ภาพกจิ กรรมการสรา้ งสอ่ื -โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศูนย์พ่ีเลี้ยงมหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี
-โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ่เี ลี้ยงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
โครงงาน RBL เรอื่ ง น้ายาล้างจานจากสมุนไพร ชื่อผ้จู ัดทาโครงงาน 1 นางสาวพัชริดา วัฒนาเนตร 2 นางสาวรุง้ ตะวัน บกนอ้ ย 3 นางสาววิกานดา รวมธรรม ครทู ปี่ รกึ ษา ครูกติ ตพิ งษ์ บุญสาร ศูนยพ์ เ่ี ลย้ี งมหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธานี โรงเรยี นสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ อาเภอคาเขือ่ นแก้ว จังหวัดยโสธร สานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 28 -โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ เี่ ลี้ยงมหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธานี
กิตติกรรมประกาศ โครงงานเรื่อง น้ายาล้างจานจากสมุนไพรสาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยความกรุณาของอาจารย์ที่ปรึกษา โครงงาน ได้แก่ อาจารย์ กิตตพิ งษ์ บญุ สาร อาจารย์เดชมณี เนาวโรจน์ และอาจารย์ในแผนกวิชาวิทยาศาสตร์ ท่ีได้ให้คาปรึกษา แนะนา ชี้แนะ ในการศึกษาค้นคว้า แนะนาขั้นตอนและวิธีจัดทาโครงงานจนสาเร็จลุล่วง ด้วยดี ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนทุน สกว. ธนาคารกสิกรไทยและศูนย์พี่เลี้ยงมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีคณะ ผูจ้ ดั ทาจงึ ขอกราบขอบพระคุณเปน็ อยา่ งสงู ไว้ ณ โอกาสนี้ ขอกราบขอบพระคุณ บิดา มารดา ที่ให้กาลังใจในการศึกษาเล่าเรียนและสมาชิกในกลุ่ม ท่ีให้ความ รว่ มมอื เปน็ อย่างดี ในการทาโครงงานครัง้ น้ี จนกระทง่ั ประสบความสาเรจ็ ด้วยดี -โครงการเพาะพันธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศูนยพ์ เี่ ล้ยี งมหาวิทยาลัยอบุ ลราชธานี
บทคดั ย่อ กลา่ วถงึ ปัญหาด้านสขุ ภาพในโรงเรียนซ่ึงโรงเรียนของเราได้เข้าร่วมโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาและเป็น โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพระดับเพชร พวกเราได้เห็นแม่ค้าใช้ผงซักฟอกในการล้างจานและผงซักฟอกมีสารเคมี เยอะซ่งึ ไมเ่ หมาะกับการลา้ งจาน ทางกลุ่มของเราจึงมีความคิดว่าจะทาน้ายาล้างจานจากสมุนไพรท่ีสามรถหาได้ในท้องถ่ินคือการนา มะกรูดมาใช้แทนสารเคมีอ่ืนๆและเราคิดค้นน้ายาล้างจานท่ีจะช่วยลดสารเคมีท่ีมีในน้ายาล้างจานให้น้อยลง โดยใชส้ มนุ ไพรในการกาจัดคราบมันและกลิ่นคาวในจาน น้ายาล้างจานมีอยู่ 3 สูตร คือสูตรมะกรูด ตะลิงปลิง และมะขามเปยี ก จากท่ไี ด้ทาการทดลองและสรปุ ผล ผลปรากฏว่าน้ายาลา้ งจานสมุนไพรจากมะกรูดขจัดคราบมันและ กลิ่นคาวได้ดีกว่าสูตรอื่น เม่ือได้รู้ผลการทดลองแล้วทางกลุ่มพวกราจะนาน้ายาล้างจานไปให้กลุ่มแม่ค้าในโรง อาหารใช้เพื่อใชแ้ ทนผงซกั ฟอกในการลา้ งจาน -โครงการเพาะพนั ธ์ุปัญญา ปี 2560- ศูนยพ์ ่ีเลยี้ งมหาวิทยาลยั อุบลราชธานี
บทนา ความเป็นมาและความสาคัญของโครงงาน กลา่ วถงึ ปญั หาดา้ นสุขภาพในโรงเรยี นซ่ึงโรงเรยี นของเราได้เขา้ รว่ มโครงการเพาะพันธ์ุปัญญาและเป็น โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพระดับเพชร ซึ่งโรงเรียนของเรามีปัญหาทางด้านขยะ น้า โรงอาหาร ดังน้ันกลุ่มของ พวกเราจงึ ม่งุ เนน้ ทีจ่ ะมาแก้ไขปญั หาทางดา้ นโรงอาหารเพราะพวกเราได้เห็นแม่ค้าใช้ผงซักฟอกในการล้างจาน และผงซักฟอกมีสารเคมีเยอะซึ่งไม่เหมาะกับการล้างจานและถูกสุขลักษณะทางโภชนาการและอาจมีอาจมี สารเคมีตกค้างในภาชนะเมื่อเรานาอาหารมาใส่และทานทาให้สารเคมีที่ตกค้างในภาชนะเข้าสู่ร่างกาย เมื่อ สารเคมที ่ตี กค้างสะสมในรา่ งกายมากขนึ้ เรื่อยๆจะส่งผลเสยี ตอ่ รา่ งกายของเรา นา้ ยาล้างจานบางชนิดมีสารเคมีปะปนเยอะ ซ่ึงถ้าเราใช้เยอะๆและล้างน้าไม่สะอาดก็จะมีสารเคมี ตกค้างเชน่ เดยี วกันกบั ผงซักฟอกเม่ือมีสารเคมีตกค้างเยอะๆและเมื่อสารเคมีตกค้างในร่างกายของเรามีเยอะก็ จะสง่ ผลต่อสขุ ภาพอาจจะเป็นโรคตา่ งๆเช่นโรคมะเรง็ ทางกลุ่มของเราจึงมีความคิดว่าจะทาน้ายาล้างจานจากสมุนไพรที่สามรถหาได้ในท้องถ่ินคือการ นามะกรดู มาใช้แทนสารเคมอี ่นื ๆและเราคิดคน้ น้ายาล้างจานทจี่ ะช่วยลดสารเคมีท่ีมีในน้ายาล้างจานให้น้อยลง โดยใช้สมนุ ไพรในการกาจัดคราบมันและกล่ินคาวในจานและทาใหส้ ารเคมที จ่ี ะตกค้างในภาชนะน้อยลงและลด การสะสมเคมใี นรา่ งกาย จุดประสงค์ 1 เพ่ือลดสารเคมนี ้ายาล้างจาน 2 เพ่อื ศึกษาการขจัดคราบมนั และกลิ่นคาว 3 เพ่ือศกึ ษาการสูตรการผลิตน้ายาที่ดีทีส่ ุด -โครงการเพาะพันธุป์ ญั ญา ปี 2560- ศูนยพ์ ่เี ลยี้ งมหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี
คาบสกปรก น้ายาลา้ งจานราคาแพง ปัญหาในโรงเรียน จานลา้ งไมส่ ะอาด ประหยดั ไมม่ ีสารตกคา้ ง คราบมนั และกล่ินคาว น้ายาลา้ งจานสมุนไพร รปู ที่ 1 ผังเหตุ-ผล หรอื ตัวแปรตน้ (เหต)ุ ตัวแปรตาม (ผล) ของโครงงานฐานวิจยั น้ี สมมติฐาน น้ายาล้างจานสมุนไพรมะนาว กาจัดคราบมันและกลน่ิ คาว ได้ดกี วา่ น้ายาลา้ งจานสมนุ ไพร มะกรูด น้ายาล้างจานสมุนไพรมะเฟอื ง ตวั แปร ตวั แปรอิสระ(ตัวแปรต้น) ได้แก่ น้ายาลา้ งจานจากสมุนไพร ตลงิ ปลิง มะกรดู มะขามเปยี ก ตัวแปรตาม ไดแ้ ก่ ผลการขจัดคราบมันและกล่ินคาว ตัวแปรควบคุม ได้แก่ ปรมิ าณของน้ายาลา้ งจานสมุนไพร ตลงิ ปลงิ มะกรดู มะขามเปยี ก ชนดิ ของคราบมัน ชนดิ ของกลน่ิ คาว ภาชนะทใ่ี ส่คาบมันและกลิ่นคาว ปรมิ าณน้าที่ใช้ล้างคาบมนั และกล่ิน คาวต้องมีปรมิ าณเทา่ กนั วธิ กี ารทานา้ ยาลา้ งจาน 1 นามะกรดู ตลิงปลงิ มะขามปยี กมาล้าง ผ่าครึ่งแล้วบีบน้าออกอย่างละ 0.5 ลิตร 2 นามาบบี เอาแต่นา้ จากขอ้ ท่ี 1 กรองเศษออกแล้วนาผ้าขาวบางมากรองอีกรอบ 3 เท N70 500 กรมั ใส่กะละมงั กวนไปในทางเดยี วกันเป็นเวลา 5 นาที 4 เม่อื ครบ 5 นาทีแลว้ ค่อยๆใส่เกลอื และน้ามะกรูด นา้ ตะลิงปลิง น้ามะขามเปยี กตามปริมาณแตล่ ะสตู รลงไป กวนใหเ้ ขา้ กัน จนกวา่ จะหมด 5 ใส่สผี สมอาหารแลว้ กวนให้เข้ากันเปน็ เวลา 30 นาที 6 จากน้นั ทง้ิ ไว้ 12 ชม. ให้ฟองหมด 7 หลงั จากฟองหมดก็บรรจุใสบ่ รรจภุ ัณฑ์ -โครงการเพาะพันธป์ุ ญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ีเ่ ลย้ี งมหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี
อัตราส่วนน้ายาลา้ งจานแตล่ ะสตู ร สูตรที่ 1 สูตรที่ 2 สูตรที่ 3 1. N70 1000 กรมั 1. N70 1000 กรัม 1. N70 1000 กรัม 2. F24 1000 กรมั 2. F24 1000 กรัม 2. F24 1000 กรมั 3. น้ามะกรดู 0.5 ลิตร 3. น้าตะลงิ ปลิง 0.5 ลติ ร 3. น้ามะขามเปยี ก 0.5 ลิตร 4. ผงฟอง 100 กรัม 4. ผงฟอง 100 กรมั 4. ผงฟอง 100 กรมั 5. นา้ 6 ลติ ร 5. น้า 6 ลิตร 5. น้า 6 ลิตร 6. เกลือ 500 กรมั 6. เกลือ 500 กรัม 6. เกลือ 500 กรัม 7. สารกันบดู 0.5 มล. 7. สารกนั บูด 0.5 มล. 7. สารกันบดู 0.5 มล. วธิ ที าการทดลอง 1. นาจานที่มีขนาดเท่ากัน จานวน 3 ใบ หยดนา้ มันในปริมาณเท่ากันใหเ้ ป็นคราบมนั 2. หยดนา้ มันยาล้างจานสมนุ ไพร ตะลงิ ปลงิ มะกรูด มะขามเปียก ลงในข้อ 1 จานวน 1 ซซี ี 3. ใช้มอื ถนู ้ายาลา้ งจานลงบนจาน อยา่ ใหห้ ก 4. ใชน้ า้ ปรมิ าณ 0.5 ลติ รลาดลงบนจาน 5. สังเกตคราบมนั ของจานท้งั 3 ใบ โดยใช้มอื ลูบสัมผสั บันทึกผลการทดลอง 6. ทาการทดลองข้อ 1- 5 ซา้ 3 ครงั้ เพื่อให้ไดข้ ้อมูลท่ีนา่ เช่ือถือได้ 7. ทาการทดลอง ข้อ 1 เปลยี่ นจากนา้ มัน เป็น น้าคาวปลา 8. หยดนา้ มนั ยาลา้ งจานสมุนไพร ตะลิงปลิง มะกรดู มะขามเปยี ก ลงในข้อ 1 จานวน 1 ซซี ี 9. ใช้มือถูน้ายาลา้ งจานลงบนจาน อย่าใหห้ ก 10. ใชน้ า้ ปรมิ าณ 0.5 ลิตรลาดลงบนจาน 11. สังเกตกลนิ่ คาวของจานทงั้ 3 ใบ โดยใชก้ ารดมกลน่ิ บนั ทึกผลการทดลอง 12. ทาการทดลองข้อ 7- 10 ซา้ 3 คร้ังเพ่ือให้ได้ขอ้ มูลทีน่ ่าเช่อื ถือได้ ผลการทดลอง ผลการทดลอง หมายเหตุ สูตรนา้ ยาล้างจาน ขจดั กลิน่ คาว ขจดั คราบมนั ดีมาก ไม่มีความลนื่ พอใช้ หลังลา้ งจาน สูตรที่ 1 (มะกรดู ) ดีมาก สตู รท่ี 2 (ตะลิงปลิง) ดี ดี ดมี าก สูตรท่ี 3 (มะขามเปยี ก) ดี ดี ดี -โครงการเพาะพันธ์ุปญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ เ่ี ลี้ยงมหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี
อภิปรายผล สูตรที่ 1 (มะกรูด) มะกรูดมฤี ทธ์เิ ปน็ กรดและมกี ลิ่นหอมทาให้ขจัดคราบมนั และกล่นิ คาวได้ดี สูตรท่ี 2 (ตะลงิ ปลงิ ) ตะลงิ ปลงิ มีฤทธ์เิ ป็นกรดแตน่ ้อยกวา่ มะกรดู และมะขามเปยี ก ไมม่ ีกล่ินหอม สามารถขจดั คราบมนั ได้ แต่กลิ่นคาวยงั คงเหลอื อยู่ สตู รท่ี 3 (มะขามเปยี ก) มะขามเปยี กมีฤทธ์ิเปน็ กรดแต่น้อยกวา่ มะกรูด มีกล่ินหอมเล็กน้อย สามารถขจัดคราบมันไดแ้ ละมี กลน่ิ หอมเล็กน้อย ซง่ึ น้ายาล้างจนทัว่ ไปตามท้องตลาดมีสารทีท่ าให้ภาชนะสะอาด สารท่วี า่ คือ F24(Neopelex) คอื สาร ขจัดคราบไขมัน , N70(Texapon N70)มีชือ่ ทางเคมีว่า Sodium Laurylether เป็นสารลดแรงตงึ ผวิ ประจุลบ มหี นา้ ทีข่ จดั คราบนา้ มนั และทาใหเ้ กิดฟอง ซง่ึ สมนุ ไพรทน่ี ามาจะเป็นตัวชว่ ยทาให้จานสะอาดย่ิงขน้ึ สรปุ ผล จากทีเ่ ราได้ศึกษาและได้ผลติ น้ายาลา้ งจานจากสมนุ ไพร ซึ่งมีประสทิ ธภิ าพในการขจัดคราบมนั และ กล่นิ คาว และชว่ ยลดสารเคมีตกคา้ งในภาชนะ มที ัง้ หมด 3 สตู ร สตู รแรกทามาจากนา้ มะกรดู สูตรสองทามา จากนา้ ตะลิงปลิง และสูตรสามทามาจากนา้ มะขามเปยี ก ซ่ึงสมนุ ไพรทน่ี ามาสามารถหาได้ตามท้องถ่นิ จากผล การทดลองน้ายาล้างจานจากมะกรูดมปี ระสิทธภิ าพในการขจดั คราบมนั และกลิน่ คาวได้ดกี วา่ สตู รอ่นื ๆ เพราะ มะกรูดมฤี ทธเิ์ ปน็ กรดท่ชี ่วยขจัดคราบมันและมคี วามหอมท่ีชว่ ยดบั กล่ินคาว เอกสารอ้างอิง 7.1. นางสาวจุฑาทพิ ย์ เรืองฉายและคณะ (ม.ป.ป) นา้ ยาล้างจานจากมะกูด สบื ค้นเม่ือวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 จากhttp://extaem.weebly.com/index.html 7.2. Tungsong. (ม.ป.ป.) น้ายาล้างจาน สืบค้นเม่ือวนั ท่ี 1 สิงหาคม 2560 จากเวบไซด์ : http://www.tungsong.com/water/dish_wash.htm 7.3. Gotoknow. (ม.ป.ป) สูตรน้ายาล้างจาน นา้ ยาเอนกประสงค์ สืบคน้ เม่อื วนั ท่ี 2 สงิ หาคม 2560 จากเวบไซด์ : https://www.gotoknow.org/posts/99096 -โครงการเพาะพันธป์ุ ัญญา ปี 2560- ศนู ย์พ่ีเลยี้ งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ภาคผนวก -โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ย์พเ่ี ลย้ี งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
-โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ่เี ลี้ยงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
โครงงาน RBL เร่ือง สมุนไพรดบั กลิ่นห้องน้า ผู้ทาโครงงาน 1. นางสาว ปิยธิดา หมน่ื สขุ 2. นางสาว พลอยนรนิ ทร์ วงเวียน 3. นาย พัชรพล แสวงศรี 4. นาย ภาคนิ ลาภาย ครทู ป่ี รึกษา นายจีระศักดิ์ ลภิ า โรงเรยี นสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชปู ถัมภ์ อาเภอคาเขือ่ นแกว้ จงั หวดั ยโสธร สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต28 ศูนย์พเี่ ลย้ี งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กิตตกิ รรมประกาศ -โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศูนยพ์ ่เี ลี้ยงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
ในการจัดทาโครงงานเร่อื ง สมุนไพรดบั กลิ่นห้องนา้ ในครงั้ น้ี สาเร็จลลุ ่วงได้ ตอ้ งงขอกราบ ขอบพระคณุ นายชาตชิ าย สงิ ห์พรหมสาร ผอู้ านวยการโรงเรียนสมเดจ็ พระญาณสงั วร ในพระสงั ฆราชปู ถัมภ์ นายเชดิ ชัย สิงห์คบิ ตุ ร รองผอู้ านวยการโรงเรียนสมเดจ็ พระญาณสงั วร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ในการ สนับสนุนและสง่ เสริมให้นกั เรียนมกี ารพฒั นาทักษะการคดิ ใหค้ าชีแ้ นะและอานวยความสะดวกในการทา โครงงานครั้งน้ี กราบขอบพระคุณ คณุ ครูเดชมณี เนาวโรจน์ คุณครูแสงเดือน บกน้อย ที่ให้คาปรึกษาดแู ล แนะนาและแก้ไขข้อบกพร่องในการทางานทกุ ๆด้าน กราบขอบพระคุณผอู้ านวยการศนู ยห์ ม่อมไหมเฉลมิ พระเกียรติอุบลราชธานี ที่ให้คาแนะนาขั้นตอน การทาสมุนไพรดบั กล่ินหอ้ งน้าทท่ี าจากมะกรดู ,ตะไคร้ และใบเตย เพ่ือเป็นพน้ื ฐานมาปรับใชใ้ นการทาสมนุ ไพร ดับกลน่ิ ห้องน้าจากสมนุ ไพรในท้องถ่ินของกลุ่มผู้ทาโครงงานคร้ังนี้ กราบขอบพระคุณคณะครูและบุคลาการทางการศึกษาและ สมาชิกในครอบครัวท่ีคอยช่วยเหลอื ใน การทาโครงงาน อกี ทง้ั เพ่ือนนักเรยี น ที่คอยช่วยเหลอื และให้กาลงั ใจจนกระท่งั โครงงานสาเรจ็ ขอขอบคุณทุก ทา่ นที่มสี ว่ นเกี่ยวข้องให้งานบรรลุตามวัตถุประสงค์ คณะผจู้ ัดทา -โครงการเพาะพนั ธป์ุ ัญญา ปี 2560- ศนู ย์พ่เี ล้ยี งมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
บทคดั ย่อ โรงเรยี นสมเดจ็ พระญาณสงั วร ในพระสังฆราชปู ถัมภ์ เป็นโรงเรยี นขนาดกลางทต่ี ัง้ อยู่ในชมุ ชนชนบท มพี ืชพรรณมากมาย พืชแต่ละชนิดก็มปี ระโยชน์หลากหลาย เช่น มะกรูด ตะไคร้ และใบเตย กลมุ่ ของพวกเรา จงึ มองเห็นในประโยชน์ของสมนุ ไพรท่มี ีอย่ใู กลต้ ัว พวกเราจงึ นาพืชท้งั 3 ชนดิ นน้ี ามาทาเปน็ สมุนไพรดับกลิ่น หอ้ งนา้ โดยทาการผสมสตู รมีทงั้ หมด 6 สตู ร คอื สตู รท่ี 1 มะกรูดลว้ น สตู รท่ี 2 ตะไครล้ ้วน สตู รที่ 3 ใบเตย ล้วน สูตรท่ี 4 มะกรูด ตะไคร้ และใบเตย ผสมกนั ในอตั ราส่วนทเี่ ท่ากนั เพ่ือทดสอบวา่ นักเรยี นในโรงเรียน สมเด็จพระญาณสังวรฯ ชอบกล่ินไหนมากที่สดุ โดยทาแบบสอบถามความพึงพอใจ ผลการทดลอง พบวา่ ผใู้ ชบ้ ริการห้องน้ามีความพงึ พอใจ ในการใชส้ มุนไพร ทง้ั 3 ชนดิ ในการดับกลิน่ ห้องนา้ โดย กลนิ่ ท่ีผใู้ ชบ้ รกิ ารหอ้ งนา้ พึงพอใจมากทีส่ ุด คือ มะกรูด -โครงการเพาะพนั ธป์ุ ัญญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ีเ่ ลย้ี งมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
บทนา ทีม่ าและความสาคัญของโครงงาน มะกรดู ,ตะไคร้,ใบเตย เป็นสมุนไพรในทอ้ งถ่นิ ท่ีคนไทยส่วนใหญก่ ็ร้จู ัก พวกเราจึงนาสมุนไพรทัง้ สาม ชนิดมาทดลองทาสมุนไพรดับกลน่ิ ห้องนา้ จากการสารวจหอ้ งนา้ ในโรงเรยี นสมเดจ็ พระญาณสังวรฯ พบว่ามกี ล่นิ ไม่พึง่ ประสงคต์ ่อ ผู้มาใชบ้ ริการ พวกเราจงึ นาพชื ทัง้ 3 ชนิดน้ีนามาทาเป็นสมุนไพรดับกล่ินหอ้ งนา้ โดยทาการผสมสูตรมีท้ังหมด 6 สูตร คอื สตู รท1่ี มะกรดู ลว้ น สูตรท่ี2 ตะไครล้ ้วน สูตรที่3 ใบเตยล้วน สตู รท่ี4 สตู รท5ี่ สูตรที่6 เพ่ิอทดสอบวา่ นกั เรยี น ในโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวรฯ ชอบกลนิ่ ไหนมากทส่ี ดุ โดยทาแบบสอบถามความพึงพอใจ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อใหห้ ้องน้าไมม่ ีกล่นิ เหม็น 2. เพื่อใหผ้ ้ใู ชบ้ รกิ ารห้องน้าเกิดความพึงพอใจ สมมตฐิ าน สมุนไพรดับกลนิ่ แตล่ ะสูตร ดบั กลิน่ หอ้ งนา้ ไดแ้ ตกต่างกัน โครงงานมีตัวแปรต่อไปน้ี และแสดงแผนผงั เหตุ-ผล ในรปู ที่ 1 ตัวแปร ตัวแปรอิสระ(ตัวแปรต้น) สมุนไพรสูตรตา่ งๆ ตัวแปรตาม ความพึงพอใจของผู้ใช้ห้องน้าหลังจากทดลองวางสมุนไพรกาจัดกลน่ิ ห้องน้าแตล่ ะสูตร ตัวแปรควบคมุ - ระยะเวลาในการกาจดั กลิ่น - ปรมิ าณของสูตรสมนุ ไพร - สถานทท่ี ดลอง ท่ีมคี วามรุนแรงของกลนิ่ ใกล้เคียงกัน - ความคงทนของกล่นิ ปัญหาหอ้ งนา้ มีกล่ินไม่พึงประสงค์ ใบเตย มะกรูด ปัญหาในโรงเรยี น สมนุ ไพรดับกลิ่น ตะไคร้ นกั เรียนไม่ทาความสะอาด ความพึงพอใจ ความสะอาด บรรยากาศ เข้าใช้บริการ รูปท่ี 1 ผังเหตุ-ผล หรอื ตวั แปรตน้ (เหต)ุ ตัวแปรตาม (ผล) ของโครงงานฐานวิจยั น้ี -โครงการเพาะพนั ธปุ์ ญั ญา ปี 2560- ศูนย์พ่เี ลีย้ งมหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี
แนวคดิ และทฤษฎที เี่ ก่ียวข้อง ชอ่ื วิทยาศาสตร:์ Pandanus amaryllifolius come ชอื่ วงศ:์ Pandanaceae ชือ่ สามญั : Pandanus ชอ่ื พน้ื เมือง: เตยหอม ลกั ษณะท่ัวไป: ต้น ไม้พ่มุ ขนาดเล็ก เจรญิ เติบโตลกั ษณะเปน็ กอ มีลาตน้ เปน็ เหงา้ อยู่ใตผ้ ิวดิน ลาต้นติดดนิ ออกราก ตามข้อของลาตน้ ได้เม่ือลาตน้ ยาวมากขึ้นใช้เป็นรากคา้ ยนั ใบ เปน็ ใบเดีย่ วเรยี งสลับเวยี นเปน็ เกลียวขึน้ ไปจนถึงยอด ลักษณะใบยาวเรยี วคลา้ ยใบหอก ปลายใบ แหลม ขอบใบเรยี บ ผวิ ใบเปน็ มัน เสน้ กลางใบเวา้ ลกึ เป็นแอ่ง ถา้ ดดู า้ นท้องใบจะเหน็ เปน็ รูปคล้ายกระดกู งูเรือ ดอก เปน็ ดอกช่อแบบ สแปดิก(spadix) ดอกย่อยแยกเพศและแยกตน้ ไมม่ ีกลีบเลี้ยงและกลีบดอก ฝกั /ผล: ผลขนาดเลก็ ส่วนใหญ่ไม่เกดิ ดอกและผล เปน็ เตยเพศผู้ การปลกู : ตามรมิ คนู ้าบรเิ วณที่นา้ ขงั แฉะ หรือท่ดี ินช้นื การดแู ลรักษา: ชอบแสงแดดราไร แต่ก็ทนต่อแสงแดดจดั การขยายพนั ธุ์: ปกั ชาลาต้น หรือก่งิ แขนง สว่ นที่มีกลิน่ หอม: ใบ การใชป้ ระโยชน:์ - ไม้ประดบั - สมุนไพร - ใช้เป็นภาชนะหอ่ และใส่เพื่อปรงุ กลิ่น อาหาร คาวหวาน และยงั เปน็ พนั ธ์ุทีช่ าวสวนปลกู ตัดใบ ออกจาหน่ายเปน็ การคา้ ถนิ่ กาเนดิ : เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ สรรพคุณทางยา: - ใชใ้ บเตยสดเป็นยาบารุงหัวใจ ให้ชุ่มชน่ื ช่วยลดอาการกระหายนา้ - รากใชเ้ ป็นยาขับปัสสาวะ ใชร้ ักษาเบาหวาน ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ว่า Citrus hystrix DC. • วงศ์ : Rutaceae • ช่อื พอ้ ง : – Citrus echinata St. Lag. – Citrus latipes Hook. F.& Thoms. – Citrus papidia Miq • ชื่อสามัญ : – kaffir lime – porcupine orange – leech lime – mauritrus papeda • ชอ่ื ทอ้ งถ่นิ : -โครงการเพาะพันธุ์ปัญญา ปี 2560- ศูนย์พเ่ี ลย้ี งมหาวิทยาลยั อุบลราชธานี
– มะกรดู – ส้มม่วั ผี – มะหดู – สม้ มะกรดู – ส้มกรดู – มะขุน – มะขดู – มะหูด – หมากกรูด ลกั ษณะทั่วไป: ลาต้น ตน้ มะกรดู เปน็ ไมย้ ืนตน้ ขนาดเลก็ เนื้อไม้เป็นเน้อื แข็ง เปลือกเรียบมสี นี ้าตาลอ่อน ลาตน้ แตกก่ิงก้าน จานวนมากต้ังแตร่ ะดับล่างของลาตน้ ทาให้มลี ักษณะเปน็ พมุ่ ตามลาตน้ และก่ิงมหี นามแหลมยาว ใบ ใบมะกรดู เปน็ ใบประกอบ ออกเป็นใบเดี่ยว มีก้านใบแผอ่ อกเปน็ ครีบคลา้ ยแผ่นใบ ใบมลี ักษณะหนา เรียบ มผี วิ มัน สีเขยี ว และเขียวเข้มตามอายขุ องใบ ใบมีคอดกวิ่ ที่กลางใบทาให้ใบแบ่งออกเปน็ 2 ตอน หรือ คลา้ ยใบไม้ 2 ใบ ต่อกัน ขนาดใบกวา้ งประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5-12 เซนตเิ มตร ใบมีกลน่ิ หอมมากเพราะมีตอ่ มนา้ มนั อยู่ ดอก ดอกมะกรดู เปน็ ดอกสมบรู ณเ์ พศ ดอกออกเป็นช่อมีสีขาว แทงออกบรเิ วณสว่ นยอดหรอื ตามซอกใบ แต่ ละชอ่ มีดอกประมาณ 1-5 ดอก หลีบดอกมีสขี าวครีม 5 กลบี มีขนปกคลุม ภายในดอกมีเกสรมสี ีเหลือง ดอกมี กลนิ่ หอมเล็กน้อย และเม่ือแก่จะร่วงงา่ ย ผล/ลกู : ผลมะกรดู หรอื ลกู มะกรูด มลี กั ษณะค่อนขา้ งกลม มีเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 5-7 เซนตเิ มตร ผลคล้ายผลสม้ ซา่ ผลมขี นาดใหญ่กว่าลูกมะนาวเล็กนอ้ ย ลักษณะของผลมรี ปู รา่ งแตกตา่ งกันไปแล้วแต่พันธ์ุ เปลอื กผล ค่อนข้างหนา ผิวเปลือกมีสีเขียวเขม้ ผวิ ขรุขระเปน็ ลกู คลน่ื หรือเปน็ ป่มุ นนู ภายในเปลือกมีตอ่ มน้ามนั หอม ระเหยเปน็ จานวนมาก มจี ุกที่หัว และทา้ ยของผล เมือ่ สุก ผลจะเปล่ียนเปน็ สีเหลือง ประโยชน์จากมะกรดู : • ใบมะกรดู นยิ มใชป้ ระกอบอาหารสาหรับใช้ดบั กลนิ่ คาวของเนื้อตา่ งๆ เชน่ แกงเผ็ด ต้มยา ใชโ้ รยในอาหาร เช่น ห่อหมก • ใบมะกรูด ใชเ้ ป็นสว่ นผสมของเครื่องแกง เชน่ พรกิ แกง • ลูกมะกรูด ผ่าเปน็ ช้นิ ใชส้ าหรบั ดับกลนิ่ ในหอ้ งน้าชาย-หญิง • น้าจากลกู มะกรูด ใช้ดับกลิ่นคาว และปรงุ อาหารให้มรี สเปรยี้ ว เชน่ แกงส้ม แกงคัว่ • นา้ จากลูกมะกรูด ใชท้ านา้ ผลไมป้ ั่น เชน่ นา้ มะกรดู ปนั่ สารสาคัญท่ีพบ: น้ามันหอมระเหยมะกรูดประกอบดว้ ย 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ สารในกลุม่ เทอร์พีน ( terpenes) และสารท่ีไมใ่ ช่กลุ่มเทอร์พนี ( non-terpene) หรอื oxygenated compounds ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Cymbopogon citratus (DC.) วงศ์ : Graminae ชื่อสามัญ : Lapine, Lemon grass, Sweet rush, Ginger grass ช่ือทอ้ งถิน่ : -โครงการเพาะพนั ธ์ุปญั ญา ปี 2560- ศูนยพ์ ่ีเลี้ยงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
– ตะไคร้ – ตะไคร้แกง – ตะไครม้ ะขูด – คาหอม – ไคร – จะไคร – เชดิ เกรย – หวั สงิ ไค – เหลอะเกรย – ห่อวอตะโป – เฮียงเม้า ลกั ษณะท่ัวไป: ลาต้น: ลาต้นตะไครม้ ีเหง้าใตด้ ิน ลาต้นมลี กั ษณะตั้งตรง รูปทรงกระบอก มีความสูงไดถ้ ึง 1 เมตร (รวมทงั้ ใบ) ส่วนของลาตน้ ทเ่ี รามองเห็นจะเป็นส่วนของกาบใบท่ีออกเรียงช้อนกันแน่น โคนตน้ มีลักษณะกาบใบหุ้ม หนา ผิวเรยี บ และมขี นอ่อนปกคลุม ส่วนโคนมรี ูปร่างอว้ น มีสีม่วงอ่อนเล็กน้อย และค่อยๆเรียวเล็กลง กลายเปน็ สว่ นของใบ แกนกลางเป็นปล้องแข็ง ส่วนนี้สูงประมาณ 20-30 ซม. ขน้ึ อยูก่ ับความอุดมสมบูรณ์ของ ดิน และพนั ธ์ุ และเป็นส่วนท่ีนามาใชส้ าหรบั ประกอบอาหาร ใบใบตะไครป้ ระกอบด้วย 3 ส่วน คอื กา้ นใบ (ส่วนลาต้นท่ีกลา่ วขา้ งตน้ ) หูใบ (ส่วนตอ่ ระหว่างกาบใบ และใบ) และใบ ใบ: ตะไคร้เป็นใบเดย่ี ว มีสีเขียว มลี กั ษณะเรียวยาว ปลายใบโคง้ ลลู่ งดิน โคนใบเชื่อมต่อกับหใู บ ใบมรี ปู ขอบขนาน ผิวใบสากมือ และมขี นปกคลมุ ปลายใบแหลม ขอบใบเรยี บ แตค่ ม กลางใบมีเส้นกลางใบแข็ง สี ขาวอมเทา มองเห็นตา่ งกบั แผ่นใบชัดเจน ใบกวา้ งประมาณ 2 ซม. ยาว 60-80 เซนตเิ มตร ดอก: ตะไครเ้ ปน็ พืชท่ีออกดอกยาก จงึ ไมค่ ่อยพบเหน็ ดอกตะไคร้ดอกจะออกดอกเป็นชอ่ กระจาย มีกา้ นช่อ ดอกยาว และมกี า้ นช่อดอกย่อยเรียงเป็นคู่ๆ ในแตล่ ะคจู่ ะมใี บประดบั รองรับ มีกลิ่นหอม ดอกมขี นาดใหญ่ คลา้ ยดอกอ้อ ประโยชนต์ ะไคร:้ • ลาต้น และใบสด – ใชเ้ ปน็ เคร่อื งเทศประกอบอาหารสาหรับดบั กล่นิ คาว ช่วยใหอ้ าหารมีกล่ินหอม และปรบั ปรุงรสใหน้ า่ รับประทานมากขนึ้ – ใชเ้ ป็นส่วนผสมของยาทากนั ยุง สเปรย์กันยงุ และยาจุดกันยุง สารสาคัญทพ่ี บ: สว่ นของลาต้น และใบมีนา้ มันหอมระเหย (Volatile oil) ท่ปี ระกอบด้วยสารหลายชนดิ ไดแ้ ก่ – ซทิ ราล (Citral) พบมากท่ีสุด 75-90% – ทรานซ์ ไอโซซิทราล (Trans-isocitral) – ไลโมเนน (Limonene) – ยจู ีนอล (Eugenol) – ลินาลลู (Linalool) – เจอรานิออล (Geraniol) -โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศนู ย์พ่เี ล้ยี งมหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธานี
– คาริโอฟวิ ลีน ออกไซด์ (Caryophyllene oxide) – เจอรานลิ อะซิเตท (Geranyl acetate) – 6-เมทลิ 5-เฮพเทน-2-วนั (6-Methyl 5-hepten-2-one) – 4-โนนาโนน (4-Nonanone) – เมทลิ เฮพทโี นน (Methyl heptennone) – ซโิ ทรเนลลอล (Citronellol) – ไมร์ซีน (Myrcene) – การบรู (Camphor) สรรพคณุ ตะไคร:้ • ลาต้น และใบ – ชว่ ยบรรเทา และรกั ษาอาการไขห้ วัด – แก้ไอ และช่วยขบั เสมหะ – บรรเทาอาการโรคหืดหอบ – รักษาอาการปวดทอ้ ง – ช่วยขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะยา อปุ กรณ์การทดลอง 1. วตั ถุดบิ ได้แก่ มะกรดู ตะไคร้ ใบเตย 2. วัสดุอปุ กรณใ์ นการทาสมุนไพรดบั กลิ่นห้องน้า ไดแ้ ก่ ช้อนตวง กะละมงั มีด กรรไกร วธิ กี ารทดลอง วธิ ที าสมนุ ไพรดับกลน่ิ 1. นาผิวมะกรูด ตะไคร้ และใบเตยมาหน่ั ใหเ้ ปน็ ชิน้ เล็กๆ 2. พอห่นั เสร็จแลว้ ก็นามาผสมสูตรในอตั ราสว่ นทตี่ ่างกัน ดังน้ี สูตรที่ 1 ผวิ มะกรดู 5 ชอ้ น สตู รที่ 2 ใบเตย 5 ชอ้ น สูตรท่ี 3 ตะไคร้ 5 ชอ้ น สูตรที่ 4 ผิวมะกรดู 3 ชอ้ น ตะไคร้ 3 ช้อน ใบเตย 3 ชอ้ น 3. หลงั จากที่ผสมตามสูตรเสรจ็ แล้ว นามาบรรจใุ ส่ในถงุ ผลติ ภณั ฑ์ทีเ่ ตรียมไว้ วธิ ีทาการทดลอง 1. นาถุงผลติ ภัณฑ์กาจดั กล่นิ ไปวางไว้ในห้องน้า จานวน 6 หอ้ ง โดยหอ้ งที่ 1 ใส่สูตรที่ 1 หอ้ งท่ี 2 ใส่สตู รที่ 2 หอ้ งท่ี 3 ใสส่ ตู รท่ี 3 ห้องท่ี 4 ใส่สูตรที่ 4 และห้องท่ี 5 และหอ้ งที่ 6 ใส่สตู รที่ 6 4. หลังจากวางถุงผลติ ภณั ฑ์กาจดั กลนิ่ จากสมุนไพรในหอ้ งนา้ เปน็ เวลา 12 ชว่ั โมง แจกแบบประเมนิ ความพึง พอใจใหก้ ับกลุ่มตัวอยา่ งจานวน 100 คน ซงึ่ เปน็ ผทู้ ีม่ าใชบ้ ริการห้องนา้ 3. นาข้อมลู ท่ีไดจ้ ากแบบประเมินความพงึ พอใจมาวเิ คราะห์ผล 4. ทาการทดลองซ้า จานวน 3 รอบเพื่อให้ได้ข้อมูลทน่ี า่ เช่อื ถือ -โครงการเพาะพนั ธปุ์ ัญญา ปี 2560- ศนู ยพ์ เ่ี ลยี้ งมหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี
ผลการวจิ ยั จากการทดลองนาถุงที่บรรจผุ ลิตภัณฑ์กาจดั กลิ่นจากสมุนไพรไปวางไวใ้ นหอ้ งน้า แลว้ ใหก้ ลมุ่ ตวั อย่าง เข้าใช้บริการห้องนา้ แลว้ ทาแบบประเมินความพึงพอใจก่อนและหลังวางผลติ ภณั ฑ์ ผลปรากฏดังนี้ ตารางท่ี 1 คะแนนจากแบบประเมนิ ความพึงพอใจต่อกลิ่นของห้องน้ากอ่ นวางถุงท่ีบรรจุ ผลติ ภัณฑก์ าจัดกลิน่ จากสมุนไพรในห้องนา้ กลุม่ ตัวอย่าง 100 คน ทใ่ี ชบ้ ริการห้องน้า 4 หอ้ ง รายการ ระดับความพึงพอใจ 5 4 3 2 1 เฉลย่ี แปลผล 1. ห้องนา้ น้สี ะอาด กลิ่นหอม น่าใช้บรกิ าร - - - 43 57 1.43 ไมพ่ ึงพอใจ 2. หอ้ งน้านี้ปราศจากกล่ินไม่พงึ ประสงค์ - - - 45 55 1.45 ไม่พึงพอใจ 3. ห้องน้าน้ี ให้ความรูส้ กึ สดชืน่ เนอ่ื งจากกลนิ่ - - - 34 66 1.34 ไมพ่ ึงพอใจ หอมของสมุนไพร 4. กลิ่นสมนุ ไพรสามารถดับกลนิ่ ไมพ่ งึ ประสงค์ - - - - 100 1.00 ไมพ่ ึงพอใจ ของห้องน้าได้ สรุป - - - 122 278 1.31 ไม่พึงพอใจ ตารางท่ี 2 คะแนนจากแบบประเมนิ ความพึงพอใจต่อกลน่ิ ของหอ้ งน้าหลังวางถุงท่ีบรรจุ ผลติ ภัณฑก์ าจดั กลน่ิ จากสมุนไพรในห้องน้า กลุ่มตัวอย่าง 100 คน ตอ่ ห้องนา้ ห้องที่ 1 (ตะไคร้) รายการ ระดบั ความพึงพอใจ 5 4 3 2 1 เฉล่ีย แปลผล 1. หอ้ งนา้ นี้สะอาด กล่นิ หอม น่าใชบ้ รกิ าร 10 55 35 - - 3.75 พงึ พอใจมาก 2. หอ้ งน้านป้ี ราศจากกลน่ิ ไม่พงึ ประสงค์ 25 58 17 - - 4.08 พึงพอใจมาก 3. หอ้ งนา้ นี้ ให้ความรสู้ กึ สดช่นื เน่อื งจากกลิ่น 29 43 28 - - 4.01 พึงพอใจมาก หอมของสมนุ ไพร 4. กลนิ่ สมุนไพรสามารถดบั กล่นิ ไม่พงึ ประสงค์ 64 36 - - - 4.64 พึงพอใจมากที่สดุ ของห้องนา้ ได้ สรปุ 128 192 80 4.12 พงึ พอใจมาก ตารางท่ี 3 คะแนนจากแบบประเมินความพึงพอใจต่อกล่ินของห้องน้าหลังวางถุงท่ีบรรจุ ผลิตภัณฑ์กาจดั กลน่ิ จากสมุนไพรในห้องน้า กลมุ่ ตัวอย่าง 100 คน ต่อห้องนา้ ห้องท่ี 2 (มะกรดู ) รายการ ระดบั ความพึงพอใจ 5 4 3 2 1 เฉลย่ี แปลผล 1. ห้องนา้ นสี้ ะอาด กลิน่ หอม นา่ ใชบ้ รกิ าร 21 79 - - - 4.21 พึงพอใจมาก 2. หอ้ งน้านป้ี ราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ 74 26 - - - 4.74 พึงพอใจมากทีส่ ุด 3. ห้องนา้ นี้ ให้ความรสู้ กึ สดชน่ื เนือ่ งจากกลิ่น 42 58 - - - 4.42 พงึ พอใจมาก หอมของสมนุ ไพร 4. กลนิ่ สมุนไพรสามารถดบั กลิน่ ไมพ่ ึงประสงค์ 78 22 - - - 4.78 พึงพอใจมากทส่ี ดุ ของห้องนา้ ได้ สรปุ 215 185 - - - 4.54 พึงพอใจมากทสี่ ุด -โครงการเพาะพนั ธ์ปุ ญั ญา ปี 2560- ศูนยพ์ ่เี ล้ียงมหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี
ตารางที่ 4 คะแนนจากแบบประเมนิ ความพงึ พอใจต่อกลิน่ ของห้องน้าหลังวางถุงท่ีบรรจุ ผลติ ภัณฑก์ าจดั กลิน่ จากสมุนไพรในห้องน้า กลมุ่ ตัวอย่าง 100 คน ตอ่ ห้องนา้ หอ้ งท่ี 3 (ใบเตย) รายการ ระดบั ความพึงพอใจ 5 4 3 2 1 เฉล่ยี แปลผล 1. ห้องนา้ น้ีสะอาด กลน่ิ หอม นา่ ใช้บริการ 15 52 33 - - 3.82 พึงพอใจมาก 2. ห้องนา้ นี้ปราศจากกลิน่ ไม่พึงประสงค์ 28 52 20 - - 4.08 พึงพอใจมาก 3. ห้องน้านี้ ให้ความรูส้ กึ สดช่นื เนอ่ื งจากกลิ่น 25 45 30 - - 3.95 พงึ พอใจมาก หอมของสมุนไพร 4. กลนิ่ สมนุ ไพรสามารถดบั กลิน่ ไมพ่ งึ ประสงค์ 70 30 - - - 4.70 พงึ พอใจมากที่สดุ ของห้องน้าได้ สรุป 128 192 80 4.14 พึงพอใจมาก ตารางที่ 5 คะแนนจากแบบประเมินความพึงพอใจต่อกลนิ่ ของหอ้ งนา้ หลงั วางถุงท่ีบรรจุ ผลติ ภัณฑก์ าจดั กล่ินจากสมุนไพรในหอ้ งนา้ กลุ่มตัวอย่าง 100 คน ตอ่ หอ้ งน้าห้องที่ 4 (มะกรดู ตะไคร้ ใบเตย ) รายการ ระดบั ความพึงพอใจ 5 4 3 2 1 เฉลีย่ แปลผล 1. ห้องนา้ นี้สะอาด กล่นิ หอม นา่ ใช้บรกิ าร 8 42 50 - - 3.58 พึงพอใจมาก 2. หอ้ งน้านป้ี ราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ 22 56 16 - - 3.82 พงึ พอใจมาก 3. ห้องนา้ น้ี ให้ความรสู้ ึก สดชื่น เนอ่ื งจากกลิน่ 32 47 21 - - 4.11 พึงพอใจมาก หอมของสมนุ ไพร 4. กลน่ิ สมนุ ไพรสามารถดบั กลน่ิ ไมพ่ งึ ประสงค์ 68 32 - - - 4.68 พึงพอใจมากทีส่ ดุ ของห้องน้าได้ สรุป 147 183 70 - - 4.05 พงึ พอใจมาก อภิปรายผล จากการทดลองนาถุงทบี่ รรจุสมนุ ไพรกาจัดกลน่ิ แต่ละสูตร ไปวางไว้ในห้องนา้ 4 หอ้ ง และให้กลุ่ม ตวั อย่าง จานวน 100 คน ทาแบบประเมนิ ความพงึ พอใจตอ่ กล่ินของห้องนา้ ก่อนและหลังวางถงุ ท่ีบรรจุ สมุนไพรกาจดั กล่ินพบวา่ กอ่ นวางถุงท่บี รรจสุ มนุ ไพรกาจัดกลิน่ ในหอ้ งน้า มีระดับความพงึ พอใจ 1.31 หลงั วางถงุ ที่บรรจสุ มุนไพรกาจดั กลน่ิ สตู รท่ี 1 (ตะไคร้)ในหอ้ งนา้ มรี ะดับความพึงพอใจ 4.12 หลงั วางถุงท่บี รรจสุ มุนไพรกาจัดกล่นิ สตู รที่ 2 (มะกรดู )ในหอ้ งนา้ มรี ะดบั ความพึงพอใจ 4.52 หลงั วางถุงทบ่ี รรจสุ มนุ ไพรกาจดั กลนิ่ สตู รท่ี 3 (ใบเตย)ในหอ้ งน้า มีระดบั ความพึงพอใจ 4.14 หลงั วางถุงที่บรรจสุ มุนไพรกาจดั กลิน่ สตู รท่ี 4 (มะกรูด ตะไคร้ ใบเตย)ในห้องน้า มรี ะดบั ความพงึ พอใจ 4.05 จากข้อมลู ข้างต้นพบวา่ ผใู้ ช้บรกิ ารมีความพงึ พอใจสมนุ ไพรที่ใช้ในการดบั กล่นิ ห้องน้าทงั้ 3 ชนิด แต่ สมนุ ไพรดับกลน่ิ ที่ดีท่ีสดุ ที่ คือ สตู รท่ี 2 มะกรูด รองลงมา คอื สตู รที่ 3 ใบเตย รองลงมา คอื สตู รที่ 1 -โครงการเพาะพันธป์ุ ญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ เี่ ลย้ี งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ตะไคร้ นอ้ ยที่สุดคือ สตู รท่ี 4 มะกรดู ตะไคร้ ใบเตย ดงั นัน้ สมนุ ไพรกาจัดกลิน่ ที่คณะผ้จู ดั ทาได้ทาข้ึนนัน้ มี ประสทิ ธภิ าพในการกาจดั กลิ่น สรปุ ผลการทดลอง โรงเรียนสมเดจ็ พระญาณสงั วร ในพระสังฆราชูปถมั ภ์ เปน็ โรงเรยี นขนาดกลางที่ตัง้ อย่ใู นชมุ ชนชนบท มีพชื พรรณมากมาย พืชแต่ละชนดิ ก็มปี ระโยชน์หลากหลาย เชน่ มะกรดู ตะไคร้ และใบเตย กลุ่มของพวกเรา จึงมองเห็นในประโยชนข์ องสมุนไพรทม่ี ีอยูใ่ กล้ตัว พวกเราจงึ นาพชื ทั้ง 3 ชนดิ น้ีนามาทาเป็นสมุนไพรดับกลิ่น หอ้ งน้าโดยทาการผสมสตู รมีทงั้ หมด 6 สูตร คือ สูตรที่ 1 มะกรดู ลว้ น สตู รที่ 2 ตะไคร้ลว้ น สูตรท่ี 3 ใบเตย ล้วน สูตรท่ี 4 มะกรดู ตะไคร้ และใบเตย ผสมกันในอตั ราส่วนทีเ่ ท่ากัน เพ่ือทดสอบว่านักเรยี นในโรงเรยี น สมเด็จพระญาณสังวรฯ ชอบกล่ินไหนมากท่ีสุด โดยทาแบบสอบถามความพึงพอใจ ผลการทดลอง พบว่า ผู้ใชบ้ ริการห้องน้ามคี วามพงึ พอใจ ในการใชส้ มนุ ไพร ท้งั 3 ชนิดในการดับกลิน่ ห้องนา้ โดย กล่ินที่ผใู้ ชบ้ รกิ ารห้องนา้ พึงพอใจมากที่สดุ คือ มะกรูด ขอ้ เสนอแนะ 1. การทดลองในคร้ังนี้ได้วางสมนุ ไพรไวเ้ พียง 2 ชวั่ โมง แลว้ ให้กลุม่ ตวั อย่างทาแบบประเมนิ ความพึง พอใจ ดงั นัน้ ควรมีการทาแบบประเมินความพึงพอใจหลายช่วงเวลากว่าน้ี 2. ควรใช้สมุนไพรชนิดอ่นื ๆด้วยและวิธกี ารทดลองที่ใหมๆ่ 3. ควรมีสตู รสมุนไพรท่ีใชใ้ นการทดลองทหี่ ลากหลายมากกวา่ นี้ 4. ควรแกป้ ัญหาเรือ่ งความสะอาดของห้องน้าดว้ ย 7. เอกสารอ้างองิ 7.1 อญั ชลี กล้าขยัน. (,ม.ป.ป.) โครงงานสมนุ ไพรดับกลิ่น. สบื คน้ เม่อื วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 . จาก เวบไซด์ : http://www.namsongkram.com/2014/07/blog-post_20.html 7.2 สุธีระ ประเสรฐิ สรรพ์ (2558) สะเตม็ ศึกษา : ความท้าทายใหม่ของการศกึ ษาไทย.สานกั งานกองทุน สนบั สนนุ การวจิ ยั , กรงุ เทพฯ. 7.3 กระปุกดอทคอม. (ม.ป.ป.) 10 DIY เคร่อื งหอมสตู รธรรมชาติ ดบั กลิ่นเหม็นในห้องนา้ ไดช้ ะงัก !. สืบคน้ เมอ่ื วันท่ี 1 กรกฎาคม 2560 . จากเวบไซด์https://home.kapook.com 7.4 เวบestopolis. (ม.ป.ป.) วิธดี ับกล่ินหอ้ งน้าในคอนโด ภูมปิ ัญญาชาวบ้านง่าย ๆ แตใ่ ชไ้ ดผ้ ลจริง .สืบคน้ เมื่อวนั ที่ 1 กรกฎาคม 2560 . จากเวบไซด์ : https://www.estopolis.com -โครงการเพาะพันธุป์ ัญญา ปี 2560- ศนู ย์พ่ีเล้ยี งมหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี
ภาคผนวก -โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ย์พเ่ี ลย้ี งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
แบบประเมนิ ความพึงพอใจการใชส้ มุนไพรดับกลิ่นห้องนา้ คาช้ีแจง : จงทาเคร่อื ง ลงใน ตามความพงึ พอใจของท่าน ตอนที่ 1 เพศ : ชาย หญงิ ระดับช้นั : มัธยมศกึ ษาตอนต้น มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย อนื่ ๆ……. ตอนท่ี 2 ระดับความพึงพอใจ มากทส่ี ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยทส่ี ุด ที่ ประเด็น/หัวข้อ การพิจารณา 1 กล่ินห้องน้าห้องท่ี 1 สตู รที่ 1 2 กลิ่นห้องนา้ ห้องท่ี 2 สูตรที่ 2 3 กลน่ิ หอ้ งน้าห้องท่ี 3 สตู รท่ี 3 4 กลิ่นห้องน้าห้องที่ 4 สูตรที่ 4 5 กลนิ่ หอ้ งนา้ ห้องท่ี 5 ไมใ่ ส่สมุนไพรดบั กลน่ิ ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................. .......................... ........................................................................................................ ..................................................................... ............................................................................................................................. ................................................ ......................................................................................................................................... .................................... .............................................................................................. ............................................................................... ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................... .............................................. .................................................................................... ......................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................ -โครงการเพาะพนั ธ์ปุ ญั ญา ปี 2560- ศนู ย์พเ่ี ลย้ี งมหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี
ภาพกิจกรรม -โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศนู ย์พเ่ี ล้ยี งมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
-โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ่เี ลี้ยงมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
โครงงาน RBL เรื่อง น้าหมกั ชวี ภาพจากเศษอาหาร ผ้ทู าโครงงาน 1. นางสาว ณัฐริกา ทองประสาน 2. นางสาว ราตรี พพู วง 3. นาย มาโนชญ์ ชาวไทย ครูท่ีปรึกษา นางนชุ นาฎ โชตสิ วุ รรณ โรงเรยี นสมเดจ็ พระญาณสังวร ในพระสังฆราชปู ถัมภ์ อาเภอคาเขอ่ื นแก้ว จงั หวัดยโสธร สานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต28 ศนู ย์พเ่ี ลย้ี งมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี -โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศนู ย์พเ่ี ล้ียงมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
กิตติกรรมประกาศ โครงงานRBL เร่ือง น้าหมักชีวภาพจากเศษอาหาร (bio-fermented) ในคร้ังน้ีสาเร็จลุล่วงได้ต้องขอ กราบพระคุณ นายชาติชาย สิงห์พรหมสาร ผู้อานวยการโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูป ถมั ภ์ นายเชิดชัย สิงหค์ ิบตุ ร รองผอู้ านวยการโรงเรยี นสมเดจ็ พระญาณสงั วร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ท่ีให้คา ช้แี นะ อานวยความสะดวกในการทาโครงงาน และขอบคุณศูนย์พ่ีเล้ียงมหาลัยอุบลราชธานี ท่ีเปิดโอกาสให้ ข้าพเจา้ และคณะได้มีโอกาสไดเ้ รยี นรกู้ ารทาโครงการRBLในครัง้ กราบขอบพระคุณ คุณครูนุชนาฎ โชติสุวรรณ ท่ีให้คาปรึกษา ดูแลแนะนา และแก้ไขข้อบกพร่องใน การทาโครงงานทุกด้าน กราบขอบพระคุณ คณะครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง และเพื่อนๆ นักเรียนทีค่ อยใหก้ าลงั ใจจนกระทั่งโครงงาน เรอ่ื ง น้าหมักชวี ภาพ สาเร็จลุลว่ งไปไดด้ ว้ ยดี คณะผู้จัดทา -โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศนู ยพ์ เ่ี ลยี้ งมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี
บทคดั ย่อ ชื่อโครงงาน นา้ หมักชวี ภาพจากเศษอาหาร ผจู้ ัดทา 1.นายมาโนชญ์ ชาวไทย 2.นางสาวณัฐรกิ า ทองประสาน 3.นางสาวราตรี พูพวง ครทู ี่ปรกึ ษา 1.นางนุชนาฎ โชติสวุ รรณ ปีทีท่ า 2560 โครงงานเพาะพันธปุ์ ญั ญา โครงงานนไี้ ดท้ าการศึกษา เรอื่ ง น้าหมกั ชีวภาพจากเศษอาหาร (bio- fermented) เพ่ือเปรียบเทยี บวา่ น้าหมักชีวภาพทผ่ี ลิตข้ึนทัง้ 4 สตู ร สตู รใดท่ีมีประสทิ ธภิ าพในการทาให้ ตน้ ดาวเรืองเจรญิ เติบโตไดด้ ีท่ีสดุ ซึง่ การวัดการเจรญิ เติบโต วดั จากจานวนใบและความสูงของต้นดาวเรือง โดยกลมุ่ ผ้จู ัดทาได้ผลิตน้าหมักชวี ภาพ จากการนา เศษอาหารมาหมกั รวมกบั EM กากน้าตาล และนา้ เปลา่ ในอตั ราสว่ นทแี่ ตกตา่ งกนั แล้วหมกั ไว้ในถงั หมกั เปน็ เวลา 30 วนั จากนัน้ นามาทดลองรดกับต้นดาวเรอื งท่ี เพาะปลูกไว้ ซ่งึ มีอายุ 30 วนั สตู รละ 3 ตน้ รวม 12 ต้น และอกี 3 ต้นจัดเป็นชุดควบคมุ คือ ไม่ได้ รดน้าหมักชวี ภาพ รวมจานวนตน้ ดาวเรืองทน่ี ามาทดลอง 15 ตน้ แล้วทาการวัดการเจรญิ เตบิ โต สปั ดาหห์ ละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 8 สปั ดาห์ พบว่า นา้ หมักชีวภาพ สตู รที่ 2 ทาใหต้ น้ ดาวเรืองมจี านวนใบมากทสี่ ดุ คือ เฉลีย่ 47.67 ใบ ลาดับตอ่ มา คือ สูตรท่ี 3 เฉลี่ย 38 ใบ ลาดบั ตอ่ มา คือ สตู รท่ี 1 เฉลี่ย 31.33 ใบ ลาดับต่อมา คือ สูตรท่ี 4 เฉล่ีย 29.33 ใบ ลาดบั สดุ ท้ายคือ ตน้ ดาวเรืองท่ีไม่ได้รดนา้ หมกั ชีวภาพ มีจานวนใบเฉล่ีย 6.67 ใบ จากการวดั ความสูงของต้นดาวเรือง พบว่า น้าหมักชวี ภาพ สตู รท่ี 4 ทาใหต้ ้นดาวเรอื งมคี วามสูงมากทส่ี ดุ คอื เฉลีย่ 32.25 เซนตเิ มตร ลาดบั ตอ่ มา คอื สตู ร 2 เฉลยี่ 31.20 เซนตเิ มตร ลาดับต่อมา คือ สูตรท่ี 3 เฉลยี่ 30.65 เซนตเิ มตร ลาดบั ตอ่ มา คือ สูตรท่ี 1 เฉลยี่ 25.05 เซนตเิ มตร ลาดบั สุดทา้ ย คือ ต้นดาวเรืองทไี่ ม่ไดร้ ดนา้ หมักชวี ภาพ เฉล่ีย 7.83 เซนติเมตร จากผลการทดลอง สูตรท่ี 2 มีผลเฉล่ียการเจริญเติบโตของต้นดาวเรืองสูงกว่าสูตรอื่น ๆ เม่ือ เปรียบเทียบกับผลเฉล่ียรวม สูตรท่ี 2 ทาให้ต้นดาวเรืองมีใบมากท่ีสุด สูตรท่ี 4 ทาให้ต้นดาวเรืองมีความ สูงมากท่ีสุด และสูตรท่ี 3 กราฟแสดงผลการเจริญเติบโตจานวนใบเฉลี่ยของต้นดาวเรืองและกราฟแสดง ความสูงเฉลยี่ ของตน้ ดาวเรืองมีการเพิ่มขนึ้ อย่างสมา่ เสมอเม่ือเปรยี บเทยี บกบั สูตรอื่นรวมทง้ั ชดุ ควบคุม -โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศูนยพ์ ีเ่ ลี้ยงมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ห น้ า | 1 บทนา ความเป็นมาและความสาคัญของโครงงาน ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ประชากรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ทาอาชีพเกี่ยวกับ การเกษตรไม่ว่าจะเป็น การทานา ทาสวน ทาไร่ ล้วนแต่ต้องมีตัวช่วยในการผลิต เพื่อให้ผลผลิตมี ประสิทธิภาพ ปุ๋ยเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สาคัญต่อศักยภาพของผลผลิต เป็นแหล่งอาหารท่ีช่วยให้ผลผลิต ทางการเกษตรมีคุณภาพที่ดี ซึ่งปุ๋ยแบ่งออกเป็นปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยท่ีใช้กันในปัจจุบันเป็นปุ๋ยที่เป็น เคมี ส่งผลให้ต้นพืชเจริญเติบโตได้รวดเร็วมีผลดีในระยะส้ัน แต่มีผลเสียในระยะยาว เนื่องจากปุ๋ยเคมี ทาลายจุลินทรีย์บางชนิดท่ีอาศัยอยู่ในดินและทาให้ดินเค็ม หากใช้ในปริมาณมากและเป็นเวลานาน อาจ ทาให้ดินเส่ือมคุณภาพ แตกต่างจากปุ๋ยอินทรีย์ที่เป็นปุ๋ยที่ได้มาจากการเน่าเสียของซากพืชซากสิ่งมีชีวิต ธาตุอาหารส่วนใหญ่ต้องเกิดจากการย่อยสลายจากจุลินทรีย์ก่อน เป็นกระบวนการผลิตสารอาหารจาก ธรรมชาติ เหน็ ผลช้าหากแตช่ ว่ ยบารงุ ดินรักษาสภาพความเป็น กรด-เบสในดินอีกท้ังยังสลายช้า ช่วยให้ พืชได้รบั สารอาหารอยา่ งสม่าเสมอ โรงเรียนของคณะผู้จัดทาเปน็ โรงเรียนขนาดกลาง มีประชากรรวมท้ังครูและนักเรียนประมาณ 550 คน ดังนัน้ จงึ ทาให้การรับประทานอาหารในแต่ละวันจะมีเศษอาหารจานวนมาก และในปัจจุบันแม่ค้าก็ได้ นาเศษอาหารไปเลี้ยงสัตว์ แต่เศษอาหารนั้นมีจานวนมากกินกว่าจานวนสัตว์เล้ียงของแม่ค้า จึงยังมีเศษ อาหารหลงเหลืออยู่ คณะผู้จัดทาจึงคิดหาวิธีท่ีจะใช้ประโยชน์จากเศษอาหารน้ันและโรงเรียนของคณะ ผู้จัดทามีตน้ ไมจ้ านวนมาก คณะผู้จดั ทาจงึ มีแนวคดิ จะนาเศษอาหารมาทาน้าหมักชวี ภาพ คณะผู้จัดทาจึงมีแนวคิดท่ีจะนาเศษอาหารทาเป็นน้ามักชีวภาพ เพื่อช่วยให้ต้นไม้การเจริญเติบโต งอกงามและบารงุ ดิน ซง่ึ เป็นการชว่ ยกาจดั ขยะเศษอาหาร ลดปัญหามลพิษไปได้บางส่วนแล้ว ยังสามารถ นาน้าหมักชีวภาพไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับเศษอาหาร ทาเป็น อาชีพเสริมภายในครวั เรอื น วตั ถดุ ิบทนี่ ามาใชก้ ็สามารถหาได้ง่ายในชวี ิตประจาวัน วัตถปุ ระสงค์ ศึกษาประสิทธิภาพของนา้ หมกั ชีวภาพ สมมตฐิ าน นา้ หมกั ชวี ภาพจากเศษอาหาร สูตรท่ี 2 ช่วยทาให้พืชเจริญเตบิ โตได้ดีที่สดุ โครงงานมีตวั แปรต่อไปนี้ และแสดงแผนผงั เหตุ-ผล ในรปู ที่ 1 ตัวแปร ตัวแปรอิสระ(ตวั แปรต้น) ได้แก่ น้าหมกั ชีวภาพ สูตรท1ี่ สูตรท่ี2 สูตรท่ี3 สูตรท4่ี ตัวแปรตาม ไดแ้ ก่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื ซ่ึงวดั จากความสงู และจานวนใบของพชื ตัวแปรควบคุม ไดแ้ ก่ ขนาดของถังท่ีใช้หมกั ระยะเวลาที่ใช้หมกั สภาพแวดล้อมบริเวณท่ีปลกู พชื ชนิด ของดินทป่ี ลกู พชื ชนิดของพืช ปริมาณน้าหมักชวี ภาพ อายุของตน้ พืช -โครงการเพาะพนั ธ์ุปญั ญา ปี 2560- ศูนย์พเ่ี ล้ยี งมหาวิทยาลยั อุบลราชธานี
ขยะรีไซเคลิ ประชากรในโรงเรยี น ห น้ า | 2 ปัญหาสงิ่ แวดล้อม ชว่ ยใหพ้ ชื เจริญเตบิ โตไดด้ ี ขยะยอ่ ยสลายได้ นา้ หมกั ชีวภาพจากเศษ เศษอาหาร อาหาร \\ ใสต่ น้ ไม้ ให้อาหารสตั ว์ รปู ท่ี 1 ผงั เหตุ-ผล หรือตัวแปรต้น(เหต)ุ ตัวแปรตาม (ผล) ของโครงงานฐานวจิ ัยนี้ -โครงการเพาะพันธ์ปุ ัญญา ปี 2560- ศูนย์พี่เลย้ี งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ห น้ า | 3 แนวคิดและทฤษฎที ีเ่ กย่ี วข้อง นา้ หมักชีวภาพ นา้ หมักชีวภาพ หรือ น้าสกัดชีวภาพ หรือ น้าจุลินทรีย์ เปน็ ของเหลว สีดาออกนา้ ตาล กลิ่นอม เปร้ียวอมหวาน ไม่เปน็ อันตรายตอ่ สงิ่ มชี วี ิตทุกชนิด เช่น พืช สตั วท์ ุกประเภท สามารถชว่ ยปรับความ สมดลุ ของสง่ิ แวดลอ้ มและสิ่งมชี วี ิตได้ บางครง้ั ยงั สามารถนานา้ หมกั ชวี ภาพไปชาระลา้ งห้องน้าได้ ซงึ่ จะชว่ ย กาจดั กลน่ิ เหมน็ ได้ การเก็บรักษาต้องเก็บน้าหมักชีวภาพไว้ที่อุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป เราสามารถทาน้าหมัก ชีวภาพใช้เองได้จากพืชผักผลไม้และผลผลิตจากธรรมชาติ โดยนาไปหมักตามกรรมวิธีที่ถูกต้อง คือต้องผลิต หวั เช้ือจลุ ินทรยี ์กอ่ น แล้วจงึ นาหวั เช้อื ท่ไี ดไ้ ปขยายเป็นน้าหมักชีวภาพต่อไป การทาหัวเชือ้ จุลนิ ทรยี ์ นาพืช ผัก หรือผลไม้สับให้เป็นช้ินเล็ก ๆ ใส่ในภาชนะปิดฝาให้มิดชิด จากนั้นผสมกับกากน้าตาล ซ่ึง น้าตาลอาจเป็นน้าตาลที่ใช้กันปกติ หรือน้าตาลทรายแดง หรือน้าตาลทรายขาว ในอัตราส่วน 3 กิโลกรัม ต่อน้าตาล 1 กิโลกรัม แล้วคลุกเคล้าให้เข้าและปิดฝาทิ้งไว้ ทุก ๆ 5-7 วัน ควรเปิดฝาภาชนะ เพ่ือคลุกให้ เศษผักสัมผัสกบั อากาศ ซ่งึ จะหมกั ทิ้งไวป้ ระมาณ 1-2 เดือน เมือ่ ครบกาหนดแลว้ จะสังเกตเห็นว่ามีน้าผสมอยู่ ซึ่งน้าท่ีได้ก็คือน้าหัวเช้ือจุลินทรีย์ เมื่อได้น้าหัวเช้ือจุลินทรีย์แล้วควรนาน้าหัวเช้ือจุลินทรีย์ที่ได้ เก็บใส่ไว้ใน ขวดปดิ ฝาให้สนทิ พรอ้ มที่จะนาไปใชใ้ นการทามันหมักหรืออาหารสัตวป์ ระเภทอน่ื (https://th.wikipedia.org/wiki/%) นา้ หมักชีวภาพจากเศษอาหาร นา้ หมกั ชวี ภาพ หรอื น้าสกดั ชวี ภาพ หรอื ปุ๋ยน้าจลุ ินทรีย์ ตามแตจ่ ะเรยี ก เป็นสารละลายเข้มข้นที่ได้ จากการหมักเศษพืช หรือสัตว์ กับสารท่ีให้ความหวาน จนถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ ซึ่งเม่ือผ่าน กระบวนการแลว้ จะได้สารละลายเข้มข้นสนี ้าตาล ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์ และสารอินทรยี ์หลายชนิด เดิมทีน้ันจุดประสงค์ของการคิดค้น \"น้าหมักชีวภาพ\" ขึ้นมา เพ่ือใช้ประโยชน์ทางการเกษตรโดยเฉพาะ แตช่ ว่ งหลังกม็ กี ารนานา้ หมักชวี ภาพ มาประยุกต์ใช้ประโยชนใ์ นดา้ นอน่ื เช่นกัน คอื ด้านการเกษตร น้าหมักชีวภาพ มีธาตุอาหารสาคัญ ทั้งไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม แคลเซยี ม กามะถนั ฯลฯ จึงสามารถนาไปเปน็ ปุ๋ย เร่งอตั ราการเจริญเติบโตของพืช เพิ่มคุณภาพของผลผลิต ใหด้ ขี ้ึน และยงั สามารถใช้ไล่แมลงศัตรพู ืชได้ด้วย ด้านปศุสัตว์ สามารถช่วยกาจัดกล่ินเหม็น น้าเสียจากฟาร์มสัตว์ได้ ช่วยป้องกันโรคระบาดต่าง ๆ ใน สัตว์แทนการใหย้ าปฏชิ ีวนะ ทาให้สัตวแ์ ข็งแรง มีความตา้ นทานโรค ชว่ ยกาจดั แมลงวัน ฯลฯ ดา้ นการประมง ช่วยควบคุมคณุ ภาพน้าในบอ่ เลยี้ งสัตวน์ ้า ช่วยแกป้ ญั หาโรคพยาธิในน้า ช่วยรักษาโรค แผลต่าง ๆ ในปลา กบ จระเข้ได้ ช่วยลดปริมาณขี้เลนในบ่อ ช่วยให้เลนไม่เน่าเหม็น สามารถนาไปผสม เป็นปยุ๋ หมักใชก้ บั พืชต่าง ๆ ได้ดี ด้านส่ิงแวดล้อม น้าหมักชีวภาพ สามารถช่วยบาบัดน้าเสียจากการเกษตร ปศุสัตว์ การประมง โรงงานอุตสาหกรรม ชุมชน และสถานประกอบการท่ัวไป แถมยังช่วยกาจัดกลิ่นเหม็นจากกองขยะ การ เล้ียงสัตว์ โรงงานอุตสาหกรรม และชุมชนต่าง ๆ นอกจากน้ียังช่วยปรับสภาพอากาศที่เสียให้สดช่ืน และมี สภาพดขี นึ้ -โครงการเพาะพนั ธุ์ปัญญา ปี 2560- ศูนย์พีเ่ ล้ยี งมหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี
ห น้ า | 4 ประโยชน์ในครัวเรือน เราสามารถนาน้าหมักชีวภาพ มาใช้ในการซักล้างทาความสะอาด แทนสบู่ ผงซักฟอก แชมพู น้ายาลา้ งจาน รวมทั้งใช้ดับกล่นิ ในหอ้ งนา้ โถสว้ ม ท่อระบายนา้ ฯลฯ ไดด้ ว้ ย เห็นประโยชนใ์ ชส้ อยของ น้าหมักชีวภาพ มากมายขนาดนี้ ชักอยากลองทาน้าหมักชีวภาพดูเองแล้วใช่ ไหมล่ะ จริง ๆ แลว้ นา้ หมกั ชวี ภาพมีหลายสตู รตามแต่ที่ผู้คิดค้นขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยต่าง ๆ กัน วันน้ีเรา กม็ วี ิธที าน้าหมักชีวภาพแบบง่าย ๆ มาฝากกันด้วย วธิ ีทานา้ หมักชีวภาพเพื่อการเกษตร เราสามารถเลือกส่วนผสมจาก พืช ผลไม้สุก หรือสัตว์ อย่างหอยเชอร่ี ในการทาน้าหมักชีวภาพ ได้ ส่วนผสม : เราสามารถเลือกส่วนผสมจาก พืช ผลไม้สุก หรือสัตว์ อย่างหอยเชอร่ี อย่างใดอย่าง หนง่ึ ในการทานา้ หมักชีวภาพ โดยสับเป็นชิ้นเล็ก 3 สว่ น, กากนา้ ตาล 1 สว่ น (อาจใช้น้าตาลทรายแดง หรือ น้าตาลทรายขาว ผสมนา้ มะพร้าว 1 ส่วนแทนได)้ นา้ เปล่า 10 ส่วน วธิ ที า : นาสว่ นผสมทัง้ หมดมาคลุกเคล้ากนั แล้วบรรจุลงในถงั หมักพลาสติก หรือขวดปิดฝาเก็บไว้ใน ท่รี ่ม นานประมาณ 3 เดอื น แล้วจงึ สามารถนาไปใสเ่ ป็นปุย๋ ให้พืชผกั ผลไม้ได้ โดย ใช้นา้ หมกั ชีวภาพ อตั ราสว่ น 10 ซีซี ต่อน้า 20 ลติ ร เพ่อื บารงุ ใบพืชผักผลไม้ ใชน้ ้าหมกั ชีวภาพอตั ราส่วน 15-20 ซซี ี ต่อนา้ 20 ลิตร เพ่อื ปรบั ปรุงบารุงดนิ ใหด้ นิ ร่วนซยุ ใช้น้าหมกั ชีวภาพ อตั ราสว่ น 1 สว่ น นา้ 1 สว่ น เพอ่ื กาจดั วชั พืช ท้ังน้ี มีเทคนิคแนะนาว่า หากต้องการบารุงส่วนใบพืช ก็ให้ใช้ส่วนใบยอดพืชมาหมัก หากต้องการ บารุงผล ให้ใช้ส่วนผล เช่น กล้วยน้าว้าสุก มะละกอสุก เปลือกสับปะรด ฟักทองมาหมัก หรือหาก ต้องการใช้กาจัดศัตรูพืช ควรหมักสะเดา ตะไคร้หอม ข่า แยกต่างหากด้วย เมื่อจะใช้ก็นามาผสมฉีดพ่น พชื ผกั ผลไม้ นอกจากน้ี หากใช้สายยางดูดเฉพาะน้าใส ๆ จากน้าหมักชีวภาพที่หมักได้ 3 เดือนแล้วออกมา จะ เรียกส่วนน้วี ่า \"หัวเช้อื น้าหมักชีวภาพ\" เม่อื นาไปผสมอีกคร้งั แล้วหมกั ไว้ 2 เดอื น จะได้หวั เช้ือน้าหมักชีวภาพ อายุ 5 เดือน ซ่ึงหากขยายต่ออายุทุก ๆ 2 เดือน จะได้หัวเชื้อท่ีอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ และประสิทธิภาพสูงมาก ข้นึ วธิ ที านา้ หมกั ชวี ภาพเพอื่ การซกั ลา้ ง น้าหมกั ชีวภาพ สามารถนามาใช้ประโยชน์ในการซักล้างได้ โดยมีสูตรให้นาผลไม้ เปลือกผลไม้ (ฝัก สม้ ป่อย , มะคาดคี วาย , มะนาว ฯลฯ) 3 ส่วน น้าตาลทรายแดงหรอื น้าตาลอ้อย 1 ส่วน และน้า 10 ส่วน ใส่ รวมกนั ในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท โดยให้เหลือช่องว่างไว้ประมาณ 1 ใน 5 ของขวด/ถัง แล้วหมั่นเปิดฝาคลาย แกส๊ ออก โดยต้องวางไว้ในที่รม่ อยา่ ให้ถูกแสงแดด หมักไว้นาน 3 เดือน ก็จะได้น้าหมักชีวภาพ สาหรับซัก ผ้า หรือล้างจานได้ ซ่ึงสูตรนี้แม้ว่าผ้าจะมีราขึ้น หากนาผ้าไปแช่ท้ิงไว้ในน้าหมักชีวภาพก็จะสามารถซักออก ได้ วธิ ีทานา้ หมกั ชีวภาพเพอื่ ดับกลิน่ สูตรหนึ่งของการทาน้าหมักชีวภาพมาดับกล่ิน คือ ใช้เศษอาหาร พืชผัก ผลไม้ที่เหลือทิ้ง 3 ส่วน กากน้าตาลหรือโมลาส 1 ส่วน และน้า 10 ส่วน ใส่รวมกันในภาชนะท่ีมีฝาปิดสนิท โดยให้เหลือช่องว่างไว้ ประมาณ 1 ใน 5 ของขวด/ถัง หมกั ไว้นาน 3 เดือน ก็จะได้น้าหมักชีวภาพใช้ดับกล่ินในห้องน้า โถส้วม ท่อ ระบายนา้ กลิน่ ปสั สาวะสุนขั ฯลฯ ไดอ้ ย่างดี -โครงการเพาะพนั ธ์ุปัญญา ปี 2560- ศูนย์พ่ีเล้ยี งมหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี
ห น้ า | 5 ขอ้ ควรระวังในการใช้ นา้ หมักชีวภาพ 1. หากใช้น้าหมักชีวภาพกับพชื ต้องใช้ปรมิ าณเจือจาง เพราะหากความเข้มขน้ สูงเกินไป อาจทาให้ พชื ชะงกั การเจรญิ เติบโต และตายได้ 2. ระหว่างหมัก จะเกดิ กา๊ ซตา่ ง ๆ ในภาชนะ ดังนั้นต้องหมั่นเปิดฝาออก เพ่ือระบายแก๊ส แล้วปิด ฝากลับให้สนทิ ทนั ที 3. หากใช้น้าประปาในการหมัก ต้องต้มให้สุก เพื่อไล่คลอรีนออกไปก่อน เพราะคลอรีนอาจเป็น อนั ตรายตอ่ จลุ ินทรยี ท์ ีใ่ ชใ้ นการหมกั 4. พืชบางชนดิ เช่น เปลือกส้ม ไมเ่ หมาะในการทานา้ หมักชีวภาพ เพราะน้ามันที่เคลือบผิวเปลือก สม้ เป็นพิษต่อจลุ นิ ทรีย์ น้าหมกั ชีวภาพเพือ่ การบรโิ ภค เราอาจเคยได้ยินข่าวว่า มีคนนาน้าหมักชีวภาพมาใช้บริโภคกันด้วย ซ่ึงน้าหมักชีวภาพที่ใช้ในการ บริโภค หรือ เอนไซม์ เป็นสารโปรตีน วิตามินเอ บี ซี ดี อี เค อะมิโนแอซิค(Amino acid) และ อะเซทิลโคเอ (Acetyl Coa) ที่ได้จากการหมักผลไม้นานาชนิด เม่ือหมักระยะเร่ิมแรกจะเป็นแอลกอฮอล์ ระยะต่อมา เปน็ นา้ สม้ สายชู ซ่ึงมีรสเปร้ยี ว อกี ระยะหนึ่งเป็นยาธาตุ มีรสขม ก่อนจะได้เป็นน้าหมักชีวภาพ (เอ็นไซม์) ซึ่งใช้เวลาหมักขยายประมาณ 2 ปี แต่หากจะนาไปด่ืมกินควรผ่านการหมักขยายเป็นเวลา 6 ปีข้ึน ไป (https://hilight.kapook.com/view/50873) -โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ยพ์ ่เี ลยี้ งมหาวทิ ยาลัยอบุ ลราชธานี
ห น้ า | 6 อปุ กรณแ์ ละวิธกี ารทดลอง อปุ กรณใ์ นการทาน้าหมักชีวภาพจากเศษอาหาร 1.ถังหมัก 4 ใบ 2.เศษอาหาร 10 กโิ ลกรัม 3.EM 10 ช้อนโตะ๊ 4.น้า 49 ลติ ร 5.กากนา้ ตาล 10 กิโลกรัม อปุ กรณใ์ นการปลกู ต้นดาวเรอื ง 1.เมลด็ พันธ์ุดาวเรือง 2.กระถางเพาะเมล็ด 5 กระถาง วิธีการทานา้ หมกั ชีวภาพจากเศษอาหาร 1. นาขยะเศษอาหารใสใ่ นถงั พลาสตกิ (ถ้าชิน้ ใหญ่ ควรสับให้เลก็ ลง) 2. ใส่กากน้าตาลคลุกเคลา้ ให้ท่วั 3. เตมิ หวั เชือ้ จุลนิ ทรยี ์ (EM) และน้า 4. คนให้เขา้ กันแล้วปิดฝาถงั ใหส้ นทิ 5. หมกั ต่อไปนาน 30-45 วัน จงึ นาน้าหมักมาใชไ้ ด้ วธิ กี ารทดลองเพอ่ื หาประสิทธภิ าพของน้าหมกั ชีวภาพ ทดลองโดยการนาต้นดาวเรืองท้ัง 15 ตน้ มาปลกู ในสภาพแวดลอ้ มเดยี วกัน จากนั้นนานา้ หมักสตู รที่ 1 รดตน้ ท่ี 1 – 3 สตู รที่ 2 รดต้นท่ี 4 – 6 สตู รท่ี 3 รดตน้ ที่ 7 – 9 สูตรท่ี 4 รดตน้ ที่ 10 - ต้นที่ 13 - 15 ไม่รด โดยใชน้ ้าหมักรดตน้ ดาวเรือง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง แล้วทาการวดั การเจริญเติบโตของต้น ดาวเรอื ง ต้นท่ี 1 – 15 ซึง่ การวดั การเจรญิ เติบโตคือการวดั ความสูงและนับจานวนใบของตน้ ดาวเรือง การสรา้ งเหตุ ( ตัวแปลต้นหรอื เปน็ สิ่งท่ีสร้างได้ วัดได้ ) นา้ หมักชีวภาพท้งั 4 สูตร ซง่ึ เราคิดค้นสตู รแตล่ ะสูตรข้ึนมาใหม่โดยประยกุ ต์จากสูตรท่ีสืบค้นจากแหลง่ เรยี นรู้ตา่ ง ๆ สูตรท่ี 1 EM 2 ชอ้ นโต๊ะ , เศษอาหาร 1 กโิ ลกรมั , นา้ 9 ลิตร , กากนา้ ตาล 1 กิโลกรัม สตู รที่ 2 EM 4 ชอ้ นโตะ๊ , เศษอาหาร 2 กิโลกรมั , น้า 10 ลติ ร , กากนา้ ตาล 2 กโิ ลกรมั สูตรที่ 3 EM 6 ชอ้ นโต๊ะ , เศษอาหาร 3 กิโลกรัม , น้า 11 ลติ ร , กากน้าตาล 3 กโิ ลกรมั สตู รท่ี 4 EM 8 ชอ้ นโตะ๊ , เศษอาหาร 4 กิโลกรมั , น้า 12 ลติ ร , กากน้าตาล 4 กิโลกรัม การควบคุมเหต(ุ ตวั แปรควบคมุ หรือเหตุทค่ี ุมไว้ไม่ใหส้ ่งไปก่อใหเ้ กดิ ผล ) ขนาดของถังที่ใช้หมัก ระยะเวลาท่ีใช้หมัก สภาพแวดล้อมบรเิ วณท่ีปลูกพชื ชนดิ ของดินท่ีปลูกพชื ชนิดของพืช การวดั ผล( ตัวแปรตามเปน็ สิ่งที่สังเกตได้ วัดได้ ) วัดความสงู และนับจานวนใบของต้นไม้ -โครงการเพาะพนั ธุ์ปญั ญา ปี 2560- ศนู ย์พ่ีเลีย้ งมหาวิทยาลยั อุบลราชธานี
ผลการวจิ ยั ตารางที่ 1 ผลการวดั การเจริญเตบิ โตของต้นดาวเรือง ท่ี ตน้ ที่ สปั ดาห์ที่ 1 สปั ดาห์ที่ 2 สัปดาหท์ ่ี 3 จานวนใบแล สัปดาหท์ ี่ ใบ สูง ใบ สูง ใบ สงู ใบ 1 6 11.50 10 12.60 26 14.10 28 1 1 2 6 11.30 11 12.65 27 14.00 30 1 3 7 12.00 12 13.04 27 15.00 29 1 เฉล่ีย 6.33 11.60 11.00 12.76 26.67 14.37 29.00 1 4 6 13.50 12 14.00 30 16.00 38 2 2 5 7 14.05 11 15.02 28 17.00 32 1 6 7 15.00 13 14.07 21 16.09 23 2 เฉลย่ี 6.67 14.18 12.00 14.36 26.33 16.36 31.00 2 7 6 10.00 10 12.00 20 16.00 34 2 3 8 8 11.50 11 13.00 15 15.03 18 1 9 7 13.00 10 15.55 14 17.00 18 2 เฉลยี่ 7.00 11.50 10.33 13.52 16.33 16.01 23.33 2 -โครงการเพาะพันธุป์ ญั ญา ปี 2560-
ห น้ า | 1 ละความสูงของลาต้นในเวลา 2 เดือน สปั ดาหท์ ่ี 6 สัปดาหท์ ี่ 7 สปั ดาห์ที่ 8 4 สปั ดาหท์ ่ี 5 ใบ สงู ใบ สูง ใบ สงู สูง ใบ สูง 28 23.05 22 24.05 20 25.00 18.20 30 23.00 32 24.10 35 24.50 36 25.06 18.30 31 23.40 34 22.00 36 25.00 38 25.08 17.05 32 21.90 17.85 31.00 22.77 31.33 23.05 31.00 24.52 31.33 25.05 26.00 40 27.00 40 30.00 44 32.00 54 35.00 19.05 35 20.00 37 22.04 39 24.00 43 25.60 20.00 39 23.00 41 31.07 43 32.01 46 33.00 21.68 38.00 23.33 39.33 27.70 42.00 29.34 47.67 31.20 25.00 45 27.00 50 31.00 50 32.50 52 33.50 16.90 25 18.00 26 20.09 28 23.04 29 25..05 20.09 23 23.04 25 23.05 31 25.00 33 27.80 20.66 31.00 22.68 33.67 24.71 36.33 26.85 38.00 30.65 ศูนยพ์ เี่ ล้ียงมหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานี
ท่ี ตน้ ท่ี สปั ดาหท์ ่ี 1 สัปดาห์ท่ี 2 สปั ดาห์ท่ี 3 จานวนใบแล สัปดาห์ที่ ใบ สงู ใบ สูง ใบ สูง ใบ 10 6 11.00 8 13.00 16 18.00 22 2 4 11 9 13.00 15 19.05 18 20.00 20 2 12 7 15.00 9 18.00 13 20.60 15 2 เฉล่ยี 7.33 13.00 10.67 16.68 15.67 19.53 19.00 2 13 6 11.50 8 13.50 6 14.20 18 1 ไม่ใชน้ ้า 14 9 13.00 16 15.25 16 17.50 19 2 หมักฯ 15 8 12.00 11 13.05 13 15.60 14 1 เฉลย่ี 7.67 12.17 11.67 13.93 11.67 15.77 17.00 1 จาการทดลองนาน้าหมักชวี ภาพไปรดตน้ ดาวเรอื งที่เตรยี มไว้ ทาใหเ้ ราผลการทดลองไ ตารางบนั ทึกผลการทดลอง *หมายเหตุ : ใบ หมายถึง จานวนใบ : สงู หมายถงึ ความสูงของลาตน้ (ซม.) : - หมายถึง ตน้ ดาวเรืองตาย -โครงการเพาะพนั ธป์ุ ญั ญา ปี 2560-
ละความสูงของลาตน้ ในเวลา 2 เดือน สัปดาหท์ ี่ 6 สปั ดาหท์ ี่ 7 ห น้ า | 2 4 สัปดาหท์ ่ี 5 ใบ สูง ใบ สูง สัปดาห์ท่ี 8 สูง ใบ สูง 26 30.00 26 31.00 ใบ สงู 28.00 30 29.00 28 29.55 32 31.20 23.55 25 25.30 19 26.00 23 28.25 27 33.00 23.50 17 25.80 35 33.40 26 30.35 25.02 24.00 26.70 24.33 28.52 27.00 30.15 29.33 32.25 16.00 20 17.00 18 19.50 20 22.00 20 23.50 20.40 21 22.03 - 0.00 0 0.00 0 0.00 15.50 15 17.00 15 18.00 17 18.00 0 0.00 17.30 18.67 18.68 16.50 12.50 12.33 13.33 6.67 7.83 ได้ตามตารางบนั ทกึ ผล ดังนี้ ศนู ย์พี่เล้ยี งมหาวิทยาลัยอบุ ลราชธานี
ตารางท่ี 2 จานวนใบเฉลี่ยของตน้ ดาวเรอื งทร่ี ดด้วยน้าหมกั ชีวภาพแตล่ ะ สูตรท่ี สปั ดาห์ท่ี 1 สัปดาหท์ ี่ 2 สัปดาหท์ ่ี 3 สปั ดาห 1 6.33 11.00 26.67 29.0 2 6.67 12.00 26.33 32.3 3 7.00 10.33 16.33 23.3 4 7.33 10.67 15.67 19.0 ไม่รดนา้ หมกั 7.67 11.67 11.67 17.0 ตารางที่ 3 ความสงู เฉล่ยี ของต้นดาวเรอื ง(เซนตเิ มตร)ทร่ี ดดว้ ยนา้ หมักช สูตรที่ สัปดาห์ท่ี 1 สปั ดาห์ที่ 2 สปั ดาหท์ ่ี 3 สัปดาห 1 11.60 12.76 14.37 17.8 2 14.18 14.36 16.36 21.6 3 11.50 13.52 16.01 20.6 4 13.00 16.68 15.67 27.6 ไม่รดน้าหมกั 12.17 11.67 15.77 17.3 -โครงการเพาะพันธปุ์ ัญญา ปี 2560-
ห น้ า | 3 ะสูตร ห์ท่ี 4 สัปดาหท์ ี่ 5 สัปดาห์ที่ 6 สปั ดาหท์ ี่ 7 สปั ดาหท์ ี่ 8 00 31.00 31.33 31.00 31.33 33 38.00 39.33 42.00 47.67 33 32.33 33.67 36.33 38.00 00 24.00 24.33 28.33 29.33 00 18.67 16.50 12.33 6.67 ชีวภาพแต่ละสูตร สัปดาหท์ ่ี 6 สัปดาห์ที่ 7 สัปดาหท์ ่ี 8 หท์ ี่ 4 สัปดาห์ท่ี 5 24.38 24.52 25.05 85 25.43 27.70 29.34 31.20 68 24.67 26.05 28.18 30.65 66 24.01 28.52 30.15 32.25 68 26.70 12.50 13.33 9.17 30 18.68 ศนู ยพ์ เี่ ลยี้ งมหาวิทยาลยั อุบลราชธานี
กราฟท่ี 1 จานวนใบเฉล่ยี ของตน้ ดาวเรอื งทร่ี ดด้วยน 60.00 50.00 40.00 30.00 20.00 10.00 0.00 สปั ดาหท์ ่ี 2 สปั ดาห์ท่ี 3 สัปดาหท์ ่ี สัปดาหท์ ่ี 1 1 23 -โครงการเพาะพันธุ์ปัญญา ปี 2560-
ห น้ า | 4 น้าหมักชีวภาพแตล่ ะสูตร 4 สัปดาหท์ ่ี 5 สัปดาหท์ ่ี 6 สัปดาหท์ ี่ 7 สปั ดาหท์ ่ี 8 3 4 ไมร่ ดนา้ หมัก ศนู ยพ์ เ่ี ลยี้ งมหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี
กราฟที่ 2 แสดงความสงู เฉลี่ยของตน้ ดาวเรือง(เซนติเมต 35.00 30.00 25.00 20.00 15.00 10.00 5.00 0.00 สัปดาห์ที่ 2 สปั ดาห์ท่ี 3 สปั ดาห์ท่ี สัปดาหท์ ี่ 1 1 2 -โครงการเพาะพันธุป์ ญั ญา ปี 2560-
ห น้ า | 5 ตร)ทรี่ ดดว้ ยน้าหมักชีวภาพแต่ละสูตร 4 สปั ดาห์ที่ 5 สปั ดาห์ที่ 6 สปั ดาหท์ ี่ 7 สปั ดาหท์ ่ี 8 3 4 ไม่รดน้าหมกั ศนู ย์พี่เลี้ยงมหาวิทยาลัยอบุ ลราชธานี
สรปุ ผล จากการศึกษาประสทิ ธภิ าพของนา้ หมกั ชวี ภาพจากเศษอาหารพบว่า เมือ่ วัดการเจริญเติบโตเป็นเวลา 8 สปั ดาห์ นา้ หมกั ชวี ภาพ สตู รท่ี 2 ทาให้ต้นดาวเรอื งมจี านวนใบมากที่สุด คือ เฉลี่ย 47.67 ใบ ลาดับ ตอ่ มา คอื สูตรที่ 3 เฉล่ีย 38 ใบ ลาดบั ตอ่ มา คือ สูตรที่ 1 เฉลี่ย 31.33 ใบ ลาดับต่อมา คือ สูตร ท่ี 4 เฉลย่ี 29.33 ใบ ลาดับสุดท้ายคือ ต้นดาวเรืองทไี่ มไ่ ดร้ ดน้าหมักชีวภาพ มจี านวนใบเฉลยี่ 6.67 ใบ จากการวัดความสูงของต้นดาวเรือง พบว่า น้าหมักชีวภาพ สูตรท่ี 4 ทาให้ต้นดาวเรืองมีความสูง มากท่สี ุด คอื เฉลี่ย 32.25 เซนติเมตร ลาดับต่อมา คือ สูตร 2 เฉลี่ย 31.20 เซนติเมตร ลาดับต่อมา คือ สูตรท่ี 3 เฉลี่ย 30.65 เซนติเมตร ลาดับต่อมา คือ สูตรท่ี 1 เฉลี่ย 25.05 เซนติเมตร ลาดับ สดุ ท้าย คือ ต้านดาวเรืองที่ไม่ได้รดน้าหมกั ชวี ภาพ เฉล่ยี 7.83 เซนตเิ มตร อภปิ รายผล จากการทดลองนาน้าหมักชีวภาพมาทดสอบกับต้นดาวเรืองท้ัง 12 ต้น โดยแยกตามสูตร และต้น ดาวเรืองอีก 3 ต้น จัดเป็นชุดควบคุมซ่ึงจัดสิ่งแวดล้อมทุกอย่างเหมือนต้นดาวเรือง 12 ต้น แต่ไม่รดน้า หมกั ชวี ภาพเลย นานา้ หมกั ชวี ภาพมารดตน้ ดาวเรืองทุก ๆ สัปดาห์ แล้วทาการวัดการเจริญเติบโต คือ การ นับจานวนใบและการวัดความสูง พบว่า สูตรที่ 2 มีผลเฉล่ียการเจริญเติบโตต้นดาวเรืองสูงกว่าสูตรอ่ืน ๆ เมื่อเปรยี บเทียบกบั ผลเฉล่ียรวม แต่สูตรท่ี 3 กราฟแสดงผลการเจริญเติบโตจานวนใบเฉลี่ยของต้นดาวเรือง และกราฟแสดงความสงู เฉล่ียของต้นดาวเรืองมกี ารเพ่มิ ข้ึนอยา่ งสมา่ เสมอเม่ือเปรียบเทียบกับสูตรอ่ืนรวมทั้งชุด ควบคุม จากผลการทดลอง จะพบว่าน้าหมักชีวภาพจากเศษอาหารในแต่ละสูตรเหมาะสมกับช่วงอายุในแต่ ละสัปดาหข์ องตน้ ดาวเรอื ง เช่น หากอยากเพิ่มจานวนใบและความสูงในสัปดาห์ท่ี 1 ให้ใช้สูตรที่ 4 รดต้น ดาวเรือง แต่ถ้าเพ่ิมเฉพาะความสูง ใช้สูตรที่ 2 รดต้นดาวเรือง หรือเพ่ิมเฉพาะจานวนใบ ไม่ต้องรดน้า หมักชีวภาพจากเศษอาหาร เปน็ ต้น 0
เอกสารอ้างองิ 1. Chiang Mai University Library , การอา้ งองิ ทางบรรณานุกรรม สืบค้นเมื่อ 31 ก.ค. 2560 จาก www.library.cmu.ac.th 2. บ้านไรน่ า , 4 สูตรนา้ หมักชวี ภาพยอดนิยม สบื ค้นเม่อื 31 ก.ค. 2560 จาก www.banrainarao.com Konking , การทาน้าหมักชวี ภาพไวใ้ ชเ้ อง 3. สบื คน้ เม่ือ 1 ส.ค. 2560 จาก www.oknation.nationtv.tv 4. ครบเครื่องเรื่องปุ๋ยแบบปราชญช์ าวบ้าน(2558) , สูตรป๋ยุ ฮอร์โมนเรง่ ดอก ผล กาจัดแมลง สบื ค้นเมอ่ื 1 ส.ค. 2560 จาก www.kasetthai2015.blogspot.com 1
ภาคผนวก 2
ภาพกจิ กรรม เตรียมอปุ กรณใ์ นการทานา้ หมกั ชวี ภาพ สบั เศษอาหารใหช้ ้นิ เลก็ ลง ใส่น้า เศษอาหาร EM กากน้าตาล ผสมให้เขา้ กัน หมักไว้ 30 วัน 3
เพาะเมล็ดดาวเรืองพรอ้ มกนั กบั วันท่ีหมกั ปุ๋ย เม่อื ครบ 30 วนั นาดาวเรืองท่เี พาะไว้มารดดว้ ยน้าหมกั ชีภาพจากเศษอาหารทุก ๆ สัปดาห์ 4
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221