Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

B 1

Published by Monthira Phuchada, 2021-09-21 03:36:52

Description: B 1

Search

Read the Text Version

๓๒๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ สว่ นพระราชมารดามไิ ดแ้ สดงความรสู้ กึ อนั ใด ไดต้ รสั แกพ่ ระโอรสวา่ อยา่ งนอ้ ยในวาระสดุ ทา้ ยและสำคญั ที่สุดในชีวิตของพระองค์ พระองค์ก็สามารถรำลึกได้ว่า พระองค์เป็นกษัตริย์ เพราะพระองค์กำลังมี ความทกุ ขใ์ นโชคเคราะห์ ซง่ึ ไมอ่ าจหลกี เลย่ี งได้ ภายหลงั การสำเรจ็ โทษพระเจา้ แผน่ ดนิ ๑และพระราชมารดาแลว้ ออกญากลาโหมมคี ำสง่ั ใหป้ ระหาร ชวี ติ ทกุ คนทเ่ี ปน็ พวกพอ้ งของพระเจา้ แผน่ ดนิ รวมทง้ั ผทู้ ม่ี ไิ ดเ้ ขา้ รว่ มในการกบฏของตน คนอน่ื ๆ นอกนน้ั ไดถ้ กู เนรเทศบา้ ง ถกู ยา้ ยสงั กดั กรมกอง หรอื ถกู ถอดออกจากตำแหนง่ บา้ ง ทรพั ยส์ มบตั ขิ องผทู้ ถ่ี กู ประหารชวี ติ หรอื ผทู้ ถ่ี กู ถอด ตอ้ งถกู รบิ ราชบาตร และนำไปแจกจา่ ยกนั ในบรรดาพรรคพวกของออกญากลาโหม โดยวธิ นี ้ี ความเปลย่ี นแปลงครง้ั ใหญจ่ งึ เกดิ ขน้ึ ในอาณาจกั รสยาม เพราะวา่ ขนุ นางผใู้ หญห่ ลายคนตอ้ งสญู สน้ิ อสิ รภาพ และทรพั ยส์ นิ ในขณะเดยี วกนั พวกไพรจ่ ำนวนมากกลบั กลายเปน็ เสนาบดี และเปน็ พวกทม่ี อี ำนาจทส่ี ดุ ในราชสำนกั พระเจ้าแผ่นดินได้ถูกสำเร็จโทษในลักษณาการดังที่ได้บรรยายมาแล้ว สองออกญาคือ ออกญา กลาโหมและออกญาพระคลงั ไดถ้ อื โอกาสในเวลาคำ่ คนื ลงเรอื มาตามลำพงั โดยไมม่ ที หารคมุ้ กนั หรอื ขา้ ทาส ตามมาแมแ้ ตส่ กั คน ทง้ั นเ้ี พอ่ื ลอบไปหาออกญาเสนาภมิ ขุ * แมก่ องอาสาญป่ี นุ่ เพอ่ื หยง่ั ความรสู้ กึ ในใจเรอ่ื ง การเลือกผู้ที่จะสืบราชบัลลังก์ต่อไป ออกญากลาโหมกล่าวต่อหน้าออกญาเสนาภิมุขว่า บ้านเมืองไม่อาจ ตง้ั อยไู่ ดโ้ ดยปราศจากพระเจา้ แผน่ ดนิ พระเจา้ อยหู่ วั พระองคก์ อ่ น** ผเู้ ปน็ พระราชบดิ าของพระเจา้ แผน่ ดนิ องคท์ เ่ี พง่ิ สวรรคตน้ี ๒ ไดท้ ง้ิ พระราชโอรสและพระราชธดิ าเลก็ ๆ ไวเ้ ปน็ จำนวนมาก เขากลา่ ววา่ การทจ่ี ะ ไวว้ างใจยกเจา้ ชายองคน์ อ้ ย ๆ ขน้ึ เปน็ กษตั รยิ น์ น้ั นา่ ทจ่ี ะเปน็ อนั ตราย เปน็ ทน่ี า่ สงั เวชทจ่ี ะเหน็ เดก็ ปกครอง อาณาจักรที่ยิ่งด้วยอำนาจ เขาขอร้องให้ออกญาเสนาภิมุขลงความเห็นว่าจะเป็นการโง่เขลาหรือไม่ ที่จะเลือกขุนนางที่มีอำนาจสูงสุดคนหนึ่งซึ่งสมควรปกครองแผ่นดิน และสมควรได้สวมมงกุฎชั่วคราว จนกวา่ เจา้ ชายจะอยใู่ นภาวะทจ่ี ะปกครองประเทศดว้ ยพระองคเ์ องได้ ทง้ั นเ้ี พอ่ื ปอ้ งกนั ความยงุ่ ยากทง้ั มวล ตามความคดิ นข้ี นุ นางผทู้ ไ่ี ดร้ บั เลอื กจะตอ้ งไมเ่ หน็ แกเ่ กยี รตยิ ศและเขา้ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทน่ี ใ้ี นอำนาจของรชั ทายาท ๑ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ได้พิจารณาตรวจสอบและมีมติให้แก้ไขปีขึ้นครองราชย์ และสวรรคตของสมเด็จ พระเชษฐาธริ าช เป็น พ.ศ. ๒๑๗๑ - ๒๑๗๒ รวมระยะเวลาอยู่ในราชสมบัติ ๘ เดือน * Oya Senaphimoc ** สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ๒ สมเด็จพระเชษฐาธิราช

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๒๑ ที่แท้จริง ออกญาเสนาภิมุขล่วงรู้ในเจตนาของออกญากลาโหมดี จึงตอบว่า ถ้ามีความจำเป็นที่จะเลือก คดั ขนุ นางคนใดคนหนง่ึ แลว้ ควรจะเลอื กตวั ออกญากลาโหมเอง ดว้ ยเหตทุ เ่ี ปน็ เชอ้ื พระวงศแ์ ละเปน็ ขนุ นาง ทม่ี อี ำนาจมากทส่ี ดุ ไมม่ คี นใดกลา้ ขดั ขวางได้ เขากลา่ ววา่ \"อกี ประการหนง่ึ ถา้ คนทง้ั หลายเลอื กทา่ นแลว้ ทุกคนก็จะถือเหตุกล่าวโทษการกระทำของเรา และเชื่อว่าเราก่อการกบฏขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือตามแผนการ ทุจริตของท่าน และเพื่อให้อำนาจสิทธิ์ขาดในการปกครองตกอยู่ในมือของท่าน ถ้าหากว่าเลือกขุนนาง คนอน่ื ๆ กเ็ กรงวา่ เขาจะตอ้ งการเปน็ ผคู้ รองแผน่ ดนิ ตลอดไป แมว้ า่ เจา้ ชายจะทรงเจรญิ พระชนั ษาถงึ ขดี ท่ี จะมพี ระสตริ อบคอบแลว้ กต็ าม ทง้ั นเ้ี พอ่ื ทจ่ี ะไดย้ ดึ มงกฎุ ไวเ้ ปน็ ของตนเองและวงศต์ ระกลู บคุ คลผนู้ น้ั จะ ทำลายลา้ งพระราชวงศเ์ สยี สน้ิ \" ออกญาเสนาภมิ ขุ กลา่ วตอ่ ไปวา่ คนทง้ั หลายจะตอ้ งลงความเหน็ วา่ กษตั รยิ ส์ องพระองคไ์ ดส้ วรรคต ไปแลว้ การนองเลอื ดกม็ มี าก จงึ ควรจะยตุ กิ ารยงุ่ เหยงิ เสยี ที เพอ่ื จะไดส้ รา้ งความสงบสขุ ใหแ้ กบ่ า้ นเมอื ง ออกญาเสนาภมิ ขุ แนะนำวา่ ขนุ นางทง้ั หลายควรจะสถาปนาเจา้ ชายพระองคห์ นง่ึ ผเู้ ปน็ พระอนชุ าองคใ์ หญ่ ทส่ี ดุ ของพระเจา้ แผน่ ดนิ ทเ่ี พง่ิ สวรรคต ขน้ึ เปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ แทน และวา่ คนทง้ั หลายควรถวายการพทิ กั ษ์ รกั ษาพระองคท์ า่ น และตำแหนง่ ผสู้ ำเรจ็ ราชการของประเทศควรไดแ้ กอ่ อกญากลาโหม ซง่ึ เปน็ อคั รมหา เสนาบดีของรัชกาลที่แล้ว ให้เป็นผู้ถวายคำแนะนำที่สมควรแก่พระเจ้าแผ่นดินและเพื่อช่วยดำเนินกิจการ บ้านเมืองด้วย ออกญาเสนาภิมุขกล่าวคัดค้านสำหรับตนเองว่า ในเมื่อยังมีเจ้าชายแห่งราชตระกูลซึ่ง สมควรกับพระเกียรติยศยิ่งใหญ่นี้โดยชาติกำเนิด ตนจะไม่ยอมให้คนอื่นแปลกปลอมได้สวมมงกุฎเลย และวา่ ตนจะคดั คา้ นขอ้ เสนอเชน่ นน้ั อยา่ งเตม็ ท่ี เมอ่ื เหน็ วา่ จะไมไ่ ดร้ บั ผลประการใดแลว้ ออกญากลาโหม จงึ ไดก้ ระทำไปตามความเหน็ ชอบในอารมณแ์ ละเหตผุ ลของออกญาเสนาภมิ ขุ ทใ่ี หค้ ดั เลอื กตวั เจา้ ชายผเู้ ยาว์ แตอ่ อกญากลาโหมปฏเิ สธตำแหนง่ ผพู้ ทิ กั ษร์ กั ษาและตำแหนง่ ผสู้ ำเรจ็ ราชการแผน่ ดนิ ในวนั รงุ่ ขน้ึ เขาไปยงั พระบรมมหาราชวงั เรยี กประชมุ เสวกามาตยท์ ง้ั ปวง และแถลงแกข่ นุ นางทง้ั หลายวา่ อาณาจกั รสยามไมอ่ าจ ดำรงอยไู่ ดโ้ ดยปราศจากพระเจา้ แผน่ ดนิ และโดยทย่ี งั มเี จา้ ชายหลายพระองคท์ เ่ี ปน็ พระราชโอรสของพระเจา้ ทรงธรรมและเปน็ พระอนชุ าของพระเจา้ อยหู่ วั ทส่ี วรรคตไปแลว้ ในบรรดาเจา้ ชายองคอ์ น่ื ๆ ๓ องค์ มอี ยู่ องคห์ นง่ึ ซง่ึ สมควรขน้ึ ครองราชย์ เจา้ ชายพระองคน์ พ้ี ระชนม์ ๑๐ พรรษาหรอื ราว ๆ นน้ั เขาเชอ่ื วา่ ขนุ นาง ทั้งหลายคงไม่อาจเลือกคัดเจ้าชายองค์ใดดีกว่าเจ้าชายองค์นี้ และแสดงความเห็นว่าขุนนางทั้งหลาย คงจะยกย่องพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ ที่ประชุมทั้งหมดเห็นพ้องในข้อเสนอนี้ เฉพาะอย่างยิ่งออกญา เสนาภมิ ขุ แสดงความยนิ ดเี ตม็ ใจดว้ ย ฉะนน้ั เจา้ ชายผเู้ ยาวว์ ยั จงึ ไดร้ าชาภเิ ษกเปน็ กษตั รยิ ์ ทรงพระนามวา่

๓๒๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ พระองค์อาทิตย์สุรวงศ*์ (Phraongh Athit Socras Wangh)๑ การเลือกนี้เป็นที่พึงพอใจไม่เพียงแต่ ในบรรดาขนุ นางเทา่ นน้ั แมร้ าษฎรกพ็ อใจ เพราะหวงั วา่ งานสำคญั ครง้ั นจ้ี ะชว่ ยใหบ้ า้ นเมอื งรม่ เยน็ เปน็ สขุ ดงั แตก่ อ่ นมา ทป่ี ระชมุ เดยี วกนั นไ้ี ดพ้ รอ้ มใจกนั แตง่ ตง้ั ใหอ้ อกญากลาโหมเปน็ ผคู้ มุ้ ครองดแู ลพระเจา้ แผน่ ดนิ และเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ตามความเหมาะสมแห่งเกียรติ โดยชาติกำเนิด ออกญากลาโหมเป็น เชื้อพระวงศ์และเป็นพระญาติสนิทของพระเจ้าแผ่นดิน เขาปฏิเสธไม่ยอมรับตำแหน่งนี้อยู่นาน และ ในทส่ี ดุ กย็ อมรบั เมอ่ื ทป่ี ระชมุ ทง้ั หมดออ้ นวอนและยนื ยนั ใหเ้ ขารบั ตำแหนง่ น้ี เนอ่ื งจากวยั วฒุ ขิ องพระเจา้ แผน่ ดนิ รวมทง้ั อำนาจทม่ี เี หนอื พระองค์ และอำนาจหนา้ ทท่ี ต่ี ง้ั ตนขน้ึ สงู ในอาณาจกั ร โดยอาศยั หนา้ ทส่ี ำคญั ในการปกครองดแู ลพระเจา้ แผน่ ดนิ และเปน็ ผสู้ ำเรจ็ ราชการแผน่ ดนิ ทำใหค้ วามหวงั ของออกญากลาโหมมน่ั คงขน้ึ อยา่ งนา่ อศั จรรย์ เปน็ ทภ่ี าคภมู ใิ จในความสามารถ ออกญา กลาโหมมองเหน็ ลว่ งหนา้ โดยแจม่ ชดั วา่ ตนจะมอี ำนาจสมบรู ณส์ งู สดุ ไมไ่ ดเ้ ลย ถา้ หากตนไมม่ สี ายตาไกล และเรง่ กำจดั ผมู้ อี ำนาจ ทเ่ี ปน็ อปุ สรรคทง้ั ๒ คนคอื ออกญากำแหงและออกญาเสนาภมิ ขุ กอ่ นหนา้ น้ี ออกญากลาโหมสญั ญาจะใหต้ ำแหนง่ กษตั รยิ แ์ กอ่ อกญากำแหง อกี ผหู้ นง่ึ คอื ออกญาเสนาภมิ ขุ ซง่ึ ขดั ขวาง โดยแสดงอย่างเปิดเผยว่า จะไม่ยอมให้ราชบัลลังก์ตกอยู่แก่ขุนนางคนหนึ่งคนใด ในเมื่อเจ้าชายแห่งราช ตระกลู ยงั ดำรงชนมชพี อยู่ ออกญากลาโหมมเี หตผุ ลบางประการทจ่ี ะกราบทลู พระเจา้ อยหู่ วั วา่ ออกญา กำแหงมใี จอาจเออ้ื มอยากไดต้ ำแหนง่ กษตั รยิ ์ โดยทไ่ี ดเ้ ขา้ สวมตำแหนง่ นน้ั โดยไมร่ ง้ั รอ ภายหลงั ทพ่ี ระเจา้ แผ่นดินองค์ที่แล้วทรงหลบหนีไป และยังขอร้องออกญากลาโหมให้ยกย่องตนในฐานะพระเจ้าแผ่นดิน และใหส้ วมมงกฎุ ให้ ออกญากลาโหมพยายามยุแหย่ในเรื่องนี้ เพื่อให้ออกญากำแหงเป็นที่รังเกียจและเป็นผู้กระทำ ความผดิ ในสายพระเนตรของพระเจา้ แผน่ ดนิ เพอ่ื เปน็ การทำลายลา้ งออกญากำแหง อนั ทจ่ี รงิ กเ็ พอ่ื มใิ หอ้ ำนาจ และทรพั ยส์ มบตั ขิ องออกญากำแหงเปน็ อปุ สรรคตอ่ แผนการทะเยอทะยานของเขาไดต้ อ่ ไป ดงั นน้ั ออกญา กลาโหมจึงเปิดเผยวัตถุประสงค์ของตนให้ออกญาพระคลังรู้ และทั้งสองเห็นพ้องต้องกันที่จะใส่ความ ออกญากำแหง จะกราบทลู ใหพ้ ระเจา้ แผน่ ดนิ ทรงทราบวา่ ขนุ นางผนู้ ก้ี ลา้ หาญชาญชยั ทจ่ี ะยกตนขน้ึ ครอง * ตามพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระอาทิตยวงศ์ เป็นพระอนุชาของสมเด็จพระเชษฐาธิราช ฉบับ ฮอลนั ดา เขยี นวา่ Phra Ongh -Athit Soera Wangh ๑ พระอาทิตยวงศ์ แห่งราชวงศส์ โุ ขทยั กษัตริย์ลำดับที่ ๒๓ แห่งกรงุ ศรอี ยธุ ยา ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. ๒๑๗๒-๒๑๗๒ (ที่มา : คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ) นอกจากนี้ในสังคีติยวงศ์ พงศาวดาร เรื่องสังคายนาพระธรรมวินัย ยังได้ระบุถึงพระนามเป็น สมเดจ็ พระอาทจิ จวงศ์ หรอื พระอาทจิ จวงศ์

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๒๓ บลั ลงั กใ์ นรชั สมยั ของพระเจา้ แผน่ ดนิ พระองคก์ อ่ น และยงั มคี วามทะเยอทะยานสงู พอทจ่ี ะตง้ั ตนเปน็ ศตั รกู บั พระเจ้าแผ่นดินองค์ปัจจุบัน และว่าความผิดที่ออกญากำแหงก่อขึ้นในการแสวงหาลู่ทางที่จะได้เป็น พระเจา้ แผน่ ดนิ นส้ี มควรลบลา้ งดว้ ยความตาย สำหรบั งานครง้ั นอ้ี อกญากลาโหมรบั หนา้ ทเ่ี ปน็ ผกู้ ลา่ วโทษ และออกญาพระคลงั รบั หนา้ ทเ่ี ปน็ พยาน ครั้นแล้วออกญากลาโหมได้ไปเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน กราบทูลว่าออกญากำแหงเป็นตัวการสำคัญ ในการหลบหนแี ละการสวรรคตของพระเจา้ แผน่ ดนิ องคก์ อ่ น และวา่ ออกญากำแหงเปน็ ผยู้ ยุ งสง่ เสรมิ ขนุ นาง ทง้ั หลายโดยใชก้ ำลงั อำนาจ ขา้ ทาส บรวิ าร ชา้ ง และบงั คบั ใหข้ นุ นางจำนวนมาก กอ่ การกบฏขน้ึ ซง่ึ ภายหลงั ทพ่ี ระเจา้ แผน่ ดนิ เสดจ็ หนไี ปแลว้ ตวั ออกญากำแหงไดข้ น้ึ นง่ั บนบลั ลงั ก์ แตง่ กายดว้ ยเครอ่ื งทรงของกษตั รยิ แ์ ละ บงั คบั ใหต้ น (ออกญากลาโหม) สวมมงกฎุ ใหแ้ ละแตง่ ตง้ั ใหอ้ อกญากำแหงเปน็ กษตั รยิ ์ ทง้ั ทลู อกี วา่ ออกญา กำแหงจะบรรลคุ วามประสงค์ ถา้ หากไมถ่ กู พวกตนเขา้ ขดั ขวางไว้ เขาไดก้ ลา่ วตอ่ ไปวา่ ออกญากำแหงชอบ ใหม้ กี ารชมุ นมุ และมใี จฝกั ใฝอ่ ยใู่ นพระปติ ลุ าเนอื ง ๆ มแี ผนการทจ่ี ะรวมกำลงั ของพระปติ ลุ าเขา้ กบั กองทพั ของ พระเจา้ แผน่ ดนิ ซง่ึ ตนปกครองอยใู่ นฐานะแมท่ พั ถา้ หากวา่ ไมถ่ กู ออกญาเสนาภมิ ขุ และทหารญป่ี นุ่ ขดั ขวางไว้ ออกญากลาโหมกราบทูลต่อไปว่า ออกญากำแหงแสดงความเศร้าโศกเสียใจอย่างใหญ่หลวงในการ สวรรคตของพระปิตุลา และกล้ากล่าวว่าการสำเร็จโทษครั้งนี้จะต้องได้รับการลงโทษและแก้แค้นทดแทน กับเสริมว่า ออกญากำแหงปฏิบัติงานทุกอย่างอย่างเสียมิได้ เพราะไม่อาจจะหวังความดีความชอบ ออกญากำแหงเปน็ ศตั รขู องพระราชโอรสของพระเจา้ ทรงธรรม ยงั มใี จนยิ มในคณุ งามความดขี องพระปติ ลุ า แต่ทว่าเก็บซ่อนความเกลียดชังที่มีต่อบรรดาคนซึ่งตนเรียกว่าพวกชิงราชสมบัติเอาไว้ในใจ เป็นไปไม่ได้ที่ ความเกลียดชังจะหมดสิ้นไป ฉะนั้นออกญากำแหงควรได้รับโทษถึงตายในการกระทำทั้งปวง ออกญา พระคลังรับรองถ้อยคำที่ออกญากลาโหมกราบทูลทุกประการเพราะทั้งสองร่วมกันกราบทูลจึงเป็นเหตุให้ พระเจ้าแผ่นดินทรงเชื่อว่าจำเป็นต้องจัดการกับออกญากำแหง เพื่อความปลอดภัยของพระองค์เองและ เพื่อความยืนยงของบ้านเมือง เยาวกษัตริย์ซึ่งที่แท้ก็เป็นเพียงเด็กเท่านั้นได้ทรงเห็นชอบด้วยในเรื่องนี้ และทรงออกคำสง่ั จบั ออกญากำแหงขงั คุก ใหพ้ นั ธนาการเทา้ มอื แขน และคอดว้ ยโซต่ รวน บา้ นเรอื น ของออกญากำแหงถูกปล้น ข้าทาสบริวารถูกแบ่งปันกันในบรรดามิตรสหายของออกญากลาโหม ฉะนั้น เพียงครู่เดียวออกญากำแหงก็เห็นว่าตนเองไร้ทั้งทรัพย์อับทั้งเพื่อน แต่แม้จะถูกกระทำถึงเพียงนี้ ออกญา กำแหงก็มิได้รู้สึกทุกข์ร้อนมากมายนัก ด้วยเชื่อว่าเป็นผลมาจากความกริ้วของพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งถูกศัตรู ของออกญากำแหงเองชักนำให้พระองค์เขวไป และเชื่อว่าออกญากลาโหมลูกชายคนดีของตนคงจะนำ

๓๒๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ความสงบสุขมาให้ในไม่ช้า และตนเองคงจะได้เป็นอิสระออกจากคุกพร้อมด้วยเกียรติยศแลได้รับชดเชย คา่ เสยี หาย ออกญากลาโหมไปเยย่ี มออกญากำแหงในคกุ แสรง้ ทำเปน็ ประหลาดใจอยา่ งยง่ิ ท่ีออกญากำแหง ถกู ถอดและแสดงความฉงนใจมากทพ่ี ระเจา้ แผน่ ดนิ กระทำถงึ เชน่ น้ี ออกญากลาโหมปลอบออกญากำแหง และแนะนำใหอ้ ดทน ทง้ั รบั รองวา่ ออกญากำแหงจะไดพ้ น้ จากทค่ี มุ ขงั โดยเรว็ วนั ออกญากลาโหมชแ้ี จงวา่ การกระทำของพระเจา้ แผน่ ดนิ เปน็ ไปอยา่ งเจา้ ชายหนมุ่ และวา่ ราษฎรโชคไมด่ ที อ่ี ยภู่ ายใตอ้ ำนาจกษตั รยิ ห์ นมุ่ แต่ก็สัญญาว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้และให้เป็นธุระของตน ออกญากำแหงจะได้ออกจากคุกในไม่ช้า โดยรับรองว่าจะต้องได้เป็นอิสระไม่พ้นคืนนี้ ออกญากลาโหมไม่เสียคำพูดเพราะประมาณ ๒ ชั่วโมง กอ่ นตะวนั ตกดนิ ออกญากำแหงถกู นำตวั ออกจากคกุ ตรงไปยงั ประตทู า่ จา้ วหรือทา่ ชา้ ง ทฝ่ี ง่ั แมน่ ำ้ เพอ่ื ประหารชีวิต เมื่อทราบว่าตนกำลังเผชิญกับความตายและถูกออกญากลาโหมหลอกลวง ออกญากำแหง จึงพูดต่อว่าออกญากลาโหมอย่างรุนแรง สาธยายถึงความคิดคดกบฏของออกญากลาโหมที่เจาะจง ให้ตนเป็นบิดา ด้วยเจตนาที่จะฆ่าฟันตนซึ่งเป็นคนบริสุทธิ์ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล แย่งชิงทรัพย์สมบัติและเอาบุตรภรรยาของตนไปเป็นข้าทาส ออกญากำแหงกล่าวว่า ออกญากลาโหม เป็นผู้ยุแหย่พระเจ้าแผ่นดินให้ทรงมีอคติ โดยกล่าวใส่ไคล้ตนอย่างไม่ตรงกับความจริง ด้วยความโลภ และความมักใหญ่ใฝ่สูงของออกญากลาโหม และว่าออกญากลาโหมใช้ตนเป็นบันไดก้าวขึ้นไปสู่ ฐานันดรศักดิ์กษัตริย์ เมื่อได้ระบายความโกรธแค้นในชั้นแรกนี้แล้ว ออกญากำแหงได้ขอร้องให้นำตน ไปเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ และขอร้องให้มีการแต่งตั้งตุลาการพิจารณาตัดสินคดี ให้เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง แต่ทว่าคดีนี้หมดปัญหาในเรื่องพิจารณา มีแต่การประหารชีวิต อยา่ งเดยี ว ดงั นน้ั เพชฌฆาตจงึ มดั ออกญากำแหงตดิ กบั หยวกกลว้ ย วางใหน้ อนลงบนพน้ื ดนิ ใชด้ าบโคง้ ฟนั ทส่ี ขี า้ งดา้ นซา้ ยไสพ้ งุ กไ็ หลออกมา การฆา่ ออกญากำแหงจบลงดว้ ยการเอาหวายแทงทค่ี อ แลว้ เสยี บ ประจานรา่ งไวบ้ นขาหยง่ั ทำดว้ ยไมไ้ ผล่ ำใหญ่ เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ตวั อยา่ งของผถู้ กู ลงโทษในฐานสมรรู้ ว่ มคดิ ตอ่ ตา้ น องคพ์ ระมหากษตั รยิ ์ ออกญาเสนาภมิ ขุ ไมไ่ ดอ้ ยทู่ พ่ี ระราชวงั ในวนั นน้ั แตท่ ราบเรอ่ื งราวทไ่ี ดเ้ กดิ ขน้ึ แกอ่ อกญากำแหง และ ทราบวา่ ออกญากำแหงถกู ประหารโดยวธิ ใี ด ออกญาเสนาภมิ ขุ โกรธแคน้ เปน็ อยา่ งยง่ิ โดยเฉพาะโกรธออกญา กลาโหม เพราะถา้ หากออกญากลาโหมมไิ ดเ้ ปน็ ผทู้ ลู ยยุ งใหป้ ระหารชวี ติ ออกญากำแหง อยา่ งนอ้ ยกค็ งสามารถ ทดั ทานเอาไวไ้ ดด้ ว้ ยอำนาจของตนโดยการขอพระราชทานอภยั โทษตอ่ พระเจา้ แผน่ ดนิ แรกทเี ดยี วเขาไมเ่ ชอ่ื วา่

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๒๕ ออกญากลาโหมเปน็ ผกู้ ลา่ วโทษออกญากำแหง แตอ่ อกญาเสนาภมิ ขุ โกรธแคน้ เพราะวา่ ออกญากลาโหมไม่ ทูลเตือนทั้ง ๆ ที่สามารถจะทำได้ ครั้นเมื่อไปถึงพระราชวัง ออกญาเสนาภิมุขจึงสั่งให้ปลดร่างของ ออกญากำแหงลงจากขาหยั่งให้นำไปฝังเสีย ออกญาเสนาภิมุขร้องไห้อาลัยรักออกญากำแหงผู้เป็นเพื่อน ความสงสารทอ่ี อกญาเสนาภมิ ขุ แสดงออกมานไ้ี มเ่ ปน็ ทพ่ี อใจออกญากลาโหม แตอ่ อกญากลาโหมไมก่ ลา้ แสดงความโกรธเคอื งออกมา เพราะเกรงอำนาจยง่ิ ใหญแ่ ละความสำคญั ในตำแหนง่ หนา้ ทท่ี อ่ี อกญาเสนา- ภิมุขดำรงอยู่ อสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินอื่น ๆ ของออกญากำแหงที่ไม่ได้ถูกปล้นสะดม เป็นต้นว่า ชา้ งมา้ เครอ่ื งศตั ราวธุ เหรยี ญ ทอง เงนิ ซง่ึ คนไทยชอบฝงั ดนิ ไว้ และขา้ ทาสบรวิ ารทไ่ี มอ่ ยใู่ นเวลาเขา้ ปลน้ นน้ั ตกเป็นของออกญากลาโหมและออกญาพระคลังสิ้น คนทั้งสองแจกจ่ายทรัพย์สมบัติเหล่านี้ไปในทางบำรุง ความสุขให้แก่พรรคพวกและบริวาร ซึ่งยังมีความสำคัญต่อผลประโยชน์ของตนมาก แล้วนำภรรยาเอก ๆ และอนุภรรยาของออกญากำแหงรวมทั้งบุตรสาวไปยังพระราชวัง เพื่อให้เป็นนางรับใช้พระราชินีในฐานะ นางทาส ส่วนคนอื่น ๆ นั้นยกให้กับมิตรสหายที่ใกล้ชิด คนทั้งสองพาบุตรชายบางคนของออกญากำแหง ไปยงั พระราชวงั และแบง่ เฉลย่ี กนั ในบรรดาขนุ นาง ทท่ี ำดงั นเ้ี พราะบตุ รสาวหรอื ภรรยาไมอ่ าจเรยี กรอ้ งสทิ ธิ ในทรพั ยม์ รดกได้ และบตุ รชายเทา่ นน้ั ทส่ี ามารถเรยี กรอ้ งสทิ ธไิ ดใ้ นภายหนา้ ความเวทนาสงสารทอ่ี อกญาเสนาภมิ ขุ กลา้ แสดงออกตอ่ ศพของออกญากำแหง ซง่ึ ถกู ประหารตาม คำพิพากษาและพระเจ้าแผ่นดินไม่ทรงสนพระทัยนี้เป็นข้อที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง ในสายตาของออกญา กลาโหมลงความเหน็ วา่ ความเขา้ อกเขา้ ใจกนั ระหวา่ งขนุ นางทง้ั ๒ นต้ี อ้ งมอี ยใู่ หญห่ ลวงเกนิ กวา่ ทต่ี นคดิ หรอื มากกวา่ ทค่ี นทง้ั สองแสดงออกมาใหป้ รากฏ ดว้ ยความกลวั การเขา้ ใจผดิ กนั ทางดา้ นทหารญป่ี นุ่ ทำให้ ออกญากลาโหมต้องการให้ตนเองมีกำลังกล้าแข็งเพราะได้ความรักใคร่ไมตรีของขุนนางทั้งปวง ทั้งนี้ เพื่อจะได้ต่อต้านพวกทหารญี่ปุ่นได้ ออกญากลาโหมก็ตั้งตนให้เป็นที่ชอบพอของขุนนางให้มากที่สุด เทา่ ทจ่ี ะทำได้ ทางฝา่ ยออกญาเสนาภมิ ขุ นน้ั กม็ ขี อ้ พสิ จู นม์ ากหลายในเรอ่ื งความทจุ รติ คดโกง และความ เจตนาร้ายของออกญากลาโหมจึงงดไม่ไปพระราชวังทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะกับออกญากลาโหม แต่ออกญากลาโหมไม่อาจจะอดทนรอพบออกญาเสนาภิมุขที่พระราชวังได้ จึงตกลงใจไปหาที่บ้านหมาย จะปรับทุกข์เรื่องตำแหน่งหน้าที่ของตนเอง ออกญากลาโหมตัดสินใจจะออกปากพูดว่า มันเป็นงานที่ เหลือจะทนทานได้ เพราะตนถูกบังคับให้เหนี่ยวรั้งความวิตถารของพระเจ้าแผ่นดินผู้ยังเยาว์พระชันษา ไม่อาจหวังได้ว่าพระองค์จะทรงพระปรีชาฉลาดขึ้น เขาใคร่จะพูดว่าหน้าที่ที่เขารับภาระอยู่ ย่อมทำให้ เขาเป็นที่ไม่ไว้วางใจของศัตรู ซึ่งปล่อยภาระทุกอย่างให้ตนรับผิดชอบต่อสิ่งซึ่งพระเจ้าแผ่นดิน

๓๒๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ทรงปฏิบัติโดยขัดต่อคำแนะนำของตน ออกญากลาโหมต้องการแสดงความบริสุทธิ์ของตนในเรื่อง มรณกรรมของออกญากำแหง แต่ออกญาเสนาภิมุขล่วงรู้ในเจตนาของการมาเยี่ยมเยียนครั้งนี้ จึงสั่งให้ ปดิ ประตไู มย่ อมเจรจาดว้ ย ออกญากลาโหมมคี วามโกรธ แตม่ ไิ ดแ้ สดงความรสู้ กึ แคน้ เคอื งออกมา ในขณะนน้ั นายเซบอลด์ วอนเดอเรยี ร์ (Sebald Wondereer) นายพาณชิ ผทู้ ำการคา้ โดยเสรซี ง่ึ เปน็ กปั ตนั เรอื รบั สง่ สนิ คา้ ชอ่ื \"เพลิ \" และเปน็ ผเู้ กบ็ ผลประโยชน์ รายไดข้ องบรษิ ทั อนิ เดยี ตะวนั ออกทเ่ี มอื งปตั ตาเวยี ไดเ้ ดนิ ทางมาถงึ แมน่ ำ้ ของไทย ณ กรงุ ศรอี ยธุ ยา ออกญากลาโหมเกรงวา่ ออกญาเสนาภมิ ขุ อาจจะใชพ้ วกฮอลนั ดาใหด้ ำเนนิ การบางอยา่ งเพอ่ื ลบหลู่ ตนและเกยี รตยิ ศของตน เพอ่ื เปน็ การแกแ้ คน้ ในมรณกรรมของออกญากำแหง ดงั นน้ั ออกญากลาโหมจงึ ได้ แจง้ ใหน้ ายเรอื ผนู้ ท้ี ราบถงึ สถานการณม์ สิ ดู้ ภี ายในบา้ นเมอื ง เพอ่ื ใหก้ ปั ตนั เรอื ระมดั ระวงั และไมก่ ระทำการ ใด ๆ หากถกู บบี บงั คบั ใหเ้ ขา้ เปน็ พรรคพวกของฝา่ ยใด แตใ่ หพ้ จิ ารณาเฉพาะเรอ่ื งทจ่ี ะเปน็ ผลประโยชนข์ อง พระเจา้ แผน่ ดนิ เทา่ นน้ั และเพอ่ื สรา้ งความนยิ มในขา้ งตน ออกญากลาโหมไดใ้ หด้ าบโคง้ เลม่ หนง่ึ จากพระคลงั หลวง เป็นของกำนัลแก่ชาวฮอลันดาผู้นี้ ดาบเล่มนี้มีกระบังและลวดลายที่ฝักดาบเป็นทองฝังพลอย ในวาระนั้นออกญากลาโหมก็ปล่อยข่าวลือแพร่ไปว่า ออกญาเสนาภิมุขได้ทำความตกลงกันเป็นพิเศษกับ กัปตันเรือผู้นี้ และว่าออกญาเสนาภิมุขมีเจตนาจะรวมกำลังลูกเรือสินค้าเข้ากับกองทหารญี่ปุ่นของตน เพื่อเข้าโจมตีพระเจ้าแผ่นดินในพระราชวังหลวง ข่าวลือนี้ทำความหวั่นวิตกให้แก่ขุนนางและราษฎร จนคนเหลา่ นน้ั เรม่ิ พกศสั ตราวธุ ไวก้ บั ตวั แตน่ น่ั มใิ ชค่ วามมงุ่ หมายของออกญากลาโหม เขาตอ้ งการประโยชน์ จากข่าวลือเพียงเพื่อหาโอกาสเหมาะที่จะพูดจาตกลงกับออกญาเสนาภิมุข จะได้กล่อมเกลาความรู้สึก ข้องใจซึ่งออกญาเสนาภิมุขอาจยังคงมีอยู่ในเรื่องมรณกรรมของออกญากำแหงและเพื่อกระชับไมตรีจิต มิตรภาพกันไว้ อย่างไรก็ตาม ข่าวเล่าลือนี้ทำให้ออกญาเสนาภิมุขเป็นที่สงสัยมากในสายพระเนตรของ พระเจ้าแผ่นดินและเหล่าขุนนาง ออกญาเสนาภิมุขจึงถูกเรียกตัวมาที่พระราชวังเพื่อให้ความกระจ่าง ในเจตนารมณ์ของตน แต่ออกญาเสนาภิมุขอ้างว่าป่วย อันเป็นข้อแก้ตัวสามัญของขุนนางไทยในเมื่อ ไม่ปรารถนาจะเข้าเฝ้า เพื่อปิดบังความหวาดกลัวของตน ออกญากลาโหมจึงฉวยโอกาสอันเหมาะนี้ ไปเยย่ี มออกญาเสนาภมิ ขุ ทบ่ี า้ น เมอ่ื ออกญาเสนาภมิ ขุ ไลเ่ ลยี ง ออกญากลาโหมชำนชิ ำนาญพอทจ่ี ะอา้ ง เหตผุ ลมากหลายประการใหเ้ ขาฟงั และออ้ นวอนออกญาเสนาภมิ ขุ อยา่ งหนกั หนว่ ง จนชาวญป่ี นุ่ ผนู้ ย้ี อมจำนน และเกิดความเข้าใจอันดี สลัดความรู้สึกขุ่นเคืองออกไป หันมาสร้างมิตรภาพอันดียิ่งเพื่อสนับสนุน ผลประโยชนข์ องออกญากลาโหมในทกุ กรณี คนทง้ั สองตา่ งใหค้ ำมน่ั สญั ญาและกระทำสตั ยส์ าบานตอ่ กนั ตามพธิ ปี ฏบิ ตั กิ นั ในประเทศน้ี

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๒๗ เมอ่ื สนั ตภิ าพไดเ้ กดิ ขน้ึ ระหวา่ งเสนาบดที ง้ั สอง และมติ รภาพทม่ี ตี อ่ กนั ไดก้ ระชบั เกลยี วสมั พนั ธก์ นั อยา่ งแนน่ แฟน้ แลว้ ออกญากลาโหมกไ็ ดว้ างแผนการเพอ่ื จะกำจดั ออกญาเสนาภมิ ขุ ผเู้ ปน็ เพยี งคนเดยี ว ที่กล้าขัดขวางการดำเนินแผนการชิงอำนาจกษัตริย์ เพื่อให้บรรลุความประสงค์ในเรื่องนี้ และเพื่อให้ ออกญาเสนาภมิ ขุ เสยี ชวี ติ ในทห่ี า่ งไกลจากเมอื งหลวง ออกญากลาโหมจงึ เสนอความเหน็ ตอ่ ทป่ี ระชมุ เสนาบดวี า่ เนื่องด้วยความยุ่งยากที่ผ่านมารวมทั้งการกบฏและความไม่เชื่อถ้อยฟังคำของขุนนางจำนวนมาก ทำใหม้ คี วามจำเปน็ ตอ้ งเรยี กตวั บรรดาเจา้ เมอื งตามหวั เมอื งไกล ๆ เขา้ มายงั ราชสำนกั เพอ่ื ถอื นำ้ พระพพิ ฒั น์ สัตยาต่อพระเจ้าอยู่หัวอีกครั้งหนึ่ง ที่ประชุมเสนาบดีก็เห็นคล้อยตามไปด้วย เมื่อที่ประชุมเห็นชอบพร้อม กันแล้ว ออกญากลาโหมจึงมีคำสั่งส่งไปยังออกญานครศรีธรรมราช (Oya Ligor) ที่ทำดังนี้เพราะ ออกญากลาโหมรู้ว่า ออกญานครคงจะปฏิเสธไม่ยอมมาเมืองหลวงเนื่องจากสถานการณ์ของเมืองนครเอง เพราะชาวปตั ตานกี ำลงั บบี คน้ั รกุ รานทจ่ี ะทำสงครามดว้ ย สว่ นชาวเมอื งนครเองกก็ ำลงั จะลกุ ฮอื ขน้ึ เปน็ กบฏ ฉะนน้ั ออกญากลาโหมจะไดม้ สี าเหตกุ ลา่ วหาวา่ เจา้ เมอื งนครเปน็ กบฏ และจะไดถ้ อื โอกาสนส้ี ง่ ออกญา เสนาภมิ ขุ ออกไปจบั กมุ จงึ ใหส้ ง่ พระบรมราชโองการประทบั ตราสำคญั คอื ตราโกษาธบิ ดี * (Trakhausa Thij-by-dij)๑ ไปโดยเรง่ ดว่ น ทำใหอ้ อกญานครรสู้ กึ ประหลาดใจเปน็ อยา่ งยง่ิ อยา่ งไรกต็ าม เมอ่ื ออกญา นครพิจารณาสถานการณ์ของเมืองนี้ ซึ่งล่อแหลมต่อภัยอันตรายในระหว่างตนไม่อยู่แล้ว ก็ตัดสินใจงด การเดินทางไปยังเมืองหลวงตามคำแนะนำของมิตรสหาย และมอบหมายให้นักการผู้ถูกส่งตัวไปนั้นนำข้อ แก้ตัวของตนกลับไปกราบทูล ทั้งให้กราบทูลถึงความเป็นจริงที่ออกญานครมีความจงรักภักดีต่อพระเจ้า อยหู่ วั ในฐานะพระมหากษตั รยิ ท์ ถ่ี กู ตอ้ งตามกฎหมายของอาณาจกั รสยาม คำตอบนเ้ี ปน็ ทพ่ี อใจของออกญากลาโหมอยา่ งทส่ี ดุ เพราะเปดิ โอกาสใหต้ นกลา่ วตำหนติ เิ ตยี นการ กระทำของขนุ นางผนู้ ต้ี อ่ พระเจา้ แผน่ ดนิ ทำใหเ้ หน็ วา่ เปน็ ขนุ นางทข่ี าดความเชอ่ื ฟงั และมนี ำ้ ใจคดิ คดเปน็ กบฏ ทั้งเป็นทางให้ตัดสินลงไปว่าควรจะส่งเจ้าเมืองคนใหม่ไปแทนพร้อมด้วยคำสั่งจับออกญานครโดยเร็วที่สุด และส่งตัวออกญานครมายังกรุงศรีอยุธยาเพื่อลงโทษฐานเป็นกบฏ ครั้นตกลงใจดังนี้แล้วออกญากลาโหม จงึ แถลงตอ่ ทป่ี ระชมุ เสนาบดวี า่ การปกครองของออกญานครนส้ี ำคญั ทส่ี ดุ ในอาณาจกั ร เนอ่ื งจากภมู ปิ ระเทศ ทต่ี ง้ั ของตวั เมอื งเองซง่ึ มที า่ เรอื ชายทะเลหลายแหง่ ทง้ั มแี มน่ ำ้ สำคญั อยหู่ ลายสาย เหตผุ ลอกี ประการหนง่ึ คือการรุกรานขู่เข็ญของชาวปัตตานี และชาวเมืองนครที่กระด้างกระเดื่อง จึงต้องการบุคคลที่เข้มแข็ง * ตน้ ฉบบั ภาษาฮอลนั ดาเขยี นวา่ \" Trakhausa Thij -by -dij เสียงใกล้กับ \" ตราโกษาธิบดี \" ๑ คำนม้ี าจากตน้ ฉบบั ภาษาฮอลนั ดา แตใ่ นประชมุ พงศาวดารภาคท่ี ๗๙ จดหมายเหตวุ นั วลติ (ฉบบั สมบรู ณ)์ ที่พิมพ์ใน พ.ศ. ๒๕๐๗ และทพี่ ิมพ์ในปีต่อ ๆ มา ใชว้ า่ Thirak Hidra Thy Bidy

๓๒๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ และอาจหาญ เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ทห่ี วาดหวน่ั ครน่ั ครา้ มของศตั รู จะไดเ้ ขา้ มายอมออ่ นนอ้ มดว้ ยความเคารพยำเกรง บุคคลผู้นี้จะต้องสามารถจับกุมตัวออกญานครซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลกอปรด้วยกำลังทหารน้อยใหญ่ ออกญากลาโหมกลา่ วตอ่ ไปวา่ คณุ สมบตั ทิ ง้ั ปวงทจ่ี ำเปน็ สำหรบั งานนม้ี อี ยใู่ นตวั ออกญาเสนาภมิ ขุ และวา่ เพียงแต่อำนาจหน้าที่ของออกญาเสนาภิมุข และชื่อเสียงของกองทหารญี่ปุ่น ก็ย่อมสามารถรักษา พระราชอำนาจของพระเจ้าอยู่หัวในหัวเมืองไว้ได้ ออกญาเสนาภิมุขต้องการบอกปัดที่จะรับหน้าที่อันนี้ และอยากจะอยู่ในพระราชวังมากกว่า เพราะมีความสงสัยในความสัตย์ซื่อของออกญากลาโหม ทั้งเริ่ม เชอ่ื วา่ ออกญากลาโหมมเี จตนาทจ่ี ะกดี กนั ตนออกไปเสยี จากราชสำนกั เพอ่ื วา่ อำนาจของทหารญป่ี นุ่ จะได้ ไมอ่ าจขดั ขวางตอ่ การขน้ึ ครองราชบลั ลงั กข์ องออกญากลาโหม ความไมเ่ ตม็ ใจรบั ตำแหนง่ เจา้ เมอื งนครของออกญาเสนาภมิ ขุ ทำใหอ้ อกญากลาโหมเกดิ ความสงสยั แคลงใจและแคน้ เคอื งมาก ฉะนน้ั ออกญากลาโหมจงึ ใชเ้ ลห่ เ์ หลย่ี มเพทบุ ายอนั ชาญฉลาดทส่ี ดุ ของตนเพอ่ื ชนะใจออกญาเสนาภมิ ขุ โดยแสดงความเคารพนบนอบออกญาเสนาภมิ ขุ อยา่ งออกนอกหนา้ ทส่ี ดุ และไป เยย่ี มทบ่ี า้ นทกุ วนั ซง่ึ เปน็ การขดั ตอ่ กฎและขนบธรรมเนยี มของไทย ออกญากลาโหมปรบั ทกุ ขก์ บั ออกญา เสนาภมิ ขุ อยเู่ นอื ง ๆ ถงึ ภาระในการบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งทง้ั ปวงของตน และบอกออกญาเสนาภมิ ขุ วา่ ตน ไม่ต้องการให้ออกญาเสนาภิมุขมีความลำบากต้องไปพระราชวังทุกวัน ต้องแสดงความเคารพตนในฐานะ บุคคลผู้ซึ่งเป็นตัวแทนของพระมหากษัตริย์ และว่าตนจะไม่ยอมรับหน้าที่นี้เลยถ้าไม่เป็นเพราะถูกบังคับ ให้ต้องทำตามประเพณีที่มีมา เพื่อควบคุมดูแลพวกขุนนางให้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตน อย่างไร ก็ตามเพื่อปล่อยให้ออกญาเสนาภิมุขพ้นจากความหนักอก และพ้นจากการอยู่ใต้บังคับบัญชาที่พระราชวัง ซึ่งเป็นความจำเป็น ออกญากลาโหมกล่าวว่า ตนได้กราบทูลขอให้พระเจ้าอยู่หัว พระราชทานตำแหน่ง เจ้าเมืองนครให้ ในฐานะที่เป็นคนกล้าหาญที่สุดในประเทศ มีความสามารถปฏิบัติพระราชกิจของ พระเจ้าอยู่หัวได้ดีที่สุด คำป้อยอนี้หลั่งไหลเข้าหูออกญาเสนาภิมุขอย่างได้ผล จนออกญากลาโหมเห็นว่า ออกญาเสนาภิมุขมีอารมณ์ดีแล้ว จึงรีบกลับไปยังพระราชวังทันที และได้ส่งข้าราชบริพารคนสำคัญ ให้มาตามออกญาเสนาภิมุขโดยกระแสรับสั่งให้เข้าเฝ้าของพระเจ้าอยู่หัว พระเจ้าอยู่หัวทรงต้อนรับอย่าง มีพระทัยดียิ่ง ทรงประกาศแต่งตั้งให้ออกญาเสนาภิมุขเป็นเจ้าเมืองนคร พร้อมด้วยพิธีการอย่างที่เคย ปฏิบัติกันมาและทรงสวมชฎารูปกรวยแหลมให้ นี่เป็นพิธีมอบเกียรติยศซึ่งไม่เคยกระทำให้แก่ บุคคลสามัญมาก่อนเลย จึงทำให้ออกญาเสนาภิมุขไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งต่อเกียรติยศพิเศษผิดธรรมดานี้ จนไม่อาจเก็บงำความไม่พอใจทั้งมวล ให้ลอดสายตาออกญากลาโหม เพื่อที่จะชนะใจโดยสิ้นเชิง

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๒๙ ออกญากลาโหมจงึ ใหข้ องกำนลั ดว้ ยสง่ิ ของมคี า่ แกอ่ อกญาเสนาภมิ ขุ เปน็ จำนวนมาก อนั มที องคำ เงนิ เหรยี ญ เครื่องรูปพรรณ เพชรนิลจินดา และสิ่งล้ำค่าที่หาได้ยากอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้ออกญากลาโหมได้สั่งให้นำไป ใสไ่ วใ้ นเรอื ทอ่ี อกญาเสนาภมิ ขุ นง่ั มายงั พระราชวงั จนเตม็ เพยี บ เมื่อออกญาเสนาภิมุขซึ่งได้เป็นออกญานครนั่งเรือมาตามลำแม่น้ำ จวนจะถึงบ้านนั้นได้เกิดมี พายุใหญ่พัดขึ้น ถ้าทหารญี่ปุ่นบางคนไม่กระโดดลงไปในน้ำและเอาบ่าประคองเรือไว้ แม่กองชาวญี่ปุ่น คงจะจมนำ้ ตายไปพรอ้ มกบั ของกำนลั ทง้ั ปวงรวมทง้ั เครอ่ื งยศทเ่ี พง่ิ ไดร้ บั มา ชาวไทยสว่ นมากทเ่ี หน็ ออกญา เสนาภมิ ขุ ขน้ึ ฝง่ั และพน้ ภยั แลว้ กลา่ วขวญั ถงึ เหตกุ ารณน์ ว้ี า่ เปน็ ลางรา้ ย และไมน่ านนกั เหตรุ า้ ยจะเกดิ ขน้ึ ออกญากลาโหมมิได้มีความสุขเลย จนกระทั่งออกญาเสนาภิมุขหรือออกญานครได้ถวายสัตย์ ปฏิญาณรับตำแหน่งใหม่ และจนกระทั่งได้มอบหมายทหารที่จำเป็นในการเดินทางเสร็จเรียบร้อยแล้ว จงึ ไดโ้ ลง่ ใจ และเพอ่ื ใหอ้ อกญาเสนาภมิ ขุ มอี ำนาจยง่ิ ขน้ึ อกี ในตำแหนง่ เจา้ เมอื ง ออกญากลาโหมจงึ ตกลงใจ ให้ออกญาเสนาภิมุขนำทหารญี่ปุ่นทั้งหมดในประเทศไปกับตนด้วย ทุกคนปีติยินดีที่ออกญากลาโหม ตัดสินใจเช่นนี้ ทุกคนดีใจที่เห็นว่าพระราชวังไม่มีคนพวกนี้อีก แต่ไม่มีใครมองทะลุเข้าไปถึงเจตนาของ ทา่ นเสนาบดี ขณะนี้ออกญากลาโหมได้กำจัดข้อสงสัยต่าง ๆ ออกไปสิ้น และเกือบไม่มีอุปสรรคอันใดในวิถีทาง ของตน ทั้งนี้ เป็นเพราะมรณกรรมของออกญากำแหงและการจากไปของออกญาเสนาภิมุข พร้อมด้วย ทหารญี่ปุ่นที่ทระนง ออกญากลาโหมจึงหันมายุยงเกลี้ยกล่อมบริวารและพรรคพวกของตนทีละน้อย ๆ ว่า พระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นเด็ก มีอุปนิสัยสันดานหยาบชั่วร้ายและไร้สมรรถภาพ ทั้งเสริมว่าเป็นการขัดต่อ กฎหมายบ้านเมือง ขนบประเพณีและสามัญสำนึก ที่จะมอบความเป็นใหญ่และอาณาจักรที่มีอำนาจ ให้ตกอยู่ในมือของเด็ก ออกญากลาโหมปรับทุกข์ให้คนเหล่านั้นฟังว่าตนคงตกอยู่ภายใต้หน้าที่ซึ่ง พวกขุนนางบังคับให้ต้องทำ และว่ามีเหตุผลหลายประการที่ทำให้ตนอยากจะพ้นไปเสียจากหน้าที่นี้ กบั กลา่ ววา่ มเี หตผุ ลทน่ี า่ เกรงตอ่ ไปวา่ เมอ่ื พระเจา้ แผน่ ดนิ ทรงไดอ้ ำนาจเตม็ ในการปกครองแลว้ พระองค์ จะทรงเชื่อบรรดาคนที่อิจฉาในความมีโชคดีของตน และคงจะทรงเชื่อฟังคำพูดของศัตรูลับของตน ซง่ึ จะเพยี รเพด็ ทลู ถงึ ความเกลยี ดชงั ทม่ี ตี อ่ ตนโดยสว่ นตวั จนเปน็ ทร่ี ะแวงสงสยั และคงจะกลา่ วตเิ ตยี นการ บริหารงานแผ่นดินในระหว่างที่รับตำแหน่ง เขากล่าวว่าผลที่เกิดคงจะทำให้เขาไม่สามารถรักษาตัว ให้พ้นภัยจากเงื้อมหัตถ์ที่โหดร้ายของพระเจ้าแผ่นดิน ผู้ซึ่งแม้ในเวลาที่ทรงพระเยาว์อยู่นี้ ยังทรง

๓๓๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ แสดงใหเ้ หน็ โดยแจม่ แจง้ ถงึ สง่ิ ทต่ี นหวงั วา่ จะไดร้ บั จากพระองค์ เพอ่ื ทจ่ี ะปอ้ งกนั ความยงุ่ ยากซง่ึ ทว่ั ทง้ั อาณาจกั ร อาจหวน่ั กลวั วา่ จะเกดิ ขน้ึ เนอ่ื งจากพระอารมณข์ นุ่ มวั ของพระองค์ ออกญากลาโหมจงึ คดิ วา่ นา่ จะเปน็ การ เหมาะสมถ้าหากจะส่งพระองค์ให้ได้รับการศึกษา โดยให้อยู่ในความดูแลของพระภิกษุสงฆ์ผู้ซึ่งอาจ จะแก้ไขกล่อมเกลาพระอารมณ์ของพระองค์ โดยวิธีการสั่งสอนอบรมอันดีตามครรลองแห่งคุณธรรม ออกญากลาโหมพูดว่า บรรดาขุนนางควรจะเลือกประมุขขึ้นคนหนึ่งซึ่งจะปกครองประเทศในตำแหน่ง \"พระเจ้าแผ่นดิน\" จนกว่าพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่แท้จริงทรงบรรลุนิติภาวะ ครั้นแล้วผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ก็จะมอบอำนาจหน้าที่ทั้งปวง และสิทธิทุกอย่างในการเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ตลอดจนฐานันดรศักดิ์ กษัตริย์คืนให้แก่พระองค์ เมื่อออกญากลาโหมแจ้งข้อเสนอนี้แก่สมุนพรรคพวกได้รับการยินยอมเห็นดีด้วย ทั่วไปในบรรดาคนเหล่านั้นแล้ว เขาก็ไม่หวาดหวั่นที่จะเสนอเรื่องนี้อย่างเปิดเผยต่อที่ประชุมขุนนางทั่วไป โดยแสดงเหตุผลว่า เพื่อสถานการณ์อันดีงามของบ้านเมืองและเพื่อความสงบสุขของราษฎร ทั้งเพื่อ รกั ษาความเคารพนบั ถอื ทม่ี ตี อ่ ราชอาณาจกั รนข้ี องบรรดากษตั รยิ แ์ ละเจา้ นายประเทศใกลเ้ คยี ง จงึ จำเปน็ อย่างยิ่งที่จะต้องเชิญเสด็จเยาวกษัตริย์ไปประทับอยู่ในพระอารามเสียชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจะได้เลือก ออกญากลาโหมขึ้นเป็นประมุขและผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแห่งราชอาณาจักรพร้อมด้วยฐานันดรศักดิ์ \"กษตั รยิ \"์ และใหม้ อี ำนาจทกุ อยา่ งตามความจำเปน็ สำหรบั ตำแหนง่ น้ี ออกญากลาโหมแสรง้ ทำเปน็ รอ้ นรน ปฏิเสธตำแหน่งนี้และถึงกับยืนกรานว่า ตนควรจะได้พ้นจากตำแหน่งราชองครักษ์และผู้สำเร็จราชการ แผน่ ดนิ ซง่ึ คนเหลา่ นน้ั มอบใหต้ น ออกญากลาโหมกลา่ ววา่ ตนจะไมย่ อมถกู บงั คบั ใหร้ บั หนา้ ทท่ี ส่ี งู กวา่ ตำแหนง่ ทไ่ี ดร้ บั อยแู่ ลว้ แตด่ ว้ ยเหตทุ ่ี ทป่ี ระชมุ มองเหน็ อยา่ งแจม่ ชดั แลว้ วา่ ออกญากลาโหมปฏเิ สธเชน่ นน้ั เปน็ การ เสแสร้งกลบเกลื่อนเท่านั้น จึงไม่มีผู้ใดที่จะไม่สนับสนุนการเลือกคราวนี้ บางคนก็เลือกด้วยความรักใคร่ สว่ นคนอน่ื ๆ เลอื กดว้ ยความหวาดกลวั ฉะนน้ั พระเจา้ แผน่ ดนิ จงึ ถกู สง่ ไปประทบั อยู่ ณ วดั เดมิ * (Watdemi) อนั เปน็ วดั ซง่ึ พระสงั ฆราชเปน็ เจา้ อาวาสอยู่ ออกญากลาโหมไดร้ บั เลอื กเปน็ ประมขุ และผสู้ ำเรจ็ ราชการแผน่ ดนิ โดยรับฐานันดรศักดิ์กษัตริย์ ข้าราชบริพารชุดใหม่ก็ถวายเกียรติยศและสนองข้อรับสั่งเป็นอันดี ออกญา กลาโหมกย็ งั สงวนทา่ ทแี ละแสรง้ ทำเปน็ วา่ จำยอมรบั เกยี รตยิ ศน้ี เมื่อได้รับเลือกแล้ว ออกญากลาโหมได้ปฏิบัติตนในระยะเริ่มแรกที่รับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ อย่างดีเยี่ยม ดำเนินงานปกครองด้วยความระมัดระวังยิ่ง ตั้งอยู่ในศีลในธรรมและเที่ยงตรงจนขุนนาง * ตน้ ฉบบั ภาษาฮอลันดา เขยี นวา่ Watdeun และมคี ำอธบิ ายในวงเลบ็ วา่ sijnde de hooge sijnagoge แปลวา่ เปน็ พระวหิ ารใหญ่ วดั นห้ี มายถงึ วดั พระสงั ฆราชประทบั (ศาสตราจารยข์ จร สขุ พานชิ ) นอกจากนใ้ี นพระราชพงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยา ฉบบั เยเรเมยี ส ฟาน ฟลตี แปลโดย ม.ร.ว.ศภุ วฒั ย์ เกษมศรี ใหค้ ำอธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา่ \"วดั เดมิ (Waddeun) ซง่ึ ปจั จบุ นั เปน็ สำนกั ศกึ ษาของสงฆท์ ม่ี ชี อ่ื เสยี งเดน่ \"

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๓๑ เป็นอันมาก ลงความเห็นว่า สมควรจะมอบอาณาจักรและมงกุฎกษัตริย์ให้ ด้วยเหตุที่เป็นผู้เหมาะสมใน ตำแหนง่ กษตั รยิ ท์ ถ่ี กู ตอ้ งตามกฎหมาย ขนุ นางบางคนลงความเหน็ ในเรอ่ื งนโ้ี ดยคำนงึ ถงึ ประโยชนท์ จ่ี ะสรา้ ง โชคลาภของตน ส่วนคนอื่น ๆ เห็นคล้อยตามเพราะกลัวความโกรธของออกญากลาโหม โดยส่วนตัวของ ออกญากลาโหมเองนน้ั กบ็ อกแกพ่ รรคพวกของตนวา่ อาณาจกั รหนง่ึ จะมกี ษตั รยิ ์ ๒ พระองค์ ไมไ่ ด้ และวา่ ตนเองคงจะประสบอันตรายทำนองเดียวกันกับที่ได้รับตำแหน่งราชองครักษ์และผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน วันหนึ่งข้างหน้าคงจะต้องกลับมาเป็นข้าแผ่นดินอีก เมื่อเยาวกษัตริย์ขึ้นครองราชบัลลังก์ พระองค์คง จะหาทางจบั ผดิ และมใี จอจิ ฉารษิ ยาเชน่ เดยี วกนั ดงั นน้ั เพอ่ื สงวนชวี ติ ไวใ้ นภายภาคหนา้ ออกญากลาโหม จึงตกลงใจที่จะลาออกจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการและฐานันดรศักดิ์ ซึ่งคนเหล่านั้นประสงค์จะยกย่อง ให้เกียรติ ประการสำคัญนั้นเพราะเล็งเห็นล่วงหน้าแล้วว่า ขุนนาง่วนมากย่อมอยู่ในภาวะล่อแหลมต่อ อันตรายเช่นเดียวกับตน บรรดาขุนนางจึงประชุมปรึกษาหารือกันเป็นพิเศษหลายครั้งในเรื่องนี้ ภายหลังที่ได้พิจารณาเหตุผลที่ออกญากลาโหมได้แนะชี้ไว้ก่อนแล้ว ขุนนางทั้งปวงจึงเห็นพ้องต้องกันกับ ความคิดเห็นของเสนาบดีที่ปรึกษาและขุนนางสำคัญบางคน มตินี้ได้ผ่านที่ประชุมนายทหารทั้งปวงซึ่ง ลงความเหน็ วา่ การมพี ระเจา้ แผน่ ดนิ ๒ องคใ์ นประเทศเดยี วนน้ั เปน็ อนั ตรายอยา่ งใหญห่ ลวงอนั จะเปน็ ผลร้ายแก่อาณาจักร ไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองและสงครามภายนอกประเทศเท่านั้น แต่ยังทำความหายนะให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อป้องกันอันตรายทั้งสองประการนี้ จึงจำต้องกำจัด เยาวกษัตริย์ซึ่งไร้ความสามารถในการครองราชย์ และเลือกบุคคลซึ่งเคยประกอบคุณงามความดีปกครอง บา้ นเมอื งดว้ ยความยตุ ธิ รรม และไดแ้ สดงใหเ้ หน็ แลว้ วา่ มคี ณุ คา่ สมกบั เกยี รตยิ ศสงู สง่ น้ี ขน้ึ เปน็ กษตั รยิ แ์ ทน ครน้ั ทป่ี ระชมุ ทง้ั หมดยอมรบั ขอ้ เสนอนแ้ี ลว้ กจ็ ดั ดำเนนิ การตามขอ้ ตกลงซง่ึ มผี ลลพั ธท์ อ่ี ยตุ ธิ รรมยง่ิ มีผู้สำเร็จราชการ (ออกญากลาโหม) คนเดียวเท่านั้นที่แสร้งทำเป็นรักใคร่อาลัยในเยาวกษัตริย์ ด้วยการ แสดงว่าไม่เต็มใจอย่างยิ่งและไม่ยอมทำตามข้อเสนอนี้ จนกระทั่งเห็นว่าตนจำต้องฝืนใจยอมจำนน ตอ่ เสยี งขา้ งมาก พระเจา้ แผน่ ดนิ ผเู้ ยาวถ์ กู นำมาจากสำนกั ศกึ ษาโดยทนั ที แลว้ ใชอ้ บุ ายเลห่ ก์ ลใหพ้ ระองค์ ทรงเปลื้องผ้ากาสาวพัสตร์ แล้วนำพระองค์ไปยังสถานที่เดียวกับที่พระปิตุลาและพระเชษฐากับ พระราชมารดาถกู สำเรจ็ โทษอยา่ งไรม้ นษุ ยธรรม ทง้ั นก้ี อ่ ใหเ้ กดิ ความเศรา้ โศกอยา่ งใหญห่ ลวงในหมรู่ าษฎร ผู้จงรักภักดีทั้งปวง เยาวกษัตริย์องค์นี้ได้ขึ้นเสวยราชย์เพียง ๓๖๑ วันเท่านั้น ขณะเมื่อพระองค์ทรง ถกู ถอดออกจากราชบลั ลงั กเ์ พอ่ื มาสตู่ ะแลงแกง เมอ่ื พระองคเ์ สดจ็ มาถงึ สถานทป่ี ระหารชวี ติ ทรงครำ่ ครวญ ๑ คณะกรรมการชำระประวตั ศิ าสตรไ์ ทย ไดว้ นิ จิ ฉยั และมมี ติ ใหแ้ กไ้ ขระยะเวลาเสวยราชยข์ อง พระอาทติ ยวง์ เปน็ ๓๘ วนั

๓๓๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ร่ำไหแ้ ละตรัสว่า \"ทำไมฉนั จึงต้องตายตง้ั แต่อายุยังไม่ถงึ ๑๑ ปีดว้ ยเลา่ ? ยงั ไมเ่ พยี งพออกี หรอื ทท่ี ่ีประชมุ กระหายเลอื ดไดส้ ำเรจ็ โทษพระปติ ลุ า พระเชษฐาและพระราชมารดาของฉนั แลว้ จะแยง่ มงกฎุ ไปจากฉนั โดยไม่ต้องสำเร็จโทษฉันมิได้รึ ? ปล่อยให้คนซึ่งได้รับเลือกให้เป็นกษัตริย์เขาครองราชสมบัติไปซิ แลว้ ใหเ้ ขาเหลา่ นน้ั ยอมใหฉ้ นั มชี วี ติ อยตู่ อ่ ไปเถดิ \" ถอ้ ยคำเหลา่ นส้ี น่ั สะเทอื นหวั ใจของคนทกุ คนซง่ึ อยู่ ณ ทน่ี น้ั แม้แต่เหล่าเพชฌฆาตก็แสดงความโศกเศร้าร่ำไห้สะอึกสะอื้นด้วยรู้สึกว่าเป็นคำสั่งสำเร็จโทษที่โหดร้าย อยา่ งไรกต็ าม คนเหลา่ นน้ั กจ็ ำตอ้ งปฏบิ ตั ใิ หเ้ ปน็ ไปตามคำสง่ั เยาวกษตั รยิ พ์ ระองคน์ จ้ี งึ ตอ้ งสวรรคต* ในปี ค.ศ. ๑๖๒๙ (พ.ศ. ๒๑๗๒) ภายหลงั ทพ่ี ระเจา้ แผน่ ดนิ สวรรคตแลว้ ผสู้ ำเรจ็ ราชการแผน่ ดนิ ไดป้ ระกาศตนเปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ โดยสมบรู ณ์ มพี ธิ รี าชาภเิ ษกใหญโ่ ตหรหู รา ขณะนน้ั พระองคม์ พี ระชนมายไุ ด้ ๓๐ พรรษา เมอ่ื ราชาภเิ ษกไดเ้ ฉลมิ พระนามวา่ พระองคศ์ รธี รรมราชาธริ าช** (Praongsry Dharma Raetsia Thyara) และเพื่อให้ราชบัลลังก์มั่นคงด้วยการสร้างความสัมพันธ์กับวงศ์กษัตริย์ พระองค์จึงนำพระธิดา คนโตของพระกนิษฐาของพระเจ้าทรงธรรมมาเป็นชายาองค์ที่ ๔ ต่อจากชายาเอก ๓ องค์ พระองค์ พระราชทานพระธดิ าองคท์ ่ี ๒ (ของพระกนษิ ฐาของพระเจา้ ทรงธรรม) ใหแ้ กพ่ ระอนชุ า ซง่ึ พระองคป์ ระกาศ สถาปนาในคราวเดยี วกนั นน้ั ใหเ้ ปน็ รชั ทายาทสบื ราชบลั ลงั ก์ พระองคป์ รารถนาจะไดพ้ ระราชมารดาของพระเจา้ แผ่นดินองค์ที่เพิ่งสวรรคตซึ่งเป็นสตรีที่งามที่สุดคนหนึ่งในอาณาจักรมาเป็นสนม แต่พระนางแสดง ความรงั เกยี จ ทรงปฏเิ สธอยา่ งเดด็ ขาด ไมย่ อมไปยงั พระราชวงั ตามกระแสรบั สง่ั ทม่ี มี าถงึ พระนาง ในทส่ี ดุ เมื่อเห็นว่าพระเจ้าแผ่นดินจะบังคับพระนางโดยพละกำลัง พระนางได้ตรัสว่า \"พระเจ้าแผ่นดินเจ้าชีวิต ของฉันไม่มีอีกแล้ว และโอรสของฉันก็สวรรคตแล้วด้วย ฉันก็เหนื่อยหน่ายต่อชีวิต ฉันเห็นว่าไม่มี ประโยชน์อันใดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อทั้งสองพระองค์นั้นอีก แต่ขณะที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ร่างกายของฉัน จะตอ้ งอยอู่ ยา่ งบรสิ ทุ ธ์ิ และจะไมย่ นิ ดใี นโจรแยง่ ราชสมบตั แิ ละทรราชผนู้ เ้ี ลย\" พระเจา้ แผน่ ดนิ กรว้ิ ตอ่ การ ปฏเิ สธคำตอบทเ่ี ผด็ รอ้ นและการตำหนติ เิ ตยี นอนั รนุ แรงยง่ิ นน้ั ถงึ กบั มรี บั สง่ั ใหค้ รา่ ตวั พระนางไปทร่ี มิ ฝง่ั นำ้ ให้สับร่างของพระนางออกเป็น ๒ ท่อน ร่างส่วนที่มีหัวติดอยู่ให้ตรึงติดกับขาหยั่งไม้ไผ่ อย่างไรก็ตาม เมื่อพระภิกษุสงฆ์กราบทูลขอร้อง พระองค์จึงอนุญาตให้ปลดร่างนี้ลงภายหลังที่ประจานอยู่ ๒ วันแล้ว และได้จัดการเผาโดยปราศจากพิธีรีตอง พระองค์ยังรับเอานางสนมคนอื่น ๆ และพระธิดาของพระเจ้า ทรงธรรมที่ยังสาวและมีโฉมสะคราญมาเป็นนางสนม ผู้ที่ปฏิเสธตำหน่งนี้จะถูกประหารอย่างทารุณ สตรชี รากถ็ กู กกั กนั อยใู่ นวงั อนั เปน็ ทอ่ี ยขู่ องนางสนม และไดร้ บั การเลย้ี งดอู ยา่ งแรน้ แคน้ * พงศาวดารฉบบั พระราชหตั ถเลขาว่า สมเดจ็ พระอาทติ ยวงศ์ถกู ถอด แลว้ ตอ่ มาถกู จบั สำเรจ็ โทษฐานเปน็ กบฏ ** สมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง เสด็จขน้ึ ครองราชย์ พ.ศ. ๒๑๗๓

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๓๓ การประหตั ประหารพระชนมชพี ของกษตั รยิ ผ์ มู้ อี ำนาจถงึ ๓ พระองคต์ ดิ ตอ่ กนั ชว่ั ระยะเวลาอนั สน้ั นับเป็นเรื่องกระทบกระเทือนความรู้สึกของผู้ที่มีมนุษยธรรมเหลืออยู่เป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่มีผู้ใดกล้าแสดง ความรู้สึกเช่นนั้น หรือแม้แต่ร้องไห้ ในการที่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อของคนบริสุทธิ์เป็นอันมากเลย เพราะเพียงแต่สงสัยเท่านั้น คนเหล่านี้ก็ต้องได้รับโทษเสียแล้ว ในกรุงศรีอยุธยามีพี่น้อง ๒ สาว ซง่ึ เคยรบั ใชพ้ ระราชมารดาของพระเจา้ แผน่ ดนิ องคท์ ส่ี วรรคตองคท์ แ่ี ลว้ ในตำแหนง่ นางพระกำนลั ไดน้ ง่ั รำ่ ไห้ อยใู่ นบา้ นของตนเนอ่ื งจากการสน้ิ พระชนมข์ องพระราชมารดาของพระเจา้ แผน่ ดนิ และพระโอรสของพระนาง มีผู้กราบทูลเรื่องนี้ต่อพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ พระองค์มีรับสั่งทันที ให้จิกผมนางทั้งสองลากไปยังฝั่งน้ำ และใหผ้ กู เขา้ กบั หลกั เอาตน้ กกรดั รอบคอ ดงึ ไวม้ ใิ หเ้ ทา้ แตะดนิ แลว้ พระองคม์ รี บั สง่ั ใหแ้ หวะรา่ งออกเปน็ สองซกี แลว้ ใสเ่ ครอ่ื งถา่ งปากไว้ นางทง้ั สองถกู ปลอ่ ยใหต้ ายในลกั ษณะเชน่ นด้ี ว้ ยความทรมานอยา่ งสดุ พรรณนา เมื่อบิดาของหญิงทั้งสองทราบเรื่องที่เกิดกับบุตรสาว ก็ไปยังที่ประหารชีวิตและแสดงความโศกเศร้าเสียใจ อนั เปน็ ธรรมดาทต่ี อ้ งเกดิ ความรสู้ กึ เชน่ นน้ั เมอ่ื ไดเ้ หน็ ภาพอนั นา่ สงั เวชสยดสยอง เมอ่ื พระเจา้ แผน่ ดนิ ทรง ทราบเรอ่ื งกม็ รี บั สง่ั ใหผ้ า่ ชายคนนต้ี ลอดตวั แลว้ แขวนไวบ้ นขาหยง่ั นน้ั ดว้ ย ความเหย้ี มโหดรา้ ยกาจในการลง พระอาญาเหล่านี้ย่อมปิดปากคนอื่น ๆ ทั้งปวง ทั้งปิดกั้นความโศกเศร้าเสียใจในความตายของมิตรสหาย หรอื ญาตพิ น่ี อ้ งไวโ้ ดยสน้ิ เชงิ เมอ่ื ไดบ้ รรยายถงึ การกบฏซง่ึ เกดิ ขน้ึ ในกรงุ ศรอี ยธุ ยาทง้ั การประหตั ประหารอยา่ งไรค้ วามยตุ ธิ รรมทง้ั โหดร้ายทารุณ เพื่อให้การสืบราชสมบัติของราชอาณาจักรสยามมีเสถียรภาพมั่นคงแล้ว คราวนี้ขอให้ มาดูความเป็นไปของออกญาเสนาภิมุขบ้าง ว่าออกญาเสนาภิมุขกับทหารญี่ปุ่นทำอะไรที่นครศรีธรรมราช และพระเจ้าแผ่นดินผู้ขึ้นครองราชย์ได้ทรงมีพฤติการณ์อย่างไร เพื่อที่จะประหัตประหารบุคคลผู้จะบังอาจ ก่อความยุ่งยากและขัดขวางการตั้งตนเป็นกษัตริย์ครอบครองอำนาจของพระองค์ เจ้าเมืองนครคนเก่าเมื่อ ทราบข่าวแน่นอนว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ราชสำนักเกี่ยวกับเรื่องของตน และทราบว่าเจ้าเมืองนครคนใหม่ กำลังเดินทางมา ก็รอคอยด้วยความอดทนและยังคงถือตำแหน่งเจ้าเมืองนั้นอยู่ ที่ทำเช่นนั้นก็เพราะ มีความหวั่นเกรงต่อแรงพิโรธของพระเจ้าอยู่หัว ยังหวังว่าตนคงจะสามารถแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อ ออกญาเสนาภมิ ขุ ผมู้ ารบั ตำแหนง่ ใหมไ่ ดส้ ำเรจ็ และออกญาเสนาภมิ ขุ คงจะใหค้ ำมน่ั สญั ญาทจ่ี ะใหค้ วาม คุ้มครองตน หากว่าจะต้องถูกส่งตัวไปยังกรุงศรีอยุธยา ตนคงจะได้รับการดูแลอย่างดีในระหว่างเดินทาง และคงจะมีข้อแก้ตัวอันหนักแน่นกับพระเจ้าแผ่นดิน ครั้นเมื่อออกญาเสนาภิมุขเจ้าเมืองนครคนใหม่มาถึง นครศรธี รรมราช กแ็ สดงความโหดเหย้ี มทารณุ ใหท้ กุ คนเหน็ โดยดำเนนิ การปราบจลาจลทง้ั ปวงโดยทนั ที

๓๓๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ จนกระทั่งไม่มีพวกกบฏคนใดกล้าแสดงตน ถึงกระนั้นก็หาได้หยุดยั้งออกญาเสนาภิมุขไว้จากการเจาะจง ลงโทษตัวหัวหน้าและผู้นำในการจลาจลไม่ โดยออกญาเสนาภิมุขให้ประหารชีวิตเสีย บางคนก็ถูกลงโทษ ด้วยวิธีอื่น ๆ หรือด้วยการขับไล่เนรเทศ ทั้งนี้แล้วแต่ความผิดหนักเบา โดยทั่ว ๆ ไปคนเหล่านั้นถูก รบิ ทรพั ยส์ มบตั หิ มดสน้ิ และใหแ้ จกจา่ ยกนั ไปในบรรดาทหารญป่ี นุ่ ของตน ผลทไ่ี ดร้ บั กค็ อื ชว่ั ระยะเวลาอนั สน้ั ออกญาเสนาภิมุขได้กวาดล้างสิ่งซึ่งอาจจะรบกวนความสงบสุขของตนในดินแดนภาคนี้ แล้ววางรากฐาน อำนาจสทิ ธข์ิ าดของตน กบั ดแู ลรกั ษาความมน่ั คงของหวั เมอื งนไ้ี วเ้ พอ่ื พระมหากษตั รยิ ์ และเนอ่ื งจากออกญา เสนาภมิ ขุ ไดร้ บั คำแนะนำอนั มปี ระโยชนย์ ง่ิ ทกุ ๆ อยา่ งจากเจา้ เมอื งคนกอ่ น จงึ ตกลงใจใหเ้ จา้ เมอื งคนเกา่ อยไู่ ดต้ อ่ ไปอกี ในตำแหนง่ หวั หนา้ ทป่ี รกึ ษา ภายหลังจากที่ออกญาเสนาภิมุขวางรากฐานงานปกครองสำเร็จลงโดยรีบด่วนที่สุดแล้ว และมิได้ ทราบเหตุการณ์แต่อย่างหนึ่งอย่างใดที่เกิดขึ้นที่กรุงศรีอยุธยาเลย ออกญานครคนใหม่ก็ได้ส่งม้าเร็วไปยัง ราชสำนกั เพอ่ื รายงานสถานการณซ์ ง่ึ ตนไดป้ ระสบในมณฑลนเ้ี มอ่ื ตอนเดนิ ทางมาถงึ และรายงานถงึ วธิ กี าร ที่ได้ลงโทษพวกกบฏ เพื่อให้การปกครองบ้านเมืองสงบราบคาบ และเพื่อรักษาสวัสดิภาพของมณฑลนี้ไว้ แดพ่ ระมหากษัตริย์แห่งกรุงสยาม พระเจ้าแผ่นดินทรงคาดคะเนว่า กิจการงานเมืองของนครศรีธรรมราช คงจะเพม่ิ ภาระความยงุ่ ยากแกอ่ อกญาเสนาภมิ ขุ มากขน้ึ และไมท่ รงพอพระทยั นกั ในความสำเรจ็ อนั ยง่ิ ใหญน่ ้ี แตพ่ ระองคก์ ม็ ไิ ดแ้ สดงความรสู้ กึ ออกมาใหป้ ระจกั ษ์ พระองคแ์ สรง้ ทำเปน็ วา่ ทรงพอพระทยั อยา่ งใหญห่ ลวง ในการปฏิบัติงานของเจ้าเมืองนคร แม้ในการที่ออกญาเสนาภิมุขกระทำตามคำแนะนำของเจ้าเมืองนคร คนเกา่ พระองคเ์ องทรงเสนอตอ่ ทป่ี ระชมุ ขนุ นาง วา่ สมควรจะปนู บำเหนจ็ รางวลั เปน็ พเิ ศษยง่ิ กวา่ ธรรมดา สำหรับงานสำคัญยิ่งนี้ พระองค์ตรัสว่า ที่พระองค์ทรงทำดังนั้นก็เพราะพระราชวินิจฉัยของพระองค์ มักจะก่อความสยดสยองให้แก่คนชั่วร้าย ดังนั้น จึงใคร่จะแสดงความโปรดปรานและความเมตตาปรานี ของพระองค์บ้าง โดยทรงยกย่องเจ้าเมืองคนนี้ให้เป็นตัวอย่างของราษฎรคนดีทั้งปวง แต่ข้อสำคัญ คือเพื่อเป็นการส่งเสริมบรรดานายทหารของพระองค์ให้ปฏิบัติตนเป็นอย่างดีในหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย ไว้ในความรับผิดชอบ ที่ประชุมขุนนางทั้งหมดมีความเห็นชอบตามพระราชประสงค์นี้ ได้ตกลงกันว่า เจ้าเมือง (นคร) จำเป็นจะต้องถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาต่อพระเจ้าแผ่นดินผู้ครองราชย์นี้ด้วย และขุนนาง ทั้งหลายควรส่งของกำนัลจำนวนมากไปให้พร้อมด้วยเหล่าสาวงามจำนวนหนึ่งในนามของพระเจ้าแผ่นดิน โดยเฉพาะมคี นหนง่ึ ซง่ึ เจา้ เมอื งนครจะตอ้ งทำการสมรสดว้ ยตามประเพณขี องสยาม ข้อตกลงในเรื่องนี้ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว มีการแห่แหนพวกหญิงสาว รวมทั้ง ของกำนลั มากมายอยา่ งหรหู ราใหญโ่ ตไปยงั เมอื งนครศรธี รรมราช แตข่ ณะเดยี วกนั พระเจา้ แผน่ ดนิ มรี บั สง่ั ให้

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๓๕ ออกอาญาพระคลังมีหนังสือไปถึงเจ้าเมืองคนเก่า ซึ่งถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้วว่า ถ้าหากตน (เจา้ เมอื งคนเกา่ ) สามารถกำจดั เจา้ เมอื งชาวญป่ี นุ่ ได้ และทำใหบ้ า้ นเมอื งรอดพน้ จากความหยาบคายโอหงั ของชนชาตินั้นได้แล้ว อาจจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษัตริย์และจะได้รับแต่งตั้งให้เป็น เจา้ เมอื งใหญ่ ออกญาเสนาภมิ ขุ ซง่ึ ควรเรยี กชอ่ื วา่ ออกญานครปตี ยิ นิ ดอี ยา่ งยง่ิ ทไ่ี ดเ้ หน็ ของกำนลั จำนวนมาก แต่ก็รู้สึกสะเทือนใจในการสวรรคตของเยาวกษัตริย์ ออกญานครแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทไ่ี ดท้ ราบความจรงิ วา่ ขนุ นางทง้ั หลายไดเ้ ลอื กและราชาภเิ ษกออกญากลาโหมโดยมไิ ดฟ้ งั คำแนะนำของตนเลย อนั ทจ่ี รงิ ออกญานครมคี วามเศรา้ เสยี ใจอยา่ งลกึ ซง้ึ ทำใหเ้ ขาลมื ตวั ถงึ กบั กลา่ ววา่ การปลงพระชนมแ์ ละการ เลือกตั้งกษัตริย์โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายนี้ คงจะต้องมีผู้คิดทำการแก้แค้นทดแทนกันอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เมื่อออกญานครแสดงอารมณ์อันรุนแรงแล้วก็รู้สึกตัว ระงับความไม่พอใจของตนไว้ และแสดงความยินดีในชัยชนะของงาน ทั้งจัดให้มีงานรื่นเริงอื่น ๆ อีก เป็นการฉลองการสืบราชสมบัติของ พระเจา้ แผน่ ดนิ องคป์ จั จบุ นั ออกญานครเรม่ิ เกดิ ความคดิ ไมไ่ วว้ างใจเจา้ เมอื งคนเกา่ อยา่ งยง่ิ จนไดส้ ง่ั หา้ มเจา้ เมอื งคนเกา่ มาท่ี จวน และไมต่ อ้ งการเหน็ หนา้ เขาอกี ตอ่ ไป อยา่ งไรกต็ าม เขามไิ ดต้ ดั สมั พนั ธก์ บั ออกพระมะรดิ (Opra Marit) น้องชายของเจ้าเมืองคนเดิม ซ้ำอนุญาตให้มาเยี่ยมได้ตลอดเวลา ในระยะเวลานั้น เรื่องมีว่าขณะที่ ออกญานครคุมกองทัพไปปราบชาวปัตตานี ออกญานครได้รับบาดเจ็บที่ขาและแผลนั้นปวดระบมมาก ออกพระมะริดจัดหายาให้ใส่รักษาแผล ทำให้ความเจ็บปวดทุเลาลงไป บาดแผลก็เกือบจะหายแล้ว ดังนั้นออกญานครจึงจัดงานฉลองการสมรสของตนกับหญิงสาวที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานมาให้ แต่ขณะที่ออกญานครเชื่อว่าตนกำลังจะสดชื่นในความรักนั้น ความจริงตนเองใกล้จะถึงความตายอยู่แล้ว เพราะขณะที่งานรื่นเริงในพิธีแต่งงานดำเนินไปอย่างสนุกสนานถึงขีดสุด ออกพระมะริดได้ใช้ผ้าพันแผล อาบยาพษิ ปดิ ใหท้ ข่ี าจงึ ทำใหอ้ อกญานคร* ถงึ แกค่ วามตายในเวลา ๒-๓ ชว่ั โมงตอ่ มา บตุ รชายของออกญานครผถู้ งึ แกก่ รรมชอ่ื วา่ ออกขนุ เสนาภมิ ขุ (Ockon Senaphimocq) คงจะมี อายปุ ระมาณ ๑๘ ปี เปน็ ผเู้ กดิ ในตระกลู ผดู้ แี ละหวงั ทจ่ี ะเปน็ ใหญใ่ นอนาคต ออกขนุ เสนาภมิ ขุ ประกาศตน เป็นเจ้าเมืองของมณฑลนี้ด้วยแรงผลักดันของวัยหนุ่ม เขาเชื่อแน่ว่าเจ้าเมืองคนก่อนเป็นผู้วางยาพิษบิดา ของตน จึงสั่งให้จับตัวมาเป็นนักโทษและตัดสินใจจะประหารชีวิตเสียเพื่อเซ่นสรวงวิญญาณ (manes) ของบิดา แต่ชายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้รู้วิธีประจบประแจงเจ้าเมืองหนุ่ม ฉะนั้นในเวลาต่อมา ไม่เพียงแต่ว่า * หมายถงึ ออกญาเสนาภมิ ขุ

๓๓๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ เจ้าเมืองหนุ่มจะสิ้นความเคลือบแคลงในทุกสิ่งทุกอย่างเท่านั้น ซ้ำยังได้สมรสกับบุตรสาวคนโตของผู้ที่ ฆา่ บดิ าของตนและสาบานวา่ จะซอ่ื สตั ยต์ อ่ กนั และชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั ในทกุ กรณี หลงั จากนน้ั เจา้ เมอื ง คนเก่าได้เริ่มทำให้บุตรเขยเชื่อว่าพระเจ้าแผ่นดินพระราชทานดินแดนนี้ให้แก่บิดาของตน มิได้ให้ปกครอง เฉย ๆ แต่ให้ปกครองที่นี้ในฐานะกษัตริย์ผู้มีอำนาจเต็มโดยไม่ขึ้นแก่เมืองหลวงแต่ประการใด และว่า มณฑลนเ้ี ปน็ เหมอื นอาณาจกั รมรดกในตระกลู วงศ์ การสบื ทอดมรดกกต็ กเปน็ ของตนในฐานะทเ่ี ปน็ บตุ รชาย คนโตของตระกลู คำพดู เหลา่ นน้ั เปน็ ทช่ี น่ื ชมของเจา้ เมอื งหนมุ่ ผไู้ ดฟ้ งั เปน็ อยา่ งยง่ิ เมอ่ื ไดร้ บั การสนบั สนนุ ของคนประจบสอพลออีกหลายคน ก็ทำให้เขาหลงเชื่ออย่างง่ายดาย หรือทำให้คลายความรู้สึกในเรื่อง ความตายของบดิ า ออกขนุ เสนาภมิ ขุ ไดเ้ รม่ิ จดั การใหท้ กุ สง่ิ ทกุ อยา่ งเปน็ ไปตามแผนการน้ี โดยบรรจคุ นเขา้ ใน ตำแหนง่ ทว่ี า่ ง ใหบ้ ำเหนจ็ รางวลั เปน็ อนั มากแกค่ นโปรด ตง้ั ตำแหนง่ ออกญาและออกพระ แตง่ ตง้ั ขนุ นาง ทั้งกำหนดวันเพื่อเฉลิมฉลองพิธีราชาภิเษกเพื่อให้ตนเองเป็นที่เคารพยกย่องในฐานะกษัตริย์ และเพื่อให้ ข้าแผ่นดินใหม่ ๆ ดื่มน้ำพระพุทธมนต์ในพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาต่อตน แต่ในขณะที่คนทรยศกำลัง ชักจูงบุตรเขยให้กระทำการซึ่งได้เล่ามานี้ เจ้าเมืองคนเก่าได้ไปเยี่ยมนายกองญี่ปุ่นคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ น่าเกรงขามที่สุดของกองทัพ นายกองผู้นี้ชื่อออกขุนศรีวิชาวุธ* (Ockon Cirwij Agwodt หรือ Ockon Cirwij Agwoot)๑ และแจง้ ใหท้ ราบวา่ เจา้ เมอื งหนมุ่ หยอ่ นความสามารถ ไมเ่ หมาะสมทจ่ี ะดำรงตำแหนง่ นน้ั และกลา่ วตอ่ ไปวา่ อำนาจบงั คบั บญั ชานน้ั เปน็ ของนายกองผนู้ ซ้ี ง่ึ เปน็ ผทู้ ม่ี คี ณุ งามความดี เปน็ ผทู้ ก่ี ลา้ หาญ ที่สุดและสำคัญที่สุดของชาวญี่ปุ่นทั้งปวง ออกขุนศรีวิชาวุธมีใจเอนเอียงไปตามคำพูดนี้ปรารถนา จะแย่งชิงอำนาจมาเป็นของตน จึงออกคำสั่งให้แจกจ่ายอาวุธยุทธภัณฑ์ให้แก่บรรดาพรรคพวก และประกาศตนเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าเมืองหนุ่ม ฉะนั้น กองทัพญี่ปุ่นจึงแบ่งแยกกันเป็น ๒ ฝ่าย และมีการ ปะทะกนั บอ่ ย ๆ ทำใหม้ กี ำลงั รอ่ ยหรอลงทง้ั สองฝา่ ย ฝา่ ยเจา้ เมอื งคนเกา่ เมอ่ื ไดย้ ยุ งชาวญป่ี นุ่ ใหจ้ บั อาวธุ เขา้ รบสกู้ นั แลว้ กแ็ สวงหาวธิ กี ารอยา่ งอน่ื ทจ่ี ะ กำจัดและทำให้คนเหล่านั้นถูกทำลายให้หมดสิ้นไป โดยการยุยงส่งเสริมคนอีกฝ่ายหนึ่งคือพวกขุนนาง และพวกราษฎรนครศรธี รรมราชถงึ ความหยาบชา้ โอหงั ของชาวญป่ี นุ่ และโดยการบอกเลา่ แกค่ นเหลา่ นน้ั วา่ การปฏิบัติการของเจ้าเมืองหนุ่มเป็นการกระทำของโจรชิงราชสมบัติโดยแท้ และเป็นความพยายาม ที่จะมีอำนาจอย่างกษัตริย์ เขาชี้ให้เห็นว่า ตำแหน่งเจ้าเมืองของมณฑลนี้ไม่เคยมีการสืบเชื้อสาย * ชอ่ื นายทหารญป่ี นุ่ ของออกญาเสนาภมิ ขุ ซง่ึ กระทำการแยง่ ชงิ อำนาจกบั ออกขนุ เสนาภมิ ขุ ตน้ ฉบบั แปลภาษาองั กฤษเขยี นวา่ Orkon Cirwy Aqwodt ส่วนในประชมุ พงศาวดารภาคท่ี ๗๙ จดหมายเหตวุ นั วลติ (ฉบบั สมบรู ณ์) ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๗ และฉบับที่พิมพ์ต่อ ๆ มา ใชว้ า่ ออกขุนศรีไวยาวธุ (Okkhun Sri Waiyawut) คำในวงเลบ็ น้ี สนั นษิ ฐานวา่ เปน็ ภาษาองั กฤษ เชน่ เดยี วกนั ๑ ต้นฉบับเดิมภาษาฮอลันดาเขียนไว้เช่นนี้

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๓๗ หากแต่ขึ้นอยู่กับพระราชประสงค์โดยเด็ดขาดของพระเจ้าอยู่หัว และว่าการเพิกเฉยของคนเหล่านั้น ไม่เพียงแต่จะทำให้ไม่เป็นที่พอพระทัยเท่านั้น แต่ทว่าอาจจะเป็นความผิดและนำพวกตนไปสู่เคราะห์กรรม ของโทษทัณฑ์อันรุนแรง เขากล่าวว่า ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องกระทำการอย่างรอบคอบเพื่อต่อต้าน แผนการของชาวญป่ี นุ่ ชาวเมอื งนครพอใจในเหตผุ ลเหลา่ นน้ั มาก จนกระทง่ั ขนุ นางทง้ั ปวงตดั สนิ ใจไมไ่ ปท่ี จวนเจา้ เมอื งในวนั ทก่ี ำหนดไวเ้ พอ่ื ทำการราชาภเิ ษก ไมย่ อมรบั นบั ถอื เจา้ เมอื งชาวญป่ี นุ่ ในกจิ การบา้ นเมอื ง และไมย่ อมอยใู่ ตอ้ ำนาจอกี อยา่ งไรกต็ าม ชาวญป่ี นุ่ ยงั คงตระเตรยี มการทจ่ี ำเปน็ ทกุ อยา่ งเพอ่ื พธิ รี าชาภเิ ษก ตอ่ ไป แตก่ ารไมไ่ ปรว่ มในงานของพวกขนุ นางกไ็ มอ่ าจยบั ยง้ั พธิ รี าชาภเิ ษกได้ และงานไดด้ ำเนนิ ไปดว้ ยดี ออกขุนเสนาภิมุขได้รับยกย่องเป็นกษัตริย์เมืองนครศรีธรรมราช เขาได้มีคำสั่งออกไปว่า ราษฎรจะต้อง ให้ความยกย่องเคารพในฐานะเช่นนั้นและต้องให้เกียรติยศตามประเพณีนิยม ทั้งต้องถวายความเคารพ และดม่ื นำ้ พระพพิ ฒั นส์ ตั ยาดว้ ย ชาวนครศรธี รรมราชขดั ขนื ไมย่ อมกระทำตาม กลา่ ววา่ ออกขนุ เสนาภมิ ขุ เปน็ เพยี งโจรชงิ ราชสมบตั ิ เปน็ กบฏตอ่ กษตั รยิ ส์ ยาม พวกตนจะไมป่ ฏบิ ตั ติ ามและไมย่ อมเคารพในตำแหนง่ หรอื เกยี รตยิ ศสงู สง่ เพราะออกขนุ เสนาภมิ ขุ ไมไ่ ดร้ บั ยกยอ่ งจากเมอื งหลวง อย่างไรก็ตาม เจ้าเมืองคนเก่าได้ยุยงคนญี่ปุ่นทั้ง ๒ พวกด้วยเล่ห์เพทุบายต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นอีก ความเกลียดชังซึ่งกันและกันของคนเหล่านั้น มีมากจนไม่มีทางคืนดีกันได้ คนเหล่านั้นได้เริ่มทำการ ป้องกันตนเอง เพื่อจะให้อีกฝ่ายหนึ่งย่อท้อและเสียเปรียบ แต่ละฝ่ายมีความระแวงซึ่งกันและกัน คอยคุมเชิงกันอยู่ ครั้นแล้วออกขุนศรีวิชาวุธมาสำนึกตนว่าถูกเจ้าเมืองคนเก่าหลอกลวง และเจ้าเมือง คนเกา่ กำลงั หาทางใหต้ นเองไดเ้ ปน็ เจา้ เมอื งอกี ครง้ั โดยอาศยั ความหายนะของชาวญป่ี นุ่ ดงั นน้ั ออกขนุ ศรี วิชาวุธจึงรวมกำลังกับบุตรชายของออกญานครคนที่ถึงแก่กรรม (ออกญาเสนาภิมุข) และคนญี่ปุ่น แล้วเข้าโจมตีบ้านออกญานครคนเก่าโดยไม่ให้รู้ตัว และฆ่าเจ้าเมืองคนเก่าเสียด้วยมือของตนเอง กับสั่ง ใหเ้ ชอื ดคอคนทกุ คนทพ่ี บในบา้ นนน้ั ในวาระนน้ั ไดม้ กี ารสรู้ บกนั อยา่ งดเุ ดอื ดระหวา่ งชาวญป่ี นุ่ และชาวเมอื ง นครศรีธรรมราช ผู้คนของทั้งสองฝ่ายล้มตายลงเป็นอันมาก แต่ในที่สุดความสิ้นหวังทำให้ชาวญี่ปุ่นฮึดสู้ บกุ เขา้ ฆา่ ฟนั ชาวไทยดว้ ยความดรุ า้ ย จนทำใหช้ าวไทยตอ้ งลา่ ถอยและหนจี ากเมอื งไป ฉะนน้ั จงึ ทง้ิ เมอื ง ไวใ้ หช้ าวญป่ี นุ่ ปลน้ สะดมและบางแหง่ กเ็ ผาทำลายลงเปน็ เถา้ ถา่ น กระนน้ั ดว้ ยเหตทุ ช่ี าวญป่ี นุ่ ไมอ่ าจเลย้ี ง ตัวเองโดยลำพังได้ พระราชากำมะลอจึงสั่งให้ออกประกาศนิรโทษกรรม เชื้อเชิญให้พวกที่อพยพไป กลับมายังเมืองนี้อีก สัญญาว่าจะคืนทรัพย์สมบัติที่เหลือให้แก่ทุกคน แต่ความไม่ไว้วางใจนั้นมีอยู่มาก จนไม่มีใครสนใจที่จะเสี่ยงกลับมาอีก นอกจากชาวจีนไม่กี่คน ทุกคนยังคงอยู่ในชนบทหรือหนีไปอยู่เมือง

๓๓๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ใกล้เคียง ฉะนั้นเมืองนครจึงเป็นเมืองร้างและปรักหักพัง ซึ่งออกขุนเสนาภิมุขและออกขุนศรีวิชาวุธ ยงั คงตอ่ สแู้ ยง่ ชงิ อำนาจการปกครองกนั อยเู่ รอ่ื ยไป ผลทไ่ี ดร้ บั คอื ชาวญป่ี นุ่ ลดจำนวนลงทกุ วนั ๆ ในการสรู้ บ ครั้งหนึ่ง หัวหน้าของอีกฝ่ายหนึ่ง คือ ออกขุนศรีวิชาวุธถูกฆ่าตาย ชาวญี่ปุ่นเห็นว่าการพำนักอยู่ที่ นครศรีธรรมราชไม่ได้ประโยชน์อันใด และใคร่ครวญเห็นว่าพระเจ้าแผ่นดินสยามคงจะไม่ยอมให้พวกตน อยู่ในอาณาจักรของพระองค์ และไม่นานนักคงจะเข้าโจมตีด้วยกองทัพทั้งหมดของประเทศ ฉะนั้น ชาวญป่ี นุ่ จงึ ทง้ิ เมอื งและถอนตวั ไปยงั ประเทศเขมร การที่ชาวญี่ปุ่นหนีไปนี้เป็นที่พอใจอย่างยิ่งของชาวไทย ซง่ึ ยนิ ดที ต่ี นเองหลดุ พน้ จากคนเลวทรามเหลา่ นไ้ี ด้ เพราะความหา้ วหาญดว้ ยความสน้ิ หวงั ของคนพวกนเ้ี ปน็ ทห่ี วาดหวน่ั ของราษฎร การจลาจลวนุ่ วายซง่ึ เกดิ ขน้ึ ในนครศรธี รรมราช อนั มที ง้ั การฆา่ ฟนั ซง่ึ เกดิ ขน้ึ ทน่ี น่ั หรอื ความหายนะ ของเมืองนั้นมิได้ทำให้โศกเศร้าเสียใจมากนัก เพราะว่ามีความปีติยินดีต่อความหายนะและการหนีไป ของชาวญี่ปุ่น ถึงความประพฤติของคนพวกนี้จะโอหังและโหดร้ายทารุณเป็นที่สุด ก็ยังมีชาวญี่ปุ่น บางคนกล้าอพยพจากประเทศเขมรกลับมาที่นครศรีธรรมราชอีก และจากนครศรีธรรมราชก็เข้ามายัง กรุงศรีอยุธยา เมื่ออยู่ที่กรุงศรีอยุธยาก็มิได้รับโทษและไม่มีใครทำอันตราย นอกจากว่าราษฎรรังเกียจ ไม่ค้าขายหรือคบหาสมาคมด้วย อย่างไรก็ตาม คนพวกนี้ได้ขนทรัพย์สินทั้งมวล กับศพของแม่ทัพญี่ปุ่น คนที่ถึงแก่กรรม (ออกญาเสนาภิมุข) ลงเรือเพื่อส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น แต่พระเจ้าแผ่นดินมีรับสั่งด่วน ให้จับกุมเรือลำนี้ ทั้งให้รังควานหรือขับไล่ไสส่งคนเหล่านี้ออกไปเสียจากอาณาจักรสยาม อย่างไรก็ตาม ในทส่ี ดุ ทรงกลวั วา่ จะเปน็ การขบั ไลช่ าวญป่ี นุ่ ไปอยา่ งสนุ ขั จนตรอก พระองคจ์ งึ ทรงคนื เรอื สำเภาใหแ้ ละอนญุ าต ให้ค้าขายอยู่ในประเทศสยามได้ แต่แทนที่จะสำนึกถึงบุญคุณในไมตรีจิต ชาวญี่ปุ่นกลับอวดดีหนักขึ้น และไม่ตะขิดตะขวงใจ พูดออกมาดัง ๆ ว่า พวกตนจะเข้าโจมตีพระเจ้าแผ่นดิน และจะทำให้บ้านเมือง ตกอยใู่ นสภาพเดยี วกบั ในสมยั พระเจา้ ทรงธรรมอกี มีผู้กราบทูลเตือนพระเจ้าแผ่นดินในเรื่องความโอหังของคำพูดของชาวญี่ปุ่น พระองค์ทรงกลัวผล ของความมมุ านะจนตรอก จงึ ตดั สนิ พระทยั โจมตชี าวญป่ี นุ่ กอ่ น มรี บั สง่ั ใหจ้ ดุ ไฟเผาหมบู่ า้ นของชาวญป่ี นุ่ ในคืนวันที่ ๒๖ ตุลาคม ค.ศ. ๑๖๓๐* (พ.ศ. ๒๑๗๓) ในขณะนั้นน้ำในแม่น้ำไหลเอ่อท่วมถนนทุกสาย * ฉบับเดิม ภาษาฮอลันดา ลงศักราชว่า วันที่ ๒๖ ตุลาคม ค.ศ. ๑๖๓๐ (พ.ศ. ๒๑๗๓ ) แต่ในฉบับแปลภาษาอังกฤษ และในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๗๙ จดหมายเหตุวันวลิต (ฉบับสมบูรณ์) ตลอดจนฉบับที่พิมพ์ต่อ ๆ มา ลงศักราชว่า วันที่ ๒๖ ตุลาคม ค.ศ.๑๖๓๒ (พ.ศ. ๒๑๗๕)

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๓๙ ในเมือง ยิ่งกว่านั้น ในเวลาเดียวกันทรงให้ยิงปืนใหญ่เข้าไปในบ้านของชาวญี่ปุ่นอย่างดุเดือด จนคน เหล่านั้นต้องถอยหนีลงเรือสำเภาของตน แต่เนื่องด้วยไม่มีคนพอที่จะติดอาวุธเรือสำเภาทั้ง ๒ ลำได้ จึงติดอาวุธเรือเพียงลำเดียว คนเหล่านั้นลงเรือและล่องไปตามลำแม่น้ำ สู้พลางถอยพลาง พระเจ้า แผน่ ดนิ มรี บั สง่ั ใหโ้ จมตแี ละตดิ ตามตอ่ ไปไมล่ ะลด ทำใหเ้ สยี ชวี ติ คนไทยไปอกี มาก หลงั จากนน้ั ทรงใหค้ น้ หา ชาวญี่ปุ่นที่เหลือซึ่งอาศัยอยู่ในตำบลอื่น ๆ ในเมืองโดยแข็งขัน และให้ประหารชีวิตอย่างเหี้ยมโหด ซง่ึ เปน็ ทพ่ี อใจของผทู้ ไ่ี ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นจากความยะโสหยาบชา้ ของคนพวกนย้ี ง่ิ นกั ฝ่ายชาวนครศรีธรรมราชเห็นว่าตนเองหลุดพ้นจากชาวญี่ปุ่นแล้ว ก็ต้องการสลัดแอกจากการ ปกครองของไทย เหตุนั้นจึงลุกฮือขึ้นเป็นกบฏและปฏิเสธไม่ยอมเคารพนับถือพระเจ้าแผ่นดิน โดยฐานะกษตั รยิ แ์ ละเจา้ นายทถ่ี กู ตอ้ งตามกฎหมาย คนเหลา่ นน้ั มคี วามประสงคท์ จ่ี ะแยกตนเองออกจาก พระมหากษัตริย์และตั้งตนเป็นรัฐอิสระ แต่ก็ต้องขับเคี่ยวกับเจ้านายที่รู้วิธีทำให้ผู้อื่นเชื่อฟังเป็นอันดี เพื่อการนี้ได้ทรงส่งกองทัพมีกำลังทหาร ๑๐,๐๐๐ คน พร้อมด้วยแม่ทัพสำคัญของประเทศ ๓ คนคือ ออกพระศกั ดาพลฤทธ์ิ (Opera Soupa Pontrook) บงั คบั บญั ชากองทหารทพั หนา้ จำนวน ๓,๒๐๐ คน ออกญาทา้ ยนำ้ แมท่ พั หลวงคมุ พลจำนวน ๔,๐๐๐ คน และออกญานคร ซง่ึ เรยี กวา่ เจา้ เมอื งนครคนใหม่ เป็นแม่กองระวังหลัง ทั้ง ๓ ทัพได้เข้าโจมตีเมืองนครศรีธรรมราชพร้อม ๆ กัน และยึดเมืองได้ในคราว เขา้ โจมตคี รง้ั แรก ไดจ้ บั ตวั พวกกบฏไดใ้ นหมบู่ า้ นทพ่ี วกนน้ั มาซอ่ งสมุ กนั อยู่ และสง่ ตวั นกั โทษสำคญั ๑๗ คนไปกรุงศรีอยุธยา ณ ที่นี้ไม่มีการฟังข้อแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้นและไม่มีการพิจารณาไต่สวนความผิด พวกนักโทษถูกนาบเท้าด้วยแผ่นเหล็กร้อนเผาจนแดง ทั้งถูกล่ามและฝังไว้ในดินลึกแค่บ่าเป็นการประจาน แกค่ นทเ่ี ดนิ ผา่ นไปมา คนพวกนถ้ี กู บงั คบั ใหเ้ ขกศรี ษะนกั โทษคนละที ในประเทศสยาม การเขกศรี ษะถอื วา่ เปน็ การสบประมาทกนั อยา่ งรา้ ยทส่ี ดุ แตเ่ มอ่ื ถกู ทรมานในลกั ษณะเชน่ นเ้ี ปน็ เวลา ๒๔ ชว่ั โมงแลว้ พระภกิ ษุ ไดม้ าทลู ขอพระราชทานอภยั โทษ นกั โทษเหลา่ นน้ั จงึ ถกู นำขน้ึ มาจากพน้ื ดนิ และใหป้ ลอ่ ยตวั ไป ขณะนน้ั พระเจา้ เชยี งใหม่ (King of Ischeen Mey) และเจา้ นครนา่ น (King of Naan) ซง่ึ เปน็ พน่ี อ้ งกนั เกดิ มเี รอ่ื งบาดหมางกนั อยา่ งรนุ แรง เพราะพระเจา้ เชยี งใหมเ่ ชษฐา ผไู้ ดป้ กครองดนิ แดนมรดก ในภาคทด่ี กี วา่ มพี ระประสงคจ์ ะรกุ รานดนิ แดนสว่ นแบง่ ของพระอนชุ า ทรงขบั ไลพ่ ระอนชุ าออกจากอาณาจกั ร ที่ครองอยู่ และบีบบังคับให้เจ้านครน่านต้องร่นหนีเข้ามาในอาณาจักรสยาม พร้อมด้วยข้าทาสบริวาร ไม่กี่คน แต่ภายหลังจากที่ได้พำนักอยู่ในความคุ้มครองของสยามชั่วระยะเวลาหนึ่ง ราษฎรของพระองค์

๓๔๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ประมาณ ๕๐๐ คน ซง่ึ อาศยั อยใู่ นดนิ แดนลาว๑ พากนั หนแี ละมงุ่ ไปสเู่ ชยี งใหม่ เหตกุ ารณค์ รง้ั นเ้ี ปน็ เหตใุ ห้ พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงยุ่งยากพระทัย เพราะทรงเกรงว่าพระเจ้าเชียงใหม่จะถูกราษฎรเหล่านั้นยุยง แล้วอาจจะไปยุยงพระเจ้าอังวะ (King of Ava) ให้เป็นปรปักษ์ต่อพระองค์ด้วย และทรงเกรงว่ากษัตริย์ ๒ องค์นี้อาจรวมกำลังกันทำสงครามกับพระองค์ เพราะเหตุนั้นพระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยทำสงคราม กับพวกนี้ก่อน และเพื่อให้เป็นไปตามพระประสงค์ พระองค์จึงมีรับสั่งให้ประชุมพล ๙๐,๐๐๐ คน ทหารเดนิ เทา้ และทหารมา้ รวมไปกบั ชา้ งศกึ เปน็ จำนวนมาก และปนื ใหญก่ บั สง่ิ ทจ่ี ำเปน็ อน่ื ๆ ทง้ั ปวง รวมกนั เปน็ กองทพั หลวง ซง่ึ อาจยดึ ไดท้ ง้ั อาณาจกั รเชยี งใหม่ เจา้ พระยาพษิ ณโุ ลก (Iauphia)๒ เปน็ ทพั หนา้ ของทพั น้ี ออกญากลาโหมและออกญาพิชัย (Oya Pithey) เป็นแม่ทัพนำพล ๙,๐๐๐ คน มีทหารญี่ปุ่นซึ่งนำตัว มาจากคุกปะปนอยู่บ้าง ส่วนพระเจ้าแผ่นดินเสด็จร่วมกับกองทัพที่เหลืออยู่ตามไปเป็นทัพหลังในเวลา ๓ วันต่อมา ก่อนที่จะเสด็จออกจากพระราชวัง พระองค์ทรงกล่าวคำสาบานว่า พระองค์จะใช้ผู้หญิง ๔ คนแรกทท่ี รงพบเปน็ เครอ่ื งเซน่ สงั เวย โดยจะสบั หญงิ เหลา่ นเ้ี ปน็ ทอ่ น ๆ จะชโลมเรอื พระทน่ี ง่ั ของพระองค์ ด้วยเลือด ไขมัน และไส้พุงของสตรีทั้ง ๔ นี้ พระองค์มิค่อยยอมเสด็จออกจากพระราชวังจนกระทั่ง พบสตรี ๔ คนในเรือลำหนึ่ง พระองค์ก็ได้ทรงปฏิบัติตามคำสาบานนั้น ครั้นแล้วจึงให้เคลื่อนกองทัพ ต่อไปด้วยความปีติอย่างยิ่งที่ได้พบหญิงเหล่านี้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นลางดีทำให้มั่นพระทัยว่าจะได้ชัยชนะ แกข่ า้ ศกึ ฝา่ ยพระเจา้ เชยี งใหมเ่ มอ่ื ทรงทราบวา่ พระเจา้ แผน่ ดนิ สยามกำลงั ยกทพั อนั มแี สนยานภุ าพยง่ิ ใหญ่ ขึ้นมา ก็ละทิ้งบ้านเมืองเสด็จหนีไปกับข้าราชบริพารทั้งปวงโดยมิได้รอคอยความช่วยเหลือ ซึ่งกษัตริย์ องั วะอาจจะสง่ มาให้ เมื่อพระเจ้าแผ่นดินสยามเสด็จมาถึง มิได้พบข้าศึก พระองค์ไม่ประสงค์จะยกทัพกลับโดยมิได้ ทำการสู้รบในสงครามสำคัญแต่อย่างใด จึงทรงตกลงพระทัยเข้าโจมตีนครลาว (Lycon Lawa) เพราะกษัตริย์ของมณฑลนั้นเป็นเจ้าประเทศราชของเชียงใหม่และถวายความจงรักภักดีแก่พระเจ้า เชียงใหม่ เพื่อให้เป็นไปดังพระราชประสงค์ พระองค์มีรับสั่งใหอ้ อกญาพิษณุโลก ( Oya Pouceloucq ) คุมกองทัพบางส่วนเดินทางไปล่วงหน้า และทรงสัญญาว่าจะทรงยกทัพที่เหลืออยู่ติดตามไป แต่ออกญา พิษณุโลกคิดว่าจะเป็นการเสื่อมเสียเกียรติยศของตน ถ้าจะให้พระเจ้าแผ่นดินเสด็จมาด้วยความลำบาก ๑ สันนิษฐานจากคำภาษาฮอลันดา และภาษาอังกฤษ น่าจะอ่านว่า \"ลาว\" แต่ในจดหมายเหตุวันวลิต (ฉบับสมบูรณ์) พิมพ์ใน พ.ศ.๒๕๐๗ และฉบับที่พิมพ์ในปีต่อ ๆ มา ใช้คำว่า \"ละวา้ \" ๒ ตน้ ฉบบั ภาษาฮอลนั ดาเขยี นวา่ Thiauphia Poucelouck คำแปลภาษาฝรง่ั เศสเขยี นวา่ Iauphia คำแปลภาษาองั กฤษเขยี นเชน่ ฝรง่ั เศส แตม่ คี ำในวงเลบ็ เพม่ิ ใหไ้ วว้ า่ (Thao Phaya) --: (ศาสตราจารยข์ จร สขุ พานชิ )

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๔๑ จงึ เขา้ โจมตเี มอื งนครลาวทกุ ดา้ น ทลายประตเู มอื งและจดุ ไฟเผาบา้ นเรอื นราษฎรเสยี เหตกุ ารณน์ เ้ี ปน็ ทต่ี น่ื ตระหนกของชาวเมอื ง แมว้ า่ จะมกี ำลงั ปอ้ งกนั เมอื งเกนิ กวา่ ๒,๐๐๐ คนกต็ าม พระเจา้ แผน่ ดนิ ลาวกไ็ ดเ้ สดจ็ หนไี ปกบั ขา้ ราชบรพิ าร แตถ่ กู ตดิ ตามอยา่ งเรง่ รบี และถกู จบั ได้ อยา่ งไรกต็ าม พระองคท์ รงเหนด็ เหนอ่ื ย และเสียพระทัยมากเกินไป จึงสิ้นพระชนม์เสียก่อนที่พระองค์จะถูกนำกลับมายังเมือง ฝ่ายกษัตริย์สยาม เสด็จตามมาในระยะทางห่างจากเมืองนครลาว ใช้เวลาเดินทาง ๓ วัน ได้ทรงทราบเรื่องการเข้ายึดเมือง การจับตัวพระเจ้าแผ่นดินลาวได้และสิ้นพระชนม์เสียแล้ว พระเจ้าแผ่นดินสยามก็ไม่ประสงค์จะรุกรบ ไกลออกไปอีก พระองค์ไม่ประสงค์จะเดินทางต่อไปจึงหยุดยั้งกองทัพอยู่ที่นั่นและมีพระราชดำรัส ใหป้ ดิ ประกาศทว่ั ทกุ ถนนหนทางวา่ ถา้ หากโอรสของเจา้ ลาวทส่ี น้ิ พระชนม์ ประสงคจ์ ะถวายความจงรกั ภกั ดี แด่พระองค์แล้ว ก็อาจจะกลับมายังพระราชวังได้โดยปลอดภัย และจะให้ปกครองอาณาจักรของบิดา แต่เจ้าชายหนุ่มก็มิได้ปรากฏองค์ ดังนั้นเมื่อออกญาพิษณุโลกพักอยู่ในเมืองนั้นได้ ๑๐ วันก็ทิ้งเมือง ทำการปลน้ สะดมและกวาดตอ้ นครวั ลาวจำนวนหนง่ึ ไปกบั ตน พรอ้ มทง้ั ทรพั ยส์ มบตั ทิ ง้ั มวล อาวธุ ยทุ ธภณั ฑ์ และเสบียงอาหารทั้งหมดในเมือง และเหลือคนไว้ราว ๑,๐๐๐ คน เพื่อให้จัดการถวายเพลิงพระศพ พระเจา้ แผน่ ดนิ องคก์ อ่ นตามประเพณี ในทนั ทที อ่ี อกญาพษิ ณโุ ลกยกมาสมทบกบั ทพั หลวง พระเจา้ แผน่ ดนิ สยามก็ทรงให้ยกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา พระองค์เสด็จเข้าเมืองอย่างภาคภูมิในชัยชนะ มีเชลยมาใน กระบวนทัพ ๑๐,๐๐๐ คน รวมทั้งพวกที่ละทิ้งเจ้านครน่านไปเข้ากับพระเจ้าเชียงใหม่ด้วย เชลยเหล่านี้ จำนวนมากถกู ประหารชวี ติ ดว้ ยพธิ พี สิ ดาร คอื ถกู เสยี บเขา้ กบั ไมไ้ ผผ่ า่ ซกี ซง่ึ ขน้ึ เปน็ ลำอยบู่ นดนิ คนพวกน้ี ตายอยา่ งทนทกุ ขเวทนา คนทย่ี งั มชี วี ติ อยจู่ นถงึ เยน็ วนั ทส่ี ห่ี รอื ทห่ี า้ ถกู ตดั สนิ ใหเ้ อาไฟคลอก แตพ่ ระสงฆ์ ไดท้ ลู ขอชวี ติ ไว้ คนเหลา่ นน้ั จงึ ไดร้ บั อภยั โทษ ฝา่ ยพระเจา้ แผน่ ดนิ สยาม เมอ่ื ทรงเหน็ วา่ พระองคม์ ชี ยั แกอ่ รริ าชศตั รทู ง้ั ไดท้ รงวางรากฐานกจิ การ บ้านเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ใช้กลอุบายกำจัดขุนนางคนสำคัญ ๆ ของประเทศเสียเป็นจำนวนมาก แมแ้ ตผ่ ทู้ ไ่ี ดช้ ว่ ยเหลอื สนบั สนนุ เปน็ อยา่ งดยี ง่ิ ในการขน้ึ ครองราชบลั ลงั ก์ ทพ่ี ระองคท์ รงทำดงั นน้ั เพราะทรง เกรงว่าคนเหล่านั้นอาจกระทำการทุจริตต่อพระองค์เช่นเดียวกับที่ได้กระทำกับพระเจ้าแผ่นดินที่ถูกต้องตาม กฎหมายบา้ นเมอื งมาแลว้ เมอ่ื เดอื นเมษายน ค.ศ. ๑๖๓๓ (พ.ศ. ๒๑๗๖) ภายหลงั ทท่ี รงครองราชยม์ าแลว้ ๓ ปี พระองค์เสด็จประทับเหนือบัลลังก์และตรัสถามเหล่าขุนนางซึ่งพระองค์มีรับสั่งให้มาประชุมเป็น การด่วนว่า มีขุนนางผู้ใดในที่ประชุมต้องการดื่มสุราบ้าง เมื่อไม่มีใครทูลตอบ พระองค์จึงทรงตั้งปัญหา ถามอกี ขอ้ หนง่ึ วา่ ขนุ นางทง้ั หลายเหน็ วา่ สรุ าอยา่ งไหนจะดกี วา่ กนั สรุ าเกา่ หรอื ใหม่ เมอ่ื บางคนไดก้ ราบทลู

๓๔๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ถึงความรู้สึกของตนแล้ว พระองค์จึงตรัสว่า ยังมีสุราเหลืออยู่อีก ๒ ขวดในตำหนักของพระเจ้าทรงธรรม และตรัสว่า พระองค์ยินดีฟังความเห็นแนะนำว่าควรจะทำเช่นไรกับสุรานี้ และควรจะเทสุรานั้นทิ้งไป เสยี ดกี วา่ เพราะเกรงวา่ อายเุ วลาและความแรงฉนุ ของมนั จะทำใหข้ วดระเบดิ พระองคต์ รสั เสรมิ อกี วา่ ไมม่ ใี คร ใชป้ ระโยชนจ์ ากสรุ านแ้ี ลว้ ออกญาอปุ ราช (Oya Ombrat) และออกญายมราช (Oya lmmerat) เขา้ ใจ ในเจตนาของพระเจา้ แผน่ ดนิ จงึ ถวายบงั คมและกราบทลู วา่ ขอไดโ้ ปรดพระราชทานอภยั โทษแกพ่ ระโอรส ทั้งสองนั้นเถิดเพราะว่ายังทรงพระเยาว์นัก พระชันษาของพระราชโอรสทั้งสององค์ของพระเจ้าทรงธรรม นั้นรวมกันแล้วก็ยังไม่ถึง ๑๒ ปี คงจะไม่มีความทรงจำถึงอำนาจราชศักดิ์ใด ๆ ที่พระราชบิดาของทั้งสอง พระองค์เคยมีดอก แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าถ้อยคำกราบทูลตอบนี้เป็นการตำหนิพระองค์ยิ่งกว่า จะเปน็ การแนะนำชแ้ี จง ความพโิ รธจดั ทำใหท้ รงลมื องค์ จนถงึ กบั จบั พระแสงขน้ึ ฟนั ศรี ษะออกญาทง้ั สอง เสยี หลายแผลดว้ ยพระหตั ถข์ องพระองคเ์ อง แลว้ มรี บั สง่ั ใหเ้ อาตวั ไปขงั ในคกุ มดื ใหจ้ ดั การรบิ ทรพั ยส์ มบตั ิ บ้านเรือนและข้าทาสหมดสิ้น ครั้นแล้วก็ทรงให้ส่งคนไปคุมตัวเจ้าชายน้อย ๆ ทั้งสองพระองค์มาโดยมิได้ ทรงปรึกษาหารือผู้ใดอีก เจ้าชายองค์หนึ่งมีพระชันษาไม่ถึง ๗ ขวบ และอีกพระองค์หนึ่งมีพระชันษา ๕ ขวบ เจ้าชายทั้งสองถูกนำไปยังสถานที่สำเร็จโทษอย่างเคย และสำเร็จโทษด้วยวิธีการเดียวกันกับ ที่ให้ทรงทำกับพระปิตุลา กับพระเจ้าแผ่นดินทั้งสองพระองค์และเจ้านายองค์อื่น ๆ แห่งราชตระกูล พระศพของเจ้าชายทั้งสองถูกโยนลงในบ่อและทิ้งไว้เช่นนั้นนานกว่าหนึ่งปี ครั้นแล้วจึงได้นำอวัยวะที่ เน่าเปื่อยและกระดูกขึ้นจากบ่อ เผาเสียที่ริมฝั่งแม่น้ำ และโยนเถ้าถ่านทิ้งลงในแม่น้ำเพื่อไม่ให้มีอนุสรณ์ ใด ๆ เหลอื อยู่ ในปีเดียวกันนั้น พระเจ้าอยู่หัวทรงพบพระโอรสองค์อื่น ๆ ของพระเจ้าทรงธรรมอีก ๓ องค์ องคโ์ ตทส่ี ดุ มพี ระชนั ษาไมเ่ กนิ ๖ ขวบ พรอ้ มดว้ ยพระสนมคนหนง่ึ ของพระเจา้ อยหู่ วั ในพระโกศ ซง่ึ พระองค์ ทรงอนญุ าตใหพ้ ำนกั อยใู่ นพระราชวงั เมอ่ื ทรงเหน็ วา่ นางนเ้ี ศรา้ หมองมาก จงึ ทรงจนิ ตนาการวา่ คงเปน็ เพราะคดิ ถงึ ความเปน็ อยขู่ องตนในอดตี พระองคจ์ งึ มรี บั สง่ั ใหห้ าตวั ออกญาจกั รี (Oya Sicry) ซง่ึ ขณะน้ี เป็นออกญาพระคลัง ตรัสกับออกญาพระคลังว่า ต้นไม้อ่อนซึ่งมีหัวเป็นเส้นเสี้ยนมาแต่แรกแล้วย่อมกิน ไม่อร่อย จำเป็นต้องถอนรากถอนโคนทิ้งไปโดยเร็ว พระองค์ตรัสต่อไปว่า พระองค์เห็นพระโอรส เหล่านี้กับพระสนมของพระเจ้าอยู่หัวในพระโกศ อยู่ในอารมณ์ที่นำให้พระองค์พิเคราะห์เห็นว่า เพียงอายุ เทา่ นก้ี ย็ งั กลา้ แสดงความหมน่ หมองเคอื งขนุ่ ในเรอ่ื งทแ่ี ลว้ ๆ มาได้ หากโตขน้ึ มคี วามคดิ และสตปิ ญั ญามาก กวา่ น้ี กค็ งจะไมห่ ยดุ กระทำการอยา่ งอน่ื อกี ฉะนน้ั พระองคท์ รงเหน็ วา่ สมควรกำจดั เสยี ดกี วา่ เจา้ ชาย

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๔๓ เหลา่ นจ้ี งึ ถกู นำมายงั สถานทเ่ี ดยี วกบั เจา้ ชายองคอ์ น่ื ๆ ถกู สำเรจ็ โทษ วธิ กี ารสำเรจ็ โทษกเ็ ปน็ อยา่ งเดยี วกนั สว่ นพระสนมถกู ลากตวั ไปยงั แมน่ ำ้ และถว่ งนำ้ เสยี ณ ทน่ี น้ั ยังมีเจ้าชายอีกองค์หนึ่งที่ยังมีพระชนม์อยู่ เจ้าชายองค์นี้เป็นพระโอรสองค์ใหญ่ที่สุดของ พระเจ้าทรงธรรม พระราชบิดาของพระองค์ตั้งพระทัยจะให้สืบราชสมบัติ แต่ทว่าพระมะริด (Marit)* หรือที่เรียกกันว่า พระองค์ดำ ๑ ได้ทรงทำให้พระเนตรของเจ้าชายพิการโดยรับสั่งให้เอาไฟจี้ เจ้าชาย ได้สละราชบัลลังก์และทรงพำนักอยู่แต่ในวังของพระองค์ พระองค์ทรงมีพระชายาเพียงองค์เดียวกับ มีข้าทาสบริวารไม่กี่คน ทรงมีภารกิจเพียงอย่างเดียว คือเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินวันละหลายครั้ง ขณะนั้นเป็นเดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๖๓๘ (พ.ศ. ๒๑๗๘) ไฟได้ไหม้ทำลายพระนครส่วนใหญ่และลุกลาม ไปหมดเมอื ง ภายหลงั ทไ่ี ฟดบั หมดแลว้ เจา้ ชายองคน์ ไ้ี ดร้ บั อนญุ าตใหเ้ สดจ็ ไปในเมอื ง เพอ่ื ทอดพระเนตรภาพ ทน่ี า่ สลดใจตา่ ง ๆ แตใ่ นทนั ทที ท่ี รงปรากฏพระองคใ์ นทอ้ งถนน บรรดาราษฎรซง่ึ ทราบวา่ พระองคท์ รงเปน็ เจา้ นายในราชตระกลู เพยี งองคเ์ ดยี วทเ่ี หลอื อยู่ กพ็ ากนั ถวายความเคารพจงรกั ภกั ดี เทดิ ทนู พระเกยี รตยิ ศ สงู สดุ ยง่ิ อนั ไมเ่ คยทำมากอ่ นแมแ้ ตก่ บั พระเจา้ แผน่ ดนิ เอง ดว้ ยเหตนุ จ้ี งึ ทำใหก้ ษตั รยิ ท์ รราชทรงรษิ ยาเปน็ ทย่ี ง่ิ จนทรงตัดสินพระทัยจะให้สำเร็จโทษเจ้าชายเสีย อย่างไรก็ตาม เพื่อจะได้จัดการอย่างมีข้ออ้างที่ยุติธรรม พระเจา้ แผน่ ดนิ จงึ มรี บั สง่ั ใหเ้ หลา่ ทหารรกั ษาวงั ซง่ึ สกั ลวดลายตามแขนไปพดู จากา้ วรา้ วหมน่ิ ประมาทเจา้ ชาย พวกทหารรกั ษาวงั ไดก้ ระทำตอ่ เจา้ ชายอยา่ งนา่ ละอาย กลา่ ววาจาลว่ งเกนิ พระองคม์ ากจนเหลอื จะกลน้ั ได้ พระองค์จึงทรงชกต่อยทหารรักษาวังคนหนึ่ง มีผู้กราบทูลเรื่องนี้ต่อพระเจ้าแผ่นดิน พระองค์มีรับสั่งให้หา เจ้าชายและทรงกล่าวตำหนิติเตียนอย่างรุนแรง พระเจ้าแผ่นดินตรัสว่า ความเก่งกล้าไม่เกรงต่อข้อครหา ของเจ้าชาย ทำให้ไม่อาจอุปการะเลี้ยงดูได้ พระองค์หมดความนับถือที่มีอยู่ต่อเจ้าชาย เพราะเหตุที่ วิวาทกับทหารสักเครื่องหมายของกษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลความสงบของประชาชนและลงโทษผู้ทำ ผิดกฎหมายบ้านเมือง ยิ่งกว่านั้น เมื่อพระองค์ประพฤติผิดโดยชกต่อยคนเหล่านี้แล้ว องค์ของพระมหา กษตั รยิ เ์ อง พระมเหสแี ละพระราชโอรสธดิ ายอ่ มจะไมป่ ลอดภยั ดงั นน้ั เพอ่ื ปอ้ งกนั เหตรุ า้ ยอนั หวน่ั เกรงกนั วา่ จะเกิดขึ้นในเวลาข้างหน้า จึงจำเป็นจะต้องปลงพระชนม์เจ้าชายเสีย เมื่อเจ้าชายถูกตัดสินให้สำเร็จโทษ แล้วก็ถูกนำมายังสถานประหารชีวิต แต่พระนางผู้ซึ่งเป็นพระอัยกีของพระเจ้าอยู่หัวได้อ้อนวอน ร้องขอชีวิตของเจ้าชายไว้ อย่างไรก็ตาม กลับเท่ากับทำให้เจ้าชายเคราะห์ร้ายหนักขึ้นไปอีก เพราะว่า * ในฉบบั ภาษาฮอลนั ดา เขียน Narit ๑ หมายถึงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. ๒๑๓๓-๒๑๔๘ คงจะเป็นความสับสนของผู้เขียน จงึ สนั นษิ ฐานวา่ นา่ จะเปน็ พระองคเ์ ดยี วกบั พระองค์อมั ฤทธ์ิ พระราชชนนใี นสมเดจ็ พระเชษฐาธริ าช

๓๔๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ พระเจ้าอยู่หัวทรงให้เจ้าชายเสวยยาซึ่งทำให้มีสติฟั่นเฟือน พระเนตรและพระกรรณพิการและทำลาย สว่ นสมองดว้ ย ผลทไ่ี ดร้ บั คอื ทเ่ี จา้ ชายองคน์ ห้ี มดโอกาสทจ่ี ะสามารถขน้ึ ครองราชสมบตั ไิ ด้ สดุ ทา้ ยในวนั ท่ี ๑๘ กมุ ภาพนั ธ์ ปที แ่ี ลว้ พระเจา้ แผน่ ดนิ ทรงปรารถนาจะกำจดั ทกุ สง่ิ ทอ่ี าจเปน็ ภยั แก่พระองค์ ๆ จึงทรงตัดสินพระทัยให้ประหารชีวิตพระโอรสที่เหลือสุดท้าย ๒ องค์ ของพระเจ้าอยู่หัว ในพระโกศเสีย เจ้าชายองค์หนึ่งพระชนม์ได้ ๑๖ พรรษาและอีกองค์หนึ่งมีพระชนม์ ๑๘ พรรษา ฉะนน้ั ในเวลากลางคนื พระองคจ์ งึ ใหน้ ำเจา้ ชายไปทห่ี นา้ วดั พระเมรโุ คกพญา อนั เปน็ ทซ่ี ง่ึ กษตั รยิ แ์ ละเจา้ นาย องค์อื่น ๆ ถูกสำเร็จโทษด้วยทรงตั้งพระทัยที่จะให้ประหารเจ้าชายทั้งสองเสียโดยวิธีเดียวกัน พระอัยกี องค์เดียวกันของพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งทรงเป็นผู้ทักท้วงในการประหารชีวิตเป็นส่วนมาก พร้อมทั้งมเหสีเอก ๒ องค์ และพระพี่นาง ๒ องค์ ของเจ้าชายทั้งสองทรงเพ็ดทูลขอความกรุณาให้แก่เจ้าชาย แต่พระเจ้า แผ่นดินไม่ฟังเสียง จนกระทั่งมารดาทรงขู่ว่าจะกระโดดลงไปในแม่น้ำและพระมเหสีทั้งสองเตรียมเสวย ยาพษิ หากพระเจา้ แผน่ ดนิ ยงั คงยนื กรานกระทำตามความประสงคท์ โ่ี หดเหย้ี มของพระองค์ ดงั นน้ั พระองค์ จงึ จำยอมสง่ั ใหง้ ดการประหารไว้ ตง้ั แตน่ น้ั มาเจา้ ชายทง้ั สองกถ็ กู บงั คบั ใหอ้ อกจากพระราชวงั ไปพำนกั อยู่ ณ ฝง่ั แมน่ ำ้ อกี ฟากหนง่ึ เจ้าชายองค์ใหญ่ได้สมรสกับหญิงสาวตระกูลต่ำคนหนึ่ง เจ้าชายทั้งสองมีข้าทาสใช้สอยไม่กี่คนและ มรี ายไดน้ อ้ ยจนแทบจะไมพ่ อเลย้ี งชวี ติ เจา้ ชายทง้ั สองถกู บงั คบั ใหไ้ ปเฝา้ พระเจา้ แผน่ ดนิ ทพ่ี ระราชวงั ทกุ วนั เมื่อพระเจ้าแผ่นดินเสด็จออกให้ราษฎรเฝ้า เจ้าชายจะต้องตามเสด็จโดยนั่งบนหลังช้างตัวงาม หรือถ้า พระเจ้าแผ่นดินเสด็จทางชลมารค เจ้าชายจะต้องนั่งอยู่ในเรือปิดทองประดับประดางดงาม ในเวลานั้น ราชตระกลู ทง้ั หมดทม่ี ชี วี ติ อยู่ เหลอื เพยี งพระราชนิ ซี ง่ึ เปน็ มเหสที ส่ี ามของพระเจา้ แผน่ ดนิ พระขนษิ ฐาของ พระนาง เจ้าชายสองพระองค์ที่ได้เล่ามาแล้ว และพระญาติที่เป็นสตรีบางองค์ซึ่งเป็นพระญาติห่าง ๆ เท่านั้น เจ้านายองค์อื่น ๆ นอกนั้นทั้งหมดถูกปลงพระชนม์ด้วยน้ำมือของพระเจ้าแผ่นดิน พระองค์เป็น หนี้ชีวิตแก่เจ้าชายเหล่านี้ ก็ควรจะเป็นหน้าที่ของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้ที่จะรับหน้าที่พิทักษ์รักษา ชวี ติ ของเจา้ เหลา่ นน้ั พฤตกิ ารณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ทง้ั หมดน้ี ทำใหอ้ าจกลา่ วไดว้ า่ เปน็ เวลาหลายศตวรรษทเี ดยี ว ทไ่ี มเ่ คยมกี ษตั รยิ ์ สยามพระองค์ใดขึ้นครองบัลลังก์อย่างกล้าหาญชาญชัย มีความระแวดระวังเป็นเยี่ยมหรือมีอุบายฉลาด หลกั แหลมมากเชน่ กษตั รยิ พ์ ระองคน์ ้ี ดงั นน้ั นอกเหนอื ไปเสยี จากความโหดเหย้ี ม ซง่ึ พระองคแ์ สดงใหเ้ หน็ ในตอนเริ่มต้นรัชกาลของพระองค์แล้ว ก็อาจกล่าวได้ว่าพระองค์ทรงมีคุณสมบัติเพียบพร้อมทุกประการ

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๔๕ ที่จำเป็นสำหรับการครองราชย์ที่ดี ถึงแม้พระองค์ไม่มีฐานันดรศักดิ์ที่จะสืบราชสมบัติ พระองค์ก็มี คณุ วฒุ ขิ องกษตั รยิ โ์ ดยแทจ้ รงิ ฉะนน้ั อาจกลา่ วไดว้ า่ ความสำเรจ็ ทน่ี า่ ยนิ ดที ง้ั มวลทางดา้ นกจิ การงานเมอื ง ทย่ี ง่ิ ใหญน่ น้ั เปน็ ผลของการปฏบิ ตั งิ านอยา่ งดเี ยย่ี มของพระองคย์ ง่ิ กวา่ จะเปน็ เพราะโชคอำนวย ชาวเมืองปัตตานีปฏิเสธไม่ยอมถวายความจงรักภักดีตามที่เคยปฏิบัติต่อกษัตริย์สยามเสมอมา ดังนั้นเพื่อที่จะไม่ให้คนเหล่านี้แสวงหาพรรคพวกจากเพื่อนบ้านประเทศใกล้เคียง มาช่วยเสริมกำลังในการ ก่อกบฏหรือรบกวนความสงบสุขของประเทศด้วยการสงครามกับต่างประเทศ พระองค์จึงส่งคณะทูต สำคัญไปยังกษัตริย์แห่งเมืองอะจิน* และกษัตริย์แห่งยะไข่๑ ในระยะแรกที่ขึ้นครองราชย์เพื่อต่อ สญั ญาพนั ธมติ ร พันธไมตรแี ละการติดตอ่ ซงึ่ ก่อน ๆ ทรงทำไวก้ บั กษตั ริย์ทงั้ สองน้ี กับได้ทำสนธสิ ญั ญา สันติภาพกับประเทศนั้นด้วย ถึงแม้เหตุการณ์ต่อมามีทีท่าว่าสนธิสัญญานี้จะไม่ยืดยาวต่อไปถึงที่สุดก็ตาม พระเจา้ แผน่ ดนิ กย็ งั คงใชส้ นธสิ ญั ญานเ้ี ปน็ เครอ่ื งเหนย่ี วรง้ั ชาวปตั ตานใี หก้ ลบั มาถวายความเคารพและเชอ่ื ฟงั ตอ่ พระองค์ ในปี ค.ศ. ๑๖๓๔ (พ.ศ. ๒๑๗๗) พระองค์ส่งทหารไปปัตตานี ๓๐,๐๐๐ คน พระองค์ได้เสริม กำลังทหารด้วยทหารต่างด้าวจำนวนหนึ่ง เพื่อให้กองทัพเข้มแข็ง ทหารต่างด้าวเหล่านี้มีโปรตุเกส คนเชื้อชาติผสม ญี่ปุ่น มลายู และชาติอื่น ๆ ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศ พระองค์ทรงเตรียมกองทัพนี้ พร้อมสรรพด้วยช้าง ม้า ศัสตราวุธ เสบียงอาหารและสัมภาระที่จำเป็นสำหรับการสงครามใหญ่ กองทัพนี้มีแม่ทัพ ๔ คน คือ ออกญานคร ออกญาพระคลัง ออกญากลาโหม และออกญารามสิทธิ์ (Oya Rabasit) แต่ความไม่เรียบร้อยของกองทัพอันเกิดจากการวิวาทระหว่างกัน ทั้งความต้องการได้ เปรยี บในการรบ และความประพฤตอิ นั เสอ่ื มเสยี ของบรรดาทหาร กลบั เปน็ ผลประโยชนก์ บั ฝา่ ยปตั ตานี กล่าวคือ กองทัพเหล่านี้ต้องประสบกับการต้านทานอย่างเข้มแข็งจนทำให้ต้องล่าถอย เนื่องจากกองทัพ บางเหล่าตอ้ งการนำทัพเขา้ โจมตีขา้ ศึกตามลำพงั โดยไมใ่ ช้กองทหารตา่ งดา้ ว โดยเฉพาะอย่างย่งิ ทหารชาว ฮอลนั ดา ซง่ึ เปน็ ทหารทด่ี ที ส่ี ดุ และสำคญั ทส่ี ดุ เขา้ รว่ มโจมตดี ว้ ย เปน็ เหตใุ หพ้ ระเจา้ แผน่ ดนิ ตอ้ งสง่ กองทพั ทส่ี องมาอกี ทพั นเ้ี ขม้ แขง็ เปน็ ทห่ี วาดกลวั มาก จนนางพญาตานยี อมจำนน เมอ่ื กษตั รยิ ไ์ ทรบรุ ีเขา้ ไกลเ่ กลย่ี และปฏิบัติหน้าที่ที่เคยกระทำโดยส่งทูตมาถวายบรรณาการดอกไม้เงินดอกไม้ทองยังราชสำนักสยามใน ปี ค.ศ. ๑๖๓๖ (พ.ศ. ๒๑๗๙) และทำพธิ ถี วายสตั ยป์ ฏญิ าณเปน็ ขา้ ขอบขณั ฑสมี าตามประเพณี * Athein ตง้ั อยใู่ นเกาะสมุ าตรา เมอื งนไ้ี ทยเรยี กวา่ เมอื งอดั แจ ๑ Arracan

๓๔๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ต่อจากนั้น พระเจ้าแผ่นดินมีพระราชประสงค์ที่จะเสริมสร้างความสงบสุขของประเทศ พระองค์ ไดท้ รงผกู สมั พนั ธไมตรกี บั เจา้ นายอนิ เดยี ทกุ องค์ ตลอดจนแวน่ แควน้ ทง้ั ปวงในหมเู่ กาะอนิ เดยี เพอ่ื ใหไ้ ดส้ ง่ เรือสำเภาของพระองค์และของไพร่ฟ้าไปทำการค้าขายได้โดยเสรีตามเมืองท่าต่างประเทศเหล่านั้น แม้ พระองค์จะได้ขับไล่และกระทำการทารุณต่อชาวญี่ปุ่น พระองค์ก็มิได้เพิกเฉยที่จะชักนำชาวญี่ปุ่นให้ กลบั มาอกี ในภายหลงั หรอื สง่ ทตู ไปยงั ประเทศญป่ี นุ่ เพอ่ื ทำสญั ญากบั พระจกั รพรรดผิ มู้ อี ำนาจแหง่ ภมู ภิ าค สำคัญยิ่งของตะวันออก ราชทูต* นั้นเป็นผู้ถือพระราชสาส์นซึ่งจารึกเป็นตัวทอง พร้อมกับนำเครื่อง ราชบรรณาการอันมีค่าไปด้วยเป็นอันมาก แต่ขณะที่ข้าพเจ้า๑ออกจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อ ๒ ปีมาแล้ว ราชทตู ยงั ไมก่ ลบั มา ขา้ พเจา้ จงึ ไมอ่ าจกลา่ วสง่ิ ใดไดใ้ นเรอ่ื งผลของการเจรจา เปน็ เวลาชา้ นานมาแลว้ ทก่ี ษตั รยิ จ์ ามปา (Chiampa) เปน็ เจา้ ประเทศราชของพระเจา้ แผน่ ดนิ สยาม และในเมื่อพระองค์ทรงปฏิเสธไม่ยอมถวายความจงรักภักดีในรัชสมัยของพระ Marit หรือพระองค์ดำ** เมื่อประมาณ ๕๐ ปีมาแล้วนั้น พระองค์ดำได้ทรงกรีธาทัพเข้ายังประเทศนี้ ได้ชัยชนะในการสงคราม และทรงบังคับให้กษัตริย์จามปาถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา แต่ในทันทีที่พระองค์ดำกษัตริย์ผู้มีพระบรม เดชานุภาพเป็นที่ครั่นคร้ามของประเทศใกล้เคียงเสด็จสวรรคต กษัตริย์จามปาก็ปฏิเสธไม่ยอมอ่อนน้อม ต่อกษัตริย์สยามอีก เมื่อพระเจ้าอยู่หัวองค์นี้ขึ้นครองราชบัลลังก์ พระองค์ได้ส่งทูตานุทูตไปเฝ้ากษัตริย์ จามปาโดยทนั ที มีพระโกษาธบิ ดี (Trackousa Tsibidi) เปน็ หวั หนา้ พระองคท์ รงใหจ้ ดั เครอ่ื งบรรณาการ มอบใหค้ ณะทตู ไปถวายแกก่ ษตั รยิ จ์ ามปา เปน็ การเตอื นใหร้ ะลกึ ถงึ หนา้ ทแ่ี ละไดเ้ ชอ้ื เชญิ ใหก้ ษตั รยิ จ์ ามปา ถวายความจงรักภักดีดังที่กษัตริย์องค์ก่อน ๆ ของประเทศนั้นได้ปฏิบัติต่อกษัตริย์สยามตลอดมา กษัตริย์จามปาทรงต้อนรับคณะทูตเป็นอย่างดี และให้การรับรองอย่างสมเกียรติยศ ทรงสัญญาว่า จะส่งคนของพระองค์มากรุงศรีอยุธยาโดยเร็วเพื่อทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา แต่พระองค์มิได้ปฏิบัติ ตามที่ทรงสัญญาไว้ พระเจ้าแผ่นดินสยามจึงส่งทูตไปอีกในเดือนธันวาคมต่อมา พระโกษาธิบดีคน เดียวกันนั้น ได้นำของบรรณาการไปถวายกษัตริย์จามปาเพื่อเชิญให้มาทำพิธีตามหน้าที่ แต่ความสำเร็จ ของคณะทตู ครง้ั ทส่ี องนย้ี งั ไมท่ ราบไดข้ ณะเมอ่ื ขา้ พเจา้ จากกรงุ ศรอี ยธุ ยามา พระเจ้าแผ่นดินสยามพระองค์นี้ ทรงปฏิบัติต่อชาวโปรตุเกสอย่างโหดร้ายมาก ในตอนต้นรัชกาล ทรงให้กักขังคนพวกนี้ไว้ในคุกเป็นเวลานาน แต่ในปี ค.ศ. ๑๖๓๖ (พ.ศ. ๒๑๗๙) พระองค์ได้ส่ง * ราชทตู ไทยไปญป่ี นุ่ เมอ่ื ปี พ.ศ.๒๑๗๙ แตญ่ ป่ี นุ่ ไมย่ อมรบั ราชทตู เพราะเรม่ิ นโยบายปดิ ประตปู ระเทศ ๑ หมายถงึ Jeremias van Vliet (ผู้บันทึก) ** สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๔๗ คณะราชทตู ไปยงั มะละกา และมะนลิ า เพือ่ เช่อื มสมั พันธไมตรกี ับเจ้าผูค้ รองรฐั ทงั้ สองนน้ั และเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสงบสุขต่อกัน อย่างไรก็ตาม สันติภาพนี้ได้สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. ๑๖๓๙ (พ.ศ. ๒๑๘๒) เนื่องจาก การเข้าแทรกแซงของราชทูตจีนแห่งเมืองมาเก๊า ในตอนเริ่มรัชสมัยของพระองค์ได้ทรงส่งราชทูต ไปเฝ้ากษัตริย์อังวะ* กษัตริย์หงสาวดี ๑ (King of Pegu) และกษัตริย์ล้านช้าง (King of Langhianch) ด้วยพระองค์ทรงผูกสัมพันธไมตรีกับประเทศใกล้เคียง เพื่อความมั่นใจในความสงบสุขของอาณาจักร ของพระองค์เองโดยคณะทูตเหล่านี้ และโดยการทำสนธิสัญญาไว้ต่อกัน แต่ความระแวงภัยของกษัตริย์ มอญและกษัตริย์ล้านช้างนั้นมีอยู่มาก ไม่เคยมีความไว้วางพระทัยเลย ต้องคอยระวังพระองค์อยู่เสมอ เพราะเกรงวา่ กษตั รยิ ส์ ยามจะเขา้ โจมตแี ละจโู่ จมเอาโดยไมร่ ตู้ วั อนั ทจ่ี รงิ พระองคไ์ มน่ า่ หวาดระแวงถงึ เชน่ นน้ั เพราะว่ากษัตริย์สยามเองนั้นทรงร้อนพระทัยที่จะรักษาราชบัลลังก์ไว้สำหรับราชวงศ์ของพระองค์อยู่แล้ว และพระองค์มีพระประสงค์ที่จะสร้างความนิยมรักใคร่ในบรรดาไพร่ฟ้าประชาชน จึงทรงพยายามหาทาง ใหบ้ า้ นเมอื งไดร้ บั ความรม่ เยน็ เปน็ สขุ และมคี วามเจรญิ มง่ั คง่ั ดว้ ยการคา้ ขาย ฝ่ายพระเจ้าแผ่นดินสยามเมื่อได้ทรงปราบปรามผู้ก่อการจลาจล และทำสัญญาไมตรีกับประเทศ ใกล้เคียง ทั้งจัดการเกี่ยวกับเมืองปัตตานีซึ่งเป็นประเทศราชเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ พระองค์ยุ่งยากพระทัยอีก นอกจากชีวิตของออกญาพระคลังซึ่งพระองค์ทรงตั้งให้เป็นออกญาพิษณุโลก ออกญาพระคลังผู้นี้เป็นผู้บอกแผนการที่พระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อนเตรียมประหารชีวิตพระองค์ เป็นผู้ที่ยอม เสี่ยงชีวิตบ่อยครั้งเพื่อคุ้มครองพระชนมชีพของพระองค์เมื่อครั้งยังเป็นออกญากลาโหม ความกล้าหาญ ความรอบคอบและการกระทำการตา่ ง ๆ ของออกญาพระคลงั นน้ั เปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งทส่ี ดุ ตอ่ พระองคใ์ นการ แย่งชิงราชบัลลังก์ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงกระทำสัตย์สัญญาสาบานต่อออกญาพิษณุโลก อย่างเป็นพิธีตามประเพณีว่า เมื่อได้ขึ้นครองราชบัลลังก์แล้ว พระองค์จะทรงประกาศสถาปนาออกญา พระคลังขึ้นเป็นเจ้าฝ่ายหน้าหรือมหาอุปราชของอาณาจักรสยาม แต่พระองค์มิได้ทรงรักษาสัญญานั้น เพราะทรงประกาศตั้งพระอนุชาขึ้นเป็นฝ่ายหน้าหรือรัชทายาทที่จะได้สืบราชสมบัติ ทรงแต่งตั้งออกญา พระคลงั เปน็ ออกญาสวรรคโลก (Oya Souarcolouq) และตอ่ มาทรงตง้ั ใหเ้ ปน็ ออกญาพษิ ณโุ ลก ออกญา * พงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาว่า ทรงมีพระราชสาส์นไปยังกรุงอังวะให้ใช้ศักราชที่ทรงลบแล้ว เมื่อจุลศักราช ๑๐๐๐ (พ.ศ. ๒๑๘๑) พระเจา้ กรงุ องั วะทรงตอบพระราชสาสน์ ไมย่ อมใชศ้ กั ราชทท่ี รงลบแลว้ นน้ั ๑ ในจดหมายเหตุวันวลิต (ฉบับสมบูรณ์) ที่พิมพ์ใน พ.ศ. ๒๕๐๗ และฉบับที่พิมพ์ในปีต่อ ๆ มา ใช้ว่า \"กษัตริย์มอญ\" แตเ่ มอ่ื พจิ ารณาถงึ คำกำกบั ในวงเลบ็ ทเ่ี ปน็ ภาษาองั กฤษว่า (King of Pegu) แลว้ Pegu คือ เมอื งพะโค หรือ หงสาวดี ดงั นน้ั จงึ ควรใชว้ า่ \"กษัตริย์หงสาวดี\"

๓๔๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ พระคลงั ไมพ่ อใจในตำแหนง่ นใ้ี นประเทศสยามตำแหนง่ ผปู้ กครองมณฑลพษิ ณโุ ลก๑ จะแตง่ ตง้ั ใหแ้ กโ่ อรส ของกษตั รยิ ห์ รอื เจา้ ชายแหง่ ราชตระกลู เทา่ นน้ั ออกญาพระคลงั มไิ ดเ้ วน้ ทจ่ี ะบน่ วา่ ตอ่ การกระทำของพระเจา้ อยหู่ วั และตำหนคิ วามอกตญั ญขู องพระองค์ เมอ่ื ใดทไ่ี ดเ้ ขา้ เฝา้ ออกญาพระคลงั จะเรง่ รดั พระองคใ์ นเรอ่ื งน้ี และกลา่ ววา่ ทพ่ี ระองคม์ พี ระราชอสิ รยิ ยศเชน่ น้ี เพราะความกล้าหาญของตน พระเจ้าแผ่นดินมิได้ทรงปฏิเสธ แต่ทว่าตำแหน่งนั้นมิได้อยู่ในกำมือของ พระองค์แล้ว จึงไม่สามารถที่จะแต่งตั้งออกญาพิษณุโลกเป็นผู้สืบสันตติวงศ์ได้ เนื่องจากพระองค์ทรงมี พระทัยเอนเอียงที่จะมอบราชสมบัติให้แก่พระอนุชา อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงให้คำมั่นสัญญาว่า พระองค์จะยอมรับนับถือว่าออกญาพระคลังเป็นผู้ที่มีบุญคุณต่อพระองค์มากที่สุดในโลก และจะทรง เลอ่ื นยศตำแหนง่ ใหจ้ นถงึ ชน้ั สงู ทส่ี ดุ ในประเทศ แต่ภายหลังที่ได้ชัยชนะนครลำปางซึ่งออกญาพระคลังเป็นผู้ได้รับความดีความชอบไว้ทั้งสิ้นแล้ว ชื่อเสียงคุณงามความดีและความประพฤติของออกญาพระคลังไม่เพียงแต่จะเริ่มเป็นที่สงสัยเท่านั้น ยังเป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงแก่พระมหาอุปราชพระอนุชาของพระเจ้าแผ่นดินด้วย จนพระอัยกีของพระเจ้า อยหู่ วั พระราชมารดาและพวกประจบสอพลอบางคนไดย้ แุ หยพ่ ระเจา้ อยหู่ วั จนเปน็ ผลสำเรจ็ และโดยมไิ ด้ คำนึงถึงบุญคุณท่วมท้นที่พระองค์ทรงเป็นหนี้แก่ออกญาพิษณุโลก หรือต่อคำสัตย์สาบานที่คนทั้งสองได้ กระทำไวต้ อ่ กนั เมอ่ื ประมาณ ๓ เดอื นกอ่ นหนา้ น้ี พระเจา้ อยหู่ วั ทรงสง่ั ใหท้ หารคมุ ตวั ออกญาพษิ ณโุ ลกมา ทรงใหเ้ อาไฟนาบฝา่ เทา้ และใหพ้ นั ธนาการดว้ ยโซต่ รวนไวต้ ลอดรา่ ง ครน้ั แลว้ ใหน้ ำไปโยนทง้ิ ไวใ้ นคุกสกปรก ใหอ้ อกญายมราช ซง่ึ เปน็ ศตั รกู นั อยา่ งออกหนา้ ออกตาเปน็ ผคู้ วบคมุ บา้ นเรอื นถกู ปลน้ สะดม ขา้ ทาสและ ชา้ งมา้ ถกู ยดึ เอาไป และทรพั ยส์ มบตั ขิ า้ วของมคี า่ ของออกญาพษิ ณโุ ลกถกู ขนไปยงั พระราชวงั สน้ิ พระเจา้ อยู่หัวทรงกระทำการรุนแรงถึงที่สุด ก็เพราะโหราจารย์บางคนได้ทำนายไว้ว่า เวลาตกฟากของออกญา พษิ ณโุ ลกนน้ั มดี วงดาวโคจรเขา้ มาอยใู่ นราศที ด่ี ยี ง่ิ นกั เปน็ ทม่ี น่ั ใจไดว้ า่ ตอ่ ไปขา้ งหนา้ จะมอี ำนาจเทา่ เทยี ม กษัตริย์และจะได้สวมมงกุฎกษัตริย์ ฉะนั้น เมื่อทรงเห็นว่าออกญาพิษณุโลกมีผู้คนเคารพยำเกรงมาก ทง้ั มอี ำนาจ รำ่ รวย และเฉลยี วฉลาด พระเจา้ อยหู่ วั จงึ ทรงเรม่ิ หวน่ั เกรงและเกลยี ดชงั เมื่อออกญาพิษณุโลกตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ พระสงฆ์บางองค์ได้แนะนำให้บุตรชายออกญา พิษณุโลกไปเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน คุกเข่าอ้อนวอนขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ เด็กน้อยคนนี้มีอายุเพียง ๙ ขวบ ก็ได้เข้าไปกราบบังคมทูลขอพระมหากรุณาธิคุณให้แก่บิดา ข้อเรียกร้อง ๑ ในสมัยก่อนมีฐานะเป็นเมอื งลกู หลวงและมคี วามสำคญั ตอ่ อาณาจกั ร เพราะเปน็ เมอื งหนา้ ดา่ นทางเหนอื

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๔๙ ได้กระทบกระเทือนพระทัยของพระเจ้าแผ่นดินเป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งพระองค์ทรงให้สัญญาอย่างเป็น ทางการว่า จะปล่อยบิดาของเด็กเป็นอิสระและกลับบ้านได้ในวันนั้น แต่ผลที่ตามมาภายหลังได้ ทำลายความหวังยิ่งนี้เสีย เพราะเมื่อเด็กกลับไปแล้วพระเจ้าแผ่นดินซึ่งเสวยน้ำจัณฑ์ไปมึน ๆ ได้ตรัสถามออกญายมราชว่า ออกญายมราชจะแนะนำให้พระองค์ทำอย่างไรกับออกญาพิษณุโลก ออกญายมราชซึ่งครุ่นแต่จะกำจัดศัตรูของตน ได้กราบทูลว่า งูซึ่งคนเลี้ยงดูมาตั้งแต่ตัวยังเล็ก ก็ยัง ไม่วายขบกัดคนเลี้ยงที่ไปเหยียบหางมันเข้า พระเจ้าแผ่นดินทรงพอพระทัยในคำตอบนี้อย่างยิ่ง ถึงกับ มรี บั สง่ั ในทนั ทใี หอ้ อกญายมราชประหารชวี ติ ออกญาพษิ ณโุ ลกเสยี ในขณะที่ออกญายมราชกลับจากเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน ก็ไม่ต้องการละโอกาสที่จะกำจัดศัตรู ของตนให้หมดสิ้นไป เมื่อมาถึงระเบียงข้างหน้าก็พบพระสงฆ์ซึ่งนั่งคอยผลของคำสัญญา ที่พระเจ้า แผ่นดินทรงให้ไว้แก่บุตรชายของออกญาพิษณุโลก ออกญายมราชจึงพูดหลอกลวงพระสงฆ์เหล่านั้นว่า พระภิกษุทั้งหลายควรกลับไปยังพระอารามได้แล้ว เพราะพระเจ้าแผ่นดินทรงให้ปลดปล่อยออกญา พษิ ณโุ ลกแลว้ และตนเองกำลงั จะไปปลอ่ ยใหเ้ ปน็ อสิ ระจากคกุ แตเ่ มอ่ื ใหน้ ำออกญาพษิ ณโุ ลกออกมาจาก คุกมืด ออกญายมราชก็ลงมือฆ่าออกญาพิษณุโลกเสียเอง โดยแทงด้วยกริชที่ลำตัวด้านขวา ทั้งนี้ เพราะเกรงว่า พระเจ้าแผ่นดินอาจจะทรงเปลี่ยนพระทัย และไว้ชีวิตออกญาพิษณุโลกตามคำทูลอ้อนวอน ของพระสงฆ์ เมื่อออกญาพิษณุโลกเห็นว่าตนจะต้องตาย ก็กล่าวประนามอย่างเกรี้ยวกราดถึงความอกตัญญู ความทรยศ และความโหดร้ายของพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งเป็นหนี้บุญคุณตนทั้งชีวิตและราชบัลลังก์ และมาสั่งประหารชีวิตตนโดยไม่มีความผิด อันเป็นการกระทำที่ตรงข้ามกับคำสาบานซึ่งทรงให้ไว้ใหม่ เมอ่ื ๒ - ๓ เดอื นทแ่ี ลว้ ออกญาพษิ ณโุ ลกพดู ตอ่ ไปวา่ ตนไมก่ ลวั เกรงตอ่ ความตายดอก แตท่ วา่ เสยี ใจ เป็นอย่างยิ่งที่มิได้คิดต่อสู้ในยามที่ยังมีอำนาจ และบรรดามิตรสหายก็อาจช่วยให้ขึ้นครองราชสมบัติได้ ออกญาพษิ ณโุ ลกตอ้ งการจะพดู มากกวา่ น้ี แตอ่ อกญายมราชใหน้ ำตวั ไปยงั ทป่ี ระหารชวี ติ ใหส้ บั รา่ งออกเปน็ ๓ ทอ่ น บรรดาพระสงฆไ์ ดจ้ ดั การเผาศพใหแ้ ละบรรจเุ ถา้ ไวร้ วมกบั พระองั คารของเจา้ นาย พระเจา้ แผน่ ดนิ ทรงเสยี พระทยั ในมรณกรรมของออกญาพษิ ณโุ ลก แตข่ ณะเดยี วกนั ทรงรดิ รอนฐานะภรรยาออกญาพษิ ณโุ ลก ลงเปน็ ทาส และไมท่ รงอนญุ าตใหร้ บั บตุ รชายของออกญาพษิ ณโุ ลกทถ่ี งึ แกก่ รรมมาเลย้ี งดอู ยใู่ นพระราชวงั รวมกบั เหลา่ มหาดเลก็ ของพระองค์ แตต่ รงกนั ขา้ ม กลบั ทรงบบี บงั คบั ใหบ้ รรดาญาตขิ องเดก็ ชายใหเ้ ลย้ี งดู อยา่ งลำบากยากแคน้

๓๕๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ออกญายมราชผปู้ ระหารชวี ติ ออกญาพษิ ณโุ ลกนน้ั พระมารดาของพระเจา้ แผน่ ดนิ ไดน้ ำมาเลย้ี งไว้ ตั้งแต่เล็กกับพระเจ้าแผ่นดิน แต่อยู่ในฐานะต่ำต้อย เขาได้ทำงานที่สำคัญ ๆ ให้พระองค์ในคราวแย่งราช สมบัติ พระองค์ทรงให้บำเหน็จรางวัลสำหรับงานที่ทำนี้ด้วยการแต่งตั้งให้เป็นออกญาจักรี อันเป็น ตำแหน่งชั้นสูงตำแหน่งหนึ่งของประเทศ เมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ก็ได้มีชื่อเสียงเป็นที่ยกย่อง เนื่องจากเป็น ผู้มีอัธยาศัยดีและมีความสัตย์ซื่อ ความจริงออกญาจักรีได้รับความนิยมรักใคร่เหมือน ๆ กัน ทั้งจาก ชาวต่างประเทศและชาวไทย จนพระเจ้าแผ่นดินทรงเริ่มแคลงใจในอำนาจหน้าที่ของออกญาจักรี แต่ก็ทรงพอพระทัยเก็บความระแวงไว้ ด้วยทรงเห็นความอิจฉาริษยากันในหมู่ขุนนาง ทรงต้องการให้คน เหล่านั้นถ่วงอำนาจของกันและกันไว้ ในที่สุดออกญาจักรีถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดก่อการร้าย ตอ่ ประเทศและตอ่ องคพ์ ระมหากษตั รยิ ์ ออกญาจกั รไี ดจ้ ดั เลย้ี งอาหารคำ่ ทบ่ี า้ นของตนแกอ่ อกญา ๓ คน ออกพระ ๓ คน และออกหลวง ๒ คน ทำใหถ้ กู กลา่ วหาวา่ ไดพ้ ดู จาอวดอา้ งวา่ มสี มคั รพรรคพวกเพอ่ื นฝงู เพียงพอที่จะหักโค่นพระเจ้าแผ่นดิน ทำนองเดียวกับที่พระเจ้าแผ่นดินได้ทรงกระทำต่อกษัตริย์ ๒ - ๓ พระองค์ที่แล้ว ๆ มา ทั้งยังถูกกล่าวหาต่อไปอีกว่า ได้กระทำสัญญาต่อกันว่า จะสถาปนาออกญาจักรี เป็นพระเจ้าแผ่นดิน มีผู้ทูลเตือนพระเจ้าแผ่นดินในเรื่องนี้ จึงทรงให้คุมตัวออกญาจักรีพร้อมด้วยขุนนาง ทกุ คนทร่ี ว่ มเลย้ี งอาหารดว้ ยกนั มาสอบสวนโดยใกลช้ ดิ เมอ่ื ทรงบรภิ าษคนพวกนน้ั ในความผดิ ฐานกบฏแลว้ พระองค์ทรงขึ้นขี่ช้างตกมัน ด้วยความตั้งพระทัยที่จะให้พวกคนคดเป็นเหยื่อแก่สัตว์ดุร้ายนี้ ช้างคงได้ เหยยี บคนเหลา่ นต้ี ายไปหมดแลว้ ถา้ หากออกญาพษิ ณโุ ลกมไิ ดท้ ดั ทานเอาไวด้ ว้ ยการเสย่ี งอนั ตรายเขา้ ไป กราบทูลขอร้องให้พระองค์เสด็จลงจากคชาธาร แต่เมื่อพระองค์ขึ้นประทับบนบัลลังก์แล้ว กลับมีรับสั่งให้ ออกญาพษิ ณโุ ลกนำออกญาจกั รแี ละพรรคพวกไปประหารชวี ติ เสยี ดว้ ยมอื ของตนเอง เมื่อออกญาจักรีเห็นว่า พระเจ้าแผ่นดินทรงกริ้วหนักและชีวิตของพวกตนอยู่ในอันตรายอย่างที่สุด จึงวิงวอนออกญาพิษณุโลกให้ช่วยชีวิตโดยช่วยกราบบังคมทูลทัดทานไว้ ออกญาพิษณุโลกได้ทูลเรื่องนี้แก่ พระพนั ปหี ลวงและพระภกิ ษสุ งฆ์ ๒ - ๓ รปู ไดร้ ว่ มไปชว่ ยกราบทลู ดว้ ย ฉะนน้ั คนเหลา่ นท้ี ง้ั หมดจงึ ไดร้ บั พระราชทานอภยั โทษ แตต่ อ้ งถกู จำอยใู่ นคุกสกปรก ใหร้ บิ บา้ นชอ่ ง ทรพั ยส์ มบตั ขิ องออกญาจกั รใี หห้ มด ออกญาพิษณุโลก ออกญาพระคลัง และพระเพทราชา (Pitterasia) ได้ถือรับสั่งให้มาควบคุมดูแล เพอ่ื มใิ หพ้ ระอารามซง่ึ พระเจา้ แผน่ ดนิ ทรงสรา้ งไว้ กบั คลงั แสงสรรพาวธุ ซง่ึ อยใู่ กลเ้ คยี งบา้ นออกญาจกั รี ตอ้ งถกู ปลน้ สะดมไปดว้ ย ในเรอ่ื งนอ้ี อกญาพษิ ณโุ ลก ไมส่ ามารถซอ่ นเรน้ ความเกลยี ดชงั อยา่ งลบั ๆ ทต่ี นมตี อ่ ออกญาจกั รไี ด้ จงึ ออกคำสง่ั ใหร้ อ้ื ประตบู า้ นออกญาจกั รอี อกเสยี และกลา่ ววา่ ตนจะไมย่ อมเขา้ ไปในบา้ นโดยทางประตซู ง่ึ

จดหมายเหตฟุ านฟลตี ๓๕๑ คนทรยศได้ผ่านเข้าออก ภายหลังที่ออกญาจักรีติดคุกอยู่เป็นเวลานาน ก็ได้พิสูจน์ตนเองในความผิด ซึ่งได้ถูกกล่าวหาด้วยการลุยไฟ ฉะนั้น พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงประกาศว่า ออกญาจักรีเป็นผู้บริสุทธิ์ รับสั่งให้คืนบุตรภรรยา ข้าทาส และทรัพย์สมบัติสิ่งของให้ และทรงแต่งตั้งให้เป็นออกญายมราช เวลาล่วงมาจนออกญาพิษณุโลกถูกจับและถูกมอบให้อยู่ในความควบคุมดูแลของตน แต่ออกญายมราช มไิ ดร้ ำลกึ ถงึ วา่ ตนเปน็ หนช้ี วี ติ แกน่ กั โทษของตน และไดก้ ระทำตอ่ ออกญาพษิ ณโุ ลกดงั ทไ่ี ดบ้ รรยายมาแลว้ ข้าพเจ้า* เล่าเรื่องที่ผ่านมาเพื่อแสดงให้เห็นนโยบายของพระเจ้าแผ่นดินในการใช้คนบางคนให้ทำลาย คนอน่ื ๆ เพอ่ื ประสงคท์ จ่ี ะกำจดั คนซง่ึ อาจจะกระทำการยอ้ นรอยพระองคใ์ นสง่ิ ซง่ึ คนพวกนน้ั ไดก้ ระทำการหกั โคน่ กษตั รยิ ท์ ถ่ี กู ตอ้ งตามกฎหมายเพอ่ื พระองคเ์ องมาแลว้ นอกจากนน้ั ยงั ไดท้ รงถอดถอนยศผซู้ ง่ึ อาจมคี วามปรารถนาเปน็ ใหญแ่ ละทรงรดิ รอนอำนาจของบรรดา เสนาบดแี ละถอดลงเปน็ ไพร่ จนกระทง่ั ทกุ ๆ วนั ไมม่ ใี ครสกั คนทจ่ี ะกลา้ ขาดเฝา้ พระองคท์ ่พี ระราชวงั และ ถวายความเคารพพระองค์ พระองคไ์ มท่ รงอนญุ าตใหข้ นุ นางไปเยย่ี มเยยี นกนั อกี ตอ่ ไป ไมย่ อมใหส้ นทนา ปราศรัย เมื่อพบปะกัน เว้นแต่จะพูดคุยกันดัง ๆ และอยู่ต่อหน้าบุคคลอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นพยานได้ว่า พดู กนั เรอ่ื งอะไร ฉะนน้ั ดว้ ยความเฉยี บขาดของพระองคจ์ งึ ทำใหพ้ วกขนุ นางหมดหนทางรว่ มหวั กนั คดิ รา้ ย ตอ่ พระองค์ พระเจา้ แผน่ ดนิ ทรงมกี ระบวนขา้ ราชบรพิ ารทส่ี งา่ งาม พระราชดำรขิ องพระองคเ์ ปน็ ไปอยา่ งไพศาล ทรงใฝ่พระทัยบูรณะปราสาทที่ชำรุดทรุดโทรมและโปรดให้สร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่ด้วย แต่ทว่าทรงบังคับ ให้ขุนนางและราษฎรออกเงินช่วยสมทบด้วย เป็นผลให้ประชาชนถูกกดขี่ได้รับความทุกข์ยาก ทำให้ หมดหนทางกระด้างกระเดื่อง พระองค์ทรงเปลี่ยนตัวขุนนางที่มียศศักดิ์สูงสุดของประเทศบ่อย ๆ จนไม่มีขุนนางคนใดแน่ใจในตำแหน่งหน้าที่ของตน ส่วนบรรดาผู้ครองมณฑลและเจ้าเมืองสำคัญ ๆ ก็ถูกบังคับให้อยู่ในกรุงศรีอยุธยา และต้องเข้าเฝ้าในพระราชวังทุกวัน ทำให้บรรดาผู้ช่วยต้องปฏิบัติ หน้าที่ในตำแหน่งนี้แทน นี่เป็นวิธีการซึ่งพระองค์รักษาสวัสดิภาพของพระองค์และของราชบัลลังก์ไว้ ทง้ั น้ี อาจจะกลา่ วไดว้ า่ นบั เปน็ ศตวรรษ ๆ ทเี ดยี ว ทไ่ี มม่ กี ษตั รยิ พ์ ระองคใ์ ดในประเทศสยามนา่ เกรงขาม เกนิ กวา่ กษตั รยิ อ์ งคน์ เ้ี ลย * หมายถึง Jeremias van Vliet

๓๕๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑

๓๕๓ อธิบายรัชกาลครั้งกรุงเก่า

๓๕๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑

อธบิ ายรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ๓๕๕ อธิบายรัชกาลครั้งกรุงเก่า๑ ราชวงษเ์ ชยี งราย๒ ๑ สมเดจ็ พระรามาธบิ ดี (อทู่ อง) ท่ี ๑๓ ผา่ นพภิ พปขี าล จ.ศ. ๗๑๒ พ.ศ.๑๘๙๓ ค.ศ.๑๓๕๐ รชั กาล ๑๙ ปี สวรรคตปรี ะกา จ.ศ. ๗๓๑ พ.ศ.๑๙๑๒ ค.ศ.๑๓๖๙ อธบิ าย. จดหมายเหตโุ หรวา่ สมเดจ็ พระรามาธบิ ดปี ระสตู รวนั ๒๘ฯ ๕ คำ่ ปขี าล จ.ศ.๖๗๖ พ.ศ.๑๘๕๗๔ ศกั ราชปผี า่ นพภิ พทล่ี งในทน่ี น้ี บั ตง้ั แต่บรมราชาภเิ ศกท่กี รงุ ศรอี ยทุ ธยา ๒ สมเดจ็ พระราเมศวร (ครง้ั ท่ี ๑) ผา่ นพภิ พปรี ะกา จ.ศ.๗๓๑ พ.ศ.๑๙๑๒ ค.ศ.๑๓๖๙ รชั กาล ๑ ปี ละราชสมบตั ปิ จี อ จ.ศ.๗๓๒ พ.ศ.๑๙๑๓ ค.ศ.๑๓๗๐ อธบิ าย. ถวายราชสมบตั แิ ก่สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี ๑๕ ราชวงษส์ วุ รรณภมู ์ิ ๖ ๓ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าช (พงวั ) ท่ี ๑ ผา่ นพภิ พปจี อ จ.ศ.๗๓๒ พ.ศ.๑๙๑๓ ค.ศ.๑๓๗๐ ๑ พระนพิ นธส์ มเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ คงตวั สะกด การนั ต์ ตามฉบบั พมิ พค์ รง้ั แรก ในประชมุ พงศาวดาร ภาคที่ ๕ ฉบับพมิ พ์คร้ังแรก พ.ศ. ๒๔๖๐ การตรวจสอบชำระครั้งนี้ เสนอผลสรุปข้อมูลที่พบในระยะต่อมาในรูปเชิงอรรถ ปีเสวยราชย์ของกษัตริย์อยุธยาตั้งแต่สมเด็จ พระรามาธบิ ดที ่ี ๑ (อทู่ อง) ถงึ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ยงั คงยดึ ตามพงศาวดารกรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ สมยั ตอ่ จากนน้ั ยดึ ตามคณะกรรม- การชำระประวตั ศิ าสตรไ์ ทย สำนกั เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี ซึง่ เห็นชอบตามท่ีนายขจร สขุ พานชิ ไดส้ อบทานกบั หลกั ฐานชาตติ า่ ง ๆ ๒ คณะกรรมการชำระประวตั ศิ าสตรไ์ ทย สำนกั เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรใี ช้ ราชวงศ์อู่ทอง ๓ คณะกรรมการชำระประวตั ศิ าสตรไ์ ทยใช้ สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี ๑ (อทู่ อง) ๔ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๑๘๕๖ ๕ คณะกรรมการชำระประวตั ศิ าสตรไ์ ทยใช้ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี ๑ (พงว่ั ) ๖ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยใช้ ราชวงศ์สุพรรณภูมิ

๓๕๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ รชั กาล ๑๘ ปี สวรรคตปมี โรง จ.ศ. ๗๕๐ พ.ศ.๑๙๓๑ ค.ศ.๑๓๘๘ อธิบาย. เห็นว่าควรจะนับเปนราชวงษ์สุวรรณภูมิ์ เพราะเปนราชโอรสของพระเจ้ากรุง สุวรรณภูมิ์ ไม่ได้ร่วมวงษ์กับสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ เปนแตเ่ ขยราชวงษส์ วุ รรณภมู ์ิ ๑ ๔ เจา้ ทองลนั ผา่ นพภิ พปมี โรง จ.ศ.๗๕๐ พ.ศ.๑๙๓๑ ค.ศ.๑๓๘๘ รชั กาล ๗ วนั ถกู ปลงพระชนมป์ มี โรง จ.ศ.๗๕๐ พ.ศ.๑๙๓๑ ค.ศ.๑๓๘๘ อธบิ าย. พระนามเรยี กตา่ ง ๆ กนั บางฉบบั เรยี ก ทองจนั บางฉบบั เรยี ก ทอ้ งลน่ั บางฉบบั เรยี ก ทองลนั ขา้ พเจา้ เหน็ วา่ ทองลนั เปนถกู ราชวงษเ์ ชยี งราย สมเดจ็ พระราเมศวร (ครง้ั ท่ี ๒) ๒ ผา่ นพภิ พปมี ะโรง จ.ศ.๗๕๐ พ.ศ.๑๙๓๑ ค.ศ.๑๓๘๘ รชั กาล ๗ ปี สวรรคตปกี ญุ จ.ศ.๗๕๗ พ.ศ.๑๙๓๘ ค.ศ.๑๓๙๕ ๕ สมเดจ็ พระรามราชาธริ าช๓ ผา่ นพภิ พปกี ญุ จ.ศ.๗๕๗ พ.ศ.๑๙๓๘ ค.ศ.๑๓๙๕ รชั กาล ๑๔ ปี ละราชสมบตั ปิ ฉี ลู จ.ศ. ๗๗๑ พ.ศ. ๑๙๕๒ ค.ศ. ๑๔๐๙ ๑ เอกสารบางฉบับว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ (พงั่ว) เป็นพระเชษฐา บางฉบับว่า เป็นราชวงศ์ผู้ใหญ่ ตรัสเรียกว่าเป็น พระเชษฐาธิราช ๒ นายวินยั พงศ์ศรเี พยี ร ตคี วามจากจดหมายเหตปุ ระจำรชั กาล สมยั ราชวงศห์ มงิ ของจนี แลว้ เหน็ วา่ ไมม่ รี ชั กาลน้ี จดหมายเหตุ ดังกล่าวระบุสิ้นรัชกาลที่ ๓ สมเด็จพ่อพรญาศรีนทราช ในพ.ศ. ๑๙๓๘ แล้วขึ้นรัชกาลที่ ๔ เจ้านครอินทรราชาธิราช ในปีเดียวกัน สว่ นรชั กาลพระเจา้ ทองลนั จนี คงไมไ่ ดร้ บั รายงาน แตใ่ นพระราชพงศาวดารกรงุ เกา่ ฉบบั หลวงประเสรฐิ มที ้ัง ๒ รัชกาล ๓ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยใช้ สมเด็จพระรามราชา หากตีความตามจดหมายเหตุประจำรัชกาลสมัยราชวงศ์หมิง รัชกาลนี้ก็ไม่มีเช่นกัน

อธบิ ายรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ๓๕๗ อธิบาย. มีจดหมายเหตุจีนปรากฎว่า เมื่อปีมะแม จ.ศ.๗๖๕ พ.ศ. ๑๙๔๖ สมเด็จ “พระนครอนิ ทราธริ าช” แตง่ ทตู ไปเมอื งจนี ดว้ ยเหตนุ ส้ี งไสยวา่ สมเดจ็ พระนครอนิ ทราธริ าช จะได้ครองราชสมบัติกรุงศรีอยุทธยาราวปีมะเมีย จ.ศ.๗๖๔ พ.ศ.๑๙๔๕ รัชกาลสมเด็จ พระรามราชาธิราชจะน้อยกว่าที่ลงไว้ข้างบนสัก ๗ ปี ก็เปนได้ แต่เพราะจดหมายเหตุจีน อาจจะผดิ จงึ มไิ ดอ้ นมุ ตั ติ าม ๖ สมเดจ็ พระนครอนิ ทราธริ าช๑ ผา่ นพภิ พปฉี ลู จ.ศ.๗๗๑ พ.ศ.๑๙๕๒ ค.ศ.๑๔๐๙ รชั กาล ๑๖ ปี สวรรคตปมี โรง จ.ศ.๗๘๖ พ.ศ.๑๙๖๗ ค.ศ.๑๔๒๔ อธบิ าย. ในพระราชพงษาวดารวา่ เปนหลานเธอของสมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี ๑ ไดค้ วาม จากจดหมายเหตจุ นี สมกนั วา่ เปนโอรสของพระเจา้ นครสพุ รรณ ซง่ึ (เขา้ ใจวา่ ) เปนนอ้ งยาเธอ ของสมเดจ็ พระบรมราชาธริ าช แลทเ่ี รยี กพระนามวา่ พระนครอนิ ทรนน้ั สนั นษิ ฐานวา่ เดมิ จะครองเมอื งอนิ ทรบรุ อี ยเู่ มอ่ื เปนหลานหลวง แลว้ จงึ ไดค้ รองเมอื งสพุ รรณเมอ่ื พระบดิ าทวิ งคต ๗ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าช (สามพระยา) ท่ี ๒๒ ผา่ นพภิ พปมี โรง จ.ศ.๗๘๖ พ.ศ.๑๙๖๗ ค.ศ.๑๔๒๔ รชั กาล ๒๔ ปี สวรรคตปมี โรง จ.ศ.๘๑๐ พ.ศ.๑๙๙๑ ค.ศ.๑๔๔๘ ๘ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนารถ๓ ผา่ นพภิ พปมี โรง จ.ศ.๘๑๐ พ.ศ.๑๙๙๑ ค.ศ.๑๔๔๘ รชั กาล ๔๐ ปี สวรรคตปวี อก จ.ศ.๘๕๐ พ.ศ.๒๐๓๑ ค.ศ.๑๔๘๘ อธบิ าย. รชั กาลสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนารถ หนงั สอื พระราชพงษาวดารตา่ งฉบบั ลงผดิ กนั สอบได้ความว่า เพราะเสวยราชย์อยู่ที่กรุงเก่าตอน ๑ ย้ายขึ้นไปเสวยราชย์อยู่เมือง พิศณุโลกอิกตอน ๑ จึงเปนเหตุให้จดหมายเหตุเก่าลงปีรัชกาลเคลื่อนคลาศ อนึ่งมีใน ๑ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยใช้ สมเด็จพระอินทราธิราช (เจ้านครอินทร์) ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ๒ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยใช้ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ (เจ้าสามพระยา) ๓ คณะกรรมการชำระประวตั ศิ าสตรไ์ ทยใช้ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ

๓๕๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ จดหมายเหตุจีนว่า พระเจ้ากรุงสยามได้มีพระราชสาสนบอกข่าวพระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อน ตรงกับสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถว่า สวรรคตจุลศักราช ๘๔๔ ก่อนเวลาที่กล่าว ในพระราชพงษาวดาร ๖ ปี แตจ่ นี อาจจะผดิ ไดเ้ หมอื นกนั จงึ ไมอ่ นมุ ตั ติ าม ๙ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี ๓ ผา่ นพภิ พปวี อก จ.ศ.๘๕๐ พ.ศ.๒๐๓๑ ค.ศ. ๑๔๘๘ รชั กาล ๓ ปี สวรรคตปกี ญุ จ.ศ.๘๕๓ พ.ศ.๒๐๓๔ ค.ศ.๑๔๙๑ อธบิ าย. รชั กาลนไ้ี มม่ ใี นพระราชพงษาวดารฉบบั พมิ พ์ ๒ เลม่ แตม่ ใี นฉบบั พระราชหตั ถเลขา เรยี กวา่ สมเดจ็ พระอนิ ทราชาธริ าชท่ี ๒ เขา้ ใจวา่ สำคญั พระองคผ์ ดิ ทจ่ี รงิ ปรากฏพระนาม ในฉบบั หลวงประเสรฐิ วา่ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าช ๑๐ สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี ๒ ผา่ นพภิ พปกี ญุ จ.ศ.๘๕๓ พ.ศ.๒๐๓๔ ค.ศ.๑๔๙๑ รชั กาล ๓๘ ปี สวรรคตปฉี ลู จ.ศ.๘๙๑ พ.ศ.๒๐๗๒ ค.ศ.๑๕๒๙ ๑๑ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าช (หนอ่ พทุ ธงั กรู ) ท่ี ๔๑ ผา่ นพภิ พปฉี ลู จ.ศ.๘๙๑ พ.ศ.๒๐๗๒ ค.ศ.๑๕๒๙ รชั กาล ๔ ปี สวรรคตปมี เสง จ.ศ.๘๙๕ พ.ศ.๒๐๗๖ ค.ศ.๑๕๓๓ อธิบาย. หนังสือพระราชพงษาวดารเรียกพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธังกูร ทจ่ี รงิ หนอ่ พทุ ธงั กรู นน้ั เปนยศตามกฎมณเฑยี รบาลเมอ่ื เปนสมเดจ็ พระยวุ ราช ไมใ่ ชพ่ ระนาม ๑๒ พระรษั ฎาธริ าช ผา่ นพภิ พเมอ่ื ปมี ะเสง จ.ศ.๘๙๕ พ.ศ.๒๐๗๖ ค.ศ.๑๕๓๓ รชั กาลปี ๑ ถูกปลงพระชนมป์ มี ะเมยี จ.ศ.๘๙๖ พ.ศ.๒๐๗๗ ค.ศ. ๑๕๓๔ ๑ คณะกรรมการชำระประวตั ศิ าสตรไ์ ทยใช้ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔ (หน่อพุทธางกูร)

อธบิ ายรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ๓๕๙ อธบิ าย. ในหนงั สอื พระราชพงษาวดารเรยี กตา่ ง ๆ กนั วา่ พระรษั ฎาธริ าชกมุ ารบา้ ง พระ รษั ฐาธริ าชกมุ ารบา้ ง พระราชพงษาวดารฉบบั หลวงประเสรฐิ วา่ สวรรคตวนั ๑ ๘ฯ ๑๒ คำ่ ปฉี ลู เอกศก๑ ๑๓ สมเดจ็ พระไชยราชาธริ าช๒ ผา่ นพภิ พปมี เมยี จ.ศ.๘๙๖ พ.ศ.๒๐๗๗ ค.ศ.๑๕๓๔ รชั กาล ๑๒ ปี สวรรคตปมี ะเมยี จ.ศ.๙๐๘ พ.ศ. ๒๐๘๙ ค.ศ.๑๕๔๖ อธบิ าย. ในหนงั สอื พระราชพงษาวดารฉบบั หลวงประเสรฐิ วา่ สวรรคตเดอื น ๖ ๑๔ พระยอดฟา้ ๓ ผา่ นพภิ พปมี ะเมยี จ.ศ.๙๐๘ พ.ศ.๒๐๘๙ ค.ศ.๑๕๔๖ รชั กาล ๒ ปี ถกู ปลงพระชนมป์ วี อก จ.ศ.๙๑๐ พ.ศ.๒๐๙๑ ค.ศ.๑๕๔๘ อธิบาย. ในหนังสือพระราชพงษาวดารเรียกเปน ๒ อย่าง ว่าพระยอดฟ้าอย่าง ๑ พระแกว้ ฟา้ อยา่ ง ๑ มจี ดหมายเหตโุ หรวา่ ถกู จบั ปลงพระชนมว์ นั ๑๕ฯ ๘ คำ่ ปวี อก จ.ศ.๙๑๐ ขนุ วรวงษาธริ าช ผา่ นพภิ พปวี อก จ.ศ. ๙๑๐ พ.ศ.๒๐๙๑ ค.ศ.๑๕๔๘ รชั กาล ๔๒ วนั ถกู จบั ประหารชวี ติ รปวี อก จ.ศ.๙๑๐ พ.ศ.๒๐๙๑ ค.ศ.๑๕๔๘ อธบิ าย. พระราชพงษาวดารไมน่ บั ขนุ วรวงษาธริ าชในจำนวนสมเดจ็ พระเจา้ แผน่ ดนิ สยาม๔ ๑๕ สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ ผา่ นพภิ พปวี อก จ.ศ.๙๑๐ พ.ศ.๒๐๙๑ ค.ศ.๑๕๔๘ รชั กาล ๒๐ ปี ๑ ตรงกับวนั อาทติ ยท์ ี่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๐๗๒ ตามพระราชพงศาวดารฉบบั หลวงประเสรฐิ เปน็ วนั สวรรคตของสมเดจ็ พระรามาธบิ ดี ท่ี ๒ ๒ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยใช้ สมเด็จพระชัยราชาธิราช ๓ คณะกรรมการชำระประวตั ศิ าสตรไ์ ทยใช้ พระยอดฟา้ หรอื พระแกว้ ฟา้ ๔ ยงั เปน็ ปญั หาทางประวตั ศิ าสตร์ นกั ประวตั ศิ าสตร์ทน่ี บั ขนุ วรวงศาธริ าช เปน็ พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยกม็ ี เพราะถอื วา่ พระราชพงศาวดาร ระบุว่า ขุนวรวงศาธิราชได้ผ่านพระราชพิธีราชาภิเษก

๓๖๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ สวรรคตปมี ะโรง จ.ศ.๙๓๐ พ.ศ.๒๑๑๑ ค.ศ.๑๕๖๘ อธิบาย. ในหนังสือพระราชพงษาวดารทั้งฉบับพิมพ์ ๒ เล่ม แลฉบับพระราชหัตถเลขา นบั วา่ สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิเสวยราชย์ ๒ คราว ๆ แรก รชั กาล ๒๓ ปี มอบราชสมบตั ิ แก่สมเด็จพระมหินทราธิราชเสียคราวหนึ่ง ๒ ปี แล้วกลับคืนเสวยราชย์เมื่อศึกหงษาวดี มาติดพระนครคราวหลังอิกปี ๑ จึงสวรรคต แต่ฉบับหลวงประเสริฐไม่ได้แยกรัชกาล ขา้ พเจา้ เขา้ ใจวา่ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าชเปนแตร่ ง้ั ราชการ ไมไ่ ดท้ ำพธิ บี รมราชาภเิ ศกใน เวลาสมเด็จพระมหาจักรพรรดิยังมีพระชนม์อยู่ จึงไม่นับรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เปน ๒ ตอน ดงั กำหนดไวใ้ นหนงั สอื พระราชพงษาวดาร ๑๖ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าช ผา่ นพภิ พปมี ะโรง จ.ศ.๙๓๐ พ.ศ.๒๑๑๑ ค.ศ.๑๕๖๘ รชั กาล ปี ๑ สวรรคตปมี เสง จ.ศ. ๙๓๑ พ.ศ. ๒๑๑๒ ค.ศ. ๑๕๖๙ อธิบาย. ข้าพเจ้านับรัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราชตั้งแต่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ สวรรคตดว้ ยเหตดุ งั อธบิ ายมาแลว้ ในรชั กาลสมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ ราชวงษศ์ โุ ขไทย๑ ๑๗ สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธริ าช๒ ผา่ นพภิ พปมี เสง จ.ศ.๙๓๑ พ.ศ.๒๑๑๒ ค.ศ.๑๕๖๙ รชั กาล ๒๑ ปี สวรรคตปขี าล จ.ศ.๙๕๒ พ.ศ.๒๑๓๓ ค.ศ.๑๕๙๐ อธบิ าย. มจี ดหมายเหตโุ หรวา่ สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธริ าชปราบดาภเิ ศกวนั ๖ ๕ฯ ๑๒ คำ่ ปีมเสง จ.ศ.๙๓๑๓ หนังสือพระราชพงษาวดารฉบับหลวงประเสริฐว่า สมเด็จพระมหา ธรรมราชาธริ าชสวรรคตวนั ๑๑ฯ๓๘ คำ่ ปขี าล จ.ศ.๙๕๒๔ ๑ ราชวงศ์สุโขทัย ๒ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยใช้ สมเด็จพระมหาธรรมราชา ๓ ตรงกบั วนั ศกุ รท์ ่ี ๑๔ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๑๑๒ ๔ พระราชพงศาวดารฉบบั หลวงประเสรฐิ ว่า ศักราช ๙๕๒ ขาลศก วัน ๑๑ฯ๓๘ ค่ำ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๑๓๓

อธบิ ายรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ๓๖๑ ๑๘ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ผา่ นพภิ พปขี าล จ.ศ.๙๕๒ พ.ศ.๒๑๓๓ ค.ศ.๑๕๙๐ รชั กาล ๑๕ ปี สวรรคตปมี เสง จ.ศ.๙๖๗ พ.ศ.๒๑๔๘ ค.ศ.๑๖๐๕ อธบิ าย. หนงั สอื พระราชพงษาวดารฉบบั พระราชหตั ถเลขาวา่ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช สวรรคตวนั ๒ ๘ฯ ๖ คำ่ เวลาเทย่ี งแลว้ ๒ บาท แตศ่ กั ราชปมี เสงลงเปน ๙๕๕ ผดิ เรว็ ไปรอบ ๑ ๑๙ สมเดจ็ พระเอกาทศรถ ผา่ นพภิ พปมี เสง จ.ศ.๙๖๗ พ.ศ.๒๑๔๘ ค.ศ.๑๖๐๕ รชั กาล ๑๕ ปี สวรรคตปวี อก จ.ศ.๙๘๒ พ.ศ.๒๑๖๓ ค.ศ.๑๖๒๐๑ อธิบาย. พระราชพงษาวดารฉบับหลวงประเสริฐหมดเพียงสิ้นแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวร มหาราช แผน่ ดนิ หลงั ๆ มาตอ้ งสอบจากทอ่ี น่ื ปสี มเดจ็ พระเอกาทศรถสวรรคตทล่ี งไวใ้ นน้ี พบในจดหมายเหตอุ งั กฤษกบั ยป่ี นุ่ ประกอบกนั ๒๐ เจา้ ฟา้ ศรเี สาวภาคย์ ผา่ นพภิ พปวี อก จ.ศ.๙๘๒ พ.ศ.๒๑๖๓ ค.ศ.๑๖๒๐๒ รชั กาลไมถ่ งึ ปี ถกู ปลงพระชนมป์ วี อก จ.ศ.๙๘๒ พ.ศ.๒๑๖๓ ค.ศ.๑๖๒๐๓ อธบิ าย. เจา้ ฟา้ ศรเี สาวภาคยเ์ สวยราชยอ์ ยเู่ ทา่ ใดไมป่ รากฎ แตไ่ มถ่ งึ ปนี น้ั เปนแน่ ดว้ ยมี พระราชสาสนของสมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรมถงึ โชคนุ ยป่ี นุ่ แตป่ รี ะกา จ.ศ. ๙๘๓ ๑ ภายหลงั พบในงานเขยี นของเยเรเมยี ส ฟาน ฟลตี (Jeremias van Vliet) ชาวฮอลนั ดา ซง่ึ เขา้ มากรงุ ศรอี ยธุ ยาในสมยั สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรม และสมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง เรอ่ื ง The Historical Account of the war of Succession Following the death of King Pra Interajasia, ๒๒ nd King of Ayuthian Dynasty และเรื่อง The Short History of the King of Siam ที่เป็นต้นฉบับภาษาฮอลันดาว่า สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมครองราชย์ ๑๙ ปี และตรงกับสังคีติยวงศท์ ี่สมเด็จพระวันรัตน วัดพระเชตุพน แต่งในรัชกาลที่ ๑ ด้วย ยังผลให้ปีครอง ราชย์ของสมเด็จพระเอกาทศรถต้องลดลง ๑๐ ปี เป็นสวรรคต พ.ศ. ๒๑๕๓ ซึ่งคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยได้กำหนดปี ครองราชยข์ องสมเดจ็ พระเอกาทศรถ เปน็ พ.ศ. ๒๑๔๘–๒๑๕๓ นอกจากน้ี ยงั ปรากฏในจดหมายเหตขุ อง Peter Floris ชาวฮอลนั ดา ซง่ึ เดนิ ทางเขา้ มาทำงานกบั บรษิ ทั อนิ เดยี ตะวนั ออกขององั กฤษ ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๑๕๔ - ๒๑๕๘ กลา่ วถงึ ปสี วรรคตของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ตรงกบั ปี พ.ศ. ๒๑๔๘ และปสี วรรคตของสมเดจ็ พระเอกาทศรถ ตรงกบั ปี พ.ศ. ๒๑๕๓ ๒-๓ ศกั ราชลดลง ๑๐ ปี ตามหลกั ฐานอา้ งองิ ในเชงิ อรรถท่ี ๑ และคณะกรรมการชำระประวตั ศิ าสตรไ์ ทยใชพ้ ระนาม พระศรเี สาวภาคย์

๓๖๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ๒๑ สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรม ผา่ นพภิ พปวี อก จ.ศ.๙๘๒ พ.ศ.๒๑๖๓ ค.ศ.๑๖๒๐๑ รชั กาล ๘ ปี สวรรคตปมี โรง จ.ศ.๙๙๐ พ.ศ.๒๑๗๑ ค.ศ.๑๖๒๘ อธิบาย. ในหนังสือพระราชพงษาวดารนับว่าสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมตั้งราชวงษ์ใหม่ แต่สอบได้ความจากจดหมายเหตุฝรั่งในครั้งนั้นว่า อยู่ในราชวงษ์ศุโขไทย มียศเจ้าเปน พระอนิ ทวไิ ชยหรอื พระอนิ ทราชา ขา้ พเจา้ เขา้ ใจวา่ เปนลกู ยาเธอของสมเดจ็ พระเอกาทศรถ เกิดด้วยพระสนม ได้ความในพระราชสาสนของสมเด็จพระเชษฐาธิราช ถึงโชคุนยี่ปุ่นว่า สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรมสวรรคตเดอื น ๑๑ ปมี โรง จ.ศ.๙๙๐ ในจดหมายเหตขุ องวนั วลติ วลิ นั ดา๒กว็ า่ สวรรคตในปมี โรงนน้ั แลวา่ พระชณั ษาได้ ๓๘ ปี ๒๒ สมเดจ็ พระเชษฐาธริ าช ผา่ นพภิ พปมี เมยี จ.ศ.๙๙๒ พ.ศ.๒๑๗๓ ค.ศ.๑๖๓๐๓ รชั กาล ๒ ปี ถูกปลงพระชนมป์ มี แม จ.ศ.๙๙๓ พ.ศ.๒๑๗๔ ค.ศ.๑๖๓๑๔ ๒๓ สมเดจ็ พระอาทติ ยวงษ์ ผา่ นพภิ พปมี เมยี จ.ศ. ๙๙๒ พ.ศ. ๒๑๗๓ ค.ศ. ๑๖๓๐๕ รชั กาล ๓๖ วนั ถกู ปลดจากราชสมบตั ปิ มี ะเมยี จ.ศ. ๙๙๒ พ.ศ. ๒๑๗๓ ค.ศ. ๑๖๓๐๖ ๑ คณะกรรมการาชำระประวัติศาสตร์ไทยมีมติให้เริ่มปีรัชกาล สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เป็น พ.ศ. ๒๑๕๓ หรือ ค.ศ.๑๖๑๐ ตามงาน เขยี นเยเรเมยี ส ฟาน ฟลตี ๒ คือ เยเรเมยี ส ฟาน ฟลีต ชาวฮอลนั ดา ๓-๔ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยกำหนดรัชกาลสมเด็จพระเชษฐาธิราชตั้งแต่ พ.ศ. ๒๑๗๑–๒๑๗๒ ๕-๖ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยกำหนดปีรัชกาลสมเด็จพระอาทิตยวงศ์ อยู่ในช่วง พ.ศ.๒๑๗๒

อธบิ ายรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ๓๖๓ ราชวงษ์ปราสาททอง๑ ๒๔ สมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง ผา่ นพภิ พปมี เมยี จ.ศ. ๙๙๒ พ.ศ. ๒๑๗๓ ค.ศ. ๑๖๓๐๒ รชั กาล ๒๕ ปี สวรรคตปมี แม จ.ศ. ๑๐๑๗ พ.ศ. ๒๑๙๘ ค.ศ. ๑๖๕๕๓ อธิบาย. วันวลิตวิลันดาว่า สมเด็จพระเจ้าปราสาททองเปนโอรสออกญาศรีธรรมาธิราช ออกญาศรธี รรมาธริ าชเปนพห่ี รอื นอ้ งของสมเดจ็ พระชนนพี ระเจา้ ทรงธรรม ๒๕ สมเดจ็ เจา้ ฟา้ ไชย๔ ผา่ นพภิ พปมี แม จ.ศ.๑๐๑๗ พ.ศ.๒๑๙๘ ค.ศ.๑๖๕๕๕ รชั กาล ๑ ปี ถูกปลงพระชนมป์ วี อก จ.ศ.๑๐๑๘ พ.ศ.๒๑๙๙ ค.ศ.๑๖๕๖ ๒๖ สมเดจ็ พระศรสี ธุ รรมราชา ผา่ นพภิ พปวี อก จ.ศ.๑๐๑๘ พ.ศ.๒๑๙๙ ค.ศ.๑๖๕๖ รชั กาล ๓ เดอื น ถูกปลงพระชนมป์ วี อก จ.ศ.๑๐๑๘ พ.ศ.๒๑๙๙ ค.ศ.๑๖๕๖ ๒๗ สมเดจ็ พระนารายนม์ หาราช๖ ผา่ นพภิ พปวี อก จ.ศ.๑๐๑๘ พ.ศ.๒๑๙๙ ค.ศ.๑๖๕๖ รชั กาล ๓๒ ปี สวรรคตปมี โรง จ.ศ.๑๐๕๐ พ.ศ.๒๒๓๑ ค.ศ.๑๖๘๘ อธิบาย. มีจดหมายเหตุโหรว่า สมเด็จพระนารายน์มหาราช ประสูตรปีวอก จ.ศ. ๙๙๔ พ.ศ. ๒๑๗๕ เมอ่ื เสวยราชยพ์ ระชณั ษาได้ ๒๔ พรรษา เมอ่ื สวรรคตพระชณั ษาได้ ๕๖ ๑ ราชวงศ์ปราสาททอง ๒-๓ คณะกรรมการชำระประวตั ศิ าสตรไ์ ทยกำหนดปีรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๑๗๒–๒๑๙๙ ๔ สมเดจ็ เจา้ ฟา้ ชยั ๕ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยกำหนดปีที่สมเด็จเจ้าฟ้าไชยเสด็จขึ้นครองราชย์คือ พ.ศ. ๒๑๙๙ ๖ ปัจจุบันใช้พระนามตามที่ปริวรรตเป็นภาษาปัจจุบันว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช

๓๖๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ หนังสือพระราชพงษาวดารลงศักราชปี สมเด็จพระนารายน์มหาราชสวรรคตเร็วไป ๖ ปี เปนเหตใุ หก้ ำหนดศกั ราชปเี สวยราชยส์ มเดจ็ พระเพทราชาแลสมเดจ็ พระเจา้ เสอื ฟน่ั เฟอื นไป ตอ้ งหาหลกั ฐานสอบลำบากอยู่ ราชวงษ์บ้านพลูหลวง๑ ๒๘ สมเดจ็ พระเพทราชา ผา่ นพภิ พปมี โรง จ.ศ. ๑๐๕๐ พ.ศ. ๒๒๓๑ ค.ศ. ๑๖๘๘ รชั กาล ๑๕ ปี สวรรคตปมี แม จ.ศ.๑๐๖๕ พ.ศ.๒๒๔๖ ค.ศ.๑๗๐๓ อธบิ าย. หนงั สอื พระราชพงษาวดารวา่ สมเดจ็ พระเพทราชาเปนชาวบา้ นพลหู ลวง จงึ เรยี ก ราชวงษ์บ้านพลูหลวง แต่ในจดหมายเหตุที่ฝรั่งแต่งไว้ ว่าสมเด็จพระเพทราชาเปน เชื้อราชวงษ์เก่า ข้าพเจ้าเข้าใจว่า เห็นจะเปนทางฝ่ายพระชนนี ซึ่งเปนพระนมสมเด็จ พระนารายนม์ หาราช อยา่ งเดยี วกบั เจา้ พระยาโกษาเหลก็ เจา้ พระยาโกษาปาน ซง่ึ เปนบตุ ร เจ้าแม่วัดดุสิต ปีสวรรคตนั้นได้จากพระราชพงษาวดารฉบับพระจักรพรรดิพงษ์ (จาด) เหน็ วา่ จะถกู ตอ้ งดว้ ยจำนวนปรี ชั กาล ๑๕ ปี ตรงกบั พระราชพงษาวดารฉบบั อน่ื แลสมดว้ ย เรอ่ื งทม่ี เี จา้ พระขวญั ราชโอรสพอโสกนั ตแ์ ลว้ กส็ น้ิ รชั กาล ๒๙ สมเดจ็ พระเจา้ เสอื ๑ ผา่ นพภิ พปมี แม จ.ศ.๑๐๖๕ พ.ศ. ๒๒๔๖ ค.ศ. ๑๗๐๓ รชั กาล ๗ ปี สวรรคตปชี วด จ.ศ.๑๐๗๐ พ.ศ. ๒๒๕๑ ค.ศ.๑๗๐๘ อธิบาย. สมเด็จพระเจ้าเสือนี้ หนังสือพระราชพงษาวดารนับในราชวงษ์ปราสาททอง ดว้ ยยอมรบั วา่ เปนราชโอรสลบั ของสมเดจ็ พระนารายนม์ หาราช ผศู้ กึ ษาโบราณคดชี น้ั หลงั ได้ ตรวจดูจดหมายเหตุครั้งสมเด็จพระนารายน์ แลพิเคราะห์เรื่องราวซึ่งปรากฏในครั้งนั้น ๑ ราชวงศ์บ้านพลูหลวง ๒ คณะกรรมการชำระประวตั ศิ าสตรไ์ ทยใช้ สมเดจ็ พระสรรเพช็ ญท์ ่ี ๘ (พระเจา้ เสอื )

อธบิ ายรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ๓๖๕ ไม่มีเหตุอันใดที่ควรเชื่อว่าอยู่ในราชวงษ์ปราสาททอง ข้าพเจ้าเห็นควรนับในราชวงษ์บ้าน พลูหลวงตลอดมาทุกพระองค์จนสิ้นกรุงเก่า อนึ่งปีสวรรคตสมเด็จพระพุทธเจ้าเสือ ก็ลงไว้ต่างกันเปนหลายอย่าง แต่ที่ใกล้กันมากนั้นที่ว่ารัชกาล ๗ ปี ข้าพเจ้าจึงลง ศกั ราชตามหลกั นน้ั ๓๐ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทา้ ยสระ๑ ผา่ นพภิ พปชี วด จ.ศ.๑๐๗๐ พ.ศ. ๒๒๕๑ ค.ศ.๑๗๐๘ รชั กาล ๒๔ ปี สวรรคตปชี วด จ.ศ.๑๐๙๔ พ.ศ. ๒๒๗๕ ค.ศ.๑๗๓๒ อธบิ าย. ในหนงั สอื พระราชพงษาวดารวา่ สมเดจ็ พระเจา้ ทา้ ยสระสมภพปมี ะแม จลุ ศกั ราช ๑๐๔๐ ว่าสวรรคตปีชวด จุลศักราช ๑๐๙๔ ตรงกับจดหมายเหตุโหร แต่จำนวน รัชกาลคลาศกัน เพราะหนังสือพระราชพงษาวดารเสียหลักปีผ่านพิภพของสมเด็จ พระเจา้ เสอื ขา้ พเจา้ ลงจำนวนตน้ รชั กาลสมเดจ็ พระเจา้ ทา้ ยสระ ตามทไ่ี ดก้ ำหนดปสี วรรคต สมเดจ็ พระเจา้ เสอื ๓๑ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกษฐ๒ ผา่ นพภิ พปชี วด จ.ศ.๑๐๙๔ พ.ศ.๒๒๗๕ ค.ศ.๑๗๓๒ รชั กาล ๒๖ ปี สวรรคตปขี าล จ.ศ.๑๑๒๐ พ.ศ.๒๓๐๑ ค.ศ.๑๗๕๘ อธิบาย. ในหนังสือพระราชพงษาวดารว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐสวรรคตเดือน ๖ แรม ๕ คำ่ ปขี าลสมั ฤทธศิ ก เวลาบา่ ย ๔ โมงเศษ๓ พระชณั ษา ๗๘ ๓๒ สมเดจ็ พระเจา้ อทุ มุ พร ผา่ นพภิ พปขี าล จ.ศ.๑๑๒๐ พ.ศ. ๒๓๐๑ ค.ศ.๑๗๕๘ รชั กาล ๓ เดอื น ละราชสมบตั ิปขี าล จ.ศ.๑๑๒๐ พ.ศ. ๒๓๐๑ ค.ศ.๑๗๕๘ ๑ คณะกรรมการชำระประวตั ศิ าสตรไ์ ทยใช้ สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ๒ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยใช้พระนามที่ปริวรรตแล้วเป็น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ๓ ตรงกบั วนั พธุ ท่ี ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๐๑ วลา ๑๖ นาฬกิ าเศษ

๓๖๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ อธบิ าย. ในหนงั สอื พระราชพงษาวดารวา่ สเดจ็ พระเจา้ อทุ มุ พรปราบดาภเิ ศกเดอื น ๗ ขน้ึ ๖ คำ่ ปขี าล สมั ฤทธศิ ก๑ เสวยราชยอ์ ยเู่ ดอื น ๑ ละราชสมบตั อิ อกทรงผนวชในเอื น ๘ ๓๓ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทน่ี ง่ั สรุ ยิ าศนอ์ มรนิ ทร์๒ ผา่ นพภิ พปขี าล จ.ศ.๑๑๒๐ พ.ศ.๒๓๐๑ ค.ศ.๑๗๕๘ รชั กาล ๙ ปี สวรรคตในปเี สยี กรงุ เกา่ เมอ่ื ปกี ญุ จ.ศ.๑๑๒๙ พ.ศ.๒๓๑๐ ค.ศ.๑๗๖๗ ๑ ตรงกบั วนั ศุกรท์ ี่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๐๑ ๒ คณะกรรมการชำระประวตั ศิ าสตรไ์ ทยใช้ สมเดจ็ พระเจา้ เอกทศั

อธบิ ายรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ๓๖๗ สงั เขปรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ๑ ลำดบั พระนาม ปเี สวยราชย์ รวมปี สวรรคต ราชวงษเ์ ชยี งราย๒ ขาล จ. ๗๑๒ ๑๙ รกา จ. ๗๓๑ ๑ สมเดจ็ พระรามาธบิ ดี (อทู่ อง) ท่ี ๑๓ พ. ๑๘๙๓ พ. ๑๙๑๒ รกา จ.๗๓๑ ๒ สมเดจ็ พระราเมศวร (ครง้ั ท่ี ๑) พ. ๑๙๑๒ ๑ จอ จ. ๗๓๒ พ.๑๙๑๓ ราชวงษส์ วุ รรณภมู ์ิ ๔ จอ จ. ๗๓๒ พ. ๑๙๑๓ ๑๘ มโรง จ.๗๕๐ ๓ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าช (พงวั ) ท่ี ๑๕ มโรง จ. ๗๕๐ พ.๑๙๓๑ พ. ๑๙๓๑ ๔ เจา้ ทองลนั ๗ วนั มโรง จ.๗๕๐ มโรง จ. ๗๕๐ พ.๑๙๓๑ ราชวงษเ์ ชยี งราย พ. ๑๙๓๑ สมเดจ็ พระราเมศวร (ครง้ั ท่ี ๒) กญุ จ. ๗๕๗ ๗ กญุ จ. ๗๕๗ พ. ๑๙๓๘ พ. ๑๙๓๘ ๕ สมเดจ็ พระรามราชาธริ าช ฉลู จ. ๗๗๑ ๑๔ ฉลู จ. ๗๗๑ ราชวงษส์ วุ รรณภมู ์ิ พ. ๑๙๕๒ พ. ๑๙๕๒ มโรง จ. ๗๘๖ ๖ สมเดจ็ พระนครอนิ ทราธริ าช๖ พ.๑๙๖๗ ๑๖ มโรง จ. ๗๘๖ พ. ๑๙๖๗ ๗ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าช (สามพระยา) ท่ี ๒๗ ๑๖ มโรง จ. ๘๑๐ พ.๑๙๙๑ ๑ ตวั สะกดการนั ต์ ตรงตามฉบบั พมิ พค์ รง้ั แรก พ.ศ. ๒๔๖๐ ดเู ชงิ อรรถในอธบิ ายรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ประกอบ ๒ ราชวงศ์อู่ทอง ๓ สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี ๑ (อทู่ อง) ๔ ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ๕ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี ๑ (พงว่ั ) ๖ สมเด็จพระอินทราธิราช (เจ้านครอินทร์) ๗ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ (เจ้าสามพระยา)

๓๖๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑ ลำดบั พระนาม ปเี สวยราชย์ รวมปี สวรรคต ๘ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนารถ๑ มโรง จ. ๘๑๐ ๔๐ วอก จ.๘๕๐ ๙ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าชท่ี ๓ พ. ๑๙๙๑ พ.๒๐๓๑ วอก จ. ๘๕๐ ๑๐ สมเดจ็ พระรามาธบิ ดที ่ี ๒ พ. ๒๐๓๑ ๓ กญุ จ. ๘๕๓ กญุ จ. ๘๕๓ พ.๒๐๓๔ ๑๑ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าช พ. ๒๐๓๔ (หนอ่ พทุ ธงั กรู ) ท่ี ๔๒ ฉลู จ. ๘๙๑ ๓๘ ฉลู จ. ๘๙๑ พ. ๒๐๗๒ พ. ๒๐๗๒ ๑๒ พระรษั ฎาธริ าช มเสง จ.๘๙๕ ๑๓ สมเดจ็ พระไชยราชาธริ าช๓ พ. ๒๐๗๖ ๔ มเสง จ.๘๙๕ ๑๔ พระยอดฟา้ ๔ มเมยี จ. ๗๙๖ พ.๒๐๗๖ พ. ๒๐๗๗ ขนุ วรวงษาธริ าช๕ มเมยี จ. ๙๐๘ ๑ มเมยี จ.๘๙๖ ๑๕ สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรด์ิ ๖ พ. ๒๐๗๙ พ.๒๐๗๗ วอก จ. ๙๑๐ ๑๖ สมเดจ็ พระมหนิ ทราธริ าช พ. ๒๐๙๑ ๑๒ มเมยี จ.๙๐๘ วอก จ. ๙๑๐ พ.๒๐๘๙ พ. ๒๐๙๑ มโรง จ.๙๓๐ ๒ วอก จ. ๙๑๐ พ. ๒๑๑๑ พ.๒๐๙๑ ๔๒ วนั วอก จ.๙๑๐ พ.๒๐๙๑ ๒๐ มโรง จ.๙๓๐ พ.๒๑๑๑ ๑ มเสง จ. ๙๓๑ พ.๒๑๑๒ ๑ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ๒ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๔ (หน่อพุทธางกูร) ๓ สมเด็จพระชัยราชาธิราช ๔ พระยอดฟา้ หรือพระแกว้ ฟา้ ๕ ขุนวรวงศาธิราช ๖ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ

ลำดบั พระนาม ปเี สวยราชย์ อธบิ ายรชั กาลครง้ั กรงุ เกา่ ๓๖๙ ราชวงษศ์ โุ ขไทย๑ รวมปี สวรรคต ๑๗ สมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธริ าช๒ มเสง จ. ๙๓๑ ๒๑ ขาล จ. ๙๕๒ ๑๘ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช พ. ๒๑๑๒ ขาล จ. ๙๕๒ พ.๒๑๓๓ ๑๙ สมเดจ็ พระเอกาทศรถ พ. ๒๑๓๓ ๒๐ เจา้ ฟา้ ศรเี สาวภาคย์๔ มเสง จ. ๙๖๗ ๑๕ มเสง จ.๙๖๗ พ. ๒๑๔๘ ๒๑ สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรม วอก จ. ๙๘๒ พ.๒๑๔๘ พ. ๒๑๖๓๕ ๒๒ สมเดจ็ พระเชษฐาธริ าช วอก จ.๘๙๒ ๑๕ วอก จ. ๙๘๒ ๒๓ สมเดจ็ พระอาทติ ยวงษ์ ๙ พ. ๒๑๖๓๗ พ. ๒๑๖๓๓ มโรง จ.๙๙๐ ราชวงษป์ ราสาททอง ๑๒ พ. ๒๑๗๑ ไมถ่ งึ ปี วอก จ.๙๘๒ ๒๔ สมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง มเมยี จ. ๙๙๒ พ. ๒๑๖๓๖ พ. ๒๑๗๓๑๐ ๘ มโรง จ.๙๙๐ พ. ๒๑๗๑ ๒ มเมยี จ.๙๙๒ พ. ๒๑๗๓๘ ๓๖ วนั มเมยี จ.๙๙๒ พ. ๒๑๗๓๑๑ มเมยี จ.๙๙๒ ๒๕ มแม จ.๑๐๑๗ พ. ๒๑๗๓๑๓ พ. ๒๑๙๘๑๔ ๑ ราชวงศ์สุโขทัย ๒ สมเด็จพระมหาธรรมราชา ๓,๕-๗ ปกี ุน จ.๙๗๒ พ.๒๑๕๓ รัชกาลสมเด็จพระเอกาทศรถเหลือ ๕ ปี และเพ่ิมรัชกาลพระเจา้ ทรงธรรมเปน็ ๑๘ ปี ๔ พระศรีเสาวภาคย์ ๘,๑๐-๑๑ มะเส็ง จ. ๙๙๑ พ.๒๑๗๒ รัชกาลสมเดจ็ พระเชษฐาธริ าชแค่ ๘ เดอื น ๙ สมเด็จพระอาทิตยวงศ์ ๑๒ ราชวงศ์ปราสาททอง ๑๓ มะเส็ง จ. ๙๙๑ พ.๒๑๗๒ ๑๔ วอก จ.๑๐๑๘ พ.๒๑๙๙ รัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททองรวม ๒๗ ปี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook