แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง สารเนอื้ ผสม กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา 17 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 เรือ่ ง การแยกสารเนือ้ ผสม เวลา 1 ช่ัวโมง สอนวันที่ เดอื น พ.ศ. 1. สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี 3. ตัวชีว้ ัด ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็ก ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชวี ิตประจำวนั เกี่ยวกบั การแยกสาร 4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด สารเนื้อผสมประกอบดว้ ยสารต้งั แต่ 2 ชนดิ ข้นึ ไปผสมกันเช่น น้ำมนั ผสมนำ้ ข้าวสารปนกรวดทราย 5. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) อธบิ ายลักษณะของสารเนอื้ ผสมได้ (K) 2) จำแนกสารตามประเภทของเนื้อสารได้ (P) 3) รบั ผิดชอบและมุ่งมนั่ ในการทำงานทไี่ ด้รบั มอบหมาย (A) 6. คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ 1) มวี นิ ัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 7. สมรรถนะทส่ี ำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทกั ษะการสังเกต 1.2) ทักษะการเช่ือมโยง 1.2) ทักษะการสำรวจคน้ หา 1.3) ทกั ษะการจำแนกประเภท 2) ความสามารถในการสอ่ื สาร 3) ความสามารถในใช้เทคโนโลยี 4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
8. ทักษะกระบวนการคิด การคิดวเิ คราะห์ คิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ 9. เนือ้ หาสาระ การจัดกลมุ่ สารตามลกั ษณะเน้อื สาร แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สารเนื้อเดียว และสารเน้อื ผสม 1) สารเน้ือเดยี ว คือ สารทมี่ อี งค์ประกอบทางกายภาพเพียงอยา่ งเดยี ว หรือมีองคป์ ระกอบ มากกวา่ 1 อย่าง มองเหน็ เน้ือสารเปน็ เนือ้ เดียวกันทง้ั หมด มสี มบัตทิ กุ ส่วนเหมอื นกนั ทุกประการ เช่น น้ำเกลือ ทองแดง นาก เหล็ก อากาศ เป็นตน้ 2) สารเนื้อผสม คือ สารที่มีลักษณะเนื้อของสารและสมบัติไม่เหมือนกันตลอดทุกส่วนของ สารนั้น สามารถเห็นองค์ประกอบที่แตกต่างกันได้ เช่น ดินปืน พริกกับเกลือ น้ำโคลน น้ำแป้งดิบ คอนกรีต เป็นต้น 10. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ • วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ขนั้ ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ 1) ครใู หน้ ักเรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่อง การแยกสารเนอ้ื ผสม 2) ครูให้นักเรียนสังเกตภาพสารในชีวิตประจำวัน 6 ภาพ ได้แก่ อากาศ น้ำเปล่า น้ำมันพชื ควันรถยนต์ ทองคำ และพริกเกลือ จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าจะจำแนกภาพทั้ง 6 นี้ ได้อย่างไร (แนวคำตอบ : อิสระตามความคิดเห็นของนักเรียน เช่น ใช้สถานะเป็นเกณฑ์ ดังนี้ ของแข็ง ได้แก่ ทองคำ พริกเกลอื ของเหลวได้แก่ นำ้ เปลา่ นำ้ มันพืช และแก๊ส ไดแ้ ก่ อากาศ และควันรถ) 3) ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับการจำแนกสารโดยใช้เกณฑ์อื่น ๆ ตาม ประสบการณ์ทนี่ ักเรยี นไดศ้ ึกษามา เช่น การนำไฟฟ้า การนำความร้อน สถานะของสาร หรอื สมบัติเฉพาะตัว อน่ื ๆ เป็นตน้ 4) ครูให้นักเรียนพิจารณาภาพน้ำเปล่า และพริกเกลือ อีกครั้ง โดยให้นักเรยี นพิจารณาเนือ้ สารของทั้งสองภาพ จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่าเนื้อสารของน้ำเปล่าและพริกเกลือเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ : นำ้ เปลา่ มองเหน็ เน้อื สารภายในเหมือนกนั หมด ส่วนพริกเกลือมองเหน็ สว่ นท่เี ปน็ พริกและเกลือ แยกออกจากกัน) 5) ครชู ี้แจงจดุ ประสงค์ในการเรยี นให้แกน่ ักเรียนทราบ ขน้ั ที่ 2 สำรวจค้นหา 6) ครใู ห้นักเรยี นจบั กลุ่ม กลมุ่ ละ 4 - 5 คน ทำกจิ กรรมจำแนกสารตามลักษณะเน้ือสาร โดย แต่ละกลุ่มจะได้รับบัตรภาพสารจำนวน 10 ชนิด จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันระดมความคิดเห็นจำแนกสาร เนือ้ เดยี ว และสารเน้อื ผสมตามความเข้าใจของนักเรียน จากนนั้ บันทกึ ขอ้ มูลลงในสมดุ ของตนเอง
7) ครูให้นักเรียนร่วมกันศึกษาการจำแนกประเภทของสารโดยใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์จาก หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ และค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเตมิ จากอินเตอร์ และร่วมกนั สรุปลักษณะของเนื้อสารแต่ละ ประเภทลงในสมดุ บนั ทึกของตนเอง 8) ครูให้นักเรียนจำแนกสารตามลกั ษณะเนื้อสารที่เคยจำแนกในข้อ 6 อีกครั้ง หลังจากที่ได้ ศกึ ษาค้นคว้าขอ้ มูล โดยให้ตรวจสอบความถูกต้องและแก้ไขการจำแนกสารในสมุดของตนเองให้เรยี บรอ้ ย ข้นั ที่ 3 อธิบายความรู้ 9) ครูและนักเรยี นร่วมกันเฉลยบัตรภาพการจำแนกสารตามลักษณะเนอื้ สาร โดยใหน้ กั เรียน มีบทบาทสำคัญในการเสนอคำตอบ (แนวคำตอบ : สารเนื้อเดียว ได้แก่ น้ำผึ้ง น้ำปลา ทองคำ อากาศ นาก ส่วนสารเนื้อผสม ได้แก่ ควนั รถยนต์ นำ้ พริก น้ำโคลน ทราย คอนกรีต) 10) ครอู ธิบายความรู้เพ่มิ เติมในการพจิ ารณาจำแนกสารตามลักษณะเนือ้ สาร ดังน้ี - สารเน้ือเดยี ว คอื สารท่ีมีองค์ประกอบทางกายภาพเพยี งอย่างเดยี ว หรือมี องค์ประกอบมากกว่า 1 อย่าง มองเห็นเนอื้ สารเป็นเนือ้ เดียวกนั ทง้ั มีสมบัติทุกส่วน เหมือนกนั ทุกประการ เช่น นำ้ เกลอื ทองแดง นาก เหล็ก อากาศ เปน็ ต้น - สารเนื้อผสม สารที่มีลกั ษณะเนือ้ ของสารและสมบตั ิไม่เหมือนกันตลอดทกุ ส่วนของ สารน้ัน สามารถเห็นองค์ประกอบท่แี ตกต่างกันได้ เชน่ ดินปนื พริกกับเกลือ นำ้ โคลน น้ำแป้งดบิ คอนกรตี เป็นตน้ 11) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายว่า สารเนื้อเดียวจำเป็นหรือไม่ว่าจะต้องมี สถานะเป็นของเหลวเสมอไป (แนวคำตอบ : ไม่จำเป็น สารเนื้อเดียวมีได้ทั้งสามสถานะ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส) ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ 12) ครขู ยายความเข้าใจของนกั เรียนโดยให้นกั เรียนยกตัวอยา่ งสารเน้ือผสม 10 ชนิด พร้อม ทั้งระบุสถานะของสารเนื้อผสม เช่น พริกเกลือ = ของแข็ง + ของแข็ง, น้ำโคลน = ของเหลว + ของแข็ง บันทึกข้อมลู ลงในสมุดของตนเอง 13) ครูให้นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน โดยการสลับสมุดกับเพื่อนร่วมชั้น เพอื่ ตรวจสอบความถูกต้องของการระบุชื่อสารเน้ือผสม และสถานะของสาร 14) ครูให้นักเรียนนำเสนอสารเนื้อผสม 10 ชนิด พร้อมทั้งระบุสถานะ โดยในระหว่างที่ นกั เรียนนำเสนอ นักเรยี นคนอ่นื ๆ ในห้องสามารถร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ อืน่ ๆ เพม่ิ เตมิ ได้ 15) ครใู ห้นักเรยี นต้งั คำถามทสี่ นใจเพมิ่ เตมิ เก่ียวกับสารเน้ือผสม (แนวคำตอบ : สารเนื้อผสม ท่ีเราเห็นองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในเนื้อสารสามารถแยกออกจากกันกลับมาเป็นสารเนื้อเดียวได้หรือไม่ อย่างไร)
ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล 16) ครูและนักเรียนสรุปผลการทำกิจกรรมการจำแนกสารตามลักษณะเนื้อสาร โดยให้ นักเรยี นมีบทบาทสำคัญในการแสดงความคดิ เห็น 17) ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับสารเนื้อผสม โดยการให้นักเรียนร่วมกัน อภิปรายในประเดน็ คำถามต่าง ๆ ต่อไปน้ี - นำ้ เกลอื เปน็ สารเนื้อผสมใชห่ รอื ไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ : ไม่ใช่ น้ำเกลือเปน็ สารเน้ือเดียว เนื่องจากมองเห็นเนอ้ื สารเน้อื กนั ทั้งหมด และมสี มบัติเหมอื นกันทัง้ เนอ้ื สาร) - สารเนอื้ ผสมมีลกั ษณะอย่างไร (แนวคำตอบ : มองเห็นองค์ประกอบภายในเน้ือสาร และแตล่ ะสว่ นประกอบมี สมบัติแตกต่างกนั ) 18) ครปู ระเมินนกั เรียนจากการตรวจสมดุ การจำแนกสารตามลักษณะเน้อื สาร การนำเสนอ หนา้ ชัน้ เรียน และการมสี ว่ นรว่ มในการตอบคำถามในชัน้ เรียน 11. สื่อการเรียนรู้ 1) ส่อื การเรียนรู้ 1.1) หนังสอื เรียน วิทยาศาสตร์ ป.6 1.2) ภาพสารในชวี ิตประจำวัน 1.3) บตั รภาพสารเนือ้ เดยี วและสารเน้ือผสม 2) แหลง่ การเรยี นรู้ 2.1) ห้องเรยี น 2.2) ห้องสมุด 12. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ท่ี วิธกี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์ 1 ตรวจสมดุ แบบประเมนิ การทำงาน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 2 สังเกตพฤตกิ รรมการมีสว่ นร่วม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ การทำงานรายบคุ คล ในกิจกรรม แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ อันพึงประสงค์ 3 สงั เกตความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน
บนั ทึกการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการสอน ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแก้ไข ลงชื่อ ผสู้ อน (นางสาวสกุ าญจนา แก้วขาว) ตำแหนง่ ครโู รงเรยี นวัดศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วันที่ เดอื น พ.ศ.
แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑ์คุณภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏบิ ัตคิ ุมค่า 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คณุ ลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดยี่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเน้อื หา น่าสนใจ เหมาะสมกับวยั สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงชอื่ ผู้ประเมนิ (นายอุดมศกั ดิ์ เตยี วตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วนั ที่ เดือน พ.ศ.
ภาคผนวก ภาพสารในชวี ิตประจำวนั
ภาพสารในชีวิตประจำวนั
ภาพสารในชีวิตประจำวนั
บัตรภาพสารเน้อื เดียวและสารเน้ือเดียว ทราย คอนกรีต ลอดช่อง น้ำโคลน นำ้ พรกิ นำ้ ผ้งึ น้ำปลา ทองคำ นาก น้ำตาลทราย
แบบประเมนิ การทำงานเรื่อง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑ์การให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบหุ รืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถกู ตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผดิ มากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรียบร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด
แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงต่อเวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 2 เรือ่ ง ประเภทของการแยกสาร กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 6 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรอื่ ง การแยกสารเนอ้ื ผสม เวลา 17 ชว่ั โมง สอนวันท่ี เดอื น พ.ศ. เวลา 1 ช่ัวโมง 1. สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธร์ ะหวา่ งสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี 3. ตัวชวี้ ดั ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็ก ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชวี ิตประจำวนั เก่ียวกับการแยกสาร 4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด วธิ ีการที่เหมาะสมในการแยกสารผสมขึน้ อยกู่ ับลักษณะและสมบัติของสารท่ผี สมกนั ถ้าองค์ประกอบ ของสารผสมเปน็ ของแขง็ กับของแข็งท่ีมขี นาดแตกตา่ งกันอยา่ งชดั เจน อาจใชว้ ิธกี ารหยิบออกหรอื การรอ่ นผ่าน วัสดทุ ม่ี ีรูถ้ามสี ารใดสารหนึ่งเปน็ สารแม่เหล็กอาจใชว้ ธิ ีการใช้แม่เหลก็ ดงึ ดดู ถ้าองค์ประกอบเป็นของแข็งท่ีไม่ ละลายในของเหลว อาจใช้วธิ ีการรนิ ออกการกรอง หรือการตกตะกอน 5. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) ระบวุ ธิ ีการแยกสารผสมแต่ละประเภทได้ (K) 2) จำแนกวิธีการแยกสารผสมแต่ละประเภทได้ (P) 3) รบั ผิดชอบและมุ่งมน่ั ในการทำงานท่ีได้รับมอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุง่ ม่ันในการทำงาน 7. สมรรถนะที่สำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสงั เกต 1.2) ทกั ษะการสำรวจค้นหา 1.3) ทักษะการจำแนกประเภท 2) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
