พบสนิ คา้ ทต่ี อ้ งการอาจตดั สนิ ใจซ้อื สนิ คา้ ทดแทน ทาใหส้ นิ คา้ ขายไดน้ ้อยลง 4) ขนั้ ตอนการสงั่ ซ้อื สะดวก การสงั่ ซ้อื ท่สี ะดวกช่วยสรา้ งความพงึ พอใจแก่ผูซ้ ้อื ผู้ซ้อื มกั เกดิ ความพงึ พอใจหากสามารถสงั่ ซ้อื สนิ ค้าท่สี ะดวกไดห้ ลายช่องทาง เช่น ทางโทรศพั ท์ ทางอนิ เตอรเ์ น็ต เป็นต้น กระบวนการ สงั่ ซ้อื ทด่ี จี ะต้องสนั้ เพ่อื ให้สนิ คา้ ถงึ มอื ผูซ้ ้อื ไดเ้ รว็ ท่สี ดุ และมเี จา้ หน้าท่คี อยรบั คาสงั่ ซ้ือตลอดเวลา หลงั จากการสงั่ ซ้อื ผขู้ ายจะตอ้ งรบี จดั สง่ สนิ คา้ ใหท้ นั ที 7. สมมตวิ ่านักเรยี นเป็นเจ้าของกจิ การ ผลติ สนิ ค้าประเภทหน่ึง (กาหนดสนิ ค้าเอง) นักเรยี นจะมกี ารวาง แผนการจดั จาหน่ายสนิ คา้ อย่างไร จงอธบิ าย โดยพจิ ารณาถงึ สภาพแวดลอ้ มมหภาค และสภาพแวดลอ้ มจุลภาคดว้ ย และบอกสงิ่ ทไ่ี ดร้ บั จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 8. ครนู าจตราสนิ คา้ มาใหผ้ เู้ รยี นเลอื ก 1 ชนิด แลว้ ตอบคาถามดงั น้ี 1) ตราสนิ คา้ ทเ่ี ลอื กคอื .......................................................................................................... 2) เบอรโ์ ทรศพั ทส์ าหรบั การสงั่ ซอ้ื ........................................................................................... 3) วเิ คราะหก์ ารจดั จาหน่ายของสนิ คา้ วา่ ประสบความสาเรจ็ หรอื ไม/่ อยา่ งไร แสดงความคดิ เหน็ 4) สงิ่ ทไ่ี ดร้ บั จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
5.ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์ 9. ครูและผู้เรียนสรุปความรู้เก่ียวกับสถานการณ์ทางการตลาด และการวเิ คราะห์สถานการณ์การจดั จาหน่าย โดยชว่ ยกนั ยกตวั อยา่ งกรณศี กึ ษาประกอบ 10. สรุปสาระสาคญั เพอ่ื ใหเ้ กดิ การเรยี นรแู้ ละนาไปปฏบิ ตั ไิ ด้ และประเมนิ ผเู้ รยี นดงั น้ี ช่อื ผเู้ รยี น ธรรมชาตขิ องผเู้ รยี น วธิ กี ารเรยี นรู้ ความสนใจ สตปิ ญั ญา วฒุ ภิ าวะ 1. 2. 3. 4. 5. 6.สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น วชิ าการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. รปู ภาพ 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4. แผน่ ใส 5. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส,์ VDO, สอ่ื PowerPoint 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7.หลกั ฐาน 1. บนั ทกึ การสอน 2. ใบเชค็ ชอ่ื 3. แผนจดั การเรยี นรู้ 4. การตรวจประเมนิ ผลงาน 8.การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เครื่องมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรมู้ เี กณฑผ์ า่ น 50% 6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ การวเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) 1. ทางสายกลาง (The middle path) : พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุม้ กนั ท่ีดีในตวั 2.เงื่อนไข (Condition) : ความรู้และคุณธรรม หลกั ความพอประมาณ (Moderation) หมายถึง พอประมาณ หมายถึง ความพอดี ท่ีไม่มากและไม่นอ้ ยจนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเอง และผอู้ ื่น เช่น การผลิตและการบริโภคท่ีพอประมาณ หลกั ความมีเหตผุ ล (Reasonableness) หมายถึง การใช้หลักเหตุผลในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนผลท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนอยา่ งรอบคอบ หลกั การมีภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดี (Self - awareness) หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับต่อผลกระทบท่ีเกิดข้ึนจากการเปลี่ยนแปลงรอบตวั ปัจจยั เหล่าน้ีจะ เกิดข้ึนไดน้ ้นั จะตอ้ งอาศยั ความรู้ และคุณธรรม เป็นเง่ือนไขพ้นื ฐาน หลกั เงื่อนไขความรู้ (Knowledge) หมายถึงความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั ในการดาเนินชีวติ และการประกอบการงาน กิจกรรมเสนอแนะ 1. แนะนาใหผ้ เู้ รยี นทากจิ กรรมใบงาน 2. อ่านและทบทวนเน้ือหา
กิจกรรมเศรษฐกิจพอเพียง รหสั วิชา ...2202-2004.......ชอ่ื วชิ า..การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร... หน่วยที่ ......4...... ช่ือหน่วย .....ความรเู้ กยี่ วกบั สถานการณท์ างการตลาด............ วตั ถปุ ระสงค์ ผเู้ รยี นสามารถทราบเหตุการณ์ในการประกอบธุรกจิ ปจั จุบนั มกี ารแขง่ ขนั สงู ซง่ึ ผปู้ ระกอบการ ต้องมกี ารวางแผนการดาเนินงานท่ีเหมาะสม โดยใช้ข้อมูลท่ีแม่นยา การวิเคราะห์สถานการณ์ทาง การตลาด ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวางแนวทางการดาเนินกิจการได้ถูกต้อง และประสบ ความสาเรจ็ ในการประกอบธรุ กจิ ได้ เง่ือนไข เง่ือนไขความรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม - ผู้เรยี นมคี วามรู้เกยี่ วกบั สถานการณ์ - ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายอย่าง ทางการตลาด ถกู ต้องซอื่ สัตย์ - มีความรู้ ความเข้ าใจในเนื้ อห า - มคี วามเพยี รพยายามกระตอื รอื ร้นใน รายวชิ า การเรยี นและปฏบิ ตั งิ าน - ใมนคี ชวาวี มติ รปู้ใรนะจกาาวรนัเลอื กการวางแผนใช้ - เใตห็ม้คใวจแามละรจ่วรมงิ มใืจอกับผู้อื่นด้วยความ - มีค ว า ม รู้เก่ีย ว กับ ห ลัก ป รัช ญ า เศรษฐกิจพอเพียง และนามาปรบั ใช้ไดด้ ี หลกั พอเพียง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสร้างภมู ิค้มุ กนั ที่ดี - ผู้เรียนจัดสรรเวลา - เห็ นความสามารถใน - มี ทัก ษ ะ ใ น ก า ร ต อ บ ในการฝึ กปฏิบัติได้ การเลอื กเครอื่ งมอื คาถาม อยา่ งเหมาะสม - ผออยุู้ ปเา่ รกงี คยรุม่ ณนคา์่ แรู้ จั กใ ชดุ้ - เห็ นความสาคัญ ของ - สื่ อความหมายในการ - ล ะ วั ส - เปกลราืะรอโนยกชาในไ ปอ์ชย้ใวา่ ชงั ส้ คใุ้มหดคุ้ เใกา่ ิหด้ ใปรชะ้ สงิทาธนภิ าไพด้ อ ย่ า ง มี ป ฏิบัติต น เป็ น ผู้ น า เหมาะสมงาน - กล้าซกั ถามปัญหาหรอื ข้อสงสัยต่างๆ อย่าง และผ้ตู ามทดี่ ี เป็ นเหตเุ ป็ นผล - ควบคุมอารมณ์ตนเอง ได้ เป้ าหมายสมดลุ และพรอ้ มรบั การเปลี่ยนแปลง 4 มิติ ด้านวตั ถุ ด้านสงั คม ด้านส่ิงแวดล้อม ด้านวฒั นธรรม
- ผู้เรียน ทาแบบฝึกหัด - ผู้เรยี น ได้มกี ารซกั ถาม - หลงั จากเลกิ เรยี น - ให้ผู้เรียน สามารถนา ผู้ เรีย น ช่ ว ย กัน ค ว า ม รู้ เ ก่ี ย ว กั บ ออนไลน์ ลดรายจ่ายใน ขอ้ สงสยั ระหว่างเรยี นกบั รั ก ษ า ค ว า ม สถานการณ์ทางการตลาด ก า ร ใช้ ก ร ะ ด า ษ แ ล ะ ครผู สู้ อน สะอาด ข อง ส า ม า ร ถ ป ร ะ ม ว ล ผ ล - ได้มีก ารแลก เป ล่ียน ห้ อ ง เรีย น น า ไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ คะแนนไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ความรกู้ บั เพอ่ื นรว่ มชนั้ เขรยยี ะนออกทง้ิ ที่โต๊ะ ถกู ตอ้ ง - ไดต้ อบคาถามเป็นกลมุ่ - ปเลิดกิ แเรอยีรน์ หลงั จาก - ประหยดั พลงั งาน ตารางวิเคราะหจ์ ดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จดุ ประสงคก์ ารสอน ทางสายกลาง หน่วยที่ 4 รวม เร่อื งความรเู้ ก่ียวกบั สถานการณ์ทาง ลาดับความสาคัญ การตลาด 3 ห่วง 2 เง่อื นไข ความรู้ คณุ ธรรม พอประมาณ ีมเหตุผล ีมภ ิม ้คุมกันภู ิม ้คุมกัน รอบ ้รู รอบคอบ ระมัดระวัง ่ืซอสัตย์สุจ ิรต ขยันอดทน ีมส ิต ัปญญา แบ่ง ัปน 1.ความหมายเกย่ี วกบั สถานการณ์ทางการตลาด // / / / / / /82 2.การวเิ คราะหส์ ถานการณ์การจดั จาหน่าย 3.การพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม // / / / / / / 82 รวม / / / / / / / / /91 ลาดบั ความสาคญั 2244442434 3311113121
ใบงานที่ 4.1 ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั สถานการณ์ทางการตลาดได้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม สมมตวิ า่ นกั เรยี นเป็นเจา้ ของกจิ การ ผลติ สนิ คา้ ประเภทหน่ึง (นกั เรยี นกาหนดสนิ คา้ เอง) นกั เรยี นจะมกี ารวาง แผนการจดั จาหน่ายสนิ คา้ อยา่ งไร จงอธบิ าย โดยพจิ ารณาถงึ สภาพแวดลอ้ ม มหภาค และสภาพแวดลอ้ มจุลภาคดว้ ย .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................... ส่ิงที่ได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 4.2 ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั 2. การวเิ คราะหส์ ถานการณ์การจดั จาหน่ายได้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม จากตราสนิ คา้ ดา้ นบน ใหน้ กั เรยี นเลอื ก 1 ชนิด แลว้ ตอบคาถามดงั น้ี 1. ตราสนิ คา้ ทเ่ี ลอื กคอื .......................................................................................................... 2. เบอรโ์ ทรศพั ทส์ าหรบั การสงั่ ซอ้ื ........................................................................................... 3. วเิ คราะหก์ ารจดั จาหน่ายของสนิ คา้ วา่ ประสบความสาเรจ็ หรอื ไม/่ อยา่ งไร แสดงความคดิ เหน็ .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................... สิ่งที่ได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................
บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 9 วชิ า การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร รหสั วชิ า 2202-2004 สปั ดาหท์ ่ี 7 เวลา 4 ชวั่ โมง หน่วยท่ี 4 สถานการณ์ทางการตลาด เรอ่ื ง วเิ คราะหส์ ถานการณ์การจดั จาหน่าย 1.สาระสาคญั การประกอบธุรกจิ ปจั จบุ นั มกี ารแขง่ ขนั สงู ผปู้ ระกอบการตอ้ งมกี ารวางแผนการดาเนินงานทเ่ี หมาะสม โดยใช้ ขอ้ มลู ทแ่ี มน่ ยา การวเิ คราะหส์ ถานการณ์ทางการตลาด ชว่ ยใหผ้ ปู้ ระกอบการสามารถวางแนวทางการดาเนินกจิ การได้ ถกู ตอ้ ง และประสบความสาเรจ็ ในการประกอบธรุ กจิ ได้ 2.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 3. วางแผนนโยบายการจดั จาหน่ายได้ 4. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั แนวโน้มการจดั จาหน่ายได้ 5. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง 5.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 5.2 ความมวี นิ ยั 5.3 ความรบั ผดิ ชอบ 5.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 5.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 5.6 การประหยดั 5.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 5.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั
5.9 ความรกั สามคั คี 5.10 ความกตญั ญกู ตเวที 3.สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การและกระบวนการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั สถานการณ์ทางการตลาด และตลาดเป้าหมาย 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั กฎหมาย และองคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 4. วางแผนและจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ ารตามหลกั การ 5. ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 4.เนื้อหาสาระ 3. นโยบายการจดั จาหน่าย 4. แนวโน้มการจดั จาหน่าย 5.กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1. ครแู ละผเู้ รยี นสนทนากนั เก่ยี วกบั ราคาสนิ คา้ ในตลาดทวั่ ไป และลกั ษณะการวางจาหน่ายสนิ คา้ ในตลาด ประเภทต่างๆ 2. ผเู้ รยี นยกตวั อยา่ งนโยบายการจดั จาหน่ายของรา้ น 7 Eleven ขนั้ สอน 3. ครอู ธบิ ายนโยบายการจดั จาหน่าย โดยเป็นการกาหนดนโยบายการจดั จาหน่ายสนิ คา้ ควรมกี ารวเิ คราะห์ องคป์ ระกอบทส่ี าคญั ดงั น้ี 1) ลกั ษณะของสนิ คา้ สนิ คา้ ทจ่ี าหน่ายแบง่ ออกเป็นสนิ คา้ อุปโภคบรโิ ภค และสนิ คา้ อุตสาหกรรม ซง่ึ สนิ คา้ ทงั้ สองประเภทต่างมชี อ่ งทางการจดั จาหน่ายทเ่ี หมาะสมแตกต่างกนั ออกไป ชอ่ งทางการจดั จาหน่ายสนิ คา้ อุโภค บรโิ ภค ประเภทสนิ คา้ สะดวกซอ้ื ควรเลอื กใชช้ อ่ งทางการจดั จาหน่าย ทส่ี ามารถกระจายสนิ คา้ ถงึ ผซู้ อ้ื ไดอ้ ยา่ งทวั่ ถงึ หรอื กรณีสนิ คา้ ประเภทเจาะจงซอ้ื ควรวางขายในรา้ นคา้ ทม่ี สี ามารถเขา้ ถงึ กลุ่มลกู คา้ เป้าหมาย ทต่ี อ้ งการสนิ คา้ ประเภทน้ี 2) ลกั ษณะของกลุม่ ลกู คา้ เป้าหมาย กลุม่ ลกู คา้ เป้าหมายทต่ี อ้ งการซอ้ื สนิ คา้ เชน่ รา้ นคา้ สง่ รา้ นคา้ ปลกี ผบู้ รโิ ภคคนสดุ ทา้ ย ผใู้ ชส้ นิ คา้ อุตสาหกรรม เป็นตน้ 3) ลกั ษณะของคแู่ ขง่ ขนั คแู่ ขง่ ขนั เป็นปจั จยั สาคญั ทธ่ี ุรกจิ นามาวางแผนการจดั จาหน่าย เพอ่ื ใหม้ กี าร จดั จาหน่ายทเ่ี หนือกวา่ เชน่ เมอ่ื คแู่ ขง่ ขนั มชี อ่ งทางการจดั จาหน่ายทส่ี ามารถกระจายสนิ คา้ ไดอ้ ยา่ งทวั่ ถงึ ธุรกจิ ก็ จะตอ้ งวางแผนการจดั จาหน่ายทส่ี ามารถกระจายสนิ คา้ อยา่ งทวั่ ถงึ เชน่ กนั เป็นตน้ 4. ครวู เิ คราะหแ์ นวโน้มการจดั จาหน่าย ซง่ึ การดาเนินชวี ติ ของผบู้ รโิ ภคปจั จบุ นั เปลย่ี นไปจากเดมิ รวมถงึ พฤตกิ รรมในการใชซ้ อ้ื สนิ คา้ ดว้ ย ผจู้ ดั จาหน่ายสนิ คา้ จงึ ตอ้ งวางแผนการจดั จาหน่ายอยา่ งเหมาะสม สนองความ ตอ้ งการ และสรา้ งความพงึ พอใจแก่ผซู้ อ้ื ได้ โดยการพจิ ารณาแนวโน้มของการคา้ แตล่ ะประเภท 5. ครอู ภปิ รายถงึ แนวโน้มการคา้ สง่ ปจั จบุ นั ผผู้ ลติ และผคู้ า้ ปลกี มขี นาดใหญ่ขน้ึ อกี ทงั้ มกี ารใชก้ ารคา้ ระบบ คา้ ปลกี แบบลกู โซ่ และระบบสทิ ธทิ างการคา้ ทาใหก้ ารคา้ สง่ ไดร้ บั ความสนใจจากผผู้ ลติ และผคู้ า้ ปลกี น้อยลง
นอกจากน้ีปรากฏวา่ การดาเนินการของผคู้ า้ สง่ นนั้ ไมส่ ามารถสง่ เสรมิ สายผลติ ภณั ฑข์ องผผู้ ลติ ไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี เพราะ ผคู้ า้ สง่ อาจจาหน่ายสนิ คา้ จากผผู้ ลติ หลายราย ผคู้ า้ สง่ ไมส่ ามารถสรา้ งคลงั สนิ คา้ ใหม้ จี านวนมากพอสาหรบั ใหเ้ พยี งพอ กบั ความตอ้ งการของลกู คา้ ผคู้ า้ สง่ บางรายไมใ่ หค้ วามรว่ มมอื กบั ผผู้ ลติ ในการดาเนินนโยบายทางการตลาด 6. ครแู นะนาใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาผปู้ ระกอบการดา้ นการคา้ สง่ ควรพจิ ารณาและหาแนวทางเพ่อื ใหส้ ามารถอยใู่ น ระบบการจดั จาหน่ายได้ ตอ้ งมกี ารปรบั ตวั ใหส้ ามารถตอบสนองความตอ้ งการทเ่ี ปลย่ี นไปของกลมุ่ เป้าหมาย และผผู้ ลติ ปรบั ปรงุ การบรกิ าร มกี ารลงทุนดา้ นเทคโนโลยใี หม่ ๆ พรอ้ มทงั้ ศกึ ษาการดาเนินงานของคแู่ ขง่ ขนั ทงั้ ภายในประเทศ และตา่ งประเทศ เพอ่ื การวางแผนกลยทุ ธท์ เ่ี หนือกวา่ มกี ารนาเทคนิคการสง่ เสรมิ การขายเพ่อื ใหไ้ ดร้ บั ความรว่ มมอื จาก ผผู้ ลติ และผคู้ า้ ปลกี 7. ครบู อกแนวโน้มการคา้ ปลกี สามารถสรุปไดด้ งั น้ี 1) ผคู้ า้ ปลกี ปจั จุบนั ใชร้ ปู แบบการขยายสาขา โดยการนารา้ นสาขาเขา้ ไปแหลง่ การคา้ เช่น มสี าขารา้ น ขายยาเปิดอยใู่ นซเู ปอรม์ ารเ์ กต็ มรี า้ นสะดวกซอ้ื มรี า้ นกาแฟ มรี า้ นเบเกอร่ี เปิดอยใู่ นสถานีบรกิ ารน้ามนั เป็นตน้ 2) มกี ารแข่งขนั แบบต่างระดบั (Intertype) มากขน้ึ ปจั จุบนั มกี ารแข่งขนั ของธุรกจิ ค้าปลกี ท่มี รี ูปแบบ การดาเนินกิจการต่างกันแต่จาหน่ายสินค้าประเภทเดียวกันมากข้ึน เช่น ร้านซูเปอร์มาเก็ต ร้านค้าสะดวกซ้ือ หา้ งสรรพสนิ คา้ แผงลอย รา้ นขายของชา ต่างกจ็ าหน่ายสนิ คา้ ประเภทเดยี วกนั เป็นตน้ 3) ผู้ค้าปลกี ขนาดใหญ่มกี ารดาเนินกิจการท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพเหนือกว่าทงั้ ด้านระบบสารสนเทศ การ บรกิ ารทด่ี กี วา่ การจาหน่ายสนิ คา้ ราคาถูกกวา่ นอกจากน้ียงั สามารถเป็นผชู้ น้ี าผผู้ ลติ วา่ ควรจะผลติ สนิ คา้ ลกั ษณะใด จงึ จะสามารถสนองความต้องการของผูซ้ ้อื ไดด้ ี ควรมกี ารสง่ เสรมิ การขายอย่างไรจงึ สามารถดงึ ดูความสนใจของผูซ้ ้อื ได้ ตวั อยา่ งธรุ กจิ คา้ ปลกี ประเภทน้ี เชน่ โฮมโปร พาวเวอรบ์ าย เทสโกโ้ ลตสั บก๊ิ ซี เป็นตน้ 4) ผคู้ า้ ปลกี ทงั้ ขนาดเลก็ และขนาดใหญ่ นาเทคโนโลยมี าใชเ้ พ่อื ความสะดวกในการดาเนินกจิ การมาก ขน้ึ เชน่ นาเทคโนโลยมี าใชเ้ พอ่ื สงั่ ซอ้ื เพอ่ื ควบคมุ สนิ คา้ คลงั เพอ่ื ความสะดวกในการชาระเงนิ ของผซู้ อ้ื เป็นตน้ 5) ยุคปจั จุบนั ซ่งึ เป็นระบบการส่อื สารท่ไี รพ้ รมแดน มกี ารเปิดการค้าอย่างเสรมี ากข้นึ จงึ มกี ารขยาย สาขาไปต่างประเทศกนั มากขน้ึ 6) การคา้ ปลกี ในปจั จุบนั มแี นวโน้มขายความบนั เทงิ ความสนุกสนานนอกเหนือจากตวั สนิ คา้ เช่น ใน พ้นื ท่รี บั ประทานอาหาร มกี ารจดั พ้นื ท่สี าหรบั ให้เด็กเล่น ในห้างสรรพสนิ คา้ ชนั้ ท่จี าหน่ายสนิ ค้าเดก็ เล่น มสี วนสนุก เลก็ ๆ ใหเ้ ดก็ เลน่ ในรา้ นหนงั สอื มกี ารสอนการระบายสี เป็นตน้ 7) ปจั จุบนั มรี า้ นค้าปลกี แบบไม่มรี า้ นค้าเกดิ ขน้ึ แข่งขนั กบั รา้ นคา้ ปลกี แบบไม่มรี า้ นคา้ เช่น การขาย สนิ คา้ ทางโทรทศั น์ การขายสนิ คา้ ผ่านอนิ เตอรเ์ น็ต การขายสนิ คา้ โดยผขู้ ายจดั สง่ แคต็ ตาลอ็ กสนิ คา้ ไปถงึ ผซู้ ้อื โดยตรง เป็นตน้ ซง่ึ ปจั จุบนั ไดร้ บั ความสนใจจากผซู้ อ้ื จานวนมากเน่ืองจากไดร้ บั ความสะดวกสบาย ไมต่ อ้ งเดนิ ทางไปถงึ สถานท่ี จาหน่าย 8. ครแู ละผเู้ รยี นยกตวั อยา่ งแนวโน้มการบรกิ าร จากการเปิดโลกการคา้ เสรี ธุรกิจบรกิ ารอยภู่ ายใตข้ อ้ ตกลง ว่าดว้ ยบรกิ ารของอาเซยี น หรอื AFTA (Asean Frameworks Agreement on Service) ได้กาหนดรอบเปิดเสรกี ารค้า ไว้ 12 สาขา ไดแ้ ก่ 1. สาขาบรกิ ารดา้ นธุรกจิ 7. สาขาการเงนิ 2. สาขาสอ่ื สาร 8. สาขาสขุ ภาพอนามยั และสง่ิ แวดลอ้ ม
3. สาขากอ่ สรา้ งและวศิ วกรรมเกย่ี วขอ้ ง 9. สาขาการทอ่ งเทย่ี วและทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเดนิ ทาง 4. สาขาจดั จาหน่าย 10. สาขานนั ทนาการ วฒั นธรรม และการกฬี า 5. สาขาการศกึ ษา 11. สาขาขนสง่ 6. สาขาสง่ิ แวดลอ้ ม 12. สาขาอ่นื ๆ 9. ครกู ลา่ วถงึ ธุรกจิ บรกิ ารในประเทศไทยสว่ นใหญ่เป็นวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม หรอื SMEs มี จุดออ่ นคอื ไมส่ ามารถออกไปทาธุรกจิ ในตา่ งประเทศ หน่วยงานของรฐั บาลโดยกรมพฒั นาธรุ กจิ การคา้ มเี ป้าหมายการ พฒั นาธุรกจิ SMEs โดยปฏบิ ตั ติ ามบนั ได 3 ขนั้ ดงั น้ี ขนั้ ท่ี 1 สรา้ งองค์ความรู้ ให้ผู้ประกอบการมศี กั ยภาพด้านการบรหิ ารจดั การ ซ่ึงการมคี วามรู้ด้านการ บรหิ ารจดั การ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถหาแนวทางเพ่ือให้ธุรกิจสามารถลดต้นทุน และเพิ่มรายได้ พรอ้ มทงั้ สง่ เสรมิ ความรดู้ า้ นกฎระเบยี บการประกอบธุรกจิ ในภูมภิ าคอาเซยี นแก่ผูป้ ระกอบการ เพ่อื เตรยี มความพรอ้ มสาหรบั การแขง่ ขนั ในระดบั สากล ขนั้ ท่ี 2 ยกระดบั มาตรฐานธุรกจิ ใหเ้ ทยี บเท่ามาตรฐานสากล โดยกรมพฒั นาธุรกจิ การคา้ จะจดั ทาเกณฑ์ คุณภาพธุรกจิ ให้เหมาะสมกบั ธุรกจิ แต่ละสาขา ศกึ ษาจุดแขง็ และจุดอ่อน เพ่อื หาทศิ ทางการพฒั นาปรบั ปรุงไดอ้ ย่าง ตรงประเดน็ โดยการจดั หาผเู้ ชย่ี วชาญใหค้ าปรกึ ษาเชงิ ลกึ แนะนาโดยวธิ ี on the job training ธรุ กจิ ทผ่ี ่านกระบวนการ ในการพฒั นาแลว้ จะมกี ารประเมนิ อกี ครงั้ หน่ึงวา่ จะสามารถยกระดบั สมู่ าตรฐานสากลไดห้ รอื ไม่ ขนั้ ท่ี 3 สรา้ งโอกาสทางการตลาด และเช่อื มโยงเครอื ขา่ ยธุรกจิ ส่สู ากล โดยการสนับสนุนให้ธุรกจิ มกี าร รวมตวั เป็นเครอื ขา่ ยธุรกจิ เพมิ่ ความหลากหลายการใหบ้ รกิ าร เพอ่ื ตอบสนอบความตอ้ งการของตลาดไดม้ ากขน้ึ 10. ครนู าสนิ คา้ มาแสดงใหผ้ เู้ รยี นดู และใหพ้ จิ ารณาวา่ หากนกั เรยี นเป็นผผู้ ลติ จงวางแผนการจดั จาหน่ายท่ี เหมาะสมทส่ี ดุ และบอกสง่ิ ทไ่ี ดร้ บั จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 11. นกั เรยี นศกึ ษารายละเอยี ดสนิ คา้ ทด่ี าเนินกจิ การโดยใชร้ ะบบสทิ ธทิ างการคา้ (Franchise) จานวน 1 ผลติ ภณั ฑ์ แลว้ ทาการวเิ คราะห์ ขอ้ ด-ี ขอ้ ดอ้ ย ของระบบการจดั จาหน่ายทด่ี าเนินกจิ การ และบอกสงิ่ ทไ่ี ดร้ บั จากการ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์ 12. ครถู ามคาถามหรอื กาหนดปญั หาโดยใหผ้ เู้ รยี นระดมสมองชว่ ยกนั คดิ หาคาตอบแลว้ อธบิ ายคาตอบให้ เพอ่ื นทุกคนในกลมุ่ ของตนเองเขา้ ใจ 13. ครใู ชว้ ธิ สี มุ่ ผเู้ รยี นทุกกลมุ่ ตอบคาถามและอธบิ ายใหเ้ พอ่ื นฟงั ทงั้ ชนั้ เรยี น 6.สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น วชิ าการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. รปู ภาพ 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4. แผน่ ใส 5. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส,์ สอ่ื VDO, สอ่ื PowerPoint 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7.หลกั ฐาน 1. บนั ทกึ การสอน
