Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้

แผนการจัดการเรียนรู้

Published by ศิริวรรณ มุนินคํา, 2021-03-10 08:30:18

Description: แผนการจัดการเรียนรู้

Search

Read the Text Version

10. การวดั และการประเมนิ ผล 10.1 การวัดผล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธีการวดั เครื่องมือ 1. ดา้ นความรู้ (K) - นักเรียนสรุปความคิด - สรปุ ความคิดรวบยอด - นักเรียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะการ รวบยอด เรื่อง ทักษะการ เรือ่ ง ทกั ษะการลง พยากรณ์ พยากรณ์ ความเหน็ จากข้อมูล 2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นทากจิ กรรมนัก - กจิ กรรมนักพยากรณ์… - นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้ พยากรณ์…คนเก่ง คนเกง่ ทักษะการพยากรณ์ 3. ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมิน - นักเรียนเป็นผู้ท่ีมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ัน อนั พงึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะอนั พึง ในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑ์การประเมนิ ผล ระดับคณุ ภาพ (1) (4) (3) (2) ปรับปรงุ 10.2.1 ดา้ นความรู้ (K) ดีมาก ดี พอใช้ นักเรยี นได้ นักเรยี นได้ นักเรียนได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ - นักเรยี นมคี วามเข้าใจเกี่ยวกบั คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ สรปุ ความคดิ รวบ ทักษะการพยากรณ์ สรุปความคิด สรปุ ความคดิ สรปุ ความคดิ ยอดตา่ กวา่ 5 รวบยอด 9-10 รวบยอด 7-8 รวบยอด 5-6 คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน 10.2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) (4) ระดับคุณภาพ (1) ดมี าก (3) (2) ปรบั ปรุง - นกั เรียนสามารถปฏบิ ตั ิกิจกรรม นกั เรียนได้ ดี พอใช้ นักเรียนได้ โดยใช้ทักษะการพยากรณ์ คะแนนจาก นักเรยี นได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ การทากิจกรรม คะแนนจากการ คะแนนจากการ รายงานผลการ 14-16 คะแนน ทากิจกรรม ทากจิ กรรม ทากิจกรรมตา่ 11-13 คะแนน 8-10 คะแนน กวา่ 8 คะแนน

10.2.3 คุณลกั ษณะ (A) ระดบั คุณภาพ - นักเรียนเป็นผทู้ ่มี วี ินยั ใฝ่เรียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมงุ่ มัน่ ในการทางาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ นกั เรยี นได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมนิ การประเมนิ การประเมนิ ประเมนิ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คุณลกั ษณะอนั อนั พงึ ประสงค์ อันพึงประสงค์ อนั พึงประสงค์ พึงประสงค์ตา่ 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน

กจิ กรรม นกั พยากรณ์…คนเกง่ สมาชกิ กลุ่ม 1. ชื่อ................................................................................................................เลขที่........................... 2. ชอื่ ................................................................................................................เลขท่.ี .......................... 3. ชื่อ................................................................................................................เลขท่.ี .......................... 4. ชอ่ื ................................................................................................................เลขที่........................... 5. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท.ี่ .......................... 6. ช่ือ................................................................................................................เลขท่.ี ..... ..................... ตอนที่ 1 คาชีแ้ จง: ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปนใ้ี หถ้ ูกต้อง ในการวดั ปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจรหนึง่ ทเ่ี ปลี่ยนคา่ ความตา้ นทานตา่ งๆ โดยมแี รงเคล่ือนไฟฟ้า เท่ากบั 6 โวลต์ ปรากฏผลดงั นี้ ตารางแสดงกระแสไฟฟ้าทค่ี า่ ความตา้ นทานตา่ งๆ ความต้านทาน (R) 100 150 200 250 300 350 400 450 กระแสไฟฟ้า (I) 60 40 30 24 20 17 15 13 (mA) ให้นกั เรยี นพิจารณาวา่ เปน็ การพยากรณ์ประเภทใด 1. เมือ่ ต่อความต้านทาน 180 โอหม์ ในวงจรทมี่ แี รงเคลือ่ นไฟฟ้า 6 โวลต์ จะมกี ระแสไฟฟา้ ไหลในวงจร ประมาณ 34-35 มิลลแิ อมแปร์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. เมอ่ื ต่อความต้านทาน 230 โอห์ม ในวงจรท่มี ีแรงเคลอ่ื นไฟฟา้ 6 โวลต์ จะมีกระแสไฟฟา้ ไหลในวงจร ประมาณ 27-28 มลิ ลแิ อมแปร์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. กระแสไฟฟา้ ไหลในวงจรทม่ี ีแรงเคล่ือนไฟฟ้า 6 โวลต์ เท่ากบั 12 มลิ ลแิ อมแปร์ เมอื่ ตอ่ กับความ ต้านทานประมาณ 500 โอห์ม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. กระแสไฟฟ้าไหลในวงจรทม่ี แี รงเคลอ่ื นไฟฟ้า 6 โวลต์ เท่ากบั 70 มลิ ลแิ อมแปร์ เมอ่ื ตอ่ กับความ ตา้ นทานประมาณ 85 โอห์ม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. กระแสไฟฟ้าไหลในวงจรทม่ี ีแรงเคล่อื นไฟฟา้ 6 โวลต์ เท่ากับ 17 มลิ ลิแอมแปร์ เมอ่ื ตอ่ กับความ ต้านทานประมาณ 350 โอห์ม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ตอนที่ 2 คาชแ้ี จง: ใหน้ ักเรยี นพิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ีว่าเป็นการสังเกต การพยากรณ์ หรอื การลงความ คิดเห็น 1. ภูเขาไฟลูกนัน้ จะระเบดิ ในอีก 2 นาทีข้างหน้า ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. คณุ รไู้ ด้อยา่ งไรว่าภเู ขาไฟลกู น้ันจะระเบดิ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การสน่ั สะเทือนมีสาเหตุมาจากภูเขาไฟ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. มดมีหนวด 2 เสน้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ดินสอแทง่ น้ยี าวประมาณ 15 เซนติเมตร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. คลอรนี ทาให้น้าสะอาด ฆ่าเชื้อโรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. รอยเท้านีเ้ ปน็ รอยเท้าของนกกระยาง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. สมุดเลม่ นม้ี ีปกสีแดง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. ถ้าเมฆมีสคี ล้าและลอยตา่ ต่อมาจะมฝี นตก วันนเ้ี มฆมสี ีคล้าและลอยต่า เดี๋ยวฝนตอ้ งตกแน่ๆ เลย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ถ้านาสาหร่ายหางกระรอก ซ่งึ เปน็ พชื น้ามาปลกู บนดนิ สาหรา่ ยหางหระรอกจะตายหมด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลยกิจกรรม นักพยากรณ์…คนเก่ง สมาชิกกลุ่ม 1. ชอื่ ................................................................................................................เลขที่........................... 2. ชอื่ ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 3. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท่ี........................... 4. ชือ่ ................................................................................................................เลขที.่ .......................... 5. ชอ่ื ................................................................................................................เลขที่........................... 6. ชื่อ................................................................................................................เลขท่ี...... ..................... ตอนท่ี 1 คาชี้แจง: ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนใี้ ห้ถูกต้อง ในการวดั ปริมาณกระแสไฟฟ้าในวงจรหนึง่ ท่เี ปล่ยี นคา่ ความตา้ นทานตา่ งๆ โดยมแี รงเคล่ือนไฟฟา้ เทา่ กบั 6 โวลต์ ปรากฏผลดงั น้ี ตารางแสดงกระแสไฟฟ้าที่คา่ ความต้านทานต่างๆ ความต้านทาน (R) 100 150 200 250 300 350 400 450 กระแสไฟฟา้ (I) 60 40 30 24 20 17 15 13 (mA) ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาว่าเปน็ การพยากรณ์ประเภทใด 1. เมอ่ื ต่อความต้านทาน 180 โอหม์ ในวงจรที่มีแรงเคลอื่ นไฟฟา้ 6 โวลต์ จะมีกระแสไฟฟ้าไหลในวงจร ประมาณ 34-35 มลิ ลิแอมแปร์ เป็นการพยากรณภ์ ายในขอบเขตทมี่ ีอยู่ 2. เม่ือต่อความต้านทาน 230 โอหม์ ในวงจรทีม่ ีแรงเคลือ่ นไฟฟา้ 6 โวลต์ จะมกี ระแสไฟฟ้าไหลในวงจร ประมาณ 27-28 มลิ ลแิ อมแปร์ เปน็ การพยากรณภ์ ายในขอบเขตท่ีมีอยู่ 3. กระแสไฟฟา้ ไหลในวงจรท่ีมีแรงเคล่ือนไฟฟา้ 6 โวลต์ เทา่ กบั 12 มลิ ลแิ อมแปร์ เมื่อตอ่ กับความ ต้านทานประมาณ 500 โอหม์ เปน็ การพยากรณ์ภายนอกขอบเขตท่ีมีอยู่ 4. กระแสไฟฟ้าไหลในวงจรท่ีมีแรงเคล่ือนไฟฟา้ 6 โวลต์ เท่ากับ 70 มลิ ลแิ อมแปร์ เม่ือตอ่ กับความ ตา้ นทานประมาณ 85 โอห์ม เปน็ การพยากรณภ์ ายนอกขอบเขตทมี่ ีอยู่ 5. กระแสไฟฟา้ ไหลในวงจรทม่ี แี รงเคลอ่ื นไฟฟา้ 6 โวลต์ เทา่ กบั 17 มิลลิแอมแปร์ เม่อื ต่อกับความ ต้านทานประมาณ 350 โอหม์ ไมเ่ ป็นการพยากรณ์ เพราะระบุอย่ใู นข้อมูล

ตอนที่ 2 คาช้แี จง: ให้นกั เรียนพจิ ารณาขอ้ ความต่อไปน้ีว่าเป็นการสงั เกต การพยากรณ์ หรือการลงความ คิดเห็น 1. ภูเขาไฟลูกน้นั จะระเบิดในอกี 2 นาทีข้างหน้า เป็นการพยากรณ์ 2. คุณรไู้ ด้อย่างไรว่าภเู ขาไฟลูกนน้ั จะระเบดิ เป็นการสังเกต 3. การสั่นสะเทือนมสี าเหตุมาจากภูเขาไฟ เปน็ การลงความเหน็ ข้อมูล 4. มดมีหนวด 2 เสน้ เปน็ การสังเกต 5. ดนิ สอแทง่ น้ียาวประมาณ 15 เซนติเมตร เป็นการสงั เกตเชงิ ปริมาณ 6. คลอรนี ทาให้น้าสะอาด ฆ่าเช้ือโรค เป็นการลงความคดิ เหน็ 7. รอยเทา้ นเี้ ป็นรอยเท้าของนกกระยาง เป็นการลงความคดิ เห็น 8. สมดุ เล่มนีม้ ีปกสแี ดง เป็นการสังเกต 9. ถา้ เมฆมสี คี ล้าและลอยต่า ต่อมาจะมีฝนตก วนั น้ีเมฆมสี ีคล้าและลอยต่า เด๋ียวฝนต้องตกแนๆ่ เลย เป็นการพยากรณ์ โดยอาศัยข้อมูล เม่ือเมฆมสี คี ลา้ และลอยต่า ต่อมาจะมฝี นตก 10. ถ้านาสาหรา่ ยหางกระรอก ซงึ่ เปน็ พชื น้ามาปลูกบนดิน สาหร่ายหางหระรอกจะตายหมด เป็นการพยากรณ์ โดยอาศัยข้อมูล สาหรา่ ยหางกระรอกเป็นพืชนา้

