Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา

แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา

Published by natthapat.u, 2020-06-25 01:05:06

Description: 1. เพื่อให้เข้าใจหลักการและกระบวนการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ
2. เพื่อให้มีทักษะในการกำหนดตลาดเป้าหมาย และวางแผนการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ
3. เพื่อให้มีเจตคติและกิจนิสัยที่ดีในการทำงานด้วยความรับผิดชอบ การทำงานเป็นทีม ความมีมนุษยสัมพันธ์ และความซื่อสัตย์สุจริต

Keywords: การจัดจำหน่าย,หลักการและการจัดจำหน่าย

Search

Read the Text Version

ใบงานท่ี 6.1 ผลการเรียนร้ทู ี่คาดหวงั 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ความรเู้ กย่ี วกบั การขนสง่ ได้ 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั บทบาทของการขนสง่ ทม่ี ตี ่อการจดั จาหน่ายได้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม ค ม น าค ม ผุด โป รเจก ต์ รอ งรับ AEC เพี ย งชู “รถ ไฟ ค วาม เร็วสูง”เช่ื อ ม อ าเซี ย น เป็ น ห นึ่ ง ประเทศไทย อยู่ในท่ตี งั้ ภูมิศาสตร์ท่ีดเี หมาะแก่การเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ทงั้ ทางด้านการค้าการลงทุน การ ท่องเท่ยี ว การคมนาคม-ขนส่ง การศกึ ษา ฯลฯ เรยี กไดว้ ่าประเทศไทยเป็นศูนยก์ ลางในทุกๆ ดา้ น แต่หากเราไม่มี ระบบโครงข่ายการคมนาคม-ขนส่งท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพสาหรบั เช่อื มโยงประเทศสมาชกิ อาเซยี นเขา้ ด้วยกนั เราก็อาจ สญู เสยี ฮบั ใหป้ ระเทศอ่นื ได้ เพราะเมอ่ื เรว็ ๆ น้ี ประเทศลาวกอ็ อกมาประกาศวา่ พรอ้ มทจ่ี ะเป็นฮบั ทางดา้ นลอจสิ ตกิ สใ์ น อาเซยี น และพรอ้ มเปิดใหน้ กั ลงทุนตา่ งชาตเิ ขา้ ไปลงทนุ เพอ่ื พฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานดา้ นการคมนาคมขนสง่ “ดร.จฬุ า สขุ มานพ” ผอู้ านวยการสานกั งานนโยบายและแผนการขนสง่ และจราจร (สนข.) เปิดเผย “สยาม ธรุ กจิ ” ถงึ โครงการทจ่ี ะรองรบั การเปิดเสรปี ระชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี นวา่ การพฒั นาโครงขา่ ยการขนสง่ และสงิ่ อานวย ความสะดวกในการขนสง่ สนข.ศกึ ษาออกเป็น 4 ดา้ น คอื 1.การปรบั ปรงุ ประสทิ ธภิ าพการขนสง่ ณ ประตกู ารคา้ หรอื Gateway เชน่ ทา่ เรอื ทา่ อากาศยาน ดา่ นชายแดน เป็นตน้ ใหส้ ามารถรองรบั การขนสง่ ผโู้ ดยสารและสนิ คา้ ทเ่ี พมิ่ สงู ขน้ึ ในอนาคต เพอ่ื เสรมิ สรา้ งศกั ยภาพใหส้ ามารถเช่อื มโยงกบั ประเทศเพอ่ื นบา้ น รองรบั การเปิดเสรอี าเซยี นและเช่อื มตอ่ กบั ภมู ภิ าคต่างๆ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 2.การพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานเพอ่ื รองรบั การเปิดเสรี AEC 3 แนวทาง คอื ทางถนน ทางราง และพฒั นาระบบขนสง่ สาธารณะเชอ่ื มโยงโครงขา่ ยระหวา่ งเมอื งในภมู ภิ าคและประเทศเพ่อื นบา้ น 3. พฒั นาสง่ิ อานวยความสะดวกดา้ นการขนสง่ และลอจสิ ตกิ ส์ และ 4.พฒั นาดา้ นกฎหมายและขอ้ ตกลงระหวา่ งประเทศ ทม่ี า: www.thai – aec.com จากเน้ือหาดา้ นบน นกั เรยี นเหน็ ดว้ ยหรอื ไม่ กบั การปรบั ปรงุ ประสทิ ธภิ าพการขนสง่ เพอ่ื เป็นประตกู ารคา้ จง อธบิ ายพรอ้ มบอกเหตุผลประกอบ .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................ ส่ิงท่ีได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................

ใบงานที่ 6.2 ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ประเภทของการขนสง่ ได้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม จงพจิ ารณาสนิ คา้ ตามภาพ แลว้ แสดงความคดิ เหน็ วา่ ควรใชก้ ารขนสง่ รปู แบบใด พรอ้ มอธบิ ายเหตุผลประกอบ สินค้า รปู แบบการขนส่ง เหตผุ ลประกอบ ข้อคิดท่ีได้จากการปฏิบตั ิกิจกรรม .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................

ใบงานที่ 6.2 ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ประเภทของการขนสง่ ได้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม ยานพาหนะทใ่ี ชใ้ นการการจดั จาหน่าย ของพอ่ คา้ ปลกี ตาม ภาพ (รถมอเตอรไ์ ซคพ์ ว่ งขา้ ง) นกั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ความเหมาะสม พรอ้ มบอกขอ้ ด/ี ขอ้ เสยี ของรปู แบบ การขนสง่ และการจดั จาหน่ายดงั กลา่ ว ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… ข้อคิดที่ได้จากการปฏิบตั ิกิจกรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………

แบบประเมินผลหลงั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนที่ 6 จงเลือกคาตอบที่ถกู ต้องที่สดุ เพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การขนสง่ 1. ดวงใจสง่ เสอ้ื สาเรจ็ รปู ใหล้ กู คา้ โดยรถยนต์ 2. สมหวงั สง่ เอกสารโดยใชม้ อเตอรไ์ ซต์ 3. นงนุชจงั สง่ ครมี บารงุ หน้าทางเครอ่ื งบนิ 4. สดุ าเดนิ ไปโรงเรยี นกบั พส่ี าว 5. ศราวธุ นาทรายไปสง่ ใหล้ กู คา้ ทางเรอื 2. ขอ้ ใดเป็นความสาคญั ของการขนสง่ 1. ชว่ ยใหผ้ ผู้ ลติ มรี ายได้ 2. ชว่ ยใหผ้ ปู้ ระกอบการขนสง่ มรี ายได้ 3. ชว่ ยใหส้ นิ คา้ ออกจากแหลง่ ผลติ ไปถงึ มอื ผบู้ รโิ ภค 4. ชว่ ยใหส้ นิ คา้ ไมเ่ กดิ การเน่าเสยี 5. ชว่ ยสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผซู้ อ้ื กบั ผูข้ าย 3. การขนสง่ ทาใหเ้ กดิ อรรถประโยชน์ดา้ นสถานท่ี หมายถงึ ขอ้ ใด 1. สง่ สนิ คา้ ถงึ ท่ี 2. รบั สนิ คา้ โดยสะดวก 3. ผซู้ อ้ื ซอ้ื สนิ คา้ ราคาถกู 4. สง่ สนิ คา้ ถงึ แหลง่ ทม่ี คี นตอ้ งการทาใหส้ นิ คา้ ราคาสงู ขน้ึ 5. สง่ สนิ คา้ ไปไดไ้ กลทส่ี ดุ ทาใหเ้ อาชนะคแู่ ขง่ ได้ 4. จากการทก่ี ารขนสง่ ทาใหเ้ กดิ ตน้ ทนุ คา่ ใชจ้ า่ ย ผผู้ ลติ ควรจดั การตามขอ้ ใด 1. ใชก้ ารขนสง่ ใหน้ ้อยทส่ี ดุ 2. ผลกั ภาระคา่ ขนสง่ ใหแ้ ก่ผซู้ อ้ื 3. ขายสนิ คา้ ใกลก้ บั แหล่งผลติ 4. ขายสนิ คา้ ราคาแพงเพอ่ื ใหค้ ุม้ คา่ ใชจ้ า่ ย 5. เลอื กการขนสง่ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ 5. door to door service หมายถงึ การขนสง่ ขอ้ ใด 1. ทางรถยนต์ 2. ทางรถไฟ 3. ทางอากาศ 4. ทางทอ่ 5. ทางน้า 6. หากตอ้ งการขนสง่ สนิ คา้ ครงั้ ละมาก ๆ ควรเลอื กการขนสง่ วธิ ใี ด 1. ทางเรอื 2. ทางรถไฟ 3. ทางรถยนต์ 4. ทางเครอ่ื งบนิ 5. ทางทอ่ 7. สนิ คา้ ใดเหมาะกบั การขนสง่ ทางรถไฟ 1. ปนู ซเี มนต์ 2. ผลไมส้ ด 3. เสอ้ื ผา้ สาเรจ็ รปู 4. เครอ่ื งประดบั 5. อาหารแชแ่ ขง็ 8. การคา้ ระหวา่ งประเทศนิยมขนสง่ สนิ คา้ ทางใด 1. ทางเครอ่ื งบนิ 2. ทางเรอื 3. ทางรถยนต์ 4. ทางรถไฟ 5. ทางทอ่ 9. การขนสง่ ทางเรอื แบบใหบ้ รกิ ารประจาเสน้ ทาง สว่ นใหญ่เป็นการขนสง่ สงิ่ ใด 1. อาหารแชแ่ ขง็ 2. อาหารสาเรจ็ รปู 3. คน 4. ของมคี า่ 5. ผกั สด

10. การขนสง่ ทางเรอื มขี อ้ จากดั ตามขอ้ ใด 1. การขนสง่ ขน้ึ อยกู่ บั ธรรมชาติ 2. อนั ตราย 3. คา่ ใชจ้ า่ ยสงู 4. ผซู้ อ้ื ไมน่ ิยม 5. หาผปู้ ระกอบการขนสง่ ทางเรอื ไดย้ าก 11. ขอ้ ใดเป็นจดุ เด่นของการขนสง่ ทางอากาศ 1. บรรทุกสนิ คา้ ไดม้ าก 2. ราคาถกู 3. รวดเรว็ 4. มบี รกิ ารใหเ้ ลอื กมาก 5. ไมต่ อ้ งคานึงถงึ สภาพดนิ ฟ้าอากาศ 12. ขอ้ ใดเป็นจดุ เด่นของการขนสง่ ทางท่อ 1. สง่ สนิ คา้ ไดจ้ านวนมาก 2. สง่ สนิ คา้ ไดต้ ลอดเวลา 3. ลงทุนเรมิ่ แรกต่า 4. สง่ สนิ คา้ ไดท้ ุกชนิด 5. ประหยดั เวลา 13. Federal Express เกย่ี วขอ้ งกบั การขนสง่ รปู แบบใด 1. การขนสง่ โดยตคู้ อนเทนเนอร์ 2. การขนสง่ ทางไปรษณยี ์ 3. การขนสง่ พสั ดทุ างอากาศ 4. การขนสง่ โดยฝากกบั รถทวั ร์ 5. การขนสง่ ตอ่ เน่ือง 14. ขอ้ ใดเป็นข้อดีการขนสง่ โดยตคู้ อนเทนเนอร์ 1. จดั หาตคู้ อนเทนเนอรไ์ ดง้ า่ ย 2. สนิ คา้ ปลอดภยั 3. ผซู้ อ้ื ไดร้ บั ความพงึ พอใจ 4. งา่ ยในการจดั สง่ 5. เคลอ่ื นยา้ ยไดด้ ว้ ยตวั เองไมต่ อ้ งอาศยั ยานพาหนะอ่นื 15. ตวั แทนรบั จดั การขนสง่ สนิ คา้ ไม่ต้องรบั ผดิ ชอบหน้าทใ่ี ด 1. เลอื กรปู แบบการขนสง่ 2. เลอื กยานพาหนะในการขนสง่ 3. ความเสยี หายของสนิ คา้ 4. การผลติ สนิ คา้ ใหต้ รงตามคาสงั่ 5. นาสนิ คา้ ลงเรอื 16. ขอ้ ใดเป็นข้อด้อยของผปู้ ระกอบการขนสง่ ในอดตี 1. ไมค่ านึงถงึ สภาพความเสยี หายของสนิ คา้ 2. คดิ คา่ บรกิ ารราคาสงู 3. จดั สง่ สนิ คา้ ล่าชา้ 4. ขาดการบรกิ ารทด่ี ี 5. ยานพาหนะไมเ่ พยี งพอ 17. ผผู้ ลติ ควรเลอื กใชบ้ รษิ ทั จดั สง่ สนิ คา้ ขอ้ ใด 1. บรษิ ทั ทม่ี ชี ่อื เสยี ง 2. บรษิ ทั ทม่ี ยี านพานะทท่ี นั สมยั 3. บรษิ ทั ทส่ี ามารถสง่ สนิ คา้ ไดต้ รงเวลา คนขบั ชานาญเสน้ ทาง 4. บรษิ ทั ทค่ี ดิ คา่ บรกิ ารราคาต่า 5. บรษิ ทั ทส่ี นิทสนมกนั เป็นอยา่ งดี

18. รปู แบบการขนสง่ ต่อไปน้ี ขอ้ ใดมตี น้ ทุนต่าสดุ 1. ทางถนน 2. ทางน้า 3. ทางรถไฟ 4. ทางอากาศ 5. ทางทอ่ 19. ตน้ ทนุ คา่ เสยี โอกาสทจ่ี ะขายสนิ คา้ ได้ เกดิ ขน้ึ จากขอ้ ใด 1. สนิ คา้ ขาดมาตรฐาน 2. การขนสง่ ใชเ้ วลานานเกนิ ไป 3. จดั วางสนิ คา้ ไมส่ วยงาม 4. คนกลางไมใ่ หค้ วามรว่ มมอื กบั ผผู้ ลติ 5. การจดั จาหน่ายผดิ พลาด 20. ขอ้ ใดไม่ใช้คา่ ใชจ้ า่ ยในการขนสง่ 1. คา่ ระวาง 2. คา่ วตั ถุดบิ 3. คา่ แรงงานยกขน 4. คา่ เครอ่ื งมอื ยกสนิ คา้ 5. คา่ ประกนั ภยั ขนสง่

บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาที่พบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................

วชิ า การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 12 สปั ดาหท์ ่ี 12-13 หน่วยท่ี 7 รหสั วชิ า 2202-2004 เวลา 4 ชวั่ โมง เรอ่ื ง การคลงั สนิ คา้ บทบาทของการขนสง่ 1.สาระสาคญั การจดั หาวตั ถุดบิ ให้เพยี งพอต่อการผลติ และการมสี นิ ค้าจาหน่ายในเวลาท่ผี ู้บรโิ ภคต้องการ เป็นสงิ่ ท่ที าให้ ธุรกจิ สามารถดาเนินต่อไปด้วยความราบร่นื ผู้ประกอบการจงึ ต้องให้ความสาคญั กบั การจดั เก็บวตั ถุดบิ และสนิ ค้า สาเรจ็ รูปไวใ้ นสถานท่ี ท่ปี ลอดภยั มรี ะเบยี บ งา่ ยต่อการคน้ หา และนาออกไปใชไ้ ดอ้ ย่างสะดวก รวดเรว็ ขณะจดั เกบ็ จะตอ้ งมกี ารตรวจสอบจานวนอยา่ งเหมาะสม และตรวจสภาพของสนิ คา้ ไมใ่ หเ้ สยี หายดว้ ย 2.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั คลงั สนิ คา้ ได้ 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หน้าทข่ี องคลงั สนิ คา้ ได้ 3. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง 3.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 3.2 ความมวี นิ ยั 3.3 ความรบั ผดิ ชอบ 3.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 3.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 3.6 การประหยดั 3.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 3.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั 3.9 ความรกั สามคั คี 3.10 ความกตญั ญกู ตเวที 3.สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การและกระบวนการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั สถานการณ์ทางการตลาด และตลาดเป้าหมาย 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั กฎหมาย และองคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 4. วางแผนและจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ ารตามหลกั การ 5. ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร

4.เนื้อหาสาระ 1. ความรเู้ กย่ี วกบั คลงั สนิ คา้ 2. หน้าทข่ี องคลงั สนิ คา้ 5.กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1. ครกู ลา่ วถงึ ววิ ฒั นาการของคลงั สนิ คา้ คลงั สนิ คา้ มวี วิ ฒั นาการมาจากการเกบ็ รกั ษาอาหาร และวตั ถุดบิ ใน ครวั เรอื น และไดม้ กี ารพฒั นามาถงึ การเกบ็ รกั ษาวตั ถุดบิ เพอ่ื การผลติ 2. ครสู นทนากบั ผู้เรยี นว่าในประเทศไทย คลงั สนิ ค้ามบี ทบาทสาคญั ช่วงหลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 มกี าร แข่งขนั กนั ทางเศรษฐกิจ มกี ารเคล่อื นย้ายสนิ ค้าจากท่หี น่ึงไปยงั อกี ท่หี น่ึง จากภายในท้องถนิ่ ออกสู่เมอื ง และขา้ ม ประเทศ ผผู้ ลติ เรมิ่ เหน็ ถงึ ความสาคญั ของการผลติ สนิ คา้ ใหเ้ พยี งพอต่อการจาหน่าย การเตรยี มวตั ถุดบิ ใหเ้ พยี งพอต่อ การผลติ และการมสี นิ คา้ จานวนทเ่ี พยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของผซู้ อ้ื 3. ผู้เรียนบอกลักษณะของคลังสินค้าในระยะแรก จะมีหลายชัน้ มีลิฟท์เก่า ๆ วิ่งช้า และมีอุปกรณ์ เคล่ือนย้ายท่ีไม่มีประสทิ ธิภาพ ซ่ึงต่างจากคลงั สนิ ค้าสมยั ใหม่ท่ีมีลกั ษณะเป็นอาคารชนั้ เดียว ทางานโดยระบบ อตั โนมตั ิ มกี ารเคลอ่ื นยา้ ย โดยระบบคอมพวิ เตอร์ ขนั้ สอน 4. ครูอธบิ ายเปรยี บเทยี บคลงั สนิ ค้า (Warehouse) หมายถงึ อาคาร สถานท่ี ท่สี รา้ งข้นึ เพ่อื ใช้ในการเก็บ รกั ษาสนิ ค้าท่ีมปี รมิ าณมากอย่างปลอดภัย และการคลงั สนิ ค้า (Warehousing) หมายถึง วธิ ีการจดั สนิ ค้า ภายใน คลงั สนิ คา้ อยา่ งมรี ะเบยี บ มรี ะบบ แบ่งเป็นหมวดหมู่ สะดวกต่อการคน้ หา สามารถนาออกมาไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ทนั เวลา และอยใู่ นสภาพทด่ี ี โดยเปิดสอ่ื VDO และสอ่ื PowerPoint ใหผ้ เู้ รยี นไดพ้ จิ ารณา 5. ครบู อกความสาคญั ของการคลงั สนิ คา้ คลงั สนิ คา้ เป็นสว่ นหน่ึงของระบบการจดั จาหน่ายสนิ ค้า มบี ทบาท ดา้ นการบรกิ ารลกู คา้ ใหไ้ ดร้ บั สนิ คา้ ทนั กบั ความตอ้ งการ การจดั การคลงั สนิ คา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพจงึ มคี วามสาคญั ดงั น้ี 1) เป็นสถานทเ่ี กบ็ รกั ษาสนิ คา้ 2) ชว่ ยป้องกนั การขาดแคลนสนิ คา้ 3) ชว่ ยลดตน้ ทุนการผลติ สนิ คา้ 4) ชว่ ยใหบ้ รกิ ารลกู คา้ ไดส้ ะดวกขน้ึ 5) ชว่ ยประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการขนสง่ 6) ชว่ ยสรา้ งอรรถประโยชน์ดา้ นเวลา 7) ชว่ ยประหยดั จากการจดั ซอ้ื 8) ชว่ ยใหม้ คี วามพรอ้ มสาหรบั การผลติ 6. ครบู อกหน้าทข่ี องคลงั สนิ คา้ ดงั น้ี 1) การรบั ของ (Receiving) 2) การเกบ็ รกั ษาสนิ คา้ (Storing) 3) การเบกิ จา่ ยหรอื การเลอื กหยบิ (Picking) 4) การจดั สง่ สนิ คา้ (Shipping) 7. ผเู้ รยี นพจิ ารณาคลงั สนิ คา้ สมยั ใหม่ ก่อใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพในการบรหิ ารการคลงั สนิ คา้ อยา่ งไร จงแสดง ความคดิ เหน็ และบอกสงิ่ ทไ่ี ดร้ บั จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม

8. ครูแสดงรูปภาพให้ผู้เรยี นดูเก่ียวกับการจดั การคลงั สนิ ค้าของร้านค้าส่ง (ตามภาพ) นักเรยี นคิดว่า เหมาะสมหรอื ไม่ จงอธบิ าย พรอ้ มทงั้ เสนอแนะการคลงั สนิ คา้ โดยนาเน้ือหาเรอ่ื งหน้าทข่ี องคลงั สนิ คา้ เป็นขอ้ มลู ในการ เสนอแนะ และบอกสงิ่ ทไ่ี ดร้ บั จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์ 9. ครแู ละผเู้ รยี นสรุปความรเู้ กย่ี วกบั คลงั สนิ คา้ และหน้าทข่ี องคลงั สนิ คา้ โดยการถามตอบ 10. ทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู และประเมนิ ตนเองจากแบบประเมนิ ตนเอง รวมทงั้ กจิ กรรมการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ 11. ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ตอ่ ไปน้ี ช่อื ผเู้ รยี น ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. 6.ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น วชิ าการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. รปู ภาพ 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4. แผน่ ใส 5. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สอ่ื VDO และสอ่ื PowerPoint 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7.หลกั ฐาน 1. บนั ทกึ การสอน 2. ใบเชค็ รายช่อื 3. แผนจดั การเรยี นรู้ 4. การตรวจประเมนิ ผลงาน

8.การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรมู้ เี กณฑผ์ า่ น 50% 6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ การวเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง (Sufficiency Economy) 1. ทางสายกลาง (The middle path) : พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุม้ กนั ท่ีดีในตวั 2.เง่ือนไข (Condition) : ความรู้และคุณธรรม หลกั ความพอประมาณ (Moderation) หมายถึง พอประมาณ หมายถึง ความพอดี ท่ีไม่มากและไม่นอ้ ยจนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเอง และผอู้ ่ืน เช่น การผลิตและการบริโภคท่ีพอประมาณ หลกั ความมีเหตผุ ล (Reasonableness) หมายถึง การใช้หลักเหตุผลในการตัดสินใจเร่ืองต่างๆ โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผลท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนอยา่ งรอบคอบ หลกั การมีภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดี (Self - awareness)

หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับต่อผลกระทบที่เกิดข้ึนจากการเปลี่ยนแปลงรอบตวั ปัจจยั เหล่าน้ีจะ เกิดข้ึนไดน้ ้นั จะตอ้ งอาศยั ความรู้ และคุณธรรม เป็นเงื่อนไขพ้ืนฐาน หลกั เงื่อนไขความรู้ (Knowledge) หมายถึงความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั ในการดาเนินชีวิตและการประกอบการงาน กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ทากิจกรรมใบงาน 2. อ่านและทบทวนเน้ือหา

กิจกรรมเศรษฐกิจพอเพียง รหสั วิชา ...2202-2004.......ชอ่ื วชิ า..การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร... หน่วยที่ ......7...... ช่ือหน่วย .....หน้าทเ่ี กยี่ วกบั การขนส่ง............ วตั ถปุ ระสงค์ ผเู้ รยี นสามารถทราบและนาความรเู้ กย่ี วกบั การจดั หาวตั ถุดบิ ใหเ้ พยี งพอตอ่ การผลติ และการมสี นิ คา้ จาหน่ายใน เวลาทผ่ี บู้ รโิ ภคตอ้ งการ เป็นสงิ่ ทท่ี าใหธ้ รุ กจิ สามารถดาเนินตอ่ ไปดว้ ยความราบรน่ื ผปู้ ระกอบการจงึ ตอ้ งใหค้ วามสาคญั กบั การจดั เกบ็ วตั ถุดบิ และสนิ ค้าสาเรจ็ รปู ไวใ้ นสถานท่ี ท่ปี ลอดภยั มรี ะเบยี บ งา่ ยต่อการคน้ หา และนาออกไปใชไ้ ด้ อยา่ งสะดวก รวดเรว็ ขณะจดั เกบ็ จะตอ้ งมกี ารตรวจสอบจานวนอยา่ งเหมาะสม และตรวจสภาพของสนิ คา้ ไมใ่ หเ้ สยี หาย ดว้ ย เง่ือนไข เง่ือนไขความรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม - ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับหน้ าที่การ - ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายอย่าง ขนส่ ง ถกู ตอ้ งซอื่ สัตย์ - มี ค ว า ม รู้ ความเข้ าใจในเนื้ อห า - มคี วามเพยี รพยายามกระตอื รอื ร้นใน รายวชิ า การเรยี นและปฏบิ ตั งิ าน - มในคี ชวาวี มติ รปู้ใรนะจกาาวรนัเลอื กการวางแผนใช้ - เใตห็ม้คใวจแาลมะรจ่วรมงิ มใืจอกับผู้อ่ืนด้วยความ - มีค ว า ม รู้เกี่ย ว กับ ห ลัก ป รัช ญ า เศรษฐกิจพอเพียง และนามาปรบั ใช้ไดด้ ี หลกั พอเพียง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสรา้ งภมู ิค้มุ กนั ท่ีดี - ผู้เรียนจัดสรรเวลา - เห็ นความสามารถใน - มี ทัก ษ ะ ใ น ก า ร ต อ บ ผอใยนู้ เา่ กรงาี เยหรฝมนึากะรปสู้ จฏมั ิบกัตใิไชด้้ การเลอื กเครอื่ งมอื คาถาม - - เห็ นความสาคัญ ของ - สื่ อความหมายในการ ก า ร น า ไ ป ใ ช้ ใ ห้ เกิด ใ ช้ ง า น ไ ด้ อ ย่ า ง มี อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ วั ส ดุ ประโยชนอ์ ยา่ งคุ้มคา่ ประสิทธภิ าพ - อยา่ งคุม่ คา่ - เ ลื อ ก ใ ช้ วั ส ดุ ใ ห้ ป ฏิบัติต น เป็ น ผู้ น า เหมาะสมงาน - กล้าซกั ถามปัญหาหรอื ข้อสงสัยต่างๆ อย่าง และผ้ตู ามทด่ี ี เป็ นเหตเุ ป็ นผล - ควบคุมอารมณ์ตนเอง ได้ เป้ าหมายสมดลุ และพร้อมรบั การเปลี่ยนแปลง 4 มิติ ด้านวตั ถุ ด้านสงั คม ด้านส่ิงแวดล้อม ด้านวฒั นธรรม