2. ใบเชค็ ชอ่ื 3. แผนจดั การเรยี นรู้ 4. การตรวจประเมนิ ผลงาน 8.การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครื่องมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรมู้ เี กณฑผ์ า่ น 50% 6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1. ฝึกทกั ษะโดยทากจิ กรรมใบงาน 2. อา่ นและทบทวน
กิจกรรมเศรษฐกิจพอเพียง รหสั วิชา ...2202-2004.......ชอ่ื วชิ า..การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร... หน่วยท่ี ......4...... ช่ือหน่วย .....วเิ คราะหส์ ถานการณก์ ารจดั จาหน่าย............ วตั ถปุ ระสงค์ ผู้เรียนสามารถทราบและนาความรู้เก่ียวกับการประกอบธุรกิจปจั จุบัน มีการแข่งขันสูง ผู้ประกอบการต้องมีการวางแผนการดาเนินงานท่ีเหมาะสม โดยใช้ข้อมูลท่ีแม่นยา การวิเคราะห์ สถานการณ์ทางการตลาด ช่วยใหผ้ ปู้ ระกอบการสามารถวางแนวทางการดาเนินกจิ การไดถ้ ูกต้อง และ ประสบความสาเรจ็ ในการประกอบธรุ กจิ ไดด้ ว้ ยตนเอง เงื่อนไข เง่ือนไขความรู้ เงื่อนไขคณุ ธรรม - ผู้เรยี นมคี วามรู้เกย่ี วกบั สถานการณ์ - ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายอย่าง ทางการการจดั จาหน่าย ถกู ตอ้ งซอ่ื สัตย์ - มราีคยววาชิ มารู้ ความเข้ าใจในเนื้ อห า - กมคาี รวเารมยี เนพแยี ลระพปยฏาบิ ยตั างิ มากนระตอื รอื ร้นใน - มคี วามรู้ในการเลอื กการวางแผนใช้ - ให้ความร่วมมือกับผู้อ่ืนด้วยความ ในชวี ติ ประจาวนั เต็มใจและจรงิ ใจ - มีค ว า ม รู้เกี่ย ว กับ ห ลัก ป รัช ญ า เศรษฐกิจพอเพียง และนามาปรบั ใช้ไดด้ ี หลกั พอเพียง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสร้างภมู ิค้มุ กนั ท่ีดี - ผู้เรียนจัดสรรเวลา - เห็ นความสามารถใน - มี ทัก ษ ะ ใ น ก า ร ต อ บ ในการฝึ กปฏิบัติไ ด้ การเลอื กเครอื่ งมอื คาถาม อยา่ งเหมาะสม - เห็ นความสาคัญ ของ - ส่ื อความหมายในการ
- ผู้ เ รี ย น รู้ จั ก ใ ช้ ก า ร น า ไ ป ใ ช้ ใ ห้ เกิด ใ ช้ ง า น ไ ด้ อ ย่ า ง มี อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ วั ส ดุ ประโยชนอ์ ยา่ งคุ้มคา่ ประสิทธภิ าพ - อยา่ งคุม่ คา่ - เ ลื อ ก ใ ช้ วั ส ดุ ใ ห้ ป ฏิบัติต น เป็ น ผู้ น า เหมาะสมงาน - กล้าซกั ถามปัญหาหรอื ข้อสงสัยต่างๆ อย่าง และผ้ตู ามทด่ี ี เป็ นเหตุเป็ นผล เป้ าหมายสมดลุ และพร้อมรบั การเปล่ียนแปลง 4 มิติ - ไคดว้บคุมอารมณ์ตนเอง ด้านวตั ถุ ด้านสงั คม ด้านส่ิงแวดล้อม ด้านวฒั นธรรม - ผู้เรียน ทาแบบฝึกหัด - ผู้เรยี น ได้มกี ารซกั ถาม - หลงั จากเลกิ เรยี น - ให้ผู้เรียน สามารถนา ผู้ เรีย น ช่ ว ย กัน ค ว า ม รู้ เ ก่ี ย ว กั บ ออนไลน์ ลดรายจ่ายใน ข้อสงสยั ระหว่างเรยี นกบั รั ก ษ า ค ว า ม สถานการณ์ทางการการจดั ก า ร ใช้ ก ร ะ ด า ษ แ ล ะ ครผู สู้ อน สะอาด ข อง ส า ม า ร ถ ป ร ะ ม ว ล ผ ล - ได้มีก ารแลก เป ล่ียน ห้ อ ง เรีย น น า จ าห น่ าย ไป เป็ น แ น ว ท าง คะแนนไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ความรกู้ บั เพอ่ื นรว่ มชนั้ ขยะ ทโ่ี ต๊ะ ใชไ้ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง - ไดต้ อบคาถามเป็นกลมุ่ เรยี นออกทง้ิ - ปเลิดกิ แเรอยีรน์ หลงั จาก - ประหยดั พลงั งาน ตารางวิเคราะหจ์ ดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จดุ ประสงคก์ ารสอน ทางสายกลาง หน่วยที่ 4 รวม เรือ่ งวิเคราหส์ ถานการณ์การจดั จาหน่าย ลาดับความสาคัญ 3 ห่วง 2 เง่อื นไข ความรู้ คณุ ธรรม พอประมาณ ีมเหตุผล ีมภ ิม ้คุมกันภู ิม ้คุมกัน รอบ ้รู รอบคอบ ระมัดระวัง ่ืซอสัตย์สุจ ิรต ขยันอดทน ีมส ิต ัปญญา แบ่ง ัปน
1.ความหมายการวางแผนนโยบายการจดั จาหน่าย / // / / / / / /91 2.แสดงความรเู้ กย่ี วกบั แนวโน้มการจดั จาหน่าย 3.การพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม // / / / / / / 82 รวม / / / / / / / / /91 ลาดบั ความสาคญั 2244442434 3311113121 ใบงานที่ 4.3 ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั 3. วางแผนนโยบายการจดั จาหน่ายได้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม จากสนิ คา้ ดา้ นลา่ ง หากนกั เรยี นเป็นผผู้ ลติ จงวางแผนการจดั จาหน่ายทเ่ี หมาะสมทส่ี ดุ .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ ส่ิงท่ีได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ ใบงานที่ 4.4 ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั 4. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั แนวโน้มการจดั จาหน่ายได้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม นกั เรยี นศกึ ษารายละเอยี ดสนิ คา้ ทด่ี าเนินกจิ การโดยใชร้ ะบบสทิ ธทิ างการคา้ (Franchise) จานวน 1 ผลติ ภณั ฑ์ แลว้ ทาการวเิ คราะห์ ขอ้ ด-ี ขอ้ ดอ้ ย ของระบบการจดั จาหน่ายทด่ี าเนินกจิ การ .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................
ส่ิงท่ีได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ แบบประเมินผลหลงั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนที่ 4 จงเลือกคาตอบที่ถกู ต้องที่สดุ เพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดจดั เป็นสถานการณ์ทางการตลาด 1. ผบู้ รโิ ภคเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมการซอ้ื สนิ คา้ 2. นกั เรยี นกลบั บา้ นโดยใชร้ ถประจาทาง 3. เกดิ อุบตั เิ หตุครงั้ ใหญ่บนถนน 4. โรงเรยี นจดั งานไหวค้ รทู ุกปีการศกึ ษา 5. พนกั งานสาวชอบจบั กลุ่มคยุ กนั ขณะทางาน 2. การวเิ คราะหส์ ถานการณ์ทางการตลาด มคี วามจาเป็นตอ้ ผปู้ ระกอบการตามขอ้ ใด 1. ชว่ ยใหท้ ราบศกั ยภาพของคแู่ ขง่ 2. ชว่ ยใหท้ ราบทศิ ทางการดาเนินกจิ การอยา่ งเหมาะสม 3. ชว่ ยใหข้ ยายกจิ การไดเ้ รว็ ขน้ึ 4. ชว่ ยใหท้ ราบถงึ คุณคา่ ของบุคลากร 5. ชว่ ยใหก้ าหนดตาแหน่งงานไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะทางประชากรศาสตร์ 1. กบเรยี นจบปรญิ ญาตรี 2. บวั ชอบนอนหลบั 3. แตงกวาเรยี นหนงั สอื เก่ง 4. กอ้ ยกนิ สม้ ตาทุกวนั 5. กุง้ เทย่ี วกลางคนื แลว้ ขาดเรยี น 4. กจิ การใดจะไดร้ บั ความนิยมจากผบู้ รโิ ภค 1. กจิ การทต่ี งั้ อยใู่ นทาเลทเ่ี หมาะสม 2. กจิ การทข่ี ายสนิ คา้ ราคาถกู 3. กจิ การทเ่ี ขา้ ถงึ ผบู้ รโิ ภคไดม้ ากทส่ี ดุ 4. กจิ การทไ่ี มท่ าลายสง่ิ แวดลอ้ ม 5. กจิ การทเ่ี สรมิ สรา้ งความเป็นไทย
5. ขอ้ ใดกลา่ วถกู เกย่ี วกบั การใชเ้ ทคโนโลยขี องผปู้ ระกอบการ 1. ควรใชเ้ ทคโนโลยใี หท้ นั สมยั มากทส่ี ดุ 2. ไมค่ วรนาเทคโนโลยมี าใชใ้ นกจิ การ 3. เลอื กใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมเพอ่ื ไมใ่ หส้ น้ิ เปลอื งและดแู ลรกั ษางา่ ย 4. เทคโนโลยไี มม่ คี วามจาเป็นต่อกจิ การ 5. เมอ่ื ใชเ้ ทคโนโลยรี ะดบั สงู ตอ้ งจาหน่ายสนิ คา้ ราคาแพง 6. สภาพแวดลอ้ มจุลภาคขอ้ ใดทผ่ี ปู้ ระกอบการควรพจิ ารณามากที่สดุ 1. ผขู้ ายวตั ถุดบิ 2. กลมุ่ ลกู คา้ 3. คนกลาง 4. คแู่ ขง่ ขนั 5. เจา้ หน้าทภ่ี ายในองคก์ ร 7. ผปู้ ระกอบการควรเลอื กใชค้ นกลางขอ้ ใดจงึ เหมาะสมทส่ี ดุ 1. คนกลางทท่ี นั สมยั 2. คนกลางทม่ี ฐี านะมนั่ คง 3. คนกลางทใ่ี หค้ วามรว่ มมอื กบั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การตลาดของกจิ การ 4. คนกลางทต่ี อ้ งการกาไรน้อย 5. คนกลางทไ่ี มข่ ายสนิ คา้ ของคแู่ ขง่ 8. กลมุ่ ลกู คา้ ใดทผ่ี ปู้ ระกอบการไม่ควรใหค้ วามสนใจ 1. มคี วามตอ้ งการสนิ คา้ 2. มคี วามจาเป็นตอ้ งใชส้ นิ คา้ 3. มอี านาจซอ้ื 4. มคี วามพงึ พอใจสนิ คา้ 5. เคยพบเหน็ สนิ คา้ แต่ยงั ไมส่ นใจ 9. ขอ้ ใดทผ่ี ปู้ ระกอบการควรทราบเกย่ี วกบั คแู่ ขง่ ขนั 1. ช่อื เจา้ ของกจิ การ 2. จานวนพนกั งาน 3. จุดอ่อนและจดุ แขง็ 4. ประโยชน์ของสนิ คา้ 5. ความสามารถของพนกั งานขาย 10. ขอ้ ใดไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การวเิ คราะหส์ ถานการณ์ การจดั จาหน่าย 1. บรษิ ทั ซงิ เกอร์ ประเทศไทย พจิ ารณาวา่ กจิ การสามารถสรา้ งความประทบั ใจแก่ลกู คา้ ไดห้ รอื ไม่ 2. บรษิ ทั ซาบนี ่า พจิ ารณาวา่ มสี นิ คา้ จาหน่ายทวั่ ถงึ หรอื ไม่ 3. บรษิ ทั ทปิ โก แอสฟลั ท์ พจิ ารณาวา่ มสี นิ คา้ สนองความตอ้ งการผบู้ รโิ ภคถงึ ทห่ี รอื ไม่ 4. บรษิ ทั ไทย เพรซเิ ดนทฟ์ ูดส์ พจิ ารณาวา่ พนกั งานขายคนใดทางานไดเ้ หมาะสมทส่ี ดุ 5. บรษิ ทั ทานตะวนั อุตสาหกรรม พจิ ารณาวา่ ควรจดั จาหน่ายสนิ คา้ แบบใด 11. การจดั จาหน่ายขอ้ ใดทก่ี จิ การควรปฏบิ ตั ิ 1. สง่ สนิ คา้ ไดร้ วดเรว็ ทส่ี ดุ 2. หบี หอ่ สนิ คา้ ใหส้ วยงามทส่ี ดุ 3. สง่ สนิ คา้ ถงึ มอื ผรู้ บั เฉพาะเวลากลางวนั เทา่ นนั้ 4. ผสู้ ง่ สนิ คา้ พดู จาสภุ าพ 5. จดั สง่ โดยไมค่ ดิ ราคาเพมิ่ 12. ขอ้ ใดหมายถงึ การจดั จาหน่ายทม่ี คี วามน่าเชอ่ื ถอื 1. สง่ สนิ คา้ ทนั ทที ส่ี งั่ 2. สง่ สนิ คา้ ภายในเวลาทก่ี าหนด 3. สนิ คา้ ถงึ มอื ผซู้ อ้ื ในสภาพทส่ี มบรู ณ์ 4. สง่ สนิ คา้ ตามรายการทส่ี งั่ 5. สง่ สนิ คา้ ในเวลาทเ่ี หมาะสม 13. การกระจายสนิ คา้ ใหท้ วั่ ถงึ มากทส่ี ดุ ชว่ ยขจดั ปญั หาขอ้ ใด
1. ตน้ ทนุ การจดั จาหน่าย 2. จานวนพนกั งานขาย 3. กาไรจากการจาหน่าย 4. การซอ้ื สนิ คา้ ทดแทน 5. การหยดุ ชะงกั ในการจดั จาหน่าย 14. การบรกิ ารใดทาใหผ้ บู้ รโิ ภคไดร้ บั ความพงึ พอใจสงู สดุ 1. มเี จา้ หน้าทร่ี บั คาสงั่ ซอ้ื ตลอดเวลา จดั สง่ ทนั ที 2. รบั คาสงั่ ซอ้ื เวลากลางคนื จดั สง่ เวลากลางวนั 3. จดั สง่ ภายใน 3 วนั หลงั การสงั่ ซอ้ื 4. จดั สง่ EMS ฟรี 5. สง่ ภายใน 1 สปั ดาห์ 15. สนิ คา้ ขอ้ ใด ควรมกี ารจดั จาหน่ายอยา่ งทวั่ ถงึ 1. สนิ คา้ อุตสาหกรรม 2. สนิ คา้ เปรยี บเทยี บซอ้ื 3. สนิ คา้ สะดวกซอ้ื 4. สนิ คา้ เฉพาะเจาะจงซอ้ื 5. สนิ คา้ ทเ่ี ป็นของมคี า่ 16. ขอ้ ใดเป็นจดุ อ่อนของการคา้ สง่ 1. มคี ลงั สนิ คา้ จานวนน้อย 2. คดิ กาไรสงู 3. บรกิ ารไมน่ ่าประทบั ใจ 4. ทาใหก้ ารจดั จาหน่ายชา้ ลง 5. ไมส่ ามารถควบคุมได้ 17. ระบบการคา้ ใดทาใหก้ ารคา้ สง่ หมดความสาคญั 1. การขายโดยพนกั งานขาย 2. การขายราคาถกู 3. การขายเฉพาะพน้ื ท่ี 4. ระบบสทิ ธทิ างการคา้ 5. การขายจานวนน้อย 18. กจิ การคา้ สง่ ควรปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ใดเพอ่ื ใหค้ วามเหมาะสมกบั ปจั จบุ นั 1. ศกึ ษาการดาเนินงานของคแู่ ขง่ เพอ่ื การวางแผนกลยุทธ์ 2. สง่ พนกั งานเขา้ ไปตดิ ต่อกบั ผผู้ ลติ 3. สง่ พนกั งานเขา้ ไปตดิ ต่อกบั รา้ นคา้ ปลกี 4. สรา้ งความสมั พนั ธด์ กี บั ผบู้ รโิ ภค 5. ตงั้ กาไรน้อยลงเพอ่ื การขายปรมิ าณมาก 19. ขอ้ ใดกลา่ วถกู เกย่ี วกบั การคา้ ปลกี ในปจั จุบนั 1. มกั ตงั้ รา้ นคา้ เฉพาะในเมอื งใหญ่ ๆ 2. เน้นขายสนิ คา้ โดยไมม่ กี ารสง่ เสรมิ การขาย 3. รา้ นคา้ ปลกี ขนาดใหญ่ดาเนินกจิ การไดม้ ปี ระสทิ ธภิ าพกวา่ รา้ นขนาดเลก็ 4. รา้ นคา้ ขนาดเลก็ พยายามอานวยความสะดวกดา้ นทจ่ี อดรถ 5. เน้นการขายแบบไมม่ รี า้ นคา้ 20. ขอ้ ใดเป็นจดุ อ่อนของธุรกจิ บรกิ ารในประเทศไทย 1. ตน้ ทุนสงู 2. ผปู้ ระกอบการขาดความรู้ 3. ผปู้ ระกอบการไมใ่ หค้ วามสนใจ 4. ไมส่ ามารถออกไปทาธุรกจิ ในตา่ งประเทศได้ 5. ขาดการสง่ เสรมิ ทด่ี ี
บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. วชิ า การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 10 สปั ดาหท์ ่ี 7-8 หน่วยท่ี 5 รหสั วชิ า 2202-2004 เวลา 4 ชวั่ โมง เรอ่ื ง ตลาดเป้าหมาย ความรเู้ กย่ี วกบั ตลาดเป้าหมาย 1.สาระสาคญั การผลิตสินค้าหรือบริการ ไม่สามารถสนองความต้องการและสนอ งความพึงพอใจผู้ซ้ือได้ทัง้ หมด ผปู้ ระกอบการจงึ ตอ้ งแบง่ ผูซ้ อ้ื ออกเป็นสว่ น แลว้ เลอื กตลาดเป้าหมาย สาหรบั การนาสนิ คา้ หรอื บรกิ ารไปจาหน่าย และ เม่ือได้เลอื กตลาดเป้าหมายแล้ว จะต้องทาการศึกษารายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายนัน้ เพ่ือเป็นข้อมูลสาหรบั การ วางแผนกลยุทธบ์ รหิ ารสว่ นประสมทางการตลาด 2.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ตลาดเป้าหมายได้ 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ตลาดผบู้ รโิ ภคได้ 3. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง 3.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์
3.2 ความมวี นิ ยั 3.3 ความรบั ผดิ ชอบ 3.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 3.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง 3.6 การประหยดั 3.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 3.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั 3.9 ความรกั สามคั คี 3.10 ความกตญั ญกู ตเวที 3.สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การและกระบวนการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั สถานการณ์ทางการตลาด และตลาดเป้าหมาย 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั กฎหมาย และองคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 4. วางแผนและจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ ารตามหลกั การ 5. ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 4.เนื้อหาสาระ 1. ความรเู้ กย่ี วกบั ตลาดเป้าหมาย 2. ตลาดผบู้ รโิ ภค 5.กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1. ครกู ล่าวถงึ ตลาดเป้าหมาย (Target market) หมายถงึ กลุ่มท่ธี ุรกจิ เลอื กเพ่อื นาสนิ คา้ หรอื บรกิ ารเขา้ ไป จาหน่าย เน่ืองจากในตลาดมผี ซู้ อ้ื จานวนมาก แต่ละคนมคี วามตอ้ งการทแ่ี ตกต่างกนั การทผ่ี ผู้ ลติ จะสามารถสนองความ ตอ้ งการของผซู้ อ้ื ใหค้ รบทุกคนเป็นเรอ่ื งทท่ี าไดย้ าก จงึ ตอ้ งมกี ารกาหนดกลุม่ เป้าหมาย เพ่อื วางแผนกลยุทธก์ ารบรหิ าร สว่ นประสมทางการตลาดไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2. ครแู ละผเู้ รยี นยกตวั อยา่ งตลาดเป้าหมาย ขนั้ สอน 3. ครอู ธบิ ายความรเู้ กย่ี วกบั ตลาดเป้าหมาย และขนั้ ตอนการกาหนดตลาดเป้าหมาย มดี งั น้ี 1) การแบ่งส่วนตลาด (Segmenting) เป็นการแบ่งผู้ซ้ือออกเป็นกลุ่ม โดยใช้ตวั แปรท่ีสาคญั มาเป็น เกณฑใ์ นการแบง่ ไดแ้ ก่ - ภูมศิ าสตร์ แบ่งผู้ซ้อื โดยใชส้ ถานท่เี ป็นเกณฑ์ในการแบ่ง เช่น การแบ่งผู้ซ้อื ออกเป็น ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ เป็นตน้ - ประชากรศาสตร์ แบ่งผู้ซ้อื โดยพจิ ารณาลกั ษณะทางประชากรศาสตร์ เช่น อายุ เพศการศกึ ษา รายได้ อาชพี เป็นตน้ - จติ วทิ ยา แบ่งผูซ้ ้อื โดยพจิ ารณาเก่ยี วกบั การดารงชวี ติ หรอื อาจพจิ ารณาจากความแตกต่างดา้ น บุคลกิ ลกั ษณะ เชน่ การแบง่ ผซู้ อ้ื ตามคา่ นิยม รปู แบบการดารงชวี ติ ชนั้ ของสงั คม เป็นตน้
- พฤตกิ รรม แบ่งโดยใชห้ ลกั เกณฑค์ วามรู้ ทศั นคติ การใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ การตอบสนองต่อคุณลกั ษณะ ของผลติ ภณั ฑ์ เชน่ โอกาสในการซอ้ื ปรมิ าณการซอ้ื เป็นตน้ 2) กาหนดตลาดเป้ าหมาย (Targeting) เป็นการประเมินเลือกตลาดส่วนหน่ึง หรือมากกว่า เป็น เป้าหมาย เพ่อื นาสนิ คา้ เขา้ จาหน่าย เช่น ผูผ้ ลติ ชอ็ กโกแลต เลอื กกลุ่มเป้าหมายท่มี อี ายุไม่เกนิ 20 ปี ผูผ้ ลติ ชุดชนั้ ใน สตรี เลอื กกลมุ่ เป้าหมายทเ่ี ป็นผหู้ ญงิ เป็นตน้ 3) กาหนดตาแหน่งผลติ ภณั ฑ์ (Positioning) เป็นการสรา้ งลกั ษณะเด่นของผลติ ภณั ฑ์ ทค่ี าดวา่ ตรงกบั ความตอ้ งการของผูซ้ ้อื แลว้ นามาเสนอใหก้ ลุ่มเป้าหมายรบั รู้ และจดจาตาแหน่งของผลติ ภณั ฑ์ เช่น ผลติ ภณั ฑ์ SK II เน้นทค่ี ุณภาพของสนิ คา้ จาหน่ายราคาสงู เป็นตน้ 4. ครบู อกลกั ษณะของตลาดผบู้ รโิ ภค มดี งั น้ี 1) ผู้ซ้อื ผู้ซ้อื สนิ ค้าในตลาดผู้บรโิ ภค เป็นผู้บรโิ ภคคนสุดท้าย ซ้อื สนิ ค้าเพ่อื สนองความต้องการของ ตนเอง หรอื บคุ คลในครอบครวั 2) วธิ กี ารและลกั ษณะการซ้อื ผูบ้ รโิ ภคซ้อื สนิ คา้ ครงั้ ละไม่มาก ใหม้ จี านวนเพยี งพอต่อความต้องการ การซอ้ื ขายเป็นแบบกนั เอง ไมม่ พี ธิ กี าร 3) จานวนผบู้ รโิ ภค ผบู้ รโิ ภคมอี ยจู่ านวนมาก และกระจดั กระจายอยทู่ วั่ ไป 4) เหตุจงู ใจในการซอ้ื ผบู้ รโิ ภคตดั สนิ ใจซอ้ื สนิ คา้ จากเหตุผล 2 ประการ คอื 4.1 เหตุจงู ใจซอ้ื ดา้ นเหตผุ ล เป็นเหตุผลของการซอ้ื ทผ่ี บู้ รโิ ภคมกี ารเปรยี บเทยี บผลดี ผลเสยี ของการซอ้ื กอ่ นการตดั สนิ ใจซอ้ื สง่ิ ทน่ี ามาพจิ ารณา ไดแ้ ก่ -ความประหยดั สนิ คา้ ทอ่ี ยใู่ นชว่ งการลดราคา หรอื คุณสมบตั ขิ องสนิ คา้ ชว่ ยใหผ้ บู้ รโิ ภคประหยดั ค่าใชจ้ ่ายลงได้ เช่น เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าเบอร์ 5 ช่วยประหยดั ไฟ ผงซกั ฟอกท่มี คี วามเขม้ ขน้ ทาใหไ้ ม่เปลอื งเพราะใชใ้ น ปรมิ าณน้อย เป็นตน้ -ความคงทน ผบู้ รโิ ภคพจิ ารณาถงึ คณุ ภาพของสนิ คา้ ทม่ี คี วามแขง็ แรง ทนทาน มอี ายใุ ชง้ านนาน -ความน่าเช่อื ถอื สนิ คา้ ทม่ี กี ารรบั ประกนั ชว่ ยสรา้ งความน่าเชอ่ื ถอื แกผ่ บู้ รโิ ภคได้ -ความสามารถในการใชง้ าน สนิ คา้ ทส่ี ามารถทางานไดห้ ลากหลาย เช่น หมอ้ หุงขา้ ว ทน่ี อกจาก ใชห้ ุงขา้ วแลว้ ยงั สามารถ ทาเป็นหมอ้ ตุ๋น หรอื บอาหารไดอ้ กี ดว้ ย เป็นตน้ -ความสะดวก ผบู้ รโิ ภคตดั สนิ ใจซ้อื สนิ คา้ เพราะจะไดร้ บั ความสะดวกจากการไดใ้ ชส้ นิ คา้ นนั้ เช่น เคร่อื งซกั ผา้ ทาใหไ้ ม่ ตอ้ งซกั ผ้าด้วยมอื เคร่อื งคอมพวิ เตอรช์ ่วยใหท้ างานได้เรว็ ขน้ึ เคร่อื งเตรยี มอาหารเชา้ ลดความยุ่งยากในการเตรยี ม อาหาร เป็นตน้ -ความคุม้ ค่า สนิ คา้ ท่ซี ้อื ต้องคุม้ ค่ากบั เงนิ ท่จี ่ายไป ซ่งึ บางครงั้ อาจไม่ใชส้ นิ คา้ ราคาถูกเสมอไป อาจจา่ ยแพงกวา่ แต่ผบู้ รโิ ภคพจิ ารณาสง่ิ ทไ่ี ดร้ บั เชน่ การซอ้ื เตาไมโครเวฟ 2 ยห่ี อ้ ทม่ี คี ณุ สมบตั เิ หมอื นกนั ยห่ี อ้ หน่ึงมี ของแถม แต่ราคาสงู กวา่ สว่ นอกี ยห่ี อ้ หน่ึง ราคาต่ากวา่ แต่ไม่มขี องแถม ผบู้ รโิ ภคจะพจิ ารณาดว้ ยตนเอง วา่ ซ้อื สนิ คา้ ยห่ี อ้ ใดจงึ คมุ้ คา่ กวา่ กนั 4.2 เหตุจูงใจซ้อื ด้านอารมณ์ เป็นสาเหตุของการตดั สนิ ใจซ้อื โดยใชค้ วามรสู้ กึ เป็นสงิ่ สาคญั ในการ ตดั สนิ ใจซอ้ื ไดแ้ ก่ -การตอบสนองประสาทสมั ผสั ทงั้ 5 ไดแ้ ก่ การมองเหน็ การไดช้ มิ การดมกลน่ิ การได้ยนิ และ การสมั ผสั ทาใหเ้ กดิ ความรูแ้ ละต้องการสนิ ค้าชนิดนัน้ เช่น ผูห้ ญิงตดั สนิ ใจซ้อื กระเป๋ าถอื ได้มองเหน็ และเป็นแบบท่ี ชอบ เป็นตน้ - ความบนั เทงิ เชน่ การซอ้ื บตั รชมการแสดง การซอ้ื บตั รเขา้ ชมภาพยนตร์ เป็นตน้
- ต้องการให้สงั คมยอมรบั เช่น การซ้อื โทรศพั ท์มอื ถอื ท่เี ป็นท่นี ิยม การซ้อื เสอ้ื ผา้ แบรนด์เนม เป็นตน้ - ตอ้ งการเอาชนะผอู้ ่นื เชน่ การซ้อื รถยนตค์ นั หรู เครอ่ื งประดบั ราคาแพง เพราะตอ้ งการใหเ้ หนือ คนอ่นื ในกลมุ่ เป็นตน้ - ตอบสนองความกลวั ซ้อื สนิ คา้ เพราะคาดว่าสนิ คา้ นัน้ จะช่วยใหผ้ ูซ้ ้อื ไดร้ บั ความปลอดภยั เช่น เครอ่ื งตดั ไฟ สญั ญาณกนั ขโมย เครอ่ื งดบั เพลงิ เป็นตน้ - อ่นื ๆ เชน่ ความสงสาร ความอยากรอู้ ยากเหน็ เป็นตน้ 5) โอกาสในการซ้อื ผูบ้ รโิ ภคตดั สนิ ใจซ้อื สนิ ค้าเม่อื สนิ คา้ หมด และพงึ พอใจกบั การจดั การสว่ นประสม ทางการตลาดทส่ี ามารถกระตุน้ ใหผ้ บู้ รโิ ภคเกดิ ความตอ้ งการ เช่น ซอ้ื เม่อื สนิ คา้ ลดราคา ซอ้ื เมอ่ื มกี ารพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ ไดต้ รงกบั ความตอ้ งการ เป็นตน้ 5. ครบู อกกระบวนการในการตดั สนิ ใจซอ้ื การตดั สนิ ใจซอ้ื ของผบู้ รโิ ภค มกี ระบวนการดงั น้ี 1) ตระหนักถึงปญั หา ผู้บรโิ ภคมกั เกิดความต้องการสนิ ค้าเม่ือเกิดปญั หาข้นึ เช่น เม่ือรู้สกึ หิว จะ ตอ้ งการอาหาร เม่อื รสู้ กึ ไม่สบาย จะตอ้ งการยารกั ษาโรค เม่อื รสู้ กึ ลาบากในการเดนิ ทาง จะหาซ้อื ยานพาหนะ เพ่อื ให้ การเดนิ ทางสะดวกขน้ึ เป็นตน้ 2) ค้นหาข้อมูล เม่ือเกิดความต้องการหรือตระหนักถึงปญั หา ผู้บริโภคจะเร่ิมค้นหาสิ่งท่ีจะช่วย แกป้ ญั หาได้ แหลง่ ขอ้ มลู ทผ่ี บู้ รโิ ภคสามารถคน้ หาได้ มดี งั น้ี 2.1 แหล่งบุคคล ได้แก่การสอบถามขอ้ มูลจากคนในครอบครวั เพ่อื น หรอื คนรจู้ กั ท่สี ามารถตอบ ขอ้ มลู เก่ยี วกบั สง่ิ ท่ผี ูบ้ รโิ ภคกาลงั สนใจ เช่น เม่อื สาววยั รุน่ ประสบปญั หาเร่อื งสวิ อาจสอบถามขอ้ มลู สงิ่ ทจ่ี ะช่วยรกั ษา สวิ จากพส่ี าว เพอ่ื นในหอ้ งเรยี น หรอื คนรจู้ กั ทส่ี ามารถบอกขอ้ มลู ได้ เป็นตน้ 2.2 แหล่งการคา้ ไดแ้ ก่ แหล่งท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั การคา้ เช่น งานจดั แสดงสนิ คา้ พนักงานขาย รา้ นคา้ สอ่ื โฆษณา หรอื อา่ นจากบรรจภุ ณั ฑข์ องสนิ คา้ เป็นตน้ 2.3 แหลง่ ชุมชน ไดแ้ ก่ องคก์ รทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั สนิ คา้ เชน่ องคก์ รคุม้ ครองผบู้ รโิ ภค เป็นตน้ 2.4 แหลง่ ประสบการณ์ ไดแ้ ก่ การคน้ หาจากประสบการณ์เดมิ ทเ่ี คยใชส้ นิ คา้ แลว้ สนิ คา้ นนั้ สามารถ แกป้ ญั หาได้ 2.5 แหล่งทดลอง ไดแ้ ก่ หน่วยงานท่ที าการวจิ ยั หรอื สารวจคุณภาพของสนิ คา้ หรอื ประสบการณ์ ตรงของผอู้ ่นื ทเ่ี คยทดลองใชส้ นิ คา้ นนั้ มาแลว้ 3) ประเมนิ ทางเลอื ก หลงั จากผู้บรโิ ภคได้ค้นควา้ ขอ้ มูลเก่ยี วกบั สนิ ค้า ซ่ึงจากจะหาขอ้ มูลจากสนิ ค้า หลาย ๆ ยห่ี อ้ จากหลายแหลง่ ขอ้ มลู จะนาขอ้ มลู มาพจิ ารณา เพอ่ื ตดั สนิ ใจเลอื กซอ้ื อยา่ งเหมาะสม 4) ตดั สนิ ใจซอ้ื หลงั จากนาขอ้ มลู มาพจิ ารณาเปรยี บเทยี บ และประเมนิ จนพบทางเลอื กทเ่ี หมาะสมแลว้ จงึ ตดั สนิ ใจซอ้ื สนิ คา้ ตามทต่ี อ้ งการ 5) ความรสู้ กึ หลงั การซอ้ื หลงั จากการซอ้ื สนิ คา้ และไดใ้ ชส้ นิ คา้ นนั้ แลว้ ผบู้ รโิ ภคจะมปี ระสบการณ์การใช้ สนิ คา้ เกย่ี วกบั ความพอใจ หรอื ความไมพ่ อใจ ซง่ึ หากพอใจผบู้ รโิ ภคกจ็ ะเป็นลกู คา้ ตอ่ ไป 6. ผเู้ รยี นพจิ ารณาสนิ คา้ ทค่ี รกู าหนดให้ แลว้ พจิ ารณาวา่ ตลาดเป้าหมายของสนิ คา้ เหลา่ นนั้ คอื ใคร และ สงิ่ ทไ่ี ดร้ บั จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมบอก 7. ใหผ้ เู้ รยี นพจิ ารณารปู ภาพ จงแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั เหตุจงู ใจในการตดั สนิ ใจซอ้ื ของผบู้ รโิ ภค วา่ เป็น เหตุจงู ใจซอ้ื ดา้ นใด จงอธบิ ายพรอ้ มเหตผุ ลประกอบ ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์
8. ครแู ละผเู้ รยี นสรปุ ความรเู้ กย่ี วกบั ตลาดเป้าหมาย และตลาดผบู้ รโิ ภค 9. ผเู้ รยี นแสดงตวั อยา่ งตลาดเป้าหมายและตลาดผบู้ รโิ ภค 6.สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น วชิ าการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. รปู ภาพ 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4. แผน่ ใส 5. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส,์ สอ่ื VDO และสอ่ื PowerPoint 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
7.หลกั ฐาน 1. บนั ทกึ การสอน 2. ใบเชค็ ช่อื 3. แผนจดั การเรยี นรู้ 4. การตรวจประเมนิ ผลงาน 8.การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่อื งมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรมู้ เี กณฑผ์ า่ น 50% 6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ การวเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) 1. ทางสายกลาง (The middle path) : พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุม้ กนั ที่ดีในตวั 2.เง่ือนไข (Condition) : ความรู้และคุณธรรม หลกั ความพอประมาณ (Moderation) หมายถึง พอประมาณ หมายถึง ความพอดี ที่ไม่มากและไม่นอ้ ยจนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเอง และผอู้ ื่น เช่น การผลิตและการบริโภคท่ีพอประมาณ
หลกั ความมีเหตุผล (Reasonableness) หมายถึง การใช้หลักเหตุผลในการตัดสินใจเร่ืองต่างๆ โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนผลท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนอยา่ งรอบคอบ หลกั การมีภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดี (Self - awareness) หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับต่อผลกระทบท่ีเกิดข้ึนจากการเปล่ียนแปลงรอบตวั ปัจจยั เหล่าน้ีจะ เกิดข้ึนไดน้ ้นั จะตอ้ งอาศยั ความรู้ และคุณธรรม เป็นเงื่อนไขพ้ืนฐาน หลกั เง่ือนไขความรู้ (Knowledge) หมายถึงความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั ในการดาเนินชีวติ และการประกอบการงาน กิจกรรมเสนอแนะ 1. แนะนาใหฝ้ ึกทกั ษะในกจิ กรรมใบงาน 2. อ่านและทบทวนเน้ือหา
กิจกรรมเศรษฐกิจพอเพียง รหสั วิชา ...2202-2004.......ชอ่ื วชิ า..การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร... หน่วยท่ี ......5...... ชื่อหน่วย .....ความรเู้ กยี่ วกบั ตลาดเป้ าหมาย............ วตั ถปุ ระสงค์ ผูเ้ รยี นสามารถทราบและนาความรเู้ ก่ยี วกบั การผลติ สนิ คา้ หรอื บรกิ ารไปเป็นแนวทาง ความรู้ และใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้ ว่า ซง่ึ ไม่สามารถสนองความตอ้ งการและสนองความพงึ พอใจผซู้ อ้ื ไดท้ งั้ หมด ผปู้ ระกอบการจงึ ตอ้ งแบ่งผซู้ อ้ื ออกเป็นสว่ น แลว้ เลอื กตลาดเป้าหมาย สาหรบั การนาสนิ คา้ หรอื บรกิ ารไป จาหน่าย และเมอ่ื ไดเ้ ลอื กตลาดเป้าหมายแลว้ จะตอ้ งทาการศกึ ษารายละเอยี ดของกลุม่ เป้าหมายนนั้ เพอ่ื เป็นขอ้ มลู สาหรบั การวางแผนกลยทุ ธบ์ รหิ ารสว่ นประสมทางการตลาด เง่ือนไข เงื่อนไขความรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม - เมผปีู้ค้เารวหี ยามมนายรมู้ ี ค ว า ม รู้ เก่ี ย วกับ ต ล าด - ถปมคกูีฏตวิบา้อัตมงิงเซพาอื่ นยี สรทัตพี่ไยยด์ า้รยบั ามมอกบระหตมอื ารยอื รอ้นยใ่านง - รายวชิ า ความเข้ าใ จในเนื้ อ หา - การเรยี นและปฏบิ ตั งิ าน - มคี วามรู้ในการเลอื กการวางแผนใช้ - ให้ความร่วมมือกับผู้อ่ืนด้วยความ ในชวี ติ ประจาวนั เต็มใจและจรงิ ใจ - มีค ว า ม รู้เกี่ย ว กับ ห ลัก ป รัช ญ า เศรษฐกิจพอเพียง และนามาปรบั ใช้ไดด้ ี หลกั พอเพียง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสรา้ งภมู ิค้มุ กนั ท่ีดี - ใผนู้ เรกียานร ฝจึ ัดกสปรฏริบเัตวิไลดา้ - เห็ นความสามารถใน - มีทัก ษ ะใน ก ารต อ บ - อยา่ งเหมาะสม ผู้ เ รี ย น รู้ จั ก ใ ช้ การเลอื กเครอื่ งมอื คาถาม - เห็ นความสาคัญ ของ - ส่ื อความหมายในการ ก า ร น า ไ ป ใ ช้ ใ ห้ เกิด ใ ช้ ง า น ไ ด้ อ ย่ า ง มี อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ วั ส ดุ ประโยชนอ์ ยา่ งคุ้มคา่ ประสิทธภิ าพ - อยา่ งคุม่ คา่ - เ ลื อ ก ใ ช้ วั ส ดุ ใ ห้ ป ฏิบัติต น เป็ น ผู้ น า เหมาะสมงาน - กล้าซกั ถามปัญหาหรอื ข้อสงสัยต่างๆ อย่าง และผ้ตู ามทดี่ ี เป็ นเหตุเป็ นผล เป้ าหมายสมดลุ และพร้อมรบั การเปล่ียนแปลง 4 มิติ - ไคดว้บคุมอารมณ์ตนเอง ด้านวตั ถุ ด้านสงั คม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านวฒั นธรรม
- ผู้เรียน ทาแบบฝึกหัด - ผู้เรยี น ได้มกี ารซกั ถาม - หลงั จากเลกิ เรยี น - ให้ผู้เรียน สามารถนา ผู้ เรีย น ช่ ว ย กัน ค ว า ม รู้เก่ี ย ว กั บ ต ล า ด ออนไลน์ ลดรายจ่ายใน ขอ้ สงสยั ระหว่างเรยี นกบั รั ก ษ า ค ว า ม เป้าหมายไปใชไ้ ดถ้ กู ตอ้ ง ก า ร ใช้ ก ร ะ ด า ษ แ ล ะ ครผู สู้ อน สะอาด ข อง ส า ม า ร ถ ป ร ะ ม ว ล ผ ล - ได้มีก ารแลก เป ล่ียน ห้ อ ง เรีย น น า คะแนนไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ความรกู้ บั เพอ่ื นรว่ มชนั้ ขเรยยี ะนออกทง้ิ ท่โี ต๊ะ - ไดต้ อบคาถามเป็นกลมุ่ - เปลิดกิ แเรอยีรน์ หลงั จาก - ประหยดั พลงั งาน ตารางวิเคราะหจ์ ดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จดุ ประสงคก์ ารสอน ทางสายกลาง หน่วยที่ 5 รวม เร่ืองความรเู้ กี่ยวกบั ตลาดเป้ าหมาย ลาดับความสาคัญ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ความรู้ คณุ ธรรม พอประมาณ ีมเหตุผล ีมภ ิม ้คุมกันภู ิม ้คุมกัน รอบ ้รู รอบคอบ ระมัดระวัง ่ืซอสัตย์สุจ ิรต ขยันอดทน ีมส ิต ัปญญา แบ่ง ัปน 1.ความหมายความรเู้ กย่ี วกบั ตลาดผบู้ รโิ ภค / // / / / / / /91 2.แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ตลาดเป้าหมาย 3.ความหมายตลาดเป้าหมายสนิ คา้ อุตสาหกรรม // / / / / / / 82 4.ลกั ษณะของตลาดผบู้ รโิ ภค 5.กระบวนการในการตดั สนิ ใจซอ้ื / / / / / / / / /91 6.ตลาดสนิ คา้ อตุ สาหกรรม ////// / / 82 รวม / //////// 82 / //////// 91 4566665554
