Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปงายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ ปี 2560-การแก้ปัญหาสุขภาพ

สรุปงายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ ปี 2560-การแก้ปัญหาสุขภาพ

Published by dnavaroj15, 2020-01-29 23:16:08

Description: สรุปงายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ ปี 2560-การแก้ปัญหาสุขภาพ

Search

Read the Text Version

5

รายงานวิจัยฉบบั สมบูรณ์ โครงงานยอ่ ยท่ี 8 เรอื่ ง การศึกษาพฤติกรรมการอา่ นฉลากโภชนาการ เพื่อปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบริโภคอาหาร อาจารย์ท่ปี รกึ ษาโครงงาน นางสาวแสงเดอื น บกน้อย คณะผจู้ ดั ทาวิจยั (นักเรียน) นายอภสิ ิทธิ์ แพทย์ทองซวิ นางสาวภานุมาศ กลางนา นางสาวภาวิณี แดงอไุ ร นางสาววยิ ะดา ชาวไทย สนบั สนนุ โดยสานกั งานกองทุนสนบั สนนุ การวิจัย(สวก) และ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย ชุดโครงการ “เพาะพันธ์ปุ ัญญา (พฒั นายวุ ิจยั ) 6

กติ ติกรรมประกาศ โครงงานยอ่ ยท่ี 8 เรื่อง การศึกษาพฤติกรรมการอา่ นฉลากโภชนาการ เพื่อปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมการ บริโภคอาหารสาเรจ็ ลลุ ่วงไปไดด้ ว้ ยความกรณุ าของอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ไดแ้ ก่ อาจารย์แสงเดือน บกน้อย อาจารยเ์ ดชมณี เนาวโรจน์ แนะนา วธิ ีการทา จนสาเรจ็ ลุลว่ งดว้ ยดี ขอบคณุ ผูใ้ ห้การสนบั สนนุ ทุน สกว. ธนาคารกสกิ รไทย และศนู ยพ์ ่ีเลีย้ งมหาวทิ ยาลยั อบุ ลราชธานี คณะผู้จดั ทาจึงขอกราบขอบพระคณุ เป็นอย่างสงู ไว้ ณ โอกาสนี้ ขอกราบขอบพระคุณ บิดา มารดา ท่ีให้กาลังใจในการศึกษาเล่าเรียนและสมาชิกในกลุ่ม ที่ให้ความ รว่ มมอื เปน็ อยา่ งดี ในการทาโครงงานคร้งั น้ี จนกระทั่งประสบความสาเรจ็ ด้วยดี 7

บทนา ทม่ี าและความสาคญั ของโครงงาน ปัญหาโภชนาการเกินและโรคอ้วนในเด็กมีอัตราเพ่ิมข้ึนอย่างต่อเนื่อง จากการสารวจพบว่า เด็กอายุ 6-13 ปอี ้วนเพ่มิ ขึ้นจากร้อยละ5.8 เปน็ รอ้ ยละ6.7 หรือเพ่ิมขนึ้ ร้อยละ15.5 ในระยะเวลา 5 ปี (กองโภชนาการ, 2546) เป็นปัญหาสาธารณสุขท่ีสาคัญท้ังในประเทศไทยและทั่วโลกโดยเป็นภัยเงียบที่ร้ายแรง เนื่องจากไม่ แสดงอาการผดิ ปกตใิ ดๆในระยะแรก จนกระท่ังมีความรุนแรงมากขึ้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย เกิดโรค เรอ้ื รงั ท่พี บบ่อยคอื โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมองตีบ โรคถุง ลมโป่งพอง โรคอ้วนลงพุงทาให้คุณภาพชีวิตลดลง และยังส่งผลต่อสุขภาพจิต อารมณ์สังคม เกิดความวิตก กังวล ความเครียดแลความรสู้ ึกมีปมด้อยและมผี ลทางออ้ มทาให้ประสทิ ธิภาพในการเรียนหรือการทางานลดลง ซ่งึ ปัญหาดังกล่าวทาให้ตอ้ งสูญเสยี คา่ ใช้จา่ ยจานวนมากในการรักษาพยาบาล ทั้งในระดบั ครอบครัวชุมชน และ ประเทศชาติพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยสาคัญที่ทาให้เกิดภาวะโภชนาการเกินและโรคอ้วนในเด็ก โดยปัจจัยทางพันธุกรรมไม่สามารถเปล่ียนแปลงได้แต่ปัจจัยทางด้านส่ิงแวดล้อมสามารถปรับเปล่ียนได้อาทิ พฤติกรรมการบริโภคอาหารชนิดของอาหารและเคร่ืองด่ืมที่เด็กบริโภคโดยเฉพาะอาหารท่ีให้พลังงานน้าตาล และไขมันสูง ที่มาจากขนมขบเคี้ยวและเครื่องด่ืมในปัจจุบันพบว่าสถานการณ์สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจท่ี เปลย่ี นแปลงไป อาหารสาเร็จรูปที่มใี นท้องตลาดจานวนมากผู้ประกอบการยังให้ความสาคัญในด้านคุณค่าทาง โภชนาการค่อนข้างน้อยแต่มุ่งเน้นการตลาดโดยมูลค่าการโฆษณาเพิ่มขึ้นจาก6.5 พันล้านบาทในปี2541 เป็น 16.5 พนั ลา้ นบาทในป2ี 551 และใชร้ ปู ลกั ษณ์ทส่ี วยงามของบรรจุภัณฑ์เป็นจุดสนใจนอกจากน้ียังพบว่าปี2552 เดก็ มีความถี่ในการบริโภคขนมขบเค้ียวเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี2546 ค่าใช้จ่ายในการซื้อขนมสูงถึง8,900 บาทต่อ คนต่อปีมากกว่าเงินที่ใช้ซ้ือเคร่ืองเขียนทาให้เด็กมีการบริโภคขนมขบเค้ียวและเครื่องด่ืมเพ่ิมมากขึ้นจากการ สารวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารว่างและขนมของเด็กนักเรียน พบว่าเด็กในระดับประถมศึกษาเป็นกลุ่มท่ี บรโิ ภคอาหารว่างมากทีส่ ุดกรวาลโดยบริโภคขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มคิดเป็นร้อยละ27 ของอาหารที่บริโภค ต่อวัน คิดเป็นพลังงาน 300 กิโลแคลอรีซึ่งเท่ากับหนึ่งในสี่ของพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน นอกจากนี้ยังพบว่า เด็กทบ่ี ริโภคขนมขบเคี้ยวทุกวันมสี งู ถึงรอ้ ยละ 56.7 และดม่ื น้าอดั ลมหรอื น้าหวานโดยดม่ื บางวันคิดเป็นร้อยละ 43.9 โดยให้เหตุผลว่าเป็นความเคยชินมากที่สุดในระดับประถมศึกษาที่อยู่ในช่วงอายุ10–12 ปีเป็นวัยท่ีเร่ิมมี ความพร้อมทางด้านร่างกายและสติปัญญามีความสามารถที่จะเรียนรู้มีความรู้ สึกนึกคิดมีวุฒิภาวะในการ พัฒนา มีอิสระในการตัดสินใจสามารถพิจารณาเปรียบเทียบข้อมูลฉลากโภชนาการของขนมขบเคี้ยวและ เคร่อื งด่ืมทใี่ หข้ ้อมูลทเี่ ป็นประโยชน์เกยี่ วกบั พลงั งานและสารอาหารท่ีได้รับหากเด็กได้รับการส่งเสริมให้มีความ เข้าใจและตระหนักถึงความสาคัญของการอ่านฉลากโภชนาการของขนมขบเค้ียวและเครื่องดื่มสามารถ เปรียบเทียบและเลือกบริโภค โดยเฉพาะอย่างย่ิงขนมท่ีเป็นอาหารว่าง เพื่อให้เกิดบริโภคนิสัยเพ่ือสุขภาพ ฉะนั้นการใหข้ ้อมลู ความรกู้ บั เดก็ ในการอ่านฉลากและในโรงเรียนสมเด็จพระญาณสังวร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ พบว่า มีนักเรียนท่ีมีภาวะโภชนาการเกินเกณฑ์ คืออ้วน เพิ่มมากขึ้น รวมถึงนักเรียนอ่ืนมีพฤติกรรมการ บริโภคขนมขบเคี้ยว หรือน้าหวาน น้าอัดลม หรือการปรุงอาหารที่มีรสจัดมาก ที่เป็นปัจจัยเส่ียงต่อการเกิด โรคไมต่ ดิ ตอ่ เรื้อรงั สูง กลุ่มผทู้ าการศึกษา จึงมีความตอ้ งการทาโครงงานนี้เพ่ือให้ความรู้ รณรงค์ในการอ่านฉลากโภชนาการ ฉลาก หวาน มัน เค็ม(ฉลาก GDA ) สัญลักษณ์โภชนาการ“ทางเลือกสุขภาพ” เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมการ บริโภคอาหารดงั กล่าว 8

คาถามท่ีอยากรู้ เราอยากทราบวา่ การทีเ่ ราใสใ่ จและสนใจในการอ่านฉลากโภชนาการ ฉลากหวาน มัน เคม็ (ฉลาก GDA) และ สญั ลักษณ์โภชนาการ ทางเลอื กสุขภาพ การดูปริมาณแคลอร่ีท่ไี ด้รบั ในแตล่ ะวัน สามารถพฒั นาและ ปรบั เปลยี่ นพฤติกรรมการบริโภตอาหารเพื่อลดปัจจยั เสีย่ งต่อโรคไม่ติดตอ่ เรื้อรัง ของนักเรียนโรงเรียนสมเด็จ พระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชปู ถมั ภ์ ได้หรือไม่ ไดม้ ากน้อยเพียงใด วตั ถุประสงค์ เพื่อศึกษาการพัฒนาการอา่ นฉลากโภชนาการ เพื่อปรับเปล่ียนพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารของนักเรยี น ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1และ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 เอกสารทีเ่ กีย่ วข้อ ฉลากโภชนาการคอื อะไร ฉลากโภชนาการ คือ ฉลากอาหารท่ีมกี ารแสดงข้อมูลโภชนาการ ซงึ่ ระบุชนดิ และปริมาณสารอาหารของ อาหารน้นั ในกรอบส่เี หล่ียมเรียกว่า “กรอบข้อมูลโภชนาการ” ซ่ึงมีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบเต็มและแบบย่อ 1.ฉลากโภชนาการแบบเต็ม เป็นฉลากทแี่ สดงชนิดและปริมาณสารอาหารทส่ี าคัญควรทราบ 15 รายการ สาหรบั ฉลากทีม่ ีความสูงจากัด สามารถแสดงฉลากโภชนาการเต็มรปู แบบในลกั ษณะแบบแนวนอนหรอื แบบ ขวางตามท่ปี ระกาศกระทรวงสาธารณสุขกาหนดไว้ 2.ฉลากโภชนาการแบบยอ่ ใช้ในกรณที สี่ ารอาหารตงั้ แต่ 8 รายการ จากจานวนที่กาหนดไว้ 15 รายการ น้นั มปี ริมาณน้อยมากจนถือวา่ เป็นศูนย์ จงึ ไม่มคี วามจาเปน็ ท่ีต้องแสดงใหเ้ ต็มรปู แบบ 9

ปริมาณสงู สุดท่ีบริโภคได้ตอ่ วัน สาหรบั คนไทยอายุตง้ั แต่ 6 ปขี นึ้ ไป ในหนึง่ วันไม่ควรไดร้ บั พลังงาน นา้ ตาล ไขมัน และโซเดียม มากกวา่ ปรมิ าณสูงสุดที่แนะนา ดังนี้ พลงั งานไม่ควรเกนิ 2,000 กโิ ลแคลอรี นา้ ตาลไมค่ วรเกิน 65 กรัม ไขมนั ไม่ควร เกนิ 65 กรมั โซเดียมไม่ควรเกิน 2,400 มิลลิกรัม วิธีการอา่ นฉลากโภชนาการ 1. ดปู ริมาณหน่ึงหน่วยบริโภค เป็นปริมาณการกนิ ต่อครั้งทแี่ นะนาใหผ้ ้บู ริโภครับประทาน 2. ดจู านวนหน่วยบริโภคตอ่ ภาชนะบรรจุ เป็นจานวนที่บอกว่าถ้ากนิ คร้งั ละหนงึ่ หนว่ ยบริโภคจะแบง่ กินไดก้ ่ี ครัง้ 3. ดคู ุณค่าทางโภชนาการต่อหนึง่ หน่วยบรโิ ภค ว่าจะได้พลังงานเทา่ ใด สารอาหารอะไรบา้ ง ในปรมิ าณ เทา่ ใด 4. ดูร้อยละของปริมาณที่แนะนาต่อวนั ฉลากหวาน มนั เคม็ หรอื ฉลาก GDA (Guideline Daily Amount) คอื ฉลากทแี่ สดงค่าพลังงาน น้าตาล ไขมนั และโซเดียม ในหนึง่ หน่วยบรรจภุ ณั ฑ์ เชน่ ซอง ถุง กล่องของผลติ ภณั ฑ์อาหารน้ัน โดยฉลาก หวาน มนั เคม็ จะแสดงอยดู่ ้านหน้าบรรจภุ ณั ฑ์ ซ่งึ ในปจั จบุ ันพบไดใ้ นผลติ ภัณฑอ์ าหารสาเร็จรูปพรอ้ มบรโิ ภคทนั ทีบางชนิด ได้แก่ มันฝร่ังทอดกรอบหรืออบ กรอบข้าวโพดคัว่ ทอดหรืออบกรอบ ขา้ วเกรยี บหรืออาหารขบเคยี้ วชนิดอบพอง ขนมปังกรอบหรือแครก เกอร์หรือบสิ กติ เวเฟอรส์ อดไส้ รูปแบบของฉลากหวานมนั เค็ม ส่วนที่ 1 บอกใหท้ ราบถงึ คุณค่าทางโภชนาการ ไดแ้ ก่ พลังงาน นา้ ตาล ไขมนั โซเดยี ม ที่ไดร้ ับจากการ บรโิ ภคหน่ึงหนว่ ยบรรจุภณั ฑ์ เช่น ต่อ 1 ถงุ หรอื ต่อ 1 ซอง เป็นต้น สว่ นที่ 2 บอกใหท้ ราบวา่ เพอื่ ความเหมาะสมควรแบ่งกินก่คี รั้ง ส่วนท่ี 3 บอกให้ทราบว่าเม่อื กนิ เข้าไปหมดทั้งถงุ หรือซอง จะไดร้ บั พลงั งาน นา้ ตาล ไขมนั และโซเดยี มปริมาณเทา่ ไร ส่วนท่ี 4 บอกใหท้ ราบว่าเม่ือกินหมดทง้ั ถุงหรอื ซองจะได้รับพลังงาน น้าตาล ไขมัน และโซเดียมคิดเป็นร้อย ละเทา่ ไรของปรมิ าณสงู สดุ ที่แนะนาให้บรโิ ภคตอ่ วนั ปริมาณสูงสุดที่แนะนาให้บรโิ ภคได้ต่อวนั พลังงาน (กโิ ลแคลอร)ี่ ไขมนั (กรัม) นา้ ตาล (กรมั ) โซเดียม (มิลลิกรมั ) 2,000 65 65 2,400 10

11

ตวั เลขทีฉ่ ลากหวาน มนั เคม็ มีประโยชน์อย่างไร 1. บอกให้รู้ว่าผลติ ภัณฑ์อาหารนน้ั มีปรมิ าณพลงั งาน น้าตาล ไขมนั และโซเดียม เทา่ ใด 2. ส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ การบริโภคอาหารอยา่ งสมดลุ โดยในแต่ละวนั มเี ปา้ หมายในการรับประทานอาหาร ให้ รา่ งกายได้รับพลงั งาน นา้ ตาล ไขมันและโซเดยี มไม่เกิน 100% ของปริมาณสงู สดุ ท่ีแนะนาให้บรโิ ภคไดต้ ่อวัน 3. ใช้เปรียบเทยี บปรมิ าณพลังงาน นา้ ตาล ไขมนั และโซเดยี มระหว่างผลิตภัณฑ์อาหารชนดิ เดียวกัน เพอ่ื เลือกบรโิ ภคหรือหลกี เลีย่ งอาหารไดต้ ามความต้องการของแต่ละคน โดยเฉพาะผู้ที่ตอ้ งการควบคุมอาหาร ผมู้ ี ความเส่ยี งหรือป่วยเป็นโรคเรื้อรงั ตา่ ง ๆ ฉลากโภชนาการทางเลอื กสขุ ภาพ สญั ลกั ษณโ์ ภชนาการ “ทางเลอื กสขุ ภาพ” แสดงวา่ ผลิตภัณฑ์นนั้ มีปริมาณสารอาหาร เชน่ นา้ ตาล ไขมัน โซเดียม อย่ใู นเกณฑ์ท่คี ณะอนกุ รรมการพัฒนาและสง่ เสรมิ การใช้สญั ลักษณ์โภชนาการอยา่ งงา่ ยกาหนด ยกตัวอยา่ ง น้าปลากาหนดให้มโี ซเดียมไม่เกนิ 6,000 มิลลกิ รมั ตอ่ นา้ ปลา 100 มิลลิลิตร โดยทั่วไป 1 ชอ้ นชา มโี ซเดยี มประมาณ 500 มลิ ลกิ รมั แต่นา้ ปลาท่ีมีการแสดงสัญลักษณ์นี้บนฉลาก 1 ช้อนชา จะมโี ซเดียมไมเ่ กนิ 300 มิลลิกรมั สาหรบั ผทู้ ี่ชื่นชอบการด่ืมน้าอดั ลม นา้ ผักและนา้ ผลไม้ นา้ อัดลมและนา้ หวานกลนิ่ รสตา่ ง ๆ น้านมถว่ั เหลอื ง นา้ ธญั พืชต่าง ๆ หากเลอื กยี่ห้อที่มีการแสดง “สัญลกั ษณ์โภชนาการ ทางเลือกสุขภาพ” บน ฉลาก ก็จะได้รบั ประโยชน์ด้านการลดปริมาณน้าตาลลงเชน่ กนั เพราะจะมีปริมาณนา้ ตาลไม่เกิน 6 กรมั ต่อ เครือ่ งด่ืม 100 มลิ ลลิ ิตร หากเครอื่ งดม่ื ที่กล่าวขา้ งตน้ มีขนาดบรรจุ 200 มิลลิลติ ร และดื่มคร้ังเดยี วหมดจะ ได้รับนา้ ตาลไมเ่ กนิ 12 กรัม หรอื ไมเ่ กิน 3 ช้อนชา สญั ลักษณ์นีน้ อกจากชว่ ยให้สามารถตัดสนิ ใจเลอื กซ้ือได้ ง่ายขึ้นแล้ว ยังชว่ ยลดปัจจยั เสี่ยงของการเกดิ โรคไมต่ ิดตอ่ เร้ือรงั (NCDs) เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดัน โลหิตสูง ภาวะไตวายเรือ้ รงั หวั ใจและหลอดเลือด ฯลฯ ทีส่ าคญั จะชว่ ยลดภาระคา่ ใชจ้ ่ายของประเทศในการ รกั ษาพยาบาลโรคดงั กลา่ วในระยะยาวดว้ ย จงึ ขอใหผ้ ู้บริโภค “อา่ นฉลาก อย่างฉลาด ลดเส่ียงโรคภยั มีแต่ได้ ไมม่ ีเสยี ” โรค NCDs คอื อะไร โรค NCDs หรอื non-communicable diseases เป็นกลุม่ โรคไม่ตดิ ต่อเรอ้ื รัง คือ ไม่ไดเ้ กิดจากเช้ือโรค และไมส่ ามารถแพร่กระจายจากคนส่คู นได้ แต่เป็นโรคที่เกิดจากนสิ ยั หรือพฤติกรรมการดาเนินชีวิต ซ่ึงจะมกี าร ดาเนนิ โรคอยา่ งชา้ ๆ ค่อยๆ สะสมอาการอยา่ งต่อเนอื่ ง และเมื่อมีอาการของโรคแล้วมักจะเกิดการเรอ้ื รังของ โรคด้วย จงึ อาจจัดวา่ โรค NCDs เปน็ กลมุ่ โรคเรอื้ รังได้ 12

ตัวอย่างของโรค NCDs 1. โรคทางระบบหวั ใจและหลอดเลอื ด เชน่ โรคความดันโลหติ สูง โรคหลอดเลอื ดหัวใจ 2. โรคหลอดเลอื ดสมอง 3. โรคเบาหวาน 4. โรคมะเรง็ ต่างๆ 5. โรคระบบทางเดินหายใจเร้ือรัง เช่น โรคปอดอุดกัน้ เรื้อรัง ถงุ ลมโปง่ พอง 6. โรคไตเร้อื รงั 7. โรคอ้วนลงพงุ 8. โรคตับแขง็ 9. โรคสมองเสอ่ื ม พฤตกิ รรมเส่ยี ง...ตัวการก่อโรค NCDs สาเหตุหลักสาคญั ของกลมุ่ โรค NCDs คอื พฤตกิ รรมเส่ยี งต่างๆ ในการดาเนนิ ชีวติ ไมว่ ่าจะเปน็ การ รับประทานอาหารรสจดั เชน่ หวานจดั เคม็ จัด อาหารท่ีมไี ขมนั สงู อาหารปิ้งยา่ ง การด่ืมเครือ่ งดื่มแอลกอฮอล์ การสบู บหุ รี่ การไม่ออกกาลังกาย การนอนดึก การมคี วามเครยี ดสูง การรับประทานยาโดยไมป่ รึกษาแพทย์ เป็นตน้ ดังนัน้ คนท่ีมีพฤตกิ รรมการดาเนนิ ชวี ิตเชน่ นี้จึงมคี วามเสย่ี งที่จะเปน็ โรค NCDs ได้มากกว่าคนอน่ื ๆ ความรนุ แรงของโรค NCDs แมโ้ รค NCDs จะไมใ่ ช่โรคติดต่อ แต่จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบวา่ ตลอดช่วงเวลา 10 ปที ่ีผา่ นมา กล่มุ โรค NCDs เปน็ สาเหตุของการเสียชีวิตอนั ดับหนง่ึ ของคนไทย โดยมีคนไทยป่วยด้วยโรค NCDs ถงึ 14 ล้านคน เสียชวี ิตกว่า 300,000 คนตอ่ ปี และคาดวา่ จะมีแนวโน้มเพ่มิ มากขึน้ ในทกุ ๆ ปี ซ่ึงส่วนใหญเ่ สียชีวติ ก่อนอายุ 60 ปี ปรบั พฤตกิ รรม ลดความเส่ียงโรค NCDs -การป้องกันโรค NCDs ทาได้ง่ายๆ โดยเร่ิมจากตัวเรา นน่ั ก็คอื การปรับพฤติกรรมการดาเนนิ ชีวิต เชน่ -รบั ประทานอาหารท่ีมปี ระโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ เนน้ การรบั ประทานผกั และผลไม้ -หลกี เล่ียงการรบั ประทานอาหารรสหวานจดั เคม็ จัด อาหารมนั รวมถงึ อาหารป้ิงยา่ ง -ออกกาลังกายอยา่ งสมา่ เสมอ อย่างนอ้ ย 30 นาท/ี ครัง้ สัปดาห์ละ 5 ครงั้ -งดดื่มเคร่ืองดืม่ แอลกอฮอล์ งดสูบบหุ ร่ี -พักผ่อนใหเ้ พียงพอ ผอ่ นคลายความเครยี ด -ตรวจสุขภาพประจาปีอย่างสมา่ เสมอ -รับประทานยาตามแพทย์สง่ั ไมซ่ ้ือยารบั ประทานเองโดยไม่ปรกึ ษาแพทยห์ รือเภสชั กร -หากมอี าการผิดปกตใิ ดๆ ควรรบี ปรึกษาแพทย์ 13

วธิ ีการศึกษาข้อมลู ผ้ศู ึกษาจึงมีความต้องการทจี่ ะศกึ ษาพฤติกรรม ความรู้ และเจตคติตอ่ การสรา้ งและทง้ิ ขยะ เพื่อหา วธิ กี ารท่ีถกู ต้องโดยศึกษาขอ้ มูลดงั ตอ่ ไปน้ี 1. เลอื กกลมุ่ เป้าหมายที่จะทาการศึกษา โดย เลอื กศึกษาพฤตกิ รรมการอ่านฉลากโภชนาการของ นักเรียนระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 จานวน 89 คน และ ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ทง้ั หมด จานวน 97 คน รวม 186 คน 2. ใหก้ ลมุ่ ตัวอย่างทาแบบสอบถามพฤติกรรมการอ่านฉลากโภชนาการและพฤตกิ รรมการบรโิ ภค อาหารก่อนได้รบั ความรู้ และสรปุ ผล 3. ผู้ทาวิจัยจัดกจิ กรรมให้ความรู้เร่ืองความสาคญั ของการอา่ นฉลากโภชนาการ ความรู้เร่ืองโรคไม่ ติดต่อเร้ือรงั (NCDs) ทัง้ แบบกลมุ่ ใหญ่ และ กลุม่ ย่อย 4. สังเกตติดตามพฤติกรรมการซอื้ อาหารสาเรจ็ รูป ขนม ในหอ้ งสหกรณ์รา้ นค้าของโรงเรยี นของ นกั เรียนกลมุ่ ตัวอยา่ งในชว่ งพักกลางวนั 5. ใหก้ ลมุ่ ตวั อย่างทาแบบสอบถามพฤติกรรมการอ่านฉลากโภชนาการและพฤติกรรมการบริโภค อาหารกหลงั ได้รับความรู้ และสรุปผล 6. อภปิ รายและสรุปผลการวิจัย ผลการวิจัย ส่วนท่ี 1 ขอ้ มูลเก่ียวกับนกั เรยี น 1. ข้อมลู ผทู้ าแบบสอบถามพฤติกรรมการอา่ นฉลากโภชนาการของนักเรยี นระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 และ ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ดงั น้ี ระดบั ชน้ั จานวนนักเรียน รวม ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 เพศชาย เพศหญงิ 89 ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 97 44 45 186 รวม 52 45 96 90 กลุ่มตัวอย่างมชี ่วงอายุ 13-14 ปี มนี ้าหนกั เฉล่ีย 50.35 กิโลกรัม สว่ นสงู เฉล่ยี 157 เซนติเมตร ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผา่ นมานกั เรียนกินขนมขบเคี้ยว ดื่มน้าอัดลม หรือด่มื เครื่องดื่มทม่ี ีน้าตาลเปน็ ส่วนผสม คดิ เป็น 100 % ลักษณะการใชช้ วี ติ ของนกั เรียนในแต่ละวันนอกจากเรียนหนังสอื หรือเรยี นพลศึกษาใน ชัว่ โมงเรียนนกั เรียนจะออกกาลังกาย คดิ เปน็ ร้อยละ 97 และ ไม่ออกกาลงั กายคดิ เป็นรอ้ ยละ 3 โดยเฉล่ยี นกั เรยี นกนิ ขนมกรบุ กรอบยหี่ ้อ เลย์ ซองละ 5 บาท 1 ครัง้ ตอ่ วนั ปริมาณการกนิ ต่อครงั้ 2 ซอง กนิ น้าอัดลมยหี่ ้อ โคก๊ ขวดละ 10 บาทจานวน 1 ขวดตอ่ คร้ังต่อวัน และชอบกินเคร่ืองด่ืมประเภทอ่นื ๆ คือ ชา เขียว 2 ครั้งต่อวัน 14

ตอนที่ 2. ตอบแบบสอบถามพฤติกรรมการอ่านฉลากและการบริโภคอาหาร (ก่อนรบั ความรู้) ระดบั พฤตกิ รรม รายการ ความถ่ี มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ท่สี ดุ กลาง ทส่ี ุด 1.นักเรยี นมน่ั ใจวา่ นกั เรยี นจะอ่านฉลากอาหารก่อนซื้อ จานวนคน 25 105 36 20 - ทุกคร้งั รอ้ ยละ 13.44 56.45 19.35 10.76 - 2.นักเรียนม่ันในวา่ นักเรยี นจะหลีกเล่ยี งการกนิ อาหารท่ี จานวนคน 10 30 130 16 - ไม่มี ฉลากได้ แม้วา่ อาหารนั้นจะมรี สชาติอร่อย รอ้ ยละ 5.38 16.13 69.89 8.60 - 3.นกั เรยี นกนิ อาหารมื้อหลกั ตามเวลา และไม่กนิ ขนมกรบุ จานวนคน - 10 6 20 150 กรอบ จบุ จิบ ร้อยละ - 5.38 3.22 10.75 80.65 4.นักเรียนไม่รับประทานขนมกรบุ กรอบทซ่ี องหรอื ภาชนะ จานวนคน 186 - - - - บรรจุ มีรอยฉีกขาด ร้อยละ 100 0 0 0 0 15

ตอนที่ 2. ตอบแบบสอบถามพฤติกรรมการอา่ นฉลากและการบรโิ ภคอาหาร(ก่อนรบั ความรู้) ระดับพฤตกิ รรม รายการ ความถ่ี มาก มาก ปาน น้อย นอ้ ย ทีส่ ดุ กลาง ทสี่ ดุ 26 5.นกั เรียนเชื่อม่นั วา่ นักเรยี นสามารถคานวณปริมาณ จานวนคน - 10 10 140 13.98 สารอาหารของขนมกรบุ กรอบจากข้อมลู บนฉลาก รอ้ ยละ - 5.38 5.38 75.26 10 โภชนาการ เพื่อใหเ้ กิดประโยชน์ต่อรา่ งกาย 5.38 6.เมอื่ เหน็ อาการของผปู้ ว่ ยทีเ่ กิดจากการกนิ มากเกินความ จานวนคน 6 120 40 10 5 จาเปน็ ของรา่ งกาย ทาใหน้ กั เรยี นเห็นความสาคัญของการ รอ้ ยละ 3.22 64.52 21.50 5.38 2.68 อา่ นฉลากก่อนเลอื กซ้ือ - 7.การหลกี เลี่ยงการกินอาหารพวกปง้ิ ยา่ ง เชน่ ไก่ย่าง จานวนคน 135 20 16 10 - ลูกชน้ิ ปง้ิ หมูปิง้ เปน็ เรอื่ งลาบาก เพราะหาซ้ืองา่ ย รสชาติ ร้อยละ 72.58 10.75 8.61 5.38 - อรอ่ ย - 8.อาหารป้งิ ยา่ งท่ไี หม้เกรียม เชน่ ไกย่ า่ ง ลูกชนิ้ ปิง้ หมปู ิง้ จานวนคน 40 128 10 8 - ไม่ควรกิน เพราะมสี ารก่อมะเร็ง ร้อยละ 21.50 68.82 5.38 4.30 - 9.การดมื่ นา้ อดั ลม น้าชาเชยี ว น้าผลไม้บรรจกุ ลอ่ ง เปน็ จานวนคน 30 110 30 16 4 ประจา ทาให้มโี อกาสเส่ยี งต่อการเป็นโรคอ้วน ร้อยละ 16.13 59.14 16.13 8.60 2.15 10.แม้ว่านกั เรยี นจะเร่งรีบขนาดไหน นกั เรียนกม็ นั่ ใจวา่ จานวนคน 16 132 28 110 114 จะไม่ซ้ือขนมกรบุ กรอบมากินโดยเดด็ ขาด ถา้ หากยงั ไม่ได้ รอ้ ยละ 8.60 17.20 15.05 59.15 61.29 อา่ นฉลากหวาน มัน เค็ม (ฉลาก GDA) 160 11.นกั เรียนเปรียบเทียบขอ้ มูลโภชนาการบนฉลากอาหาร จานวนคน 10 35 40 97 86.03 ก่อนตัดสนิ ใจเลือกซ้อื อาหาร รอ้ ยละ 5.38 18.82 21.50 52.15 12.นักเรียนอา่ นฉลากหวาน มัน เค็ม (ฉลาก GDA) ของ จานวนคน 6 6 24 36 ขนมกรบุ กรอบก่อนเลือกซ้อื และเลอื กกนิ รอ้ ยละ 3.22 3.22 12.90 19.35 13.นกั เรยี นแบ่งจานวนคร้งั ในการกินอาหารตามขอ้ มูลบน จานวนคน - - 6 20 ฉลากหวาน มัน เค็ม (ฉลาก GDA) รอ้ ยละ - - 3.22 10.75 16

ตอนท่ี 2. ตอบแบบสอบถามพฤติกรรมการอ่านฉลากและการบริโภคอาหาร(ก่อนรบั ความร)ู้ ระดับพฤติกรรม รายการ ความถี่ มาก มาก ปาน น้อย นอ้ ย ท่สี ุด กลาง ที่สดุ - 14.การอ่านฉลากอาหาร ทาใหต้ อ้ งเสยี เวลาในการเลือก จานวนคน 28 142 10 6 - ซอื้ อาหาร ร้อยละ 15.05 76.35 5.38 3.22 7 15.การอา่ นฉลากโภชนาการก่อนซ้ืออาหารทาให้ถกู มอง จานวนคน 56 73 30 20 3.76 ว่าเป็นคนเรอื่ งมาก รอ้ ยละ 30.11 39.25 16.13 10.75 - 16.การเลกิ ดืม่ น้าอดั ลมเปน็ เร่ืองยาก เพราะดม่ื แล้วรสู้ ึก จานวนคน 120 40 16 8 1.07 สดช่นื ร้อยละ 64.52 21.51 8.60 4.30 - 17.การกินขนมกรบุ กรอบเป็นประจา อาจทาให้ไดร้ บั จานวนคน 60 115 11 - - โซเดยี มเกินความต้องการของรา่ งกาย อาจทาให้ ร้อยละ 32.26 61.83 5.91 - - เป็นโรคไตและเกิดภาวะไตวายได้ - 18.การกนิ ขนมกรุบกรอบโดยไม่อ่านฉลากหวาน มัน จานวนคน 30 38 115 3 4 เค็ม (ฉลาก GDA) มีโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับน้าตาล ร้อยละ 16.13 20.43 61.83 1.61 2.15 เกินปริมาณท่ีรา่ งกายควรไดร้ ับในแตล่ ะวัน 15 19.การไมใ่ ชป้ ระโยชนจ์ ากข้อมลู โภชนาการบนฉลาก จานวนคน 30 112 30 10 8.07 อาหาร ทาให้มีโอกาสเสยี่ งจากการไดร้ บั สารอาหาร ร้อยละ 16.13 60.21 16.13 5.38 เกินความต้องการของร่างกาย 20.อาหารท่ีมีฉลากสญั ลักษณ์โภชนาการ “ทางเลอื ก จานวนคน 20 34 97 20 สุขภาพ”(Healthier Choice) ทาใหไ้ ด้รบั อาหารที่มี ปริมาณสารอาหาร เช่น น้าตาล ไขมนั และเกลือ โซเดียม รอ้ ยละ 10.75 18.28 52.15 10.75 ไมเ่ กินปริมาณทีก่ าหนด กลุม่ ตัวอย่างจานวน 186 คน ก่อนได้รับการเรียนรู้การอา่ นฉลากโภชการพบวา่ อ่านฉลากก่อนซ้อื ทกุ ครั้งอย่ใู นเกณฑ์ มาก คอื ร้อยละ 56.45 หลกี เลยี่ งการกนิ อาหารทไ่ี ม่มฉี ลากได้แม้อาหารมรี สชาตอิ รอ่ ยอยู่ ในเกณฑป์ านกลางคือรอ้ ยละ 69.89 กนิ อาหารมื้อหลักตามเวลาไมไ่ ม่กนิ ขนมกรุบกรอบอยู่ในเกณฑ์น้อยสุดคอื รอ้ ยละ 80.65 ไมร่ บั ประทานขนมกรุบกรอบท่ซี องหรือภาชนะบรรจุมรี ายอฉีกขาด รอ้ ยละ 100 สามารถ คานวณปริมาณสารอาหารของขนมกรบุ กรอบจากข้อมูลบนฉลากโภชนาการ อยใู่ นเกณฑน์ ้อย คือ รอ้ ยละ 75.26 เม่ือเห็นอาการของผู้ปว่ ยท่เี กดิ จากการกกนิ มากเกินความจาเปน็ ของรา่ งกาย ทาให้เห็นความสาคญั ของการอา่ นฉลากกอ่ นเลือกซ้ืออยใู่ นเกณฑ์มาก คือ ร้อยละ 64.52 การหลกี เลี่ยงการกินอาหารพวกปิ้งยา่ ง เป็นเรื่องลาบาก อย่ใู นเกณฑ์มากที่สุด คือ ร้อยละ 72.58 ไมก่ นิ อาหารปงิ้ ยา่ งท่ีไหม้เกรียมเพราะมีสารก่อ มะเรง็ อยูใ่ นเกณฑ์มาก คือร้อยละ 68.82 การดม่ื น้าอัดลม ชาเขียว นา้ ผลไมบ้ รรจุกล่องมีโอกาสต่อการเป็น โรคอ้วนอยู่ในเกณฑ์มาก คอื รอ้ ยละ 59.14 แมเ้ ร่งรีบขนาดไหน นกั เรียนก็มั่นใจจะไม่ซ้อื ขนมกรุบกรอบมา กินโดยเดด็ ขาดถ้ายังไมอ่ ่านฉลาก GDA อยู่ในเกณฑ์น้อย คอื ร้อยละ 59.15 17

เปรยี บเทยี บข้อมลู โภชนาการบนฉลากอาหารก่อนตัดสินใจเลอื กซ้ืออยู่ในเกณฑ์น้อย คอื ร้อยละ 52.15 อา่ น ฉลาก GDA ของขนมกรบุ กรอบก่อนเลือกซื้อและเลือกกินอยู่ในเกณฑน์ ้อยท่สี ดุ คือรอ้ ยละ 61.29 แบ่งจานวน ครัง้ ในการกนิ อาหารตามขอ้ มูลบนฉลาก GDA อยู่ในเกณฑ์นอ้ ยที่สุดคือ รอ้ ยละ 86.03 คิดว่าการอา่ นฉลาก อาหารทาให้ต้องเสยี เวลาในการเลือกซื้ออาหารอยู่ในเกณฑ์มาก คือร้อยละ 76.35 การอ่านฉลากโภชนาการ กอ่ นซ้ืออาหารทาให้ถูกมองวา่ เป็นคนเรือ่ งมาก อย่ใู นเกณฑ์มาก คือรอ้ ยละ 39.25 การเลกิ ด่มื นา้ อัดลมเปน็ ของยาก อยใู่ นเกณฑม์ ากทีส่ ุดคอื ร้อยละ 64.52 การกนิ ขนมกรบุ กรอบเปน็ ประจาอาจทาให้ไดรบั โซเดยี มเกิน ความต้องการของรา่ งกายอาจทาใหเ้ ป็นโรคไตและเกดิ ภาวะไตวายไดอ้ ยู่ในเกณฑม์ ากคือ ร้อยละ 61.83 การ กินขนมกรบุ กรอบโดยไม่อา่ นฉลาก GDA มโี อกาสเส่ียงต่อการไดร้ ับนา้ ตาลเกินปริมาณท่ีร่างกายควรได้รบั ใน แต่ละวนั อยู่ในเกณฑ์ปานกลางคอื ร้อยละ 61.83 การไม่ใชป้ ระโยชนจ์ ากขอ้ มูลโภชนาการบนฉลากอาหารทา ให้มโี อกาสเสีย่ งจากการได้รบั สารอาหารเกนิ ความต้องการของรา่ งกายอยู่ในเกณฑ์มากคือรอ้ ยละ 60.21 ทราบว่าอาหารท่ีมีฉลากสญั ลักษณ์โภชนาการทางเลอื กสุขภาพ (Healthier Choice) ทาให้ได้รบั อาหารทม่ี ี ปรมิ าณสารอาหารเชน่ นา้ ตาล ไขมนั และ เกลือ โซเดียมไม่เกนิ ปรมิ าณท่ีกาหนด อยู่ในเกณฑป์ านกลางคอื รอ้ ยละ 52.15 ผ้ศู ึกษาวิจยั ไดว้ างแผนการดาเนินกจิ กรรมการให้ความรเู้ พ่ือสรา้ งความตระหนกั และปรับเปลีย่ น พฤติกรรมการเลือกซ้ืออาหารสาเร็จรปู ขนมกรบุ กรอบ โดยใช้กิจกรรมชมรม อย.น้อย และการให้ความรแู้ บบ เจาะจงกับกลมุ่ ย่อยในเวลาพักกลางวนั ประสานงานกับครูประจาวิชาสุขศึกษา ในการเขา้ ไปใช้ส่ือใหค้ วามรู้ ฝึกทักษะกลุ่มทดลองในการคานวณปรมิ าณพลังงานและ ปรมิ าณนา้ ตาล ไขมัน โซเดยี มทค่ี วรไดร้ ับแต่ละวัน ใหค้ วามรู้ความเสยี่ งและผลท่ีตามมาในการเปน็ โรคไมต่ ิดต่อเรอ้ื งรัง (NCDs) นอกจากน้ันผู้ศึกษายังเฝา้ สังเกต พฤติกรรมการเลือกซ้ืออาหารของกลมุ่ ทดลองจากห้องสหกรณ์ร้านคา้ โรงเรยี นในช่วงพักกลางวัน แลว้ ให้กล่มุ ทดลองทาแบบทดสอบพฤติกรรมการซื้อและการบรโิ ภคอาหารครั้งที่ 2 ตอนที่ 2. ตอบแบบสอบถามพฤติกรรมการอ่านฉลากและการบรโิ ภคอาหาร (หลังรบั ความร)ู้ ระดบั พฤตกิ รรม รายการ ความถี่ มาก มาก ปาน น้อย นอ้ ย ท่ีสดุ กลาง ทส่ี ุด - 1.นักเรียนม่ันใจว่า นกั เรียนจะอ่านฉลากอาหารก่อนซ้ือ จานวนคน 175 11 - - - ทุกคร้ัง รอ้ ยละ 94.09 5.91 - - - 2.นักเรยี นม่ันในว่า นกั เรยี นจะหลีกเลย่ี งการกนิ อาหารท่ี จานวนคน 145 38 3 - - ไมม่ ี ฉลากได้ แมว้ ่าอาหารนนั้ จะมีรสชาติอร่อย ร้อยละ 77.95 20.44 1.61 - - 3.นักเรยี นกินอาหารมื้อหลักตามเวลา และไม่กนิ ขนมกรุบ จานวนคน 50 52 80 4 - กรอบ จุบจบิ ร้อยละ 26.88 27.96 43.01 2.15 - 4.นักเรียนไมร่ ับประทานขนมกรุบกรอบท่ีซองหรือภาชนะ จานวนคน 186 - - - - บรรจุ มรี อยฉีกขาด รอ้ ยละ 100 - - - 18

ตอนท่ี 2. ตอบแบบสอบถามพฤติกรรมการอา่ นฉลากและการบริโภคอาหาร(หลงั รบั ความรู้) ระดับพฤติกรรม รายการ ความถี่ มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ที่สดุ กลาง ทีส่ ดุ - 5.นกั เรยี นเช่ือมน่ั วา่ นกั เรยี นสามารถคานวณปริมาณ จานวนคน 112 46 24 4 - สารอาหารของขนมกรุบกรอบจากข้อมูลบนฉลาก รอ้ ยละ 60.22 24.73 12.90 2.15 - โภชนาการ เพื่อใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อร่างกาย - 6.เม่ือเหน็ อาการของผ้ปู ว่ ยท่เี กดิ จากการกินมากเกินความ จานวนคน 150 30 6 - 52 จาเปน็ ของรา่ งกาย ทาใหน้ กั เรยี นเหน็ ความสาคญั ของการ รอ้ ยละ 80.65 16.13 3.22 - 27.95 อ่านฉลากกอ่ นเลือกซื้อ - 7.การหลีกเลีย่ งการกนิ อาหารพวกปิ้งย่าง เชน่ ไกย่ ่าง จานวนคน - 12 65 57 - ลกู ชน้ิ ปิง้ หมูป้ิง เปน็ เรอ่ื งลาบาก เพราะหาซ้ืองา่ ย รสชาติ รอ้ ยละ - 6.45 34.95 30.65 - อร่อย - 8.อาหารป้งิ ยา่ งที่ไหมเ้ กรียม เช่น ไกย่ ่าง ลกู ชิน้ ปิ้ง หมปู ิ้ง จานวนคน 165 20 1 - - ไม่ควรกนิ เพราะมีสารก่อมะเร็ง รอ้ ยละ 88.71 10.75 0.54 - - 9.การด่มื น้าอัดลม น้าชาเชียว นา้ ผลไม้บรรจกุ ลอ่ ง เปน็ จานวนคน 136 43 7 - - ประจา ทาให้มโี อกาสเสยี่ งต่อการเปน็ โรคอ้วน รอ้ ยละ 73.12 23.11 3.77 - - 10.แมว้ ่านกั เรยี นจะเรง่ รบี ขนาดไหน นักเรียนกม็ ่ันใจวา่ จานวนคน 92 84 16 - - จะไม่ซื้อขนมกรุบกรอบมากนิ โดยเดด็ ขาด ถ้าหากยังไม่ได้ รอ้ ยละ 49.46 84.16 8.60 - - อ่านฉลากหวาน มัน เคม็ (ฉลาก GDA) 11 11.นักเรยี นเปรียบเทยี บข้อมูลโภชนาการบนฉลากอาหาร จานวนคน 142 40 4 - 5.92 ก่อนตัดสินใจเลือกซอ้ื อาหาร ร้อยละ 76.34 21.50 2.16 - 12.นกั เรียนอา่ นฉลากหวาน มนั เค็ม (ฉลาก GDA) ของ จานวนคน 137 47 2 - ขนมกรุบกรอบกอ่ นเลือกซอื้ และเลอื กกนิ ร้อยละ 73.65 25.27 1.08 - 13.นักเรียนแบ่งจานวนคร้ังในการกนิ อาหารตามขอ้ มลู บน จานวนคน 45 70 30 30 ฉลากหวาน มัน เคม็ (ฉลาก GDA) ร้อยละ 24.19 37.63 16.13 16.13 19

ตอนที่ 2. ตอบแบบสอบถามพฤติกรรมการอา่ นฉลากและการบริโภคอาหาร(หลังรับความรู้) ระดับพฤติกรรม รายการ ความถ่ี มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ที่สุด กลาง ที่สดุ 55 14.การอ่านฉลากอาหาร ทาใหต้ อ้ งเสียเวลาในการเลือก จานวนคน - 12 70 49 29.57 ซ้ืออาหาร รอ้ ยละ - 6.45 37.63 26.35 68 15.การอา่ นฉลากโภชนาการกอ่ นซ้ืออาหารทาให้ถูกมอง จานวนคน 4 20 40 54 36.56 ว่าเปน็ คนเร่ืองมาก รอ้ ยละ 2.15 10.75 21.50 29.04 47 16.การเลิกดม่ื น้าอัดลมเปน็ เรื่องยาก เพราะดื่มแล้วรสู้ ึก จานวนคน 6 20 61 52 25.28 สดช่ืน รอ้ ยละ 3.23 10.75 32.79 27.95 - 17.การกนิ ขนมกรบุ กรอบเป็นประจา อาจทาใหไ้ ดร้ บั จานวนคน 161 25 - - - โซเดยี มเกนิ ความต้องการของรา่ งกาย อาจทาให้ ร้อยละ 86.56 13.44 - - - เป็นโรคไตและเกิดภาวะไตวายได้ - 18.การกนิ ขนมกรบุ กรอบโดยไมอ่ ่านฉลากหวาน มนั จานวนคน 158 28 - - - เคม็ (ฉลาก GDA) มีโอกาสเสี่ยงตอ่ การได้รบั น้าตาล ร้อยละ 84.95 15.05 - - - เกินปรมิ าณที่ร่างกายควรได้รับในแตล่ ะวัน - 19.การไมใ่ ชป้ ระโยชนจ์ ากข้อมูลโภชนาการบนฉลาก จานวนคน 141 39 6 - - อาหาร ทาให้มีโอกาสเสีย่ งจากการได้รบั สารอาหาร ร้อยละ 75.81 20.96 3.23 - เกินความต้องการของร่างกาย 20.อาหารที่มฉี ลากสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลอื ก จานวนคน 130 50 6 - สขุ ภาพ”(Healthier Choice) ทาให้ได้รบั อาหารท่ีมี ปรมิ าณสารอาหาร เช่น น้าตาล ไขมัน และเกลือ โซเดยี ม รอ้ ยละ 69.89 26.88 3.23 - ไม่เกนิ ปริมาณท่ีกาหนด กลมุ่ ตวั อยา่ งจานวน 186 คน หลังได้รับการเรียนรู้การอา่ นฉลากโภชการพบวา่ อา่ นฉลากก่อนซ้อื ทุกครัง้ อย่ใู นเกณฑ์ มากทส่ี ดุ คือ ร้อยละ 94.09 หลกี เลยี่ งการกินอาหารที่ไม่มีฉลากได้แมอ้ าหารมีรสชาติ อร่อยอยู่ในเกณฑ์มากทสี่ ดุ คือรอ้ ยละ 77.95 กนิ อาหารม้ือหลักตามเวลาไม่ไม่กนิ ขนมกรุบกรอบอยู่ในเกณฑ์ ปานกลางคือรอ้ ยละ 43.01 ไมร่ ับประทานขนมกรุบกรอบท่ีซองหรือภาชนะบรรจุมีรอยฉกี ขาด ร้อยละ 100 สามารถคานวณปริมาณสารอาหารของขนมกรุบกรอบจากขอ้ มลู บนฉลากโภชนาการ อยใู่ นเกณฑม์ ากทส่ี ุด คือ รอ้ ยละ 60.22 เม่ือเห็นอาการของผปู้ ว่ ยทเี่ กดิ จากการกกนิ มากเกินความจาเปน็ ของรา่ งกาย ทาให้เห็น ความสาคญั ของการอ่านฉลากก่อนเลือกซอ้ื อยใู่ นเกณฑม์ ากทส่ี ุด คือ ร้อยละ 80.65 การหลีกเล่ยี งการกิน อาหารพวกปิ้งย่างเปน็ เร่ืองลาบาก อยู่ในเกณฑป์ านกลาง คือ รอ้ ยละ 34.95 ไมก่ ินอาหารป้งิ ยา่ งท่ีไหมเ้ กรียม เพราะมสี ารก่อมะเร็ง อยใู่ นเกณฑม์ ากทสี่ ดุ คือร้อยละ 88.71 การดม่ื น้าอัดลม ชาเขยี ว น้าผลไมบ้ รรจุกลอ่ ง มโี อกาสต่อการเป็นโรคอว้ นอย่ใู นเกณฑม์ ากทีส่ ดุ คือ ร้อยละ 73.12 แม้เร่งรบี ขนาดไหน นกั เรยี นก็มน่ั ใจจะ ไม่ซื้อขนมกรบุ กรอบมากนิ โดยเด็ดขาดถ้ายังไมอ่ ่านฉลาก GDA อยู่ในเกณฑ์มากทส่ี ุด คือ รอ้ ยละ 49.46 20

เปรยี บเทียบข้อมลู โภชนาการบนฉลากอาหารก่อนตดั สินใจเลอื กซ้ืออยู่ในเกณฑ์มากทส่ี ุด คอื ร้อยละ 76.34 อ่านฉลาก GDA ของขนมกรบุ กรอบกอ่ นเลือกซ้ือและเลอื กกินอยู่ในเกณฑ์มากทส่ี ดุ คือร้อยละ 73.65 แบง่ จานวนครั้งในการกนิ อาหารตามข้อมลู บนฉลาก GDA อยูใ่ นเกณฑ์มากคอื ร้อยละ 37.63 คิดวา่ การอา่ น ฉลากอาหารทาให้ต้องเสียเวลาในการเลอื กซ้ืออาหารอยใู่ นเกณฑป์ านกลาง คือร้อยละ 37.63 การอ่านฉลาก โภชนาการก่อนซื้ออาหารทาใหถ้ กู มองว่าเปน็ คนเรื่องมาก อย่ใู นเกณฑ์น้อยทส่ี ุด คือร้อยละ 36.56 การเลิก ดม่ื น้าอดั ลมเปน็ ของยาก อยใู่ นเกณฑ์ปานกลางคือร้อยละ 32.79 การกนิ ขนมกรบุ กรอบเป็นประจาอาจทาให้ ไดรบั โซเดียมเกินความต้องการของร่างกายอาจทาให้เป็นโรคไตและเกิดภาวะไตวายได้อยู่ในเกณฑ์มากท่สี ุดคือ รอ้ ยละ 86.56 การกินขนมกรบุ กรอบโดยไม่อ่านฉลาก GDA มีโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับน้าตาลเกินปริมาณที่ รา่ งกายควรไดร้ บั ในแต่ละวนั อยู่ในเกณฑ์มากทสี่ ดุ คือร้อยละ 84.95 การไม่ใชป้ ระโยชน์จากข้อมูลโภชนาการ บนฉลากอาหารทาให้มีโอกาสเสี่ยงจากการไดร้ บั สารอาหารเกนิ ความต้องการของร่างกายอยใู่ นเกณฑ์มากที่สุด คอื ร้อยละ 75.81 ทราบวา่ อาหารที่มีฉลากสัญลกั ษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) ทา ใหไ้ ด้รับอาหารทม่ี ีปริมาณสารอาหารเช่น น้าตาล ไขมัน และ เกลือ โซเดียมไมเ่ กินปริมาณท่ีกาหนด อย่ใู น เกณฑ์มากท่ีสุดคือร้อยละ 69.89 สรปุ ผลการศึกษา พบวา่ นักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่1 และนักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีท2ี่ ในอายุระหว่าง 13-15 มีพัฒนาการ การอ่านฉลากโภชนาการมากข้ึน และใส่ใจในการอ่านฉลากและปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรมการอ่านฉลาก โภชนาการมากขึน้ โดยนักเรียนกลุม่ เป้าหมายของเราใส่ใจการการดแู คลอรีใ่ นการรบั ประทานอาหารในแตล่ ่ะ วนั โดยถกู ตอ้ งและในประมาณทีพ่ อเหมาะ โดยไม่เกิน 2,000 แคลอร่ตี ่อวัน และไมน่ ้อยกว่า 1,700 แคลอรต่ี อ่ วนั และอกี ท้งั กลมุ่ เปา้ หมายของเรายังเลง็ เหน็ การดแู ลสุขภาพและออกกาลงั กายมากข้นึ เอกสารอา้ งอิง สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (256 ). การพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักเรียนใน โรงเรยี น อย.นอ้ ย. สบื คน้ เมื่อวนั ที่ 5 กรกฎาคม 2560. จากเวบ็ ไซต์ : http://www.oryornoi.com สานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (2560) อย. เดินหนา้ สร้างทางเลือกสุขภาพแก่ชุมชน เน้น ประโยชน์จากฉลาก ช่วยลดโรค NCDs. สบื คน้ เม่อื วันที่ 5 กรกฎาคม 2560. จากเวบ็ ไซต์ http://www.btripnews.net/?p=4669 21

ภาคผนวก 22

ประชมุ ปรกึ ษาหาหวั ข้อในการทาโครงงาน ทา power point เตรยี มนาเสนอเค้าโครง โครงงาน 23

วนั นาเสนอเค้าโครง โครงงานเพาะพันธุ์ปญั ญาในหัวข้อตรีมสขุ ภาพ แจกแบบสอบถามครั้งท่ี 1 ให้นักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 และ2 หากล่มุ เป้าหมายที่มีรูปร่างผอมเกินเกณฑแ์ ละอ้วนเกินเกณฑเ์ พ่ือศึกษาพฤติกรรมการบริโภคอาหาร 24

ให้น้องๆกลุ่มเป้าหมายทาแบบสอบถามข้อมลู เกยี่ วกบั นักเรยี น เตรียมแผน่ ชาต์ท เพ่ือนาเสนอความคบื หน้าของโครงงาน นาเสนอความคบื หนา้ ของโครงงาน 25

แจกแบบสอบถามครง้ั ที่ 2ให้นักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 และ 2 ทารูปเลม่ โครงงาน และโปรดักส์ 26

รายชอ่ื กลุ่มเปา้ หมายจานวน 7 คน 27

ภาคผนวก (ข) แบบสอบถาม 28

แบบสอบถามที่ 1 (หลงั ) คาช้แี จง้ โปรดทาเคร่ืองหมาย ลงในหน้าข้อความเก่ียวกับผู้ตอบแบบสอบถาม ที่ตรงกับความเปน็ จรงิ 1. ชน้ั มธั ยมศึกษา 1.1 ม.1 1.2 ม.2 2. เพศ 2.1 ชาย 2.2 หญิง 3. ปจั จุบนั นกั เรยี นอายุ..................ปี 4. นักเรียนมนี า้ หนัก.......................กิโลกรัม สว่ นสูง.......................................เซนติเมตร ระดับพฤติกรรม รายการ มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ที่สดุ กลาง ทส่ี ดุ 1.นกั เรยี นม่ันใจว่า นกั เรยี นจะอ่านฉลากอาหารก่อนซื้อ ทุกคร้งั 2.นกั เรียนม่ันในวา่ นักเรยี นจะหลกี เล่ยี งการกนิ อาหารท่ี ไมม่ ี ฉลากได้ แมว้ า่ อาหารนั้นจะมรี สชาตอิ ร่อย 3.นกั เรยี นกินอาหารม้ือหลักตามเวลา และไม่กนิ ขนมกรุบ กรอบ จุบจิบ 4.นักเรยี นไมร่ ับประทานขนมกรบุ กรอบทซ่ี องหรอื ภาชนะ บรรจุ มีรอยฉีกขาด 5.นกั เรียนเช่อื มน่ั วา่ นกั เรียนสามารถคานวณปริมาณ สารอาหารของขนมกรุบกรอบจากข้อมูลบนฉลาก โภชนาการ เพ่ือใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อรา่ งกาย 6.เม่อื เหน็ อาการของผปู้ ่วยทเ่ี กดิ จากการกนิ มากเกนิ ความ จาเปน็ ของร่างกาย ทาให้นกั เรียนเหน็ ความสาคัญของการ อา่ นฉลากกอ่ นเลือกซอื้ 7.การหลีกเลี่ยงการกินอาหารพวกปงิ้ ย่าง เช่น ไกย่ า่ ง ลกู ชิ้นปิง้ หมปู ้งิ เป็นเร่อื งลาบาก เพราะหาซ้ืองา่ ย รสชาติ อร่อย 8.อาหารปงิ้ ย่างที่ไหมเ้ กรียม เช่น ไกย่ ่าง ลูกช้นิ ป้งิ หมูปง้ิ ไมค่ วรกนิ เพราะมีสารก่อมะเร็ง 9.การด่ืมน้าอัดลม นา้ ชาเชียว นา้ ผลไม้บรรจุกล่อง เป็น ประจา ทาให้มโี อกาสเส่ยี งต่อการเป็นโรคอ้วน 10.แม้วา่ นกั เรยี นจะเร่งรบี ขนาดไหน นักเรยี นกม็ ่ันใจวา่ จะไม่ซอื้ ขนมกรบุ กรอบมากนิ โดยเดด็ ขาด ถ้าหากยังไมไ่ ด้ อา่ นฉลากหวาน มนั เคม็ (ฉลาก GDA) 29

ระดบั พฤตกิ รรม รายการ มาก มาก ปาน น้อย น้อย ทส่ี ุด กลาง ท่ีสุด 11.นกั เรยี นเปรยี บเทยี บข้อมูลโภชนาการบนฉลากอาหาร ก่อนตดั สนิ ใจเลือกซ้อื อาหาร 12.นักเรยี นอ่านฉลากหวาน มัน เคม็ (ฉลาก GDA) ของ ขนมกรุบกรอบก่อนเลือกซ้อื และเลือกกนิ 13.นกั เรียนแบ่งจานวนครง้ั ในการกนิ อาหารตามขอ้ มูลบน ฉลากหวาน มัน เค็ม (ฉลาก GDA) 14.การอ่านฉลากอาหาร ทาให้ตอ้ งเสียเวลาในการเลือก ซื้ออาหาร 15.การอ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้ออาหารทาให้ถกู มอง ว่าเป็นคนเร่อื งมาก 16.การเลิกดมื่ น้าอัดลมเป็นเร่ืองยาก เพราะด่มื แลว้ ร้สู กึ สดช่ืน 17.การกินขนมกรบุ กรอบเปน็ ประจา อาจทาใหไ้ ด้รบั โซเดียมเกนิ ความตอ้ งการของรา่ งกาย อาจทาให้ เป็นโรคไตและเกิดภาวะไตวายได้ 18.การกินขนมกรบุ กรอบโดยไมอ่ ่านฉลากหวาน มัน เคม็ (ฉลาก GDA) มโี อกาสเสี่ยงตอ่ การไดร้ บั น้าตาล เกนิ ปรมิ าณท่รี ่างกายควรได้รับในแต่ละวนั 19.การไม่ใช้ประโยชน์จากข้อมลู โภชนาการบนฉลาก อาหาร ทาให้มโี อกาสเสี่ยงจากการไดร้ ับสารอาหาร เกนิ ความต้องการของรา่ งกาย 20.อาหารที่มฉี ลากสญั ลักษณ์โภชนาการ “ทางเลอื ก สขุ ภาพ”(Healthier Choice) ทาใหไ้ ด้รบั อาหารท่มี ี ปรมิ าณสารอาหาร เช่น น้าตาล ไขมัน และเกลอื โซเดยี ม ไม่เกินปริมาณทก่ี าหนด แสดงความคิดเห็น.............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 30

แบบสอบถามขอ้ มลู เก่ียวกบั นักเรยี น คาชี้แจง : โปรดทาเครือ่ งหมายถูกตอ้ งลงใน หน้าข้อความเกย่ี วกับผตู้ อบแบบสอบถามทตี่ รงกบั ความ เป็นจรงิ 1. ช้นั มธั ยมศึกษา 1.1 ม.1 1.2 ม.2 2. เพศ 2.1 ชาย 2.2 หญิง 3. ปจั จุบนั นักเรยี นอาย.ุ .................ปี 4. นกั เรียนมนี ้าหนกั .......................กิโลกรัม ส่วนสูง.......................................เซนติเมตร 5. ในชว่ ง 1 สัปดาหท์ ผ่ี ่านมานักเรยี นกนิ ขนมขบเคี้ยว ดมื่ นา้ อดั ลม หรือดืม่ เครือ่ งดม่ื ที่มีนา้ ตาลเป็นสว่ นผสมหรอื ไม่ ไม่กิน / ไมด่ ่ืม(ขา้ มไปตอบขอ้ 7) กนิ / ดม่ื (ตอบขอ้ ต่อไป สามารถตอบได้มากกว่า 1 ขอ้ ) 6. ลกั ษณะการใชช้ ีวติ ของนักเรยี นในแตล่ ะวัน (นอกจากเรียนหนังสือหรอื เรยี นพลศึกษาในช่ัวโมงเรียน) 6.1 เล่นกีฬา/ออกกาลังกาย ปฏิบตั ิ อาทิตยล์ ะ ........... ชว่ั โมง (โดยประมาณ) ไมป่ ฏิบตั ิ 6.2 โดยเฉลย่ี นักเรียนกินขนมกรบุ กรอบหรือดมื่ เครื่องดม่ื ทมี่ นี า้ ตาลเปน็ สว่ นผสมวนั ละเทา่ ใด ขนมขบเคยี้ ว ประเภท (โปรดระบุ เช่น มนั ฝรงั่ ทอด เวเฟอร์ สาหรา่ ยอบกรอบ ฯลฯ) ยี่ห้อ ................................................ ราคา ............บาท จานวนครัง้ ทีก่ ินต่อวัน ...............ครง้ั ปริมาณการกนิ ต่อครั้ง ................ซอง ประเภท (โปรดระบุ เชน่ มนั ฝรงั่ ทอด เวเฟอร์ สาหรา่ ยอบกรอบ ฯลฯ) ย่หี อ้ จานวนครั้งท่กี นิ ต่อวนั ...............ครั้ง ปรมิ าณการกินต่อคร้งั ................ซอง นา้ อัดลม ย่ีห้อ .........................................ราคา..........บาท จานวนครัง้ ทก่ี ินต่อวัน...........ครง้ั ปรมิ าณการกนิ ต่อครั้ง ...........ขวด/กล่องกระป๋อง .........................................ราคา..........บาท จานวนครง้ั ที่กนิ ต่อวนั ..........ครงั้ ปริมาณการกนิ ต่อครงั้ ...........ขวด/กลอ่ ง/กระปอ๋ ง เครอ่ื งด่มื อน่ื ๆ ประเภท (โปรดระบุ เช่น ชาเขียว นา้ ผลไม้) ย่ีห้อ ............................................ ราคา..........บาท จานวนครง้ั ทก่ี ินตอ่ วนั ............คร้ัง ปริมาณการกนิ ต่อครัง้ ..........ขวด/กลอ่ ง/กระปอ๋ ง ประเภท (โปรดระบุ เช่น ชาเขยี ว น้าผลไม)้ ยี่หอ้ ............................................ราคา..........บาท จานวนครัง้ ทีก่ นิ ตอ่ วนั ............ครงั้ ปริมาณการกินต่อคร้งั ..........ขวด/กลอ่ ง/กระป๋อง 31

ภาคผนวก (ค) ภาพการลงพื้นทีใ่ ห้ความรู้ 32

ภาพถ่ายการลงพนื้ ท่ีใหค้ วามรู้ 33

34

35

36

37

โครงงานเพาะพนั ธ์ปุ ัญญา เรื่อง เจลลา้ งมอื อาจารยท์ ปี่ รึกษาโครงการ นางสาว กสุ ุมา ไชยช่วย คณะผู้วิจัย (นักเรียน) 1.นางสาว วิภาดา ทองทา 2.นางสาว รัชญากร นางาม 3. นาย สิทธกิ ร แลพล 4.นาย พรี พล แขง็ ขนั สนบั สนุนโดยสานกั งานทองทนุ สนับสนุนการวิจยั (สกว) และ บมจ. ธนาคารกสกิ รไทย ชดุ โครงการ “เพาะพนั ธ์ุปัญญา” (พฒั นายวุ วิจัย) 38

กติ ติกรรมประกาศ ในการจดั ทาโครงงานRBL เรอื่ ง เจลลา้ งมือภายในโรงเรยี นสมเดจ็ พระญาณสงั วร ในพระสังฆราชปู ถมั ภ์ ในคร้งั นีส้ าเรจ็ ลลุ ว่ งได้ต้อง ขอกราบขอบพระคุณ นายชาติชาย สงิ ห์พรหมสารผู้อานวยการโรงเรียน สมเดจ็ พระญาณสังวร ในพระสงั ฆราชปู ถัมภ์ นายเชดิ ชยั สงิ หค์ ิบตุ ร รองผู้อานวยการโรงเรยี นสมเดจ็ พระ ญาณสงั วร ในพระสงั ฆราชปู ถัมภ์ทใ่ี ห้คาชแ้ี นะอานวยความสะดวกในการทาโครงงานคร้ังนี้ กราบขอบพระคุณ คณุ ครูกุสุมา ไชยชว่ ย ทใี่ ห้คาปรึกษา ดูแลแนะนา และแก้ไขข้อบกพร่องในการทา โครงงานทกุ ด้าน กราบขอบพระคุณ คณะครู บุคลากรทางการศกึ ษา ทใ่ี ห้คาปรกึ ษาเกย่ี วกบั การทาโครงงานใน ครัง้ น้ี และเพ่ือนนักเรยี นที่คอยใหก้ าลงั ใจ และให้ความชว่ ยเหลอื ในเรื่องตา่ งๆ จนกระทงั่ โครงงาน เรอื่ งเจ ลลา้ งมือภายในโรงเรยี นสมเด็จพระญาณสงั วร ในพระสังฆราชูปถมั ภ์ สาเร็จลลุ ่วงไปดว้ ยดี 39

บทนา ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน ปจั จบุ ันในสังคมมีการใชเ้ จลลา้ งมอื อยา่ งแพร่หลาย เพ่ือการรักษาความสะอาดของมือของเรา เพราะ ปัจจบุ นั หลายคนใชเ้ จลลา้ งมอื แบบไม่ใชน้ า้ กันมาก ให้ทุกคนชว่ ยรกั ษาความสะอาดของมือเรา เพราะมือของ เราได้จบั หลายสงิ่ ตา่ งๆมา ทาให้ในมอื ของเรามเี ชอ้ื โรคตดิ อยู่ ทางเราจึงได้คดิ สิ่งประดษิ ฐ์น้ีข้ึนมาเพื่อจะทาให้ มือเราสะอาด ถา้ มือของเราไม่สะอาด แลว้ ไปสัมผัสกับร่างกายของเรา เชน่ ปาก ตา หรือจมูก ก็จะทาใหเ้ ชื้อ โรคติดเขา้ ไปขา้ งในร่างกายเราได้ อาจจะทาใหเ้ ราเป็นโรคมือเท้าปากได้ ดังนัน้ ทางเราจึงคิดทจ่ี ะทาสิ่งประดษิ ฐ์ นข้ี ึน้ มา เพื่อใช้ในการลา้ งมือทีส่ ะดวกและสะอาด เจลลา้ งมือทั่วไปมีปรมิ าณสารเคมีทมี่ ากเกินไป กลมุ่ ของ พวกเราจึงคิดทาเจลล้างมือที่มปี รมิ าณสารเคมที ีน่ ้อยกวา่ และมกี ลิน่ หอมกว่า ดังน้ันกลมุ่ ของขา้ พเจา้ จึงมีความสนใจท่ีจะศึกษาและผลิตเจลล้างมือขึน้ มาใช้ประโยชน์ ทาให้ถกู สขุ ลักษณะท่ีดี ทาใหม้ ีสุขภาพท่ดี ี วตั ถุประสงค์ เพือ่ เพมิ่ เจลลา้ งมือและบรรจุภณั ฑ์ให้มากข้นึ เพ่ือเป็นทางเลือกให้กับผบู้ ริโภค ตัวแปรและสมมุติฐานของโครงงาน โครงงานน้มี ตี ัวแปรตอ่ ไปน้ี และแสดงผงั เหตุ-ผลในรูปที่1 ทำแบบสอบถำมควำมต้องกำร(หลกั กำรตลำด 7 Ps) บัวเช่ือม/บัวกรอบ ลงมอื ปฏบิ ตั ิ รายไดจ้ ากเจลล้างมอื ศึกษำสูตร แอลกอฮอล์ นำ้ เปล่ำ ศึกษำกำรทำเจลล้ำงมอื ว่ำนหำงจระเข้ ศึกษำสรรพคุณ วตั ถุดิบ วธิ ีกำรทำงำน อปุ กรณ์ หลกั กำรตลำด7 Psตลำด 40 Product คพั เค้กทม่ี คี ุณภำพ ช้อนตวง Price รำคำทเี่ หมำะสม ถ้วยตวง ช้อนคนสำร Place กล่มุ ผู้บริโภค แอลกอฮอล์ Promotion มกี ำรส่งเสริมกำรขำย People ควำมน่ำเชื่อถอื ความสามารถ ถำดคพั เค้ก Physical Evidence แพค็ เกจ็ รูปร่ำง สี ขวดเจล พำยพลำสติก รูปท่ี 1 ผPังrกoรcะeบsวsนกกราะรบกาวรนทกางำารนจดั ขกอำงรโคดร้ำงนงาบนรวิกจิ ำัยรนี้

ตัวแปรตน้ เจลลา้ งมือ ตวั แปรตาม รายได้ เจลลา้ งมือ เป็นผลิตภณั ฑ์ที่คนกาลงั นิยมใช้เพื่อรกั ษาความสะอาดของมือเพื่อป้องกันสิงสกปรกจาก ภายนอก ซ่ึงมรี าคาถูกและมัจาห่ายทัว่ ไป ผ้ศู กึ ษาจึงมสี มมุตฐิ านการวจิ ยั วา่ การส่งเสิมใหเ้ จลล้างมอื สามารถใช้ไดโ้ ดยใช้ทาให้มสี ารเคมีท่ีน้อยลง และมีสว่ นของธรรมชาตมิ ากขึ้น มีราคาทีป่ ระหยดั และส่งผลดตี ่อสขุ ภาพ สามารถสรา้ งแรงจงู ใจผซู้ ้อื จน สามารถสรา้ งรายได้ให้กับผปู้ ระกอบการได้ ดงั แสดงในผังเหตุ-ผล แนวคดิ และทฤษฏีทก่ี ั่ยวข้อง ในชวี ติ ประจาวันของเรามักจะพบเจอกบั สิ่งสกปรกไมว่ ่าจะเป็นในอากาศสงิ่ ของที่เราจับและคนใน ปัจจบุ ันหนั มาใสใ่ จสุขภาพมากข้ึนร้จู กั การรกั ษาความสะอาดของมอื มากขน้ึ เพราะในชีวิตประจาวนั เราต้องใช้ มอื ในการจับสง่ิ ของมากมายซ่ึงทาใหม้ ีสงิ่ สกปรกติดมากับมือเราในการลา้ งมือกท็ าใหเ้ ชอ่ื ถอื วา่ มือของเรา สะอาดระดับหนึ่งทาแตย่ งั ไม่มากพอจึงมีการผลิตเจลล้างมือข้ึนมาเพื่อใช้ในการลา้ งมือทาใหม้ ่ันใจในการทางาน หรอื รับประทานอาหารมากข้ึน อปุ กรณ์และวธิ ีการทดลอง 1. หมอ้ สแตนเลส 2. ผา้ ขาวบาง 3. ช้อนคน 4. เคร่อื งป่นั 5. ว่านหางจระเข้ 6. มะกรูด 7. มดี 8. เขียง 9. แอลกอฮอล์ 70% 10. สารกนั เสีย 11. สารสร้างเจล 12. หลอดบบี สาหรับใส่เจล วธิ ีทา สูตรวา่ นหางจระเข้ (สตู รที่1) 1. ปลอกเปลอื กว่านหางจระเข้ 2. หน่ั เปน็ ส่เี หลยี่ มใส่ไวใ้ นภาชนะ 3. นาไปล้างนา้ เปล่า 4. นาไปปน่ั ให้ระเอียด 5. นาว่านหางจระเข้ท่ไี ด้ไปเทใส่ผ้าขาวบางท่ีมีภาชนะรองไว้ 41

6. คน่ั ออกจนเหลือน้า 7. ผสมแอลกอฮอล์ลงไปในอตั รา 2:1 8. ใส่สารกันเสยี 9. ใส่สารสร้างเจล 10. คนสว่ นผสมให้เขา้ กัน 11. เทใส่หลอดบีบทเี่ ตรยี มไว้ สูตรมะกรดู (สูตรท่ี2) 1. นามะกรดู มาผ่าครึ่ง 2. นามะกรดู ไปปั่นกับน้าเปลา่ ให้ระเอียด 3. นามะกรูดที่ได้ไปเทใสผ่ า้ ขาวบางทเ่ี ตรียมไว้ 4. คั่นออกจนเหลือแต่น้า 5. นาสารสร้างเจลมาเทใสภ่ าชนะ 6. นาสารสร้างเจลและนา้ มะกรูดผสมใหเ้ ข้ากนั 7. ผสมแอลกอฮอลอ์ ตั รา2:1 8. ใส่สารกันเสีย 9. คนส่วนผสมให้เขา้ กัน 10. เทใส่หลอดบีบท่ีเตรียมไว 11. สูตรมะกรดู และว่านหางจระเข้(สตู รท3่ี ) 12. ปลอกเปลือกวา่ นหางจระเข้ 13. หัน่ เปน็ สเี่ หลยี่ มใสไ่ วใ้ นภาชนะ 14. นาไปลา้ งนา้ เปล่า 15. นาไปปั่นให้ระเอียด 16. นามะกรูดมาผา่ คร่ึง 17. นามะกรูดและน้าเปล่าเทใสเ่ ครอ่ื งปน่ั 18. นาว่านหางจระเข้ทีไ่ ด้ไปเทใส่ผา้ ขาวบางทีม่ ีภาชนะรองไว้ 19. นามะกรดู ทีไ่ ดไ้ ปเทใสผ่ ้าขาวบางทเ่ี ตรยี มไว้ 20. ค่นั ออกจนเหลือแตน่ า้ 21. นาวุ้นว่านหางจระเข้และน้ามะกรูดคนให้เขา้ กัน 22. ผสมแอลกอฮอลล์ งไปในอัตรา 2:1 23. ใส่สารกนั เสยี 24. ใส่สารสร้างเจล 25. คนสว่ นผสมใหเ้ ขา้ กนั 26. เทใสห่ ลอดบีบทเ่ี ตรียมไว้ 42

ผลการวจิ ัย การทาแบบสอบถามครัง้ ท่ี1 คือ การสารวจพฤตกิ รรมความตอ้ งการของผู้บริโภคเจลล้างมอื ทาเพื่อ ต้องการทราบข้อมูลพ้นื ฐานท่ัวไปของผบู้ ริโภคข้อมลู พฤติกรรมการใชเ้ จลลา้ งมือและขอ้ มูลเก่ียวกับการพัฒนา ผลติ ภัณฑท์ ีผ่ ู้บรโิ ภคต้องการโดยกลุม่ ของพวกเราไดท้ าแบบสอบถามการสารวจพฤติกรรมความต้องการของ ผู้บริโภคต่อเจลล้างมือ สรุปผลไดด้ งั ตาราง ตอนท่ี1 ขอั มลู ทั่วไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม ตัวเลอื ก คา่ ความถี่ ข้อที่ หัวข้อ 1 เพศ ชาย 50 2 อายุ หญิง 50 10-18ปี 30 3 อาชพี 19-27ปี 25 28-35ปี 15 4 รายไดเ้ ฉลยี่ ต่อเดือน 36-41ปี 10 42-50ปี 15 50ปีขน้ึ ไป 5 นิสติ /นักศกึ ษา 30 ขา้ ราชการ/รัฐวสิ าหกิจ 20 รบั จ้าง 35 เกษตรกร 15 น้อยกว่า 3,000 บาท 40 3,000-7,000 บาท 20 7,000-12,000 บาท 25 12,000-15,000 15 43

ผลการวจิ ัย ตอนท่ี1 ขอ้ มลู ท่วั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม พบวา่ เปน็ เพศหญิง50คนและเพศชายจานวน50คนมีช่วงอายทุ ี่10-18ปเี ปน็ จานวนมากและมีช่วงอายุ50 ปขี น้ึ ไปเปน็ จานวนน้อย ซง่ึ มีอาชพี เปน็ นักเรยี นสว่ นใหญแ่ ละมีอาชีพเป็นเกษตกรสว่ นน้อยและสว่ นมากมี รายไดเ้ ฉลย่ี ต่อเดอื นน้อยกว่า3000บาท สว่ นนอ้ ยมีรายได้เฉลีย่ 12,000-15,000บาท ตอนที่ 2 ข้อมูลเกยี่ วกับพฤติกรรมการใช้เจลล้างมือ ขอ้ ท่ี หัวขอ้ ตวั เลือก คา่ ความถ่ี 75 5 ปกติทา่ นนยิ มใชเ้ จลล้างมือหรือไม่ ใช้ 25 65 ไมใ่ ช้ 20 6 ทา่ นใช้เจลลา้ งมอื บ่อยเพียงใดใน1 ทกุ วัน 15 65 สัปดาห์ 20 15 2-3คร้งั 25 4-5ครั้ง 55 15 7 เหตุผลที่ท่านใชเ้ จลลา้ งมอื เพื่อความสะอาด 5 25 มจี าหนา่ ยทัว่ ไป 15 60 อื่นๆ 45 8 รูปแบบของผลิตภัณฑเ์ จลลา้ งมอื ท่ีทา่ น แบบขวดแกว้ 25 15 นิยมใช้ (ตอบได้มากกว่า1ข้อ) 10 5 หลอดบีบ 60 ขวดพลาสติก 20 15 อนื่ ๆ 5 9 ท่านนิยมใชเ้ จลล้างมือสูตรใด มะกรูด ว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเขแ้ ละมะกรดู 10 ท่านตอ้ งการซื้อผลิตภัณฑเ์ จลล้างมอื สว่ นผสม คุณสมบัติใดบา้ งที่ท่านใช้พิจารณาใน การตัดสินใจซื้อ ราคา บรรจุภัณฑ์ คณุ ภาพ กลิน่ 11 ทา่ นคิดวา่ ปัจจยั ใดท่ีมอี ิทธพิ ลต่อการ ตัวท่านเอง เลือกซื้อผลิตภณั ฑ์เจลลา้ งมือของท่าน เพ่อื น ครอบครวั อ่นื ๆ 44

ตอนท่ี 2 ข้อมลู เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เจลลา้ งมือ พบวา่ โดยปกตชิ อบใช้เจลล้างมอื เป็นจานวน75คนและไมช่ อบใช้เจลล้างมือ25คนและในการใช้เจลล้าง มอื ใน1สปั ดาหส์ ว่ นมากชอบใชท้ ุกวนั สว่ นนอ้ ยชอบใช้4-5วนั ต่อสปั ดาห์ เหตผุ ลท่ีชอบใช้เจลล้างมอื สว่ นมากเพ่ือ ความสะอาด ส่วนน้อยท่ชี อบใชเ้ จลลา้ งมอื สว่ นนอ้ ยเพราะเหตุผลอ่ืนๆและรูปแบบผลติ ภัณฑ์เจลลา้ งมือ ส่วนมากท่นี ิยมใช้เปน็ แบบบรรจภุ ณั ฑ์หลอดบบี สว่ นนอ้ ยรูปแบบผลิตภัณฑ์เจลล้างมือนิยมใชเป็นแบบบรรจุ ภณั ฑอ์ ่ืนๆ คณุ สมบตั ิที่พจิ ารณาในการตัดสินใจซ้อื สว่ นมากเปน็ ส่วนผสม ส่วนนอ้ ยเปน็ กล่นิ ซง่ึ ปัจจยั ทมี่ ี อทิ ธพิ ลต่อการเลือกซ้ือเจลลา้ งมือจานวนมากเกิดจากตวั ราเอง และปัจจัยที่มีอทิ ธิพลต่อการเลือกซื้อเจลล้าง มือจานวนนอ้ ยเกิดจากอื่นๆ ตอนท่ี3 ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาผลติ ภัณฑ์ ตวั เลือก คา่ ความถ่ี ข้อที่ หวั ข้อ แบบขวดพลาสติก 15 12 รูปแบบของผลิตภณั ฑ์เจลล้างมอื ท่ีทา่ น ขวดแกว้ 5 ตอ้ งการใชม้ ากทีส่ ุด หลอดบบี 50 ขวดกด 30 13 ท่านมคี วามคิดอย่างไรต่อผลติ ภณั ฑ์ ใหมน่ ่าใช้ 40 เจลล้างมอื มคี วามปลอดภยั 45 14 หากมกี ารวางจาหน่ายผลติ ภัณฑ์เจลล้างมือ มสี ่วนผสมจากธรรมชาติ 10 ท่านสนใจใชผ้ ลติ ภัณฑ์ดงั กล่าวหรอื ไม่ อ่นื ๆ 5 สนใจ 70 ไมแ่ น่ใจ 30 30 15 จานวนเงินทีท่ า่ นคาดว่าจะใช้ในการเลือกซ้ือ 10 ผลติ ภัณฑเ์ จลลา้ งมอื ในแตล่ ะคร้งั อยู่ท่ีเท่าไหร่ 10 20 60 50 30 5 16 ทา่ นตอ้ งการใหม้ ีการวางจาหนา่ ยผลิตภัณฑ์ ร้านค้าชมุ ชน 30 เจลล้างมอื จากสถานทีใ่ ด 15 จากพ่ือน ตลาดชุมชน รา้ นอาหารและสุขภพ 45

ผลการวจิ ยั ตอนที่ 3 ข้อมลู เก่ยี วกบั การพัฒนาผลติ ภัณฑ์ พบว่าสว่ นมาก รูปแบบของผลติ ภัณฑเ์ จลลา้ งมือสว่ นมากเป็นแบบหลอดบบี แบบผลติ ภณั ฑ์สว่ นนอ้ ย เปน็ แบบขวดแก้ว และในความคิดเหน็ เกี่ยวกบั เจลลา้ งมือ ส่วนมากคดิ วา่ เป็นผลิตภณั ฑ์ใหม่ทใี่ ชเ้ พ่ือความ สะอาด ส่วนน้อยคิดวา่ เป็นผลิตภณั ฑอ์ ่ืนๆ ซึ่งหากมีการวางจาหน่ายเจลล้างมอื จานวน70คนสนใจซอ้ื และ จานวน30คนท่ีไม่แน่ใจ และจานวนเงินทจ่ี ะซ้ือย่างในแต่ละคร้งั สว่ นมากอยทู่ ี่30บาท สว่ นน้อยจานวนเงนิ ท่ีจะ ซ้อื เจลล้างมือในแต่ละคร้ัง20บาท และหากมีการวางจาหน่ายเจลลา้ งมอื สว่ นมากตอ้ งการให้มีการวางจาหนา่ ย ทรี่ ้านค้าชุมชน ส่วนนอ้ ยเปน็ การซอ้ื จากเพ่ือน แบบสอบถามครงั้ ที่2 การพฒั นาผลติ ภณั ฑเ์ จลล้างมอื ตามความตอ้ งการของผู้ใช้ การทาแบบสอบถามครัง้ ท่ี2เปน็ การสารวจความพงึ พอใจผลิตภัณฑ์หลงั จากไดใ้ ชเ้ จลลา้ งมอื เพื่อพัฒนาเจ ลล้างมอื ตามความต้องการของผู้บริโภคเพื่อนาขอ้ มูลทีไ่ ดห้ รือข้อมลู ความต้องการเกีย่ วกับการพฒั นาผลติ ภัณฑ์ ที่ผู้บริโภคต้องการนากลับมาแก้ไขและพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ให้ดีขึน้ โดยกลมุ่ ของพวกเราได้ทาการสารวจ พฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคช่วงอายุ10-18ปีเม่อื ได้ใชเ้ จลล้างมอื ทงั้ สนิ้ 50ชุด สรผุ ลไดด้ งั ตาราง ด้านล่าง 5=เหน็ ดว้ ยอยา่ งยงิ่ 4=เห็นด้วย 3=ไม่แน่ใจ 2=ไม่เหน็ ดว้ ย 1=ไม่เหน็ ด้วยอยา่ งย่ิง ข้อที่ รายการ ตัวเลอื ก ค่าความถี่ 1 ชอบใชเ้ จลลา้ งมอื แบบดัง้ เดมิ 5 25 4 11 3 10 22 11 2 ชอบใชเ้ จลลา้ งมอื สูตรว่านหางจระเข้ 55 4 20 3 15 26 14 3 ชอบใช้เจลลา้ งมอื สูตรมะกรูด 5 15 4 16 3 12 26 11 4 ชอบใชเ้ จลลา้ งมือสูตรวา่ นหางจระเข้และมะกรดู 5 30 4 15 33 21 11 46

5 ชอบเจลล้างมอื แบบบรรจุในหลอดบบี 5 30 6 เจลลา้ งมอื เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่นา่ ทดลองใช้ 4 14 7 เจลลา้ งมอื ควรจาหนา่ ยในราคา30บาท 33 8 สนใจซอื้ เจลลา้ งมือจากรา้ นค้าชมุ ชน 22 9 ความพงึ พอใจตอ่ เจลลา้ งมอื ของท่าน 11 5 25 4 20 33 22 10 5 25 4 15 35 23 12 5 20 4 15 3 10 22 13 5 26 4 10 34 26 14 สรุปผลการวิจยั จากการสารวจผูใ้ ชใ้ นช่วง10-18ปีพบว่าส่วนมากมีความสนใจเจลล้างมอื สูตรว่านหางจระเขแ้ ละมะกรูด รองลงมาเปน็ เจลลา้ งมอื สูตรมะกรดู และส่วนนอ้ ยชอบเจลล้างมอื สตู รว่านหางจระเข้ ซ่ึงผู้ใช้เหน็ ด้วยอย่างย่งิ ในเรือ่ งการใส่บรรจภุ ัณฑใ์ นหลอดบีบ สว่ นมากผใู้ ชม้ ีความพึงพอใจอย่างมากกบั ผลิตภัณฑเ์ จลล้างมือเพราะ เป็นผลิตภณั ฑ์ท่ใี หม่นา่ ใช้ถา้ หากมีการวางจาหน่ายผลติ ภัณฑ์เจลลา้ งมอื ส่วนมากสนใจทจี่ ะซื้อ 47

อภปิ รายผล ในการทาเจลล้างมือสรา้ งรายได้ นนั้ ได้มีการทาแบบสอบถาม สองครง้ั โดยคร้งั ท่ี1 คือ การสารวจ พฤติกรรมความต้องการของผู้บรโิ ภคตอ่ ผลติ ภณั ฑ์เจลล้างมือโดยมกี ลมุ่ ตัวอย่างทว่ั ไปเปน็ เพศหญิงจานวน50 คน และเพศชายจานวน50คน มชี ่วงอายุ10-18ปที ีโ่ ดยปกติชอบใชเ้ จลล้างมอื ซ่งึ เหตุผลทีช่ อบใชเ้ จลล้างมือ สว่ นมากเพ่ือความสะอาด และรูปผลติ ภณั ฑ์เจลลา้ งมือสว่ นมากทน่ี ิยมใช้เป็นบรรจุภณั ฑ์เป็นแบบหลอดบีบ รองลงมาแบบผลิตภัณฑส์ ว่ นนอ้ ยเป็นแบบขวดแกว้ ซง่ึ ในความคดิ เห็นเกี่ยวกับเจลล้างมือส่วนมากคิดว่าเปน็ ผลิตภณั ฑใ์ หมท่ ่นี ่าใชแ้ ละจานวนเงินที่จะซื้อเจลล้างมือในแตล่ ะคร้ังสว่ นมากอยู่ที่ 30 บาท และคุณสมบตั ิที่ใช้ พจิ ารณาในการตดั สินใจซ้ือส่วนมากเพื่อความสะอาด ซงึ่ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อเจลล้างมือจานวน มากเกิดจากตวั เอง และปจั จยั ทีม่ อี ิทธพิ ลตอ่ การเลือกซ้ือเจลล้างมอื จานวนนอ้ ยเกดิ จากเพ่ือน ดงั น้นั เพื่อเปน้ การสารวจความแนใ่ จกอ่ นมีการขายผลิตภัณฑเ์ จลล้างมือเพ่ือรายได้เสริม ได้มีการทาแบบสอบถามคร้งั ที่2 โดย การสารวจความพึงพอใจผลติ ภณั ฑห์ ลงั จากไดใ้ ชเ้ จลลา้ งมือ เพอื่ พฒั นาผลิตภัณฑเ์ จลลา้ งมอื ตามความต้องการ ของผใู้ ช้โดยเนน้ กล่มุ เป้าหมายผู้ใชใ้ นชว่ งอายุ10-18ปี พบวา่ มีความสนใจผลติ ภณั ฑ์เจลล้างมือสูตรวา่ นหาง จระเข้และมะกรูด รองลงมาเป็นเจลลา้ งมือสูตรมะกรดู และส่วนน้อยชอบเจลลา้ งมือสตู รว่านหางจระเข้ ซึ่ง ผ้ใู ช้เห็นด้วยอย่างยิ่งในเร่ืองการใช้บรรจุภณั ฑ์ในหลอดบบี สว่ นมากผูใ้ ชม้ คี วามพงึ พอใจอย่างมากกบั ผลิตภัณฑ์ เจลลา้ งมอื เพราะเป็นผลติ ภัณฑท์ ี่ใหมน่ ่าใช้ ถา้ หากมีการวางจาหนา่ ยผลิตภณั ฑเ์ จลลา้ งมือสว่ นมากสนใจทจ่ี ะ ซอ้ื สรุปผล ในการทาโครงการเร่ือง เจลลา้ งมือสร้างรายได้ เป็นโครงงานประเภทเศรษฐศาสตร์ ได้มีการทาเจลล้างมือ เพิ่มรายได้ และสามรถทาเป็นอาชพี เสรมิ ได้ จากน้ันพวกเราได้ออกแบบสอบถามโดยยดึ หลักการตลาด 7 Ps โดยออกแบบครง้ั ที่1 เกี่ยวกบั การสารวจพฤติกรรมความตอ้ งการของผู้ใชต้ อ่ ผลิตภณั ฑ์เจลลา้ งมือพบวา่ เปน็ เพศหญิง50คนและเพศชายจานวน50คนมชี ่วงอายุท่ี10-18ปีเปน็ จานวนมากและมีช่วงอายุ50ปีข้นึ ไปเปน็ จานวนน้อย ซง่ึ มีอาชพี เปน็ นักเรยี นสว่ นใหญแ่ ละมีอาชีพเป็นเกษตกรสว่ นน้อยและส่วนมากมีรายไดเ้ ฉล่ยี ต่อ เดอื นน้อยกวา่ 3000บาท สว่ นน้อยมีรายไดเ้ ฉลี่ย12,000-15,000บาท ซึ่งเหตผุ ลท่ีชอบใชเ้ จลลา้ งมือสว่ นมาก เพอื่ ความสะอาด และรปู แบบผลติ ภณั ฑเ์ จลลา้ งมอื ส่วนมากทีน่ ิยมใช้เป็นแบบบรรจุภัณฑ์หลอดบีบ รองลงมา เป็นแบบขวดแกว้ และในความคิดเห็นเกีย่ วกับเจลล้างมือ สว่ นมากคดิ วา่ เป็นผลิตภณั ฑ์ใหมท่ ใี่ ช้เพ่ือความ สะอาด ส่วนน้อยคดิ ว่าเป็นผลิตภณั ฑ์อน่ื ๆ ซึ่งหากมีการวางจาหนา่ ยเจลลา้ งมือจานวน70คนสนใจซือ้ และ จานวน30คนที่ไมแ่ น่ใจ และจานวนเงนิ ทีจ่ ะซื้อยา่ งในแต่ละคร้งั สว่ นมากอยู่ที่30บาท ส่วนนอ้ ยจานวนเงินทีจ่ ะ ซอ้ื เจลล้างมือในแตล่ ะครง้ั 20บาท และหากมกี ารวางจาหน่ายเจลลา้ งมอื ส่วนมากตอ้ งการให้มกี ารวางจาหน่าย ทรี่ า้ นคา้ ชุมชน ส่วนนอ้ ยเปน็ การซอื้ จากเพอื่ น ขณะในการทาเจลล้างมือกม็ ีอปุ สรรคก็คือ ผใู้ ช้มคี วามชอบที่ ต่างกัน พวกเราได้ลองทาเจลล้างมือเร่ือยๆจนสามารถแก้ไขปญั หาได้กค็ ือ ได้คดิ ทาเจลล้างมือขึน้ มา3สูตรคอื สูตรวา่ นหางจระเข้ สูตรมะกรูด สตู รว่านหางจระเขแ้ ละมะกรดู สว่ นวัตถุการทากเ็ หมือนเดมิ จากนั้นได้มีการ ออกแบบคร้ังที่2การสารวจพฤติกรรมความต้องการของผู้ใช้ เพอ่ื ต้องการทราบข้อมูลทผ่ี ู้ใชก้ ล่มุ เป้าหมายพอใจ หรือไม่อย่างไรในการเลอื กใช้ผลติ ภัณฑเ์ จลล้างมอื โดยการแจกแบบสอบถามการสารวจความพงึ พอใจ ผลิตภัณฑ์หลงั จากได้ใช้เจลลา้ งมอื เพอ่ื พัฒนาผลติ ภณั ฑต์ ามความต้องการของผู้ใชเ้ พื่อนาขอ้ มลู ที่ได้หรือข้อมูล ความต้องการเกยี่ วกับการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ที่ผู้ใชต้ ้องการ นากลับมาแก้ไขและพัฒนาผลติ ภัณฑ์ใหด้ ขี นึ้ พร้อม 48

กับการแจกผลติ ภณั ฑเ์ จลล้างมอื สตู รต่างๆเพื่อให้ผใู้ ช้ได้ทดลองก่อนเพ่ือสารวจความแน่ใจกอ่ นมีการขาย ผลิตภัณฑ์เจลล้างมอื เพอ่ื รายไดเ้ สรมิ จากผลของแบบสอบถามการสารวจพฤตกิ รรมความต้องการของผใู้ ช้ หลงั จากได้ใช้เจลล้างมือ เพ่ือพฒั นาผลิตภณั ฑ์เจลลา้ งมือตามความต้องการของผใู้ ช้โดยเน้นกล่มุ เปา้ หมาย ผ้บู รโิ ภคในชว่ งอายุ 10-18ปี พบว่ามคี วามสนใจผลติ ภัณฑ์เจลลา้ งมอื สูตรว่านหางจระเข้และมะกรดู รองลงมา เปน็ เจลลา้ งมอื สตู รมะกรดู และส่วนน้อยชอบเจลลา้ งมือสูตรวา่ นหางจระเข้ สว่ นบรรจภุ ณั ฑ์ผู้ใชเ้ หน็ ดว้ ยอยา่ งยิ่งในเร่ืองการใสบ่ รรจุภณั ฑ์ในหลอดบีบ ส่วนมากผู้ใช้มีความพงึ พอใจ อยา่ งมากกบั ผลิตภณั ฑ์เจลล้างมือเพราะเป็นผลิตภัณฑใ์ หม่ท่นี า่ ใช้ ถ้าหากมีการวางจาหนา่ ยผลิตภัณฑเ์ จลล้าง มอื สว่ นมากสนใจทจ่ี ะซื้อ และไดร้ บั ความรว่ มมือทาแบบสอบถามทั้งสองครง้ั โดยผู้ใชผ้ ลิตภัณฑไ์ ดม้ ีขอ เสนอแนะหรือข้อคิดดีๆมาให้กลุ่มพวกเราได้นามาพฒั นาผลติ ภณั ฑ์เจลล้างมอื เช่น พยามยามสู้ตอ่ ไป ยนิ ดี สนบั สนุนผลติ ภัณฑ์ เปน็ การทาเจลลา้ งมอื จากวตั ถุดบิ ธรรมชาติ มคี วามปลอดภัย ผลติ ภณั ฑน์ า่ ใช้สะอาด ซึ่ง จากข้อเสนอแนะทง้ั หมดน้ี เป็นการพดู ให้กาลังใจ รวมทั้งข้อทีค่ วรปฏบิ ัติ ตอ้ งขอขอบพระคุณทกุ ๆทา่ นที่ให้ ความรว่ มมอื ในการตอบแบบสอบถามทงั้ สองครงั้ จากการทาเจลล้างมอื มกี ารลงทุนซอื้ อุปกรณท์ งั้ หมด 500 บาท ได้มีการขายเจลล้างมือทัง้ หมด 20 หลอด ซง่ึ หลอดหน่ึงราคา30บาท ได้ทง้ั หมด 600 บาท เห็นได้วา่ ลงทนุ 500บาท ไดก้ าไร 100บาท 49

เอกสารอา้ งอิง Matinee wongpian (2557 ) เจลลา้ งมอื ว่านหางจระเข้ สบื คน้ เม่อื วนั ที่ 5 เดือนสงิ หาคม ปี2560 จาก เว็บไซต์: http://matinee10135.blogspot.com/2014/09/blog-post.html Noom Nnpt (2557) เจลล้างมือมะกรดู สืบคน้ เม่อื วันท่ี 5 เดือนสงิ หาคมปี2560จากเวบ็ ไซต์: http://pitchaporn27101.blogspot.com/2016/02/1-1.html Sawitree huabbangyanghuabbangyang (2559) เจลลา้ งมอื มะนาว สืบค้นเม่อื วันท่ี5 เดอื น สิงหาคม ปี2560 จากเว็บไซต์: https://www.youtube.com/watch?v=-XOLrhOqYEc HONG HUAT COMPANY LIMITED ( 2559 ) เจลล้างมือ สืบคน้ เมื่อวนั ที่ 5 เดือนสิงหาคม ปี 2560 จาก เวบ็ ไซต์ : https://www.youtube.com/watch?v=Ns-nfGBr_4w&t=2s Basic Cosme (2559) วธิ สี รา้ งเนือ้ เจล สืบค้นวนั ที่ 5 เดือนสิงหาคม ปี2560 จากเว็บไซต์: https://www.youtube.com/watch?v=qHvCxsZR8U4 Worldchemical Group ( 2560 ) วธิ ที าเจลว่านหางจะเข้ สบื ค้นวนั ท่ี 5 เดือนสงิ หาคม ปี 2560 จาก เวบ็ ไซต์ : https://www.youtube.com/watch?v=7LG5XbbR52c น.ส ลลิตา แกว้ นาบอน (2558) โครงงานเจลล้างมือจากว่านหางจระเข้และมะกรูดสบื ค้นวนั ท่ี 5 เดือน สิงหาคม ปี 2560 จากเวบ็ ไซต:์ https://www.youtube.com/watch?v=vezib-4edWk 50

ภาคผนวก 51

ภาพกจิ กรรม 52

ตัวอยา่ งบรรจุภณั ฑ์ 53

โครงงาน RBL เร่อื ง ผงแซบ อาจารย์ท่ีปรกึ ษาโครงการ นางสาว ยาใจ เจรญิ พงษ์ คณะผู้วิจยั (นักเรยี น) 1.นางสาวจฑุ ารัตน์ ตรงกลาง 2.นางสาวดรุณี สุวรรณครี ี 3.นาย ธรี ภทั ร บุญจรสั 4.นายธีรศกั ดิ์ ภมู ิประเสริฐ สนับสนนุ โดยสานักงานทองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว)และ บมจ.ธนาคารกสกิ รไทย ชดุ โครงการ“เพาะพันธ์ุปัญญา” (พฒั นายวุ วจิ ัย) 54


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook