Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้

แผนการจัดการเรียนรู้

Published by ศิริวรรณ มุนินคํา, 2021-03-10 08:30:18

Description: แผนการจัดการเรียนรู้

Search

Read the Text Version

แบบบนั ทกึ : เกมหยดอยา่ งไร 1. อุปกรณ์วทิ ยาศาสตรท์ ใี่ ช้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จานวนหยดของสารละลายวติ ามินซี สมาชิกคนท่ี จานวนหยด วิธกี ารหาค่าเฉล่ยี 1 2 3 4 5 เฉล่ีย

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ คาชี้แจง: ให้ครูผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียนแล้วขีด ลงในช่อง ท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน พฤตกิ รรม/ระดบั คะแนน ชื่อ - สกลุ ความสนใจในการทา รวม ที่ กิจกรรม คะ แนน การ ีม ่สวนร่วมในการ แสดงความ ิคดเห็น การตอบคาถาม การยอมรับฟังความ คิดเห็น ูผ้ ื่อน การทางานตามที่ได้รับ มอบหมาย 43214321432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเด็นการ (4) ระดบั การปฏบิ ัติ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรับปรุง มีความสนใจดีมาก ดี พอใช้ ไม่ให้ความสนใจ 1. ความสนใจ และให้ความรว่ มมือใน มีความสนใจดี และให้ มีความสนใจพอใช้ และความรว่ มมือใน ในการทา การทากิจกรรม ความรว่ มมือในการ และใหค้ วามรว่ มมอื การทากจิ กรรม กิจกรรม ทากิจกรรมบอ่ ยครง้ั ในการทากิจกรรม หรือให้แตเ่ ล็กน้อย ไมแ่ สดงความ 2. การมีสว่ น มกี ารแสดงความ บางครั้ง คิดเห็นเลย รว่ มในการ คิดเหน็ ทุกครง้ั มกี ารแสดงความ มกี ารแสดงความ แสดงความ คิดเหน็ บอ่ ยครัง้ คิดเห็นบางคร้งั ไม่มีการตอบคาถาม คิดเหน็ มกี ารตอบคาถาม และ และถามในสิง่ ที่ ถามในสิง่ ทีส่ งสัยทกุ มกี ารตอบคาถาม มกี ารตอบคาถาม สงสัยเลย 3. การตอบ คร้งั ไม่ยอมรับฟังความ คาถาม มีการยอมรบั ฟังความ และถามในสิง่ ทส่ี งสัย และถามในสิง่ ท่ี คดิ เหน็ ผอู้ น่ื เลย คดิ เห็นผู้อื่นทุกครัง้ 4. การยอมรบั บ่อยครงั้ สงสัยบางคร้งั ไม่ทางานตามท่ี ฟังความ ทางานตามท่ีไดร้ บั ไดร้ บั มอบหมาย คดิ เห็นผ้อู ื่น มอบหมาย และส่งงาน มกี ารยอมรบั ฟังความ มีการยอมรบั ฟัง และไมส่ ง่ งานเลย ก่อนเวลาท่ีกาหนดทุก 5. การทางาน คร้ัง คิดเห็นผู้อนื่ บ่อยครัง้ ความคดิ เห็นผ้อู ่ืน ตามทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย บางครั้ง ทางานตามทีไ่ ดร้ บั ทางานตามท่ไี ดร้ ับ มอบหมาย และสง่ มอบหมาย และส่ง งานตามเวลาที่ งานเลยเวลาท่ี กาหนด กาหนดบางคร้ัง เกณฑ์การตดั สินคุณภาพตอ้ งได้ระดบั คะแนน 2 ขนึ้ ไป จึงจะผ่านเกณฑ์ (10 คะแนน) 18-20 คะแนน อยู่ในระดับดีมาก 14-17 คะแนน อยใู่ นระดบั ดี 10-13 คะแนน อยใู่ นระดับพอใช้ ตา่ กว่า 10 คะแนน อยู่ในระดับควรปรับปรุง สรุปการประเมิน ลงชือ่ …………………………………………ผปู้ ระเมิน ผา่ น……………………. (นางสาวศริ วิ รรณ มุนินคา) ไมผ่ ่าน……………….. ………./………./……….

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเดน็ การ (4) ระดับการปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรับปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ัย สง่ งานครบทุกชิน้ สง่ งานครบทุกช้นิ ส่งงานช้าเปน็ บางครง้ั สง่ งานช้าเป็นประจา ก่อนเวลาท่ีกาหนด ตามเวลาทีก่ าหนด หรือไม่ส่งงานเลย ทุกครงั้ 2. ใฝ่เรยี นรู้ ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ตั้งใจเรยี น มีความ ต้ังใจเรียน แต่ขาด ไมค่ ่อยต้งั ใจเรยี น พยายามในการ พยายามในการเรียนรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม คน้ ควา้ หาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซกั ถามคาตอบ ไม่มีการซกั ถามเพื่อ แหลง่ เรียนรู้ต่างๆ บอ่ ยครัง้ บางครงั้ หาคาตอบ ซักถามเพ่ือคาตอบ ทุกครั้ง 3. มงุ่ มน่ั ในการ มคี วามกระตือรอื รน้ มีความกระตือรือร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเร็จถูกต้อง ทางานสาเร็จ แต่ กระตือรอื รน้ ต่อการ ตามเวลาทีก่ าหนด แต่ชา้ เกนิ เวลาที่ เนือ้ หาไมถ่ กู ต้อง ทางาน งานไมเ่ สรจ็ กาหนด บางส่วน หรือไม่ ตามเวลาท่ีกาหนด ถูกต้อง และเนือ้ หาไม่ถกู ต้อง เกณฑ์การประเมินต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้ึนไปจึงจะผ่านเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยูใ่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดบั ดี 6-8 คะแนน อยูใ่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อย่ใู นระดบั ควรปรบั ปรุง สรุปการประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศริ วิ รรณ มุนนิ คา) ไม่ผ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 4 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 1 - 3 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 หนว่ ยที่ 1 เรื่อง การใช้วัสดุอุปกรณ์และเทคนคิ พ้นื ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชั่วโมง แผนการจดั การเรยี นรู้ เรื่อง การใช้วสั ดุอุปกรณแ์ ละเทคนิคพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์ ผูส้ อน นางสาว ศริ ิวรรณ มุนินคา 1. ผลการเรียนรู้ 1. ระบุชื่ออุปกรณว์ ทิ ยาศาสตร์และสามารถใช้ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับการใช้วัสดุอปุ กรณ์และเทคนิคพน้ื ฐานทางวิทยาศาสตร์ (K) 2. นักเรียนสามารถปฏบิ ัติกิจกรรมการหาความหนาแน่นไดอ้ ยา่ งถูกต้อง (P) 3. นกั เรยี นเปน็ ผูท้ มี่ วี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มนั่ ในการทางาน (A) 3. สาระการเรยี นรู้ 1. การใชว้ สั ดอุ ปุ กรณ์และเทคนิคพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ 4. ทกั ษะการเรียนรู้ 1. ทักษะวิทยาศาสตร์ - การสงั เกต - การทดลอง - การอภปิ รายและลงข้อสรปุ 5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - มวี นิ ัย - ใฝ่เรยี นรู้ - มุง่ มนั่ ในการทางาน 6. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น/สมรรถนะของศตวรรษท่ี 21 - ความสามารถในการสื่อสาร - ความสามารถในการคดิ - ความสามารถในการแก้ปัญหา

7. สาระสาคญั วัสดุอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ หมายถึง วัตถุเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ท่ีนามาใช้ในการศึกษาค้นคว้า มีอยู่ใน ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และเทคนิคพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นข้อควรปฏิบัติท่ัวๆ ไปในการเรียน ภาคปฏิบัติในห้องปฏิบัติการทดลอง เพื่อให้การทดลองได้ผลดีหรือมีความผิดพลาดน้อยท่ีสุดและเกิดความ ปลอดภัยตอ่ ผทู้ ดลองเอง 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันท่ี 1 ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) ครนู าเขา้ สู่บทเรยี น โดยการทบทวนความร้เู กีย่ วกบั วัสดุอปุ กรณแ์ ละเทคนคิ พนื้ ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ ดังน้ี 1. วสั ดอุ ปุ กรณ์วิทยาศาสตรส์ ามารถแบ่งออกเปน็ ก่ปี ระเภท อะไรบา้ ง (แนวการตอบ: 3 ประเภท ได้แก่ วัสดุทางวิทยาศาสตร์ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน และอุปกรณ์ วทิ ยาศาสตรอ์ ่ืนๆ) 2. ให้นักเรียนยกตัวอยา่ งวสั ดอุ ุปกรณ์แต่ละประเภท อยา่ งน้อยประเภทละ 3 ชนดิ (แนวการตอบ: - วสั ดทุ างวิทยาศาสตร์ ได้แก่ กระดาษลิตมัส กระดาษกรอง กระดาษเซลโลเฟน - อุปกรณ์วทิ ยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน ได้แก่ บีกเกอร์ ขวดรูปชมพู่ หลอดทดลอง - อุปกรณ์วิทยาศาสตรอ์ น่ื ๆ ไดแ้ ก่ หลอดฉดี ยา กรวยกรอง กระจกนาฬิกา) 3. นักเรยี นสามารถยกตัวอย่างเทคนคิ พน้ื ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ไดห้ รือไม่ อะไรบ้าง (แนวการตอบ: การดมสารการเขย่าสาร การเตรียมสไลด์สด การใชแ้ วน่ ขยาย การให้ความร้อนแก่สาร การลา้ งเครอื่ งแก้ว และข้อปฏบิ ัติการใช้ห้องปฏบิ ัตกิ าร) ข้นั ที่ 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูแจ้งให้นักเรียนฟังว่า ในคาบน้ีนักเรียนจะได้ทากิจกรรมการหาความหนาแน่น จากนั้นครูอธิบาย วธิ กี ารปฏบิ ัติกจิ กรรมและวธิ กี ารคานวณความหนาแน่นของวัตถุใหน้ กั เรยี นฟัง 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันปฏิบัติกิจกรรมการหาความหนาแน่น เมื่อทากิจกรรมเสร็จตัวแทนแต่ละ กลมุ่ ออกมานาเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหน้าชนั้ เรยี น ขนั้ ที่ 3 ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. หลังจากท่ีตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมเสรจ็ ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผล การปฏบิ ัติกิจกรรมการหาความหนาแนน่ เพ่ือสรา้ งข้อสรปุ รว่ มกนั

ขน้ั ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) ครใู ห้ความร้เู พ่มิ เตมิ เก่ียวกบั ความหนาแน่น ดังนี้ ความหนาแนน่ ของสารเป็นสมบัติเฉพาะของสารแต่ละชนิด และเปน็ ปรมิ าณท่บี อกคา่ มวลของสารใน หนึง่ หนว่ ยปรมิ าตร ถ้าให้ m เป็นมวลของสารท่ีมปี รมิ าตร V และ D เป็นความหนาแน่นของสารแลว้ สามารถ เขยี นเปน็ ความสมั พันธ์ ได้ว่า D=m/V ความหนาแนน่ (density, สญั ลกั ษณ:์ ρ อักษรกรีก อา่ นว่า โร ) เป็นอตั ราสว่ นของมวลต่อปรมิ าตร ของสารในระบบ S.I. มีหนว่ ยเปน็ กิโลกรมั ตอ่ ลูกบาศกเ์ มตร ความหนาแนน่ เฉลย่ี (average density) หาได้จากผลหารระหว่างมวลรวมกับปริมาตรรวม ดังสมการ โดยท่ี ρ คือ ความหนาแน่นของวัตถุ (หน่วยกโิ ลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) m คอื มวลรวมของวตั ถุ (หน่วยกโิ ลกรัม) V คอื ปริมาตรรวมของวัตถุ (หน่วยลูกบาศก์เมตร) ขั้นท่ี 5 ขน้ั ประเมนิ ผล (Evaluation) 4. ครูให้นักเรยี นแตล่ ะคนทาใบงาน เรอ่ื ง การใชว้ ัสดุอุปกรณแ์ ละเทคนิคพน้ื ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ 5. นกั เรียนแตล่ ะคนพิจารณาว่า มจี ุดใดบ้างทยี่ ังไม่เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามคี รูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้ นกั เรยี นเขา้ ใจ 9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สอ่ื - สอ่ื การสอน Power Point เร่อื ง การใช้วัสดอุ ุปกรณ์และเทคนคิ พน้ื ฐานทางวิทยาศาสตร์ - กจิ กรรมการหาความหนาแนน่ - ใบงาน เรอื่ ง การใช้วสั ดอุ ุปกรณแ์ ละเทคนิคพ้นื ฐานทางวทิ ยาศาสตร์ - แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 9.2 แหลง่ การเรียนรู้ - หอ้ งเรยี นวทิ ยาศาสตร์ - หอ้ งสมุดโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31

10. การวดั และการประเมนิ ผล 10.1 การวัดผล จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีการวดั เครอ่ื งมอื 1. ดา้ นความรู้ (K) - นักเรยี นทาใบงาน เรื่อง - ใบงาน เรื่องการใช้วัสดุ - นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การใชว้ ัสดอุ ุปกรณแ์ ละ อปุ กรณ์และเทคนิค การใช้วัสดุอุปกรณ์และเทคนิคพนื้ ฐานทาง เทคนคิ พื้นฐานทาง พ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 2. ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรียนปฏิบัติกิจกรรม - กิจกรรมการหาความ - นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมการหา การหาความหนาแน่น หนาแนน่ ความหนาแน่นไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 3. ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมนิ - นักเรียนเป็นผู้ท่ีมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อันพงึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ มุ่งมน่ั ในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑ์การประเมนิ ผล ระดับคณุ ภาพ 10.2.1 ดา้ นความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง - นกั เรียนมคี วามรู้ความ นกั เรยี นได้ นักเรียนได้ นกั เรียนได้ นักเรยี นได้ เขา้ ใจเกย่ี วกับการใช้วสั ดุอุปกรณ์ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ และเทคนิคพน้ื ฐานทาง ทาใบงาน 9-10 ทาใบงาน 7-8 ทาใบงาน 5-6 ทาใบงานตา่ วิทยาศาสตร์ คะแนน คะแนน คะแนน กวา่ 5 คะแนน 10.2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) (4) ระดบั คณุ ภาพ (1) ดมี าก (3) (2) ปรับปรงุ - นกั เรยี นสามารถปฏบิ ัตกิ ิจกรรม นกั เรยี นได้ ดี พอใช้ นกั เรียนได้ การหาความหนาแนน่ ได้อย่างถกู ต้อง คะแนนจาก นกั เรยี นได้ นักเรยี นได้ คะแนนจาก การทา คะแนนจาก คะแนนจาก การการทา กิจกรรม การทา การทา กิจกรรมตา่ 18-20 กิจกรรม กจิ กรรม กวา่ 10 คะแนน 14-17 10-13 คะแนน คะแนน คะแนน

10.2.3 คุณลักษณะ (A) ระดบั คุณภาพ - นักเรยี นเป็นผทู้ ี่มวี ินยั ใฝ่ (4) (3) (2) (1) เรียนรู้ และมุง่ มัน่ ในการทางาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ นกั เรยี นได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมิน การประเมนิ การประเมนิ ประเมนิ คณุ ลกั ษณะ คณุ ลักษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะอนั อนั พงึ ประสงค์ อันพึงประสงค์ อนั พึงประสงค์ พึงประสงค์ตา่ 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน

กิจกรรม การหาความหนาแนน่ สมาชกิ 1……………………………………………………………………………………….เลขที่………...ช้นั ………... 2……………………………………………………………………………………….เลขท่ี………...ช้ัน………... 3……………………………………………………………………………………….เลขท่ี………...ชัน้ ………... 4……………………………………………………………………………………….เลขที่………...ชนั้ ………... 5……………………………………………………………………………………….เลขที่………...ชนั้ ………... คาชแ้ี จง: 1. รับอุปกรณ์การเลน่ ที่ครเู ตรยี มไว้ให้และฟงั ครูอธิบายวิธกี ารเล่น 2. นักเรียนแตล่ ะคนถือเชอื กที่ผูกวตั ถุคนละ 1 ก้อน 3. นักเรยี นเขา้ แถวเพ่ือทาการทดลองตามจดุ ดงั ภาพ 4. จดุ ที่ 2 นกั เรยี นใชเ้ ครือ่ งชงั่ หามวลของวัตถุ และหาปรมิ าตรของวัตถุโดยการแทนทีน่ า้ (ครูสงั เกต การใชเ้ ครื่องชั่ง การใช้ถ้วยยเู รกา การใชห้ ลอดฉดี ยา) 5. เม่ือนกั เรยี นคนแรกทาการช่ังและตวงเสร็จ แล้ววง่ิ ไปจดุ ท่ี 3 คนตอ่ ไปจงึ ว่งิ มาจุดที่ 2 ทาเช่นนไ้ี ป เรอื่ ยๆ จนครบท้ัง 5 คน หมายเหตุ: โปรดระมัดระวงั ในการใช้วัสดอุ ปุ กรณ์ เพื่อไม่ใหเ้ กิดอบุ ตั ิเหตขุ ณะปฏิบตั ิกิจกรรม ************************

แบบบันทึก: กจิ กรรมการหาความหนาแนน่ 1. อุปกรณ์วทิ ยาศาสตร์ที่ใช้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… 2. ปรมิ าตรของเหลวในแกว้ สูตรการคานวณความหนาแน่นของวัตถุ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………..….……………… สมาชกิ คนท่ี 1 มวลของวตั ถุ………………………………………..ปรมิ าตรของวตั ถุ…………….………………………………… ความหนานานของวตั ถุ………………………………………………………………………………………………. สมาชิกคนท่ี 2 มวลของวตั ถุ………………………………………..ปริมาตรของวตั ถุ…………….………………………………… ความหนานานของวตั ถุ………………………………………………………………………………………………. สมาชกิ คนที่ 3 มวลของวตั ถุ………………………………………..ปริมาตรของวตั ถุ……………..………………………………… ความหนานานของวัตถุ………………………………………………………………….……………………………. สมาชิกคนท่ี 4 มวลของวัตถุ………………………………………..ปรมิ าตรของวัตถุ……………………..………………………… ความหนานานของวัตถุ………………………………………………………………………………………………. สมาชิกคนที่ 5 มวลของวัตถุ………………………………………..ปรมิ าตรของวตั ถุ……………………….……………………… ความหนานานของวัตถุ……………………………………………………………………………………………….

ใบงาน เร่ือง การใช้วัสดุอุปกรณ์และเทคนคิ พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ คาชแี้ จง: ให้นกั เรียนตอบคาถามต่อไปนใ้ี ห้ถกู ต้อง 1. จงอธิบายเกี่ยวกับวสั ดทุ างวิทยาศาสตร์ พร้อมท้งั ยกตวั อย่าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..……….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..……….………………… 2. เพราะเหตุใดจึงไมใ่ ช้บีกเกอร์หรือขวดรูปชมพ่วู ัดปรมิ าตรของของเหลว ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..……….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..……….………………… 3. ถา้ ต้องการตักกลูโคส 3 ช้อนเบอร์ 2 ควรปฏบิ ัติอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..……….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..……….………………… 4. จงบอกความแตกต่างของเทอรม์ อมเิ ตอรท์ วั่ ไปและเทอร์มอมเิ ตอร์วัดไข้มา 3 ลกั ษณะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..……….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..……….………………… 5. การให้ความร้อนแกส่ ารไวไฟควรปฏิบตั อิ ย่างไร จงอธบิ าย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..……….……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..…….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………..……….…………………

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเดน็ การ (4) ระดับการปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรับปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ัย สง่ งานครบทุกชิน้ สง่ งานครบทุกช้นิ ส่งงานช้าเปน็ บางครง้ั สง่ งานช้าเป็นประจา ก่อนเวลาท่ีกาหนด ตามเวลาทีก่ าหนด หรือไม่ส่งงานเลย ทุกครงั้ 2. ใฝ่เรยี นรู้ ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ตั้งใจเรยี น มีความ ต้ังใจเรียน แต่ขาด ไมค่ ่อยต้งั ใจเรยี น พยายามในการ พยายามในการเรียนรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม คน้ ควา้ หาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซกั ถามคาตอบ ไม่มีการซกั ถามเพื่อ แหลง่ เรียนรู้ต่างๆ บอ่ ยครัง้ บางครงั้ หาคาตอบ ซักถามเพ่ือคาตอบ ทุกครั้ง 3. มงุ่ มน่ั ในการ มคี วามกระตือรอื รน้ มีความกระตือรือร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเร็จถูกต้อง ทางานสาเร็จ แต่ กระตือรอื รน้ ต่อการ ตามเวลาทีก่ าหนด แต่ชา้ เกนิ เวลาที่ เนือ้ หาไมถ่ กู ต้อง ทางาน งานไมเ่ สรจ็ กาหนด บางส่วน หรือไม่ ตามเวลาท่ีกาหนด ถูกต้อง และเนือ้ หาไม่ถกู ต้อง เกณฑ์การประเมินต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้ึนไปจึงจะผ่านเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยูใ่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดบั ดี 6-8 คะแนน อยูใ่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อย่ใู นระดบั ควรปรบั ปรุง สรุปการประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศริ วิ รรณ มุนนิ คา) ไม่ผ่าน……………….. ………./………./……….

ผังมโนทัศน์ รายวิชาทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 20201 ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 – 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรือ่ ง ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ จานวน 28 ช่ัวโมง : 70 คะแนน หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรือ่ ง ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ จานวน 28 ช่วั โมง 1. ช่ือเรอ่ื ง ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 13 ทักษะ จานวน 28 ชัว่ โมง : 70 คะแนน

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 5 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 – 3 ปกี ารศึกษา 2563 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 2 ชว่ั โมง ภาคเรยี นท่ี 2 หนว่ ยท่ี 2 เร่ือง ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ ผู้สอน นางสาว ศริ ิวรรณ มนุ ินคา แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง ทกั ษะการสังเกต 1. ผลการเรยี นรู้ 2. ทดลองเกย่ี วกบั ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรด์ ้านการสังเกตไดอ้ ย่างถูกต้อง 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นักเรียนมคี วามร้คู วามเข้าใจเกย่ี วกบั ทักษะการสงั เกต (K) 2. นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการทดลอง เร่อื ง สงั เกตอะไรไดบ้ ้าง (P) 3. นกั เรยี นเปน็ ผทู้ ม่ี วี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทางาน (A) 3. สาระการเรียนรู้ 1. ทกั ษะการสงั เกต 4. ทักษะการเรยี นรู้ 1. ทักษะวทิ ยาศาสตร์ - การสงั เกต - การทดลอง - การอภปิ รายและลงขอ้ สรุป 5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - มวี นิ ยั - ใฝเ่ รยี นรู้ - มุ่งม่นั ในการทางาน 6.สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น/สมรรถนะของศตวรรษที่ 21 - ความสามารถในการสื่อสาร - ความสามารถในการคิด - ความสามารถในการแก้ปญั หา

7. สาระสาคญั ทักษะการสังเกต (observation) หมายถึง การใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง รวมกัน ได้แก่ ตา หู จมูก ล้ิน และผิวกาย เข้าไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถุหรือเหตุการณ์เพื่อค้นหาข้อมูล ซ่ึงเป็น รายละเอียดของสิ่งน้ัน โดยไมใ่ สค่ วามเห็นของผูส้ ังเกตลงไปดว้ ย 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันที่ 1 ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) ครูนาเขา้ สูบ่ ทเรียนโดยใหน้ กั เรียนดภู าพ เพ่อื กระต้นุ ความสนใจของนกั เรยี น จากน้ันใช้คาถาม ดังน้ี ภาพ ก. ภาพ ข. 1. จากภาพ ก. นกั เรยี นเหน็ อะไร (แนวการตอบ: พน้ื ที่อดุ มสมบูรณ์ ตน้ ไม้เขยี วชอุ่ม) 2. จากภาพ ข. นกั เรยี นเหน็ อะไร (แนวการตอบ: พืน้ ทแี่ ห้งแล้ง ดินแตกระแหง) 3. แลว้ รูห้ รอื ไม่ว่านกั เรยี นใชท้ กั ษะอะไรในการดภู าพ 2 ภาพนี้ (แนวการตอบ: ทกั ษะการสงั เกต) 4. ครแู จ้งใหน้ ักเรียนฟงั ว่าในคาบน้จี ะเรยี นเกีย่ วกับทกั ษะการสงั เกต ข้ันท่ี 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันศึกษาเก่ยี วกบั ทักษะการสงั เกตจากอนิ เทอร์เนต็ หรือหอ้ งสมุดโรงเรียน 2. หลังจากท่ีนักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเก่ียวกับทักษะการสังเกตเสร็จ ครูอธิบายวิธีการปฏิบัติกิจกรรม การทดลอง เรือ่ ง สังเกตอะไรได้บ้าง 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง เรื่อง สังเกตอะไรได้บ้าง เม่ือปฏิบัติกิจกรรม การทดลองเสร็จแลว้ ตวั แทนกลุ่มออกมานาเสนอผลการทดลองหนา้ ช้นั เรยี น

ขัน้ ท่ี 3 ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) ครูและนักเรียนรว่ มกันอภิปราย เพอ่ื สร้างข้อสรุปรว่ มกัน ดังนี้ 1. ก่อนจุดเทยี นไขมลี ักษณะอยา่ งไร (แนวการตอบ: ลักษณะเทียนสขี าว เปน็ แท่งทรงกระบอก ไส้เทยี นสีขาว) 2. เมื่อจดุ เทยี นไขมลี กั ษณะเป็นอย่างไร (แนวการตอบ: ลกั ษณะไสเ้ ทยี นถูกไหม้ มเี ปลวไฟสเี หลือง มีควันสดี า) 3. หลงั จุดเทียนไขมีลักษณะเป็นอย่างไร (แนวการตอบ: ลกั ษณะเปน็ ทรงกระบอกสขี าว มนี า้ ตาเทียน ไสเ้ ทียนสีดา) 4. จากการทากิจกรรม สังเกตอะไรได้บา้ ง นกั เรยี นคดิ ว่าการสงั เกตมีความสาคญั อยา่ งไร (แนวการตอบ: การสังเกตทาให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น ทาให้เกิดปัญหา อันจะนาไปสู่ข้ันตอนใน การสบื เสาะเพือ่ หาความรู้และได้มาซ่งึ ความรมู้ ากขน้ึ ) ข้ันท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครใู หค้ วามรเู้ พ่มิ เติมเก่ยี วกับทักษะการสงั เกต ดงั น้ี ทกั ษะการสังเกต เป็นความชานาญในการใช้ประสาทสัมผัส ได้แก่ ตา หู จมูก ลนิ้ และผิวกายอย่างใด อย่างหน่ึงหรือหลายอย่าง เพ่ือหารายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุน้ันๆ การสังเกตเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นพน้ื ฐานท่ีสาคัญและจาเปน็ อย่างย่ิงในการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ขัน้ พ้ืนฐาน ทกั ษะอื่นๆ เช่น ทักษะการจาแนกประเภท ทักษะการพยากรณ์ ทักษะการลงความคิดเห็น เป็นต้น การสังเกตทาให้เกิด ความอยากรู้อยากเห็น ทาให้เกิดปัญหา อันจะนาไปสู่ข้ันตอนในการสืบเสาะเพ่ือหาความรู้และได้มาซึ่งความรู้ มากขึน้ ประสาทสัมผสั ที่ใช้ในการสังเกต ประเภทของขอ้ มูลท่ไี ดจ้ ากการสงั เกต 1. ขอ้ มูลเชิงคณุ ภาพ เปน็ ขอ้ มูลท่ไี ด้จากการใช้ประสาทสัมผัสท้งั หา้ คอื ตา หู จมูก ลิ้น ในการสังเกตวัตถนุ น้ั ๆ เชน่ - ปากกาสเี ขยี ว (ตา) - ดอกไม้ชนิดนี้กลิน่ ฉนุ (จมูก) - สบเู่ ม่ือจบั แลว้ ลื่น (ผิวกาย) เปน็ ต้น

2. ข้อมูลเชิงปรมิ าณ เป็นขอ้ มลู ท่ีได้จากการสงั เกตโดยอา้ งองิ หน่วยการวัด เช่น - วตั ถชุ น้ิ น้หี นกั ประมาณ 10 กรัม - ดนิ สอแทง่ น้ยี าวกวา่ ดนิ สอแทง่ นั้น - คาดคะเนดว้ ยกายสัมผัสว่า นา้ ในแก้วน้มี ีอณุ หภูมิ ประมาณ 40 องศาเซลเซียส 3. ข้อมลู เกยี่ วกับการเปลี่ยนแปลง เป็นข้อมลู ที่ไดจ้ ากผลการเปลยี่ นแปลงของวัตถุ เม่ือกระทาดว้ ยวธิ กี าร ตา่ งๆ เช่น การใหค้ วามร้อน การบบี การนาไปแชน่ ้า เป็นตน้ ขอ้ ควรปฏิบตั ิในการสงั เกต 1. ควรใช้ประสาทสมั ผสั ให้มากทส่ี ดุ ขณะสังเกต 2. การใช้ล้ินหรอื กายสัมผสั ต้องระมัดระวังวา่ วัตถนุ ัน้ ไมเ่ ป็นอนั ตรายต่อร่างกาย 3. ไม่ใช้ตาสงั เกตวัตถทุ ่ีมีความเขม้ แสงมากๆ เช่น มองไปท่ีดวงอาทติ ย์ หรอื หลอดไฟท่ีมีแสงสวา่ งจ้ามากๆ 4. เสยี งทด่ี งั มากๆ อาจมีอนั ตรายตอ่ แกว้ หู เชน่ เสยี งระเบดิ เสยี งพลุ ต้องรีบอุดหไู ว้ 5. การดมกล่ินบางชนิดอาจทาใหร้ ะคายเคืองต่อร่างกาย เช่น กลนิ่ ของกรดบางชนดิ กลิ่นพรกิ คัว่ ไมค่ วรสูดดม โดยตรง แตถ่ ้าต้องสังเกตควรใชม้ ือโบกพัดใหก้ ลน่ิ เขา้ จมูก ข้นั ท่ี 5 ข้ันประเมินผล (Evaluation) 1. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะคนทาใบงาน เรื่อง ทักษะการสังเกต 2. นักเรียนแตล่ ะคนพจิ ารณาว่า มีจุดใดบ้างทีย่ ังไม่เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถา้ มคี รชู ่วยอธิบายเพิ่มเติมให้ นักเรียนเข้าใจ 9. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้ 9.1 สอ่ื - ส่อื การสอน Power Point เรอ่ื ง ทกั ษะการสงั เกต - กจิ กรรมการทดลอง เรอ่ื ง สงั เกตอะไรได้บา้ ง - ใบงาน เร่ือง ทักษะการสังเกต - แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ - หอ้ งเรียนวทิ ยาศาสตร์ - ห้องสมดุ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31

10. การวดั และการประเมินผล 10.1 การวดั ผล จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ ีการวดั เครอ่ื งมอื 1. ดา้ นความรู้ (K) - นักเรียนทาใบงาน เรื่อง - ใบงาน เร่อื ง ทักษะการ - นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับ ทกั ษะการสงั เกต สังเกต ทกั ษะการสงั เกต 2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - นกั เรียนทากจิ กรรมการ - กจิ กรรมการทดลอง - นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมการ ทดลอง เรื่อง สงั เกตอะไร เร่อื ง สงั เกตอะไรได้บ้าง ทดลอง เรอ่ื ง สงั เกตอะไรได้บา้ ง ไดบ้ ้าง 3. ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมนิ - นักเรียนเป็นผู้ท่ีมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อันพงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะอนั พงึ มุ่งมน่ั ในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑ์การประเมินผล (4) ระดับคณุ ภาพ (1) ดมี าก (3) (2) ปรบั ปรงุ 10.2.1 ด้านความรู้ (K) นกั เรียนได้ ดี พอใช้ นักเรียนได้ คะแนนจากการ นกั เรียนได้ นักเรยี นได้ คะแนนจากการ - นกั เรยี นมีความรู้ความเข้าใจ ทาใบงาน คะแนนจากการ คะแนนจากการ ทาใบงาน เก่ียวกับทักษะการสังเกต 18-20 คะแนน ทาใบงาน ทาใบงาน ต่ากว่า 10 14-17 คะแนน 10-13 คะแนน คะแนน ระดบั คุณภาพ 10.2.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) (4) (3) (2) (1) ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง - นักเรียนสามารถปฏิบตั ิกจิ กรรม นักเรียนได้ นกั เรยี นได้ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ การทดลอง เร่ือง สังเกตอะไรได้บา้ ง คะแนนจาก คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจากการ การทากจิ กรรม ทากจิ กรรม การทากิจกรรม ทากจิ กรรมต่า 9-10 คะแนน 7-8 คะแนน 5-6 คะแนน กว่า 5 คะแนน

10.2.3 คุณลกั ษณะ (A) ระดบั คุณภาพ - นักเรียนเป็นผทู้ ่มี วี ินยั ใฝ่เรียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมงุ่ มัน่ ในการทางาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ นักเรียนได้ นักเรยี นได้ นกั เรยี นได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมนิ การประเมนิ การประเมนิ ประเมนิ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะอนั อนั พงึ ประสงค์ อันพึงประสงค์ อนั พงึ ประสงค์ พึงประสงค์ตา่ 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน

ใบงาน เรอ่ื ง ทกั ษะการสงั เกต ตอนที่ 1 คาชแี้ จง: ให้นกั เรียนพจิ ารณาขอ้ มลู ทก่ี าหนดให้ แลว้ ระบุประเภทของข้อมูลว่าเปน็ ข้อมูลเชิงคุณภาพหรอื เชิง ปริมาณ และระบุประสาทสมั ผสั ทใี่ ชใ้ นการสังเกต ลาดับ วธิ กี ารสังเกต ผลการสงั เกต ประเภทขอ้ มูล ประสาทสัมผสั ทใี่ ช้ ท่ี 1 ลองชมิ รสของเกลือ เกลอื มีรสเค็ม 2 ใชม้ ือสัมผสั ผิวของก้อนหนิ กอ้ นหินก้อนนมี้ ผี วิ แข็ง 3 ดมกลิ่นของดอกกุหลาบ ดอกกหุ ลาบมีกล่ินหอม 4 ช่ังลาไย 1 ถงุ บนเคร่ืองชงั่ ลาไยถงุ นห้ี นักประมาณ 2 นา้ หนัก กิโลกรัม 5 ใชม้ ือบี้ก้อนดนิ ในแปลง ดนิ แปลงนี้มลี ักษณะรว่ น ชยุ 6 ฟงั เสยี งนกร้อง นกตัวนร้ี ้องเสยี งดัง 7 นบั จานวนคนเข้าหอ้ งสมดุ คนเขา้ ห้องสมดุ 30 คน 8 ชิมขนมหวานในถ้วย ขนมหวานถ้วยนม้ี รี สหวาน 9 บีบฟองน้า ฟองน้าชิ้นนีม้ ีเนอ้ื นุ่ม 10 หาคาศัพทภ์ าษาองั กฤษ บทเรียนน้มี ีคาศพั ท์ จากบทเรียน ภาษาอังกฤษจานวน 30 คา

ตอนที่ 2 คาชีแ้ จง: ใหน้ ักเรยี นเติมเครื่องหมาย √ หนา้ ข้อทเ่ี ปน็ การบนั ทกึ การสงั เกตข้อมลู เชงิ ปริมาณ และใส่ เครื่องหมาย × ลงในช่องทีไ่ ม่ใชก่ ารสังเกตข้อมลู เชงิ ปริมาณ …………..1. โต๊ะตัวนี้สงู ประมาณ 1.50 เมตร …………..2. น้าตาลใหค้ วามหวาน …………..3. โบอม้ี ีความสูง 150 เซนตเิ มตร …………..4. เนอ้ื หมูกอ้ นน้หี นัก 1 กโิ ลกรัม …………..5. อณุ หภูมวิ ันน้ี 35 องศาเซลเซียส …………..6. โทรศัพทม์ ือถือเครื่องนี้สฟี ้า …………..7. ลูกบอลในตะกรา้ มี 3 ลูก …………..8. ดอกไมช้ ่อนี้มีกลิ่นหอม …………..9. พ่ใี ห้เงนิ 100 บาท …………..10. นกตัวนั้นมีสเี ขยี วและสีแดง ตอนที่ 3 คาชี้แจง: ใหน้ ักเรยี นเตมิ เครื่องหมาย √ หน้าข้อท่เี ป็นการบันทกึ การสังเกตขอ้ มลู เชิงคุณภาพ และใส่ เครือ่ งหมาย × ลงในช่องท่ไี ม่ใช่การสังเกตขอ้ มลู เชงิ คณุ ภาพ …………..1. นา้ มนั เบาลอยนา้ ได้ …………..2. ของเหลวในแก้วใบนมี้ ีรสหวาน …………..3. นาฬิกาเรือนนีเ้ ดนิ เสยี งดังต๊กิ ๆ …………..4. ผา้ ผนื นี้มีสสี วยมาก …………..5. กระดาษแผน่ น้มี ผี ิวเรียบ …………..6. นอ้ ยหน่ามีรสฝาด …………..7. ลูกบอลในตะกร้ามี 3 ลกู …………..8. กระเป๋าใบนนั้ สีลายดอกไม้ …………..9. มีดินสอในกระเปา๋ 2 แท่ง …………..10. ห้องเรียนกว้างมาก

เฉลยใบงาน เรอ่ื ง ทกั ษะการสังเกต ตอนที่ 1 คาช้ีแจง: ใหน้ กั เรียนพิจารณาขอ้ มูลทกี่ าหนดให้ แลว้ ระบุประเภทของข้อมูลเปน็ ข้อมูลเชงิ คุณภาพหรือเชงิ ปริมาณ และระบุประสาทสมั ผสั ทใี่ ช้ในการสงั เกต ลาดบั วิธีการสงั เกต ผลการสงั เกต ประเภทข้อมูล ประสาทสัมผสั ท่ใี ช้ ที่ 1 ลองชิมรสของเกลือ เกลือมรี สเค็ม เชิงคุณภาพ ล้นิ 2 ใชม้ ือสัมผัสผิวของกอ้ นหนิ กอ้ นหินก้อนนม้ี ผี วิ แขง็ เชงิ คณุ ภาพ กายสมั ผัส 3 ดมกลน่ิ ของดอกกุหลาบ ดอกกุหลาบมีกลน่ิ หอม เชิงคุณภาพ จมูก 4 ช่ังลาไย 1 ถงุ บนเคร่ืองชงั่ ลาไยถงุ นห้ี นกั ประมาณ 2 เชิงปรมิ าณ ตา กายสมั ผัส นา้ หนัก กิโลกรัม หู 5 ใช้มอื บก้ี ้อนดินในแปลง ดินแปลงน้ีมีลักษณะรว่ น เชิงคณุ ภาพ ชุย 6 ฟังเสียงนกร้อง นกตัวนี้ร้องเสียงดัง เชิงคณุ ภาพ 7 นับจานวนคนเขา้ หอ้ งสมุด คนเขา้ ห้องสมดุ 30 คน เชงิ ปรมิ าณ ตา 8 ชิมขนมหวานในถ้วย ขนมหวานถว้ ยน้มี รี สหวาน เชิงคุณภาพ ล้นิ 9 บบี ฟองนา้ ฟองน้าชนิ้ น้ีมเี นือ้ นุ่ม เชิงคุณภาพ กายสมั ผสั 10 หาคาศัพทภ์ าษาอังกฤษ บทเรียนนม้ี คี าศัพท์ เชงิ ปรมิ าณ ตา จากบทเรยี น ภาษาองั กฤษจานวน 30 คา

ตอนท่ี 2 คาชีแ้ จง: ให้นกั เรียนเติมเคร่ืองหมาย √ หนา้ ข้อที่เป็นการบันทกึ การสังเกตขอ้ มูลเชงิ ปริมาณ และใส่ เครอื่ งหมาย × ลงในชอ่ งท่ีไม่ใชก่ ารสงั เกตขอ้ มลู เชงิ ปริมาณ …√…1. โตะ๊ ตวั นี้สงู ประมาณ 1.50 เมตร …×…2. น้าตาลใหค้ วามหวาน …√…3. โบอม้ี คี วามสูง 150 เซนติเมตร …√…4. เนอ้ื หมกู ้อนนี้หนัก 1 กโิ ลกรมั …√…5. อณุ หภูมวิ นั นี้ 35 องศาเซลเซยี ส …×…6. โทรศพั ท์มือถือเครือ่ งน้สี ีฟ้า …√…7. ลูกบอลในตะกร้ามี 3 ลกู …×…8. ดอกไม้ช่อนม้ี กี ลิน่ หอม …√…9. พ่ีให้เงิน 100 บาท …×…10. นกตวั นั้นมสี เี ขียวและสแี ดง ตอนที่ 3 คาชแี้ จง: ใหน้ กั เรยี นเตมิ เคร่ืองหมาย √ หนา้ ข้อทีเ่ ปน็ การบันทึกการสงั เกตขอ้ มูลเชงิ คุณภาพ และใส่ เครอ่ื งหมาย × ลงในช่องทไี่ ม่ใชก่ ารสงั เกตขอ้ มลู เชิงคณุ ภาพ …√…1. นา้ มันเบาลอยน้าได้ …√…2. ของเหลวในแก้วใบนี้มีรสหวาน …√…3. นาฬกิ าเรือนน้ีเดินเสยี งดงั ต๊กิ ๆ …√...4. ผ้าผืนนีม้ สี ีสวยมาก …√...5. กระดาษแผ่นนม้ี ผี ิวเรียบ …√...6. น้อยหน่ามรี สฝาด …×…7. ลกู บอลในตะกร้ามี 3 ลกู …√...8. กระเปา๋ ใบนนั้ สลี ายดอกไม้ …×…9. มีดินสอในกระเปา๋ 2 แทง่ …√...10. ห้องเรียนกวา้ งมาก

กิจกรรมการทดลอง เรือ่ ง สังเกตอะไรไดบ้ า้ ง คาช้ีแจง: ใหน้ กั เรยี นจดุ เทยี นไข แล้วสงั เกตการเปลี่ยนแปลงของเทียนไข ก่อนตดิ ไฟ และหลงั การติดไฟ กอ่ นจุดเทียน ……………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………. . ……………………………………………………………………………………. . จดุ เทยี น ……………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………. . ……………………………………………………………………………………. . หลังจดุ เทียน เฉลยกจิ กรรมการทดลอง เร่อื ง สังเกตอะไรไดบ้ า้ ง คาชี้แจง: ใหน้ กั เรียนจุดเทยี นไข แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเทียนไข ก่อนติดไฟ และหลงั การตดิ ไฟ ……………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………. . ……………………………………………………………………………………. .

เฉลยกจิ กรรมการทดลอง เรื่อง สังเกตอะไรได้บ้าง คาช้แี จง: ให้นักเรียนจุดเทยี นไข แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงของเทยี นไข ก่อนตดิ ไฟ และหลังการตดิ ไฟ ก่อนจดุ เทยี น ลักษณะเทยี นสขี าว เป็นแท่งทรงกระบอก ไสเ้ ทยี นสีขาว จดุ เทียน ลกั ษณะไสเ้ ทียนถกู ไหม้ มีเปลวไฟสีเหลือง มีควนั สีดา หลังจดุ เทียน ลกั ษณะเป็นทรงกระบอกสีขาว มนี ้าตาเทยี น ไส้เทยี นสดี า

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเดน็ การ (4) ระดับการปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรับปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ัย สง่ งานครบทุกชิน้ สง่ งานครบทุกช้นิ ส่งงานช้าเปน็ บางครง้ั สง่ งานช้าเป็นประจา ก่อนเวลาท่ีกาหนด ตามเวลาทีก่ าหนด หรือไม่ส่งงานเลย ทุกครงั้ 2. ใฝ่เรยี นรู้ ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ตั้งใจเรยี น มีความ ต้ังใจเรียน แต่ขาด ไมค่ ่อยต้งั ใจเรยี น พยายามในการ พยายามในการเรียนรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม คน้ ควา้ หาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซกั ถามคาตอบ ไม่มีการซกั ถามเพื่อ แหลง่ เรียนรู้ต่างๆ บอ่ ยครัง้ บางครงั้ หาคาตอบ ซักถามเพ่ือคาตอบ ทุกครั้ง 3. มงุ่ มน่ั ในการ มคี วามกระตือรอื รน้ มีความกระตือรือร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเร็จถูกต้อง ทางานสาเร็จ แต่ กระตือรอื รน้ ต่อการ ตามเวลาทีก่ าหนด แต่ชา้ เกนิ เวลาที่ เนือ้ หาไมถ่ กู ต้อง ทางาน งานไมเ่ สรจ็ กาหนด บางส่วน หรือไม่ ตามเวลาท่ีกาหนด ถูกต้อง และเนือ้ หาไม่ถกู ต้อง เกณฑ์การประเมินต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้ึนไปจึงจะผ่านเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยูใ่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดบั ดี 6-8 คะแนน อยูใ่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อย่ใู นระดบั ควรปรบั ปรุง สรุปการประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศริ วิ รรณ มุนนิ คา) ไม่ผ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 6 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3 ปกี ารศกึ ษา 2563 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 2 ชว่ั โมง ภาคเรยี นที่ 2 หนว่ ยที่ 2 เร่อื ง ทักษะทางวิทยาศาสตร์ ผู้สอน นางสาว ศริ วิ รรณ มนุ ินคา แผนการจดั การเรียนรู้ เร่อื ง ทกั ษะการสังเกต 1. ผลการเรยี นรู้ 2. ทดลองเกีย่ วกับทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรด์ า้ นการสังเกตได้อย่างถูกต้อง 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรยี นสามารถอธิบายทกั ษะการสงั เกตได้ถูกต้อง (K) 2. นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการทดลอง เร่ือง ฝกึ ทักษะการสงั เกต (P) 3. นกั เรียนเป็นผู้ทม่ี ีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มั่นในการทางาน (A) 3. สาระการเรียนรู้ 1. ทกั ษะการสงั เกต 4. ทกั ษะการเรยี นรู้ 1. ทักษะวทิ ยาศาสตร์ - การสังเกต - การทดลอง - การอภปิ รายและลงขอ้ สรปุ 5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ - มีวนิ ยั - ใฝ่เรยี นรู้ - มงุ่ มั่นในการทางาน 6.สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน/สมรรถนะของศตวรรษที่ 21 - ความสามารถในการสื่อสาร - ความสามารถในการคดิ - ความสามารถในการแกป้ ญั หา

7. สาระสาคญั ทักษะการสังเกต (observation) หมายถึง การใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหน่ึงหรือหลายอย่าง รวมกัน ได้แก่ ตา หู จมูก ล้ิน และผิวกาย เข้าไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถุหรือเหตุการณ์เพ่ือค้นหาข้อมูล ซ่ึงเป็น รายละเอยี ดของส่งิ น้ัน โดยไมใ่ ส่ความเหน็ ของผูส้ ังเกตลงไปด้วย 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี 1 ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement) ครูนาเขา้ สู่บทเรียน โดยใชค้ าถามเพ่ือทบทวนสิง่ ทนี่ ักเรยี นไดเ้ รียนในคาบทีผ่ ่านมา ดงั นี้ 1. ทกั ษะการสังเกต คอื อะไร (แนวการตอบ: การใช้ประสาทสัมผสั อย่างใดอยา่ งหน่ึงหรอื หลายอย่างรวมกนั เข้าไปสมั ผัสโดยตรงกับ วัตถุหรอื เหตกุ ารณ์เพื่อค้นหาข้อมลู โดยไม่ใส่ความเห็นของผูส้ งั เกตลงไปดว้ ย) 2. ข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการสังเกตมีกีป่ ระเภท อะไรบ้าง (แนวการตอบ: 3 ประเภท ได้แก่ ข้อมูลเชิงคณุ ภาพ ข้อมูลเชิงปรมิ าณ และขอ้ มลู เก่ยี วกับการ เปล่ยี นแปลง) 3. ครูแจง้ ใหน้ ักเรียนฟงั วา่ ในคาบนี้จะได้ทากิจกรรมการทดลอง เร่ือง ฝกึ ทกั ษะการสงั เกต ข้ันที่ 2 ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูใช้คาถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของนักเรียนเก่ียวกับทักษะการสังเกต จากน้ันครูอธิบายวิธีการ ปฏิบตั ิกิจกรรมการทดลอง เรือ่ ง ฝกึ ทักษะการสงั เกต 2. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการทดลอง เรื่อง ฝึกทกั ษะการสงั เกต 3. หลังจากท่ปี ฏบิ ัตกิ ิจกรรมการทดลองเสรจ็ ตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอผลการทดลองหน้าช้นั เรยี น ขั้นท่ี 3 ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายเพอ่ื สร้างขอ้ สรุปรว่ มกนั ดังนี้ 1. อาหารชนดิ ใดบา้ งเมื่อเคยี้ วแล้วอมไว้ 3-5 นาที จะมรี สหวาน (แนวการตอบ: ขา้ วเหนียวสุก เสน้ ก๋วยเตีย๋ ว ขนมปงั ) 2. อาหารทเ่ี ค้ยี วแลว้ อมไวส้ ักครู่มีรสหวานจดั เป็นอาหารประเภทใด (แนวการตอบ: คาร์โบไฮเดรต) 3. แล้วคารโ์ บไฮเดรตมปี ระโยชนต์ ่อรา่ งกายอยา่ งไร (แนวการตอบ: ช่วยให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย ทาให้ร่างกายสามารถเคล่ือนไหว เพื่อ ทางานหรอื ประกอบกิจกรรมต่างๆ ได้)

ขน้ั ท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครใู ห้ความรู้เพม่ิ เติมเก่ียวกับขอ้ ควรปฏบิ ตั ใิ นการสังเกต ดงั นี้ 1. ควรใชป้ ระสาทสัมผสั ให้มากท่สี ดุ ขณะสังเกต 2. การใช้ลนิ้ หรอื กายสัมผสั ต้องระมัดระวังวา่ วตั ถุน้ันไมเ่ ป็นอนั ตรายต่อร่างกาย 3. ไมใ่ ชต้ าสงั เกตวตั ถทุ มี่ ีความเขม้ แสงมากๆ เช่น มองไปที่ดวงอาทติ ย์ หรอื หลอดไฟที่มีแสงสว่างจ้ามากๆ 4. เสียงท่ดี ังมากๆ อาจมีอันตรายต่อแกว้ หู เช่น เสยี งระเบิด เสียงพลุ ตอ้ งรบี อดุ หูไว้ 5. การดมกล่ินบางชนดิ อาจทาให้ระคายเคอื งต่อร่างกาย เช่น กลน่ิ ของกรดบางชนดิ กล่นิ พริกค่วั ไมค่ วรสูดดมโดยตรง แต่ถ้าต้องสงั เกตควรใชม้ ือโบกพดั ใหก้ ล่ินเขา้ จมูก ข้นั ท่ี 5 ข้ันประเมินผล (Evaluation) 1. ครูใหน้ กั เรียนสรุปความคิดรวบยอด เร่ือง ทกั ษะการสงั เกต 2. นกั เรยี นแต่ละคนพิจารณาว่า มีจดุ ใดบา้ งท่ยี ังไมเ่ ขา้ ใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามีครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมให้ นักเรียนเข้าใจ 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 9.1 สื่อ - สอ่ื การสอน Power Point เรือ่ ง ทกั ษะการสงั เกต - กิจกรรมการทดลอง เรือ่ ง ฝกึ ทักษะการสงั เกต - การสรปุ ความคดิ รวบยอด เรอื่ ง ทักษะการสงั เกต - แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 9.2 แหล่งการเรียนรู้ - ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ - ห้องสมดุ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 10. การวดั และการประเมินผล 10.1 การวดั ผล จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวัด เคร่อื งมอื 1. ด้านความรู้ (K) - นักเรียนสรุปความคิด - สรุปความคดิ รวบยอด - นักเรียนสามารถอธิบายทกั ษะการ รวบยอด เร่ือง ทักษะการ เรอ่ื ง ทกั ษะการสังเกต สังเกตได้ถูกต้อง สงั เกต 2. ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรียนทากิจกรรมการ - กิจกรรมการทดลอง - นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรมการ ทดลอง เรื่อง ฝกึ ทักษะ เรอ่ื ง ฝึกทักษะการสังเกต ทดลอง เร่อื ง ฝึกทกั ษะการสังเกต การสงั เกต

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการวดั เครอื่ งมือ 3. ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) - ครูประเมินคุณลักษณะ - แบบประเมิน - นักเรียนเป็นผู้ท่ีมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และ อันพงึ ประสงค์ คุณลักษณะอนั พึง มุ่งมั่นในการทางาน ประสงค์ 10.2 เกณฑ์การประเมินผล ระดับคณุ ภาพ 10.2.1 ด้านความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) ดีมาก ปรับปรุง - นกั เรยี นสามารถอธบิ ายทกั ษะ นกั เรียนได้ ดี พอใช้ นกั เรียนได้ การสังเกตไดถ้ ูกต้อง คะแนนจากการ คะแนนจากการ สรุปความคิด นักเรยี นได้ นักเรียนได้ ทาสรปุ ความคิด รวบยอด รวบยอดต่ากว่า 9-10 คะแนน คะแนนจากการ คะแนนจากการ 5 คะแนน สรปุ ความคิด สรุปความคดิ รวบยอด รวบยอด 7-8 คะแนน 5-6 คะแนน ระดับคุณภาพ 10.2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) (4) (3) (2) (1) ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง - นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิกจิ กรรม นกั เรยี นได้ นกั เรียนได้ นักเรยี นได้ นักเรยี นได้ การทดลอง เรอื่ ง ฝกึ ทักษะการ คะแนนจาก คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจากการ สังเกต การทากจิ กรรม ทากิจกรรม การทากจิ กรรม ทากจิ กรรมตา่ 9-10 คะแนน 7-8 คะแนน 5-6 คะแนน กวา่ 5 คะแนน 10.2.3 คณุ ลักษณะ (A) ระดบั คุณภาพ - นักเรียนเปน็ ผทู้ ี่มีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ (4) (3) (2) (1) และมุ่งม่ันในการทางาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง นกั เรียนได้ นกั เรียนได้ นักเรยี นได้ นักเรยี นได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมนิ การประเมิน การประเมนิ ประเมิน คุณลักษณะ คณุ ลักษณะ คุณลักษณะ คุณลกั ษณะอัน อันพึงประสงค์ อันพงึ ประสงค์ อันพงึ ประสงค์ พงึ ประสงค์ตา่ 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กวา่ 6 คะแนน

บทปฏิบตั กิ าร เรื่อง ฝกึ ทักษะการสังเกต จุดประสงคข์ องการทดลอง 1. นกั เรยี นสามารถทาการทดลองเกยี่ วกับการยอ่ ยอาหารดว้ ยการเค้ียวได้ วสั ดุอุปกรณ์ 1. ขา้ วเหนยี วสุก 2. เสน้ กว๋ ยเตยี๋ ว 3. ขนมปัง วธิ กี ารทดลอง 1. นาอาหารที่สกุ แตย่ งั ไม่ปรงุ รสดังต่อไปน้ี ขา้ วเหนียวสกุ เสน้ กว๋ ยเตยี๋ ว ขนมปงั มาเคี้ยวแลว้ อมไว้ใน ปาก 3-5 นาที สังเกตแลว้ บันทึกผล 2. เคยี้ วอาหารทีละอย่างในเวลาทเ่ี ทา่ กัน และปรมิ าณอาหารเทา่ ๆ กัน โดยตอ้ งล้างปากให้สะอาด กอ่ นที่ จะเค้ยี วอาหารชนิดอ่ืนๆ ต่อไป จากนน้ั บันทกึ ผลลงในตาราง 1. เคยี้ วแล้วอมไว้ ในปาก 3-5 นาที สงั เกตแลว้ บันทึกผล ขา้ วเหนยี วสุก 2. เคี้ยวแล้วอมไวใ้ น ปาก 3-5 นาที เส้นกว๋ ยเตีย๋ ว สงั เกตแล้วบันทึกผล สงั เกตแล้วบนั ทึกผล 3. เคีย้ วแล้วอมไวใ้ น ปาก 3-5 นาที ขนมปงั

รายงานผลการทดลอง เรือ่ ง ฝึกทักษะการสงั เกต วันทีท่ าการทดลอง.....................................................................................................เวลา........................... สมาชิกกลุ่ม 1. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 2. ชอ่ื ................................................................................................................เลขท.่ี .......................... 3. ชือ่ ................................................................................................................เลขที่........................... 4. ช่อื ................................................................................................................เลขท่.ี .......................... 5. ชอ่ื ................................................................................................................เลขที่........................... 6. ชือ่ ................................................................................................................เลขท่ี........................... จุดประสงค์ ....................................................................................................................................................................... ตารางบันทึกผลการทดลอง อาหาร รสชาตขิ องอาหารเมื่อเคีย้ วแลว้ อมไวใ้ นปาก 3-5 นาที ข้าวเหนยี วสกุ เสน้ ก๋วยเตีย๋ ว ขนมปัง คาถามหลงั การทดลอง 1. อาหารชนิดใดบ้างเม่ือเค้ียวแล้วอมไว้ 3-5 นาที จะมรี สหวาน............................................................ ............................................................................................................................. .................................. 2. อาหารชนดิ ใดบา้ งเมื่อเคย้ี วแลว้ อมไว้ 3-5 นาทีไม่มรี สหวาน............................................................ ................................................................................................... ........................................................... 3. อาหารท่ีเคีย้ วแลว้ อมไว้สกั คร่มู รี สหวานจัดเป็นอาหารประเภทใด.................................................... ............................................................................................................................................................... 4. ในปากมีการย่อยอาหารหรือไม่ เพราะเหตใุ ด................................................................................... ................................................................................................................................................................

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเดน็ การ (4) ระดับการปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรับปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ัย สง่ งานครบทุกชิน้ สง่ งานครบทุกช้นิ ส่งงานช้าเปน็ บางครง้ั สง่ งานช้าเป็นประจา ก่อนเวลาท่ีกาหนด ตามเวลาทีก่ าหนด หรือไม่ส่งงานเลย ทุกครงั้ 2. ใฝ่เรยี นรู้ ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ตั้งใจเรยี น มีความ ต้ังใจเรียน แต่ขาด ไมค่ ่อยต้งั ใจเรยี น พยายามในการ พยายามในการเรียนรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม คน้ ควา้ หาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซกั ถามคาตอบ ไม่มีการซกั ถามเพื่อ แหลง่ เรียนรู้ต่างๆ บอ่ ยครัง้ บางครงั้ หาคาตอบ ซักถามเพ่ือคาตอบ ทุกครั้ง 3. มงุ่ มน่ั ในการ มคี วามกระตือรอื รน้ มีความกระตือรือร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเร็จถูกต้อง ทางานสาเร็จ แต่ กระตือรอื รน้ ต่อการ ตามเวลาทีก่ าหนด แต่ชา้ เกนิ เวลาที่ เนือ้ หาไมถ่ กู ต้อง ทางาน งานไมเ่ สรจ็ กาหนด บางส่วน หรือไม่ ตามเวลาท่ีกาหนด ถูกต้อง และเนือ้ หาไม่ถกู ต้อง เกณฑ์การประเมินต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้ึนไปจึงจะผ่านเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยูใ่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดบั ดี 6-8 คะแนน อยูใ่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อย่ใู นระดบั ควรปรบั ปรุง สรุปการประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศริ วิ รรณ มุนนิ คา) ไม่ผ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 7 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 - 3 ปีการศกึ ษา 2563 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 2 ช่วั โมง ภาคเรยี นที่ 2 หน่วยท่ี 2 เรื่อง ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ ผู้สอน นางสาว ศิรวิ รรณ มนุ ินคา แผนการจัดการเรยี นรู้ เรือ่ ง ทกั ษะการจาแนกประเภท 1. ผลการเรียนรู้ 3. ทดลองเกี่ยวกับทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรด์ ้านความสามารถในการจดั จาแนกได้อย่าง ถกู ต้อง 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถบอกชอ่ื อวัยวะในระบบย่อยอาหารได้ (K) 2. นักเรียนสามารถปฏิบตั ิกจิ กรรมอวยั วะในระบบย่อยอาหารได้ (P) 3. นกั เรยี นเปน็ ผทู้ มี่ ีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ มัน่ ในการทางาน (A) 3. สาระการเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการจาแนกประเภท 4. ทกั ษะการเรียนรู้ 1. ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ - การสงั เกต - การทดลอง - การอภิปรายและลงข้อสรุป 5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ - มวี นิ ยั - ใฝเ่ รียนรู้ - มุ่งม่นั ในการทางาน 6.สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน/สมรรถนะของศตวรรษท่ี 21 - ความสามารถในการส่อื สาร - ความสามารถในการคดิ - ความสามารถในการแก้ปัญหา

7. สาระสาคัญ ทกั ษะการจาแนกประเภท (Classifying) หรอื การจดั จาแนก หมายถงึ การจดั จาแนกสง่ิ ของหรือ เหตกุ ารณ์ออกเป็นประเภทต่างๆ โดยพจิ ารณาจากลกั ษณะที่เหมือนกัน มีความสัมพันธก์ นั หรือความแตกต่าง กบั สิ่งของหรือเหตุการณ์ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันท่ี 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) ครนู าเขา้ สู่บทเรียน โดยใช้คาถามถามนักเรยี น ดงั นี้ 1. นกั เรยี นรู้หรือไม่วา่ การจาแนกประเภทคืออะไร (แนวการตอบ: การจดั จาแนกสง่ิ ของหรือเหตุการณอ์ อกเปน็ ประเภทต่างๆ) 2. ให้นกั เรยี นยกตัวอย่างการจาแนกประเภทท่ีนักเรยี นพบเห็นในชวี ติ ประจาวนั (แนวการตอบ: การจาแนกสัตวอ์ อกเปน็ สตั ว์เลือดอุ่น สัตว์เลือดเยน็ สัตวม์ กี ระดกู สันหลงั และไม่มี กระดูกสันหลงั เป็นต้น) 3. แล้วต้องใชอ้ ะไรในการจาแนก (แนวการตอบ: เกณฑ์) ขั้นที่ 2 ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ศึกษาความรู้ เรอ่ื ง ทักษะการจาแนกประเภทจากอนิ เทอรเ์ น็ตหรือหอ้ งสมุด โรงเรียน 2. ครแู จ้งใหน้ กั เรยี นฟงั วา่ ในคาบนจี้ ะไดป้ ฏิบตั ิกิจกรรมอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร พร้อมทั้งอธิบาย วธิ กี ารปฏบิ ัติกิจกรรมให้นักเรียนฟัง จากนั้นให้นักเรยี นแต่ละกล่มุ ปฏิบัติกิจกรรม ขัน้ ที่ 3 ขนั้ อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายเพ่อื สร้างขอ้ สรุปรว่ มกนั ดังนี้ 1. อวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารมีอะไรบ้าง (แนวการตอบ: ปาก คอหอย หลอดอาหาร กระเพาะ ลาไส้เล็ก ลาไส้ใหญ่ และทวารหนกั ) 2. การยอ่ ยอาหารในร่างกายมีก่ีวิธี อะไรบา้ ง (แนวการตอบ: 2 วิธี คือ การย่อยเชงิ กลและการย่อยเชงิ เคมี) 3. บริเวณลาไส้ใหญ่มีการย่อยอาหารหรือไม่ และลาไสใ้ หญท่ าหน้าท่ีอะไร (แนวการตอบ: ที่ลาไส้ใหญ่ไม่มีการย่อย แต่ทาหนา้ ท่ีเก็บกากอาหารและดูดซึมน้าออกจาก กากอาหาร)

ขั้นท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครูให้ความรเู้ พม่ิ เติมเกยี่ วกับวิธีการดแู ลระบบย่อยอาหาร ดงั นี้ 1. ดแู ลสขุ ภาพของชอ่ งปากและฟนั อย่างสมา่ เสมอ 2. เค้ยี วอาหารช้าๆ เคยี้ วให้ละเอยี ดกอ่ นกลืน เพ่ือให้อาหารมชี นิ้ เลก็ จะชว่ ยลดภาระในการยอ่ ย อาหารของอวัยวะอ่นื 3. รบั ประทานอาหารใหเ้ ปน็ เวลา ป้องกันไมใ่ ห้เป็นโรคกระเพาะอาหาร 4. รบั ประทานอาหารท่สี ะอาด สด ถกู สขุ ลักษณะ 5. ในแต่ละม้ือไมค่ วรรับประทานอาหารมากเกินไป เพราะจะทาให้ระบบย่อยอาหารทางานหนกั 6. รักษาสุขภาพจิตให้แจ่มใส ไมเ่ ครียด เพราะความเครียดจะทาให้กรดในกระเพาะอาหารหลง่ั ออกมา ทาใหเ้ ป็นโรคกระเพาะอาหารได้ 7. งดดื่มชา กาแฟ รวมทง้ั เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทาใหเ้ กดิ การระคายเคอื งตอ่ กระเพาะอาหาร และกระตนุ้ ให้กรดในกระเพาะอาหารหลั่งออกมา 8. ไมร่ บั ประทานอาหารทม่ี ีรสจดั จนเกินไป 9. รับประทานอาหารทมี่ ีกากใยไฟเบอร์ เชน่ ผัก ผลไม้ เม็ดแมงลัก เพอ่ื ป้องกนั ท้องผกู 10. ด่มื นา้ มากๆ เพราะจะชว่ ยให้ระบบย่อยอาหารทางานได้ดีขึ้น และยังป้องกนั ไมใ่ หอ้ จุ จาระแข็ง ซ่ึง จะทาให้ขับถา่ ยลาบาก 11. พยายามฝึกตวั เองให้ขับถ่ายอุจจาระเป็นเวลา ช่วงเวลาที่ดที ่สี ุดคือ 05.00-07.00 น. เพราะเป็น เวลาท่ลี าไสท้ างาน 12. ออกกาลงั กายอย่างสม่าเสมอ เพราะเม่ือรา่ งกายเคลื่อนไหว จะชว่ ยใหอ้ วัยวะภายในได้เคล่ือนไหว ไปด้วย ซึง่ จะช่วยทาใหร้ ะบบขบั ถ่ายทางานไดด้ ีข้ึน ขนั้ ที่ 5 ขน้ั ประเมินผล (Evaluation) 6. ครูให้นกั เรียนทาใบงาน เร่ือง อวยั วะในระบบย่อยอาหารของคน 7. นักเรียนแต่ละคนพจิ ารณาว่า มีจดุ ใดบ้างทยี่ งั ไมเ่ ขา้ ใจหรือยังมีข้อสงสยั ถ้ามีครชู ่วยอธิบายเพิ่มเติมให้ นกั เรยี นเข้าใจ 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 9.1 ส่ือ - สื่อการสอน Power Point เรื่อง ทักษะการจาแนกประเภท - กจิ กรรมอวยั วะในระบบย่อยอาหาร - ใบงาน เรื่อง อวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารของคน - แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

9.2 แหลง่ การเรียนรู้ - หอ้ งเรียนวทิ ยาศาสตร์ - ห้องสมุดโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 10. การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด เคร่ืองมือ 10.1 การวดั ผล - นักเรยี นทาใบงาน เร่ือง - ใบงาน เรอ่ื ง อวยั วะใน จุดประสงค์การเรียนรู้ อวัยวะในระบบย่อย ระบบยอ่ ยอาหารของคน 1. ดา้ นความรู้ (K) อาหารของคน - นักเรียนสามารถบอกชอื่ อวัยวะในระบบ - นกั เรยี นปฏิบัติกิจกรรม - กิจกรรมอวัยวะในระบบ ยอ่ ยอาหารได้ อวัยวะในระบบยอ่ ย ยอ่ ยอาหาร 2. ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) อาหาร - นกั เรยี นสามารถปฏบิ ัตกิ ิจกรรมอวัยวะ - ครูประเมนิ คุณลกั ษณะ - แบบประเมิน ในระบบย่อยอาหารได้ อันพงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะอันพึง 3. ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) ประสงค์ - นักเรยี นเปน็ ผู้ท่มี วี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ และ มุ่งมน่ั ในการทางาน 10.2 เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ระดบั คุณภาพ 10.2.1 ด้านความรู้ (K) (4) (3) (2) (1) - นกั เรยี นสามารถบอกชื่อ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ อวัยวะในระบบย่อยอาหารได้ นักเรยี นได้ นกั เรยี นได้ นกั เรยี นได้ นักเรยี นได้ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ ทาใบงาน 9-10 ทาใบงาน 7-8 ทาใบงาน 5-6 ทาใบงานตา่ กว่า คะแนน คะแนน คะแนน 5 คะแนน

10.2.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ระดบั คณุ ภาพ (3) (2) (1) (4) ดี พอใช้ ปรับปรงุ - นกั เรียนสามารถปฏิบตั กิ จิ กรรม ดีมาก นกั เรยี นได้ นักเรยี นได้ นักเรียนได้ อวัยวะในระบบยอ่ ยอาหารได้ นกั เรยี นได้ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจากการ คะแนนจาก ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ปฏบิ ัติกิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรม ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 11-13 คะแนน 8-10 คะแนน ต่ากว่า 8 14-16 คะแนน คะแนน 10.2.3 คณุ ลักษณะ (A) ระดบั คณุ ภาพ - นักเรียนเป็นผูท้ ีม่ วี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ (4) (3) (2) (1) และมงุ่ ม่ันในการทางาน ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง นักเรยี นได้ นักเรยี นได้ นักเรยี นได้ นกั เรียนได้ คะแนนจากการ คะแนนจาก คะแนนจาก คะแนนจากการ ประเมิน การประเมิน การประเมิน ประเมนิ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คุณลักษณะ คณุ ลักษณะอัน อนั พึงประสงค์ อนั พึงประสงค์ อนั พึงประสงค์ พงึ ประสงค์ตา่ 11-12 คะแนน 9-10 คะแนน 6-8 คะแนน กว่า 6 คะแนน

ใบงาน เรื่อง อวยั วะในระบบย่อยอาหารของคน คาชีแ้ จง: ใหน้ ักเรียนเตมิ ชื่ออวัยวะในระบบย่อยอาหารของคนลงในช่องว่างใหถ้ กู ต้อง กระเพาะอาหาร ตับ ถุงน้าดี ตอ่ มน้าลาย ลาไสเ้ ล็ก ทวารหนกั คอหอย หลอดอาหาร ตบั ออ่ น ลาไส้ใหญ่ ปาก

เฉลยใบงาน เร่ือง อวัยวะในระบบย่อยอาหารของคน คาชี้แจง: ให้นกั เรียนเตมิ ชอ่ื อวัยวะในระบบย่อยอาหารของคนลงในช่องว่างใหถ้ กู ต้อง กระเพาะอาหาร ตับ ถุงนา้ ดี ตอ่ มน้าลาย ลาไสเ้ ล็ก ทวารหนัก คอหอย หลอดอาหาร ตับออ่ น ลาไส้ใหญ่ ปาก ปาก ตอ่ มนา้ ลาย คอหอย ตบั หลอดอาหาร ถุงน้าดี ตับออ่ น กระเพาะอาหาร ลาไสเ้ ลก็ ลาไส้ใหญ่ ทวารหนกั

กิจกรรม อวัยวะในระบบย่อยอาหาร คาชแ้ี จง: ให้นักเรียนดรู ปู ภาพอวยั วะในระบบย่อยอาหาร แล้วเรียงลาดับขนาดจากใหญ่สุดไปหาเลก็ สุดและ บันทกึ ช่อื อวยั วะระบบย่อยอาหารท่เี รียงลาดับแลว้ ลงในตาราง ลาดับท่ี ชื่ออวัยวะระบบยอ่ ยอาหาร 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 คาถาม 1. อวัยวะใดมีขนาดใหญ่ท่ีสุด............................................................................................................................ 2. อวยั วะใดทีม่ ีขนาดเล็กที่สดุ .......................................................................................................................... 3. อวยั วะในระบบยอ่ ยอาหารมอี ะไรบ้าง......................................................................................................

แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ท่ี ชือ่ - สกลุ มีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ มงุ่ มั่นในการ รวม ทางาน 432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27

เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเดน็ การ (4) ระดับการปฏิบตั ิ (1) ประเมนิ ดีมาก (3) (2) ปรับปรุง ดี พอใช้ 1. มีวนิ ัย สง่ งานครบทุกชิน้ สง่ งานครบทุกช้นิ ส่งงานช้าเปน็ บางครง้ั สง่ งานช้าเป็นประจา ก่อนเวลาท่ีกาหนด ตามเวลาทีก่ าหนด หรือไม่ส่งงานเลย ทุกครงั้ 2. ใฝ่เรยี นรู้ ต้งั ใจเรยี น มคี วาม ตั้งใจเรยี น มีความ ต้ังใจเรียน แต่ขาด ไมค่ ่อยต้งั ใจเรยี น พยายามในการ พยายามในการเรียนรู้ ความพยายาม ขาดความพยายาม คน้ ควา้ หาความรู้จาก ในห้องเรยี น ซักถาม ซกั ถามคาตอบ ไม่มีการซกั ถามเพื่อ แหลง่ เรียนรู้ต่างๆ บอ่ ยครัง้ บางครงั้ หาคาตอบ ซักถามเพ่ือคาตอบ ทุกครั้ง 3. มงุ่ มน่ั ในการ มคี วามกระตือรอื รน้ มีความกระตือรือร้น มีความกระตือรือร้น ขาดความ ทางาน ทางานสาเรจ็ ถูกต้อง ทางานสาเร็จถูกต้อง ทางานสาเร็จ แต่ กระตือรอื รน้ ต่อการ ตามเวลาทีก่ าหนด แต่ชา้ เกนิ เวลาที่ เนือ้ หาไมถ่ กู ต้อง ทางาน งานไมเ่ สรจ็ กาหนด บางส่วน หรือไม่ ตามเวลาท่ีกาหนด ถูกต้อง และเนือ้ หาไม่ถกู ต้อง เกณฑ์การประเมินต้องได้ระดับคะแนน 2 ข้ึนไปจึงจะผ่านเกณฑ์ (6คะแนน) 11-12 คะแนน อยูใ่ นระดับดีมาก 9-10 คะแนน อยู่ในระดบั ดี 6-8 คะแนน อยูใ่ นระดบั พอใช้ ตา่ กวา่ 6 คะแนน อย่ใู นระดบั ควรปรบั ปรุง สรุปการประเมนิ ลงชื่อ…………………………………………ผู้ประเมิน ผ่าน……………………. (นางสาวศริ วิ รรณ มุนนิ คา) ไม่ผ่าน……………….. ………./………./……….

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 8 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 – 3 ปกี ารศกึ ษา 2563 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 2 ชวั่ โมง ภาคเรียนที่ 2 หน่วยที่ 2 เร่อื ง ทักษะทางวิทยาศาสตร์ ผู้สอน นางสาว ศริ วิ รรณ มุนินคา แผนการจดั การเรยี นรู้ เรอ่ื ง ทกั ษะการจาแนกประเภท 1. ผลการเรยี นรู้ 3. ทดลองเก่ียวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้านความสามารถในการจัดจาแนกได้อย่าง ถูกต้อง 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนมคี วามเข้าใจเก่ยี วกับทักษะการจาแนกประเภท (K) 2. นกั เรียนสามารถปฏิบัติการทดลอง โดยใช้ทกั ษะการจาแนกประเภทได้อยา่ งถกู ต้อง (P) 3. นกั เรียนเป็นผ้ทู มี่ ีวินยั ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มนั่ ในการทางาน (A) 3. สาระการเรียนรู้ 1. ทกั ษะการจาแนกประเภท 4. ทกั ษะการเรยี นรู้ 1. ทกั ษะวทิ ยาศาสตร์ - การสังเกต - การต้งั สมมติฐานและการกาหนดตัวแปร - การทดลอง - การอภปิ รายและลงขอ้ สรปุ 5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - มีวนิ ัย - ใฝ่เรยี นรู้ - มุ่งมั่นในการทางาน

6.สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น/สมรรถนะของศตวรรษท่ี 21 - ความสามารถในการสือ่ สาร - ความสามารถในการคดิ - ความสามารถในการแก้ปัญหา 7. สาระสาคญั ทกั ษะการจาแนกประเภท (Classifying) หรอื การจดั จาแนก หมายถึง การจดั จาแนกส่ิงของหรือ เหตกุ ารณ์ออกเปน็ ประเภทต่างๆ โดยพิจารณาจากลักษณะทเี่ หมอื นกัน มีความสัมพนั ธ์กัน หรือความแตกต่าง กบั สิง่ ของหรือเหตุการณ์ 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นท่ี 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) ครูนาเขา้ สู่บทเรยี น โดยใชค้ าถามทบทวนสิ่งทน่ี กั เรยี นไดเ้ รียนในคาบที่แลว้ ดังนี้ 1. ทกั ษะการจาแนกประเภทคืออะไร (แนวการตอบ: การจัดจาแนกสิ่งของหรือเหตกุ ารณ์ออกเปน็ ประเภทต่างๆ) ขน้ั ที่ 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) 1. ครใู ชค้ าถามทดสอบความเข้าใจของนักเรียน 2. ครูแจ้งให้นักเรียนฟังว่า ในคาบน้ีจะได้ปฏิบตั ิกิจกรรมการทดลอง เร่ือง การจาแนกประเภท พร้อมท้ัง อธิบายวิธีการทดลองให้นกั เรียนฟัง 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง เม่ือทาการทดลองเสร็จตัวแทนกลุ่มออกมานาเสนอ หนา้ ชัน้ เรียน ขั้นท่ี 3 ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) ครูและนักเรียนอภปิ รายผลการทดลอง เรื่อง การจาแนกประเภท เพ่อื สร้างขอ้ สรปุ รว่ มกนั จากนน้ั ครใู ชค้ าถาม ถามนักเรยี น เพือ่ ลงข้อสรปุ เกีย่ วกับทกั ษะการจาแนกประเภท ดังนี้ 1. เกณฑท์ ีใ่ ชใ้ นการจาแนกประเภทมกี อ่ี ย่าง อะไรบ้าง (แนวการตอบ: 3 อยา่ ง ไดแ้ ก่ ความเหมอื น ความแตกตา่ ง และความสัมพันธ)์ 2. ส่ิงของกลมุ่ เดียวกนั สามารถจาแนกประเภทหลายวิธีไดห้ รอื ไม่ (แนวการตอบ: ได้ เพราะการจาแนกประเภทข้ึนอยู่กับเกณฑ์ที่ตั้งข้ึน ดังนั้นส่ิงของกลุ่มเดียวกันอาจ จาแนกประเภทได้หลายวิธี)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook