1 คำนำ กระทรวงศกึ ษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ และสาระภมู ิศาสตรใ์ นกล่มุ สาระการเรียนรูส้ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคาส่ังกระทรวงศึกษาธิการท่ี สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวนั ที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ และคาสงั่ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน ท่ี ๓๐/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ให้เปล่ียนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) โดยมีคาส่ังให้โรงเรียนดาเนินการใช้หลักสูตรในปีการศึกษา ๒๕๖๑ โดยให้ใช้ในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ และ ๔ ต้ังแตป่ ีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นต้นมา ให้เป็นหลักสตู รแกนกลาง ของประเทศ โดยกาหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนมีพัฒนาการเต็มตามศักยภาพ มีคุณภาพและมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ เพื่อให้สอดคล้องกับ นโยบายและเป้าหมายของสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน โรงเรียนบ้านซับจาปา จึงได้ทาการ ปรบั ปรุงหลักสตู รสถานศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระ ภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ใช้ในทุกระดับช้ัน เพื่อนาไปใช้ประโยชน์ และเป็นกรอบในการวางแผนและพัฒนาหลักสตู ร ของสถานศึกษาและจดั การเรียนการสอน อีกทั้งในปีการศกึ ษา ๒๕๖๓ โรงเรียนบ้านซับจาปา ได้จัดการเรียนการสอนโดยเน้นให้ผู้เรียน เกิดความรู้ มีคุณธรรมและเสริมสร้าง ทักษะอาชพี โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพผเู้ รียน ใหม้ ีกระบวนการนาหลักสูตรไป สู่การปฏบิ ัติ โดยมีการ กาหนดวิสัยทัศน์ จุดหมาย สมรรถนะสาคัญ ของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และ ตวั ชี้วดั โครงสรา้ งเวลาเรยี น ตลอดจนเกณฑ์การวัดประเมินผล ให้มคี วามสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรียนรู้ เปิด โอกาสให้โรงเรียนสามารถกาหนดทิศทาง ในการจัดทาหลักสูตรการเรียนการสอนในแต่ละระดับตามความพร้อม และจุดเน้น โดยมีกรอบแกนกลางเป็นแนวทางท่ีชัดเจนเพ่ือตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ มีความพร้อมใน การกา้ วสู่สงั คมคณุ ภาพ มีความรอู้ ย่างแท้จริง และมที กั ษะในศตวรรษท่ี ๒๑ การจัดหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานจะประสบความสาเร็จตามเป้าหมายท่ีคาดหวังได้ ทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับชาติ ชุมชน ครอบครัว และบุคคลต้องร่วมรับผิดชอบ โดยร่วมกันทางานอย่างเป็นระบบ และต่อเน่ือง ในการวางแผน ดาเนินการ ส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบ ตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพ่ือพัฒนา เยาวชนของชาติไปสคู่ ณุ ภาพตามมาตรฐานการเรยี นรู้ท่กี าหนดไว้
1 ลกั ษณะของหลกั สตู รสถำนศึกษำโรงเรียนบ้ำนซับจำปำ พทุ ธศกั รำช ๒๕๖๓ ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พนื้ ฐำน พุทธศกั รำช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พทุ ธศักรำช ๒๕๖๐) หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านซับจาปา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) เป็นหลักสูตรท่ีโรงเรียนได้พัฒนาขึ้น เพื่อพัฒนาผู้เรียนในระดับประถมศึกษา โดยยึดองค์ประกอบหลักสาคัญ ๕ ส่วนคือ ๑) หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ๒) มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ๓) นโยบายการจัดการเรียน การสอนภาษาอังกฤษ และ ๔) สาระสาคัญ จุดเน้นที่โรงเรียนพัฒนาเพ่ิมเติม เป็นกรอบในการจัดทารายละเอียด เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาข้ันพื้นฐานที่กาหนดเหมาะสมกับสภาพชุมชนและท้องถิ่นและจุดเน้นของ โรงเรียน โดยหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านซับจาปา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๐) ท่ีพัฒนาข้นึ มีลกั ษณะของหลกั สตู ร ดังนี้ ๑. เป็นหลักสูตรเฉพาะของโรงเรียนบ้านซับจาปา สาหรับจัดการศึกษาในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขัน้ พื้นฐานจดั ในระดบั ประถมศกึ ษา ๒. เป็นหลักสูตรที่มีความเป็นเอกภาพสอดคล้องกับหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ สาหรับใหค้ รูผ้สู อนนาไปจัดการเรยี นรู้ไดอ้ ย่างหลากหลาย โดยกาหนดให้มีรายละเอียด ดังน้ี ๒.๑ สาระการเรียนรู้ที่โรงเรียนใช้เป็นหลักเพ่ือสร้างพ้ืนฐานการคิด การเรียนรู้ และการแก้ปัญหา ประกอบด้วย ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒.๒ สาระการเรียนรู้ท่ีเสริมสร้างความเป็นมนุษย์ ศักยภาพการคิดและการทางาน ประกอบด้วย สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพ และภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ๒.๓ สาระการเรียนรู้เพ่ิมเติม โดยจัดทาเป็นรายวิชา/กิจกรรมเพ่ิมเติมตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับโครงสร้างเวลาเรยี น สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน ความต้องการของผเู้ รยี น และบริบทของโรงเรียน และเพิ่มวชิ าภาษาไทย คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ให้สอดคล้องกับนโยบายของสานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา ประถมศกึ ษาลพบุรี เขต ๒ สานกั งานงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐานและกระทรวงศึกษาธิการด้วย ๒.๔ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพ่ือพัฒนาผู้เรียนท้ังด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างการเรยี นรนู้ อกจากกล่มุ สาระการเรยี นรู้ ๘ กลุ่ม และการพฒั นาตนตามศกั ยภาพ ๒.๕ การกาหนดมาตรฐานของโรงเรียนที่สอดคล้องกับมาตรฐานระดับต่าง ๆ เพ่ือเป็นเป้าหมาย ของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน จัดทารายละเอียดสาระการเรียนรู้ และจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้สอดคลอ้ งกับสภาพในชุมชน สงั คม และภูมิปญั ญาท้องถ่ิน ๓. มีมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสาคัญของการพัฒนาคุณภาพหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียน บ้านซับจาปา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานเป็นตัวกาหนดเกี่ยวกับความรู้ ทักษะ
2 กระบวนการ สมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เพื่อเป็นแนวทางในการประกันคุณภาพ การศึกษา โดยมกี ารกาหนดมาตรฐานไวด้ งั นี้ ๓.๑ มาตรฐานหลักสูตร เป็นมาตรฐานด้านผู้เรียนหรือผลผลิตของหลักสูตรโรงเรียน เกิดข้ึนจาก การจัดกิจกรรมตามโครงสร้างของหลักสูตรทั้งหมดของครู และใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบคุณภาพโดยรวม ของการจัดการศึกษาตามหลักสูตรในทุกระดับ ซ่ึงโรงเรียนต้องใช้สาหรับการประเมินตนเองเพื่อจัดทารายงาน ประจาปีตามบทบัญญัตใิ นพระราชบัญญัติการศึกษา เพอื่ นามาเป็นข้อมูลใน การกาหนดแนวปฏิบัตใิ นการส่งเสริม กากบั ติดตาม ดแู ล และปรบั ปรุงคุณภาพ เพือ่ ให้ได้ตามมาตรฐานทีก่ าหนด ๓.๒ มีตัวชี้วัดช้ันปี เป็นเป้าหมายระบุสิ่งท่ีนักเรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะของผู้เรียน ในแต่ละระดับชั้นซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจง และมีความเป็นรูปธรรม นาไปใช้ในการ กาหนดเน้ือหา จัดทาหน่วยการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สาคัญสาหรับ การวัดประเมินผล เพ่ือตรวจสอบคุณภาพผู้เรียน ตรวจสอบพัฒนาการผู้เรียน ความรู้ ทักษะ กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมอันพึงประสงค์ และเป็นหลักในการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์จากการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศยั ๓.๓ มีความเป็นสากล ความเป็นสากลของหลักสตู รโรงเรยี น คอื มุ่งให้ผูเ้ รียนมีความรู้ ความสามารถ ในเรอื่ งเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาษาองั กฤษ การจดั การส่ิงแวดล้อม ภูมิปญั ญาท้องถนิ่ มีคณุ ลักษณะที่จาเป็นในการ อยู่ในสงั คมได้แก่ ความซือ่ สัตย์ ความรับผดิ ชอบ การตรงต่อเวลา การเสียสละ การเออ้ื เฟื้อ โดยอยู่บนพื้นฐานของ ความพอดีระหวา่ งการเป็นผู้นา และผู้ตาม การทางานเปน็ ทีม และการทางานตามลาพัง การแข่งขัน การรู้จักพอ และการร่วมมือกันเพื่อสังคม วิทยาการสมัยใหม่ และภูมิปัญญาท้องถิ่น การรับวัฒนธรรมต่างประเทศ และการ อนุรักษว์ ัฒนธรรมไทยการฝึกฝนทกั ษะเฉพาะทาง และการบูรณาการในลกั ษณะท่เี ปน็ องค์รวม ๔. มีความยืดหยุ่น หลากหลาย หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นซบั จาปา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) เป็นหลักสูตรที่โรงเรียนจัดทารายละเอียดต่าง ๆ ข้ึนเอง โดยยึดโครงสร้างหลักท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น เป็นขอบข่ายในการจัดทา จึงทาให้ หลักสูตรของโรงเรียนมีความยืดหยุ่น หลากหลาย สอดคล้องกับสภาพปัญหา และความต้องการของท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความเหมาะสมกับตัวผู้เรียน ๕. การวัดและประเมินผลเน้นหลักการพ้ืนฐานสองประการคือการประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและ เพ่ือตัดสินผลการเรียน โดยผู้เรียนต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐาน การเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา และ ระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และใช้ผลการประเมินเป็น ข้อมูลและสารสนเทศท่ีแสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสาเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูล ท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ การส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รียนเกดิ การพฒั นาและเรียนรูอ้ ยา่ งเต็มตามศกั ยภาพ
3 วิสัยทัศนข์ องหลกั สูตรสถำนศกึ ษำ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านซับจาปา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นมนุษย์ที่มีสมบูรณ์ มี ความสมดุลท้ังด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา พัฒนาสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ ผู้เรียนมีทักษะชีวิต ร่วมสร้างจิตสานึกความเป็นพลเมืองดี ยึดหลักศาสตร์พระราชา พัฒนาครูสู่มืออาชีพสู่ระดับสากล โดยมุ่งเน้น ผู้เรยี นเปน็ สาคัญบนพน้ื ฐานความเช่ือวา่ ทุกคนสามารถเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองได้เตม็ ตามศักยภาพ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านซับจาปา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสาคัญ ๕ ประการ ดังน้ี ๑. ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้ังการเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลดปัญหา ความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้ วธิ ีการส่อื สาร ทีม่ ีประสทิ ธิภาพโดยคานึงถงึ ผลกระทบทีม่ ตี อ่ ตนเองและสงั คม ๒. ควำมสำมำรถในกำรคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้ หรอื สารสนเทศเพอ่ื การตดั สนิ ใจเกย่ี วกับตนเองและสงั คมได้อยา่ งเหมาะสม ๓. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์ และการเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข ปัญหา และมีการตัดสินใจท่ีมีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่เกดิ ขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม ๔. ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชีวติ เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดาเนิน ชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วย การสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรบั ตวั ให้ทันกบั การเปลีย่ นแปลงของสงั คมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลย่ี งพฤตกิ รรมไม่พงึ ประสงค์ ท่สี ง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผู้อืน่ ๕. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทางาน การแกป้ ัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมคี ณุ ธรรม
4 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านซับจาปา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้ัน พ้ืนฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ เพอ่ื ใหส้ ามารถอยูร่ ว่ มกับผู้อน่ื ในสังคมได้อยา่ งมคี วามสุขในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังน้ี ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒. ซอ่ื สัตย์สจุ ริต ๓. มวี นิ ยั ๔. ใฝ่เรยี นรู้ ๕. อยูอ่ ย่างพอเพยี ง ๖. มุ่งมั่นในการทางาน ๗. รกั ความเป็นไทย ๘. มจี ติ สาธารณะ สำระและมำตรฐำนกำรเรยี นรู้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานกาหนดมาตรฐานการเรียนรู้ใน ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ จานวน ๓๑ สาระ ๕๕ มาตรฐาน ดงั นี้ กลุ่มสำระกำรเรียนร้ภู ำษำไทย (๕ สาระ ๕ มาตรฐาน) สำระท่ี ๑ กำรอำ่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือนาไปใช้ แก้ปัญหา ในการดาเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ยั รักการอา่ น สำระที่ ๒ กำรเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียน เขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียน เร่อื งราวในรูปแบบตา่ งๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ สำระที่ ๓ กำรฟงั กำรดแู ละกำรพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรูส้ กึ ในโอกาสตา่ งๆ อย่างมวี จิ ารณญาณ และสร้างสรรค์ สำระที่ ๔ หลกั กำรใช้ภำษำไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษา ภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิ ของชาติ สำระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คณุ ค่าและนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ
5 กลมุ่ สำระกำรเรียนรคู้ ณิตศำสตร์ (๓ สาระการเรยี นรู้ ๗ มาตรฐานการเรียนร)ู้ สำระท่ี ๑ จำนวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการ ของจานวน ผลทีเ่ กิดขน้ึ จากการดาเนินการสมบตั ขิ องการดาเนนิ การและนาไปใช้ มาตรฐาน ค ๑.๒ เขา้ ใจและวิเคราะหแ์ บบรูป ความสมั พนั ธ์ ฟังก์ชัน ลาดับและอนกุ รม และนาไปใช้ มาตรฐาน ค ๑.๓ ใช้นิพจน์ สมการ อสมการ และเมทริกซ์ อธิบายความสัมพันธ์หรือช่วยแก้ปัญหา ท่ีกาหนดให้ สำระท่ี ๒ กำรวดั และเรขำคณติ มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจพ้ืนฐานเกี่ยวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสิ่งท่ีต้องการวัด และนาไปใช้ มาตรฐาน ค ๒.๒ เข้าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหว่าง รปู เรขาคณติ และทฤษฎบี ททางเรขาคณติ และนาไปใช้ สำระท่ี ๓ สถิติและควำมนำ่ จะเป็น มาตรฐาน ค ๓.๑ เขา้ ใจกระบวนการทางสถติ แิ ละใช้ความรู้ทางสถิติในการแก้ปญั หา มาตรฐาน ค ๓.๒ เขา้ ใจหลักการนับเบ้ืองต้น ความนา่ จะเปน็ และนาไปใช้ กลุ่มสำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี (๔ สาระ ๑๐ มาตรฐาน) สำระท่ี ๑ วิทยำศำสตรช์ ีวภำพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับ สง่ิ มชี ีวิตและความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมชี ีวิตกับส่งิ มีชวี ิตต่างๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงานการเปลยี่ นแปลง แทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหา และผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการแก้ไขปญั หาสิง่ แวดล้อม รวมทงั้ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชวี ิต การลาเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของอวัยวะต่างๆ ของพืชท่ีทางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ ส่งิ มชี ีวิต รวมทั้งนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ สำระท่ี ๒ วทิ ยำศำสตร์กำยภำพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี
6 มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจาวนั ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลอ่ื นท่ีแบบตา่ งๆ ของวตั ถุ รวมท้งั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกับ เสียง แสง และคลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมทัง้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ สำระท่ี ๓ วทิ ยำศำสตร์โลกและอวกำศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของ เอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะท่ีส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยอี วกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลก และบนผวิ โลก ธรณีพิบตั ิภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟา้ อากาศ และภมู ิอากาศโลก รวมท้ังผลต่อ ส่ิงมีชวี ิตและสิ่งแวดลอ้ ม สำระท่ี ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดารงชีวิตในสังคมท่ีมีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนา งานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดย คานงึ ถึงผลกระทบตอ่ ชีวติ สังคม และส่งิ แวดล้อม มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ รู้เท่าทนั และมีจริยธรรม กลุม่ สำระกำรเรยี นรสู้ ังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม (๕ สาระ ๑๑ มาตรฐาน) สำระที่ ๑ ศำสนำ ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ รแู้ ละเขา้ ใจประวตั ิ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนา ทต่ี นนบั ถอื และศาสนาอนื่ มศี รัทธาท่ีถูกตอ้ ง ยึดม่นั และปฏบิ ัตติ ามหลกั ธรรม เพื่ออย่รู ่วมกันอย่างสันติสขุ มาตรฐาน ส๑.๒ เข้าใจ ตระหนักและปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนท่ีดี และธารงรักษาพระพุทธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนับถอื สำระที่ ๒ หน้ำทพ่ี ลเมอื งวฒั นธรรมและกำรดำเนนิ ชวี ติ ในสงั คม มาตรฐาน ส ๒.๑ เข้าใจและปฏิบัติตนตามหน้าท่ีของการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดีงามและธารง รักษาประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดารงชีวติ อยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมไทยและสังคมโลกอย่างสนั ติสุข มาตรฐาน ส ๒.๒ เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสงั คมปัจจุบนั ยึดมั่น ศรทั ธา และธารงรกั ษา ไวซ้ ึง่ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ
7 สำระท่ี ๓ เศรษฐศำสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๑ เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภคการใช้ ทรัพยากรท่ีมีอยู่จากัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมท้ังเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดารงชีวติ อยา่ งมีดุลยภาพ มาตรฐาน ส ๓.๒ เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และ ความจาเปน็ ของการรว่ มมือกนั ทางเศรษฐกิจในสังคมโลก สำระที่ ๔ ประวัติศำสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจความหมาย ความสาคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถ ใชว้ ิธกี ารทางประวัติศาสตร์มาวเิ คราะหเ์ หตกุ ารณ์ตา่ งๆ อยา่ งเปน็ ระบบ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ในด้านความสัมพันธ์และ การเปลีย่ นแปลงของเหตกุ ารณอ์ ยา่ งตอ่ เนือ่ ง ตระหนกั ถึงความสาคัญและสามารถวิเคราะห์ผลกระทบทเ่ี กิดขึ้น มาตรฐาน ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทยมีความรัก ความภูมิใจและธารงความเปน็ ไทย สำระท่ี ๕ ภูมศิ ำสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๑ เข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพันธ์ของสรรพส่ิงซึ่งมี ผลต่อกัน ใช้แผนท่ีและเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ และสรุปข้อมูล ตามกระบวนการทาง ภูมศิ าสตร์ ตลอดจนใช้ภูมสิ ารสนเทศอยา่ งมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ส ๕.๒ เข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่ก่อให้เกิดการ สร้างสรรค์วิถีการดาเนินชีวิต มีจิตสานึกและมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากร และส่ิงแวดล้อมเพื่อการพัฒนาท่ี ย่ังยืน กลุม่ สำระกำรเรยี นรูส้ ุขศกึ ษำและพลศึกษำ (๕ สาระ ๖ มาตรฐาน) สำระที่ ๑ กำรเจรญิ เตบิ โตและพฒั นำกำรของมนษุ ย์ มาตรฐาน พ ๑.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องการเจรญิ เติบโตและพฒั นาการของมนุษย์ สำระที่ ๒ ชีวติ และครอบครัว มาตรฐาน พ๒.๑เขา้ ใจและเห็นคุณคา่ ตนเอง ครอบครัว เพศศึกษาและมีทักษะในการดาเนนิ ชวี ิต สำระที่ ๓ กำรเคลือ่ นไหว กำรออกกำลังกำย กำรเล่นเกม กีฬำไทย และกีฬำสำกล มาตรฐาน พ ๓.๑ เขา้ ใจ มีทักษะในการเคลอ่ื นไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกมและกีฬา มาตรฐาน พ ๓.๒ รักการออกกาลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬาปฏิบัติเป็นประจา อย่างสมา่ เสมอ มีวินยั เคารพสิทธิ กฎ กตกิ า มนี ้าใจนักกฬี า มจี ิตวญิ ญาณในการแขง่ ขนั และช่นื ชมในสุนทรยี ภาพ ของการกีฬา สำระท่ี ๔ กำรสรำ้ งเสรมิ สุขภำพ สมรรถภำพและกำรป้องกันโรค มาตรฐาน พ ๔.๑ เห็นคุณค่าและมที กั ษะในการสร้างเสริมสุขภาพ การดารงสุขภาพ การป้องกันโรค และการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพเพอื่ สุขภาพ
8 สำระท่ี ๕ ควำมปลอดภยั ในชีวติ มาตรฐาน พ ๕.๑ ป้องกันและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง พฤติกรรมเส่ียงต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ การใช้ยา สารเสพติด และความรุนแรง สำระกำรเรียนรู้ศลิ ปะ (๓ สาระ ๖ มาตรฐาน) สำระท่ี ๑ ทศั นศิลป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระชื่นชมและประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจาวัน มาตรฐาน ศ ๑.๒ เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งทศั นศิลป์ ประวตั ิศาสตร์ และวัฒนธรรมเห็นคุณค่างาน ทัศนศิลปท์ ี่เป็นมรดกทางวฒั นธรรมภูมปิ ัญญาท้องถิ่น ภมู ิปัญญาไทยและสากล สำระที่ ๒ ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า ดนตรี ถา่ ยทอดความรูส้ ึก ความคิดตอ่ ดนตรีอย่างอสิ ระ ชนื่ ชม และประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวัน มาตรฐาน ศ ๒.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่า ของดนตรีที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปญั ญาท้องถิ่น ภูมปิ ญั ญาไทยและสากล สำระที่ ๓ นำฏศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ คุณค่านาฏศลิ ป์ ถ่ายทอดความรสู้ ึกความคิดอย่างอสิ ระชื่นชมและประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวนั มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เห็นคุณค่า ของนาฏศลิ ป์ท่ีเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ิปญั ญาท้องถนิ่ ภมู ปิ ัญญาไทยและสากล กล่มุ สำระกำรเรียนร้กู ำรงำนอำชีพ (๒ สาระ ๒ มาตรฐาน) สำระที่ ๑ กำรดำรงชีวิตและครอบครวั มาตรฐาน ง ๑.๑ เข้าใจการทางาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทางาน ทักษะ การจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทางานร่วมกัน และทักษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรม และลักษณะนิสัยในการทางาน มีจิตสานึกในการใช้พลังงาน ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม เพ่ือการดารงชีวิต และครอบครัว สำระท่ี ๒ กำรอำชีพ มาตรฐาน ง ๒.๑ เข้าใจ มีทักษะที่จาเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชีพ ใช้เทคโนโลยี เพอ่ื พฒั นาอาชพี มีคณุ ธรรมและมีเจตคตทิ ดี่ ีต่ออาชีพ
9 สำระกำรเรยี นรู้ภำษำต่ำงประเทศ (๔ สาระ ๘ มาตรฐาน) สำระท่ี ๑ ภำษำเพือ่ กำรสื่อสำร มาตรฐาน ต ๑.๑ เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อยา่ งมีเหตุผล มาตรฐาน ต ๑.๒ มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ มาตรฐาน ต ๑.๓ นาเสนอข้อมูลขา่ วสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการ พูดและการเขยี น สำระท่ี ๒ ภำษำและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้ อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ มาตรฐาน ต ๒.๒ เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษากบั ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม สำระที่ ๓ ภำษำกบั ควำมสมั พันธ์กับกลมุ่ สำระกำรเรียนรูอ้ นื่ มาตรฐาน ต ๓.๑ ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็น พน้ื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทศั นข์ องตน สำระท่ี ๔ ภำษำกบั ควำมสมั พนั ธก์ บั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ ใช้ภาษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ ่างๆทง้ั ในสถานศึกษา ชมุ ชน และสังคม มาตรฐาน ต ๔.๒ ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพ้ืนฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยนเรียนร้กู บั สงั คมโลก
10 โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นซบั จาปา หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านซับจาปา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ได้กาหนดโครงสร้างของหลักสูตรสถานศึกษา เพ่อื ใหผ้ สู้ อนและผทู้ ี่เกี่ยวข้องในการจดั การเรียนรู้ตามหลักสูตรของสถานศกึ ษามีแนวปฏิบัติ ดังน้ี ระดบั การศึกษา หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านซับจาปา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓) จดั ระดบั การศึกษา ดังน้ี ระดับประถมศึกษา (ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๖) การศึกษาระดับนี้เป็นช่วงแรกของการศึกษา ภาคบังคับ มงุ่ เนน้ ทกั ษะพื้นฐานดา้ นการอ่าน การเขียน การคิดคานวณ ทักษะการคดิ พ้ืนฐาน การตดิ ตอ่ ส่ือสาร กระบวนการเรียนรู้ทางสังคม และพื้นฐานความเป็นมนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างสมบูรณ์และสมดุล ทัง้ ในดา้ นร่างกาย สติปญั ญา อารมณ์ สังคม และวัฒนธรรม โดยเนน้ จัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ การจัดเวลาเรยี น หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านซับจาปา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ได้จัดเวลาเรียนตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยจัดให้เหมาะสมตามบริบท จุดเน้นของโรงเรียน และสภาพ ของผูเ้ รียน ดงั นี้ ระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๖) จัดเวลาเรียนเป็นรายปี โดยมีเวลาเรียนวันละ ๖ ชั่วโมง โครงสร้างหลักสตู ร หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านซับจาปา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ประกอบด้วยโครงสร้างเวลาเรียน และโครงสรา้ งหลกั สตู รชั้นปี ดังน้ี ๑. เวลาเรียน เป็นโครงสร้างท่ีแสดงรายละเอียดในภาพรวม โครงสร้างเวลาเรียนของแต่ละกลุ่มสาระ การเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระ ที่เป็นเวลาเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน เวลาเรียนรายวิชาเพ่ิมเติม และเวลาในการจัดกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน จาแนกแตล่ ะชนั้ ปี ในระดับประถมศึกษา ดงั นี้
11 โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านซับจาปา โครงสร้างเวลาเรยี น ระดบั ประถมศึกษา กลมุ่ สาระการเรียนรู้/รายวิชา/กจิ กรรม เวลาเรยี น : ชวั่ โมง/ปี ระดับประถมศกึ ษา กล่มุ สาระการเรยี นรู้/วชิ าพื้นฐาน ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ประวัตศิ าสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สุขศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ศิลปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ การงานอาชพี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ภาษาตา่ งประเทศ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ รวมเวลาเรยี น (รายวชิ าพน้ื ฐาน) ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ รายวิชาเพิ่มเติม ทกั ษะการอา่ นและการเขียน ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ คณติ ศาสตรเ์ พิ่มเติม คอมพวิ เตอร์ - - - ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภาษาอังกฤษเพมิ่ เติม รวมเวลาเรียน (รายวชิ าเพ่มิ เติม) - - - ๔๐ ๔๐ ๔๐ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๘๐ ๘๐ ๘๐ - - - กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรยี น ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ลกู เสือ/เนตรนารี ชมุ นุม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ กิจกรรมเพอ่ื สงั คม และสาธารณประโยชน์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ รวมเวลา (กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน) ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ รวมเวลาท้ังหมด ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑,๐๘๐ ช่ัวโมง ๑,๐๘๐ ช่ัวโมง
12 ๒. โครงสรา้ งหลักสูตรชั้นปี เป็นโครงสร้างทแี่ สดงรายละเอียดเวลาเรียนของรายวชิ าพื้นฐาน รายวชิ ากิจกรรมเพมิ่ เติม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นจาแนกแต่ละช้นั ปี ดังนี้ โครงสร้างหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบ้านซับจาปา ระดบั ประถมศึกษา ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ รำยวชิ ำ/กิจกรรม เวลำเรียน (ชวั่ โมง/ปี) (ชั่วโมง/สปั ดำห์) รหัสวชิ ำ รำยวชิ ำพ้ืนฐำน ๘๔๐ ๒๑ ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ๕ ค๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๕ ว๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ ๒ ส๑๑๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๘๐ ๒ ส๑๑๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๔๐ ๑ พ๑๑๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๔๐ ๑ ศ๑๑๑๐๑ ศิลปะ ๔๐ ๑ ง๑๑๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ ๑ อ๑๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑๒๐ ๓ รหัสวชิ ำ รำยวิชำเพ่ิมเติม ๑๒๐ ๓ ท๑๑๒๐๑ ทักษะการอา่ นและการเขียน ๔๐ ๑ อ๑๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพิม่ เติม ๘๐ ๒ รหสั กจิ กรรม กจิ กรรมพฒั นำผเู้ รียน ๑๒๐ ๓ ก๑๑๙๐๑ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๑ กิจกรรมนักเรยี น (๘๐) (๒) ก๑๑๙๐๒ ลูกเสอื /เนตรนารี ๔๐ ๑ ก๑๑๙๐๓ ชุมนุม ๓๐ ๑ ก๑๑๙๐๔ กจิ กรรมเพื่อสงั คม ๑๐ ผนวก และสาธารณประโยชน์ ในกิจกรรมชมุ นุม รวมเวลาเรยี นทัง้ หมดตามโครงสรา้ งหลกั สูตร ๑,๐๘๐ ๒๗
13 โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านซบั จาปา ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๒ รำยวชิ ำ/กจิ กรรม เวลำเรียน (ช่ัวโมง/ปี) (ชว่ั โมง/สัปดำห)์ รหสั วิชำ รำยวิชำพื้นฐำน ๘๔๐ ๒๑ ท๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ๕ ค๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๕ ว๑๒๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ ๒ ส๑๒๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๘๐ ๒ ส๑๒๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๔๐ ๑ พ๑๒๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๑ ศ๑๒๑๐๑ ศลิ ปะ ๔๐ ๑ ง๑๒๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ ๑ อ๑๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑๒๐ ๓ รหสั วชิ ำ รำยวชิ ำเพ่ิมเติม ๑๒๐ ๓ ท๑๒๒๐๑ ทกั ษะการอา่ นและการเขยี น ๔๐ ๑ อ๑๒๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่มิ เติม ๘๐ ๒ รหัสกจิ กรรม กิจกรรมพฒั นำผูเ้ รยี น ๑๒๐ ๓ ก๑๒๙๐๑ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๑ กิจกรรมนักเรียน (๘๐) (๒) ก๑๒๙๐๒ ลกู เสือ/เนตรนารี ๔๐ ๑ ก๑๒๙๐๓ ชมุ นมุ ๓๐ ๑ ก๑๒๙๐๔ กิจกรรมเพ่ือสงั คม ๑๐ ผนวก และสาธารณประโยชน์ ในกจิ กรรมชมุ นุม รวมเวลาเรยี นทงั้ หมดตามโครงสร้างหลกั สูตร ๑,๐๘๐ ๒๗
14 โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านซบั จาปา ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ รำยวชิ ำ/กจิ กรรม เวลำเรยี น (ช่ัวโมง/ปี) (ช่วั โมง/สัปดำห)์ รหสั วิชำ รำยวิชำพื้นฐำน ๘๔๐ ๒๑ ท๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ๕ ค๑๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๕ ว๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ ๒ ส๑๓๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๘๐ ๒ ส๑๓๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๔๐ ๑ พ๑๓๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๑ ศ๑๓๑๐๑ ศลิ ปะ ๔๐ ๑ ง๑๓๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ ๑ อ๑๓๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑๒๐ ๓ รหสั วชิ ำ รำยวชิ ำเพ่ิมเติม ๑๒๐ ๓ ท๑๓๒๐๑ ทกั ษะการอา่ นและการเขยี น ๔๐ ๑ อ๑๓๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพ่มิ เติม ๘๐ ๒ รหัสกจิ กรรม กิจกรรมพฒั นำผูเ้ รยี น ๑๒๐ ๓ ก๑๓๙๐๑ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๑ กิจกรรมนักเรียน (๘๐) (๒) ก๑๓๙๐๒ ลกู เสือ/เนตรนารี ๔๐ ๑ ก๑๓๙๐๓ ชมุ นมุ ๓๐ ๑ ก๑๓๙๐๔ กิจกรรมเพ่ือสงั คม ๑๐ ผนวก และสาธารณประโยชน์ ในกิจกรรมชมุ นุม รวมเวลาเรยี นทงั้ หมดตามโครงสร้างหลกั สูตร ๑,๐๘๐ ๒๗
15 โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านซบั จาปา ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ รำยวิชำ/กจิ กรรม เวลำเรยี น (ชว่ั โมง/ปี) (ชั่วโมง/สัปดำห)์ รหัสวชิ ำ รำยวิชำพนื้ ฐำน ๘๔๐ ๒๑ ท๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๑๖๐ ๔ ค๑๔๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑๖๐ ๔ ว๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑๒๐ ๓ ส๑๔๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๘๐ ๒ ส๑๔๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๔๐ ๑ พ๑๔๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๘๐ ๒ ศ๑๔๑๐๑ ศลิ ปะ ๘๐ ๒ ง๑๔๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ ๑ อ๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๘๐ ๒ รหสั วิชำ รำยวชิ ำเพ่มิ เติม ๘๐ ๒ อ๑๔๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพอื่ การส่อื สาร ๔ ๔๐ ๑ ส๑๔๒๐๑ การป้องกนั การทจุ รติ ๔ ๔๐ ๑ รหสั กจิ กรรม กจิ กรรมพัฒนำผเู้ รียน ๑๒๐ ๓ ก๑๔๙๐๑ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๑ กิจกรรมนักเรียน (๘๐) (๒) ก๑๔๙๐๒ ลกู เสอื /เนตรนารี ๔๐ ๑ ก๑๔๙๐๓ ชมุ นุม ๓๐ ๑ ก๑๔๙๐๔ กจิ กรรมเพื่อสงั คม ๑๐ ผนวก และสาธารณประโยชน์ ในกิจกรรมชมุ นุม รวมเวลาเรียนทัง้ หมดตามโครงสร้างหลกั สูตร ๑,๐๘๐ ๒๗
16 โครงสร้างหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นซบั จาปา ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ รำยวิชำ/กิจกรรม เวลำเรยี น (ชวั่ โมง/ปี) (ชัว่ โมง/สัปดำห)์ รหสั วิชำ รำยวชิ ำพื้นฐำน ๘๔๐ ๒๑ ท๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๑๖๐ ๔ ค๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑๖๐ ๔ ว๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ ๒ ส๑๕๑๐๑ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๘๐ ๒ ส๑๕๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๔๐ ๑ พ๑๕๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๘๐ ๒ ศ๑๕๑๐๑ ศิลปะ ๘๐ ๒ ง๑๕๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ ๑ อ๑๕๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑๒๐ ๓ รหัสวชิ ำ รำยวิชำเพมิ่ เติม ๑๒๐ ๓ ท๑๕๒๐๑ ทกั ษะการอา่ นและการเขียน ๔๐ ๑ ค๑๕๒๐๑ คณิตศาสตร์เพมิ่ เติม ๔๐ ๑ ว๑๕๒๐๑ คอมพวิ เตอร์ ๔๐ ๑ รหสั กจิ กรรม กิจกรรมพฒั นำผูเ้ รียน ๑๒๐ ๓ ก๑๕๙๐๑ กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ๑ กิจกรรมนกั เรยี น (๘๐) (๒) ก๑๕๙๐๒ ลูกเสอื /เนตรนารี ๔๐ ๑ ก๑๕๙๐๓ ชุมนุม ๓๐ ๑ ก๑๕๙๐๔ กิจกรรมเพื่อสังคม ๑๐ ผนวก และสาธารณประโยชน์ ในกิจกรรมชมุ นุม รวมเวลาเรยี นทัง้ หมดตามโครงสรา้ งหลกั สูตร ๑,๐๘๐ ๒๗
17 โครงสร้างหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นซบั จาปา ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ รำยวิชำ/กิจกรรม เวลำเรยี น (ชวั่ โมง/ปี) (ชัว่ โมง/สัปดำห)์ รหสั วิชำ รำยวชิ ำพื้นฐำน ๘๔๐ ๒๑ ท๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๑๖๐ ๔ ค๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑๖๐ ๔ ว๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ ๒ ส๑๖๑๐๑ สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๘๐ ๒ ส๑๖๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๔๐ ๑ พ๑๖๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๘๐ ๒ ศ๑๖๑๐๑ ศิลปะ ๘๐ ๒ ง๑๖๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ ๑ อ๑๖๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑๒๐ ๓ รหสั วชิ ำ รำยวิชำเพมิ่ เติม ๑๒๐ ๓ ท๑๖๒๐๑ ทกั ษะการอา่ นและการเขียน ๔๐ ๑ ค๑๖๒๐๑ คณิตศาสตร์เพมิ่ เติม ๔๐ ๑ ว๑๖๒๐๑ คอมพวิ เตอร์ ๔๐ ๑ รหสั กิจกรรม กิจกรรมพฒั นำผูเ้ รียน ๑๒๐ ๓ ก๑๖๙๐๑ กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ๑ กิจกรรมนกั เรยี น (๘๐) (๒) ก๑๖๙๐๒ ลูกเสอื /เนตรนารี ๔๐ ๑ ก๑๖๙๐๓ ชุมนุม ๓๐ ๑ ก๑๖๙๐๔ กิจกรรมเพื่อสังคม ๑๐ ผนวก และสาธารณประโยชน์ ในกิจกรรมชมุ นุม รวมเวลาเรียนทัง้ หมดตามโครงสรา้ งหลกั สูตร ๑,๐๘๐ ๒๗
18 รำยวิชำ รำยวชิ ำพ้นื ฐำนและเพิ่มเติม กลุ่มสำระกำรเรียนร้ภู ำษำไทย ระดบั ประถมศึกษำ รำยวชิ ำพืน้ ฐำน ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑ จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง ท๑๒๑๐๑ ภาษาไทย ๒ จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง ท๑๓๑๐๑ ภาษาไทย ๓ จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง ท๑๔๑๐๑ ภาษาไทย ๔ จานวน ๑๖๐ ชว่ั โมง ท๑๕๑๐๑ ภาษาไทย ๕ จานวน ๑๖๐ ชว่ั โมง ท๑๖๑๐๑ ภาษาไทย ๖ จานวน ๑๖๐ ชว่ั โมง รำยวิชำเพม่ิ เติม/กิจกรรมเพมิ่ เติม ท๑๑๒๐๑ ทักษะการอ่านและการเขยี น ๑ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ท๑๒๒๐๑ ทักษะการอา่ นและการเขยี น ๒ จานวน ๔๐ ชัว่ โมง ท๑๓๒๐๑ ทักษะการอา่ นและการเขียน ๓ จานวน ๔๐ ชวั่ โมง **************** รำยวิชำพ้นื ฐำนและเพิ่มเติม กลุ่มสำระกำรเรียนรคู้ ณิตศำสตร์ ระดบั ประถมศึกษำ รำยวชิ ำพ้ืนฐำน ค๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑ จานวน ๒๐๐ ช่ัวโมง ค๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒ จานวน ๒๐๐ ชว่ั โมง ค๑๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๓ จานวน ๒๐๐ ช่ัวโมง ค๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๔ จานวน ๑๖๐ ชว่ั โมง ค๑๕๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๕ จานวน ๑๖๐ ชว่ั โมง ค๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๖ จานวน ๑๖๐ ชว่ั โมง รำยวิชำเพ่ิมเติม/กิจกรรมเพมิ่ เตมิ ค๑๔๒๐๑ คณติ ศาสตร์เพ่มิ เตมิ ๔ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ค๑๕๒๐๑ คณิตศาสตร์เพม่ิ เติม ๕ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ค๑๖๒๐๑ คณติ ศาสตร์เพม่ิ เตมิ ๖ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ****************
19 รำยวิชำพื้นฐำนและเพ่ิมเติม กลมุ่ สำระกำรเรยี นวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศกึ ษำ รำยวิชำพน้ื ฐำน ว๑๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๑ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ว๑๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๒ จานวน ๘๐ ชั่วโมง ว๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๓ จานวน ๘๐ ชั่วโมง ว๑๔๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๔ จานวน ๘๐ ชั่วโมง ว๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๕ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ว๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๖ จานวน ๘๐ ช่ัวโมง รำยวิชำเพ่ิมเตมิ /กจิ กรรมเพม่ิ เติม จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ว๑๔๒๐๑ คอมพิวเตอร์ ๔ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ว๑๕๒๐๑ คอมพวิ เตอร์ ๕ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ว๑๖๒๐๑ คอมพวิ เตอร์ ๖ **************** รำยวิชำพื้นฐำนและเพิ่มเตมิ กล่มุ สำระกำรเรยี นร้สู งั คมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม ระดบั ประถมศกึ ษำ รำยวชิ ำพน้ื ฐำน ส๑๑๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๑ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ส๑๒๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๒ จานวน ๘๐ ชั่วโมง ส๑๓๑๐๑ สงั คมศกึ ษาฯ ๓ จานวน ๘๐ ชั่วโมง ส๑๔๑๐๑ สังคมศกึ ษาฯ ๔ จานวน ๘๐ ชัว่ โมง ส๑๕๑๐๑ สังคมศกึ ษาฯ ๕ จานวน ๘๐ ชั่วโมง ส๑๖๑๐๑ สงั คมศกึ ษาฯ ๖ จานวน ๘๐ ชั่วโมง ส๑๑๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๑ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ส๑๒๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๒ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ส๑๓๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๓ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ส๑๔๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๔ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ส๑๕๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๕ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ส๑๖๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๖ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง รำยวิชำเพ่มิ เตมิ /กจิ กรรมเพ่มิ เตมิ - ****************
20 รำยวิชำพ้นื ฐำนและเพิ่มเตมิ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้สขุ ศกึ ษำและพลศกึ ษำ ระดับประถมศึกษำ รำยวิชำพน้ื ฐำน พ๑๑๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๑ จานวน ๔๐ ชั่วโมง พ๑๒๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๒ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง พ๑๓๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๓ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง พ๑๔๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ๔ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง พ๑๕๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ๕ จานวน ๘๐ ชั่วโมง พ๑๖๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๖ จานวน ๘๐ ช่ัวโมง รำยวิชำเพมิ่ เตมิ /กจิ กรรมเพ่ิมเตมิ - *************** รำยวิชำพน้ื ฐำนและเพ่ิมเตมิ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ศลิ ปะ ระดับประถมศกึ ษำ รำยวชิ ำพ้ืนฐำน ศ๑๑๑๐๑ ศลิ ปะ ๑ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ศ๑๒๑๐๑ ศิลปะ ๒ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ศ๑๓๑๐๑ ศิลปะ ๓ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ศ๑๔๑๐๑ ศิลปะ ๔ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ศ๑๕๑๐๑ ศิลปะ ๕ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง ศ๑๖๑๐๑ ศิลปะ ๖ จานวน ๘๐ ชั่วโมง รำยวชิ ำเพิ่มเตมิ /กิจกรรมเพ่ิมเติม - ****************
21 รำยวชิ ำพน้ื ฐำนและเพิ่มเติม กลุ่มสำระกำรเรยี นรกู้ ำรงำนอำชพี ระดับประถมศกึ ษำ รำยวชิ ำพนื้ ฐำน ง๑๑๑๐๑ การงานอาชพี ๑ จานวน ๔๐ ชวั่ โมง ง๑๒๑๐๑ การงานอาชีพ ๒ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ง๑๓๑๐๑ การงานอาชีพ ๓ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ง๑๔๑๐๑ การงานอาชีพ ๔ จานวน ๔๐ ชั่วโมง ง๑๕๑๐๑ การงานอาชพี ๕ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง ง๑๖๑๐๑ การงานอาชีพ ๖ จานวน ๔๐ ชว่ั โมง **************** รำยวชิ ำพ้นื ฐำนและเพิ่มเตมิ กลุ่มสำระกำรเรียนรภู้ ำษำตำ่ งประเทศ(อังกัษ) ระดบั ประถมศึกษำ รำยวิชำพื้นฐำน อ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑ จานวน ๑๒๐ ชัว่ โมง อ๑๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๒ จานวน ๑๒๐ ชว่ั โมง อ๑๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๓ จานวน ๑๒๐ ช่ัวโมง อ๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๔ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง อ๑๕๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๕ จานวน ๘๐ ช่วั โมง อ๑๖๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๖ จานวน ๘๐ ชว่ั โมง รำยวชิ ำเพ่มิ เตมิ /กิจกรรมเพ่ิมเติม จานวน ๘๐ ชว่ั โมง อ๑๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพมิ่ เตมิ ๑ จานวน ๘๐ ชั่วโมง อ๑๒๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพม่ิ เตมิ ๒ จานวน ๘๐ ชั่วโมง อ๑๓๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพม่ิ เตมิ ๓
22 คาอธิบายรายวชิ า หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านซบั จาปา พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ัน พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) ได้กาหนดคาอธิบายรายวิชา ของวิชาต่าง ๆ ท่ีสอนในแต่ละปกี ารศกึ ษา ซงึ่ ประกอบดว้ ย ชื่อรหัสวชิ า ชื่อรายวิชา จานวนชัว่ โมงตอ่ ปี ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง และสาระการเรยี นรู้รายปี คาอธิบายรายวชิ าจะช่วยให้ผ้สู อนจัดหนว่ ยการเรียนร้ใู นแต่ละช้ันปี ได้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ เนื่องจากคาอธิบายรายวิชาจะรวมสาระการเรยี นรู้ท่ีผเู้ รียนต้องเรยี นรู้ตลอดทั้งปี กลุ่มของสาระการเรียนรูต้ ลอดปี จะมีจานวนมาก ดังนั้น การจัดเป็นหน่วยการเรียนรู้หลาย ๆ หน่วย จะช่วยให้กลุ่มของสาระการเรียนรู้มีขนาดเล็กลง และบูรณาการไดห้ ลากหลายมากขน้ึ โรงเรยี นบ้านซับจาปา ไดก้ าหนดรายละเอียดของคาอธบิ ายรายวชิ าเรียงตามลาดับไว้ ดังน้ี ๑. คาอธิบายรายวชิ ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๑ ถงึ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ๒. คาอธบิ ายรายวชิ ากลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ถึงช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ๓. คาอธิบายรายวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ ๔. คาอธิบายรายวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถงึ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ๕. คาอธิบายรายวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รายวิชาประวัติศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ถึงช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ๖. คาอธิบายรายวิชากลุ่มสาระการเรียนรูส้ ุขศึกษาและพลศึกษา ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถึงชั้นประถมศึกษา ปีท่ี ๖ ๗. คาอธิบายรายวิชากลุ่มสาระการเรียนร้ศู ิลปะ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ ถงึ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ๘. คาอธบิ ายรายวชิ ากลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชพี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ ถึงชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ๙. คาอธิบายรายวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ๑๐. คาอธบิ ายรายวิชาเพิม่ เติม วิชาทักษะการอ่านและการเขียน ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงช้ันประถมศกึ ษา ปีที่ ๓ ๑๑. คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเติม วิชาคณิตศาสตร์เพ่ิมเติม ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ ถงึ ชั้นประถมศกึ ษา ปีท่ี ๖ ๑๒. คาอธิบายรายวชิ าเพ่ิมเติม วชิ าภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๓ ๑๓. คาอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม วิชาคอมพิวเตอร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ ถึงชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ๑๔. คาอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ ถึงช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๖
23 คำอธิบำยรำยวิชำ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย
ท๑๑๑๐๑ ภำษำไทย ๑ 24 ชั้นประถมศึกษำปีท่ี ๑ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพ้นื ฐำน กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย เวลำ ๒๐๐ ชั่วโมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ ฝึกอ่านออกเสียงคา คาคล้องจอง และข้อความสั้นๆ บอกความหมายของคาและข้อความ ตอบคาถาม เล่าเร่ืองย่อ คาดคะเนเหตุการณ์ เลือกอ่านหนังสือตามความสนใจอย่างสม่าเสมอ นาเสนอเร่ืองท่ีอ่าน บอก ความหมายของเคร่อื งหมายหรอื สัญลักษณส์ าคัญท่ีมักพบเห็นในชีวิตประจาวัน มีมารยาทในการอ่าน ฝึกคัดลายมือ ด้วยตวั บรรจงเตม็ บรรทดั เขยี นสื่อสารดว้ ยคาและประโยคง่ายๆ มมี ารยาทในการเขียน ฝึกทักษะในการฟัง ฟังคาแนะนา คาส่ังง่ายๆและปฏิบัติตาม ตอบคาถาม เล่าเรื่อง พูดแสดงความคิดเห็น และความรู้สกึ จากเร่อื งทฟี่ งั และดู พดู สอื่ สารได้ตามวัตถปุ ระสงค์ เนน้ มารยาทในการฟัง การดแู ละการพดู ฝึกทักษะการเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา เรียบเรียงคาเป็นประโยคงา่ ยๆ ต่อคาคล้องจองง่ายๆ บอกข้อคิดท่ีได้จากการอ่านหรือการฟังวรรณกรรมร้อยแก้วและร้อยกรองสาหรับเด็ก ฝึกท่องจาบท อาขยานตามที่กาหนดและบทร้อยกรองตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการ แสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิด การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การต้ังคาถาม ตอบคาถาม ใช้ ทักษะการฟงั การดูและการพดู พดู แสดงความคิดเหน็ กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของการ อนุรักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งและสามารถนาไปประยกุ ต์ใชก้ บั ชวี ติ ประจาวันได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม มำตรฐำนตวั ช้ีวัด/ ท ๑ ๑.ป๘/๑.ป ,๗/๑.ป ,๖/๑.ป ,๕/๑.ป ,๔/๑.ป ,๓/๑.ป ,๒/๑.ป ,๑/๑. ๒ ท.๑ ป๓/๑.ป ,๒/๑.ป ,๑/๑. ๓ ท.๑ ป๕/๑.ป ,๔/๑.ป ,๓/๑.ป ,๒/๑.ป ,๑/๑. ๔ ท.๑ ป๔/๑.ป ,๓/๑.ป ,๒/๑.ป ,๑/๑. ท ๕ ๑.ป๒/๑.ป ,๑/๑. รวม ๕ มำตรฐำน ๒๒ ตวั ช้วี ดั
ท๑๒๑๐๑ ภำษำไทย ๑ 25 ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๒ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพ้นื ฐำน กลมุ่ สำระกำรเรียนรูภ้ ำษำไทย เวลำ ๒๐๐ ชัว่ โมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ฝึกอ่านออกเสียงคา คาคล้องจอง ข้อความ และบทร้อยกรองง่ายๆ อธิบายความหมายของคาและ ข้อความที่อ่าน ตั้งคาถาม ตอบคาถาม ระบุใจความสาคัญและรายละเอียด แสดงความคิดเห็นและคาดคะเน เหตุการณ์ เลอื กอ่านหนังสือตามความสนใจอยา่ งสม่าเสมอและนาเสนอเรื่องทอี่ า่ น อ่านขอ้ เขียนเชิงอธิบาย และ ปฏิบัตติ ามคาส่งั หรอื ข้อแนะนา มมี ารยาทในการอ่าน ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนเรื่องส้ันๆ เก่ียวกับประสบการณ์ เขียนเรื่องสั้นๆ ตาม จนิ ตนาการ มมี ารยาทในการเขียน ฝึกทักษะการฟัง ฟงั คาแนะนา คาส่ังที่ซับซ้อนและปฏิบตั ิตาม เลา่ เรื่อง บอกสาระสาคญั ของเรอื่ ง ต้ัง คาถาม ตอบคาถาม พดู แสดงความคิดเห็น ความรู้สึก พูดส่อื สารได้ชัดเจนตรงตามวัตถุประสงค์ มีมารยาทใน การฟัง การดแู ละการพูด ฝกึ ทักษะการเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา เรยี บเรียงคาเป็นประโยคได้ตรงตามเจตนาของการส่ือสาร บอกลักษณะคาคล้องจอง เลือกใช้ภาษาไทยมาตรฐาน และภาษาถน่ิ ไดเ้ หมาะสมกับกาลเทศะ ฝึกจับใจความสาคัญจากเรื่อง ระบุข้อคิดที่ได้จากการอ่านหรือการฟังวรรณกรรมสาหรับเด็ก เพ่ือ นาไปใช้ในชีวิตประจาวัน ร้องบทร้องเล่นสาหรับเด็กในท้องถ่ิน ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อย กรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการส่ือความ กระบวนการแก้ปัญหา การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การตั้งคาถาม ตอบคาถาม ใช้ทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความคิดเห็น กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ส่ือสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของการ อนุรักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งและสามารถนาไปประยุกต์ใช้กบั ชีวิตประจาวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม มำตรฐำนตัวช้ีวัด/ ท ๑ ๑.ป ๘/๒.ป ,๗/๒.ป ,๖/๒.ป ,๕/๒.ป ,๔/๒.ป ,๓/๒.ป ,๒/๒.ป ,๑/๒. ท ๒ ๑.ป ๔/๒.ป ,๓/๒.ป ,๒/๒.ป ,๑/๒. ท ๓ ๑.ปป ๕/๒.ป ,๔/๒.ป ,๓/๒.ป ,๒/๒.ป ,๑/๒..๒ ๗/๒.ป ,๖/ ท ๔ ๑.ป ,๑/๒.ป ,๒/๒.ป๕/๒.ป ,๔/๒.ป ,๓/๒. ท ๕ ๑.ป ๓/๒.ป ,๒/๒.ป ,๑/๒. รวม ๕ มำตรฐำน ๒๗ ตวั ชวี้ ัด
ท๑๓๑๐๑ ภำษำไทย ๓ 26 ชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี ๓ คำอธิบำยรำยวิชำพนื้ ฐำน กลมุ่ สำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย เวลำ ๒๐๐ ชั่วโมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ ฝึกอ่านออกเสียงคา ข้อความ เร่ืองสั้น ๆ และบทร้อยกรองง่ายๆ อธิบายความหมายของคาและ ข้อความที่อ่าน ต้ังคาถาม ตอบคาถามเชิงเหตุผล ลาดับเหตุการณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ สรุปความรู้ ข้อคิด จากเร่ืองที่อ่าน เพ่ือนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน เลือกอ่านหนังสือตามความสนใจอย่างสม่าเสมอและนาเสนอเรื่องที่ อ่าน อ่านข้อเขียนเชิงอธิบาย และปฏิบัติตามคาสั่งหรือข้อแนะนา อธิบายความหมายของข้อมูลจากแผนภาพ แผนท่ี และแผนภมู ิ มีมารยาทในการอ่าน ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียนบรรยาย เขียนบันทึกประจาวัน เขียนเรื่องตามจินตนาการ มมี ารยาทในการเขยี น ฝึกทักษะการฟัง การดูและการพูด เล่ารายละเอียด บอกสาระสาคัญ ต้ังคาถาม ตอบคาถาม พูด แสดงความคดิ เหน็ ความร้สู กึ พดู สอื่ สารไดช้ ัดเจนตรงตามวตั ถุประสงค์ มมี ารยาทในการฟัง การดูและการพดู ฝึกเขียนตามหลักการเขียน เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา ระบุชนิด หน้าที่ของคา ใช้ พจนานุกรมคน้ หาความหมายของคา แต่งประโยคง่ายๆ แต่งคาคล้องจองและคาขวัญ เลือกใชภ้ าษาไทยมาตรฐาน และภาษาถ่ินได้เหมาะสมกบั กาลเทศะ ระบุข้อคิดท่ีได้จากการอ่านวรรณกรรม เพื่อนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน รู้จักเพลงพ้ืนบา้ น เพลงกล่อมเด็ก เพื่อปลูกฝังความช่ืนชมวัฒนธรรมท้องถิ่น แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวรรณคดีท่ีอ่าน ท่องจาบทอาขยานตามท่ี กาหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการ แสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคดิ วิเคราะห์ กระบวนการสอ่ื ความ กระบวนการแก้ปัญหา การฝึก ปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การตั้งคาถาม ตอบคาถาม ใช้ทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความคิดเห็น กระบวนการสร้างความคดิ รวบยอด เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของการ อนุรักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงและสามารถนาไปประยกุ ต์ใชก้ ับชีวติ ประจาวันได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม มำตรฐำนตัวช้ีวดั / ท ๑ ๑.ป ,๓/๓.ป ,๒/๓.ป ,๑/๓.ป ,๘/๓.ป ,๗/๓.ป ,๖/๓.ป ,๕/๓.ป ,๔/๓.ป๙/๓. ท ๒ ๑.ป ,๑/๓.ป ,๒/๓.ป ,๓/๓.ป ,๔/๓.ป ,๕/๓.ป ๖/๓. ท ๓ ๑.ป ๖/๓.ป ,๕/๓.ป ,๔/๓.ป ,๓/๓.ป ,๒/๓.ป ,๑/๓. ท ๔ ๑.ป ๖/๓.ป ,๕/๓.ป ,๔/๓.ป ,๓/๓.ป ,๒/๓.ป ,๑/๓. ท ๕ ๑.ป๔/๓.ป ,๓/๓.ป ,๒/๓.ป ,๑/๓. รวม ๕ มำตรฐำน ๓๑ ตัวชวี้ ดั
ท๑๔๑๐๑ ภำษำไทย ๔ 27 ช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ ๔ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพนื้ ฐำน กลมุ่ สำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย เวลำ ๑๖๐ ชัว่ โมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง อธิบายความหมายของคา ประโยคและสานวนจากเรื่องท่ี อา่ น อ่านเร่ืองสั้น ๆ ตามเวลาที่กาหนดและตอบคาถามจากเร่ืองทอ่ี ่าน แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเหน็ จากเร่ืองที่ อ่าน คาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองที่อ่าน โดยระบุเหตุผลประกอบ สรุปความรู้และข้อคิดจากเร่ืองท่ีอ่าน เพื่อ นาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั เลอื กอ่านหนงั สือท่มี ีคุณคา่ ตามความสนใจอย่างสมา่ เสมอและแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับ เร่อื งท่ีอา่ น มมี ารยาทในการอ่าน ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทดั และครึ่งบรรทัด เขียนส่ือสารโดยใช้คาได้ ถูกต้อง ชัดเจนและเหมาะสม เขียนแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพความคิดเพ่ือใช้พัฒนางานเขียน เขียนย่อ ความจากเร่ืองสั้น ๆ เขียนจดหมายถึงเพื่อนและมารดา เขียนบันทึกและเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า เขยี นเรอ่ื งตามจนิ ตนาการ มมี ารยาทในการเขียน ฝกึ ทักษะการฟงั การดูและการพูด จาแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นเรื่องที่ฟงั และดู พูดสรุปจากการฟัง และดู พดู แสดงความรู้ ความคิดเห็นและความร้สู ึกเกีย่ วกับเรื่องที่ฟังและดู ตั้งคาถามและตอบคาถามเชงิ เหตผุ ล จากเรื่องที่ฟังและดู พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นท่ีศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดูและการสนทนา มีมารยาทใ น การฟัง การดูและการพูด ฝึกเขียนตามหลักการเขียน เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคาในบริบทต่าง ๆ ระบุชนิดและหน้าที่ของคาในประโยค ใช้พจนานุกรมค้นหาความหมายของคา แต่งประโยคได้ถูกต้องตามหลัก ภาษา แตง่ บทรอ้ ยกรองและคาขวญั บอกความหมายของสานวน เปรยี บเทยี บภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถน่ิ ได้ ระบุข้อคิดจากนิทานพื้นบ้านหรือนิทานคติธรรมอธิบายข้อคิดจากการอ่านเพื่อนาไปใช้ในชีวิตจริงร้อง เพลงพื้นบ้านท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคิดวิเคราะห์และสรุปความ กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กระบวนการสื่อความกระบวนการแก้ปัญหาการฝึกปฏิบัติอธิบาย บันทึกการ ตั้งคาถา ตอบคาถาม ใชท้ กั ษะการฟงั การดแู ละการพดู พดู แสดงความคดิ เหน็ กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สื่อสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของการ อนุรักษ์ภาษาไทยและตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้วิธีการของเศรษฐกิจพอเพียงและ สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้กบั ชีวิตประจาวันไดอ้ ยา่ งถกู ต้องเหมาะสม มำตรฐำนตัวชี้วัด/ ท ๑ ๑.ป๘/๔.ป ,๗/๔.ป ,๖/๔.ป ,๕/๔.ป ,๔/๔.ป ,๓/๔.ป ,๒/๔.ป ,๑/๔. ท ๒ ๑.ป ๘/๔.ป ,๗/๔.ป ,๖/๔.ป ,๕/๔.ป ,๔/๔.ป ,๓/๔.ป ,๒/๔.ป ,๑/๔. ท ๓ ๑.ป ๖/๔.ป ,๕/๔.ป ,๔/๔.ป ,๓/๔.ป ,๒/๔.ป ,๑/๔. ท ๔ ๑.ป ๗/๔.ป ,๖/๔.ป ,๕/๔.ป ,๔/๔.ป ,๓/๔.ป ,๒/๔.ป ,๑/๔. ท ๕ ๑.ป๔/๔.ป ,๓/๔.ป ,๒/๔.ป ,๑/๔. รวม ๕ มำตรฐำน ๓๓ ตัวชว้ี ัด
ท๑๕๑๐๑ ภำษำไทย ๕ 28 ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๕ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพื้นฐำน กลมุ่ สำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย เวลำ ๑๖๐ ช่ัวโมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง อธิบายความหมายของคา ประโยคและข้อความที่เป็น การบรรยายและการพรรณนา อธิบายความหมายโดยนัย แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น วิเคราะห์ แสดงความ คิดเห็น อา่ นงานเขียนเชงิ อธิบาย คาสง่ั ขอ้ แนะนา และปฏิบัตติ าม เลอื กอ่านหนังสือท่ีมคี ุณค่าตามความสนใจ มีมารยาทในการอา่ น ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัดและคร่ึงบรรทัด เขียนส่ือสาร เขียนแผนภาพโครงเรื่อง แผนภาพความคิด เขียนย่อความ เขียนจดหมายถึงผู้ปกครองและญาติ เขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็น กรอกแบบรายการตา่ ง ๆ เขยี นเรอ่ื งตามจินตนาการ มีมารยาทในการเขยี น ฝึกทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็นและความรู้สึก ตั้งคาถาม ตอบ คาถาม วเิ คราะหค์ วาม พูดรายงาน มีมารยาทในการฟงั การดแู ละการพูด ระบุชนิดและหน้าท่ีของคาในประโยค จาแนกส่วนประกอบของประโยค เปรียบเทียบภาษาไทย มาตรฐานและภาษาถ่นิ ใชค้ าราชาศพั ท์ บอกคาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย แตง่ บท ร้อยกรอง ใช้สานวนได้ถูกตอ้ ง สรุปเร่ืองจากวรรณคดหี รือวรรณกรรมที่อา่ น ระบุความรู้ ข้อคิดจากการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมที่ สามารถนาไปใช้ในชีวิตจริง อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบท ร้อยกรองท่ีมีคุณค่าตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคดิ วิเคราะห์และสรปุ ความ กระบวนการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ กระบวนการสื่อ ความ กระบวนการแก้ปัญหา การฝกึ ปฏิบัติ อธบิ าย บันทึก การตั้งคาถาม ตอบคาถาม ใชท้ ักษะการฟัง การ ดูและการพูด พดู แสดงความคิดเหน็ กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ส่ือสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของการ อนุรักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้วิธีการของเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้กับชวี ติ ประจาวันได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม มำตรฐำนตัวชี้วดั / ท ๑ ๑.ป๘/๕.ป ,๗/๕.ป ,๖/๕.ป ,๕/๕.ป ,๔/๕.ป ,๓/๕.ป ,๒/๕.ป ,๑/๕. ท ๒ ๑.ป ๙/๕.ป ,๘/๕.ป ,๗/๕.ป ,๖/๕.ป ,๕/๕.ป ,๔/๕.ป ,๓/๕.ป ,๒/๕.ป ,๑/๕. ท ๓ ๑.ป๕/๕.ป ,๔/๕.ป ,๓/๕.ป ,๒/๕.ป ,๑/๕. ท ๔ ๑.ป/๕.ป ,๔/๕.ป ,๓/๕.ป ,๒/๕.ป ,๑/๕.๕ ๗/๕.ป ,๖/๕.ป , ท ๕ ๑.ป ๔/๕.ป ,๓/๕.ป ,๒/๕.ป ,๑/๕. รวม ๕ มำตรฐำน ๓๓ ตัวช้ีวดั
29 ท๑๖๑๐๑ ภำษำไทย ๖ คำอธิบำยรำยวชิ ำพ้ืนฐำน ช้นั ประถมศึกษำปที ่ี ๖ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย เวลำ ๑๖๐ ชว่ั โมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง อธิบายความหมายของคา ประโยคและข้อความท่ีเป็น โวหาร อ่านเรื่องส้นั ๆอย่างหลากหลาย แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเหน็ จากเรื่องที่อา่ น วิเคราะห์และแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับเร่ืองที่อ่านเพื่อนาไปใช้ในการดาเนินชีวิต อ่านงานเขียน เชิงอธิบาย คาส่ัง ข้อแนะนา และ ปฏิบัติตาม อธิบายความหมายของข้อมูลจากการอ่านแผนผัง แผนที่ แผนภูมิและกราฟ เลือกอ่านหนังสือตาม ความสนใจและอธบิ ายคุณค่าทไ่ี ด้รบั มมี ารยาทในการอ่าน ฝึกคัดลายมือด้วยตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัด เขียนสื่อสารโดยใช้คาได้ถูกต้อง ชัดเจน และ เหมาะสม เขยี นแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพความคิดเพ่ือใช้พัฒนางานเขียน เขียนเรยี งความ เขยี นยอ่ ความ จากเรอื่ งอ่าน เขยี นจดสว่ นตัว กรอกแบบรายการต่าง ๆ เขยี นเร่อื งตามจินตนาการและสรา้ งสรรค์ มีมารยาทใน การเขยี น ฝึกทักษะการฟัง การดูและการพูด พูดแสดงความรู้ ความเข้าใจจุดประสงค์ของเร่ืองท่ีฟังและดู ต้ัง คาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผลจากเรื่องท่ีฟังและดู วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือจากเรื่องท่ีฟังและดูสื่อโฆษณา อย่างมเี หตผุ ล พดู รายงานเรือ่ งหรอื ประเด็นทศี่ ึกษาค้นควา้ จากการฟัง การดแู ละการสนทนา พดู โน้มน้าวอยา่ งมี เหตุผลและนา่ เชอื่ ถือ มมี ารยาทในการฟงั การดูและการพดู ฝึกวิเคราะห์ชนิดและหน้าท่ีของคาในประโยค ใช้คาได้เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล รวบรวมและ บอกความหมายของคาภาษาตา่ งประเทศที่ใช้ในภาษาไทย ระบุลกั ษณะของประโยค แตง่ บทรอ้ ยกรอง วิเคราะห์ เปรยี บเทยี บสานวนทีเ่ ปน็ คาพงั เพยและสุภาษติ ฝึกแสดงความคิดเห็นจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมท่ีอ่าน เล่านิทานพื้นบ้านท้องถิ่นตนเองและนิทาน พน้ื บ้านของท้องถน่ิ อื่น อธิบายคณุ ค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อา่ นและนาไปประยกุ ต์ใช้ในชีวิตจริง ทอ่ งจา บทอาขยานตามที่กาหนดและบทร้อย โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการแสวงหาความรู้ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการคดิ วเิ คราะห์และสรุปความ กระบวนการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ กระบวนการส่ือ ความ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการสงั เกต กระบวนกรแยกข้อเท็จจริง กระบวนการค้นคว้า กระบวนการ ใช้เทคโนโลยีในการส่ือสาร กระบวนการใช้ทักษะทางภาษา การฝึกปฏิบัติ อธิบาย บันทึก การตั้งคาถาม ตอบ คาถาม ใชท้ กั ษะการฟัง การดูและการพูด พดู แสดงความคิดเหน็ กระบวนการสรา้ งความคิดรวบยอด เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ส่ือสารได้ถูกต้อง รักการเรียนภาษาไทย เห็นคุณค่าของการ อนุรักษ์ภาษาไทย และตัวเลขไทย สามารถนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้วิธีการของเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถนาไปประยุกต์ใช้กบั ชวี ติ ประจาวนั ได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม
30 มำตรฐำนตวั ช้ีวัด/ ท ๑ ๑.ป๙/๖.ป ,๘/๖.ป ,๗/๖.ป ,๖/๖.ป ,๕/๖.ป ,๔/๖.ป ,๓/๖.ป ,๒/๖.ป ,๑/๖. ท ๒ ๑.ป๙/๖.ป ,๘/๖.ป ,๗/๖.ป ,๖/๖.ป ,๕/๖.ป ,๔/๖.ป ,๓/๖.ป ,๒/๖.ป ,๑/๖. ท ๓ ๑.ป๖/๖.ป ,๕/๖.ป ,๔/๖.ป ,๓/๖.ป ,๒/๖.ป ,๑/๖. ท ๔ ๑.ป ,๑/๖.ป๖/๖.ป ,๕/๖.ป ,๔/๖.ป ,๓/๖.ป ,๒/๖. ท ๕ ๑.ป๔/๖.ป ,๓/๖.ป ,๒/๖.ป ,๑/๖. รวม ๕ มำตรฐำน ๓๔ ตัวชี้วัด
31 คำอธบิ ำยรำยวิชำ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์
32 ค๑๑๑๐๑ คณติ ศำสตร์ ๑ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพ้นื ฐำน ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี ๑ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ เวลำ ๒๐๐ ช่วั โมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ บอกจานวนของสิ่งต่าง ๆ แสดงสิ่งต่าง ๆ ตามจานวนที่กาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย แสดงจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐ และ ๐ เปรียบเทียบจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐ และ ๐ โดยใช้เครื่องหมาย = ≠ > < เรียงลาดับจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐ และ ๐ ต้ังแต่ ๓ ถึง ๕ จานวน หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์ แสดงการบวกและประโยคสัญลักษณแ์ สดงการลบของจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐ และ ๐ แสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ ปัญหาการบวกและโจทย์ปัญหาการลบของจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐ และ ๐ ระบุจานวนท่ีหายไปในแบบรูปของ จานวนทเ่ี พิ่มข้นึ หรอื ลดลงทลี ะ ๑ และทีละ ๑๐ และระบุรูปท่หี ายไปในแบบรปู ซ้าของรปู เรขาคณิตและรปู อื่น ๆ ที่ สมาชิกในแต่ละชุดที่ซา้ มี ๒ รูปวัดและเปรียบเทียบความยาวเป็นเซนติเมตร เป็นเมตร วัดและเปรียบเทยี บนา้ หนัก เป็นกิโลกรัม เป็นขีด และใช้หน่วยท่ีไม่ใช่หน่วยมาตรฐาน จาแนกรูปสามเหลี่ยม รูปส่ีเหล่ียม วงกลม วงรี ทรง สี่เหลี่ยมมุมฉาก ทรงกลม ทรงกระบอก และกรวย ใช้ข้อมูลจากแผนภูมิรูปภาพในการหาคาตอบของโจทย์ ปัญหา เม่อื กาหนดรปู ๑ รูป แทน ๑ หน่วย มำตรฐำน/ตวั ช้ีวดั ค ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔, ป.๑/๕ ค ๑.๒ ป.๑/๑ ค ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒ ค ๒.๒ ป.๑/๑ ค ๓.๑ ป.๑/๑ รวม ๕ มำตรฐำน ๑๐ ตัวชว้ี ดั
33 ค๑๒๑๐๑ คณิตศำสตร์ ๒ คำอธิบำยรำยวชิ ำพ้นื ฐำน ช้ันประถมศกึ ษำปีที่ ๒ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ เวลำ ๒๐๐ ช่ัวโมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ บอกจานวนของส่ิงต่าง ๆ แสดงส่ิงต่าง ๆ ตามจานวนท่ีกาหนด อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย ตัวหนงั สือแสดงจานวนนับไม่เกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ เปรยี บเทียบจานวนนับไมเ่ กิน ๑,๐๐๐ และ ๐ โดยใชเ้ คร่อื งหมาย = ≠ > < เรียงลาดับจานวนนับไม่เกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ ตงั้ แต่ ๓ ถึง ๕ จานวนจากสถานการณ์ตา่ ง ๆ หาค่าของตัว ไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวกและประโยคสัญลักษณ์แสดงการลบของจานวนนับไม่เกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณของจานวน ๑ หลักกับจานวนไม่เกิน ๒ หลัก หาค่าของตวั ไมท่ ราบคา่ ในประโยคสัญลกั ษณแ์ สดงการหารทต่ี ัวตงั้ ไมเ่ กิน ๒ หลัก ตัวหาร ๑ หลัก โดยที่ผลหารมี ๑ หลัก ท้ังหารลงตัวและหารไม่ลงตัว หาผลลัพธ์การบวก ลบ คูณ หารระคน ของจานวนนับไม่เกิน ๑,๐๐๐ และ ๐ แสดงวิธี หาคาตอบของโจทย์ปัญหา ๒ ขั้นตอน ของจานวนนับไม่เกิน ๑,๐๐๐ และ ๐แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา เกี่ยวกับเวลาที่มีหน่วยเด่ียวและเป็นหน่วยเดียวกัน วัดและเปรียบเทียบความยาวเป็นเมตรและเซนติเมตร พร้อมท้ัง แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบเก่ียวกับความยาวที่มีหน่วยเป็นเมตรและเซนติเมตร วัดและ เปรียบเทียบน้าหนักเป็นกิโลกรัมและกรัม กิโลกรัมและขีด พร้อมทั้งแสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบเก่ียวกับน้าหนักที่มีหน่วยเป็นกิโลกรัมและกรัม กิโลกรัมและขีด วัดและเปรียบเทียบปริมาตรและความจุ เป็นลติ ร จาแนกและบอกลักษณะของรูปหลายเหล่ียมและวงกลม ใช้ข้อมลู จากแผนภูมิรูปภาพในการหาคาตอบของ โจทยป์ ัญหาเมอื่ กาหนดรปู ๑ รปู แทน ๒ หนว่ ย ๕ หน่วย หรือ ๑๐ หนว่ ย มำตรฐำน/ตวั ช้ีวดั ค ๑.๑ ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4, ป.1/5 ค ๒.๑ ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5, ป.2/6 ค ๒.๒ ป.๒/๑ ค ๓.๑ ป.๒/๑ รวม ๔ มำตรฐำน ๑๖ ตัวชี้วดั
34 ค๑๓๑๐๑ คณติ ศำสตร์ ๓ คำอธบิ ำยรำยวิชำพื้นฐำน ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี ๓ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้คณิตศำสตร์ เวลำ ๒๐๐ ชว่ั โมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ อา่ นและเขียน ตัวเลขฮินดอู ารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือ แสดงจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ เปรียบเทียบและเรียงลาดบั จานวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ จากสถานการณ์ต่าง ๆ บอก อ่าน และเขยี นเศษส่วน ที่แสดงปริมาณสิ่งต่าง ๆ และแสดงส่ิงต่าง ๆ ตามเศษส่วนท่ีกาหนด เปรียบเทียบเศษส่วนท่ีตัวเศษเท่ากัน โดยท่ีตัวเศษ นอ้ ยกว่าหรือเท่ากับตัวส่วน หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการบวกและการลบของจานวนนับ ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณของจานวน ๑ หลักกับจานวน ไม่เกิน ๔ หลกั และจานวน ๒ หลักกับจานวน ๒ หลัก หาค่าของตวั ไมท่ ราบค่าในประโยคสัญลกั ษณ์แสดงการหาร ท่ีตัวต้ังไมเ่ กิน ๔ หลกั ตัวหาร ๑ หลกั และหาผลลัพธก์ ารบวก ลบ คูณ หารระคน และแสดงวธิ ีการหาคาตอบของ โจทย์ปัญหา ๒ ขั้นตอน ของจานวนนับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ หาผลบวกและแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา การบวกของเศษส่วนท่ีมีตัวส่วนเท่ากันและผลบวกไม่เกิน ๑ และหาผลลบพร้อมทั้งแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ ปัญหาการลบของเศษส่วนท่ีมีตัวส่วนเท่ากัน ระบุจานวนที่หายไปในแบบรูปของจานวนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงทีละเท่า ๆ กัน แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ ปัญหาเก่ียวกับเงิน เวลา และระยะเวลา เลือกใช้เคร่ืองมือความยาวท่ีเหมาะสม วัดและบอกความยาวของส่ิงต่าง ๆ เป็นเซนติเมตรและมิลลิเมตร เมตรและเซนติเมตร คาดคะเนความยาวเป็นเมตรและเป็นเซนติเมตร เปรียบเทียบ ความยาวระหวา่ งเซนตเิ มตรกับมิลลิเมตร เมตรกับเซนตเิ มตร กิโลเมตรกับเมตร จากสถานการณ์ต่าง ๆ แสดงวธิ ีหา คาตอบของโจทย์ปัญหาเก่ียวกับความยาวท่ีมีหน่วยเป็นเซนติเมตรและมิลลิเมตร เมตรและเซนติเมตร กิโลเมตร และเมตร เลือกใช้เครื่องชั่งที่เหมาะสม วัดและบอกน้าหนักเป็นกิโลกรัมและขีด กิโลกรัมและกรัม คาดคะเน น้าหนักเป็นกิโลกรัมและเป็นขีด เปรียบเทียบน้าหนักและแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับน้าหนักท่ีมี หน่วยเป็นกิโลกรัมกับกรัม เมตริกตันกับกิโลกรัม จากสถานการณ์ต่าง ๆ เลือกใช้เคร่ืองตวงที่เหมาะสม วัดและ เปรียบเทียบปริมาตรความจุเป็นลิตรและมิลลิลิตร คาดคะเนปริมาตรและความจุเป็นลิตร และแสดงวิธีหา คาตอบของโจทย์ปัญหาเกย่ี วกับปรมิ าตรและความจุท่ีมหี นว่ ยเป็นลติ รและมลิ ลเิ มตร ระบุรูปเรขาคณิตสองมิติท่ีมีแกนสมมาตรและจานวนแกนสมมาตร เขียนแผนภูมิรูปภาพ และใช้ข้อมูล จากแผนภูมิรูปภาพในการหาคาตอบของโจทย์ปัญหา เขียนตารางทางเดียวจากข้อมูลท่ีเป็นจานวนนับ และใช้ ข้อมลู จากตารางทางเดียวในการหาคาตอบของโจทยป์ ัญหา มำตรฐำน/ตวั ช้ีวดั ค 1.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5, ป.3/6, ป.3/7, ป.3/8, ป.3/9, ป.3/10, ป.3/11 ค 1.2 ป.3/1 ค 2.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4, ป.3/5, ป.3/6, ป.3/7, ป.3/8, ป.3/9, ป.3/10, ป.3/11, ป.3/12, ป.3/13 ค 2.2 ป.3/1
35 ค 3.1 ป.3/1, ป.3/2 รวม ๕ มำตรฐำน ๒๘ ตัวชวี้ ดั
36 ค๑๔๑๐๑ คณติ ศำสตร์ ๔ คำอธบิ ำยรำยวิชำพ้นื ฐำน ชน้ั ประถมศึกษำปีที่ ๔ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ เวลำ ๑๖๐ ช่วั โมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ อ่านและเขียนตัวเลขฮินดูอารบิก ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจานวนนับที่มากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ เปรียบเทียบและเรียงลาดบั จานวนนับทีม่ ากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ จากสถานการณ์ต่าง ๆ บอก อ่าน และเขียนเศษส่วน จานวนคละแสดงปรมิ าณสิ่งตา่ ง ๆ และแสดงสิ่งต่าง ๆ ตามเศษส่วน จานวนคละท่กี าหนด เปรยี บเทียบ เรยี งลาดับ เศษส่วนและจานวนคละท่ีตัวส่วนตัวหน่ึงเป็นพหุคูณของอีกตัวหนึ่ง อ่านและเขียนทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง แสดงปริมาณของสิ่งต่าง ๆ และแสดงส่ิงต่าง ๆ ตามทศนิยมท่ีกาหนด เปรียบเทียบและเรียงลาดับทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหนง่ จากสถานการณ์ต่าง ๆ ประมาณผลลัพธ์ของการบวก การลบ การคูณ การหาร จากสถานการณ์ตา่ ง ๆ อย่างสมเหตุสมผล หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสญั ลักษณ์แสดงการบวกและการลบของจานวนนับท่ีมากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ หาค่าของตัวไม่ทราบค่าในประโยคสัญลักษณ์แสดงการคูณของจานวนหลายหลัก ๒ จานวน ท่ีมีผลคูณไม่เกิน ๖ หลัก และประโยคสัญลักษณ์แสดงการหารท่ีตัวตั้งไม่เกิน ๖ หลัก ตัวหารไม่เกิน ๒ หลัก หาผลลัพธ์ การบวก ลบ คูณ หารระคน ของจานวนนับ และ ๐ แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา ๒ ข้ันตอนของจานวนนับ ทม่ี ากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ และ ๐ สร้างโจทย์ปัญหา ๒ ขั้นตอนของจานวนนับ และ ๐ พรอ้ มท้ังหาคาตอบ หาผลบวก ผลลบของเศษส่วนและจานวนคละท่ีตวั ส่วนตัวหนึ่งเป็นพหุคูณของอีกตัวหน่ึง แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหา การบวกและการลบเศษส่วนและจานวนคละที่ตวั ส่วนตัวหนึ่งเป็นพหุคูณของอกี ตัวหน่ึง หาผลบวก ผลลบของทศนิยม ไม่เกนิ ๓ ตาแหน่ง และแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หาการบวก การลบ ๒ ขั้นตอนของทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหนง่ แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเก่ียวกบั เวลา วัดและสร้างมุมโดยใช้โพรแทรกเตอร์ แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรูปและ พ้ืนที่ของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก จาแนกชนิดของมุม บอกชื่อมุม ส่วนประกอบของมุมและเขียนสัญลักษณ์แสดงมุม สรา้ งรปู สเี่ หลี่ยมมุมฉากเมอ่ื กาหนดความยาวของดา้ น ใชข้ อ้ มูลจากแผนภูมแิ ท่ง ตารางสองทางในการหาคาตอบของโจทย์ปัญหา มำตรฐำน/ตัวชี้วัด ค 1.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4, ป.4/5, ป.4/6, ป.4/7, ป.4/8, ป.4/9, ป.4/10, ป.4/11, ป.4/12, ป.4/13, ป.4/14, ป.4/15, ป.4/16 ค 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 ค 2.2 ป.4/1, ป.4/2 ค 3.1 ป.4/1 รวม ๔ มำตรฐำน ๒๒ ตวั ชวี้ ดั คำอธิบำยรำยวิชำพ้นื ฐำน
37 ค๑๕๑๐๑ คณิตศำสตร์ ๕ กล่มุ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ ช้ันประถมศกึ ษำปีที่ ๕ เวลำ ๑๖๐ ชัว่ โมง คำอธิบำยรำยวิชำ เขียนเศษส่วนท่ีมีตัวส่วนเป็นตัวประกอบของ ๑๐ หรือ ๑๐๐ หรือ ๑,๐๐๐ ในรูปทศนิยม แสดงวิธีหาคาตอบ ของโจทย์ปัญหาโดยใช้บัญญัติไตรยางศ์ หาผลบวก ผลลบ ผลคูณ ผลหารของเศษส่วนและจานวนคละ แสดงวิธี หาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณ การหารเศษส่วน ๒ ขั้นตอน หาผลคูณของทศนิยมท่ีผลคูณ เป็นทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง หาผลหารที่ตัวต้ังเป็นจานวนนับหรือทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง และตัวหารเป็น จานวนนับ ผลหารเป็นทศนิยมไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม ๒ ข้ันตอน และแสดงวธิ ีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหารอ้ ยละไม่เกิน ๒ ขน้ั ตอน แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเก่ียวกับความยาว น้าหนัก ที่มีการเปลี่ยนหน่วยและเขียนในรูปทศนิยม แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับปริมาตรของทรงส่ีเหลี่ยมมุมฉากและความจุของภาชนะทรงส่ีเห ล่ียม มุมฉาก แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความยาวรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยมและพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยม ดา้ นขนานและรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน สร้างเส้นตรงหรือส่วนของเส้นตรงให้ขนานกับเส้นตรงหรอื สว่ นของเส้นตรง ทีก่ าหนดให้ จาแนกรูปสี่เหลย่ี มโดยพิจารณาจากสมบัติของรูป สร้างรูปส่ีเหลี่ยมชนิดต่าง ๆ เม่ือกาหนดความยาว ของด้านและขนาดของมุมหรอื เม่อื กาหนดความยาวของเส้นทแยงมุม และบอกลักษณะของปรซิ ึม ใชข้ อ้ มลู จากกราฟเส้นในการหาคาตอบของโจทยป์ ญั หา และเขียนแผนภมู ิแทง่ จากขอ้ มูลทเ่ี ป็นจานวนนับ มำตรฐำน/ตวั ชี้วดั ค 1.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5, ป.5/6, ป.5/7, ป.5/8, ป.5/9 ค 2.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 ค 2.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 ค 3.1 ป.5/1, ป.5/2 รวม ๔ มำตรฐำน ๑๙ ตัวชว้ี ดั คำอธิบำยรำยวชิ ำพนื้ ฐำน
38 ค๑๖๑๐๑ คณติ ศำสตร์ ๖ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษำปีที่ ๖ เวลำ ๑๖๐ ช่วั โมง คำอธิบำยรำยวชิ ำ เปรียบเทียบ เรียงลาดับเศษส่วนและจานวนคละ จากสถานการณ์ต่าง ๆ เขียนอัตราส่วนแสดงการเปรียบเทียบ ปรมิ าณ ๒ ปรมิ าณจากขอ้ ความหรือสถานการณ์ โดยท่ปี รมิ าณแต่ละปรมิ าณเป็นจานวนนับ หาอัตราส่วนท่ีเท่ากับ อัตราส่วนท่ีกาหนดให้ หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ไม่เกิน ๓ จานวน แสดงวิธหี าคาตอบของโจทย์ปัญหาโดยใช้ความรู้ เกี่ยวกับ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. หาผลลัพธ์ของการบวก ลบ คูณ หารระคนของเศษส่วนและจานวนคละ แสดงวิธีหา คาตอบของโจทยป์ ัญหาเศษส่วนและจานวนคละ ๒-๓ ข้ันตอน หาผลหารของทศนิยมท่ีตัวหารและผลหารเป็นทศนิยม ไม่เกิน ๓ ตาแหน่ง แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ๓ ข้ันตอน แสดงวิธี หาคาตอบของโจทยป์ ญั หาอัตราส่วน แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หารอ้ ยละ ๒-๓ ขน้ั ตอน และแสดงวธิ คี ิดและ หาคาตอบของปัญหาเก่ียวกับแบบรูป แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปญั หาเกี่ยวกบั ปริมาตรของรูปเรขาคณิตสามมิติ ที่ประกอบด้วยทรงสี่เหล่ียมมุมฉาก แสดงวิธีหาคาตอบของโจทยป์ ัญหาเก่ียวกับความยาวรอบรูปและพื้นที่ของรูป หลายเหลี่ยม และความยาวรอบรูปและพื้นท่ีของวงกลม จาแนกรูปสามเหลี่ยมโดยพิจารณาจากสมบัติของรูป สร้างรูปสามเหล่ียมเม่ือกาหนดความยาวของด้านและขนาดของมุม บอกลักษณะของรูปเรขาคณิตสามมิติชนิด ต่าง ๆ ระบุรูปเรขาคณิตสามมิติที่ประกอบจากรูปคล่ี และระบุรูปคลี่ของรูปเรขาคณิตสามมิติ ใช้ข้อมูลจาก แผนภูมริ ปู วงกลมในการหาคาตอบของโจทย์ปญั หา มำตรฐำน/ตัวชี้วดั ค 1.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, ป.6/6, ป.6/7, ป.6/8, ป.6/9, ป.6/10, ป.6/11 ค 1.2 ป.6/1 ค 2.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3 ค 2.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4 ค 3.1 ป.6/1 รวม ๕ มำตรฐำน ๒๐ ตวั ชว้ี ัด
39 คำอธบิ ำยรำยวิชำ กล่มุ สำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์ และเทคโนโลยี คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพน้ื ฐำน
40 ว๑๑๑๐๑ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ๑ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษำปที ่ี ๑ เวลำ ๘๐ ช่วั โมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ ระบุช่ือพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณต่าง ๆ จากข้อมลู ที่รวบรวมได้ บอกสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมกับการ ดารงชีวิตของสัตว์ในบริเวณที่อาศัยอยู่ ระบุช่ือ บรรยายลักษณะและบอกหน้าท่ีของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ สัตว์ และพืช รวมท้ังบรรยายการทาหน้าท่ีร่วมกันของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ในการทากจิ กรรมต่าง ๆ จากขอ้ มูล ที่รวบรวมได้ ตระหนักถึงความสาคัญของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตนเอง โดยการดูแลส่วนต่าง ๆ อย่างถูกต้อง ให้ปลอดภัย และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ อธิบายสมบัติที่สังเกตได้ของวัสดุที่ใช้ทาวัตถุซึ่งทาจากวัสดุชนิดเดียว หรือหลายชนิดประกอบกันโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ระบุชนิดของวัสดุและจัดกลุ่มวัสดุตามสมบัติท่ีสังเกตได้ บรรยายการเกิดเสียงและทิศทาง การเคล่ือนท่ีของเสียงจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ระบุดาวท่ีปรากฏบนท้องฟ้าใน เวลากลางวันและกลางคืนจากข้อมูลท่ีรวบรวมได้ อธิบายสาเหตุที่มองไม่เห็นดวงดาวส่วนใหญ่ในเวลากลางวันจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ อธิบายลักษณะภายนอกของหินจากลักษณะเฉพาะตัวท่ีสังเกตได้ แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ การลองผิดลองถูก การเปรียบเทียบ แสดงลาดับขั้นตอนการทางานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือส่ือ ใช้เทคโนโลยีในการสร้าง จัดเก็บ เรียกใช้ข้อมูล ตามวัตถุประสงค์ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกนั ดูแล รกั ษาอปุ กรณเ์ บ้อื งตน้ ใชง้ านอยา่ งเหมาะสม มำตรฐำน/ตัวช้ีวดั ว 1.1 ป.1/1, ป.1/2 ว 1.2 ป.1/1, ป.1/2 ว 2.1 ป.1/1, ป.1/2 ว 2.3 ป.1/1 ว 3.1 ป.1/1, ป.1/2 ว 3.2 ป.1/1 ว 4.2 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4, ป.1/5 รวม ๗ มำตรฐำน ๑๕ ตวั ช้วี ดั คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพน้ื ฐำน
41 ว๑๒๑๐๑ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ๒ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษำปีท่ี ๒ เวลำ ๘๐ ชั่วโมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ระบุว่าพืชต้องการแสงและน้า เพื่อการเจริญเติบโต โดยใช้ข้อมูลจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ตระหนักถึง ความจาเป็นที่พืชต้องการได้รับน้าและแสงเพื่อการเจริญเติบโต โดยดูแลพืชให้ได้รับส่ิงดังกล่าวอย่างเหมาะสม สร้างแบบจาลองท่ีบรรยายวัฏจักรชีวิตของพืชดอก เปรียบเทียบลักษณะสิ่งมีชีวิตและส่ิงไม่มีชีวิตจากข้อมูลท่ีรวบรวม ได้ เปรียบเทียบสมบัติการดูดซับน้าของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ และระบุการนาสมบัติการดูดซับน้าของ วสั ดุไปประยุกต์ใช้ในการทาวัตถุในชีวิตประจาวัน อธิบายสมบตั ิท่ีสังเกตได้ของวัสดุท่ีเกิดจากการนาวัสดุมาผสมกันโดย ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ เปรียบเทียบสมบัติที่สังเกตได้ของวัสดุ เพ่ือนามาทาเป็นวัตถุในการใช้งานตามวัตถุประสงค์ และอธิบายการนาวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ตระหนักถึงประโยชน์ของการนาวัสดุ ทใี่ ช้แล้วกลบั มาใช้ใหม่ โดยการนาวสั ดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ บรรยายแนวการเคลื่อนทข่ี องแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง และอธิบายการมองเห็นวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ตระหนักในการเห็นคุณค่าของความรู้ของการมองเห็นโดย เสนอแนะแนวทางการป้องกันอนั ตรายจากการมองเห็นวัตถุในที่มีแสงสว่างไม่เหมาะสม ระบุส่วนประกอบของดิน และจาแนกชนิดของดินโดยใชล้ ักษณะเน้อื ดนิ และการจับตัวเป็นเกณฑ์ อธิบายการใช้ประโยชน์จากดินจากข้อมูลที่ รวบรวมได้ แสดงลาดับขั้นตอนการทางานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม ใช้เทคโนโลยีในการสร้าง จัดหมวดหมู่ ค้นหา จัดเก็บ เรียกใช้ขอ้ มูลตามวัตถุประสงค์ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลง ในการใช้คอมพวิ เตอรร์ ่วมกนั ดูแลรักษาอุปกรณ์เบื้องต้น ใชง้ านอย่างเหมาะสม มำตรฐำน/ตัวช้ีวดั ว 1.2 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3 ว 1.3 ป.2/1 ว 2.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4 ว 2.3 ป.2/1, ป.2/2 ว 3.2 ป.2/1, ป.2/2 ว 4.2 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4 รวม ๖ มำตรฐำน ๑๖ ตวั ชวี้ ดั คำอธิบำยรำยวิชำพน้ื ฐำน
42 ว๑๓๑๐๑ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ๓ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษำปีที่ ๓ เวลำ ๘๐ ชว่ั โมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ บรรยายส่ิงที่จาเป็นต่อการดารงชีวิต และการเจริญเติบโตของมนุษย์และสัตว์โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ ตระหนักถึงประโยชน์ของอาหาร น้า และอากาศโดยการดูแลตนเองและสัตว์ให้ได้รับส่ิงเหล่าน้ีอย่างเหมาะสม สร้างแบบจาลองที่บรรยายวัฏจักรชีวิตของสัตว์และเปรียบเทียบวัฏจักรชีวิตของสัตว์บางชนิด ตระหนักถึงคุณค่า ของชีวิตสัตว์โดยไม่ทาให้วัฏจักรชีวิตของสัตว์เปลี่ยนแปลง อธิบายว่าวัตถุประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนย่อย ๆ ซึ่ง สามารถแยกออกจากกันได้และประกอบกันเป็นวัตถุช้ินใหม่ได้โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ อธิบายการ เปล่ียนแปลงของวัสดุเม่ือทาให้ร้อนขึ้นหรือทาให้เย็นลงโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ระบุผลของแรงท่ีมีต่อการ เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ เปรียบเทียบและยกตัวอย่างแรงสัมผัสและแรงไม่ สัมผัสที่มีผลต่อการเคลื่อนท่ีของวัตถุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ จาแนกวัตถุโดยใช้การดึงดูดกับแม่เหล็กเป็น เกณฑ์จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ระบุข้ัวแม่เหล็กและพยากรณ์ผลท่ีเกิดขึ้นระหว่างขั้วแม่เหล็กเมื่อนามาเข้าใกล้กัน จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ยกตัวอย่างการเปลี่ยนพลังงานหน่ึงไปเป็นอีกพลังงานหนึ่งจากหลักฐานเชิงประจักษ์ บรรยายการทางานของเครื่องกาเนิดไฟฟ้าและระบุแหล่งพลังงานใน การผลิตไฟฟ้าจากข้อมูลท่ีรวบ รวมได้ ตระหนักในประโยชน์และโทษของไฟฟา้ โดยนาเสนอวิธีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด และปลอดภัย อธิบายแบบรูป เส้นทางการข้ึนและตกของดวงอาทิตย์โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ อธบิ ายสาเหตุการเกิดปรากฏการณ์การข้ึนและ ตกของดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคืน และการกาหนดทิศโดยใช้แบบจาลอง ตระหนักถึงความสาคัญของ ดวงอาทิตย์ โดยบรรยายประโยชน์ของดวงอาทิตย์ต่อส่ิงมีชีวิต ระบุส่วนประกอบของอากาศ บรรยายความสาคัญ ของอากาศ และผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อส่ิงมีชีวิตจากข้อมูลท่ีรวบรวมได้ตระหนักถึงความสาคัญของ อากาศ โดยนาเสนอแนวทางการปฏิบัติตนในการลดการเกิดมลพิษทางอากาศ อธบิ ายการเกิดลมจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ บรรยายประโยชนแ์ ละโทษของลมจากข้อมูลที่รวบรวมได้ แสดงอัลกอริทมึ ในการทางานหรือการแก้ปัญหา อย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหา ขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม ใช้อนิ เทอร์เน็ตค้นหาความรู้ รวบรวม ประมวลผล และนาเสนอข้อมลู โดยใช้ซอฟต์แวร์ ตามวัตถปุ ระสงค์ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลงในการใช้อนิ เทอร์เน็ต มำตรฐำน/ตัวชี้วดั ว ๑.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔ ว ๒.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒ ว ๒.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔ ว ๒.๓ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ ว ๓.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ ว ๓.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔
43 ว ๔.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓, ป.๓/๔ รวม ๗ มำตรฐำน ๒๕ ตวั ชี้วดั คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพ้ืนฐำน ว๑๔๑๐๑ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ๔ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
44 ชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ ๔ เวลำ ๘๐ ชั่วโมง คำอธิบำยรำยวิชำ บรรยายหน้าที่ของราก ลาต้น ใบ และดอกของพืชดอกโดยใช้ข้อมูลท่ีรวบรวมได้ จาแนกส่ิงมีชีวิตโดยใช้ ความเหมือน และความแตกต่างของลักษณะของส่ิงมีชีวิตออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มท่ีไม่ใช่พืชและสัตว์ จาแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอกโดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลท่ีรวบรวมได้ จาแนกสัตว์ ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่ รวบรวมได้ บรรยายลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินน้าสะเทินบก กลมุ่ สตั ว์เลอื้ ยคลาน กลมุ่ นก และกลุ่มสัตว์เลย้ี งลูกดว้ ยน้านม และยกตัวอย่างสิง่ มีชวี ิตในแตล่ ะกลมุ่ เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนาความร้อน และการนาไฟฟ้าของวัสดุ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลองและระบุการนาสมบัติเร่ืองความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนาความร้อน และการนาไฟฟ้าของวัสดุไปใช้ในชีวิตประจาวันผ่านกระบวนการออกแบบชิ้นงาน แลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่น โดยการอภิปรายเกี่ยวกับสมบัติทางกายภาพของวัสดุอย่างมีเหตุผลจากการทดลอง เปรียบเทียบสมบัติของสสาร ท้ัง ๓ สถานะ จากข้อมูลท่ีได้จากการสังเกตมวล การต้องการที่อยู่ รูปร่างและปรมิ าตรของสสาร ใช้เคร่ืองมือเพอ่ื วัดมวล และปรมิ าตรของสสารทัง้ ๓ สถานะ ระบุผลของแรงโน้มถ่วงทมี่ ีต่อวตั ถจุ ากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ใช้เครอ่ื งชั่งสปริง ในการวัดน้าหนักของวัตถุ บรรยายมวลของวัตถุท่ีมีผลต่อการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ จาแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสง จากลักษณะการมองเห็นส่ิงต่าง ๆ ผ่านวตั ถนุ ้นั เปน็ เกณฑโ์ ดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ อธิบายแบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของดวงจันทร์ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ สร้างแบบจาลองที่อธิบาย แบบรูป การเปล่ียนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ และพยากรณ์รูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ สร้างแบบจาลอง แสดงองค์ประกอบของระบบสรุ ยิ ะ และอธบิ ายเปรยี บเทยี บคาบการโคจรของดาวเคราะห์ต่าง ๆ จากแบบจาลอง ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหาอย่างง่าย ออกแบบ และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหาข้อผิดพลาดและแก้ไข ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหา ความรู้ และประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล รวบรวม ประเมิน นาเสนอข้อมูลและสารสนเทศ โดยใช้ซอฟต์แวร์ท่ี หลากหลาย เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าท่ีของตน เคารพในสทิ ธขิ องผูอ้ ่นื แจ้งผู้เกี่ยวขอ้ งเม่อื พบข้อมลู หรือบุคคลท่ีไมเ่ หมาะสม มำตรฐำน/ตัวช้ีวดั ว ๑.๒ ป.๔/๑ ว ๑.๓ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ ว ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔ ว ๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ว ๒.๓ ป.๔/๑ ว ๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓ ว ๔.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒, ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕
45 รวม ๗ มำตรฐำน ๒๑ ตัวช้วี ัด คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพ้ืนฐำน ว๑๕๑๐๑ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ๕ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
46 ชัน้ ประถมศึกษำปที ี่ ๕ เวลำ ๑๒๐ ชั่วโมง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ บรรยายโครงสร้างและลักษณะของสง่ิ มีชีวิตท่เี หมาะสมกับการดารงชีวิต ซ่ึงเป็นผลมาจากการปรบั ตวั ของ ส่ิงมีชีวิตในแต่ละแหล่งทีอ่ ยู่ อธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งสิ่งมีชวี ิตกับสงิ่ มีชีวิต และความสัมพนั ธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับ สิ่งไมม่ ีชีวิต เพ่อื ประโยชน์ตอ่ การดารงชีวิต เขียนโซ่อาหารและระบุบทบาทหนา้ ทขี่ องส่ิงมีชีวิตทเ่ี ป็นผ้ผู ลติ และผบู้ ริโภคใน โซ่อาหาร ตระหนักในคุณค่าของส่ิงแวดล้อมท่ีมีต่อการดารงชีวิตของส่ิงมีชีวิต โดยมีส่วนร่วมในการดูแลรักษา สง่ิ แวดล้อม อธิบายลักษณะทางพนั ธุกรรมท่ีมกี ารถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกของพืช สัตว์ และมนุษย์ แสดงความอยากรู้ อยากเห็น โดยการถามคาถามเก่ยี วกับลักษณะท่ีคล้ายคลงึ กันของตนเองกบั พ่อแม่ อธิบายการเปลยี่ นสถานะของสสาร เมื่อทาให้สสารร้อนขึ้นหรือเยน็ ลงโดยใชห้ ลักฐานเชิงประจักษ์ อธิบาย การละลายของสารในน้าโดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ วเิ คราะห์การเปล่ียนแปลงของสารเมื่อเกิดการเปล่ยี นแปลงทางเคมี โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ วิเคราะห์และระบุการเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และการเปล่ียนแปลงที่ผันกลับไม่ได้ อธิบายวิธีการหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนวเดียวกันที่กระทาต่อวัตถุในกรณีท่ีวัตถุอยู่นิ่งจากหลักฐาน เชิง ประจักษ์ เขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระทาต่อวัตถุที่อยู่ในแนวเดียวกันและแรงลพั ธ์ทกี่ ระทาต่อวตั ถุ ใช้เคร่ืองชั่งสปริง ในการวัดแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ ระบุผลของแรงเสียดทานท่ีมีต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิง ประจักษ์ เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงท่ีอยู่ในแนวเดียวกันท่ีกระทาต่อวัตถุ อธิบายการได้ยินเสียง ผ่านตัวกลางจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ระบุตัวแปร ทดลอง และอธิบายลักษณะและการเกิดเสียงสูง เสียงต่า ออกแบบการทดลองและอธิบายลักษณะและการเกิดเสียงดัง เสียงค่อย วัดระดับเสียงโดยใช้เครื่องมือวัดระดับเสียง ตระหนกั ในคณุ คา่ ของความร้เู ร่ืองระดบั เสียงโดยเสนอแนะแนวทางในการหลีกเล่ียงและลดมลพษิ ทางเสียง เปรียบเทียบความแตกต่างของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์จากแบบจาลอง ใช้แผนท่ีดาวระบุตาแหน่งและ เส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้า และอธิบายแบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์ บนท้องฟ้าในรอบปี เปรยี บเทียบปริมาณน้าในแต่ละแหล่ง และระบุปริมาณนา้ ท่ีมนุษย์สามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ ตระหนักถึงคุณค่าของน้าโดยนาเสนอแนวทางการใช้น้าอย่างประหยัดและการอนุรักษ์น้า สร้างแบบจาลองที่อธิบายการหมุนเวียนของน้าในวัฏจักรน้า เปรียบเทียบกระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้าค้าง และนา้ ค้างแข็งจากแบบจาลอง เปรียบเทียบกระบวนการเกดิ ฝน หิมะ และลกู เหบ็ จากขอ้ มูลทรี่ วบรวมได้ ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหาอย่างง่าย ออกแบบ และเขียนโปรแกรมท่ีมีการใช้เหตุผลเชิงตรรกะอย่างง่าย ตรวจหาข้อผิดพลาดและแก้ไข ใช้อินเทอร์เน็ต คน้ หาข้อมูล ติดต่อสื่อสารและทางานร่วมกัน ประเมนิ ความน่าเช่ือถือของข้อมูล รวบรวม ประเมิน นาเสนอข้อมูล และสารสนเทศ ตามวัตถุประสงค์โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตท่ีหลากหลาย เพื่อแก้ปัญหาในชีวิต ประจาวัน ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสิทธิและหน้าทีข่ องตน เคารพในสทิ ธิของผู้อื่น แจง้ ผเู้ กีย่ วข้องเมื่อพบขอ้ มลู หรือบคุ คลที่ไม่เหมาะสม มำตรฐำน/ตัวชี้วดั ว ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ ว ๑.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒
47 ว ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ ว ๒.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ ว ๒.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒ ,ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ ว ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒ ว ๓.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ ว ๔.๒ ป.๕/๑ ,ป.๕/๒ , ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ รวม ๘ มำตรฐำน ๓๒ ตัวชว้ี ดั คำอธิบำยรำยวชิ ำพ้ืนฐำน
48 ว๑๖๑๐๑ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ๖ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษำปีที่ ๖ เวลำ ๑๒๐ ชวั่ โมง คำอธบิ ำยรำยวิชำ ระบุสารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารที่ตนเองรับประทาน บอกแนวทาง ในการเลือกรับประทานอาหารใหไ้ ด้สารอาหารครบถว้ น ในสดั ส่วนท่ีเหมาะสมกับเพศและวัย รวมท้ังความปลอดภัย ต่อสุขภาพ ตระหนักถึงความสาคัญของสารอาหาร โดยการเลือกรับประทานอาหารท่ีมีสารอาหารครบถ้วนในสัดส่วน ทเ่ี หมาะสมกบั เพศและวัย รวมท้ังปลอดภัยต่อสุขภาพ สร้างแบบจาลองระบบย่อยอาหาร และบรรยายหน้าที่ของอวัยวะ ในระบบย่อยอาหาร รวมทั้งอธิบายการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร ตระหนักถึงความสาคัญของระบบ ยอ่ ยอาหาร โดยการบอกแนวทางในการดแู ลรกั ษาอวัยวะในระบบย่อยอาหารใหท้ างานเปน็ ปกติ อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็กดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลกั ฐานเชิงประจักษ์ รวมท้ังระบุวิธีแก้ปญั หาในชวี ิตประจาวันเก่ียวกับการแยกสาร อธิบายการเกิดและผลของแรงไฟฟ้าซ่ึงเกิดจากวัตถุที่ผ่านการขัดถูโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ระบุส่วนประกอบ และบรรยายหน้าท่ีของแต่ละส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายจากหลักฐานเชิงประจักษ์ เขียนแผนภาพและ ต่อวงจรไฟฟา้ อย่างง่าย ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีทเ่ี หมาะสมในการอธบิ ายวิธีการและผลของการต่อ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม โดยบอกประโยชน์ และการประยุกต์ใช้ในชีวิต ประจาวัน ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีท่ีเหมาะสมในการอธิบายการต่อ หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและ แบบขนาน โดยบอกประโยชน์ ข้อจากัด และการประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจาวัน อธิบายการเกิดเงามืดเงามัวจาก หลกั ฐานเชิงประจักษ์ เขยี นแผนภาพรงั สีของแสงแสดงการเกดิ เงามดื เงามัว สร้างแบบจาลองท่ีอธิบายการเกิด และเปรียบเทียบปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคา อธิบาย พฒั นาการของเทคโนโลยีอวกาศ และยกตัวอย่างการนาเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันจากข้อมูล ที่รวบรวมได้ เปรียบเทียบกระบวนการเกิดหินอคั นี หินตะกอน และหนิ แปร และอธบิ ายวัฏจักรหินจากแบบจาลอง บรรยายและยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของหินและแร่ในชีวิตประจาวันจากข้อมูลที่รวบรวมได้ สร้างแบบจาลอง ทอ่ี ธิบายการเกิดซากดึกดาบรรพ์และคาดคะเนสภาพแวดล้อมในอดีตของซากดกึ ดาบรรพ์ เปรียบเทียบการเกิดลมบก ลมทะเล และมรสมุ รวมท้ังอธบิ ายผลท่ีมีตอ่ สงิ่ มีชีวิตและสงิ่ แวดล้อม จากแบบจาลอง อธบิ ายผลของมรสุมต่อการเกิดฤดู ของประเทศไทยจากข้อมูลที่รวบรวมได้ บรรยายลักษณะและผลกระทบของน้าท่วม การกัดเซาะชายฝ่ัง ดินถล่ม แผ่นดินไหว สึนามิ ตระหนักถึงผลกระทบของภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย โดยนาเสนอแนวทางในการเฝ้าระวัง และปฏิบัตติ นให้ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติและธรณีพบิ ตั ภิ ัยที่อาจเกดิ ในทอ้ งถิน่ สรา้ งแบบจาลองทอี่ ธิบายการเกิด ปรากฏการณ์เรือนกระจก และผลของปรากฏการณ์เรือนกระจกต่อส่ิงมีชีวิต ตระหนักถึงผลกระทบของปรากฏการณ์ เรอื นกระจก โดยนาเสนอแนวทางการปฏิบตั ิตนเพื่อลดกจิ กรรมทีก่ ่อให้เกดิ แกส๊ เรือนกระจก
49 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและออกแบบวิธีการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตประจาวัน ออกแบบและเขียน โปรแกรมอย่างง่าย เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรมและแก้ไข ใช้อินเทอร์เน็ต ในการค้นหาขอ้ มูลอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศทางานร่วมกันอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธแิ ละหน้าท่ี ของตน เคารพในสิทธิของผูอ้ ื่น แจ้งผู้เกีย่ วขอ้ งเมือ่ พบข้อมลู หรอื บุคคลทไ่ี มเ่ หมาะสม มำตรฐำน/ตวั ช้ีวัด ว ๑.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕ ว ๒.๑ ป.๖/๑ ว ๒.๒ ป.๖/๑ ว ๒.๓ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๕, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘ ว ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒ ว ๓.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๕, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙ ว ๔.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔ รวม ๗ มำตรฐำน ๓๐ ตวั ชี้วัด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164