- ผู้เรียน ทาแบบฝึกหัด - ผู้เรยี น ได้มกี ารซกั ถาม - หลงั จากเลกิ เรยี น - ให้ผู้เรียน สามารถนา ผู้ เรีย น ช่ ว ย กัน ความรูเ้ ก่ียวกบั หน้าท่ีของ ออนไลน์ ลดรายจ่ายใน ข้อสงสยั ระหว่างเรยี นกบั รั ก ษ า ค ว า ม การขนส่งไปใช้ได้อย่าง ก า ร ใช้ ก ร ะ ด า ษ แ ล ะ ครผู สู้ อน สะอาด ข อง ส า ม า ร ถ ป ร ะ ม ว ล ผ ล - ได้มีก ารแลก เป ล่ียน ห้ อ ง เรีย น น า ถกู ตอ้ ง คะแนนไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ความรกู้ บั เพอ่ื นรว่ มชนั้ ขเรยยี ะนออกทง้ิ ท่ีโต๊ะ - ไดต้ อบคาถามเป็นกลมุ่ - ปเลิดกิ แเรอยีรน์ หลงั จาก - ประหยดั พลงั งาน ตารางวิเคราะหจ์ ดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จดุ ประสงคก์ ารสอน ทางสายกลาง หน่วยท่ี 7 รวม บทบาทการขนส่ง ลาดับความสาคัญ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ความรู้ คณุ ธรรม พอประมาณ ีมเหตุผล ีมภ ิม ้คุมกันภู ิม ้คุมกัน รอบ ้รู รอบคอบ ระมัดระวัง ่ืซอสัตย์สุจ ิรต ขยันอดทน ีมส ิต ัปญญา แบ่ง ัปน 1.ความรเู้ กย่ี วกบั คลงั สนิ คา้ / // / / / / / / 91 2.ความรเู้ กย่ี วกบั หน้าทข่ี องคลงั สนิ คา้ 3.ความรเู้ กย่ี วกบั ทาเลทต่ี งั้ ของคลงั สนิ คา้ / // / / / / / / 91 รวม /// / / / / /82 ลาดบั ความสาคญั 2333223323 2111221121

ใบงานท่ี 7.1 ผลการเรียนร้ทู ี่คาดหวงั 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั คลงั สนิ คา้ ได้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม คลงั สนิ คา้ สมยั ใหม่ ก่อใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพในการบรหิ ารการคลงั สนิ คา้ อยา่ งไร จงแสดงความคดิ เหน็ .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... ส่ิงที่ได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................

ใบงานที่ 7.2 ผลการเรียนร้ทู ี่คาดหวงั 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หน้าทข่ี องคลงั สนิ คา้ ได้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม การจดั การคลงั สนิ คา้ ของรา้ นคา้ สง่ (ตามภาพ) นกั เรยี น คดิ วา่ เหมาะสมหรอื ไม่ จงอธบิ าย พรอ้ มทงั้ เสนอแนะการ คลงั สนิ คา้ โดยนาเน้ือหาเรอ่ื งหน้าทข่ี องคลงั สนิ คา้ เป็น ขอ้ มลู ในการเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... ส่ิงที่ได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม

.................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา

.................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. วชิ า การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 13 สปั ดาหท์ ่ี 13-14 หน่วยท่ี 7 รหสั วชิ า 2202-2004 เวลา 4 ชวั่ โมง เรอ่ื ง การคลงั สนิ คา้ ประเภทคลงั สนิ คา้ 1.สาระสาคญั การจดั หาวตั ถุดบิ ใหเ้ พยี งพอต่อการผลติ และการมสี นิ คา้ จาหน่ายในเวลาท่ผี ูบ้ รโิ ภคต้องการ เป็นสงิ่ ท่ที าให้ ธุรกิจสามารถดาเนินต่อไปด้วยความราบร่นื ผู้ประกอบการจงึ ต้องให้ความสาคญั กบั การจดั เก็บวตั ถุดบิ และสนิ ค้า สาเรจ็ รูปไวใ้ นสถานท่ี ทป่ี ลอดภยั มรี ะเบยี บ งา่ ยต่อการค้นหา และนาออกไปใชไ้ ดอ้ ย่างสะดวก รวดเรว็ ขณะจดั เกบ็ จะตอ้ งมกี ารตรวจสอบจานวนอยา่ งเหมาะสม และตรวจสภาพของสนิ คา้ ไมใ่ หเ้ สยี หายดว้ ย 2.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ประเภทของคลงั สนิ คา้ ได้ 4. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั ทาเลทต่ี งั้ ของคลงั สนิ คา้ ได้ 5. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั สนิ คา้ คงคลงั ได้ 6. วางแผนการควบคุมสนิ คา้ คงคลงั ของธุรกจิ คา้ สง่ ได้ 7. วางแผนการควบคุมสนิ คา้ คงคลงั ของธรุ กจิ คา้ ปลกี ได้ 8. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง 8.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 8.2 ความมวี นิ ยั 8.3 ความรบั ผดิ ชอบ

8.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 8.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 8.6 การประหยดั 8.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 8.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั 8.9 ความรกั สามคั คี 8.10 ความกตญั ญกู ตเวที 3.สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การและกระบวนการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั สถานการณ์ทางการตลาด และตลาดเป้าหมาย 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั กฎหมาย และองคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 4. วางแผนและจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ ารตามหลกั การ 5. ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 4.เนื้อหาสาระ 3. ประเภทของคลงั สนิ คา้ 4. ทาเลทต่ี งั้ ของคลงั สนิ คา้ 5. สนิ คา้ คงคลงั 6. การควบคุมสนิ คา้ คงคลงั ของธุรกจิ คา้ สง่ 7. การควบคุมสนิ คา้ คงคลงั ของธุรกจิ คา้ ปลกี 5.กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1. ครกู ล่าวถงึ คลงั สนิ คา้ ทท่ี าใหผ้ ูผ้ ลติ แสวงหาวธิ กี ารเพ่อื ใหส้ ามารถจดั การเก่ยี วกบั วตั ถุดบิ การเกบ็ สนิ คา้ และมสี นิ คา้ ใหเ้ พยี งพอตอ่ ความตอ้ งการ จงึ ไดเ้ กดิ แนวความคดิ เกย่ี วกบั การคลงั สนิ คา้ ขน้ึ 2. ผู้เรียนบอกลักษณะของคลังสินค้าในระยะแรก จะมีหลายชัน้ มีลิฟท์เก่า ๆ วิ่งช้า และมีอุปกรณ์ เคล่ือนย้ายท่ีไม่มีประสทิ ธิภาพ ซ่ึงต่างจากคลงั สนิ ค้าสมยั ใหม่ท่ีมีลกั ษณะเป็นอาคารชนั้ เดียว ทางานโดยระบบ อตั โนมตั ิ มกี ารเคล่อื นยา้ ย โดยระบบคอมพวิ เตอร์ 3. ครแู ละผเู้ รยี นสนทนาเกย่ี วกบั คลงั สนิ คา้ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ช่วยลดคา่ ใชจ้ า่ ยการจดั เกบ็ และการเคล่อื นยา้ ย สนิ คา้ ลงได้ การเคล่อื นยา้ ยและการจดั เกบ็ วสั ดุ สนิ คา้ และวตั ถุดบิ ถูกพฒั นาใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ แนวความคดิ การขนสง่ ทนั เวลา (Just In Time – JIT) จงึ มบี ทบาทในการลดปรมิ าณสนิ ค้าคงคลงั ท่เี ป็นงานระหว่างทา คลงั สนิ คา้ ชว่ ยเพม่ิ โอกาสในการจาหน่ายสนิ คา้ สาเรจ็ รปู ไดท้ นั ตอ้ งความตอ้ งการของผซู้ อ้ื ชว่ ยใหบ้ รกิ ารลกู คา้ ไดด้ ขี น้ึ ขนั้ สอน 4. ครบู อกประเภทของคลงั สนิ คา้ แบง่ ออกได้ ดงั น้ี 1) คลงั สนิ คา้ เอกชน (Private warehouse) 2) คลงั สนิ คา้ สาธารณะ (Public warehouse)

5. ครอธิบายทาเลท่ีตัง้ ของคลังสินค้า ซ่ึงเป็นปจั จัยสาคัญ ท่ีมีผลต่อประสิทธิภาพของบริการขนส่ง คลงั สินค้าอยู่ใกล้กับเป้ าหมาย มีเส้นทางคมนาคมท่ีสะดวก ย่อมมีข้อดีมากกว่าคลงั สินค้าท่ีอยู่ไกล เส้นทางการ คมนาคม ไมส่ ะดวก ซง่ึ อาจทาใหก้ ารเดนิ ทางล่าชา้ เสยี เวลา และเสยี โอกาสในการขาย 6. ครแู นะนาใหเ้ ลอื กทาเลทต่ี งั้ ของคลงั สนิ คา้ ใหอ้ ยใู่ นจุดทส่ี ามารถตอบสนองความตอ้ งการของตลาด เขา้ ถงึ ง่าย เพ่ือสนิ ค้าถึงเม่ือผู้ซ้ือทนั กับความต้องการ ช่วยเพิ่มยอดขายและลดปรมิ าณสนิ ค้าคงคลงั ได้ ทาเลท่ีตงั้ ของ คลงั สนิ คา้ อาจมมี ากกวา่ หน่ึงแหง่ เพอ่ื ความเหมาะสมและความสามารถในการสรา้ งกาไรใหแ้ กก่ จิ การ 7. ครอู ธบิ ายและบอกประเภทสนิ คา้ คงคลงั สนิ คา้ คงคลงั แบง่ ออกเป็น 4 ประเภท ดงั น้ี 1) วตั ถุดบิ 2) สนิ คา้ ระหวา่ งผลติ 3) สนิ คา้ สาเรจ็ รปู 4) วสั ดุ อุปกรณ์ต่างๆ ทใี ชใ้ นการดาเนินงาน 8. ครอู ธบิ ายการควบคุมสนิ คา้ คงคลงั ของธุรกจิ คา้ สง่ โดยผดู้ ูแลสนิ คา้ ในคลงั สนิ ค้าจะตอ้ งจดบนั ทกึ รายการ สนิ คา้ ต่างๆ เพอ่ื สารวจและบนั ทกึ ขอ้ มลู รายงาน ผบู้ งั คบั บญั ชา หรอื เจา้ ของกจิ การ ถงึ ปรมิ าณสนิ คา้ ในคลงั วา่ มจี านวน เท่าไร คุณภาพสนิ คา้ เป็นอยา่ งไร สนิ คา้ ชนิดใดขายดี ควรเพม่ิ จานวน และสนิ คา้ ชนิดใดขายไมด่ ี ควรลดปรมิ าณสนิ คา้ ในคลงั 9. ครเู ปิด VDO ใหผ้ ูเ้ รยี นดู ซ่งึ ในการควบคุมสนิ คา้ คงคลงั ยงั ป้องกนั การสงั่ สนิ คา้ เขา้ มาซ้า หรอื ปล่อยให้ สนิ ค้าขาดสต๊อก ท่จี ะส่งผลให้ลูกค้าเกิดความไม่เช่อื มนั่ และหนั ไปซ้อื สนิ ค้าของคู่แข่งขนั การควบคุมสนิ ค้าคงคลงั ปฏบิ ตั ไิ ดด้ งั น้ี 1) แบบ Dollar Control สามารถแสดงราคาขายสนิ คา้ ทาใหท้ ราบมลู คา่ สนิ คา้ ในคลงั เช่น มรี องเทา้ ใน คลงั 200 คู่ ราคาคลู่ ะ 300 บาท แสดงถงึ สต๊อกสนิ คา้ มสี นิ คา้ คงเหลอื มลู คา่ 60,000 บาท 2) แบบ Unit Control เป็นการแจ้งรายการสนิ คา้ ในคลงั ท่มี รี ายละเอยี ดมากกว่าแบบ Dollar Control ตอื จะทราบจานวนสนิ ค้าในสต๊อก ในแต่ละแบบ ขนาด สี ราคา ตราสนิ คา้ และยงั ทราบดว้ ยว่า สนิ ค้าซ้อื มาจากไหน วนั ท่ี เดอื น ปี ใด ถกู จาหน่ายออกไปกช่ี น้ิ มกี ารสงั่ เพมิ่ เขา้ มากช่ี น้ิ 3) ตรวจนบั จานวนสนิ คา้ ใหถ้ กู ตอ้ ง โดยดจู ากใบสง่ ของทร่ี ะบจุ านวนของสนิ คา้ หรอื อาจใชว้ ธิ ดี งั น้ี 3.1 Open Check เป็นการตรวจสนิ คา้ โดยการจดั สง่ ใบกากบั สนิ คา้ หรอื ใบสงั่ ซอ้ื ใหก้ บั ผทู้ ม่ี หี น้าท่ี ตรวจสอบ เพอ่ื ใชเ้ ปรยี บเทยี บ วดั ผล ของการตรวจสอบสนิ คา้ จรงิ โดยผตู้ รวจสอบจะใชใ้ บสงั่ ซอ้ื หรอื ใบกากบั สนิ คา้ เป็นหลกั ฐานตรวจกบั สนิ คา้ ทผ่ี ลติ สง่ มาใหต้ รงกนั จงึ ถอื วา่ ถกู ตอ้ ง 3.2 Blind Check เป็นการตรวจรบั สนิ คา้ โดยไมม่ กี ารสง่ ใบกากบั สนิ คา้ และใบสงั่ ซอ้ื สาหรบั การ ตรวจสอบ ผตู้ รวจสอบจงึ ทราบเพยี งวา่ มกี ารสงั่ ซอ้ื อะไร แตไ่ มท่ ราบจานวน เพยี งแคน่ บั จานวนสนิ คา้ แลว้ บนั ทกึ ไว้ ฝา่ ยคลงั สนิ คา้ จะนาใบกากบั สนิ คา้ มาตรวจสอบเปรยี บเทยี บอกี ครงั้ หน่ึง 3.3 Spot Check เป็นการตรวจสอบแบบสมุ่ ตวั อยา่ งเชค็ จากจานวนทงั้ หมด เน่ืองจากสนิ คา้ ทร่ี บั เขา้ มามจี านวนมาก จงึ ไมส่ มารถตรวจสอบรายละเอยี ดไดท้ งั้ หมด อาจใชก้ ารสมุ่ 5 ต่อ 1 หรอื 10 ต่อ 1 เชน่ สนิ คา้ จานวน 10 ลงั นามาตรวจสอบ 1 ลงั ถา้ ผลการตรวจสอบผา่ น กถ็ อื วา่ ผา่ นทงั้ หมด แต่ถา้ พบสว่ นทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง จะตอ้ งนาออกมา ตรวจสอบทงั้ หมด เพอ่ื หาขอ้ ผดิ พลาด 4) การชาระคา่ ขนสง่ และเซน็ ชอ่ื กากบั รบั สนิ คา้ เป็นการรบั รองสนิ คา้ ทส่ี ง่ มาถกู ตอ้ ง สมบรู ณ์ และอาจมี การตกลงชาระคา่ ขนสง่ สนิ คา้ นนั้ ถา้ สง่ มอบเรยี บรอ้ ยถูกตอ้ ง และปลอดภยั ใหก้ บั ผขู้ นสง่

10. การควบคุมสนิ คา้ คงคลงั ของธุรกจิ คา้ ปลกี อาจใชว้ ธิ คี วบคุมตามจานวนหน่วยของสนิ คา้ หรอื ควบคมุ ตาม มลู คา่ ของสนิ คา้ กไ็ ด้ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) วธิ กี ารควบคมุ โดยมลู คา่ ของสนิ คา้ คงคลงั ผคู้ า้ ปลกี มกั คดิ มลู คา่ ของสนิ คา้ คงคลงั ตามราคาตน้ ทุน หรอื ราคาทค่ี าดวา่ จะขายปลกี ไดอ้ ยา่ งใดอยา่ งหน่ึง หรอื ผขู้ ายบางรายอาจใชท้ งั้ สองวธิ ี โดยสว่ นทต่ี ่างกนั คอื ยอดบวก เพม่ิ ของผขู้ าย การควบคมุ ดจู ากมลู คา่ สนิ คา้ คงคลงั ซง่ึ บอกใหท้ ราบวา่ สนิ คา้ คงคลงั มมี ลู คา่ เทา่ ไหร่ แต่จะไมท่ ราบ สนิ คา้ แต่ละชนิดมจี านวนเทา่ ไร 2) วธิ คี วบคมุ โดยจานวนหน่วยของสนิ คา้ คงคลงั ผขู้ ายปลกี ทต่ี อ้ งารทราบรายละเอยี ดในการ ดาเนินงาน มบี นั ทกึ ปรมิ าณสนิ คา้ แตล่ ะชนิดเชน่ เดยี วกบั ในกรณีทค่ี วบคุมสนิ คา้ คงคลงั ตามมลู คา่ รายละเอยี ดจะมาก น้อยเพยี งใดขน้ึ อยกู่ บั ความตอ้ งการของผคู้ า้ ปลกี แต่ละราย การจาแนกขอ้ มลู สนิ คา้ อยา่ งละเอยี ด ทาใหเ้ สยี คา่ ใชจ้ า่ ยใน การเกบ็ มากขน้ึ แตช่ ว่ ยในการวางแผนเกย่ี วกบั สนิ คา้ ไดด้ ี เชน่ รา้ นขายกระเป๋ า ทราบวา่ มสี ตอ็ กสนิ คา้ 1,000 ชน้ิ แต่ ถา้ ทราบวา่ กระเป๋ าในสตอ็ ก ประกอบดว้ ย กระเป๋ าถอื สตรี 450 ใบ กระเป๋ าสภุ าพบุรษุ 300 ใบ และกระเป๋ าสตางค์ 250 ใบ จะมปี ระโยชน์มากกวา่ เป็นตน้ 11. ครบู อกวธิ กี ารตรวจนบั สนิ คา้ คงคลงั ของธรุ กจิ คา้ ปลกี การตรวจนบั สนิ คา้ คงคลงั ของธุรกจิ คา้ ปลกี มหี ลาย วธิ ี จะใชว้ ธิ ใี ดขน้ึ อยกู่ บั ประเภทของกจิ การ ผคู้ า้ ปลกี รายยอ่ ยอาจใชว้ ธิ กี ารสงั เกตวา่ สนิ คา้ ใดเหลอื น้อย สนิ คา้ ใดขาย ไมไ่ ด้ สว่ นธรุ กจิ คา้ ปลกี ขนาดใหญ่ มกั มวี ธิ กี ารทซ่ี บั ซอ้ นขน้ึ การนบั จานวนสนิ คา้ คงคลงั ของธุรกจิ คา้ ปลกี มดี งั น้ี 1) การบนั ทกึ โดยพนักงาน เป็นวธิ ที น่ี ิยมใชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลายทส่ี ดุ โดยเฉพาะกจิ การขนาดเลก็ ทเ่ี หน็ ถงึ ความสาคญั ของการควบคมุ สนิ คา้ คงคลงั 2) การใชเ้ ครอ่ื งเกบ็ เงนิ แบบธรรมดา เครอ่ื งเกบ็ เงนิ แบบธรรมดาบางชนิด สามารถบนั ทกึ ไดว้ า่ สนิ คา้ ท่ี ขายนนั้ มาจากแผนกใด หรอื เป็นสนิ คา้ ชนิดใด และผขู้ ายปลกี สามารถใชข้ อ้ มลู น้ีในการควบคุมปรมิ าณสนิ คา้ รา้ นขาย ของชาใชเ้ คร่อื งเกบ็ เงนิ ธรรมดาแบ่งสนิ คา้ ทน่ี ามาชาระเงนิ สด ออกเป็นชนิดของสนิ คา้ เช่น ของชา และผลติ ภณั ฑอ์ ่นื เป็นตน้ ในหา้ งสรรพสนิ คา้ ใชเ้ คร่อื งเกบ็ เงนิ ธรรมดา บนั ทกึ วา่ สนิ คา้ นนั้ มาจากแผนกใด และอาจบนั ทกึ ขอ้ มลู อ่นื ๆ อกี ไดต้ ามตอ้ งการ ขอ้ มลู ทถ่ี กู บนั ทกึ จะนาไปเพอ่ื วเิ คราะหก์ ารขาย เพอ่ื การควบคุมสนิ คา้ คงคลงั สว่ นมากใชก้ บั สนิ คา้ หน้า รา้ น ไมน่ ิยมใชก้ บั สนิ คา้ ในคลงั ในรา้ นซเู ปอรม์ ารเ์ กต็ สว่ นใหญ่ ใชเ้ ครอ่ื งเกบ็ เงนิ เป็นการบนั ทกึ ทงั้ เงนิ ทไ่ี ดร้ บั และสนิ คา้ ทข่ี ายไป 3) การใชเ้ คร่อื งเกบ็ เงนิ แบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ รา้ นขายปลกี ขนาดใหญ่ ไม่สามารเชค็ ระดบั สนิ คา้ คงคลงั ไดอ้ ยา่ งทนั เวลา จงึ ใชเ้ คร่อื งบนั ทกึ เงนิ สดแบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เรยี กวา่ Point of Sales Register (P.O.S) เคร่อื งบนั ทกึ ณ จุดขาย 4) การใช้พนักงานนับ รา้ นขายปลกี จะใช้พนักงานนับสนิ ค้าทุกอย่าง แต่ละช้นิ เป็นครงั้ คราว เพ่อื หา ปรมิ าณสนิ ค้าท่มี อี ยู่ในคลงั ซ่งึ อาจแตกต่างจากจานวนท่บี นั ทกึ อยู่ในบญั ชี รา้ นขายปลกี จาเป็นต้องปิดระหว่างการ ตรวจนับ ปรมิ าณสนิ คา้ คงคลงั หรอื บางรา้ นอาจใชเ้ วลาตอนกลางคนื หลงั จากปิดรา้ น บางรา้ นถอื โอกาสลดราคาสนิ คา้ ก่อนการตรวจนบั เพอ่ื จะไดน้ บั สนิ คา้ ในปรมิ าณทน่ี ้อยลง พนกั งานทน่ี บั สนิ คา้ จะตอ้ งมอี ยา่ งน้อยสองคน โดยคนหน่ึงนบั และอกี คนหน่ึงบนั ทกึ ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์ 12. ครแู ละผเู้ รยี นสรปุ ประเภทของคลงั สนิ คา้ ทาเลทต่ี งั้ ของคลงั สนิ คา้ สนิ คา้ คงคลงั การควบคุมสนิ คา้ คงคลงั ของธุรกจิ คา้ สง่ และการควบคุมสนิ คา้ คงคลงั ของธุรกจิ คา้ ปลกี โดยทาใบงาน 13. ครสู งั เกตพฤตกิ รรมกลุ่ม และรว่ มกนั สรุปเน้ือหาอกี ครงั้ จากแผน่ ใส

14. ทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ และประเมินตนเองจากแบบประเมินตนเอง พร้อมทากิจกรรมการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ 15.ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ต่อไปน้ี ชอ่ื ผเู้ รยี น ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. 6.ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น วชิ าการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. รปู ภาพ 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4. แผน่ ใส 5. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สอ่ื VDO และสอ่ื PowerPoint 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7.หลกั ฐาน 1. บนั ทกึ การสอน 2. ใบเชค็ ชอ่ื 3. แผนจดั การเรยี นรู้ 4. การตรวจประเมนิ ผลงาน 8.การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครื่องมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รยี น)

4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรมู้ เี กณฑผ์ า่ น 50% 6. แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนข้นึ อยู่กบั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ การวิเคราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) 1. ทางสายกลาง (The middle path) : พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุม้ กนั ที่ดีในตวั 2.เงื่อนไข (Condition) : ความรู้และคุณธรรม หลกั ความพอประมาณ (Moderation) หมายถึง พอประมาณ หมายถึง ความพอดี ที่ไม่มากและไม่นอ้ ยจนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเอง และผอู้ ่ืน เช่น การผลิตและการบริโภคท่ีพอประมาณ หลกั ความมีเหตุผล (Reasonableness) หมายถึง การใช้หลักเหตุผลในการตัดสินใจเร่ืองต่างๆ โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนผลท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนอยา่ งรอบคอบ หลกั การมีภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดี (Self - awareness) หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับต่อผลกระทบท่ีเกิดข้ึนจากการเปล่ียนแปลงรอบตวั ปัจจยั เหล่าน้ีจะ เกิดข้ึนไดน้ ้นั จะตอ้ งอาศยั ความรู้ และคุณธรรม เป็นเง่ือนไขพ้ืนฐาน หลกั เงื่อนไขความรู้ (Knowledge) หมายถึงความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั ในการดาเนินชีวติ และการประกอบการงาน

กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ทาแบบใบงาน 2. อ่านและทบทวนเน้ือหา กิจกรรมเศรษฐกิจพอเพียง รหสั วิชา ...2202-2004.......ชอ่ื วชิ า..การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร... หน่วยท่ี ......7...... ชื่อหน่วย .....ประเภทการคลงั สินค้า............ วตั ถปุ ระสงค์ ผเู้ รยี นสามารถทราบและนาความรเู้ กย่ี วกบั การจดั หาวตั ถุดบิ ใหเ้ พยี งพอต่อการผลติ และการมสี นิ คา้ จาหน่าย ในเวลาท่ีผู้บริโภคต้องการ เป็นส่ิงท่ีทาให้ธุรกิจสามารถดาเนินต่อไปด้วยความราบร่นื ผู้ประกอบการ จึงต้องให้ ความสาคญั กบั การจดั เก็บวตั ถุดิบ และสนิ ค้าสาเรจ็ รูปไว้ในสถานท่ี ท่ีปลอดภยั มีระเบียบ ง่ายต่อการค้นหา และ นาออกไปใชไ้ ด้อย่างสะดวก รวดเรว็ ขณะจดั เก็บจะต้องมกี ารตรวจสอบจานวนอย่างเหมาะสม และตรวจสภาพของ สนิ คา้ ไมใ่ หเ้ สยี หายดว้ ย เงื่อนไข เงื่อนไขความรู้ เงื่อนไขคณุ ธรรม - ผู้ เ รี ย น มี ค ว า ม รู้ เ กี่ ย ว กั บ ก า ร - ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายอย่าง คลงั สินค้า ถกู ต้องซอื่ สัตย์ - มี ค ว า ม รู้ ความเข้ าใจในเนื้ อห า - มคี วามเพยี รพยายามกระตอื รอื ร้นใน รายวชิ า การเรยี นและปฏบิ ตั งิ าน - มคี วามรู้ในการเลอื กการวางแผนใช้ - เใตห็ม้คใวจแามละรจ่วรมงิ มใืจอกับผู้อื่นด้วยความ ในชวี ติ ประจาวนั - เศมรีษคฐวกาิจมพรู้เอกเพี่ยียวงกับแหลละักนปามรัาชปญรบัา ใช้ไดด้ ี หลกั พอเพียง

ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสรา้ งภมู ิค้มุ กนั ท่ีดี - ผู้เรียนจัดสรรเวลา - เห็ นความสามารถใน - มี ทัก ษ ะ ใ น ก า ร ต อ บ ใอผยนู้ เา่ กรงาี เยหรฝมนึากะรปสู้ จฏมั ิบกัตใิไชด้้ การเลอื กเครอ่ื งมอื คาถาม - - เห็ นความสาคัญ ของ - ส่ื อความหมายในการ ก า ร น า ไ ป ใ ช้ ใ ห้ เกิด ใ ช้ ง า น ไ ด้ อ ย่ า ง มี อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ วั ส ดุ ประโยชนอ์ ยา่ งคุ้มคา่ ประสิทธภิ าพ - อยา่ งคุม่ คา่ - เ ลื อ ก ใ ช้ วั ส ดุ ใ ห้ ป ฏิบัติต น เป็ น ผู้ น า เหมาะสมงาน - กล้าซกั ถามปัญหาหรอื ข้อสงสั ยต่างๆ อย่าง และผ้ตู ามทดี่ ี เป็ นเหตเุ ป็ นผล - ควบคุมอารมณ์ตนเอง ได้ เป้ าหมายสมดลุ และพรอ้ มรบั การเปล่ียนแปลง 4 มิติ ด้านวตั ถุ ด้านสงั คม ด้านส่ิงแวดล้อม ด้านวฒั นธรรม - ผู้เรียน ทาแบบฝึกหัด - ผู้เรยี น ได้มกี ารซกั ถาม - หลงั จากเลกิ เรยี น - ให้ผู้เรียน สามารถนา ผู้ เรีย น ช่ ว ย กัน ค ว า ม รู้ เก่ี ย ว กั บ ก า ร ออนไลน์ ลดรายจ่ายใน ข้อสงสยั ระหว่างเรยี นกบั รั ก ษ า ค ว า ม คลังสินค้าไปใช้ได้อย่าง ก า ร ใช้ ก ร ะ ด า ษ แ ล ะ ครผู สู้ อน สะอาด ข อง ส า ม า ร ถ ป ร ะ ม ว ล ผ ล - ได้มีก ารแลก เป ล่ียน ห้ อ ง เรีย น น า ถกู ตอ้ ง คะแนนไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ความรกู้ บั เพอ่ื นรว่ มชนั้ ขยะ ทีโ่ ต๊ะ - ไดต้ อบคาถามเป็นกลมุ่ เรยี นออกทง้ิ - ปิดแอร์ หลงั จาก เลกิ เรยี น - ประหยดั พลงั งาน ตารางวิเคราะหจ์ ดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จดุ ประสงคก์ ารสอน ทางสายกลาง หน่วยท่ี 7 รวม ประเภทคลงั สินค้า ลาดับความสาคัญ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ความรู้ คณุ ธรรม

พอประมาณ ีมเหตุผล ีมภ ิม ้คุมกันภู ิม ้คุมกัน รอบ ้รู รอบคอบ ระมัดระวัง ื่ซอสัตย์สุจ ิรต ขยันอดทน ีมส ิต ัปญญา แบ่ง ัปน 1.ความรเู้ กย่ี วกบั ประเภทของคลงั สนิ คา้ / // / / / / / / 91 2.ความรเู้ กย่ี วกบั ทาเลทต่ี งั้ ของคลงั สนิ คา้ 3.ความรเู้ กย่ี วกบั สนิ คา้ คงคลงั / // / / / / / / 91 4.วางแผนการควบคุมสนิ คา้ คงคลงั ของธรุ กจิ คา้ สง่ /// / / / / /82 รวม ลาดบั ความสาคญั / / / / / / / / / 91 3344334434 2211221121 ใบงานที่ 7.3 ผลการเรียนร้ทู ี่คาดหวงั 3. ประเภทของคลงั สนิ คา้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม จงพจิ ารณาสนิ คา้ ต่างๆ ตามภาพ แลว้ บอกวา่ สนิ คา้ ดงั กลา่ ว เหมาะสมกบั การจดั เกบ็ สนิ คา้ ในคลงั สนิ คา้ ประเภท ใด โดยเตมิ ลงในชอ่ งวา่ ง สินค้า คลงั สินค้า

ส่ิงที่ได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... ใบงานท่ี 7.4 ผลการเรียนร้ทู ี่คาดหวงั 4. ทาเลทต่ี งั้ ของคลงั สนิ คา้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม หากนกั เรยี นเป็นผผู้ ลติ สนิ คา้ จงวางแผนการเลอื กทาเลทต่ี งั้ คลงั สนิ คา้ พรอ้ มอธบิ ายเหตุผลประกอบอยา่ ง ละเอยี ด

.................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... สิ่งท่ีได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... ใบงานท่ี 7.5 ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั 5. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั สนิ คา้ คงคลงั ได้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม การควบคมุ สนิ คา้ คงคลงั แบบไมม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ หากเกดิ กรณคี นงานประทว้ ง อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายต่อ กจิ การ อยา่ งไร จงอธบิ าย พรอ้ มแสดงความคดิ เหน็

.................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... ส่ิงที่ได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... ใบงานที่ 7.6 คาดหวงั ผลการเรียนร้ทู ี่ แผนการควบคุม ธุรกจิ คา้ สง่ ได้ 6. วาง แผนการควบคมุ สนิ คา้ คงคลงั ของ ธุรกจิ คา้ ปลกี ได้ ปฏิบตั ิกิจกรรม 7. วาง สนิ คา้ คงคลงั ของ ขนั้ ตอนการ

ใบรบั สนิ คา้ มปี ระโยชน์ต่อการตรวจนบั สนิ คา้ คงคลงั อยา่ งไร จงอธบิ าย ......................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ ส่ิงที่ได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... แบบประเมินผลหลงั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนท่ี 7 จงเลือกคาตอบที่ถกู ต้องที่สดุ เพียงข้อเดียว 2. เกบ็ สนิ คา้ ปรมิ าณน้อยไมป่ ลอดภยั 4. เกบ็ สนิ คา้ ปรมิ าณมากไมป่ ลอดภยั 1. “คลงั สนิ คา้ ” สมั พนั ธก์ บั ขอ้ ใดมากทส่ี ดุ 1. เกบ็ สนิ คา้ ปรมิ าณน้อยอยา่ งปลอดภยั 2. สนิ คา้ เป็นหมวดหมู่ คน้ หายาก 3. เกบ็ สนิ คา้ ปรมิ าณมากอยา่ งปลอดภยั 4. คน้ หาสนิ คา้ งา่ ย นาออกยาก 5. เกบ็ สนิ คา้ ปรมิ าณน้อยไมป่ ลอดภยั 2. การคลงั สนิ คา้ ทด่ี มี ลี กั ษณะตามขอ้ ใด 1. สนิ คา้ เป็นระเบยี บ นาออกมาใชไ้ ดท้ นั เวลา 3. คน้ หาสนิ คา้ ไดท้ นั เวลา คา่ ใชจ้ า่ ยสงู

5. สนิ คา้ ไมเ่ ป็นหมวดหมู่ นาออกงา่ ย 3. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะของคลงั สนิ คา้ สมยั ใหม่ 1. อาคารสองชนั้ ลฟิ ทท์ นั สมยั 2. อาคารสองชนั้ มสี งิ่ อานวยความสะดวก 3. อาคารชนั้ เดยี ว ลฟิ ทเ์ ก่า 4. อาคารชนั้ เดยี ว เคลอ่ื นยา้ ยสนิ คา้ โดยระบบคอมพวิ เตอร์ 5. อาคารชนั้ เดยี ว ไมต่ อ้ งใชเ้ ครอ่ื งอานวยความสะดวก 4. ขอ้ ใดเป็นความสาคญั ของคลงั สนิ คา้ 1. ทาใหก้ จิ การมคี วามมนั่ คง 2. ทาใหม้ สี นิ คา้ จาหน่ายไดท้ นั ความตอ้ งการ 3. ทาใหส้ ามารถผลติ สนิ คา้ ไดต้ รงกบั ความตอ้ งการของผซู้ อ้ื 4. ทาใหผ้ ผู้ ลติ เกดิ ความพงึ พอใจสงู สดุ 5. ทาใหล้ กู คา้ บรโิ ภคสนิ คา้ ดว้ ยความปลอดภยั 5. ขอ้ ใดไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั หน้าทข่ี องคลงั สนิ คา้ 1. การรบั ของ 2. การเกบ็ รกั ษาสนิ คา้ 3. การผลติ สนิ คา้ 4. การเบกิ สนิ คา้ 5. การจดั สง่ สนิ คา้ 6. ผผู้ ลติ เป็นเจา้ ของคลงั สนิ คา้ ก่อใหเ้ กดิ ผลดตี ามขอ้ ใด 1. ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย 2. สนิ คา้ ไมเ่ สยี หาย 3. เกบ็ สนิ คา้ ไดม้ าก 4. ลกู คา้ เกดิ ความเชอ่ื มนั่ 5. จาหน่ายสนิ คา้ ราคาถกู 7. คลงั สนิ คา้ ขอ้ ใดตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บของกรมศุลกากร 1. คลงั สนิ คา้ ทวั่ ไป 2. คลงั สนิ คา้ หอ้ งเยน็ 3. คลงั สนิ คา้ สาหรบั พชื ผลเฉพาะอยา่ ง 4. คลงั สนิ คา้ เฟอรน์ ิเจอร์ 5. คลงั สนิ คา้ ทณั ฑบ์ น 8. สง่ิ ใดตอ้ งนามาพจิ ารณาในการเลอื กทาเลทต่ี งั้ คลงั สนิ คา้ 1. ผผู้ ลติ ผซู้ อ้ื 2. ผผู้ ลติ คนงาน 3. ผซู้ อ้ื คนงาน 4. ราคาทด่ี นิ วตั ถุดบิ 5. ผซู้ อ้ื ราคาทด่ี นิ 9. ขอ้ ใดเป็นการเลอื กทาเลทต่ี งั้ คลงั สนิ คา้ ทย่ี ดึ ผผู้ ลติ เป็นหลกั 1. ตงั้ คลงั สนิ คา้ ใกลช้ ุมชน 2. ตงั้ คลงั สนิ คา้ ใกลโ้ รงงานและแหลง่ วตั ถุดบิ 3. ตงั้ คลงั สนิ คา้ ใกลผ้ ซู้ อ้ื 4. ตงั้ คลงั สนิ คา้ ใกลแ้ หลง่ ความเจรญิ 5. ตงั้ คลงั สนิ คา้ ในสถานทท่ี ไ่ี มม่ คี นพลุกพลา่ น 10. การตงั้ คลงั สนิ คา้ โดยยดึ ผซู้ อ้ื เป็นหลกั กอ่ ใหเ้ กดิ ผลดขี อ้ ใด 1. ประหยดั คา่ ใชจ่ า่ ย 2. สนิ คา้ เสยี หายน้อย 3. บรกิ ารลกู คา้ ไดท้ นั ที 4. ผผู้ ลติ พงึ พอใจ 5. พนกั งานไดร้ บั ความสะดวก 11. ขอ้ ใดไม่จาเป็นตอ้ งเกบ็ ไวใ้ นคลงั สนิ คา้ 1. วตั ถุดบิ 2. สนิ คา้ ระหวา่ งผลติ 3. สนิ คา้ สาเรจ็ รปู 4. อุปกรณ์ทาความสะอาด 5. อปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นการดาเนินการ

12. การควบคมุ สนิ คา้ คงคลงั ทาใหท้ ราบขอ้ มลู ใด 1. จานวนสนิ คา้ คงเหลอื 2. สว่ นประกอบของสนิ คา้ 3. กรรมวธิ กี ารผลติ สนิ คา้ 4. ผลสารวจความตอ้ งการสนิ คา้ 5. ราคาตน้ ทุนของสนิ คา้ แต่ละหน่วย 13. การควบคมุ สนิ คา้ คงคลงั แบบ Dollar Control ทาใหท้ ราบขอ้ ใด 1. ประเภทสนิ คา้ ทไ่ี ดร้ บั ความนยิ ม 2. ราคาสนิ คา้ ทจ่ี าหน่าย 3. ตน้ ทุนสนิ คา้ 4. มลู คา่ สนิ คา้ คงเหลอื 5. พน้ื ทว่ี า่ งในคลงั สนิ คา้ 14.เอกสารใดทธ่ี รุ กจิ คา้ สง่ นามาใชใ้ นการตรวจนบั สนิ คา้ คงคลงั 1. ใบรบั สนิ คา้ 2. ใบสงั่ ปลอ่ ยสนิ คา้ 3. ใบเสรจ็ รบั เงนิ 4. ใบสงั่ ซอ้ื สนิ คา้ 5. ใบกากบั ภาษี 15. ขอ้ ใดเป็นการตรวจนบั สนิ คา้ โดยวธิ ี Open Check 1. รบั สนิ คา้ โดยไมม่ ใี บกากบั สนิ คา้ 2. รบั สนิ คา้ โดยตรวจจากใบกากบั สนิ คา้ 3. รบั สนิ คา้ แบบสมุ่ ตวั อยา่ ง 4. รบั สนิ คา้ โดยตรวจสอบและเซน็ ตร์ บั สนิ คา้ 5. รบั สนิ คา้ โดยไมต่ รวจสอบใด ๆ ทงั้ สน้ิ 16. กรณีทม่ี สี นิ คา้ เขา้ มาจานวนมาก นิยมใชก้ ารตรวจนบั สนิ คา้ วธิ ใี ด 1. Open Check 2. Blind Check 3. Spot Check 4. Non Check 5. Check List 17. ธรุ กจิ คา้ ปลกี ทค่ี วบคมุ สนิ คา้ คงคลงั โดยควบคมุ มลู คา่ ของสนิ คา้ คงเหลอื ทาให้ไม่ทราบขอ้ มลู ใด 1. มลู คา่ สนิ คา้ คงคลงั ตามราคาตน้ ทุนของสนิ คา้ 2. มลู คา่ ของสนิ คา้ คงคลงั ตามราคาขายปลกี ของสนิ คา้ 3. จานวนสนิ คา้ แตล่ ะชนดิ 4. รายรบั เมอ่ื กจิ การขายสนิ คา้ ไดห้ มด 5. ไมท่ ราบขอ้ มลู ใดเลย 18. การควบคุมสนิ คา้ คงคลงั โดยวธิ คี วบคมุ จานวนหน่วยของสนิ คา้ คงคลงั เหมาะกบั สนิ คา้ ขอ้ ใด 1. เครอ่ื งเขยี น 2. ขนมขบเคย้ี ว 3. นาอดั ลม 4. รถยนต์ 5. เครอ่ื งใชส้ านกั งาน 19. การตรวจนบั สนิ คา้ คงคลงั ของธรุ กจิ คา้ ปลกี นิยมใชว้ ธิ ใี ดมากทส่ี ดุ 1. การบนั ทกึ โดยพนกั งาน 2. การบนั ทกึ โดยเจา้ ของกจิ การ 3. การใชเ้ ครอ่ื งเกบ็ เงนิ แบบธรรมดา 4. การใชเ้ ครอ่ื งเกบ็ เงนิ แบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 5. การใชพ้ นกั งานนบั สนิ คา้ ทกุ ชน้ิ ชว่ งปิดรา้ น 20. รา้ นคา้ ปลกี ขนาดใหญ่ใชว้ ธิ กี ารตรวจนบั สนิ คา้ คงคลงั ขอ้ ใด จงึ สามารถเชค็ สนิ คา้ ไดท้ นั เวลา 1. การบนั ทกึ โดยพนกั งาน 2. การบนั ทกึ โดยเจา้ ของกจิ การ 3. การใชเ้ ครอ่ื งเกบ็ เงนิ แบบธรรมดา 4. การใชเ้ ครอ่ื งเกบ็ เงนิ แบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 5. การใชพ้ นกั งานนบั สนิ คา้ ทกุ ชน้ิ ชว่ งปิดรา้ น

บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แผนการจดั การเรียนรู้ ท่ี 14 วชิ า การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร รหสั วชิ า 2202-2004 สปั ดาหท์ ่ี 15 หน่วยท่ี 8 กฎหมายและองคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การ เวลา 4 ชวั่ โมง เรอ่ื ง จดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร กฎหมายและองคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การ จดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร

1.สาระสาคญั การจดั จาหน่ายสนิ ค้าและบรกิ าร เป็นสงิ่ สาคญั จงึ ต้องมกี าหมายเขา้ มาควบคุม เพ่อื ให้ผู้ประกอบการปฏบิ ตั ิ อย่างเป็นธรรม ต่อคู่แข่งและผู้บริโภค ตลอดจนกจิ การบางประเภท เป็นกจิ การท่ไี ม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบ กจิ การ เน่ืองจากเป็นกจิ การท่สี าคญั เก่ียวขอ้ งกบั ความปลอดภยั ของประเทศ มผี ลกระทบต่อศลิ ปวฒั นธรรมจารตี ประเพณี และหตั ถกรรมพน้ื บา้ น รวมถงึ ธุรกจิ ทม่ี ผี ลกระทบต่อทรพั ยากรหรอื สง่ิ แวดลอ้ มดว้ ย 2.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั องคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 3. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งาน คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง 3.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 3.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั 3.2 ความมวี นิ ยั 3.9 ความรกั สามคั คี 3.3 ความรบั ผดิ ชอบ 3.10 ความกตญั ญกู ตเวที 3.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 3.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง 3.6 การประหยดั 3.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 3.สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การและกระบวนการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั สถานการณ์ทางการตลาด และตลาดเป้าหมาย 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั กฎหมาย และองคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 4. วางแผนและจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ ารตามหลกั การ 5. ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 4.เนื้อหาสาระ 1. กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 2. องคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 5.กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1. ครแู ละผเู้ รยี นสนทนากนั เร่อื งกฏหมายในประเทศไทย ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร ซ่งึ ในประเทศไทยยงั ไมม่ กี ฎหมายฉบบั ใดทก่ี ากบั ดแู ลเกย่ี วกบั การดาเนินธุรกจิ คา้ ปลกี โดยเฉพาะ มเี พยี งบางฉบบั เท่านัน้ ท่ี นามาปรบั ใช้

2. ครเู ล่าถงึ เร่อื งราวการจดั จาหน่ายสนิ คา้ หรอื บรกิ ารท่ไี ม่เหมาะสมในรา้ นคา้ ต่างๆ และใหข้ อ้ คดิ ว่าควรจะมี หน่วยงานใดเขา้ มาดแู ล ขนั้ สอน 3. ครผู สู้ อนอธบิ ายกฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร ไดแ้ ก่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบ ธุรกจิ ของคนต่างดา้ ว และผเู้ รยี นยกตวั อยา่ งลกั ษณะธุรกจิ ประกอบ 4. ครูสรุปสาระสาคญั ของพระราชบญั ญัติว่าด้วยราคาสนิ ค้าและบรกิ าร พ.ศ.2542 และบอกหน้าท่ีของ คณะกรรมการกลางวา่ ดว้ ยราคาสนิ คา้ และบรกิ าร 5. ครแู ละผเู้ รยี นอธบิ าย และยกตวั อย่างหน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งในระเบยี บกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการจดั ระเบยี บการจดั จาหน่ายสนิ คา้ ในทส่ี าธารณะ พ.ศ.2546 6. ครูอธบิ ายสาระสาคญั เก่ียวกบั องค์การท่ีเก่ียวข้องกบั การจดั จาหน่ายสนิ ค้าและบรกิ าร เช่น องค์การ คลงั สนิ คา้ 7. ครแู ละผเู้ รยี นศกึ ษาวสิ ยั ทศั น์ขององคก์ ารคลงั สนิ คา้ และอธบิ ายถงึ อานาจของสานกั งานมาตรฐานสนิ คา้ เกษตรและอาหารแหง่ ชาติ (ตามกฎกระทรวง) 8. ครอู ธบิ ายหน้าท่ี ความสาคญั ของสานกั มาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม (สมอ.) 9. ครูแสดงรปู สญั ลกั ษณ์เคร่อื งหมายมาตรฐานของสนิ ค้าและบรกิ าร ได้แก่ เคร่อื งหมายมาตรฐานทวั่ ไป และเครอ่ื งหมายมาตรฐานบงั คบ้ และมาตรฐานอ่นื ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง 10. ผเู้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ วา่ การประกอบธุรกจิ ดา้ นการจาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร จาเป็นตอ้ งมกี ฎหมาย ควบคมุ หรอื ไม่ และควรควบคุมอยา่ งเครง่ ครดั หรอื ไม่ 11. ผเู้ รยี นคน้ ควา้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั องคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร จานวน 1 องคก์ าร โดยบอกชอ่ื หน่วยงาน และผลการปฏบิ ตั งิ านทเ่ี หน็ อยา่ งชดั เจน พรอ้ มรายละเอยี ด ขนั้ สรปุ และการประยกุ ต์ 12. ครสู รปุ บทเรยี น โดยใช้ VDO และ PowerPoint และอภปิ รายซกั ถามขอ้ สงสยั 13. ครแู ละผเู้ รยี นสรปุ การประยกุ ตใ์ ชก้ ฎหมายเกย่ี วกบั สนิ คา้ และบรกิ าร 14. ทากิจกรรมต่อเน่ือง ตอบคาถามจากบทความในกิจกรรมใบงาน และทาประสบการณ์การเรยี นรู้ ซ่ึง ครผู สู้ อนพจิ ารณาตามความเหมาะสม 15.ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ต่อไปน้ี ช่อื ผเู้ รยี น ธรรมชาตขิ องผเู้ รยี น วธิ กี ารเรยี นรู้ ความสนใจ สตปิ ญั ญา วฒุ ภิ าวะ 1. 2. 3. 4. 5.

แบบประเมนิ ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ ช่อื ผเู้ รยี น ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. 6.ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น วชิ าการจดั การจาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. รปู ภาพ 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4. แผน่ ใส 5. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สอ่ื VDO และสอ่ื PowerPoint 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7.หลกั ฐาน 1. บนั ทกึ การสอน 2. ใบเชค็ ช่อื 3. แผนจดั การเรยี นรู้ 4. การตรวจประเมนิ ผลงาน 8.การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 4. ตรวจกจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ 5. ตรวจใบงาน 6. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครื่องมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมสง่ เสรมิ คุณธรรมนาความรู้ 5. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน

6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. ตอบคาถามในกจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรจู้ งึ จะถอื วา่ ผา่ น เกณฑก์ ารประเมนิ มเี กณฑ์ 4 ระดบั คอื 4= ดมี าก, 3 = ด,ี 2 = พอใช้ , 1= ควรปรบั ปรงุ 5. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรมู้ เี กณฑผ์ า่ น 50% 7 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ การวเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) 1. ทางสายกลาง (The middle path) : พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุม้ กนั ที่ดีในตวั 2.เง่ือนไข (Condition) : ความรู้และคุณธรรม หลกั ความพอประมาณ (Moderation) หมายถึง พอประมาณ หมายถึง ความพอดี ที่ไม่มากและไม่นอ้ ยจนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเอง และผอู้ ่ืน เช่น การผลิตและการบริโภคท่ีพอประมาณ หลกั ความมีเหตุผล (Reasonableness) หมายถึง การใช้หลักเหตุผลในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผลที่คาดวา่ จะเกิดข้ึนอยา่ งรอบคอบ หลกั การมีภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดี (Self - awareness) หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับต่อผลกระทบท่ีเกิดข้ึนจากการเปลี่ยนแปลงรอบตวั ปัจจยั เหล่าน้ีจะ เกิดข้ึนไดน้ ้นั จะตอ้ งอาศยั ความรู้ และคุณธรรม เป็นเง่ือนไขพ้นื ฐาน หลกั เง่ือนไขความรู้ (Knowledge) หมายถึงความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั ในการดาเนินชีวิตและการประกอบการงาน กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ทากิจกรรมใบงาน 2. ศึกษาพระราชบญั ญตั ิคุม้ ครองผบู้ ริโภค

กิจกรรมเศรษฐกิจพอเพียง รหสั วิชา ...2202-2004.......ชอ่ื วชิ า..การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร... หน่วยท่ี ......8...... ช่ือหน่วย .....กฏหมายและองคก์ ารทเี่ กยี่ วข้องกบั การจดั จาหน่ายสินค้าและ บรกิ าร............ วตั ถปุ ระสงค์ ผเู้ รยี นสามารถทราบและนาความรเู้ กย่ี วกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร เป็นสงิ่ สาคญั จงึ ตอ้ งมกี าหมายเขา้ มาควบคุม เพ่อื ใหผ้ ปู้ ระกอบการปฏบิ ตั อิ ย่างเป็นธรรม ต่อค่แู ขง่ และผบู้ รโิ ภค ตลอดจนกจิ การบางประเภท เป็นกจิ การ

ท่ไี ม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกจิ การ เน่ืองจากเป็นกจิ การท่สี าคญั เก่ยี วขอ้ งกบั ความปลอดภยั ของประเทศ มี ผลกระทบต่อศิลปวฒั นธรรมจารตี ประเพณี และหัตถกรรมพ้ืนบ้าน รวมถึงธุรกิจท่ีมีผลกระทบต่อทรพั ยากรหรือ สง่ิ แวดลอ้ มดว้ ย เง่ือนไข เง่ือนไขความรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม - ผู้เรยี นมคี วามรู้เกย่ี วกบั กฏหมายและ - ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายอย่าง - อมงีคควก์ าามรรู้ ความเข้ าใจในเนื้ อห า - ถมคกูี ตวา้อมงเซพอื่ ยี สรัตพยย์ ายามกระตอื รอื ร้นใน รายวชิ า การเรยี นและปฏบิ ตั งิ าน - มคี วามรู้ในการเลอื กการวางแผนใช้ - ให้ความร่วมมือกับผู้อ่ืนด้วยความ ในชวี ติ ประจาวนั เต็มใจและจรงิ ใจ - มีค ว า ม รู้เก่ีย ว กับ ห ลัก ป รัช ญ า เศรษฐกิจพอเพียง และนามาปรบั ใช้ไดด้ ี หลกั พอเพียง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสร้างภมู ิค้มุ กนั ท่ีดี - ใผนู้ เรกียานร ฝจึ ัดกสปรฏริบเัตวิไลดา้ - เห็ นความสามารถใน - มีทัก ษ ะใน ก ารต อ บ - อยา่ งเหมาะสม ผู้ เ รี ย น รู้ จั ก ใ ช้ การเลอื กเครอื่ งมอื คาถาม อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ วั ส ดุ อยา่ งคุม่ คา่ - เห็ นความสาคัญ ของ - สื่ อความหมายในการ ป ฏิบัติต น เป็ น ผู้ น า ก า ร น า ไ ป ใ ช้ ใ ห้ เกิด ใ ช้ ง า น ไ ด้ อ ย่ า ง มี ประโยชนอ์ ยา่ งคุ้มคา่ ประสิทธภิ าพ - - เ ลื อ ก ใ ช้ วั ส ดุ ใ ห้ เหมาะสมงาน - กล้าซกั ถามปัญหาหรอื ข้อสงสัยต่างๆ อย่าง และผ้ตู ามทด่ี ี เป็ นเหตเุ ป็ นผล เป้ าหมายสมดลุ และพร้อมรบั การเปล่ียนแปลง 4 มิติ - คไดว้บคุมอารมณ์ตนเอง ด้านวตั ถุ ด้านสงั คม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านวฒั นธรรม - ผู้เรียน ทาแบบฝึกหัด - ผู้เรยี น ได้มกี ารซกั ถาม - หลงั จากเลกิ เรยี น - ให้ผู้เรียน สามารถนา ออนไลน์ ลดรายจ่ายใน ขอ้ สงสยั ระหว่างเรยี นกบั ผู้ เรีย น ช่ ว ย กัน ความรู้เก่ียวกับกฏหมาย ก า ร ใช้ ก ร ะ ด า ษ แ ล ะ ครผู สู้ อน รั ก ษ า ค ว า ม แ ล ะ อ ง ค์ ก า ร ใ น ก า ร สะอาด ข อง ส า ม า ร ถ ป ร ะ ม ว ล ผ ล - ได้มีก ารแลก เป ล่ียน ห้ อ ง เรีย น น า ป ร ะ ก อ บ ธุ ร กิ จ ไ ม่ ให้ มี คะแนนไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ความรกู้ บั เพอ่ื นรว่ มชนั้ ขยะ ทโ่ี ต๊ะ ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม เรยี นออกทง้ิ ได้ - ไดต้ อบคาถามเป็นกลมุ่ - ปเลิดกิ แเรอยีรน์ หลงั จาก - ประหยดั พลงั งาน

ตารางวิเคราะหจ์ ดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จดุ ประสงคก์ ารสอน ทางสายกลาง หน่วยท่ี 8 รวม กฏหมายและองคก์ ารท่ีเกี่ยวข้องกบั การจดั ลาดับความสาคัญ จาหน่ายสินค้าและบริการ 3 ห่วง 2 เง่ือนไข ความรู้ คณุ ธรรม พอประมาณ ีมเหตุผล ีมภ ิม ้คุมกันภู ิม ้คุมกัน รอบ ้รู รอบคอบ ระมัดระวัง ่ืซอสัตย์สุจ ิรต ขยันอดทน ีมส ิต ัปญญา แบ่ง ัปน 1.ความรเู้ กย่ี วกบั กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั // / / / / / / / 91 จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร / // / / / / / / 91 2.ความรเู้ กย่ี วกบั องคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั /// / / / / /82 จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร / / / / / / / / / 91 3.ความสาคญั ของการกาหนดราคาสนิ คา้ และบรกิ าร 2344344434 3211211121 4.ความสาคญั ขององคท์ เ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่าย สนิ คา้ และบรกิ าร รวม ลาดบั ความสาคญั

ใบงานที่ 8.1 ผลการเรียนร้ทู ่ีคาดหวงั 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบธุรกจิ ของคนต่างดา้ วได้ 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั พระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยราคาสนิ คา้ และบรกิ าร พ.ศ. 2542 ได้ 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั พระราชบญั ญตั กิ ารผงั เมอื ง พ.ศ. 2518 ได้ 4. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั พระราชบญั ญตั แิ ขง่ ขนั ทางการคา้ พ.ศ 2542 ได้ ขนั้ ตอนการปฏิบตั ิกิจกรรม นกั เรยี นคดิ วา่ การประกอบธุรกจิ ดา้ นการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร จาเป็นตอ้ งมกี ฎหมายควบคุมหรอื ไม่ และควรควบคุมอยา่ งเครง่ ครดั หรอื ไม่ จงแสดงความคดิ เหน็ .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... สิ่งที่ได้รบั จากการปฏิบตั ิกิจกรรม .................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................

บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................... .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................

แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 15 วชิ า การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร รหสั วชิ า 2202-2004 สปั ดาหท์ ่ี 16-17 หน่วยท่ี 8 กฎหมายและองคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การ เวลา 4 ชวั่ โมง เรอ่ื ง จดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร องคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่าย สนิ คา้ และบรกิ าร 1.สาระสาคญั การประกอบธุรกจิ ภายใตก้ ารแขง่ ขนั อยา่ งในปจั จุบนั ผปู้ ระกอบการจะตอ้ งดาเนินธุรกจิ อยา่ งสรา้ งสรรค์ โดย การนาเทคโนโลยสี มยั ใหม่ มาใช้อย่างเหมาะสม ส่งเสรมิ ให้เกิดภาพลกั ษณ์ท่ีดตี ่อกิจการ ช่วยให้การดาเนินงานมี ประสทิ ธภิ าพ สรา้ งความพงึ พอใจแก่ลูกค้า อนั นาไปสู่ความเช่อื มนั่ และความจงรกั ภกั ดตี ่อองค์กร ช่วยสรา้ งความ ไดเ้ ปรยี บดา้ นการแขง่ ขนั 2.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั บทบาทของระบบสารสนเทศในการจดั จาหน่ายได้ 2. ประยกุ ตใ์ ชค้ อมพวิ เตอรใ์ นการจดั จาหน่ายได้ 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั คุณคา่ ของระบบคอมพวิ เตอรท์ ม่ี ตี อ่ ชอ่ งทางการจดั จาหน่ายและการกระจายสนิ คา้ 4. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สาเร็จการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง 4.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 4.2 ความมวี นิ ยั 4.3 ความรบั ผดิ ชอบ 4.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 4.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 4.6 การประหยดั 4.7 ความสนใจใฝร่ ู้ 4.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั 4.9 ความรกั สามคั คี 4.10 ความกตญั ญกู ตเวที 3.สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การและกระบวนการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั สถานการณ์ทางการตลาด และตลาดเป้าหมาย 3. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั กฎหมาย และองคก์ ารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร 4. วางแผนและจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ ารตามหลกั การ 5. ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร

4.เนื้อหาสาระ 1. บทบาทของระบบสารสนเทศในการจดั จาหน่าย 2. การนาคอมพวิ เตอรม์ าใชใ้ นการจดั จาหน่าย 3. คุณคา่ ของระบบคอมพวิ เตอรท์ ม่ี ตี อ่ ชอ่ งทางการจดั จาหน่ายและการกระจายสนิ คา้ 5.กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1. ครกู ลา่ วถงึ ระบบสารสนเทศเขา้ มามบี ทบาทในช่องทางการจดั จาหน่ายและการกระจายสนิ คา้ ทาใหส้ นิ คา้ ผ่านจากผู้ผลิตไปยงั ผู้บริโภค อาจใช้ช่องทางการจดั จาหน่ายทางตรง และทางอ้อม การตลาดทางตรง (Direct marketing) ท่ีเป็นการส่อื สารทางการตลาดเพ่ือให้เกิดการตอบสนอง แต่ไม่รวมถึงการขายของพนักงานขายท่ีนา สนิ คา้ เขา้ เสนอขายแก่ลกู คา้ 2. ครูแนะนาให้ผู้เรียนท่ีเป็นผู้ประกอบการจึงควรจะดาเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงเป็ น แนวความคดิ ทม่ี ากกวา่ การมุ่งเน้นธุรกจิ และสงั คม เพราะเป็นแนวความคดิ ทค่ี านึงถงึ ความมสี านึกในคุณธรรม ความ ซ่ือสตั ย์สุจริตความรอบคอบ ให้เกิดความสมดุลและพร้อมต่อการรองรบั การเปล่ียนแปลง ทัง้ ด้านวตั ถุ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ มและวฒั นธรรมจากโลกภายนอก ขนั้ สอน 3. ครูอธบิ ายบทบาทของระบบสารสนเทศในการจดั จาหน่าย โดยระบบสารสนเทศ (Information system) เป็นการรวบรวมหรอื นาขอ้ มลู มาประมวลผล เพอ่ื ใหไ้ ดร้ ายงาน หรอื สารสนเทศเพอ่ื ใชป้ ระกอบการตดั สนิ ใจ รวมถงึ การ ป้อนขอ้ มลู บางอยา่ งเขา้ ระบบ เพอ่ื ปรบั ปรงุ การประมวลผลใหเ้ ป็นไปตามตอ้ งการ 4. ครอู ธบิ ายถงึ ระบบสารสนเทศในช่องทางการจดั จาหน่ายและการกระจายสนิ คา้ เป็นการไหลของขอ้ มูล ซ่งึ เป็นการไหลจากผูผ้ ลติ ผ่านคนกลาง ไปยงั ผูบ้ รโิ ภค หรอื ไปกลบั ระหวา่ งผูผ้ ลติ กบั ผูบ้ รโิ ภค และจากผูบ้ รโิ ภคไหล กบั ไปยงั ผผู้ ลติ โดยผา่ นคนกลาง 5. ครกู ล่าวถงึ การนาคอมพวิ เตอรม์ าใชใ้ นการจดั จาหน่าย ในปจั จุบนั ระบบคอมพวิ เตอรถ์ ูกนามาใชใ้ นการ ดาเนินงานขององค์กรธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่สามารถใช้ระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยดาเนินงาน และการ ตดิ ต่อสอ่ื สารทงั้ การสอ่ื สารภายใน และการสอ่ื สารภายนอกองคก์ รทงั้ ดา้ นการผลติ การตลาดและการจดั จาหน่าย 6. ผู้เรียนบอกถึงลักษณะของระบบคอมพิวเตอร์มีการทางานท่ีมีประสิทธิภาพ สามารถคานวณ เปรยี บเทยี บ คดั เลอื ก เกบ็ รวบรวม ปรบั ปรุงขอ้ มลู ท่เี ป็นตวั เลข และขอ้ ความจานวนมากไดอ้ ย่างรวดเรว็ และมคี วาม แมน่ ยา คอมพวิ เตอรจ์ งึ เหมาะกบั งานทม่ี ลี กั ษณะดงั น้ี 1) งานท่ตี อ้ งทาเป็นประจา ได้แก่ ขอ้ มูลเก่ยี วกบั บญั ชี ขอ้ มูลเงนิ เดอื นพนักงาน ขอ้ มูลสนิ คา้ คงเหลอื ขอ้ มลู การจดั ซอ้ื สนิ คา้ เป็นตน้ 2) งานทม่ี ปี รมิ าณมาก รา้ นคา้ ปลกี ขนาดใหญ่ มสี นิ คา้ คงคลงั จานวนมาก มรี ายการขายสนิ คา้ ในแต่ละ วนั จานวนมาก รวมถงึ การเกบ็ ขอ้ มลู พนกั งาน หรอื ขอ้ มูลของลกู คา้ ภายในหน่วยงาน 3) งานทต่ี อ้ งการความถกู ตอ้ ง ไดแ้ ก่ ใบรบั สง่ สนิ คา้ ใบกากบั ภาษี ใบเสรจ็ รบั เงนิ เป็นตน้ 4) งานทต่ี อ้ งการทราบผลลพั ธเ์ รว็ เช่น รายงานแสดงยอดขายจาแนกตามเขตการขาย รายงานสนิ คา้ คงเหลอื รายงานยอดขาสนิ คา้ ใยชว่ งเวลาหน่ึง รายงานคา่ ใชจ้ า่ ยในการขนสง่ เป็นตน้

5) งานท่ีต้องมีการคานวณยุ่งยากและซับซ้อน เช่น การทางบกาไรขาดทุนและงบดุล การจัดทา งบประมาณ การพยากรณ์รายได้ เป็นตน้ 7. ครูบอกคุณค่าของระบบคอมพวิ เตอรท์ ่มี ตี ่อช่องทางการจดั จาหน่ายและการกระจายสนิ คา้ โดยองค์กร ธุรกจิ นาคอมพวิ เตอรเ์ ขา้ มาชว่ ยในชอ่ งทางการจดั จาหน่ายและการกระจายสนิ คา้ เน่ืองจากเหตุผลสาคญั ดงั น้ี 1) เพ่ือสร้างภาพลกั ษณ์ การนาเทคโนโลยีสมยั ใหม่เข้ามาใช้ในการดาเนินงาน ช่วยให้เกิดความ น่าเชอ่ื ถอื และเกดิ ภาพลกั ษณ์ทด่ี ตี ่อองคก์ ร ทาใหล้ กู คา้ ไวว้ างใจและเกดิ การตดั สนิ ใจซอ้ื 2) เพ่ือสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขนั การดาเนินธุรกิจ จะต้องเผชิญกับการแข่งขนั อย่าง หลกี เลย่ี งไม่ได้ การนาระบบคอมพวิ เตอรเ์ ขา้ มาช่วยในการดาเนินงาน เช่น ระบบการสงั่ ซอ้ื ระบบการชาระเงนิ ระบบ การเชค็ สนิ คา้ คงเหลอื การนาเสนอรปู แบบของสนิ คา้ เป็นตน้ สงิ่ เหล่าน้ีจะช่วยอานวยความสะดวกแก่ลกู คา้ ลกู คา้ เกดิ ความพงึ พอใจ ทาใหล้ กู คา้ ตดั สนิ ใจซอ้ื ไดง้ า่ ยขน้ึ และเรว็ ขน้ึ และสรา้ งความไดเ้ ปรยี บดา้ นการแขง่ ขนั ดว้ ย 3) เพ่อื การตดั สนิ ใจไดอ้ ย่างรวดเรว็ ระบบคอมพวิ เตอร์ มปี ระสทิ ธภิ าพดา้ นการคานวณ การวเิ คราะห์ ขอ้ มลู ซง่ึ ชว่ ยใหผ้ บู้ รหิ ารนามาประกอบการตดั สนิ ใจ ดา้ นชอ่ งทางการจดั จาหน่ายและการกระจายสนิ คา้ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และแม่นยา เช่น คานวณปรมิ าณการสงั่ ซ้ือ พยากรณ์ความต้องการสินค้า คานวณต้นทุน คานวณระยะเวลา และ จานวนพาหนะเพอ่ื ใชใ้ นการขนสง่ เป็นตน้ 4) เพ่อื ลดต้นทุนของกิจการ ต้นทุนเป็นปจั จยั สาคญั ของการดาเนินธุรกิจ ธุรกิจท่สี ามารถลดต้นทุน ไดม้ าก สง่ ผลใหม้ กี าไรจากการดาเนินกจิ การทส่ี งู ขน้ึ การลดตน้ ทุนทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพตอ้ งควบคกู่ บั การทางานดว้ ยความ รวดเรว็ ประหยดั เวลา และทางานด้วยความถูกต้อง ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยให้ธุรกิจประหยดั เวลา และประหยดั แรงงาน และลดความผดิ พลาดทเ่ี กดิ จากบุคลากร 5) เพ่อื การแก้ปญั หาทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ปญั หาท่เี กดิ ขน้ึ ในการทางาน ไดแ้ ก่ การทางานทข่ี าดคุณภาพ ความล่าชา้ ขอ้ มลู สญู หาย ขอ้ มลู ไมค่ รบถว้ น ฯลฯ ปญั หาเหล่าน้ีสามารถแกไ้ ขได้ โดยนาระบบคอมพวิ เตอรเ์ ขา้ มาช่วย ทาใหป้ ญั หาเบาบางลง หรอื หมดไป 8. ผเู้ รยี นทากจิ กรรมใบงาน ขนั้ สรปุ และการประเมินผล 9. ครแู ละผเู้ รยี นสรปุ บทบาทของระบบสารสนเทศในการจดั จาหน่าย การนาคอมพวิ เตอรม์ าใชใ้ นการจดั จาหน่าย คุณคา่ ของระบบคอมพวิ เตอรท์ ม่ี ตี ่อช่องทางการจดั จาหน่ายและการกระจายสนิ คา้ 10. สรปุ เน้ือหาในหน่วยการเรยี นอกี ครงั้ โดยวธิ ถี าม–ตอบและซกั ถามขอ้ สงสยั ผเู้ รยี นทาแบบประเมนิ ผล การเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ =9-10 รายการประเมิน คะแนน =7-8 =5-6 =ต่ากวา่ 5 คะแนน 1. การกลา่ วนา แนะนาตวั และเพอ่ื นรว่ มงาน 2. จุดประสงคใ์ นการทางาน แหลง่ ขอ้ มลู วธิ กี าร ทางาน

3. ออกเสยี ง ชดั เจน ถกู ตอ้ ง 4. น้าเสยี งเหมาะสม 5. ตวั อยา่ งประกอบมสี อ่ื ชดั เจน 6. ลาดบั ความคดิ ไดด้ ี 7. ทา่ ทางเหมาะสม แบบประเมนิ ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ ชอ่ื ผเู้ รยี น ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. 6.สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น วชิ าการจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2. รปู ภาพ 3. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4. แผน่ ใส 5. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สอ่ื VDO และสอ่ื PowerPoint 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7.หลกั ฐาน 1. บนั ทกึ การสอน 2. ใบเชค็ ชอ่ื 3. แผนจดั การเรยี นรู้ 4. การตรวจประเมนิ ผลงาน

8.การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 4 ตรวจกจิ กรรมสง่ เสรมิ คุณธรรมนาความรู้ 5. ตรวจใบงาน 6. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เคร่อื งมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ 5. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. ตอบคาถามในกจิ กรรมสง่ เสรมิ คุณธรรมนาความรจู้ งึ จะถอื วา่ ผา่ น เกณฑก์ ารประเมนิ มเี กณฑ์ 4 ระดบั คอื 4= ดมี าก, 3 = ด,ี 2 = พอใช้ , 1= ควรปรบั ปรงุ 5. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรมู้ เี กณฑผ์ า่ น 50% 7 แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนข้นึ อยู่กับการ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ การวเิ คราะห์ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง (Sufficiency Economy) 1. ทางสายกลาง (The middle path) : พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุม้ กนั ท่ีดีในตวั 2.เง่ือนไข (Condition) : ความรู้และคุณธรรม หลกั ความพอประมาณ (Moderation) หมายถึง พอประมาณ หมายถึง ความพอดี ท่ีไม่มากและไม่นอ้ ยจนเกินไป ไม่เบียดเบียนตนเอง และผอู้ ื่น เช่น การผลิตและการบริโภคท่ีพอประมาณ หลกั ความมีเหตุผล (Reasonableness)

หมายถึง การใช้หลักเหตุผลในการตัดสินใจเร่ืองต่างๆ โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเกี่ยวข้อง ตลอดจนผลท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนอยา่ งรอบคอบ หลกั การมีภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดี (Self - awareness) หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับต่อผลกระทบท่ีเกิดข้ึนจากการเปลี่ยนแปลงรอบตวั ปัจจยั เหล่าน้ีจะ เกิดข้ึนไดน้ ้นั จะตอ้ งอาศยั ความรู้ และคุณธรรม เป็นเง่ือนไขพ้นื ฐาน หลกั เงื่อนไขความรู้ (Knowledge) หมายถึงความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั ในการดาเนินชีวติ และการประกอบการงาน กจิ กรรมเสนอแนะ 1. ทาใบงาน 2. อ่านและทบทวนเน้ือหา

กิจกรรมเศรษฐกิจพอเพียง รหสั วิชา ...2202-2004.......ชอ่ื วชิ า..การจดั จาหน่ายสนิ คา้ และบรกิ าร... หน่วยที่ ......8...... ชื่อหน่วย .....องคก์ ารทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การจดั จาหน่ายสินค้าและบรกิ าร............ วตั ถปุ ระสงค์ ผู้เรียนสามารถทราบและนาความรู้เก่ียวกับการประกอบธุรกิจภายใต้การแข่งขัน อย่างในปจั จุบัน ผปู้ ระกอบการจะตอ้ งดาเนินธุรกจิ อยา่ งสรา้ งสรรค์ โดยการนาเทคโนโลยสี มยั ใหม่ มาใชอ้ ยา่ งเหมาะสม สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ภาพลกั ษณ์ทด่ี ตี ่อกจิ การ ช่วยใหก้ ารดาเนินงานมปี ระสทิ ธภิ าพ สรา้ งความพงึ พอใจแก่ลูกคา้ อนั นาไปสคู่ วามเช่อื มนั่ และความจงรกั ภกั ดตี ่อองคก์ ร ชว่ ยสรา้ งความไดเ้ ปรยี บดา้ นการแขง่ ขนั เง่ือนไข เงื่อนไขความรู้ เงื่อนไขคณุ ธรรม - ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับองค์การที่ - ปฏิบัติงานท่ีได้รบั มอบหมายอย่าง - เมรกาีคยี่ยวววาขชิ มอ้ ารงกู้ าครจวาาหมนเ่าขย้ าใจในเนื้ อห า - กถมคากูี รตวเา้อรมงยี เซนพอื่ แยี สลรัตะพปยยฏ์ าบิ ยตั างิ มากนระตอื รอื ร้นใน - มคี วามรู้ในการเลอื กการวางแผนใช้ - ให้ความร่วมมือกับผู้อ่ืนด้วยความ ในชวี ติ ประจาวนั เต็มใจและจรงิ ใจ - มีค ว า ม รู้เก่ีย ว กับ ห ลัก ป รัช ญ า เศรษฐกิจพอเพียง และนามาปรบั ใช้ไดด้ ี หลกั พอเพียง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสร้างภมู ิค้มุ กนั ที่ดี - อผใยนู้เรา่ กียงาเนหรฝมจึาัดกะสปสรฏมริบเัตวิไลดา้ - เห็ นความสามารถใน - มีทัก ษ ะใน ก ารต อ บ - ผู้ เ รี ย น รู้ จั ก ใ ช้ การเลอื กเครอ่ื งมอื คาถาม - เห็ นความสาคัญ ของ - สื่ อความหมายในการ ก า ร น า ไ ป ใ ช้ ใ ห้ เกิด ใ ช้ ง า น ไ ด้ อ ย่ า ง มี อุ ป ก ร ณ์ แ ล ะ วั ส ดุ ประโยชนอ์ ยา่ งคุ้มคา่ ประสิทธภิ าพ - อยา่ งคุม่ คา่ - เ ลื อ ก ใ ช้ วั ส ดุ ใ ห้ ป ฏิบัติต น เป็ น ผู้ น า เหมาะสมงาน - กล้าซกั ถามปัญหาหรอื ข้อสงสัยต่างๆ อย่าง และผ้ตู ามทด่ี ี เป็ นเหตเุ ป็ นผล - ควบคุมอารมณ์ตนเอง ได้ เป้ าหมายสมดลุ และพร้อมรบั การเปล่ียนแปลง 4 มิติ ด้านวตั ถุ ด้านสงั คม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านวฒั นธรรม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook