Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ห้องเรียนเปลี่ยนโลก

ห้องเรียนเปลี่ยนโลก

Published by Chalermkiat Deesom, 2019-01-15 20:29:42

Description: ห้องเรียนเปลี่ยนโลก

Search

Read the Text Version

ห Œ อ ง เ รี ย น เ ป ล่ี ย น โ ล ก

สารบัญ บทน�ำ ปาฐกถา ครเู ปลี่ยนโลก เปลี่ยนโลก(ของ)คร ู 23 บทที่ 1 เปา้ ประสงค์ของชน้ั เรียน NREM 30 บทท่ี 2 เปดิ ชัน้ เรียน (เกณฑ์และวธิ ีการรับนกั ศกึ ษาเข้าเรยี น) 42 บทที่ 3 บทเรยี นและการเรยี นรู้ 52 • ภาพรวมของการเรียน-การสอน 54 • หัดพูดและหัดฟงั 65 • การบ้าน การอ่าน การเขยี น 74 • Action Project นำ� ส่ิงทเ่ี รยี นรู้ไปลงมือท�ำ 87 บทที่ 4 การวัดความร้แู ละการประเมินผล 106 บทที่ 5 ปิดคลาส ความสุขจากการเรยี นรู้ 120

บทที่ 6 ความสุขของการเปน็ ครู 138 บทที่ 7 ผลสบื เนื่องจากคลาส NREM 146 • พฒั อนัญฌ์ เผอื กสูงเนิน (เมย)์ 148 เจ้าหน้าทพี่ ฒั นาองคก์ รธุรกจิ ศษิ ยเ์ ก่า NREM04 • สมพงษ์ วรกลุ (โตโต้) เกษตรกร ศษิ ยเ์ ก่า NREM06 160 • ภาณุมาศ จรี ภทั ร์ (เอม) ครูปฐมวยั ศิษย์เกา่ NREM06 176 • เพ็ญจุรี วรี ะธนาบุตร (เพ็ญ) 186 เจ้าหน้าทอี่ งค์กรไม่แสวงหาผลกำ� ไร ศิษยเ์ กา่ NREM08 • อรรถพล อภยั ทอง (บอส) นักศกึ ษาปริญญาเอก 198 และเจา้ ของธุรกจิ สว่ นตวั ศษิ ยเ์ ก่า NREM10



คำ�นิยม หนังสือเล่มน้ีเป็นเรื่องราวของห้องเรียนท่ีแหวกแนว ไม่เหมือนที่ใด อย่างน้อยก็ในเมืองไทย และอาจเป็นหนึ่งเดียวในโลก ท่ีนั่นนักศึกษา ไม่ได้นั่งหันหน้าเข้าหากระดาน และหันหลังให้แก่นักศึกษาคนอื่น แต่ หันหน้าเข้าหากัน โดยมีอาจารย์มานั่งร่วมวงในระดับเดียวกับนักศึกษา แทนที่อาจารย์จะบรรยาย นักศกึ ษากลับเปน็ ผู้น�ำเสนอสิง่ ทีไ่ ดเ้ รียนร้เู พ่อื แลกเปลย่ี นกนั ในหอ้ ง ไมม่ รี ายงานวชิ าการ มแี ตก่ ารเขยี นบนั ทกึ เกย่ี วกบั ตนเองในแตล่ ะสัปดาห์ ยิง่ กวา่ นัน้ ยงั ไม่มกี ารสอบ คะแนนทไี่ ด้น้นั มาจาก การประเมนิ ตนเองของนกั ศกึ ษา อกี สว่ นหนง่ึ ไดจ้ ากมตเิ อกฉนั ทข์ องเพอื่ น ทุกคนในหอ้ ง และอกี หนึง่ ในสามไดจ้ ากอาจารย์

วชิ าทเ่ี ปดิ “สอน”ในหอ้ งเรยี นนี้คอื การจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม แต่สิ่งท่ีนักศึกษาได้เรียนรู้มิใช่แค่ ความเชื่อมโยง อย่างเปน็ องคร์ วมภายในระบบนิเวศเทา่ น้นั หากยงั ไดร้ ้จู กั ตนเองมากขนึ้ มิใช่แค่รู้กว้าง แต่ยังรู้ลึก ซ่ึงเป็นหัวใจของวิชาน้ี เพราะการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเกิดผลดีอย่างยั่งยืน ก็ต่อเม่ือ มนุษย์รู้จักจัดการตนเอง สามารถครองตนมิให้ถูกครอบง�ำด้วย ความเห็นแก่ตัวและอวิชชา แต่จะจัดการตนเองได้อย่างไร หากไม่รู้จัก ตนเอง อันท่ีจริงไม่ว่าเรียนวิชาใด พ้ืนฐานที่นักศึกษาทุกคนควรมีก็คือ การรจู้ กั ตนเอง เพราะจะเลอื กเรยี นวชิ าใด กค็ วรรกู้ อ่ นวา่ เรามจี ดุ มงุ่ หมาย อะไรในชีวิต และวิชาน้ันจะตอบสนองจุดมุ่งหมายดังกล่าวได้หรือไม่ หรืออย่างน้อยกร็ วู้ า่ วิชาน้นั มีประโยชนแ์ กต่ นอย่างไร จะชว่ ยให้ชวี ิตของ เราดขี ึน้ ได้อย่างไร ห้องเรียนนี้ใช้การฟัง การเขียน และการใคร่ครวญ เป็นเครื่องมือ ของนักศึกษาในการรู้จกั ตนเอง ซึง่ ในอกี ด้านหนง่ึ กท็ ำ� ให้รู้จักคดิ ทัง้ หมด นี้เป็นสิ่งจ�ำเป็นส�ำหรับการเรียนรู้ของนักศึกษา รวมไปถึงผู้คนท้ังหลาย ท�ำให้การเรียนรู้ไม่จ�ำกัดในต�ำราหรือในห้องส่ีเหลี่ยมเท่านั้น แต่ขยาย ไปสู่โลกกว้าง และทุกประสบการณ์ท่ีผ่านเข้ามาในชีวิต หลายคนที่ผ่าน ห้องเรียนน้ีพบว่าชีวิตของตนเปล่ียนแปลงไป และความสัมพันธ์กับผู้คน รอบขา้ งก็ดขี น้ึ ด้วย ห้องเรียนน้ีท�ำให้ “การเรียน” กับ “การเรียนรู้” กลายเป็น

หน่ึงเดียวกัน ในขณะท่ีห้องเรียนส่วนใหญ่ในเมืองไทย ท�ำให้การเรียน กลายเป็นการท่องจ�ำ ผู้คนเรียนเพียงเพื่อสอบหรือเอาคะแนนเท่าน้ัน ไม่ได้คิดจะเรียนรู้อะไรเพราะความใฝ่รู้ได้เลือนหายไปแล้ว อีกท้ังไม่มี เคร่ืองมือท่ีจะช่วยให้เรียนรู้เป็น ดังนั้นนอกจากการเรียนจะกลายเป็น เร่ืองน่าเบ่ือหน่ายแล้ว เมื่อเรียนจบจึงได้แต่คะแนนแต่แทบไม่มี ความรู้ใดๆ ตดิ มาด้วยเลย สงิ่ ทนี่ า่ สนใจอกี ประการหนงึ่ ของหอ้ งเรยี นนคี้ อื การชใี้ หเ้ หน็ วา่ หวั ใจ ของการศกึ ษานน้ั มไิ ดอ้ ยทู่ ก่ี ารสอนแตอ่ ยทู่ ก่ี ารเรยี นรู้ หากเนน้ ทก่ี ารสอน ศูนย์กลางของห้องเรียนย่อมได้แก่ครูหรืออาจารย์ แต่เม่ือเน้นไปที่การ เรียนรู้ ศูนย์กลางของห้องเรียนย่อมได้แก่ผู้เรียน บทบาทของอาจารย์ แทนที่จะบรรยายหรือถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เรียน ก็เปลี่ยนมาเป็นการ สรา้ งกระบวนการเรยี นรู้ใหแ้ กผ่ เู้ รยี น กลา่ วใหถ้ กู ตอ้ งกวา่ นนั้ กค็ อื สง่ เสรมิ กระบวนการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น “พวกเราเปน็ เจา้ ของการเรยี นร”ู้ คอื คำ� พดู ทน่ี กั ศกึ ษาในหอ้ งเรยี นนไี้ ดย้ นิ บอ่ ยครง้ั จากอาจารย์ ซง่ึ หมายความวา่ การ เรียนรู้ท้ังมวลอยู่ท่ีตัวนักศึกษาเอง อีกท้ังเป็นส่ิงที่นักศึกษาควรก�ำหนด และคิดค้นด้วยตนเอง ซ่ึงก็ต้องมีพ้ืนฐานคือการรู้จักตนเองว่าชอบอะไร ถนดั ตรงไหน และมีจดุ ม่งุ หมายอะไรในชีวิต อาจารยส์ รยทุ ธ รตั นพจนารถ ทำ� ใหห้ อ้ งเรยี นนพี้ เิ ศษและมเี สนห่ ์ได้ ก็เพราะเป็นครูท่ีใฝ่รู้ และเคารพความเป็นมนุษย์ของนักศึกษา กล่าวคือ เชื่อม่ันในศักยภาพของนักศึกษาว่าสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และ

สามารถพัฒนาเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ได้ เป็นเพราะความใฝ่รู้จึงท�ำให้ อาจารย์เปิดใจกว้าง และมีความสุขท่ีได้เรียนไปพร้อมกับนักศึกษา คุณสมบัติดังกล่าวมีส่วนไม่น้อยในการท�ำให้นักศึกษาเกิดความใฝ่รู้และ เปิดใจกว้าง ใชห่ รือไมว่ ่า ส่ิงสำ� คญั ทค่ี รหู รืออาจารย์พงึ ทำ� แก่ศษิ ย์ ไมใ่ ช่ แค่สอน หรือสาธิตให้ดู แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ หรือจุด “ไฟ” แห่งการเรยี นรแู้ ละความปรารถนาเป็นมนษุ ย์ทสี่ มบรู ณ์ หอ้ งเรยี นนัน้ สามารถเปลี่ยนโลกได้เสมอ อยา่ งนอ้ ยๆ ก็เปลย่ี นโลก ในจิตสำ� นึกของผเู้ รียน หอ้ งเรยี นส่วนใหญ่ทำ� ให้โลกในการรบั รู้ของผู้คน เป็นเพียงผลรวมของปรากฏการณ์ที่ไม่เชื่อมโยงกัน อีกทั้งยังเป็นโลกที่ มีตนเองเป็นศูนย์กลาง แต่ห้องเรียนของอาจารย์สรยุทธไม่เพียงเปลี่ยน ชีวิตของนักศึกษาเท่านั้น หากยังท�ำให้โลกในจิตส�ำนึกของเขาเปลี่ยนไป ด้วย เป็นโลกท่ีตนเองมีส่วนรับผิดชอบ และปรารถนาจะท�ำให้ดีข้ึน จิตส�ำนึกเช่นน้ีในท้ายที่สุดย่อมท�ำให้โลกนี้เปลี่ยนไปในทางท่ีดีขึ้นอย่าง แน่นอน เม่ืออ่านหนังสือเล่มนี้แล้วอดคิดไม่ได้ว่าหากสมัยเป็นนักศึกษา ข้าพเจ้ามีโอกาสเข้าห้องเรียนแบบน้ี ชีวิตในมหาวิทยาลัยของข้าพเจ้า คงจะมีสีสัน รุ่มรวยทางความคิด และอิ่มเอมกับการเรียนรู้มากขึ้น ซึ่ง อาจส่งผลให้ข้าพเจ้าไม่ทิ้งห้องเรียนแทบจะตลอดชีวิตนักศึกษาอย่างที่ ได้ทำ� ไปแล้วก็ได้ ขอชนื่ ชมผจู้ ดั ทำ� หนงั สอื เลม่ นี้ ซงึ่ ถา่ ยทอดกระบวนการเรยี นรตู้ า่ งๆ

จากห้องเรียนน้ีให้เห็นอย่างชัดเจน อีกท้ังมีเรื่องเล่ามากมายท่ีชวนอ่าน เชอ่ื วา่ จะชว่ ยใหผ้ อู้ า่ นเขา้ ใจแกน่ แทข้ องสงิ่ ทเ่ี รยี กวา่ “การศกึ ษา”มากขนึ้ หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงเสนอทางเลือกทางด้านการศึกษาอย่างเป็นรูป ธรรมเทา่ นั้น หากยังวพิ ากษว์ ิจารณ์หรอื ท้าทายระบบการศึกษาท่มี ีอย่ใู น เมืองไทยไปด้วยในตัว หวังว่าจะมีส่วนช่วยจุด “ไฟ”ให้แก่ผู้อ่านใน การคิดค้นและสร้างสรรค์การเรียนรู้ท่ีส่งเสริมความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ไมว่ ่ากบั คนในครอบครวั หรือลกู ศษิ ย์ พระไพศาล วิสาโล ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๐



คำ�นำ� “ห้องเรียน” ในหนังสือเล่มนี้เป็นความพยายามของตามธรรมชาติของ คนกลมุ่ เลก็ ๆ กลมุ่ หนงึ่ ทเ่ี ชอ่ื ในความเปน็ ไปไดท้ จ่ี ะ “เปลย่ี นโลก” พวกเขา มงุ่ มนั่ จดจอ่ ตอ่ เนอื่ ง กระทำ� การ สรา้ งเงอ่ื นไขปจั จยั แวดลอ้ มทน่ี ำ� ไปสกู่ าร เปดิ ศกั ยภาพของทกุ คนทเ่ี กยี่ วขอ้ งไปสสู่ ภาวะใหม่ เปน็ ตวั อยา่ งรปู ธรรม ของความส�ำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างและตลอดการเดินทางของผู้เรียน และผ้สู อน ห้องเรียนน้ีจึงให้ความหวังอย่างยิ่งส�ำหรับผู้ท่ีสนใจใส่ใจกับการ เรยี นรู้ของตนเอง กับการปฏิรูปการศึกษาการเรยี นรู้ สำ� หรบั คณุ ครผู สู้ อน หอ้ งเรยี นนเี้ ปน็ ตวั อยา่ งวา่ เราสามารถออกจาก

สภาวะ ชวี ิต และห้องเรียนทีจ่ ดื ๆ ชืดๆ เซ็งๆ ทที่ ำ� ให้เราท้อแท้ หมดหวัง กับระบบ ออกจากความเบื่อที่ต้องพูดต้องอธิบายสิ่งเดิมๆ เหมือนเป๊ะ กบั ท่ีเคยพดู เมอ่ื ปที ่ีแลว้ และปีก่อนหนา้ และหลายๆ ปกี ่อนหนา้ ให้กบั นักเรียนนิสิตนักศึกษาที่แต่ละปีดูเหมือนจะสอนและอยู่ด้วยกันยากข้ึน เรอื่ ยๆ นกั เรยี นทอี่ ยากไดค้ ะแนนเยอะๆ เกรดดๆี แบบงา่ ยๆ เรว็ ๆ แบบที่ ไมต่ อ้ งลงแรงอะไรมากนกั ไปสู่ห้องเรียนท่ีมีความแปลกใหม่ มีความสดใสอยู่เสมอ แม้ว่าเรา ต้องสอนเนื้อหา “เดิมๆ” อยู่ แต่จะไม่มีห้องเรียนวันไหนๆ เหมือนกัน อกี ตอ่ ไป เราอาจจะไดก้ ลบั มารสู้ กึ วา่ ไดท้ ำ� หนา้ ที่ “คร”ู อยา่ งเตม็ ทใี่ นชวี ติ อีกคร้ัง (หรืออาจจะเป็นคร้ังแรกของบางคน) เอาความม่ันใจภูมิใจใน ศักด์ศิ รีของความเป็นคนและความเปน็ ครกู ลบั คืนมา เพราะว่าเราไดเ้ ห็น ว่านักเรียนของเรานั้นสามารถเปล่ียนแปลงตนเองไปสู่สภาวะและชีวิตท่ี ดีข้นึ ไดด้ ้วยตวั เขาเอง สำ� หรบั นกั เรยี นนสิ ติ นกั ศกึ ษา หอ้ งเรยี นนเี้ ปน็ ตวั อยา่ งวา่ เราสามารถ ออกจากหอ้ งเรยี นท่เี รากเ็ ป็นแค่ “เดก็ ” เปน็ แค่เศษหน่ึงส่วนของจ�ำนวน นกั เรยี นทง้ั หมดในหอ้ ง ไมไ่ ดเ้ ปน็ เราทเี่ ตม็ สมบรู ณ์ในแบบของเรา ออกจาก สภาวะ ชวี ิต และหอ้ งเรียนทเี่ ต็มไปด้วยความกลัว กลัวเนอื้ หายาก กลัว ไม่เข้าใจ กลัวคะแนนไม่ดี กลัวตกมีน กลัวว่าจบออกไปแล้วจะท�ำอะไร ไมเ่ ปน็ แมว้ า่ มหาวทิ ยาลยั จะบอกวา่ เราเปน็ ผรู้ ู้ เปน็ “บณั ฑติ ” แลว้ กต็ าม ไปสู่ห้องเรียนที่เรากล้า กล้าจะออกจากความกลัว เพราะว่ามัน

ผ่อนคลายและปลอดภัย ผ่อนคลายและปลอดภัยพอท่ีเราจะถามอะไรท่ี ดเู หมือนไม่ค่อยฉลาด พอทจ่ี ะไมต่ อ้ งพยายาม “ตอบให้ถูก” ตลอดเวลา เปน็ หอ้ งเรยี นทเี่ ราจะเปน็ ตวั เองในเวอรช์ นั่ ทเี่ ราเองเลอื กเองได้ หอ้ งเรยี น เราอาจจะเคยไดย้ ินไดฟ้ งั และคิดวา่ มแี ตอ่ ยู่ในต่างประเทศ แตว่ า่ ตอนน้ีมี อยู่จริงในประเทศไทย ถ้าท่านอ่านหนังสือเล่มนี้เพ่ือจะหาวิธีหรือกิจกรรมที่จะเอาไปใช้ ตรงๆ ท่านอาจจะไม่ได้พบสิ่งท่ีคาดหวัง เพราะว่ากระบวนการจัดและ สรา้ งการเรยี นการสอนทเี่ ปดิ ศกั ยภาพของทกุ คนในชน้ั เรยี น เราแตล่ ะคน ตอ้ งสรา้ งมนั ดว้ ยวธิ กี ารของเราเอง แต่ ... แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ทา่ นจะไดเ้ หน็ รอ่ งรอย ตวั อยา่ ง เรอ่ื งเลา่ และการถอดรหสั ชน้ั เรยี นจากผคู้ นทหี่ ลากหลาย ท้ังผู้สอน ผู้ช่วยสอน นักศึกษา ศิษย์เก่า ซึ่งก่อประกอบให้เห็นภาพท่ี อยา่ งสมบูรณ์ยง่ิ ขน้ึ ของชั้นเรียนทสี่ ามารถเปลีย่ นโลกของทุกคนที่เขา้ มา เกีย่ วข้องได้จริง จนทา่ นอาจจะพอนกึ ออกได้ว่าจะไปเริ่มอยา่ งไรดี หนังสือเล่มน้ีเป็นบันทึกเรื่องเล่าของความมหัศจรรย์ของ กระบวนการเรยี นรทู้ ปี่ รากฏขน้ึ ไดจ้ ากนำ�้ ใจ ความใจกวา้ ง ความสามารถ และการสนับสนนุ ของกัลยาณมิตรและองคก์ รจ�ำนวนมาก ซึง่ ขออนญุ าต เอ่ยนามและแสดงความขอบคุณอย่างยิ่งไว้ ณ ที่น้ี ตุ้ง อรุณจิตรา กัลยาณมิตรผู้มีการปฏิบัติและความเข้าใจเร่ืองมิติ ดา้ นในและความเป็นมนุษย์ ท�ำใหส้ ามารถออกแบบ เขียน และเรยี บเรียง ให้หนงั สือบอกเลา่ เรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์ ครบถ้วน และเปน็ ธรรมชาติ

และ เขม้ ทีช่ ่วยดูแลเร่ืองการออกแบบรปู เลม่ ใหน้ ่าอา่ น โครงการพฒั นาและสง่ เสรมิ ผมู้ คี วามสามารถพเิ ศษทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (พสวท.) ท่ีเปิดโอกาสให้คนท่ีรักวิทยาศาสตร์ได้เรียน วทิ ยาศาสตร์ หนงั สอื และชน้ั เรยี นนเี้ ปน็ หนง่ึ ในคณุ ปู การทโี่ ครงการ พสวท. ไดม้ อบใหก้ บั โลกและประเทศไทย ถา้ ไมม่ โี ครงการนเี้ ดก็ ชายคนหนง่ึ กค็ ง ได้สอบเทยี บและเข้าวิศวะไปต้งั แต่ ม.4 และมีเสน้ ทางชีวติ ก็คงคลา้ ยกบั นักศึกษาส่วนใหญ่ ไม่ได้มาสร้างสรรค์คลาสท่ีอยู่ในระบบแต่นอกระบบ เช่นน้ี ส�ำนักงานกองทุนสนบั สนุนการวจิ ยั (สกว.) ท่กี ลา้ หาญใหท้ ุนวจิ ยั กับนักศึกษาคนแรกของหน่วยงาน อีกทั้งช่วยให้ขยายผลงานออกไปสู่ ระดบั ประเทศ สำ� นกั งานกองทุนสนับสนนุ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ทเี่ ปน็ ผบู้ กุ เบกิ ในการสง่ เสรมิ สขุ ภาวะทางปญั ญา/สขุ ภาวะทางจติ วญิ ญาณ น�ำพาการพฒั นาจิต การรจู้ กั ตนเองเข้าสูก่ ารศึกษาในระบบ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ บุคลากรที่มีเมตตา มีน้�ำใจเปิดให้ได้ก่อประกอบช้ันเรียนที่ตรงกับความ ฝันและความต้ังใจของผ้สู อนและผ้เู รียน ทา่ นอาจารยป์ ระเวศ วะสี อาจารยเ์ สนห่ ์ จามรกิ อาจารยร์ ะพี สาครกิ อาจารย์ประสาน ต่างใจ อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ครูบาอาจารย์ผู้เป็น ท่ีรักและเคารพอย่างย่ิง กรุณาให้ความเมตตา ให้โอกาสได้ร่วมเรียนรู้ อยา่ งใกลช้ ดิ จนสมั ผสั ไดถ้ งึ ความเปน็ บณั ฑติ ผสู้ มถะ ผเู้ ขา้ ถงึ ความรอู้ งค์ รวมทไ่ี มแ่ ยกความเป็นมนุษย์ มิตจิ ติ วิญญาณ ออกจากการศกึ ษาเรียนรู้

วิจยั และพัฒนา สมาชิกกลุ่มจิตวิวัฒน์ อาทิ พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล อาจารย์สุมน อมรวิวัฒน์ พี่ใหญ่ วิศิษฐ์ วังวิญญู พ่ีวิธาน ฐานะวุฑฒ์ พี่โกมาตร จงึ เสถยี รทรัพย์ ณัฐฬส วงั วญิ ญู ที่เปิดพรมแดนความรู้ใหก้ ับ มุมมองและเคร่อื งมอื ใหม่ๆ ในการใช้ชีวติ และการเรียนการสอน ปราชญช์ าวบา้ น อาทิ ครบู าสทุ ธนิ นั ท์ ปรชั ญพฤทธิ์ พอ่ คำ� เดอ่ื ง ภาษี และครูชาวบ้าน อาทิ ครูวิรัตน์ เกลี้ยงแสนเมือง ผู้มอบที่พ�ำนักอาศัย พ้นื ที่ทำ� วิจัย และเหนอื อืน่ ใด คอื มติ รภาพท่ีไปพ้นกฎเกณฑ์อายุ กลมุ่ เพอ่ื นครูมหดิ ล อ.ลาย พปี่ ้อม พนี่ ดิ แอน พ่ขี วญั ปุ๋ม พอ่ี ุย๊ พีอ่ ้ดึ เปิ้ล หนู เต้ ท่ีร่วมกันน�ำพาจิตวิญญาณความเป็นครูกลับมาสู่เพ่ือนครู ทัง้ หลาย และน�ำพาความสุขและความหมายกลับมาสชู่ นั้ เรยี น นอ้ งๆ นักศกึ ษาศิษย์เก่า NREM, EETP และ IA2B ทุกร่นุ ทงั้ พี่จง ทิม เบญจ เมย์ ปราย เอม ออย โตโต้ นา ฮัลเลย์ บอส บูม รวมถึง ชาว NREM16 และกลั ยาณมิตร NREMs อาทิ ช่อ อ.นอ้ ย พวกเราล้วน เป็นเจ้าของวิชานี้ร่วมกัน โดยเฉพาะศิษย์เก่าที่มาร่วมก่อต้ังและดูแล ธนาคารจติ อาสา ทั้ง เพ็ญ นุ้ก นวิ เล้ง ณัฐ ทเี่ ป็นเหมอื นบา้ นและเป็นฐาน ท่มี าของการผลิตหนงั สือเลม่ น้ี เก๊ิก วิเศษ บำ� รุงวงศ์ ผูร้ ักในธรรมชาตสิ ิ่งแวดลอ้ มและความเป็นครู ศิษย์เก่าผู้ได้มาเป็นเพื่อนร่วมวิชาชีพ ร่วมกันรังสรรค์การเรียนการสอน ได้อย่างต่ืนตาตื่นใจ มีการเรียนรู้อย่างกา้ วกระโดดอย่างนา่ ภาคภูมใิ จ

หนุ่ม ธีระพล เต็มอุดม กัลยาณมิตรผู้ชาญฉลาด อ่านเกมขาด ในเกือบทุกมิติ คอยสนับสนุนในทุกด้านและในทุกระยะของการเดินทาง ตั้งแต่ก่อนเร่ิมคลาส การออกแบบ ด�ำเนินการสอน ประเมิน ขยายผล จัด reunion ประจ�ำครึ่งปี คลาสและหนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นและส�ำเร็จได้ ดว้ ยความเป็นผู้น�ำผูร้ บั ใช้และการสนับสนุนของหนุม่ อยา่ งแท้จรงิ สรยทุ ธ (เอเชีย) รตั นพจนารถ





ห Œ อ ง เ รี ย น เ ป ล่ี ย น โ ล ก



ผมมคี วามเชื่อว่า การเรยี นรู้ท่แี ท้ในทุกระดับอายุ และทุกระดับการศึกษาล้วนต้องเป็น Transfor- mative Learning ท้ังส้ิน คือเป็นการเรียนรู้ ท่ีก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงภายในตนในลักษณะ ของการใหค้ วามหมายใหมข่ องสงิ่ ตา่ งๆ เรอ่ื งราว ต่างๆ เกดิ การเปลย่ี นแปลงโลกทัศน์ ความมงุ่ มน่ั และพฤติกรรม หรือกลา่ วงา่ ยๆว่า เปน็ การเรยี น รู้ท่ีนำ�ไปสู่การเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (Mindset Change) หรอื เปลีย่ นโลกทัศน์ ผมเชอ่ื ว่า ใครท่ี ได้เรียนรู้จนกระทั่งเกิดผลลัพธ์ในระดับดังกล่าว จะมีชีวิตท่ีดี และผมเช่ือว่า คนทุกคนสามารถ บรรลุการเรียนรู้เช่นนี้ได้ ไม่ใช่บรรลุได้เฉพาะคน ท่สี มองดีเท่านั้น ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช

ขณะนี้มนุษยชาติไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ที่จะออกจาก วิกฤตการณ์ ท่ีถึงทางตัน นอกจากเปล่ียนแปลงข้ัน พน้ื ฐาน (Transformation) ในตัวเอง ศักยภาพแห่งความเป็นมนุษย์นั่นคือศักยภาพ แหง่ การเรยี นรสู้ งู สดุ มนษุ ยธ์ รรมดาอาจเรยี นรจู้ นเปน็ พระพทุ ธเจา้ กไ็ ด้ การเรยี นรสู้ งู สดุ คอื การเรยี นรสู้ กู่ าร เปลย่ี นแปลงตวั เองอย่างส้นิ เชิง (Transformative Learning = TL) คอื การเรยี นรแู้ ลว้ กลายเปน็ คนใหม่ โดยส้นิ เชิง โลกทศั น์ วิธคี ิด จติ สำ�นกึ เปลีย่ นใหมห่ มด กลายเป็นคนที่เห็นความเป็นหน่ึงเดียวของท้ังหมด จติ ใจเปน็ อสิ ระเบาสบาย ปลอดโปรง่ มคี วามสขุ อย่าง ลกึ ลำ้ � มไี มตรจี ติ อนั ไพศาลตอ่ เพอื่ นมนษุ ยแ์ ละสรรพสงิ่ มีความถ่อมตัว มีสัมพันธภาพใหม่กับคนอื่นและสิ่ง อ่ืน เป็นบุคคลท่ีสามารถเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ กบั คนทเ่ี กย่ี วข้อง ทำ�ใหส้ ามารถฝา่ สถานการณ์ท่ยี าก ไปสคู่ วามสำ�เรจ็ ได้ อนาคตของมนษุ ยชาตจิ งึ อยทู่ กี่ าร เ รี ย น รู้ สู่ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ขั้ น พ้ื น ฐ า น ใ น ตั ว ต น หรือTransformative Learning การปฏิรูป การเรียนรู้เพื่อสร้างการเรียนรู้สู่การเปล่ียนแปลง ขนั้ พนื้ ฐาน หรอื TL จงึ ควรเปน็ นโยบายของระบบการ ศึกษาท้งั หมด ศ.นพ.ประเวศ วะสี; เรียนรู้สูก่ ารเปลีย่ นแปลง

ครเู ปลี่ยนโลก เปลย่ี นโลก(ของ)ครู ดร.สรยุทธ (เอเชยี ) รตั นพจนารถ ปาฐกถาเปิดโครงการครกู ล้าสอน 22 พ.ย. 2559: ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ (สสส.) ผมอยากเปน็ ครตู งั้ แตเ่ รยี นอยชู่ นั้ ประถม แตร่ ตู้ วั แนๆ่ วา่ จะไดเ้ ปน็ ครกู ค็ อื ชว่ ง ม.3 – ม.4 เพราะผมสอบเข้าโครงการพัฒนาและสง่ เสริมผู้มีความ สามารถทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (พสวท.) ไดท้ ุนเรยี นตง้ั แต่ ม.4 ถงึ ปรญิ ญาเอก ผมรตู้ วั วา่ จะเรยี นชนั้ มธั ยมปลายทไี่ หน จะเรยี นในระดบั ปรญิ ญาตรที ไี่ หน แลว้ จะไปเรยี นตอ่ เมอื งนอกเพอ่ื กลบั มาเปน็ อาจารย์ใน

มหาวิทยาลยั ผมเรยี นปรญิ ญาเอกท่ีเยล (Yale University) ซ่ึงเปน็ มหาวทิ ยาลยั ท่ีผลิตประธานาธิบดีหลายคน ที่นัน่ สอนให้คนเปน็ ผ้นู ำ� โลก ทกุ คณะสอน นกั ศกึ ษาให้ไปเปล่ียนแปลงโลก เราเรียนกนั อยา่ งบ้าระหำ่� ถา้ ลงทะเบยี น 1 วชิ า เตรียมตวั เลยว่าจะต้องอ่านหนังสือสัปดาหล์ ะ 1 เลม่ หมายความ ว่าต้องอ่าน 15 เล่ม/วชิ า ถา้ เทอมนั้นเรยี น 4 วชิ าก็หมายความว่าเทอม นัน้ ต้องอา่ นหนงั สอื 60 เล่ม เม่ือผมเรียนจบ กลับมาเป็นอาจารย์ที่มหิดล ผมให้นักศึกษาของ ผมอ่านหนังสอื 4 เลม่ ใน 1 เทอม (เดือนละ 1 เล่ม) ปรากฏว่าเทอมนั้น ไมม่ ีนักศกึ ษาคนไหนทำ� ได้เลย มหิ น�ำซ�ำ้ บางคนอา่ นหนังสือไมจ่ บเลยสกั เลม่ ผมช็อคไปเลย ผมคอ่ ยๆ ขยบั เพดานความคาดหวงั ของผมลง จนเหลอื แคว่ า่ เอาละ่ ผมให้อ่านหนังสือแค่เทอมละเล่มก็พอ และเพ่ือให้ม่ันใจว่าเขาจะอ่าน หนังสือจริงๆ ผมจึงให้การบ้านด้วยการให้เขาเขียนแนะน�ำหนังสือเล่มท่ี ผมมอบหมายใหอ้ ่าน 4 ช้ิน การบา้ นชนิ้ แรกคือการสรปุ หรือเลา่ ใจความ หลกั หรือภาพรวมของหนงั สือเล่มน้ัน ซึง่ นกั ศึกษาบางคนกท็ �ำไม่ได้ ผม ชอ็ คเปน็ ครง้ั ทส่ี อง ทำ� ให้ตั้งค�ำถามมากเลยครบั ว่า เวลา 12 ปี ทเี่ ราเรยี น กนั มา เราเรียนอยา่ งไร ในชน้ั เรยี นของผม สง่ิ หนง่ึ ทม่ี คี วามสขุ คอื การอา่ นหนงั สอื แลว้ มานง่ั คยุ กนั ถา้ เราชวนใหน้ กั ศกึ ษาอ่านหนังสอื เปน็ มันจะเปิดโลกใหเ้ ขาอย่าง 24 NREM

มาก วันขา้ งหนา้ เขาจะได้ไปหาหนังสือเล่มอืน่ ๆ มาอ่าน สิง่ ทีผ่ มเรียนรมู้ ากๆ ในช่วงของการเป็นอาจารย์ใหม่ก็คือ ช้ันเรยี น ท่ีผมเคยต้ังเป้าหมายเอาไว้ กับช้ันเรียนท่ีปรากฏขึ้นจริงห่างไกลกันพอ สมควร --- ผมคาดหวงั วา่ นกั ศกึ ษาจะมาตรงเวลา ตง้ั ใจเรยี น อา่ นหนงั สอื กอ่ นเขา้ ชนั้ เรยี น แตส่ ภาพความจรงิ ไมใ่ ชอ่ ยา่ งนนั้ ถา้ เราเรม่ิ เรยี น 8.30 น. นักศกึ ษาเพิ่งเรม่ิ ทยอยเข้าห้องเวลานั้น นักศกึ ษามาสาย คยุ กนั แล้วเรา ก็เริ่มงัดเอาเครื่องมือเก่าๆ สมัยที่ครูเคยใช้กับเราข้ึนมาใช้กับนักศึกษา เราเร่มิ จุ๊ปาก ดุ ด่า โกรธ เมอ่ื จบคลาสก็หมดแรง --- ถ้าผมต้องใช้ชวี ิต อยา่ งนตี้ ลอดไป ผมคงเปน็ มะเรง็ แนๆ่ ทางออกกค็ อื ผมตอ้ งเปลยี่ นวธิ กี าร ด�ำรงอยขู่ องผมในช้ันเรียน เม่ือนักศึกษาคยุ ผมหงดุ หงิด บน่ ดุ จนไม่เปน็ อนั สอน มหิ นำ� ซ�ำ้ ถึง เราจะทำ� อยา่ งน้ี นักศึกษาก็ไม่หยุดคยุ ในระยะหลังมานี้เม่อื นักศึกษาคุย ผมหยดุ ผมรอ รออย่าง enjoy แป๊บเดียวจากนน้ั ทั้งหอ้ งจะเงยี บ แล้วก็ เริ่มการสอนได้ แปลกนะครับ อะไรกันล่ะที่เปล่ียนคนหน่ึงท่ียืนอยู่ท่ีจุด หนึ่งย้ายมายืนอย่อู กี ฝั่งแล้วหลายๆ อย่างก็ดกี ว่าเดมิ ในชนั้ เรยี นขนาดเลก็ ของผม นกั ศกึ ษาทกุ คนตอ้ งเขยี นบนั ทกึ (Jour- nal) มาสง่ ผมทกุ สปั ดาห์ เครอ่ื งมอื นที้ ำ� ใหผ้ มกบั นกั ศกึ ษาใกลก้ นั มากขนึ้ ผมจะได้รู้ว่าในระหวา่ งที่เราไมเ่ จอกัน เกิดอะไรขึ้นบา้ งกับเขา เขาอยาก จะเล่าอะไรให้ผมฟัง ในช่วงทม่ี ีเหตกุ ารณค์ วามขดั แย้งในบา้ นเมอื ง ในช้ันเรียนของผมมี ห้องเรยี นเปลี่ยนโลก 25

นกั ศกึ ษาคนหนง่ึ เรยี นไปดว้ ยและฟงั เสยี งจากเวทปี ราศรยั ไปดว้ ย จๆู่ เธอ กล็ กุ ขึ้นตบโตะ๊ ปัง! เขาจะออกจากห้องเรยี นเดย๋ี วนีเ้ พื่อไปแก้ปญั หาบา้ น เมืองด้วยก�ำลังของเขา --- เราเป็นครู เราจะสอนเขาได้ไหมว่า ส่งิ ทีเ่ ขา กำ� ลงั เรยี นรู้ในหอ้ งเรยี นขณะนจ้ี ะตอบโจทยข์ องบา้ นเมอื ง ของสงั คมทเี่ ขา อยากจะแก้ปญั หาได้อย่างไร --- ความเป็นครูสำ� คัญแบบน้ีครบั กอ่ นจะเรมิ่ การสอน ในชน้ั เรยี นของผมจะทำ� สง่ิ ทเ่ี รยี กวา่ เชค็ อนิ คอื เชค็ สภาพของพวกเขา ใหเ้ ขาบอกความรสู้ กึ บอกสภาพตวั เขาเองวา่ พรอ้ ม ตอ่ การเรยี นแคไ่ หน ซง่ึ หลายคนสะทอ้ นกลบั มาวา่ นเ่ี ปน็ สง่ิ ทม่ี คี า่ ทส่ี ดุ ใน ชวี ติ การเปน็ นกั ศกึ ษาของเขา เพราะเวลา 5-7 วนั ในมหาวทิ ยาลยั ไมเ่ คย มใี ครฟงั เขาเลยจรงิ ๆ --- ครตู อ้ งสรา้ งพนื้ ทแี่ บบนใ้ี นชนั้ เรยี นของเรา เคย มนี กั ศกึ ษาคนหนง่ึ พดู ในชว่ งเชค็ อนิ วา่ ‘เมอ่ื คนื คณุ แมป่ ว่ ย หนตู อ้ งเฝา้ ทง้ั คนื ไมไ่ ดน้ อนเลยคะ่ ’ เมอื่ เราไดย้ นิ แบบนเ้ี ราจะเขา้ ใจกนั มากขน้ึ เราจะได้ ไมด่ ว่ นตดั สนิ วา่ เดก็ คนนแี้ ยม่ ากหลบั ในชน้ั เรยี น การเปดิ พนื้ ทก่ี ารเรยี นรู้ ในตวั ครจู ะทำ� ให้เราสรา้ งการเปล่ยี นแปลงในตวั นกั ศึกษาได้ ผมคิดว่าเราต้องมองกลับมาท่ีตัวของเราเอง กลับมาเข้าใจตัวเรา โลกทัศน์ของเรา แล้วเราจึงจะเปล่ียนช้ันเรียนของเราได้ เพื่อท่ีจะตอบ สนองกับวาระของโลกในวันนี้ วาระท่ีเรามีโดนลั ด์ ทรัมป์ เป็นผนู้ ำ� โลก วาระท่ีอุณหภูมิของขัว้ โลกเหนือสงู กวา่ อุณหภูมปิ กติ 30 องศา เราต้อง กลับมาที่แหลง่ ทรัพยากรในตวั เรา กลับมารู้เน้อื รู้ตัว เขา้ ใจตวั เอง เมื่อเป็นนักเรียนมัธยม ผมได้ฟังคุณด�ำรง ลัทธพิพัฒน์ รัฐมนตรี 26 NREM

กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน ในขณะนั้น (เสีย ชวี ติ เม่ือ 2528) คุณดำ� รงพดู ทำ� นองว่า ชาติใดครองเทคโนโลยี ชาติน้ัน ครองเศรษฐกิจ ชาติใดครองเศรษฐกิจ ชาตินั้นครองอ�ำนาจ ผมฟังแล้ว ต่ืนเตน้ มาก ผมจะเรียนวิทยาศาสตร์ จะเรียนรู้เทคโนโลยี เพ่ือจะได้ทำ� ให้ ชาตขิ องเราเป็นมหาอ�ำนาจและมีความม่ันคงทางเศรษฐกิจ ผมเรียนแบบบ้าระห�่ำมานาน จนกระท่ังวันหนึ่งผมถามตัวเองว่า เราต้องการส่ิงเหล่านี้จรงิ ๆ หรือ? เป้าหมายจริงๆ ของอ�ำนาจ และความ มั่นคงทางเศรษฐกิจคืออะไร คือความสุข ใช่ไหม? ท�ำไมจึงไม่เคยมีใคร สอนเลยว่า ชาติใดครองความรสู้ ึกตัว ชาตนิ นั้ ครองปัญญา ชาติใดครอง ปัญญา ชาติน้นั ครองความสขุ ขอบคณุ ครับ ห้องเรียนเปลยี่ นโลก 27



...ผมมีความหวงั ท่จี ะให้วิชานไี้ ดต้ อบอะไรหลายๆ อยา่ งที่ผมยงั สบั สน มหี ลาย เร่ืองทีต่ ดั สินใจไมไ่ ด้ เลือกไม่ถูก เช่น ผมอยากมฐี านะดี มีเงนิ เยอะๆ มรี ถสวยๆ น่งั แตใ่ นใจอีกด้าน มนั ก็เรยี กร้องความสงบ ความสมถะ อยากทำ� เกษตร อยากปลกู ขา้ ว.... สมดุ บนั ทกึ ของสมพงษ์ วรกลุ นักศกึ ษาคณะวทิ ยาศาสตร์ NREM06 (ปีการศกึ ษา 2549)

I เปา้ ประสงค์ของชน้ั เรยี น NREM วชิ านจ้ี ะเป็นส่วนหนง่ึ ของชีวติ ของผเู้ รียน ชนั้ เรียนน้ีไม่ได้มีเปา้ หมายแคบๆ เพยี งแคก่ ารเขา้ ใจและดูแล ทรัพยากรธรรมชาติตามบทเรียนเทา่ นน้ั แตจ่ ะนำ�พาเขาไปสกู่ ารเปน็ มนษุ ยท์ ส่ี มบรู ณ์ เปน็ คนทม่ี คี วามสขุ ในตวั เอง สรา้ งความยัง่ ยนื ใหแ้ กโ่ ลก และธรรมชาติ ชั้นเรยี นวชิ าการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม (Natural Resource and Environmental Management – NREM) เปน็ ชนั้ เรยี น ขนาดเล็ก รบั นักศกึ ษาไมเ่ กนิ 15 คน เปดิ สอนคร้งั แรกในปี 2545 โดย ดร.สรยทุ ธ (เอเชยี ) รตั นพจนารถ เปน็ ผสู้ อน นบั ถงึ ปจั จบุ นั กเ็ กนิ สบิ ปแี ลว้ 30 NREM

{ นิยามชั้นเรยี น NREM } ผมคุยกับเพื่อนท่ีเรียนด้วยกันบ่อยมากเลยครับว่าเราจะอธิบายวิชานี้ อยา่ งไรดี แลว้ มนั กม็ กั จะจบลงดว้ ยคำ� วา่ “ไมร่ ”ู้ (หวั เราะ) มนั เยอะมาก ไมร่ จู้ ะอธบิ ายอยา่ งไร ตอ้ งมาเจอเอง --- รชั พล ปลกู ออ้ ม นศ.NREM16 หนูไม่ร้จู ะพูดยงั ไง มันเยอะมาก แต่ถา้ จะให้พดู สัน้ ๆ กค็ อื วิชานีเ้ ราจะ ได้ความรู้ท้ังการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและการจัดการตัวเองด้วย ค่ะ --- นภภัสสร บุญดี นศ.NREM16 เปน็ วชิ าทหี่ นบู อกไมไ่ ดว้ า่ เรยี นอะไร หรอื ทำ� อะไรบา้ ง เปน็ วชิ าทพี่ อเรยี น แลว้ ความรู้ไมไ่ ดอ้ ยแู่ ค่ในคลาส ...(คดิ ....เงยี บ) มนั ไมเ่ หมอื นเราทำ� แลบ็ ในหอ้ งปฏบิ ตั ิการ เวลาเราทำ� แลบ็ ความรจู้ ะอยู่ในแล็บ แต่วิชาน้คี วามรู้ สง่ิ ทเ่ี รยี นจะเขา้ มาอยใู่ นชวี ติ ประจำ� วนั เปน็ การเรยี นรตู้ วั เองแลว้ เชอ่ื มโยง กับโลกภายนอก เป็นวชิ าทท่ี ำ� ให้เราเข้าใจโลก เข้าใจส่งิ แวดลอ้ ม แล้วก็ เข้าใจตวั เอง---อ๊อื ...พูดยากจังคะ่ --- สัณห์สนิ ี บุญกิจ นศ.NREM16 เป็นคลาสเรียนท่ีเรียกได้ว่าเมื่อเรียนแล้วมันจะอยู่กับเรา เป็นวิชาที่เรา ไมเ่ คยเจอ การบา้ นเยอะ มโี ปรเจค็ ทเี่ ราตอ้ งทำ� ตอ้ งสง่ สปั ดาหห์ นง่ึ ตอ้ ง มเี วลาอยา่ งนอ้ ยๆ สัก 4 วัน (จาก 7 วนั ) ท่ีเราจะตอ้ งนึกถึง NREM และ เป็น 4 วันท่ี NREM จะเข้ามาอยู่ในชีวิตเรา เป็นวิชาท่ีมันจะเข้ามาอยู่ ในชีวิตเราเยอะมากกกกกกก ขนาดปิดคอร์สแล้วก็เถอะ--- ต้องลอง มาเรียนนะคะ บอกไมถ่ กู (หวั เราะ) --- สุธนิ ี ศิริโสดา นศ.NREM16 ห้องเรยี นเปลี่ยนโลก 31

{ เป้าประสงค์ของชั้นเรยี น NREM } ดร.สรยทุ ธ (เอเชีย) รัตนพจนารถ เจ้าของวชิ า ผมมองคลาสนี้เป็นมากกว่าตัวของมันเอง ผมมองว่าวิชาน้ีเป็นส่วนหน่ึง ของชวี ติ ของผเู้ รยี น เมอื่ พวกเขาจบออกไป เขาไมเ่ พยี งเปน็ นกั สง่ิ แวดลอ้ ม หรือนักชีววิทยา นอกจากท�ำอาชีพเหล่านี้แล้ว พวกเขาเป็นผู้บริโภคใน สงั คมไทย จะเปน็ พลเมืองทีม่ ีคุณภาพหรอื ไมม่ คี ณุ ภาพ เป็นสมาชกิ โลก เปน็ ผู้ใชป้ ระโยชนแ์ ละเปน็ ผดู้ แู ลโลก เปน็ ลกู เปน็ สาม/ี ภรรยา ชน้ั เรยี นจงึ ไมค่ วรมเี ปา้ หมายแคบๆ เพยี งแคก่ ารเขา้ ใจและดแู ลทรพั ยากรธรรมชาติ ตามบทเรยี นเทา่ นน้ั แตจ่ ะนำ� พาเขาไปสกู่ ารเปน็ มนษุ ยท์ สี่ มบรู ณ์ เปน็ คน 32 NREM

ที่มีความสุขในตัวเอง สร้างความยั่งยืนให้กับโลกและธรรมชาติได้ด้วย นนั่ คือดาว คือธง คอื เปา้ หมาย ชน้ั เรยี นคอื กา้ วแรกซง่ึ อาจจะเปน็ กา้ วเลก็ ๆหรอื กา้ วใหญๆ่ กไ็ ด้ดงั นนั้ อะไรก็ตามที่จะไม่ได้ส่งเสริมให้เราเดินทางไปยังเป้าหมายนั้น ผมก็ไม่ อยากเสียเวลามากนกั พรอ้ มกนั นัน้ อะไรกต็ ามท่ีดเู หมอื นวา่ มันอาจจะไม่ เขา้ กบั ชนั้ เรยี นนนี้ กั แตว่ า่ สำ� คญั มากตอ่ เปา้ ประสงคน์ ้ี ผมกพ็ ยายามจะให้ สงิ่ นนั้ เชน่ เราอาจจะมเี กณฑท์ พี่ อจะบอกไดว้ า่ อาหารทดี่ ตี อ้ งมสี ารอาหาร ครบ 5 หมู่ และสัดส่วนของสารอาหารทั้ง 5 หมู่ต้องมีสัดส่วนแป้ง : โปรตีน : ไขมนั เปน็ เทา่ นน้ั เทา่ นี้ แต่ถา้ คนท่ีเข้ามาในคอรส์ บ�ำรงุ สุขภาพ คอรส์ นก้ี ำ� ลงั ขาดนำ�้ อยา่ งรนุ แรง เรากต็ อ้ งใหอ้ าหารทม่ี นี ำ้� เยอะหนอ่ ย แลว้ สารอาหารอน่ื ๆ คอ่ ยตามมา นคี่ อื เปา้ หมายของชน้ั เรยี น ซงึ่ แนน่ อนกต็ อ้ ง ปรับพอสมควรทีเดียว มีความซับซ้อนของความต้องการที่ทับซ้อนกัน อยู่ ขณะน้ีโลกก�ำลังต้องการอะไร ประเทศก�ำลังต้องการอะไร ภาควิชา อยากจะไดอ้ ะไร แลว้ นักศึกษาแต่ละคนอยากจะได้อะไร แล้วเรา-ผูส้ อน จะจดั สรรใหท้ กุ สง่ิ ลงตวั ไดอ้ ยา่ งไร สงิ่ เหลา่ นที้ า้ ทายมาก เพราะนกั ศกึ ษา แตล่ ะคนก็มาในภาวะ ในความพร้อมทีแ่ ตกตา่ งกัน จากประสบการณ์ของผม นักศึกษาบางคนที่เข้ามาเรียนก็มีความ บาดเจ็บอยู่พอสมควร เขาอาจจะบาดเจ็บกับระบบการศึกษาก่อนหน้า หอ้ งเรยี นเปลีย่ นโลก 33

น้ี หรอื บาดเจ็บจากครอบครัว ซ่งึ แนน่ อนว่าหากเปน็ อย่างนั้น นักศกึ ษา เหลา่ นเ้ี ขากไ็ มไ่ ดต้ อ้ งการทจี่ ะเรยี นรู้ใดๆ ในสงิ่ ทผ่ี มพดู มามากนกั หนา้ ท่ี ของผมกค็ อื ตอ้ งเยยี วยาคนเหลา่ นใี้ หเ้ ขามเี รยี่ วแรงพอทจ่ี ะเรยี น พอทเ่ี ดนิ ไปข้างหนา้ พร้อมกนั นน้ั ก็มนี ักศกึ ษาบางคนทีฟ่ ิตมาเตม็ ที่ เขาอยากจะรู้ เยอะๆ อยากจะไปเร็วๆ ดังนั้นจะท�ำอย่างไรให้เขาได้เรียนรู้ว่าการดูแล กนั มนั ส�ำคญั และจำ� เป็นตอ่ ชีวิต ทุกคนเขา้ ชน้ั เรยี นดว้ ยความคาดหวังตา่ งๆ กนั บางคนเขา้ มาเรียน เพราะคดิ วา่ วชิ านใ้ี หเ้ กรดงา่ ย และกม็ บี างคนทต่ี งั้ ใจเขา้ มาเพราะตอ้ งการ ค้นหาความหมายของชีวิต มีบางคนพยายามท�ำการบ้านด้วยการไป ส�ำรวจความเหน็ ความเปน็ มาของชั้นเรยี น ไปถามร่นุ พี่ และก็มีบางคน ทีไ่ ม่รู้จะลงวิชาอะไรแลว้ ก็เลยตอ้ งลงวชิ านเ้ี พอ่ื จะไดจ้ บ ฉะนั้นนกั ศึกษา คาดหวงั ตอ่ ชัน้ เรียนไมเ่ หมอื นกนั ไมเ่ ท่ากนั และมีความพร้อมท่ีจะเรียน ไม่เหมอื นกนั 34 NREM

อาจารย์วเิ ศษ บำ�รงุ วงศ์ อาจารยช์ ว่ ยสอนประจำ�วชิ า NREM16 นักศึกษาปี 3 และนักศึกษาปี 4 ค่อนข้างวิกฤติพอสมควรเพราะใกล้จะ เรียนจบ ถ้าเขาจบการศึกษาโดยไม่มีเครื่องไม้เครื่องมืออะไรติดมือออก ไปเลยชีวติ จะยาก ชอ็ ค มนึ แล้วก็สูญเสียความเปน็ ตัวเอง บางทผี มมอง วิชาน้เี ป็นคลา้ ยๆ วิชาสดุ ทา้ ยในมหาวิทยาลยั เพื่อใหเ้ ตรยี มตวั เองว่าจะ ยงั ไงกบั ชีวติ จากประสบการณข์ องตวั ผมเอง ผมมี passion ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มตง้ั แต่ เรียนมธั ยม อา่ น An Inconvenient Truth ของอัล กอร์ ผมอยากจะช่วย โลกดว้ ยการเรยี นชีววทิ ยา ผมเรียน เรยี น เรียน ซงึ่ คะแนนกด็ มี ากครับ ผมไดร้ ับทุนจากมหาวทิ ยาลัย 2 ทุน หอ้ งเรียนเปลี่ยนโลก 35

ทุนแรกคือทุนเรียนจนจบปริญญาตรี ทุนท่ีสองคือทุนเพื่อวิจัยท่ี สหรัฐอเมริกาแล้วมีเง่ือนไขว่าให้เรียนต่อจนจบปริญญาเอกในสาขาที่ เก่ียวข้องกับงานวิจัยน้ัน (งานวิจัยของ อ.วิเศษ ในขณะน้ันคือการผลิต พลงั งานทางเลอื กจากสาหรา่ ย) ซง่ึ ผมกไ็ ปทำ� วจิ ยั ครบั เปน็ จงั หวะรอยตอ่ ของปี 3 - ปี 4 มจี ังหวะหนง่ึ ท่กี �ำลังท�ำแลบ็ อยคู่ นเดยี ว จูๆ่ ก็เกิดคำ� ถาม ขน้ึ มาวา่ “ฉนั มคี วามสขุ กบั สง่ิ ทกี่ ำ� ลงั ทำ� นจี้ รงิ ๆ หรอื เราจะสามารถทำ� สง่ิ เหล่าน้ีไปได้ตลอดชีวิตหรือเปล่า” ซ่ึงจังหวะน้ันเป็นช่วงที่เราได้อยู่คน เดยี ว ความคดิ หลายๆ อยา่ งเรมิ่ ตกตะกอน แลว้ กม็ คี ำ� ตอบทช่ี ดั เจนขน้ึ มา ว่า “ไม่ใช่” ทันทีท่ีความรู้สึกนี้ข้ึนมา ผมพบว่า หลายเรื่องที่ผ่านมามัน ผิดไปหมด ผมมีแตค่ ำ� ถาม พอกลับมาก็พอดีคลาสของอาจารย์เปิด ผมก็ ลงทะเบยี นเขา้ เรยี นซง่ึ เปน็ ทง้ั การเยยี วยา และเปน็ การคน้ ตวั เองในระดบั ลกึ เช่น แรงบันดาลใจของเราคืออะไรกันแน่ อะไรคือส่ิงที่เรายอมลงแรง เพ่ือให้ได้มา เป็นจังหวะที่ความเชื่อบางอย่างถูกท้าทาย ได้เห็นความ ซับซ้อนของระบบโลก คณะวิทยาศาสตร์ไม่ได้เป็นคณะท่ีทุกคนท่ีเข้ามาเรียนอยากเป็น นักวิทยาศาสตร์ แต่เป็นคณะที่ผู้เรียนต่างก็มีจุดประสงค์ที่หลากหลาย บางคนเขา้ มาเพราะอยากจะไดว้ ฒุ กิ ารศกึ ษาเพอื่ จะได้ไปหางานทดี่ รี ะดบั หนงึ่ บางคนเขา้ มาเพราะเอ็นทรานซ์เข้าคณะอ่นื ไม่ได้ และกอ็ าจจะมีบาง คนที่เข้ามาเพราะอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์จริงๆ พอแต่ละคนมาด้วย 36 NREM

ห้องเรยี นเปล่ยี นโลก 37

เปา้ ประสงคท์ ต่ี า่ งกนั เขา้ มาจากประตทู แี่ ตกตา่ งกนั มนั จงึ ไมง่ า่ ยเมอ่ื ใกล้ จะจบออกไป เพอื่ นของผมหลายคนตดั สนิ ใจเรยี นตอ่ ทงั้ ทไี่ มไ่ ดม้ คี วามสขุ นกั บางคนกไ็ มเ่ ตม็ ใจทจี่ ะทำ� อยา่ งนน้ั บางคนหลงทาง เรยี นเพราะไมร่ วู้ า่ จะไปท�ำอะไรดี เลื่อนเวลาการเปน็ เจา้ ของชีวิต เล่อื นเวลาท่ตี ัวเองจะตอ้ ง รับผิดชอบชวี ติ ตัวเองออกไป ผมอยากให้เขาเอาชีวติ ตัวเองกลบั มา อยากใหเ้ ขาเปน็ เจ้าของชวี ิต ของตัวเอง เพราะการศึกษาของประเทศเราไม่ได้สอนใหเ้ ราเปน็ เจ้าของ ชวี ติ กำ� หนดชวี ติ ตวั เองได้ มเี งอ่ื นไขมากมายจนรสู้ กึ วา่ ชวี ติ ไมม่ ที างเลอื ก การทจ่ี ะทำ� ใหเ้ ขาเหน็ ชวี ติ ตวั เอง ตดั สนิ ใจเลอื กชวี ติ ตวั เองไดด้ ว้ ยเจตจำ� นง เสรี เหน็ ว่าทุกคนตา่ งก็มีชีวติ ท่ีสวยงามในแบบของตัวเอง คลาสจะมสี ว่ น ชว่ ยให้เขาหาสง่ิ น้ดี ้วยตนเองครบั 38 NREM

ห้องเรยี นเปล่ยี นโลก 39



ทำ�ไมคุณจงึ สนใจวิชาน้ี คณุ ต้องการอะไร คุณจะใหอ้ ะไรได้บ้างในช้ันเรียนน้ี ทำ�ไมผสู้ อนจงึ ควรรบั คณุ เขา้ เรยี น

II เปิดช้นั เรยี น (เกณฑ์และวิธกี ารรับนักศึกษาเขา้ เรยี น)

ชัน้ เรียน NREM ขึ้นช่ือว่า เป็นช้ันเรียนที่แปลกท้ังรูปแบบและ กระบวนการเป็นท่ีกล่าวขวัญในแวดวง ล�ำดับแรก ผู้ท่ีสนใจ จะต้องส่งใบสมัครด้วยการเขียนบทความย่อ หรือตอบค�ำถามด้านล่างน้ี เพ่อื แจง้ ความจำ� นงขอเขา้ เรียน จากนั้นผสู้ อนจึงจะพจิ ารณาและตอบรับ ว่าจะไดเ้ รียนหรอื ไม่ ทำ�ไมคุณจงึ สนใจวิชานี้ คุณตอ้ งการอะไร คุณจะให้อะไรได้บ้างในช้นั เรยี นนี้ ทำ�ไมผู้สอนจึงควรรับคุณเข้าเรยี น ผู้ท่ีได้ตอบรับจะได้ทดลองเรียนในวันแรกเพื่อรับทราบข้อตกลงใน การเรยี นวชิ านต้ี ลอดเทอม ไดเ้ หน็ รปู แบบและวธิ กี ารสอน รบั รกู้ ารบา้ นท่ี จะตอ้ งทำ� รวมถงึ การอา่ นหนงั สอื นอกเวลา การลงมอื ทำ� โครงงาน (Action project) ทา้ ยชั่วโมงของการทดลองเรยี นในวนั แรก นักศกึ ษาจะได้ถาม ข้อสงสัยทั้งหมด เมื่อมาถึงข้ันน้ี หากผู้เรียนต้องการถอนตัวก็สามารถ ทำ� ไดท้ นั ที (และได้ค่าลงทะเบียนคืน) แต่หากยนื ยนั ท่ีจะเขา้ เรียนวิชานี้ กจ็ ะตอ้ งสอบสมั ภาษณจ์ ากคณะผสู้ อน ถา้ ผา่ น จงึ จะไดเ้ ข้าเรียนจริง

ทำ� ไมจึงลงทะเบียนวิชา NREM ผมชอบช่ือวิชา วันแรกท่ีเป็น Demo ให้ทดลองเรียนก็ชอบครับ รู้สึกว่าเปิด มมุ มอง --- นรตุ ม์ เหล่านิพนธ์ นักศกึ ษาชน้ั ปี 4 ภาคชวี วทิ ยา หนเู ปน็ คนทส่ี นใจธรรมชาตอิ ยแู่ ลว้ ไดย้ นิ ชอ่ื วชิ ากช็ อบคะ่ คดิ วา่ คงจะไดเ้ รยี น ว่าทรัพยากรมีกี่ชนิด เราจะดูแลอย่างไร แต่กลายเป็นว่าในห้องจัดโต๊ะเป็น วงกลม ดคู ลิปวดี ีโอ แลว้ ก็คุยกัน ตอนนนั้ ถามตัวเองในใจวา่ ‘น่ีเรียกวา่ เรียน แล้วเหรอ’ --- จติ รณา เก่งการนา นักศึกษาชน้ั ปี 4 ภาคชีววทิ ยา ผมเห็นปัญหาส่ิงแวดล้อมที่มีอยู่ทั่วไป เช่นการตัดไม้ท�ำลายป่า คนท้ิงขยะ ไม่เป็นท่ี รวมๆ คอื ผมสนใจส่ิงแวดลอ้ มครับ ผมคิดวา่ จะไดเ้ รยี นรูว้ า่ นำ้� เปน็ อย่างไร ดนิ เป็นอยา่ ง แสงเป็นอย่างไร เราตอ้ งบริหารน�้ำแบบนี้ ดนิ แบบนี้ ปา่ แบบนี้ แตพ่ อเขา้ เรยี นจรงิ มนั ไม่ใชค่ รบั ไม่ใชเ่ ลย กลายเปน็ วา่ เรากลบั มารบั รู้ ความเป็นคน รับรู้ความคดิ รบั ร้คู ำ� พูด เรากลบั มาเชอื่ มโยงเร่อื งภายในตัวเรา ออกส่ภู ายนอก --- รชั พล ปลูกออ้ ม นกั ศกึ ษาชน้ั ปี 3 ภาคชวี วิทยา 44 NREM

ก่อนหน้าน้ีหนูเรียนวิชาการจัดการน�้ำ หนูก็คิดว่าวิชาน้ีหนูจะได้เรียนเรื่อง เก่ียวกับการจัดการทรัพยากรฯ (เพราะช่ือวิชาบอกอย่างน้ัน) แต่พอเรียน แลว้ กลบั ไม่ใช่ เราได้เห็นภาพรวมท่ีกว้างมาก เห็นความเชื่อมโยง ท่สี �ำคญั คอื เหน็ ตน้ เหตุ หรือรากของปญั หาว่ามนั อยทู่ คี่ วามต้องการของตัวเรา --- สัณหส์ ินี บุญกิจ นักศึกษาชั้นปี 3 ภาคชวี วทิ ยา ประการแรกคือผมสนใจชื่อวิชา ชื่อวิชาสอดคล้องกับความสนใจของผม ประการทีส่ องคือ เมอ่ื เทอมตน้ ผมเรียนวิชา Local Science ผมเหน็ ความ เชอื่ มโยงของสองวชิ านี้ ผมไมอ่ ยากรอใหต้ วั เองถงึ ปี 4 กลวั วา่ ถงึ ตอนนนั้ ผม จะมีเวลาไม่พอ และผมรูด้ ้วยว่าปีกอ่ นหน้านีว้ ชิ าน้ีไม่เปดิ --- ผมสนใจชอื่ วชิ าครับ แต่มากกวา่ นั้นกค็ ือ ผมสนใจวิธีการสอน --- สุทธิคณุ แพ่งผ่องใส นักศึกษาช้นั ปีที่ 3 ภาควิชาชีววิทยา NREM เปิดครั้งแรกต้งั แต่ปี 2004 ผ่านมา 12 ปีแล้ว อาจารย์มองช้นั เรยี นนอี้ ยา่ งไร ความจรงิ มชี น้ั เรยี นแรกเรม่ิ ในปี 2002 ชอ่ื Natural Resource Man- agement มีคนเรยี นไม่ถงึ 10 คน ชว่ งปี 2000 - 2001 ตวั ผมมงี านวิจัย อยทู่ สี่ ถาบนั ชมุ ชนทอ้ งถน่ิ พฒั นา (LDI) พรอ้ มกนั นน้ั กม็ งี านสอนเกยี่ วกบั วิธีวิจัยและสิทธิมนุษยชน รวมถึงส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย (สกว.) ก็ชวนใหผ้ มทำ� วจิ ัยต่อเนือ่ ง ดังนัน้ ต้นทนุ ของช้นั เรียนน้เี ชือ่ มโยง ผา่ นตวั ผม ผา่ นงานวจิ ยั ทผ่ี มทำ� ซง่ึ มกั เปน็ ประเดน็ ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มศกึ ษา หอ้ งเรียนเปลี่ยนโลก 45

ทยี่ ึดโยงกบั ชมุ ชน การเปลี่ยนแปลงในเชงิ คณุ ค่า ความรู้ และพฤติกรรม ตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม งานวจิ ยั ในดา้ นชมุ ชนทอ้ งถน่ิ ปราชญช์ าวบา้ น ซง่ึ ผมเชอ่ื วา่ นักศึกษาวิทยาศาสตร์แทบไม่มีชุดความคิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่าน้ีเลย ความคิดเรื่องชุมชนท้องถ่ินและปราชญ์ชาวบ้านเป็นศูนย์ (zero) คือ ไม่รูจ้ กั เลย การที่ผมได้เห็นการเรียนรู้แบบตะวันตก ท้ังในระดับโรงเรียน ประถม มธั ยม มหาวทิ ยาลยั วา่ เขาเหน็ การจดั กระบวนการเรยี นการสอน อยา่ งไร เหน็ การบ่มเพาะแบบ พสวท.1 คอื ฝึกใหท้ �ำงานหนกั สร้างความรู้ ด้วยตนเอง มีมุมมองของผู้หลักผู้ใหญ่เช่น ศ.นพ.ประเวศ วะสี ศ.เสน่ห์ จามริก ศ.ระพี สาคริก ศ.นพ.ประสาน ต่างใจ เครือข่าย จิตตปัญญามหาวิทยาลัยมหิดล เหล่านี้เป็นต้นทุนท่ีมีอยู่ซ่ึงอาจจะต่าง จากอาจารยท์ ว่ั ไป ชนั้ เรยี น NREM ของผมแตล่ ะปี ไมม่ ปี ไี หนเหมอื นกนั เลย (หวั เราะ) น่ีอาจจะเป็นทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งไปพร้อมๆ กัน แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือ การพาคนใหร้ จู้ กั ตวั เอง พฒั นาศกั ยภาพตนเองไปถงึ จดุ สงู สดุ เทา่ ทจี่ ะเปน็ ไปได้ เซน้ สข์ องชนั้ เรยี นเนน้ ยำ้� ถงึ การทผี่ สู้ อนกบั ผเู้ รยี นกำ� ลงั เดนิ ทางไป ดว้ ยกนั ดงั นนั้ องคป์ ระกอบดา้ นความพรอ้ มของผเู้ รยี น ความสนใจของผู้ เรียนจึงมผี ลกบั ช้ันเรยี นมาก บริบททางสังคมทเ่ี ปลย่ี นไป ท�ำให้ theme ในการสอนกต็ อ้ งเปลย่ี นไปด้วย บางปผี มใช้ กฎบตั รโลก (Earth Charter 1  โครงการสง่ เสรมิ ผมู้ คี วามสามารถพิเศษทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 46 NREM

for Nature) เปน็ เครอื่ งมอื ในการดำ� เนนิ ไปของช้ันเรียน ซึ่ง theme ของ ชั้นเรียนกม็ ีผลตอ่ การเรยี นมาก ในอดตี ชน้ั เรยี นของผมมี 3 วชิ าทมี่ ลี กั ษณะการสอนคลา้ ยกนั แตจ่ ดุ เนน้ ตา่ งกนั การมหี ลายรายวชิ ากเ็ พอื่ ใหน้ กั ศกึ ษาทตี่ อ้ งการเรยี นตอ่ เนอ่ื ง สามารถลงทะเบียนได้ NREM - Natural Resource & Environmental Management การ จดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม EETP - Environmental Education: Theory & Practice สงิ่ แวดลอ้ ม ศกึ ษา ทฤษฎแี ละปฏบิ ัติ ในการเรยี นวิชานเ้ี ราก็จะมคี ำ� พูดถึงค�ำวา่ “กระบวนการเรยี นร”ู้ ได้ บอ่ ยกวา่ และ มากกวา่ วชิ าอน่ื ๆ เพราะทกุ คนก็มีความคาดหวงั วา่ จะมี การศกึ ษาและเรียนรอู้ ย่ใู นวชิ าน้ี IA2B - Interdisciplinary Approaches to Biodiversity การศกึ ษา ความหลากหลายทางชีวภาพจากสหวทิ ยาการ การพาคนใหร้ จู้ กั ตวั เอง พฒั นาศกั ยภาพตนเองไปถงึ จดุ สงู สดุ เทา่ ท่ี จะเปน็ ไปได้ ถา้ จะพูดในภาษาฝร่งั ก็คือ self-actualization ภาษาไทยก็ คือ การต่ืนรู้ หรอื การเป็นมนุษย์ท่สี มบรู ณ์ ผมเชอ่ื เรื่องการให้โอกาสทกุ คนอยา่ งเทา่ เทยี ม แตพ่ รอ้ มกนั นน้ั ผมกเ็ ชอ่ื เรอ่ื งความพรอ้ มของแตล่ ะคน ท่ีมีไมเ่ ทา่ กนั ผมพยายามสร้างเงอ่ื นไขให้ทุกๆ คนเขา้ ถึงกระบวนการใน หลากหลายมติ ิ เพอื่ ใหเ้ ขา้ ถงึ สงิ่ นงี้ า่ ยๆ ดว้ ยตนเอง ธรรมชาตขิ องแตล่ ะคน หอ้ งเรียนเปลีย่ นโลก 47

ไม่เหมือนกัน พร้อมไม่เท่ากัน ส�ำหรับบางคนท่ียังไม่พร้อม เขายังไม่ เปดิ ใจตอ่ การเรยี นรู้เราจะไปดนั มากกไ็ มไ่ ด้แตผ่ มยนื ยนั ไดว้ า่ พนั ธะสญั ญา ของชั้นเรียนนีค้ ือเราจะพาทกุ คนเดนิ ทางไปดว้ ยกัน คนทีพ่ รอ้ มมากกจ็ ะ เดนิ ทางได้ไกล แตเ่ ราตอ้ งไมล่ มื วา่ มคี นจำ� นวนไมน่ อ้ ยทเี่ ขาไมไ่ ดอ้ ยากจะ ไปไหน บางปนี กั ศกึ ษาในชนั้ เรยี นของผมได้ A ทงั้ หอ้ ง เพราะเขาตง้ั ใจกนั จรงิ ๆ แตบ่ างปกี ไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ อยา่ งนนั้ บางคนไมต่ งั้ ใจ เขาไมไ่ ดอ้ ยากเรยี นรู้ เขาลงทะเบยี นเพราะอยากได้เกรดเท่านัน้ เอง เกณฑ์ในการคัดเลอื กนักศึกษาเข้าช้นั เรยี น NREM คอื อะไร ผมคิดเสมอว่า ความแตกต่างหลากหลายในห้องเรียนคือความ แข็งแกร่ง ไมใ่ ช่จุดออ่ น แตข่ ้อส�ำคญั คือทกุ คนตอ้ งมีพนั ธะสัญญาตอ่ กนั คำ� ถามกอ่ นเขา้ เรยี นเปน็ การยนื ยนั วา่ เขาตอ้ งการเรยี นรู้ ซง่ึ เปน็ สง่ิ สำ� คญั มากสำ� หรบั ผม การทจี่ ะรบั นกั ศกึ ษาเขา้ ชนั้ เรยี น ผมไมไ่ ดส้ นใจวา่ เขาเปน็ เด็กเรยี นเกง่ หรอื เรยี นไมเ่ กง่ แต่การยืนยนั ว่าตอ้ งการเรยี นส�ำคัญมาก ช้ันเรียนเป็นห้องจ�ำลองของโลกที่ประกอบด้วยคนแตกต่าง หลากหลายคนทไ่ี ปไดเ้ รว็ ควรจะเรยี นรวู้ า่ เขาจะเรยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งไรพรอ้ มกบั เพอื่ นทชี่ า้ กวา่ และเขาจะเรยี นรจู้ ากเพอื่ นทเ่ี รยี นชา้ ไดอ้ ยา่ งไร นเี้ ปน็ สว่ น สำ� คญั มาก โลกจะอยูไ่ ดด้ ว้ ยการพง่ึ พากันของคนทไี่ ปได้เร็วและไปไดช้ ้า ผมไม่ไดห้ มายความว่าอะไรดกี วา่ กนั แต่ผมให้ความหมายของความเรว็ และความชา้ คลา้ ยกบั สองสีทแ่ี ตกต่างกนั เชน่ สีแดงกับสีฟ้า เป็นสองสี ท่แี ตกต่างกนั แตไ่ ม่ได้แปลว่าอะไรดีกว่ากนั 48 NREM

หนรู สู้ กึ วา่ ชนั้ เรยี นนมี้ คี วามหลากหลายเยอะมากกกก แมว้ า่ เพอื่ นๆ ทม่ี า เรียนนจี้ ะอยู่ในภาคเดียวกนั เยอะ แต่พอเรียนแล้วก็จะรู้ว่า เฮ้ย! เราไม่ เหมือนกันเลย --- นภภสั สร บุญดี นกั ศึกษาช้ันปีท่ี 3 เม่ือเราได้มาน่ังฟังกันจริงๆ แลกเปล่ียนกัน พวกเราแต่ละคนต่างก็มี ความตา่ งชว่ ยทำ� ใหม้ มุ มองเปดิ ออก วยั ของพวกเราตา่ งกนั ในหอ้ งเรยี น มพี วกหนู (นศ.ปี 3 และ นศ.ป4ี ) มอี าจารยเ์ อเชยี (ดร.สรยุทธ รัตน พจนารถ) มพี เี่ กิ๊ก (อ.วเิ ศษ บำ� รงุ วงศ)์ เวลาทีแ่ บ่งปันมุมมอง มนั ท�ำให้ เราเหน็ กวา้ งขึน้ มีคติให้เรานำ� กลบั ไปปรบั ใช้ตลอดเวลา --- จติ รณา เกง่ การนา นักศึกษาชั้นปีท่ี 4 วนั แรกทเ่ี ข้าเรยี น ผมเห็นพี่เอริ ์ธ (นรุตม์) พแ่ี มงปอ (จติ รณา) กร็ ้สู กึ หูย อยู่บ้าง---พี่เขาเรียนเก่ง แต่ก็มีบางอย่างให้เรากลับมาต้ังหลัก บอกตัวเองว่า เราต้องเต็มท่ีกับคลาสน้ี การเรียนคละท�ำให้เราได้รู้จัก เพ่ือนของเรามากข้ึน ได้เห็นมุมมองที่กว้างข้ึน บางทีท่ีเราคิดว่าเขา แปลก เขาประหลาด จรงิ ๆ แลว้ มนั เปน็ ความคดิ ของเราเองตา่ งหาก ชนั้ เรียนน้ที �ำให้ไดเ้ ปดิ การรับรูเ้ พื่อเขา้ ใจกันมากขึน้ --- รชั พล ปลกู อ้อม นักศึกษาชน้ั ปที ี่ 3 คลาสนี้ไม่ได้ท�ำให้ผมรู้สึกว่ามีคนเรียนเร็ว-เรียนช้า ไม่มีความรู้สึกว่า มีคนเก่ง-คนไม่เก่ง ตัวผมรู้สึกว่าเรื่องบางเร่ืองที่เพื่อนบางคนไปช้าๆ ช่วยให้เราหยุดเพ่ือมองอย่างรอบด้านมากข้ึน มองระหว่างทางมาก ขึ้น ท�ำให้เราเห็นบางอย่างที่ไม่เคยเห็น เด๋ียวนี้เวลาอยู่ที่บ้านและผม ตอ้ งสอนนอ้ ง กท็ �ำให้เห็นว่ามบี างเรื่องทน่ี อ้ งเหมือนตวั เรา ซ่งึ เม่อื กอ่ น เราไมเ่ คยมองเห็นเลย เพราะเราไมไ่ ด้สังเกต --- นรตุ ม์ เหล่านิพนธ์ นักศกึ ษาชัน้ ปที ่ี 4 ห้องเรียนเปลยี่ นโลก 49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook