๑ คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พระพุทธศาสนา ม. 1 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 • ออกแบบการจดั การเรียนรู้โดยใช้มาตรฐานเรียนรู้ และตวั ชี้วดั ชั้นปี เป็ นเป้ าหมาย • ออกแบบการจดั การเรียนรู้โดยเน้นผ้เู รียนเป็ นศูนย์กลาง • ใช้แนวคดิ Backward Design ผสมผสานกบั แนวคดิ ทฤษฎกี ารเรียนรู้ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย • ออกแบบการเรียนรู้เพอ่ื พฒั นาสมรรถนะสําคญั ของนักเรียนในการสื่อสาร การคดิ การแก้ปัญหา การใช้ทกั ษะชีวติ และการใช้เทคโนโลยี • แบ่งแผนการจดั การเรียนรู้เป็ นรายช่ัวโมง สะดวกในการใช้ • มีองค์ประกอบครบถ้วนตามแนวทางการจดั ทาํ แผนการจดั การเรียนรู้ของสถานศึกษา • นําไปพฒั นาเป็ นผลงานทางวชิ าการเพอื่ เลอื่ นวิทยฐานะได้
๒ คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พระพุทธศาสนา ม. 1 ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 สงวนลิขสิทธ์ิตามกฎหมาย ห้ามละเมิดทาํ ซา้ํ ดดั แปลงเผยแพร ส่วนหน่ึงส่วนใดเว้นแต่จะได้รับอนญุ าต ผู้เรียบเรียง สมพร ออ่ นนอ้ ม พธ.บ. (เกียรตินิยม), นศ.บ. ประจวบ ตรีภกั ด์ิ พธ.บ.,สส.ม. บรรณาธิการ สุระ ดามาพงษ์ กศ.บ., กศ.ม. ISBN 978-974-18-5754-8 พมิ พ์ท่ี บริษทั โรงพมิ พ์วัฒนาพานิช จาํ กดั นายเริงชัย จงพพิ ฒั นสุข กรรมการผ้จู ัดการ สื่อการเรียนรู้ระดบั ม. ต้น–ม.ปลาย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หนงั สือเรียน (ศธ. อนุญาต) แบบฝึกหดั แผนฯ (CD) ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) พระพทุ ธศาสนา ม. 1–3 ………………………………………….... … รศ. ดร.จรัส พยคั ฆราชศกั ด์ิ และคณะ หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) หน้าท่พี ลเมืองฯ ม. 1–3 ………………………………………….………….…. รศ.ธวชั ทนั โตภาส และคณะ หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) เศรษฐศาสตร์ ม. 1–3 ………………………………………………………..… ดร.ขวญั นภา สุขคร และคณะ หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) ประวตั ิศาสตร์ ม. 1–3 …..………………...................................................… รศ. ดร.ไพฑูรย์ มีกศุ ล และคณะ หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) ภูมศิ าสตร์ ม. 1–3 …..………..……………………………………………. ..… ผศ.สมมต สมบรู ณ์ และคณะ หนงั สือเรียน สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ม. 1–3 …..……….…………………………………….………….…….. ..…รศ.ธวชั ทนั โตภาส และคณะ หนงั สือเรียน รายวิชาเพ่มิ เติม แผนฯ (CD) กฎหมายน่ารู้ ม. 1–3 …..………..…………………………………….…….. ..…ปรางคส์ ุวรรณ ศกั ด์ิโสภณกลุ หนงั สือเรียน รายวิชาเพม่ิ เติม แผนฯ (CD) เศรษฐกจิ พอเพยี ง ม. 1–3 …..………..……………………………..……….…….. ..…ดร.พิษณุ และกสุ ุมาวดี หนงั สือเรียน รายวิชาเพิม่ เติม แผนฯ (CD) โลกศึกษา ม. 1–3 …..………..…………………..………………….…….. ..…รศ. ดร.ไพฑรู ย์ มีกศุ ล และคณะ หนงั สือเรียน รายวิชาเพ่ิมเติม แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) อาเซียนศึกษา ม. 1–3 …..…………..…………………..…… ดร.พษิ ณุ เพชรพชั รกุล และคณะ หนงั สือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม แผนฯ (CD) หน้าท่ีพลเมอื ง 1–6 ม. 1–3 …..…………..…………………..…………………… รศ.ธวชั ทนั โตภาส และคณะ ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) พระพทุ ธศาสนา 1 ม. 4–6 ………......................................................... รศ. ดร.จรัส พยคั ฆราชศกั ด์ิ และคณะ หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) พระพุทธศาสนา 2 ม. 4–6 …………..................................................... รศ. ดร.จรัส พยคั ฆราชศกั ด์ิ และคณะ หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) พระพทุ ธศาสนา 3 ม. 4–6 …………...................................................... รศ. ดร.จรัส พยคั ฆราชศกั ด์ิ และคณะ หนงั สือเรียน พระพทุ ธศาสนา ม. 4–6 …………....................................................................................................................... ผศ. ดร. ธีระพงษ์ มีไธสง และคณะ หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) หน้าทพ่ี ลเมอื งฯ ม. 4–6 เล่ม 1.…………………………………………...….…. รศ.ธวชั ทนั โตภาส และคณะ หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) หน้าทพี่ ลเมืองฯ ม. 4–6 เล่ม 2 ……………………………………………… … รศ.ธวชั ทนั โตภาส และคณะ หนงั สือเรียน หน้าทพ่ี ลเมอื งฯ ม. 4–6 …………………………………………….......……………………………..…………… รศ.ธวชั ทนั โตภาส และคณะ หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) เศรษฐศาสตร์ ม. 4–6 ……………………………………………….………… ดร.ขวญั นภา สุขคร และคณะ หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) ประวัตศิ าสตร์ไทย ม. 4–6 …………………….…………………………...… รศ. ดร.ไพฑรู ย์ มีกุศล และคณะ หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) ประวตั ศิ าสตร์สากล ม. 4–6 ……….….…………….……………………..… รศ. ดร.ไพฑรู ย์ มีกศุ ล และคณะ หนงั สือเรียน แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) ภูมศิ าสตร์ ม. 4–6 ……………………………………..………………..……..… ผศ.สมมต สมบรู ณ์ และคณะ หนงั สือเรียน รายวิชาเพม่ิ เติม แผนฯ (CD) กฎหมายท่ีประชาชนควรรู้ ม. 4–6 …..………..………...…………….…….. ..…ปรางคส์ ุวรรณ ศกั ด์ิโสภณกลุ หนงั สือเรียน รายวิชาเพ่มิ เติม แผนฯ (CD) เศรษฐกจิ พอเพยี ง ม. 4–6 …..………..………………………………..…….…….. ..…ดร.พิษณุ และกสุ ุมาวดี หนงั สือเรียน รายวิชาเพม่ิ เติม แผนฯ (CD) โลกศึกษา ม. 4–6 …..………..……………………………………….….. ..…รศ. ดร.ไพฑรู ย์ มีกศุ ล และคณะ หนงั สือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม แบบฝึ กทกั ษะ แผนฯ (CD) อาเซียนศึกษา ม. 4–6 …..……………..……………..…… ดร.พิษณุ เพชรพชั รกุล และคณะ หนงั สือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม แผนฯ (CD) หน้าที่พลเมอื ง 1–4 ม. 4–6 …..…………..…………………..…………………… รศ.ธวชั ทนั โตภาส และคณะ
๓ คาํ นํา คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 เล่มน้ีเป็ นสื่อการเรียนรู้ที่จดั ทาํ ข้ึนเพื่อใชเ้ ป็ น แนวทางในการจดั การเรียนรู้โดยยึดหลักการออกแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Backward Design ทเ่ี น้นผ้เู รียนเป็ นศูนย์กลาง (Child-centered) ตามหลักการเน้นผู้เรียนเป็ นสําคญั ใหน้ กั เรียนมีส่วนร่วมใน กิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้ สามารถสร้างองคค์ วามรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง ท้งั เป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม บทบาทของครูมีหนา้ ท่ีเอ้ืออาํ นวยความสะดวกให้นกั เรียนประสบผลสาํ เร็จ โดยสร้างสถานการณ์การเรียนรู้ ท้งั ในหอ้ งเรียนและนอกห้องเรียน ทาํ ใหน้ กั เรียนสามารถเช่ือมโยงความรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน ๆ ได้ ในเชิงบรู ณาการดว้ ยวธิ ีการที่หลากหลาย เนน้ กระบวนการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์และสรุปความรู้ดว้ ยตนเอง ทาํ ให้นกั เรียนไดร้ ับการพฒั นาท้งั ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ และดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และ ค่านิยมที่ดี นาํ ไปสู่การอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งสนั ติสุข การจดั ทาํ คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 เล่มน้ีไดจ้ ดั ทาํ ตามหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ซ่ึงครอบคลุมสาระท่ี 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ภายในเล่มได้ นาํ เสนอแผนการจดั การเรียนรู้เป็นรายชวั่ โมงตามหน่วยการเรียนรู้ เพ่ือใหค้ รูนาํ ไปใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ ไดส้ ะดวกย่ิงข้ึน นอกจากน้ีแต่ละหน่วยการเรียนรู้ยงั มีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ท้งั 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นความรู้ ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม และดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ทาํ ใหท้ ราบผลการเรียนรู้แต่ ละหน่วยการเรียนรู้ของนกั เรียนไดท้ นั ที คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้นาํ เสนอเน้ือหาแบ่งเป็น 3 ตอน คือ ตอนที่ 1 คําชี้แจงการจัดแผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบดว้ ยแนวทางการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ สัญลกั ษณ์ลักษณะกิจกรรมการเรียนรู้ การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิด Backward Design เทคนิคและวธิ ีการจดั การเรียนรู้–การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ตารางวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี กบั สาระการเรียนรู้ในหน่วยการเรียนรู้ คาํ อธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวิชา และโครงสร้าง เวลาเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ตอนท่ี 2 แผนการจัดการเรียนรู้ ไดเ้ สนอแนะแนวทางการจดั การเรียนรู้แต่ละหน่วยการเรียนรู้ใน หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน แบ่งเป็ นแผนย่อยรายช่ัวโมง ซ่ึงแผนการจดั การเรียนรู้แต่ละแผนมี องคป์ ระกอบครบถว้ นตามแนวทางการจดั ทาํ แผนการจดั การเรียนรู้ของสถานศึกษา ตอนท่ี 3 เอกสาร/ความรู้เสริมสําหรับครู ประกอบดว้ ยแบบทดสอบตา่ ง ๆ และความรู้เสริมสาํ หรับ ครู ซ่ึงบนั ทึกลงในแผน่ ซีดี (CD) เพอ่ื อาํ นวยความสะดวกใหค้ รูใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 เล่มน้ีไดอ้ อกแบบการจดั การเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค และวิธีการสอนอยา่ งหลากหลาย หวงั วา่ จะเป็นประโยชน์ต่อการนาํ ไปประยุกตใ์ ชใ้ นการจดั การเรียนรู้ให้ เหมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ มของนกั เรียนต่อไป คณะผ้จู ดั ทาํ
๔ สารบญั ตอนที่ 1 คาํ ชี้แจงการจัดแผนการจัดการเรียนรู้............................................................................................1 1. แนวทางการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้............................................................................................2 2. สญั ลกั ษณ์ลกั ษณะกิจกรรมการเรียนรู้...........................................................................................5 3. การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิด Backward Design......................................................6 4. เทคนิคและวธิ ีการจดั การเรียนรู้–การวดั และประเมินผลการเรียนรู้.............................................19 5. ตารางวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวดั ช้นั ปี กบั สาระการเรียนรู้ในหน่วยการเรียนรู้.....24 6. คาํ อธิบายรายวชิ าพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 .........................................................................26 7. โครงสร้างรายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1........................................................................28 8. โครงสร้างเวลาเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 .......................................................29 ตอนที่ 2 แผนการจัดการเรียนรู้..................................................................................................................35 แผนปฐมนิเทศ ปฐมนิเทศและข้อตกลงในการเขยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 .....................36 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 พระพทุ ธ...................................................................................................................42 ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน/ชิ้นงาน......................................................42 ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 พระพทุ ธ...................................................43 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 การสังคายนา.........................................................................................46 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย........................................50 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 ความสําคญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสังคมไทย.....................................55 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 พุทธประวตั .ิ ..........................................................................................59 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 ชาดก......................................................................................................63 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 พระธรรม..................................................................................................................68 ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน/ชิ้นงาน......................................................68 ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 พระธรรม..................................................69 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 พระรัตนตรัย.........................................................................................72 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 7 อริยสัจ 4 และการปฏิบตั ติ นตามหลกั ธรรม...........................................76 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 พทุ ธศาสนสุภาษิต.................................................................................85 การทดสอบกลางภาค ......................................................................................................................91 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 พระสงฆ์...................................................................................................................92 ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน/ชิ้นงาน......................................................92 ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พระสงฆ.์ ...................................................93 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 9 พุทธสาวกและพทุ ธสาวกิ า.....................................................................96
๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 ชาวพุทธตวั อย่าง...............................................................................102 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การปฏิบตั ติ นเป็ นชาวพทุ ธทดี่ ี................................................................................108 ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน/ช้ินงาน....................................................108 ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การปฏิบตั ิตนเป็นชาวพทุ ธท่ีดี................109 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 11 หน้าทช่ี าวพทุ ธ..................................................................................113 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 12 มารยาทชาวพทุ ธ...............................................................................119 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 13 ศาสนพธิ ี............................................................................................125 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 14 วนั สําคญั ทางพระพุทธศาสนา...........................................................130 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 15 การบริหารจติ และการเจริญปัญญา....................................................136 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 การพฒั นาการเรียนรู้ด้วยวธิ ีคดิ แบบโยนิโสมนสิการ.........................142 การทดสอบปลายภาค ....................................................................................................................147 ตอนท่ี 3 เอกสารความรู้เสริมสําหรับครู ………………………….....………………...………..………148 ตอนท่ี 3.1 มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และสาระการเรียนรู้ ...............................................149 ตอนที่ 3.2 โครงงานและแฟ้ มสะสมผลงาน .................................................................................153 ตอนท่ี 3.3 ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้และรูปแบบแผนการจดั การเรียนรู้รายชวั่ โมง..........158 ตอนที่ 3.4 แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนประจาํ หน่วยการเรียนรู้......................................161 ตอนที่ 3.5 แบบทดสอบกลางภาค .................................................................................................177 ตอนท่ี 3.6 แบบทดสอบปลายภาค………….................................................................................188 ตอนที่ 3.7 ใบความรู้ ใบงาน แบบบนั ทึก และแบบประเมิน …………………...……………….199
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 1 ตอนที่ 1 คาํ ชี้แจงการจดั แผนการจดั การเรียนรู้ สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม (พระพุทธศาสนา) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 2 1. แนวทางการใช้แผนการจดั การเรียนรู้ คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 เล่มน้ีจดั ทาํ ข้ึนเพื่อเป็ นแนวทางให้ครูใช้ ประกอบการจดั การเรียนรู้พระพุทธศาสนา ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ซ่ึงการแบ่งหน่วยการเรียนรู้สาํ หรับจดั ทาํ แผนการจดั การเรียนรู้รายชว่ั โมงใน คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้เล่มน้ีแบ่งเน้ือหาเป็ น 4 หน่วย สามารถใชค้ วบคู่กบั หนังสือเรียน รายวิชา พ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 และแบบฝึ กทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 ประกอบดว้ ย หน่วยการเรียนรู้ ดงั น้ี หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 พระพทุ ธ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 พระธรรม หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พระสงฆ์ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 การปฏิบตั ิตนเป็นชาวพทุ ธที่ดี คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้น้ีไดน้ าํ เสนอรายละเอียดไวค้ รบถว้ นตามแนวทางการจดั ทาํ แผนการ จดั การเรียนรู้ นอกจากน้ียงั ไดอ้ อกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาองคค์ วามรู้ สมรรถนะสาํ คญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคไ์ วอ้ ยา่ งครบถว้ นตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ครูควรศึกษาคู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้เล่มน้ีใหล้ ะเอียดเพื่อปรับใชใ้ หส้ อดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ ม สถานการณ์ และสภาพของนกั เรียน ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้จะแบ่งแผนการจดั การเรียนรู้ออกเป็นรายชว่ั โมง ซ่ึงมีจาํ นวนมากนอ้ ยไม่ เท่ากนั ข้ึนอยกู่ บั ความยาวของเน้ือหาสาระ และในแต่ละหน่วยการเรียนรู้มีองคป์ ระกอบดงั น้ี 1. ผงั มโนทัศน์เป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน/ชิ้นงาน แสดงขอบข่ายเน้ือหาการจดั การ เรียนรู้ที่ครอบคลุมความรู้ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม ทกั ษะ/กระบวนการ และภาระงาน/ชิ้นงาน 2. ผงั การออกแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิด Backward Design (Backward Design Template) เป็นกรอบแนวคิดในการจดั การเรียนรู้ของแต่ละหน่วยการเรียนรู้ แบ่งเป็น 3 ข้นั ไดแ้ ก่ ข้ันท่ี 1 ผลลพั ธป์ ลายทางที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียน ข้ันที่ 2 ภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซ่ึงเป็นหลกั ฐานท่ีแสดงวา่ นกั เรียนมีผลการเรียนรู้ ตามที่กาํ หนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริง ข้ันท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้ จะระบุวา่ ในหน่วยการเรียนรู้น้ีแบ่งเป็นแผนการจดั การเรียนรู้กี่แผน และแต่ละแผนใชเ้ วลาในการจดั กิจกรรมก่ีชว่ั โมง 3. แผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ตามกรอบแนวคิดการออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิด Backward Design ประกอบดว้ ย 3.1 ชื่อแผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบดว้ ยลาํ ดบั ที่ของแผน ชื่อแผน และเวลาเรียน เช่น แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง พทุ ธประวตั ิ เวลา 2 ชวั่ โมง 3.2 สาระสําคัญ เป็ นความคิดรวบยอดของเน้ือหาท่ีนาํ มาจดั การเรียนรู้ในแต่ละแผนการจดั การ เรียนรู้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 3 3.3 ตวั ชี้วดั ช้ันปี เป็นตวั ช้ีวดั ท่ีใชต้ รวจสอบนกั เรียนหลงั จากเรียนจบเน้ือหาท่ีนาํ เสนอในแตล่ ะแผน การจดั การเรียนรู้น้นั ๆ ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้ของหลกั สูตร 3.4 จุดประสงค์การเรียนรู้ เป็นส่วนที่บอกจุดมุ่งหมายที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนแก่นกั เรียนภายหลงั จาก เรียนจบในแต่ละแผน ท้งั ในดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม (A) และดา้ นทกั ษะ/ กระบวนการ (P) ซ่ึงสอดคลอ้ งสมั พนั ธก์ บั ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และเน้ือหาในแผนการจดั การเรียนรู้น้นั ๆ 3.5 การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ เป็นการตรวจสอบผลการจดั การเรียนรู้วา่ หลงั จากจดั การ เรียนรู้ในแต่ละแผนการจดั การเรียนรู้แลว้ นกั เรียนมีพฒั นาการ มีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนตามเป้ าหมาย ท่ีคาดหวงั ไวห้ รือไม่ และมีส่ิงที่จะตอ้ งไดร้ ับการพฒั นา ปรับปรุง ส่งเสริมในดา้ นใดบา้ ง ดงั น้นั ในแต่ละ แผนการจดั การเรียนรู้จึงไดอ้ อกแบบวธิ ีการและเครื่องมือในการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นต่าง ๆ ของนกั เรียนไวอ้ ยา่ งหลากหลาย เช่น การทาํ แบบทดสอบ การตอบคาํ ถามส้นั ๆ การตรวจผลงาน การสงั เกต พฤติกรรมท้งั ที่เป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม โดยเนน้ การปฏิบตั ิใหส้ อดคลอ้ งและเหมาะสมกบั ตวั ช้ีวดั และ มาตรฐานการเรียนรู้ วธิ ีการและเคร่ืองมือในการวดั และประเมินผลการเรียนรู้เหล่าน้ีครูสามารถนาํ ไปใชป้ ระเมินนกั เรียน ได้ ท้งั ในระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และการทาํ กิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการนาํ ความรู้ไปใชใ้ ชีวิตประจาํ วนั 3.6 สาระการเรียนรู้ เป็นหวั ขอ้ ยอ่ ยที่นาํ มาจดั การเรียนรู้ในแต่ละแผนการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงสอดคลอ้ ง กบั สาระการเรียนรู้แกนกลาง 3.7 แนวทางบูรณาการ เป็นการเสนอแนะแนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ในเรื่องที่เรียนรู้ของ แต่ละแผนใหเ้ ช่ือมโยงสมั พนั ธก์ บั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ เพือ่ ใหก้ ารเรียนรู้ สอดคลอ้ งและครอบคลุมสถานการณ์จริง 3.8 กระบวนการจัดการเรียนรู้ เป็นการเสนอแนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้เน้ือหาในแต่ละ เรื่อง โดยใชแ้ นวคิดและทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ท้งั น้ีเพ่ือใหค้ รูนาํ ไปใชป้ ระโยชนใ์ น การวางแผนการจดั การเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ซ่ึงกระบวนการจดั การเรียนรู้ประกอบดว้ ย 5 ข้นั ไดแ้ ก่ ข้นั ที่ 1 นาํ เขา้ สู่บทเรียน ข้นั ที่ 2 กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั ที่ 3 ฝึกฝนผเู้ รียน ข้นั ท่ี 4 นาํ ไปใช้ ข้นั ท่ี 5 สรุป 3.9 กจิ กรรมเสนอแนะ เป็นกิจกรรมเสนอแนะสาํ หรับใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาเพิ่มเติมในดา้ นต่าง ๆ นอกเหนือจากท่ีไดจ้ ดั การเรียนรู้มาแลว้ ในชว่ั โมงเรียน กิจกรรมเสนอแนะมี 2 ลกั ษณะ คือ กิจกรรมสาํ หรับ ผทู้ ่ีมีความสามารถพเิ ศษและตอ้ งการศึกษาคน้ ควา้ ในเน้ือหาน้นั ๆ ใหล้ ึกซ้ึงกวา้ งขวางยงิ่ ข้ึน และกิจกรรม สาํ หรับการเรียนรู้ใหค้ รบตามเป้ าหมาย ซ่ึงมีลกั ษณะเป็นการซ่อมเสริม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 4 3.10 ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ เป็นรายชื่อสื่อการเรียนรู้ทุกประเภทท่ีใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงมีท้งั สื่อ ธรรมชาติ สื่อส่ิงพมิ พ์ สื่อเทคโนโลยี และสื่อบุคคล เช่น หนงั สือ เอกสารความรู้ รูปภาพ เครือข่าย อินเทอร์เน็ต วีดิทศั น์ ปราชญช์ าวบา้ น 3.11 บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ เป็นส่วนท่ีใหค้ รูบนั ทึกผลการจดั การเรียนรู้วา่ ประสบความสาํ เร็จ หรือไม่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรเกิดข้ึนบา้ ง ไดแ้ กไ้ ขปัญหาหรืออุปสรรคน้นั อยา่ งไร สิ่งที่ไม่ไดป้ ฏิบตั ิ ตามแผนมีอะไรบา้ ง และขอ้ เสนอแนะสาํ หรับการปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป นอกจากน้ียงั อาํ นวยความสะดวกใหค้ รู โดยจดั ทาํ เอกสารและความรู้เสริมสาํ หรับครูบนั ทึกลงใน แผน่ ซีดี (CD) ประกอบดว้ ย 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชี้วดั ช้ันปี และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาระท่ี 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม (พระพทุ ธศาสนา ม. 1 ) 2. โครงงาน (Project Work) และแฟ้ มสะสมผลงาน (Portfolio) 3. ผงั การออกแบบการจัดการเรียนรู้และรูปแบบแผนการจดั การเรียนรู้รายชั่วโมง ซ่ึงออกแบบตาม แนวคิด Backward Design 4. แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน ประจาํ หน่วยการเรียนรู้ เป็นแบบทดสอบเพ่ือใชว้ ดั และ ประเมินผลนกั เรียนก่อนการจดั การเรียนรู้และหลงั การจดั การเรียนรู้ 5. แบบทดสอบกลางภาค เป็นแบบทดสอบเพือ่ ใชว้ ดั และประเมินผลการเรียนรู้กลางภาคในดา้ น ความรู้ โดยมีแบบทดสอบท้งั ที่เป็นแบบปรนยั และแบบอตั นยั 5.1 ดา้ นความรู้ มีแบบทดสอบท้งั ท่ีเป็นแบบปรนยั และแบบอตั นยั 5.2 ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม เป็นตารางการประเมิน 5.3 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ เป็นตารางการประเมิน 6. แบบทดสอบปลายภาค เป็นแบบทดสอบเพ่ือใชว้ ดั และประเมินผลการเรียนรู้ปลายปลายภาค 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ 6.1 ดา้ นความรู้ มีแบบทดสอบท้งั ท่ีเป็นแบบปรนยั และแบบอตั นยั 6.2 ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม เป็นตารางการประเมิน 6.3 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ เป็นตารางการประเมิน 7. ใบความรู้ ใบงาน แบบบันทึก และแบบประเมนิ ครูควรศึกษาแผนการจดั การเรียนรู้เพื่อเตรียมการสอนอยา่ งมีประสิทธิภาพ จดั กิจกรรมใหน้ กั เรียน ไดพ้ ฒั นาครบทุกสมรรถนะสาํ คญั ท่ีกาํ หนดไวใ้ นหลกั สูตร กล่าวคือ สมรรถนะในการสื่อสาร การคิด การ แกป้ ัญหา การใชท้ กั ษะชีวิต และการใชเ้ ทคโนโลยี รวมถึงคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคต์ ามหลกั สูตรและ กิจกรรมเสนอแนะเพ่ือการเรียนรู้เพิ่มเติมให้เต็มตามศกั ยภาพของนกั เรียนแต่ละคน ซ่ึงไดก้ าํ หนดไวใ้ น แผนการจดั การเรียนรู้น้ีแลว้ นอกจากน้ี ครูสามารถปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ให้สอดคลอ้ งกับสภาพความพร้อมของ นกั เรียน และสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ ซ่ึงจะใชเ้ ป็ นผลงานทางวิชาการเพื่อเลื่อนวิทยฐานะได้ แผนการ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 5 จดั การเรียนรู้น้ีไดอ้ าํ นวยความสะดวกให้ครู โดยไดพ้ ิมพโ์ ครงสร้างแผนการจดั การเรียนรู้ท่ีออกแบบการ จดั การเรียนรู้ตามแนวคิด Backward Design ใหค้ รูเพิ่มเติมเฉพาะส่วนที่ครูปรับปรุงเองไวด้ ว้ ยแลว้ 2. สัญลกั ษณ์ลกั ษณะกจิ กรรมการเรียนรู้ คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 เล่มน้ีสามารถใชค้ ู่กบั แบบฝึ กทกั ษะ รายวิชา พ้ืนฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 ซ่ึงไดก้ าํ หนดสัญลกั ษณ์กาํ กบั กิจกรรมการเรียนรู้ไวท้ ุกกิจกรรมเพื่อช่วยให้ ครูและนกั เรียนทราบลกั ษณะของกิจกรรมน้นั ๆ เพื่อการจดั กิจกรรมให้บรรลุเป้ าหมาย สญั ลกั ษณ์ลกั ษณะ กิจกรรมการเรียนรู้มี ดงั น้ี โครงงาน เป็นกิจกรรมที่มุ่งพฒั นาการคิด การวางแผน และการแกป้ ัญหา การพฒั นากระบวนการคดิ เป็นกิจกรรมใหน้ กั เรียนทาํ เพอ่ื พฒั นากระบวนการคิดดา้ นต่าง ๆ การประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาํ วัน เป็นกิจกรรมใหน้ กั เรียนนาํ ความรู้และทกั ษะไปประยกุ ตใ์ ช้ ในชีวติ ประจาํ วนั ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด การทาํ ประโยชน์ให้สังคม เป็นกิจกรรมใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิในการทาํ ประโยชน์เพ่ือสงั คม เพ่ือ การอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งมีความสุข การปฏิบัตจิ ริง/ฝึ กทักษะ เป็นกิจกรรมใหน้ กั เรียนไดป้ ฏิบตั ิจริงหรือฝึกปฏิบตั ิเพ่ือใหเ้ กิดทกั ษะ อนั จะช่วยใหก้ ารเรียนรู้เป็นไปตามเป้ าหมายอยา่ งสมบูรณ์และเกิดความเขา้ ใจที่คงทน การศึกษาค้นคว้า/สืบค้น เป็นกิจกรรมใหน้ กั เรียนศึกษาคน้ ควา้ หรือสืบคน้ ขอ้ มูลจากแหล่ง การเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อสร้างองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเองจนเกิดเป็นนิสยั การสํารวจ เป็นกิจกรรมใหน้ กั เรียนสาํ รวจและรวบรวมขอ้ มูลเพื่อนาํ มาศึกษาวิเคราะห์ หาเหตุ หาผล ฝึกความเป็นผรู้ อบคอบ การสังเกต เป็นกิจกรรมใหน้ กั เรียนรู้จกั สงั เกตส่ิงท่ีตอ้ งการเรียนรู้จนสร้างองคค์ วามรู้ไดอ้ ยา่ ง เป็ นระบบและมีเหตุผล ทกั ษะการพูด เป็นกิจกรรมใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาทกั ษะการพดู ประเภทต่าง ๆ ทกั ษะการเขยี น เป็นกิจกรรมใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาทกั ษะการเขียนประเภทต่าง ๆ กจิ กรรมสําหรับกลุ่มพเิ ศษ เป็นกิจกรรมสาํ หรับใหน้ กั เรียนใชพ้ ฒั นาการเรียนรู้เพมิ่ เติม เพื่อ การพฒั นาใหเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 6 กจิ กรรมสําหรับซ่อมเสริม เป็นกิจกรรมสาํ หรับใหน้ กั เรียนใชเ้ รียนซ่อมเสริมเพ่อื ใหเ้ กิดการ เรียนรู้ตามตวั ช้ีวดั 3. การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคดิ Backward Design การจดั การเรียนรู้หรือการสอนเป็ นงานท่ีครูทุกคนตอ้ งใชก้ ลวิธีต่าง ๆ มากมาย เพ่ือให้นกั เรียนสนใจ ที่จะเรียนรู้และเกิดผลตามท่ีครูคาดหวงั การจดั การเรียนรู้จดั เป็ นศาสตร์ท่ีต้องใช้ความรู้ความสามารถ ตลอดจนประสบการณ์อยา่ งมาก ครูบางคนอาจจะละเลยเร่ืองของการออกแบบการจดั การเรียนรู้หรือการ ออกแบบการสอน ซ่ึงเป็นงานที่ครูจะตอ้ งทาํ ก่อนการเขียนแผนการจดั การเรียนรู้ การออกแบบการจดั การเรียนรู้ทําอย่างไร ทาํ ไมจึงต้องออกแบบการจดั การเรียนรู้ ครูทุกคนผ่านการศึกษาและได้เรียนรู้เก่ียวกบั การออกแบบการจดั การเรียนรู้มาแลว้ ในอดีตการ ออกแบบการจดั การเรียนรู้จะเริ่มตน้ จากการกาํ หนดจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การวางแผนการจดั การเรียนรู้ การดาํ เนินการจดั การเรียนรู้ และการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ปัจจุบนั การเรียนรู้ไดม้ ีการเปลี่ยนแปลง ไปตามสภาพแวดลอ้ ม เศรษฐกิจ และสงั คม รวมท้งั การเปลี่ยนแปลงดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยที ี่เขา้ มา มีบทบาทต่อการเรียนรู้ของนกั เรียน ซ่ึงนกั เรียนสามารถเรียนรู้ไดจ้ ากส่ือและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ รอบตัว ดังน้ันการออกแบบการจดั การเรียนรู้จึงเป็ นกระบวนการสําคญั ที่ครูจาํ เป็ นตอ้ งดาํ เนินการให้ เหมาะสมกบั ศกั ยภาพของนกั เรียนแต่ละคน แกรนต์ วิกกินส์ (Grant Wiggins) และเจย์ แมกไท (Jay McTighe) นกั การศึกษาชาวอเมริกนั ไดเ้ สนอ แนวคิดเก่ียวกบั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงเรียกวา่ Backward Design อนั เป็นการออกแบบการจดั การ เรียนรู้ท่ีครูจะตอ้ งกาํ หนดผลลพั ธ์ปลายทางที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนก่อน โดยท้งั สองใหช้ ่ือวา่ ความ เขา้ ใจท่ีคงทน (Enduring Understanding) เมื่อกาํ หนดความเขา้ ใจที่คงทนไดแ้ ลว้ ครูจะตอ้ งบอกให้ไดว้ ่า ความเขา้ ใจท่ีคงทนของนกั เรียนน้ีเกิดจากอะไร นกั เรียนจะตอ้ งมีหรือแสดงพฤติกรรมอะไรบา้ ง ครูมีหรือ ใชว้ ิธีการวดั อะไรบา้ งท่ีจะบอกวา่ นกั เรียนมีหรือแสดงพฤติกรรมเหล่าน้นั แลว้ จากน้นั ครูจึงนึกถึงวิธีการ จดั การเรียนรู้ที่จะทาํ ใหน้ กั เรียนเกิดความเขา้ ใจที่คงทนต่อไป แนวคดิ Backward Design Backward Design เป็ นการออกแบบการจดั การเรียนรู้ที่ใชผ้ ลลพั ธ์ปลายทางเป็ นหลกั ซ่ึงผลลพั ธ์ ปลายทางน้ีจะเกิดข้ึนกบั นักเรียนก็ต่อเม่ือจบหน่วยการเรียนรู้ ท้งั น้ีครูจะตอ้ งออกแบบการจดั การเรียนรู้ โดยใชก้ รอบความคิดที่เป็นเหตุเป็นผล มีความสมั พนั ธ์กนั จากน้นั จึงจะลงมือเขียนแผนการจดั การเรียนรู้ ขยายรายละเอียดเพมิ่ เติมใหม้ ีคุณภาพและประสิทธิภาพต่อไป กรอบความคิดหลกั ของการออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิด Backward Design มีข้นั ตอนหลกั ที่สาํ คญั 3 ข้นั ตอน คือ ข้นั ท่ี 1 กาํ หนดผลลพั ธ์ปลายทางที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียน ข้นั ที่ 2 กาํ หนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานที่แสดงวา่ นกั เรียนมีผล การเรียนรู้ตามท่ีกาํ หนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 7 ข้นั ท่ี 3 วางแผนการจดั การเรียนรู้ ข้นั ที่ 1 กาํ หนดผลลพั ธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกดิ ขนึ้ กบั นักเรียน ก่อนที่จะกาํ หนดผลลพั ธ์ปลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนน้นั ครูควรตอบคาํ ถามสาํ คญั ต่อไปน้ี 1. นกั เรียนควรจะมีความรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถทาํ สิ่งใดไดบ้ า้ ง 2. เน้ือหาสาระใดบา้ งที่มีความสาํ คญั ต่อการสร้างความเขา้ ใจของนกั เรียน และความเขา้ ใจท่ีคงทน (Enduring Understanding) ท่ีครูตอ้ งการจดั การเรียนรู้ใหแ้ ก่นกั เรียนมีอะไรบา้ ง เมื่อจะตอบคาํ ถามสาํ คญั ดงั กล่าวขา้ งตน้ ให้ครูนึกถึงเป้ าหมายของการศึกษา มาตรฐานการเรียนรู้ ดา้ นเน้ือหาระดบั ชาติท่ีปรากฏอยใู่ นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 รวมท้งั มาตรฐานการเรียนรู้ระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษาหรือท้องถิ่น การทบทวนความคาดหวงั ของหลกั สูตร แกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน เน่ืองจากมาตรฐานแต่ละระดบั จะมีความสัมพนั ธ์กบั เน้ือหาสาระต่าง ๆ ซ่ึงมีความแตกต่างลดหลนั่ กนั ไป ดว้ ยเหตุน้ีข้นั ที่ 1 ของ Backward Design ครูจึงตอ้ งจดั ลาํ ดบั ความสาํ คญั และเลือกผลลพั ธป์ ลายทางของนกั เรียน ซ่ึงเป็นผลการเรียนรู้ที่เกิดจากความเขา้ ใจท่ีคงทนต่อไป ความเข้าใจทีค่ งทนของนักเรียน ความเข้าใจท่ีคงทนคืออะไร ความเข้าใจที่คงทนเป็ นความรู้ท่ีลึกซ้ึง ได้แก่ ความคิดรวบยอด ความสัมพนั ธ์ และหลกั การของเน้ือหาและวิชาท่ีนกั เรียนเรียนรู้ หรือกล่าวอีกนยั หน่ึง คือ เป็ นความรู้ที่อิง เน้ือหา ความรู้น้ีเกิดจากการสะสมขอ้ มูลต่าง ๆ ของนกั เรียน และเป็ นองค์ความรู้ที่นกั เรียนสร้างข้ึนดว้ ย ตนเอง การเขียนความเข้าใจทีค่ งทนในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ ถา้ ความเขา้ ใจท่ีคงทนหมายถึงสาระสาํ คญั ของสิ่งท่ีจะเรียนรู้แลว้ ครูควรจะรู้วา่ สาระสาํ คญั หมายถึง อะไร คาํ ว่า สาระสาํ คญั มาจากคาํ ว่า Concept ซ่ึงนกั การศึกษาของไทยแปลเป็ นภาษาไทยวา่ สาระสําคญั ความคิดรวบยอด มโนทัศน์ มโนมติ และสังกัป ซ่ึงการเขียนแผนการจัดการเรี ยนรู้นิยมใช้คําว่า สาระสาํ คญั สาระสาํ คญั เป็นขอ้ ความที่แสดงแก่นหรือเป้ าหมายเกี่ยวกบั เรื่องใดเรื่องหน่ึง เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ สรุปรวม และขอ้ แตกต่างเก่ียวกบั เร่ืองใดเร่ืองหน่ึง โดยอาจครอบคลุมขอ้ เทจ็ จริง กฎ ทฤษฎี ประเด็น และการสรุป สาระสาํ คญั และขอ้ ความที่มีลกั ษณะรวบยอดอยา่ งอื่น ประเภทของสาระสําคัญ 1. ระดบั กวา้ ง (Broad Concept) 2. ระดบั การนาํ ไปใช้ (Operative Concept หรือ Functional Concept) ตัวอย่างสาระสาํ คัญระดับกว้าง – การบริหารจิตและการเจริญปัญญามีประโยชนต์ ่อผปู้ ฏิบตั ิหลายประการ ตัวอย่างสาระสาํ คัญระดับการนาํ ไปใช้ – การบริหารจิตและการเจริญปัญญามีประโยชนต์ ่อผปู้ ฏิบตั ิ 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นการดาํ เนิน ชีวติ ประจาํ วนั ดา้ นการพฒั นาบุคลิกภาพ และดา้ นประโยชนส์ ูงสุดตามหลกั พระพทุ ธศาสนา
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 8 แนวทางการเขยี นสาระสําคญั 1. ใหเ้ ขียนสาระสาํ คญั ของทุกเร่ือง โดยแยกเป็นขอ้ ๆ (จาํ นวนขอ้ ของสาระสาํ คญั จะเท่ากบั จาํ นวน เร่ือง) 2. การเขียนสาระสาํ คญั ที่ดีควรเป็นสาระสาํ คญั ระดบั การนาํ ไปใช้ 3. สาระสําคญั ต้องครอบคลุมประเด็นสําคญั ครบถ้วน เพราะหากขาดส่วนใดไปแล้วจะทาํ ให้ นกั เรียนรับสาระสาํ คญั ที่ผดิ ไปทนั ที 4. การเขียนสาระสําคัญท่ีจะให้ครอบคลุมประเด็นสําคัญวิธีการหน่ึง คือ การเขียนแผนผัง สาระสาํ คญั ตัวอย่างการเขียนแผนผงั สาระสาํ คัญ ประโยชนข์ อง ดา้ นการดาํ เนิน มีจิตใจสงบ การบริหารจิตและ ชีวิตประจาํ วนั มีความจาํ ดีข้ึน การเจริญปัญญา ทาํ สิ่งง่าย ๆ ไม่ผดิ พลาด ดา้ นการพฒั นา ทาํ ใหม้ ีสุขภาพดี บุคลิกภาพ หนกั แน่นมนั่ คง สุขภาพอ่อนโยน ยมิ้ แยม้ แจ่มใส ควบคุมอารมณ์ได้ ดา้ นประโยชน์ บรรลุมรรค ผล และนิพพาน สูงสุดตามหลกั พระพทุ ธศาสนา สาระสําคัญของประโยชน์ของการบริหารจิตและการเจริญปัญญา: การบริหารจิตและการเจริญ ปัญญามีประโยชน์ต่อผูป้ ฏิบตั ิ 3 ดา้ นไดแ้ ก่ ดา้ นการดาํ เนินชีวิตประจาํ วนั ดา้ นการพฒั นาบุคลิกภาพและ ดา้ นประโยชนส์ ูงสุดตามหลกั พระพทุ ธศาสนา 5. การเขียนสาระสาํ คญั เก่ียวกบั เร่ืองใดควรเขียนลกั ษณะเด่นที่มองเห็นไดห้ รือนึกไดอ้ อกมาเป็นขอ้ ๆ แลว้ จาํ แนกลกั ษณะเหล่าน้นั เป็นลกั ษณะจาํ เพาะและลกั ษณะประกอบ 6. การเขียนข้อความท่ีเป็ นสาระสําคญั ควรใช้ภาษาท่ีมีการขดั เกลาอย่างดี เลี่ยงคาํ ที่มีความหมาย กาํ กวมหรือฟ่ ุมเฟื อย
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 9 ตวั อย่างการเขียนสาระสาํ คัญ เร่ือง พทุ ธสาวก ลกั ษณะจาํ เพาะ ลกั ษณะประกอบ พทุ ธสาวก นบั ถือพระพทุ ธศาสนา มีชีวติ อยใู่ นสมยั ที่พระพทุ ธเจา้ มี พระชนมอ์ ยู่ บรรลุธรรมข้นั ใดข้นั หน่ึง มีคุณธรรมท่ีควรยดึ ถือเป็น แบบอยา่ ง เป็นผชู้ าย เป็ นพระสงฆ์ เป็นคฤหสั ถ์ สาระสาํ คัญของพทุ ธสาวก: พุทธสาวก คือ สาวกของพระพทุ ธเจา้ ท่ีเป็นผชู้ าย ซ่ึงมีชีวิตอยใู่ นสมยั ท่ี พระพทุ ธเจา้ มีพระชนมอ์ ยู่ และบรรลุธรรมข้นั ใดข้นั หน่ึง จะเป็นพระสงฆห์ รือคฤหสั ถก์ ็ได้ แต่มีคุณธรรม ที่ควรยดึ ถือเป็นแบบอยา่ งและนบั ถือพระพทุ ธศาสนา ข้ันท่ี 2 กาํ หนดภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ซึ่งเป็ นหลกั ฐานท่ีแสดงว่านักเรียนมผี ล การเรียนรู้ตามที่กาํ หนดไว้อย่างแท้จริง เม่ือครูกาํ หนดผลลพั ธ์ปลายทางที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนแลว้ ก่อนที่จะดาํ เนินการข้นั ตอ่ ไป ขอใหค้ รูตอบคาํ ถามสาํ คญั ต่อไปน้ี – นกั เรียนมีพฤติกรรมหรือแสดงออกในลกั ษณะใดจึงทาํ ใหค้ รูทราบวา่ นกั เรียนบรรลุผลลพั ธ์ปลายทาง ตามท่ีกาํ หนดไวแ้ ลว้ – ครูมีหลกั ฐานหรือใชว้ ิธีการใดที่สามารถระบุไดว้ า่ นกั เรียนมีพฤติกรรมหรือแสดงออกตามผลลพั ธ์ ปลายทางที่กาํ หนดไว้ การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิด Backward Design เน้นให้ครูรวบรวมหลกั ฐานการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ที่จาํ เป็ นและมีหลกั ฐานเพียงพอท่ีจะกล่าวไดว้ า่ การจดั การเรียนรู้ทาํ ให้นกั เรียน เกิดผลสมั ฤทธ์ิแลว้ ไม่ใช่เรียนแค่ใหจ้ บตามหลกั สูตรหรือเรียนตามชุดของกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีครูกาํ หนด ไวเ้ ท่าน้นั วิธีการของ Backward Design ตอ้ งการกระตุน้ ให้ครูคิดล่วงหนา้ วา่ ครูควรจะกาํ หนดและรวบรวม หลกั ฐานเชิงประจกั ษอ์ ะไรบา้ งก่อนท่ีจะออกแบบหน่วยการเรียนรู้ โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งหลกั ฐานดงั กล่าวควร จะเป็ นหลกั ฐานท่ีสามารถใช้เป็ นข้อมูลยอ้ นกลบั ที่มีประโยชน์สําหรับนักเรียนและครูได้เป็ นอย่างดี นอกจากน้ี ครูควรใชว้ ิธีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้แบบต่อเน่ืองอยา่ งไม่เป็นทางการและเป็นทางการ ตลอดระยะเวลาที่ครูจดั กิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน ซ่ึงสอดคลอ้ งกับแนวคิดท่ีตอ้ งการให้ครูทาํ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเรียกวา่ สอนไปวดั ผลไป
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 10 จึงกล่าวไดว้ า่ ข้นั น้ีครูควรนึกถึงพฤติกรรมหรือการแสดงออกของนกั เรียน โดยพจิ ารณาจากผลงาน หรือชิ้นงานที่เป็ นหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ซ่ึงแสดงให้เห็นว่านักเรียนเกิดผลลพั ธ์ปลายทางตามเกณฑ์ ท่ีกาํ หนดไวแ้ ลว้ และเกณฑ์ท่ีใชป้ ระเมินควรเป็ นเกณฑ์คุณภาพในรูปของมิติคุณภาพ (Rubrics) อย่างไร ก็ตาม ครูอาจจะมีหลกั ฐานหรือใช้วิธีการอื่น ๆ เช่น การทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน การสัมภาษณ์ การศึกษาคน้ ควา้ การฝึกปฏิบตั ิขณะเรียนรู้ประกอบดว้ ยกไ็ ด้ หลงั จากที่ครูไดก้ าํ หนดผลลพั ธป์ ลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนแลว้ ครูควรกาํ หนดภาระ งานและวิธีการประเมินผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานท่ีแสดงว่านักเรียนมีผลการเรียนรู้ตามผลลพั ธ์ ปลายทางท่ีกาํ หนดไวแ้ ลว้ ภาระงาน หมายถึง งานหรือกิจกรรมท่ีกาํ หนดให้นักเรียนปฏิบตั ิ เพ่ือให้บรรลุตามจุดประสงค์ การเรียนรู้/ตัวช้ีวดั ช้ันปี /มาตรฐานการเรียนรู้ท่ีกาํ หนดไว้ ลักษณะสําคัญของงานจะต้องเป็ นงานท่ี สอดคล้องกับชีวิตจริงในชีวิตประจาํ วนั เป็ นเหตุการณ์จริงมากกว่ากิจกรรมท่ีจาํ ลองข้ึนเพื่อใช้ใน การทดสอบ ซ่ึงเรียกว่างานที่ปฏิบตั ิเป็ นงานท่ีมีความหมายต่อผเู้ รียน (Meaningful Task) นอกจากน้ีงาน และกิจกรรมจะต้องมีขอบเขตท่ีชัดเจน สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้/ตัวช้ีวดั ช้ันปี /มาตรฐาน การเรียนรู้ที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียน ท้งั น้ีเม่ือไดภ้ าระงานครบถว้ นตามท่ีตอ้ งการแลว้ ครูจะตอ้ งนึกถึงวิธีการและเคร่ืองมือที่จะใชว้ ดั และ ประเมินผลการเรียนรู้ของนกั เรียนซ่ึงมีอยมู่ ากมายหลายประเภท ครูจะตอ้ งเลือกใหเ้ หมาะสมกบั ภาระงานท่ี นกั เรียนปฏิบตั ิ ตวั อยา่ งภาระงานเร่ือง พทุ ธประวตั ิ รวมท้งั การกาํ หนดวิธีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของ นกั เรียนดงั ตาราง
ตวั อย่าง ภาระงาน/ชิ้นงาน แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 พุทธประวตั ิ สาระท่ี 1: ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส 1.1: รู้และเขา้ ใจประวตั ิ ความสาํ คญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาห ปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมเพือ่ อยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ติสุข จุดประสงค์ สาระการเรียนรู้ ภาระงาน/ วธิ ีการ การวดั และป การเรียนรู้ ชิ้นงาน เคร่ือง • พทุ ธประวตั ิ 1. ซกั ถาม 1. เล่าพทุ ธประวตั ิ 1. ประสูติ 1. การอภิปราย ความรู้ 1. แบบซกั ต้งั แต่ประสูติ 2. การเห็น กลุ่ม จนถึงบาํ เพญ็ 2. ตรวจ 2. แบบตรว ทุกกรกิริ ยาได้ เทวทตู 4 2. การนาํ เสนอ ผลงาน ผลงาน อยา่ งถกู ตอ้ ง 3. การแสวงหา ผลงาน 3. สงั เกต 3. แบบประ 2. มีความสนใจ ความรู้ พฤติกรรม พฤติกรร อยากศกึ ษา 4. การบาํ เพญ็ การทาํ งาน การทาํ งา พทุ ธประวตั ิ เป็ นรายบุคล เป็ นรายบ ทุกกรกิริ ยา และเป็ นกลุ่ม และเป็ น 3. สืบคน้ ขอ้ มูล เกี่ยวกบั พทุ ธ ประวตั ิและนาํ แบบอยา่ งการ ดาํ เนินชีวติ ของ
คู่มือครู แผนการจดั การเรี ยนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 11 หรื อศาสนาที่ตนนบั ถือและศาสนาอ่ืน มีศรัทธาท่ีถกู ตอ้ ง ยดึ มน่ั และ ประเมนิ ผล เกณฑ์ กจิ กรรมการ ส่ื อการเรี ยนร้ ู งมอื เรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรี ยนและหลงั กถาม 1. เกณฑค์ ุณภาพ บรรยายใหค้ วามรู้ เรี ยน 4 ระดบั ซกั ถาม อภิปราย วจสอบ และนาํ เสนอผลงาน 2. ใบงาน 2. เกณฑค์ ุณภาพ หนา้ ช้ นั เรี ยน 3. แบบประเมินพฤติกรรมในการ ะเมิน 4 ระดบั รม ทาํ งานเป็ นรายบุคคลหรื อเป็ นกลุ่ม าน 3. เกณฑค์ ุณภาพ 4. หนงั สือเรี ยน รายวชิ าพ้ืนฐาน บุคคล 4 ระดบั นกลุ่ม พระพทุ ธศาสนา ม. 1 5. แบบฝึ กทกั ษะ รายวชิ าพ้นื ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 6. ค่มู ือการสอน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 7. ส่ือการเรี ยนรู้ PowerPoint รายวชิ า พ้ืนฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1
พระพทุ ธเจา้ ไป ประยกุ ตใ์ ช้ ในทางท่ีถกู ตอ้ ง
คู่มือครู แผนการจดั การเรี ยนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 12
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 13 ความเขา้ ใจที่คงทนจะเกิดข้ึนได้ นกั เรียนจะตอ้ งมีความสามารถ 6 ประการ ไดแ้ ก่ 1. การอธิบายชี้แจง เป็นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการอธิบายหรือช้ีแจงในสิ่งที่เรียนรู้ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง สอดคลอ้ ง มีเหตุมีผล และเป็นระบบ 2. การแปลความและตีความ เป็ นความสามารถท่ีนกั เรียนแสดงออกโดยการแปลความและตีความ ไดอ้ ยา่ งมีความหมาย ตรงประเดน็ กระจ่างชดั และทะลุปรุโปร่ง 3. การประยุกต์ ดัดแปลง และนําไปใช้ เป็ นความสามารถที่นักเรียนแสดงออกโดยการนาํ ส่ิงที่ได้ เรียนรู้ไปสู่การปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิผล มีประสิทธิภาพ และคล่องแคล่ว 4. การมีมุมมองที่หลากหลาย เป็ นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการมีมุมมองท่ีน่าเชื่อถือ เป็นไปได้ มีความลึกซ้ึง แจ่มชดั และแปลกใหม่ 5. การให้ความสําคญั และใส่ใจในความรู้สึกของผู้อนื่ เป็นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการ มีความละเอียดรอบคอบ เปิ ดเผย รับฟังความคิดเห็นของผูอ้ ื่น ระมดั ระวงั ที่จะไม่ให้เกิดความกระทบกระเทือน ตอ่ ผอู้ ่ืน 6. การรู้จักตนเอง เป็ นความสามารถที่นักเรียนแสดงออกโดยการมีความตระหนักรู้ สามารถ ประมวลผลขอ้ มูลจากแหล่งท่ีหลากหลาย ปรับตวั ได้ รู้จกั ใคร่ครวญ และมีความเฉลียวฉลาด นอกจากน้ี หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ไดก้ าํ หนดสมรรถนะสาํ คญั ของนกั เรียนหลงั จากสาํ เร็จการศึกษาตามหลกั สูตรไว้ 5 ประการ ดงั น้ี 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวฒั นธรรมในการใชภ้ าษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเขา้ ใจ ความรู้สึก และทศั นะของตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสารและ ประสบการณ์ อนั จะเป็นประโยชน์ต่อการพฒั นาตนเองและสงั คม รวมท้งั การเจรจาต่อรองเพ่ือขจดั และลด ปัญหาความขดั แยง้ ต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับขอ้ มูลข่าวสารดว้ ยหลกั เหตุผลและความถกู ตอ้ ง ตลอดจน การเลือกใชว้ ธิ ีการสื่อสารท่ีมีประสิทธิภาพ โดยคาํ นึงถึงผลกระทบท่ีมีต่อตนเองและสงั คม 2. ความสามารถในการคิด เป็ นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดอยา่ งเป็ นระบบ เพื่อนาํ ไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ สารสนเทศเพอ่ื การตดั สินใจเก่ียวกบั ตนเองและสงั คมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็ นความสามารถในการแกป้ ัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้ อย่างถูกตอ้ งเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรม และขอ้ มูลสารสนเทศ เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ และการเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยุกตค์ วามรู้มาใชใ้ นการป้ องกนั และแกไ้ ขปัญหา และมีการตดั สินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคาํ นึงถึงผลกระทบท่ีเกิดข้ึนต่อตนเอง สงั คมและ ส่ิงแวดลอ้ ม 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ เป็นความสามารถในการนาํ กระบวนการตา่ ง ๆ ไปใชใ้ นการ ดาํ เนินชีวิตประจาํ วนั การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การเรียนรู้อยา่ งต่อเนื่อง การทาํ งานและการอยรู่ ่วมกนั ในสงั คม ดว้ ยการสร้างเสริมความสมั พนั ธ์อนั ดีระหวา่ งบุคคล การจดั การปัญหาและความขดั แยง้ ต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม การปรับตวั ใหท้ นั กบั การเปลี่ยนแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม และการรู้จกั หลีกเล่ียง พฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงคซ์ ่ึงจะส่งผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 14 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใชเ้ ทคโนโลยดี า้ นต่าง ๆ มี ทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพฒั นาตนเองและสงั คมในดา้ นการเรียนรู้ การส่ือสาร การทาํ งาน การแกป้ ัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ ถูกตอ้ ง เหมาะสม และมีคุณธรรม นอกจากสมรรถนะสาํ คญั ของนกั เรียนหลงั จากสาํ เร็จการศึกษาตามหลกั สูตรท่ีกล่าวแลว้ ขา้ งตน้ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ไดก้ าํ หนดคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคเ์ พ่ือให้ สามารถอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่ืนในสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสุขในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดงั น้ี 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณลกั ษณะที่แสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติ ธาํ รงไวซ้ ่ึงความ เป็นชาติไทย ศรัทธา ยดึ มน่ั ในศาสนา และเคารพเทิดทูนสถาบนั พระมหากษตั ริย์ ผทู้ ี่รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ จะแสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติ มีความสามคั คีปรองดอง ภมู ิใจ เชิดชูความเป็นชาติไทย ปฏิบตั ิ ตนตามหลกั ศาสนาที่ตนนบั ถือ และแสดงความจงรักภกั ดีต่อสถาบนั พระมหากษตั ริย์ 2. ซ่ือสัตย์สุจริต เป็นคุณลกั ษณะที่แสดงออกถึงการยึดมนั่ ในความถูกตอ้ ง ประพฤติตรงตามความ เป็นจริงต่อตนเองและผอู้ ่ืนท้งั ทางกาย วาจา และใจ ผทู้ ่ีมีความซ่ือสตั ยส์ ุจริต จะประพฤติตรงตามความเป็น จริงท้งั ทางกาย วาจา ใจ และยึดหลกั ความจริง ความถูกตอ้ งในการดาํ เนินชีวิต มีความละอายและเกรงกลวั ตอ่ การกระทาํ ผดิ 3. มีวนิ ัย เป็นคุณลกั ษณะท่ีแสดงออกถึงการยดึ มนั่ ในขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ และระเบียบขอ้ บงั คบั ของ ครอบครัว โรงเรียน และสังคม ผทู้ ี่มีวินยั จะปฏิบตั ิตนตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ และระเบียบขอ้ บงั คบั ของ ครอบครัว โรงเรียน และสงั คมเป็นปกติวิสยั ไม่ละเมิดสิทธิของผอู้ ่ืน 4. ใฝ่ เรียนรู้ เป็ นคุณลกั ษณะท่ีแสดงออกถึงความต้งั ใจ เพียรพยายามในการเรียน แสวงหาความรู้ จากแหล่งการเรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน ผทู้ ่ีใฝ่ เรียนรู้จะแสดงออกถึงความต้งั ใจ เพียรพยายาม ในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ แสวงหาความรู้จากแหล่งการเรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอก โรงเรียนอย่างสม่าํ เสมอ ดว้ ยการเลือกใชส้ ื่ออยา่ งเหมาะสม บนั ทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็ นองคค์ วามรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถา่ ยทอด เผยแพร่ และนาํ ไปใชใ้ นชีวิตประจาํ วนั ได้ 5. อยู่อย่างพอเพียง เป็ นคุณลักษณะที่แสดงออกถึงการดาํ เนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม มีภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดี และปรับตวั เพ่ืออยู่ในสังคมไดอ้ ย่างมีความสุข ผูท้ ่ีอยู่อย่าง พอเพียงจะดาํ เนินชีวิตอย่างประมาณตน มีเหตุผล รอบคอบ ระมัดระวงั อยู่ร่วมกับผูอ้ ื่นด้วยความ รับผดิ ชอบ ไม่เบียดเบียนผอู้ ื่น เห็นคุณค่าของทรัพยากรต่าง ๆ มีการวางแผนป้ องกนั ความเส่ียงและพร้อม รับการเปลี่ยนแปลง 6. มุ่งม่ันในการทํางาน เป็ นคุณลกั ษณะที่แสดงออกถึงความต้งั ใจและรับผิดชอบในการทาํ หน้าท่ี การงานด้วยความเพียรพยายาม อดทน เพื่อให้งานสําเร็จตามเป้ าหมาย ผูท้ ่ีมุ่งมั่นในการทํางานจะ แสดงออกถึงความต้งั ใจปฏิบตั ิหนา้ ที่ที่ไดร้ ับมอบหมายดว้ ยความเพียรพยายาม ทุ่มเทกาํ ลงั กาย กาํ ลงั ใจ ในการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ให้สาํ เร็จลุล่วงตามเป้ าหมายท่ีกาํ หนดดว้ ยความรับผิดชอบ และมีความภาคภูมิใจ ในผลงาน 7. รักความเป็ นไทย เป็นคุณลกั ษณะท่ีแสดงออกถึงความภาคภมู ิใจ เห็นคุณค่า ร่วมอนุรักษ์ สืบทอด ภูมิปัญญาไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะและวฒั นธรรม ใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 15 และเหมาะสม ผูท้ ่ีรักความเป็ นไทยจะมีความภาคภูมิใจ เห็นคุณค่า ชื่นชม มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ สืบทอด เผยแพร่ภูมิปัญญาไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะและวฒั นธรรมไทย มีความกตญั ญูกตเวที ใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม 8. มีจิตสาธารณะ เป็ นคุณลักษณะที่แสดงออกถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือสถานการณ์ ท่ีก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผอู้ ื่น ชุมชน และสังคม ดว้ ยความเต็มใจ กระตือรือร้น โดยไม่หวงั ผลตอบแทน ผทู้ ่ีมีจิตสาธารณะจะเป็ นผใู้ ห้และช่วยเหลือผูอ้ ่ืน แบ่งปันความสุขส่วนตนเพ่ือทาํ ประโยชน์แก่ส่วนรวม เขา้ ใจ เห็นใจผทู้ ่ีมีความเดือดร้อน อาสาช่วยเหลือสงั คม อนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ มดว้ ยแรงกาย สติปัญญา ลงมือ ปฏิบตั ิเพ่อื แกป้ ัญหา หรือร่วมสร้างสรรคส์ ิ่งท่ีดีงามใหเ้ กิดในชุมชน โดยไมห่ วงั ส่ิงตอบแทน ดงั น้ัน การกาํ หนดภาระงานให้นักเรียนปฏิบตั ิ รวมท้งั การเลือกวิธีการและเครื่องมือประเมินผล การเรียนรู้น้ัน ครูควรคํานึงถึงความสามารถของนักเรียน 6 ประการตามแนวคิด Backward Design สมรรถนะสาํ คญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องนกั เรียนหลงั จากสาํ เร็จการศึกษาตามหลกั สูตรท่ีได้ กล่าวไวข้ า้ งตน้ เพอ่ื ใหภ้ าระงาน วิธีการ และเคร่ืองมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ครอบคลุมสิ่งท่ีสะทอ้ น ผลลพั ธ์ปลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนอยา่ งแทจ้ ริง นอกจากน้ี การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิด Backward design ในข้นั ท่ี 2 น้ี ครูจะตอ้ ง คาํ นึงถึงภาระงาน วิธีการ เคร่ืองมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ที่มีความเที่ยงตรง ความเช่ือถือได้ มีประสิทธิภาพ ตรงกบั สภาพจริง มีความยดื หยนุ่ และสร้างความสบายใจแก่นกั เรียนเป็นสาํ คญั ข้ันท่ี 3 วางแผนการจัดการเรียนรู้ เม่ือครูมีความรู้ความเขา้ ใจท่ีชดั เจนเกี่ยวกบั การกาํ หนดผลลพั ธ์ปลายทางท่ีตอ้ งการให้เกิดข้ึนกบั นกั เรียน รวมท้งั กาํ หนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานท่ีแสดงว่านักเรียนเกิด การเรียนรู้ตามท่ีกาํ หนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริงแลว้ ข้นั ต่อไปครูควรนึกถึงกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีจะจดั ใหแ้ ก่ นกั เรียน การที่ครูจะนึกถึงกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีจะจดั ใหน้ กั เรียนไดน้ ้นั ครูควรตอบคาํ ถามสาํ คญั ต่อไปน้ี – ถา้ ครูตอ้ งการจะจดั การเรียนรู้ใหน้ กั เรียนเกิดความรู้เกี่ยวกบั ขอ้ เทจ็ จริง ความคิดรวบยอด หลกั การ และทกั ษะกระบวนการต่าง ๆ ที่จาํ เป็นสาํ หรับนกั เรียน ซ่ึงจะทาํ ใหน้ กั เรียนเกิดผลลพั ธ์ปลายทาง ตามท่ีกาํ หนดไว้ รวมท้งั เกิดเป็นความเขา้ ใจท่ีคงทนต่อไปน้นั ครูสามารถจะใชว้ ธิ ีการง่าย ๆ อะไรบา้ ง – กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีจะช่วยเป็นส่ือนาํ ใหน้ กั เรียนเกิดความรู้และทกั ษะที่จาํ เป็นมีอะไรบา้ ง – สื่อและแหล่งการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมและดีที่สุด ซ่ึงจะทาํ ใหน้ กั เรียนบรรลุตามมาตรฐานของ หลกั สูตรมีอะไรบา้ ง – กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีกาํ หนดไวค้ วรจดั กิจกรรมใดก่อน และควรจดั กิจกรรมใดหลงั – กิจกรรมต่าง ๆ ออกแบบไวเ้ พ่ือตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของนักเรียนหรือไม่ เพราะเหตุใด การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนเกิดผลลัพธ์ปลายทางตามแนวคิด Backward Design น้ัน วิกกินส์และแมกไทได้เสนอแนะให้ครูเขียนแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แนวคิดของ WHERETO (ไปที่ไหน) ซ่ึงมีรายละเอียด ดงั น้ี
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 16 W แทน กิจกรรมการเรียนรู้ที่จดั ให้น้นั จะตอ้ งช่วยใหน้ กั เรียนรู้วา่ หน่วยการเรียนรู้น้ีจะดาํ เนินไปใน ทิศทางใด (Where) และส่ิงที่คาดหวงั คืออะไร (What) มีอะไรบา้ ง ช่วยให้ครูทราบว่านักเรียนมีความรู้ พ้นื ฐานและความสนใจอะไรบา้ ง H แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรดึงดูดความสนใจนักเรียนทุกคน (Hook) ทาํ ให้นกั เรียนเกิดความ สนใจในสิ่งท่ีจะเรียนรู้ (Hold) และใชส้ ิ่งท่ีนกั เรียนสนใจเป็นแนวทางในการจดั การเรียนรู้ E แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรส่งเสริมและจดั ให้ (Equip) นกั เรียนไดม้ ีประสบการณ์ (Experience) ในแนวคิดหลกั /ความคิดรวบยอด และสาํ รวจ รวมท้งั วนิ ิจฉยั (Explore) ในประเดน็ ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ R แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดค้ ิดทบทวน (Rethink) ปรับ (Revise) ความ เขา้ ใจในความรู้และงานท่ีปฏิบตั ิ E แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรเปิ ดโอกาสให้นกั เรียนไดป้ ระเมิน (Evaluate) ผลงานและส่ิงที่เกี่ยวขอ้ ง กบั การเรียนรู้ T แทน กิจกรรมการเรี ยนรู้ควรออกแบบ (Tailored) สําหรับนักเรี ยนเป็ นรายบุคคลเพื่อให้ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ ความสนใจ และความสามารถที่แตกต่างกนั ของนกั เรียน O แทน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้เป็ นระบบ (Organized) ตามลาํ ดับการเรียนรู้ของ นักเรียน และกระตุ้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการสร้างองค์ความรู้ต้งั แต่เริ่มแรกและตลอดไป ท้งั น้ี เพือ่ การเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิผล อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า การวางแผนการจดั การเรียนรู้ท่ีมีการกาํ หนดวิธีการจดั การเรียนรู้ การลาํ ดบั บทเรียน รวมท้งั ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ท่ีเฉพาะเจาะจงน้นั จะประสบผลสาํ เร็จได้ ก็ต่อเมื่อครูได้ มีการกาํ หนดผลลพั ธ์ปลายทาง หลกั ฐานและวธิ ีการวดั และประเมินผลที่แสดงวา่ นกั เรียนมีผลการเรียนรู้ ตามที่กาํ หนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริงแลว้ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้เป็นเพียงส่ือท่ีจะนาํ ไปสู่เป้ าหมายความสาํ เร็จ ท่ีตอ้ งการเท่าน้นั ดว้ ยเหตุน้ีถา้ ครูมีเป้ าหมายที่ชดั เจนกจ็ ะช่วยทาํ ใหก้ ารวางแผนการจดั การเรียนรู้และการ จดั กิจกรรมการเรียนรู้สามารถทาํ ใหน้ กั เรียนเกิดผลสมั ฤทธ์ิตามที่กาํ หนดไวไ้ ด้ โดยสรุปจึงกล่าวไดว้ า่ ข้นั น้ีเป็นการคน้ หาสื่อการเรียนรู้ แหล่งการเรียนรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี สอดคลอ้ งเหมาะสมกบั นกั เรียน กิจกรรมท่ีกาํ หนดข้ึนควรเป็ นกิจกรรมท่ีจะส่งเสริมให้นักเรียนสามารถ สร้างและสรุปเป็นความคิดรวบยอดและหลกั การที่สาํ คญั ของสาระท่ีเรียนรู้ ก่อใหเ้ กิดความเขา้ ใจท่ีคงทน รวมท้งั ความรู้สึกและค่านิยมที่ดีไปพร้อม ๆ กบั ทกั ษะความชาํ นาญ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 17 ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ Backward Design Template หน่วยการเรียนรู้ท.ี่ .......................................... ข้นั ที่ 1 ผลลพั ธ์ปลายทางที่ต้องการให้เกดิ ขึน้ กบั นักเรียน ตวั ชี้วดั ช้ันปี ความเข้าใจท่คี งทนของนักเรียน คาํ ถามสําคญั ที่ทําให้เกดิ ความเข้าใจท่คี งทน นักเรียนจะเข้าใจว่า… 1. _____________________________________ 1. _____________________________________ 2. _____________________________________ 2. _____________________________________ ความรู้ของนักเรียนทนี่ ําไปสู่ความเข้าใจท่ีคงทน ทกั ษะ/ความสามารถของนักเรียนท่นี ําไปสู่ นักเรียนจะรู้ว่า… ความเข้าใจท่คี งทน นักเรียนจะสามารถ... 1. _____________________________________ 1. _____________________________________ 2. _____________________________________ 2. _____________________________________ 3. _____________________________________ 3. _____________________________________ ข้นั ท่ี 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานทีแ่ สดงว่านักเรียนมผี ลการเรียนรู้ ตามที่กาํ หนดไว้อย่างแท้จริง 1. ภาระงานท่ีผู้เรียนต้องปฏิบตั ิ 1.1 ___________________________________________________________________________ 1.2 ___________________________________________________________________________ 2. วธิ ีการและเครื่องมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้ 2.1 วธิ ีการประเมินผลการเรียนรู้ 2.2 เครื่องมือประเมินผลการเรียนรู้ 1) ___________________________________ 1) _____________________________________ 2) ___________________________________ 2) _____________________________________ 3. ส่ิงทมี่ ุ่งประเมนิ 3.1 _____________________________________________________________________________ 3.2 _____________________________________________________________________________ 3.3 ข้นั ท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 18 รูปแบบแผนการจัดการเรียนรู้รายช่ัวโมง รูปแบบแผนการจดั การเรียนรู้รายชวั่ โมงจากการออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิด Backward Design เขียนโดยใชร้ ูปแบบของแผนการจดั การเรียนรู้แบบเรียงหวั ขอ้ ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี ชื่อแผน... (ระบุชื่อและลาํ ดบั ที่ของแผนการจดั การเรียนรู้) ช่ือเร่ือง... (ระบุช่ือเรื่องท่ีจะทาํ การจดั การเรียนรู้) เวลา... (ระบุระยะเวลาที่ใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ต่อ 1 แผน) สาระท่.ี .. (ระบุสาระที่ใชจ้ ดั การเรียนรู้) หน่วยการเรียนรู้ท่ี... (ระบุลาํ ดบั ที่และช่ือของหน่วยการเรียนรู้) ช้ัน... (ระบุช้นั ท่ีจดั การเรียนรู้) สาระสําคญั ... (เขียนความคิดรวบยอดหรือมโนทศั นข์ องหวั เรื่องท่ีจะจดั การเรียนรู้) ตวั ชี้วดั ช้ันปี ... (ระบุตวั ช้ีวดั ช้นั ปี ท่ีใชเ้ ป็นเป้ าหมายของแผนการจดั การเรียนรู้) จุดประสงค์การเรียนรู้... (กาํ หนดใหส้ อดคลอ้ งกบั สมรรถนะสาํ คญั และคุณลกั ษณะอนั พึง ประสงคข์ องนกั เรียนหลงั จากสาํ เร็จการศึกษาตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ซ่ึงประกอบดว้ ยดา้ นความรู้ (Knowledge: K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม (Affective: A) และดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (Performance: P) การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้... (ระบุวธิ ีการและเครื่องมือวดั และประเมินผลท่ีสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ท้งั 3 ดา้ น) สาระการเรียนรู้... (ระบุสาระและเน้ือหาท่ีใชจ้ ดั การเรียนรู้อาจเขียนเฉพาะหวั เรื่องกไ็ ด)้ แนวทางบูรณาการ... (เสนอแนะและระบุกิจกรรมของกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืนที่บูรณาการร่วมกนั ) กระบวนการจัดการเรียนรู้... (กาํ หนดใหส้ อดคลอ้ งกบั ธรรมชาติของกลุ่มสาระการเรียนรู้และการบรู ณาการขา้ มกลุ่มสาระการเรียนรู้) กจิ กรรมเสนอแนะ... (ระบุรายละเอียดของกิจกรรมท่ีนกั เรียนควรปฏิบตั ิเพ่ิมเติม) ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้... (ระบุสื่อ อุปกรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ท่ีใชใ้ นการจดั การเรียนรู้) บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้... (ระบุรายละเอียดของผลการจดั การเรียนรู้ตามแผนที่กาํ หนดไวอ้ าจ นาํ เสนอขอ้ เด่นและขอ้ ดอ้ ยใหเ้ ป็นขอ้ มูลที่สามารถใชเ้ ป็นส่วนหน่ึงของการทาํ วจิ ยั ในช้นั เรียนได)้ ในส่วนของการเขียนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้น้นั ใหค้ รูท่ีเขียนแผนการจดั การเรียนรู้นาํ ข้นั ตอน หลกั ของเทคนิคและวิธีการของการจดั การเรียนรู้ท่ีเน้นผูเ้ รียนเป็ นสําคญั เช่น การเรียนแบบแก้ปัญหา การศึกษาเป็นรายบุคคล การอภิปรายกลุ่มยอ่ ย/กลุ่มใหญ่ การฝึ กปฏิบตั ิ การการสืบคน้ ขอ้ มลู ฯลฯ มาเขียน ในข้นั สอน โดยใหค้ าํ นึงถึงธรรมชาติของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การใช้แนวคิดของการออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิด Backward Design จะช่วยให้ครูมี ความมน่ั ใจในการจดั การเรียนรู้ และใช้แผนการจดั การเรียนรู้ของ ในการจดั การเรียนรู้ไดอ้ ย่างมี ประสิทธิภาพต่อไป
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 19 4. เทคนิคและวธิ ีการจัดการเรียนรู้–การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแกไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 24 (2) และ (3) ได้ระบุแนวทางการจดั การเรียนรู้ โดยเน้นการฝึ กทักษะกระบวนการคิด การฝึ กทักษะ การแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย การฝึ กปฏิบตั ิจริง และการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ เพ่ือการป้ องกนั และแกป้ ัญหา ดงั น้นั เพื่อให้การจดั การเรียนรู้สอดคลอ้ งกบั นโยบายดงั กล่าวน้ี การจดั ทาํ แผนการจดั การเรียนรู้ในคู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 เล่มน้ี จึงยึดแนวทางการจดั การเรียนรู้ท่ีเน้นผูเ้ รียนเป็ นศูนยก์ ลาง (Child-centered) เน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง และเน้นการ เรียนรู้แบบบูรณาการที่ผสมผสานเชื่อมโยงสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ กบั หวั ขอ้ เรื่องหรือประเด็นท่ีสอดคลอ้ ง กบั ชีวิตจริง เพ่ือให้นกั เรียนเกิดการพฒั นาในองคร์ วม เป็ นธรรมชาติ สอดคลอ้ งกบั สภาพและปัญหาที่เกิด ในวถิ ีชีวติ ของนกั เรียน แนวทางการจดั การเรียนรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็ นสาํ คญั ไดเ้ ปลี่ยนแปลงบทบาทของครูจากการเป็ นผชู้ ้ีนาํ หรือถ่ายทอดความรู้ ไปเป็นผชู้ ่วยเหลือ อาํ นวยความสะดวก และส่งเสริมสนบั สนุนนกั เรียนโดยใชว้ ธิ ีการ ต่าง ๆ อย่างหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้นักเรียนเกิดการสร้างสรรค์ความรู้และนําความรู้ไปใช้อย่างมี ประสิทธิภาพ คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 เล่มน้ีจึงไดน้ าํ เสนอแนวการสอนพุทธวิธี มาเป็นแนวทางในการจดั การเรียนรู้ ดงั น้ี 1. วิธีสอนแบบอุปมาอุปไมย เป็ นวิธีการจดั การเรียนรู้โดยการบรรยายเน้ือหาเปรียบเทียบกบั คน สตั ว์ หรือส่ิงของ เพื่อใหน้ กั เรียนเขา้ ใจและมองเห็นภาพ เกิดมโนทศั น์ง่าย ชดั เจน และสมจริง วิธีการน้ีใช้ สาํ หรับเน้ือหาที่เป็ นนามธรรมหรือเร่ืองที่เขา้ ใจยาก เปรียบเทียบกบั สิ่งท่ีนกั เรียนจะเขา้ ใจและมองเห็นเป็น รูปธรรมได้ 2 .วิธีสอนแบบปุจฉา–วิสัชนา เป็ นวิธีการจดั การเรียนรู้ที่ใชก้ ารถาม–ตอบระหว่างครูกบั นกั เรียน หรือนักเรียนกับนักเรียน ในการถาม–ตอบน้ี ครูจะไม่ตอบคาํ ถามเอง แต่จะกระตุน้ เร้าหรือส่งเสริมให้ นกั เรียนช่วยกนั ตอบ ซ่ึงจะทาํ ใหน้ กั เรียนคิดเป็น ทาํ เป็น แกป้ ัญหาเป็น 3. วธิ ีสอนแบบธรรมสากัจฉา เป็ นวิธีการจดั การเรียนรู้ท่ีครูเสนอสถานการณ์ที่เป็ นปัญหาของการ ปฏิบตั ิศีล หรือการขาดหลกั ธรรม ให้นักเรียนสนทนากนั จนไดข้ อ้ สรุปความรู้ทางธรรม วิธีสอนแบบน้ี เหมาะกบั นักเรียนที่มีพ้ืนฐานความรู้ในเน้ือหาพอสมควร และตอ้ งการท่ีจะหาความกระจ่างในเน้ือหา เพิม่ ข้ึน วธิ ีการน้ีใชไ้ ดด้ ีกบั นกั เรียนจาํ นวนนอ้ ย และมีความสามารถในการใชภ้ าษาในการซกั ถาม โตต้ อบ แสดงความคิดเห็น อภิปราย อธิบายไดด้ ีพอสมควร 4. วิธีสอนแบบอริยสัจ เป็ นวิธีการจดั การเรียนรู้ท่ีมีข้นั ตอนการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน 4 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่ 4.1 ข้นั กาํ หนดปัญหาหรือข้นั ทุกข์ โดยใหน้ กั เรียนศึกษาปัญหาท่ีเกิดข้ึน และพยายามกาํ หนด ขอบเขตของปัญหา ซ่ึงจะตอ้ งคิดแกไ้ ขใหไ้ ด้ 4.2 ข้นั ต้งั สมมติฐานหรือข้นั สมุทยั โดยใหน้ กั เรียนพิจารณาวา่ ปัญหาท่ีเกิดข้ึนมีสาเหตุมาจาก อะไร และในการแกไ้ ขสาเหตุน้นั ๆ จะตอ้ งทาํ อะไรบา้ ง ใหก้ าํ หนดเป็นขอ้ ๆ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 20 4.3 ข้นั การทดลองและเก็บขอ้ มูลหรือข้นั นิโรธ โดยใหน้ กั เรียนไดก้ ระทาํ หรือทาํ การทดลอง ดว้ ยตนเองตามหวั ขอ้ ต่าง ๆ ที่กาํ หนดไวใ้ นขอ้ 4.2 พร้อมบนั ทึกผลไว้ 4.4 ข้นั วเิ คราะห์ขอ้ มลู และสรุปผลหรือข้นั มรรค โดยใหน้ กั เรียนสรุปการกระทาํ ท่ีไดผ้ ลไวเ้ ป็น ขอ้ ๆ เป็นแบบหรือเป็นแนวทางปฏิบตั ิ และใหล้ งมือปฏิบตั ิอยา่ งเตม็ ท่ีตามแนวทางน้นั 5. วธิ ีสอนแบบสืบสวนสอบสวนตามแนวพทุ ธศาสตร์ เป็นกระบวนการหาความจริงและวธิ ีการ แกป้ ัญหาดว้ ยการต้งั คาํ ถามในแนวกระบวนการวทิ ยาศาสตร์ท้งั ทางโลกและทางธรรม โดยมีข้นั ตอนการ จดั การเรียนการสอน ดงั น้ี 5.1 การเห็นปัญหาและการวิเคราะห์ปัญหา 5.2 การเสนอเหตุแห่งปัญหาในรูปของการต้งั สมมุติฐาน 5.3 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 5.4 การทดสอบสมมุติฐานดว้ ยขอ้ มลู 5.5 การสรุปผล 6. วธิ ีสอนแบบไตรสิกขา เป็นวิธีการจดั การเรียนรู้ท่ีประกอบดว้ ยข้นั ตอนในการศึกษา 3 ข้นั ตอน ดงั น้ี 6.1 ข้นั ศีล คือ การควบคุมให้นกั เรียนอยู่ในระเบียบวินัยท้งั ทางกายและวาจา ให้อยู่ในสภาพ เรี ยบร้อยเป็ นปกติพร้อมที่จะเรี ยน 6.2 ข้นั สมาธิ คือ การฝึ กสมาธิข้นั ตน้ ในการควบคุมสติ ให้นกั เรียนรวมจิตใจความคิด แน่วแน่ เป็นจุดเดียว นกั เรียนตดั ส่ิงรบกวนอ่ืน ๆ ออกจากความคิดและจิตใจ 6.3 ข้นั ปัญญา คือ ข้นั นกั เรียนใชส้ มาธิ ความมีจิตใจแน่วแน่ ทาํ ความเขา้ ใจในปัญหา การหาเหตุ ของปัญหาเพื่อการแก้ไขพิจารณาผลท่ีเกิดข้ึนจนเกิดความรู้แจง้ เข้าใจและแก้ปัญหาได้ เกิดการเรียนรู้ เกิดปัญญาข้ึนในตนเอง มีมโนทศั น์ในเรื่องน้นั ไดถ้ ูกตอ้ งตามความเป็นจริง 7. วิธีสอนโดยการสร้างศรัทธาและโยนิโสมนสิการ เป็ นวิธีการจดั การเรียนรู้ท่ีประกอบด้วย 3 ข้นั ตอน ดงั น้ี 7.1 ข้นั นาํ การสร้างเจตคติที่ดีต่อวธิ ีการเรียนและบทเรียน 1) การจดั บรรยากาศในช้นั เรียนใหเ้ หมาะสม 2) บุคลิกภาพของครูและการสร้างความสมั พนั ธท์ ี่ดีระหวา่ งครูกบั นกั เรียน 3) การเสนอสิ่งเร้าและแรงจงู ใจ 7.2 ข้นั สอน มีข้นั ตอนดงั น้ี 1) ครูเสนอปัญหาท่ีเป็ นสาระสําคญั ของบทเรียนหรือเสนอหัวขอ้ เร่ือง ประเด็นสาํ คญั ของ บทเรียนดว้ ยวิธีการต่าง ๆ 2) ครูแนะแหล่งวทิ ยาการและแหล่งขอ้ มูล 3) นักเรียนฝึ กการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง ความรู้ และหลกั การ โดยใช้ทักษะที่เป็ น เคร่ืองมือของการเรียนรู้ ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ และทกั ษะทางสงั คม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 21 4) จดั กิจกรรมที่เร้าใหเ้ กิดการคิดวิธีต่าง ๆ เช่น คิดสืบคน้ ตน้ เคา้ คิดสืบสาวตลอดสาย คิด สืบคน้ ตน้ ปลาย คิดโยงสายความสมั พนั ธ์ 5) ฝึ กการสรุปประเด็นของขอ้ มูล ความรู้ และเปรียบเทียบ ประเมินค่าโดยวิธีการแลกเปล่ียน ความคิดเห็น ทดลอง ทดสอบ จดั เป็นทางเลือกและทางออกของการแกป้ ัญหา 6) ดาํ เนินการเลือกและตดั สินใจ 7) กิจกรรมฝึ กปฏิบตั ิ เพอื่ พสิ ูจนผ์ ลการเลือกและการตดั สินใจใหป้ ระจกั ษจ์ ริง 7.3 ข้นั สรุป 1) ครูและนกั เรียนสงั เกตวธิ ีการปฏิบตั ิ ตรวจสอบ และปรับปรุงแกไ้ ขใหป้ ฏิบตั ิถูกตอ้ ง 2) อภิปรายและสอบถามขอ้ สงสยั 3) สรุปบทเรียน 4) วดั และประเมินผล 8. วธิ ีสอนตามหลกั พหูสูต เป็นวธิ ีการจดั การเรียนรู้ท่ีประกอบดว้ ย 3 ข้นั ตอน ดงั น้ี 8.1 ข้นั สร้างศรัทธา 1) การจดั บรรยากาศของช้นั เรียนใหเ้ หมาะสม 2) บุคลิกภาพของครูและการสร้างความสมั พนั ธ์ที่ดีระหวา่ งครูกบั นกั เรียน 3) การเสนอสิ่งเร้าและสร้างแรงจูงใจใฝ่ รู้ 8.2 ข้นั ฝึกทกั ษะภาษาตามหลกั พหูสูต 1) การฝึ กหดั ฟัง พดู อ่าน เขียน 2) การฝึ กปรือ เพื่อจบั ประเดน็ สาระและจดจาํ 3) การฝึ กฝน ฝึกการใชภ้ าษาใหแ้ คล่วคล่องจดั เจน 4) การฝึ กคิดพิจารณาจนเขา้ ใจแจ่มแจง้ โดยมีวิธีคิด ไดแ้ ก่ คิดจาํ แนกแยกแยะ คิดเชื่อมโยง สมั พนั ธ์ คิดสรุปหลกั การ 5) การฝึ กสรุปรวมสาระความรู้เป็นหลกั การดว้ ยความเขา้ ใจแจ่มแจง้ และนาํ ไปใชไ้ ดจ้ ริง 8.3 ข้นั มองตนและประเมินของกลั ยาณมิตร โดย 1) การวดั และประเมินตนเอง 2) การวดั และประเมินโดยเพ่ือนนกั เรียน 3) การวดั และประเมินโดยครูผสู้ อน 4) การซ่อมเสริมและช่วยเหลือกนั ฉนั กลั ยาณมิตร อยา่ งไรก็ตาม การเรียนการสอนพระพุทธศาสนา ครูสามารถจดั การเรียนรู้ไดห้ ลากหลายวิธี ท้งั น้ี ข้ึนอยู่กับเน้ือหา สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ครูควรเลือกใช้ให้เหมาะสม ดังน้ัน บทบาทของครูจึงมี ความสาํ คญั มาก นอกจากน้ียงั นาํ เสนอทฤษฎีและเทคนิควิธีการเรียนการสอนอ่ืน ๆ มาเป็ นแนวทางในการจดั การ เรียนรู้อีก เช่น
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 22 1. การจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็ นฐาน (Brain-Based Learning–BBL) เป็ นวิธีการจดั การเรียนรู้ ท่ีอิงผลการวิจยั ทางประสาทวิทยา ซ่ึงไดเ้ สนอแนะไวว้ ่า ตามธรรมชาติน้นั สมองเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งไรโดยได้ กล่าวถึงโครงสร้างท่ีแทจ้ ริงของสมองและการทาํ งานของสมองมนุษยท์ ่ีมีการแปรเปลี่ยนไปตามข้นั ของ การพัฒนา ซ่ึงสามารถนํามาใช้เป็ นกรอบแนวคิดของการสร้างสรรค์การจัดการเรี ยนรู้ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 2. การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็ นฐาน (Problem-Based Learning–PBL) เป็ นวิธีการจดั การ เรียนรู้ท่ีใชป้ ัญหาท่ีเกิดข้ึนเป็ นจุดเร่ิมตน้ และเป็ นตวั กระตุน้ ให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ โดยให้นักเรียน ร่วมกนั แกป้ ัญหาภายใตก้ ารแนะนาํ ของครู ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ต้งั คาํ ถามและช่วยกนั คน้ หาคาํ ตอบ โดยใช้ อาจใช้ความรู้เดิมมาแก้ปัญหา หรือศึกษาคน้ ควา้ เพ่ิมเติมสําหรับการแก้ปัญหา นําขอ้ มูลที่ได้จากการ คน้ ควา้ มาสรุปเป็ นขอ้ มูลในการแกป้ ัญหา แลว้ ช่วยกนั ประเมินการแกป้ ัญหาเพื่อใชใ้ นการแกป้ ัญหาคร้ัง ต่อไป 3. การจัดการเรียนรู้แบบพหุปัญญา (Multiple Intelligences) เป็ นวิธีการจดั การเรียนรู้ที่มุ่งพฒั นา องค์รวมของนักเรียนท้งั สมองด้านซ้ายและสมองด้านขวา บนพ้ืนฐานความสามารถและสติปัญญาท่ี แตกต่างกนั ของแต่ละบุคคล มุ่งหมายจะใหผ้ เู้ รียนสามารถแกป้ ัญหาหรือสร้างสรรคส์ ิ่งต่าง ๆ ภายใตค้ วาม หลากหลายของวฒั นธรรมหรือสภาพแวดลอ้ ม 4. การจัดการเรียนรู้แบบร่ วมมือ (Cooperative Learning) เป็ นวิธี การจัดการเรี ยนรู้ที่ จัด สถานการณ์และบรรยากาศให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ฝึ กให้นักเรียนท่ีมีลกั ษณะแตกต่างกนั ท้งั สติปัญญาและความถนดั ร่วมกนั ทาํ งานเป็นกลุ่ม ร่วมกนั ศึกษาคน้ ควา้ 5. การจัดการเรียนรู้แบบใช้หมวกความคดิ 6 ใบ (Six Thinking Hats) เป็นวิธีการจดั การเรียนรู้ท่ีให้ นกั เรียนฝึ กต้งั คาํ ถามและตอบคาํ ถามที่ใชค้ วามคิดในลกั ษณะต่าง ๆ โดยสามารถอธิบายเหตุผลประกอบ หรือวเิ คราะห์วิจารณ์ได้ 6. การจัดการเรียนรู้สืบสวนสอบสวน (Inquiry Process) เป็ นวิธีการจดั การเรียนรู้ท่ีฝึ กให้นกั เรียน คน้ หาความรู้ดว้ ยตนเอง เพ่ืออธิบายส่ิงต่าง ๆ อย่างเป็ นระบบและมีหลกั เกณฑ์ โดยนักเรียนจะตอ้ งใช้ ความสามารถของตนเองคิดคน้ สืบเสาะ แกป้ ัญหา หรือคิดประดิษฐส์ ่ิงใหมด่ ว้ ยตนเอง 7. การจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการแก้ปัญหา (Problem Solving) เป็ นวิธีการจดั การเรียนรู้ท่ีมุ่ง ฝึ กให้นักเรียนเรียนรู้จากการแก้ปัญหาที่เกิดข้ึน โดยการทําความเข้าใจปัญหา วางแผนแก้ปัญหา ดาํ เนินการแกป้ ัญหา และตรวจสอบหรือมองยอ้ นกลบั 8. การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน (Project Work) เป็นวธิ ีการจดั การเรียนรู้รูปแบบหน่ึงที่ส่งเสริม ให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเองจากการลงมือปฎิบัติ โดยใช้กระบวนการแสวงหาความรู้หรือคน้ ควา้ หา คาํ ตอบในส่ิงท่ีนกั เรียนอยากรู้หรือสงสยั ดว้ ยวธิ ีการต่าง ๆ อยา่ งหลากหลาย 9. การจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นการปฏิบัติ (Active Learning) เป็ นวิธีการจดั การเรียนรู้ท่ีให้นักเรียนได้ ทดลองทาํ ดว้ ยตนเอง เพื่อจะไดเ้ รียนรู้ข้นั ตอนของงาน และรู้จกั วธิ ีแกป้ ัญหาในการทาํ งาน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 23 10. การจัดการเรียนรู้แบบสร้างผังความคิด (Concept Mapping) เป็ นวิธีการจดั การเรียนรู้ด้วย การจดั กลุ่มความคิดรวบยอด เพ่ือให้เห็นความสัมพนั ธ์กนั ระหว่างความคิดหลกั และความคิดรองลงไป โดยนาํ เสนอเป็นภาพหรือเป็นผงั 11. การจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experience Learning) เป็ นวิธีการจดั การเรียนรู้ที่จดั กิจกรรมหรือจดั ประสบการณ์ให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้จากการปฏิบตั ิ แลว้ กระตุ้นให้นักเรียนพฒั นา ทกั ษะใหม่ ๆ เจตคติใหม่ ๆ หรือวิธีการคิดใหม่ ๆ 12. การเรียนรู้โดยการแสดงบทบาทสมมุติ (Role Playing) เป็นวิธีการจดั การเรียนรู้ท่ีใหน้ กั เรียนได้ แสดงบทบาทในสถานการณ์ที่สมมุติข้ึน โดยอาจกาํ หนดให้แสดงบทบาทสมมุติท่ีเป็ นพฤติกรรมของ บุคคลอื่น หรือแสดงพฤติกรรมในบทบาทของตนเองในสถานการณ์ต่าง ๆ 13. การเรียนรู้จากเกมจําลองสถานการณ์ (Simulation Gaming) เป็นวิธีการจดั การเรียนรู้ท่ีคลา้ ยกบั การแสดงบทบาทสมมุติ แต่เป็นการใหเ้ ล่นเกมจาํ ลองสถานการณ์ โดยครูนาํ สถานการณ์จริงมาจาํ ลองไว้ ในหอ้ งเรียน โดยการกาํ หนดกฎ กติกา และเง่ือนไขสาํ หรับเกมน้นั ๆ แลว้ ใหน้ กั เรียนไปเล่นเกมหรือ กิจกรรมในสถานการณ์จาํ ลองน้นั 14. การจัดการเรียนรู้แบบกลบั ด้านช้ันเรียน (Flipped Classroom) เป็นกระบวนการจดั การเรียนรู้ ตามแนวคิดวา่ เรียนท่ีบา้ น ทาํ การบา้ นท่ีโรงเรียน เป็นการกลบั มุมมองจากการใหบ้ ทบาทและความสาํ คญั ท่ีครูไปใหค้ วามสาํ คญั ต่อการเรียนรู้ของนกั เรียน จากเดิมส่ิงท่ีทาํ ในช้นั เรียนนาํ ไปทาํ ท่ีบา้ น และนาํ สิ่งที่ มอบหมายใหท้ าํ ท่ีบา้ นมาทาํ ในช้นั เรียน โดยครูคอยใหค้ าํ แนะนาํ ช่วยเหลือ และตอบขอ้ สงสยั ในระหวา่ ง การทาํ งาน/กิจกรรมของนกั เรียน เพอ่ื ใหเ้ กิดการเรียนรู้อยา่ งมีประสิทธิภาพ การจดั การเรียนรู้ตอ้ งจดั ควบคู่การวดั และการประเมินผลตามภาระงาน/ชิ้นงานที่สอดคลอ้ งกบั ตวั ช้ีวดั แผนการจดั การเรียนรู้น้ีไดเ้ สนอการวดั และประเมินผลครบท้งั 3 ดา้ น คือ ดา้ นความรู้ ดา้ น คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม และดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ เนน้ วธิ ีการวดั ที่หลากหลายตามสถานการณ์ จริง การดูร่องรอยต่าง ๆ ควบคู่ไปกบั การดูกระบวนการทาํ งาน และผลผลิตของงาน โดยออกแบบการ ประเมินก่อนเรียน ระหวา่ งเรียน หลงั เรียน และแบบทดสอบประจาํ หน่วยการเรียนรู้ พร้อมแบบฟอร์มและ เกณฑ์ การประเมิน เพื่ออาํ นวยความสะดวกใหค้ รูไวพ้ ร้อม ท้งั น้ีครูอาจเพ่มิ เติม โดยการออกแบบการวดั และประเมินผลดว้ ยมิติคุณภาพ (Rubrics)
5. ตารางวเิ คราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชี้วดั ช้ันปี 1 234 สาระการเรียนร้ ู /หน่ วยการเรียนร้ ู หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 พระพทุ ธ ๏ 1. การสงั คายนา 2. การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย ๏ 3. ความสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย ๏ 4. พทุ ธประวตั ิ ๏ 5. ชาดก ๏ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 พระธรรม 1. หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา 2. พทุ ธศาสนสุภาษิต หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พระสงฆ์ 1. พทุ ธสาวกและพทุ ธสาวกิ า ๏ 2. ชาวพทุ ธตวั อยา่ ง ๏ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 การปฏิบตั ติ นเป็ นชาวพทุ ธท่ดี ี 1. หนา้ ท่ีชาวพทุ ธ 2. มารยาทชาวพุทธ
คู่มือครู แผนการจดั การเรี ยนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 24 ชี้วดั ช้ันปี กับสาระการเรียนรู้ในหน่วยการเรียนรู้ มฐ. ส 1.2 34 มฐ. ส 1.1 56789 10 11 1 2 5 ๏๏ ๏ ๏ ๏๏ ๏ ๏ ๏
3. ศาสนพิธี 4. วนั สาํ คญั ทางพระพทุ ธศาสนา 5. การบริ หารจิตและการเจริ ญปัญญา
คู่มือครู แผนการจดั การเรี ยนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 25 ๏ ๏ ๏๏
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 26 6. คาํ อธิบายรายวชิ าพนื้ ฐาน พระพุทธศาสนา ม. 1 คาํ อธิบายรายวชิ า ส 21101 พระพทุ ธศาสนา รายวชิ าพนื้ ฐาน กล่มุ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1 จํานวน 1 หน่วยกติ (40 ชั่วโมง) ศึกษา วิเคราะห์พระพุทธเกี่ยวกับการสังคายนา การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย ความสาํ คญั ของพระพุทธศาสนาต่อสงั คมไทยในฐานะเป็นศาสนาประจาํ ชาติ สถาบนั หลกั ของสงั คมไทย สภาพแวดลอ้ มท่ีกวา้ งขวางและครอบคลุมสังคมไทย การพฒั นาตนและครอบครัว พุทธประวตั ิเรื่อง การประสูติ เทวทูต 4 การแสวงหาความรู้ การบาํ เพญ็ ทุกรกิริยา รวมท้งั ชาดกเรื่อง อมั พชาดก และติตติรชาดก ศึกษา วิเคราะห์พระธรรมเกี่ยวกบั พระรัตนตรัยเรื่องพุทธคุณ ๙ หลกั ธรรมสาํ คญั ในกรอบอริยสจั 4 ได้แก่ ทุกข์ (ธรรมท่ีควรรู้): ขนั ธ์ 5 ธาตุ 4 สมุทัย (ธรรมที่ควรละ): หลกั กรรม ความหมายและคุณค่า อบายมุข 6 นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ): สุข 2 (กายิก, เจตสิก) คิหิสุข มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ): ไตรสิกขา กรรมฐาน 2 ปธาน 4 โกศล 3 มงคล 38 เรื่อง ไม่คบคนพาล คบบณั ฑิต บูชาผคู้ วรบูชา พุทธศาสนสุภาษิต บทว่า ยํ เว เสวติ ตาทิโส คบคนเช่นใด เป็ นคนเช่นน้ัน อตฺตนา โจทยตฺตานํ จงเตือนตนดว้ ยตน นิสมฺม กรณํ เสยฺโย ใคร่ครวญก่อนทาํ จึงดีกวา่ ทุราวาสา ฆรา ทุกฺขา เรือนที่ครองไมด่ ี นาํ ทุกขม์ าให้ ศึกษา วิเคราะห์พระสงฆเ์ กี่ยวกบั การประพฤติตนตามแบบอยา่ งการดาํ เนินชีวิตและขอ้ คิดจากพทุ ธ- สาวก พุทธสาวิกา ไดแ้ ก่ พระมหากสั สปะ พระอุบาลี อนาถบิณฑิกะ นางวิสาขา ศาสนิกชนตวั อยา่ ง ไดแ้ ก่ พระเจา้ อโศกมหาราช พระโสณเถระและพระอุตตรเถระ ตวั อยา่ งบุคคลในทอ้ งถ่ินหรือประเทศท่ีปฏิบตั ิ ตนเป็นแบบอยา่ งดา้ นศาสนสมั พนั ธห์ รือมีผลงานดา้ นศาสนสมั พนั ธ์ ศึกษา วิเคราะห์การปฏิบตั ิตนเป็ นชาวพุทธที่ดีเก่ียวกบั หน้าท่ีชาวพุทธเรื่องการบาํ เพญ็ ประโยชน์ และการบาํ รุงรักษาวดั การปฏิบตั ิตนอย่างเหมาะสมต่อเพ่ือนตามหลกั พระพุทธศาสนา ศาสนิกชนของ ศาสนาต่าง ๆ ท่ีมีการประพฤติปฏิบตั ิตนและวิถีการดาํ เนินชีวิตแตกต่างกนั ตามหลกั ความเชื่อและคาํ สอน ของศาสนาที่ตนนบั ถือ การปฏิบตั ิอยา่ งเหมาะสมต่อศาสนิกชนอื่นในสถานการณ์ต่าง ๆ มารยาทชาวพทุ ธ ในเร่ือง การเรียนรู้วิถีชีวิตของพระภิกษุ บทบาทของพระภิกษุในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เช่น การ แสดงธรรม ปาฐกถาธรรม การประพฤติตนใหเ้ ป็ นแบบอยา่ ง การปฏิบตั ิตนที่เหมาะสมในเรื่องการเขา้ พบ พระภิกษุ การแสดงความเคารพ การประนมมือ การไหว้ การกราบ การเคารพพระรัตนตรัย การฟังเจริญ พระพุทธมนต์ การฟังสวดพระอภิธรรม การฟังพระธรรมเทศนา ศาสนพิธีในเรื่อง การจดั โต๊ะหมู่บูชา แบบหมู่ 4 หมู่ 5 หมู่ 7 หมู่ 9 การจุดธูปเทียน การจดั เครื่องประกอบโต๊ะหมู่บูชา คาํ อาราธนาต่าง ๆ วนั สาํ คญั ทางพระพุทธศาสนาเร่ือง ประวตั ิและความสําคัญของวนั ธรรมสวนะ วนั เข้าพรรษา วนั ออกพรรษา วนั เทโวโรหณะ ระเบียบพิธี พิธีเวียนเทียน การปฏิบตั ิตนในวนั มาฆบูชา วนั วิสาขบูชา วนั อฏั ฐมีบูชา วนั อาสาฬหบูชา วนั ธรรมสวนะ และเทศกาลสาํ คญั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 27 ศึกษา วิเคราะห์การบริหารจิตและการเจริญปัญญา ได้แก่ การสวดมนต์แปล และแผ่เมตตา วิธีปฏิบตั ิและประโยชน์ของการบริหารจิตและเจริญปัญญา การฝึ กบริหารจิตและเจริญปัญญาตามหลกั สติปัฎฐานเนน้ อานาปานสติ การพฒั นาการเรียนรู้ดว้ ยโยนิโสมนสิการวิธีคิดแบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม วธิ ีคิดแบบคุณ–โทษและทางออก โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการสืบค้นข้อมูล กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจ เห็นคุณค่า ศรัทธา ยึดมนั่ ในพระรัตนตรัยศาสนาที่ตน นบั ถือ ปฏิบตั ิตนเป็ นศาสนิกชนที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีเหมาะสมดีงาม สามารถดาํ เนิน ชีวติ อยรู่ ่วมกนั ในสงั คมไทยและสงั คมโลกอยา่ งสนั ติสุข มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชี้วดั ส 1.1 ม. 1/1, 1/2, 1/3, 1/4, 1/5, 1/6, 1/7, 1/8, 1/9, 1/10, 1/11 ส 1.2 ม. 1/1, 1/2, 1/3, 1/4, 1/5 รวมท้ังหมด 16 ตวั ชี้วดั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 28 7. โครงสร้างรายวชิ าพนื้ ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 โครงสร้างรายวชิ า ส 21101 พระพทุ ธศาสนา รายวชิ าพนื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 จํานวน 1 หน่วยกติ (40 ชั่วโมง) หน่วย ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มฐ./ตวั ชี้วดั เวลา (ชั่วโมง) นํา้ หนกั การเรียนรู้ที่ คะแนน (100) พระพทุ ธ ส 1.1 ม. 1/1, 1/2, 1/3, 9 1 1/4 9 25 พระธรรม 5 25 2 พระสงฆ์ ส 1.1 ม. 1/5, 1/8 14 15 3 การปฏิบตั ิตนเป็น 4 ชาวพทุ ธที่ดี ส 1.1 ม. 1/4 37 35 ส 1.1 ม. 1/6, 1/7, 1/9, 100 1/10, 1/11 ส 1.2 ม. 1/1, 1/2, 1/3, 1/4, 1/5 รวม หมายเหตุ ส 21101 พระพุทธศาสนา ม. 1 จดั เวลาเรียนใหน้ กั เรียนตลอดภาคเรียนเท่ากบั 40 ชว่ั โมง การจดั ทาํ โครงสร้างเวลาเรียนไดก้ าํ หนดเวลาเรียนไว้ 37 ชว่ั โมง เวลาปฐมนิเทศ 1 ชว่ั โมง เวลาในการทดสอบกลางภาค 1 ชว่ั โมง และเวลาในการทดสอบปลายภาค 1 ชว่ั โมง
8. โครงสร้ างเวลาเรียน รายวชิ าพนื้ ฐาน พระพทุ ธศาสนา ม. 1 หน่ วยการเรี ยนร้ ู ที่ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี หน่วยท่ี 1 พระพทุ ธ แผนปฐมนิเทศ ชว่ั โมงท่ี 1 ปฐมนิเท (5 แผน) แผนท่ี 1 การสงั คายนา ชว่ั โมงที่ 2 การสงั ค (1 ชวั่ โมง) แผนท่ี 2 การเผยแผพ่ ระพทุ ธ- 1. การสงั คายนา ศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย (2 ชวั่ โมง) ชวั่ โมงท่ี 3 การเผยแ 2. การเผยแผพ่ ร ชว่ั โมงท่ี 4 พระพุท 2. การเผยแผพ่ ร พระพุทธศ แผนท่ี 3 ความสาํ คญั ของพระพทุ ธ ชวั่ โมงท่ี 5–6 ความ ศาสนาต่อสงั คมไทย 3. ความสาํ คญั ข (2 ชว่ั โมง) 3.1 พระพทุ ธ 3.2 พระพทุ ธ แผนที่ 4 พทุ ธประวตั ิ 3.3 พระพทุ ธ (2 ชว่ั โมง) สงั คมไทย 3.4 พระพทุ ธ ชว่ั โมงที่ 7 พุทธปร 4. พทุ ธประวตั ิ
คู่มือครู แผนการจดั การเรี ยนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 29 ช่ัวโมงท่ี หมายเหตุ ทศและขอ้ ตกลงในการเรี ยน คายนา า แผพ่ ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย ทธศาสนาในประเทศไทยต้งั แต่สมยั สุโขทยั จนถึงปัจจุบนั ระพทุ ธศาสนาเขา้ สู่ประเทศไทย ศาสนาในประเทศไทยต้งั แต่สมยั สุโขทยั จนถึงปัจจุบนั มสาํ คญั ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย ของพระพทุ ธศาสนาต่อสงั คมไทย ธศาสนาเป็ นศาสนาประจาํ ชาติ ธศาสนาเป็ นสถาบนั หลกั ของสงั คมไทย ธศาสนาเป็ นสภาพแวดลอ้ มท่ีกวา้ งขวางและครอบคลุม ธศาสนาเป็ นหลกั ในการพฒั นาตนเองและครอบครัว ระวตั ิ
หน่ วยการเรี ยนร้ ู ท่ี แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4.1 การประส 4.2 การเห็นเท หน่วยที่ 2 พระธรรม แผนที่ 5 ชาดก ชว่ั โมงที่ 8 พุทธปร (3 แผน) (2 ชว่ั โมง) 4.3 การแสวง 4.4 การบาํ เพ แผนท่ี 6 พระรัตนตรัย (1 ชวั่ โมง) ชวั่ โมงที่ 9 ชาดก แผนที่ 7 อริ ยสจั 4 และการปฏิบตั ิ 5. ชาดก ตนตามหลกั ธรรม 5.1 อมั พชาด (6 ชวั่ โมง) ชว่ั โมงที่ 10 ชาดก ( 5.2 ติตติรชาด ชว่ั โมงท่ี 11 พระรัต 1. พระรัตนตรัย พทุ ธคุณ 9 ชว่ั โมงที่ 12 อริ ยสจั 2. หลกั ธรรมทา 2.1 อริ ยสจั 4 ทุกข:์ ธร ชว่ั โมงท่ี 13 อริ ยสจั 2.1 อริ ยสจั 4
ชั่วโมงท่ี คู่มือครู แผนการจดั การเรี ยนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 30 หมายเหตุ สูติ ทวทตู ๔ ระวตั ิ (ต่อ) งหาความรู้ พญ็ ทุกกรกิริ ยา ดก (ต่อ) ดก ตนตรัย จ 4 ทุกข:์ ธรรมท่ีควรรู้ างพระพทุ ธศาสนา 4 รรมท่ีควรรู้ (ขนั ธ์ 5, ธาตุ 4) จ 4 สมุทยั : ธรรมที่ควรละ 4
หน่ วยการเรี ยนร้ ู ท่ี แผนการจดั การเรียนรู้ที่ แผนที่ 8 พทุ ธศาสนสุภาษิต สมุทยั : ธ (2 ชว่ั โมง) ชว่ั โมงที่ 14 อริ ยสจั 2.1 อริ ยสจั 4 นิโรธ: ธร ชวั่ โมงที่ 15 อริ ยสจั 2.1 อริ ยสจั 4 มรรค: ธร ชวั่ โมงที่ 16 อริ ยสจั 2.1 อริ ยสจั 4 มรรค: ธร ชว่ั โมงที่ 17 การปฏ 2.2 การปฏิบ ชว่ั โมงท่ี 18 พทุ ธศ 3. พทุ ธศาสนสุภ 3.1 ย ํ เว เสวต 3.2 อตฺตนา โ ชวั่ โมงท่ี 19 พทุ ธศ 3.3 นิสมฺม กร 3.4 ทุราวาสา
คู่มือครู แผนการจดั การเรี ยนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 31 ชั่วโมงที่ หมายเหตุ ธรรมที่ควรละ (หลกั กรรม, อบายมุข 6) จ 4 นิโรธ: ธรรมที่ควรบรรลุ 4 รรมที่ควรบรรลุ (สุข 2, คิหิสุข 4) จ 4 มรรค: ธรรมที่ควรเจริ ญ 4 รรมท่ีควรเจริ ญ (กรรมฐาน 2, ไตรสิกขา, โกศล 3, ปธาน 4) จ 4 มรรค: ธรรมท่ีควรเจริ ญ (ต่อ) 4 รรมท่ีควรเจริ ญ (มงคล 38) ฏิบตั ิตนตามหลกั ธรรม บตั ิตนตามหลกั ธรรม ศาสนสุ ภาษิต ภาษิต ติ ตาทิโส (คบคนเช่นใด เป็ นคนเช่นน้ นั ) โจทยตฺตตานํ (จงเตือนตนดว้ ยตน) ศาสนสุภาษิต (ต่อ) รณํ เสยฺโย (ใคร่ครวญก่อนแลว้ จึงทาํ ดีกวา่ ) า ฆรา ทุกฺขา (เรื อนที่ครองไม่ดี นาํ ทุกขม์ าให)้
หน่ วยการเรี ยนร้ ู ที่ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ชวั่ โมงท่ี 20 การทด หน่วยท่ี 3 พระสงฆ์ แผนท่ี 9 พทุ ธสาวกและพทุ ธ- ชว่ั โมงที่ 21 พทุ ธส (2 แผน) สาวกิ า (3 ชว่ั โมง) 1. พทุ ธสาวก หน่วยท่ี 4 การปฏิบตั ิตนเป็ น 1.1 พระมหา ชาวพทุ ธที่ดี แผนท่ี 10 ชาวพทุ ธตวั อยา่ ง 1.2 พระอุบาล (6 แผน) (2 ชว่ั โมง) ชวั่ โมงท่ี 22 พทุ ธส แผนที่ 11 หนา้ ที่ชาวพทุ ธ 1.3 อนาถบิณ (2 ชวั่ โมง) ชว่ั โมงที่ 23 พทุ ธส 2. พทุ ธสาวิกา นางวิสาขามห ชว่ั โมงที่ 24–25 ชา 3. ชาวพทุ ธตวั อ 3.1 พระเจา้ อ 3.2 พระโสณ ชวั่ โมงท่ี 26 หนา้ ที่ช 1. หนา้ ท่ีชาวพทุ 1.1 การบาํ เพ 1.2 การปฏิบ ชว่ั โมงที่ 27 หนา้ ที่ช
คู่มือครู แผนการจดั การเรี ยนรู้ พระพุทธศาสนา ม. 1 32 ชั่วโมงที่ หมายเหตุ ดสอบกลางภาค สาวก ากสั สปะ ลี สาวก (ต่อ) ณฑิกเศรษฐี สาวิกา หาอุบาสิ กา าวพทุ ธตวั อยา่ ง อยา่ ง อโศกมหาราช ณเถระและพระอุตตรเถระ ชาวพทุ ธ ทธ พญ็ ประโยชนแ์ ละการบาํ รุ งรักษาวดั บตั ิตนที่เหมาะสมต่อเพอื่ นตามหลกั พระพทุ ธศาสนา ชาวพทุ ธ (ต่อ)
หน่ วยการเรี ยนร้ ู ท่ี แผนการจดั การเรียนรู้ที่ แผนที่ 12 มารยาทชาวพทุ ธ (3 ชวั่ โมง) 1.3 การปฏิบ แผนท่ี 13 ศาสนพธิ ี ชว่ั โมงที่ 28 การเรี ย (2 ชว่ั โมง) 2. มารยาทชาวพ 2.1 การเรี ยน แผนที่ 14 วนั สาํ คญั ทางพระพทุ ธ- ศาสนา ชว่ั โมงที่ 29 การเรี ย (2 ชว่ั โมง) 2.2 การเรี ยน ชว่ั โมงท่ี 30 การปฏ 2.3 การปฏิบ ชวั่ โมงท่ี 31 ศาสนพ 3. ศาสนพธิ ี 3.1 การจดั โต 3.2 การจุดธูป ชว่ั โมงที่ 32 ศาสนพ 3.3 การอารา ชวั่ โมงที่ 33 วนั ธรร 4. วนั สาํ คญั ทาง 4.1 ประวตั ิแล ชว่ั โมงที่ 34 วนั สาํ ค 4.2 ประวตั ิแล
คู่มือครู แผนการจดั การเรี ยนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 33 ชั่วโมงท่ี หมายเหตุ บตั ิตนท่ีเหมาะสมต่อศาสนิกชนของศาสนาต่าง ๆ ยนรู้วิถีชีวิตของพระสงฆ์ พทุ ธ นรู้วถิ ีชีวติ ของพระสงฆ์ ยนรู้บทบาทของพระสงฆใ์ นการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา นรู้บทบาทของพระสงฆใ์ นการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา ฏิบตั ิตนท่ีเหมาะสมต่อพระสงฆ์ บตั ิตนที่เหมาะสม พธิ ี ตะ๊ หม่บู ชู าและเครื่ องประกอบโตะ๊ หมู่บูชา ปเทียน พิธี (ต่อ) าธนาต่าง ๆ รมสวนะและเทศกาลสาํ คญั งพระพทุ ธศาสนา ละความสาํ คญั ของวนั ธรรมสวนะและเทศกาลสาํ คญั คญั ทางพระพุทธศาสนา ละการปฏิบตั ิตนในวนั สาํ คญั ทางพระพทุ ธศาสนา
หน่ วยการเรี ยนร้ ู ท่ี แผนการจดั การเรียนรู้ที่ แผนที่ 15 การบริ หารจิตและการ 4.3 ระเบียบพ เจริ ญปัญญา (3 ชว่ั โมง) ชวั่ โมงที่ 35–36 กา เนน้ อานาปานสติ 5. การบริ หารจิต 5.1 การฝึ กบร เนน้ อานา ชว่ั โมงท่ี 37 ประโย 5.2 ประโยชน แผนที่ 16 พฒั นาการเรี ยนรู้ดว้ ยวธิ ี ชว่ั โมงท่ี 38 วธิ ีคิดแ คิดแบบโยนิโสมนสิการ 6. การพฒั นาการ (2 ชว่ั โมง) วธิ ีคิดแบบ ชวั่ โมงท่ี 39 วธิ ีคิดแ 6. การพฒั นาการ วธิ ีคิดแบบ ชว่ั โมงที่ 40 การทด
คู่มือครู แผนการจดั การเรี ยนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 34 ช่ัวโมงที่ หมายเหตุ พธิ ีเวยี นเทียนในวนั สาํ คญั ทางพระพุทธศาสนา ารฝึ กบริ หารจิตและเจริ ญปัญญาตามหลกั สติปัฏฐาน ตและการเจริ ญปัญญา ริ หารจิตและเจริ ญปัญญาตามหลกั สติปัฏฐาน าปานสติ ยชนข์ องการบริ หารจิตและการเจริ ญปัญญา นข์ องการบริ หารจิตและการเจริ ญปัญญา แบบคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม รเรี ยนรู้ดว้ ยวธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการ บคุณค่าแท–้ คุณค่าเทียม แบบคุณ–โทษ และทางออก รเรี ยนรู้ดว้ ยวธิ ีคิดแบบโยนิโสมนสิการ บคุณ–โทษ และทางออก ดสอบปลายภาค
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ พระพทุ ธศาสนา ม. 1 35 ตอนท่ี 2 แผนการจัดการเรียนรู้ สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม (พระพทุ ธศาสนา) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263