Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

Published by ศิริวรรณ มุนินคํา, 2021-09-21 11:17:49

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

Keywords: https://drive.google.com/file/d/12-DMDxzIwmMz-j9x66aGvvcaeOxKedFT/view?usp=sharing

Search

Read the Text Version

กจิ กรรม ทกั ษะความสมั พนั ธร์ ะหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกบั เวลา สมาชกิ กลมุ่ 1. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 2. ชื่อ................................................................................................................เลขที่........................... 3. ชอ่ื ................................................................................................................เลขที.่ .......................... 4. ชื่อ................................................................................................................เลขที.่ .......................... 5. ช่ือ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 6. ช่อื ................................................................................................................เลขท่.ี .......................... วสั ดอุ ปุ กรณ์ 1. ดนิ นา้ มนั 2. มีด 3. กระจกเงา วธิ ีการทดลอง ป้ันดนิ นา้ มันให้มรี ูปทรงต่างๆ ตามภาพทก่ี าหนดให้ แล้วใช้มดี ตดั ตามระนาบทน่ี ักเรียนคิดวา่ เป็น ระนาบสมมาตร ใชก้ ระจกเงาสอ่ งดูว่าระนาบทีต่ ัดน้ันเป็นระนาบสมมาตรจรงิ หรือไม่ สาหรบั วัตถุที่ตัดได้ อาจใช้วิธตี ัดแลว้ สอ่ งดกู บั กระจกเงา เพอ่ื หาระนาบสามาตร แต่วตั ถทุ ี่ตดั ไม่ได้ ตอ้ งใชว้ ิธจี นิ ตนาการในการหาระนาบสมมาตร

ตารางบันทกึ ผล ลกั ษณะ รปู ร่าง ก. ข. ค. ง. จ.

เฉลยกจิ กรรม ทักษะความสมั พนั ธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกบั เวลา สมาชกิ กลุม่ 1. ช่อื ................................................................................................................เลขท่ี........................... 2. ชอื่ ................................................................................................................เลขท่ี........................... 3. ชื่อ................................................................................................................เลขที.่ .......................... 4. ช่ือ................................................................................................................เลขท่ี........................... 5. ช่ือ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 6. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... วสั ดุอุปกรณ์ 1. ดินน้ามัน 2. มีด 3. กระจกเงา วิธกี ารทดลอง ป้ันดนิ นา้ มันให้มรี ปู ทรงตา่ งๆ ตามภาพทกี่ าหนดให้ แลว้ ใชม้ ีดตดั ตามระนาบทน่ี กั เรียนคิดว่าเปน็ ระนาบสมมาตร ใชก้ ระจกเงาสอ่ งดูวา่ ระนาบท่ีตัดน้ันเป็นระนาบสมมาตรจรงิ หรอื ไม่ สาหรบั วัตถุที่ตัดได้ อาจใชว้ ิธตี ดั แลว้ สอ่ งดูกบั กระจกเงา เพอื่ หาระนาบสามาตร แตว่ ตั ถทุ ีต่ ดั ไมไ่ ด้ ต้องใชว้ ิธีจนิ ตนาการในการหาระนาบสมมาตร

ตารางบันทกึ ผล รปู รา่ ง ลกั ษณะ รูปลูกบาศก์ มรี ะนาบสมมาตร 9 ระนาบ ก. รปู กลอ่ ง มรี ะนาบสมมาตร 3 ระนาบ ข. รปู ทรงกระบอก มรี ะนาบสมมาตรตัดผา่ นจุด ศนู ยก์ ลางของวงกลมไดจ้ านวนมาก และมอี กี หน่งึ ระนาบอยใู่ นแนวกง่ึ กลางความสูงของ ทรงกระบอก ค. รูปปริซมึ ฐานสามเหล่ียมดา้ นเท่า มรี ะนาบ สมมาตร 4 ระนาบ ง. รปู พรี ะมดิ ฐานส่เี หลี่ยมจตั รุ สั มรี ะนาบสมมาตร 4 ระนาบ จ.

ใบงาน เร่อื ง การหาความสัมพนั ธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกบั เวลา ตอนที่ 1 คาชแ้ี จง: ให้นกั เรียนพจิ ารณาวา่ วัตถตุ อ่ ไปน้ี วตั ถใุ ดมีลักษณะสมมาตร 1. ระฆงั ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. อฐิ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ส้ม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ถว้ ยกาแฟ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. รถยนต์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. กล้วย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. อาคารเรยี น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลยใบงาน เร่ือง การหาความสมั พันธ์ระหว่างสเปสกบั สเปสและสเปสกบั เวลา ตอนที่ 1 คาช้ีแจง: ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาวา่ วัตถุตอ่ ไปน้ี วตั ถุใดมีลักษณะสมมาตร 1. ระฆงั มีลกั ษณะสมมาตร 2. อฐิ มีลกั ษณะสมมาตร 3. ส้ม มีลักษณะสมมาตร 4. ถว้ ยกาแฟ เปน็ รปู ทรงกระบอกและมหี ู มรี ะนาบสมมาตรผ่านเส้นแบง่ ครง่ึ หขู องถ้วยกาแฟตามแนวตงั้ 5. รถยนต์ รูปทรงภายนอกรถมรี ะนาบสมมาตรในแนวแบง่ ครง่ึ ตามแนวตง้ั จากหนา้ รถไปหลังรถ แต่ลักษณะ ภายในจะไม่สมมาตร เพราะมพี วงมาลยั อยูด่ า้ นเดยี วของรถ 6. กลว้ ย บางลกู มลี กั ษณะสมมาตร บางลกู ก็ไมม่ ี 7. อาคารเรียน บางอาคารมลี ักษณะสมมาตร บางอาคารมลี กั ษณะไม่สมมาตร ขน้ึ อยกู่ บั ลกั ษณะของอาคาร แตถ่ า้ พิจารณาภายในของอาคารเรียนด้วยจะไม่มรี ะนาบสมมาตร เพราะโครงสร้างภายในอาคารเรียนจะไม่ สมมาตรกนั

ตอนที่ 2 คาชี้แจง: ใหน้ กั เรยี นเขียนภาพในกระจกเงาของรูปต่อไปน้ี ภาพ ภาพในกระจกเงา

ตอนที่ 2 คาชี้แจง: ใหน้ กั เรยี นเขียนภาพในกระจกเงาของภาพต่อไปน้ี ภาพ ภาพในกระจกเงา

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ยั ส่งงานครบทกุ ช้ิน ส่งงานครบทกุ ชิ้น สง่ งานช้าเปน็ บางคร้ัง สง่ งานช้าเปน็ ประจา ก่อนเวลาท่กี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด หรือไมส่ ง่ งานเลย ทุกครั้ง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตงั้ ใจเรียน มคี วาม ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ต้ังใจเรยี น แต่ขาด ไมค่ ่อยตัง้ ใจเรียน พยายามในการ พยายามในการเรยี นรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม ค้นคว้าหาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซักถามคาตอบ ไม่มกี ารซักถามเพ่อื แหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ บอ่ ยครง้ั บางครง้ั หาคาตอบ ซักถามเพอ่ื คาตอบ ทกุ ครั้ง 3. มุง่ มน่ั ในการ มีความกระตือรือรน้ มีความกระตือรอื ร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเรจ็ ถูกตอ้ ง ทางานสาเรจ็ แต่ กระตือรือร้นตอ่ การ ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ เกินเวลาท่ี เนอื้ หาไมถ่ ูกต้อง ทางาน งานไม่เสรจ็ กาหนด บางสว่ น หรอื ไม่ ตามเวลาทกี่ าหนด ถูกต้อง และเน้อื หาไมถ่ กู ตอ้ ง เกณฑ์การประเมนิ ต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้นึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยใู่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดับดี 6-8 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อยู่ในระดับควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศิรวิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 – 3 ปกี ารศกึ ษา 2564 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 2 ชั่วโมง ภาคเรยี นที่ 1 หน่วยที่ 2 เรอ่ื ง ทักษะทางวิทยาศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรู้ เรอื่ ง ทกั ษะการจัดกระทาและส่อื ความหมายขอ้ มลู ผสู้ อน นางสาว ศริ วิ รรณ มุนินคา 1. ผลการเรียนรู้ 6. ทดลองเกยี่ วกับทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้านการนาขอ้ มลู มาจัดกระทาเพอื่ ใหผ้ ้อู นื่ เขา้ ใจได้อย่างถูกตอ้ ง 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นกั เรียนมคี วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ทักษะการจดั กระทาและสอ่ื ความหมายข้อมลู (K) 2. นักเรียนสามารถปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใช้ทกั ษะการจดั กระทาและสอื่ ความหมายข้อมูล (P) 3. นกั เรียนเป็นผ้ทู มี่ ีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มนั่ ในการทางาน (A) 3. สาระการเรียนรู้ 1. ทกั ษะการจัดกระทาและส่ือความหมายขอ้ มลู 4. ทักษะการเรียนรู้ 1. ทักษะวทิ ยาศาสตร์ - การสังเกต - การอภปิ รายและลงขอ้ สรปุ 5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ - มวี นิ ัย - ใฝเ่ รยี นรู้ - มงุ่ มนั่ ในการทางาน 6.สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น/สมรรถนะของศตวรรษท่ี 21 - ความสามารถในการสอื่ สาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแก้ปญั หา

7. สาระสาคญั ทักษะการจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมูล (Communication) หมายถึง การนาข้อมูลท่ีได้จาก การสังเกตและการวัด มาจดั กระทาใหม้ คี วามหมาย โดยการหาความถ่ี การเรียงลาดบั การจัดกลุ่ม การคานวณ คา่ เพือ่ ใหผ้ ้อู น่ื เข้าใจความหมายไดด้ ขี ึ้น ผา่ นการเสนอในรปู แบบของตาราง แผนภูมิ วงจร เขียนหรอื บรรยาย 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) ครนู าเขา้ สู่บทเรยี น โดยการใช้คาถามกระต้นุ ความสนใจของนกั เรยี น ดังน้ี 1. ทกั ษะการจัดกระทาและสือ่ ความหมายข้อมลู คืออะไร (แนวการตอบ: การนาข้อมลู ท่ไี ด้จากการสังเกตและการวัด มาจัดกระทาใหม้ ีความหมาย เพ่ือให้ผอู้ น่ื เข้าใจความหมายไดด้ ีขน้ึ ) 2. ครูแจง้ ให้นกั เรยี นฟงั ว่า วนั นนี้ ักเรียนจะได้เรียนเร่อื ง ทักษะการจดั กระทาและสือ่ ความหมายขอ้ มลู ขน้ั ที่ 2 ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาเก่ียวกับทักษะการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูลจาก หอ้ งสมุดโรงเรียนและอินเทอร์เน็ต 2. ครูแจ้งให้นักเรียนฟังว่า ในคาบนี้นักเรียนจะได้ปฏิบัติกิจกรรมการจัดกระทาและส่ือความหมาย ขอ้ มลู 3. ครูอธิบายวิธีการปฏิบัติกิจกรรมการจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมูลให้นักเรียนฟัง จากนั้น นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม เม่ือปฏิบัตกิ จิ กรรมเสร็จตวั แทนกลมุ่ ออกมานาเสนอหน้า ช้นั เรยี น ขน้ั ที่ 3 ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายและลงข้อสรปุ เกย่ี วกบั กิจกรรมการจัดกระทาและส่อื ความหมายข้อมลู จากนั้น ครใู ช้คาถาม เพอ่ื สรุปเก่ียวกับทกั ษะการจดั กระทาและสื่อความหมายข้อมูลโดยใช้คาถาม ดังนี้ 1. การจัดกระทา คืออะไร (แนวการตอบ: การนาข้อมลู ดบิ มาจัดลาดบั จดั จาพวก หาความถี่ หาความสัมพันธ์หรอื คานวณใหม)่ 2. การสอื่ ความหมายขอ้ มลู คอื อะไร (แนวการตอบ: การใชว้ ิธีต่างๆ เพอ่ื แสดงข้อมลู ใหผ้ ้อู นื่ เขา้ ใจ เชน่ การบรรยาย ใช้แผนภูมิ แผนภาพ วงจร กราฟ ตาราง สมการ ไดอะแกรม เป็นต้น) 3. นักเรยี นสามารถสรปุ ทกั ษะการจดั กระทาและสอื่ ความหมาข้อมลู ได้วา่ อย่างไร (แนวการตอบ: ความชานาญในการนาเสนอขอ้ มลู ในรปู แบบตา่ งๆ เพอ่ื ให้ผู้อืน่ เขา้ ใจสิ่งที่ต้องการส่อื ได้ ชัดเจน ถกู ตอ้ งรวดเร็วและง่ายตอ่ การแปลความหมาย)

ขัน้ ท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูให้ความรูเ้ พม่ิ เติมเกยี่ วกบั ทกั ษะการจัดกระทาและสื่อความหมายขอ้ มูล ดังน้ี ทักษะการจัดกระทาและสื่อความหมายขอ้ มูล เปน็ ความชานาญในการนาเสนอข้อมูลในรปู แบบตา่ ง ๆ เพ่อื ให้ผู้อ่ืนเข้าใจสง่ิ ที่ต้องการส่ือได้ชดั เจน ถูกต้องรวดเร็วและงา่ ยต่อการแปลความหมาย วิธีในการนาเสนอขอ้ มูลมหี ลายวธิ ี เชน่ การใช้ภาษาพูด ภาษาเขยี น แผนภาพ แผนภมู ิ แผนที่ แผนผัง ตาราง กราฟ วงจรหรือสมการเป็นความชานาญในการหาความสัมพันธ์เชิงปรมิ าณ โดยมีวิธีการนับ การคิด คานวณโดยใช้วธิ ีบวก ลบ คณู หาร การใชต้ ัวเลขคิดสตู รทางวทิ ยาศาสตร์ ขัน้ ตอนการจดั กระทาและการสื่อความหมายของหมายขอ้ มูล 1. เลือกรปู แบบในการจัดทานาเสนอใหเ้ หมาะสมกบั ข้อมลู 2. จัดกระทาข้อมูลตามรปู แบบที่ได้เลอื กไว้ โดยอาจทาได้ ดงั นี้ 2.1 จดั เรยี งลาดบั ใหม่ 2.2 หาความถเี่ ม่ือมขี ้อมลู ซ้า 2.3 แยกหมวดหมหู่ รือประเภท 2.4 คานวณหาคา่ ใหม่ 2.5 บรรยายลักษณะสงิ่ ใดสงิ่ หนงึ่ หรอื สถานทดี่ ้วยขอ้ ความกะทดั รดั เหมาะสมจนส่อื ความหมาย ให้ผู้อ่นื เขา้ ใจได้ ขั้นที่ 5 ขนั้ ประเมนิ ผล (Evaluation) 1. ครใู หน้ กั เรียนสรปุ ความคดิ รวบยอด เร่อื ง ทกั ษะการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมลู 2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเก่ียวกับ “ทกั ษะการจดั กระทาและสื่อความหมายข้อมลู ” 3. นกั เรียนแต่ละคนพจิ ารณาวา่ มีจุดใดบา้ งทย่ี งั ไม่เขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มีครูชว่ ยอธบิ ายเพม่ิ เติมให้ นักเรียนเขา้ ใจ 9. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้ 9.1 สอื่ - สือ่ การสอน Power Point เร่อื ง ทักษะการจดั กระทาและส่ือความหมายข้อมูล - กิจกรรมการจดั กระทาและสื่อความหมายข้อมลู - การสรุปความคดิ รวบยอด เร่ือง ทกั ษะการจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมลู - แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ - หอ้ งเรยี นวทิ ยาศาสตร์ - ห้องสมุดโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31

10. การวัดและการประเมินผล 10.1 การวัดผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวัด เครือ่ งมือ 1. ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสรปุ ความคดิ - สรุปความคดิ รวบยอด - นกั เรยี นมคี วามเข้าใจเก่ยี วกบั ทักษะการ รวบยอด เรอ่ื ง ทักษะการ เร่ือง ทักษะการจัดกระทา จดั กระทาและสือ่ ความหมายขอ้ มลู จดั กระทาและสื่อ และส่ือความหมายขอ้ มลู ความหมายขอ้ มลู 2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - นักเรยี นทากจิ กรรมการ - กจิ กรรมการจัดกระทา - นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้ จัดกระทาและส่ือ และส่ือความหมายขอ้ มลู ทักษะการจัดกระทาและส่ือความหมาย ความหมายขอ้ มลู ข้อมูล 3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมิน - นักเรียนเป็นผู้ท่ีมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อนั พงึ ประสงค์ คุณลกั ษณะอันพงึ มงุ่ มน่ั ในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑก์ ารประเมินผล ระดับคุณภาพ 10.2.1 ดา้ นความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) - นักเรยี นมคี วามเข้าใจเกี่ยวกบั ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ทักษะการจดั กระทาและสอื่ ความหมายข้อมลู นกั เรยี นได้ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ นักเรียนได้ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ สรปุ ความคดิ สรปุ ความคิด สรปุ ความคดิ สรปุ ความคดิ รวบ รวบยอด 9-10 รวบยอด 7-8 รวบยอด 5-6 ยอดตา่ กวา่ 5 คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน

10.2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) (4) ระดับคุณภาพ (1) ดีมาก (3) (2) ปรับปรงุ - นกั เรียนสามารถปฏิบัตกิ จิ กรรม นกั เรยี นได้ ดี พอใช้ นกั เรียนได้ โดยใช้ทกั ษะการจดั กระทาและสื่อ คะแนนจาก นกั เรียนได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ ความหมายข้อมลู การทากจิ กรรม คะแนนจากการ คะแนนจากการ ทากจิ กรรมตา่ 14-16 คะแนน ทากิจกรรม ทากจิ กรรม กว่า 8 คะแนน 11-13 คะแนน 8-10 คะแนน 11.2.3 คุณลกั ษณะ (A) ระดบั คุณภาพ - นักเรียนเป็นผทู้ มี่ ีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมงุ่ มนั่ ในการทางาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง นักเรียนได้ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมนิ การประเมนิ การประเมนิ ประเมิน คุณลักษณะ คณุ ลกั ษณะ คุณลักษณะ คณุ ลักษณะอนั อนั พึงประสงค์ อันพงึ ประสงค์ อันพึงประสงค์ พงึ ประสงค์ตา่ 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กวา่ 6 คะแนน

กจิ กรรม การจดั กระทาและสอ่ื ความหมายข้อมลู สมาชิกกลุม่ 1. ชอ่ื ................................................................................................................เลขที่........................... 2. ชื่อ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 3. ชื่อ................................................................................................................เลขที่........................... 4. ช่อื ................................................................................................................เลขท่.ี .......................... 5. ช่ือ................................................................................................................เลขที่........................... 6. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... คาชแ้ี จง: จากสถานการณท์ ่กี าหนดให้ ให้นักเรียนคดิ วธิ ีการจัดกระทาและสือ่ ความหมายขอ้ มลู ขึน้ มาใหม่ ดว้ ยวิธกี ารที่เหมาะสม เพ่อื ใหผ้ ู้อืน่ เข้าใจดขี ึน้ 1. จงอ่านข้อความต่อไปนี้ “แมลง ก เมื่อเจรญิ เติบโตแลว้ จะออกไขภ่ ายในเวลา 3 วัน เม่ือ ก เติบโตจากดกั แด้ซง่ึ ใชเ้ วลา 4 วัน ตวั หนอนได้ออกจากไขเ่ พียง 7 วันเท่านัน้ ตัวหนอนของดกั แดจ้ ะกลายเปน็ ดกั แด้ในเวลา 4 วนั ” 2. น้าหนกั ของนกั เรียน 40 คน ในหอ้ ง ป.6/3 เป็นกิโลกรัม ดังนี้ 40 35 38 52 54 65 60 72 55 37 39 49 48 41 38 54 38 40 49 36 47 42 45 69 42 50 35 47 43 41 50 70 43 35 41 36 53 37 66 52

3. คุณแมข่ องสมพรบนั ทกึ อายุและส่วนสงู ของสมพรไว้ ดังนี้ อายุ 6 ปี สูง 111 ซม. อายุ 7 ปี สูง 117 ซม. อายุ 4 ปี สงู 102 ซม. อายุ 5 ปี สงู 105 ซม. อายุ 10 ปี สูง 130 ซม. อายุ 8 ปี สูง 119 ซม. อายุ 9 ปี สงู 123 ซม.

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ยั ส่งงานครบทกุ ช้ิน ส่งงานครบทกุ ชิ้น สง่ งานช้าเปน็ บางคร้ัง สง่ งานช้าเปน็ ประจา ก่อนเวลาท่กี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด หรือไมส่ ง่ งานเลย ทุกครั้ง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตงั้ ใจเรียน มคี วาม ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ต้ังใจเรยี น แต่ขาด ไมค่ ่อยตัง้ ใจเรียน พยายามในการ พยายามในการเรยี นรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม ค้นคว้าหาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซักถามคาตอบ ไม่มกี ารซักถามเพ่อื แหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ บอ่ ยครง้ั บางครง้ั หาคาตอบ ซักถามเพอ่ื คาตอบ ทกุ ครั้ง 3. มุง่ มน่ั ในการ มีความกระตือรือรน้ มีความกระตือรอื ร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเรจ็ ถูกตอ้ ง ทางานสาเรจ็ แต่ กระตือรือร้นตอ่ การ ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ เกินเวลาท่ี เนอื้ หาไมถ่ ูกต้อง ทางาน งานไม่เสรจ็ กาหนด บางสว่ น หรอื ไม่ ตามเวลาทกี่ าหนด ถูกต้อง และเน้อื หาไมถ่ กู ตอ้ ง เกณฑ์การประเมนิ ต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้นึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยใู่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดับดี 6-8 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อยู่ในระดับควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศิรวิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 15 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 – 3 ปีการศึกษา 2564 กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 2 ช่วั โมง ภาคเรียนที่ 1 หน่วยท่ี 2 เร่ือง ทักษะทางวิทยาศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ เรื่อง ทักษะการจัดกระทาและสอ่ื ความหมายขอ้ มูล ผสู้ อน นางสาว ศิรวิ รรณ มนุ ินคา 1. ผลการเรียนรู้ 6. ทดลองเกย่ี วกับทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ด้านการนาขอ้ มลู มาจัดกระทาเพอื่ ใหผ้ ูอ้ ื่น เข้าใจไดอ้ ย่างถกู ต้อง 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นักเรยี นสามารถสืบค้นข้อมลู และมีความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ทกั ษะการจดั กระทาและส่อื ความหมายข้อมลู (K) 2. นกั เรียนสามารถปฏิบัตกิ ิจกรรมการส่อื ความหมายโดยแผนภาพไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P) 3. นกั เรยี นเป็นผ้ทู ่ีมีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมัน่ ในการทางาน (A) 3. สาระการเรียนรู้ 1. ทกั ษะการจัดกระทาและส่อื ความหมายขอ้ มูล 4. ทกั ษะการเรียนรู้ 1. ทกั ษะวิทยาศาสตร์ - การสงั เกต - การอภิปรายและลงข้อสรปุ 5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - มวี ินยั - ใฝ่เรยี นรู้ - มงุ่ มัน่ ในการทางาน 6.สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น/สมรรถนะของศตวรรษท่ี 21 - ความสามารถในการส่อื สาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแกป้ ัญหา

7. สาระสาคัญ ทักษะการจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมูล (Communication) หมายถึง การนาข้อมูลที่ได้จาก การสังเกตและการวดั มาจดั กระทาใหม้ ีความหมาย โดยการหาความถ่ี การเรยี งลาดบั การจดั กลมุ่ การคานวณ คา่ เพื่อให้ผูอ้ ืน่ เข้าใจความหมายได้ดีข้ึน ผ่านการเสนอในรปู แบบของตาราง แผนภูมิ วงจร เขียนหรอื บรรยาย 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) ครนู าเขา้ สูบ่ ทเรียน โดยการใชค้ าถามทบทวนสงิ่ ทีน่ ักเรยี นไดเ้ รยี นในคาบทีผ่ ่านมา ดงั นี้ 1. ทักษะการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูล คืออะไร (แนวการตอบ: การนาข้อมลู ทไี่ ด้จากการสงั เกตและการวัด มาจัดกระทาใหม้ ีความหมาย เพื่อใหผ้ อู้ ่ืน เข้าใจความหมายได้ดีขึ้น) 2. ครแู จ้งใหน้ กั เรยี นฟังว่า วนั นน้ี กั เรียนจะได้ปฏิบัติกิจกรรมการสือ่ ความหมายโดยแผนภาพ ขน้ั ที่ 2 ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูใชค้ าถามทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนเกยี่ วกบั ทกั ษะการจดั กระทาและสื่อความหมายข้อมูล 2. ครูอธบิ ายวิธกี ารปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการสื่อความหมายโดยแผนภาพให้นกั เรียนฟัง จากนน้ั นักเรียนแต่ละ กลุ่มรว่ มกนั ปฏิบตั ิกิจกรรม เม่ือปฏบิ ัติกจิ กรรมเสร็จตวั แทนกลมุ่ ออกมานาเสนอหน้าชน้ั เรียน ขน้ั ท่ี 3 ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายและลงข้อสรปุ เก่ยี วกับกจิ กรรมการสื่อความหมายโดยแผนภาพ จากน้ันครูใช้ คาถาม เพอ่ื สรปุ เกย่ี วกบั ทักษะการจดั กระทาและสื่อความหมายข้อมูลโดยใชค้ าถาม ดงั น้ี 1. สิง่ ทีต่ ้องคานงึ ถึงในการจดั กระทาและสอ่ื ความหมายของข้อมลู คืออะไร (แนวการตอบ: ความชัดเจนหรือความสมบรู ณ์ของข้อมูล ความถูกต้องแม่นยา ความไม่กากวม และ ความกะทดั รัด) 2. การจดั กระทาและสื่อความหมายของข้อมลู มปี ระโยชนอ์ ย่างไร (แนวการตอบ: ใช้ในการติดตอ่ การทาแผนท่ี ใชใ้ นการรวบรวมขอ้ มลู ทางวทิ ยาศาสตรใ์ ห้เปน็ ระเบียบ มีความชดั เจนของข้อมลู เพื่อการอธบิ าย สรปุ ผล และสะดวกตอ่ การศกึ ษาคน้ คว้า) 3. นักเรยี นสามารถสรุปทกั ษะการจัดกระทาและสอ่ื ความหมายของข้อมลู วา่ หมายถึงอะไร (แนวการตอบ: เป็นความสามารถในการนาข้อมูลมาสื่อสารให้ผู้อ่ืนรับรู้และเข้าใจข้อมูลได้อย่าง ถกู ตอ้ ง)

ข้ันที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) ครูให้ความร้เู พ่มิ เตมิ เก่ยี วกับพฤตกิ รรมทีแ่ สดงว่าเกิดทักษะการจดั กระทาและส่อื ความหมายของข้อมูล ดังนี้ 1. เลอื กรปู แบบในการนาเสนอข้อมลู ได้ เช่น 1.1 วฏั จักรชีวติ ของแมลง ใชร้ ูปแบบวงจร 1.2 วฏั จกั รการหมุนเวยี นของอากาศ ใชร้ ปู แบบแผนภูมิภาพ 2. บอกเหตุผลในการเลือกรูปแบบทีน่ าเสนอข้อมูลได้ 3. ออกแบบการนาเสนอข้อมลู ได้ ขน้ั ท่ี 5 ขั้นประเมนิ ผล (Evaluation) 1. ครใู ห้นกั เรียนทาใบงาน เรอื่ ง ทกั ษะการจัดกระทาและส่อื ความหมายขอ้ มูล 2. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปรายเกีย่ วกับ “ทักษะการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมลู ” 3. นกั เรยี นแตล่ ะคนพิจารณาวา่ มจี ุดใดบ้างที่ยังไมเ่ ข้าใจหรอื ยงั มขี ้อสงสัย ถา้ มีครูช่วยอธิบายเพิม่ เตมิ ให้ นกั เรียนเข้าใจ 9. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ 9.1 สื่อ - สือ่ การสอน Power Point เรือ่ ง ทกั ษะการจดั กระทาและสอื่ ความหมายข้อมลู - กจิ กรรมการสอ่ื ความหมายโดยแผนภาพ - ใบงาน เรอื่ ง ทักษะการจดั กระทาและส่อื ความหมายขอ้ มูล - แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 9.2 แหลง่ การเรยี นรู้ - ห้องเรยี นวทิ ยาศาสตร์ - หอ้ งสมุดโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 10. การวัดและการประเมนิ ผล วิธกี ารวัด เคร่อื งมือ 10.1 การวัดผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ - นักเรียนทาใบงาน เรอื่ ง - ใบงาน เรื่อง ทักษะการ 1. ด้านความรู้ (K) - นกั เรยี นสามารถสบื คน้ ข้อมลู และมี ทักษะการจัดกระทาและ จดั กระทาและสือ่ ความเข้าใจเกี่ยวกบั ทักษะการจดั กระทา และสื่อความหมายข้อมลู สื่อความหมายขอ้ มลู ความหมายข้อมลู

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ กี ารวัด เคร่ืองมอื 2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นทากจิ กรรมการ - กจิ กรรมการส่อื - นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมการสื่อ สือ่ ความหมายโดย ความหมายโดยแผนภาพ ความหมายโดยแผนภาพได้อย่างถกู ต้อง แผนภาพ 3. ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมิน - นักเรียนเป็นผู้ท่ีมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อนั พึงประสงค์ คณุ ลักษณะอันพึง ม่งุ ม่นั ในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑ์การประเมินผล ระดับคุณภาพ 10.2.1 ดา้ นความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง - นักเรยี นสามารถสบื คน้ ขอ้ มลู นักเรียนได้ นักเรยี นได้ นักเรยี นได้ นักเรียนได้ และมีความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ทักษะการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ จดั กระทาและสื่อความหมายขอ้ มลู ทาใบงาน 9-10 ทาใบงาน 7-8 ทาใบงาน 5-6 ทาใบงานต่ากว่า คะแนน คะแนน คะแนน 5 คะแนน 10.2.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) (4) ระดับคุณภาพ (1) ดมี าก (3) (2) ปรบั ปรงุ - นักเรยี นสามารถปฏิบัตกิ จิ กรรม นักเรียนได้ ดี พอใช้ นักเรยี นได้ การสอื่ ความหมายโดยแผนภาพได้ คะแนนจาก นกั เรียนได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ อย่างถูกตอ้ ง การทากจิ กรรม คะแนนจากการ คะแนนจากการ ทากจิ กรรมต่า 14-16 คะแนน ทากจิ กรรม ทากิจกรรม กวา่ 8 คะแนน 11-13 คะแนน 8-10 คะแนน

10.2.3 คุณลกั ษณะ (A) ระดบั คุณภาพ - นักเรยี นเป็นผทู้ ่มี วี ินยั ใฝ่เรียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมงุ่ มัน่ ในการทางาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมนิ การประเมนิ การประเมนิ ประเมนิ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะอัน อนั พงึ ประสงค์ อันพึงประสงค์ อนั พึงประสงค์ พึงประสงค์ต่า 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน

กิจกรรมการสือ่ ความหมายโดยแผนภาพ สมาชกิ กลุ่ม 1. ชื่อ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 2. ชอ่ื ................................................................................................................เลขที.่ .......................... 3. ชอื่ ................................................................................................................เลขท่ี........................... 4. ชือ่ ................................................................................................................เลขท่ี........................... 5. ชื่อ................................................................................................................เลขที.่ .......................... 6. ชอ่ื ................................................................................................................เลขที.่ .......................... คาช้ีแจง: ใหน้ กั เรยี นเขียนแผนภาพแสดงการสง่ ไฟฟา้ จากโรงไฟฟา้ พลงั นา้ เข่ือนภูมิพล จงั หวัดตาก มาสู่ บา้ นเรือนประกอบคาอธิบายต่อไปนี้ โรงไฟฟ้าพลังน้าที่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก จะผลิตไฟฟ้าที่มีแรงเคลื่อนไฟฟ้า 13,800 โวลต์ แรงเคลื่อนไฟฟ้านี้จะถูกแปลงโดยหม้อแปลงชงไฟฟ้าท่ีต้ังอยู่ในบริเวณโรงไฟฟ้าน้ันให้สูงข้ึนเป็น 230,000 โวลต์ แล้วจึงปอ้ นเขา้ สายไฟแรงสงู ซ่งึ เป็นสายเปลอื ยไม่มฉี นวนหมุ้ มีขนาดใหญท่ าดว้ ยอลูมิเนียม พลังไฟฟา้ น้ี จะถกู ส่งไปยังสถานจี ่ายไฟฟา้ ย่อย ซง่ึ ต้ังอยบู่ รเิ วณใกล้ๆ กันกับชมุ ชนท่จี ะใชไ้ ฟฟา้ น้ัน สถานจี ่ายไฟฟ้ายอ่ ยจะ แปลงแรงเคล่อื นไฟฟ้าใหล้ ดลง 69,000 โวลต์ แลว้ ส่งเข้าไปในชมุ ชนไปยงั สถานีแปลงแรงเคล่ือนไฟฟ้าในชมุ ชน ซึ่งทาหน้าท่แี ปลงแรงเคล่อื นไฟฟ้าจาก 69,000 โวลต์ใหเ้ หลือ 12,000 โวลต์ ก่อนส่งไปตามสายไฟฟ้าทข่ี ึงตดิ กับเสาไฟฟ้าที่ปักอยู่ทั่วๆ ไปในชุมชน หม้อแปลงไฟฟ้าท่ตี ิดอยู่ทีส่ ายไฟฟ้าจะทาหน้าที่แปลงแรงเคล่อื นไฟฟ้า จาก 12,000 โวลต์ ให้เหลือ 380 หรือ 220 โวลต์ กอ่ นสง่ เข้าสบู่ ้านเรือนต่อไป

เฉลยกิจกรรมการสื่อความหมายโดยแผนภาพ สมาชกิ กลุ่ม 1. ช่อื ................................................................................................................เลขที.่ .......................... 2. ช่ือ................................................................................................................เลขที.่ .......................... 3. ชอื่ ................................................................................................................เลขที่........................... 4. ชอ่ื ................................................................................................................เลขที.่ .......................... 5. ช่อื ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 6. ช่อื ................................................................................................................เลขท่.ี .......................... คาชี้แจง: ให้นกั เรยี นเขียนแผนภาพแสดงการส่งไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลงั นา้ เข่ือนภูมิพล จังหวดั ตาก มาสู่ บา้ นเรอื นประกอบคาอธิบายตอ่ ไปน้ี โรงไฟฟ้าพลังน้าที่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก จะผลิตไฟฟ้าที่มีแรงเคล่ือนไฟฟ้า 13,800 โวลต์ แรงเคล่ือนไฟฟ้าน้ีจะถูกแปลงโดยหม้อแปลงชงไฟฟ้าที่ต้ังอยู่ในบริเวณโรงไฟฟ้านั้นให้สูงข้ึนเป็น 230,000 โวลต์ แล้วจึงปอ้ นเขา้ สายไฟแรงสงู ซึง่ เปน็ สายเปลือยไม่มีฉนวนหมุ้ มขี นาดใหญ่ทาดว้ ยอลมู ิเนียม พลงั ไฟฟา้ น้ี จะถกู สง่ ไปยังสถานีจา่ ยไฟฟ้ายอ่ ย ซ่งึ ต้ังอยบู่ ริเวณใกล้ๆ กันกับชมุ ชนทจ่ี ะใช้ไฟฟ้าน้นั สถานีจา่ ยไฟฟ้าย่อยจะ แปลงแรงเคลื่อนไฟฟ้าให้ลดลง 69,000 โวลต์ แล้วส่งเขา้ ไปในชมุ ชนไปยงั สถานีแปลงแรงเคลอ่ื นไฟฟ้าในชมุ ชน ซ่ึงทาหน้าทีแ่ ปลงแรงเคล่ือนไฟฟ้าจาก 69,000 โวลต์ใหเ้ หลือ 12,000 โวลต์ ก่อนส่งไปตามสายไฟฟ้าท่ีขึงตดิ กับเสาไฟฟา้ ที่ปกั อยู่ท่ัวๆ ไปในชุมชน หม้อแปลงไฟฟ้าท่ตี ิดอยู่ทส่ี ายไฟฟ้าจะทาหน้าที่แปลงแรงเคลอ่ื นไฟฟ้า จาก 12,000 โวลต์ ให้เหลอื 380 หรอื 220 โวลต์ ก่อนสง่ เข้าสูบ่ ้านเรอื นต่อไป โรงไฟฟ้าพลังงานนา้ 13,800 โวลต์ หมอ้ แปลงทเ่ี ขือ่ น สายไฟฟ้าแรงสงู สถานไี ฟฟา้ ยอ่ ย จากเขอ่ื นภมู ิพล 230,000 โวลต์ บา้ นเรอื น 380 โวลต์ หมอ้ แปลงไฟฟ้าทีเ่ สา 69,000 โวลต์ 220 โวลต์ ใบงาน สถานแี ปลงแรงเคลอื่ นไฟฟ้า ชุมชน สายไฟฟ้าตามเสาไฟ 12,000 โวลต์

ใบงาน เรอื่ ง ทักษะการจดั กระทาและสื่อความหมายข้อมูล คาช้ีแจง: ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ใหถ้ ูกต้อง 1. ให้นักเรยี นสื่อความหมายของข้อมลู ในรปู ตาราง จากขอ้ ความตอ่ ไปน้ีต่อไปน้ี เด็กชายภพ มนี า้ หนัก 23 กโิ ลกรัม มสี ่วนสงู 122 เซนติเมตร เด็กชายนรนิ ทร์ มนี ้าหนกั 25 กิโลกรัม มสี ่วนสูง 126 เซนตเิ มตร เดก็ หญงิ พลอย มีนา้ หนกั 23 กิโลกรัม มสี ว่ นสงู 125 เซนตเิ มตร เด็กหญงิ แพรวา มี น้าหนัก 27 กิโลกรัม มีส่วนสูง 130 เซนติเมตร และเด็กหญิงปรางค์ มีน้าหนัก 32 กิโลกรัม มีส่วนสูง 134 เซนตเิ มตร 2. ให้นกั เรยี นส่อื ความหมายของข้อมลู ในรูปแผนภมู แิ ทง่ จากขอ้ ความต่อไปน้ีต่อไปนี้ ตาชมมสี วนขนดั หน่ึง ซงึ่ ปลกู ต้นไมไ้ ว้หลายชนิด เช่น ทเุ รียน 150 ต้น มงั คุด 200 ตน้ สม้ 100 ต้น ชมพู่ 350 ตน้ 3. ให้นักเรียนส่อื ความหมายของขอ้ มูลในรปู วัฏจักร จากขอ้ ความตอ่ ไปน้ีต่อไปน้ี คนและสัตวใ์ ช้กา๊ ซออกซิเจนในการหายใจ แลว้ คายก๊าซคารบ์ อนไดออกไซดใ์ นการสงั เคราะหแ์ สง แลว้ ได้กา๊ ซออกซเิ จนออกมา

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ยั ส่งงานครบทกุ ช้ิน ส่งงานครบทกุ ชิ้น สง่ งานช้าเปน็ บางคร้ัง สง่ งานช้าเปน็ ประจา ก่อนเวลาท่กี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด หรือไมส่ ง่ งานเลย ทุกครั้ง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตงั้ ใจเรียน มคี วาม ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ต้ังใจเรยี น แต่ขาด ไมค่ ่อยตัง้ ใจเรียน พยายามในการ พยายามในการเรยี นรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม ค้นคว้าหาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซักถามคาตอบ ไม่มกี ารซักถามเพ่อื แหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ บอ่ ยครง้ั บางครง้ั หาคาตอบ ซักถามเพอ่ื คาตอบ ทกุ ครั้ง 3. มุง่ มน่ั ในการ มีความกระตือรือรน้ มีความกระตือรอื ร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเรจ็ ถูกตอ้ ง ทางานสาเรจ็ แต่ กระตือรือร้นตอ่ การ ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ เกินเวลาท่ี เนอื้ หาไมถ่ ูกต้อง ทางาน งานไม่เสรจ็ กาหนด บางสว่ น หรอื ไม่ ตามเวลาทกี่ าหนด ถูกต้อง และเน้อื หาไมถ่ กู ตอ้ ง เกณฑ์การประเมนิ ต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้นึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยใู่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดับดี 6-8 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อยู่ในระดับควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศิรวิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 – 3 กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปกี ารศกึ ษา 2564 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 2 ช่ัวโมง หนว่ ยที่ 2 เรื่อง ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ เร่ือง ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมูล ผู้สอน นางสาว ศิริวรรณ มุนินคา 1. ผลการเรียนรู้ 7. ทดลองเกย่ี วกับทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ด้านการอธิบายขอ้ มลู ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นกั เรยี นสามารถสบื ค้นขอ้ มลู และมีความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมูลได้ (K) 2. นกั เรยี นสามารถปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยใชท้ กั ษะการลงความเห็นจากข้อมูลได้ (P) 3. นกั เรียนเปน็ ผทู้ ีม่ ีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มั่นในการทางาน (A) 3. สาระการเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการลงความเห็นจากขอ้ มูล 4. ทักษะการเรยี นรู้ 1. ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ - การสงั เกต - การทดลอง - การอภิปรายและลงขอ้ สรุป 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - มวี นิ ัย - ใฝ่เรียนรู้ - มุง่ มนั่ ในการทางาน 6.สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น/สมรรถนะของศตวรรษที่ 21 - ความสามารถในการสื่อสาร - ความสามารถในการคดิ - ความสามารถในการแก้ปญั หา

7. สาระสาคญั ทักษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู (Inferring) หมายถงึ การเพมิ่ ความคิดเห็นของตนตอ่ ขอ้ มลู ที่ไดจ้ าก การสังเกตอย่างมีเหตุผลจากพน้ื ฐานความรหู้ รือประสบการณ์ที่มี 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ ท่ี 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) ครนู าเข้าสู่บทเรยี น โดยใชค้ าถามเพอ่ื ดงึ ดูดความสนใจของนักเรยี น ดังนี้ 1. นกั เรียนร้หู รอื ไมว่ ่าทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มลู คืออะไร (แนวการตอบ: การอธิบายผลท่ไี ดจ้ ากการสงั เกตอย่างมเี หตุผล โดยใช้ความร้หู รอื ประสบการณเ์ ดมิ ) 2. แลว้ ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมูลมปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร (แนวการตอบ: ช่วยทาให้ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตมีความหมายย่ิงข้ึน และช่วยให้การพิจารณา เหตุการณห์ รอื ขอ้ มลู ตา่ งๆ อยา่ งมเี หตุผล ทาให้มีความรอบคอบมากขน้ึ ) 3. ครูแจง้ ให้นักเรยี นฟังวา่ ในคาบนนี้ ักเรยี นจะได้เรยี น เรอ่ื ง ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมูล ขัน้ ท่ี 2 ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นและศึกษาเกี่ยวกับทักษะการลงความเห็นจากข้อมูลจาก ห้องสมุดโรงเรียนหรอื อินเทอร์เนต็ 2. หลงั จากที่นักเรยี นศึกษาทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมลู เสรจ็ ครอู ธิบายวิธกี ารปฏบิ ัติกจิ กรรมการลง ความเหน็ จากขอ้ มลู 3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการลงความเหน็ จากข้อมลู เม่ือปฏิบตั กิ ิจกรรมเสรจ็ ตวั แทน แตล่ ะกลุม่ ออกมานาเสนอผลการทดลองหนา้ ชั้นเรียน ขั้นท่ี 3 ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายและสร้างขอ้ สรุปร่วมกนั ดังนี้ 1. หลงั จากท่นี ักเรียนดภู าพที่ 1 นกั เรียนสงั เกตเห็นอะไรบ้าง (แนวการตอบ: ตก๊ั แตนคลา้ ยใบไม้ ลาตวั เป็นปลอ้ ง อยบู่ นใบไม้ เป็นต้น) 2. แล้วนักเรยี นมีการลงความเหน็ จากข้อมูลอย่างไร (แนวการตอบ: ตั๊กแตนกาลงั นอนหลบั ตัก๊ แตนมกี ารพรางตวั กนิ ใบไมเ้ ป็นอาหาร เป็นตน้ ) 3. หลังจากที่นกั เรียนดภู าพที่ 2 นกั เรยี นสังเกตเห็นอะไรบ้าง (แนวการตอบ: มีรอยเท้าของสัตว์หลายชนิดปะปนกนั ) 4. แลว้ นกั เรียนมีการลงความเหน็ จากข้อมลู อยา่ งไร (แนวการตอบ: สตั ว์เล็กกาลงั วง่ิ หนี มีการแยง่ อาหารกัน และกาลงั ต่อสู้กัน)

5. นกั เรียนสามารถสรุปผลการทากิจกรรมว่าอย่างไร (แนวการตอบ: การลงความเห็นข้อมลู เกิดจากการสงั เกตด้วยประสาทสมั ผสั ท้ัง 5 รวมกบั ความรู้ เดิม ประสบการณ์ความรทู้ ่ีมอี ยู่ ขอ้ มลู จากความรู้เดมิ ประสาทสัมผัสทัง้ 5 + ความรู้เดมิ = การลง ความเห็น) ข้นั ที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครใู หค้ วามรเู้ พ่มิ เตมิ เกยี่ วกบั ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมลู ดังนี้ การลงความคิดเห็นจากข้อมูล หมายถึง การอธิบายผลที่ได้จากการสังเกต โดยใช้ความรู้ เดมิ ประสบการณเ์ ดมิ และเหตุผลหรือเพม่ิ ความคดิ เหน็ ส่วนตวั ลงไปดว้ ย การลงความคิดเหน็ ของแต่ละคนอาจ แตกตา่ งกนั ฉะน้นั ในข้อมูลชดุ เดยี วกนั การลงความคดิ เหน็ ของคน 2 คน อาจแตกตา่ งกนั ข้อแตกตา่ งระหวา่ งการสงั เกตและการลงความคดิ เห็นจากขอ้ มูล การสงั เกต เป็นการบอกสมบัตหิ รือลักษณะของวตั ถุ ปรากฏการณ์ต่างๆ โดยการใช้ประสาท สัมผสั เชน่ หู ตา จมกู ลิ้น หรือกายสมั ผสั สว่ นการลงความคิดเห็น เป็นการบรรยายหรอื อธบิ ายผลของการ สงั เกต หรอื การใช้ประสาทสัมผสั เขา้ ไปสัมผสั สงิ่ ของ หรอื เหตกุ ารณใ์ หไ้ ด้ข้อมลู อย่างใดอย่างหน่ึง แล้วเพ่มิ ความคดิ เห็นสว่ นตัวลงไปกบั ขอ้ มลู ดงั กลา่ ว ตวั อยา่ ง เช่น ขอ้ มูลจากการสงั เกต การลงความคดิ เห็นจากข้อมลู 1. มีรถ 2 คนั 1. รถคนั สแี ดง ลากรถคันสเี ขยี ว 2. รถคนั สแี ดงลากรถคันสเี ขยี ว เพราะรถคนั สเี ขยี วเสยี 2. รถคันสแี ดงลากรถคนั สเี ขียว เพราะรถคนั สีเขยี วนา้ มนั หมด ขนั้ ที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 1. ครูให้นักเรียนสรปุ ความคดิ รวบยอด เรือ่ ง ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมูล 2. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายเก่ียวกบั “ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมลู ” 3. นักเรียนแต่ละคนพจิ ารณาวา่ มจี ุดใดบา้ งที่ยังไม่เขา้ ใจหรอื ยังมขี อ้ สงสยั ถา้ มคี รูช่วยอธบิ ายเพ่ิมเติมให้ นกั เรยี นเข้าใจ 9. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 9.1 ส่ือ - สื่อการสอน Power Point เร่ือง ทักษะการลงความเห็นจากขอ้ มูล - กจิ กรรมการลงความเห็นจากขอ้ มูล - การสรุปความคดิ รวบยอด เรอื่ ง ทักษะการลงความเห็นจากข้อมลู - แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

9.2 แหล่งการเรียนรู้ - ห้องเรยี นวิทยาศาสตร์ - ห้องสมุดโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 10. การวดั และการประเมนิ ผล 10.1 การวดั ผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธกี ารวดั เครือ่ งมือ 1. ดา้ นความรู้ (K) - นักเรียนสรุปความคิด - สรุปความคดิ รวบยอด - นักเรียนสามารถสบื คน้ ขอ้ มลู และมี รวบยอด เรื่อง ทักษะการ เรอ่ื ง ทกั ษะการลง ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ทักษะการลง ลงความเหน็ จากข้อมูล ความเหน็ จากข้อมลู ความเห็นจากข้อมลู ได้ 2. ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรยี นทากจิ กรรมการ - กิจกรรมการลง - นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้ ลงความเห็นจากข้อมูล ความเหน็ จากขอ้ มลู ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมูลได้ 3. ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมนิ - นักเรียนเป็นผู้ที่มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อนั พึงประสงค์ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ มงุ่ ม่ันในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ระดับคุณภาพ 10.2.1 ดา้ นความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ - นกั เรียนสามารถสบื คน้ ข้อมลู นักเรยี นได้ นักเรียนได้ นักเรียนได้ นกั เรียนได้ และมคี วามเขา้ ใจเก่ียวกบั ทกั ษะการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ ลงความเห็นจากขอ้ มูลได้ สรปุ ความคดิ สรปุ ความคดิ สรปุ ความคิด สรปุ ความคดิ รวบ รวบยอด 9-10 รวบยอด 7-8 รวบยอด 5-6 ยอดต่ากวา่ 5 คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน

10.2.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) (4) ระดบั คุณภาพ (1) ดมี าก (3) (2) ปรับปรงุ - นักเรียนสามารถปฏิบตั กิ ิจกรรม นักเรียนได้ ดี พอใช้ นักเรยี นได้ โดยใช้ทักษะการลงความเห็นจาก คะแนนจาก นักเรยี นได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ ขอ้ มูลได้ การทากจิ กรรม คะแนนจากการ คะแนนจากการ ทากจิ กรรมต่า 14-16 คะแนน ทากิจกรรม ทากิจกรรม กว่า 8 คะแนน 11-13 คะแนน 8-10 คะแนน 10.2.3 คณุ ลกั ษณะ (A) ระดบั คุณภาพ - นักเรียนเป็นผทู้ ่มี วี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมุ่งมัน่ ในการทางาน ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ นักเรยี นได้ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมนิ การประเมนิ การประเมนิ ประเมิน คณุ ลักษณะ คณุ ลักษณะ คณุ ลักษณะ คณุ ลักษณะอนั อนั พึงประสงค์ อนั พึงประสงค์ อันพึงประสงค์ พึงประสงค์ต่า 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กวา่ 6 คะแนน

กจิ กรรมการลงความเห็นจากขอ้ มลู สมาชกิ กลมุ่ 1. ชอื่ ................................................................................................................เลขที่........................... 2. ชื่อ................................................................................................................เลขที.่ .......................... 3. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท่ี........................... 4. ชอื่ ................................................................................................................เลขท่.ี .......................... 5. ชื่อ................................................................................................................เลขท.ี่ .......................... 6. ชื่อ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... คาช้ีแจง: ใหน้ ักเรียนสงั เกตและพิจารณาภาพท่ี 1 พร้อมทง้ั อธบิ ายส่ิงท่เี ห็นจากภาพลงในตาราง จากนั้น สังเกตและพิจารณาภาพท่ี 2 พร้อมท้ังอธบิ ายสิ่งที่เหน็ จากภาพลงในตาราง ภาพที่ 1 ภาพท่ี 2 ตารางบันทึกผลภาพที่ 1 การลงความเห็นจากขอ้ มลู การสังเกต ตารางบนั ทกึ ผลภาพที่ 2 การลงความเหน็ จากขอ้ มลู การสังเกต สรปุ ผลการทากจิ กรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ยั ส่งงานครบทกุ ช้ิน ส่งงานครบทกุ ชิ้น สง่ งานช้าเปน็ บางคร้ัง สง่ งานช้าเปน็ ประจา ก่อนเวลาท่กี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด หรือไมส่ ง่ งานเลย ทุกครั้ง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตงั้ ใจเรียน มคี วาม ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ต้ังใจเรยี น แต่ขาด ไมค่ ่อยตัง้ ใจเรียน พยายามในการ พยายามในการเรยี นรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม ค้นคว้าหาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซักถามคาตอบ ไม่มกี ารซักถามเพ่อื แหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ บอ่ ยครง้ั บางครง้ั หาคาตอบ ซักถามเพอ่ื คาตอบ ทกุ ครั้ง 3. มุง่ มน่ั ในการ มีความกระตือรือรน้ มีความกระตือรอื ร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเรจ็ ถูกตอ้ ง ทางานสาเรจ็ แต่ กระตือรือร้นตอ่ การ ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ เกินเวลาท่ี เนอื้ หาไมถ่ ูกต้อง ทางาน งานไม่เสรจ็ กาหนด บางสว่ น หรอื ไม่ ตามเวลาทกี่ าหนด ถูกต้อง และเน้อื หาไมถ่ กู ตอ้ ง เกณฑ์การประเมนิ ต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้นึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยใู่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดับดี 6-8 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อยู่ในระดับควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศิรวิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 17 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 - 3 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปีการศึกษา 2564 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 2 ชั่วโมง หนว่ ยที่ 2 เรื่อง ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรู้ เร่ือง ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล ผ้สู อน นางสาว ศริ ิวรรณ มุนินคา 1. ผลการเรียนรู้ 7. ทดลองเก่ียวกับทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรด์ ้านการอธิบายขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถอธิบายทักษะการลงความเห็นจากขอ้ มูลได้ (K) 2. นกั เรียนสามารถทาการทดลอง โดยใชท้ กั ษะการลงความเห็นจากข้อมูลได้ (P) 3. นักเรียนเป็นผทู้ ่ีมวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมั่นในการทางาน (A) 3. สาระการเรียนรู้ 1. ทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล 4. ทกั ษะการเรียนรู้ 1. ทักษะวทิ ยาศาสตร์ - การสังเกต - การทดลอง - การอภปิ รายและลงข้อสรปุ 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - มวี นิ ัย - ใฝ่เรยี นรู้ - มงุ่ มัน่ ในการทางาน 6.สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน/สมรรถนะของศตวรรษท่ี 21 - ความสามารถในการสอ่ื สาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแกป้ ญั หา

7. สาระสาคัญ ทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล (Inferring) หมายถึง การเพ่มิ ความคิดเหน็ ของตนตอ่ ขอ้ มูลทไ่ี ด้จาก การสงั เกตอยา่ งมเี หตผุ ลจากพนื้ ฐานความรหู้ รอื ประสบการณท์ ี่มี 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ที่ 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) ครนู าเขา้ สูบ่ ทเรียน โดยใชค้ าถามทบทวนสิ่งทน่ี ักเรียนได้เรียนในคาบทีผ่ ่านมา ดังนี้ 1. ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมลู คืออะไร (แนวการตอบ: การอธบิ ายผลทไ่ี ดจ้ ากการสงั เกตอยา่ งมีเหตุผล โดยใช้ความรหู้ รือประสบการณ์เดมิ ) 2. การลงความเหน็ จากข้อมูลและการสังเกตแตกตา่ งกนั อย่างไร (แนวการตอบ: การสังเกต เป็นการบอกสมบตั ิหรือลกั ษณะของวัตถุ ปรากฏการณ์ต่างๆ โดยการใช้ ประสาทสัมผัส เช่น หู ตา จมูก ลิ้น หรือกายสัมผัส ส่วนการลงความคิดเห็นจากข้อมูล เป็นการ บรรยายหรอื อธบิ ายผลของการสังเกต แล้วเพิ่มความคิดเหน็ สว่ นตัวลงไปกับข้อมูลดังกล่าว) ขน้ั ที่ 2 ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูใช้คาถามทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นเกี่ยวกับทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล จากน้ันครูแจง้ ให้นักเรียนฟังวา่ ในคาบน้ีนักเรยี นจะได้ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการทดลอง เรอื่ ง การลงความเหน็ จากขอ้ มลู 2. ครูอธิบายวิธีการปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง เร่ือง การลงความเหน็ จากข้อมลู และให้นักเรยี นแต่ละ กลมุ่ รว่ มกันปฏบิ ตั ิกิจกรรมการทดลอง 3. เมอื่ ปฏิบตั ิกจิ กรรมเสรจ็ ตัวแทนแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอผลการทดลองหน้าชนั้ เรยี น ข้ันท่ี 3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายและสร้างข้อสรุปร่วมกัน ดังนี้ 1. เมือ่ เพ่งมองดินสอสีแดงแล้วหลับตา นักเรียนเหน็ อะไร (แนวการตอบ: เหน็ ดินสอเป็นสีนา้ เงินเขียว) 2. แลว้ เม่อื เพ่งมองดนิ สอสีน้าเงินเขียว นักเรยี นเหน็ อะไร (แนวการตอบ: เห็นดินสอเป็นสีแดง) 3. จากผลการทดลองนกั เรียนสามารถลงความเหน็ ได้วา่ อยา่ งไร (แนวการตอบ: นักเรียนท่ีไม่เคยมีความรู้เรื่องสีเติมเต็มอาจตอบว่า เมื่อเพ่งมองวัตถุสีหน่ึงได้ภาพ ตดิ ตามเปน็ สีหนึ่ง แล้วเพง่ ดสู ีของวัตถอุ กี อนั หนึง่ ทม่ี ีสเี หมอื นสีของภาพตดิ ตามของวตั ถุอนั แรก จะได้ ภาพติดตามที่มีสีเหมือนสีของวัตถุอันแรก และนักเรียนที่มีความรู้เร่ืองสีเติมเต็มอาจตอบว่า เมื่อ เพง่ มองสหี น่งึ แล้วปิดตาจะเห็นภาพตดิ ตามเป็นสีเตมิ เต็มของสนี ้ัน (สแี ดงและสนี ้าเงนิ เขยี วเปน็ สเี ติม เต็มซงึ่ กันและกัน))

4. การลงความเหน็ ขน้ึ อยู่กับอะไรบา้ ง (แนวการตอบ: ประสบการณแ์ ละความรู้เดมิ ของผ้สู ังเกต) 5. นักเรยี นสามารถสรปุ ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมูลว่าอยา่ งไร (แนวการตอบ: การอธิบายผลทไ่ี ดจ้ ากการสงั เกตอย่างมเี หตุผล โดยใช้ความรหู้ รือประสบการณ์เดิม) ขนั้ ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครใู ห้ความรเู้ พิ่มเตมิ เกี่ยวกบั พฤติกรรมท่ีแสดงถึงการมที กั ษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู ดงั น้ี ผู้ท่ีมีทักษะการลงความเห็นจากข้อมูลจะต้องมีความสามารถ คือ อธิบายหรือสรุปโดยเพิ่มความ คิดเห็นให้กับข้อมูลที่ได้จากการสังเกต โดยใช้ความรู้หรือประสบการณ์เดิมมาช่วย การลงความคิดเห็นจาก ขอ้ มลู ในเร่อื งเดียวกนั อาจลงความคิดเหน็ ได้หลายอยา่ ง ซึง่ อาจจะถกู หรือผดิ กไ็ ด้ ทงั้ นีข้ ึน้ อยู่กบั ปัจจยั หลกั ดงั นี้ 1. ความถกู ต้องของข้อมลู ถา้ ข้อมลู ทเ่ี ราสงั เกตไดม้ ีความคลาดเคลอ่ื น การลงความเหน็ กจ็ ะไมถ่ กู ต้อง 2. จานวนขอ้ มูล ถา้ เรามขี ้อมลู มากเพียงพอ การลงความเห็นจะต้องถกู มากยงิ่ ขึน้ 3. ประสบการณเ์ ดิม การลงความเห็นสว่ นหนึ่งจะเกยี่ วข้องกับประสบการณ์เดมิ ที่เราเคยพบเหตกุ ารณ์ นั้นๆ มาแล้ว ถา้ เรามีประสบการณ์เกย่ี วกบั เรือ่ งนนั้ ดี จะทาใหก้ ารลงความเหน็ ถูกตอ้ งมากขน้ึ ขนั้ ท่ี 5 ข้นั ประเมินผล (Evaluation) 1. ครูใหน้ ักเรยี นทาใบงาน เรื่อง ทกั ษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู 2. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปรายเกีย่ วกับ “ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมูล” 3. นกั เรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาว่า มีจดุ ใดบา้ งทย่ี งั ไม่เขา้ ใจหรือยังมขี อ้ สงสัย ถา้ มคี รูชว่ ยอธิบายเพิ่มเติมให้ นักเรยี นเขา้ ใจ 9. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 9.1 สื่อ - ส่ือการสอน Power Point เร่อื ง ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมลู - รายงานผลการทดลอง เรือ่ ง การลงความเหน็ จากข้อมูล - ใบงาน เร่อื ง ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมูล - แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 9.2 แหลง่ การเรยี นรู้ - หอ้ งเรยี นวทิ ยาศาสตร์ - หอ้ งสมุดโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31

10. การวัดและการประเมนิ ผล วิธกี ารวดั เครอื่ งมอื 10.1 การวดั ผล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - นักเรียนทาใบงาน เร่อื ง - ใบงาน เร่ือง ทกั ษะการ 1. ด้านความรู้ (K) - นกั เรียนสามารถอธิบายทกั ษะการลง ทักษะการลงความเห็น ลงความเหน็ จากขอ้ มูล ความเห็นจากขอ้ มูลได้ จากขอ้ มลู 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นทารายงานผล - รายงานผลการทดลอง - นักเรียนสามารถทาการทดลอง โดยใช้ การทดลอง เรื่อง การลง เร่อื ง การลงความเหน็ ทกั ษะการลงความเห็นจากขอ้ มูลได้ ความเหน็ จากข้อมูล จากข้อมลู 3. ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมิน - นักเรียนเป็นผู้ที่มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อนั พงึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ม่งุ ม่นั ในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑ์การประเมนิ ผล ระดับคุณภาพ 10.2.1 ดา้ นความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) ปรบั ปรุง - นกั เรียนสามารถอธบิ ายทกั ษะ ดมี าก ดี พอใช้ นักเรียนได้ การลงความเห็นจากข้อมูลได้ คะแนนจากการ นักเรยี นได้ นกั เรยี นได้ นักเรียนได้ ทาใบงานต่ากวา่ 5 คะแนน คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ ทาใบงาน 9-10 ทาใบงาน 7-8 ทาใบงาน 5-6 คะแนน คะแนน คะแนน 10.2.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) (4) ระดับคุณภาพ (1) ดมี าก (3) (2) ปรบั ปรงุ - นักเรยี นสามารถทาการทดลอง นักเรยี นได้ ดี พอใช้ นกั เรียนได้ โดยใชท้ กั ษะการลงความเหน็ จาก คะแนนจาก นกั เรียนได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ ขอ้ มูลได้ การทารายงาน คะแนนจากการ คะแนนจากการ รายงานผลการ ผลการทดลอง ทารายงานผล ทารายงานผล ทดลองต่ากวา่ 8 14-16 คะแนน การทดลอง การทดลอง คะแนน 11-13 คะแนน 8-10 คะแนน

10.2.3 คุณลกั ษณะ (A) ระดบั คุณภาพ - นักเรยี นเป็นผทู้ ่มี วี ินยั ใฝ่เรียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมงุ่ มัน่ ในการทางาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมนิ การประเมนิ การประเมนิ ประเมนิ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คณุ ลักษณะอัน อนั พงึ ประสงค์ อันพึงประสงค์ อนั พึงประสงค์ พึงประสงค์ต่า 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน

ใบงาน เร่อื ง ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมูล คาช้แี จง: นกั เรยี นอ่านขอ้ ความตอ่ ไปนี้ แลว้ ตอบคาถาม การขับถ่ายเป็นระบบกาจัดของเสียออกจากร่างกายและช่วยควบคุมปริมาณของน้าในร่างกายให้ สมบรู ณ์ ประกอบดว้ ย ไต ตับ และลาไส้ เป็นตน้ การปฏิบัติตนในการขับถ่ายของเสยี ให้เป็นปกติหรือเป็นกิจวัตรประจาวัน เป็นส่ิงจาเปน็ อย่างยิ่งตอ่ สุขภาพอนามัยของมนุษย์ เราไม่ควรให้ร่างกายเกิดอาการท้องผูกเป็นเวลานาน เพราะจะทาให้เกิดเป็นโรค รดิ สดี วงทวารหนกั ได้ การปัสสาวะถือเป็นการขับถ่ายของเสียประการหนึ่งท่ีร่างกายเอาของเสียออกมา หากไม่ขับถ่าย ออกมาหรือกล้ันปัสสาวะไว้นานๆ จะทาให้เกิดเป็นโรคนิ่วในไตหรือทาให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ และไต อกั เสบได้ การด่ืมน้า การรับประทานผักผลไม้ทุกวัน จะช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้สะดวกขึ้น การรับประทาน อาหารที่ถูกสุขลกั ษณะ ตลอดจนการรบั ประทานอาหารท่ีมีเสน้ ใยอาหารเป็นประจาจะทาให้ร่างกายขับถา่ ย ของเสยี ไดอ้ ย่างปกติ คาถาม 1. ทาอยา่ งไรร่างกายเราจงึ จะขบั ถ่ายของเสียไดด้ ี .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ 2. การรบั ประทานผกั ผลไมม้ ากๆ มผี ลดีต่อการขบั ถ่ายอย่างไร .............................................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................................. 3. หากเราไม่ดมื่ น้า จะสง่ ผลเสยี ตอ่ ระบบขับถา่ ยอยา่ งไร .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................ ............................. ............................................................................................................................................................................

บทปฏิบตั ิการ เรื่อง การลงความเหน็ จากขอ้ มลู จดุ ประสงค์ของการทดลอง 1. นกั เรียนสามารถทาการทดลอง โดยใชท้ กั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มลู ได้ วัสดอุ ุปกรณ์ 1. ดินสอสีแดง 2. ดนิ สอสเี ขียว วธิ กี ารทดลอง 1. ใหน้ กั เรยี นถอื ดนิ สอสีแดง โดยใหห้ ่างจากหน้าของนักเรียนประมาณ 20 เซนตเิ มตร จากน้นั ให้เพง่ ดู ดนิ สอสีแดงประมาณ 30 วินาที แล้วหลบั ตา โดยใชม้ ือปดิ ตาดว้ ย เพื่อไมใ่ หแ้ สงเข้า นักเรยี นสงั เกตพบ อะไรบา้ งในขณะปิดตา พร้อมทั้งบันทกึ ผลการสังเกต 2. ทาการทดลองซ้าโดยใช้ดินสอสนี า้ เงนิ เขียว และบนั ทกึ ผลการสงั เกต 1. 20 ซม. บนั ทกึ ผลการสงั เกต เพ่งดูดินสอ 30 วนิ าที แลว้ หลับตา 2. 20 ซม. บนั ทึกผลการสงั เกต เพง่ ดดู ินสอ 30 วินาที แลว้ หลบั ตา

รายงานผลการทดลอง เร่อื ง การลงความเหน็ จากข้อมลู วนั ที่ทาการทดลอง.....................................................................................................เวลา................................. สมาชกิ กลมุ่ 1. ชื่อ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 2. ช่อื ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 3. ช่อื ................................................................................................................เลขที่........................... 4. ชอื่ ................................................................................................................เลขที่........................... 5. ชอื่ ................................................................................................................เลขท่.ี .......................... 6. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท.ี่ .......................... จุดประสงค์ ............................................................................................................................. ............................................. สมมตฐิ าน ............................................................................................................................. ............................................. ตัวแปรตน้ .......................................................................................................................................................................... ตวั แปรตาม ............................................................................................................................. ............................................. ตัวแปรควบคมุ ............................................................................................................................. ............................................. ตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง ส่งิ ท่ีสงั เกต ผลการทดลอง ดินสอสแี ดง ดินสอสีเขยี ว

สรุปผลการทดลอง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. อภปิ รายผลการทดลอง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ..............................................................................................................................................................................

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ยั ส่งงานครบทกุ ช้ิน ส่งงานครบทกุ ชิ้น สง่ งานช้าเปน็ บางคร้ัง สง่ งานช้าเปน็ ประจา ก่อนเวลาท่กี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด หรือไมส่ ง่ งานเลย ทุกครั้ง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตงั้ ใจเรียน มคี วาม ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ต้ังใจเรยี น แต่ขาด ไมค่ ่อยตัง้ ใจเรียน พยายามในการ พยายามในการเรยี นรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม ค้นคว้าหาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซักถามคาตอบ ไม่มกี ารซักถามเพ่อื แหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ บอ่ ยครง้ั บางครง้ั หาคาตอบ ซักถามเพอ่ื คาตอบ ทกุ ครั้ง 3. มุง่ มน่ั ในการ มีความกระตือรือรน้ มีความกระตือรอื ร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเรจ็ ถูกตอ้ ง ทางานสาเรจ็ แต่ กระตือรือร้นตอ่ การ ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ เกินเวลาท่ี เนอื้ หาไมถ่ ูกต้อง ทางาน งานไม่เสรจ็ กาหนด บางสว่ น หรอื ไม่ ตามเวลาทกี่ าหนด ถูกต้อง และเน้อื หาไมถ่ กู ตอ้ ง เกณฑ์การประเมนิ ต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้นึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยใู่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดับดี 6-8 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อยู่ในระดับควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศิรวิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 18 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 - 3 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปีการศึกษา 2564 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 2 ชว่ั โมง หนว่ ยที่ 2 เรือ่ ง ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ เร่อื ง ทกั ษะการพยากรณ์ ผ้สู อน นางสาว ศริ วิ รรณ มุนินคา 1. ผลการเรียนรู้ 8. ทดลองเกยี่ วกับทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรด์ า้ นการทานายหรือคาดคะเนสงิ่ ท่จี ะเกดิ ขนึ้ ลว่ งหนา้ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นมีความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ทกั ษะการพยากรณ์ (K) 2. นักเรียนสามารถปฏบิ ัตกิ จิ กรรม โดยใช้ทกั ษะการพยากรณ์ (P) 3. นักเรยี นเป็นผูท้ มี่ วี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ มนั่ ในการทางาน (A) 3. สาระการเรยี นรู้ 1. ทักษะการพยากรณ์ 4. ทักษะการเรียนรู้ 1. ทกั ษะวิทยาศาสตร์ - การสังเกต - การอภิปรายและลงขอ้ สรปุ 5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - มวี ินัย - ใฝเ่ รยี นรู้ - มงุ่ ม่ันในการทางาน 6.สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น/สมรรถนะของศตวรรษท่ี 21 - ความสามารถในการสอื่ สาร - ความสามารถในการคดิ - ความสามารถในการแกป้ ญั หา

7. สาระสาคญั ทักษะการพยากรณ์ (Predicting) หมายถงึ การทานายหรอื การคาดคะเนคาตอบ โดยอาศัยข้อมูลทีไ่ ด้ จากการสังเกตหรือการทาซ้า ผ่านกระบวนการแปรความหมายของข้อมูลจากสัมพันธ์ภายใต้ความรู้ทาง วทิ ยาศาสตร์ 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั ที่ 1 ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement) ครูนาเขา้ สบู่ ทเรยี น โดยใช้คาถามถามนกั เรยี น ดังน้ี 1. นักเรยี นรู้หรือไม่ว่าทักษะการพยากรณ์ หมายถึงอะไร (แนวการตอบ: การทานาย หรอื การคาดคะเนสงิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ล่วงหนา้ โดยอาศัยขอ้ มลู ทไี่ ด้จากการสังเกต หรอื ปรากฏการณ์ทเ่ี กดิ ขนึ้ ซ้าๆ) 2. ครแู จ้งให้นกั เรยี นฟงั วา่ ในคาบน้จี ะเรยี นเร่อื ง ทักษะการพยากรณ์ ขั้นท่ี 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสบื ค้นและศึกษาเกี่ยวกับทักษะการพยากรณ์จากหอ้ งสมุดโรงเรียน หรอื อินเทอร์เนต็ 2. หลังจากท่ีนกั เรียนศึกษาทักษะการพยากรณ์เสรจ็ ครูอธิบายวิธีการปฏิบตั ิกจิ กรรมนักพยากรณ์…คน เกง่ 3. นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันปฏิบัติกิจกรรม เมื่อปฏิบัติกิจกรรมเสร็จตัวแทนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอ หนา้ ชั้นเรียน ขั้นที่ 3 ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) ครูและนักเรยี นอภิปรายและสร้างข้อสรุปเกีย่ วกับกิจกรรมนักพยากรณ์…คนเก่งร่วมกัน จากน้ันครูใช้คาถาม เพ่ือลงขอ้ สรปุ เก่ยี วกบั ทกั ษะการพยากรณ์โดยใช้คาถาม ดงั น้ี 1. การพยากรณม์ กี ี่ประเภท อะไรบา้ ง (แนวการตอบ: 2 ประเภท ได้แก่ การพยากรณ์ภายในขอบเขตของข้อมูลที่มีอยู่ และการพยากรณ์ ภายนอกขอบเขตของขอ้ มลู ทมี่ อี ย)ู่ 2. พฤตกิ รรมที่แสดงวา่ เกิดทกั ษะการพยากรณ์มอี ะไรบ้าง (แนวการตอบ: ทานายผลท่จี ะเกดิ ข้ึนจากข้อมูลท่ีเปน็ หลักการ กฎ หรือทฤษฎีทีม่ ีอยู่ได้ ทานายผลท่ี จะเกดิ ข้ึนภายในขอบเขตของข้อมูลเชิงปรมิ าณทีม่ ีอยไู่ ด้ และทานายผลทีจ่ ะเกดิ ข้ึนภายนอกขอบเขต ของข้อมูลเชิงปริมาณทม่ี อี ย่ไู ด้)