Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

Published by ศิริวรรณ มุนินคํา, 2021-09-21 11:17:49

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

Keywords: https://drive.google.com/file/d/12-DMDxzIwmMz-j9x66aGvvcaeOxKedFT/view?usp=sharing

Search

Read the Text Version

ใบงาน เรอ่ื ง เทคนิคพ้ืนฐานทางวทิ ยาศาสตร์ สมาชิก 1……………………………………………………………………………………….เลขท…ี่ ……...ชน้ั ………... 2……………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……...ชั้น………... 3……………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……...ช้ัน………... 4……………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……...ชั้น………... 5……………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……...ช้นั ………... เกมหยดอยา่ งไร คาชี้แจง: 1. ตัวแทนกลุ่มรับอุปกรณท์ ี่ครเู ตรียมไวใ้ ห้และฟงั ครูอธบิ ายวิธีการเลน่ เกม 2. นักเรียนแตล่ ะคนถือหลอดทดลองขนาดกลางคนละ 1 หลอด 3. นกั เรยี นเขา้ แถวเพอ่ื ทาการทดลองตามจุด ดังภาพ 4. จดุ ที่ 2 นักเรยี นตวงน้าแปง้ สกุ ทผี่ สมสารละลายไอโอดนี แลว้ 3 cm3 ใสใ่ นหลอดทดลองขนาด กลาง หยดสารละลายวิตามินซีทลี ะหยด เขยา่ จนสารละลายน้าแป้งสกุ ผสมสารละลายไอโอดนี ไม่มสี ีและนับ จานวนหยด 5. เม่ือนกั เรียนคนแรกทดลองเสร็จ ใสห่ ลอดทดลองไว้ในทตี่ ง้ั หลอดทดลอง แล้ววงิ่ ไปจดุ ที่ 3 คน ตอ่ ไปจงึ ว่งิ มาจุดท่ี 2 ทาเช่นนไ้ี ปเรือ่ ยๆ จนครบทง้ั 5 คน 6. ท่ีจดุ ท่ี 3 แต่ละกลมุ่ รบั แบบบนั ทกึ และบนั ทกึ ผลการทดลอง แลว้ ช่วยกันหาค่าเฉล่ยี จานวนหยด ของเหลวในหลอดทดลองแตล่ ะหลอดและบันทกึ ลงในแบบบนั ทึกที่ครูแจกให้ หมายเหต:ุ โปรดระมดั ระวังในการใช้วสั ดุอปุ กรณเ์ พอ่ื ไม่ใหเ้ กิดอุบัติเหตุขณะปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ************************

แบบบันทกึ : เกมหยดอยา่ งไร 1. อุปกรณ์วทิ ยาศาสตรท์ ใี่ ช้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จานวนหยดของสารละลายวติ ามินซี สมาชิกคนท่ี จานวนหยด วธิ ีการหาค่าเฉล่ีย 1 2 3 4 5 เฉล่ีย

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ คาชี้แจง: ให้ครูผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียนแล้วขีด ลงในชอ่ ง ท่ตี รงกับระดับคะแนน พฤตกิ รรม/ระดบั คะแนน ชื่อ - สกลุ ความสนใจในการทา รวม ที่ ิกจกรรม คะ แนน การมีส่วน ่รวมในการ แสดงความ ิคดเ ็หน การตอบคาถาม การยอม ัรบ ัฟงความ ิคดเ ็หนผู้ ื่อน การทางานตาม ่ีทไ ้ด ัรบ มอบหมาย 43214321432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเด็นการ (4) ระดบั การปฏิบัติ (1) ประเมิน ดมี าก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. ความสนใจ มีความสนใจดีมาก มคี วามสนใจดี และให้ มีความสนใจพอใช้ ไม่ใหค้ วามสนใจ ในการทา และใหค้ วามรว่ มมือใน ความร่วมมือในการ และให้ความรว่ มมอื และความรว่ มมอื ใน กจิ กรรม การทากจิ กรรม ทากิจกรรมบอ่ ยครง้ั ในการทากจิ กรรม การทากจิ กรรม บางครง้ั หรอื ให้แตเ่ ลก็ น้อย 2. การมสี ่วน มีการแสดงความ มกี ารแสดงความ มกี ารแสดงความ ไม่แสดงความ รว่ มในการ คิดเหน็ ทุกครั้ง คดิ เหน็ บอ่ ยครง้ั คิดเห็นบางครัง้ คิดเหน็ เลย แสดงความ คิดเห็น 3. การตอบ มีการตอบคาถาม และ มกี ารตอบคาถาม มกี ารตอบคาถาม ไมม่ ีการตอบคาถาม คาถาม ถามในสิ่งทส่ี งสัยทกุ และถามในสง่ิ ทส่ี งสัย และถามในสงิ่ ที่ และถามในสง่ิ ท่ี คร้ัง บ่อยคร้งั สงสัยบางครงั้ สงสยั เลย 4. การยอมรบั มกี ารยอมรบั ฟงั ความ มกี ารยอมรบั ฟังความ มีการยอมรบั ฟงั ไม่ยอมรบั ฟังความ ฟงั ความ คิดเห็นผอู้ ่นื ทุกคร้งั คิดเห็นผอู้ ื่นบ่อยครัง้ ความคิดเหน็ ผอู้ น่ื คิดเหน็ ผอู้ น่ื เลย คิดเห็นผอู้ ่นื บางครงั้ 5. การทางาน ทางานตามทไี่ ด้รบั ทางานตามทไี่ ด้รบั ทางานตามท่ีได้รบั ไม่ทางานตามที่ ตามทไ่ี ดร้ ับ มอบหมาย และสง่ งาน มอบหมาย และส่ง มอบหมาย และส่ง ได้รบั มอบหมาย มอบหมาย กอ่ นเวลาท่กี าหนดทุก งานตามเวลาท่ี งานเลยเวลาท่ี และไมส่ ง่ งานเลย ครง้ั กาหนด กาหนดบางครงั้ เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพต้องได้ระดบั คะแนน 2 ขึน้ ไป จงึ จะผ่านเกณฑ์ (10 คะแนน) 18-20 คะแนน อยู่ในระดับดีมาก 14-17 คะแนน อย่ใู นระดบั ดี 10-13 คะแนน อยใู่ นระดับพอใช้ ต่ากว่า 10 คะแนน อย่ใู นระดับควรปรบั ปรงุ สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผ้ปู ระเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศริ ิวรรณ มุนินคา) ไม่ผา่ น……………….. ………./………./……….

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ยั ส่งงานครบทกุ ช้ิน ส่งงานครบทกุ ชิ้น สง่ งานช้าเปน็ บางคร้ัง สง่ งานช้าเปน็ ประจา ก่อนเวลาท่กี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด หรือไมส่ ง่ งานเลย ทุกครั้ง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตงั้ ใจเรียน มคี วาม ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ต้ังใจเรยี น แต่ขาด ไมค่ ่อยตัง้ ใจเรียน พยายามในการ พยายามในการเรยี นรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม ค้นคว้าหาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซักถามคาตอบ ไม่มกี ารซักถามเพ่อื แหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ บอ่ ยครง้ั บางครง้ั หาคาตอบ ซักถามเพอ่ื คาตอบ ทกุ ครั้ง 3. มุง่ มน่ั ในการ มีความกระตือรือรน้ มีความกระตือรอื ร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเรจ็ ถูกตอ้ ง ทางานสาเรจ็ แต่ กระตือรือร้นตอ่ การ ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ เกินเวลาท่ี เนอื้ หาไมถ่ ูกต้อง ทางาน งานไม่เสรจ็ กาหนด บางสว่ น หรอื ไม่ ตามเวลาทกี่ าหนด ถูกต้อง และเน้อื หาไมถ่ กู ตอ้ ง เกณฑ์การประเมนิ ต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้นึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยใู่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดับดี 6-8 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อยู่ในระดับควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศิรวิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 4 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 - 3 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 หน่วยท่ี 1 เรอ่ื ง การใชว้ ัสดุอปุ กรณแ์ ละเทคนิคพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ช่วั โมง แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง การใช้วัสดุอุปกรณแ์ ละเทคนิคพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์ ผ้สู อน นางสาว ศิริวรรณ มุนินคา 1. ผลการเรียนรู้ 1. ระบุช่อื อปุ กรณว์ ทิ ยาศาสตร์และสามารถใชไ้ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนมคี วามร้คู วามเข้าใจเก่ียวกบั การใช้วัสดอุ ปุ กรณ์และเทคนิคพืน้ ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ (K) 2. นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิกิจกรรมการหาความหนาแน่นไดอ้ ยา่ งถูกต้อง (P) 3. นักเรยี นเป็นผู้ทมี่ ีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มนั่ ในการทางาน (A) 3. สาระการเรียนรู้ 1. การใช้วสั ดุอปุ กรณ์และเทคนคิ พ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์ 4. ทกั ษะการเรียนรู้ 1. ทักษะวทิ ยาศาสตร์ - การสังเกต - การทดลอง - การอภิปรายและลงขอ้ สรุป 5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ - มีวนิ ยั - ใฝ่เรยี นรู้ - ม่งุ ม่ันในการทางาน 6. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น/สมรรถนะของศตวรรษที่ 21 - ความสามารถในการสื่อสาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแกป้ ัญหา

7. สาระสาคัญ วสั ดุอปุ กรณ์ทางวิทยาศาสตร์ หมายถึง วัตถุเครื่องมอื เครือ่ งใช้ที่นามาใชใ้ นการศึกษาค้นคว้า มีอยใู่ น ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และเทคนิคพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์เปน็ ข้อควรปฏิบัติท่ัวๆ ไปในการเรียน ภาคปฏิบัติในห้องปฏิบัติการทดลอง เพื่อให้การทดลองได้ผลดีหรือมีความผิดพลาดน้อยท่ีสุดและเกิดความ ปลอดภยั ตอ่ ผ้ทู ดลองเอง 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ ที่ 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) ครูนาเขา้ สบู่ ทเรยี น โดยการทบทวนความร้เู ก่ยี วกับวสั ดุอุปกรณแ์ ละเทคนคิ พืน้ ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ ดังนี้ 1. วัสดอุ ปุ กรณ์วิทยาศาสตรส์ ามารถแบง่ ออกเปน็ กป่ี ระเภท อะไรบา้ ง (แนวการตอบ: 3 ประเภท ได้แก่ วัสดุทางวิทยาศาสตร์ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์พื้นฐาน และอุปกรณ์ วทิ ยาศาสตร์อน่ื ๆ) 2. ใหน้ กั เรยี นยกตวั อย่างวัสดุอปุ กรณแ์ ต่ละประเภท อยา่ งน้อยประเภทละ 3 ชนดิ (แนวการตอบ: - วสั ดทุ างวิทยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ กระดาษลติ มสั กระดาษกรอง กระดาษเซลโลเฟน - อุปกรณ์วิทยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน ได้แก่ บกี เกอร์ ขวดรปู ชมพู่ หลอดทดลอง - อุปกรณว์ ิทยาศาสตร์อ่ืนๆ ได้แก่ หลอดฉีดยา กรวยกรอง กระจกนาฬิกา) 3. นักเรียนสามารถยกตวั อย่างเทคนคิ พ้นื ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ไดห้ รือไม่ อะไรบ้าง (แนวการตอบ: การดมสารการเขย่าสาร การเตรยี มสไลด์สด การใชแ้ ว่นขยาย การใหค้ วามร้อนแกส่ าร การล้างเคร่ืองแก้ว และข้อปฏบิ ัตกิ ารใช้ห้องปฏบิ ัตกิ าร) ขัน้ ท่ี 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูแจ้งให้นักเรียนฟงั ว่า ในคาบน้ีนักเรียนจะได้ทากจิ กรรมการหาความหนาแน่น จากนั้นครูอธิบาย วธิ ีการปฏิบัติกจิ กรรมและวธิ กี ารคานวณความหนาแนน่ ของวัตถใุ หน้ กั เรยี นฟงั 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันปฏิบัติกจิ กรรมการหาความหนาแน่น เมื่อทากิจกรรมเสร็จตัวแทนแตล่ ะ กลุม่ ออกมานาเสนอผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมหนา้ ชั้นเรยี น ขัน้ ที่ 3 ขัน้ อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) 1. หลังจากทตี่ วั แทนกลมุ่ ออกมานาเสนอผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมเสรจ็ ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายผล การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการหาความหนาแนน่ เพื่อสรา้ งข้อสรุปรว่ มกัน

ขั้นท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูใหค้ วามรู้เพิ่มเตมิ เกี่ยวกบั ความหนาแน่น ดงั นี้ ความหนาแน่นของสารเป็นสมบัติเฉพาะของสารแต่ละชนิด และเป็นปรมิ าณทบ่ี อกค่ามวลของสารใน หนึง่ หนว่ ยปรมิ าตร ถา้ ให้ m เปน็ มวลของสารทม่ี ปี ริมาตร V และ D เป็นความหนาแน่นของสารแล้วสามารถ เขียนเป็นความสมั พันธ์ ไดว้ า่ D=m/V ความหนาแนน่ (density, สัญลักษณ์: ρ อักษรกรีก อ่านวา่ โร ) เปน็ อัตราสว่ นของมวลตอ่ ปรมิ าตร ของสารในระบบ S.I. มหี น่วยเปน็ กโิ ลกรัมตอ่ ลูกบาศกเ์ มตร ความหนาแน่นเฉลย่ี (average density) หาได้จากผลหารระหว่างมวลรวมกบั ปริมาตรรวม ดงั สมการ โดยท่ี คอื ความหนาแน่นของวตั ถุ (หน่วยกโิ ลกรมั ตอ่ ลกู บาศกเ์ มตร) คอื มวลรวมของวัตถุ (หน่วยกโิ ลกรัม) ρ คือ ปรมิ าตรรวมของวตั ถุ (หน่วยลกู บาศกเ์ มตร) m V ขนั้ ท่ี 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 4. ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละคนทาใบงาน เรอ่ื ง การใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์และเทคนิคพนื้ ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ 5. นกั เรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ มีจดุ ใดบ้างท่ียงั ไมเ่ ข้าใจหรือยังมขี ้อสงสยั ถา้ มีครูชว่ ยอธบิ ายเพม่ิ เติมให้ นักเรยี นเข้าใจ 9. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 9.1 สื่อ - ส่ือการสอน Power Point เรอ่ื ง การใช้วสั ดอุ ุปกรณ์และเทคนคิ พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ - กจิ กรรมการหาความหนาแน่น - ใบงาน เรอื่ ง การใชว้ สั ดุอุปกรณแ์ ละเทคนคิ พนื้ ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ - แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ - ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ - ห้องสมุดโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31

10. การวดั และการประเมนิ ผล 10.1 การวดั ผล จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมอื 1. ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรยี นทาใบงาน เรอ่ื ง - ใบงาน เร่ืองการใช้วัสดุ - นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การใช้วสั ดอุ ุปกรณแ์ ละ อุปกรณแ์ ละเทคนคิ การใช้วสั ดุอุปกรณแ์ ละเทคนคิ พื้นฐานทาง เทคนคิ พืน้ ฐานทาง พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนปฏิบัติกจิ กรรม - กิจกรรมการหาความ - นักเรยี นสามารถปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการหา การหาความหนาแน่น หนาแนน่ ความหนาแนน่ ได้อย่างถูกต้อง 3. ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมิน - นักเรียนเป็นผู้ท่ีมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อันพงึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะอันพึง มงุ่ มนั่ ในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑ์การประเมินผล ระดบั คุณภาพ 10.2.1 ดา้ นความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง - นกั เรยี นมีความร้คู วาม นกั เรียนได้ นกั เรยี นได้ นกั เรียนได้ นักเรยี นได้ เข้าใจเก่ียวกบั การใช้วสั ดุอุปกรณ์ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ และเทคนิคพ้นื ฐานทาง ทาใบงาน 9-10 ทาใบงาน 7-8 ทาใบงาน 5-6 ทาใบงานต่า วิทยาศาสตร์ คะแนน คะแนน คะแนน กวา่ 5 คะแนน 10.2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) (4) ระดบั คุณภาพ (1) ดมี าก (3) (2) ปรบั ปรุง - นกั เรียนสามารถปฏิบตั กิ ิจกรรม นักเรยี นได้ ดี พอใช้ นักเรยี นได้ การหาความหนาแน่นได้อย่างถกู ตอ้ ง คะแนนจาก นักเรยี นได้ นักเรียนได้ คะแนนจาก การทา คะแนนจาก คะแนนจาก การการทา กิจกรรม การทา การทา กจิ กรรมต่า 18-20 กจิ กรรม กจิ กรรม กวา่ 10 คะแนน 14-17 10-13 คะแนน คะแนน คะแนน

10.2.3 คุณลักษณะ (A) ระดบั คุณภาพ - นักเรยี นเป็นผทู้ ี่มวี ินยั ใฝ่ (4) (3) (2) (1) เรียนรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทางาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมิน การประเมนิ การประเมนิ ประเมนิ คณุ ลกั ษณะ คณุ ลักษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะอัน อนั พงึ ประสงค์ อันพึงประสงค์ อนั พึงประสงค์ พึงประสงค์ต่า 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน

กิจกรรม การหาความหนาแน่น สมาชกิ 1……………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……...ชัน้ ………... 2……………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……...ชั้น………... 3……………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……...ชั้น………... 4……………………………………………………………………………………….เลขท…่ี ……...ช้นั ………... 5……………………………………………………………………………………….เลขท…ี่ ……...ชนั้ ………... คาชแ้ี จง: 1. รับอุปกรณก์ ารเล่นท่คี รเู ตรยี มไวใ้ ห้และฟงั ครูอธิบายวธิ กี ารเล่น 2. นักเรียนแตล่ ะคนถือเชอื กทผี่ ูกวตั ถุคนละ 1 กอ้ น 3. นักเรยี นเขา้ แถวเพ่อื ทาการทดลองตามจดุ ดงั ภาพ 4. จดุ ที่ 2 นกั เรียนใชเ้ ครอ่ื งชง่ั หามวลของวัตถุ และหาปริมาตรของวตั ถโุ ดยการแทนทีน่ า้ (ครสู งั เกต การใชเ้ ครื่องช่ัง การใช้ถ้วยยเู รกา การใชห้ ลอดฉดี ยา) 5. เมอ่ื นักเรยี นคนแรกทาการชงั่ และตวงเสรจ็ แล้ววง่ิ ไปจดุ ท่ี 3 คนต่อไปจงึ วิ่งมาจุดท่ี 2 ทาเช่นนไี้ ป เรอื่ ยๆ จนครบทงั้ 5 คน หมายเหต:ุ โปรดระมัดระวังในการใช้วัสดอุ ปุ กรณ์ เพื่อไม่ใหเ้ กดิ อบุ ตั เิ หตุขณะปฏิบตั กิ จิ กรรม ************************

แบบบันทึก: กิจกรรมการหาความหนาแน่น 1. อุปกรณว์ ทิ ยาศาสตร์ที่ใช้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… 2. ปรมิ าตรของเหลวในแกว้ สูตรการคานวณความหนาแน่นของวัตถุ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………..….……………… สมาชกิ คนท่ี 1 มวลของวตั ถุ………………………………………..ปรมิ าตรของวตั ถุ…………….………………………………… ความหนานานของวัตถุ………………………………………………………………………………………………. สมาชิกคนท่ี 2 มวลของวตั ถุ………………………………………..ปริมาตรของวตั ถุ…………….………………………………… ความหนานานของวัตถุ………………………………………………………………………………………………. สมาชกิ คนที่ 3 มวลของวตั ถุ………………………………………..ปริมาตรของวัตถุ……………..………………………………… ความหนานานของวัตถุ………………………………………………………………….……………………………. สมาชิกคนท่ี 4 มวลของวตั ถุ………………………………………..ปริมาตรของวัตถุ……………………..………………………… ความหนานานของวัตถุ………………………………………………………………………………………………. สมาชิกคนที่ 5 มวลของวัตถุ………………………………………..ปริมาตรของวัตถุ……………………….……………………… ความหนานานของวัตถุ……………………………………………………………………………………………….

ใบงาน เรอ่ื ง การใชว้ สั ดุอปุ กรณแ์ ละเทคนิคพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์ คาชีแ้ จง: ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ใี หถ้ ูกต้อง 1. จงอธบิ ายเก่ยี วกบั วสั ดทุ างวิทยาศาสตร์ พรอ้ มทง้ั ยกตัวอยา่ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..……….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..……….………………… 2. เพราะเหตใุ ดจงึ ไมใ่ ชบ้ ีกเกอรห์ รือขวดรปู ชมพวู่ ดั ปรมิ าตรของของเหลว ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..……….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..……….………………… 3. ถา้ ต้องการตกั กลโู คส 3 ชอ้ นเบอร์ 2 ควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..……….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..……….………………… 4. จงบอกความแตกตา่ งของเทอร์มอมเิ ตอร์ทว่ั ไปและเทอรม์ อมิเตอรว์ ัดไข้มา 3 ลักษณะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..……….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..……….………………… 5. การให้ความรอ้ นแก่สารไวไฟควรปฏบิ ัติอย่างไร จงอธบิ าย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..……….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..……….…………………

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ยั ส่งงานครบทกุ ช้ิน ส่งงานครบทกุ ชิ้น สง่ งานช้าเปน็ บางคร้ัง สง่ งานช้าเปน็ ประจา ก่อนเวลาท่กี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด หรือไมส่ ง่ งานเลย ทุกครั้ง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตงั้ ใจเรียน มคี วาม ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ต้ังใจเรยี น แต่ขาด ไมค่ ่อยตัง้ ใจเรียน พยายามในการ พยายามในการเรยี นรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม ค้นคว้าหาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซักถามคาตอบ ไม่มกี ารซักถามเพ่อื แหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ บอ่ ยครง้ั บางครง้ั หาคาตอบ ซักถามเพอ่ื คาตอบ ทกุ ครั้ง 3. มุง่ มน่ั ในการ มีความกระตือรือรน้ มีความกระตือรอื ร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเรจ็ ถูกตอ้ ง ทางานสาเรจ็ แต่ กระตือรือร้นตอ่ การ ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ เกินเวลาท่ี เนอื้ หาไมถ่ ูกต้อง ทางาน งานไม่เสรจ็ กาหนด บางสว่ น หรอื ไม่ ตามเวลาทกี่ าหนด ถูกต้อง และเน้อื หาไมถ่ กู ตอ้ ง เกณฑ์การประเมนิ ต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้นึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยใู่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดับดี 6-8 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อยู่ในระดับควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศิรวิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….

ผงั มโนทศั น์ รายวิชาทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว20201 ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 – 3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอ่ื ง ทักษะทางวิทยาศาสตร์ จานวน 28 ชว่ั โมง : 70 คะแนน หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์ จานวน 28 ช่ัวโมง 1. ช่ือเร่ือง ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 13 ทกั ษะ จานวน 28 ชวั่ โมง : 70 คะแนน

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 5 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 – 3 ปีการศกึ ษา 2564 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 2 ช่ัวโมง ภาคเรยี นท่ี 1 หนว่ ยท่ี 2 เรือ่ ง ทกั ษะทางวทิ ยาศาสตร์ ผสู้ อน นางสาว ศริ วิ รรณ มุนินคา แผนการจัดการเรยี นรู้ เร่อื ง ทักษะการสงั เกต 1. ผลการเรียนรู้ 2. ทดลองเก่ียวกับทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรด์ า้ นการสงั เกตไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นักเรียนมีความร้คู วามเข้าใจเก่ยี วกบั ทกั ษะการสงั เกต (K) 2. นกั เรียนสามารถปฏิบัตกิ จิ กรรมการทดลอง เรือ่ ง สังเกตอะไรได้บา้ ง (P) 3. นกั เรียนเปน็ ผทู้ ีม่ วี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมั่นในการทางาน (A) 3. สาระการเรยี นรู้ 1. ทักษะการสังเกต 4. ทักษะการเรียนรู้ 1. ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ - การสงั เกต - การทดลอง - การอภปิ รายและลงข้อสรุป 5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ - มวี นิ ัย - ใฝ่เรยี นรู้ - มุง่ มน่ั ในการทางาน 6.สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน/สมรรถนะของศตวรรษที่ 21 - ความสามารถในการสื่อสาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแก้ปัญหา

7. สาระสาคัญ ทักษะการสังเกต (observation) หมายถึง การใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนึ่งหรอื หลายอยา่ ง รวมกัน ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวกาย เข้าไปสัมผัสโดยตรงกบั วัตถุหรือเหตุการณ์เพอื่ ค้นหาขอ้ มูล ซ่ึงเป็น รายละเอียดของสิง่ นน้ั โดยไม่ใสค่ วามเหน็ ของผูส้ งั เกตลงไปดว้ ย 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันที่ 1 ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) ครูนาเข้าสบู่ ทเรยี นโดยใหน้ ักเรียนดูภาพ เพ่อื กระตุ้นความสนใจของนักเรยี น จากนนั้ ใช้คาถาม ดงั นี้ ภาพ ก. ภาพ ข. 1. จากภาพ ก. นกั เรยี นเหน็ อะไร (แนวการตอบ: พน้ื ทอี่ ดุ มสมบรู ณ์ ต้นไม้เขยี วชอุ่ม) 2. จากภาพ ข. นักเรยี นเห็นอะไร (แนวการตอบ: พน้ื ทีแ่ ห้งแล้ง ดนิ แตกระแหง) 3. แลว้ รูห้ รอื ไม่วา่ นักเรียนใชท้ ักษะอะไรในการดภู าพ 2 ภาพน้ี (แนวการตอบ: ทกั ษะการสังเกต) 4. ครแู จ้งให้นักเรยี นฟงั ว่าในคาบนจี้ ะเรยี นเก่ยี วกับทกั ษะการสงั เกต ข้ันท่ี 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ศกึ ษาเกีย่ วกับทักษะการสงั เกตจากอินเทอรเ์ น็ตหรอื หอ้ งสมุดโรงเรยี น 2. หลังจากที่นักเรยี นแต่ละกลุ่มศึกษาเกี่ยวกับทักษะการสังเกตเสรจ็ ครูอธิบายวิธีการปฏิบัติกิจกรรม การทดลอง เรอ่ื ง สังเกตอะไรได้บ้าง 3. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง เร่ือง สังเกตอะไรได้บ้าง เม่ือปฏิบัติกิจกรรม การทดลองเสรจ็ แลว้ ตวั แทนกลมุ่ ออกมานาเสนอผลการทดลองหนา้ ช้ันเรียน

ขัน้ ที่ 3 ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) ครูและนักเรียนร่วมกันอภปิ ราย เพือ่ สร้างขอ้ สรุปรว่ มกนั ดงั นี้ 1. กอ่ นจุดเทียนไขมลี ักษณะอยา่ งไร (แนวการตอบ: ลกั ษณะเทียนสีขาว เปน็ แทง่ ทรงกระบอก ไส้เทียนสขี าว) 2. เม่ือจุดเทียนไขมลี กั ษณะเปน็ อยา่ งไร (แนวการตอบ: ลักษณะไส้เทียนถูกไหม้ มเี ปลวไฟสีเหลอื ง มคี วันสดี า) 3. หลงั จุดเทยี นไขมีลักษณะเปน็ อย่างไร (แนวการตอบ: ลักษณะเป็นทรงกระบอกสขี าว มีน้าตาเทยี น ไสเ้ ทียนสดี า) 4. จากการทากจิ กรรม สงั เกตอะไรไดบ้ ้าง นกั เรียนคิดวา่ การสงั เกตมีความสาคัญอยา่ งไร (แนวการตอบ: การสงั เกตทาให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น ทาให้เกดิ ปัญหา อันจะนาไปสู่ข้ันตอนใน การสืบเสาะเพือ่ หาความรู้และได้มาซึง่ ความรู้มากข้นึ ) ข้นั ท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) ครูให้ความร้เู พม่ิ เตมิ เก่ียวกบั ทกั ษะการสงั เกต ดังนี้ ทกั ษะการสงั เกต เป็นความชานาญในการใชป้ ระสาทสมั ผัส ไดแ้ ก่ ตา หู จมูก ล้นิ และผิวกายอย่างใด อย่างหน่งึ หรอื หลายอย่าง เพื่อหารายละเอยี ดเกย่ี วกับวัตถนุ ั้นๆ การสงั เกตเปน็ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ข้ันพ้นื ฐานทส่ี าคญั และจาเป็นอย่างยิง่ ในการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ข้ันพน้ื ฐาน ทักษะอื่นๆ เช่น ทักษะการจาแนกประเภท ทักษะการพยากรณ์ ทักษะการลงความคิดเห็น เปน็ ต้น การสังเกตทาใหเ้ กดิ ความอยากรู้อยากเห็น ทาให้เกดิ ปัญหา อันจะนาไปสู่ขั้นตอนในการสืบเสาะเพื่อหาความรแู้ ละได้มาซงึ่ ความรู้ มากขน้ึ ประสาทสัมผสั ที่ใชใ้ นการสงั เกต ประเภทของข้อมลู ท่ไี ด้จากการสังเกต 1. ขอ้ มลู เชงิ คณุ ภาพ เปน็ ขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการใชป้ ระสาทสมั ผสั ทั้งหา้ คอื ตา หู จมกู ลนิ้ ในการสังเกตวัตถนุ ัน้ ๆ เช่น - ปากกาสเี ขียว (ตา) - ดอกไม้ชนิดนีก้ ล่นิ ฉุน (จมูก) - สบเู่ มื่อจับแลว้ ลื่น (ผิวกาย) เป็นต้น

2. ขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณ เป็นขอ้ มลู ท่ีได้จากการสงั เกตโดยอา้ งอิงหนว่ ยการวัด เชน่ - วัตถุชิ้นน้ีหนกั ประมาณ 10 กรมั - ดินสอแทง่ นยี้ าวกวา่ ดนิ สอแท่งน้ัน - คาดคะเนด้วยกายสัมผัสวา่ น้าในแกว้ นีม้ อี ุณหภมู ิ ประมาณ 40 องศาเซลเซยี ส 3. ข้อมูลเกย่ี วกับการเปล่ียนแปลง เปน็ ข้อมูลท่ไี ด้จากผลการเปลย่ี นแปลงของวตั ถุ เม่ือกระทาด้วยวธิ กี าร ตา่ งๆ เชน่ การใหค้ วามรอ้ น การบีบ การนาไปแชน่ า้ เปน็ ต้น ขอ้ ควรปฏิบตั ิในการสังเกต 1. ควรใช้ประสาทสมั ผัสใหม้ ากท่ีสดุ ขณะสังเกต 2. การใชล้ น้ิ หรือกายสมั ผสั ต้องระมดั ระวังว่าวัตถุนั้นไมเ่ ปน็ อนั ตรายต่อรา่ งกาย 3. ไม่ใช้ตาสังเกตวตั ถทุ ่มี คี วามเข้มแสงมากๆ เชน่ มองไปท่ีดวงอาทิตย์ หรอื หลอดไฟที่มแี สงสว่างจา้ มากๆ 4. เสียงท่ดี งั มากๆ อาจมอี ันตรายต่อแก้วหู เช่น เสยี งระเบิด เสยี งพลุ ตอ้ งรีบอุดหูไว้ 5. การดมกลน่ิ บางชนิดอาจทาใหร้ ะคายเคอื งต่อรา่ งกาย เชน่ กลิน่ ของกรดบางชนิด กล่นิ พรกิ คัว่ ไม่ควรสดู ดม โดยตรง แตถ่ า้ ตอ้ งสงั เกตควรใชม้ อื โบกพัดให้กลนิ่ เขา้ จมูก ข้ันท่ี 5 ข้นั ประเมินผล (Evaluation) 1. ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะคนทาใบงาน เร่ือง ทักษะการสงั เกต 2. นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า มจี ดุ ใดบา้ งทย่ี ังไมเ่ ขา้ ใจหรอื ยงั มีขอ้ สงสัย ถา้ มคี รูชว่ ยอธบิ ายเพมิ่ เติมให้ นกั เรยี นเข้าใจ 9. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 9.1 สื่อ - สื่อการสอน Power Point เรอ่ื ง ทกั ษะการสังเกต - กิจกรรมการทดลอง เรื่อง สงั เกตอะไรได้บ้าง - ใบงาน เรือ่ ง ทกั ษะการสังเกต - แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ - หอ้ งเรยี นวิทยาศาสตร์ - หอ้ งสมุดโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31

10. การวัดและการประเมนิ ผล 10.1 การวดั ผล จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวดั เคร่อื งมือ 1. ดา้ นความรู้ (K) - นักเรียนทาใบงาน เรอ่ื ง - ใบงาน เร่ือง ทักษะการ - นกั เรียนมคี วามรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ทักษะการสงั เกต สังเกต ทกั ษะการสงั เกต 2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นทากจิ กรรมการ - กจิ กรรมการทดลอง - นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมการ ทดลอง เรอื่ ง สังเกตอะไร เรือ่ ง สงั เกตอะไรได้บ้าง ทดลอง เรื่อง สงั เกตอะไรได้บ้าง ได้บ้าง 3. ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมิน - นักเรียนเป็นผู้ท่ีมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อนั พึงประสงค์ คุณลกั ษณะอันพึง มุ่งมนั่ ในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ระดบั คุณภาพ (1) (4) (3) (2) ปรับปรุง 10.2.1 ดา้ นความรู้ (K) ดีมาก ดี พอใช้ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ นักเรียนได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ - นกั เรยี นมคี วามร้คู วามเขา้ ใจ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ ทาใบงาน เก่ียวกับทกั ษะการสงั เกต ทาใบงาน ทาใบงาน ทาใบงาน ต่ากวา่ 10 18-20 คะแนน 14-17 คะแนน 10-13 คะแนน คะแนน 10.2.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) (4) ระดบั คุณภาพ (1) ดมี าก (3) (2) ปรบั ปรงุ - นักเรียนสามารถปฏบิ ัตกิ จิ กรรม นักเรียนได้ ดี พอใช้ นักเรียนได้ การทดลอง เร่ือง สงั เกตอะไรไดบ้ า้ ง คะแนนจาก นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ การทากจิ กรรม คะแนนจากการ คะแนนจาก ทากจิ กรรมต่า 9-10 คะแนน ทากจิ กรรม การทากจิ กรรม กวา่ 5 คะแนน 7-8 คะแนน 5-6 คะแนน

10.2.3 คุณลกั ษณะ (A) ระดบั คุณภาพ - นักเรยี นเป็นผทู้ ่มี วี ินยั ใฝ่เรียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมงุ่ มัน่ ในการทางาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมนิ การประเมนิ การประเมนิ ประเมนิ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะอัน อนั พงึ ประสงค์ อันพึงประสงค์ อนั พงึ ประสงค์ พึงประสงค์ต่า 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน

ใบงาน เรอ่ื ง ทกั ษะการสงั เกต ตอนที่ 1 คาชี้แจง: ให้นกั เรยี นพจิ ารณาข้อมลู ทก่ี าหนดให้ แลว้ ระบปุ ระเภทของข้อมลู ว่าเปน็ ข้อมลู เชิงคุณภาพหรอื เชิง ปริมาณ และระบปุ ระสาทสมั ผสั ท่ีใช้ในการสังเกต ลาดับ วิธีการสงั เกต ผลการสงั เกต ประเภทขอ้ มูล ประสาทสัมผสั ทใี่ ช้ ที่ 1 ลองชิมรสของเกลอื เกลอื มรี สเคม็ 2 ใชม้ อื สมั ผัสผิวของกอ้ นหิน กอ้ นหนิ ก้อนนมี้ ผี วิ แข็ง 3 ดมกล่นิ ของดอกกหุ ลาบ ดอกกุหลาบมกี ล่ินหอม 4 ชงั่ ลาไย 1 ถุงบนเครอ่ื งช่ัง ลาไยถุงนห้ี นักประมาณ 2 น้าหนกั กิโลกรัม 5 ใช้มือบี้ก้อนดนิ ในแปลง ดนิ แปลงนม้ี ลี กั ษณะรว่ น ชยุ 6 ฟงั เสยี งนกร้อง นกตัวนี้รอ้ งเสยี งดงั 7 นบั จานวนคนเข้าหอ้ งสมดุ คนเขา้ หอ้ งสมดุ 30 คน 8 ชมิ ขนมหวานในถว้ ย ขนมหวานถ้วยนม้ี รี สหวาน 9 บีบฟองน้า ฟองน้าชิน้ นีม้ ีเนอ้ื นมุ่ 10 หาคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษ บทเรียนนีม้ ีคาศพั ท์ จากบทเรยี น ภาษาองั กฤษจานวน 30 คา

ตอนท่ี 2 คาชีแ้ จง: ใหน้ กั เรยี นเตมิ เคร่อื งหมาย √ หน้าข้อทเ่ี ป็นการบนั ทกึ การสงั เกตข้อมลู เชงิ ปริมาณ และใส่ เคร่ืองหมาย × ลงในช่องทีไ่ ม่ใช่การสงั เกตข้อมูลเชงิ ปรมิ าณ …………..1. โต๊ะตัวนี้สูงประมาณ 1.50 เมตร …………..2. น้าตาลใหค้ วามหวาน …………..3. โบอม้ี คี วามสงู 150 เซนตเิ มตร …………..4. เนือ้ หมูก้อนนห้ี นัก 1 กิโลกรมั …………..5. อณุ หภมู วิ ันน้ี 35 องศาเซลเซียส …………..6. โทรศัพท์มือถอื เครื่องนี้สฟี ้า …………..7. ลูกบอลในตะกรา้ มี 3 ลกู …………..8. ดอกไมช้ อ่ นีม้ ีกลนิ่ หอม …………..9. พีใ่ หเ้ งนิ 100 บาท …………..10. นกตัวนั้นมสี เี ขยี วและสแี ดง ตอนที่ 3 คาชีแ้ จง: ให้นกั เรยี นเตมิ เครื่องหมาย √ หนา้ ขอ้ ท่ีเป็นการบนั ทึกการสงั เกตขอ้ มลู เชงิ คุณภาพ และใส่ เครือ่ งหมาย × ลงในชอ่ งทไ่ี มใ่ ช่การสงั เกตข้อมลู เชิงคุณภาพ …………..1. น้ามนั เบาลอยนา้ ได้ …………..2. ของเหลวในแกว้ ใบนมี้ รี สหวาน …………..3. นาฬกิ าเรือนนเ้ี ดินเสยี งดงั ต๊กิ ๆ …………..4. ผ้าผืนน้มี สี สี วยมาก …………..5. กระดาษแผน่ นมี้ ผี ิวเรยี บ …………..6. น้อยหน่ามรี สฝาด …………..7. ลกู บอลในตะกรา้ มี 3 ลกู …………..8. กระเปา๋ ใบน้ันสลี ายดอกไม้ …………..9. มีดินสอในกระเปา๋ 2 แท่ง …………..10. หอ้ งเรยี นกว้างมาก

เฉลยใบงาน เรือ่ ง ทักษะการสังเกต ตอนท่ี 1 คาชีแ้ จง: ใหน้ ักเรียนพิจารณาข้อมลู ทกี่ าหนดให้ แลว้ ระบปุ ระเภทของขอ้ มลู เปน็ ข้อมูลเชงิ คุณภาพหรือเชงิ ปริมาณ และระบปุ ระสาทสมั ผสั ทีใ่ ชใ้ นการสังเกต ลาดบั วธิ ีการสังเกต ผลการสงั เกต ประเภทข้อมูล ประสาทสัมผสั ท่ใี ช้ ที่ 1 ลองชิมรสของเกลือ เกลอื มรี สเคม็ เชิงคุณภาพ ลิ้น 2 ใช้มือสมั ผัสผิวของกอ้ นหนิ กอ้ นหินกอ้ นนีม้ ผี วิ แข็ง เชงิ คณุ ภาพ กายสมั ผัส 3 ดมกลนิ่ ของดอกกหุ ลาบ ดอกกุหลาบมีกลน่ิ หอม เชิงคุณภาพ จมูก 4 ชง่ั ลาไย 1 ถงุ บนเครือ่ งชง่ั ลาไยถุงนีห้ นกั ประมาณ 2 เชิงปรมิ าณ ตา กายสมั ผัส นา้ หนัก กโิ ลกรัม หู 5 ใชม้ ือบก้ี อ้ นดินในแปลง ดินแปลงนม้ี ีลกั ษณะรว่ น เชิงคณุ ภาพ ชุย 6 ฟงั เสียงนกรอ้ ง นกตัวนีร้ ้องเสียงดงั เชิงคณุ ภาพ 7 นบั จานวนคนเข้าหอ้ งสมดุ คนเขา้ หอ้ งสมุด 30 คน เชงิ ปรมิ าณ ตา 8 ชิมขนมหวานในถ้วย ขนมหวานถว้ ยนม้ี ีรสหวาน เชิงคุณภาพ ล้ิน 9 บีบฟองน้า ฟองนา้ ชิ้นนี้มเี นือ้ นมุ่ เชิงคุณภาพ กายสมั ผสั 10 หาคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษ บทเรียนนม้ี ีคาศัพท์ เชงิ ปรมิ าณ ตา จากบทเรียน ภาษาอังกฤษจานวน 30 คา

ตอนท่ี 2 คาชีแ้ จง: ใหน้ ักเรียนเตมิ เครือ่ งหมาย √ หนา้ ข้อที่เป็นการบนั ทกึ การสังเกตขอ้ มลู เชงิ ปริมาณ และใส่ เครอื่ งหมาย × ลงในช่องท่ีไมใ่ ช่การสงั เกตขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณ …√…1. โตะ๊ ตวั นี้สงู ประมาณ 1.50 เมตร …×…2. น้าตาลให้ความหวาน …√…3. โบอมี้ คี วามสูง 150 เซนตเิ มตร …√…4. เนื้อหมกู อ้ นนห้ี นกั 1 กิโลกรมั …√…5. อณุ หภูมวิ นั นี้ 35 องศาเซลเซยี ส …×…6. โทรศพั ทม์ อื ถอื เครื่องนส้ี ฟี ้า …√…7. ลูกบอลในตะกร้ามี 3 ลกู …×…8. ดอกไมช้ ่อน้มี ีกล่ินหอม …√…9. พใ่ี หเ้ งิน 100 บาท …×…10. นกตวั นั้นมสี เี ขยี วและสแี ดง ตอนที่ 3 คาชแี้ จง: ให้นักเรียนเติมเคร่ืองหมาย √ หนา้ ข้อทีเ่ ปน็ การบนั ทึกการสงั เกตขอ้ มลู เชงิ คณุ ภาพ และใส่ เครอ่ื งหมาย × ลงในชอ่ งท่ีไมใ่ ชก่ ารสงั เกตขอ้ มลู เชิงคณุ ภาพ …√…1. น้ามันเบาลอยน้าได้ …√…2. ของเหลวในแกว้ ใบนมี้ ีรสหวาน …√…3. นาฬิกาเรอื นน้ีเดนิ เสยี งดงั ต๊กิ ๆ …√...4. ผ้าผนื นมี้ สี สี วยมาก …√...5. กระดาษแผ่นนม้ี ีผิวเรยี บ …√...6. น้อยหน่ามรี สฝาด …×…7. ลูกบอลในตะกร้ามี 3 ลกู …√...8. กระเปา๋ ใบนัน้ สลี ายดอกไม้ …×…9. มดี นิ สอในกระเป๋า 2 แท่ง …√...10. หอ้ งเรียนกว้างมาก

กิจกรรมการทดลอง เร่ือง สงั เกตอะไรไดบ้ ้าง คาชแี้ จง: ให้นกั เรียนจุดเทียนไข แล้วสงั เกตการเปลยี่ นแปลงของเทยี นไข ก่อนติดไฟ และหลงั การติดไฟ ก่อนจุดเทยี น ……………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………. . ……………………………………………………………………………………. . จดุ เทยี น ……………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………. . ……………………………………………………………………………………. . หลังจุดเทียน เฉลยกจิ กรรมการทดลอง เรอ่ื ง สงั เกตอะไรไดบ้ ้าง คาช้แี จง: ให้นกั เรียนจดุ เทยี นไข แลว้ สงั เกตการเปลี่ยนแปลงของเทียนไข ก่อนติดไฟ และหลังการตดิ ไฟ ……………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………. . ……………………………………………………………………………………. .

เฉลยกจิ กรรมการทดลอง เรื่อง สังเกตอะไรไดบ้ า้ ง คาช้แี จง: ให้นักเรียนจุดเทยี นไข แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเทยี นไข กอ่ นติดไฟ และหลังการตดิ ไฟ ก่อนจดุ เทยี น ลักษณะเทยี นสขี าว เป็นแทง่ ทรงกระบอก ไสเ้ ทียนสีขาว จดุ เทียน ลกั ษณะไสเ้ ทียนถกู ไหม้ มีเปลวไฟสเี หลือง มีควนั สีดา หลังจดุ เทียน ลกั ษณะเป็นทรงกระบอกสีขาว มีนา้ ตาเทียน ไสเ้ ทียนสดี า

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ยั ส่งงานครบทกุ ช้ิน ส่งงานครบทกุ ชิ้น สง่ งานช้าเปน็ บางคร้ัง สง่ งานช้าเปน็ ประจา ก่อนเวลาท่กี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด หรือไมส่ ง่ งานเลย ทุกครั้ง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตงั้ ใจเรียน มคี วาม ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ต้ังใจเรยี น แต่ขาด ไมค่ ่อยตัง้ ใจเรียน พยายามในการ พยายามในการเรยี นรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม ค้นคว้าหาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซักถามคาตอบ ไม่มกี ารซักถามเพ่อื แหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ บอ่ ยครง้ั บางครง้ั หาคาตอบ ซักถามเพอ่ื คาตอบ ทกุ ครั้ง 3. มุง่ มน่ั ในการ มีความกระตือรือรน้ มีความกระตือรอื ร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเรจ็ ถูกตอ้ ง ทางานสาเรจ็ แต่ กระตือรือร้นตอ่ การ ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ เกินเวลาท่ี เนอื้ หาไมถ่ ูกต้อง ทางาน งานไม่เสรจ็ กาหนด บางสว่ น หรอื ไม่ ตามเวลาทกี่ าหนด ถูกต้อง และเน้อื หาไมถ่ กู ตอ้ ง เกณฑ์การประเมนิ ต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้นึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยใู่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดับดี 6-8 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อยู่ในระดับควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศิรวิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 6 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 ปกี ารศกึ ษา 2564 กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 2 ชัว่ โมง ภาคเรียนท่ี 1 หน่วยท่ี 2 เรอื่ ง ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ ผู้สอน นางสาว ศริ ิวรรณ มุนินคา แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง ทักษะการสังเกต 1. ผลการเรียนรู้ 2. ทดลองเกีย่ วกับทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรด์ า้ นการสงั เกตไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นักเรยี นสามารถอธบิ ายทักษะการสงั เกตได้ถกู ต้อง (K) 2. นักเรียนสามารถปฏิบตั กิ ิจกรรมการทดลอง เร่ือง ฝึกทกั ษะการสังเกต (P) 3. นกั เรยี นเปน็ ผ้ทู ี่มีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทางาน (A) 3. สาระการเรยี นรู้ 1. ทักษะการสังเกต 4. ทกั ษะการเรยี นรู้ 1. ทักษะวิทยาศาสตร์ - การสงั เกต - การทดลอง - การอภปิ รายและลงขอ้ สรปุ 5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ - มวี ินัย - ใฝเ่ รยี นรู้ - มุง่ มัน่ ในการทางาน 6.สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน/สมรรถนะของศตวรรษที่ 21 - ความสามารถในการสื่อสาร - ความสามารถในการคดิ - ความสามารถในการแกป้ ัญหา

7. สาระสาคัญ ทักษะการสังเกต (observation) หมายถึง การใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหน่ึงหรือหลายอย่าง รวมกัน ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวกาย เขา้ ไปสมั ผสั โดยตรงกบั วัตถุหรอื เหตกุ ารณ์เพอ่ื ค้นหาข้อมลู ซึ่งเปน็ รายละเอยี ดของสิ่งน้นั โดยไม่ใสค่ วามเห็นของผสู้ งั เกตลงไปดว้ ย 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั ท่ี 1 ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) ครูนาเข้าสูบ่ ทเรียน โดยใชค้ าถามเพอื่ ทบทวนส่งิ ทีน่ ักเรียนไดเ้ รยี นในคาบที่ผา่ นมา ดังนี้ 1. ทกั ษะการสังเกต คอื อะไร (แนวการตอบ: การใชป้ ระสาทสมั ผสั อยา่ งใดอย่างหนง่ึ หรอื หลายอยา่ งรวมกัน เข้าไปสมั ผสั โดยตรงกับ วัตถหุ รอื เหตุการณเ์ พือ่ คน้ หาข้อมูล โดยไมใ่ สค่ วามเหน็ ของผ้สู งั เกตลงไปดว้ ย) 2. ขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการสังเกตมกี ่ปี ระเภท อะไรบ้าง (แนวการตอบ: 3 ประเภท ไดแ้ ก่ ขอ้ มูลเชงิ คุณภาพ ข้อมลู เชงิ ปรมิ าณ และข้อมูลเกยี่ วกบั การ เปลย่ี นแปลง) 3. ครแู จ้งให้นักเรียนฟังว่าในคาบนจี้ ะไดท้ ากจิ กรรมการทดลอง เรอื่ ง ฝกึ ทักษะการสงั เกต ขน้ั ท่ี 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูใช้คาถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นเกี่ยวกบั ทักษะการสงั เกต จากนั้นครูอธิบายวิธีการ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการทดลอง เรอื่ ง ฝกึ ทกั ษะการสงั เกต 2. นักเรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกันปฏบิ ัติกจิ กรรมการทดลอง เร่อื ง ฝึกทักษะการสังเกต 3. หลังจากทีป่ ฏบิ ัติกิจกรรมการทดลองเสร็จ ตวั แทนกลมุ่ ออกมานาเสนอผลการทดลองหน้าชนั้ เรียน ข้นั ที่ 3 ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายเพ่อื สร้างขอ้ สรปุ รว่ มกัน ดงั น้ี 1. อาหารชนดิ ใดบา้ งเม่อื เคย้ี วแลว้ อมไว้ 3-5 นาที จะมรี สหวาน (แนวการตอบ: ข้าวเหนยี วสุก เสน้ กว๋ ยเต๋ยี ว ขนมปัง) 2. อาหารทเี่ คี้ยวแลว้ อมไว้สักครู่มรี สหวานจดั เปน็ อาหารประเภทใด (แนวการตอบ: คาร์โบไฮเดรต) 3. แลว้ คารโ์ บไฮเดรตมปี ระโยชน์ตอ่ รา่ งกายอยา่ งไร (แนวการตอบ: ช่วยให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย ทาให้ร่างกายสามารถเคล่ือนไหว เพื่อ ทางานหรือประกอบกจิ กรรมตา่ งๆ ได้)

ขัน้ ท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) ครูให้ความรู้เพิม่ เตมิ เกยี่ วกบั ข้อควรปฏบิ ตั ใิ นการสังเกต ดังน้ี 1. ควรใชป้ ระสาทสัมผสั ให้มากทีส่ ดุ ขณะสงั เกต 2. การใช้ล้นิ หรือกายสมั ผสั ตอ้ งระมัดระวงั วา่ วัตถุนั้นไม่เป็นอันตรายต่อรา่ งกาย 3. ไมใ่ ชต้ าสังเกตวัตถุท่ีมีความเข้มแสงมากๆ เช่น มองไปทด่ี วงอาทติ ย์ หรือหลอดไฟที่มแี สงสว่างจ้ามากๆ 4. เสียงที่ดงั มากๆ อาจมอี นั ตรายตอ่ แกว้ หู เชน่ เสยี งระเบิด เสยี งพลุ ต้องรบี อดุ หไู ว้ 5. การดมกลน่ิ บางชนดิ อาจทาใหร้ ะคายเคืองตอ่ ร่างกาย เชน่ กลน่ิ ของกรดบางชนิด กลิ่นพรกิ ค่วั ไม่ควรสูดดมโดยตรง แต่ถา้ ตอ้ งสงั เกตควรใช้มอื โบกพดั ใหก้ ลิน่ เขา้ จมูก ข้นั ท่ี 5 ขน้ั ประเมนิ ผล (Evaluation) 1. ครใู ห้นกั เรยี นสรปุ ความคดิ รวบยอด เรื่อง ทักษะการสงั เกต 2. นกั เรยี นแต่ละคนพจิ ารณาวา่ มีจุดใดบา้ งท่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจหรอื ยังมีขอ้ สงสยั ถา้ มีครชู ่วยอธิบายเพม่ิ เติมให้ นักเรียนเขา้ ใจ 9. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้ 9.1 ส่อื - สือ่ การสอน Power Point เรอ่ื ง ทักษะการสงั เกต - กิจกรรมการทดลอง เรอื่ ง ฝึกทักษะการสงั เกต - การสรปุ ความคิดรวบยอด เรือ่ ง ทักษะการสังเกต - แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 9.2 แหลง่ การเรยี นรู้ - หอ้ งเรียนวทิ ยาศาสตร์ - หอ้ งสมดุ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 10. การวัดและการประเมินผล 10.1 การวดั ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวดั เครอ่ื งมือ 1. ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสรุปความคิด - สรปุ ความคิดรวบยอด - นกั เรยี นสามารถอธบิ ายทกั ษะการ รวบยอด เรื่อง ทักษะการ เรอื่ ง ทกั ษะการสงั เกต สงั เกตไดถ้ ูกต้อง สังเกต 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นักเรยี นทากจิ กรรมการ - กจิ กรรมการทดลอง - นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมการ ทดลอง เร่ือง ฝกึ ทกั ษะ เรอ่ื ง ฝกึ ทกั ษะการสงั เกต ทดลอง เรอื่ ง ฝึกทักษะการสังเกต การสงั เกต

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการวดั เคร่ืองมือ 3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมนิ - นักเรียนเป็นผู้ที่มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อนั พงึ ประสงค์ คุณลักษณะอันพงึ มงุ่ มน่ั ในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ระดับคุณภาพ 10.2.1 ดา้ นความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) ปรับปรุง - นักเรยี นสามารถอธิบายทกั ษะ ดีมาก ดี พอใช้ นักเรยี นได้ การสงั เกตได้ถกู ตอ้ ง คะแนนจากการ นกั เรยี นได้ นักเรียนได้ นักเรียนได้ ทาสรปุ ความคิด รวบยอดต่ากวา่ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ 5 คะแนน สรปุ ความคดิ สรปุ ความคดิ สรปุ ความคดิ รวบยอด รวบยอด รวบยอด 9-10 คะแนน 7-8 คะแนน 5-6 คะแนน 10.2.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) (4) ระดับคุณภาพ (1) ดมี าก (3) (2) ปรบั ปรุง - นกั เรียนสามารถปฏิบัติกจิ กรรม นกั เรยี นได้ ดี พอใช้ นักเรยี นได้ การทดลอง เรื่อง ฝึกทกั ษะการ คะแนนจาก นักเรยี นได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ สงั เกต การทากจิ กรรม คะแนนจากการ คะแนนจาก ทากิจกรรมตา่ 9-10 คะแนน ทากิจกรรม การทากจิ กรรม กวา่ 5 คะแนน 7-8 คะแนน 5-6 คะแนน 10.2.3 คุณลกั ษณะ (A) ระดับคุณภาพ - นกั เรียนเป็นผทู้ ี่มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมุ่งมนั่ ในการทางาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ นกั เรยี นได้ นกั เรยี นได้ นกั เรียนได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมิน การประเมิน การประเมิน ประเมนิ คุณลักษณะ คุณลกั ษณะ คณุ ลักษณะ คณุ ลกั ษณะอัน อนั พงึ ประสงค์ อนั พึงประสงค์ อันพึงประสงค์ พึงประสงค์ต่า 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน

บทปฏิบตั กิ าร เรื่อง ฝกึ ทกั ษะการสังเกต จุดประสงคข์ องการทดลอง 1. นักเรียนสามารถทาการทดลองเก่ยี วกบั การยอ่ ยอาหารดว้ ยการเค้ียวได้ วสั ดอุ ปุ กรณ์ 1. ขา้ วเหนยี วสุก 2. เส้นกว๋ ยเตี๋ยว 3. ขนมปัง วิธกี ารทดลอง 1. นาอาหารทส่ี ุกแตย่ งั ไม่ปรุงรสดงั ตอ่ ไปน้ี ขา้ วเหนยี วสุก เส้นกว๋ ยเตยี๋ ว ขนมปงั มาเคี้ยวแลว้ อมไว้ใน ปาก 3-5 นาที สงั เกตแล้วบันทึกผล 2. เคีย้ วอาหารทลี ะอยา่ งในเวลาทีเ่ ท่ากนั และปรมิ าณอาหารเทา่ ๆ กัน โดยตอ้ งล้างปากให้สะอาด กอ่ นที่ จะเคี้ยวอาหารชนดิ อืน่ ๆ ตอ่ ไป จากน้นั บันทกึ ผลลงในตาราง 1. เคี้ยวแล้วอมไว้ ในปาก 3-5 นาที สงั เกตแลว้ บันทึกผล ข้าวเหนียวสุก 2. เคีย้ วแล้วอมไวใ้ น ปาก 3-5 นาที เสน้ ก๋วยเตีย๋ ว สงั เกตแลว้ บันทึกผล สงั เกตแล้วบนั ทกึ ผล 3. เค้ยี วแลว้ อมไวใ้ น ปาก 3-5 นาที ขนมปงั

รายงานผลการทดลอง เร่อื ง ฝกึ ทักษะการสงั เกต วันที่ทาการทดลอง.....................................................................................................เวลา........................... สมาชกิ กลุ่ม 1. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 2. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท.ี่ .......................... 3. ชื่อ................................................................................................................เลขท่.ี .......................... 4. ชือ่ ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 5. ชอ่ื ................................................................................................................เลขที่........................... 6. ช่ือ................................................................................................................เลขท.ี่ .......................... จดุ ประสงค์ ....................................................................................................................................................................... ตารางบนั ทึกผลการทดลอง อาหาร รสชาตขิ องอาหารเมื่อเคย้ี วแล้วอมไวใ้ นปาก 3-5 นาที ขา้ วเหนียวสกุ เส้นกว๋ ยเตย๋ี ว ขนมปงั คาถามหลังการทดลอง 1. อาหารชนิดใดบา้ งเมือ่ เค้ยี วแลว้ อมไว้ 3-5 นาที จะมีรสหวาน............................................................ ............................................................................................................................................................... 2. อาหารชนดิ ใดบา้ งเมอ่ื เค้ียวแล้วอมไว้ 3-5 นาทีไม่มรี สหวาน............................................................ .............................................................................................................................................................. 3. อาหารท่เี ค้ียวแลว้ อมไว้สกั คร่มู รี สหวานจดั เปน็ อาหารประเภทใด.................................................... ............................................................................................................................................................... 4. ในปากมกี ารย่อยอาหารหรือไม่ เพราะเหตใุ ด................................................................................... ................................................................................................................................................................

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ยั ส่งงานครบทกุ ช้ิน ส่งงานครบทกุ ชิ้น สง่ งานช้าเปน็ บางคร้ัง สง่ งานช้าเปน็ ประจา ก่อนเวลาท่กี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด หรือไมส่ ง่ งานเลย ทุกครั้ง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตงั้ ใจเรียน มคี วาม ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ต้ังใจเรยี น แต่ขาด ไมค่ ่อยตัง้ ใจเรียน พยายามในการ พยายามในการเรยี นรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม ค้นคว้าหาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซักถามคาตอบ ไม่มกี ารซักถามเพ่อื แหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ บอ่ ยครง้ั บางครง้ั หาคาตอบ ซักถามเพอ่ื คาตอบ ทกุ ครั้ง 3. มุง่ มน่ั ในการ มีความกระตือรือรน้ มีความกระตือรอื ร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเรจ็ ถูกตอ้ ง ทางานสาเรจ็ แต่ กระตือรือร้นตอ่ การ ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ เกินเวลาท่ี เนอื้ หาไมถ่ ูกต้อง ทางาน งานไม่เสรจ็ กาหนด บางสว่ น หรอื ไม่ ตามเวลาทกี่ าหนด ถูกต้อง และเน้อื หาไมถ่ กู ตอ้ ง เกณฑ์การประเมนิ ต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้นึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยใู่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดับดี 6-8 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อยู่ในระดับควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศิรวิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 7 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 - 3 ปกี ารศึกษา 2564 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 2 ช่ัวโมง ภาคเรียนที่ 1 หน่วยที่ 2 เรื่อง ทักษะทางวิทยาศาสตร์ ผสู้ อน นางสาว ศริ วิ รรณ มุนินคา แผนการจัดการเรียนรู้ เรอื่ ง ทกั ษะการจาแนกประเภท 1. ผลการเรียนรู้ 3. ทดลองเกยี่ วกับทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรด์ า้ นความสามารถในการจัดจาแนกได้อย่าง ถูกต้อง 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถบอกชอ่ื อวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารได้ (K) 2. นักเรียนสามารถปฏิบตั ิกจิ กรรมอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารได้ (P) 3. นกั เรยี นเป็นผทู้ มี่ วี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทางาน (A) 3. สาระการเรยี นรู้ 1. ทักษะการจาแนกประเภท 4. ทักษะการเรยี นรู้ 1. ทักษะวิทยาศาสตร์ - การสังเกต - การทดลอง - การอภิปรายและลงข้อสรปุ 5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - มวี ินยั - ใฝเ่ รียนรู้ - มุ่งม่นั ในการทางาน 6.สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น/สมรรถนะของศตวรรษท่ี 21 - ความสามารถในการสอ่ื สาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแก้ปญั หา

7. สาระสาคัญ ทักษะการจาแนกประเภท (Classifying) หรือการจัดจาแนก หมายถงึ การจดั จาแนกส่ิงของหรอื เหตกุ ารณ์ออกเปน็ ประเภทตา่ งๆ โดยพิจารณาจากลกั ษณะท่เี หมือนกัน มีความสัมพันธ์กนั หรอื ความแตกต่าง กบั สงิ่ ของหรือเหตกุ ารณ์ 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันท่ี 1 ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement) ครนู าเขา้ สบู่ ทเรียน โดยใช้คาถามถามนักเรียน ดังน้ี 1. นักเรยี นรู้หรอื ไมว่ า่ การจาแนกประเภทคืออะไร (แนวการตอบ: การจัดจาแนกสงิ่ ของหรอื เหตุการณ์ออกเป็นประเภทตา่ งๆ) 2. ใหน้ กั เรียนยกตวั อย่างการจาแนกประเภทท่ีนกั เรยี นพบเหน็ ในชีวติ ประจาวัน (แนวการตอบ: การจาแนกสัตว์ออกเป็นสตั ว์เลือดอุน่ สัตว์เลอื ดเย็น สตั วม์ กี ระดกู สันหลงั และไม่มี กระดูกสนั หลัง เปน็ ต้น) 3. แลว้ ต้องใช้อะไรในการจาแนก (แนวการตอบ: เกณฑ)์ ขั้นที่ 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มศกึ ษาความรู้ เร่อื ง ทักษะการจาแนกประเภทจากอินเทอรเ์ น็ตหรือห้องสมดุ โรงเรียน 2. ครแู จ้งใหน้ ักเรยี นฟังว่า ในคาบนี้จะได้ปฏิบัติกจิ กรรมอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร พรอ้ มทง้ั อธบิ าย วธิ กี ารปฏิบตั ิกิจกรรมให้นกั เรยี นฟัง จากน้ันให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มปฏิบัตกิ จิ กรรม ขัน้ ที่ 3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) ครูและนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายเพอื่ สร้างข้อสรปุ รว่ มกนั ดังนี้ 1. อวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารมอี ะไรบา้ ง (แนวการตอบ: ปาก คอหอย หลอดอาหาร กระเพาะ ลาไสเ้ ลก็ ลาไสใ้ หญ่ และทวารหนกั ) 2. การยอ่ ยอาหารในร่างกายมกี ว่ี ธิ ี อะไรบ้าง (แนวการตอบ: 2 วธิ ี คอื การยอ่ ยเชงิ กลและการยอ่ ยเชงิ เคม)ี 3. บรเิ วณลาไส้ใหญม่ กี ารยอ่ ยอาหารหรอื ไม่ และลาไสใ้ หญท่ าหน้าทอี่ ะไร (แนวการตอบ: ท่ีลาไสใ้ หญไ่ มม่ กี ารยอ่ ย แตท่ าหนา้ ที่เกบ็ กากอาหารและดูดซมึ น้าออกจาก กากอาหาร)

ขั้นท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) ครูใหค้ วามรเู้ พิ่มเตมิ เกีย่ วกบั วิธีการดแู ลระบบย่อยอาหาร ดังน้ี 1. ดูแลสขุ ภาพของช่องปากและฟันอยา่ งสมา่ เสมอ 2. เค้ยี วอาหารชา้ ๆ เค้ยี วให้ละเอยี ดกอ่ นกลนื เพอ่ื ใหอ้ าหารมีช้นิ เลก็ จะชว่ ยลดภาระในการย่อย อาหารของอวยั วะอ่ืน 3. รับประทานอาหารให้เปน็ เวลา ปอ้ งกนั ไม่ให้เป็นโรคกระเพาะอาหาร 4. รบั ประทานอาหารทส่ี ะอาด สด ถกู สุขลกั ษณะ 5. ในแต่ละม้อื ไมค่ วรรบั ประทานอาหารมากเกนิ ไป เพราะจะทาให้ระบบย่อยอาหารทางานหนกั 6. รกั ษาสุขภาพจติ ให้แจม่ ใส ไม่เครียด เพราะความเครียดจะทาให้กรดในกระเพาะอาหารหลง่ั ออกมา ทาให้เปน็ โรคกระเพาะอาหารได้ 7. งดดื่มชา กาแฟ รวมท้ังเครอื่ งดืม่ แอลกอฮอล์ เพราะทาใหเ้ กดิ การระคายเคอื งตอ่ กระเพาะอาหาร และกระตนุ้ ใหก้ รดในกระเพาะอาหารหลง่ั ออกมา 8. ไม่รับประทานอาหารทม่ี รี สจดั จนเกินไป 9. รบั ประทานอาหารทมี่ ีกากใยไฟเบอร์ เช่น ผกั ผลไม้ เม็ดแมงลัก เพ่อื ปอ้ งกนั ทอ้ งผกู 10. ด่ืมน้ามากๆ เพราะจะช่วยใหร้ ะบบยอ่ ยอาหารทางานไดด้ ขี ้นึ และยงั ป้องกนั ไมใ่ หอ้ จุ จาระแข็ง ซง่ึ จะทาให้ขบั ถา่ ยลาบาก 11. พยายามฝกึ ตัวเองใหข้ บั ถ่ายอจุ จาระเป็นเวลา ชว่ งเวลาทด่ี ที ส่ี ุดคอื 05.00-07.00 น. เพราะเป็น เวลาทล่ี าไส้ทางาน 12. ออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ เพราะเมอ่ื ร่างกายเคลื่อนไหว จะช่วยใหอ้ วัยวะภายในได้เคล่ือนไหว ไปดว้ ย ซง่ึ จะชว่ ยทาใหร้ ะบบขบั ถ่ายทางานได้ดีขนึ้ ขนั้ ที่ 5 ข้นั ประเมนิ ผล (Evaluation) 6. ครูให้นักเรียนทาใบงาน เรอื่ ง อวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารของคน 7. นกั เรียนแตล่ ะคนพิจารณาว่า มจี ุดใดบา้ งทยี่ ังไมเ่ ข้าใจหรือยงั มขี อ้ สงสยั ถ้ามคี รูชว่ ยอธบิ ายเพิ่มเติมให้ นักเรียนเข้าใจ 9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อ - ส่ือการสอน Power Point เรอ่ื ง ทกั ษะการจาแนกประเภท - กจิ กรรมอวัยวะในระบบย่อยอาหาร - ใบงาน เรอ่ื ง อวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารของคน - แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

9.2 แหล่งการเรยี นรู้ - หอ้ งเรียนวทิ ยาศาสตร์ - หอ้ งสมุดโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 10. การวดั และการประเมนิ ผล วิธีการวัด เครื่องมอื 10.1 การวัดผล - นกั เรียนทาใบงาน เรอ่ื ง - ใบงาน เรื่อง อวยั วะใน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ อวยั วะในระบบยอ่ ย ระบบย่อยอาหารของคน 1. ดา้ นความรู้ (K) อาหารของคน - นักเรยี นสามารถบอกชอื่ อวยั วะในระบบ - นักเรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรม - กจิ กรรมอวยั วะในระบบ ย่อยอาหารได้ อวยั วะในระบบยอ่ ย ย่อยอาหาร 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) อาหาร - นักเรยี นสามารถปฏิบตั กิ จิ กรรมอวัยวะ - ครูประเมินคณุ ลกั ษณะ - แบบประเมนิ ในระบบย่อยอาหารได้ อนั พงึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะอนั พึง 3. ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) ประสงค์ - นักเรียนเปน็ ผู้ทมี่ วี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และ มุ่งมนั่ ในการทางาน 10.2 เกณฑ์การประเมินผล ระดบั คุณภาพ 10.2.1 ด้านความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) - นักเรยี นสามารถบอกชื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ อวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารได้ นกั เรยี นได้ นักเรียนได้ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ ทาใบงาน 9-10 ทาใบงาน 7-8 ทาใบงาน 5-6 ทาใบงานตา่ กว่า คะแนน คะแนน คะแนน 5 คะแนน

10.2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) ระดบั คุณภาพ (3) (2) (1) (4) ดี พอใช้ ปรับปรุง - นักเรียนสามารถปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ดีมาก นกั เรยี นได้ นกั เรยี นได้ นักเรียนได้ อวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจาก ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ปฏิบัติกิจกรรม ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 11-13 คะแนน 8-10 คะแนน ตา่ กว่า 8 14-16 คะแนน คะแนน 10.2.3 คณุ ลกั ษณะ (A) ระดับคุณภาพ - นกั เรียนเป็นผทู้ ่มี ีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมงุ่ มัน่ ในการทางาน ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ นกั เรยี นได้ นักเรยี นได้ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมิน การประเมิน การประเมนิ ประเมนิ คุณลักษณะ คณุ ลกั ษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะอัน อนั พงึ ประสงค์ อนั พึงประสงค์ อนั พึงประสงค์ พงึ ประสงค์ตา่ 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน

ใบงาน เร่อื ง อวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารของคน คาชีแ้ จง: ให้นกั เรียนเติมชื่ออวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารของคนลงในช่องว่างใหถ้ กู ตอ้ ง กระเพาะอาหาร ตบั ถงุ นา้ ดี ต่อมนา้ ลาย ลาไสเ้ ล็ก ทวารหนัก คอหอย หลอดอาหาร ตบั ออ่ น ลาไส้ใหญ่ ปาก

เฉลยใบงาน เร่ือง อวัยวะในระบบย่อยอาหารของคน คาชี้แจง: ให้นักเรยี นเตมิ ชอ่ื อวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารของคนลงในช่องว่างใหถ้ กู ต้อง กระเพาะอาหาร ตบั ถุงนา้ ดี ตอ่ มน้าลาย ลาไสเ้ ลก็ ทวารหนัก คอหอย หลอดอาหาร ตบั อ่อน ลาไสใ้ หญ่ ปาก ปาก ตอ่ มนา้ ลาย คอหอย ตบั หลอดอาหาร ถงุ น้าดี ตบั ออ่ น กระเพาะอาหาร ลาไสเ้ ล็ก ลาไส้ใหญ่ ทวารหนัก

กจิ กรรม อวัยวะในระบบยอ่ ยอาหาร คาชแ้ี จง: ให้นักเรียนดรู ูปภาพอวัยวะในระบบย่อยอาหาร แล้วเรยี งลาดบั ขนาดจากใหญส่ ุดไปหาเลก็ สุดและ บันทกึ ช่อื อวยั วะระบบยอ่ ยอาหารทเ่ี รียงลาดับแล้วลงในตาราง ลาดับที่ ชื่ออวัยวะระบบย่อยอาหาร 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 คาถาม 1. อวัยวะใดมีขนาดใหญ่ที่สุด............................................................................................................................ 2. อวยั วะใดทม่ี ีขนาดเลก็ ทสี่ ดุ .......................................................................................................................... 3. อวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารมีอะไรบ้าง......................................................................................................

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ยั ส่งงานครบทกุ ช้ิน ส่งงานครบทกุ ชิ้น สง่ งานช้าเปน็ บางคร้ัง สง่ งานช้าเปน็ ประจา ก่อนเวลาท่กี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด หรือไมส่ ง่ งานเลย ทุกครั้ง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตงั้ ใจเรียน มคี วาม ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ต้ังใจเรยี น แต่ขาด ไมค่ ่อยตัง้ ใจเรียน พยายามในการ พยายามในการเรยี นรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม ค้นคว้าหาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซักถามคาตอบ ไม่มกี ารซักถามเพ่อื แหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ บอ่ ยครง้ั บางครง้ั หาคาตอบ ซักถามเพอ่ื คาตอบ ทกุ ครั้ง 3. มุง่ มน่ั ในการ มีความกระตือรือรน้ มีความกระตือรอื ร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเรจ็ ถูกตอ้ ง ทางานสาเรจ็ แต่ กระตือรือร้นตอ่ การ ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ เกินเวลาท่ี เนอื้ หาไมถ่ ูกต้อง ทางาน งานไม่เสรจ็ กาหนด บางสว่ น หรอื ไม่ ตามเวลาทกี่ าหนด ถูกต้อง และเน้อื หาไมถ่ กู ตอ้ ง เกณฑ์การประเมนิ ต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้นึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยใู่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดับดี 6-8 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อยู่ในระดับควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศิรวิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 8 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 – 3 ปีการศกึ ษา 2564 กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา 2 ชวั่ โมง ภาคเรียนที่ 1 หนว่ ยที่ 2 เร่ือง ทกั ษะทางวทิ ยาศาสตร์ ผู้สอน นางสาว ศิรวิ รรณ มุนินคา แผนการจัดการเรียนรู้ เร่อื ง ทักษะการจาแนกประเภท 1. ผลการเรยี นรู้ 3. ทดลองเก่ียวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรด์ ้านความสามารถในการจัดจาแนกได้อยา่ ง ถกู ตอ้ ง 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นมคี วามเข้าใจเกี่ยวกับทกั ษะการจาแนกประเภท (K) 2. นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั กิ ารทดลอง โดยใช้ทกั ษะการจาแนกประเภทไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง (P) 3. นกั เรยี นเป็นผู้ท่ีมีวินยั ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมน่ั ในการทางาน (A) 3. สาระการเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการจาแนกประเภท 4. ทกั ษะการเรียนรู้ 1. ทักษะวิทยาศาสตร์ - การสังเกต - การตั้งสมมตฐิ านและการกาหนดตวั แปร - การทดลอง - การอภิปรายและลงข้อสรปุ 5. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - มีวินยั - ใฝเ่ รียนรู้ - ม่งุ ม่นั ในการทางาน