ลาดบั ความสาคญั 3211112223 ใบงานท่ี 5.1 ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ตลาดเป้าหมายได้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม จงพจิ ารณาสนิ คา้ ในตารางดา้ นลา่ ง แลว้ พจิ ารณาวา่ ตลาดเป้าหมายของสนิ คา้ เหลา่ นนั้ คอื ใคร โดยเตมิ ลงใน ชอ่ งวา่ ง สินค้า ตลาดเป้ าหมาย
ส่ิงท่ีได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................... ใบงานท่ี 5.2 ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ตลาดผบู้ รโิ ภคได้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม ช่วยให้ประหยดั เวลา หม้อน่ึงไฟฟ้ าอเนกประสงค์ shop108 - รนุ่ DZG-303 กาลงั ไฟ 220 วตั ต์ น้าหนกั 1.46 กก. ตงั้ เวลาประกอบอาหารได้ 60 นาที ชว่ ยใหป้ ระหยดั เวลาในการ ประกอบอาหารพรอ้ มถาดเอนกประสงค์ และถาดหลุมตม้ ไข่ ประกอบอาหารได้ หลากหลายทงั้ คาวและหวาน ดว้ ยถาดน่ึง2ชนั้ สามารถน่ึงอาหารไดพ้ รอ้ มกนั ชว่ ย ประหยดั เวลาในการทาอาหาร รบั ประกนั 6 เดอื น โดย Khong108 จากภาพ จงแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั เหตุจงู ใจในการตดั สนิ ใจซอ้ื ของผบู้ รโิ ภค วา่ เป็นเหตุจงู ใจซอ้ื ดา้ นใด จงอธบิ ายพรอ้ มเหตุผลประกอบ .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. สิ่งที่ได้รบั จากการ ปฏิบตั ิกิจกรรม ........................................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................... บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาที่พบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
วชิ า การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 11 สปั ดาหท์ ่ี 9-11 หน่วยท่ี 6 รหสั วชิ า 2202-2004 เวลา 8 ชวั่ โมง เรอ่ื ง การขนสง่ ความรเู้ กย่ี วกบั การขนสง่ 1.สาระสาคญั การขนส่งมคี วามสาคญั สาหรบั การประกอบธุรกจิ การขนสง่ ช่วยให้โรงงานมวี ตั ถุดบิ และเคร่อื งมอื สาหรบั การ ผลติ และทาใหผ้ ูบ้ รโิ ภคไดใ้ ชส้ นิ คา้ ทนั ทเี ม่อื เกดิ ความตอ้ งการ การขนส่งทาใหเ้ กดิ ต้นทุน ผูผ้ ลติ จงึ จาเป็นตอ้ งศกึ ษา รายละเอยี ดของการขนสง่ แต่ละรปู แบบ เพอ่ื การเลอื กใชอ้ ยา่ งเหมาะ กอ่ ใหเ้ กดิ ตน้ ทนุ ต่าสดุ 2.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ความรเู้ กย่ี วกบั การขนสง่ ได้ 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั บทบาทของการขนสง่ ทม่ี ตี อ่ การจดั จาหน่ายได้ 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ประเภทของการขนสง่ ได้ 4. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั การขนสง่ โดยบุคคลทส่ี ามได้ 5. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั การใชบ้ รกิ ารภายนอกกบั การขนสง่ ได้ 6. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ตน้ ทุนคา่ ขนสง่ สาหรบั รปู แบบการขนสง่ ต่าง ๆ ได้ 7. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั การพจิ ารณาเลอื กวธิ กี ารขนสง่ ได้ 8. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง 8.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 8.2 ความมวี นิ ยั 8.3 ความรบั ผดิ ชอบ 8.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 8.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 8.6 การประหยดั 8.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 8.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั 8.9 ความรกั สามคั คี 8.10 ความกตญั ญกู ตเวที 3.สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การและกระบวนการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั สถานการณ์ทางการตลาด และตลาดเป้าหมาย 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั กฎหมาย และองคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 4. วางแผนและจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ ารตามหลกั การ 5. ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร
4.เนื้อหาสาระ 1. ความรเู้ กย่ี วกบั การขนสง่ 2. บทบาทของการขนสง่ ทม่ี ตี อ่ การจดั จาหน่าย 3. ประเภทของการขนสง่ 4. การขนสง่ โดยบุคคลทส่ี าม 5. การใชบ้ รกิ ารภายนอกกบั การขนสง่ 6. ตน้ ทุนคา่ ขนสง่ สาหรบั รปู แบบการขนสง่ ต่าง ๆ 7. การพจิ ารณาเลอื กวธิ กี ารขนสง่ 5.กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1. ครูและผู้เรยี นสนทนากนั เก่ียวกบั การเดินทางไปมาทุกวนั น้ี เพ่ือเช่อื มโยงเข้าสู่ระบบการขนส่ง ว่ามี ความสาคญั และเกย่ี วขอ้ งในชวี ติ ประจาวนั ของมนุษย์ และของผปู้ ระกอบการธรุ กจิ อยา่ งไรบา้ ง 2. ครูอภิปรายถึงการขนส่ง (Transportation) หมายถึง กระบวนการเคล่ือนย้ายบุคคลหรอื สินค้าด้วย อุปกรณ์การขนสง่ จากสถานทห่ี น่ึงไปยงั อกี สถานทห่ี น่งึ เพอ่ื ใหเ้ กดิ อรรถประโยชน์ดา้ นเวลาและสถานท่ี 3. ผเู้ รยี บอกความสาคญั ของการขนสง่ มคี วามสาคญั ต่อการจดั จาหน่าย เน่ืองจากการขนสง่ ช่วยนาสนิ คา้ จากแหลง่ ผลติ ไปจนถงึ มอื ผบู้ รโิ ภค ทาใหไ้ ดร้ บั ความสะดวก และสนองความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคไดอ้ ยา่ งทนั เวลา ขนั้ สอน 4. ครอู ธบิ ายความรเู้ กย่ี วกบั การขนสง่ และบอกหน้าทข่ี องการขนสง่ มดี งั น้ี 1) ทาใหเ้ กดิ การผลติ และการบรโิ ภค ดา้ นการผลติ การขนสง่ ชว่ ยใหป้ จั จยั การผลติ ซง่ึ อยตู่ ามสถานท่ี ต่าง ๆ มารวมกนั เพอ่ื กอ่ ใหเ้ กดิ การผลติ และดา้ นการบรโิ ภค การขนสง่ ชว่ ยเคล่อื นยา้ ยสนิ คา้ สาเรจ็ รปู จากแหล่งผลติ ออกสตู่ ลาด ตาม ความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค ซง่ึ ทาใหไ้ ดร้ บั ความสะดวกดา้ นเวลาและสถานท่ี 2) ทาใหเ้ กดิ การเช่อื มต่อระหวา่ งสถานท่ี การขนสง่ ชว่ ยใหส้ ถานทห่ี รอื พน้ื ทท่ี อ่ี ยหู่ า่ งไกลกนั สามารถ ตดิ ต่อกนั ได้ ดว้ ยการเดนิ ทางหรอื การขนสง่ ก่อใหเ้ กดิ การเชอ่ื มต่อกนั ไดอ้ ยา่ งสะดวก 3) ทาใหเ้ กดิ อรรถประโยชน์ดา้ นเวลาและสถานท่ี อรรถประโยชน์ดา้ นสถานท่ี คอื การขนสง่ ทาใหเ้ กดิ การเคลอ่ื นยา้ ยสนิ คา้ ทม่ี รี าคาต่าในทห่ี น่งึ ไปยงั แหลง่ ทม่ี คี นตอ้ งการสนิ คา้ ทาใหร้ าคาสนิ คา้ สงู ขน้ึ 5. ครอู ธบิ ายบทบาทของการขนสง่ ทม่ี ตี ่อการจดั จาหน่าย โดยการขนสง่ มบี ทบาทสาคญั ในการจดั จดั หน่าย และการกระจายสนิ คา้ ดงั น้ี 1) การขนส่งช่วยให้เกิดการเคล่ือนย้ายวตั ถุดิบ รวมถึงเคร่อื งมือท่ีใช้ในการผลิตไปยงั แหล่งผลิต ก่อใหเ้ กดิ การผลติ สนิ คา้ เพอ่ื การจาหน่ายตามความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค 2) การขนสง่ ช่วยใหเ้ กดิ การเคล่อื นยา้ ยสนิ คา้ สาเรจ็ รปู จากแหลง่ ผลติ ไปยงั สถานทห่ี รอื แหลง่ ผบู้ รโิ ภค ทม่ี คี วามตอ้ งการสนิ คา้ 3) การขนสง่ ทาใหเ้ กดิ ตน้ ทุนการจดั จาหน่าย ต้นทุนการจดั จาหน่ายทางตรงคือค่าใชจ้ ่ายในการขนสง่ หรอื คา่ ระวางขนสง่ สว่ นคา่ ใชจ้ า่ ยทางออ้ มจะเกดิ ขน้ึ กรณีทส่ี นิ คา้ สญู หายหรอื เสยี หายระหวา่ งการขนสง่ ก่อใหเ้ กดิ ความ ล่าชา้ และเสยี เวลา
6. ผเู้ รยี นอ่านบทความทค่ี รกู าหนดใด้ แลว้ ใหแ้ สดงความคดิ เหน็ จากเน้ือหาวา่ นกั เรยี นเหน็ ดว้ ยหรอื ไม่ กบั การปรบั ปรงุ ประสทิ ธภิ าพการขนสง่ เพอ่ื เป็นประตกู ารคา้ จงอธบิ ายพรอ้ มบอกเหตุผลประกอบ และบอกสง่ิ ทไ่ี ดร้ บั จาก การปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 7. ครบู อกประเภทของการขนสง่ โดยการขนสง่ แบง่ ออกได้ ดงั น้ี 1) การขนส่งทางถนน (Road Transportation) ปจั จุบนั ภายในประเทศมกี ารพฒั นาและปรบั ปรุงถนน เพ่อื ใหม้ คี วามพรอ้ ม และสะดวกในการคมนาคม จงึ ทาใหก้ ารขนสง่ มคี วามคล่องตวั ในการใหบ้ รกิ ารมากขน้ึ การขนสง่ ทางถนน สามารถให้บริการได้ถึงท่ี ช่วยประหยดั ค่าใช้จ่ายในการยกขน และขนถ่ายสนิ ค้าเพ่ือให้ถึงท่ีของผู้รบั เหมอื นกบั การขนสง่ ประเภทอ่นื ทจ่ี ะสง่ สนิ คา้ ถงึ สถานี แลว้ จึงมกี ารขนสง่ ต่ออกี ครงั้ หน่ึง เช่น การขนสง่ ทางเครอ่ื งบนิ ทส่ี ง่ ถงึ สนามบนิ แลว้ ผซู้ อ้ื จะตอ้ งนายานพาหนะอ่นื ไปขนถา่ ยอกี ครงั้ หน่ึง เป็นตน้ จดุ เด่นของการขนส่งทางถนน มีดงั นี้ จดุ ด้อยของการขนส่งทางถนน มีดงั นี้ 1. สามารถใหบ้ รกิ ารไดถ้ งึ ท่ี ชว่ ยใหป้ ระหยดั เวลา 1. ตน้ ทุนการขนสง่ สงู โดยเฉพาะการขนสง่ ทางไกล และคา่ ใชจ้ า่ ย 2. มขี อ้ จากดั ดา้ นกฎหมาย กรณที ต่ี อ้ งขนสง่ สนิ คา้ ชน้ิ 2. มคี วามรวดเรว็ ใหญ่ และมนี ้าหนกั มาก 3. มคี วามยดื หยนุ่ สงู สามารถเปลย่ี นแปลงเสน้ ทาง 3. อาจมกี ารหยดุ ชะงกั เมอ่ื รถเสยี หรอื สภาพถนนอยู่ และจานวนในการขนสง่ ไดต้ ามความเหมาะสม ในสภาพทไ่ี มพ่ รอ้ ม เชน่ น้าทว่ ม ถนนทรดุ 4. มคี วามคลอ่ งตวั สงู ขนสง่ ไดใ้ นอาณาเขตทก่ี วา้ ง เป็นตน้ 5. ไมต่ อ้ งมตี น้ ทุนในการยกขนสนิ คา้ และขนถา่ ย 4. ขนสง่ สนิ คา้ ไดจ้ านวนไมม่ าก สนิ คา้ 2) การขนสง่ ทางรถไฟ (Rail Transportation) การขนสง่ ทางรถไฟ ชว่ ยขนสง่ สนิ คา้ ไดท้ ลี ะมากๆ โดย สามารถเพมิ่ ตรู้ ถไฟ ตามทผ่ี ขู้ นสง่ ตอ้ งการ ตน้ ทุนต่า และมคี วามปลอดภยั สงู การขนสง่ ทางรถไฟเหมาะกบั การขนสง่ ขนาดใหญ่ สนิ คา้ ทข่ี นส่งเช่น น้ามนั ปูนซเี มนต์ เป็นต้น การขนสง่ ทางน้ีมขี อ้ จากดั คอื รถไฟจะตอ้ งวง่ิ บนรางเท่านั้น หากในพน้ื ทใ่ี ดไมม่ รี างรถไฟ ไมส่ ามารถเขา้ ถงึ ได้ จะตอ้ งใชก้ ารขนสง่ ประเภทอ่นื มาขนถา่ ยสนิ คา้ ไป จดุ เด่นของการขนส่งทางรถไฟ มีดงั นี้ จดุ ด้อยของการขนส่งทางรถไฟ มีดงั นี้ 1. คา่ ใชจ้ า่ ยในการขนสง่ ต่า 1. ใชเ้ วลาในการขนสง่ นาน 2. เหมาะกบั สนิ คา้ ทม่ี ขี นาดใหญ่ น้าหนกั มาก 2. ไมส่ ามารถใหบ้ รกิ ารไดถ้ งึ ท่ี 3. สามารถขนสง่ สนิ คา้ ไดค้ รงั้ ละมาก ๆ 3. ไมม่ คี วามยดื หยนุ่ สามารถวงิ่ เฉพาะเสน้ ทางทท่ี ี 4. ปลอดภยั สงู รางรถไฟเทา่ นนั้ 3) การขนสง่ ทางน้า (Water Transportation) เป็นการขนส่งโดยใชเ้ รอื เป็นยานพาหนะ ตามแม่น้า ลา คลอง ทงั้ ภายในประเทศ และระหว่างประเทศ การขนส่งทางเรอื มกั ใช้เรอื ขนาดใหญ่ ขนส่งได้ทีละมากๆ มีความ ปลอดภยั เพราะใชค้ วามเรว็ ต่า ทาใหโ้ อกาสในการเกดิ อุบตั เิ หตุมนี ้อย
จดุ เด่นของการขนส่งทางเรอื มีดงั นี้ จดุ ด้อยของการขนส่งทางเรือ มีดงั นี้ 1. ขนสง่ สนิ คา้ ไดท้ ลี ะมากๆ 1. มคี วามลา่ ชา้ 2. อตั ราคา่ ขนสง่ ถกู 2. ไมส่ ามารถเขา้ ถงึ ทไ่ี ด้ ตอ้ งอาศยั การขนสง่ อ่นื 3. เหมาะกบั การขนสง่ สนิ คา้ ทม่ี นี ้าหนกั มาก และ เพอ่ื นาสนิ คา้ ใหถ้ งึ ปลายทาง ระยะไกล 3. มขี อ้ จากดั ดา้ นเสน้ ทางเดนิ เรอื ซง่ึ เสน้ ทางเรอื บางแหง่ สามารถใชไ้ ดบ้ างฤดกู าลเท่านนั้ 4. การขนสง่ ขน้ึ อยกู่ บั ธรรมชาติ เชน่ ชว่ งทเ่ี กดิ มรสมุ หรอื น้าแหง้ จะไมส่ ามารถขนสง่ ได้ เป็นตน้ 4) การขนสง่ ทางอากาศ (Air Transportation) เป็นการขนสง่ โดยใชเ้ ครอ่ื งบนิ เป็นยานพาหนะ มคี วาม รวดเรว็ กว่าการขนสง่ ทางอ่นื และสามารถสง่ สนิ คา้ ไดใ้ นระยะไกล การขนสง่ ทางอากาศตอ้ งเสยี ค่าใชจ้ ่ายสงู การบรรจุ หบี หอ่ เป็นแบบงา่ ยๆ เน่ืองจากการขนสง่ ไมต่ อ้ งมกี ารวางซอ้ นกนั หลายชนั้ สนิ คา้ ทส่ี ง่ ทางอากาศ กาหนดระวางบรรทุก ลงในตสู้ นิ คา้ เฉพาะของสายการบนิ จงึ สามารถป้องกนั อนั ตรายและความสญู เสยี ไดเ้ ป็นอยา่ งดี จดุ เด่นของการขนส่งทางอากาศ มีดงั นี้ จดุ ด้อยของการขนส่งทางอากาศ มีดงั นี้ 1. มคี วามรวดเรว็ 1. คา่ ใชจ้ า่ ยสงู 2. สามารถขนสง่ สนิ คา้ ไปยงั ถนิ่ ธรุ กนั ดารได้ 2. บรรทกุ สนิ ไดจ้ านวนน้อย 3.สง่ สนิ คา้ ไปยงั จดุ หมายทอ่ี ยไู่ กล ภายในเวลาอนั สนั้ 3. การขนสง่ ขน้ึ อยกู่ บั สภาพดนิ ฟ้าอากาศ 5) การขนสง่ ทางท่อ (Pipe Transportation) สาหรบั การขนสง่ สนิ คา้ ประเภทของเหลว หรอื ก๊าซ การ ขนสง่ ทางทอ่ ในปจั จบุ นั มขี อ้ จากดั เรอ่ื งเสน้ ทาง และปรมิ าณการขนสง่ เน่ืองจากลกั ษณะสาคญั คอื ทอ่ มขี นาดจากดั และ จากดั ประเภทของสนิ คา้ แต่อยา่ งไรกด็ ี การขนสง่ ทางทอ่ เป็นการขนสง่ ทส่ี นิ คา้ มคี วามปลอดภยั และขนสง่ ได้ ตลอดเวลาอยา่ งตอ่ เน่ือง ไมม่ วี นั หยดุ การขนสง่ ทางทอ่ โดยปกตผิ ูข้ นสง่ จะเป็นผลู้ งทุนดาเนินการเอง จดุ เด่นของการขนส่งทางท่อ มีดงั นี้ จดุ ด้อยของการขนส่งทางท่อ มีดงั นี้ 1. สามารถขนสง่ ไดต้ ลอดเวลา 1. การลงทุนเรมิ่ แรกมคี า่ ใชจ้ า่ ยสงู 2. ตน้ ทนุ การดาเนินงานต่า 2. ตอ้ งระวงั การรวั่ ของท่อ 3. มคี วามแน่นอน ปลอดภยั สนิ คา้ ถงึ ปลายทางตาม 3. ขนสง่ สนิ คา้ เฉพาะทเ่ี ป็นของเหลวหรอื ก๊าซเทา่ นนั้ กาหนดเวลา 6) การขนสง่ รปู แบบอ่นื ๆ นอกจากรปู แบบการขนสง่ ดงั ทก่ี ลา่ วมาแลว้ ยงั มกี ารขนสง่ รปู แบบอ่นื ๆ ดงั น้ี 6.1 การขนส่งโดยตู้คอนเทนเนอร์ โดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์ บรรจุสนิ ค้า ตู้คอนเทนเนอร์ เป็นตู้ สเ่ี หล่ยี มผนื ผ้า ทาจากเหลก็ หรอื อลูมเิ นียมอย่างดี กนั น้าได้ มที งั้ ตูส้ นิ คา้ ทวั่ ไป ตูท้ ่คี วบคุมอุณหภูมิ และตู้คอนเทน เนอรท์ ่อี อกแบบขน้ึ มาเป็นพเิ ศษมหี ลายประเภท และหลายรปู แบบ ขนาดต่างกนั เพ่อื ให้เหมาะสมกบั สนิ ค้าท่ที าการ ขนสง่ เชน่ สาหรบั สนิ คา้ ทเ่ี ป็นหบี หอ่ ชน้ิ ง กลอ่ ง หรอื สนิ คา้ ทไ่ี มม่ หี บี ห่อ เป็นตน้ ตคู้ อนเทนเนอร์ สามารถเคลอ่ื นยา้ ย จากจุดเรม่ิ ตน้ ไปยงั ปลายทางโดยอาศยั การขนถ่าย โดยรถบรรทกุ เครอ่ื งบนิ รถไฟ และเรอื โดยใชก้ ารเคลอ่ื นยา้ ยทงั้ ตู้ 6.2 การขนสง่ ทางไปรษณีย์ สนิ คา้ ทข่ี นสง่ ทางไปรษณีย์ เหมาะกบั สนิ คา้ ทม่ี นี ้าหนกั น้อย และไดร้ บั หอ่ หุม้ อยา่ งดี น้าหนกั ห่อละไมเ่ กนิ 20 กโิ ลกรมั การขนสง่ ทางไปรษณีย์ อาจใชก้ ารขนสง่ ทางเคร่อื งบนิ เรอื รถไฟ หรอื
รถบรรทุก แลว้ แต่กรณี โดยคดิ ค่าบรกิ ารตามน้าหนักและรายะทาง เหมาะกบั การขนสง่ ทางไกล และปรมิ าณสนิ คา้ ไม่ มาก 6.3 การขนส่งพัสดุทางอากาศ มีบริการทัง้ ในและต่างประเทศ เหมาะกับสินค้าหีบห่อเล็กๆ ปจั จุบนั บรกิ ารขนส่งพสั ดุทางอากาศ มบี รษิ ทั เอกชนเขา้ มาดาเนินการ ซ่งึ สรา้ งอรรถประโยชน์แก่ผูใ้ ชบ้ รกิ ารทงั้ ดา้ น เวลาและสถานท่ี จงึ ทาให้ได้รบั ความนิยมมาก อตั ราค่าธรรมเนียมข้ึนอยู่กบั น้าหนักและระยะทาง ตวั อย่างบรษิ ทั ท่ี ใหบ้ รกิ าร เชน่ Federal Express (FedEx) DHL Airways เป็นตน้ 6.4 การขนสง่ โดยฝากกบั รถทวั ร์ เป็นการฝากสง่ สนิ คา้ กบั บรษิ ทั รถทวั ร์ ท่ีรบั สง่ ผโู้ ดยสารในพน้ื ท่ี ต่างๆ คดิ คา่ ขนสง่ ตามน้าหนกั และระยะทาง ผรู้ บั สนิ คา้ จะต้องไปรบั ทบ่ี รษิ ทั ทวั รใ์ นแตล่ ะพน้ื ทป่ี ลายทาง 6.5 การขนสง่ แบบต่อเน่ืองหลายรปู แบบ เป็นการขนส่งสนิ คา้ โดยมกี ารขนสง่ ตงั้ แต่ 2 รปู แบบขน้ึ ไป เชน่ ทางถนน ทางรถไฟ ทางน้า ทางอากาศ ภายใตส้ ญั ญาการขนสง่ ตอ่ เน่ืองหลายรปู แบบ ฉบบั เดยี ว ขณะจนสง่ จะ ไม่มกี ารนาสนิ ค้าออก ปจั จุบนั ผู้ให้บรกิ ารขนส่งพยายามหาทางเพ่อื ให้การขนส่งมปี ระสทิ ธภิ าพ ขนส่งสนิ ค้าให้ถึง ปลายทางภายในระยะเวลารวดเร็ว ปลอดภยั และค่าระวางต่า เพ่ือให้ผู้ใช้บรกิ ารเกิดความพอใจสูงสุด การขนส่ง แบบต่อเน่ือง 8. ผู้เรยี นพิจารณาสนิ ค้าตามภาพ แล้วแสดงความคิดเห็นว่าควรใช้การขนส่งรูปแบบใด พร้อมอธบิ าย เหตุผลประกอบ และแสดงขอ้ คดิ ทไ่ี ดจ้ ากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 9. ผู้เรยี นแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ความเหมาะสมของรูปภาพท่คี รูแสดง พรอ้ มบอกข้อด/ี ขอ้ เสยี ของ รปู แบบการขนสง่ และการจดั จาหน่ายดงั กลา่ ว และบอกขอ้ คดิ ทไ่ี ดจ้ ากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 10. ครูอธบิ าการขนส่งโดยบุคคลท่สี าม โดยบุคคลท่สี าม จดั ตงั้ ในรูปของบรษิ ัททาหน้าท่ใี ห้บรกิ ารในการ ประสานระหวา่ งผสู้ ง่ สนิ คา้ กบั ผขู้ นสง่ บุคคลทส่ี ามทใ่ี หบ้ รกิ ารดา้ นการขนสง่ มดี งั น้ี 1) นายหน้าการขนสง่ จดั ตงั้ บรษิ ทั ทาหน้าทใ่ี หบ้ รกิ ารแก่ผสู้ ง่ สนิ คา้ และผขู้ นสง่ นายหน้าการขนส่งไม่มี ยานพาหนะเป็นของตนเอง ทาหน้าท่ีรบั จัดการจองเวลา และประสานกับผู้ขนส่ง ได้รบั ค่าตอบแทนในรูปของ คา่ ธรรมเนยี มตามรายรบั ทเ่ี รยี กเกบ็ จากผสู้ ง่ สนิ คา้ ตามขอ้ ตกลง 2) ตวั แทนรบั จดั การขนสง่ สนิ คา้ เป็นบรษิ ทั ทร่ี บั บรกิ ารดา้ นการขนสง่ สนิ คา้ ทาการเลอื กและนาเสนอ เสน้ ทางการขนส่ง รปู แบบการขนส่ง และยานพาหนะท่เี หมาะสมให้กบั ผู้ส่งสนิ คา้ รวมถงึ ทาหน้าท่ใี นการจองเรอื นา สนิ คา้ ลงเรอื และดาเนินการดา้ นเอกสารพธิ กี ารศุลกากรต่าง ๆ ตวั แทนรบั จดั การขนส่งสนิ คา้ จะตดิ ตามการเดนิ ทาง ของสนิ คา้ จนกวา่ สนิ คา้ จะถงึ มอื ผรู้ บั พรอ้ มทงั้ มสี ว่ นรว่ มกรณีสนิ คา้ ไดร้ บั ความเสยี หายดว้ ย 3) ตวั แทนผู้ส่งสนิ ค้า ทาหน้าท่ีประสานการขนส่งตามท่ีผู้ส่งสนิ ค้าต้องการ ตวั แทนผู้ส่งสนิ ค้ามกั มี ประสบการณ์และมคี วามเชยี วชาญในการขนส่ง ทาการซ้อื ระวางเรอื คราวละมาก ๆ แลว้ มาแบ่งให้กบั ผู้สง่ สนิ ค้าราย ยอ่ ยทต่ี อ้ งการ 4) ผู้ให้บรกิ ารโลจิสติกส์ตามสญั ญา จดั ตงั้ ในรูปบรษิ ัทให้บรกิ ารด้านโลจิสติกส์แทนผู้ส่งสินค้า ผู้ ใหบ้ รกิ ารมคี วามรู้ ความชานาญ และประสบการณ์เป็นอยา่ งดี ใหบ้ รกิ ารดา้ นการขนสง่ การกระจายสนิ คา้ การรวบรวม การคลงั สนิ คา้ ขอ้ มลู ขา่ วสารทางธรุ กจิ ฯลฯ โดยทาสญั ญารบั จา้ งบรกิ ารและจดั การโลจสิ ตกิ สใ์ หก้ บั ผสู้ ง่ สนิ คา้ 11. ครอู ธบิ ายการใชบ้ รกิ ารภายนอกกบั การขนสง่ โดยผปู้ ระกอบธุรกจิ ในปจั จุบนั มกั จะไมล่ งทนุ ซอ้ื รถ สาหรบั การขนสง่ สนิ คา้ เอง แตม่ กั ใชบ้ รกิ ารจากผปู้ ระกอบการภายนอก ซง่ึ มคี วามชานาญเฉพาะทางเกย่ี วกบั การขนสง่ ในแต่ละพน้ื ท่ี โดยพจิ ารณาเกย่ี วกบั ตน้ ทุนทเ่ี กดิ ขน้ึ ระหวา่ งการจดั สง่ ดว้ ยตนเองกบั การจา้ งผขู้ นสง่ ภายนอก 12. ครเู ลา่ ถงึ ผปู้ ระกอบการขนสง่ ในอดตี ไมไ่ ดค้ านึงถงึ สภาพความเสยี หายของสนิ คา้ ระหวา่ งการขนสง่ พนกั งานขบั รถไมม่ ที กั ษะ และบางครงั้ สง่ ของไดไ้ มต่ รงตามกาหนด ซง่ึ ก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายทงั้ ตอ่ ผซู้ อ้ื สินคา้ และ
ผขู้ ายสนิ คา้ ปจั จบุ นั ผวู้ า่ จา้ ง รว่ มมอื กบั ผปู้ ระกอบการขนสง่ ทาการขนสง่ สนิ คา้ โดยใหค้ วามสาคญั เรอ่ื งความปลอดภยั และคานึงถงึ สภาพแวดลอ้ ม ผปู้ ระกอบการภายนอกไมไ่ ดม้ หี น้าทข่ี นสง่ สนิ คา้ แตเ่ พยี งอยา่ งเดยี ว แต่จะรบั จดั การ วางแผนเรอ่ื งการขนสง่ ทงั้ หมด เชน่ บรษิ ทั น้ามนั เชลล์ seven eleven บรษิ ทั ไทยน้าทพิ ย์ เป็นตน้ มศี นู ยก์ ระจายสนิ คา้ ของตนเอง และมสี าขาทจ่ี าหน่ายสนิ คา้ แกผ่ บู้ รโิ ภคจานวนมาก สนิ คา้ หมนุ เวยี นเรว็ ตอ้ งบรหิ ารดา้ นสนิ คา้ คงคลงั และ ตอ้ งควบคุมตน้ ทนุ เพอ่ื ใหส้ ามารถแขง่ ขนั ได้ จงึ ตอ้ งมกี ารวางแผนเกย่ี วกบั การขนสง่ เพอ่ื ใหส้ นิ คา้ สนองความตอ้ งการ ของผซู้ อ้ื ไดท้ นั เวลา จงึ ตอ้ งการการขนสง่ ทส่ี ามารถควบคมุ ได้ และมปี ระสทิ ธภิ าพใหม้ ากทส่ี ดุ 13. ครแู นะนาขอ้ ควรพจิ ารณาในการเลอื กใชบ้ รษิ ทั จดั ส่งสนิ คา้ เน่ืองจากการจดั ส่งสนิ คา้ ต้องลงทุนสงู ผูว้ ่า จ้างจึงต้องพิจารณารายละเอียดของบรษิ ัทภายนอกท่ีรบั ขนส่งสนิ ค้าเป็นอย่างดี โดยควรพิจารณาเลือกบรษิ ัทท่ี ใหบ้ รกิ ารจดั สง่ สนิ คา้ ดงั น้ี 1) ขอ้ มลู ของบรษิ ทั ก่อนตดั สนิ ใจเลอื กบรษิ ทั สาหรบั จดั สง่ สนิ คา้ ควรหาขอ้ มลู ของบรษิ ทั นัน้ เสียก่อน ขอ้ มลู ทค่ี วรศกึ ษา ไดแ้ ก่ ความสามารถในการจดั สง่ สนิ คา้ ไดต้ รงเวลา ความสามารถของบคุ ลากรขบั รถ การตรวจสภาพ รถทใ่ี ชใ้ นการขนสง่ ความชานาญทางของพนกั งานขบั รถ ฯลฯ 2) การเจรจาต่อรอง ผวู้ า่ จา้ งจะตอ้ งมกี ารเจรจาต่อรอง กบั บรษิ ทั ขนสง่ เพอ่ื หาขอ้ สรปุ ทด่ี ที ส่ี ดุ 3) คณุ ภาพการใหบ้ รกิ าร เกย่ี วกบั ความสามารถในการจดั หายานพาหนะในการขนสง่ ความสามารถใน การขนสง่ สนิ คา้ ไดต้ รงตามเวลา สนิ คา้ อยใู่ นสภาพสมบรู ณ์รวมถงึ เรอ่ื งตา่ ง ๆ ดา้ นการบรหิ ารคณุ ภาพ 4) ความรวดเรว็ สนิ ค้าท่เี น่าเสยี ง่าย จาเป็นต้องใช้การขนส่งท่รี วดเรว็ ผู้จดั ส่งสามารุจดั ส่งสนิ ค้าได้ รวดเรว็ และดแู ลสนิ คา้ ไดด้ หี รอื ไม่ 5) ความตรงต่อเวลา จดั ส่งสนิ ค้าได้ตามระยะเวลาท่ีตกลงกันหรือไม่ มีการรบั ประกันการส่งมอบ อยา่ งไร 6) วธิ กี ารรบั คนื สนิ คา้ สนิ คา้ ท่มี ปี ญั หาตอ้ งสง่ คนื จะมวี ธิ กี ารจดั สง่ สนิ คา้ ทม่ี ปี ญั หาอยา่ งไร มขี นั้ ตอน และระยะเวลานานเทา่ ไร 7) ระบบการตดิ ตาม บรษิ ทั มรี ะบบการจดั สง่ สนิ คา้ ทต่ี ดิ ตามอยา่ งไร 8) การรบั ประกนั มีการรบั ประกนั สนิ ค้าท่ีจดั ส่งอย่างไร หากสนิ ค้ามีมูลค่าสูงจะเพิ่มการรบั ประกนั หรอื ไม่ 9) เทคโนโลยี บรษิ ทั นาเทคโนโลยมี าใชใ้ นการขนสง่ อยา่ งไร 14. ครอู ธบิ ายตน้ ทนุ คา่ ขนสง่ สาหรบั รปู แบบการขนสง่ ตา่ ง ๆ โดยการใชบ้ รกิ ารขนสง่ รปู แบบตา่ ง ๆ มี ตน้ ทุนแตกต่างกนั ดงั น้ี 1) การขนสง่ ทางถนน การขนสง่ ดว้ ยรถบรรทุกทางถนน มตี น้ ทุนการขนสง่ ต่าทส่ี ดุ เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั การขนส่งรูปแบบอ่ืนๆ เน่ืองจาก ถนนเป็นสาธารณูปโภคท่ีรฐั บาลจัดสร้าง รถบรรทุกใช้เงนิ ลงทุนไม่มาก เม่ือ เปรยี บเทยี บกบั เรอื เครอ่ื งบนิ และรถไฟ นอกจากน้ีในดา้ นของการขนถ่ายสนิ คา้ นนั้ การใชอ้ ุปกรณ์การยกขนสนิ คา้ จาก รถบรรทุกอาจตอ้ งใชห้ รอื ไมใ่ ชก้ ็ได้ ขณะทก่ี ารขนสง่ ทางเรอื ทางเครอ่ื งบนิ และทางรถไฟ ตอ้ งใชอ้ ุปกรณ์ในการช่วยยก ราคาสงู เชน่ ปนั้ จนั่ รถยก เป็นตน้ 2) การขนส่งทางน้า ต้นทุนคงท่ีของการขนส่งทางน้าคอื เรอื และอุปกรณ์ท่ีใช้ในการยกสนิ ค้า ส่วน ค่าใชจ้ ่ายในการขนส่งทางเรอื ท่ผี ูใ้ ชบ้ รกิ ารต้องจ่าย ไดแ้ ก่ ค่าเช่าเรอื ค่าเช่าอุปกรณ์ยกขน ค่าภาระท่าเรอื ผ่านรอ่ งน้า และอ่นื ๆ ซง่ึ จดั วา่ เป็นค่าใชจ้ า่ ยทค่ี อ่ นขา้ งสงู สว่ นตน้ ทนุ ผนั แปรคอ่ นขา้ งต่า การขนสง่ ทางเรอื สามารถบรรทุกสนิ ค้าได้ ทลี ะจานวนมาก ทาใหเ้ กดิ การประหยดั ต่อขนาด ดงั นนั้ การขนสง่ ทางเรอื จงึ เป็นการขนสง่ ทม่ี ตี น้ ทุนต่า ภายใตเ้ งอ่ื นไข ตอ้ งเป็นการขนสง่ ระยะไกล และในปรมิ าณมาก
3) การขนสง่ ทางรถไฟ มตี น้ ทุนคงทค่ี ่อนขา้ งสงู ไดแ้ ก่ ตน้ ทุนรถไฟ การสรา้ งเสน้ ทาง และค่าใชจ้ ่ายใน การบรหิ าร แตม่ ตี น้ ทนุ ผนั แปรคอ่ นขา้ งต่า การขนสง่ ทางรถไฟเหมาะกบั การขนสง่ ครงั้ ละมากๆ 4) การขนสง่ ทางอากาศ การขนสง่ ทางอากาศมตี น้ ทุนคงท่สี งู ตวั เคร่อื งบนิ และอุปกรณ์ในการขนยก สนิ คา้ มรี าคาสงู ผูใ้ ชบ้ รกิ ารต้องเสยี ค่าใชท้ ่าอากาศยาน ค่าลงจอด ฯลฯ ซ่งึ เหล่าน้ีเป็นค่าใชจ้ ่ายท่ีสงู ตน้ ทุนผนั แปรท่ี เกดิ ขน้ึ คอื ระยะทาง หากขนสง่ ทางไกลจะเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยสงู กวา่ การขนสง่ ในระยะใกล้ 15. ครแู นะนาการพจิ ารณาเลอื กวธิ กี ารขนสง่ โดยตน้ ทุนดา้ นการขนสง่ เป็นตน้ ทุนคา่ ใชจ้ า่ ยทส่ี าคญั ผู้ ประกอบธุรกจิ จงึ ควรเลอื กรปู แบบการขนส่งทเ่ี หมาะสมกบั สนิ คา้ ของตนใหม้ ากทส่ี ุด เพ่อื ใหเ้ กดิ ค่าใชจ้ ่ายต่าสุด ทงั้ น้ี ตอ้ งคานึงถงึ ประสทิ ธภิ าพของการขนสง่ ความสะดวก รวดเรว็ ปลอดภยั และประหยดั ดว้ ย ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์ 16. ครใู ชค้ าถามหรอื กาหนดปญั หาโดยใหผ้ เู้ รยี นระดมสมองชว่ ยกนั คดิ หาคาตอบแลว้ อธบิ ายคาตอบใหเ้ พอ่ื น ทกุ คนในกล่มุ ของตนเองเขา้ ใจ 17. ครแู ละผเู้ รยี นสรปุ โดยพจิ ารณาการขนสง่ ทเ่ี หมาะสม 18. ครใู ชว้ ธิ สี มุ่ ผเู้ รยี นทกุ กลุม่ ตอบคาถามและอธบิ ายใหเ้ พอ่ื นฟงั ทงั้ ชนั้ เรยี น 6.ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น วชิ าการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. รปู ภาพ 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4. แผน่ ใส 5. สอ่ิ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สอ่ื VDO และสอ่ื PowerPoint 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7.หลกั ฐาน 1. บนั ทกึ การสอน 2. ใบเชค็ ชอ่ื 3. แผนจดั การเรยี นรู้ 4. การตรวจประเมนิ ผลงาน 8.การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
เคร่ืองมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยปผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรมู้ เี กณฑผ์ า่ น 50% 6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ การวเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) 1. ทางสายกลาง (The middle path) : พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุม้ กนั ที่ดีในตวั 2.เง่ือนไข (Condition) : ความรู้และคุณธรรม หลกั ความพอประมาณ (Moderation) หมายถึง พอประมาณ หมายถึง ความพอดี ที่ไม่มากและไม่นอ้ ยจนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเอง และผอู้ ่ืน เช่น การผลิตและการบริโภคที่พอประมาณ หลกั ความมีเหตุผล (Reasonableness) หมายถึง การใช้หลักเหตุผลในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเกี่ยวข้อง ตลอดจนผลท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนอยา่ งรอบคอบ หลกั การมีภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดี (Self - awareness) หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับต่อผลกระทบท่ีเกิดข้ึนจากการเปล่ียนแปลงรอบตวั ปัจจยั เหล่าน้ีจะ เกิดข้ึนไดน้ ้นั จะตอ้ งอาศยั ความรู้ และคุณธรรม เป็นเงื่อนไขพ้ืนฐาน
หลกั เงื่อนไขความรู้ (Knowledge) หมายถึงความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั ในการดาเนินชีวติ และการประกอบการงาน กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ทาใบงาน 2. อ่านและทบทวนเน้ือหา
กิจกรรมเศรษฐกิจพอเพียง รหสั วิชา ...3200-1002.......ชอ่ื วชิ า..หลกั การจดั การ... หน่วยท่ี ......6...... ช่ือหน่วย .....จรยิ ธรรมในการจดั การ............ วตั ถปุ ระสงค์ ผเู้ รยี นสามารถทราบและนาความรูเ้ กย่ี วกบั การขนสง่ มคี วามสาคญั สาหรบั การประกอบธุรกจิ การ ขนสง่ ช่วยใหโ้ รงงานมวี ตั ถุดบิ และเคร่อื งมอื สาหรบั การผลติ และทาใหผ้ บู้ รโิ ภคไดใ้ ชส้ นิ คา้ ทนั ทเี ม่อื เกดิ ความต้องการ การขนส่งทาให้เกดิ ต้นทุน ผูผ้ ลติ จงึ จาเป็นต้องศกึ ษารายละเอยี ดของการขนส่งแต่ละ รปู แบบ เพ่อื การเลอื กใชอ้ ย่างเหมาะ กอ่ ใหเ้ กดิ ตน้ ทุนต่าสดุ ใชเ้ ป็นแนวทางการประกอบธุรกจิ ในอนาคต ได้ เงื่อนไข เงื่อนไขความรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม - ผมราี้เูครยวยี วานชิ มมารคี ู้ วาคมรว้เู ากมยี่ เวขก้ าบั ใกจาใรขนนเนส่ื้งอห า - ถปมคกูีฏตวิบาอ้ ัตมงิงเซพาอ่ื นยี สรทัตพี่ไยยด์ า้รยบั ามมอกบระหตมอื ารยอื รอ้นยใ่านง - มคี วามรู้ในการเลอื กการวางแผนใช้ - การเรยี นและปฏบิ ตั งิ าน - ในชวี ติ ประจาวนั - ใ ห้ ค ว า ม ร่ว ม มือ ก ับ ผู้ อ่ืน ด้ ว ย ค ว า ม - เต็มใจและจรงิ ใจ มีค ว า ม รู้เก่ีย ว กับ ห ลัก ป รัช ญ า เศรษฐกิจพอเพียง และนามาปรบั ใช้ไดด้ ี หลกั พอเพียง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสร้างภมู ิค้มุ กนั ท่ีดี - อผใยนู้เรา่ กียงาเนหรฝมจึาัดกะสปสรฏมริบเัตวิไลดา้ - เห็ นความสามารถใน - มีทัก ษ ะใน ก ารต อ บ - ผู้ เ รี ย น รู้ จั ก ใ ช้ การเลอื กเครอื่ งมอื คาถาม - เห็ นความสาคัญ ของ - สื่ อความหมายในการ ก า ร น า ไ ป ใ ช้ ใ ห้ เกิด ใ ช้ ง า น ไ ด้ อ ย่ า ง มี อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ วั ส ดุ ประโยชนอ์ ยา่ งคุ้มคา่ ประสิทธภิ าพ - อยา่ งคุม่ คา่ - เ ลื อ ก ใ ช้ วั ส ดุ ใ ห้ ป ฏิบัติต น เป็ น ผู้ น า เหมาะสมงาน - กล้าซกั ถามปัญหาหรอื ข้อสงสัยต่างๆ อย่าง และผ้ตู ามทดี่ ี เป็ นเหตุเป็ นผล - ควบคุมอารมณ์ตนเอง ได้ เป้ าหมายสมดลุ และพร้อมรบั การเปลี่ยนแปลง 4 มิติ ด้านวตั ถุ ด้านสงั คม ด้านส่ิงแวดล้อม ด้านวฒั นธรรม
- ผู้เรียน ทาแบบฝึกหัด - ผู้เรยี น ได้มกี ารซกั ถาม - หลงั จากเลกิ เรยี น - ให้ผู้เรียน สามารถนา ผู้ เรีย น ช่ ว ย กัน ความรู้เก่ียวกับการขนส่ง ออนไลน์ ลดรายจ่ายใน ข้อสงสยั ระหว่างเรยี นกบั รั ก ษ า ค ว า ม ไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ก า ร ใช้ ก ร ะ ด า ษ แ ล ะ ครผู สู้ อน สะอาด ข อง ส า ม า ร ถ ป ร ะ ม ว ล ผ ล - ได้มีก ารแลก เป ล่ียน ห้ อ ง เรีย น น า คะแนนไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ความรกู้ บั เพอ่ื นรว่ มชนั้ เขรยยี ะนออกทง้ิ ที่โต๊ะ - ไดต้ อบคาถามเป็นกลมุ่ - ปเลิดกิ แเรอยีรน์ หลงั จาก - ประหยดั พลงั งาน
ตารางวิเคราะหจ์ ดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จดุ ประสงคก์ ารสอน ทางสายกลาง หน่วยที่ 6 รวม ความรเู้ ก่ียวกบั การขนส่ง ลาดับความสาคัญ 3 ห่วง 2 เง่ือนไข ความรู้ คณุ ธรรม พอประมาณ ีมเหตุผล ีมภ ิม ้คุมกันภู ิม ้คุมกัน รอบ ้รู รอบคอบ ระมัดระวัง ่ืซอสัตย์สุจ ิรต ขยันอดทน ีมส ิต ัปญญา แบ่ง ัปน 1.ความรเู้ กย่ี วกบั ความรเู้ กย่ี วกบั การขนสง่ // / / / / / / / 91 2.ความรเู้ กย่ี วกบั บทบาทของการขนสง่ ทม่ี ตี ่อการจดั / / / / / / / / / 91 จาหน่าย 3.ความรเู้ กย่ี วกบั ประเภทของการขนสง่ / / / / / / / /82 4.ความรเู้ กย่ี วกบั การขนสง่ โดยบุคคลทส่ี าม / / / / / / // / 91 5.กระบวนการในการตดั สนิ ใจซอ้ื / //////// 82 6.ความรเู้ กย่ี วกบั การใชบ้ รกิ ารภายนอกกบั การขนสง่ / / / / / / / / / 91 รวม 3 5 6 6 6 6 5 5 5 4 ลาดบั ความสาคญั 4211112223
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229