3) ความสามารถในการส่ือสาร 4) ความสามารถในการแก้ปัญหา 8. ทักษะกระบวนการคดิ การคดิ วเิ คราะห์ คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ 9. เนอื้ หาสาระ วิธกี ารแยกสารเนอื้ ผสมทเี่ ป็นของแขง็ + ของแขง็ - การหยิบออก - การร่อน วิธีการแยกสารเนื้อผสมทเี่ ป็นของแขง็ + ของเหลว - การริน - การตกตะกอน - การกรอง วิธกี ารแยกสารเนอื้ ผสมท่ีเปน็ ของแข็งท่ีมสี ารแม่เหลก็ ผสม - แมเ่ หลก็ ดูด 10. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ • วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ข้นั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ 1) ครูใหน้ ักเรียนรว่ มกนั ทบทวนความรู้เดิมของตนเองเกีย่ วกับเรอื่ งสารเน้อื เดียวและสารเน้ือ ผสม (สารเนื้อเดียว คือ สารที่มีองค์ประกอบทางกายภาพเพียงอย่างเดียว หรือมีองค์ประกอบมากกว่า 1 มองเห็นเน้ือสารเปน็ เนื้อเดียวกันท้งั หมด มีสมบตั ทิ กุ ส่วนเหมือนกนั ทุกประการ สว่ นสารเน้ือผสม คือ สารที่มี สมบตั ไิ ม่เหมอื นกนั ตลอดทุกส่วนของสารนนั้ สามารถเหน็ องคป์ ระกอบท่ีแตกตา่ งกันได้) 2) ครูให้นักเรียนร่วมกนั ยกตัวอย่างสารเนื้อผสมที่พบในชีวิตประจำวันของนักเรียน โดยจะ เลน่ เรยี งลำดับไปตามแนวหนา้ กระดาน เชน่ คนท่ี 1 พดู ชือ่ สารในชวี ิตประจำวัน คนท่ี 2 ตอ้ งพูดว่าสารท่ีคนท่ี 1 บอกนน้ั มีลกั ษณะเนือ้ สารอย่างไร จากน้นั คนท่ี 3 กจ็ ะวนกลบั มาพูดช่ือสารในชีวิตประจำวันท่ีไม่ซ้ำกับคนที่ 1 คนที่ 4 ต้องพดู วา่ สารท่ีคนที่ 3 บอกนัน้ มีลักษณะเนือ้ สารอยา่ งไร 3) ครชู ้ีแจงจดุ ประสงคใ์ นการเรียนใหแ้ กน่ กั เรียนทราบ ข้ันที่ 2 สำรวจค้นหา 4) ให้นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน เพื่อทำกิจกรรม เลือกวิธีการแยกสารผสม โดยให้ สมาชกิ ในกลุ่ม ร่วมกนั ระดมความคดิ เหน็ เลือกวธิ แี ยกสารผสม 7 ชนิด ไดแ้ ก่ ถ่วั เขยี วกบั ผงตะไบเหลก็ น้ำขุ่น ลูกปัดคละสี กะทิกับกากมะพร้าว กากกาแฟกับน้ำกาแฟ ก้อนกรวดผสมกับทราย ตามความคิดเห็นของ นกั เรยี น
5) ครูให้นักเรียนร่วมกันศึกษาวิธีการแยกสารผสมในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ และสืบค้น ข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต จากนั้นสรุปความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าลงในสมุดของตนเองในรูปของ แผนผังความคดิ 6) ครูให้นักเรียนเลือกวิธีการแยกสารอีกครั้งตามที่เคยเลือกมาในข้อ 4 หลังจากที่ได้ศึกษา คน้ คว้าข้อมูล โดยใหต้ รวจสอบความถกู ตอ้ งและแกไ้ ขวิธีการแยกสารในสมุดของตนเองให้เรยี บร้อย ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ 7) ครูให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนนำเสนอวธิ ีการแยกสารผสม 7 ชนดิ โดยในระหว่างที่ นักเรียนนำเสนอ แต่ละกลุ่มสามารถแสดงความคิดเห็นอย่างสรา้ งสรรคเ์ พม่ิ เตมิ ได้ 8) ครูเฉลยคำตอบการเลอื กวิธีการแยกสาร ร่วมกบั นักเรยี นดังน้ี - ลูกปัดคละสี ใชว้ ธิ ีการหยิบออก - นำ้ ขุ่น ใชว้ ิธีการตกตะกอน - ผงตะไบเหลก็ กับเมล็ดถัว่ เขียวใชแ้ ม่เหล็กดูด - กะทิกบั กากมะพรา้ ว และกาแฟกับนำ้ กาแฟ ใช้วิธีการกรอง 9) ครูให้นักเรยี นอภิปรายรว่ มกนั ถึงการเลือกใช้วธิ ีการแยกสารที่เหมาะสม ดงั น้ี - การแยกสารทม่ี ีสถานะเป็นของแข็งผสมกนั ใชว้ ิธกี ารร่อน - การแยกของแข็งกับของเหลว ออกจากกัน ใชว้ ิธกี ารกรอง การรนิ ออก การ ตกตะกอน - การแยกสารแม่เหล็กออกจากสารเนอ้ื ผสมโดยการใชแ้ ม่เหล็กดดู ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ 10) ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการแยกสาร โดยให้นักเรียน ช่วยกันระดมความคิดเห็นอุปกรณ์ที่สามารถนำมาใช้ในการแยกสารได้ เช่น ตะแกรง กระชอน ผ้าขาวบาง กระดาษกรอง แมเ่ หลก็ เป็นตน้ จากนัน้ ให้นกั เรยี นทำใบงานเรอ่ื ง ประเภทของการแยกสาร 11) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายวิธีการสังเกตว่าแยกสารได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ พจิ ารณาอย่างไร โดยหลงั จากทีแ่ ยกสารเสรจ็ แลว้ นนั้ จะต้องไดส้ ารเนื้อเดียว 2 ชนิด จงึ จะเสร็จสมบรู ณ์ 12) ครูให้นักเรียนตั้งคำถามเกี่ยวกับวิธีการแยกสารอื่นๆ ที่สนใจเพิ่มเติม (แนวคำตอบ : หากสารผสมที่เป็นของแข็งกับของเหลวละลายรวมตัวกัน จะสามารถแยกสารผสมเหล่านั้นออกจากกัน ได้หรือไม่อย่างไร) ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล 13) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทำกิจกรรมเกี่ยวกับประเภทของการแยกสาร โดยให้ นกั เรยี นมีบทบาทสำคัญในการแสดงความคดิ เหน็ ส่วนครูคอยอธิบายเพม่ิ เติมความรู้ให้ครบถ้วน 14) ครูต้งั คำถามเพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนในประเด็นตา่ ง ๆ ดังนี้
- การแยกสารผสมมวี ธิ ีการใดบ้าง - การแยกของแข็งออกจากของแข็ง ควรใช้วธิ กี ารใด เพราะเหตุใด - การใชแ้ ม่เหล็กดูด เหมาะกับการแยกสารผสม ลักษณะใด 15) ครูประเมินนักเรียนจากการตรวจสมุด ใบงานเรื่อง ประเภทของการแยกสาร การนำเสนอหน้าชนั้ เรียน และการมีสว่ นร่วมในการตอบคำถามในชัน้ เรยี น 11. สอ่ื การเรยี นรู้ 1) สือ่ การเรยี นรู้ 1.1) หนังสอื เรยี น วิทยาศาสตร์ ป.6 1.2) ใบงานเรือ่ ง ประเภทของการแยกสารเนื้อผสม 2) แหล่งการเรยี นรู้ 2.1) หอ้ งเรียน 2.2) ห้องสมดุ 12. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ท่ี วธิ กี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์ 1 ตรวจสมุด แบบประเมนิ การทำงาน ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงาน แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤติกรรมการมสี ว่ นร่วม การทำงานรายบุคคล แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ในกจิ กรรม อนั พึงประสงค์ 3 สงั เกตความมวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มนั่ ในการทำงาน
บนั ทึกการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ผลการสอน ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแก้ไข ลงชื่อ ผสู้ อน (นางสาวสกุ าญจนา แก้วขาว) ตำแหนง่ ครโู รงเรยี นวัดศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วันที่ เดอื น พ.ศ.
แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑค์ ณุ ภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏิบัตคิ ุมคา่ 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คุณลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดีย่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเนอ้ื หา น่าสนใจ เหมาะสมกบั วัย สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงช่ือ ผู้ประเมนิ (นายอดุ มศกั ดิ์ เตียวตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วนั ที่ เดอื น พ.ศ.
ภาคผนวก ใบงานเรอ่ื ง ประเภทของการแยกสารเน้อื ผสม
แบบประเมนิ การทำงานเรือ่ ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถูกตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผิดมากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรยี บร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด
แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมช้ันประถมศึกษาปีที่ ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอน่ื มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงตอ่ เวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 3 เรอ่ื ง การหยิบออก กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 เวลา 17 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง การแยกสารเน้ือผสม เวลา 1 ชวั่ โมง สอนวนั ที่ เดือน พ.ศ. 1. สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหว่างสมบตั ขิ องสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี 3. ตวั ชว้ี ัด ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็ก ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชวี ติ ประจำวนั เกี่ยวกบั การแยกสาร 4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การหยิบออกเปน็ วิธกี ารแยกสารผสมเมอ่ื ของแข็งผสมมขี นาดแตกตา่ งกันชัดเจน โดยการใชม้ ือหยิบ หรือใชท้ ค่ี ีบ 5. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1) อธิบายวิธีการแยกสารดว้ ยการหยิบออกได้ (K) 2) ออกแบบข้นั ตอนการทดลองการแยกสารผสมด้วยการหยบิ ออกได้ (P) 3) รบั ผิดชอบและมงุ่ มนั่ ในการทำงานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย (A) 6. คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) มุ่งม่นั ในการทำงาน 7. สมรรถนะที่สำคญั 1) ความสามารถในการคิด 1.2) ทกั ษะการสำรวจค้นหา 1.3) ทกั ษะการเชอ่ื มโยง 2) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 3) ความสามารถในการสือ่ สาร 8. ทักษะกระบวนการคดิ การคิดวเิ คราะห์ คดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ
9. เนอ้ื หาสาระ การหยบิ ออกเปน็ วิธกี ารแยกสารผสมเมอ่ื ของแข็งผสมมีขนาดแตกตา่ งกนั ชัดเจน โดยของแขง็ นน้ั ต้อง มขี นาดใหญ่พอท่จี ะใชม้ อื หยิบ หรอื เขย่ี ออกได้ อุปกรณ์ในการหยบิ ออกได้ : ใชม้ อื หยิบ หรือใช้ที่คีบ วิธกี าร : ใช้มือหยิบของแขง็ ท่มี ีขนาดใหญอ่ อก ตวั อยา่ ง : ลกู ปดั คละสี การแยกเมล็ดขา้ วเปลอื กออกจากเมล็ดขา้ วสาร 10. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ • วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ขน้ั ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ 1) ครูทบทวนความรเู้ ก่ียวกับวิธีการแยกสารผสมดว้ ยการหยิบออก วา่ สามารถทำได้อย่างไร และต้องมีการเตรียมอปุ กรณ์หรอื ไมอ่ ยา่ งไร (แนวคำตอบ : อสิ ระตามความคดิ เหน็ ของนักเรียน เช่น กรวดกบั กอ้ นหนิ ตะปูกบั เศษเหลก็ เปน็ ต้น โดยอปุ กรณ์ท่ีจะใชข้ ้ึนอยกู่ ับความเหมาะสมของสารผสมน้นั ๆ ) 2) ครใู ห้นักเรยี นทำกิจกรรม saven up โดยให้นักเรยี นนับ 1 ถึง 7 โดยคนท่ี 7 ไม่ตอ้ งพดู คำ ว่า 7 แต่ให้ระบชุ ื่อสารเนอื้ ผสม 1 อยา่ ง โดยคนถัดไปจะตอ้ งระบุสารเนอื้ ผสมไมซ่ ำ้ กบั เพอ่ื น 3) ครูเขียนคำตอบท่ีเปน็ สารเนือ้ ผสมของนักเรียนลงบนกระดาน จากนั้นให้นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ว่ามีสารเนือ้ ผสมใดบ้างทสี่ ามารถใช้วธิ ีการหยิบออกในการแยกสารได้เพราะเหตใุ ด 4) ครชู ้ีแจงจุดประสงค์ในการเรยี นใหแ้ ก่นักเรยี นทราบ ขัน้ ท่ี 2 สำรวจค้นหา 5) ครใู ห้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 3 - 4 คน เพอ่ื รว่ มกันออกแบบการทดลองสารผสม ด้วย วิธกี ารหยิบออก 6) ครูให้นักเรียนเลือกสารผสม 3 ชนิด (มีสถานะเป็นของแข็ง และมีขนาด สี แตกต่างกัน อย่างชัดเจน) ที่สามารถใช้วิธีการหยิบออกได้ จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันระดมความคิดออกแบบการทดลอง เพือ่ แยกสารผสมดังกล่าว โดยจะต้องระบอุ ุปกรณใ์ นการทดลอง และวิธีการทดลอง เปน็ ต้น 7) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันระดมความคิดเห็นเพื่อออกแบบการทดลองการแยกสาร เนื้อผสมดว้ ยวิธีการหยบิ ออกลงในกระดาษบรู๊ฟ ตกแตง่ ระบายสีให้สวยงาม โดยมคี รูคอยอำนวยความสะดวก และใหค้ ำแนะนำนกั เรียนเพิ่มเติม ขน้ั ท่ี 3 อธิบายความรู้ 8) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานการออกแบบการทดลองแยกสารเนื้อผสมด้วย การหยบิ ออกหนา้ ชัน้ เรยี น โดยนกั เรียนคนอ่ืน ๆ สามารถแสดงความคดิ เหน็ เพ่มิ เตมิ อย่างสรา้ งสรรคไ์ ด้ 9) ครอู ธิบายความรู้เพมิ่ เติมใหแ้ กน่ ักเรียนทราบว่าสารเน้ือผสมท่ีเหมาะสมในการหยิบออก คือ สารผสมทีม่ ีสถานะเป็นของแข็ง และมีขนาดใหญ่ชัดเจน ทำให้สามารถหยิบหรอื เขย่ี ออกไดง้ ่าย
10) ครูและนักเรียนรว่ มกันสนทนาเก่ียวกับสารผสมท่ีมีสถานะเป็นของแข็ง ผสมกับของแข็ง แต่มีขนาดเล็ก สามารถใช้วิธีการหยิบออกได้หรือไม่เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ : อาจจะทำได้ลำบาก หรือ อาจจะแยกสารเนื้อผสมไดไ้ ม่สมบรู ณ์) ข้นั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ 11) ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับกิจกรรมใน ชีวิตประจำวันหรืออาชีพทีต่ ้องมกี ารแยกสารผสมด้วยวธิ กี ารหยบิ ออก จากนั้นใหน้ ักเรียนทำใบงานเรือ่ ง การ หยบิ ออก เพ่ือขยายความเข้าใจของนักเรียนเพ่มิ เตมิ 12) ครูยกตวั อยา่ งสถานการณ์ หากสารผสมทมี่ สี ถานะเปน็ ของแขง็ กบั ของแข็งมีปริมาณมาก ไม่เหมาะกับการหยิบออก นักเรียนจะมีวิธีการแยกสารผสมนั้นได้อย่างไร (แนวคำตอบ : อิสระตามความ คิดเหน็ ของนักเรียน เช่น ออกแบบสง่ิ ประดิษฐ์ทีส่ ามารถแยกสารผสมท่ีมสี ถานะเปน็ ของแข็งได้) 13) ครูให้นักเรียนตั้งคำถามที่สนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแยกสารด้วยวิธีการหยิบออก เช่น ถ้าของแขง็ ผสมอยกู่ บั ของเหลวสามารถใช้วธิ ีการหยิบออกไดห้ รือไม่ อย่างไร) ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล 14) ครูสุ่มนักเรียน 2 คน สรุปความรู้ที่ได้จากการทำกจิ กรรม การออกแบบการทดลองแยก สารผสมด้วยการหยบิ ออก จากนั้นใหเ้ พอ่ื น ๆ ในหอ้ งร่วมกันเสนอความคิดเห็นเพม่ิ เตมิ จนได้ข้อมลู ครบถว้ น 15) ครูตั้งคำถามเพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ - สารเน้ือผสมลักษณะใดท่ีเหมาะสมใช้การแยกสารด้วยการหยิบออก (แนวคำตอบ : ของแข็งท่ีมีขนาด และสีแตกตา่ งกนั ) - ใหน้ กั เรยี นยกตัวอย่างสารผสมท่ีใชว้ ธิ กี ารหยบิ ออกได้ (แนวคำตอบ : อิสระตามความคิดเห็นของนักเรียน) 16) ครูประเมินนักเรียนจากการตรวจสมุด ใบงานเรื่อง การหยิบออก การนำเสนอหน้าชั้น เรียน และการมีสว่ นร่วมในการตอบคำถามในชน้ั เรียน 11. ส่ือการเรียนรู้ 1) สื่อการเรยี นรู้ 1.1) หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.6 1.2) ใบงานเร่อื ง การหยบิ ออก 1.3) กระดาษบรู๊ฟ 1.4) ปากกาเคมี 2) แหลง่ การเรยี นรู้ 2.1) ห้องเรยี น 2.2) ห้องสมดุ
12. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ท่ี วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์ 1 ตรวจสมดุ แบบประเมินการทำงาน ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงาน แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 2 สังเกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนร่วม การทำงานรายบคุ คล แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ในกจิ กรรม อนั พงึ ประสงค์ 3 สังเกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน บันทกึ การใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ ผลการสอน ปญั หาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแกไ้ ข ลงช่ือ ผ้สู อน (นางสาวสกุ าญจนา แกว้ ขาว) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนวัดศาลาตกึ สทิ ธิชยั วิศาล วนั ที่ เดอื น พ.ศ.
แบบประเมนิ แผนการจัดการเรยี นรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑค์ ณุ ภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏบิ ัตคิ ุมคา่ 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คุณลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดีย่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเนอ้ื หา น่าสนใจ เหมาะสมกบั วัย สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงชื่อ ผู้ประเมนิ (นายอดุ มศกั ดิ์ เตียวตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วันที่ เดอื น พ.ศ.
ภาคผนวก ใบงานเร่อื ง การหยิบออก
แบบประเมนิ การทำงานเรือ่ ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถูกตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผิดมากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรยี บร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด
แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงต่อเวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 4 เรอ่ื ง การทดลองแยกสารด้วยการหยบิ ออก กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรื่อง การแยกสารเน้อื ผสม เวลา 17 ชวั่ โมง สอนวันท่ี เดอื น พ.ศ. เวลา 1 ช่วั โมง 1. สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธร์ ะหว่างสมบตั ขิ องสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี 3. ตวั ช้ีวัด ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็ก ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชวี ิตประจำวันเกี่ยวกบั การแยกสาร 4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การหยิบออกเปน็ วธิ ีการแยกสารผสมเมอื่ ของแขง็ ผสมมีขนาดแตกต่างกันชดั เจน โดยการใช้มอื หยิบ หรือใชท้ ่ีคีบ 5. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายวธิ กี ารแยกสารดว้ ยการหยบิ ออกได้ (K) 2) ทดลองการแยกสารผสมดว้ ยการหยิบออกได้ (P) 3) รบั ผดิ ชอบและมงุ่ มนั่ ในการทำงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย (A) 6. คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ 1) มีวินัย 2) ใฝ่เรียนรู้ 3) ม่งุ มน่ั ในการทำงาน 7. สมรรถนะทส่ี ำคัญ 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทักษะการสงั เกต 1.2) ทักษะการสำรวจคน้ หา 1.3) ทกั ษะการการเชอ่ื มโยง 2) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 3) ความสามารถในการแก้ปญั หา 4) ความสามารถในการสอ่ื สาร
8. ทักษะกระบวนการคดิ การคิดวิเคราะห์ คิดอยา่ งมีวิจารณญาณ 9. เนือ้ หาสาระ การหยบิ ออกเป็นวิธีการแยกสารผสมเมื่อของแข็งผสมมขี นาดแตกตา่ งกนั ชัดเจน โดยของแขง็ นนั้ ต้อง มขี นาดใหญ่พอทจ่ี ะใช้มอื หยิบ หรือเขีย่ ออกได้ อุปกรณ์ในการหยิบออกได้ : ใชม้ ือหยบิ หรือใช้ท่ีคีบ วธิ ีการ : ใชม้ อื หยบิ ของแขง็ ทีม่ ีขนาดใหญอ่ อก ตัวอยา่ ง : ลกู ปดั คละสี การแยกเมลด็ ขา้ วเปลอื กออกจากเมลด็ ขา้ วสาร 10. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ • วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ขน้ั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ 1) ครูใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั ลักษณะของสารผสมท่สี ามารถใชว้ ธิ ีการหยิบออก (แนวคำตอบ: เป็นของแขง็ ผสมกบั ของแขง็ ทมี่ ีขนาดแตกต่างกนั อยา่ งชัดเจน สามารถหยิบออกได้) 2) ครูสุ่มตวั แทนนกั เรียน 2 - 3 คน ออกมานำเสนอการออกแบบวิธกี ารทดลองสารผสมดว้ ย การหยิบออกจากชว่ั โมงที่แล้วหนา้ ชัน้ เรยี นเพ่ือทบทวนความร้ขู องนกั เรียนเก่ยี วกับการหยิบออก 3) ครชู ีแ้ จงจุดประสงคใ์ นการเรียนให้แกน่ กั เรยี นทราบ ขน้ั ท่ี 2 สำรวจค้นหา 4) ครูเตรียมสารผสมระหว่างลกู แก้วกับลกู ปงิ ปอง ใส่ในภาชนะที่เปน็ กล่องขนาดใหญ่ เพือ่ ให้ สะดวกต่อการแยกสารดว้ ยการหยิบออก 5) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 - 4 คน เพ่ือทำกิจกรรมการทดลองเร่ือง การหยิบออก โดยก่อนการทดลองให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันพิจารณาลักษณะภายนอกของสารผสม และบันทึกผลการ ทดลองลงในสมุดของตนเอง 6) ครูใหน้ กั เรียนทำการแยกสารดว้ ยการหยิบออก กล่มุ ทแี่ ยกสารเรียบร้อยให้สมาชกิ ในกลมุ่ พูดพร้อมกนั วา่ “เฮ” จากนน้ั ครูบนั ทึกเวลาทแี่ ตล่ ะกลุ่มใชใ้ นการแยกสารลงบนกระดาน 7) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการทดลองหน้าชั้นเรียน โดยให้ ลำดบั การนำเสนอเปน็ ไปตามลำดบั เวลาทใี่ ชใ้ นการแยกสารจากเร็วที่สดุ ไปหาชา้ ท่ีสดุ รวมไปถงึ ให้นกั เรียนที่ทำ เวลาไดร้ วดเรว็ ทส่ี ุดบอกวิธีการหรอื เทคนคิ ทที่ ำให้แยกสารไดร้ วดเรว็ มากยงิ่ ข้ึน ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ 8) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลอง โดยให้นักเรียนมีบทบาทสำคัญในการเสนอ ข้อมูล (จากการทดลองพบว่า ลกั ษณะของสารผสมภายนอกมีรูปร่างเป็นทรงกลม มขี นาดแตกต่างกัน เม่ือทำ การทดลองด้วยการหยิบออกจะได้สารทเี่ ปน็ ลกู แก้ว และสารที่เปน็ ลูกปิงปอง)
9) ครูยกตัวอย่างสถานการณ์ “หากนำลูกแกว้ ไปใส่ในนำ้ ” นักเรียนคิดวา่ ควรใช้วธิ ีการหยิบ ออกหรอื ไมเ่ พราะเหตุใด (แนวคำตอบ : อสิ ระตามความคิดเหน็ ของนกั เรยี น เชน่ ทำได้ เพราะเราสามารถหยิบ ลูกแก้วออกจากในน้ำได้สะดวก หรือไม่ควรใช้วิธีการหยิบออก แต่ใช้วิธีการเอาของเหลวออก เพอ่ื ประหยัดเวลา) 10) ครูอธิบายเพิ่มเติมนอกเหนือจากการใช้การหยิบออก เราสามารถใช้วิธีการเขี่ยหรือ การคีบออกได้เช่นกัน ข้ึนอยกู่ บั ลักษณะของสารผสม ขนั้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ 11) ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างสารในชวี ิตประจำวันที่ตนเองพบเจอไมว่ ่าจะเป็นสารเน้ือเดยี ว หรอื สารเนื้อผสม จากน้ันบันทึกลงสมดุ และสลบั สมุดกับเพือ่ นแลว้ วงกลมล้อมสารผสมที่สามารถแยกออกได้ ด้วยการหยิบออกลงในสมุด (แนวคำตอบ : อิสระตามความคิดเห็นของนักเรียน เช่น น้ำโคลน น้ำเน่าเสียใน ลำคลอง เปน็ ต้น) 12) ครใู ห้นกั เรยี นตง้ั คำถามที่สนใจเพิม่ เตมิ เก่ยี วกับการทดลองแยกสารดว้ ยการหยิบออก (แนวคำตอบ : อิสระตามความคดิ เหน็ ของนักเรียน เช่น ในการทดลองด้วยการหยิบออกสามารถใช้อุปกรณใ์ น การช่วยหยิบหรอื ไม่อย่างไร) ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล 13) ครสู ุม่ นักเรยี น 2 คน สรุปความรู้ท่ีได้จากการทำกิจกรรม เรื่อง การทดลองแยกสารด้วย การหยบิ ออก จากน้ันให้เพ่อื น ๆ ในหอ้ งรว่ มกันแลกเปลีย่ นความคิดเหน็ 14) ครใู หน้ ักเรียนรว่ มกันอภิปรายเก่ียวกับลักษณะของสารผสม โดยใหน้ ักเรียนร่วมกันแสดง ความคิดเห็นว่า สารผสมที่มีสถานะเป็นของแข็งทั้งสองชนิดจะใช้วิธีการหยิบออกได้เสมอไปหรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ : อิสระตามความคิดเห็นของนักเรียน เช่น ไม่ได้ ต้องดูความเหมาะสมและความ เปน็ ไปได้ตามลักษณะเนอื้ สาร) 15) ครูประเมนิ นักเรยี นจากการตรวจสมุด การนำเสนอหน้าช้นั เรยี น และการมสี ว่ นรว่ มใน การตอบคำถามในช้นั เรียน 11. สื่อการเรียนรู้ 1) สอื่ การเรียนรู้ 1.1) หนงั สอื เรียน วิทยาศาสตร์ ป.6 1.2) สารผสมระหวา่ งลูกปิงปองและลูกแก้ว 1.3) กลอ่ งขนาดพอเหมาะในการใส่สารผสม 2) แหลง่ การเรียนรู้ 2.1) ห้องเรยี น 2.2) หอ้ งสมุด
12. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ท่ี วธิ ีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์ 1 ตรวจสมุด แบบประเมินการทำงาน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 2 สงั เกตพฤตกิ รรมการมสี ว่ นรว่ ม แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล ในกิจกรรม แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ อนั พึงประสงค์ 3 สงั เกตความมวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มั่นในการทำงาน บันทกึ การใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ ผลการสอน ปญั หาและอปุ สรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแกไ้ ข ลงชือ่ ผสู้ อน (นางสาวสกุ าญจนา แกว้ ขาว) ตำแหน่ง ครโู รงเรียนวัดศาลาตึกสทิ ธชิ ยั วิศาล วนั ที่ เดือน พ.ศ.
แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑค์ ณุ ภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏิบัตคิ ุมคา่ 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คุณลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดีย่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเนอ้ื หา น่าสนใจ เหมาะสมกบั วัย สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงช่ือ ผู้ประเมนิ (นายอดุ มศกั ดิ์ เตียวตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วนั ที่ เดอื น พ.ศ.
แบบประเมนิ การทำงานเรือ่ ง ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ เลขที่ ช่อื – นามสกุล รายการประเมนิ รวมคะแนน ผลการ ความ ความ ความตรง (10) ประเมิน 1 ถูกตอ้ ง สวยงาม ต่อเวลา 2 (5) (3) (2) 3 4 ลงช่อื ผู้ประเมนิ 5 ( ) 6 วันท่ี เดือน 7 พ.ศ. 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 พอใช้ 1-4 ต้องปรบั ปรุง
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการทำงาน รายการ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 21 ความถูกต้อง ระบุหรืออธิบาย ระบุหรอื อธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบุหรืออธบิ าย ระบหุ รืออธิบาย ความสวยงาม คำตอบทกุ ข้อ คำตอบทุกข้อ คำตอบทกุ ขอ้ คำตอบไม่ครบ คำตอบไม่ครบ ครบถว้ นถูกต้อง ครบถว้ นแต่ ครบถว้ นแต่ ทุกข้อ แต่ ทกุ ขอ้ และ ถกู ต้องบางส่วน ถูกตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง ถูกต้องบางสว่ น (ผดิ 1-2 จดุ ) (ผิดมากกวา่ 2 จุด) ตกแตง่ ระบายสี ตกแต่งระบายสี ตกแตง่ ระบายสี - - สวยงาม สะอาด สวยงาม ใบงานไม่ เรยี บร้อย สะอาด ความตรงต่อ - - ส่งงานตาม สง่ งานช้ากวา่ เวลา - ระยะเวลาท่ี ระยะเวลาท่ี กำหนด กำหนด
แบบสงั เกตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดง การตอบคำถาม การยอมรับ ทำงานท่ีได้รบั ความคดิ เห็น ฟงั คนอนื่ มอบหมาย สรุป ชอ่ื -สกลุ 432143214321432143 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 เกณฑก์ ารวัดผลให้คะแนนระดบั คุณภาพของแต่ละพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก = 4 มีความสนใจ ไม่พดู คุยในช้นั ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรบั ปรงุ = 1 เขา้ ชั้นเรียนแต่การแสดงออกนอ้ ยมาก ส่งงานไมค่ รบ ไมต่ รงต่อเวลา ลงช่อื ผสู้ งั เกต ( ) พ.ศ. วนั ที่ เดอื น
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี น แล้วขดี ✓ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ ้าน 321 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษัตรยิ ์ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจดั ขึ้น 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ิในสง่ิ ทีถ่ กู ตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ มคี วามตรงตอ่ เวลา 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 ร้จู กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 5. อยูอ่ ย่าง 4.3 เชือ่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ พอเพยี ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และสง่ิ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด 6. มุ่งมัน่ 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ ในการทำงาน 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย 7. รกั ความเปน็ ไทย 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเรจ็ 7.1 มีจติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครทู ำงาน 8.2 ร้จู ักการดแู ล รกั ษาทรัพย์สมบตั แิ ละสิ่งแวดล้อม รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 46 - 60 ดี ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง ลงช่อื ผู้สงั เกต ( ) พ.ศ. วันที่ เดอื น
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 5 เรอ่ื ง การร่อน กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 เวลา 17 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่ือง การแยกสารเน้อื ผสม เวลา 1 ชวั่ โมง สอนวนั ที่ เดอื น พ.ศ. 1. สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหว่างสมบัตขิ องสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี 3. ตัวชวี้ ดั ว 2.1 ป.6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็ก ดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอนโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหา ในชวี ติ ประจำวันเก่ียวกับการแยกสาร 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การร่อน คือ การแยกสารผสมทเ่ี ป็นของแข็งผสมมีขนาดเล็กจนหยบิ ออกไมไ่ ด้ โดยใช้ตะแกรง หรือ กระชอน เป็นอุปกรณ์ในการรอ่ น 5. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) อธบิ ายวิธกี ารแยกสารด้วยการการร่อนได้ (K) 2) ออกแบบขั้นตอนการทดลองการแยกสารผสมดว้ ยการการรอ่ นได้ (P) 3) รบั ผิดชอบและมงุ่ ม่นั ในการทำงานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย (A) 6. คุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ 1) มวี นิ ยั 2) ใฝ่เรยี นรู้ 3) มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 7. สมรรถนะท่สี ำคญั 1) ความสามารถในการคิด 1.1) ทกั ษะการสงั เกต 1.2) ทกั ษะการสำรวจคน้ หา 1.3) ทกั ษะการเช่ือมโยง 2) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 3) ความสามารถในการสอ่ื สาร 4) ความสามารถในการแก้ไขปญั หา
8. ทกั ษะกระบวนการคดิ การคดิ วเิ คราะห์ คิดอย่างมวี จิ ารณญาณ 9. เนือ้ หาสาระ การร่อน เปน็ วธิ ีการแยกสารผสมทีม่ ีของแขง็ ขนาดตา่ งๆ ผสมกนั อยูใ่ หอ้ อกจากกนั โดยของแข็งอาจมี ขนาดเลก็ และไม่สามารถใชม้ อื หยบิ ออกจากกนั จงึ ตอ้ งเลอื กใช้อุปกรณ์ท่มี ีความกวา้ งของรใู หเ้ หมาะสมกับ อนุภาคของสารท่ีตอ้ งการแยกที่ เชน่ ตะแกรงกระชอน โดยการสา่ ยอุปกรณ์ไปมาเพอ่ื ใหส้ ารท่ีมีอนุภาคเลก็ กว่า ลอดผา่ นรูของอปุ กรณไ์ ด้ สว่ นสารที่มอี นุภาคใหญ่กวา่ จะค้างอยู่บนอุปกรณ์น้ัน 10. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ • วิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ Inquiry Method : 5E ข้ันที่ 1 กระตุ้นความสนใจ 1) ครูทบทวนความร้เู กย่ี วกบั วธิ กี ารแยกสารผสมด้วยการรอ่ นว่าสามารถทำไดอ้ ย่างไร และ ตอ้ งมีการเตรียมอุปกรณห์ รอื ไม่อยา่ งไร (แนวคำตอบ : อิสระตามความคดิ เห็นของนกั เรยี น เช่น อปุ กรณท์ ใ่ี ช้ ในการรอ่ น ได้แก่ ตะแกรง กระชอน เป็นตน้ ) 2) ครูให้นักเรียนร่วมกนั แลกเปลีย่ นความคิดเหน็ วา่ ในชวี ิตประจำวันของนกั เรยี นต้ังมกี าร แยกสารด้วยการร่อนหรอื ไม่อยา่ งไร โดยใหน้ ักเรียนทมี่ ีประสบการณใ์ นการรอ่ นสารเนอื้ ผสมไดอ้ ธิบายข้อมลู เพมิ่ เตมิ หนา้ ชั้นเรยี น 3) ครูชแ้ี จงจดุ ประสงค์ในการเรยี นให้แกน่ ักเรียนทราบ ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา 4) ครใู ห้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 3 - 4 คน เพือ่ ร่วมกนั ออกแบบการทดลองสารผสม ด้วย วิธกี ารร่อน 5) ครูให้นักเรียนเลือกสารผสม 3 ชนิด (มีสถานะเป็นของแข็ง และมีขนาดใกล้เคียงกัน) ที่ สามารถใช้วิธีการร่อนได้ จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันระดมความคิดออกแบบการทดลองเพื่อแยกสารผสม ดงั กลา่ ว โดยจะต้องระบุอปุ กรณ์ในการทดลอง และวธิ กี ารทดลอง เปน็ ตน้ 6) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุม่ รว่ มกันระดมความคิดเห็นเพื่อออกแบบการทดลองการแยกสาร เนื้อผสมด้วยวิธีการรอ่ นลงในกระดาษบรู๊ฟ ตกแต่งระบายสีให้สวยงาม โดยมีครูคอยอำนวยความสะดวกและ ใหค้ ำแนะนำนกั เรียนเพมิ่ เติม ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ 7) ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลงานการออกแบบการทดลองแยกสารเน้อื ผสมดว้ ยการ ร่อนหน้าชน้ั เรียน โดยนักเรยี นคนอนื่ ๆ สามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเตมิ อยา่ งสรา้ งสรรคไ์ ด้ 8) ครอู ธบิ ายความรูเ้ พมิ่ เติมใหแ้ ก่นักเรียนทราบว่าสารเนื้อผสมที่เหมาะสมในการร่อน คอื สารผสมทีม่ สี ถานะเปน็ ของแข็ง และใกล้เคียงกนั หรือมขี นาดเลก็ จนไม่สามารถหยบิ หรอื เขีย่ ออกได้ จงึ จำเปน็ ต้องมอี ุปกรณ์ในการช่วยร่อน เชน่ ตะแกรง หรอื กระชอน เป็นต้น
9) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเกี่ยวกับความแตกต่างของการแยกสารดว้ ยวธิ กี ารหยิบออก และวธิ กี ารร่อน เนื่องจากทั้งสองวธิ ีเหมือนกนั ท่ีเปน็ วิธีการท่ใี ชใ้ นการแยกสารผสมทเ่ี ปน็ ของแขง็ แตจ่ ะ แตกต่างกันตรงท่ีขนาดของสารผสม หากสารผสมใหญ่มากพอกจ็ ะใชว้ ธิ กี ารหยิบออก แตถ่ ้าสารผสมมีขนาด เลก็ มากจนมอื ไม่สามารถหยิบไดใ้ ห้ใช้วธิ กี ารร่อน ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ 10) ครูใหน้ ักเรียนร่วมกนั อภิปรายปัจจัยท่มี ผี ลต่อการรอ่ นทำให้การร่อนสารมคี วามละเอียด มากยิ่งขน้ึ คืออะไร (แนวคำตอบ : ขนาดของรูตะแกรง หากขนาดของรูตะแกรงกว้างเกินไปอาจจะทำให้สาร ผสมทงั้ หมดหล่นผ่านรขู องตะแกรงได้) 11) ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับกิจกรรมใน ชีวิตประจำวันหรืออาชีพที่ต้องมีการแยกสารผสมด้วยวิธีการหยิบออก จากนั้นให้นักเรียนทำใบงานเรื่อง การร่อน เพื่อขยายความเข้าใจของนกั เรยี นเพ่ิมเตมิ 12) ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยคำตอบในใบงานเรื่อง การร่อน โดยให้นักเรียนมีบทบาท สำคัญในการให้ขอ้ มูล ส่วนครคู อยเพิม่ เตมิ เนื้อหาใหค้ รบถ้วนสมบรู ณ์มากยิ่งข้ึน ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล 13) ครูส่มุ นกั เรียน 2 คน สรปุ ความร้ทู ไี่ ด้จากการทำกิจกรรม เรือ่ ง การออกแบบการทดลอง แยกสารผสมด้วยการรอ่ น จากน้ันให้เพอ่ื น ๆ ในห้องรว่ มกันแลกเปล่ียนความคิดเห็น 14) ครูตัง้ คำถามเพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนในประเดน็ ตา่ ง ๆ ดังน้ี - สารเน้อื ผสมลักษณะใดที่เหมาะสมใช้การแยกสารด้วยการร่อน (แนวคำตอบ : ของแข็งทมี่ ขี นาดเล็ก) - ใหน้ กั เรยี นยกตัวอย่างสารผสมท่ีใช้วธิ ีการรอ่ นได้ (แนวคำตอบ : อสิ ระตามความคิดเห็นของนักเรยี น) 15) ครปู ระเมนิ นกั เรียนจากการตรวจใบงาน เร่อื ง ประเภทของสารอาหาร บตั รภาพอาหาร และการมีส่วนรว่ มในการตอบคำถามในชัน้ เรยี น 11. สื่อการเรียนรู้ 1) สื่อการเรียนรู้ 1.1) หนงั สอื เรียน วิทยาศาสตร์ ป.6 1.2) ใบงานเร่ือง การรอ่ น 1.3) กระดาษบรฟู๊ 1.4) ปากกาเคมี 2) แหล่งการเรยี นรู้ 2.1) หอ้ งเรยี น 2.2) หอ้ งสมุด
12. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ท่ี วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์ 1 ตรวจใบงาน แบบประเมินการทำงาน ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจสมุด แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2 สังเกตพฤติกรรมการมสี ่วนร่วม การทำงานรายบคุ คล แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ในกจิ กรรม อนั พงึ ประสงค์ 3 สังเกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน บันทกึ การใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ ผลการสอน ปญั หาและอปุ สรรค ข้อเสนอแนะ/ แนวทางแกไ้ ข ลงช่ือ ผสู้ อน (นางสาวสกุ าญจนา แกว้ ขาว) ตำแหน่ง ครูโรงเรียนวัดศาลาตกึ สทิ ธิชยั วิศาล วนั ที่ เดอื น พ.ศ.
แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้สาระวทิ ยาศาสตร์ ลำดบั เกณฑ์คุณภาพ คณุ ภาพ 321 1 เขียนสาระสำคญั ครอบคลุมองค์ความรู้ แนวปฏบิ ัตคิ ุมคา่ 2 จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมสอดคล้องกบั KAP 3 สาระเรยี นร้คู รอบคลุมเน้ือหา เนอ้ื หา กระบวนการ คุณลกั ษณะ 4 กจิ กรรมการเรียนรู้เนน้ สมอง RL เกิด Active Learning 5 ออกแบบแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสมกับผเู้ รียน 6 ออกแบบการวัดประเมนิ จากชิ้นงานกลมุ่ /เดยี่ วของผเู้ รยี น 7 มคี วามสัมพันธร์ ะหว่างองคป์ ระกอบข้อท1ี่ -6 8 สอื่ การเรยี นรู้สอดคล้อง จุดประสงค์ ตรงเน้อื หา น่าสนใจ เหมาะสมกับวยั สะดวกใช้ รวม เฉล่ีย เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ภาพ 2.5 – 3 ระดับ 3 หมายถงึ ดี 1.5 – 2.49 ระดบั 2 หมายถงึ พอใช้ 0 - 1.49 ระดับ 1 หมายถึง ปรับปรุง กิจกรรมเสนอแนะ (ถ้าม)ี ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ลงชอื่ ผู้ประเมนิ (นายอดุ มศกั ดิ์ เตยี วตอ๋ ย) ตำแหนง่ ผู้อำนวยการโรงเรยี นวดั ศาลาตกึ สิทธิชัยวิศาล วนั ที่ เดอื น พ.ศ.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169