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเดน็ การ (4) ระดับการปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรับปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ัย สง่ งานครบทุกชิน้ สง่ งานครบทุกช้นิ ส่งงานช้าเปน็ บางครง้ั สง่ งานช้าเป็นประจา ก่อนเวลาท่ีกาหนด ตามเวลาทีก่ าหนด หรือไม่ส่งงานเลย ทุกครงั้ 2. ใฝ่เรยี นรู้ ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ตั้งใจเรยี น มีความ ต้ังใจเรียน แต่ขาด ไมค่ ่อยต้งั ใจเรยี น พยายามในการ พยายามในการเรียนรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม คน้ ควา้ หาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซกั ถามคาตอบ ไมม่ ีการซกั ถามเพื่อ แหลง่ เรียนรู้ต่างๆ บอ่ ยครัง้ บางครงั้ หาคาตอบ ซักถามเพ่ือคาตอบ ทุกครั้ง 3. มงุ่ มน่ั ในการ มคี วามกระตือรอื รน้ มีความกระตือรือร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเร็จถูกต้อง ทางานสาเร็จ แต่ กระตือรอื รน้ ต่อการ ตามเวลาทีก่ าหนด แต่ชา้ เกนิ เวลาที่ เนือ้ หาไมถ่ กู ต้อง ทางาน งานไมเ่ สรจ็ กาหนด บางส่วน หรือไม่ ตามเวลาท่ีกาหนด ถูกต้อง และเนือ้ หาไม่ถกู ต้อง เกณฑ์การประเมินต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้ึนไปจึงจะผ่านเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยูใ่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดบั ดี 6-8 คะแนน อยูใ่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อย่ใู นระดบั ควรปรบั ปรุง สรุปการประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศริ วิ รรณ มุนนิ คา) ไม่ผ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 19 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 - 3 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปีการศกึ ษา 2563 ภาคเรียนท่ี 2 เวลา 2 ชัว่ โมง หนว่ ยที่ 2 เรื่อง ทักษะทางวิทยาศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง ทกั ษะการพยากรณ์ ผู้สอน นางสาว ศริ ิวรรณ มนุ ินคา 1. ผลการเรยี นรู้ 8. ทดลองเกีย่ วกับทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรด์ ้านการทานายหรือคาดคะเนสง่ิ ท่ีจะเกดิ ขึน้ ล่วงหน้าไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายทักษะการพยากรณ์ได้อย่างถูกต้อง (K) 2. นกั เรียนสามารถปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการทดลอง โดยใช้ทกั ษะการพยากรณ์ (P) 3. นกั เรียนเปน็ ผทู้ ี่มีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั ในการทางาน (A) 3. สาระการเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการพยากรณ์ 4. ทักษะการเรยี นรู้ 1. ทักษะวิทยาศาสตร์ - การสังเกต - การทดลอง - การอภปิ รายและลงขอ้ สรปุ 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - มวี นิ ัย - ใฝเ่ รียนรู้ - ม่งุ มั่นในการทางาน 6.สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น/สมรรถนะของศตวรรษท่ี 21 - ความสามารถในการส่ือสาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแก้ปญั หา

7. สาระสาคัญ ทกั ษะการพยากรณ์ (Predicting) หมายถงึ การทานายหรือการคาดคะเนคาตอบ โดยอาศยั ขอ้ มูลที่ได้ จากการสังเกตหรือการทาซ้า ผ่านกระบวนการแปรความหมายของข้อมูลจากสัมพันธ์ภายใต้ความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ ท่ี 1 ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) ครูนาเขา้ สู่บทเรียน โดยใช้คาถามทบทวนส่งิ ท่นี ักเรยี นได้เรียนในคาบท่ีผา่ นมา ดงั นี้ 1. ทักษะการพยากรณ์ หมายถึงอะไร (แนวการตอบ: การทานาย หรือการคาดคะเนส่ิงทีเ่ กดิ ขึ้นล่วงหนา้ โดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากการสงั เกต หรอื ปรากฏการณท์ เี่ กิดขึ้นซ้าๆ) 2. การพยากรณม์ ีกป่ี ระเภท อะไรบ้าง (แนวการตอบ: 2 ประเภท ได้แก่ การพยากรณ์ภายในขอบเขตของข้อมูลที่มีอยู่ และการพยากรณ์ ภายนอกขอบเขตของขอ้ มูลท่ีมีอย่)ู ข้นั ที่ 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูใช้คาถามทดสอบความเข้าใจของนักเรียนเก่ียวกับทักษะการพยากรณ์ จากน้ันครูอธิบายวิธีการ ปฏิบัตกิ จิ กรรมการทดลอง เรื่อง ลอยๆ จมๆ ใหน้ ักเรยี นฟัง 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง เมื่อปฏิบัติกิจกรรมเสร็จตัวแทนแต่ละกลุ่ม ออกมานาเสนอผลการทดลองหนา้ ช้ันเรยี น ขั้นที่ 3 ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) ครูและนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายและลงขอ้ สรปุ โดยใชค้ าถาม ดงั นี้ 1. เมอ่ื ปิดปากขวดพลาสติกผลการทดลองเปน็ อย่างไร (แนวการตอบ: ลกู ปงิ ปองลอย) 2. เมอื่ เปิดปากขวดพลาสติกผลการทดลองเปน็ อยา่ งไร (แนวการตอบ: ลกู ปงิ ปองจมน้า) 3. การพยากรณ์ การลงความคดิ เหน็ และการสังเกตมคี วามแตกต่างกนั อยา่ งไร (แนวการตอบ: การพยากรณ์เป็นการคาดคะเนผลท่ีจะเกิดข้ึนล่วงหน้า โดยอาศัยกฎ ทฤษฎี รวมทั้ง ข้อมูลท่ีได้จากการสังเกตหรือประสบการณ์เดิม การลงความคิดเห็นเป็นการอธิบายผลที่ได้จากการ สังเกตโดยใช้ประสบการณ์เดิม และการสังเกตเป็นการสังเกตวัตถุต่างๆ ตามความเป็นจริง โดยไม่ลง ความคิดเหน็ )

ขั้นที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูใหค้ วามร้เู พม่ิ เติมเกยี่ วกับพฤติกรรมที่แสดงว่าเกิดทักษะการพยากรณ์ ดังนี้ 1. ทานายผลทจ่ี ะเกิดขนึ้ จากข้อมูลทเ่ี ป็นหลกั การ กฎ หรอื ทฤษฎีท่ีมีอยู่ได้ 2. ทานายผลที่จะเกดิ ข้ึนภายในขอบเขตของข้อมูลเชงิ ปรมิ าณทม่ี ีอยไู่ ด้ 3. ทานายผลทีจ่ ะเกดิ ขนึ้ ภายนอกขอบเขตของข้อมูลเชิงปรมิ าณทมี่ ีอยูไ่ ด้ ขนั้ ท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ ผล (Evaluation) 1. ครใู ห้นกั เรียนทาใบงาน เร่ือง ทักษะการพยากรณ์ 2. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปรายเก่ยี วกบั “ทกั ษะการพยากรณ”์ 3. นกั เรียนแต่ละคนพิจารณาว่า มจี ุดใดบา้ งท่ียังไมเ่ ข้าใจหรือยงั มีข้อสงสยั ถ้ามคี รชู ่วยอธิบายเพิ่มเติมให้ นักเรียนเข้าใจ 9. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 9.1 ส่อื - ส่ือการสอน Power Point เรอ่ื ง ทักษะการพยากรณ์ - กิจกรรมการทดลอง เรือ่ ง ลอยๆ จมๆ - ใบงาน เรือ่ ง ทักษะการพยากรณ์ - แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 9.2 แหลง่ การเรยี นรู้ - ห้องเรยี นวิทยาศาสตร์ - หอ้ งสมุดโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 10. การวัดและการประเมินผล 10.1 การวดั ผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีการวัด เคร่ืองมอื 1. ด้านความรู้ (K) - นักเรียนทาใบงาน เรื่อง - ใบงาน เร่อื ง ทกั ษะการ - นกั เรยี นสามารถอธบิ ายทักษะการ ทักษะการพยากรณ์ ลงความเหน็ จากขอ้ มูล พยากรณไ์ ด้อยา่ งถูกต้อง 2. ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นทารายงานผล - รายงานผลการทดลอง - นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมการ การทดลอง เรือ่ ง ลอยๆ เรื่อง ลอยๆ จมๆ ทดลอง โดยใช้ทกั ษะการพยากรณ์ จมๆ

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีการวดั เคร่ืองมือ 3. ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมิน - นักเรียนเป็นผู้ท่ีมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อนั พึงประสงค์ คุณลักษณะอนั พงึ มุ่งมัน่ ในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑ์การประเมินผล (4) ระดับคณุ ภาพ (1) ดีมาก (3) (2) ปรบั ปรงุ 10.2.1 ด้านความรู้ (K) นักเรียนได้ ดี พอใช้ นักเรียนได้ คะแนนจากการ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ - นกั เรียนสามารถอธิบายทักษะ ทาใบงาน 9-10 คะแนนจากการ คะแนนจากการ ทาใบงานต่ากว่า การพยากรณ์ได้อย่างถูกตอ้ ง คะแนน ทาใบงาน 7-8 ทาใบงาน 5-6 5 คะแนน คะแนน คะแนน 10.2.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) (4) ระดบั คณุ ภาพ (1) ดมี าก (3) (2) ปรบั ปรุง - นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั กิ จิ กรรม นักเรียนได้ ดี พอใช้ นักเรียนได้ การทดลอง โดยใช้ทกั ษะการ คะแนนจาก นกั เรียนได้ นักเรียนได้ คะแนนจากการ พยากรณ์ การทารายงาน คะแนนจากการ คะแนนจากการ รายงานผลการ ผลการทดลอง ทารายงานผล ทารายงานผล ทดลองตา่ กวา่ 8 14-16 คะแนน การทดลอง การทดลอง คะแนน 11-13 คะแนน 8-10 คะแนน 10.2.3 คุณลกั ษณะ (A) ระดับคณุ ภาพ - นกั เรียนเปน็ ผู้ที่มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมงุ่ มั่นในการทางาน ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง นักเรยี นได้ นกั เรยี นได้ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมิน การประเมิน การประเมิน ประเมิน คุณลกั ษณะ คณุ ลักษณะ คุณลกั ษณะ คณุ ลกั ษณะอัน อนั พงึ ประสงค์ อนั พงึ ประสงค์ อันพงึ ประสงค์ พึงประสงค์ตา่ 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน

ใบงาน เรอ่ื ง ทักษะการพยากรณ์ คาชีแ้ จง: ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปนใ้ี หถ้ กู ต้อง 1. ความต้านทานของลวดทองแดงที่อุณหภูมิตา่ งๆ อุณหภูมิ (องศาเซลเซียส) ความตา้ นทาน (โอห์ม) 20 108 25 110 30 112 35 114 40 116 1.1 ถา้ อุณหภมู เิ ท่ากับ 45 องศาเซลเซยี ส ลวดทองแดงจะมีความต้านทานประมาณกโ่ี อห์ม …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 จากข้อที่ 1.1 เป็นการพยากรณป์ ระเภทใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จากตารางแสดงอายุของสัตว์และปรมิ าณอาหารที่กนิ ในแตล่ ะวัน เปน็ ดงั นี้ อายุ (ปี) 1.4 1.9 3.5 5.2 7.4 8.6 9.8 ปริมาณอาหาร 4.8 6.1 7.4 8.1 7.8 5.2 2.7 (กิโลกรัม/วัน) a. ถา้ สตั ว์อายุ 0.8 ปี ปริมาณอาหารทีส่ ัตวก์ ินวันหนงึ่ ๆ เปน็ เท่าใดและเปน็ การพยากรณ์ ประเภทใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… b. ถา้ สตั ว์อายุ 7 ปี ปริมาณอาหารทส่ี ัตวก์ ินวนั หน่ึงๆ เป็นเท่าใดและเป็นการพยากรณป์ ระเภท ใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… c. ถา้ สัตวอ์ ายุ 10 ปี ปรมิ าณอาหารที่สัตว์กนิ วันหนึ่งๆ เป็นเท่าใดและเป็นการพยากรณ์ประเภท ใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาข้อมูลท่ีใหต้ ่อไปน้ี แลว้ พยากรณล์ ว่ งหน้า การพยากรณล์ ว่ งหนา้ ขอ้ คาถาม 3.1 นกกินพชื เปน็ อาหาร ถา้ ปรมิ าณพืชลดลง นกจะเปน็ อย่างไร 3.2 ดาวเสาร์มีความหนาแนน่ น้อยกว่าน้า ถา้ สามารถนาดาว เสาร์ไปลอยในแอง่ นา้ ได้ จะเป็นอยา่ งไร 3.3 ตน้ มะลิเป็นพืชทต่ี ้องการปรมิ าณแสงมาก ถา้ นาตน้ มะลิ ไปปลูกในท่รี ่ม ต้นมะลิจะเป็นอยา่ งไร

เฉลยใบงาน เร่ือง ทกั ษะการพยากรณ์ คาชี้แจง: ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปนใ้ี ห้ถกู ต้อง 1. ความตา้ นทานของลวดทองแดงที่อุณหภูมิตา่ งๆ ความตา้ นทาน (โอห์ม) อณุ หภูมิ (องศาเซลเซยี ส) 108 20 110 25 112 30 114 35 116 40 1.1 ถา้ อุณหภมู เิ ท่ากับ 45 องศาเซลเซียส ลวดทองแดงจะมีความตา้ นทานประมาณกโ่ี อห์ม ประมาณ 118 โอห์ม 1.2 จากข้อท่ี 1.1 เปน็ การพยากรณป์ ระเภทใด การพยากรณ์ภายนอกขอบเขตข้อมูลที่มีอยู่ 2. จากตารางแสดงอายุของสัตวแ์ ละปรมิ าณอาหารท่ีกนิ ในแตล่ ะวนั เป็นดังนี้ อายุ (ปี) 1.4 1.9 3.5 5.2 7.4 8.6 9.8 ปริมาณอาหาร 4.8 6.1 7.4 8.1 7.8 5.2 2.7 (กโิ ลกรัม/วัน) 2.1 ถา้ สัตวอ์ ายุ 0.8 ปี ปรมิ าณอาหารทส่ี ัตว์กนิ วนั หน่งึ ๆ เป็นเท่าใดและเป็นการพยากรณ์ประเภทใด ประมาณ 3.4 กิโลกรมั /วนั เป็นการพยากรณ์ภายนอกขอบเขตข้อมลู ที่มีอยู่ 2.2 ถา้ สตั วอ์ ายุ 7 ปี ปริมาณอาหารท่ีสัตว์กินวนั หน่ึงๆ เปน็ เทา่ ใดและเป็นการพยากรณป์ ระเภทใด ประมาณ 7.4 กโิ ลกรมั /วนั เป็นการพยากรณภ์ ายในขอบเขตขอ้ มลู ท่มี ีอยู่ 2.3 ถ้าสัตวอ์ ายุ 10 ปี ปรมิ าณอาหารที่สัตว์กนิ วันหน่งึ ๆ เปน็ เท่าใดและเปน็ การพยากรณ์ประเภทใด ประมาณ 1.4 กโิ ลกรมั /วนั เป็นการพยากรณ์ภายนอกขอบเขตข้อมลู ทม่ี ีอยู่

3. ใหน้ กั เรียนศึกษาข้อมลู ท่ีใหต้ อ่ ไปน้ี แล้วพยากรณ์ล่วงหนา้ การพยากรณ์ล่วงหน้า ข้อ คาถาม นกไม่มอี าหารกนิ นกจะตาย 3.1 นกกินพืชเป็นอาหาร ถ้าปรมิ าณพืชลดลง นกจะเปน็ และจานวนนกจะลดลง อยา่ งไร ดาวเสาร์ลอยนา้ ได้ 3.2 ดาวเสาร์มีความหนาแน่นน้อยกวา่ น้า ถา้ สามารถนาดาว เสารไ์ ปลอยในแอง่ น้าได้ จะเปน็ อย่างไร ต้นมะลไิ มเ่ จริญเตบิ โต และ 3.3 ต้นมะลเิ ปน็ พืชท่ีตอ้ งการปริมาณแสงมาก ถา้ นาต้นมะลิ อาจจะตาย ไปปลกู ในที่รม่ ต้นมะลิจะเป็นอยา่ งไร

บทปฏิบตั ิการ เร่ือง ลอยๆ จมๆ จุดประสงคข์ องการทดลอง 1. นักเรยี นสามารถอธบิ ายความหมายและมีทักษะในการพยากรณ์ วสั ดุอุปกรณ์ 1. นา้ 1,000 cm3 2. ถงั นา้ 1 ใบ 3. ปากขวดพลาสติก+ฝา 1 อนั 4. ลกู ปิงปอง 1 ลกู วิธกี ารทดลอง 1. นาปากขวดพลาสติกปิดฝาให้แน่น ใสล่ กู ปิงปองลงในปากขวดพลาสติกดงั รูปด้านลา่ ง 2. ให้นักเรยี นคาดคะเนก่อนเตมิ นา้ ลงไป ว่าลกู ปิงปองจะเป็นอย่างไร บนั ทึกผลการคาดคะเนลงในตาราง บนั ทกึ กจิ กรรม จากนน้ั จงึ เติมนา้ ลงไปในปากขวดพลาสติกจากข้อท่ี 1 3. ทาเช่นเดยี วกบั ข้อ 1 และ 2 แตไ่ มป่ ิดฝาทีป่ ากขวดพลาสติก

รายงานผลการทดลอง เรอ่ื ง ลอยๆ จมๆ วนั ทท่ี าการทดลอง.....................................................................................................เวลา................................. สมาชกิ กลุ่ม 1. ชื่อ................................................................................................................เลขที.่ .......................... 2. ชอื่ ................................................................................................................เลขที.่ .......................... 3. ชื่อ................................................................................................................เลขท่.ี .......................... 4. ช่อื ................................................................................................................เลขที่........................... 5. ชื่อ................................................................................................................เลขท.่ี ..... ..................... 6. ชื่อ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... ตารางบนั ทึกผลการทดลอง ลักษณะของปากขวดพลาสติก การคาดคะเน ผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. อภิปรายผลการทดลอง ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. ................................................. คาถามหลงั การทดลอง 1. การคาดคะเนกับผลการทดลองจริงเป็นอย่างไร เพราะเหตุใด ..................................................................................................................................... ......................................... ......................................................................................... ................................................................................. .... 2. นกั เรียนมีวธิ ีการทาแบบอ่ืนอย่างไรบ้าง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเดน็ การ (4) ระดับการปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรับปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ัย สง่ งานครบทุกชิน้ สง่ งานครบทุกช้นิ ส่งงานช้าเปน็ บางครง้ั สง่ งานช้าเป็นประจา ก่อนเวลาท่ีกาหนด ตามเวลาทีก่ าหนด หรือไม่ส่งงานเลย ทุกครงั้ 2. ใฝ่เรยี นรู้ ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ตั้งใจเรยี น มีความ ต้ังใจเรียน แต่ขาด ไมค่ ่อยต้งั ใจเรยี น พยายามในการ พยายามในการเรียนรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม คน้ ควา้ หาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซกั ถามคาตอบ ไม่มีการซกั ถามเพื่อ แหลง่ เรียนรู้ต่างๆ บอ่ ยครัง้ บางครงั้ หาคาตอบ ซักถามเพ่ือคาตอบ ทุกครั้ง 3. มงุ่ มน่ั ในการ มคี วามกระตือรอื รน้ มีความกระตือรือร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเร็จถูกต้อง ทางานสาเร็จ แต่ กระตือรอื รน้ ต่อการ ตามเวลาทีก่ าหนด แต่ชา้ เกนิ เวลาที่ เนือ้ หาไมถ่ กู ต้อง ทางาน งานไมเ่ สรจ็ กาหนด บางส่วน หรือไม่ ตามเวลาท่ีกาหนด ถูกต้อง และเนือ้ หาไม่ถกู ต้อง เกณฑ์การประเมินต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้ึนไปจึงจะผ่านเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยูใ่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดบั ดี 6-8 คะแนน อยูใ่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อย่ใู นระดบั ควรปรบั ปรุง สรุปการประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศริ วิ รรณ มุนนิ คา) ไม่ผ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3 กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปกี ารศกึ ษา 2563 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 2 ช่วั โมง หน่วยที่ 2 เรอ่ื ง ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรู้ เร่อื ง ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ ้นั พื้นฐาน ผสู้ อน นางสาว ศิริวรรณ มุนินคา 1. ผลการเรียนรู้ 9. นาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานมาใช้ออกแบบและประดิษฐ์ช้ินงานได้อย่าง สร้างสรรค์ 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นักเรียนมคี วามเข้าใจเก่ียวกบั ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน (K) 2. นักเรียนสามารถนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ข้ันพ้ืนฐานมาออกแบบและประดิษฐ์ ชิ้นงานได้ (P) 3. นักเรยี นเปน็ ผู้ทมี่ ีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ และม่งุ มั่นในการทางาน (A) 3. สาระการเรยี นรู้ 1. ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพน้ื ฐาน 8 ทักษะ 4. ทกั ษะการเรียนรู้ 1. ทักษะวทิ ยาศาสตร์ - การสังเกต - การทดลอง - การอภปิ รายและลงข้อสรุป 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - มวี ินยั - ใฝเ่ รยี นรู้ - มงุ่ ม่ันในการทางาน

7.สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน/สมรรถนะของศตวรรษที่ 21 - ความสามารถในการส่อื สาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแก้ปัญหา 8. สาระสาคัญ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพ้ืนฐาน 8 ทักษะ ได้แก่ ทักษะการสังเกต ทักษะการวัด ทักษะการคานวณ ทักษะการจาแนกประเภท ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปส กับเวลาทักษะการจัดกระทาและส่ือความหมายข้อมูล ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล และทักษะการ พยากรณ์ 9. กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) ครนู าเขา้ สู่บทเรียน โดยการทบทวนความรทู้ ่นี กั เรียนไดเ้ รียนในคาบทีผ่ า่ นมา ดังน้ี 1. ทกั ษะการพยากรณค์ ืออะไร (แนวการตอบ: การทานาย หรือการคาดคะเนส่ิงทเี่ กดิ ข้ึนลว่ งหน้า โดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากการสังเกต หรือปรากฏการณ์ที่เกดิ ขึน้ ซ้าๆ) 2. พฤตกิ รรมทแ่ี สดงวา่ เกิดทักษะการพยากรณ์มีกป่ี ระเภท อะไรบ้าง (แนวการตอบ: 3 ประเภท ได้แก่ ทานายผลที่จะเกิดขึ้นจากข้อมูลที่เป็นหลักการ กฎ หรือทฤษฎีที่มี อยู่ได,้ ทานายผลทจ่ี ะเกิดข้นึ ภายในขอบเขตของข้อมลู เชิงปริมาณที่มีอยู่ได้ และทานายผลทจ่ี ะเกิดข้ึน ภายนอกขอบเขตของขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณท่ีมีอยไู่ ด้) ขน้ั ท่ี 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสืบค้นและศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน 8 ทกั ษะจากห้องสมดุ โรงเรียนหรอื อนิ เทอร์เนต็ 2. หลังจากที่นักเรียนศึกษาเสร็จ ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันออกแบบและประดิษฐ์ชิ้นงาน โดยใช้ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ข้ันพ้ืนฐาน 3. เมื่อนักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบและประดิษฐ์ชิ้นงานเสร็จ ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอหน้าช้ัน เรยี น

ขน้ั ที่ 3 ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายและลงขอ้ สรุป โดยใชค้ าถาม ดงั น้ี 1. สง่ิ ประดษิ ฐ์กลมุ่ ของนักเรียนมีช่ือว่าอะไร (แนวการตอบ: ตามความคดิ ของนกั เรยี น) 2. นกั เรยี นมแี นวคิดในการออกแบบสงิ่ ประดษิ ฐ์กลุ่มของนกั เรยี นอย่างไร (แนวการตอบ: ตามความคดิ ของนกั เรียน) 3. แล้วนักเรียนนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานมาออกแบบและประดิษฐ์ช้ินงานได้ อย่างไร (แนวการตอบ: ตามความคิดของนักเรยี น) 4. ส่งิ ประดษิ ฐ์กลุ่มของนักเรยี นสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้อย่างไร (แนวการตอบ: ตามความคิดของนกั เรียน) ขั้นที่ 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูให้ความรูเ้ พิ่มเติมเกีย่ วกบั ประเภททกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ดงั น้ี ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์เป็นทกั ษะแสวงหาความรู้ และแนวทางสาหรับการแกไ้ ขปัญหา เป็นแนวทางที่พฒั นาข้นึ ตามหลักสตู ร science a process approach (SAPA) ของสมาคมอเมริกนั เพ่ือ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ (The American association for the advancement of science) ประกอบดว้ ยทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 13 ทักษะ แบง่ เปน็ 2 ระดับ คือ 1. ระดบั ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ นั้ พ้นื ฐาน 8 ทกั ษะ เหมาะสาหรบั ระดบั การศกึ ษาปฐมวยั 2. ระดับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ น้ั บูรณาการ 5 ทักษะ เหมาะสาหรบั ระดับการศึกษามธั ยมวยั 1. ระดับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขน้ั พ้ืนฐาน 8 ทกั ษะ เป็นทักษะเพื่อการแสวงหาความรูท้ ัว่ ไป ประกอบด้วย 1. ทักษะการสังเกต 2. ทักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล 3. ทักษะการจาแนกประเภท 4. ทักษะการวดั 5. ทักษะการใช้ตวั เลข 6. ทักษะการสือ่ ความหมายข้อมูล 7. ทักษะการพยากรณ์ 8. ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกบั เวลา 2. ระดบั ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ข้นั บรู ณาการ 5 ทักษะ เป็นทกั ษะกระบวนการขน้ั สูงท่ีมีความ ซบั ซอ้ นมากขึ้น เพ่ือแสวงหาความรู้ โดยใชท้ กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ข้นั พื้นฐานเปน็ พ้นื ฐานในการ พฒั นา ประกอบด้วย 1. ทกั ษะการกาหนดและควบคุมตัวแปร 2. ทักษะการตงั้ สมมุตฐิ าน

3. ทกั ษะการกาหนดนิยามเชงิ ปฏิบตั กิ าร 4. ทักษะการทดลอง 5. ทกั ษะการตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรุป ขน้ั ที่ 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) 1. ทครใู ห้นกั เรยี นการสรุปความคดิ รวบยอด เรอ่ื ง ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ ้ันพน้ื ฐาน 2. ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายเกย่ี วกบั “ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรข์ ้นั พนื้ ฐาน 3. นกั เรียนแตล่ ะคนพิจารณาว่า มีจุดใดบา้ งท่ียงั ไมเ่ ข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามีครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้ นกั เรยี นเขา้ ใจ 9. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 9.1 สือ่ - สื่อการสอน Power Point เรือ่ ง ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ขนั้ พนื้ ฐาน - การสรุปความคิดรวบยอด เรือ่ ง ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ ้ันพื้นฐาน - แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ - หอ้ งเรียนวทิ ยาศาสตร์ - หอ้ งสมุดโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 10. การวัดและการประเมินผล 10.1 การวัดผล จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธกี ารวัด เคร่อื งมอื 1. ด้านความรู้ (K) - นักเรยี นทาสรุป - สรปุ ความคดิ รวบยอด - นกั เรยี นมีความเข้าใจเก่ยี วกับทกั ษะ ความคดิ รวบยอด เรอ่ื ง เรือ่ ง ทักษะกระบวนการ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขนั้ พื้นฐาน ทักษะกระบวนการทาง ทางวิทยาศาสตร์ข้นั วทิ ยาศาสตรข์ ัน้ พื้นฐาน พื้นฐาน 2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นออกแบบและ - แบบประเมนิ - นักเรียนสามารถนาทักษะกระบวนการ ประดิษฐ์ชน้ิ งาน ส่ิงประดิษฐ์ของนักเรยี น ทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานมาออกแบบและ ประดษิ ฐ์ชิน้ งานได้ 3. ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมนิ - นักเรียนเป็นผู้ที่มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อนั พงึ ประสงค์ คุณลกั ษณะอนั พึง มุ่งมนั่ ในการทางาน ประสงค์

10.2 เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ระดบั คณุ ภาพ 10.2.1 ดา้ นความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ - นักเรยี นมคี วามเข้าใจเก่ียวกบั นกั เรยี นได้ นักเรยี นได้ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ ขนั้ พ้นื ฐาน ทาสรุปความคิด ทาสรุปความคดิ ทาสรปุ ความคิด ทาสรุปความคดิ รวบยอด 9-10 รวบยอด 7-8 รวบยอด 5-6 รวบยอดตา่ กว่า 5 คะแนน คะแนน คะแนน คะแนน ระดับคุณภาพ 10.2.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) (4) (3) (2) (1) ดีมาก ปรับปรุง - นักเรียนสามารถนาทักษะ นักเรยี นได้ ดี พอใช้ นกั เรยี นได้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขนั้ คะแนนจาก คะแนนจากการ พืน้ ฐานมาออกแบบและประดิษฐ์ การประเมนิ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ ประเมนิ ช้นิ งานได้ สิ่งประดิษฐ์ สิ่งประดษิ ฐ์ตา่ 14-16 คะแนน คะแนนจากการ คะแนนจากการ กวา่ 8 คะแนน ประเมนิ ประเมนิ ส่งิ ประดษิ ฐ์ สง่ิ ประดิษฐ์ 11-13 คะแนน 8-10 คะแนน 10.2.3 คุณลักษณะ (A) ระดับคณุ ภาพ - นกั เรยี นเป็นผ้ทู ี่มวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมงุ่ มั่นในการทางาน ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง นกั เรยี นได้ นักเรยี นได้ นักเรยี นได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมิน การประเมิน การประเมนิ ประเมิน คณุ ลักษณะ คณุ ลักษณะ คณุ ลักษณะ คณุ ลกั ษณะอนั อันพึงประสงค์ อนั พงึ ประสงค์ อนั พึงประสงค์ พงึ ประสงค์ตา่ 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน

แบบประเมินส่ิงประดิษฐ์ คาชี้แจง: ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียนแล้วขีด ลงในช่อง ท่ีตรงกับระดับคะแนน พฤตกิ รรม/ระดบั คะแนน ช่ือ - สกลุ การนา ัทกษะกระบวนการทาง รวม ท่ี วิทยาศาสต ์รขั้น ้ืพนฐานมา คะ ออกแบบและประดิษฐ์ช้ินงาน แนน การเ ืลอกใ ้ช ัวสดุ การนาไปใ ้ชประโยช ์น ความ ิคดสร้างสรรค์ 4321432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเดน็ การ (4) ระดบั การปฏิบตั ิ (1) ประเมิน ดมี าก (3) (2) ปรับปรุง ดี พอใช้ 1. การนาทักษะ มีการนาทักษะ มีการนาทักษะ มกี ารนาทักษะ มีการนาทักษะ กระบวนการ กระบวนการทาง กระบวนการทาง กระบวนการทาง กระบวนการทาง ทางวทิ ยา วทิ ยาศาสตร์ขน้ั วิทยาศาสตร์ข้นั วทิ ยาศาสตร์ขั้น วทิ ยาศาสตร์ขน้ั ศาสตร์ขน้ั พ้ืน พน้ื ฐานมาออกแบบ พน้ื ฐานมาออกแบบ พืน้ ฐานมาออกแบบ พืน้ ฐานมาออกแบบ ฐานมาออกแบบ และประดิษฐ์ชนิ้ งาน และประดิษฐ์ชน้ิ งาน และประดิษฐ์ชิ้นงาน และประดิษฐ์ชิ้นงาน และประดิษฐ์ 7-8 ทกั ษะ 5-6 ทกั ษะ 2-4 ทักษะ ต่ากวา่ 2 ทักษะ ช้นิ งาน 2. การเลือกใช้ ใช้วัสดุเหลอื ใช้ หาได้ ใช้วัสดทุ ห่ี าได้ใน ใช้วสั ดทุ หี่ าได้ใน ใชว้ ัสดทุ ่ีมอี ย่ทู ว่ั ไป วัสดุ ในทอ้ งถน่ิ และเป็น ทอ้ งถิน่ และเป็นมติ ร ท้องถิ่น และไม่เปน็ และไมเ่ ปน็ มติ รกบั มิตรกับสง่ิ แวดลอ้ ม กบั สิ่งแวดลอ้ ม มติ รกบั สง่ิ แวดล้อม สิง่ แวดล้อม 3. การนาไปใช้ ส่งิ ประดิษฐ์สามารถ สงิ่ ประดษิ ฐส์ ามารถ สิ่งประดิษฐ์สามารถ สิ่งประดิษฐไ์ ม่ ประโยชน์ นาไปใชใ้ หเ้ กิด นาไปใชใ้ ห้เกิด นาไปใช้ให้เกิด สามารถนาไปใชใ้ ห้ ประโยชนใ์ น ประโยชนใ์ น ประโยชนใ์ น เกิดประโยชน์ใน ชีวิตประจาวันตอ่ ชวี ติ ประจาวนั ตอ่ ชีวติ ประจาวนั ตอ่ ชีวติ ประจาวันได้ ตนเอง ครอบครวั ตนเอง และโรงเรียน ตนเอง และโรงเรยี น 4. ความคิด ใช้ความคิดริเร่มิ ใช้ความคดิ รเิ ริ่มในการ สามารถประดิษฐ์ ไมส่ ามารถประดิษฐ์ สร้างสรรค์ สร้างสรรค์ในการ ประดษิ ฐช์ ิ้นงาน ชน้ิ งาน ช้นิ งานได้ ประดษิ ฐ์ช้นิ งานใหม้ ี คณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพต้องได้ระดบั คะแนน 2 ขน้ึ ไปจงึ จะผา่ นเกณฑ์ (8 คะแนน) 14-16 คะแนน อยู่ในระดับดมี าก 11-13 คะแนน อยใู่ นระดบั ดี 8-10 คะแนน อยใู่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 8 คะแนน อย่ใู นระดบั ควรปรบั ปรุง สรปุ การประเมนิ ผา่ น……………………. ลงชื่อ…………………………………………ผปู้ ระเมนิ ไมผ่ ่าน……………….. (นางสาวศริ วิ รรณ มุนนิ คา) ………./………./……….

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเดน็ การ (4) ระดับการปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรับปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ัย สง่ งานครบทุกชิน้ สง่ งานครบทุกช้นิ ส่งงานช้าเปน็ บางครง้ั สง่ งานช้าเป็นประจา ก่อนเวลาท่ีกาหนด ตามเวลาทีก่ าหนด หรือไม่ส่งงานเลย ทุกครงั้ 2. ใฝ่เรยี นรู้ ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ตั้งใจเรยี น มีความ ต้ังใจเรียน แต่ขาด ไมค่ ่อยต้งั ใจเรยี น พยายามในการ พยายามในการเรียนรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม คน้ ควา้ หาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซกั ถามคาตอบ ไม่มีการซกั ถามเพื่อ แหลง่ เรียนรู้ต่างๆ บอ่ ยครัง้ บางครงั้ หาคาตอบ ซักถามเพ่ือคาตอบ ทุกครั้ง 3. มงุ่ มน่ั ในการ มคี วามกระตือรอื รน้ มีความกระตือรือร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเร็จถูกต้อง ทางานสาเร็จ แต่ กระตือรอื รน้ ต่อการ ตามเวลาทีก่ าหนด แต่ชา้ เกนิ เวลาที่ เนือ้ หาไมถ่ กู ต้อง ทางาน งานไมเ่ สรจ็ กาหนด บางส่วน หรือไม่ ตามเวลาท่ีกาหนด ถูกต้อง และเนือ้ หาไม่ถกู ต้อง เกณฑ์การประเมินต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้ึนไปจึงจะผ่านเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยูใ่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดบั ดี 6-8 คะแนน อยูใ่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อย่ใู นระดบั ควรปรบั ปรุง สรุปการประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศริ วิ รรณ มุนนิ คา) ไม่ผ่าน……………….. ………./………./……….






Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook