3. นักเรียนสามารถสรุปทกั ษะการพยากรณ์ไดว้ า่ อย่างไร (แนวการตอบ: การทานาย หรือการคาดคะเนส่ิงทเ่ี กดิ ข้ึนลว่ งหน้า โดยอาศยั ขอ้ มูลท่ไี ดจ้ ากการสงั เกต หรือปรากฏการณ์ท่ีเกิดข้ึนซ้าๆ) ข้นั ท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) ครใู หค้ วามร้เู พม่ิ เติมเกยี่ วกับทกั ษะการพยากรณ์ ดังนี้ ทกั ษะการพยากรณ์ เปน็ การคาดการณห์ รอื การทานายเกี่ยวกับเหตกุ ารณ์ สถานการณ์ ตลอดจนผลที่ จะเกิดขึน้ ล่วงหนา้ โดยอาศยั หลัก กฎ ทฤษฎี รวมทั้งขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการสงั เกตหรอื จากประสบการณท์ ่เี กิดซา้ ๆ ในเร่ืองนั้นมาชว่ ย ประเภทของการพยากรณ์ 1. การพยากรณภ์ ายในขอบเขตของข้อมลู ทม่ี อี ยู่ 2. การพยากรณ์ภายนอกขอบเขตของขอ้ มลู ทม่ี อี ยู่ ขั้นท่ี 5 ขน้ั ประเมนิ ผล (Evaluation) 1. ครใู หน้ กั เรียนสรุปความคิดรวบยอด เรอ่ื ง ทกั ษะการพยากรณ์ 2. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปรายเกีย่ วกับ “ทักษะการพยากรณ์” 3. นักเรยี นแต่ละคนพจิ ารณาวา่ มีจดุ ใดบ้างทีย่ ังไม่เข้าใจหรอื ยังมีข้อสงสยั ถ้ามคี รูชว่ ยอธิบายเพิ่มเติมให้ นกั เรยี นเข้าใจ 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 9.1 ส่อื - ส่อื การสอน Power Point เรอื่ ง ทักษะการพยากรณ์ - กจิ กรรมนกั พยากรณ์…คนเก่ง - การสรปุ ความคดิ รวบยอด เรอื่ ง ทกั ษะการพยากรณ์ - แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 9.2 แหล่งการเรยี นรู้ - ห้องเรียนวทิ ยาศาสตร์ - ห้องสมุดโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31
10. การวัดและการประเมินผล 10.1 การวัดผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธกี ารวัด เครือ่ งมือ 1. ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสรุปความคิด - สรปุ ความคดิ รวบยอด - นกั เรยี นมคี วามเขา้ ใจเกยี่ วกับทกั ษะการ รวบยอด เรื่อง ทักษะการ เร่ือง ทกั ษะการลง พยากรณ์ พยากรณ์ ความเห็นจากข้อมลู 2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรียนทากจิ กรรมนกั - กิจกรรมนกั พยากรณ…์ - นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้ พยากรณ…์ คนเกง่ คนเกง่ ทักษะการพยากรณ์ 3. ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมนิ - นักเรียนเปน็ ผู้ทมี่ วี ินยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มัน่ อันพงึ ประสงค์ คุณลกั ษณะอนั พงึ ในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ระดบั คุณภาพ 10.2.1 ด้านความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) - นักเรียนมีความเข้าใจเก่ยี วกบั ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ทกั ษะการพยากรณ์ นักเรียนได้ นักเรียนได้ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ สรปุ ความคิด สรปุ ความคิด สรปุ ความคดิ สรปุ ความคดิ รวบ รวบยอด 9-10 รวบยอด 7-8 รวบยอด 5-6 ยอดตา่ กวา่ 5 คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน 10.2.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) (4) ระดบั คุณภาพ (1) ดมี าก (3) (2) ปรบั ปรงุ - นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิกิจกรรม นกั เรยี นได้ ดี พอใช้ นกั เรยี นได้ โดยใช้ทักษะการพยากรณ์ คะแนนจาก นกั เรียนได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ การทากจิ กรรม คะแนนจากการ คะแนนจากการ รายงานผลการ 14-16 คะแนน ทากิจกรรม ทากจิ กรรม ทากจิ กรรมตา่ 11-13 คะแนน 8-10 คะแนน กวา่ 8 คะแนน
10.2.3 คุณลกั ษณะ (A) ระดบั คุณภาพ - นักเรยี นเป็นผทู้ ่มี วี ินยั ใฝ่เรียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมงุ่ มัน่ ในการทางาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมนิ การประเมนิ การประเมนิ ประเมนิ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะอัน อนั พงึ ประสงค์ อันพึงประสงค์ อนั พึงประสงค์ พึงประสงค์ต่า 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน
กจิ กรรม นักพยากรณ์…คนเกง่ สมาชกิ กลุ่ม 1. ชื่อ................................................................................................................เลขที่........................... 2. ชอื่ ................................................................................................................เลขที่........................... 3. ชื่อ................................................................................................................เลขที่........................... 4. ชอ่ื ................................................................................................................เลขที่........................... 5. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท่ี........................... 6. ช่ือ................................................................................................................เลขท่ี........................... ตอนที่ 1 คาชีแ้ จง: ใหน้ ักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ีให้ถูกต้อง ในการวดั ปรมิ าณกระแสไฟฟา้ ในวงจรหนงึ่ ทเี่ ปลี่ยนคา่ ความตา้ นทานตา่ งๆ โดยมแี รงเคล่ือนไฟฟา้ เท่ากบั 6 โวลต์ ปรากฏผลดงั นี้ ตารางแสดงกระแสไฟฟา้ ทีค่ า่ ความต้านทานต่างๆ ความตา้ นทาน (R) 100 150 200 250 300 350 400 450 กระแสไฟฟ้า (I) 60 40 30 24 20 17 15 13 (mA) ให้นกั เรยี นพจิ ารณาวา่ เป็นการพยากรณป์ ระเภทใด 1. เมือ่ ตอ่ ความต้านทาน 180 โอหม์ ในวงจรที่มีแรงเคลอ่ื นไฟฟ้า 6 โวลต์ จะมกี ระแสไฟฟ้าไหลในวงจร ประมาณ 34-35 มิลลแิ อมแปร์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. เมอ่ื ต่อความตา้ นทาน 230 โอห์ม ในวงจรที่มแี รงเคล่ือนไฟฟ้า 6 โวลต์ จะมกี ระแสไฟฟ้าไหลในวงจร ประมาณ 27-28 มลิ ลแิ อมแปร์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. กระแสไฟฟา้ ไหลในวงจรทม่ี ีแรงเคล่ือนไฟฟ้า 6 โวลต์ เทา่ กบั 12 มิลลแิ อมแปร์ เมือ่ ต่อกบั ความ ต้านทานประมาณ 500 โอหม์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. กระแสไฟฟ้าไหลในวงจรท่ีมีแรงเคลอ่ื นไฟฟ้า 6 โวลต์ เทา่ กบั 70 มิลลิแอมแปร์ เม่อื ต่อกบั ความ ตา้ นทานประมาณ 85 โอหม์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. กระแสไฟฟา้ ไหลในวงจรทม่ี ีแรงเคล่อื นไฟฟา้ 6 โวลต์ เทา่ กบั 17 มลิ ลิแอมแปร์ เมอ่ื ต่อกบั ความ ต้านทานประมาณ 350 โอหม์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ตอนที่ 2 คาชแ้ี จง: ให้นักเรยี นพิจารณาข้อความตอ่ ไปน้วี ่าเป็นการสังเกต การพยากรณ์ หรอื การลงความ คิดเห็น 1. ภูเขาไฟลกู นนั้ จะระเบดิ ในอกี 2 นาทขี ้างหน้า ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. คุณรไู้ ดอ้ ย่างไรวา่ ภูเขาไฟลกู น้ันจะระเบดิ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การสน่ั สะเทอื นมีสาเหตมุ าจากภเู ขาไฟ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. มดมีหนวด 2 เสน้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ดนิ สอแท่งน้ยี าวประมาณ 15 เซนตเิ มตร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. คลอรนี ทาให้นา้ สะอาด ฆ่าเช้ือโรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. รอยเท้านีเ้ ปน็ รอยเท้าของนกกระยาง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. สมุดเลม่ นม้ี ีปกสีแดง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. ถ้าเมฆมีสคี ลา้ และลอยตา่ ตอ่ มาจะมฝี นตก วันนเ้ี มฆมสี ีคลา้ และลอยตา่ เดี๋ยวฝนตอ้ งตกแนๆ่ เลย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ถ้านาสาหรา่ ยหางกระรอก ซง่ึ เปน็ พืชน้ามาปลกู บนดนิ สาหรา่ ยหางหระรอกจะตายหมด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เฉลยกจิ กรรม นกั พยากรณ์…คนเก่ง สมาชกิ กลุ่ม 1. ชอ่ื ................................................................................................................เลขที่........................... 2. ช่อื ................................................................................................................เลขท.ี่ .......................... 3. ชื่อ................................................................................................................เลขท่.ี .......................... 4. ชอ่ื ................................................................................................................เลขที.่ .......................... 5. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท.ี่ .......................... 6. ช่ือ................................................................................................................เลขท่ี........................... ตอนท่ี 1 คาชแี้ จง: ให้นกั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนีใ้ หถ้ กู ต้อง ในการวัดปรมิ าณกระแสไฟฟา้ ในวงจรหนง่ึ ทเ่ี ปล่ียนคา่ ความต้านทานต่างๆ โดยมีแรงเคลื่อนไฟฟา้ เท่ากบั 6 โวลต์ ปรากฏผลดังน้ี ตารางแสดงกระแสไฟฟา้ ทคี่ ่าความตา้ นทานตา่ งๆ ความต้านทาน (R) 100 150 200 250 300 350 400 450 กระแสไฟฟา้ (I) 60 40 30 24 20 17 15 13 (mA) ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาวา่ เป็นการพยากรณ์ประเภทใด 1. เมื่อต่อความตา้ นทาน 180 โอหม์ ในวงจรท่มี ีแรงเคลอ่ื นไฟฟา้ 6 โวลต์ จะมกี ระแสไฟฟ้าไหลในวงจร ประมาณ 34-35 มิลลแิ อมแปร์ เปน็ การพยากรณ์ภายในขอบเขตท่มี อี ยู่ 2. เมอื่ ตอ่ ความต้านทาน 230 โอห์ม ในวงจรท่มี ีแรงเคลอื่ นไฟฟ้า 6 โวลต์ จะมกี ระแสไฟฟ้าไหลในวงจร ประมาณ 27-28 มิลลิแอมแปร์ เปน็ การพยากรณ์ภายในขอบเขตทีม่ อี ยู่ 3. กระแสไฟฟา้ ไหลในวงจรทีม่ ีแรงเคลอ่ื นไฟฟ้า 6 โวลต์ เทา่ กบั 12 มิลลแิ อมแปร์ เมือ่ ตอ่ กบั ความ ต้านทานประมาณ 500 โอหม์ เปน็ การพยากรณ์ภายนอกขอบเขตท่ีมีอยู่ 4. กระแสไฟฟ้าไหลในวงจรที่มแี รงเคลื่อนไฟฟา้ 6 โวลต์ เทา่ กบั 70 มลิ ลิแอมแปร์ เมอื่ ตอ่ กบั ความ ตา้ นทานประมาณ 85 โอหม์ เป็นการพยากรณ์ภายนอกขอบเขตท่มี ีอยู่ 5. กระแสไฟฟ้าไหลในวงจรท่มี ีแรงเคลอ่ื นไฟฟ้า 6 โวลต์ เทา่ กบั 17 มลิ ลิแอมแปร์ เม่อื ตอ่ กบั ความ ตา้ นทานประมาณ 350 โอหม์ ไมเ่ ป็นการพยากรณ์ เพราะระบอุ ยู่ในขอ้ มลู
ตอนท่ี 2 คาช้แี จง: ให้นกั เรียนพิจารณาข้อความตอ่ ไปน้วี ่าเปน็ การสังเกต การพยากรณ์ หรือการลงความ คดิ เห็น 1. ภูเขาไฟลกู น้นั จะระเบิดในอกี 2 นาทีข้างหนา้ เปน็ การพยากรณ์ 2. คณุ รไู้ ดอ้ ย่างไรว่าภเู ขาไฟลูกนนั้ จะระเบดิ เปน็ การสงั เกต 3. การสน่ั สะเทือนมีสาเหตุมาจากภูเขาไฟ เป็นการลงความเหน็ ขอ้ มูล 4. มดมหี นวด 2 เส้น เป็นการสงั เกต 5. ดินสอแท่งน้ียาวประมาณ 15 เซนตเิ มตร เป็นการสงั เกตเชงิ ปรมิ าณ 6. คลอรนี ทาใหน้ า้ สะอาด ฆา่ เชือ้ โรค เปน็ การลงความคิดเห็น 7. รอยเท้านเ้ี ป็นรอยเท้าของนกกระยาง เป็นการลงความคดิ เหน็ 8. สมุดเลม่ นมี้ ปี กสแี ดง เป็นการสงั เกต 9. ถา้ เมฆมสี คี ล้าและลอยตา่ ต่อมาจะมฝี นตก วันนีเ้ มฆมสี คี ลา้ และลอยต่า เดยี๋ วฝนตอ้ งตกแนๆ่ เลย เป็นการพยากรณ์ โดยอาศยั ข้อมูล เมอ่ื เมฆมสี ีคล้าและลอยต่า ต่อมาจะมฝี นตก 10. ถา้ นาสาหรา่ ยหางกระรอก ซง่ึ เปน็ พชื น้ามาปลูกบนดิน สาหรา่ ยหางหระรอกจะตายหมด เป็นการพยากรณ์ โดยอาศัยขอ้ มูล สาหรา่ ยหางกระรอกเป็นพชื น้า
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ยั ส่งงานครบทกุ ช้ิน ส่งงานครบทกุ ชิ้น สง่ งานช้าเปน็ บางคร้ัง สง่ งานช้าเปน็ ประจา ก่อนเวลาท่กี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด หรือไมส่ ง่ งานเลย ทุกครั้ง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตงั้ ใจเรียน มคี วาม ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ต้ังใจเรยี น แต่ขาด ไมค่ อ่ ยตัง้ ใจเรียน พยายามในการ พยายามในการเรยี นรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม ค้นคว้าหาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซักถามคาตอบ ไม่มกี ารซักถามเพ่อื แหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ บอ่ ยครง้ั บางครง้ั หาคาตอบ ซักถามเพอ่ื คาตอบ ทกุ ครั้ง 3. มุง่ มน่ั ในการ มีความกระตือรือรน้ มีความกระตือรอื ร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเรจ็ ถูกตอ้ ง ทางานสาเรจ็ แต่ กระตือรือร้นตอ่ การ ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ เกินเวลาท่ี เนอื้ หาไมถ่ ูกต้อง ทางาน งานไม่เสรจ็ กาหนด บางสว่ น หรอื ไม่ ตามเวลาทกี่ าหนด ถูกต้อง และเน้อื หาไมถ่ กู ตอ้ ง เกณฑ์การประเมนิ ต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้นึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยใู่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดับดี 6-8 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อยู่ในระดับควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศิรวิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 19 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 - 3 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปกี ารศึกษา 2564 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 2 ชัว่ โมง หน่วยที่ 2 เร่อื ง ทักษะทางวิทยาศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรู้ เรือ่ ง ทกั ษะการพยากรณ์ ผ้สู อน นางสาว ศริ ิวรรณ มุนินคา 1. ผลการเรียนรู้ 8. ทดลองเก่ียวกับทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ดา้ นการทานายหรือคาดคะเนส่งิ ทจี่ ะเกิดขนึ้ ล่วงหน้าไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นักเรยี นสามารถอธบิ ายทกั ษะการพยากรณ์ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (K) 2. นักเรียนสามารถปฏิบตั ิกจิ กรรมการทดลอง โดยใช้ทักษะการพยากรณ์ (P) 3. นักเรยี นเปน็ ผทู้ มี่ ีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการทางาน (A) 3. สาระการเรียนรู้ 1. ทักษะการพยากรณ์ 4. ทักษะการเรียนรู้ 1. ทักษะวิทยาศาสตร์ - การสังเกต - การทดลอง - การอภิปรายและลงข้อสรุป 5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - มวี นิ ัย - ใฝเ่ รียนรู้ - มุง่ มัน่ ในการทางาน 6.สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น/สมรรถนะของศตวรรษท่ี 21 - ความสามารถในการสื่อสาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแก้ปัญหา
7. สาระสาคญั ทักษะการพยากรณ์ (Predicting) หมายถงึ การทานายหรอื การคาดคะเนคาตอบ โดยอาศยั ขอ้ มูลที่ได้ จากการสังเกตหรือการทาซ้า ผ่านกระบวนการแปรความหมายของข้อมูลจากสัมพันธ์ภายใต้ความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นท่ี 1 ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement) ครนู าเข้าสบู่ ทเรยี น โดยใชค้ าถามทบทวนส่งิ ที่นักเรียนได้เรียนในคาบทีผ่ า่ นมา ดังน้ี 1. ทักษะการพยากรณ์ หมายถงึ อะไร (แนวการตอบ: การทานาย หรอื การคาดคะเนสง่ิ ทเี่ กดิ ขึ้นล่วงหน้า โดยอาศัยข้อมลู ที่ได้จากการสงั เกต หรอื ปรากฏการณ์ทเี่ กิดขึ้นซ้าๆ) 2. การพยากรณม์ ีกป่ี ระเภท อะไรบา้ ง (แนวการตอบ: 2 ประเภท ได้แก่ การพยากรณ์ภายในขอบเขตของข้อมูลที่มีอยู่ และการพยากรณ์ ภายนอกขอบเขตของขอ้ มูลทีม่ ีอยู)่ ขั้นที่ 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูใช้คาถามทดสอบความเข้าใจของนักเรียนเก่ียวกับทักษะการพยากรณ์ จากนั้นครูอธิบายวิธีการ ปฏิบัตกิ ิจกรรมการทดลอง เร่ือง ลอยๆ จมๆ ใหน้ ักเรียนฟัง 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง เมื่อปฏิบัติกิจกรรมเสร็จตัวแทนแต่ละกลุ่ม ออกมานาเสนอผลการทดลองหน้าชัน้ เรียน ข้ันท่ี 3 ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและลงข้อสรุป โดยใชค้ าถาม ดังน้ี 1. เมอ่ื ปดิ ปากขวดพลาสติกผลการทดลองเปน็ อย่างไร (แนวการตอบ: ลูกปงิ ปองลอย) 2. เมอื่ เปดิ ปากขวดพลาสติกผลการทดลองเปน็ อยา่ งไร (แนวการตอบ: ลกู ปงิ ปองจมนา้ ) 3. การพยากรณ์ การลงความคดิ เห็น และการสงั เกตมีความแตกตา่ งกันอยา่ งไร (แนวการตอบ: การพยากรณ์เปน็ การคาดคะเนผลท่จี ะเกิดขึ้นล่วงหน้า โดยอาศัยกฎ ทฤษฎี รวมท้ัง ข้อมูลท่ีได้จากการสงั เกตหรือประสบการณ์เดิม การลงความคิดเห็นเป็นการอธิบายผลทไ่ี ด้จากการ สังเกตโดยใช้ประสบการณเ์ ดิม และการสังเกตเป็นการสังเกตวัตถุตา่ งๆ ตามความเป็นจริง โดยไมล่ ง ความคดิ เหน็ )
ขั้นที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูใหค้ วามร้เู พิ่มเตมิ เกย่ี วกับพฤติกรรมทแี่ สดงว่าเกดิ ทักษะการพยากรณ์ ดังน้ี 1. ทานายผลที่จะเกิดขึ้นจากข้อมลู ทเี่ ปน็ หลักการ กฎ หรอื ทฤษฎีท่ีมีอย่ไู ด้ 2. ทานายผลท่ีจะเกิดข้นึ ภายในขอบเขตของข้อมลู เชงิ ปรมิ าณทีม่ อี ยไู่ ด้ 3. ทานายผลทีจ่ ะเกิดขน้ึ ภายนอกขอบเขตของข้อมูลเชิงปริมาณทมี่ อี ยูไ่ ด้ ขนั้ ท่ี 5 ขน้ั ประเมินผล (Evaluation) 1. ครใู หน้ ักเรียนทาใบงาน เรอ่ื ง ทักษะการพยากรณ์ 2. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเก่ียวกบั “ทักษะการพยากรณ์” 3. นักเรียนแตล่ ะคนพิจารณาว่า มจี ดุ ใดบ้างทีย่ งั ไม่เขา้ ใจหรอื ยังมีขอ้ สงสัย ถา้ มคี รชู ว่ ยอธบิ ายเพิ่มเตมิ ให้ นักเรยี นเข้าใจ 9. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 9.1 สื่อ - สื่อการสอน Power Point เร่ือง ทกั ษะการพยากรณ์ - กจิ กรรมการทดลอง เรอ่ื ง ลอยๆ จมๆ - ใบงาน เรื่อง ทักษะการพยากรณ์ - แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 9.2 แหลง่ การเรียนรู้ - ห้องเรียนวทิ ยาศาสตร์ - ห้องสมดุ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 10. การวัดและการประเมินผล 10.1 การวัดผล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีการวดั เครอื่ งมือ 1. ดา้ นความรู้ (K) - นักเรียนทาใบงาน เรอื่ ง - ใบงาน เรื่อง ทกั ษะการ - นักเรยี นสามารถอธิบายทกั ษะการ ทักษะการพยากรณ์ ลงความเหน็ จากขอ้ มลู พยากรณไ์ ด้อยา่ งถกู ตอ้ ง 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นกั เรียนทารายงานผล - รายงานผลการทดลอง - นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมการ การทดลอง เรอื่ ง ลอยๆ เรื่อง ลอยๆ จมๆ ทดลอง โดยใช้ทกั ษะการพยากรณ์ จมๆ
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ กี ารวัด เครื่องมอื 3. ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมิน - นักเรียนเป็นผู้ท่ีมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อันพึงประสงค์ คณุ ลกั ษณะอนั พึง มุ่งมัน่ ในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑก์ ารประเมินผล ระดับคุณภาพ 10.2.1 ดา้ นความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) ปรบั ปรงุ - นกั เรยี นสามารถอธิบายทักษะ ดมี าก ดี พอใช้ นกั เรยี นได้ การพยากรณ์ได้อย่างถูกต้อง คะแนนจากการ นักเรยี นได้ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ ทาใบงานต่ากว่า 5 คะแนน คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ ทาใบงาน 9-10 ทาใบงาน 7-8 ทาใบงาน 5-6 คะแนน คะแนน คะแนน 10.2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) (4) ระดบั คุณภาพ (1) ดมี าก (3) (2) ปรับปรุง - นกั เรียนสามารถปฏบิ ัติกิจกรรม นกั เรยี นได้ ดี พอใช้ นักเรียนได้ การทดลอง โดยใช้ทกั ษะการ คะแนนจาก นกั เรียนได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ พยากรณ์ การทารายงาน คะแนนจากการ คะแนนจากการ รายงานผลการ ผลการทดลอง ทารายงานผล ทารายงานผล ทดลองตา่ กวา่ 8 14-16 คะแนน การทดลอง การทดลอง คะแนน 11-13 คะแนน 8-10 คะแนน 10.2.3 คณุ ลกั ษณะ (A) ระดับคุณภาพ - นักเรยี นเปน็ ผทู้ ม่ี วี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมุง่ ม่นั ในการทางาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ นกั เรยี นได้ นกั เรยี นได้ นกั เรยี นได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมนิ การประเมนิ การประเมนิ ประเมนิ คุณลกั ษณะ คณุ ลักษณะ คุณลักษณะ คณุ ลักษณะอนั อันพงึ ประสงค์ อนั พึงประสงค์ อันพึงประสงค์ พึงประสงค์ต่า 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน
ใบงาน เรื่อง ทักษะการพยากรณ์ คาชี้แจง: ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปน้ใี ห้ถกู ต้อง 1. ความตา้ นทานของลวดทองแดงที่อุณหภมู ิตา่ งๆ อุณหภมู ิ (องศาเซลเซยี ส) ความตา้ นทาน (โอหม์ ) 20 108 25 110 30 112 35 114 40 116 1.1 ถา้ อณุ หภมู ิเท่ากบั 45 องศาเซลเซียส ลวดทองแดงจะมคี วามตา้ นทานประมาณกี่โอหม์ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 จากข้อที่ 1.1 เป็นการพยากรณ์ประเภทใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จากตารางแสดงอายุของสตั ว์และปรมิ าณอาหารทกี่ นิ ในแต่ละวนั เป็นดงั น้ี อายุ (ป)ี 1.4 1.9 3.5 5.2 7.4 8.6 9.8 ปรมิ าณอาหาร 4.8 6.1 7.4 8.1 7.8 5.2 2.7 (กิโลกรมั /วัน) a. ถา้ สตั ว์อายุ 0.8 ปี ปรมิ าณอาหารทสี่ ตั วก์ ินวันหนึ่งๆ เปน็ เทา่ ใดและเปน็ การพยากรณ์ ประเภทใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… b. ถ้าสัตวอ์ ายุ 7 ปี ปรมิ าณอาหารท่ีสัตว์กนิ วนั หน่ึงๆ เป็นเท่าใดและเป็นการพยากรณป์ ระเภท ใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… c. ถา้ สตั วอ์ ายุ 10 ปี ปรมิ าณอาหารที่สตั ว์กินวันหนงึ่ ๆ เป็นเทา่ ใดและเป็นการพยากรณป์ ระเภท ใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาข้อมูลท่ใี หต้ ่อไปน้ี แลว้ พยากรณล์ ว่ งหนา้ การพยากรณล์ ว่ งหนา้ ขอ้ คาถาม 3.1 นกกนิ พชื เปน็ อาหาร ถ้าปรมิ าณพืชลดลง นกจะเปน็ อย่างไร 3.2 ดาวเสาร์มีความหนาแน่นนอ้ ยกว่าน้า ถา้ สามารถนาดาว เสาร์ไปลอยในแอง่ นา้ ได้ จะเป็นอยา่ งไร 3.3 ตน้ มะลเิ ป็นพืชทต่ี ้องการปรมิ าณแสงมาก ถา้ นาตน้ มะลิ ไปปลกู ในท่รี ม่ ต้นมะลจิ ะเป็นอยา่ งไร
เฉลยใบงาน เรือ่ ง ทักษะการพยากรณ์ คาชีแ้ จง: ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ใหถ้ กู ตอ้ ง 1. ความตา้ นทานของลวดทองแดงทอ่ี ุณหภมู ติ า่ งๆ ความต้านทาน (โอหม์ ) อณุ หภมู ิ (องศาเซลเซียส) 108 20 110 25 112 30 114 35 116 40 1.1 ถ้าอณุ หภูมิเทา่ กบั 45 องศาเซลเซียส ลวดทองแดงจะมคี วามตา้ นทานประมาณกโ่ี อห์ม ประมาณ 118 โอหม์ 1.2 จากขอ้ ที่ 1.1 เปน็ การพยากรณป์ ระเภทใด การพยากรณ์ภายนอกขอบเขตขอ้ มูลท่มี ีอยู่ 2. จากตารางแสดงอายุของสตั วแ์ ละปรมิ าณอาหารทก่ี ินในแต่ละวนั เปน็ ดงั นี้ อายุ (ปี) 1.4 1.9 3.5 5.2 7.4 8.6 9.8 ปรมิ าณอาหาร 4.8 6.1 7.4 8.1 7.8 5.2 2.7 (กิโลกรมั /วัน) 2.1 ถา้ สตั วอ์ ายุ 0.8 ปี ปรมิ าณอาหารทสี่ ตั ว์กินวันหนง่ึ ๆ เป็นเทา่ ใดและเปน็ การพยากรณ์ประเภทใด ประมาณ 3.4 กโิ ลกรมั /วนั เป็นการพยากรณ์ภายนอกขอบเขตขอ้ มูลทม่ี อี ยู่ 2.2 ถา้ สตั วอ์ ายุ 7 ปี ปรมิ าณอาหารทส่ี ัตว์กนิ วันหน่ึงๆ เปน็ เท่าใดและเปน็ การพยากรณป์ ระเภทใด ประมาณ 7.4 กิโลกรมั /วัน เปน็ การพยากรณ์ภายในขอบเขตข้อมลู ทมี่ อี ยู่ 2.3 ถา้ สตั วอ์ ายุ 10 ปี ปรมิ าณอาหารท่สี ตั วก์ ินวนั หนง่ึ ๆ เปน็ เทา่ ใดและเป็นการพยากรณ์ประเภทใด ประมาณ 1.4 กิโลกรมั /วนั เป็นการพยากรณภ์ ายนอกขอบเขตขอ้ มลู ท่มี อี ยู่
3. ใหน้ กั เรียนศึกษาขอ้ มลู ท่ีใหต้ อ่ ไปน้ี แล้วพยากรณ์ล่วงหนา้ การพยากรณ์ล่วงหนา้ ข้อ คาถาม นกไมม่ ีอาหารกนิ นกจะตาย 3.1 นกกินพืชเป็นอาหาร ถา้ ปริมาณพืชลดลง นกจะเป็น และจานวนนกจะลดลง อย่างไร ดาวเสารล์ อยนา้ ได้ 3.2 ดาวเสาร์มีความหนาแน่นนอ้ ยกวา่ น้า ถา้ สามารถนาดาว เสารไ์ ปลอยในแอง่ น้าได้ จะเป็นอยา่ งไร ตน้ มะลไิ มเ่ จรญิ เติบโต และ 3.3 ต้นมะลเิ ปน็ พืชที่ตอ้ งการปริมาณแสงมาก ถ้านาต้นมะลิ อาจจะตาย ไปปลกู ในที่รม่ ตน้ มะลจิ ะเปน็ อย่างไร
บทปฏิบตั ิการ เร่ือง ลอยๆ จมๆ จุดประสงคข์ องการทดลอง 1. นักเรยี นสามารถอธิบายความหมายและมที กั ษะในการพยากรณ์ วสั ดอุ ุปกรณ์ 1. น้า 1,000 cm3 2. ถงั นา้ 1 ใบ 3. ปากขวดพลาสตกิ +ฝา 1 อัน 4. ลกู ปงิ ปอง 1 ลูก วิธีการทดลอง 1. นาปากขวดพลาสตกิ ปดิ ฝาให้แนน่ ใสล่ ูกปงิ ปองลงในปากขวดพลาสติกดงั รปู ด้านลา่ ง 2. ให้นกั เรียนคาดคะเนก่อนเตมิ น้าลงไป วา่ ลูกปงิ ปองจะเป็นอย่างไร บนั ทึกผลการคาดคะเนลงในตาราง บนั ทึกกจิ กรรม จากน้นั จงึ เตมิ นา้ ลงไปในปากขวดพลาสติกจากขอ้ ท่ี 1 3. ทาเชน่ เดยี วกบั ขอ้ 1 และ 2 แตไ่ ม่ปิดฝาทปี่ ากขวดพลาสติก
รายงานผลการทดลอง เร่ือง ลอยๆ จมๆ วนั ที่ทาการทดลอง.....................................................................................................เวลา................................. สมาชิกกลมุ่ 1. ช่ือ................................................................................................................เลขท่.ี .......................... 2. ช่อื ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 3. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท่.ี .......................... 4. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท.ี่ .......................... 5. ช่ือ................................................................................................................เลขที่........................... 6. ชือ่ ................................................................................................................เลขท่ี........................... ตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง ลกั ษณะของปากขวดพลาสตกิ การคาดคะเน ผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. อภิปรายผลการทดลอง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. คาถามหลังการทดลอง 1. การคาดคะเนกับผลการทดลองจรงิ เปน็ อยา่ งไร เพราะเหตุใด ..................................................................................................................................... ......................................... .............................................................................................................................................................................. 2. นักเรียนมวี ธิ ีการทาแบบอ่ืนอยา่ งไรบา้ ง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ยั ส่งงานครบทกุ ช้ิน ส่งงานครบทกุ ชิ้น สง่ งานช้าเปน็ บางคร้ัง สง่ งานช้าเปน็ ประจา ก่อนเวลาท่กี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด หรือไมส่ ง่ งานเลย ทุกครั้ง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตงั้ ใจเรียน มคี วาม ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ต้ังใจเรยี น แต่ขาด ไมค่ ่อยตัง้ ใจเรียน พยายามในการ พยายามในการเรยี นรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม ค้นคว้าหาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซักถามคาตอบ ไม่มกี ารซักถามเพ่อื แหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ บอ่ ยครง้ั บางครง้ั หาคาตอบ ซักถามเพอ่ื คาตอบ ทกุ ครั้ง 3. มุง่ มน่ั ในการ มีความกระตือรือรน้ มีความกระตือรอื ร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเรจ็ ถูกตอ้ ง ทางานสาเรจ็ แต่ กระตือรือร้นตอ่ การ ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ เกินเวลาท่ี เนอื้ หาไมถ่ ูกต้อง ทางาน งานไม่เสรจ็ กาหนด บางสว่ น หรอื ไม่ ตามเวลาทกี่ าหนด ถูกต้อง และเน้อื หาไมถ่ กู ตอ้ ง เกณฑ์การประเมนิ ต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้นึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยใู่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดับดี 6-8 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อยู่ในระดับควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศิรวิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 20 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 - 3 กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปีการศึกษา 2564 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 2 ชั่วโมง หน่วยท่ี 2 เรอื่ ง ทกั ษะทางวทิ ยาศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ เร่อื ง ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขน้ั พื้นฐาน ผู้สอน นางสาว ศิรวิ รรณ มนุ ินคา 1. ผลการเรยี นรู้ 9. นาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ข้ันพื้นฐานมาใช้ออกแบบและประดิษฐ์ช้ินงานได้อย่าง สรา้ งสรรค์ 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นักเรียนมคี วามเข้าใจเกี่ยวกบั ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ ั้นพน้ื ฐาน (K) 2. นักเรียนสามารถนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานมาออกแบบและประดิษฐ์ ชิ้นงานได้ (P) 3. นักเรียนเป็นผู้ทมี่ วี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มั่นในการทางาน (A) 3. สาระการเรียนรู้ 1. ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขัน้ พ้ืนฐาน 8 ทกั ษะ 4. ทักษะการเรียนรู้ 1. ทักษะวิทยาศาสตร์ - การสงั เกต - การทดลอง - การอภปิ รายและลงข้อสรปุ 5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - มีวนิ ัย - ใฝ่เรยี นรู้ - มุ่งมั่นในการทางาน
7.สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน/สมรรถนะของศตวรรษท่ี 21 - ความสามารถในการสอื่ สาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแก้ปญั หา 8. สาระสาคัญ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ข้ันพ้ืนฐาน 8 ทักษะ ได้แก่ ทักษะการสังเกต ทักษะการวัด ทักษะการคานวณ ทักษะการจาแนกประเภท ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปส กับเวลาทักษะการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูล ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล และทักษะการ พยากรณ์ 9. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันที่ 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) ครนู าเข้าสู่บทเรียน โดยการทบทวนความรู้ที่นกั เรยี นไดเ้ รยี นในคาบทผี่ ่านมา ดงั น้ี 1. ทกั ษะการพยากรณ์คืออะไร (แนวการตอบ: การทานาย หรือการคาดคะเนส่ิงทเ่ี กดิ ข้นึ ลว่ งหนา้ โดยอาศยั ขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการสงั เกต หรือปรากฏการณท์ ่ีเกิดขึ้นซา้ ๆ) 2. พฤตกิ รรมที่แสดงว่าเกิดทกั ษะการพยากรณ์มกี ป่ี ระเภท อะไรบ้าง (แนวการตอบ: 3 ประเภท ได้แก่ ทานายผลท่ีจะเกิดขึ้นจากข้อมูลทเี่ ป็นหลกั การ กฎ หรือทฤษฎีท่มี ี อยู่ได,้ ทานายผลท่จี ะเกดิ ข้นึ ภายในขอบเขตของขอ้ มลู เชิงปริมาณท่ีมีอยไู่ ด้ และทานายผลท่ีจะเกิดขน้ึ ภายนอกขอบเขตของขอ้ มูลเชิงปรมิ าณทมี่ ีอยไู่ ด้) ขั้นที่ 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ ร่วมกันสืบค้นและศึกษาเกยี่ วกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน 8 ทกั ษะจากห้องสมดุ โรงเรยี นหรอื อินเทอรเ์ น็ต 2. หลังจากท่ีนักเรียนศึกษาเสรจ็ ครูให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกันออกแบบและประดิษฐ์ชิ้นงาน โดยใช้ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ข้นั พนื้ ฐาน 3. เม่อื นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ออกแบบและประดิษฐ์ชน้ิ งานเสร็จ ตวั แทนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอหน้าชั้น เรยี น
ขน้ั ท่ี 3 ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายและลงข้อสรุป โดยใชค้ าถาม ดงั น้ี 1. สิ่งประดิษฐ์กล่มุ ของนกั เรียนมีช่ือวา่ อะไร (แนวการตอบ: ตามความคิดของนกั เรยี น) 2. นักเรยี นมีแนวคดิ ในการออกแบบส่งิ ประดิษฐ์กลุ่มของนักเรียนอยา่ งไร (แนวการตอบ: ตามความคดิ ของนักเรียน) 3. แล้วนักเรียนนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพ้ืนฐานมาออกแบบและประดิษฐ์ช้ินงานได้ อยา่ งไร (แนวการตอบ: ตามความคดิ ของนกั เรียน) 4. ส่งิ ประดษิ ฐ์กลมุ่ ของนกั เรยี นสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้อยา่ งไร (แนวการตอบ: ตามความคดิ ของนักเรยี น) ขั้นท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) ครใู หค้ วามรเู้ พ่มิ เตมิ เกีย่ วกับประเภททกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ดงั น้ี ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์เปน็ ทกั ษะแสวงหาความรู้ และแนวทางสาหรับการแกไ้ ขปญั หา เปน็ แนวทางทีพ่ ฒั นาข้ึนตามหลกั สูตร science a process approach (SAPA) ของสมาคมอเมรกิ ันเพอื่ ความก้าวหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ (The American association for the advancement of science) ประกอบดว้ ยทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 13 ทักษะ แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ 1. ระดับทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรข์ ั้นพื้นฐาน 8 ทกั ษะ เหมาะสาหรบั ระดบั การศกึ ษาปฐมวัย 2. ระดับทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ข้ันบรู ณาการ 5 ทกั ษะ เหมาะสาหรับระดบั การศกึ ษามธั ยมวัย 1. ระดบั ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรข์ ้ันพ้นื ฐาน 8 ทกั ษะ เป็นทกั ษะเพื่อการแสวงหาความรทู้ ่วั ไป ประกอบด้วย 1. ทักษะการสังเกต 2. ทักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มลู 3. ทักษะการจาแนกประเภท 4. ทกั ษะการวดั 5. ทกั ษะการใช้ตัวเลข 6. ทักษะการส่อื ความหมายข้อมลู 7. ทักษะการพยากรณ์ 8. ทักษะการหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสเปสกับสเปสและสเปสกบั เวลา 2. ระดบั ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ข้ันบูรณาการ 5 ทกั ษะ เป็นทกั ษะกระบวนการข้นั สงู ทม่ี คี วาม ซบั ซ้อนมากขน้ึ เพ่อื แสวงหาความรู้ โดยใช้ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ ้นั พ้ืนฐานเปน็ พน้ื ฐานในการ พฒั นา ประกอบดว้ ย 1. ทักษะการกาหนดและควบคมุ ตัวแปร 2. ทกั ษะการตงั้ สมมุตฐิ าน
3. ทกั ษะการกาหนดนิยามเชิงปฏบิ ตั กิ าร 4. ทักษะการทดลอง 5. ทักษะการตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ ขน้ั ที่ 5 ขน้ั ประเมนิ ผล (Evaluation) 1. ทครใู ห้นกั เรยี นการสรปุ ความคดิ รวบยอด เร่ือง ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรข์ ั้นพืน้ ฐาน 2. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายเกยี่ วกบั “ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรข์ ั้นพน้ื ฐาน 3. นกั เรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาวา่ มีจดุ ใดบา้ งทีย่ ังไมเ่ ขา้ ใจหรือยังมขี อ้ สงสัย ถ้ามคี รูช่วยอธบิ ายเพิ่มเติมให้ นกั เรียนเขา้ ใจ 9. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้ 9.1 สือ่ - ส่ือการสอน Power Point เรือ่ ง ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ข้นั พนื้ ฐาน - การสรุปความคดิ รวบยอด เรื่อง ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ขนั้ พืน้ ฐาน - แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 9.2 แหลง่ การเรียนรู้ - ห้องเรยี นวทิ ยาศาสตร์ - หอ้ งสมดุ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 10. การวดั และการประเมนิ ผล 10.1 การวัดผล จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีการวดั เครอื่ งมือ 1. ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรยี นทาสรุป - สรปุ ความคดิ รวบยอด - นกั เรยี นมคี วามเข้าใจเกย่ี วกับทกั ษะ ความคิดรวบยอด เรอ่ื ง เรอื่ ง ทกั ษะกระบวนการ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ขนั้ พ้ืนฐาน ทักษะกระบวนการทาง ทางวทิ ยาศาสตร์ข้ัน วทิ ยาศาสตร์ขน้ั พืน้ ฐาน พ้ืนฐาน 2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - นักเรยี นออกแบบและ - แบบประเมิน - นักเรียนสามารถนาทักษะกระบวนการ ประดษิ ฐช์ ้นิ งาน สง่ิ ประดษิ ฐ์ของนักเรียน ทางวทิ ยาศาสตร์ขั้นพืน้ ฐานมาออกแบบและ ประดิษฐ์ชิ้นงานได้ 3. ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมิน - นักเรียนเป็นผู้ท่ีมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อันพงึ ประสงค์ คุณลกั ษณะอันพงึ มุ่งมั่นในการทางาน ประสงค์
10.2 เกณฑ์การประเมินผล ระดับคุณภาพ 10.2.1 ด้านความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ - นักเรียนมคี วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั นักเรียนได้ นักเรียนได้ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ ขัน้ พ้นื ฐาน ทาสรปุ ความคิด ทาสรปุ ความคิด ทาสรปุ ความคิด ทาสรปุ ความคดิ รวบยอด 9-10 รวบยอด 7-8 รวบยอด 5-6 รวบยอดตา่ กวา่ 5 คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน ระดับคุณภาพ 10.2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) (4) (3) (2) (1) ดีมาก ปรบั ปรุง - นกั เรียนสามารถนาทกั ษะ นักเรยี นได้ ดี พอใช้ นักเรยี นได้ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ขน้ั คะแนนจาก คะแนนจากการ พืน้ ฐานมาออกแบบและประดิษฐ์ การประเมนิ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ ประเมนิ ชิน้ งานได้ สง่ิ ประดิษฐ์ สงิ่ ประดิษฐ์ต่า 14-16 คะแนน คะแนนจากการ คะแนนจากการ กวา่ 8 คะแนน ประเมิน ประเมิน ส่งิ ประดษิ ฐ์ ส่งิ ประดษิ ฐ์ 11-13 คะแนน 8-10 คะแนน 10.2.3 คุณลักษณะ (A) ระดบั คุณภาพ - นักเรยี นเปน็ ผทู้ ่มี วี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ (4) (3) (2) (1) และม่งุ ม่ันในการทางาน ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ นักเรยี นได้ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมนิ การประเมิน การประเมนิ ประเมิน คณุ ลักษณะ คุณลกั ษณะ คุณลักษณะ คณุ ลักษณะอัน อันพึงประสงค์ อันพงึ ประสงค์ อันพึงประสงค์ พึงประสงค์ตา่ 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน
แบบประเมินส่งิ ประดษิ ฐ์ คาชี้แจง: ให้ครูผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี นแล้วขีด ลงในชอ่ ง ท่ตี รงกับระดับคะแนน พฤติกรรม/ระดับคะแนน ช่ือ - สกลุ การนา ัทกษะกระบวนการทาง รวม ท่ี วิทยาศาสต ์รขั้น ้ืพนฐานมา คะ ออกแบบและประ ิดษฐ์ช้ินงาน แนน การเลือกใ ้ชวัส ุด การนาไปใ ้ชประโยช ์น ความ ิคดส ้รางสรร ์ค 4321432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22
เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเด็นการ (4) ระดับการปฏบิ ัติ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. การนาทักษะ มีการนาทกั ษะ มกี ารนาทกั ษะ มีการนาทกั ษะ มีการนาทกั ษะ กระบวนการ กระบวนการทาง กระบวนการทาง กระบวนการทาง กระบวนการทาง ทางวิทยา วิทยาศาสตร์ขนั้ วทิ ยาศาสตร์ข้นั วิทยาศาสตร์ขน้ั วิทยาศาสตร์ข้ัน ศาสตร์ขั้นพ้ืน พน้ื ฐานมาออกแบบ พนื้ ฐานมาออกแบบ พืน้ ฐานมาออกแบบ พน้ื ฐานมาออกแบบ ฐานมาออกแบบ และประดิษฐช์ ้ินงาน และประดิษฐ์ช้นิ งาน และประดษิ ฐ์ชน้ิ งาน และประดษิ ฐช์ น้ิ งาน และประดษิ ฐ์ 7-8 ทักษะ 5-6 ทกั ษะ 2-4 ทกั ษะ ตา่ กวา่ 2 ทกั ษะ ชิ้นงาน 2. การเลอื กใช้ ใชว้ ัสดุเหลอื ใช้ หาได้ ใช้วสั ดุท่หี าไดใ้ น ใช้วสั ดุทห่ี าได้ใน ใช้วัสดุท่ีมอี ยู่ทัว่ ไป วัสดุ ในท้องถิ่น และเปน็ ทอ้ งถิน่ และเปน็ มิตร ทอ้ งถิ่น และไมเ่ ปน็ และไมเ่ ป็นมติ รกบั มิตรกบั สง่ิ แวดล้อม กับสงิ่ แวดลอ้ ม มติ รกบั สงิ่ แวดล้อม สง่ิ แวดล้อม 3. การนาไปใช้ ส่ิงประดิษฐส์ ามารถ สง่ิ ประดิษฐส์ ามารถ สิง่ ประดิษฐส์ ามารถ สิ่งประดิษฐ์ไม่ ประโยชน์ นาไปใช้ใหเ้ กดิ นาไปใช้ให้เกดิ นาไปใชใ้ ห้เกิด สามารถนาไปใช้ให้ ประโยชนใ์ น ประโยชนใ์ น ประโยชน์ใน เกิดประโยชน์ใน ชีวติ ประจาวันต่อ ชวี ติ ประจาวนั ตอ่ ชีวิตประจาวนั ต่อ ชวี ติ ประจาวนั ได้ ตนเอง ครอบครวั ตนเอง และโรงเรียน ตนเอง และโรงเรียน 4. ความคดิ ใช้ความคิดรเิ ร่มิ ใชค้ วามคิดรเิ ริ่มในการ สามารถประดิษฐ์ ไม่สามารถประดษิ ฐ์ สรา้ งสรรค์ สร้างสรรคใ์ นการ ประดิษฐ์ชิ้นงาน ชนิ้ งาน ช้ินงานได้ ประดิษฐช์ ้นิ งานให้มี คณุ ภาพ เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพต้องได้ระดับคะแนน 2 ขน้ึ ไปจึงจะผ่านเกณฑ์ (8 คะแนน) 14-16 คะแนน อยู่ในระดับดมี าก 11-13 คะแนน อยู่ในระดบั ดี 8-10 คะแนน อยู่ในระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 8 คะแนน อยใู่ นระดบั ควรปรบั ปรงุ สรปุ การประเมิน ผา่ น……………………. ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ไม่ผา่ น……………….. (นางสาวศิรวิ รรณ มนุ ินคา) ………./………./……….
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ยั ส่งงานครบทกุ ช้ิน ส่งงานครบทกุ ชิ้น สง่ งานช้าเปน็ บางคร้ัง สง่ งานช้าเปน็ ประจา ก่อนเวลาท่กี าหนด ตามเวลาทกี่ าหนด หรือไมส่ ง่ งานเลย ทุกครั้ง 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ตงั้ ใจเรียน มคี วาม ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ต้ังใจเรยี น แต่ขาด ไมค่ ่อยตัง้ ใจเรียน พยายามในการ พยายามในการเรยี นรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม ค้นคว้าหาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซักถามคาตอบ ไม่มกี ารซักถามเพ่อื แหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ บอ่ ยครง้ั บางครง้ั หาคาตอบ ซักถามเพอ่ื คาตอบ ทกุ ครั้ง 3. มุง่ มน่ั ในการ มีความกระตือรือรน้ มีความกระตือรอื ร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเรจ็ ถูกตอ้ ง ทางานสาเรจ็ แต่ กระตือรือร้นตอ่ การ ตามเวลาทกี่ าหนด แต่ชา้ เกินเวลาท่ี เนอื้ หาไมถ่ ูกต้อง ทางาน งานไม่เสรจ็ กาหนด บางสว่ น หรอื ไม่ ตามเวลาทกี่ าหนด ถูกต้อง และเน้อื หาไมถ่ กู ตอ้ ง เกณฑ์การประเมนิ ต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้นึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยใู่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดับดี 6-8 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อยู่ในระดับควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศิรวิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232