Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษา ปีการศึกษา 2564

หลักสูตรสถานศึกษา ปีการศึกษา 2564

Published by วัชรพงษ์ พิริแก้ว, 2022-06-12 14:33:02

Description: หลักสูตรสถานศึกษา ปีการศึกษา 2564

Search

Read the Text Version

รายวิชาเพ่ิมเติม กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาตา่ งประเทศ ระดับมัธยมศกึ ษา รายวชิ าเพ่ิมเตมิ จ 21201 ภาษาจนี 1 จำนวน 20 ช่ัวโมง 0.5 หนว่ ยกิต จ 21202 ภาษาจนี 2 จำนวน 20 ชว่ั โมง 0.5 หน่วยกติ จ 22201 ภาษาจนี 3 จำนวน 20 ชว่ั โมง 0.5 หนว่ ยกติ จ 22202 ภาษาจีน 4 จำนวน 20 ชั่วโมง 0.5 หนว่ ยกติ จ 23201 ภาษาจีน 5 จำนวน 20 ช่วั โมง 0.5 หนว่ ยกติ จ 23202 ภาษาจีน 6 จำนวน 20 ชว่ั โมง 0.5 หน่วยกติ ต 21201 ภาษาพมา่ 1 จำนวน 20 ชั่วโมง 0.5 หน่วยกิต ต 21202 ภาษาพม่า 2 จำนวน 20 ชว่ั โมง 0.5 หน่วยกิต ต 22201 ภาษาพมา่ 3 จำนวน 20 ชั่วโมง 0.5 หนว่ ยกติ ต 22202 ภาษาพม่า 4 จำนวน 20 ชั่วโมง 0.5 หนว่ ยกติ ต 23201 ภาษาพมา่ 5 จำนวน 20 ชั่วโมง 0.5 หนว่ ยกติ ต 23202 ภาษาพม่า 6 จำนวน 20 ชั่วโมง 0.5 หน่วยกิต CHP | หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนชมุ ชนบ้านพบพระ 6

คำอธิบายรายวิชาเพม่ิ เติม จ 21201 ภาษาจีน กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 20 ชัว่ โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………. ศึกษาทักษะการปฏิบัติตามคำส่ังง่ายๆ ระบุสัทอักษรตามระบบพินอินอ่านออกเสียง และการ ประสมเสียงคำง่ายๆ ตามหลักการออกเสียง เรียนรู้ประโยค หรือข้อความ และบทสนทนาส้ันๆท่ีมี ความหมายเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน โดยระบบภาษาจีนควบคุ่กับระบบพินอิน ศึกษาหลักการ เขียนอกั ษรจนี ตามหลักการเขียนทถ่ี กู ต้อง บอกความเหมือน หรือความแตกต่างของเสียงตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยค และข้อความสั้นๆ ของภาษาจีนกับภาษาไทย ถูกตอ้ งตามหลักการออกเสียง พูดโต้ตอบด้วยประโยคส้ันๆ และสามารถปฏิบัติ ตามคำสั่ง คำขอร้อง คำแนะนำ และคำช้ีแจงงา่ ยๆด้วยภาษา นำ้ เสียง และกิรยิ าท่าทางอย่างสุภาพเหมาะสม ตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของจนี เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดทักษะทางภาษาและเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการเรียนรู้ภาษาจีน มีนิสัย รกั การอ่าน ใฝ่รู้ มีความรบั ผิดชอบและมเี จตคตทิ ีด่ ีตอ่ ภาษา สามารถนำความรู้ภาษาจนี ไปใชใ้ นการเรยี นใน ระดบั สูงต่อไปได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ผลการเรยี นรู้ 1. ปฏบิ ตั ิตามคำสั่ง คำขอรอ้ ง คำแนะนำ และคำชแ้ี จงงา่ ยๆ 2. ระบุสัทอักษรตามระบบพินอนิ อา่ นออกเสยี ง และประสมเสียงคำง่ายๆ ตามหลกั การออกเสียง 3. พูดโต้ตอบด้วยประโยคสน้ั ๆ เพ่อื สื่อสารระหวา่ งบุคคล 4. เขยี นอกั ษรจนี ตามหลักการเขียนทถ่ี ูกต้อง รวมท้ังหมด 4 ผลการเรียนรู้ CHP | หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนชุมชนบา้ นพบพระ 7

คำอธิบายรายวชิ าเพ่มิ เตมิ จ 21202 ภาษาจนี กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 20 ชัว่ โมง จำนวน 0.5 หน่วยกติ ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………. ศึกษาทักษะการปฏิบัติตามคำส่ังง่ายๆ ระบุสัทอักษรตามระบบพินอินอ่านออกเสียง และการ ประสมเสียงคำง่ายๆ ตามหลักการออกเสียง เรียนรู้ประโยค หรือข้อความ และบทสนทนาส้ันๆท่ีมี ความหมายเก่ียวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน โดยระบบภาษาจีนควบคุ่กับระบบพินอิน ศึกษาหลักการ เขียนอกั ษรจีนตามหลักการเขยี นท่ีถกู ต้อง บอกความเหมือน หรือความแตกต่างของเสียงตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยค และข้อความส้ันๆ ของภาษาจีนกบั ภาษาไทย ถูกต้องตามหลักการออกเสียง พูดโต้ตอบด้วยประโยคสัน้ ๆ และสามารถปฏิบัติ ตามคำสง่ั คำขอร้อง คำแนะนำ และคำช้ีแจงง่ายๆด้วยภาษา น้ำเสียง และกิรยิ าทา่ ทางอย่างสุภาพเหมาะสม ตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรมของจนี เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดทักษะทางภาษาและเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการเรียนรู้ภาษาจีน มีนิสัย รักการอ่าน ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบและมีเจตคตทิ ดี่ ตี ่อภาษา สามารถนำความรู้ภาษาจีนไปใชใ้ นการเรยี นใน ระดับสงู ต่อไปได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ผลการเรียนรู้ 1. ปฏิบตั ิตามคำสงั่ คำขอรอ้ ง คำแนะนำ และคำชแ้ี จงงา่ ยๆ 2. ระบสุ ทั อกั ษรตามระบบพนิ อนิ อ่านออกเสยี ง และประสมเสียงคำงา่ ยๆ อ่านออกเสยี ง คำ ข้อความ ประโยคสน้ั ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การออกเสยี ง 3. เขียนอกั ษรจนี ตามหลกั การเขียนทถี่ ูกตอ้ ง 4. ใชภ้ าษา นำ้ เสียง และกริ ิยาท่าทางอย่างสภุ าพเหมาะสม ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของจนี รวมท้งั หมด 4 ผลการเรยี นรู้ CHP | หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนชมุ ชนบา้ นพบพระ 8

คำอธบิ ายรายวชิ าเพ่มิ เติม จ 22201 ภาษาจนี กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 20 ชั่วโมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกิต ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………. ศึกษาทักษะการปฏิบัติตามคำสั่งง่ายๆ ระบุสัทอักษรตามระบบพินอินอ่านออกเสียง และการ ประสมเสียงคำง่ายๆ ตามหลักการออกเสียง เรียนรู้ประโยค หรือข้อความ และบทสนทนาสั้นๆท่ีมี ความหมายเก่ียวกับตนเอง ครอบครัว และอาหาร ผัก ผลไม้ที่มีอยู่ในท้องถ่ินของตนเอง ศึกษาหลักการ เขียนอักษรจนี ตามหลกั การเขยี นที่ถูกตอ้ ง บอกความเหมือน หรอื ความแตกต่างของเสยี งตัวอักษร คำ กลมุ่ คำ ประโยค และข้อความสั้นๆ ของภาษาจีนกบั ภาษาไทย ถูกต้องตามหลักการออกเสียง พูดโต้ตอบด้วยประโยคสั้นๆ และสามารถปฏิบัติ ตามคำส่งั คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชแี้ จงงา่ ยๆ เพ่อื ให้ผเู้ รียนเกิดทักษะทางภาษาและเห็นความสำคัญและประโยชนข์ องการเรียนรภู้ าษาจนี มนี สิ ัย รักการอ่าน ใฝ่รู้ มคี วามรับผิดชอบและมีเจตคติทด่ี ีต่อภาษา สามารถนำไปใช้ในการพดู โต้ตอบดว้ ยประโยค ส้ันๆในชีวิตประจำวัน และสามารถนำความรู้ภาษาจีนไปใช้ในการเรียนในระดับสูงต่อไปได้อย่าง มีประสทิ ธิภาพ ผลการเรียนรู้ 1. ปฏบิ ัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำชแี้ จง และคำอธบิ ายงา่ ยๆ ทฟี่ ังและอ่าน 2. อา่ นออกเสียงตัวอกั ษร คำศัพท์ กลมุ่ คำ ประโยค ตามหลักการอ่านในระบบเสียงภาษาจนี กลาง 3. พดู โต้ตอบด้วยประโยคส้นั ๆ จากการฟังและอ่านบทสนทนา 4. พดู เพือ่ ขอและให้ข้อมลู เกยี่ วกับตนเอง เพือ่ น ครอบครวั อาหาร ผักผลไมด้ ้วยประโยคส้ันๆ งา่ ยๆ 5. เขยี นอกั ษรจนี ตามหลกั การเขยี นทถี่ กู ตอ้ ง รวมท้งั หมด 5 ผลการเรียนรู้ CHP | หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนชมุ ชนบ้านพบพระ 9

คำอธิบายรายวชิ าเพมิ่ เติม จ 22202 ภาษาจีน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 20 ชว่ั โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………. ศกึ ษาทักษะการปฏิบัติตามคำสง่ั งา่ ยๆ ระบุสัทอักษรตามระบบพินอินอ่านออกเสยี ง และการ ประสมเสียงคำง่ายๆ ตามหลักการออกเสียง เรียนรู้ประโยค หรือข้อความ และบทสนทนาสั้นๆท่ีมี ความหมายเก่ียวกับตนเอง ครอบครวั โรงเรยี น 10 ประเทศอาเซยี น และศึกษาหลักการเขียนอักษร จนี ตามหลักการเขียนทีถ่ กู ตอ้ ง บอกความเหมือน หรือความแตกต่างของเสียงตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยค และข้อความ ส้ันๆของภาษาจีนกับภาษาไทย ถูกต้องตามหลักการออกเสียง พูดโต้ตอบด้วยประโยคส้ันๆ ใน ชีวิตประจำวัน และสามารถปฏิบัติตามคำส่ัง คำขอร้อง คำแนะนำ และคำช้ีแจงง่ายๆด้วยภาษา นำ้ เสยี ง และกริ ิยาท่าทางอยา่ งสภุ าพเหมาะสม ตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของจนี เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นเกดิ ทกั ษะทางภาษาและเห็นความสำคญั และประโยชนข์ องการเรียนรู้ภาษาจนี มนี สิ ัย รักการอ่าน ใฝ่รู้ มีความรบั ผิดชอบและมเี จตคติทีด่ ีต่อภาษา สามารถนำไปใช้ในการพดู โตต้ อบด้วยประโยค ส้ันๆในชีวิตประจำวัน และสามารถนำความรู้ภาษาจีนไปใช้ในการเรียนในระดับสูงต่อไปได้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ ผลการเรยี นรู้ 1. ปฏบิ ัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำชีแ้ จง และคำอธบิ ายงา่ ยๆ ทีฟ่ ังและอา่ น 2. อา่ นออกเสยี งตัวอักษร คำศพั ท์ กลมุ่ คำ ประโยค ตามหลกั การอ่านในระบบเสียงภาษาจีนกลาง 3. พดู โตต้ อบด้วยประโยคสนั้ ๆ จากการฟงั และอา่ นบทสนทนา 4. พูดเพ่อื ขอและใหข้ อ้ มูลเกีย่ วกบั ตนเอง เพอ่ื น ครอบครวั ประเทศเพ่ือนบ้านดว้ ยประโยคสั้นๆ งา่ ยๆ ใน ชวี ิตประจำวนั 5. ใช้ภาษา นำ้ เสยี ง และกริ ิยาทา่ ทางเหมาะกบั บุคคลและโอกาส ตามมารยาทสงั คม และวัฒนธรรมของจนี 6. เขียนอักษรจีนตามหลักการเขียนท่ีถูกตอ้ ง รวมทั้งหมด 6 ผลการเรยี นรู้ CHP | หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ 10

คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเตมิ จ 23201 ภาษาจีน กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 20 ชว่ั โมง จำนวน 0.5 หน่วยกติ ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………. ศึกษาทักษะการพูดขอข้อมูลและให้ข้อมูลเก่ียวกับส่ิงรอบตัวและบุคคลที่พบเห็นใน ชีวติ ประจำวันอย่างงา่ ยได้อา่ นออกเสียงคำ วลี ข้อความ และบทความไดถ้ กู ต้องตามหลักการออกเสยี ง ศึกษาการอ่านและการแปลความหมายจากกลุ่มคำ ประโยคส้ันๆ ในรูปแบบสัทอักษร และประโยค อยา่ งงา่ ยๆ รวมทง้ั เติมวรรณยกุ ต์ได้ถูกตอ้ ง อ่านและแปลความหมายจากประโยคสั้นๆ ในรูปแบบสัทอักษรภาษาจีนท่ีกำหนดให้ได้ และ สามารถอ่านออกเสียงคำ วลี ข้อความ และบทความไดถ้ กู ตอ้ งตามหลักการออกเสียง โดยการใช้ภาษา และท่าทางในการส่ือสารไดอ้ ย่างเหมาะสมกับระดับบุคคล สถานที่ โอกาสและวฒั นธรรมของเจ้าของ ภาษาเข้าใจความแตกต่างระหว่างภาษาจีนกับภาษาไทยในเร่ืองคำ วลี ประโยค ข้อความต่างๆ และ นำไปใชใ้ นสถานการณ์ตา่ งๆอยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม สนใจและมสี ่วนร่วมในกิจกรรมวันสำคญั ต่างๆทางศาสนา ประเพณี วัฒนธรรมของไทย และ ของเจ้าของภาษา ใช้ภาษาในการแสดงความเห็นเกี่ยวกับบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน ตามความ สนใจ เพ่ือให้นกั เรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่นั ในการทำงาน มคี วามรับผิดชอบและมีเจตคติท่ดี ีต่อภาษา สามารถนำความรู้ภาษาจนี ไปใช้ในการเรยี นในระดับสูงต่อไปไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ ผลการเรยี นรู้ 1. ปฏิบตั ิตามคำขอรอ้ ง คำชี้แจง คำแนะนำ และคำอธบิ ายที่ฟงั และอา่ น 2. พดู ขอขอ้ มลู และให้ข้อมูลเก่ยี วกับสง่ิ รอบตวั และบคุ คลท่ีพบเห็นในชีวติ ประจำวนั อยา่ งงา่ ยได้ 3. เขยี นตวั สัทอักษรจนี เปน็ คำ กล่มุ คำ และประโยคอย่างงา่ ยๆ รวมทั้งเติมวรรณยุกตไ์ ด้ถูกต้อง 4. ใช้ภาษาและท่าทางในการสือ่ สารไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกับระดับบุคคล สถานท่ี โอกาสและวฒั นธรรม ของเจา้ ของภาษา รวมท้ังหมด 4 ผลการเรียนรู้ CHP | หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระ 11

คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเตมิ จ 23202 ภาษาจนี กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาตา่ งประเทศ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 20 ชัว่ โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………. ศึ ก ษ า ทั ก ษ ะ ก า ร พู ด ข อ ข้ อ มู ล แ ล ะ ให้ ข้ อ มู ล เก่ี ย ว กั บ สิ่ ง ร อ บ ตั ว แ ล ะ บุ ค ค ล ที่ พ บ เห็ น ใ น ชีวิตประจำวันอย่างง่ายได้อ่านออกเสียงคำ วลี ข้อความ และบทความได้ถูกต้องตามหลักการออกเสียง ศึกษาการอ่านและการแปลความหมายจากกลุ่มคำ ประโยคสนั้ ๆ ในรูปแบบสัทอักษร และประโยคอยา่ ง งา่ ยๆ รวมท้ังเตมิ วรรณยุกต์ไดถ้ กู ตอ้ ง อ่านและแปลความหมายจากประโยคส้ันๆ ในรูปแบบสัทอักษรภาษาจีนที่กำหนดให้ได้ และ สามารถอ่านออกเสียงคำ วลี ข้อความ และบทความไดถ้ ูกตอ้ งตามหลักการออกเสียง โดยการใชภ้ าษา และท่าทางในการส่ือสารได้อย่างเหมาะสมกับระดับบุคคล สถานที่ โอกาสและวัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษาเข้าใจความแตกต่างระหว่างภาษาจีนกับภาษาไทยในเร่ืองคำ วลี ประโยค ข้อความต่างๆ และ นำไปใชใ้ นสถานการณต์ า่ งๆอยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม สนใจและมีส่วนร่วมในกิจกรรมวันสำคัญต่างๆทางศาสนา ประเพณี วัฒนธรรมของไทย และ ของเจ้าของภาษา ใช้ภาษาในการแสดงความเห็นเกี่ยวกับบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้ัน ตามความ สนใจ เพื่อให้นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน มีความรับผิดชอบและมีเจตคติที่ดีต่อภาษา สามารถนำความรู้ภาษาจีนไปใช้ในการเรยี นในระดบั สงู ต่อไปไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ ผลการเรียนรู้ 1. ปฏบิ ตั ิตามคำขอร้อง คำช้ีแจง คำแนะนำ และคำอธบิ ายที่ฟงั และอ่าน 2. พดู ขอข้อมูลและให้ขอ้ มูลเก่ยี วกับสิ่งรอบตวั และบคุ คลท่พี บเหน็ ในชวี ติ ประจำวนั อยา่ งง่ายได้ 3. อา่ นออกเสียงคำ วลี ขอ้ ความ และบทความได้ถกู ตอ้ งตามหลกั การออกเสียง 4. เขยี นตวั สัทอกั ษรจนี เป็นคำ กลุ่มคำ และประโยคอย่างง่ายๆ รวมทั้งเติมวรรณยกุ ตไ์ ด้ถกู ต้อง 5. ใช้ภาษาและท่าทางในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสมกบั ระดับบคุ คล สถานท่ี โอกาสและวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษา รวมทงั้ หมด 5 ผลการเรยี นรู้ CHP | หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนชมุ ชนบา้ นพบพระ 12

คำอธบิ ายรายวชิ าเพิม่ เติม ต 21201 ภาษาพมา่ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 20 ชวั่ โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกิต ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………. ศึกษาทักษะการปฏิบัติตามคำส่งั ง่ายๆ โดยการใช้สัทศาสตร์ในภาษาพม่าเข้าช่วย และการประสม เสียงคำง่ายๆ ตามหลักการออกเสียง เรียนรู้ประโยค หรือข้อความ และบทสนทนาส้ันๆท่ีมีความหมาย เกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน โดยใช้ระบบภาษาพม่าควบคู่กับระบบสทั ศาสตร์ ศึกษาหลักการเขียน อักษรภาษาพม่าตามหลกั การเขียนที่ถกู ต้อง บอกความเหมือน หรือความแตกต่างของเสียงตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยค และข้อความส้ันๆ ของภาษาพม่ากับภาษาไทย ถูกต้องตามหลักการออกเสยี ง พูดโต้ตอบด้วยประโยคสั้นๆ และสามารถปฏิบัติ ตามคำสง่ั คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจงง่ายๆด้วยภาษา น้ำเสยี ง และกิริยาท่าทางอย่างสุภาพเหมาะสม ตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรมในประเทศเมียนมา เพอื่ ใหผ้ ู้เรียนเกดิ ทักษะทางภาษาและเห็นความสำคญั และประโยชนข์ องการเรยี นรภู้ าษาพม่า มนี ิสัยรกั การอา่ น ใฝ่รู้ มีความรบั ผดิ ชอบและมีเจตคตทิ ด่ี ีต่อภาษา สามารถนำความรู้ภาษาพม่าไปใช้ในการ เรยี นในระดับสงู ต่อไปได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ผลการเรียนรู้ 1. ปฏบิ ตั ิตามคำสัง่ คำขอรอ้ ง คำแนะนำ และคำช้ีแจงง่ายๆ 2. ใช้ระบบสทั ศาสตรภ์ าษาพม่าในการอ่านออกเสยี ง และประสมเสยี งคำง่ายๆ ตามหลักการออกเสยี ง 3. พูดโต้ตอบด้วยประโยคสัน้ ๆ เพอ่ื ส่อื สารระหว่างบคุ คล 4. เขยี นอักษรภาษาพม่าตามหลกั การเขียนที่ถูกต้อง รวมทั้งหมด 4 ผลการเรียนรู้ CHP | หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนชมุ ชนบ้านพบพระ 13

คำอธบิ ายรายวิชาเพ่ิมเติม ต 21202 ภาษาพม่า กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 20 ช่ัวโมง จำนวน 0.5 หน่วยกติ ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………. ศึกษาทักษะการปฏิบัตติ ามคำสัง่ งา่ ยๆ โดยการใช้สัทศาสตร์ในภาษาพม่าเข้าช่วย และการประสม เสียงคำง่ายๆ ตามหลักการออกเสียง เรียนรู้ประโยค หรือข้อความ และบทสนทนาส้ันๆท่ีมีความหมาย เกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน โดยใช้ระบบภาษาพม่าควบคู่กับระบบสทั ศาสตร์ ศึกษาหลักการเขียน อักษรภาษาพม่าตามหลักการเขยี นทถ่ี ูกตอ้ ง บอกความเหมือน หรือความแตกต่างของเสียงตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยค และข้อความสั้นๆ ของภาษาพมา่ กับภาษาไทย ถูกต้องตามหลักการออกเสยี ง พูดโต้ตอบด้วยประโยคสัน้ ๆ และสามารถปฏิบัติ ตามคำส่ัง คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจงงา่ ยๆด้วยภาษา นำ้ เสยี ง และกิรยิ าท่าทางอย่างสุภาพเหมาะสม ตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมในประเทศเมียนมา เพอ่ื ให้ผูเ้ รียนเกิดทักษะทางภาษาและเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการเรียนร้ภู าษาพม่า มนี สิ ัยรกั การอ่าน ใฝร่ ู้ มีความรับผดิ ชอบและมีเจตคตทิ ด่ี ีตอ่ ภาษา สามารถนำความรู้ภาษาพมา่ ไปใช้ในการ เรียนในระดบั สงู ต่อไปได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ผลการเรยี นรู้ 1. ปฏิบตั ิตามคำสง่ั คำขอร้อง คำแนะนำ และคำช้ีแจงง่ายๆ 2. ใช้ระบบสัทศาสตรภ์ าษาพมา่ ในการอ่านออกเสยี ง และประสมเสยี งคำง่ายๆ ตามหลักการออกเสียง 3. เขียนอกั ษรภาษาพมา่ ตามหลักการเขยี นที่ถูกต้อง 4. ใช้ภาษา นำ้ เสียง และกิรยิ าทา่ ทางอย่างสภุ าพเหมาะสม ตามมารยาทสงั คมและวัฒนธรรมของประเทศเมยี นมา รวมทั้งหมด 4 ผลการเรียนรู้ CHP | หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระ 14

คำอธบิ ายรายวิชาเพมิ่ เตมิ ต 22201 ภาษาพม่า กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 20 ชวั่ โมง จำนวน 0.5 หน่วยกิต ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………. ศึกษาทักษะการปฏิบัตติ ามคำส่งั ง่ายๆ โดยการใช้สทั ศาสตร์ในภาษาพม่าเข้าช่วย และการประสม เสียงคำง่ายๆ ตามหลักการออกเสียง เรียนรู้ประโยค หรือข้อความ และบทสนทนาสั้นๆที่มีความหมาย เก่ียวกับตนเอง ครอบครัว และอาหาร ผัก ผลไม้ท่ีมีอยู่ในท้องถิ่นของตนเอง ศึกษาหลักการเขียนอักษร ภาษาพม่าตามหลกั การเขยี นท่ถี ูกต้อง บอกความเหมอื น หรือความแตกต่างของเสียงตวั อักษร คำ กลมุ่ คำ ประโยค และขอ้ ความสนั้ ๆ ของภาษาพมา่ กับภาษาไทย ถูกต้องตามหลักการออกเสียง พูดโต้ตอบด้วยประโยคส้ันๆ และสามารถปฏบิ ตั ิ ตามคำสง่ั คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชแ้ี จงงา่ ยๆ เพ่ือให้ผเู้ รียนเกดิ ทกั ษะทางภาษาและเห็นความสำคัญและประโยชนข์ องการเรียนร้ภู าษาพม่า มีนิสัยรักการอ่าน ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบและมีเจตคติท่ีดีต่อภาษา สามารถนำไปใช้ในการพูดโต้ตอบด้วย ประโยคสัน้ ๆในชีวติ ประจำวนั และสามารถนำความรภู้ าษาพมา่ ไปใช้ในการเรยี นในระดับสูงต่อไปไดอ้ ยา่ ง มีประสิทธิภาพ ผลการเรียนรู้ 1. ปฏิบัติตามคำขอรอ้ ง คำแนะนำ คำช้ีแจง และคำอธบิ ายง่ายๆ ทฟ่ี งั และอ่าน 2. อา่ นออกเสียงตัวอักษร คำศัพท์ กล่มุ คำ ประโยค ตามหลักการอา่ นในระบบเสียงภาษาพมา่ 3. พดู โต้ตอบด้วยประโยคสั้นๆ จากการฟงั และอ่านบทสนทนา 4. พดู เพ่ือขอและให้ข้อมูลเก่ียวกับตนเอง เพอ่ื น ครอบครวั อาหาร ผกั ผลไม้ดว้ ยประโยคสนั้ ๆ งา่ ยๆ 5. เขียนอักษรภาษาพมา่ ตามหลักการเขยี นที่ถูกตอ้ ง รวมทงั้ หมด 5 ผลการเรียนรู้ CHP | หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนชุมชนบา้ นพบพระ 15

คำอธิบายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ต 22202 ภาษาพมา่ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 20 ชว่ั โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………. ศึกษาทักษะการปฏิบัติตามคำสั่งง่ายๆ โดยการใช้สัทศาสตร์ในภาษาพม่าเข้าช่วย และการ ประสมเสียงคำง่ายๆ ตามหลักการออกเสียง เรียนรู้ประโยค หรือข้อความ และบทสนทนาส้ันๆที่มี ความหมายเกี่ยวกบั ตนเอง ครอบครัว โรงเรยี น 10 ประเทศอาเซียน และศึกษาหลักการเขียนอักษร ภาษาพมา่ ตามหลกั การเขียนทถ่ี ูกต้อง บอกความเหมือน หรือความแตกต่างของเสียงตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยค และข้อความ ส้ันๆของภาษาพม่ากับภาษาไทย ถูกต้องตามหลักการออกเสียง พูดโต้ตอบด้วยประโยคสั้นๆ ใน ชีวิตประจำวัน และสามารถปฏิบัติตามคำสั่ง คำขอร้อง คำแนะนำ และคำช้ีแจงง่ายๆด้วยภาษา นำ้ เสยี ง และกริ ยิ าทา่ ทางอย่างสุภาพเหมาะสม ตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของประเทศเมียนมา เพื่อให้ผู้เรียนเกดิ ทักษะทางภาษาและเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการเรยี นรู้ภาษาพม่า มีนิสยั รักการอ่าน ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบและมีเจตคติท่ีดีต่อภาษา สามารถนำไปใช้ในการพูดโต้ตอบด้วย ประโยคสั้นๆในชวี ติ ประจำวัน และสามารถนำความรู้ภาษาพมา่ ไปใช้ในการเรยี นในระดบั สูงตอ่ ไปไดอ้ ยา่ ง มปี ระสิทธภิ าพ ผลการเรียนรู้ 1. ปฏบิ ตั ิตามคำขอรอ้ ง คำแนะนำ คำชีแ้ จง และคำอธิบายงา่ ยๆ ท่ีฟงั และอ่าน 2. อ่านออกเสยี งตัวอักษร คำศัพท์ กลุม่ คำ ประโยค ตามหลักการอา่ นในระบบเสยี งภาษาพมา่ 3. พดู โตต้ อบด้วยประโยคส้นั ๆ จากการฟังและอ่านบทสนทนา 4. พดู เพอ่ื ขอและใหข้ ้อมูลเกย่ี วกบั ตนเอง เพื่อน ครอบครัว ประเทศเพอ่ื นบ้านดว้ ยประโยคสั้นๆ งา่ ยๆ ใน ชวี ติ ประจำวนั 5. ใช้ภาษา น้ำเสียง และกริ ิยาทา่ ทางเหมาะกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสงั คม และวฒั นธรรมของ ประเทศเมยี นมา 6. เขียนอกั ษรภาษาพม่าตามหลกั การเขียนทีถ่ ูกต้อง รวมท้ังหมด 6 ผลการเรยี นรู้ CHP | หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนชมุ ชนบา้ นพบพระ 16

คำอธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ต 23201 ภาษาพม่า กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 20 ชั่วโมง จำนวน 0.5 หน่วยกิต ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………. ศึกษาทักษะการพูดขอข้อมูลและให้ข้อมูลเก่ียวกับส่ิงรอบตั วและบุคคลท่ีพบเห็นใน ชีวติ ประจำวันอยา่ งงา่ ยได้อา่ นออกเสียงคำ วลี ข้อความ และบทความได้ถกู ต้องตามหลักการออกเสียง ศึกษาการอ่านและการแปลความหมายจากกลุ่มคำ ประโยคส้ันๆ ในรูปแบบสทั ศาสตร์ภาษาพม่า และ ประโยคอย่างง่ายๆ รวมทงั้ เติมวรรณยกุ ตไ์ ดถ้ ูกต้อง อ่านและแปลความหมายจากประโยคสั้นๆ ในรูปแบบสัทศาสตร์ภาษาพม่าที่กำหนดให้ได้ และสามารถอ่านออกเสียงคำ วลี ข้อความ และบทความได้ถูกตอ้ งตามหลักการออกเสียง โดยการใช้ ภาษาและท่าทางในการส่ือสารได้อย่างเหมาะสมกับระดับบุคคล สถานท่ี โอกาสและวัฒนธรรมของ เจ้าของภาษาเข้าใจความแตกต่างระหว่างภาษาพม่ากับภาษาไทยในเร่ืองคำ วลี ประโยค ข้อความ ต่างๆ และนำไปใชใ้ นสถานการณ์ตา่ งๆอย่างถูกต้องเหมาะสม สนใจและมสี ่วนร่วมในกิจกรรมวันสำคญั ต่างๆทางศาสนา ประเพณี วัฒนธรรมของไทย และ ของเจ้าของภาษา ใช้ภาษาในการแสดงความเห็นเก่ียวกับบทสนทนา นิทาน และเรื่องสั้น ตามความ สนใจ เพอ่ื ให้นกั เรียนมีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่ันในการทำงาน มีความรับผิดชอบและมีเจตคติทด่ี ีตอ่ ภาษา สามารถนำความรู้ภาษาพมา่ ไปใชใ้ นการเรยี นในระดับสงู และใช้ในทอ้ งถิน่ ตอ่ ไปไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ผลการเรียนรู้ 1. ปฏิบตั ิตามคำขอร้อง คำช้ีแจง คำแนะนำ และคำอธบิ ายท่ฟี ังและอา่ น 2. พดู ขอข้อมูลและใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั สิ่งรอบตวั และบคุ คลทพ่ี บเหน็ ในชวี ิตประจำวันอย่างง่ายได้ 3. เขียนตัวสัทศาสตร์ภาษาพมา่ เป็นคำ กลุ่มคำ และประโยคอยา่ งงา่ ยๆ รวมท้งั เตมิ วรรณยกุ ตไ์ ดถ้ ูกต้อง 4. ใชภ้ าษาและท่าทางในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกับระดบั บุคคล สถานท่ี โอกาสและวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษา รวมทงั้ หมด 4 ผลการเรยี นรู้ CHP | หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระ 17

คำอธิบายรายวชิ าเพมิ่ เติม ต 23202 ภาษาพม่า กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 20 ชว่ั โมง จำนวน 0.5 หน่วยกติ ……………………………………………………………………………………………………………………….……………………. ศึกษาทักษะการพูดขอข้อมูลและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งรอบตัวและบุคคลที่ พบเห็นใน ชวี ิตประจำวันอย่างง่ายได้อ่านออกเสียงคำ วลี ข้อความ และบทความได้ถูกต้องตามหลกั การออกเสียง ศึกษาการอ่านและการแปลความหมายจากกลุ่มคำ ประโยคส้นั ๆ ในรูปแบบสัทอักษร และประโยคอยา่ ง งา่ ยๆ รวมทงั้ เติมวรรณยุกต์ได้ถกู ต้อง อา่ นและแปลความหมายจากประโยคสนั้ ๆ ในรปู แบบสทั ศาสตร์ภาษาพม่าท่กี ำหนดให้ได้ และ สามารถอ่านออกเสียงคำ วลี ข้อความ และบทความได้ถูกต้องตามหลักการออกเสียง โดยการใชภ้ าษา และท่าทางในการส่ือสารได้อย่างเหมาะสมกับระดับบุคคล สถานที่ โอกาสและวัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษาเข้าใจความแตกต่างระหว่างภาษาพม่ากับภาษาไทยในเร่ืองคำ วลี ประโยค ข้อความต่างๆ และ นำไปใชใ้ นสถานการณต์ า่ งๆอยา่ งถูกต้องเหมาะสม สนใจและมีส่วนร่วมในกิจกรรมวันสำคัญต่างๆทางศาสนา ประเพณี วัฒนธรรมของไทย และ ของเจ้าของภาษา ใช้ภาษาในการแสดงความเห็นเก่ียวกับบทสนทนา นิทาน และเร่ืองสั้น ตามความ สนใจ เพ่ือให้นักเรียนมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทำงาน มีความรับผิดชอบและมีเจตคติที่ดีต่อภาษา สามารถนำความรภู้ าษาพม่าไปใช้ในการเรียนในระดบั สูงและใชใ้ นท้องถ่ินตอ่ ไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลการเรยี นรู้ 1. ปฏิบตั ิตามคำขอร้อง คำชี้แจง คำแนะนำ และคำอธิบายท่ฟี ังและอ่าน 2. พดู ขอข้อมูลและใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกับสง่ิ รอบตัวและบุคคลที่พบเห็นในชีวิตประจำวนั อยา่ งง่ายได้ 3. อา่ นออกเสยี งคำ วลี ขอ้ ความ และบทความไดถ้ กู ต้องตามหลักการออกเสยี ง 4. เขียนตวั สัทศาสตรภ์ าษาพม่าเป็นคำ กลมุ่ คำ และประโยคอย่างง่ายๆ รวมทง้ั เตมิ วรรณยกุ ตไ์ ดถ้ กู ต้อง 5. ใช้ภาษาและท่าทางในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสมกบั ระดบั บคุ คล สถานที่ โอกาสและวฒั นธรรม ของเจ้าของภาษา รวมทั้งหมด 5 ผลการเรยี นรู้ CHP | หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นชมุ ชนบา้ นพบพระ 18

กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น เป็นกิจกรรมที่มุ่งเนน้ ใหผ้ ู้เรียนพัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอยา่ งรอบ ด้านเพอื่ ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย สติปญั ญา อารมณ์ และสังคม เสริมสรา้ งให้เป็นผู้มีศลี ธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลกู ฝังและสร้างจิตสำนึกของการทำประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเอง ได้ อย่รู ว่ มกบั ผู้อ่ืนอย่างมคี วามสขุ โรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ ไดจ้ ดั กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน โดยแบง่ ออกเปน็ 3 ลกั ษณะ ดงั น้ี 1. กจิ กรรมแนะแนว/กิจกรรมอบรมประจำสัปดาห์ 1.1 กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมท่ีสง่ เสริมและพฒั นานักเรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์ ส่ิงแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจได้ คิดแก้ปัญหา กำหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิต ทั้งทางด้าน การเรียน อาชีพและการมีทักษะชีวิตสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้ยัง เป็นกิจกรรมที่สามารถดำเนินการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ผู้ปกครองเพ่ือให้มีส่วนร่วมในการพัฒนา ศกั ยภาพของผู้เรยี น แนวการจดั กจิ กรรมแนะแนว นักเรียนระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนต้นทกุ คนตอ้ งเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนว 40 ช่ัวโมงตอ่ ปี การศึกษา 20 ชว่ั โมงต่อภาคเรยี น ซ่ึงจัดเขา้ เป็นช่ัวโมงเรียนในตารางสอนห้องละ 1 ช่ัวโมงต่อสัปดาห์ โดย ครูแนะแนวเป็นผู้สอนตามหลักสูตรแนะแนวของสถานศึกษา และมีการประเมินผลเม่ือสิ้นภาคเรียนใน ระดับ”ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” โดยนักเรียนมีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ถ้านักเรียนไม่ผ่าน กจิ กรรมแนะแนว จะมีผลทำให้นกั เรยี นไม่จบหลักสตู ร 1.2 กจิ กรรมอบรมประจำสัปดาห์ เป็นจดั กจิ กรรมท่ีเน้นการปลกู ฝงั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ความสำนึกในความเปน็ ชาตไิ ทย และวิถชี วี ติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง สภาพสงั คมไทย ในปัจจุบัน มกี ารแข่งขันทางเศรษฐกิจอย่างรนุ แรง ทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาวะความเปน็ อยู่ของบุคคล เด็กและเยาวชนขาดการอบรมส่ังสอนให้มีความรู้ ความเข้าใจในการศึกษาหลักธรรม คุณธรรม จริยธรรม เพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข การแข่งขันอย่างรุนแรงทางด้าน เศรษฐกิจ ทำให้คนส่วนใหญ่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ขาดความตระหนักในความรับผิดชอ บต่อสังคม ประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โรงเรียนจึงต้องจัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักหน้าที่ของ ตนและฐานะที่เป็นพลเมืองของประเทศชาติ ส่งเสริมใหย้ ึดมั่นในระบอบประชาธปิ ไตย ช่วยเหลอื เก้ือกลู ซึ่ง กันและกัน ปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาและนึกถึงประโยชนส์ ว่ นรวมมากกว่าส่วนตน แนวการจัดกิจกรรมอบรมประจำสปั ดาห์ นักเรียนระดับช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 – 6 ทุกคน ต้องเข้ารว่ มกจิ กรรมอบรมประจำ สปั ดาห์ 40 ช่ัวโมงต่อปกี ารศึกษา จัดอบรมสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง ในวนั ศุกร์ คาบที่ 6 โดยครูประจำชนั้ ระดับ ประถมศึกษาปีท่ี 1 – 6 เป็นผู้นำนักเรียนจัดกิจกรรม และมีการประเมินผลเม่ือส้ินภาคเรียนในระดับ “ผา่ น” หรือ “ไม่ผ่าน” โดยนักเรียนมเี วลาเข้ารว่ มกิจกรรมไมน่ ้อยกว่าร้อยละ 80 ถือวา่ “ผ่าน” กิจกรรม CHP | หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ 19

2. กิจกรรมนักเรยี น เป็นกิจกรรมที่ส่งเสรมิ พัฒนาให้นักเรียนมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นำ ความ รับผิดชอบการทำงานร่วมกับผู้อื่น การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจอย่างเหมาะสม ความมีเหตุผล การ ช่วยเหลือแบ่งปันเอ้ืออาทร โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด ความสนใจของผู้เรียน สามารถดำเนินการไดด้ ้วยตนเอง โดยเร่ิมตงั้ แต่การศึกษา วิเคราะห์ วางแผนปฏิบัติ ประเมิน ปรับปรงุ และ พัฒนาให้ดีย่ิง ๆ ข้ึน การปฏิบัติดังกล่าวต้องสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน บริบทของโรงเรียนและ ท้องถน่ิ กจิ กรรมนักเรยี นของโรงเรยี น ประกอบดว้ ย 2.1 กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด นักเรยี นทกุ คนตอ้ งเข้าร่วมกจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี หรอื ยุวกาชาด 40 ชัว่ โมงตอ่ ปกี ารศกึ ษา 20 ชว่ั โมงตอ่ ภาคเรยี น แนวการจดั กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด นกั เรียนทุกคนต้องเรยี น ลูกเสือ เนตรนารี หรือยวุ กาชาด 1 ชั่วโมงต่อสปั ดาห์ โดยจดั เปน็ วิชาเรียน ในตารางเรียนทุกวันพุธ คาบท่ี 6 เม่ือส้ินภาคเรียนจะได้รับการประเมินผล “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” ถ้าไม่ ผ่านมกี ารซ่อมเสริมและประเมินใหม่ และถ้าไม่ผา่ นกิจกรรมดังกลา่ ว จะทำใหน้ ักเรียนไมจ่ บหลักสูตร 2.2 กิจกรรมชุมนุมภาษาพม่า เป็นกิจกรรมให้นักเรียนทุกคนได้เรียนภาษาพม่า เพราะภาษา พม่าเปน็ ภาษาของประเทศเพ่ือนบ้านที่คนไทยควรได้ทำความรจู้ กั ทัง้ ในฐานะของประเทศเพื่อนบ้านและใน สถานการณข์ องสงั คมโลกปัจจบุ ัน“การรู้เขารู้เรา” โดยเฉพาะการทำความเขา้ ใจ รจู้ ักกบั ประเทศเพ่ือนบ้าน ของเราเอง ย่อมจะเป็นส่ิงท่ีมีความสำคัญมากข้ึน ท้ังในแง่ของการเรียนรู้ชีวิต ความเป็นอยู่ ความเข้าใจ ความเช่ือ ความคิด ทัศนคติของผู้คนท้ังสองประเทศ ก็เป็นสิ่งจำเป็นมากย่ิงขึ้น ซึ่ง “ภาษา” เป็นตัวกลาง สำคญั ในการทำความเขา้ ใจตา่ ง ๆ ดังกลา่ ว เพอื่ เตรยี มความพร้อมในการเขา้ สู่ประชาคมอาเซียน แนวการจัดกิจกรรมชมุ นมุ ภาษาพมา่ โรงเรียนจดั กิจกรรมชมุ นุมภาษาพม่า 1 ชว่ั โมงต่อสัปดาห์ โดยมีหวั ข้อดังตอ่ ไปน้ี ก. การทักทายและการลาจาก ข. การขอโทษและการขอบคณุ ค. การแนะนาตัวและการขอร้อง ง. การตดิ ต่อเร่อื งที่พัก จ. การสอบถามเรือ่ งทศิ ทาง ฉ. การเดินทางท่องเทย่ี ว ช. การไปพบแพทย์ ซ. การซอื้ ของและการสัง่ อาหาร ฌ. การบอกเวลา ญ. การพูดและถามเกีย่ วกบั เรื่องสว่ นตวั แต่ละหัวข้อจะจัดทำขึ้นเพ่ือสอนเรื่องการออกเสียง ไวยากรณ์ คำศัพท์ ตัวเขียน และเสริมด้วย ความรู้ทางวัฒนธรรมในด้านต่าง ๆ ด้วย โดยมีการประเมินผล “ผ่าน” หรือ ”ไม่ผ่าน” ถ้าไม่ผ่าน มีการ ซ่อมเสริมและประเมนิ ผลใหม่และ ถ้าไม่ผา่ นกจิ กรรมชุมนุมภาษาพมา่ จะทำให้นักเรียนไมจ่ บหลกั สูตร CHP | หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นชมุ ชนบา้ นพบพระ 20

3. กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณะประโยชน์ เปน็ กจิ กรรมทส่ี ่งเสรมิ และพฒั นานักเรยี นให้ ผเู้ รียนได้ทำประโยชนต์ ามความสามารถ ความถนดั และความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร เพือ่ แสดงถงึ ความรบั ผดิ ชอบ ความดีงาม ความเสียสละตอ่ สังคม มีจิตใจมุ่งทำประโยชน์ต่อครอบครวั ชุมชนและสังคม นกั เรยี นทุกคนต้องเขา้ รว่ มกจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 10 ช่ัวโมงตอ่ ปีการศกึ ษา ระดับประถมศึกษา 15 ชัว่ โมงตอ่ ปกี ารศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ แนวการจดั กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ 1. จดั กิจกรรมอย่างตอ่ เนื่องทง้ั ในเวลาเรียนและนอกเวลาเรยี นโดยการบรู ณาการในกลุ่มสาระ หรือ กิจกรรมแนะแนว ลูกเสือ – เนตรนารี – ยวุ กาชาด ในลักษณะเพือ่ สงั คมหรอื สาธารณประโยชน์ 2. มีครทู ีป่ รึกษากจิ กรรมทุกกจิ กรรม 3. เน้นผูเ้ รียนเป็นผจู้ ัดกจิ กรรม / รายงานตนเอง / ชน้ิ งาน 4. จดั กิจกรรมเวลาใดกไ็ ดโ้ ดยไมจ่ ำกัดเวลา สถานท่ี / รปู แบบ / กจิ กรรม ผเู้ รยี นจะร่วมกิจกรรมตามวุฒิภาวะอยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกับเพศ วัย ประกอบด้วย - กจิ กรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ทำความสะอาดวดั ท่อี ยู่ในตำบล รว่ มกิจกรรมงานวัด ในวนั สำคญั ทางศาสนา - กิจกรรมด้านสง่ิ แวดล้อม อนรุ ักษ์น้ำตกนางครวญ ในระดบั มัธยมศึกษา ปลกู ต้นไมท้ ่ีวัด และโรงเรียน - กิจกรรมรณรงค์ การเผาขยะ การรณรงค์ไปใช้สิทธเิ ลือกตั้ง การรว่ มกิจกรรมในวนั สำคัญต่าง ๆ การ อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม แนวทางการประเมินผลกจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ มี 2 ระดบั คือ “ผา่ น” หมายถงึ ผ้เู รยี นมีเวลาเขา้ ร่วมกิจกรรมตงั้ แตร่ อ้ ยละ 80 ขึน้ ไป และผ่านจุดประสงคท์ ี่ สำคญั ของแตล่ ะกจิ กรรม “ไมผ่ า่ น” หมายถงึ ผ้เู รยี นมเี วลาเข้ารว่ มกิจกรรมตำ่ กว่ารอ้ ยละ 80 หรือไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์ท่สี ำคัญ ของแตล่ ะกจิ กรรม ผเู้ รยี นต้องไดร้ บั การตัดสนิ การเข้ารว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนครบทกุ กิจกรรมตามโรงเรียนกำหนด ในระดับ “ผา่ น” ในแตล่ ะช่วงชน้ั CHP | หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนชมุ ชนบ้านพบพระ 21

การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ หมวด 1 หลกั การในการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ขอ้ 5 หลักการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ การวัดและและประเมนิ ผลการเรียนรู้ของโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ พทุ ธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นกระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความผลการเรียนรู้ และพัฒนาการด้านต่างๆ ของผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด ของหลักสูตรนำผลไปปรับปรุงพัฒนาการจัดการเรียนรู้และใช้เป็นข้อมูลสำหรับการตัดสินผลการเรียน สถานศกึ ษาจงึ มีกระบวนการจัดการท่ีเปน็ ระบบ เพือ่ ให้การดำเนินการวัดและประเมนิ ผลการเรียนร้เู ปน็ ไป อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ ผลการประเมินตรงตามสภาพการเรียนรู้ ความสามารถที่แท้จริงของ ผู้เรียน ถูกตอ้ งตามหลักการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ รวมทัง้ สามารถรองรับการประเมินภายในและ การประเมินภายนอก ตามระบบประกันคุณภาพการศึกษาได้ สถานศึกษาจึงกำหนดหลักการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจเก่ียวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของ สถานศึกษา ดังน้ี 5.1 การประเมนิ ผลการเรียนรขู้ องผ้เู รยี น เปดิ โอกาสใหท้ กุ ฝา่ ยทีเ่ ก่ียวขอ้ งมีส่วนรว่ ม 5.2 การประเมินผลการเรียนรู้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงพัฒนาผู้เรียน พัฒนาการ จดั การเรยี นรแู้ ละตัดสนิ ผลการเรยี น 5.3 การวัดและประเมินผลการเรียนร้ตู ้องสอดคล้องและครอบคลมุ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ชี้วัดตามกลุ่มสาระการเรยี นรู้ที่กำหนดในหลักสูตร และจัดให้มีการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และ เขียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ตลอดจนกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 5.4 การประเมินผู้เรียนพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกต พฤติกรรมการเรียนรู้ การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอนตามความ เหมาะสมของแตล่ ะระดบั 5.5 การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรเู้ ปน็ ส่วนหน่ึงของกระบวนการจดั การเรียนการสอน ตอ้ งดำเนินการด้วยเทคนิควิธกี ารท่ีหลากหลาย เพ่ือให้สามารถวัดและประเมินผลผเู้ รยี นได้อย่างรอบด้าน ท้ังด้านความรู้ ความคิด กระบวนการ พฤติกรรมและเจตคติ เหมาะสมกับสิ่งท่ีต้องการวัด ธรรมชาติ วชิ า และระดับชนั้ ของผ้เู รยี นโดยตง้ั อย่บู นพ้นื ฐานความเที่ยงตรง ยตุ ธิ รรม และเชื่อถอื ได้ 5.6 เปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นและผมู้ ีส่วนเกีย่ วขอ้ งตรวจสอบผลการประเมินผลการเรยี นรู้ 5.7 มกี ารเทียบโอนผลการเรียนระหวา่ งสถานศึกษาและรปู แบบการศกึ ษาต่าง ๆ 5.8 จัดทำเอกสารหลักฐานการศึกษา เพื่อเป็นหลักฐานการประเมินผลการเรียนรู้ รายงานผลการเรียน แสดงวุฒกิ ารศึกษาและรับรองผลการเรียนของผู้เรยี น CHP | หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนชุมชนบา้ นพบพระ 22

หมวด 2 องค์ประกอบของการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ข้อ 6 การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รโรงเรียนชมุ ชนบ้านพบพระ พุทธศักราช 256๔ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา ขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 กำหนดจุดหมาย สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน และมาตรฐาน การเรียนรู้ เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตท่ีดีและมีขีด ความสามารถในการแข่งขันในเวทีระดับโลก กำหนดใหผ้ ู้เรียนได้เรียนรู้ตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดที่ กำหนดในกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ มีความสามารถด้านการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน มี คุณลักษณะอันพึงประสงค์และเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ มี องคป์ ระกอบดังน้ี 6.1 การวัดและประเมินผลการเรียนรตู้ ามรายกลุม่ สาระการเรียนรู้ ผสู้ อนทำการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ผู้เรียนเป็นรายวชิ าบนพืน้ ฐานของตวั ชีว้ ัด ในรายวิชาพื้นฐานและผลการการเรียนรู้ในรายวิชาเพิ่มเติมตามที่กำหนดในหน่วยการเรียนรู้ โดยผสู้ อนใช้ วิธีการท่ีหลากหลายจากแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งให้ได้ผลการประเมินตามความสามารถท่ีแท้จริงของ ผ้เู รียน โดยทำการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้อย่างต่อเนอ่ื งไปพร้อมกบั การจัดการเรยี นการสอน สังเกต พัฒนาการและความประพฤติของผู้เรียน สังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรม และการทดสอบ ผูส้ อนควรเน้นการประเมินตามสภาพจรงิ เช่น การประเมินการปฏิบัติงาน การประเมินจากโครงงาน หรือ การประเมินจากแฟ้มสะสมผลงาน ฯลฯ ควบคู่ไปกับการใช้การทดสอบแบบต่าง ๆ อย่างสมดุล ต้องให้ ความสำคัญกับการประเมินระหว่างเรียนมากกว่าการประเมินปลายปี/ปลายภาค และใช้เป็นข้อมูลเพ่ือ ประเมนิ เลือ่ นช้นั เรยี นและจบการศึกษาระดบั ตา่ ง ๆ 6.2 การประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เป็นการประเมินศักยภาพของผู้เรียน ในการอ่านหนังสือ เอกสาร และส่ือต่าง ๆ เพื่อหาความรู้ เพิ่มพูนประสบการณ์ ความสุนทรีย์และการ ประยุกต์ใช้ แล้วนำเนื้อหาสาระที่อ่านมาคิดวิเคราะห์ นำไปสู่การแสดงความคิดเห็น การสังเคราะห์ สร้างสรรค์ การแกป้ ัญหาในเร่อื งต่าง ๆ และถ่ายทอดความคิดนั้นดว้ ยการเขียนที่มีสำนวนภาษาถูกตอ้ ง มี เหตุผลและลำดับขั้นตอนในการนำเสนอ สามารถสร้างความเข้าใจแก่ผู้อ่านได้อย่างชัดเจนตาม ความสามารถในแต่ละระดบั ชน้ั กรณีผู้เรียนมีความบกพร่องในกระบวนการด้านการเห็นหรือที่เกี่ยวข้องทำให้เป็น อุปสรรคตอ่ การอ่าน สถานศึกษาสารถปรบั วิธกี ารประเมนิ ใหเ้ หมาะสมกับผู้เรยี นกลุ่มเป้าหมายนน้ั การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน สถานศึกษาต้องดำเนินการอย่างต่อเน่ือง และสรุปผลเป็นรายปี/รายภาค เพอ่ื วินิจฉัยและใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาผู้เรียนและประเมินการเล่อื นช้ัน ตลอดจนการจบการศึกษาต่าง ๆ CHP | หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระ 23

6.3 การประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ การประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เป็นการประเมินคุณลกั ษณะท่ีต้องการให้เกิน ข้ึนกับผเู้ รียน อันเป็นคุณลักษณะที่สังคมต้องการในด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม จิตสำนึก สามารถอยู่ ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมีความสุข ทั้งในฐานะพลเมืองไทยและพลเมืองโลก หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๘ คุณลักษณะ ในการประเมิน ให้ประเมินแตล่ ะคณุ ลักษณะ แล้วรวบรวมผลการประเมินจากผู้ประเมินทุกฝ่ายและแหลง่ ขอ้ มลู หลายแหล่ง เพ่ือใหไ้ ด้ข้อมูลนำมาสู่การสรุปผลเป็นรายปี/รายภาค และใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู เพือ่ การประเมินเล่ือนช้นั และการจบ ศกึ ษาระดับต่าง ๆ 6.4 การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นการประเมินการปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน ของผู้เรียนและเวลาในการเข้าร่วมกิจกรรมตามเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ในแต่ละกิจกรรม และใช้เป็นข้อมูลเพ่ือ การประเมนิ เล่อื นชน้ั และการจบศกึ ษาระดบั ต่าง ๆ CHP | หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระ 24

หมวด 3 วิธกี ารวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ขอ้ 7 การประเมนิ ผลเพื่อปรบั ปรุงพฒั นาการเรียนรู้ 7.1 การจดั การเรยี นรู้ 7.1.1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ครูผสู้ อนแจง้ ใหน้ ักเรยี นทราบดังน้ี 1) มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้ีวัดชั้นปี 2) คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 3) การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน 4) วธิ กี ารวัดและประเมินผล ขอ้ 1) , 2) และ 3) 5) เกณฑก์ ารผ่านขอ้ 1), 2) และ 3) และการผา่ นกลุม่ สาระการเรยี นรู้ 7.1.2 การจัดการเรียนรู้กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนครูผู้สอนแจ้งให้นักเรียนทราบ ดังน้ี 1) จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 2) คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 3) วธิ ีการวดั และประเมินผลข้อ 1) และ 2) 4) เกณฑก์ ารผา่ น ข้อ 1) และ 2) และการผ่านกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น 7.2 ก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้สอนต้องประเมินผลก่อนเรียนเพื่อตรวจสอบ ความรพู้ ้นื ฐานและทักษะเบือ้ งต้นของนักเรียน 7.3 ระหว่างเรียน ผสู้ อนประเมินผลการเรียนรูข้ องนักเรียนเปน็ ระยะ ๆ ดงั น้ี 7.3.1 ประเมินผลตามตัวชี้วดั ชั้นปีของรายวิชาเพื่อพัฒนาการเรียนรขู้ องผู้เรียน และเพือ่ การผ่านตวั ชว้ี ดั ชัน้ ปี 7.3.2 ประเมินผลตามมาตรฐานการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เพื่อ พัฒนาการเรียนรแู้ ละการผ่านการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน 7.3.3 ประเมินผลตามตัวบ่งช้ีแต่ละคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อประเมิน วนิ ิจฉยั และปรับเปลีย่ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และการผา่ นการประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 7.3.4 ประเมินผลตามจุดประสงค์การเรียนรู้ของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพ่ือ พัฒนาการเรียนรู้ของผเู้ รียนและเพอ่ื ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ของกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน 7.4 ปลายปี เม่ือจบกระบวนการเรียนรู้ มีการประเมินผลการเรียนรู้ปลายปี โดย เลือกประเมินเฉพาะตัวชี้วัดชั้นปีที่สำคัญให้ครอบคลุมทั้ง ความรู้ ทักษะกระบวนการ และการอ่านคิด วิเคราะห์และเขียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ เพ่ือตรวจสอบคุณภาพตามทกี่ ำหนดไวใ้ นหลกั สูตร CHP | หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นชุมชนบ้านพบพระ 25

ข้อ 8 การประเมินผลเพื่อปรับปรุงการเรยี นรู้ ตามขอ้ 7.2 ก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ข้อ 7.3 ระหว่างเรียน และข้อ 7.4 ปลายปี ถ้านักเรียนมีความรู้ความสามารถต่ำกว่าเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ ให้ผู้สอนสอนซอ่ มเสริมให้สอดคล้องกบั ลักษณะการเรยี นรู้ของนักเรียน ขอ้ 9 ใหใ้ ช้ผลการประเมินตามข้อ 7 ในการตดั สนิ ผลดังนี้ 9.1 ตามข้อ 7.3.1 ตัดสินผลการผ่านตวั ชีว้ ดั ช้นั ปีของรายวิชาเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ ของผู้เรยี นเพื่อผา่ นตัวชีว้ ดั ช้นั ปี ใช้ตัดสนิ ผลการผา่ นตัวชี้วัดชน้ั ปี 9.2 ตามขอ้ 7.3.1 การประเมินผลตัวชว้ี ัดชนั้ ปีของรายวชิ าเพอ่ื พฒั นาการเรียนรขู้ อง ผเู้ รียนและเพื่อผา่ นตัวชี้วัดชนั้ ปี กบั 7.4 การประเมินผลปลายปี เม่อื จบกระบวนการเรียนรู้ ใชต้ ัดสินผล การผา่ นกล่มุ สาระการเรียนรู้ 9.3 ตามข้อ 7.3.2 การประเมินผลตามมาตรฐานการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน กบั การประเมินผลปลายปี ใชต้ ดั สินผลการผา่ นการประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน 9.4 ตามข้อ 7.3.3 ตัดสนิ ผลการผา่ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 9.5 ตามขอ้ 7.3.4 ตัดสินผลการผา่ นกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น CHP | หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระ 26

หมวด 4 เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ข้อ 10 การตัดสินผลการเรยี น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดโครงสร้าง เวลาเรียน มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์และ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ที่สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ มีคุณภาพเต็มตามศักยภาพ สถานศึกษาจึงกำหนดเกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เพื่อตดั สนิ ผลการเรยี นของผเู้ รียน ดังน้ี 10.1 ผู้เรยี นตอ้ งมเี วลาเรยี นไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 80 ของเวลาเรยี นทง้ั หมด 10.2 ผูเ้ รยี นตอ้ งไดร้ ับการประเมินทกุ ตัวช้ีวัดชนั้ ปี และผ่านรอ้ ยละ 100 ของตวั ชีว้ ดั ช้ัน ปรี ายวิชา 10.3 ผเู้ รยี นต้องไดร้ ับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวชิ า 10.4 ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่ีกำหนดใน การอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ขอ้ 11 การกำหนดคะแนนระหวา่ งเรียนและปลายปี เพื่อใชต้ ัดสนิ ผลการเรยี น กำหนดดังน้ี 11.1 รายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้นำคะแนนระหว่างเรียนรวมกับปลายภาค เรยี น แลว้ นำมาตดั สินผลการเรยี น ดังนี้ 11.1.1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย, คณิตศาสตร,์ วิทยาศาสตร์ , สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม และภาษาตา่ งประเทศ กำหนดดังน้ี คะแนนระหวา่ งปี / ภาค 70 คะแนน คะแนนปลายปี / ภาค 30 คะแนน รวม 100 คะแนน 11.1.2 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศกึ ษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและ เทคโนโลยี และรายวิชาเพิ่มเติม กำหนดดงั น้ี คะแนนระหว่างปี / ภาค 80 คะแนน คะแนนปลายปี / ภาค 20 คะแนน รวม 100 คะแนน 11.2 การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เพื่อการเลื่อนระดับชั้นและจบ การศึกษา กำหนดเกณฑก์ ารตัดสินเป็น 4 ระดบั และความหมายของแต่ละระดบั ดงั น้ี ดีเย่ียม หมายถงึ มีผลงานทแี่ สดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี น ที่มีคณุ ภาพท่ีดีเลิศอยเู่ สมอ CHP | หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นชมุ ชนบา้ นพบพระ 27

ดี หมายถงึ มีผลงานที่แสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี นทมี่ ี คุณภาพเป็นท่ยี อมรบั ผา่ น หมายถงึ มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี นทีม่ ี คณุ ภาพเปน็ ทยี่ อมรับ แต่ยงั มีขอ้ บกพร่องบางประการ ไมผ่ า่ น หมายถึง ไม่มีผลงานที่แสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน หรอื ถ้ามผี ลงาน ผลงานน้ันยังมีขอ้ บกพรอ่ งทต่ี ้องได้รับการปรบั ปรงุ แก้ไขหลายประการ 11.3 การสรปุ ผลประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์รวมทกุ คณุ ลักษณะ เพอื่ การเลือ่ นระดบั ช้นั และจบการศึกษา กำหนดเกณฑก์ ารตัดสนิ เปน็ 4 ระดบั และความหมายของแต่ละระดับ ดงั น้ี ดีเย่ยี ม หมายถึง นกั เรียนปฏบิ ัติตามคณุ ลักษณะจนเปน็ นสิ ยั และนำไปใชใ้ น ชวี ิตประจำวนั เพ่ือประโยชนส์ ขุ ของตนเองและสังคมโดยพิจารณาจาก ผลการประเมนิ ระดับดีเยย่ี ม จำนวน 5 -๘ คุณลักษณะ และไม่มี คณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ตำ่ กว่าระดับดี ดี หมายถึง นักเรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามเกณฑ์ เพ่ือให้เป็นการ ยอมรับของสงั คมโดยพจิ ารณาจาก (1) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดเี ยีย่ มจำนวน 1-4 คณุ ลกั ษณะและไม่มี คณุ ลักษณะใดทีไ่ ด้ผลการการประเมนิ ต่ำกวา่ ระดบั ดีหรือ (2) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดเี ยย่ี มจำนวน 4 คณุ ลักษณะและไม่มี คุณลักษณะใดท่ไี ด้ผลการการประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดับดหี รือ (3) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดเี ยีย่ มจำนวน 5-8 คณุ ลักษณะและไม่มี คณุ ลกั ษณะใดท่ีได้ผลการการประเมินตำ่ กว่าระดับดี ผา่ น หมายถึง นักเรียนรบั ร้แู ละปฏิบัติตามกฎเกณฑแ์ ละเงือ่ นไขที่โรงเรียนกำหนด โดยพิจารณาจาก (1) ได้ผลการประเมนิ ระดบั ผ่านจำนวน 5-8 คณุ ลักษณะและไมม่ ี คุณลักษณะใดทไี่ ด้ผลการการประเมนิ ต่ำกว่าระดบั ผา่ นหรือ (2) ได้ผลการประเมนิ ระดับดีจำนวน 4 คณุ ลกั ษณะและไมม่ ี คุณลักษณะใดทไ่ี ดผ้ ลการการประเมินตำ่ กวา่ ระดบั ผ่าน ไม่ผ่าน หมายถึง นักเรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขท่ี โรงเรียนกำหนด โดยพิจารณาจากมีผลการประเมินระดับไม่ผ่าน ตงั้ แต1่ คุณลักษณะ 11.4 การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น จะต้องพิจารณาทงั้ เวลาการเข้าร่วมกจิ กรรมอย่างน้อย ร้อยละ80 การปฏิบัติกิจกรรม และผลงานของนักเรยี น ต้องผ่านรอ้ ยละ 70 และให้ผลการประเมินเป็นผ่าน และไม่ผา่ น โดยใหใ้ ช้ตัวอกั ษรแสดงผลการประเมนิ ดังนี้ CHP | หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นชมุ ชนบ้านพบพระ 28

“ผ” หมายถึง นกั เรียนมีเวลาการร่วมกจิ กรรม การปฏิบัตกิ จิ กรรม และมีผลงานผา่ นเกณฑ์ “มผ” หมายถงึ นักเรยี นมีเวลาการเข้ารว่ มกจิ กรรม การปฏบิ ตั ิกิจกรรม และมผี ลงานไม่ผ่านเกณฑ์ ในกรณี ที่นักเรียนได้ผลการเรียน “มผ” ให้ครูผู้สอนจักซ่อมเสริมให้นักเรียนทำกิจกรรมใน สว่ นที่นกั เรียนไม่ได้เขา้ รว่ ม หรือไมไ่ ดทำจนครบถ้วน แล้วจึงเปล่ียนผลการเรียนจากๆไม่ผ่านเป็นผ่าน ทง้ั น้ี ต้องดำเนินการให้เสรจ็ ส้ินภายในปกี ารศกึ ษานน้ั 11.5 การสอนซ่อมเสรมิ การสอนซ่อมเสริม เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนรแู้ ละเป็นการให้โอกาสแก่ ผู้เรียนได้มีเวลาเรียนรู้ส่ิงต่างๆ เพิ่มข้ึน จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัดที่กำหนดไว้ การสอนซ่อมเสริมเป็นการสอนกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ปกติ เพื่อ แกไ้ ขข้อบกพร่องที่พบในผู้เรยี น โดยจดั กระบวนการเรยี นรทู้ ่ีหลากหลายและคำนึงถงึ ความแตกต่างระหว่าง บุคคลของผู้เรยี น การสอนซอ่ มเสรมิ สามารถดำเนนิ การไดใ้ นกรณดี งั ตอ่ ไปนี้ 11.1 ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพ้ืนฐานไม่เพียงพอท่ีจะศึกษาในแต่ละรายวิชาน้ัน จะจัดการสอนซอ่ มเสรมิ ปรับความรู้/ทกั ษะพืน้ ฐาน 11.2 การประเมนิ ระหวา่ งเรยี น ผู้เรียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการ หรือเจตคต/ิ คุณลกั ษณะ ทีก่ ำหนดไว้ตามมาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้ีวัด 11.3 ผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์และ/หรือต่ำกว่าเกณฑ์การประเมิน ต้องจัดการสอน ซ่อมเสริมกอ่ นจะให้ผ้เู รียนสอบแก้ตวั ขอ้ 12 การประเมินผลการเรียนรู้และใหร้ ะดับผลการเรยี น สถานศึกษากำหนดเกณฑ์การตัดสินผลการเรียน ซึ่งสามารถอธิบายผลการเรียนว่า ผ้เู รยี นตอ้ งมคี วามรู้ ทักษะและคณุ ลกั ษณะโดยรวม ดงั น้ี 12.1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ กำหนดผลการเรยี นเป็น 8 ระดับ คอื ระดับผลการเรียน ความหมาย ชว่ งคะแนนรอ้ ยละ 4 ผลการเรยี นดเี ย่ียม 80 - 100 3.5 ผลการเรียนดมี าก 75 - 79 3 ผลการเรยี นดี 70 - 74 2.5 ผลการเรียนค่อนข้างดี 65 - 69 2 ผลการเรียนปานกลาง 60 - 64 1.5 ผลการเรยี นพอใช้ 55 - 59 1 ผลการเรียนผ่านเกณฑ์ขน้ั ต่ำ 50 - 54 0 ผลการเรียนตำ่ กว่าเกณฑ์ 0 - 49 CHP | หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นชมุ ชนบา้ นพบพระ 29

12.2 การประเมนิ ผลการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน กำหนดผลจาก การประเมนิ ดังนี้ ช่วงคะแนน 86-100 หมายถึง ผลการประเมินอยใู่ นระดบั ดเี ยีย่ ม ช่วงคะแนน 70-85 หมายถงึ ผลการประเมนิ อยใู่ นระดบั ดี ชว่ งคะแนน 50-69 หมายถงึ ผลการประเมินอยใู่ นระดับ ผ่าน ช่วงคะแนน 0-49 หมายถงึ ผลการประเมินอยใู่ นระดบั ไม่ผา่ น และแยกใหค้ ะแนนเป็นข้อ ๆ ดังน้ี 1. การอ่าน 35 คะแนน 2. การคิด 30 คะแนน 3. การเขียน 35 คะแนน รวมคะแนนการประเมินผลการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น เปน็ 100 คะแนน 12.3 การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ทำผลการประเมินเปน็ 4 ระดบั คอื โดยพจิ ารณาผลการประเมินดงั นี้ ชว่ งคะแนน 86-100 หมายถึง ผลการประเมินอยใู่ นระดับดีเยย่ี ม ช่วงคะแนน 70-85 หมายถงึ ผลการประเมินอยูใ่ นระดบั ดี ช่วงคะแนน 50-69 หมายถงึ ผลการประเมนิ อยูใ่ นระดบั ผ่าน ชว่ งคะแนน 0-49 หมายถึง ผลการประเมนิ อยู่ในระดับ ไม่ผา่ น และแยกให้คะแนนเปน็ ข้อ ๆ ดงั น้ี คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๘ ประการ ได้แก่ - รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 15 คะแนน ตวั ช้ีวัด เปน็ พลเมืองดขี องชาติ 4 คะแนน ธำรงไวซ้ ่ึงความเป็นชาติไทย 3 คะแนน ศรัทธา ยึดมน่ั และปฏิบตั ติ นตามหลกั ศาสนา 4 คะแนน เคารพเทดิ ทูนสถาบันพระมหากษตั ริย์ 4 คะแนน - ซ่ือสัตยส์ ุจรติ 10 คะแนน ประพฤติตรงตามความเปน็ จริงตอ่ ตนเองทัง้ ทางกาย วาจา ใจ 5 คะแนน ประพฤตติ รงตามความเป็นจรงิ ต่อผู้อนื่ ทั้งทางกาย วาจา ใจ 5 คะแนน - มวี นิ ยั 15 คะแนน ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครวั โรงเรียน และสังคม 15 คะแนน CHP | หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นชมุ ชนบา้ นพบพระ 30

- ใฝเ่ รยี นรู้ 15 คะแนน ต้ังใจเพยี รพยายามในการเรียนและเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ 8 คะแนน แสวงหาความรูจ้ ากแหล่งเรียนรู้ตา่ งๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียนด้วยการเลอื กใช้ส่ือ อย่างเหมาะสม สรุปเป็นองค์ความรู้ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวนั ได้ 7 คะแนน - อย่อู ย่างพอเพยี ง 10 คะแนน ดำเนนิ ชวี ติ อยา่ งพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มคี ุณธรรม 5 คะแนน มีภูมคิ ุ้มกนั ในตัวทีด่ ี และปรับตวั เพอ่ื อยู่ในสงั คมไดอ้ ย่างมคี วามสขุ 5 คะแนน - มงุ่ มนั่ ในการทำงาน 10 คะแนน ต้งั ใจและรับผดิ ชอบในหน้าท่ีการงาน 5 คะแนน ทำงานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพ่อื ใหง้ านสำเรจ็ ตามเป้าหมาย 5 คะแนน - รกั ความเปน็ ไทย 10 คะแนน ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทยและมคี วามกตญั ญู กตเวที 4 คะแนน เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการสือ่ สารได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม 3 คะแนน อนรุ กั ษ์ และสืบทอดภมู ิปญั ญาไทย 3 คะแนน - มจี ติ สาธารณะ 15 คะแนน ชว่ ยเหลอื ผู้อืน่ ดว้ ยความเตม็ ใจโดยไม่หวังสงิ่ ตอบแทน 8 คะแนน เข้ารว่ มกจิ กรรมที่เป็นประโยชน์ตอ่ โรงเรียน ชมุ ชนและสงั คม 7 คะแนน 12.4 การประเมนิ การเข้าร่วมกจิ กรรมของผ้เู รยี น กำหนดการประเมินเปน็ 2 ระดับ ดงั นค้ี ือ ผ่าน หมายถงึ ผ่านเกณฑ์ ไม่ผ่าน หมายถึง ไม่ผ่านเกณฑ์ ข้อ 13 การเลอ่ื นชั้น สถานศึกษากำหนดกฎเกณฑ์การเล่ือนช้ัน โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับเกณฑ์การตัดสิน ผลการเรียน ตลอดจนกำหนดเกณฑเ์ ก่ยี วกบั การผา่ นตวั ช้ีวดั ทช่ี ดั เจนและประกาศให้ทราบทวั่ กนั ดงั นี้ 13.1 ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดปีการศึกษาไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียน ท้ังหมด 13.2 ผูเ้ รียนต้องไดร้ ับการประเมินทุกตวั ช้ีวัดและต้องผา่ นทกุ ตวั ช้ีวัดของแต่ละรายวชิ า 13.3 ผู้เรียนต้องได้รับการตัดสินผลการเรียน และผ่านทุกรายวิชาของกลุ่มสาระการ เรียนรู้ โดยมเี กณฑ์การผา่ น ดังน้ี 13.3.1 เวลาเรียนในแต่ละรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียนท้ังหมด CHP | หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนชมุ ชนบ้านพบพระ 31

13.3.2 ต้องไดร้ ับการประเมนิ ทุกตัวชว้ี ดั และผา่ นตัวชีว้ ัดช้ันปีไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 100 ของตัวชีว้ ดั ในรายวชิ า 13.3.3 ระดับผลการเรยี นตง้ั แตร่ ะดับ 1 ขนึ้ ไป 13.2 การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น ผู้เรียนต้องได้ระดับผลการเรียน ต้ังแต่ระดบั ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ขนึ้ ไป 13.4 การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผ้เู รยี นต้องได้ผลการประเมนิ ระดับผ่าน เกณฑก์ ารประเมินข้นึ ไป 13.5 การประเมิน การเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผู้เรียนต้องได้ผลการประเมิน ระดับผา่ น โดยมีเกณฑก์ ารผา่ น ดงั น้ี 13.5.1 ผเู้ รียนตอ้ งมเี วลาเข้ารว่ มกจิ กรรมแต่ละปไี ม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80 ของเวลา เรยี น 13.5.2 ผู้เรยี นผา่ นจุดประสงค์การเรียนร้ไู มน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ 100 ของจดุ ประสงค์ การเรียนรใู้ นกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน 13.5.3 ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ตามเวลา ทก่ี ำหนดไวใ้ นโครงสร้างของหลกั สตู ร ดงั น้ี 1) ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 10 ชวั่ โมง 2) ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 2 จำนวน 10 ชัว่ โมง 3) ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 จำนวน 10 ชั่วโมง 4) ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 จำนวน 10 ช่ัวโมง 5) ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 จำนวน 10 ชว่ั โมง 6) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 10 ชว่ั โมง การพจิ ารณาเล่ือนชั้น ถา้ ผู้เรยี นมขี ้อบกพร่องเพยี งบางตวั ช้วี ัด ซึง่ พจิ ารณาเห็นวา่ สามารถ พฒั นาและสอนซ่อมเสริมได้ ก็ให้อยู่ในดุลยพินจิ ของคณะกรรมการท่จี ะผอ่ นผันใหเ้ ล่อื นชน้ั ได้ ในกรณีท่ีผู้เรียนมีสติปัญญาและความสามารถดีเลิศ สามารถเรียนรู้ได้เร็วเป็นพิเศษ สถานศึกษาจะให้โอกาสผู้เรียนเลื่อนชั้นระหว่างปีการศึกษา โดยสถานศึกษาแต่งต้ังคณะกรรมการ ประกอบดว้ ยคณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและวชิ าการและผู้แทนของเขตพ้ืนที่การศึกษาอย่างน้อย 1 คน เมอื่ ผเู้ รยี นมีคณุ สมบัติครบถว้ นตามเงอื่ นไขท้ัง 3 ประการ ตอ่ ไปน้ี 1) มีผลการเรียนปีการศึกษาท่ผี า่ นมาและมีผลการเรียนระหวา่ งปีอย่ใู นเกณฑ์ดเี ยี่ยม 2) มวี ฒุ ิภาวะเหมาะสมทจ่ี ะเรยี นในชั้นท่สี ูงข้นึ 3) ผ่านการประเมินผลความรู้ความสามารถตามตัวช้ีวัดรายปีท้ังหมดในภาคเรียนที่ 2 ปี ปัจจบุ ันและภาคเรยี นที่ 1 ของปกี ารศกึ ษาถัดไป การอนุมัติให้เลื่อนไปเรียนชั้นสูงได้ 1 ระดับชั้นนี้ ต้องได้รับการยินยอมจากนักเรียนและ ผูป้ กครองและดำเนินการใหเ้ สรจ็ ส้ินภายในวันท่ี 1 กนั ยายนของปกี ารศกึ ษานั้น CHP | หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระ 32

สำหรับในกรณที ่ีพบว่ามผี เู้ รียนกลุม่ พิเศษประเภทตา่ ง ๆ ทม่ี ีปญั หาในการเรียนรู้สถานศกึ ษา จะดำเนนิ งานร่วมกบั สำนกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษาหาแนวทางการแก้ไขและพฒั นา ข้อ 14 การเรยี นซ้ำชัน้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดว่า หากผู้เรียนไม่ ผ่านรายวิชาจำนวนมากและมีแนวโน้มวา่ จะเป็นปัญหาตอ่ การเรียนในระดับช้ันที่สงู ข้นึ สถานศึกษาอาจตั้ง คณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำช้ันได้ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถของนักเรียน เปน็ สำคัญ ผู้เรียนทไี่ มม่ ีคณุ สมบตั ิตามเกณฑ์การอนมุ ัติเลื่อนชน้ั เรียน จะต้องจัดให้เรยี นซำ้ ชนั้ ในกรณที ี่ผู้เรียนขาดคณุ สมบัตขิ ้อใดข้อหนง่ึ คณะกรรมการอาจใช้ดลุ พินิจให้เลอ่ื นช้นั ได้ หากพิจารณาเห็นวา่ 1) ผู้เรียนมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ 80 อันเน่ืองจากสาเหตุจำเป็น หรือเหตุสุดวิสัย แต่มคี ุณสมบัติตามขอ้ อ่ืน ๆ ครบถ้วน 2) ผู้เรียนผ่านมาตรฐานและตัวช้ีวัดไม่ถึงเกณฑ์ตามท่ีกำหนดในแต่ละรายวิชา และ เหน็ วา่ สามารถสอนซอ่ มเสรมิ ได้ในปีการศึกษาถดั ไปและมคี ณุ สมบัตขิ อ้ อ่นื ๆ ครบถว้ น 3) ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1-3 มผี ลการประเมินกล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์ อยู่ในเกณฑ์พอใช้ และผู้เรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 4-6 มีผลการประเมินกลุ่มสาระการ เรยี นรู้ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรมอยใู่ นเกณฑ์ผ่าน ขอ้ 15 การสอนซ่อมเสริม การสอนซ่อมเสริม เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนรแู้ ละเป็นการให้โอกาสแก่ ผู้เรียนได้มีเวลาเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพ่ิมขึ้น จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดท่ีกำหนดไว้ การสอนซ่อมเสริมเป็นการสอนกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ปกติ เพ่ือ แก้ไขข้อบกพร่องท่ีพบในผู้เรียน โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายและคำนึงถึงความแตกต่าง ระหวา่ งบุคคลของผเู้ รียน การสอนซ่อมเสริมสามารถดำเนนิ การไดใ้ นกรณดี งั ต่อไปนี้ 15.1 ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพ้ืนฐานไม่เพียงพอที่จะศึกษาในแต่ละรายวิชาน้ัน จะ จดั การสอนซ่อมเสริม ปรบั ความรู้/ทกั ษะพื้นฐาน 15.2 การประเมินระหว่างเรยี น ผเู้ รียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการ หรอื เจตคต/ิ คณุ ลักษณะ ที่กำหนดไวต้ ามมาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชี้วัด 15.3 ผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์และ/หรือต่ำกว่าเกณฑ์การประเมิน ต้องจัดการสอน ซ่อมเสริมกอ่ นจะให้ผเู้ รยี นสอบแก้ตวั CHP | หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระ 33

ข้อ 16 เกณฑ์การจบระดบั ประถมศกึ ษา 16.1 ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน จำนวน 5,040 ช่ัวโมง และรายวิชาเพ่ิมเติม/กจิ กรรม เพิ่มเตมิ จำนวน 180 ช่ัวโมง และมผี ลการประเมินรายวิชาพน้ื ฐานผ่านทกุ รายวชิ า 16.2 ผเู้ รยี นตอ้ งมผี ลการประเมนิ การอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน ระดบั “ผ่าน” ขน้ึ ไป 16.3 ผูเ้ รียนตอ้ งมีอ ระดบั “ผา่ น” ข้นึ ไป 16.4 ผู้เรียนตอ้ งเข้ารว่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน และไดร้ บั การตดั สินผลการเรยี น ”ผา่ น” ทุกกิจกรรม 16.3 การประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนจากการประเมนิ ระหวา่ งปี/ภาค เรียนในกลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ลุ่มละ 100 คะแนน ระดบั มัธยมศกึ ษา ขอ้ 17 การตัดสนิ ผลการเรยี น หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กำหนดหลกั เกณฑก์ ารวดั และ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เพอื่ ตัดสนิ ผลการเรยี นรขู้ องผูเ้ รยี น ดงั น้ี ๑7.1 ตดั สนิ ผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมเี วลาเรยี นตลอดภาคเรียนไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นท้ังหมดในรายวชิ าน้ัน ๆ 17.2 ผ้เู รียนตอ้ งได้รับการประเมนิ ทุกตวั ชว้ี ัดและผ่านตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากำหนด 17.3 ผูเ้ รยี นตอ้ งได้รบั การตัดสนิ ผลการเรียนทกุ รายวชิ า 17.4 ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินในระดับผ่านตามเกณฑ์ท่ี สถานศึกษากำหนดในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนา ผเู้ รียน ข้อ 18 การกำหนดคะแนนระหว่างเรียนและปลายภาคเรียน เพื่อใช้ตัดสินผลการเรียน กำหนดดงั นี้ 18.1 รายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้นำคะแนนระหว่างเรียนรวมกับปลายภาค เรยี น แลว้ นำมาตัดสินผลการเรียน ดงั น้ี 18.1.1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ , สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม และภาษาตา่ งประเทศ กำหนดดงั น้ี คะแนนระหวา่ งปี / ภาค 70 คะแนน คะแนนปลายปี / ภาค 30 คะแนน รวม 100 คะแนน CHP | หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนชมุ ชนบ้านพบพระ 34

18.1.2 กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและ เทคโนโลยี และรายวิชาเพิม่ เตมิ กำหนดดังน้ี คะแนนระหว่างปี / ภาค 80 คะแนน คะแนนปลายปี / ภาค 20 คะแนน รวม 100 คะแนน ขอ้ 19 ให้ใช้ตวั เลขแสดงระดบั ผลการเรยี นในแต่ละสาระ ดงั ต่อไปน้ี การตัดสินผลการเรียนในระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานใช้ระบบผ่านและไม่ผ่าน โดยกำหนดเกณฑ์ การตัดสินผ่าน แต่ละวิชาที่ร้อยละ 50 จากนั้นจึงให้ระดับผลการเรียนท่ีผ่านสำหรับระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น ใช้ตวั เลขแสดงระดบั ผลการเรียนเป็น 8 ระดับ แนวการให้ระดับผลการเรียน 8 ระดบั และความหมายของแต่ละระดบั ดังนี้ คะแนนรอ้ ยละ ระดับผลการเรยี น ความหมายของผลการเรยี นประเมิน 80-100 4 ดีเยยี่ ม 75-79 3.5 ดมี าก 70-74 3 ดี 65-69 2.5 คอ่ นข้างดี 60-64 2 ปานกลาง 55-59 1.5 พอใช้ 50-54 1 ผา่ นเกณฑข์ น้ั ตำ่ 0-49 0 ตำ่ กว่าเกณฑ์ ขอ้ 20 ให้ใช้อกั ษรแสดงผลการเรยี นทม่ี เี งอ่ื นไข ดังตอ่ ไปนี้ การตัดสินผลผลการเรียนตามกล่มุ สาระ 8 กลุ่ม มส หมายถึง ผู้เรยี นไมม่ ีสิทธเิ ข้ารับการวดั ผลปลายภาคเรียน เนอ่ื งจากผู้เรียนมี เวลาเรยี นไม่ถึงรอ้ ยละ 80 ของเวลาเรียนในแตล่ ะรายวชิ า และไมไ่ ด้รบั การผ่อนผนั ให้เข้ารบั การวดั ผลปลาย ภาคเรยี น ร หมายถงึ รอการตดั สินและยังตัดสินผลการเรียนไมไ่ ด้ เนื่องจากผู้เรยี นไม่มีขอ้ มลู ผล การเรยี นรายวชิ านน้ั ครบถ้วน ได้แก่ ไมไ่ ดว้ ัดผลกลางภาคเรยี น/ปลายภาคเรียน ไม่ได้สง่ งานท่ีมอบหมายให้ ทำ ซ่งึ งานนั้นเป็นสว่ นหนง่ึ ของการตดั สินผลการเรยี น หรือมีเหตสุ ดุ วิสัยที่ทำให้ประเมินผลการเรียนไม่ได้ CHP | หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นชมุ ชนบ้านพบพระข้อ 19 ใหใ้ ชต้ วั เลขแสดงระดับผลการเรยี นในแตล่ ะ 35 สาระ ดงั ต่อไปนี้

การตัดสนิ ผลการเรยี น กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ผ หมายถงึ ผู้เรียนมเี วลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน ปฏิบัตกิ จิ กรรม และมผี ลงานตามเกณฑต์ ามทสี่ ถานศึกษากำหนด มผ หมายถึง ผู้เรยี นมีเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน ปฏบิ ัติกิจกรรม และมีผลงานไมเ่ ป็นไปตามเกณฑต์ ามท่ีสถานศึกษากำหนด การตดั สินผลคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดเี ยี่ยม หมายถงึ ผ้เู รยี นปฏบิ ตั ิตนตามคณุ ลักษณะจนเปน็ นิสัยและนำไปใชใ้ น ชีวติ ประจำวันเพ่อื ประโยชนส์ ุขของตนเองและสงั คมโดยพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ระดับดีเย่ยี ม จำนวน 5-8 คณุ ลักษณะและไม่มีคุณลกั ษณะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดบั ดี ดี หมายถงึ ผเู้ รยี นมีคุณลกั ษณะในการปฏบิ ัติตามกฎเกณฑ์ เพือ่ ใหเ้ ปน็ การยอมรบั ของ สังคม โดยพจิ ารณาจาก 1. ไดผ้ ลการประเมินระดับดีเยย่ี ม จำนวน 1-4 คณุ ลักษณะและไมม่ ีคณุ ลกั ษณะใด ไดผ้ ลการประเมินต่ำกว่าระดบั ดี หรือ 2. ไดผ้ ลการประเมินระดับดเี ย่ยี ม จำนวน 4 คุณลกั ษณะและไม่มีคุณลักษณะใด ได้ผลการประเมนิ ต่ำกว่าระดบั ผ่าน หรือ 3 ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี จำนวน 5-8 คณุ ลักษณะและไม่มีคณุ ลักษณะใดไดผ้ ล การประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดับผา่ น ผา่ น หมายถึง ผูเ้ รียนรับรูแ้ ละปฏบิ ัตติ ามกฎเกณฑแ์ ละเง่ือนไขทสี่ ถานศกึ ษากำหนด โดยพจิ ารณาจาก 1 ได้ผลการประเมนิ ระดบั ผ่าน จำนวน 5-8 คุณลักษณะและไม่มคี ณุ ลักษณะใด ไดผ้ ลการประเมินต่ำกวา่ ระดับผา่ น หรือ 2.ได้ผลการประเมินระดบั ดี จำนวน 4 คณุ ลักษณะและไมม่ คี ุณลกั ษณะใดไดผ้ ล การประเมินต่ำกวา่ ระดบั ผา่ น ไม่ผ่าน หมายถึง ผ้เู รยี นรับรแู้ ละปฏบิ ัติไดไ้ ม่ครบตามกฎเกณฑ์และเงอ่ื นไข ทสี่ ถานศกึ ษากำหนด โดยพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ไมผ่ า่ น ตง้ั แต่ 1. คุณลักษณะตามบางประการ ทตี่ ้องปรับปรุง การตดั สินผล การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และการส่อื ความ ดีเยยี่ ม หมายถงึ มีผลงานทแี่ สดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียนที่มีคุณภาพดเี ลิศอยเู่ สมอ ดี หมายถึง มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี นทม่ี คี ุณภาพเป็นท่ียอมรบั CHP | หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นชุมชนบ้านพบพระข้อ 20 ใหใ้ ชอ้ ักษรแสดงผลการเรยี นที่มีเงอื่ นไข 36 ดังตอ่ ไปน้ี

ผา่ น หมายถึง มผี ลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นทมี่ คี ุณภาพเป็นทย่ี อมรับ แต่ยังมีขอ้ บกพร่องบางประการ ไม่ผ่าน หมายถึง ไมม่ ผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน หรอื ถา้ มผี ลงาน ผลงานนัน้ ยงั มขี อ้ บกพร่องทตี่ ้องได้รบั การปรบั ปรุงแกไ้ ขหลายประการ ข้อ 21 การเปลย่ี นระดับผลการเรียน ใหถ้ อื ปฏบิ ัติ ดังนี้ 21.1 การเปล่ียนผลการเรียน “0” สถานศกึ ษาจดั ใหม้ กี ารสอนซ่อมเสรมิ ในมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั ท่ีผูเ้ รยี นสอบไมผ่ ่านกอ่ น แล้วจึงสอบแกต้ ัวไดไ้ มเ่ กนิ 2 ครงั้ ถา้ ผเู้ รียนไมด่ ำเนินการสอบแกต้ ัวตาม ระยะเวลาทีส่ ถานศึกษากำหนด ให้อยู่ในดลุ ยพินิจของสถานศกึ ษาที่จะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอีก 1 ภาคเรยี น ทง้ั นี้ตอ้ งดำเนินการให้เสร็จสนิ้ ภายในปีการศึกษานนั้ โดยตดั สินผลให้ระดับคะนนไม่เกนิ “1” ถา้ สอบแก้ตวั 2 ครงั้ แลว้ ยังไดร้ ะดบั ผลการเรยี น “0” อีก ให้สถานศึกษา แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการเกีย่ วกบั การเปล่ียนผลการเรยี นของผู้เรียน โดยปฏบิ ัติ ดงั น้ี 1) ถา้ เปน็ รายวิชาพืน้ ฐาน ใหเ้ รียนซ้ำรายวิชาน้นั 2) ถ้าเป็นรายวิชาเพิม่ เตมิ ใหเ้ รียนซ้ำหรอื เปลีย่ นรายวิชาเรยี นใหม่ ท้งั นี้ ให้อย่ใู นดุลยพินิจของสถานศึกษาในกรณีที่เปลี่ยนรายวชิ าเรียนใหม่ ให้หมายเหตใุ นระเบียนแสดงผลการ เรียน วา่ เรียนแทนรายวชิ าใด 21.2 การเปลีย่ นผลการเรียน “ร” การเปลย่ี นผลการเรียน “ร” ใหด้ ำเนินการดังน้ี ใหผ้ ู้เรียนดำเนินการแก้ไข “ร” ตามสาเหตุ เมอ่ื ผู้เรยี นแก้ไขปญั หาเสร็จแล้วให้ ไดร้ ะดบั ผลการเรยี นตามปกติ (ตงั้ แต่ 0 - 4) ถา้ ผูเ้ รียนไมด่ ำเนินการแก้ไข “ร” ใหผ้ ้สู อนนำขอ้ มลู ท่ีมอี ยตู่ ัดสนิ ผลการเรียน ยกเวน้ มเี หตุสุดวสิ ัย ใหอ้ ย่ใู นดุลยพินิจของสถานศึกษาทจ่ี ะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอกี ไม่เกิน 1 ภาคเรียน ทั้งน้ีต้องดำเนินการใหเ้ สร็จสิน้ ภายในปีการศึกษานั้น เม่ือพ้นกำหนดนแ้ี ลว้ หาก ผลการเรยี นเปน็ “0” ใหด้ ำเนินแกไ้ ขตามหลกั เกณฑ์ 11.3 การเปลย่ี นผลการเรียน “มส การเปลยี่ นผลการเรยี น “มส” มี 2 กรณี ดังนี้ 1) กรณีผู้เรยี นได้ผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนไม่ถึงรอ้ ยละ 80 แตไ่ ม่น้อย กวา่ ร้อยละ 60 ของเวลาเรียนท้ังหมด ให้สถานศกึ ษาจัดให้เรยี นเพม่ิ เตมิ โดยใช้ชั่วโมงสอนซ่อมเสริม หรือใช้เวลาว่าง หรอื ใช้วันหยดุ หรือมอบหมายงานใหท้ ำ จนมเี วลาเรียนครบตามทกี่ ำหนดไวส้ ำหรับ รายวิชาน้นั แลว้ จึงให้วดั ผลปลายภาคเ ปน็ กรณีพิเศษผล การแก้ “มส ” ใหไ้ ดร้ ะดับผลการเรียนไม่เกิน “1” การแก้ “มส” กรณีนีใ้ หก้ ระทำให้เสร็จสิ้นภายในปกี ารศกึ ษานน้ั ถา้ ผู้เรียนไมม่ าดำเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาทก่ี ำหนดไว้นีใ้ หเ้ รยี นซ้ำ ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาที่จะขยาย เวลาการแก้ “มส” ออกไปอกี ไม่เกนิ 1 ภาคเรียน แต่เมอื่ พน้ กำหนดน้ีแล้วให้ปฏบิ ัตดิ ังนี้ CHP | หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนชมุ ชนบ้านพบพระข้อ 20 ให้ใช้อกั ษรแสดงผลการเรยี นทม่ี ีเงื่อนไข 37 ดงั ต่อไปนี้

(1) ถ้าเปน็ รายวิชาพ้ืนฐาน ให้เรียนซำ้ รายวิชานั้น (2) ถ้าเป็นรายวิชาเพม่ิ เตมิ ใหอ้ ยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรยี นซ้ำหรอื เปล่ียนรายวิชาเรยี นใหม่ 2) กรณผี เู้ รยี นไดผ้ ลการเรียน “มส” และมเี วลาเรียนน้อยกว่ารอ้ ยละ 60 ของเวลา เรียนท้ังหมด ใหส้ ถานศกึ ษาดำเนนิ การดงั น้ี (1) ถ้าเปน็ รายวชิ าพืน้ ฐานใหเ้ รยี นซำ้ รายวิชาน้ัน (2) ถา้ เป็นรายวิชาเพ่ิมเติมใหอ้ ยูใ่ นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษา ใหเ้ รียนซ้ำหรอื เปลยี่ น รายวชิ าเรยี นใหม่ ในกรณีท่ีเปลย่ี นรายวชิ าเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียน ว่าเรยี นแทนรายวชิ าใด การเรียนซำ้ รายวิชา หากผู้เรียนได้รับการสอนซ่อมเสรมิ และสอบแกต้ ัว 2 ครงั้ แล้ว ไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ให้เรียนซ้ำรายวิชาน้ัน ท้ังน้ี ให้อยใู่ นดุลยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาในการจดั ให้เรียน ซ้ำในช่วงใดชว่ งหนง่ึ ที่สถานศึกษาเห็นวา่ เหมาะสม เชน่ พกั กลางวัน วันหยุด ช่วั โมงวา่ ง หลงั เลกิ เรียน ภาค ฤดรู ้อน เป็นต้น ในกรณภี าคเรียนท่ี 2 หากผู้เรยี นยังมผี ลการเรียน “0” “ร” “มส” ให้ดำเนนิ การให้ เสร็จสิน้ ก่อนเปิดเรียนปีการศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรยี นการสอนในภาคฤดูรอ้ น เพ่อื แกไ้ ขผลการเรียนของผูเ้ รียนได้ ทงั้ นี้ หากสถานศกึ ษาใดไมส่ ามารถดำเนนิ การเปดิ สอนภาคฤดูร้อนได้ ใหส้ ำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา/ต้นสังกดั เปน็ ผู้พิจารณาประสานงานให้มกี ารดำเนินการเรียนการสอนใน ภาคฤดูรอ้ นเพือ่ แก้ไขผลการเรียนของผูเ้ รยี น 21.4 การเปลี่ยนผลการเรยี น “มผ” หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดให้ผ้เู รียน เขา้ ร่วมกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น 3 กิจกรรม คอื 1) กจิ กรรมแนะแนว 2) กจิ กรรมนักเรยี นซงึ่ ประกอบดว้ ย กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ หรอื นักศกึ ษาวชิ าทหาร โดย ผู้เรยี นเลอื กเรยี นอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ 1 กจิ กรรมและเลอื กเขา้ รว่ มกิจกรรมชมุ นมุ หรอื ชมรมอีก 1กิจกรรม 3) กิจกรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ ในกรณที ี่ผู้เรียนไดผ้ ลการเรียน “มผ” สถานศกึ ษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรยี นทำ กิจกรรมในสว่ นทผ่ี เู้ รียนไม่ไดเ้ ข้ารว่ มหรอื ไมไ่ ดท้ ำจนครบถ้วน แลว้ จึงเปลีย่ นผลการเรียนจาก “มผ” เปน็ “ผ”ได้ ทั้งน้ดี ำเนนิ การให้เสร็จสนิ้ ภายในภาคเรยี นนัน้ ๆ ยกเวน้ มเี หตุสุดวิสัยให้อยู่ในดลุ ย พินจิ ของสถานศกึ ษาทจ่ี ะพิจารณาขยายเวลาออกไปอกี ไม่เกิน 1. ภาคเรียน แตต่ ้องดำเนนิ การให้เสร็จส้นิ ภายในปีการศึกษาน้ัน ขอ้ 22 การเล่อื นชนั้ CHP | หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระข้อ 20 ให้ใชอ้ กั ษรแสดงผลการเรยี นท่ีมีเงอื่ นไข 38 ดังตอ่ ไปน้ี

การพิจารณาเล่อื นชนั้ ถ้าผเู้ รียนมีขอ้ บกพร่องเพยี งเล็กนอ้ ยและสถานศึกษา พจิ ารณาเห็นวา่ สามารถพฒั นาและสอนซอ่ มเสรมิ ไดใ้ หอ้ ยู่ในดลุ พินิจของสถานศกึ ษาที่จะผอ่ นผันให้ เลือ่ นชัน้ ได้ เมือ่ สนิ้ ปกี ารศกึ ษา ผเู้ รยี นจะได้รับการเล่อื นช้นั เม่ือมีคุณสมบตั ิตามเกณฑ ดงั ต่อไปนี้ 22.1 รายวิชาพื้นฐานและรายวชิ าเพิม่ เติม ได้รบั การตดั สินผลการเรียนผา่ นตาม เกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากำหนด 22.2 ผู้เรยี นตอ้ งได้รับการประเมินและมผี ลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑท์ ่ถี านศกึ ษา กำหนด ในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน 22.3 ระดบั ผลการเรียนเฉลย่ี ในปีการศึกษาน้ันควรได้ไม่ต่ำกว่า 1.00 ทั้งน้ี รายวชิ าใดท่ไี ม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซอ่ มเสริมผเู้ รียนให้ไดร้ ับการแก้ไขใน ภาคเรียนถัดไป ข้อ 23 การสอนซอ่ มเสริม หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กำหนดให้ สถานศกึ ษาจดั สอนซ่อมเสรมิ เพือ่ พฒั นาการเรียนรู้ของผ้เู รยี นเตม็ ตามศักยภาพ การสอนซอ่ มเสรมิ เป็นการสอนเพือ่ แกไ้ ขข้อบกพร่อง กรณีที่ผูเ้ รียนมคี วามรู้ ทักษะ กระบวนการ หรอื เจตคติ / คุณลักษณะ ไม่เปน็ ไปตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด สถานศกึ ษาต้องจดั สอน ซอ่ มเสรมิ เปน็ กรณพี เิ ศษนอกเหนอื ไปจากการสอนตามปกติ เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถบรรลุตาม 30 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัดทีก่ ำหนดไว้ เปน็ การให้โอกาสแก่ผเู้ รียนได้เรยี นรู้และพัฒนา โดยจดั กิจกรรม การเรยี นรทู้ ่หี ลากหลาย และตอบสนองความแตกต่างระหว่างบคุ คล การสอนซอ่ มเสรมิ สามารถดำเนินการไดใ้ นกรณีดังต่อไปน้ี 1) ผูเ้ รียนมีความรู้/ทกั ษะพ้ืนฐานไม่เพยี งพอทจ่ี ะศึกษาในแต่ละรายวชิ าน้นั ควรจดั การสอนซ่อม เสรมิ ปรับความรู้/ทักษะพ้นื ฐาน 2) ผู้เรยี นไม่สามารถแสดงความรู้ ทกั ษะกระบวนการ หรือเจตคติ / คุณลักษณะท่ีกำหนดไว้ตาม มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด ในการประเมนิ ผลระหว่างเรยี น 3) ผูเ้ รยี นท่ไี ด้ระดับผลการเรียน “0” ให้จัดการสอนซ่อมเสริมกอ่ นสอบแก้ตวั 4) กรณผี ู้เรียนมผี ลการเรยี นไมผ่ า่ น สามารถจดั สอนซ่อมเสริมในภาคฤดรู อ้ นเพอ่ื แก้ไขผลการเรียน ทัง้ น้ใี หอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษา CHP | หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นชมุ ชนบ้านพบพระข้อ 20 ใหใ้ ชอ้ ักษรแสดงผลการเรยี นท่ีมีเง่ือนไข 39 ดังตอ่ ไปนี้

ข้อ 24 การเรยี นซ้ำชนั้ ผเู้ รียนท่ีมผี ลการประเมินรายวิชาอย่ใู นระดับไมผ่ ่านจำนวนมาก และมแี นวโนม้ ว่าจะ เป็นปัญหาตอ่ การเรยี นในระดบั ชน้ั ท่ีสูงข้นึ สถานศกึ ษาอาจตงั้ คณะกรรมการพจิ ารณาใหเ้ รยี นซำ้ ชัน้ ได้ ทง้ั นีใ้ หค้ ำนงึ ถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถของผเู้ รยี นเป็นสำคัญ การเรยี นซ้ำชน้ั มี 2 ลักษณะ คอื 1) ผู้เรยี นมีระดับผลการเรียนเฉลี่ยในปกี ารศกึ ษานั้นต่ำกวา่ 1.00 และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปญั หา ต่อการเรียนในระดบั ชัน้ ทส่ี งู ข้ึน 2) ผเู้ รียนมีผลการเรียน 0, ร, มส เกินครงึ่ หนง่ึ ของรายวิชาทล่ี งทะเบียนเรยี นในปีการศึกษานน้ั ทงั้ นี้ หากเกดิ ลักษณะใดลักษณะหน่ึง หรอื ท้งั 2 ลักษณะ ให้สถานศึกษาแต่งตัง้ คณะกรรมการพจิ ารณา หากเห็นว่าไมม่ เี หตุผลอนั สมควรก็ใหซ้ ำ้ ชน้ั โดยยกเลิกผลการเรยี นเดมิ และให้ใชผ้ ลการเรยี นใหม่แทน หาก พิจารณาแลว้ ไม่ต้องเรยี นซำ้ ชน้ั ใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาในการแก้ไขผลการเรียน ข้อ 25 เกณฑ์การจบระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ 1) ผ้เู รยี นเรียนรายวิชาพน้ื ฐานและเพิ่มเติมไม่เกนิ 81 หน่วยกิต โดยเปน็ รายวิชาพื้นฐาน 66 หนว่ ยกิต และรายวิชาเพ่ิมเติมตามท่สี ถานศกึ ษากำหนด 2) ผูเ้ รยี นต้องได้หนว่ ยกติ ตลอดหลกั สูตรไมน่ อ้ ยกวา่ 77 หน่วยกิต โดยเป็น รายวชิ าพ้นื ฐาน 66 หนว่ ยกิต และรายวชิ าเพิ่มเติมไม่นอ้ ยกวา่ 11 หนว่ ยกติ 3) ผเู้ รยี นมีผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน ในระดับผ่าน เกณฑ์การประเมินตามทส่ี ถานศึกษากำหนด 4) ผเู้ รียนมีผลการประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ในระดบั ผ่านเกณฑ์ การประเมินตามท่ีสถานศกึ ษากำหนด 5) ผเู้ รียนเขา้ รว่ มกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน และมีผลการประเมนิ ผ่านเกณฑ์ การประเมนิ ตามท่ีสถานศึกษากำหนด CHP | หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระ 40

หมวด 5 การเทยี บโอนผลการเรยี น ข้อ 26 การเทียบโอนผลการเรียนของนักเรียนท่ีเรียนรู้กรณีย้ายสถานศึกษา การเปล่ียน รูปแบบการศึกษา การย้ายหลกั สูตร การละท้ิงการศึกษาและขอกลับเขา้ รับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก ต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ เทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้ อื่น ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันทางศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การศึกษาโดยครอบครัว การเทียบโอนผลการเรียนดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรกของโรงเรียน นักเรยี นทไ่ี ด้รับการเทียบ โอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเน่ือง ในสถานศกึ ษาน้ีอย่างนอ้ ย 1 ภาคเรียน โดยสถานศกึ ษากำหนดรายวชิ า จำนวนหน่วยกิตทจี่ ะรบั เทียบโอนตามความเหมาะสม การพิจารณาการเทยี บโอน ดำเนนิ การดงั น้ี 26.1 พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา 26.2 พจิ ารณาจากความรู้ ประสบการณ์ตรงจากการปฏบิ ัตจิ รงิ การทดสอบ การสมั ภาษณ์ เปน็ ตน้ 26.3 พิจารณาจากความสามารถและการปฏบิ ัติจริง 26.4 ในกรณีมีเหตุผลจำเป็นระหว่างเรียน นักเรียนสามารถแจ้งความจำนงขอไป ศึกษาบางรายวิชาในสถานศึกษา/สถานประกอบการอื่น แล้วนำมาเทียบโอนได้ โดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการบริหารหลักสตู รและวชิ าการของสถานศกึ ษา 26.5 การเทียบโอนผลการเรียนให้ดำเนินการในรูปของคณะกรรมการ การเทียบโอน จำนวน 3 – 5 คน 26.6 การเทียบโอนดำเนินการดงั นี้ 26.6.1 กรณีผู้ขอเทียบโอนมีผลการเรียนมาจากหลักสูตรอ่ืน นำรายวิชาท่ีมี ตัวชีว้ ดั /มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ผลการเรยี นรูท้ ี่คาดหวัง/จดุ ประสงค์/เน้ือหาท่ีสอดคลอ้ งกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 มาเทียบโอนผลการเรยี นและพิจารณาให้ระดับผลการเรียนให้สอดคลอ้ งกับหลกั สูตรสถานศกึ ษา 26.6.2 กรณีการเทียบโอนความรู้ ทักษะและประสบการณ์ พิจารณาจาก เอกสารหลักฐาน (ถ้ามี) โดยให้มีการประเมินด้วยเครอื่ งมือท่ีหลากหลายและให้ระดับผลให้สอดคล้องกับ หลกั สูตรสถานศึกษา 26.6.3 กรณีการเทียบโอนที่นักเรียนเข้าโครงการแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ดำเนินการตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการเร่ืองหลักการและแนวปฏิบัติการเทียบช้ันการศึกษาสำหรับ นกั เรยี นท่เี ข้ารว่ มโครงการแลกเปลี่ยน ท้ังน้ีวิธีการเทียบโอนผลการเรียนให้เป็นไปตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ และแนวปฏบิ ัตทิ ่ีเก่ียวข้อง CHP | หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นชมุ ชนบา้ นพบพระผเู้ รยี นทมี่ ผี ลการประเมนิ รายวิชาอยู่ในระดับไม่ผ่าน 41 จำนวนมาก และมแี นวโนม้ วา่ จะเปน็ ปัญหาต่อการเรยี นในระดบั ช้ันท่ีสูงขน้ึ สถานศึกษาอาจต้ังคณะกรรมการ พิจารณาให้เรยี นซ้ำชน้ั ได้ท้งั น้ใี ห้คำนงึ ถงึ วุฒภิ าวะและความรู้ความสามารถของผ้เู รยี นเปน็ สำคัญ

แนวปฏิบตั กิ ารเทียบโอนผลการเรยี นร้เู ข้าสู่การศกึ ษาในระบบระดบั การศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน แนวทาง การเทียบโอน การเทยี บโอน การเทียบโอน การเทยี บโอนจากการ การเทยี บโอน การพิจารณา จากการศกึ ษา จากการศกึ ษา จากการจดั จัดการศึกษาโดยศนู ยก์ าร จากการศกึ ษา ในระบบเข้าสู่ นอกระบบ การศกึ ษา เรียนการศกึ ษาตามหลัก ตามหลักสูตร วิธีปฏบิ ตั ใิ นการ การศึกษาในระบบ เขา้ สู่การศึกษา โดยครอบครัว ตา่ งประเทศ จดั เข้าชน้ั เรียน เข้าส่กู ารศกึ ษา สตู รระยะสนั้ หลกั สูตร เขา้ สู่การศึกษา 1 .เทียบโอนรายวิชา/ ในระบบ เฉพาะประสบการณ์ สาระกจิ กรรมที่ผา่ นการ ในระบบ การทำงานการฝกึ อาชีพ ในระบบ ตัดสนิ ผลการเรยี นจาก เทียบโอนหมวด เข้าสกู่ ารศกึ ษาในระบบ สถานศกึ ษาเดิมได้ วิชาสาระกจิ กรรมที่ 1. สำเร็จการ ทงั้ หมดและจัดเขา้ ชั้น ผา่ นการตดั สนิ ผล 1.ใหน้ ำผลการวดั และ พจิ ารณาความรู้ ทกั ษะ ศกึ ษาภาคเรยี นใดชน้ั เรยี นต่อเน่ืองจากทเี่ ข้า การเรยี นจาก ปีใดใหพ้ จิ ารณาเทียบ เรียนอย่เู ดิม เชน่ จบ สถานศึกษาเดมิ ประเมนิ เขตพื้นที่ ประสบการณท์ ่ขี อเทยี บโอนวา่ โอนภาคเรยี นตอ่ ภาค ป.1 จดั เขา้ เรียน ป.2 เรียนปีตอ่ ปี โดยนำ สถานศึกษาอาจประเมิน 1. เรยี นผ่านอย่าง การศึกษามา ตรงกับรายวิชา/สาระ/ พืน้ ความรู้สามญั เดิม บางรายวชิ าท่ีจำเปน็ เพื่อ นอ้ ย 3 หมวดวิชา มาประกอบ การตรวจสอบความรู้ จดั ใหเ้ รียนปที ี่ 2 ประกอบการพิจารณา กจิ กรรม ใด จึงทำการ การพจิ ารณาหรืออาจ พ้นื ฐาน ของระดับชน้ั และ ประเมนิ เพิม่ เตมิ เพื่อ 2.รายวชิ า/สาระ/ ลงทะเบียนเรยี น 2. ใหส้ ถานศึกษา ประเมนิ หากปรากฏว่าช่อื ไม่ ตรวจสอบ กจิ กรรมที่ยังไมไ่ ดต้ ัดสนิ ต่อไปตามปกติ ความร้พู ้นื ฐาน ผลการเรยี นให้ประเมิน ประเมินความรู้ ตรงกับที่ปรากฏในโครงสร้าง ตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษา 2. เรยี นผ่าน กำหนดหากไมผ่ ่านตาม อยา่ งนอ้ ย 6 หมวด ทกั ษะประสบการณ์ หลกั สูตรให้กำหนดและบรรจุ เกณฑใ์ ห้ลงะเบยี นเรียน วิชา จัดใหเ้ รียนปที ่ี เพิ่มเตมิ 3 ของระดบั ชัน้ และ เพ่ือการจัดเข้าชน้ั ชอ่ื น้นั ไวใ้ นหลกั สูตร ลงทะเบียนเรียนต่อ ในรายวชิ าทจ่ี ำเปน็ เรียน ต้องเรยี นใหค้ รบ ตามเกณฑ์การจบ ระดับช้นั ตาม หลักสูตรของ สถานศึกษาใหมท่ ี่ รับเข้าเรียน CHP | หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนชมุ ชนบ้านพบพระผู้เรยี นที่มผี ลการประเมินรายวิชาอยใู่ นระดับไม่ผา่ น 42 จำนวนมาก และมแี นวโน้มว่าจะเป็นปัญหาตอ่ การเรียนในระดบั ชน้ั ทสี่ ูงข้นึ สถานศกึ ษาอาจตงั้ คณะกรรมการ พจิ ารณาให้เรยี นซำ้ ช้ันไดท้ ้ังน้ีให้คำนึงถึงวฒุ ิภาวะและความรคู้ วามสามารถของผู้เรียนเปน็ สำคญั

แนวทาง การเทียบโอน การเทียบโอน การเทยี บโอน การเทยี บโอนจากการ การเทยี บโอน การพจิ ารณา จากการศึกษา จากการศกึ ษา จากการจดั จดั การศึกษาโดยศนู ยก์ าร จากการศกึ ษา ในระบบเข้าสู่ นอกระบบ การศกึ ษา เรยี นการศกึ ษาตามหลัก ตามหลกั สตู ร การศึกษาในระบบ เข้าส่กู ารศกึ ษา โดยครอบครัว ตา่ งประเทศ เข้าสู่การศกึ ษา สตู รระยะสั้นหลักสูตร เขา้ สู่การศึกษา ในระบบ เฉพาะประสบการณ์ ในระบบ การทำงานการฝกึ อาชีพ ในระบบ เข้าส่กู ารศกึ ษาในระบบ จำนวน/หน่วย พิจารณาแล้วเห็นว่า จำนวน/หน่วยการเรียน/ พจิ ารณาแลว้ เห็นว่า การเรยี น/หน่วย เทยี บโอนผลการเรียนได้ น้ำหนัก จำนวนหน่วยให้เป็นไป หนว่ ยน้ำหนัก เทียบโอนผลการ ตามโครง เรียนได้จำนวนหน่วย ใหเ้ ปน็ ไปตามโครง ผลการเรียน/ ยอมรับผลการเรยี น ไม่ต้องใหผ้ ลการ ยอมรับผลการ ผลการประเมินความรู้ ผลการประเมินเพิม่ ผลการประเมิน ของสถาน เรียนในรายวชิ า/ ประเมินของเขต ทกั ษะประสบการณ์ใหเ้ ป็นไป เติมใหเ้ ปน็ ไปตามที่ ศกึ ษาเดิม สาระ/กิจกรรมทไ่ี ด้ พืน้ ท่ี มาเป็น ตามท่สี ถานศึกษาใหมก่ ำหนด สถาน ศกึ ษาทร่ี ับเขา้ การบันทกึ ผล จากการเทยี บโอน สว่ นประกอบในการ เรยี นกำหนด การเรยี นใน 1. ไมต่ ้องนำรายวิชา พจิ ารณา นำผลการประเมินความรู้ แสดงผลการ และผลการเรียนเดมิ ไมต่ ้องนำหมวดวชิ า ทกั ษะประสบการณก์ รอกใน 1. ใหก้ รอรรายชือ่ เรียน กรอกในใบแสดงผลการ และผลการเรยี นเดมิ ไม่ต้องนำรายวิชา ใบแสดงผลการเรียน และจำนวนหน่วย เรียนของสถานศึกษา กรอกในใบแสดงผล ผลการเรียน/ผลการ ตามรายวชิ าของ ใหม่ แตใ่ ห้แนบ การเรยี นของสถาน วดั และประเมนิ เดมิ สถานศกึ ษาทรี่ บั เขา้ แสดงผลการเรียนเดิมไว้ ศึกษาใหม่ แตใ่ ห้ ของเขตพ้ืนทกี่ รอก เรยี นในใบแสดงผล กบั ใบแสดงผลการเรยี น แนบใบแสดงผลการ ในใบแสดงผลการ การเรยี นของสถาน ใหมแ่ ละบนั ทึกจำนวน เรียนเดิมไว้กับ เรยี นของ ศกึ ษาท่รี บั เข้าเรียน แสดงผลการเรียน สถานศกึ ษาใหม่ ใหม่และบนั ทึก แตใ่ ห้แนบเอกสาร เดมิ ไว้กบั ใบ หน่วยท่ีได้รับ จำนวนหน่วยทไ่ี ด้รบั การ แสดงผลการเรียน โดยไมต่ อ้ งกรอกผลการเรยี น และแนบใบแสดงผลการเรียน การเทียบโอน เทยี บโอนตามโครงสรา้ ง ใหม่และบันทึก จากสถานศึกษาเดิมและ สถานศกึ ษาที่รับเข้าเรยี นไว้ ตามโครงสรา้ ง หลักสตู รใหม่ไวใ้ นชอ่ ง ขอ้ มลู และจำนวน ดว้ ยกัน และบันทึกผลการ เทยี บโอนไว้ในช่องหมายเหตุ หลกั สตู รของ หมายเหตุ หนว่ ยทไี่ ดร้ บั การ 2. รายวิชาทีย่ ังไม่ไดต้ ัดสิน สถานศกึ ษาเดมิ เทยี บโอนไว้ในช่อง ผลการเรยี นและสถานศกึ ษาท่ี รบั เขา้ เรียนไดป้ ระเมินผลการ ไวใ้ นชอ่ งหมาย หมายเหตุ เหตุ 2. รายวชิ า/ สาระ/กจิ กรรมท่ี CHP | หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนชมุ ชนบ้านพบพระผเู้ รยี นท่มี ผี ลการประเมนิ รายวชิ าอยใู่ นระดบั ไมผ่ า่ น 43 จำนวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเปน็ ปัญหาตอ่ การเรยี นในระดับชน้ั ทีส่ ูงขึน้ สถานศึกษาอาจต้ังคณะกรรมการ พิจารณาใหเ้ รยี นซำ้ ชนั้ ได้ทั้งน้ใี ห้คำนงึ ถึงวฒุ ิภาวะและความรู้ความสามารถของผูเ้ รยี นเป็นสำคัญ

แนวทาง การเทียบโอน การเทยี บโอน การเทยี บโอน การเทยี บโอนจากการ การเทียบโอน การพิจารณา จากการศึกษา จากการศกึ ษา จากการจดั จัดการศึกษาโดยศูนย์การ จากการศกึ ษา ในระบบเข้าสู่ นอกระบบ การศกึ ษา เรียนการศึกษาตามหลัก ตามหลกั สูตร ยังไม่ได้ตัดสิน การศกึ ษาในระบบ เขา้ สูก่ ารศึกษา โดยครอบครัว ต่างประเทศ ผลการเรยี นและ เขา้ สูก่ ารศึกษา สูตรระยะสนั้ หลกั สูตร เข้าสู่การศกึ ษา ไดร้ บั การ การคดิ ผลการเรียน ในระบบ เฉพาะประสบการณ์ ประเมนิ ให้นำ เฉลี่ยใหน้ ำผลการเรียน ในระบบ การทำงานการฝกึ อาชีพ ในระบบ ผลการประเมิน และจำนวนหน่วยจาก การคดิ ผลการ เขา้ สกู่ ารศึกษาในระบบ กรอกในช่อง สถานศึกษาเดิมมาคิด เรยี นเฉลี่ยให้คดิ จาก การคิดผลการเรยี น ได้ตดั สนิ ผลการเรยี น หมายเหตุ รวมกบั ผลการเรียนและ รายวชิ าท่ีมจี ำนวน เฉลีย่ ใหค้ ดิ จาก เรียนแล้วให้นำผลการประเมิน จากหลักสูตร การคดิ ผล จำนวนหน่วยท่ีได้จาก หนว่ ยและระดบั ผล รายวชิ าท่ไี ด้จาก กรอกไว้ในช่องหมายเหตุ ต่างประเทศที่ การเรียนเฉลี่ย การเรียนในสถานศกึ ษา การเรยี นท่ไี ดเ้ รียน เรียนในสถานศึกษา สถานศกึ ษาที่รับเขา้ ใหมแ่ ละคิดผลเรยี น ในสถานศึกษาใหม่ ใหม่ โดยนำผลการ การคดิ ผลการเรยี นเฉลยี่ ให้ เรียนได้ประเมินแล้ว เฉลย่ี รวมตลอดระดบั ช้ัน ประเมนิ ของเขต คดิ จากรายวชิ าที่ไดจ้ ากการ และได้ระดับผลการ พื้นทท่ี ีม่ ีระดับผล เรยี นในสถานศึกษาใหม่ โดย เรยี น ใหน้ ำมาคดิ ผล การเรียนมาคดิ รวม ไมต่ ้องนำผลการประเมนิ การเรียนเฉลยี่ รวมกบั ความรู้ ทกั ษะประสบการณ์ ผลการเรยี นทีไ่ ด้จาก มาคิดรวม การเรยี นใน สถานศกึ ษาที่รบั เขา้ เรียนตลอดระดบั ช้นั CHP | หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนชมุ ชนบา้ นพบพระผเู้ รียนท่มี ผี ลการประเมินรายวชิ าอยู่ในระดบั ไมผ่ า่ น 44 จำนวนมาก และมีแนวโน้มวา่ จะเปน็ ปัญหาต่อการเรยี นในระดบั ช้ันท่ีสูงขน้ึ สถานศึกษาอาจตัง้ คณะกรรมการ พจิ ารณาให้เรียนซำ้ ชนั้ ได้ทง้ั นี้ให้คำนงึ ถงึ วฒุ ิภาวะและความรู้ความสามารถของผเู้ รียนเปน็ สำคญั

หมวด 6 การรายงานผลการเรยี น การรายงานผลการเรียน เป็นการแจ้งผลการเรียนรู้และพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ซึ่งเป็ น ความก้าวหน้าของผู้เรียนให้ผู้เรียนและผู้ท่ีเกี่ยวข้องรับทราบอย่างน้อยภาคเรียนละ 1 คร้ัง เพื่อใช้เป็น ข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไขและส่งเสริมพัฒนาการของผู้เรียนให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประ สิทธิภาพ รวมทั้งใช้เป็นข้อมลู สำหรับออกเอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา การตรวจสอบ ยืนยัน การรบั รองผลการเรยี น และวุฒิการศกึ ษาของผ้เู รยี น ข้อ 27 จุดม่งุ หมายการรายงานผลการเรยี น 27.1 เพอ่ื แจ้งให้ผู้เรียน ผ้เู กยี่ วขอ้ งทราบความก้าวหน้าของผูเ้ รยี น 27.2 เพ่ือให้ผู้เรียน ผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมและ พฒั นาการเรยี นของผเู้ รียน 27.3 เพ่ือให้ผูเ้ รยี น ผู้เกี่ยวขอ้ งใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการเรียน กำหนดแนวทา งาการศกึ ษาและการเลอื กอาชพี 27.4 เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ท่ีมีหน้าท่ีเก่ียวข้อง ใช้ดำเนินการออกเอกสารหลักฐาน การศึกษาตรวจสอบและรบั รองผลการเรียน หรือวุฒิทางการศกึ ษาของผ้เู รยี น 27.5 เพื่อเป็นข้อมลู สำหรบั สถานศึกษา เขตพนื้ ท่ีการศึกษาและหน่วยงานต้นสังกัดใช้ ประกอบในการกำหนดนโยบาย วางแผนในการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา ข้อ 28 ขอ้ มลู ในการรายงานผลการเรยี น 28.1 ข้อมูลระดับชั้นเรียน ประกอบด้วย ผลการประเมินความรู้ ความสามารถ พฤตกิ รรมการเรียน ความประพฤติและผลงานในการเรยี นของผูเ้ รียน เป็นข้อมูลสำหรับรายงานให้ผมู้ สี ว่ น เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้เรียน ผู้สอนและผู้ปกครอง ได้รับทราบความก้าวหน้า ความสำเร็จในการเรียนของ ผ้เู รยี นเพ่ือนำไปใช้ในการวางแผนกำหนดเป้าหมายและวิธกี ารในการพัฒนาผู้เรยี น 28.2 ข้อมูลระดับสถานศกึ ษา ประกอบดว้ ย ผลการประเมนิ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น กลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนรายปี/รายภาค ผลการประเมิน ความก้าวหน้าในการเรยี นรูร้ ายปี/รายภาคโดยรวมของสถานศึกษา เพือ่ ใช้เป็นข้อมูลและสารสนเทศในการ พัฒนาการเรียนการสอนและคุณภาพของผู้เรียน ให้เป็นไปตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด การตัดสิน การเลื่อนช้ันและการซ่อมเสริมผู้เรียนที่มีข้อบกพร่องให้ผ่านระดับชั้นและเป็นข้อมูลในการออกเอกสาร หลกั ฐานการศกึ ษา CHP | หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระผ้เู รยี นที่มผี ลการประเมนิ รายวิชาอยูใ่ นระดบั ไม่ผา่ น 45 จำนวนมาก และมแี นวโนม้ ว่าจะเป็นปัญหาตอ่ การเรียนในระดบั ชั้นที่สงู ข้ึน สถานศึกษาอาจต้ังคณะกรรมการ พิจารณาใหเ้ รียนซำ้ ชั้นไดท้ ้งั นใี้ ห้คำนงึ ถงึ วฒุ ิภาวะและความรคู้ วามสามารถของผเู้ รยี นเป็นสำคญั

28.3 ข้อมูลการประเมินคุณภาพระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ได้แก่ ผลการประเมิน คณุ ภาพของผู้เรียนด้วยแบบประเมนิ ที่สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาจัดทำขึ้นในกลุ่มสาระการเรียนรู้สำคัญ ในระดับช้ันท่ีนอกเหนือจากการประเมินคุณภาพระดับชาติ เป็นข้อมูลท่ีผู้เกี่ยวข้องใช้วางแผนและ ดำเนินการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาเพื่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพและมาตรฐาน การศกึ ษาของผู้เรยี นและสถานศกึ ษา 28.4 ข้อมูลผลการประเมินคุณภาพระดับชาติ ได้แก่ ผลการประเมินคุณภาพของ ผู้เรียนด้วยแบบประเมินที่เป็นมาตรฐานระดับชาติในกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สำคัญในประถมศึกษาปีท่ี 6 ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยงานระดับชาติ เป็นข้อมูลท่ีผู้เก่ียวข้องใช้วางแผนและดำเนินการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของผู้เรียน สถานศึกษา และนำไปรายงานในเอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาของผูเ้ รยี น 28.5 ขอ้ มลู พฒั นาการของผู้เรียนดา้ นอนื่ ๆ ประกอบดว้ ย ข้อมลู เกยี่ วกบั พฒั นาการ ทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและพฤติกรรมต่าง ๆ เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งของการแนะแนวและ จัดระบบการดแู ลช่วยเหลือเพือ่ แจ้งให้ผูเ้ รยี น ผ้สู อน ผ้ปู กครอง และผูเ้ ก่ยี วขอ้ งไดร้ ับทราบข้อมูล โดยผมู้ ี หน้าท่ีรับผิดชอบแต่ละฝ่ายนำไปใช้ปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาผู้เรียนให้เกิดพัฒนาการอย่างถูกต้อง เหมาะสม รวมทัง้ นำไปจัดทำเอกสารหลกั ฐานแสดงพฒั นาการของผเู้ รียน ข้อ 29 ลกั ษณะข้อมูลสำหรับการรายงาน การรายงานผลการเรียน สถานศึกษารายงานผลการเรียนดงั น้ี 29.1 ผลการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้รายงานเป็นระดับผลการเรียน “0 – 4” ( 8 ระดับ) 29.2 ผลการประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์และเขยี น รายงานผลการประเมินคุณภาพ เปน็ ดีเยีย่ ม ดี ผา่ น และไม่ผา่ น 29.3 ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รายงานผลการประเมินคณุ ภาพเป็น ดเี ยยี่ ม ดี ผ่าน และไมผ่ ่าน 29.4 ผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนรายงานผลการประเมินคุณภาพเป็น ผ่าน และ ไม่ผา่ น ข้อ 30 เป้าหมายการรายงาน การดำเนินการจัดการศึกษา ประกอบด้วยบุคลากรหลายฝ่ายร่วมมือประสานงานกัน พัฒนาผู้เรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม ให้ความรู้ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมอันพึง ประสงค์ โดยมีผู้มีส่วนเก่ียวข้องควรได้รับการรายงานผลการประเมินของผู้เรียนเพ่ือใช้เป็นข้อมูลในการ ดำเนินงานดังนี้ CHP | หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นชุมชนบ้านพบพระผู้เรยี นทีม่ ีผลการประเมินรายวชิ าอยูใ่ นระดับไมผ่ า่ น 46 จำนวนมาก และมแี นวโน้มวา่ จะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับช้ันที่สูงข้ึน สถานศึกษาอาจต้งั คณะกรรมการ พิจารณาใหเ้ รยี นซำ้ ช้นั ไดท้ ัง้ นใี้ หค้ ำนงึ ถึงวุฒิภาวะและความร้คู วามสามารถของผเู้ รยี นเป็นสำคญั

กลมุ่ เปา้ หมาย การใชข้ ้อมลู ผเู้ รียน - ปรบั ปรงุ แก้ไขและพฒั นาการเรยี น รวมทั้งพฒั นารา่ งกาย อารมณ์ ผู้สอน สงั คมและพฤตกิ รรมตา่ งๆ ของคน - วางแผนการเรียน การเลอื กแนวทางการศึกษา และอาชพี ในอนาคต ครูวัดผล - แสดงผลการเรียน ความรู้ ความสามารถ และวุฒกิ ารศึกษาของตน - วางแผนและดำเนนิ การปรับปรงุ แก้ไขและพฒั นาผ้เู รียน นายทะเบยี น - ปรับปรุง แก้ไขและพฒั นาการจัดการเรยี นการสอน ครแู นะแนว - ตรวจสอบความถกู ตอ้ งในการประเมนิ ผลของผ้สู อน/ผเู้ รยี น กลมุ่ เปา้ หมาย - พัฒนาระบบ ระเบยี บและแนวทางการประเมนิ ผลการเรยี น คณะกรรมการบริหาร - จัดทำเอกสารหลักฐานการศกึ ษา หลักสตู รและวิชาการของ - ให้คำแนะนำผเู้ รยี นในด้านต่าง ๆ สถานศึกษา ผบู้ ริหารสถานศึกษา การใชข้ ้อมูล - พิจารณาให้ความเห็นชอบผลการเรยี นของผเู้ รยี น ผ้ปู กครอง - พฒั นาแนวทางการจดั การศกึ ษาของสถานศึกษา ฝ่าย/หนว่ ยงานทม่ี ีหน้าท่ี - พิจารณาตดั สิน และอนมุ ตั ิผลการเรยี นของผู้เรยี น ตรวจสอบรับรองความรู้ - พัฒนากระบวนการจัดการเรยี นของสถานศกึ ษา - วางแผนการบริหารจัดการศึกษาด้านต่าง ๆ และวุฒกิ ารศกึ ษา/ - รับทราบผลการเรยี นและพฒั นาการของผู้เรยี น สถานศึกษา - ปรับปรุง แก้ไขและพัฒนาการเรียนของผ้เู รียน รวมท้ังการดูแล สำนกั งานเขตพนื้ ท่ี สุขภาพอนามัย รา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและพฤตกิ รรมตา่ ง ๆ การศึกษา/หนว่ ยงานตน้ ของผู้เรยี น - พิจารณาวางแผนและสง่ เสรมการเรยี น การเลือกแนวทางการศกึ ษา สังกัด และอาชีพในอนาคตของผู้เรยี น - ตรวจสอบ และรับรองผลการเรยี นและวฒุ ิการศึกษาของผู้เรยี น - เทยี บระดับ/วฒุ กิ ารศกึ ษาของผู้เรยี น - เทยี บโอนผลการเรียน - ยกระดับและพฒั นาการศึกษาของสถานศกึ ษาในเขตพื้นท่กี ารศกึ ษา - นเิ ทศ ตดิ ตาม และให้ความช่วยเหลอื การพฒั นาคุณภาพการศึกษา ของสถานศึกษาทมี่ ีผลการประเมนิ ต่ำกวา่ ค่าเฉล่ียของสำนักงานเขต พนื้ ทกี่ ารศกึ ษา CHP | หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นชมุ ชนบ้านพบพระผเู้ รยี นที่มผี ลการประเมนิ รายวชิ าอยใู่ นระดับไม่ผา่ น 47 จำนวนมาก และมแี นวโนม้ วา่ จะเปน็ ปัญหาต่อการเรยี นในระดับชน้ั ท่สี ูงข้ึน สถานศึกษาอาจตัง้ คณะกรรมการ พจิ ารณาให้เรยี นซ้ำช้นั ไดท้ ั้งนใี้ หค้ ำนงึ ถึงวุฒภิ าวะและความรูค้ วามสามารถของผ้เู รียนเปน็ สำคัญ

ข้อ 31 วิธกี ารรายงาน การรายงานผลการเรยี นให้ผเู้ กีย่ วข้องรบั ทราบ ดำเนินการดงั น้ี 31.1 การรายงานผลการเรียนในเอกสารหลักฐานการศกึ ษา ไดแ้ ก่ 31.1.1 ระเบยี บแสดงผลการเรียน (ปพ.1) 31.1.2 แบบรายงานผสู้ ำเรจ็ การศกึ ษา (ปพ.3) 31.1.3 แบบรายงานผลการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี นรายบคุ คล 31.1.4 แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวชิ า 31.1.5 ระเบียนสะสม 31.1.6 ใบรบั รองผลการเรยี น 31.1.7 แบบบันทึกผลการประเมินมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั ช้ันปี / ผลการเรยี นรู้ / จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 31.2 การรายงานคุณภาพการศกึ ษาใหผ้ เู้ ก่ยี วขอ้ งทราบ รายงานหลายวธิ ี เช่น 31.2.1 รายงานคณุ ภาพการศกึ ษาประจำปี 31.2.2 วารสาร/จุลสารของสถานศกึ ษา 31.2.3 จดหมายส่วนตวั 31.2.4 การให้คำปรกึ ษาหารือเป็นรายบคุ คล 31.2.5 การใหพ้ บครูทป่ี รึกษาหรอื การประชมุ ผู้ปกครอง ข้อ 33 การกำหนดระยะเวลาในการรายงาน ดงั น้ี 33.1 ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ 8 กลุ่มสาระ ผลการประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขยี น ผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ผลการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน จะรายงานหลังจากประเมินผลปลายปีแล้วเสร็จภายใน 15 วัน 33.2 ผลการประเมินคุณภาพระดบั เขตพ้นื ที่การศกึ ษา จะรายงานผลหลังจากได้ รบั ทราบผลภายใน 7 วนั 33.3 ผลการประเมินคุณภาพระดับชาติ จะรายงานผลหลงั จากได้รับทราบภายใน 7 วนั 33.4 ข้อมลู พัฒนาการของนักเรยี นประกอบด้วย ขอ้ มลู เก่ยี วกบั พัฒนาการทางดา้ น ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และพฤตกิ รรมต่าง ๆ จะรายงานใหท้ ราบพรอ้ มกบั การรายงานผลในข้อ 1 CHP | หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นชุมชนบ้านพบพระผ้เู รียนท่ีมผี ลการประเมินรายวิชาอยใู่ นระดบั ไม่ผ่าน 48 จำนวนมาก และมแี นวโน้มวา่ จะเป็นปัญหาต่อการเรยี นในระดับชั้นทส่ี ูงขนึ้ สถานศกึ ษาอาจต้ังคณะกรรมการ พจิ ารณาใหเ้ รียนซ้ำชัน้ ไดท้ ้งั นใ้ี หค้ ำนึงถึงวุฒิภาวะและความรคู้ วามสามารถของผู้เรยี นเป็นสำคัญ

หมวด 7 เอกสารหลกั ฐานการศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดให้มีเอกสารหลักฐานทาง การศึกษา 2 ประเภท คือ เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด และเอกสาร หลกั ฐานการศกึ ษาท่สี ถานศกึ ษากำหนด รายละเอียด ดงั น้ี ข้อ 32 เอกสารหลักฐานการศึกษาท่ีกระทรวงศึกษาธิการกำหนด เป็นเอกสารควบคุมและบงั คบั แบบ เรียกว่า แบบประเมินผลตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษา ข้ันพื้นฐาน (ปพ.) จัดทำข้ึนเพื่อตัดสิน รับรองผลการเรียน ของผ้เู รียนตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษา ข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ที่ใช้เป็นหลักฐานสำหรับการตรวจสอบ ยืนยัน และรับรองคุณสมบัติ ทางการศึกษาของผู้เรียนได้ตลอดไป สถานศึกษาต้องใช้แบบพิมพ์และดำเนินการจัดทำตามท่ี กระทรวงศกึ ษาธิการกำหนดไว้เป็นมาตรฐานเดยี วกัน ดงั น้ี ข้อ 26.1 เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาควบคุมและบังคับแบบ มดี ังนี้ 26.1.1 ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.1) เป็นหลักฐานเพื่อแสดงผลการเรียน และรับรองผลการเรียนของผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการ ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกขอ้ มูล และออกเอกสารนี้ให้ผเู้ รียนเปน็ รายบคุ คล เมื่อผู้เรยี นจบการศึกษาระดับ ประถมศึกษา (ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6) หรือเมือ่ ลาออกจากสถานศกึ ษาในทุกกรณี ระเบยี นแสดงผลการเรยี น (ปพ.1) นำไปใช้ประโยชน์ ดงั น้ี - แสดงผลการเรยี นของผู้เรียนตามโครงสร้างหลักสตู รของสถานศึกษา - รบั รองผลการเรียนของผ้เู รียนตามข้อมลู ทบี่ นั ทึกในเอกสาร - ตรวจสอบผลการเรียนและวุฒิการศกึ ษาของผู้เรยี น - ใช้เป็นหลักฐานการศึกษาเพ่ือสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครงานหรือ ขอรับสิทธิประโยชน์อ่ืนใดทีพ่ ึงมีไดต้ ามวุฒิการศกึ ษานั้น 26.1.2 แบบรายงานผูส้ ำเรจ็ การศึกษา (ปพ. 3) เป็นเอกสารอนุมตั ิการจบหลักสตู ร โดยบนั ทึกรายช่อื และขอ้ มูลของผูจ้ บการศกึ ษาระดบั ประถมศึกษา (ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6) แบบรายงานผ้สู ำเรจ็ การศึกษา (ปพ.3) นำไปใชป้ ระโยชน์ ดงั นี้ - ใช้ตัดสินและอนุมตั ผิ ลการเรยี นของผู้เรยี น - แสดงรายช่ือผู้จบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน แต่ละ ระดบั การศึกษาทไี่ ด้รับการรบั รองวฒุ ิจากกระทรวงศึกษาธกิ าร CHP | หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นชุมชนบา้ นพบพระผ้เู รียนท่มี ผี ลการประเมินรายวชิ าอยูใ่ นระดบั ไมผ่ ่าน 49 จำนวนมาก และมีแนวโน้มวา่ จะเปน็ ปัญหาต่อการเรยี นในระดบั ช้ันท่ีสงู ขึ้น สถานศกึ ษาอาจตั้งคณะกรรมการ พจิ ารณาใหเ้ รยี นซำ้ ช้ันไดท้ ้ังนี้ใหค้ ำนึงถึงวุฒิภาวะและความรคู้ วามสามารถของผเู้ รียนเปน็ สำคัญ

- ใช้สำหรับตรวจสอบ ค้นหา พิสูจน์ ยืนยันและรับรองวุฒิหรือผล การศกึ ษาของผ้จู บหลักสตู รการศึกษา 26.2 เอกสารหลักฐานการศกึ ษาท่ีสถานศกึ ษาดำเนนิ การเอง เอกสารหลักฐานการศึกษาท่ีสถานศึกษากำหนด เป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นเพ่ือ บันทึกพัฒนาการผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผู้เรียน เช่น แบบบันทึกผลการเรียนประจำ รายวิชา แบบรายงานประจำตัวนักเรียน ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน และเอกสารอื่น ๆ ตาม วัตถุประสงค์ของการนำเอกสารไปใช้ 26.2.1 แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล เป็นเอกสารที่สถานศึกษา จดั ทำขน้ึ เพือ่ บันทึกขอ้ มูลผลการเรยี นรายวชิ า และพฒั นาการดา้ นต่าง ๆ ของผูเ้ รียนแตล่ ะคน ตามเกณฑ์ การตัดสินผา่ นระดับชั้นของหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน รวมทั้งข้อมลู ด้านอนื่ ๆ ของผู้เรยี นที่ บา้ นและสถานศึกษา โดยจดั ทำเป็นเอกสารรายบคุ คล เพ่ือใชส้ ำหรับส่ือสารใหผ้ ู้ปกครองของผู้เรยี นแตล่ ะ คนไดร้ บั ทราบผลการเรียนและพัฒนาการดา้ นตา่ ง ๆ ของผเู้ รียนอยา่ งตอ่ เนือ่ ง แบบรายงานประจำตัวนกั เรยี น นำไปใช้ประโยชน์ ดงั น้ี - รายงานผลการเรียน ความประพฤติ และพัฒนาการของผู้เรียนใหผ้ ู้แกครองไดร้ ับทราบ - ใช้เป็นเอกสารสื่อสาร ประสานงาน เพื่อความร่วมมือในการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไข ผเู้ รยี น - เป็นเอกสารสำหรับตรวจสอบ ยืนยัน และรับรองผลการเรียนและพัฒนาการต่าง ๆ ของผูเ้ รยี น 26.2.2 แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัด ทำข้ึน เพ่ือให้ครูผู้สอนใช้บันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ และการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน สำหรับการพจิ ารณาตดั สินผลการเรียนแต่ละรายวิชาเป็น รายห้องเรียน เอกสารบนั ทึกผลการเรยี นรายวชิ า นำไปใชป้ ระโยชน์ ดงั นี้ - ใช้บนั ทึกพัฒนาการผลการเรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขียน และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นของผุ้เรยี นแตล่ ะรายวิชา - ใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ รายงาน และรับรองข้อมูลเก่ียวกับ พฒั นาการ และผลการเรียนรู้ของผ้เู รยี น เอกสารบนั ทกึ ผลการเรียนรายวิชา นำไปใชป้ ระโยชน์ ดังนี้ - ใช้บนั ทึกพัฒนาการผลการเรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขยี น และผลการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นของผู้เรยี นแตล่ ะรายวชิ า CHP | หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนชมุ ชนบา้ นพบพระผ้เู รยี นทม่ี ีผลการประเมนิ รายวิชาอยูใ่ นระดบั ไมผ่ ่าน 50 จำนวนมาก และมแี นวโนม้ วา่ จะเป็นปัญหาตอ่ การเรียนในระดบั ชนั้ ทส่ี งู ขึ้น สถานศึกษาอาจตั้งคณะกรรมการ พิจารณาใหเ้ รยี นซำ้ ชัน้ ได้ทั้งนี้ให้คำนงึ ถึงวฒุ ภิ าวะและความรคู้ วามสามารถของผเู้ รยี นเปน็ สำคญั

- ใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ รายงาน และรับรองข้อมูลเก่ียวกับ พฒั นาการ และผลการเรียนรู้ของผเู้ รยี น 36.2.3 ระเบียนสะสม เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำข้ึน เพื่อบันทึกข้อมูล เก่ียวกับพัฒนาการของผู้เรียนในด้านต่างๆ เป็นรายบุคคล โดยจะบันทึกข้อมูลของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงระยะเวลาการศกึ ษาตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน 12 ปี ระเบียนสะสม นำไปใช้ประโยชน์ ดงั นี้ - ใช้เป็นข้อมูลในการแนะแนวทางการศึกษาและการประกอบอาชีพของ ผู้เรียน - ใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาปรับปรุงบุคลิกภาพ ผลการเรียน และการ ปรับตัวของผ้เู รยี น - ใช้ติดต่อสื่อสาร รายงานพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนระหว่างสถานศึกษา กับผปู้ กครอง - ใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ รับรอง และยืนยันคุณสมบัติของ ผู้เรียน 26.2.4 ใบรับรองผลการเรียน เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำข้ึนเพื่อใช้เป็น เอกสารสำหรับรับรองความเป็นนักเรียนของผู้เรียนเป็นการชั่วคราวตามท่ีผู้เรียนร้องขอ ทั้งกรณีท่ีผู้เรียน กำลงั ศึกษาอย่ใู นสถานศกึ ษาและเมื่อจบการศึกษาไปแล้ว ใบรับรองผลการเรียน นำไปใช้ประโยชน์ ดงั นี้ - รับรองความเป็นนกั เรยี นของสถานศกึ ษาทเี่ รียนหรอื ท่ีเคยเรยี น - รบั รองและแสดงความรู้ วุฒกิ ารศึกษาของผ้เู รียน - ใช้เป็นหลักฐานแสดงคุณสมบัติของผู้เรียนในการสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครเข้าทำงาน หรือมีกรณีอ่ืนใดที่ผู้เรียนแสดงคุณสมบัติเก่ียวกับ วฒุ ิความรู้ หรอื สถานการณ์เป็นผูเ้ รยี นของตน - เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ รับรอง ยืนยันการใช้สิทธิ์ความ เป็นผู้เรยี น หรอื การไดร้ ับการรับรองจากสถานศกึ ษา 26.2.5 แบบบันทึกผลการประเมินมาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชีว้ ัดชน้ั ปี /ผลการ เรียนรู้ / จุดประสงค์การเรียนรู้ เป็นเอกสารท่ีสถานศึกษาจัดทำข้ึน เพื่อใช้เป็นเอกสารหลักฐานสำหรับ แสดงผลการเรียนตามมาตรฐาน/ตัวชี้วดั ช้ันปี โดยแสดงผลการประเมินมาตรฐาน/ตัวช้ีวัดชัน้ ปี ที่ผู้เรียนได้ ประเมินไปแล้วในระดบั ชั้นท่ีผู้เรียนกำลังศึกษาอยู่ สถานศกึ ษาจะออกเอกสารหลกั ฐานแบบบันทึกผลการ ประเมินมาตรฐาน/ตัวชี้วัดชั้นปี เมื่อผู้เรียนย้ายที่เรียนไปยังสถานศึกษาอื่นในขณะที่ยังไม่ได้รับการ ประเมินผลปลายปกี ารศกึ ษานนั้ CHP | หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนชุมชนบ้านพบพระผเู้ รยี นทีม่ ผี ลการประเมนิ รายวชิ าอยใู่ นระดับไม่ผ่าน 51 จำนวนมาก และมแี นวโน้มว่าจะเปน็ ปัญหาต่อการเรยี นในระดบั ชนั้ ที่สูงขึ้น สถานศึกษาอาจตง้ั คณะกรรมการ พจิ ารณาใหเ้ รียนซำ้ ชน้ั ได้ทงั้ น้ีใหค้ ำนงึ ถงึ วฒุ ิภาวะและความร้คู วามสามารถของผู้เรียนเปน็ สำคัญ

หมวด 8 การย้ายทเ่ี รยี น ข้อ 27. นักเรียนคนใดจำเป็นต้องย้ายที่เรยี น โรงเรียนจัดทำเอกสารหลักฐานการเรียนของ นักเรยี นไปให้โรงเรยี นใหม่ ดังนี้ คอื 27.1 ระเบยี นแสดงผลการเรียน (ปพ.1) 27.2 แบบรายงานผลการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียนรายบุคคล 27.3 ระเบยี นสะสม 27.4 แบบบันทึกผลการประเมินมาตรฐานการเรยี นรู้ /ตวั ช้ีวัด / ผลการเรียนรู้ / จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ CHP | หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนชุมชนบา้ นพบพระผู้เรียนทม่ี ผี ลการประเมนิ รายวชิ าอยู่ในระดับไม่ผ่าน 52 จำนวนมาก และมแี นวโน้มวา่ จะเป็นปัญหาต่อการเรยี นในระดับชน้ั ที่สูงขนึ้ สถานศึกษาอาจต้งั คณะกรรมการ พิจารณาใหเ้ รียนซำ้ ชั้นได้ทัง้ น้ีให้คำนงึ ถงึ วฒุ ิภาวะและความรู้ความสามารถของผเู้ รียนเปน็ สำคัญ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook