Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore r. คู่มือโรงเรียนพ่อแม่BBL

r. คู่มือโรงเรียนพ่อแม่BBL

Published by Tu Tah, 2022-10-26 12:54:15

Description: คู่มือโรงเรียนพ่อแม่BBL

Search

Read the Text Version

กิจกรรมท่ี 1 : สมดุ บนั ทึกสุขภาพของลกู รัก พรมิ า สารสทุ ธกลุ , มญั ชุช์ ยา ชวาฤทธิ์, นนธนวนณั ท์ สนุ ทรา กจิ กรรมน้ที �ำเพ่ือ ให้พ่อแม/่ ผู้ดแู ลเดก็ · ตระหนกั ถึงความสำ� คญั ในการทีจ่ ะใชส้ มุดบันทึกสุขภาพแมแ่ ละเด็ก · มคี วามร้คู วามเขา้ ใจที่ถกู ต้องและเหมาะสมเรอื่ งการเลีย้ งลกู ต้งั แต่แรกเกิดจนถงึ อายุ 6 ปี · สามารถลงบันทึกและแปรผลกราฟแสดงน้�ำหนัก ส่วนสูงตามเกณฑ์อายุ และติดตามดูแนวโน้มการเจริญ เตบิ โตของลกู ว่าเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานหรอื ไม่ · สามารถประเมิน บนั ทกึ และส่งเสรมิ พัฒนาการลกู ได้ตามวัย พรอ้ มท้งั สังเกตพฤติกรรมที่ผิดปกติของลูกได้ · มีความรูค้ วามเขา้ ใจ และเห็นความส�ำคญั ของมารับวัคซนี ลกู ไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วนตามวยั ทกุ ช่วงอายุ ส่งิ ทีไ่ ดจ้ ากการท�ำกิจกรรมน้ี · พอ่ แม่/ผดู้ ูแลเด็กมคี วามรแู้ ละทักษะในการลงบันทึกและแปลผลการเจริญเติบโตของลูกอยา่ งถูกตอ้ ง · พอ่ แม/่ ผดู้ แู ลเดก็ ไดร้ บั ทราบและสง่ เสรมิ พฒั นาการลกู ใหอ้ ยใู่ นเกณฑป์ กตอิ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งตามวยั และสามารถ ตรวจค้น พัฒนาการ พฤติกรรมทผ่ี ดิ ปกตขิ องลูกและพามาปรึกษาแพทย์ได้ทันทว่ งที · พ่อแม่/ผดู้ ูแลเด็กมีสว่ นรว่ มในการเลย้ี งดลู กู เปน็ การสร้างสายใยรกั ผกู พนั ในครอบครวั · ลกู ได้รบั การสง่ เสริมพฒั นาการและโภชนาการการตามวยั ส่งผลให้เปน็ เดก็ เกง่ ฉลาด ร่างกายและจิตใจดี มคี ุณธรรม และมพี ฤติกรรมเหมาะสม · เด็กไดร้ ับวัคซนี ถูกตอ้ ง ครบถ้วน ตามวัยทุกชว่ งอายุ หลักการและวธิ กี ารส�ำคัญ จดุ สำ�คัญ · สถานที่ ภาวะแวดลอ้ มและบรรยากาศเหมาะสม ข้นั ตอนสำ�คัญ 1. การเตรยี มความพรอ้ ม : ผสู้ อนสร้างความคนุ้ เคยโดย กบั การเรียนรู้ แสงสวา่ งเพยี งพอ อากาศไมร่ ้อน การแนะน�ำตนเองท้ังผเู้ รยี นและผสู้ นใจ ไมเ่ ยน็ เกินไป ไมม่ ีเสียงรบกวน บรรยากาศเปน็ กันเอง · สงั เกตสีหน้า แววตา ทา่ ทาง นำ�้ เสียง ผเู้ รียน ว่า มคี วามพร้อมหรอื ไม่ เปดิ สมอง : เพลงเบาๆ เชน่ กล่อมลูกวดั โบสถ์ · สงั เกตการผอ่ นคลายและการมสี ว่ นรว่ ม 2. การนำ� เข้าส่บู ทเรียน : ผูส้ อนซักถามพดู คุยถงึ การเลย้ี ง · สอบถามความรู้เดมิ ดลู กู · กระตนุ้ ใหม้ สี ่วนร่วม 173 BBLProof

ขนั้ ตอนสำ�คญั จุดสำ�คญั 3. การใหอ้ งค์ความรู้ : ผ้สู อนอธบิ ายถึงความสำ� คัญ · ใช้ภาษาสนั้ ๆ กะทดั รัดเขา้ ใจงา่ ย - ประโยชน์และวธิ ใี ชส้ มดุ บันทึกสขุ ภาพอนามยั แม่ · เตรียม อปุ กรณใ์ ห้พร้อม เช่น ดนิ สอ ยางลบ และเดก็ และวธิ ีการ ช่ังนำ้� หนกั วัดส่วนสูง วดั รอบ · หยบิ สมุดบันทึก เปดิ หน้าท่ีจะทำ� บันทกึ ศีรษะ ของลูก · การเจริญเตบิ โต · active learning /inter active learning - พัฒนาการ 5 ดา้ นของลูกตามวยั ไดแ้ ก่ ด้านการ · ให้ลงมอื ปฏบิ ัตไิ ปพร้อมๆ กนั ถา้ ถกู ก็ชมเชย ถา้ เคลือ่ นไหว (GM) , การใชก้ ลา้ มเนือ้ มดั เล็กและสติ ปัญญา (FM) , ดา้ นการเข้าใจภาษา (RL) , ด้านการ ผิดก็บอกว่าผิดอย่างไร พรอ้ มบอกวธิ ที ่ถี กู ต้อง ใช้ภาษา (EL) , ดา้ นการชว่ ยเหลอื ตนเองและสงั คม (PS) - วคั ซีนทถ่ี ูกต้องไดร้ ับตามวยั การนัดรบั วัคซีนครั้งตอ่ ไป และอาการข้างเคียงหลงั ได้รับวคั ซนี วธิ ีดแู ลลกู ไดแ้ ก่ การเชด็ ตวั ลดไข้ การให้ยาลดไข้ การประคบ รอยแดงบรเิ วณท่ฉี ีดวัคซีน 4. การสะท้อนกลบั และทดสอบความร้คู วามเข้าใจ : ให้ ผ้เู รยี น - บนั ทึกกราฟทั้ง 3 กราฟ ของลูกได้แก่ กราฟ แสดงน�้ำหนกั ตามเกณฑอ์ ายุ , กราฟแสดงสว่ น สูงตามเกณฑ์อายุและกราฟน้�ำหนักตามเกณฑ์ สว่ นสูง พรอ้ มแปลผล ในสมุดบนั ทกึ สขุ ภาพแม่ และเด็ก - ให้ประเมินพัฒนาการของลูกของแต่ละคน · เปิดโอกาสใหซ้ กั ถาม และลงบันทกึ ตามจรงิ พร้อมกบั ตรวจสอบการ · เปิดสมุดหนา้ การรบั วัคซนี กระตนุ้ ใหท้ ุกคนมี ปฏิบตั ิ ถา้ พบเดก็ สงสยั พฒั นาการล่าช้า แนะนำ� วธิ กี ารสง่ เสริมให้ลกู ท�ำได้ตามวัยที่บ้าน ในสมดุ สว่ นรว่ ม บันทึกสุขภาพและคู่มือ DSPM และการนัดตรวจ · กจิ กรรมการรับวคั ซนี ท่ีถูกต้องตามวัย...ใช้เด็ก พัฒนาการครงั้ ตอ่ ไป จริงที่มารับบริการ ตรวจสอบ 6 R - ทวนสอบความรู้ ความเขา้ ใจการรบั วคั ซีนตามช่วง อายุลูกโดยถามวา่ วนั นีล้ ูกไดร้ บั วัคซีนอะไร และการ ดแู ลลูกหลงั รบั วัคซีนอยา่ งไรบ้าง 174 BBLProof

ข้ันตอนสำ�คญั จุดสำ�คัญ 5.การสรปุ : ผ้เู รียนร่วมกันสรปุ ประโยชน์ของการใชส้ มดุ · ตอ้ งจับประเดน็ ใหก้ ระชบั ไม่ใชเ้ วลานาน บันทึกสุขภาพ · ใหท้ กุ คนช่วยกนั สรุปประเดน็ สำ� คัญ ผู้สอนตอ้ ง เปิดโอกาสให้ซักถาม ชน่ื ชม ถา้ ไม่ครบผู้สอนสรุปเพม่ิ เติมและเน้น ยำ�้ ให้นำ� สมดุ บันทกึ สขุ ภาพทุกครัง้ ท่มี าโรง พยาบาล ความสอดคล้องตามหลักกจิ กรรม Brain-based Learning (BBL) 1. พ่อแม/่ ผู้ดแู ลเดก็ มีความรูค้ วามเขา้ ใจ การประเมนิ การเจริญเตบิ โต โภชนาการ พัฒนาการ การได้รบั วัคซนี ของลกู นอ้ ยในการใชส้ มดุ บันทกึ สขุ ภาพแม่และเดก็ การลงมือท�ำเอง เรียนรู้จากการลองผิดลองถูก ท�ำให้มี ประสบการณม์ ากข้ึน จะท�ำถกู ตอ้ งและเข้าใจและสามารถแกป้ ญั หาไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสม 2. ลกู ไดร้ บั การเลย้ี งดแู ละสง่ เสรมิ พฒั นาการอยา่ งถกู ตอ้ งไปสกู่ ารเปน็ คนดี เกง่ มคี วามสขุ และสขุ ภาพแขง็ แรง ระยะเวลา 40 นาที ส่ืออุปกรณ์ 1. สมดุ บนั ทึกสุขภาพแม่และเด็ก 2. ดินสอ/ปากกา/ยางลบ การประเมินผล 1. สังเกตจากสหี น้า ท่าทาง การสนใจฟังและตั้งใจลงมือปฏิบัติ 2. การใชส้ มดุ บนั ทกึ สขุ ภาพ และสามารถประเมินการเจริญเตบิ โต พัฒนาการ และวคั ซนี ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 175 BBLProof

กิจกรรมท่ี 2 : กินอาหารตามวยั ลูกนอ้ ยเตบิ ใหญ่ แขง็ แรง สมองดี นนธนวนัณท์ สนุ ทรา, พริมา สารสุทธกลุ , มัญชชุ์ ยา ชวาฤทธ์ิ กจิ กรรมนท้ี �ำเพื่อ · พอ่ แม่/ผูด้ แู ลเด็ก มีความรู้ ทักษะในการเลือกอาหารตามวยั แก่ลกู ได้ถกู ต้องเหมาะสม ส่งิ ทไ่ี ดจ้ ากการทำ� กิจกรรมนี้ · เดก็ ไดร้ บั อาหารเหมาะสมตามวัย เจริญเตบิ โตและมพี ฒั นาการปกติ · เดก็ ไดร้ บั การฝกึ งดนมมือ้ ดกึ หลังอายุ 6 เดือน และวนิ ยั ในการรับประทานอาหาร · พอ่ แม่/ผดู้ ูแลเด็ก มีส่วนรว่ มในการเลี้ยงลูก เปน็ การสรา้ งสายใยรกั ผูกพนั ในครอบครัว หลักการและวธิ กี ารส�ำคญั ขั้นตอนสำ�คญั จดุ สำ�คญั 1. เตรียมความพร้อม : ผู้สอนสร้างความคนุ้ เคยในการแนะนำ� · บรรยากาศเป็นกันเอง ไม่ควรถามเจาะจง ตนเองทงั้ ผู้เรียน และผสู้ อน บงั คบั ให้ใครตอบ แต่คอยกระตุ้นให้ทกุ คนมี สว่ นร่วม เปิดสมอง : ใหผ้ ู้เรยี นอมุ้ ลกู ไว้แนบอก หลบั ตา เปดิ · สงั เกตความผ่อนคลาย รอยย้ิมของผูเ้ รยี น เพลงเบาๆ ใหจ้ นิ ตนาการเห็นลูกรกั เจรญิ เตบิ โตแข็งแรง 2. การนำ� เขา้ สบู่ ทเรยี น : ซกั ถามโดยใช้คำ� ถามปลายเปดิ เชน่ · สงั เกตความพรอ้ มของผเู้ รยี น โดยดจู ากแวว “ คณุ แม่ไดใ้ ห้อาหารอ่ืนนอกจากนมแม่หรอื ยังหรือคะ” ตา สหี น้า ท่าทาง นำ�้ เสยี ง วา่ มคี วามพร้อม “ถ้าลูกอายุ 6 เดือน เราจะให้อาหารแก่ลกู กม่ี ้ือค่ะ” , หรือไม่ “คุณแม่ตดิ ว่าลกู อายกุ ่ีเดอื นคะ จงึ จะเร่มิ ให้อาหารนอก เหนอื จากนมแม”่ 3. การใหอ้ งคค์ วามรู้ : ผูส้ อนเปิด วดี ทิ ัศน์เรื่อง อาหารตามวัย · ต้องไม่มีส่ิงรบกวน ผูส้ อนตอ้ งคอยสงั เกต เมอื่ จบวีดีทศั นผ์ ้สู อนซักถามถงึ ความเข้าใจ และกระตนุ้ · สหี นา้ ทา่ ทาง ผเู้ รียนเพอ่ื ประเมินความ ใหก้ ลุ่มช่วยกนั สรปุ ความรทู้ ่ีไดร้ บั และซกั ถามขอ้ สงสัยเพื่อ เชอ่ื มโยงใหพ้ อ่ แม่/ผูด้ ูแลเดก็ สามารถเลอื กอาหารให้ลกู เข้าใจเปดิ โอกาส/กระตุน้ ให้พ่อแม่/ผดู้ แู ลเดก็ กินตามวยั ได้อย่างถูกต้อง · ร่วมกนั สรุปความรู้ทีไ่ ด้รับร่วมกับผสู้ อน 4. การสะทอ้ นกลบั และทดสอบความร้คู วามเข้าใจ : ให้ผู้ · กรณีท่พี อ่ แม/่ ผู้ดแู ลเดก็ หยบิ โมเดลอาหารผิด เรยี นหยิบโมเดลอาหารใน 1 วัน ของเดก็ ไมค่ วรตำ� หนิและเปดิ โอกาสให้พ่อแม่/ อายุ 6 เดือน , 8 เดอื น ผูด้ ูแลเด็กอ่นื ได้ชว่ ยกนั เลอื กโมเดลอาหาร - ผูส้ อนเน้นย้ำ� ในลกั ษณะอาหารในแต่ละวัย ความหนืด ใหม่อกี ครง้ั ความหยาบ ปรมิ าณอาหาร 5. การสรุป : ผเู้ รยี นร่วมกนั สรุปความรทู้ ไ่ี ดร้ ับ · ส้ัน กระชบั เข้าใจงา่ ย (ตามใบความรทู้ ี่ 1) พร้อมแจกแผน่ พบั - แผ่นพบั ควรมีรูปประกอบ 176 BBLProof

ความสอดคล้องของกจิ กรรมตามหลกั การพฒั นาสมอง Brain-based Learning (BBL) · การเปดิ วดี ิทศั นท์ ำ� ให้ผู้เรียนเกิดการรับรู้ เหน็ ภาพและสามารถน�ำมาสกู่ ารปฏิบัตจิ รงิ ในการเลือกอาหาร · ชนดิ ของอาหาร ปรมิ าณทเี่ หมาะสมตามวยั ให้ลูกไดด้ ้วยตนเอง · การท่ีผู้สอนกระตุ้นพ่อแม่/ผู้ดูแลเด็กช่วยกันสรุปท�ำให้เกิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้จากประสบการณ์จริง แลว้ สามารถนำ� ความรมู้ าเชื่อมโยงจากอาหารสู่ความเจรญิ เตบิ โตดา้ นรา่ งกาย จิตใจ พฒั นาการตามวัย ได้ เหมาะสม · การทีพ่ อ่ แม่/ผดู้ ูแลเดก็ ไดท้ ดลองปฏบิ ัติจรงิ ทำ� ให้ ได้มีทักษะและเกดิ ความมนั่ ใจตลอดจนมที ศั นคติทด่ี ี · ตระหนกั ในการใหอ้ าหารตามวยั ลกู ตอ่ ไป ระยะเวลา 20 นาที สอื่ อปุ กรณ์ 1. ซดี ี เร่อื งอาหารตามวยั 2. โมเดลอาหาร ผกั ผลไม้ 3. คูม่ ือ การประเมนิ ผล 1. สงั เกตการมีสว่ นรว่ มในการท�ำกจิ กรรม 2. การตอบข้อซกั ถาม 3. การตรวจสอบจากการเลือกอาหาร 177 BBLProof

ใบความร้ทู ่ี 1 อาหารตามวัยส�ำหรบั ทารกและเดก็ เลก็ อาหารตามวยั (complementary food) หมายถงึ อาหารอน่ื ทที่ ารกไดร้ บั เปน็ มอื้ นอกเหนอื จากนมแมห่ รอื นม ผสม เพือ่ ให้ทารกได้รบั สารอาหารครบถ้วนและเพียงพอสำ� หรับการเจรญิ เตบิ โต ช่วยให้ทารกปรับตวั จากการกนิ อาหาร เหลวเปน็ อาหารกง่ึ แขง็ กง่ึ เหลว (semisolid food) และอาหารแบบผใู้ หญ่ เพอ่ื ใหม้ พี ฒั นาการในการกนิ ทเ่ี หมาะสมตอ่ ไป ประโยชนข์ องการให้อาหารตามวยั 1. ให้สารอาหารแก่ทารกเพม่ิ เตมิ จากนมแม่หรือนมผสมในกรณที ่ีแม่ไมส่ ามารถใหล้ ูกกินนมแม่ได้ ในช่วงอายุ 6 เดอื นแรก ทารกจะได้รับสารอาหารพอเพยี งจากนมแม่ท่ีมีสขุ ภาพดีหรือนมคัดแปลงส�ำหรบั ทารกในกรณที ไ่ี มส่ ามารถใหน้ มแมแ่ กล่ กู ไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ และทารกเตบิ โตไดต้ ามเกณฑ์ นมแมอ่ ยา่ งเดยี วจะพอเพยี งตอ่ การ เตบิ โตของลกู จนถงึ อายปุ ระมาณ 6 เดอื น หลงั จากนนั้ ทารกจำ� เปน็ ตอ้ งไดร้ บั พลงั งานและสารอาหารบางชนดิ เพม่ิ เตมิ จาก อาหารตามวยั สำ� หรบั ทารก เชน่ โปรตนี เหลก็ แคลเซยี ม สงั กะสี ไอโอดนี วติ ามนิ เอ เปน็ ตน้ เพอื่ ใหเ้ จรญิ เตบิ โตตามปกติ ความจรงิ ทารก 4-6 เดอื น สามารถรบั อาหารตามวยั ไดแ้ ลว้ แตเ่ นอื่ งจากอยากใหไ้ ดน้ มแมเ่ ตม็ ท่ี จงึ แนะนำ� ให้กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนกอ่ น 2. ชว่ ยพฒั นาหน้าที่เกี่ยวกับการเคีย้ วและกลนื อาหารซ่งึ มิใชข่ องเหลว การให้อาหารตามวัยส�ำหรับทารก ช่วยให้ทารกปรับตัวเข้ากับการรับประทานอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลว (semisolid food) ให้คุ้นเคยกับรสชาติและลักษณะอาหารท่ีหลากหลาย เพ่ือพัฒนาไปสู่การรับประทานอาหารแบบ ผู้ใหญ่ (solid food) การเริม่ ใหอ้ าหารกึง่ แข็งก่งึ เหลวช้าเกนิ ไปอาจทำ� ใหท้ ารกปฏเิ สธอาหารแบบผใู้ หญ่ได้ 3. เสรมิ สร้างนิสยั และพฤตกิ รรมการกนิ ทด่ี ีของเด็ก ซงึ่ จะชว่ ยป้องกันโรคที่เกดิ จากพฤตกิ รรมการกนิ ท้ังในระยะส้นั และในระยะยาว เชน่ โรคขาดโปรตนี และ พลังงาน การขาดธาตุเหลก็ โรคอว้ น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคหวั ใจ และฟันผุ เป็นตน้ การให้อาหารตามวัยส�ำหรับทารก ที่มีคุณภาพและปริมาณเหมาะสมกับวัยเป็นส่ิงจ�ำเป็นต่อสุขภาพของ ทารก ซงึ่ จะมผี ลตอ่ สุขภาพของทารก ซึ่งจะมีผลตอ่ รา่ งกายและสตปิ ัญญาในระยะยาวได้ การเตรียมอาหาร ผู้เตรียมอาหารต้องตัดเล็บให้ส้ัน ไม่ใส่เครื่องประดับ เช่น แหวน ล้างมือก่อนเตรียม อาหาร ล้างอาหารอยา่ งถกู วิธแี ละภาชนะตอ้ งสะอาด หมวดอาหารทแ่ี นะนำ� จดุ สำ�คัญ - ขา้ ว : ขา้ วต้มหรอื โจ๊ก ขา้ วสวยหุงนิ่ม - อายุ 6 เดือน ขา้ วบดละเอยี ด แลว้ เพม่ิ ความหยาบ - ไข่แดง : มีโปรตีนสูง วติ ามนิ เอ ธาตุเหลก็ อายุ 6 มากขนึ้ เม่อื อายมุ ากขนึ้ เดือน ใหไ้ ขแ่ ดง ½ ฟอง อายุ 7-12 เดือน ให้ไขเ่ ตม็ - อายุ 6 เดือน อย่าเพิง่ ใหไ้ ข่ขาวเพราะอาจทำ� ใหเ้ กดิ ฟอง การแพไ้ ด้ 178 BBLProof

หมวดอาหารท่ีแนะนำ� จดุ สำ�คญั - ตบั : มีโปรตนี และธาตเุ หลก็ สงู ควรกนิ สัปดาหล์ ะ - นมแมม่ ธี าตุเหล็กเพยี งพอถงึ 6 เดอื น หลังจากนน้ั ควร 3 ครั้ง ไดร้ ับจากอาหารตามวยั - เน้อื สตั ว์ หมู ไก่ : เป็นแหลง่ โปรตนี ที่ดี - เริ่มให้ทีละอยา่ ง เน้อื ไกก่ อ่ น ตามด้วยหมู และปลานำ้� จดื เชน่ ปลาชอ่ น เปน็ ต้น เพื่อเปน็ การทดสอบการแพ้ - เนือ้ ปลา : เปน็ แหล่งโปรตนี มี DHA , โอเมกา้ 3 ชว่ ย เปิดโอกาสใหเ้ ด็กได้อาหารทีห่ ลากหลาย บ�ำรุงระบบประสาทและสมอง - ผกั : มวี ิตามินและเกลือแรส่ งู - กนิ ผักทกุ วันให้หลากหลายชนดิ โดยเริม่ ทผี่ กั ใบเขยี ว ออ่ น ค่อยเพิ่มเขม้ ท่ีละชนิด เช่นผักกาดขาว ตำ� ลงึ ผกั บุ้ง เด็กทีแ่ พน้ มวัวมกั แพผ้ กั สีส้ม เหลือง เช่น ฟักทอง แครอท ดงั นนั้ ควรเร่มิ ทลี ะอย่าง เพ่ือสงั เกตอาการแพ้ ดว้ ย - ในเดก็ เล็กให้ผกั น่มิ กอ่ น ทำ� ใหมๆ่ จะหวานอรอ่ ย - ถวั่ เตา้ หู้ ใชส้ ลบั กบั เน้ือสตั ว์ได้ ให้โปรตนี - ผลไม้ ให้วิตามินและเกลือแร่ - เลอื กผลไมห้ ลากหลายและที่นมิ่ เค้ยี วได้ง่ายก่อน เลอื กรสไมห่ วานจดั เพราะเด็กจะได้ไมต่ ิดหวาน เชน่ มะละกอ กล้วย สม้ ชมพู่ แอปเปลิ้ ฝร่งั สกุ นิ่ม - นำ�้ มนั พืช ชว่ ยเพมิ่ พลังงานและเป็นแหลง่ ของกรดไข - ควรใช้นำ�้ มนั พชื ที่มีคุณค่าทางโภชนาการดี เชน่ นำ�้ มนั มนั จำ� เปน็ และชว่ ยดดู ซมึ วติ ามินทล่ี ะลายในไขมนั รำ� ขา้ ว นำ้� มนั ถัว่ เหลือง เป็นต้น - นมแม่ ใหต้ ่อเนือ่ ง ควบคกู่ ับอาหารตามวยั จนถงึ 2 ปี - แมต่ อ้ งใสใ่ จขณะให้นม ไม่ควรคุยโทรศพั ท์ นงั่ หลบั ตา หรือนานกว่านั้น ดูทีวี ใหค้ ุยกับลูก ส่ิงท่แี ม่คยุ กบั ลูกลกู เขา้ ใจ - สำ� หรบั เด็กอายุ 1-2 ปี ควรเสริมนมดัดแปลงสตู รต่อ เนอ่ื ง หรือนมวัวรสจืด วันละ 2 แกว้ 179 BBLProof

เมนอู าหาร ตัวอยา่ งอาหาร อายุ /เมนอู าหาร/ปรมิ าณท่แี นะนำ�ต่อมอื้ อายุ 6 เดอื น : วนั ละ 1 ม้ือ - ขา้ วต้มบดละเอียด 2 ชอ้ นกินขา้ ว - ไข่แดงบด ½ ฟอง / เนื้อสัตว์บดละเอยี ด 1 ชอ้ นกินข้าว - ผักบดละเอียด ½ ช้อนกนิ ข้าว - น้�ำมนั ½ ช้อนชา - ผลไม้ 1 ช้ินคำ� (มอ้ื วา่ ง) อายุ 7 เดือน - เหมือนอายุ 6 เดือน - เพม่ิ ไข่เต็มฟอง - เรมิ่ มคี วามหยาบมากขึ้น อายุ 8 เดือน : วันละ 2 มื้อ - ขา้ งสวยหุงน่ิม บดหยาบ 4 ชอ้ นกินขา้ ว - เนื้อสตั วส์ ับละเอียด 1 ชอ้ นกนิ ข้าว - ผกั สบั ละเอียด 1 ช้อนกนิ ข้าว - น�้ำมัน ½ ช้อนชา (ตอ่ 1 วนั ) - ผลไม้ 3 ชิ้นคำ� (มือ้ ว่างต่อวัน) อายุ 9 – 12 เดอื น : วนั ละ 3 มือ้ - ขา้ วสวยหงุ นมิ่ บดหยาบ 4 ชอ้ นกินขา้ ว - เนอ้ื สัตวส์ ับหยาบ 1 ชอ้ นกนิ ขา้ ว - ผกั หนั่ ชิน้ เล็ก 1 ½ ช้อนกนิ ขา้ ว - น�้ำมัน ½ ช้อนชา (ตอ่ 1 วนั ) - ผลไม้ 4 ชน้ิ คำ� (มอ้ื วา่ งตอ่ วัน) อายุ 12-23 เดอื น - ขา้ วสวย 6 ชอ้ นกนิ ข้าว (1 ทพั พี) ผดั น�้ำมนั พชื 1 ชอ้ นชา หรือกนิ กับอาหารผัดหรอื ทอด แกงจืด หรือ ต้มจืด อาหารท่ีมีโปรตนี และสารอาหารเข้มขน้ ประมาณ 3 ซ้อนกนิ ขา้ ว ผสมกัน หรือหมนุ เวียนสลบั กันไป และใสผ่ ักใบเขยี วหรอื เหลืองสม้ ที่อ่อนนุ่ม กล่ินไม่แรง 1-2 ชนิด ปริมาณ 3-4 ชอ้ นกนิ ข้าว 180 BBLProof

กจิ กรรมท่ี 3 : ความฉลาดทางสมองและอารมณ์ สร้างดว้ ยพลังกอด พรมิ า สารสุทธกุล, มญั ช์ชุ ยา ชวาฤทธิ์ กจิ กรรมนที้ �ำเพอ่ื · พ่อแม่/ผู้ดูแลเดก็ ตระหนกั ถึงความส�ำคญั ของการสรา้ งความรัก ความผูกพนั ในครอบครวั ดว้ ยพลังกอด · พ่อแม่/ผู้ดูแลเด็กมีความรู้และทักษะท่ีดีในการกอด ส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจ และสร้างเสริม สมั พันธภาพภายในครอบครัว สงิ่ ที่ไดจ้ ากกจิ กรรมน้ี · ลูกได้รบั การกอดจากพ่อแม่และผูด้ แู ลเด็ก เพอ่ื เปน็ อาหารใจ ส่งผลถงึ ความมัน่ คงทางอารมณ์ และจติ ใจ น�ำสูค่ วามฉลาดทางสมอง หลกั การและวธิ ีการส�ำคัญ จดุ สำ�คัญ ขน้ั ตอนสำ�คญั · สังเกตความพร้อมของผู้เรียน ทาง แววตาสีหน้า 1. การเตรียมความพรอ้ ม : เตรียมสถานท่ี ทา่ ทาง นำ้� เสยี ง ภาวะแวดล้อมและบรรยากาศ · ควรเปน็ เพลงทีเ่ กยี่ วกบั ความรกั ความผกู พนั เพือ่ เปดิ สมอง : เปดิ เพลงเบาๆ ใหผ้ ู้เรยี นหลบั ตาประมาณ ๑นาที แล้ลมื ตาขน้ึ สรา้ ง บรรยากาศอบอุ่นเป็นกนั เอง (ไฟสลวั ,ตน้ ไม้ จริงดีกวา่ ตน้ ไม้ปลอม) 2. การนำ� เขา้ สู่บทเรียน : ผ้สู อนสร้างความค้นุ เคย · สังเกตความผอ่ นคลาย เมอ่ื ลืมตาสงั เกตแววตา รอย โดยการแนะน�ำตนเองทัง้ ผเู้ รียนและผู้สอน และใช้ ย้ิมของผเู้ รียน ค�ำถาม”วันนค้ี ุณกอดลูกหรอื ยงั ” · บรรยากาศผอ่ นคลาย ย้มิ แย้มแจ่มใส 3. การให้องค์ความรู้ : ผสู้ อนใหอ้ งคค์ วามรู้ เรือ่ ง · สั้น กะทดั รดั เขา้ ใจงา่ ย “ความส�ำคัญของการกอด และรูปแบบตา่ งๆ ของ · ผู้สอนต้องตัดสินลกั ษณะการกอดวา่ ถูกหรือผิด การกอด พรอ้ มทง้ั ให้ครอบครวั อาสา สาธติ การกอด ให้ดู (ตามใบความรู้ที่ 1) พรอ้ ม ใหเ้ หตุผล(ถกู เพราะอะไร,ถา้ ผดิ เพราะอะไร ตอ้ งให้เหตผุ ลพรอ้ มทงั้ บอกวธิ แี ก้ไข และสาธิตให้ถกู ตอ้ ง) ผู้สอนตอ้ งมีfeelingและจิตวญิ ญาณของความ เปน็ ครู 181 BBLProof

ขั้นตอนสำ�คัญ จดุ สำ�คญั 4. การสะทอ้ นกลบั และทดสอบความรคู้ วามเข้าใจ · บรรยากาศเงยี บสงบมเี สยี งเพลงเบาๆ ไฟสลวั : ให้ผเู้ รยี นทุกคนหลบั ตา สูดลมหายใจเขา้ ออกลกึ ๆ · ผสู้ อนใช้นำ�้ เสยี งท่นี ุ่มนวล ถกู ต้อง เหมาะสมกบั สกั 3-5 นาที แล้วระลกึ ย้อนหลงั ถึงการกอด การมี ความสขุ กบั การกอดไปว่า บรรยากาศ “คร้งั สุดทา้ ยได้รับการกอดเมือ่ ไร” - ให้กับพอ่ /แม่/ลูก ต้องเปดิ โอกาสใหพ้ ่อ/แมไ่ ด้ “เมื่อถกู กอดแลว้ รู้สกึ อย่างไร” สะท้อนถึงความรู้สกึ - ใหพ้ ่อ/แม/่ ลกู โอบกอดกนั ประมาณ 2-3 นาที · สั้นๆกะทดั รัด 2-3ประโยค อยา่ งนอ้ ย 1-3 - ใหท้ กุ คนลืมตาและสะทอ้ นความรสู้ ึกของผ้กู อด ครอบครัว หรอื มากกว่าถา้ มีเวลา และผู้ถกู กอด · ถา้ พ่อ/แมส่ ะทอ้ นความรู้สกึ ได้ไม่ครบตามเนอ้ื หาผู้ 5. การสรปุ : ผ้สู อนสรปุ และเพิ่มเติมถา้ ไมค่ รบถ้วน สอนตอ้ งสรปุ เพิ่มเตมิ ความสอดคลอ้ งของกิจกรรมตามหลักการพฒั นาสมอง Brain-based Learning (BBL) 1. สมองต้องการอาหารใจอาหารกายในสัดส่วนท่ีถูกต้อง เหมาะสม ทุกช่วงวัย ส�ำหรับการเจริญเติบโตการ เรียนร/ู้ การท�ำงาน และการพฒั นาศกั ยภาพของสมองให้เตม็ ท่ี 2. ขณะทก่ี อด อาหารใจวงิ่ เขา้ สสู่ มองเดก็ ทางผวิ กายสมั ผสั ทางตา ทางหู ทางใจ รบั รกู้ ลนิ่ ทกุ ครง้ั ทเี่ ดก็ มคี วาม สุขจะมสี ารแห่งความสุข Endorphin หล่ังออกมาสง่ ผลให้ร่างกายเกิดความสดชื่น สมองแจ่มใส ปญั ญาไว เรยี นรู้ได้เรว็ จดจ�ำได้แมน่ ความจำ� ดี 3. เสริมสายใยรักแห่งครอบครวั ท�ำใหพ้ อ่ /แม/่ ลูกมคี วามสขุ มีความอบอนุ่ เดก็ เจรญิ เตบิ โตสมวยั มีความรัก มีคณุ ธรรม จติ ใจอ่อนโยน ร้จู กั การให/้ เออื้ เฟื้อเผือ่ แผ่ ระยะเวลา 30 นาที สือ่ อุปกรณ์ 1. เทป/ ซดี ีเพลง 2. ใบความรภู้ าพ การประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมของผูเ้ รียน 2. ความสนใจและการแสดงความคิดเห็นของผเู้ รยี น 3. ใบประเมินความพึงพอใจ 182 BBLProof

ใบความร้ทู ่ี 2 ความส�ำคัญของการกอด ความหมายและความส�ำคัญของของกอด การกอดเป็นกิจกรรมหนึ่งของการสร้างความผูกพัน (Attachment) อย่างถูกต้องและเหมาะสมเป็น พ้ืนฐานท่ีดีในการพัฒนาความฉลาดของอารมณ์ สังคม ซึ่งจะเกิดกระบวนการพัฒนาบุคลิกภาพที่ดีในเด็กจนกระทั่ง เติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ การให้แม่กับลูกได้โอบกอด สัมผัสต้ังแต่แรกเกิดด้วยการเล้ียงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียว และ จากการวิจัยพบว่าเม่ือมีผู้ช่วยแม่ระหว่างการคลอดภาวะแทรกซ้อนปริก�ำเนิดจะน้อยลง ท้ังท�ำให้แม่กับลูกสามารถ สร้างความผูกพันได้ดีขึ้น การสร้างสัมพันธ์ (bonding) เป็นกระบวนการที่เกิดจากการเอาใจใส่ใกล้ชิดของพ่อแม่ต่อ ลูกและประสบการณ์การเล้ียงดูและการพลัดพรากในวัยทารกและปฐมวัยมีส่วนส�ำคัญในการพัฒนาการทางด้าน จิตใจบุคลิกภาพและสังคมของบุคคลเพราะประสบการณ์เหล่านี้จะถูกปลูกฝังเข้าไปอยู่ในจิตใจจนเปรียบเหมือน พิมพ์เขียวหรือแบบร่างของลักษณะจิตใจของเด็กท�ำให้เด็กรู้สึกว่าตนมีคุณค่าควรแก่การรัก ความเอาใจใส่จากบุคคล นั้นและเม่ือมีปัญหาเกิดขึ้น ตนก็มีความหวังท่ีจะแก้ไขได้ บุคคลท่ีได้รับการกอด หรือกอดผู้อื่น จะทำ� ให้เกิดการกระ ตุ้นการท�ำงานของระบบไหลเวียนในร่างกายโดยท�ำให้ Hemoglobin มีการล�ำเลียง Oxygen ไปเล้ียงเน้ือเยื่อต่างๆ ท�ำงานได้อย่างทั่วถึง ท�ำให้บุคคลเกิดความรู้สึกสดช่ืน มีชีวิตชีวา เรื่อง การสัมผัสได้รับความนิยมทางด้านตะวัน ตก ในทศวรรษท่ีผ่านมา เม่ือบิดา มารดา ไม่มีเวลาท่ีจะกอดเด็กๆ จึงนิยมใช้ตุ๊กตาหมี จึงผลิตกันอย่างแพร่หลาย จากการท่กี ลา่ วมาสรปุ ได้ว่า การกอด คอื ภาวะสขุ ภาพ ชว่ ยใหร้ ะบบภมู ติ า้ นทานในรา่ งกายทำ� งานไดด้ ขี น้ึ สขุ ภาพจะดขี น้ึ รกั ษาภาวะซมึ เศรา้ ลดความตรงึ เครยี ดทำ� ใหม้ ชี วี ติ ชวี าเปน็ ยาวเิ ศษ ไมม่ ผี ลขา้ งเคยี งการกอดเปน็ เรอ่ื งธรรมชาติและเรอ่ื งชวี ภาพเปน็ ความออ่ น โยน ความออ่ นหวานอยา่ งเปน็ ธรรมชาตไิ มม่ พี ษิ ภยั ทำ� ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั มคี วามผสมผสานกลมกลนื - คนเราตอ้ งการกอดวันละ 4 คร้ัง เพื่อการดำ� รงชวี ิต - คนเราตอ้ งการการกอดวันละ 8 ครงั้ เพอื่ การดำ� เนินชวี ติ - คนเราตอ้ งการการกอดวันละ 12 ครงั้ เพือ่ การเจรญิ เตบิ โต และถ้ากอด 14 ครั้ง ส่งผลต่อการมีชวี ติ ที่มคี วามสขุ ถา้ ไมไ่ ดร้ บั เลยก็จะอารมณ์ไมด่ ี Hug therapy การกอดช่วยลดการหล่งั สารคอร์ตซิ อล ที่ท�ำให้เกิดความเครียด ส่งผลให้มกี ารหลั่ง Dopamine Endorphin Serotonin เกิดความสดช่นื รู้สึกแจม่ ใส มีชีวติ ชวี า 183 BBLProof

รูปแบบการกอด 1. อ้อมกอดแบบหมี Bear hug เปน็ การกอดแบบเบยี ดตวั เขา้ หากนั อยา่ งหมี และกอดกนั อยา่ งรวดเรว็ ผกู้ อดควรอยใู่ นทน่ี งั่ ทมี่ น่ั คงเปน็ การ แสดงออกถงึ ความเปน็ คนพเิ ศษของผ้ทู ี่ถกู กอด บ่งบอกถึงความปลอดภยั และความอบอุ่น 2. การกอดแบบ Sandwich hug เป็นการแบบ 3-4 คน โดยให้คนกอดอยู่ตรงกลางในท่านั่ง แล้วอีกคนยืนโอบกอดด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง เทา่ กบั เป็นการแสดงความรักผกู้ อดอยา่ งแนบแน่น 3. การกอดแบบ Side to Side ท่านเ้ี ปน็ การโอบเอวจากด้านขา้ ง เหมาะสมตอ่ ผ้แู สดงความรักต่อกัน 184 BBLProof

กิจกรรมที 4 : เล่นคือเรยี น เรยี นคอื เลน่ พรมิ า สารสุทธกุล, มัญช์ุชยา ชวาฤทธ์ิ, นนธนวนัณท์ สนุ ทรา กิจกรรมน้ที �ำเพ่อื · เด็กได้อาหารกายอาหารใจในสัดส่วนที่ถกู ตอ้ งเหมาะสมตามวยั · สรา้ ง เสรมิ กระตนุ้ พฒั นาการทางรา่ งกายและจิตใจให้เจริญเติบโตเตม็ ศักยภาพ · ทักษะสัมพันธข์ องอวยั วะในร่างกาย แขน ขา ตา หู ปาก ในการเคลอื่ นไหว และความคล่องตัวขณะที่เล่น · สรา้ งทกั ษะให้เดก็ มพี น้ื ฐานใหเ้ ป็นนักกีฬามืออาชีพ เช่น ฟุตบอล เทนนิส ในอนาคต · สร้าง เสริม เติมสมาธิ พลงั สติ พลังปญั ญา · สร้าง เสรมิ พัฒนา สายใยรกั ระหวา่ งพ่อ แม่ ลูก และผู้เลย้ี งดู สงิ่ ที่ได้จากการท�ำกิจกรรมน้ี · เดก็ ไดเ้ รยี นร้จู ากการเล่นรู้จักตนเอง และสิ่งแวดลอ้ ม กายแข็งแรง จติ ใจสดใส ปลอดภยั · ไดพ้ ัฒนาการด้านรา่ งกาย จติ ใจของเดก็ อย่างถูกต้องเหมาะสมตามวัยทัง้ 4 ดา้ น สติปัญญา (IQ) ความ ฉลาดทางอารมณ์ สงั คม (EQ) คุณธรรม จริยธรรม (MQ) ด้านร่างกาย (PQ) · ทักษะ ความอสิ ระทางความคดิ และการแก้ปัญหา (creative idea and solution) · การเรียนรูบ้ ทบาทของการด�ำเนนิ ชีวิตจาการเล่นสมมตุ ิ เปน็ พอ่ แม่ พ่ี น้อง ลูก · สร้างเสรมิ ความรกั ความสมั พันธ์ ได้สายใยรกั และความผกู พันภายในครอบครวั พ่อ แม่ ลกู (เล่นด้วยกัน) หลักการและวธิ ีการสำ� คัญ ข้ันตอนสำ�คญั จุดสำ�คัญ 1. การเตรยี มความพรอ้ ม : เตรยี มสถานที่ สภาพแวดลอ้ ม สร้างบรรยากาศความคุ้นเคย · สถานท่สี ะอาด บรรยากาศผ่อนคลาย ลดความเครียด และปลอดภัย · ต้องอยู่ เฝา้ ดูเดก็ ตลอดเวลาไมใ่ ห้คลาดสายตา แมแ้ ต่ นาทเี ดยี ว เช่น ไปรบั รบั โทรศัพท,์ ไปหยบิ ของในตู้เย็น หวั ลกู ทม่ิ ลงถังน�้ำ....ตาย เปดิ สมอง : ปล่อยเด็กเล่นตามอัธยาศรยั · ระยะเวลาการเลน่ : ยืดหยุ่นได้ ไมม่ ีก�ำหนด กฏเกณฑ์ 2. การนำ� เข้าสบู่ ทเรียน : ผู้สอนพดู คยุ ซกั ถาม ตายตัว ขน้ึ อย่กู ับ ความพรอ้ ม ความสนใจ ความสขุ ความสนุกเพลิดเพลินของเดก็ อายเุ ด็ก สง่ิ ทชี่ อบ เปน็ ต้น ดแู ลระวงั ความ ปลอดภัยของเด็ก โดยพ่อแมแ่ ละผูเ้ ล้ยี งดูเด็ก · สงั เกต แววตา สหี น้าท่าทาง ความสนใจ ถา้ เดก็ ไม่ อยากเลน่ ไมค่ วรบงั คับ 185 BBLProof

ขั้นตอนสำ�คัญ จดุ สำ�คัญ · ผู้สอนใช้ภาษาทสี่ ัน้ กะทัดรัดเขา้ ใจงา่ ย 3. การใหอ้ งคค์ วามรู้ : ผูส้ อนให้ความร้อู ุปกรณ์ของ · เครื่องใช้ในบา้ นทส่ี ะอาด ปลอดภยั เฝ้าสังเกตดคู วาม เล่นท่เี หมาะกับวัยตา่ งๆ หยิบมาอะไรกเ็ ล่นได้ และวธิ ีการเลน่ ชอบ สนใจ ความถนัด ความคิดสรา้ งสรรค์ และ : อปุ กรณ์การเลน่ ของที่หางา่ ยในบ้าน หรอื ความสามารถพเิ ศษ แววอจั ฉริยะ (Gift) ของเด็กใน ชุมชนไมจ่ ำ� เป็นตอ้ งซอื้ อุปกรณ์ทมี่ รี าคาแพงควร ของเลน่ และการละเลน่ ชนดิ นน้ั ๆ ถูกตอ้ งเหมาะสมตามวัย ทงั้ มีชีวิต และ ไม่มีชีวิต มีชวิ ิต : ตวั พอ่ แม่ ปู่ ยา่ ตา ยาย เปน็ ของเล่นที่ · เปดิ โอกาสใหไ้ ดท้ ดลอง ทดสอบเล่นของเลน่ ชนดิ ตา่ งๆ วเิ ศษท่สี ดุ ทห่ี ลากหลาย : สัตวเ์ ลี้ยง : ตน้ ไม้ ใบไม้ ลูกไม้ · เฝา้ ดูความสนใจ ความสามารถพเิ ศษ (gift) ไม่มีชวี ติ · พละ ศิลปะ ดนตรี เป็นรากฐานและฐานรากทส่ี �ำคญั : ทีม่ อี ย่ตู ามธรรมชาติ ภายในบา้ น บรเิ วณ บา้ น หรอื ในสวนสาธารณะ มาก ๆ สกู่ ารเรยี น ภาษา คณิต วิทย์ สงั คม และ : ทราย วชิ าชีพทุกสาขา : ดนิ เหนยี ว · พอ่ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ตอ้ งแบง่ เวลามาเลน่ กับเดก็ : ก้อนหนิ เช่น ก่อกองทราย ชว่ ยกันประดษิ ฐ์ของเล่นเอง : ชอ้ น ชาม ขวดพลาสตกิ เปล่า / มีนำ�้ (ตามใบความรูท้ ี่ 1) 4.การสะทอ้ นกลบั และทดสอบความรคู้ วามเข้าใจ: ให้ผ้เู รียนเขา้ มุมของเลน่ ซ่งึ มี 3 หมวดหมู่ คือ พละ ศิลปะ ดนตรี ชนดิ ของของเล่นตอ้ งหลาก หลาย ในแตล่ ะหมวดหมู่ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม ตามวยั ของเดก็ เช่น เครื่องดนตรี ต้องมีท้ังชนิด ดดี สี ตี เปา่ เคาะ ศิลปะ ปนั้ แปะ ระบาย สี วาด (อาจจะมีการประดษิ ฐ์ของเลน่ พื้นบ้าน ดว้ ยตนเอง) 5. การสรุป : ช่วยกันสรปุ ประเดน็ ความสำ� คัญของ การเลน่ ทชี่ ่วยสง่ เสริมพัฒนาการ พอ่ แม่ ปู่ ยา่ ตา ยาย เหน็ ความสำ� คญั ของการเลน่ ทช่ี ว่ ยสร้าง เด็กให้เจริญเตบิ โตอย่างมคี ณุ ภาพ : แนะนำ� ของเลน่ ท่ีเลอื กใหเ้ ดก็ ตามวยั ในกรณีที่ มงี บน้อย : การทำ� ของเล่นใหเ้ ด็กตามวยั 186 BBLProof

ความสอดคลอ้ งของกจิ กรรมตามหลักการพฒั นาสมอง Brain-based Learning (BBL) เดก็ ไดอ้ าหารกาย อาหารใจในสดั สว่ นทถี่ กู ตอ้ งเหมาะสมตามวยั และชว่ งอายุ ดงั นนั้ เดก็ จะเจรญิ เตบิ โตสมวยั มีความรู้ ความสามารถ มีทกั ษะในการท�ำงาน การแก้ปญั หาทุกสาขาวิชาชีพ เป็นบคุ ลากรที่ส�ำคัญของประเทศ ระยะเวลา 30 นาที สื่ออปุ กรณ์ 1. เคร่อื งดนตรี ชนดิ ตา่ ง ๆ ดดี สี ตี เปา่ เคาะ 2. กระดาษวาดรปู สเี ทยี น (non toxic) กาว รปู สำ� หรบั ตดั แปะ แปง้ โดว์หรอื ดนิ น้�ำมนั (non toxic) การประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรมของผู้เรียน 2. ความสนใจและการแสดงความคดิ เห็นของผู้เรียน 3. ใบประเมินความพงึ พอใจ 187 BBLProof

ใบความรู้ที่ 3 การเลน่ ของเดก็ หมายถึง กิจกรรมหรอื การกระท�ำใดๆทใ่ี หค้ วามสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ แกเ่ ด็ก โดยไม่คำ� นงึ ถงึ ผลซ่ึงเกิดขึ้นเป็นวิธีการเรียนรู้อย่างหน่ึงที่เป็นธรรมชาติการเล่นมีความส�ำคัญอย่างย่ิงต่อชีวิตเด็ก เพราะการเล่นเป็น สัญลักษณ์ของการถ่ายทอดประสบการณ์เด็กซ่ึงเป็นการตอบสนองความต้องการของเด็กในปัจจุบันแต่และถ่ายโยง ประสบการณน์ ไี้ ปยังอนาคต การเล่นของเด็กเป็นสิ่งท่เี กิดขึน้ เอง โดยไม่มีการบังคับ เด็กต้องการเล่นอยู่ตลอดเวลาโดย ไม่ก�ำหนดเวลาและเด็กมีความสุขเมื่อได้เล่น การเล่น นอกจากจะเป็นธรรมชาติของเด็กแล้วยังเป็นสิ่งที่น�ำไปสู่วิถีการ ดำ� เนนิ ชวี ิต เมอื่ เตบิ โตเปน็ ผูใ้ หญ่ นำ� ไปสูก่ ารรจู้ กั รับผดิ ชอบต่อตนเอง เรยี นรู้ ระเบยี บวนิ ยั รจู้ ัดควบคมุ อารมณ์ถ่ายถอด จนิ ตนาการ นอกจากนก้ี ารเลน่ ยังชว่ ยสง่ เสริมพฒั นาการด้านตา่ งๆ ของร่างกาย การเล่นของเด็กแตล่ ะช่วงวัย ข้อควรระวัง อายแุ รกเกิด – 4 เดอื น : ของเลน่ /- แขวนโมบายหรือ · ควรเปน็ วัสดุอปุ กรณ์ท่ที �ำจากผ้าหรอื เศษวัสดุ ปลาตะเพยี นสีสวยใสหมนุ แกวง่ ไปมา มีเสยี งเพลง กระดาษสีสดใส ควรผกู อย่างแนน่ หนาไมล่ ว่ งหล่น อายุ 4-8 เดอื น มาใส่เด็กได้ : ใหเ้ ดก็ คว้าจบั สมั ผสั กำ� เคาะ เขย่า · ตกุ๊ ตาหรอื ลกู บอลควรนม่ิ และมเี สียง กรงุ๋ กรงิ๋ หรอื บบี เพื่อใหเ้ กิดเสยี ง ของเล่นที่มผี วิ สมั ผัส แตกต่างกนั ไมแ่ หลมคมเป็น : ของเล่นทเ่ี คล่อื นไหวไดก้ ลิง้ ไปมาได้ อันตรายตอ่ เด็ก / สามารถกดั ไดไ้ ม่ฉกี ขาดงา่ ย สไี ม่ : ของเลน่ ท่ีกดั ได้ เปน็ อนั ตรายต่อเด็ก / ตวั ผูเ้ ล้ยี งเป็นของเลน่ ที่สำ� คัญ : กระจกเงา อ้มุ เด็กยืนหน้าเงาแล้วชใี้ หเ้ ดก็ มองดู ท่ีสดุ สำ� หรับเดก็ ท�ำให้เด็กได้อาหารใจ มีความ ตัวเอง ม่ันใจในความรักความอบอุน่ ควรเล่นกับลกู อย่าง : ใบหนา้ ผู้เล้ยี งดู / ตวั ผู้เลี้ยง เล่น สม�่ำเสมอ ลูกจะไดร้ ับประสาทสัมผัสทงั้ กอด หอม กบั เด็กเลน่ ตบมอื ร้องเพลง เหน็ ได้ยินเสียง อายุ 8-12 เดือน · เปน็ จงั หวะเพลงออกท่าทาง ลกู จะไดม้ ีการ : พ่อแม่ /ผู้เล้ยี งดู พาเล่นปรบมอื เลน่ จับปูด�ำ เคลื่อนไหวเป็นการสง่ เสรมิ พฒั นาการกลา้ มเนอ้ื มดั เสียง พอ่ แม่ รอ้ งเพลง เสียงเพลง เล่นจ๊ะเอ๋ เลน่ ใหญ่ /มัดเลก็ ศลิ ปะ ภาษา จังหวะ ดนตรี สังคมสิง่ ซ่อนของเอาผ้าคลุม รอบตัวท่ีหายไปแลว้ กลับมา ถา้ เป็นส่งิ ของควรแข็ง : ของเล่นที่กลง้ิ ไปมาได้ ของสิง่ ของทเ่ี คล่ือนทีไ่ ด้ แรงทนทานไม่แตกหกั ง่าย สะอาด สไี มเ่ ปน็ อนั ตราย เชน่ ลกู บอลผา้ หรือพลาสติก รถไขลาน ของเลน่ ต่อเด็ก เพราะเด็กอาจน�ำเข้าปากได้ ทล่ี ากจงู : ถว้ ย ชาม ชอ้ น แกว้ พลาสตกิ ใหเ้ ด็กเล่นโดยฝกึ ใช้ มอื หยบิ จบั สิ่งของใส่แก้วเพ่ือเป็นการใช้กล้ามเนอื้ มือและตาประสานกัน 188 BBLProof

การเล่นของเด็กแตล่ ะช่วงวยั ข้อควรระวงั · ต้องแข็งแรง ทนทาน ไม่พัง ไมแ่ ตกหกั ง่าย อายุ 1-3 ปี · ชอบขดี เขยี น ต้องดแู ลการกัด แทะ อม สีเทยี น สี : รถไม้ กลอ่ งกระดาษตอ่ เป็นขบวน จกั รยาน สามล้อ ของเลน่ ทลี่ ากจูง อยู่ไม่น่งิ ชอบเดนิ เล่น ควรไมเ่ ป็นอนั ตราย ของเลน่ ทีล่ ากจงู ไปมาได้ · ควรเฝ้าดอู ยู่ห่าง ๆ พดู กระตุน้ ชมเชย บา้ งเพ่ือใหม้ ี : กลอ่ งกระดาษ กระปอ๋ งแป้งพลาสติก ลูกบอล เล็ก กระดาษ คอ้ นตอก เด็กวัยนชี้ อบขวา้ งปา ก�ำลังใจ และความคดิ สร้างสรรค์ ส่ิงของ · ระวงั อุบตั เิ หตุท่ีอาจจะเกดิ ข้ึน ทรายควรเป็นทราย : ตดั ตอ่ งา่ ยๆ ไมบ้ ลอ๊ ก กลอ่ งมีรูปใส่บลอ็ ก สีเทียน แท่งใหญ่ กระดาษ- ชอบเลน่ คนเดยี ว ใหเ้ ลน่ ของ ทไ่ี มม่ ีเศษของแหลมคม เล่นท่สี รา้ งสรรคอ์ ยา่ งอสิ ระ · พ่อแม่/ผู้ดแู ลเด็กควรมสี ว่ นร่วมในการดหู นังสอื : ของเลน่ จากธรรมชาติ เช่น น�้ำ ทราย ปลอ่ ยให้ เด็กใชข้ องพลาสตกิ ตกั น้�ำ ตกั ทรายเล่น ละเลง เพ่อื ใหเ้ ด็กมีความสขุ สนุกสนาน และมคี วามสนใจ ทรายตามอสิ ระ ยาวนานข้นึ เรื่อยๆ เพราะเด็กวัยน้เี บ่อื ง่าย : ตกุ๊ ตามีเส้ือถอดได้ของใช้ในบา้ น เคร่ืองครวั จ�ำลอง เดก็ ชอบเล่นบทบาทสมมติ : หนังสอื นทิ านรปู ภาพเหมือนจรงิ ควรชักชวน และ ชร้ี ปู ภาพใหเ้ ด็กดู สอน ให้ร้จู ักค�ำเรียก รปู ร่าง ลักษณะ อายุ 3-5 ปี · ใหเ้ ด็กเลน่ อย่างอิสระ ดว้ ยของเล่นเสริมทักษะด้าน : เคร่ืองเลน่ สนาม ชิงชา้ ไมล้ ่นื ทีป่ ีนป่าย จักรยาน ตา่ งๆ สามลอ้ ของเล่นท่เี ลียนแบบการกระทำ� ของผู้ใหญ่ · ต้องดแู ลอย่างใกลช้ ิด ระวังอุบตั เิ หตทุ ี่อาจจะเกิดข้นึ ชอบว่งิ กระโดดและปีนปา่ ย · แนะนำ� ด้วยเหตผุ ล : ภาพตดั ต่อ ไมบ้ ลอ็ ก รปู ของตา่ งๆ ตัวตอ่ · ให้เดก็ ร้จู ักสำ� รวจ ทดลองสิ่งรอบตัวดว้ ยตนเอง พลาสติกของเล่นท่ใี ช้กลไกของเลน่ ท่ีต่อขน้ึ เอว · พอ่ แม/่ ผู้ดแู ลเด็ก ควรมสี ว่ นรว่ มเพ่อื ให้มีความ : เกมตัวเลข เกมตัวอกั ษรใหเ้ ด็กดภู าพตวั เลข ตวั สนุกสนาน มคี วามสนใจยาวนานข้นึ เรอ่ื ยๆ เพราะ อกั ษร และให้สังเกต ความแตกตา่ งของลักษณะ เด็กจะเบอื่ งา่ ย แตล่ ะตวั 189 BBLProof

กิจกรรมที่ 5 : เลา่ นิทาน สร้างปญั ญา พฒั นาสมองเดก็ พริมา สารสุทธกุล, มัญชุช์ ยา ชวาฤทธิ์, นนธนวนัณท์ สุนทรา กจิ กรรมนีท้ �ำเพอ่ื · เพ่ือกระตุ้นพฒั นาการแก่เด็ก ด้วยการเล่านทิ านให้ลกู ฟงั ฉลาด เรียนรู้เรว็ เพราะหนงั สือคอื อาหารสมอง และอาหารใจ ทีจ่ ะทำ� ให้เด็กมคี วามสขุ · เปน็ การสรา้ งนิสัยรักการอ่านใหแ้ กเ่ ดก็ ซึง่ เป็นการสรา้ งพื้นฐานส�ำคัญของชีวิต · เป็นการสรา้ งเสรมิ สายใยรกั ในครอบครวั สิง่ ทไี่ ด้จากการท�ำกิจกรรมนี้ · พัฒนาทกั ษะการฟงั และการพูด มีสมาธิรู้จักส�ำรวจใหจ้ ดจ่ออยูก่ ับเร่อื งท่ฟี งั รู้จกั สร้างจินตนาการ · พัฒนาสมองจากการเล่านิทาน ซึ่งเปรียบเสมือนอาหารม้ือหนึ่งของวันเพราะเป็นทั้งอาหารสมอง และ อาหารใจ · ได้เทคนคิ และทกั ษะในการเลา่ นทิ าน และการเลือกนทิ านทเ่ี หมาะสมกบั วยั · เกดิ สายสมั พันธ์ทีด่ รี ะหว่าง พ่อ-แม่-ลกู การเล่านทิ านเปรียบเสมือนสายใยผูกพนั เพราะการเลา่ นิทาน แม่ เพียง 5-10 นาที แต่ผลทม่ี ีตอ่ ลกู และความสขุ ในครอบครัวนน้ั มหาศาล หลักการและวิธกี ารส�ำคัญ จดุ สำ�คญั ขั้นตอนสำ�คญั · สะอาดปลอดภัย ไม่รอ้ นไม่เย็นจนเกินไป ไมม่ เี สียง 1. การเตรยี มความพรอ้ ม : เตรยี มสถานทีใ่ หผ้ เู้ รียน ดงั รบกวน อากาศปรอดโปร่ง : เตรยี มสอื่ และอปุ กรณก์ รเพอ่ื เลา่ นทิ าน · สื่อและอปุ กรณต์ ้องเหมาะสมกบั วยั เรา้ ความสนใจ : เตรียมสถานท่ีเพื่อเป็นตวั อย่างในการจัดมมุ · จัดมมุ หนงั สอื ตามบริบท จดั ตวั อย่างหนังสอื นทิ าน หนังสอื ทบ่ี ้านตามความเหมาะสม ตามวัย เปิดสมอง : เปดิ เพลงเบาๆ ใหพ้ ่อแม่/ผ้ดู แู ลเดก็ · ภาพตุ๊กตา สตั ว์ พชื วัสดุเหลือใช้ ไดแ้ ก่ กล่อง อุ้มลูกกอดไวแ้ นบอก ให้นกึ ภาพอนาคตเหน็ เด็กตวั น้อยๆ ก�ำลังทำ� กิจกรรมทโ่ี รงเรียน ประดาษ กง่ิ ไม้ ภาพพลกิ ห่นุ จ�ำลอง ตกุ๊ ตา หนา้ กาก : กระตุ้นความสนใจ โดยเปดิ คลปิ เดก็ ฉลาด ท�ำเป็นรปู ละคร นิ้วมอื หรือรา่ งกายพอ่ แม่ ประกอบ สามารถหยบิ บตั รคำ� ตามคำ� สงั่ ได้ อา่ นนิทาน เลา่ การเลา่ เรื่อง นิทานเองได้ · ควรเปน็ เพลงที่เกย่ี วกับความรกั ความผูกพัน เพอื่ สร้างบรรยากาศ อบอุน่ เป็นกันเอง (ไฟสลวั ,ต้นไม้ จรงิ ดีกวา่ ตน้ ไมป่ ลอม) · สงั เกตการณผ์ อ่ นคลาย · การมสี ่วนรว่ ม ความสนใจ 190 BBLProof

ขัน้ ตอนสำ�คัญ จดุ สำ�คัญ 2. การน�ำเข้าส่บู ทเรียน : สร้างความคุ้นเคย โดย · สังเกตสหี นา้ แววตา ท่าทาง นำ้� เสยี ง ของผูเ้ รียน แนะน�ำตนเองทั้งผู้เรยี นและผู้สอน · ไมค่ วรถามเจาะจง บงั คับให้ใครตอบ แต่คอยกระตุ้น :ผูส้ อนสอบถามผเู้ รยี นว่า “ท่านใดเคยอา่ นหนงั สอื ให้ทกุ คนมีสว่ นร่วม นิทานใหล้ กู ฟงั บา้ งคะ” “ อ่านอยา่ งไร , ซอื้ นิทาน ใหล้ ูกบ้างหรือยังคะ” 3. การให้องค์ความรู้ : ผสู้ อนอธิบายถงึ ความสำ� คญั · ต้องไมม่ สี ่ิงรบกวน ผู้สอนตอ้ งคอยสังเกต สีหน้า ของการอา่ นหนังสือใหล้ ูกฟงั การจัดมมุ หนงั สอื ท่ีบ้าน ท่าทาง ของผู้เรยี น เพ่อื ประเมนิ ความเข้าใจ การเลอื กหนังสอื นิทาน เทคนคิ การเล่านิทาน (ตามใบ สั้นกะทัดรัด เข้าใจง่ายนา่ จดจำ� ความรทู้ ี่ 5) 4. การสะท้อนกลับและทดสอบความรคู้ วามเขา้ ใจ : · ถ้าท�ำถกู ให้บอกวา่ ถกู ตอ้ ง เหมาะสมแล้ว ถา้ ไมถ่ ูก - ตง้ั โจทยใ์ ห้พ่อแม/่ ผดู้ ูแลเด็กเลอื กสถานที่ / มมุ บอกว่าไมถ่ กู พร้อมอธิบายเหตผุ ลเพม่ิ เตมิ หนังสอื เลือกหนงั สือนทิ านทจี่ ะอา่ นใหล้ กู ฟังตาม ความชอบของแต่ละครอบครวั แลว้ ถามเหตุผล - ให้พ่อแม/่ ผู้ดแู ลเด็ก อ่านหนังสือนิทานตามความ ถนัดทเ่ี ล่าใหล้ กู ฟงั - ผู้สอนอ่านนิทานให้ฟัง และให้พอ่ แมแ่ ละผู้ดูแลเด็ก · ต้องสงั เกตแววตา สหี นา้ ท่าทาง นำ้� เสียง ไมค่ วร พูดประโยคนัน้ ตามดว้ ยวิธีการและลีลาการเลา่ : เวน้ จงั หวะการเล่านทิ านใหน้ าน เพราะจะทำ� เดก็ เบื่อ · ใช้นำ้� เสยี ง สีหนา้ ทา่ ทาง ใหม้ ี Feeling · ไม่ควรมคี ำ� ถามหรอื ค�ำพูดอื่น ทเ่ี ปน็ การขดั จงั หวะ แสดงใหส้ อดคลอ้ งกับลักษณะของตวั ละคร จะทำ� ใหเ้ ดก็ หมดสนกุ ถา้ เดก็ เบอ่ื ให้เปลย่ี นเร่ืองเลา่ อาจมีอุปกรณช์ ว่ ยหรอื ไม่มีก็ได้ ไม่ควรบังคบั ใหฟ้ งั สำ� เนียงภาษา ชัดเจน ถกู ตอ้ ง เปน็ แมแ่ บบใหเ้ ดก็ ได้ เรยี นรูภ้ าษา 5. การสรุป : เปิดโอกาสใหพ้ ่อแม่/ผดู้ ูแลเด็ก รว่ มกนั · กระต้นุ ใหท้ ุกคนมีสว่ นร่วม ไม่ตำ� หนใิ ห้เขินอาย ประเมนิ ตนเองว่าอะไรที่คิดว่าเป็นจดุ ดี และควร ชมเชยให้สิง่ ท่ดี ี พัฒนาเร่อื งอะไร - ได้อะไรบ้างจากการทำ� กิจกรรมน้ี · ส้นั กระชบั เข้าใจงา่ ย นา่ จดจำ� · แจกแผ่นพับ เกดิ ปบุ๊ อา่ นปั๊บ? (หรือแผ่น · แผน่ พับ สน้ั กระชบั มรี ปู ภาพ น่าสนใจ พับอนื่ ) 191 BBLProof

ความสอดคล้องของกจิ กรรมตามหลักการพัฒนาสมอง Brain-based Learning (BBL) - เดก็ มีทกั ษะในการฟงั - ได้เรยี นรดู้ า้ นภาษา การเล่านทิ าน มีความสำ� คญั ในฐานทีเ่ ปน็ กลไกในการดึงพ่อ แม่ ลกู ใหไ้ ดใ้ กลช้ ดิ กันเป็นการสรา้ งสายใยรกั ใน ครอบครวั ครอบครวั เขม้ แขง็ ซงึ่ เปน็ พนื้ ฐานหลกั ของชวี ติ เดก็ ซงึ่ ไดเ้ รมิ่ รจู้ กั ตงั้ แตย่ งั เปน็ ทารก มใิ ชใ่ หเ้ ขาอา่ นเอง เนอ่ื งจาก เขายงั อ่านหนังสอื ไมเ่ ปน็ แตพ่ อ่ -แม่ ตอ้ งอา่ นให้ลูกฟัง และตอ้ งมกี ระบวนการท่ีทำ� ให้พ่อแม่ ถ่ายทอดส่เู ดก็ ต้ังแตย่ งั เล็ก เพ่ิมกระบวนการเรียนรู้กับเซลล์สมองเด็ก ช่วยยกระดับสติปัญญาและจิตใจของเด็กช่วยกล่อมเกลาให้ความรู้สึกนึกคิด คุณธรรม จริยธรรม สงิ่ ส�ำคัญกค็ อื การสอื่ ให้เดก็ ไดร้ ับรูถ้ ึงอรรถรสของภาษาและเรอ่ื งคณุ งามความดีทมี่ อี ยใู่ นนิทาน ระยะเวลา 30 นาที สอ่ื อปุ กรณ์ 1. หนงั สือนิทาน 2. ใบความรู้ภาพ การประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมของผู้เรียน 2. ความสนใจและการแสดงความคดิ เห็นของผู้เรยี น 3. ใบประเมินความพงึ พอใจ 192 BBLProof

ใบความร้ทู ี่ 4 หนงั สอื ...มคี วามสำ� คญั มากตอ่ พฒั นาการของเดก็ เปรยี บเสมอื นอาหารมอื้ หนง่ึ ของวนั และเปน็ อาหารมอ้ื สำ� คญั มากเพราะเป็นท้งั อาหารสมองและอาหารใจของลูก การอ่านหนังสือให้ลกู ฟังทุกวัน-ภาษาที่ลูกไดฟ้ ัง ได้ซึมซบั รบั รู้เปน็ สะพานที่พอ่ แมเ่ ช่อื มโยงใหล้ ูกเขา้ สกู่ ารผจญภยั ความต่ืนเต้น สนกุ สนาน สรา้ งจินตนาการอันเป็นรากฐานทส่ี ำ� คญั ของ ชีวิตเทา่ ๆกับการเชือ่ มโยงความสัมพนั ธข์ องพ่อแม่ลกู เข้าดว้ ยกัน หนังสือมบี ทบาทสำ� คัญตอ่ การเสริมสร้างพัฒนาการเด็กในทุกดา้ น · ดา้ นร่างกาย จากการอา่ นหนงั สอื ให้เดก็ ฟงั เด็กจะได้บริหารรา่ งกายตามเรื่องราวของหนงั สอื ทำ� ใหอ้ วยั วะ สว่ นตา่ งๆของร่างกายแขง็ แรง · ด้านอารมณ์และจิตใจ จากอ่านหนังสือให้เด็กฟังเด็กจะรู้สึกสนุกและมีความสุขที่ได้ฟังเรื่องราวหรือท่อง บทกลอนและแสดงท่าทางอย่างอิสระตามความตอ้ งการเด็กจะมอี ารมณด์ ยี ้มิ แยม้ แจม่ ใส · ด้านสงั คม สรา้ งความสัมพันธใ์ นครอบครวั และสังคมรอบด้าน · ดา้ นสตปิ ญั ญา การอา่ นหนงั สอื จะชว่ ยใหเ้ ดก็ สามารถจดจำ� ถอ้ ยคำ� จำ� ประโยคและเรอื่ งราวในหนงั สอื ได้ รจู้ กั เลียนแบบคำ� พดู เขา้ ใจความหมายของเร่อื งทอ่ี ่าน รู้จกั คดิ และจนิ ตนาการ · ด้านภาษา การทใ่ี ห้เดก็ ไดม้ โี อกาสดูหนังสือภาพและผ้ใู หญอ่ ่านคำ� อธิบายประกอบภาพให้เด็กฟงั ใหเ้ ดก็ ได้ คนุ้ เคยกบั คำ� และเสย่ี ง และสงั เกตความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเสยี ง ความหมายและภาพจะชว่ ยใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ ฝนการ พดู รจู้ กั คำ� ศพั ทแ์ ละการใชภ้ าษา ตลอดจนรจู้ กั สงั เกตรายละเอยี ดตา่ งๆของภาพและหาความหมายจากภาพ การเลือกหนังสอื นิทานตามวัย ข้อควรระวงั แรกเกิด – 3 เดอื น : หนงั สือทม่ี ีรูปภาพโตๆ และชดั เจน ควรท�ำดว้ ยกระดาษหนา และมีความทนทาน หรอื เป็น มสี สี ัน หรือสีขาวดำ� ตามแบบภาพเหมอื นจริง หนงั สอื นุ่มนวล เป็นหนังสอื ผา้ หนังสือพลาสตกิ หนงั สือ อายุ 4-6 เดอื น : หนงั สือท่ีมีรปู ภาพสีสดตดั กบั สีพน้ื ฟองนำ้� ควรท�ำด้วยผา้ หรอื กระดาษแข็ง เป็นภาพสิง่ ของใกล้ ตัวเด็ก อายุ 7-9 เดอื น : หนังสือเลม่ หนาแต่มีขนาดกะทดั รัด ท�ำดว้ ยกระดาษหนาๆ เพราะจับได้เต็มมอื มคี วาม เหมือนแท่งสเ่ี หลยี่ ม เปดิ พลิกไดง้ ่ายๆ ภาพภายใน ทนทาน หนงั สอื ชดั เจน เร่ืองราวงา่ ยๆ เป็นเร่ืองใกล้ตวั เด็ก อายุ 9-12 เดือน : เน้อื เรอื่ ง นา่ สนใจ เพราะเนอื้ เร่ืองจะ ท�ำดว้ ยกระดาษแขง็ อาบมันและเปดิ เองได้ง่าย เริม่ ดงึ ดดู ความสนใจของเดก็ เด็กเรม่ิ รู้จักจ�ำ เริม่ เขา้ ใจ และรจู้ ักเช่อื มความสมั พนั ธร์ ะหว่างวตั ถุกับเหตุการณ์ 193 BBLProof

การเลือกหนงั สอื นทิ านตามวยั ข้อควรระวงั อายุ 1 ปี : หนงั สือทเี่ หมาะสมกบั วัยนี้ จงึ ควรเป็น - ไมค่ วรเปน็ ภาพนามธรรม ภาพเหมอื นของรูปส่งิ ของในชีวิตประจ�ำวนั ผลไม้ สตั ว์ - ภาพสลี กู กวาดที่ไมม่ ีความหมาย ส่ิงของ มคี วามสวยงาม - ไมค่ วรมสี ว่ นประกอบภาพทรี่ กรงุ รงั อายุ 2 ปี : หนังสือภาพทีเ่ กี่ยวกบั ชีวติ ประจำ� วนั เกย่ี ว วัยนีเ้ ปน็ วัยท่เี ด็กมปี ระสาทหดู ีมาก และจดจำ� เสียง กับสตั วแ์ ละสิ่งของ การใช้ภาษาเปน็ จังหวะ คำ� คล้องจอง ต่าง ๆ ได้ดี ถ้ามีเสียงดนตรปี ระกอบดว้ ยจะดีมาก หรือค�ำกลอนสำ� หรับเดก็ อายุ 3-4 ปี : หนังสอื นทิ านก่อนนอนทมี เี นือ้ เร่อื งเดมิ ๆ เดก็ มีพัฒนาการภาษาทรี่ วดเร็ว มจี ินตนาการสร้างสรรค์ ซ�ำ้ แลว้ ซำ�้ อีกของทุกคืน อาจคืนละหลาย ๆ ครั้ง โดย เด็กจะให้อ่านซำ้� แลว้ ซ�ำ้ อีกไม่รูจ้ กั เบอื่ ท้งั ๆ ท่จี �ำเรือ่ งได้ เน้ือหาจะคงเดมิ เพยี งแตเ่ พิ่มรายละเอยี ดเลก็ ๆ นอ้ ย ๆ ควรสง่ เสริมการเรียนร้ดู ้วยการเลือกนิทานท่ีเหมาะสมกับ เพ่ือให้เรือ่ งสนุกสนานตามสถานการณ์ วยั 194 BBLProof

กิจกรรมท่ี 6 : ลูกรกั พัฒนาการสมวยั สมองสดใส เก่ง ดี มคี วามสขุ พรมิ า สารสทุ ธกลุ , มญั ช์ชุ ยา ชวาฤทธ์ิ, นนธนวนัณท์ สนุ ทรา กิจกรรมนีท้ �ำเพือ่ ใหพ้ อ่ แม/่ ผ้ดู แู ลเด็ก · มีความร้คู วามเข้าใจพฒั นาการตามวัยของลกู · มที กั ษะในการเลยี้ งดลู กู ใหไ้ ดอ้ าหารกาย อาหารใจ และประเมนิ สง่ เสรมิ พฒั นาการตามวยั ของลกู ไดอ้ ยา่ ง ถูกต้องเหมาะสม ครบทง้ั 4 ดา้ น · สามารถตรวจคน้ ความผิดปกติ หรอื พัฒนาการล่าช้าของลกู ไดด้ ้วยตนเองและพาพบแพทยไ์ ด้ทนั ทว่ งที สิ่งทไ่ี ด้จากกิจกรรมน้ี · เดก็ ไดร้ ับอาหารกายอาหารใจ มีพัฒนาการสมวัยตามเกณฑม์ าตรฐานการประเมินทุกช่วงอายุ · เดก็ เติบโตสมวยั แขง็ แรง จติ ใจเขม็ แข็ง สมองดี มีคุณภาพ มศี กั ยภาพ พฒั นาสู่ความเป็นอจั ฉริยะ · พ่อแม่/ผู้ดูแลเด็กมีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูเด็ก เป็นการสร้างเสริมสายสัมพันธ์ของครอบครัว เจริญเติบโต เขม็ แขง็ มน่ั คง หลกั การและวธิ กี ารส�ำคญั จดุ สำ�คญั ขัน้ ตอนสำ�คัญ · สถานท่ี สะอาด ปลอดภัย ไมม่ มี ลพิษทาง 1. การเตรียมความพรอ้ ม : ผู้สอนสร้างความคุน้ เคย โดย เสยี ง ทางอากาศ แนะนำ� ตวั เองทัง้ ผเู้ รยี นและผสู้ อน พร้อมท้ังส่มุ ถาม · สงั เกต แววตา ท่าทาง ความสนใจ ความรว่ ม ประสบการณ์ ในการเลย้ี งลูก เช่น - ลกู คุณแมอ่ ายุเท่าไรคะ? มือของผู้เรยี น - ตอนนน้ี ้องทำ� อะไรได้บา้ งคะ? · ไม่เฉพาะเจาะจง สร้างความเป็นกันเอง ย้ิม - ใหอ้ าหารลกู อะไรบา้ งคะ? - เล่านิทานใหล้ กู ฟังบ้างหรือเปลา่ คะ? แยม้ ใหผ้ ้เู รยี นรสู้ กึ อยากตอบ หรอื อยากเล่า ประสบการณ์ ที่เคยปฏบิ ัติมา เปิดสมอง : เปดิ วดี ิทัศน์ เรือ่ ง “เล่น เสริมสายใยรัก” ให้ · สังเกตความผ่อนคลาย ความสนใจของผ้เู รียน ผู้เรยี นชม จบแล้วนง่ั หลบั ตาทำ� สมาธิ 1 นาที · ถามทลี ะครอบครัว ถา้ ไม่ตอบไมค่ วรบีบค้นั 2. การน�ำเขา้ สบู่ ทเรยี น : ผู้สอนต้ังคำ� ถามให้ผเู้ รยี นชว่ ยกัน ใหต้ อบ ตอบ “ ในความคดิ คณุ พ่อคณุ แมค่ ำ� ว่า”พัฒนาการ”หมาย ถึงอะไร คะ? (ไม่มีถูก ไมม่ ีผดิ ค่ะ เพ่ือเราจะไดเ้ ขา้ ใจตรง กนั คะ่ )” ลดความตึงเครียด : สรา้ งสัมพนั ธภาพระหวา่ ผูส้ อนและผู้ เรียนดว้ ยการพูดคยุ ซักถาม เรื่องทวั่ ๆไป พรอ้ มใหแ้ นะนำ� ตัวทลี ะครอบครวั 195 BBLProof

ขนั้ ตอนสำ�คัญ จดุ สำ�คัญ 3. การให้องคค์ วามรู้ : ผู้สอนบรรยายเรื่อง · บรรยายส้ันกะทัดรัด เข้าใจง่าย · ควร เปน็ กลุ่มวยั เดียวกันทม่ี ารับบรกิ าร “พัฒนาการเดก็ ” 4. การสะทอ้ นกลบั และทดสอบความรูค้ วามเข้าใจ : ผ้สู อน กระตุ้นใหพ้ ่อแม่/ผูด้ แู ลเดก็ รว่ มในการท�ำ กจิ กรรม แบง่ กลมุ่ 2-3 กลมุ่ ตามจ�ำนวนผเู้ รียน แลว้ นำ� บตั รคำ� · เปดิ โอกาสใหซ้ กั ถาม พัฒนาการเด็ก - ใหเ้ ลอื กบตั รคำ� พฒั นาการของเดก็ ตามชว่ งอายุ 1-2, · ถา้ ครบถ้วนกบ็ อกว่าถูกต้องเหมาะสมดแี ลว้ ถา้ ไมค่ รบถ้วนก็อธบิ ายเพ่ิมเติมให้ครบถว้ น 4-6, 9-12 เดอื น, 1-3 ปี - ให้ผูเ้ รยี นแลกเปลี่ยนการเรยี นรู้ 5. การสรุป : ผ้สู อนสรปุ ความรูท้ ่ไี ด้จากกล่มุ : แจกใบความรู้ท่ี 4 (ความรเู้ รอ่ื งพฒั นาการและ ข้อควรระวงั ) ความสอดคลอ้ งของกจิ กรรมตามหลกั การพฒั นาสมอง Brain-based Learning (BBL) 1. พอ่ แมม่ ีความรู้ ทักษะในการเลยี้ งลกู ใหไ้ ดอ้ าหารกาย อาหารใจครบถ้วนตามช่วงวัยอายุ 2. เดก็ เตบิ โตสมวัย แข็งแรง จิตใจเข้มแขง็ สมองดี มีคณุ ธรรม มีศักยภาพพฒั นาสู่ความเป็นอัจฉรยิ ะ 3. สร้างเสรมิ สายใยรักแห่งครอบครวั เจรญิ เตบิ โต เขม้ แข็ง ม่นั คง สง่ิ ท่ีได้จากการท�ำกจิ กรรมน้ี - พ่อแม่/ผูด้ ูแลเดก็ ได้ความรู้และทักษะในการเล้ยี งดูเด็กใหม้ ีพฒั นาการสมวัยทง้ั 4 ดา้ น - พอ่ แม/่ ผู้ดแู ลเดก็ มที ักษะการประเมินพัฒนาการได้ถกู ตอ้ งแมน่ ย�ำทุกช่วงอายุ ระยะเวลา 30 นาที สอื่ อุปกรณ์ 1. บัตรค�ำพฒั นาการแต่ละช่วงวยั 2. โปสเตอรพ์ ฒั นาการเดก็ แต่ละช่วงวยั 3. หนงั สอื นทิ าน 4. ของเลน่ ตามวยั 5. ใบความรู้ การประเมนิ ผล 1. สังเกตจากการตอบค�ำถาม 2. สังเกตการมีสว่ นร่วมในการท�ำกิจกรรม 3. สงั เกตความสนใจในการเลอื กหนังสอื และของเล่นใหล้ ูก 196 BBLProof

ใบความรทู้ ี่ 5 : พฒั นาการ พัฒนาการตามวยั ข้อควรระวัง อายแุ รกเกิด-2 เดอื น - ไมม่ องหน้าสบตาหรอื ย้มิ ตอบ อาจมคี วาม - มองหนา้ แม่ สบตา เคล่อื นไหวแขนขาทงั้ สองขา้ ง ยิ้มตอบ ยิม้ ผดิ ปกตใิ นการมองเห็น หรอื มคี วามผดิ ปกติ ทักทาย แสดงท่าดใี จเม่อื แม่อมุ้ ทำ� เสยี งอืออา สนใจฟงั ชนั คอใน ทางการส่อื สาร สังคม ทา่ คว่�ำ - ควำ�่ เองก่อนอายุ 3 เดือนอาจเปน็ จากกลา้ ม อายุ 3-4 เดอื น เนอ้ื เกร็งผดิ ปกติ - ทกั ทายคนคุน้ เคย หันหาเสียงหัวเราะ ส่งเสยี งออ้ แอ้โต้ตอบ เอา มอื จับกันมองตามจากดา้ นหนึ่งจนสุดอีกด้านหน่ึง ในท่าควำ่� ใช้ แขนยนั ชูคอตัง้ ข้นึ 90 องศา อายุ 5-6 เดือน - อายุ 6 เดอื นยงั ไม่ส่งเสยี งอาจมคี วามผดิ ปกติ - แสดงอารมณแ์ ละท่าทาง เช่นดใี จ ขดั ใจ จำ� หนา้ พอ่ แม่ได้ หนั ในการได้ยิน ไมพ่ ลกิ คว�่ำพลกิ หงายอาจมปี ัญหา ตามเสยี งเรยี กช่อื ส่งเสยี งสงู ๆ ต่�ำๆ คว้าของมือเดยี ว และสลับ กลา้ มเนอ้ื มือถอื ของได้ เรม่ิ พลิกคว�่ำพลกิ หงาย คบื อายุ 7-8 เดือน - กลัวคนแปลกหน้า รสู้ กึ ผูกพนั กบั คนเลีย้ งดู ชมู ือให้อมุ้ ทำ� เสยี ง - อายุ 7 เดือน ยังไม่มีการกลัวคนแปลกหนา้ พยางค์เดยี ว เช่น จ๊ะ ป๊ะ หม�่ำ หนั หาเสยี งเรียกได้ถูกตอ้ ง มองตาม อาจเปน็ จากมีผ้เู ล้ียงดูหลายคนไม่มีความผกู พัน ของตก ถอื ของมือละช้นิ นง่ั ทรงตัวได้เองโดยไม่ต้องใชม้ อื ยนั ใกลช้ ดิ -ทา่ นั่งเปน็ รูป “w” และขาเหยยี ดเกรง็ เวลา คืบคลานอาจเกดิ ปญั หากลา้ มเนอ้ื เกรง็ หรืออ่อน ผดิ ปกติ อายุ 9-10 เดือน - เล่นจ๊ะเอ๋ ปรบมือ มองหาของท่ซี ่อนอยู่ หยิบอาหารกินเองดว้ ย - อายุ 9-10เดอื น ยงั ไมห่ ันตามทิศทางเสยี งที่ มอื ใช้ทา่ ทางหรือบอกความตอ้ งการ ฟังร้ภู าษา เข้าใจ สหี น้า ถูกต้อง อาจมีความผิดปกติในการไดย้ ินข้างใด ท่าทางและตอบสนอง ส่งเสียงหลายพยางค์ เชน่ หม�ำ่ จ๊ะจา๋ ใชน้ วิ้ ข้างหนงึ่ ชีแ้ ละน้ิวหวั แม่มือหยิบของ มองหาของ คลานเกาะยนื และเหนย่ี ว ตัวลกุ ขน้ึ ยนื จากท่านง่ั 197 BBLProof

พฒั นาการตามวัย ขอ้ ควรระวัง อายุ 11-12 เดือน - เลียนแบบท่าทางต่าง ๆ เชน่ ไหว้ โบกมอื ลา หอมแกม้ โยกตัว - อายุ 12 เดอื น ยังไม่มีปฏิกริ ิยาปอ้ งกัน ตามจังหวะเพลง ดมื่ น�้ำจากถ้วยโดยต้องช่วยเหลอื พดู ได้ 1 คำ� ตนเอง เช่นกางแขนเพื่อทรงตัว เพื่อยันพนื้ เมื่อ อยา่ งมคี วามหมายเขา้ ใจเสยี งห้ามและหยดุ ทำ� ถอื สงิ่ ของขนาดพอ ล้ม หยอ่ นลงนงั่ เองโดยเกาะส่ิงของเพ่ือพยงุ ตวั มอื 2 อนั เคาะกัน ยืนเองได้ชวั่ ครู่หรือตั้งไข่ อาจมปี ญั หาการควบคุมกล้ามเน้ือผ่านระบบ ประสาท อายุ 13-15 เดอื น - เลยี นแบบทำ� กจิ กรรมงา่ ย ๆ เช่นหวีผม รจู้ กั รับและให้ของ ถือ - การใชป้ ากโดยไมใ่ ชม้ ือในการเล่นหรอื ส�ำรวจ ช้อนและพยายามปอ้ นอาหารเข้าปาก ทำ� ตามคำ� บอกงา่ ย ๆ เชน่ อาจมปี ญั หาในการเรียนรู้ ช้อี วยั วะ หรอื รปู ภาพ และพูดค�ำทม่ี คี วามหมาย ได้ 1-3 คำ� หยบิ - เดินดว้ ยปลายเทา้ ตลอดเวลาอาจมปี ัญหา ของ 2-3 ช้ิน ใส่ถว้ ยหรอื กล่อง เดนิ ได้เอง กล้ามเนื้อเกรง็ ผดิ ปกติ อายุ 16-18 เดอื น - อายุ 18 เดือน ยังไมช่ บ้ี อกส่งิ ท่ตี อ้ งการหรือ - ดใี จเม่อื ไดร้ ับความสนใจ ร้จู กั ปฏิเสธ เช่น สา่ ยหน้า หรอื บอกวา่ ไมช่ ี้ใหผ้ ูเ้ ล้ยี งมคี วามสนใจรว่ มอาจมีปัญหาการ ไม่ ถือถ้วยดมื่ นำ้� และนมดว้ ยตนเองอาจหกเล็กนอ้ ย ทำ� ตามคำ� สัง่ สอ่ื สารหรือสังคม ง่าย ๆ ได้ พดู เปน็ คำ� ๆ ที่มคี วามหมายได้ 5 คำ� วางของซอ้ นกัน - ใชม้ อื ข้างเดยี วตลอดเวลาอาจมีปัญหาแขนอีก 2-3 ช้นิ เล่นหาของท่ซี ่อนไว้ วิ่ง จูงมอื เดยี วเดนิ ขึน้ บนั ได ข้างอ่อนแรง อายุ 19-24 เดอื น - ไมส่ ามารถส่ือสารเป็นค�ำ หรอื สง่ เสียงเปน็ คำ� - แสดงอารมณ์ตา่ ง ๆ เชน่ กลัว โกรธ อจิ ฉา เห็นใจ ใชช้ ้อนตกั แตไ่ ม่มคี วามหมาย พูดตามโดยไม่มคี วามหมาย อาหารกินไดเ้ องหกเพียงเลก็ นอ้ ย พูด 2 คำ� ต่อกันอย่างมคี วาม พดู ไดเ้ ปน็ ประโยคแต่ไม่เข้าใจความหมาย ท�ำ หมายหรือพดู ค�ำท่ีมีความหมายอยา่ งน้อย 50-100 คำ� และ ตามค�ำสั่งงา่ ย ๆไม่ได้อาจมปี ัญหาการเรยี นรู้ โต้ตอบไดเ้ ขา้ ใจ เปิดหนังสือได้ทีละหนา้ ขีดเขยี นเส้นยุ่ง ๆ เตะ การสอ่ื สารและสังคม บอล ยนื กม้ เกบ็ ของได้ไม่ล้ม 198 BBLProof

พฒั นาการตามวัย ข้อควรระวงั อายุ 25-30 เดือน - เลน่ สมมุติ,ตอ่ ต้านเมอ่ื ถกู บังคบั ช่วยทำ� งานบา้ นง่าย ๆ และถอด - ไม่สามารถเล่นสมมติได้ ไม่มคี วามสนใจร่วม เสือ้ ผ้าได้เอง พูดคุยโต้ตอบเปน็ ประโยคสัน้ ๆ ได้ ชหี้ รือทำ� ตามคำ� หรอื ชวนคนรอบข้างเล่นด้วย อาจมีปญั หาการ บอก เช่น ชอื่ อวยั วะ อยา่ งนอ้ ย 6 สว่ นหรอื รปู ภาพ ขดี เขยี นเป็น พัฒนาทางสงั คม เชน่ เดก็ ออทสิ ติก เส้นวน ๆ เดนิ ข้ึนบนั ไดไดเ้ อง อายุ 31-36 เดือน - ร้จู กั รอคอย เลน่ สมมตุ ิเป็นเรื่องต่อเนอ่ื งกัน ถอดและใสเ่ ส้อื ผ้า - เดนิ ขึน้ ลงบนั ไดไมไ่ ด้ อาจเกิดจากขาดการ โดยต้องช่วยบา้ ง บอกไดเ้ มื่อจะถ่ายอจุ จาระ บอกช่ือตนเองได้ พดู กระตนุ้ ใหค้ นอ่นื เขา้ ใจความหมายได้ รู้จักซักถาม ชอบฟังนทิ านและเข้าใจ - ไมส่ ามารถใช้นว้ิ หยิบของได้ อาจมีปัญหาทาง เร่อื งราว เข้าใจใหญ-่ เล็ก สน้ั -ยาว เพศชาย-เพศหญงิ มาก-นอ้ ย สมอง เลียนแบบ ลากเสน้ แนวตง้ั กระโดดอยู่กับท่ี โยนลกู บอลไปขา้ ง หน้าโดยยกแขนสูง 199 BBLProof

กิจกรรมท่ี 7 : สนุก ปลอดภัย ไม่กลวั น้�ำ มญั ชุ์ชยา ชวาฤทธิ์ กจิ กรรมน้ที �ำเพื่อ · เปลีย่ นความสนกุ ใหเ้ ปน็ ทกั ษะ · สร้างให้เดก็ เกดิ ความคุ้นเคยกบั น้�ำ · ส่งเสรมิ ทกั ษะการวา่ ยน้�ำของเดก็ · สร้างความมน่ั ใจใหก้ ับพอ่ แม/่ ผ้ดู ูแลในการจบั เดก็ ขณะลงนำ�้ · ส่งเสรมิ พัฒนาการองค์รวมของเดก็ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม · สร้างสายใยรักของครอบครัว สิง่ ที่ได้จากการท�ำกจิ กรรมน:้ี 1. ดา้ นพอ่ แม่/ผ้ดู ูแลเดก็ · ตระหนกั ถึงอนั ตรายของน�้ำ และเหน็ ความส�ำคัญทตี่ ้องใหเ้ ดก็ มีความคนุ้ เคยกับนำ้� ตงั้ แตเ่ ด็ก · มีทักษะเบอื้ งต้นในการดแู ลลูกให้คุ้นเคยกบั นำ�้ · ลูกมที กั ษะการเลน่ น้�ำอย่างสนุก ถูกวธิ ี มีความปลอดภัย 2. ดา้ นลกู · เพื่อลดโอกาสการเสยี ชีวิตจากการจมนำ้� ในเดก็ · ส่งเสริมพฒั นาการทัง้ 4 ด้าน คือ กลา้ มเนอื้ มัดใหญ่ กลา้ มเน้ือมัดเลก็ ดา้ นภาษา และสงั คม, การ ชว่ ยเหลอื ตวั เอง · รา่ งกายแข็งแรง ลดการเจ็บป่วยโรคทางเดินหายใจ · จติ ใจและอารมณด์ ี หลกั การและวธิ ีการส�ำคญั จดุ สำ�คญั · สถานที่ : สะอาด ปลอดภยั ไม่ลน่ื แสงไมจ่ ้า ข้นั ตอนสำ�คัญ 1. การเตรียมความพร้อม : เตรยี มสถานที่ ของใช้ตา่ ง ๆ เสียง ไม่ดงั เกินไป เชน่ ผา้ เช็ดตวั เด็ก ของเลน่ หนังสอื ลอยน�้ำและสง่ิ แวดล้อม · อุปกรณ์ตา่ งๆ สปี ลอดภยั ไมแ่ หลมคม ต่างๆ ให้พร้อม · ไมม่ ีผลกระทบต่อประสาทสมั ผสั เชน่ อณุ หภมู ิน้�ำ แสง เสยี ง ผิวสัมผสั ทีส่ ง่ ผลให้เกดิ ปฏิกิริยาตอบ สนองตอ่ กจิ กรรม : อา่ งอาบนำ้� ใส่นำ้� ลึกประมาณ 5 ซม. (แค่ระดับหูเด็กใน · นำ้� อุ่น : ระดบั นำ�้ เทา่ กบั ฝ่ามือตั้ง (ประมาณ ท่านอน) อณุ หภูมนิ ำ้� ไมค่ วรมากกว่า 3 องศาเซลเซยี ส ถา้ 10 เซนตเิ มตร) อุณหภูมนิ ำ�้ เหมาะสมกับสภาพ อากาศร้อนกใ็ ช้นำ�้ อณุ หภมู ิหอ้ ง อากาศ 200 BBLProof

ขัน้ ตอนสำ�คัญ จดุ สำ�คัญ เปดิ สมอง : เปิดเพลงลมหายใจเขา้ -ลมหายใจออก ใหท้ ุก · ผู้สอนนำ� ใหท้ กุ คนทำ� ท่าตามเพลง คนท�ำตามจนจบเพลง · สงั เกตการผ่อนคลายและการมีสว่ นรว่ ม 2. การน�ำเข้าสบู่ ทเรียน : · ส่ือวีดที ศั นเ์ ร้าความสนใจ สร้างความคุ้นเคย โดยแนะนำ� ตนเองทง้ั ผเู้ รียนและผู้ · สถิติอา้ งอิงได้ สอน · สาธิตอยา่ งชา้ ๆ ตรวจสอบความถูกต้องอมุ้ ถูก : นำ� เสนอดว้ ย Power point ได้แก่ สถิตกิ ารเสียชวี ิต ชมเชย อ้มุ ผิดบอกทนั ทวี ่าผดิ อยา่ งไรสอนท่า จากอุบัตเิ หตุทางน้�ำ และภาพข่าวอบุ ัติเหตทุ างนำ�้ สค อุ้มที่ถกู ต้อง ริปวดี ที ศั น์ เด็กเลก็ อุบัตเิ หตเุ ดก็ ตกน�้ำทีส่ ามารถลอยคอ ได้ ร้องใหค้ นมาช่วยเหลือไดท้ ัน · ต้องทำ� ให้ผ้เู รยี น มีความม่นั ใจในเทคนคิ การ : ให้ทกุ คนกลัน้ หายใจใหน้ านทีส่ ดุ จนทนไมไ่ ด้แลว้ ดูแลเด็กในนำ�้ และสถานทีป่ ลอดภยั เด็กได้รับ จินตนาการถงึ ลกู ท่ไี มส่ ามารถหายใจเขา้ -ออกไมไ่ ด้จะ ความปลอดภยั รสู้ กึ อยา่ งไร · ตอ้ งกระตนุ้ การมีส่วนร่วมของผูเ้ รียนซง่ึ เป็นผทู้ ่ี 3. การใหอ้ งคค์ วามรู้ : ผ้สู อนสาธติ การอมุ้ และจับเด็กอย่าง ลกู ไว้ไวว้ างใจทีส่ ุด ถกู วิธี พร้อมบอกเหตุผลสนั้ ๆทำ� ไมต้องจบั หรืออุ้มแบบน้ีโดย เร่ิมจากจบั ลกู นั่งในอา่ งอาบนำ�้ แลว้ เอานำ�้ ใส่ฝา่ มอื ลูบใบหนา้ · ต้องสงั เกตปฏิกิรยิ าของลกู ขณะลงนำ�้ เดก็ วกั นำ้� ใส่ ไหล่ หลงั และทา้ ยทายของลูก · ถา้ เด็กกลัวอยา่ บงั คบั ใหเ้ บนความสนใจ ชว่ ย · ใหพ้ อ่ หรือแม่อมุ้ นอนหงายในอ่างอาบนำ�้ น�ำมือจับ ใหเ้ ดก็ เล่นตีนำ�้ อย่างอสิ ระ ใต้ไหลล่ ูก โดยให้น้วิ หวั แม่มือชขี้ นึ้ ด้านบน นว้ิ ท่ีเหลอื · ผู้เรียนต้องอยกู่ ับลกู ตลอดเวลาเพอื่ ปอ้ งกัน โอบประคองใตร้ ักแร้ และสะบักลกู ทอ่ นแขนประคอง ศีรษะไว้ คอ่ ยๆ จบั ลูกเลอ่ื นลงเอนนอนในอา่ งนำ้� มือ อุบัตเิ หตุ เล่ือนมาประคองศรี ษะไว้ตลอดไมใ่ หน้ ำ�้ โดนบรเิ วณ · ถา้ นานเกินไปเด็กจะหนาวไมส่ บาย/เจ็บป่วยได้ จมกู และปากของลกู · เม่ือเสรจ็ กจิ กรรมต้องเทน�้ำท้งิ ทกุ ครัง้ · พูดคยุ ร้องเพลงให้ลกู แหงนหนา้ ขึน้ มองและ เปิด โอกาสใหล้ กู ใชแ้ ขนขาตีนำ้� ไดอ้ ย่างอิสระและให้พ่อ หรอื แมท่ ีช่ ว่ ย จบั แขนขาตนี ำ้� และชว่ ยนวดแขน-ขา ฝา่ มอื -ฝ่าเท้าในน้�ำ ถา้ ลูกไมใ่ ห้ความร่วมมอื ก็หาของ เล่นลอยน�ำ้ เพอ่ื กระตุ้นลูก ระยะเวลา เริม่ จาก 5 นาที กอ่ นอาบนำ้� และเพิม่ ระยะเวลาเปน็ 10, 15 นาทตี าม ลำ� ดับ 201 BBLProof

ข้นั ตอนสำ�คญั จดุ สำ�คัญ · อาบน�้ำสระผมใหล้ ูกต่อ · พอ่ แม/่ ผดู้ แู ลเด็ก ตอ้ งอยกู่ บั ลกู ตลอดเวลาไม่ · เช็ดตัวให้แหง้ และนวดสัมผัส ทำ� กิจกรรมอ่นื เช่น รับโทรศัพท์ ไปหยบิ ของใช้ แม้แตน่ าทเี ดยี ว 4. การสะทอ้ นกลับและทดสอบความรคู้ วามเข้าใจ : ผู้ · ควรตอ้ งตระหนักเสมอวา่ กจิ กรรมทางน�้ำทุก เรยี นช่วยกันทบทวนขั้นตอนการเอาลูกลงอา่ งนำ้� , การสังเกต ชนิดสำ� หรบั เด็กเลก็ ไม่มคี �ำว่าปลอดภัย 100% ปฏิกริ ิยาของลกู ขณะลงน�้ำ และการสง่ เสรมิ พัฒนาการลูก · ถ้าบอกข้ันตอนไม่ถูกให้บอกว่าผิดเพราะอะไร พร้อมแก้ไขใหถ้ ูกต้อง ถา้ บอกถกู ให้เนน้ ยำ้� ในสิ่งที่ ถกู ต้องและขอ้ ควรระวงั พรอ้ มกลา่ วค�ำชมเชย 5.การสรปุ : ให้ผูเ้ รียนช่วยกนั สรุป คดิ ว่าลูกได้อะไรบ้างจาก · ใหท้ ุกคนแสดงความคดิ เหน็ ทกุ คน การทำ� กจิ กรรมนี้ คนละ 1 ข้อและอธิบายเพ่มิ เติม · ส้นั กระทดั รดั เขา้ ใจง่าย นา่ จดจำ� · ขอข้อเสนอแนะ ความสอดคล้องของกจิ กรรมตามหลักการพฒั นาสมอง Brain-based Learning (BBL) 1. เด็กไดร้ ับอาหารกาย อาหารใจ จากการเล่นกบั นำ้� และสง่ิ ทม่ี ีชีวติ เช่นพ่อ/แม่/ปู่ ยา่ ตา ยาย/ ผ้ดู แู ลเด็ก 2. ดา้ นจติ ใจ:เดก็ มจี ติ ใจเยน็ /ออ่ นโยน รจู้ กั ปรบั ตวั ตามสถานการณส์ งิ่ แวดลอ้ ม มคี วามฉลาดทางอารมณ์ (E.Q.) มากขึน้ 3. สายใยรัก: เสรมิ สร้างความรกั ความอบอนุ่ ในครอบครวั พอ่ แม่ ปู่ ยา่ ตา ยายทม่ี ตี อ่ เดก็ มากขึน้ 4. ความคนุ้ เคยกบั น้�ำและความปลอดภยั ทางนำ้� สำ� หรับเดก็ ระยะเวลา 30 นาที รปู แบบ/วิธีการสอน 1. บรรยาย 2. ทดลองปฏบิ ตั ิ จำ� นวนผูร้ บั บรกิ าร 5 - 7 ครอบครวั การประเมินผล 1. สังเกตจากการตอบคำ� ถาม 2. สงั เกตการมสี ่วนร่วมในการท�ำกจิ กรรม 3. สังเกตความสนใจในการทจ่ี ะให้ลูกนำ�้ 202 BBLProof

ใบความร้ทู ่ี 6 การสรา้ งความคนุ้ เคยกับนำ้� สำ� หรบั เด็กเล็ก · การสรา้ งความคุ้นเคยกบั นำ�้ ส�ำหรับเดก็ เล็ก เปน็ กจิ กรรมทีม่ ีประโยชนต์ อ่ สขุ ภาพเด็ก · ด้านรา่ งกาย ท�ำใหม้ คี วามแขง็ แรงของกล้ามเน้อื ขา แขน มือ จากการตนี ำ้� เด็กจะกนิ อาหารได้ดีขน้ึ การ หลับนอนได้ยาวข้นึ ระบบย่อย การดดู ซึมอาหารและการขับถา่ ยดีขนึ้ เพิ่มพฒั นาการในการมองเหน็ การฟัง การสัมผสั และไดท้ ักษะด้านการทรงตวั การหยบิ จับสงิ่ ของ · จิตใจ อารมณ์ สังคมดจี ากการมีสายใยรักของครอบครัว ทีม่ พี ่อ แม่ ลกู ได้เลน่ นำ�้ ร้องเพลง พูดกนั · เด็กมพี ัฒนาการในการวา่ ยน�้ำ มีความคุน้ เคยและตอบสนองการเรยี นว่ายนำ�้ ได้เร็วข้ึน · ลดการบาดเจบ็ เสียชวี ติ จากการเกดิ อบุ ตั เิ หตุทางนำ�้ ได้ การสรา้ งความคุ้นเคยกับนำ�้ ข้อควรระวงั 1. เตรียมสถานที่ ของใช้ตา่ ง ๆ และสิง่ แวดลอ้ ม ตา่ ง ๆ ให้ 1. ไม่มีผลกระทบตอ่ ประสาทสมั ผัส เชน่ อุณหภมู ิน้�ำ พร้อม แสง เสยี ง ผวิ สมั ผสั ทีส่ ง่ ผลให้เกิดปฏิกริ ิยาตอบสนอง อ่างอาบน�้ำใสน่ �้ำลกึ ประมาณ 5 ซม. (แค่ระดบั หูเด็กใน ต่อกจิ กรรม ทา่ นอน) อณุ หภมู นิ �้ำไม่ควรมากกวา่ 3 องศาเซลเซียส ถ้า อากาศร้อนกใ็ ชน้ �้ำอณุ หภมู หิ ้อง 2. พอ่ แม่/ผดู้ แู ลเดก็ เป็นผูท้ เ่ี ด็กไวว้ างใจท่ีสดุ 2. ต้องกระตุ้นมสี ่วนรว่ มของพอ่ /แม่/ผูด้ แู ลเด็ก 3. ต้องทำ� ให้พ่อแม่/ผดู้ ูแลเด็ก มีความมั่นใจในเทคนิค 3. ผสู้ อนสาธติ การจับเดก็ เพ่ือลงน�้ำ การดูแลเด็กในน้�ำ และสถานท่ปี ลอดภัย 4. ต้องสงั เกตปฏกิ ริ ิยาของเด็กขณะลง 4. โดยเรมิ่ จากจับลกู น่งั ในอา่ งอาบนำ�้ แลว้ เอาน�ำ้ ใสฝ่ า่ มือ ลูบใบหนา้ เดก็ วักน�้ำใส่ ไหล่ หลัง และทา้ ยทายของเด็ก 5. ใหเ้ ดก็ ใชแ้ ขนขาตีน้�ำอยา่ งอสิ ระ ถ้าเดก็ ไม่ท�ำก็ 5. ให้พอ่ แมอ่ ุ้มนอนหงายในอ่างอาบนำ�้ นำ� มือจับ ให้ พอ่ หรอื แม่จบั ขาเด็กตีนำ้� และคล่ีนว้ิ มอื ให้แบในน�้ำ ใต้ไหล่ลูก โดยใหน้ ้ิวหัวแม่มือชีข้ ึ้นด้านบน นว้ิ ทเี่ หลอื โอบ พร้อมกบั ร้องเพลง เช่น เพลงโอ้ทะเลแสนงาม เป็ด ประคองใตร้ ักแร้ลูก ท่อนแขนประคองศรี ษะไว้ ค่อยๆ จับ อายน�ำ้ ในคลอง กำ� มอื ข้ึนแล้วหมนุ ๆ พดู คุย หลอก ลกู เลอ่ื นลงเอนนอนในอา่ งนำ้� มือเลอื่ นมาประคองศีรษะไว้ ล้อ เมอื่ เด็กนอนสบายแลว้ ใหพ้ ่อ/แม่วกั น�ำ้ ใส่ท้องเด็ก ตลอดไมใ่ ห้น�้ำโดนบริเวณจมกู และปากของลกู อยา่ งน่มุ นวลและอาจปรบั การนวดสมั ผัสมาใช้ ถ้าเด็กกลวั อยา่ บังคบั ใหห้ าสิง่ ดึงดดู ความสนใจ 6. ระยะเวลา เริ่มจาก 5 นาทกี อ่ นอาบนำ้� เพิ่มเปน็ 10, 6. หากนานเกินไปอาจไมร่ สู้ กึ สนกุ 15 นาทตี ามล�ำดบั 7. พ่อแม่/ผดู้ แู ลเดก็ ควรต้องตระหนกั เสมอวา่ กจิ กรรม 7. พ่อ/แม/่ ผูด้ แู ลเดก็ ต้องอยู่ดูแลเดก็ ตอ้ งอยู่กบั เดก็ ทางน้�ำทุกชนิดสำ� หรับเดก็ เลก็ ไม่มคี �ำว่าปลอดภยั 100% ตลอดเวลาขณะท่เี ด็กอยใู่ นนำ้� ไมท่ �ำกิจกรรมอ่ืน เชน่ เพราะเดก็ จะรสู้ กึ คนุ้ เคยและสนกุ สนานมีความมนั่ ใจไม่ รบั โทรศพั ท์ ไปหยบิ ของใช้ แม้แตน่ าทีเดียวและเมอื่ ระมดั ระวังขณะอยใู่ นนำ�้ เสรจ็ กิจกรรมตอ้ งเทนำ�้ ทิ้งทกุ ครั้ง 203 BBLProof

กิจกรรมท่ี 8 : ท�ำอย่างไรใหล้ กู กินขา้ ว นนธนวนณั ท์ สนุ ทรา กจิ กรรมน้ที �ำเพอื่ ให้พอ่ แม/่ ผดู้ ูแลเดก็ · ตระหนักถึงความส�ำคัญของภาวะขาดโภชนาการ และการสร้างสุขนิสัยในการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง ใหแ้ ก่เดก็ · ร่วมกันหาสาเหตุ และแนวทางแก้ไขภาวะขาดโภชนาการด้วยกระบวนการคดิ / กิจกรรมกลมุ่ สง่ิ ที่ได้จากกิจกรรมน้ี · เด็กไดร้ ับสารอาหารครบ 5 หมู่ มภี าวะโภชนาการสมวัย สมองสดใส รา่ งกายสมบูรณแ์ ข็งแรง จิตใจดี · พ่อแม่ / ผู้ดูแลเด็ก มีส่วนร่วมรับรู้สาเหตุและแนวทาง ในการเล้ียงลูกเพื่อให้มีภาวะโภชนาการปกติ เกิด สายสมั พนั ธ์ในครอบครัว · เดก็ วัย 1-5 ปี เปน็ วัยท่ีปฏเิ สธอาหาร และเป็นวัยแห่งการเร่มิ ตน้ ปลูกฝังวินยั ดา้ นตา่ งๆ ดงั นั้นการฝกึ วนิ ยั การกนิ อาหารท่ีเหมาะสมในช่วงวัยนี้ จะเปน็ รากฐานของพฤติกรรมการกินทเ่ี หมาะสมในอนาคตของเดก็ หลักการและวิธีการส�ำคญั ข้นั ตอนสำ�คัญ จุดสำ�คัญ 1. การเตรียมความพร้อม : จัดบรรยากาศทเ่ี อ้ือต่อการ · สังเกตความพร้อมของผ้เู รยี น ดว้ ยการดแู ววตา เรยี นรู้ เงียบ ผอ่ นคลาย เปน็ สัดส่วน ไม่มีเสียงรบกวน สหี นา้ ทา่ ทาง รอยยิม้ : ผู้สอนเลา่ เรื่องของเด็กคนหนงึ่ ท่มี ภี าวะขาด · ใช้ภาษาที่เขา้ ใจง่าย ชแู ผ่นกราฟให้เห็นชัดเจน โภชนาการ พร้อมใหด้ กู ราฟโภชนาการของเดก็ คนน้ัน พูดถงึ ผลเสยี ทเ่ี กิดจากน�้ำหนกั ตกเกณฑ์ วา่ ท�ำให้สมอง ไมด่ ี สมาธิไม่ดี เรียนหนงั สือไมด่ ี ปว่ ยบอ่ ย เป็นตน้ เปิดสมอง : เปิดเพลงเบาๆ และใหผ้ ้เู รยี นเปดิ สมุด · ควรเป็นเพลงบรรเลง เพื่อเป็นการไม่รบกวนสมาธิ สชี มพู หน้าท่ีมกี ราฟโภชนาการ แล้วใหล้ ากเสน้ ตอ่ จดุ ของผ้เู รยี น กราฟ โภชนาการของลูกแตล่ ะคน (ที่เคยจุดเอาไว้แต่ละ ชว่ งอายุท่ีมารับวัคซีน) จบครบท้งั 3 กราฟ เสรจ็ แล้วหลับตา ท�ำสมาธิ หายใจเขา้ ออกลกึ ๆ 30 วนิ าที แลว้ ลืมตา 204 BBLProof

ขัน้ ตอนสำ�คญั จุดสำ�คัญ : ผู้สอนสุ่มถามความรู้สกึ · ไมเ่ ฉพาะเจาะจง สร้างความเป็นกนั เอง ยม้ิ แยม้ ให้ - “คณุ พอ่ คณุ แมร่ สู้ ึกอยา่ งไรเมอ่ื ลูกน�ำ้ หนักตก ใหผ้ เู้ รยี นรสู้ ึกอยากตอบ ถ้าไม่ตอบไมค่ วรบบี คั้นให้ ตอบ เกณฑ”์ คุณพ่อ คุณแม่คิดว่าเพราะอะไรลกู จงึ น้ำ� หนักน้อย เมือ่ ไดค้ ำ� ตอบวา่ ลกู ไมก่ ินข้าว จงึ ดำ� เนนิ การต่อ 2. การนำ� เข้าสู่บทเรียน : ผูส้ อนใหแ้ ตล่ ะครอบครัว · กระตุ้นใหแ้ ต่ละคนปฏบิ ตั ดิ ว้ ยความเต็มใจ แปลผลกราฟโภชนาการของลูกแตล่ ะคน และแลก · สรา้ งบรรยากาศทีผ่ ่อนคลาย เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รียนกลา้ เปลี่ยนกนั ดู - แบง่ กลมุ่ ผ้เู รียนเปน็ กลมุ่ ละ 3-4 คน ท�ำกจิ กรรม ทจี่ ะเปิดเผยปัญหาและแลกเปลี่ยนความคดิ เห็น (ตามใบงานที่ 1) เสรจ็ แล้วน�ำเสนอในกลมุ่ พรอ้ มทง้ั วธิ ีแก้ไขปญั หา - ร่วมกนั สรุป ความรทู้ ีไ่ ดร้ บั · หากเน้ือหาทีส่ รุปไมค่ รบถ้วน ผู้สอนต้องสรปุ เพ่ิม เตมิ ใหส้ มบูรณ์ 3. การให้องคค์ วามรูผ้ สู้ อนใหค้ วามรู้ (ตามใบความรทู้ ี่ 1) · สั้นกะทดั รดั เขา้ ใจงา่ ย 4. การสะทอ้ นกลับและทดสอบความรู้ความเข้าใจ · สร้างบรรยากาศใหเ้ ปน็ กันเอง ตอบค�ำถามดว้ ย :เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสะท้อนความรู้สึก ซักถาม ปัญหา / ความเตม็ ใจ และอารมณ์ท่เี ป็นบวก แก้ไขปญั หา ข้อสงสัย พร้อมแจกแผน่ พบั ตรงจุด 5. การสรุป : เน้นย้�ำความร้แู ละการปฏิบัติ และให้ · เสรมิ แรงดว้ ยการแจกตวั อยา่ งตารางกิจวัตรประจ�ำ แต่ละครอบครวั วางแผนว่าจะกลับไปทำ� อะไรบ้าง วันของเด็กให้ไปดู ความสอดคล้องของกิจกรรมตามหลกั การพฒั นาสมอง Brain-based Learning (BBL) 1. การทพ่ี อ่ แมไ่ ดเ้ รยี นรโู้ ดยการลงมอื ปฏบิ ตั ิ ทำ� กราฟโภชนาการของลกู ดว้ ยตนเอง จะเกดิ ความเขา้ ใจ ตระหนกั และตง้ั ใจในการเลี้ยงดูลกู ไดด้ ขี ้นึ 2. การฝกึ สมองให้คิด และใช้ active learning จะทำ� ให้สมองจดจำ� และนำ� ไปส่กู ารน�ำไปปฏบิ ตั ิ ดีกวา่ การฟัง บรรยาย 3. ลกู จะได้รับอาหารกาย อาหารใจครบถว้ น จากพอ่ แม่ ทำ� ให้มีการเจริญเติบโต เขม้ แข็ง อารมณ์มนั่ คง ระยะเวลา 30 นาที ส่อื อปุ กรณ์ 1. สมดุ บันทึกสขุ ภาพแม่และเด็ก 2. แผ่นกราฟโภชนาการของเดก็ 3. กระดาษ ดินสอด�ำ การประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมของผู้เรียน 2. ความสนใจและการแสดงความคิดเห็นของผ้เู รยี น 3. ใบประเมนิ ความพงึ พอใจ 205 BBLProof

ใบงานที่ 1 แบง่ กลมุ่ พอ่ แม่ / ผูด้ แู ลเด็ก เปน็ กลุ่มๆ ละ 3-4 คน อภิปรายในหัวข้อ 1. สาเหตทุ ีล่ ูกของแตล่ ะคนไม่กนิ ข้าวเพราะอะไร 2. มแี นวทางแก้ไข แต่ละปัญหาอย่างไร (เขียนสรปุ ใบกระดาษเป็นข้อๆ ใหเ้ วลา 5 นาท)ี เสรจ็ แลว้ ให้ตวั แทนแตล่ ะกลมุ่ น�ำเสนอ หากผนู้ �ำเสนอไดไ้ ม่รอบด้าน ให้เพื่อนในกลุ่มชว่ ยเพิม่ เตมิ ด้วย) 206 BBLProof

ใบความรทู้ ่ี 7 สาเหตทุ ่ลี กู ไม่กนิ ขา้ ว 1. ปว่ ยบ่อย 2. กินอาหารจบุ จิบ กนิ นมขวดมากเกนิ ไป 3. ห่วงเล่นมากเกนิ ไป 4. บรรยากาศในการกนิ : บงั คบั เดก็ มากเกินไป ผู้ปกครองมีความเครียด 5. อาหารไม่อร่อย ชนดิ เดมิ ซ้�ำๆ ลกั ษณะอาหารไม่เหมาะกับวยั ของเด็ก ท�ำอย่างไรใหล้ ูกกนิ ข้าว · การเรมิ่ อาหารตามวัยอยา่ งถกู วธิ ี : คอื การใหอ้ าหารควรสอดคล้องกับพฒั นาการตามวยั คอ่ ยๆ เพ่มิ ความ หยาบของอาหาร อาหารทารก 6 เดือนควรเป็นเน้อื คอ่ นขา้ งละเอยี ดเพือ่ ให้กลนื ได้งา่ ย เม่ือทารกสามารถ เคย้ี วและกลนื อาหารไดด้ ี คอ่ ยๆ เพมิ่ ความหยาบของอาหารเมอ่ื อายุ 8-9 เดอื น ควรฝกึ ใหค้ นุ้ เคยกบั อาหารที่ เปน็ ชนิ้ เลก็ เชน่ โจก๊ ขา้ วตม้ ขา้ วสวยไดต้ ามลำ� ดบั และควรใหท้ ารกถอื อาหารทไี่ มแ่ ขง็ กนิ เองได้ เชน่ ฟกั ทอง นง่ึ มนั ตม้ แตไ่ มค่ วรใหอ้ าหารทม่ี ลี กั ษณะแขง็ เปน็ เมด็ เลก็ เชน่ ถวั่ ลสิ ง เมลด็ ขา้ วโพด เปน็ ตน้ เพราะจะทำ� ให้ สำ� ลกั เข้าปอดได้ อายุ 12 เดือนสามารถกนิ อาหารเหมือนผูใ้ หญไ่ ด้แลว้ · การประเมนิ น�้ำหนกั อายุ 5 เดอื น นำ้� หนักควรเพ่มิ 2 เทา่ อายุ 1 ปี ควรเพม่ิ 3 เทา่ ของนำ้� หนกั แรกเกดิ พฤตกิ รรมการใหอ้ าหาร 1. ป้อนอาหารทารกด้วยความนุ่มนวล และคอยช่วยเหลือทารกที่โตพอจะกนิ ไดเ้ องแลว้ ให้กินอาหารไดอ้ ย่าง ปลอดภัยจากการสำ� ลัก ควรไวต่อการรับรูส้ ัญญาณทแ่ี สดงถึงความหิวและความอิม่ ของทารก 2. คอยกระตนุ้ ใหท้ ารกกนิ อาหาร แตไ่ มค่ วรบงั คบั หรอื ปอ้ นนานเกนิ ไป แตล่ ะมอื้ ควรใชเ้ วลาประมาณ 15-20 นาที และไมค่ วรนานเกนิ 30 นาที 3. ถา้ ทารกปฏเิ สธการใหอ้ าหารบางอยา่ ง ใหท้ ดลองเปลย่ี นวธิ กี ารปรงุ อาหาร โดยนำ� อาหารหลายชนดิ มาผสม กนั เพ่ือให้ไดค้ วามหยาบละเอยี ดและรสชาตติ ามทีท่ ารกต้องการ 4. ขณะทที่ ารกกนิ อาหาร ควรลดสง่ิ ลอ่ ใจทที่ ำ� ใหท้ ารกหนั ไปสนใจมากกวา่ อาหารทกี่ ำ� ลงั กนิ อยู่ เชน่ ไมค่ วรให้ ดูโทรทศั น์ หรอื เดินปอ้ นอาหาร เปน็ ตน้ ควรฝึกใหน้ ่งั กนิ อาหารท่โี ต๊ะอาหาร 5. ผู้ป้อนอาหารควรเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ท่ีดีกับทารก ควรสบตาและพูดคุยกับทารกตลอดเวลาที่ป้อน อาหาร ควรระลึกไว้เสมอวา่ การให้อาหารเปน็ อกี วธิ ีหนึ่งในการกระตนุ้ การเรียนรู้ การใหค้ วามรกั และการ เชื่อมความสมั พนั ธ์ 207 BBLProof

การฝึกวนิ ัยในการกินอาหารเดก็ เด็กน่าจะเลิกนมมื้อดึกได้เมื่ออายุประมาณ 6 เดือน การนอนเป็นช่วงเวลาที่ท�ำให้ร่างกายได้พักและ ปรับ สภาพเพอ่ื ใหเ้ กดิ การเจรญิ เติบโตทั้งรา่ งกายและสมองทดี่ ี เมือ่ อายุ 6 เดอื น บางคนอาจนอนหลบั ยาวได้ 8-10 ชว่ั โมง ระหว่างน้ีร่างกายจะสลับเป็นวงจรระหว่างการหลับลึก และตื้นซ่ึงอาจมีการร้องและขยับตัวเป็นพักๆ โดยท่ีเด็กไม่รู้ตัว หากผเู้ ลย้ี งดอู มุ้ ขนึ้ มากลอ่ มหรอื ใหน้ ม จะทำ� ใหว้ งจรการนอนเกดิ การเปลยี่ นแปลงจนเดก็ เคยชนิ กบั การรอ้ งและตนื่ กลาง ดกึ เพอ่ื กินนมหรือใหพ้ ่อแมก่ ล่อม ซึ่งเปน็ สุขนิสัยการกนิ การนอนที่ไมด่ ี นำ� ไปสปู่ ญั หาเดก็ ติดดูดนมและร้องตนื่ กลางดึก ฝึกเลกิ นมขวดตอนเด็กอายุ 1-1 ½ ปี เพราะผลเสียของการดูดนมของเด็กอายุ 1 ปี คอื 1. ฟันผุ การดดู ขวดนม พบวา่ คา่ ความเปน็ กรดดา่ งในช่องปากจะเปลีย่ นแปลง จะทำ� ให้เกดิ การสลายตวั ของแร่ ธาตุในฟนั มากขน้ึ เรื่อยๆ จนเกดิ ฟันผุ 2. ไมย่ อมกนิ ขา้ ว ปกตเิ ดก็ อายุ 1 ปี จะมีอาหารหลัก 3 มือ้ และได้รับนมวนั ละ 2-3 ม้ือ แตถ่ ้ายงั ดดู นมจากขวด เดก็ มี แนวโน้มติดใจการดูด บางครั้งไม่หิวก็ยงั อยากดูด ทำ� ให้ไดร้ บั ปริมาณนมมากจนอม่ิ อีกทง้ั เด็กทตี่ ดิ ขวดนมมักค้นุ เคยกบั อาหารเหลวๆ ทกี่ ลืนงา่ ย เหมอื นนม ไม่ชอบอาหารหยาบทต่ี อ้ งเคี้ยวจงึ เกิดปัญหาปฏิเสธอาหาร 3. อว้ น พบปัญหาโภชนาการเกนิ ในวยั อนุบาล จากการติดขวดนม ท�ำใหเ้ ด็กเป็นโรคอ้วน ต่อเน่ืองจนกลายเปน็ ผู้ใหญ่ที่เปน็ โรคอว้ น เชน่ กัน 4. ผลตอ่ การไดย้ ิน และพฒั นาการทางภาษา เนอ่ื งจากการดูดนมขวด อาจกอ่ ใหเ้ กิดปัญหาการตดิ เชือ้ ในช่องปาก ซึ่งระหว่างช่องปากและช่องหูมที อ่ ท่ีเชื่อมตอ่ ถงึ กนั ทำ� ให้เกดิ การตดิ เชอ้ื ในช่องหตู ามมาได้ เกดิ การอักเสบของหู หนู �้ำหนวก ท�ำใหป้ ระสทิ ธิภาพการได้ยิน ลดลง และมผี ลต่อการรับร้แู ละการใช้ภาษา 5. ขาดวิตามนิ และแร่ธาตทุ สี่ ำ� คัญตอ่ การพฒั นาทางสมอง การกนิ นมที่มากเกนิ ไปเส่ียงต่อการขาดธาตุเหล็ก สาเหตุเกิดจากในน้�ำนมมีแคลเซยี ม ซึง่ มีฤทธิย์ บั ยัง้ การ ดดู ซึมธาตุเหล็ก - เด็กที่ยงั ทานนมแม่ หลังอายุ 1 ปี ควรใหน้ มแม่เฉพาะเวลาตอนกลางวนั และฝกึ ดม่ื นมจากแก้ว/กลอ่ ง วัน ละ 1-2 แก้ว รว่ มกบั การรับประทานอาหาร 3 มอ้ื เวลากลางคืนดดู นมแมไ่ ด้ และ 1. พอ่ แม่และผดู้ แู ลเด็ก ควรเปน็ แบบอย่างทด่ี กี บั เด็กในการกนิ อาหารที่มปี ระโยชน์ ไมเ่ ลอื กอาหาร 2. ฝึกใหเ้ ดก็ รับประทานอาหารวา่ งประเภทผลไม้แทนลกู อม ลูกกวาด ขนมกรบุ กรอบ หรอื อาหารทีม่ ี รสจดั เช่น หวาน มัน เคม็ 3. สรา้ งบรรยากาศในการรับประทานอาหาร ไมบ่ ังคบั ไม่บ่น ไมเ่ ครยี ด 4. สรา้ งนิสัยในการกินอาหารโดยไมเ่ ดินปอ้ น ฝึกหัดให้เดก็ นง่ั โตะ๊ รบั ประทานอาหาร และตักกนิ เอง 5. ควรปรงุ อาหารดว้ ยตนเอง สกุ ใหม่ และคำ� นึงถึงคณุ คา่ ทางโภชนาการ และในเด็กอายุ 2 ปีขน้ึ ไป ให้เด็กมสี ่วนร่วมในการเตรียมอาหาร เรียนร้คู วามรับผดิ ชอบ กนิ แล้วเดก็ ต้องรวู้ า่ ตอ้ งเก็บ ลา้ ง หรอื เวลาจะกนิ ตอ้ งไปตกั อาหารเอง เป็นตน้ 6. จดั ตารางกจิ วตั รประจำ� วันใหเ้ หมาะสม อาหารมื้อแรกควรเริ่มหลงั จากลา้ งหนา้ แปรงฟัน และงดนม กอ่ นมอ้ื อาหารเสมอ 208 BBLProof

เอกสารอ้างองิ 1. กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ . กนิ กอด เล่น เลา่ (2ก2ล) กับลูกอายุ )0-2 ป.ี , 2557. นนทบรุ ี : โรงพิมพ์ องคก์ ารทหารผ่านศกึ . 2. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. กิน กอด เล่น เล่า (2ก2ล) กับลูกอายุ )3-5 ปี. , 2557. , นนทบุรี : โรงพมิ พ์องคก์ ารทหารผ่านศกึ . 3. กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. กิน กอด เล่น เล่า (2ก2ล) กับลูกอายุ )0-5ปี. , 2555. นนทบุรี : โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. 4. กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข. คมู่ อื นักส่งเสรมิ พัฒนาการเดก็ ปฐมวยั หลักสูตรเรง่ รดั ประจำ� โรงพยาบาล. , 2557. นนทบุรี : โรงพิมพอ์ งคก์ ารทหารผ่านศกึ . 5. กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ . นทิ านทำ� ใหล้ กู ฉลาดจรงิ จรงิ . , 2546. นนทบรุ ี : โรงพมิ พอ์ งคก์ ารทหารผา่ นศกึ . 6. กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ . ตำ� รบั อาหารสำ� หรบั ลกู . , 2557. นนทบุรี : โรงพิมพ์องค์การทหารผ่านศึก. 7. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. คมู่ ือพ่อแม่ส�ำหรบั การอบรมเลยี้ งดเู ดก็ แรกเกิด-5 ปี. , 2552. นนทบรุ ี : โรงพมิ พอ์ งคก์ ารสงเคราะหท์ หารผ่านศกึ ในพระบรมราชปู ถมั ภ์. 8. สถาบนั พฒั นาเดก็ ราชนครินทรก์ รมสุขภาพจติ กระทรวงสาธารณสขุ . คู่มอื สง่ เสริมพัฒนาการเดก็ แรกเกดิ -5 ปี. , 2555. นนทบุรี : โรงพิมพ์พิมพ์นานาเชียงใหม่. 9. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. สมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก. , 2557. นนทบุรี : โรงพิมพ์องค์การ ทหารผ่านศึก. 10. กองออกก�ำลังกาย กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการอบรมเชิงปฎิบัติการการป้องกันอุบัติเหตุทางน�้ำส�ำหรับ เด็กเลก็ . , 2556. 11. กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ . ค่มู ือโรงเรยี นพอ่ แม่. ,2558. พมิ พ์ที่ ศูนยอ์ นามยั ที่ 3. 12. โครงการจัดท�ำขอ้ ปฏิบัติการใหอ้ าหาร เพอ่ื สขุ ภาพท่ีดขี องทารกและเดก็ กอ่ นวัยเรยี น. คู่มืออาหารตามวัยส�ำหรับ ทารกและเดก็ เล็ก. , 2558. พิมพ์ครง้ั ที่ ๑. บียอนด์ เอน็ เตอรไ์ พรซ์ จำ� กดั . 13. สำ� นกั สง่ เสรมิ สขุ ภาพ กรมอนามยั . คมู่ อื การอบรมผเู้ ชย่ี วชาญการเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม.่ , 2553. นนทบรุ ี : องคก์ าร สงเคราะหท์ หารผา่ นศกึ . 14. สำ� นกั สง่ เสรมิ สุขภาพ กรมอนามัย. คมู่ อื การบริหารจัดการคลินิกนมแม่สำ� หรบั โรงพยาบาลทกุ ระดบั . , 2553. นนทบุรี : พมิ พ์ท่โี รงพมิ พส์ หกรณ์การเกษตร แหง่ ประเทศไทย. 15. เครือข่ายโภชนาการในช่วงแรกของชีวิต…ประเทศไทย. หนังสือโภชนาการในช่วงแรกของชีวิต. , 2557. พิมพ์ครงั้ ที่ 1. กรงุ เทพฯ : พี.เอ.ลฟิ ว่ิง จ�ำกดั . 16. อไุ รพร จติ แจง้ , กานดาวสี มาลวี งษ์ และ แสงโสม ลนี ะวฒั น.์ อาหารและโภชนาการสำ� หรบั เดก็ ปฐมวยั . , 2557. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1. ส�ำนักพิมพ์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. 17. สถาบันส่งเสริมอัจฉริยภาพและนวตกรรมการเรียนรู้ ส�ำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้. เล่นตามรอยพระ ยคุ ลบาท. , 2551. ลสั เฟรด จำ� กัด. 18. กลุ่มอนามัยแมแ่ ละเดก็ สำ� นักส่เสรมิ สุขภาพ กรมอนามยั . สมุดบันทึกสขุ ภาพแม่และเดก็ ., 2556. พมิ พ์คร้ังที่ 1. โรงพมิ พ์องคก์ ารสงเคราะหท์ หารผ่านศึก. 209 BBLProof

ทันตกรรมเด็ก 210 BBLProof

แผนการสอนท่ี 8 ลูกฟันดี ฝีมอื พ่อแม่ ตอนท่ี ๑ “เตรียมพรอ้ มใหล้ ูกมีฟันด”ี เปา้ หมายรวม กิจกรรมนี้จัดท�ำในการนัดตรวจสุขภาพชว่ งอายุเดก็ ๔ - ๖ เดอื น เพอ่ื ใหแ้ ม/่ คนเล้ยี งดเู ดก็ ร้แู ละตระหนกั ถงึ ความสำ� คัญของฟนั น้�ำนม ผลเสยี ถ้าฟันน�้ำนมผุและหลกี เลย่ี งพฤติกรรมการเล้ียงฯท่เี ป็นสาเหตใุ ห้เด็กฟันผุ สาระสำ� คัญ 1. ความสำ� คัญของฟนั นำ้� นม ผลเสีย และสาเหตทุ ที่ �ำใหฟ้ ันนำ้� นมผุ 2. หลกั และวธิ จี ดั อาหารทไี่ มท่ ำ� ใหล้ กู ฟนั ผุ ในชว่ งขวบปแี รก... นมแมช่ ว่ ยปอ้ งกนั ฟนั ผุ การเลอื กขวดนม และ การใหล้ กู ดม่ื นมจากขวดทถี่ กู วธิ ี ชว่ งเวลาเหมาะสมและวธิ จี ดั การใหล้ กู เลกิ นมมอื้ ดกึ อาหารเสรมิ และการ ปอ้ นอาหารใหล้ กู 3. การดแู ลชอ่ งปากแมเ่ พอ่ื ลดความเส่ยี งของการสง่ ต่อเชือ้ โรคฟันผใุ ห้ลกู กจิ กรรมท่ีก�ำหนด กิจกรรมท่ี ๑ ร้ปู ญั หา เกดิ ปัญญาปอ้ งกนั แกไ้ ข กจิ กรรมท่ี ๒ ก้าวแรกของการเล้ยี งลกู ให้มฟี นั ดี ประโยชนท์ ไ่ี ด้รับ ท�ำให้พ่อแม่ผู้เลี้ยงดูเด็กรู้และตระหนักถึงความส�ำคัญของฟันน้�ำนม รู้สาเหตุและผลเสียถ้าปล่อยให้ลูกฟันผุ รู้ หลักการจัดการอาหารลูกขวบปีแรก ซ่ึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเลี้ยงลูกให้มีฟันดี รวมท้ังตระหนักถึงการดูแลช่องปาก ตนเองใหด้ ี เพ่ือลดความเส่ยี งของการส่งต่อเช้อื โรคฟนั ผใุ ห้ลูก ระยะเวลาทั้งหมด ๔๕ นาที - ๑ ชัว่ โมง รูปแบบ/วิธกี ารสอน บรรยาย และการแลกเปลย่ี นเรียนร้ปู ระสบการณ์จากผรู้ ่วมกจิ กรรม 211 BBLProof

กจิ กรรมท่ี ๑ : รู้ปัญหา เกิดปญั ญาปอ้ งกนั แกไ้ ข เมธนิ ี คุปพทิ ยานันท์, นนธนวนณั ท์ สุนทรา กจิ กรรมนี้ท�ำเพอ่ื ให้พ่อแม่/คนเล้ียงดูเด็กรู้และเข้าใจถึงความสำ� คัญของฟันน้�ำนม รู้สาเหตุและผลเสียท่ีจะเกิดขึ้นถ้าปล่อยให้ ลูกฟนั ผุ สงิ่ ที่ได้จากการท�ำกจิ กรรมน้ี พ่อแม่/คนเล้ยี งดเู ด็กตระหนกั ว่าการเลีย้ งลูกใหม้ ีฟนั ดีเป็นส่งิ ส�ำคัญ เปน็ พนื้ ฐานท่จี ะส่งเสรมิ ใหล้ กู มสี ุขภาพ และพฒั นาการทสี่ มบรู ณ์ หลกั และวิธีการสำ� คัญ ขั้นตอน จุดสำ�คัญ 1. เตรียมความพร้อม · ซักถาม พดู คยุ อยา่ งเปน็ กันเอง : สรา้ งความคนุ้ เคย โดยการแนะนำ�ตนเองทัง้ ผ้เู รียนและ · สังเกตความพร้อมของผู้เรยี นจาก ทา่ ทาง ผู้สอน แววตา สหี น้า นำ�้ เสยี ง ไม่บงั คับถา้ ไมพ่ รอ้ ม เปดิ สมอง: โดยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี น · กิจกรรมเปดิ สมอง สามารถปรับเปลีย่ นได้ตาม ผ่อนคลาย เช่นใหห้ ายใจเขา้ ลึกๆ และค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ ความถนัดของผ้สู อน ออกชา้ ๆ โดยผ้สู อนพดู นำ�ด้วยน้ำ�เสยี งแผว่ เบา ให้ทำ�ประมาณ ๔-๕ ครัง้ 2. นำ� เข้าสูบ่ ทเรียน : ผสู้ อนนำ� ภาพเด็กฟนั หลอยมิ้ เหน็ ฟนั ผุหลายซี่ แล้วถามว่า · กระตุน้ ใหผ้ เู้ รยี นพูดคุยแสดงความเห็น ผสู้ อน “เด็กฟนั ผุ เปน็ เร่ืองธรรมดาใชห่ รือไม่ ?” “ทา่ นคดิ วา่ ถา้ ควบคุมเวลาใหเ้ หมาะสม ลูกฟนั ผุ จะมีผลเสยี อะไรบ้าง ? “ : ผูส้ อนรวบรวมคำ� ตอบ และสรุปว่านอกจากค�ำตอบที่ชว่ ย กนั ตอบแลว้ ยงั มีผลเสียอ่ืนๆ อีก และบางอย่างไมไ่ ด้เกดิ ข้ึนทนั ที แต่มสี าเหตุเรมิ่ แรกมาจากการมีปัญหาฟันผใุ นวัย เดก็ หรือเป็นผลกระทบจากโรคฟันผุในวัยเด็ก ซง่ึ มดี ังนี้ ๓. ให้ความองคค์ วามรเู้ ร่ืองที่ ๑ : ผ้สู อนใหค้ วามรู้ ตามใบความรูท้ ่ี ๑. (ใช้วีดิทศั น์ ภาพ · สังเกตความสนใจ/ความเขา้ ใจของผูเ้ รยี น หรอื สไลด์ power point ประกอบการบรรยาย) อธบิ ายช้าๆ ชัด ควรมีสอื่ ประกอบ 212 BBLProof

ขัน้ ตอน จุดสำ�คญั ๔. การสะท้อนกลับและทดสอบความรคู้ วามเขา้ ใจ : ให้ผู้ · เปดิ โอกาสใหผ้ ูร้ ่วมกจิ กรรมแสดงความคิดเหน็ เรยี นชว่ ยกันสรปุ ความรู้ท่ีได้รบั อย่างท่วั ถึง · ถา้ ข้อสรปุ ไม่ถูกตอ้ งบอกว่าผิดเพราะอะไร พร้อมแก้ไขให้ถูกตอ้ งและ เพ่มิ เตมิ ให้สมบรู ณ์ ๕. การสรุป:ผสู้ อนสรุปวา่ ลกู ฟันผเุ ปน็ ปญั หาท่กี ่อใหเ้ กดิ ผล เสียหลายอยา่ ง แต่โรคฟันผุปอ้ งกนั ได้ การปลอ่ ยให้ลกู มี ฟันผุ แสดงถงึ ความบกพร่องของพอ่ แม่/คนเล้ียงดูท่ีไม่ใสใ่ จ ดแู ลสุขภาพฟนั ลูก ดังนนั้ เพ่อื ใหพ้ ่อแม่/คนเลี้ยงดูฯสามารถ เล้ียงลกู ใหม้ ีฟันดี กอ่ นอืน่ พ่อแม่/คนเลย้ี งดูฯ จึงควรรู้จักฟัน ลกู และ รู้สาเหตทุ ่ที �ำให้ลูกฟนั ผุ ๖ ให้ความองคค์ วามรูเ้ รอ่ื งที่ ๒ - วิทยากรใหค้ วามรู้ ตามใบความรูท้ ี่ ๒. (ใช้วดี ิทัศน์ ภาพ หรือ สไลด์ power point ประกอบการบรรยาย) ๗. การสะท้อนกลับและทดสอบความรคู้ วามเข้าใจ:กระตุ้น · สังเกตความสนใจ/ความเข้าใจของผู้รว่ ม ใหผ้ ู้เรยี นชว่ ยกนั สรุปความรทู้ ไ่ี ดร้ บั และถา้ ข้อสรุปไม่ กิจกรรม อธบิ ายช้าๆ ชดั ควรมสี ่อื ประกอบ ครอบคลมุ เพมิ่ เตมิ ให้สมบูรณ์ 8. การ สรปุ : สร้างแรงบันดาลใจ และเช่ือมสู่กิจกรรมที่ ๒ ผสู้ อนน�ำภาพเด็กย้มิ สดใสฟันสวย ช่องปากไม่มฟี ันผุ แลว้ · เปิดโอกาสใหผ้ รู้ ่วมกจิ กรรมแสดงความคิดเห็น สรุปวา่ พอ่ แม่ทกุ ท่านตา่ งตอ้ งการท่ีจะเห็นลูกน่ารักยมิ้ สดใส อยา่ งทวั่ ถึง ควบคุมเวลาให้เหมาะสม เหมือนเด็กในภาพ แตล่ กู จะมีฟันดีหรือไม่ ไมใ่ ชเ่ พราะ โชคชะตาลิขติ ไม่ใชเ่ พราะหมอฟนั เก่งหรอื ดี แตเ่ พราะ ฝมี อื ของพอ่ แม่ ซึง่ พอ่ แม่ทุกคนสามารถเลย้ี งลกู ใหม้ ีฟันดี ได้ ถ้ามคี วามตั้งใจเรียนรู้ และนำ� ความรู้ไปใชเ้ ล้ยี งลกู อย่าง ถูกตอ้ ง จากนัน้ วิทยากรกล่าวเช่อื มสกู่ จิ กรรมที่ ๒ วา่ ... การเลีย้ งลกู ให้มีฟนั ดจี ะต้องวางรากฐานตั้งแต่กอ่ นท่ฟี ันลกู จะขน้ึ มาในช่องปาก โดยเร่มิ จากเร่ืองการจดั การอาหาร ของลกู ในขวบปีแรกของชีวิต ซ่ึงจะท�ำอย่างไรจะไดเ้ รียนรู้ กันตอ่ ไป 213 BBLProof

กจิ กรรมที่ ๒ : กา้ วแรกของการเลีย้ งลกู ให้มีฟันดี เมธนิ ี คุปพทิ ยานนั ท,์ นนธนวนณั ท์ สุนทรา กิจกรรมนี้ท�ำเพือ่ ให้พ่อแม่/คนเล้ียงดูเด็ก รู้และเข้าใจหลักการจัดการอาหารลูกในขวบปีแรก โดยสนับสนุนให้เล้ียงลูกด้วยนม แม่ กรณตี ้องให้นมลูกโดยใช้ขวดนม สามารถเลอื กขวดนม และให้ลูกดื่มนมจากขวดได้ถูกวิธี รชู้ ่วงเวลาเหมาะสมและ วิธีจัดการให้ลูกเลิกนมม้อื ดึก และรจู้ กั ระมดั ระวังไมส่ ่งตอ่ เชอื้ ฟนั ผใุ หล้ กู ส่ิงทไ่ี ด้จากการท�ำกิจกรรมนี้ พ่อแม่/คนเลย้ี งดูเดก็ เขา้ ใจ และตระหนักถึงความส�ำคญั ของการให้อาหารลกู ในมติ ทิ ีจ่ ะสง่ เสริมใหล้ กู มีสุขภาพ ช่องปากดี ซ่งึ เป็นพ้ืนฐาน และต้องเร่มิ ด�ำเนนิ การกอ่ นท่ีลกู จะมีฟนั ข้ึนมาในช่องปาก รวมท้ังตระหนกั ถึงความส�ำคญั ที่ จะต้องดแู ลช่องปากตนเองให้ดีเพอ่ื ลดการส่งต่อเช้ือโรคฟันผใุ หล้ กู หลัก และวิธกี ารสำ� คญั ขน้ั ตอน จดุ สำ�คญั ๑. เตรยี มความพร้อม · สงั เกตความพรอ้ มของผรู้ ว่ มกิจกรรมจาก ทา่ ทาง แววตา สีหนา้ นำ�้ เสยี ง ไมบ่ งั คบั สรา้ งบรรยากาศการเรียนรู้ ให้ผรู้ ่วมกจิ กรรมผ่อนคลาย ถ้าไมพ่ รอ้ ม พร้อมทจ่ี ะเรียนรู้ โดย วิทยากรให้ผูร้ ่วมกิจกรรมปรบมอื เป็น จงั หวะพรอ้ มๆ กัน เปน็ สัญญาณความพร้อมทีจ่ ะเรยี นกันตอ่ · กิจกรรมผอ่ นคลายเตรียมความพร้อม ปรบั ไป เปล่ยี นได้ตามความถนดั ของวทิ ยากร ๒. น�ำเข้าสู่บทเรยี น · ซักถาม พูดคยุ อยา่ งเปน็ กันเอง กระตุ้นและ เปดิ โอกาสใหผ้ รู้ ว่ มกจิ กรรมแสดงความคิด - วิทยากรถามวธิ กี ารเลีย้ งลูก และปัญหาทพี่ บ เนอ้ื หา เหน็ อยา่ งทั่วถงึ เพือ่ ใหว้ ทิ ยากรทราบวา่ ใคร(แม่หรอื คนเลี้ยง) เป็นผดู้ ูแลลกู .. แมย่ งั ตอ้ งใหน้ มมื้อดึกกบั ลูกหรือเปล่า ... ลกู กินนมจาก · วิทยากร ควบคุมเวลาให้เหมาะสม เต้า หรือจากขวด และกินนมแม่หรอื นมผง ... มใี ครท่ีเรมิ่ ให้ อาหารเสริมอนื่ ๆ นอกจากนมแม่ เชน่ นมผง หรืออาหารบด · สงั เกตความสนใจ/ความเข้าใจของผู้ร่วม ท�ำเอง วิธีให้อาหารทำ� อยา่ งไร วทิ ยากรรวบรวม/สรปุ ขอ้ มูล กิจกรรม จากปฏิกริ ยิ าตอบโต้ และการแสดง กลุ่ม ความเหน็ 1. ใหค้ วามองคค์ วามรู้ : วทิ ยากรใหค้ วามรู้ ตามใบความรูท้ ่ี ๓ · สงั เกตความสนใจ/ความเขา้ ใจของผรู้ ว่ ม (ใช้วดิ ิทัศน์ ภาพ หรือ สไลด์ power point ประกอบการ กิจกรรม จากปฏิกริ ยิ าตอบโต้ การตั้งค�ำถาม บรรยาย) 2. ทดสอบความร้คู วามเข้าใจ กระตนุ้ ให้กล่มุ ชว่ ยกันสรปุ · เปิดโอกาสใหผ้ ู้รว่ มกจิ กรรมแสดงความคิด ความรู้ท่ไี ด้ ถา้ ข้อสรุปไมค่ รอบคลุม เพ่ิมเติมใหส้ มบรู ณ์ เห็นอยา่ งท่วั ถึง ควบคุมเวลาใหเ้ หมาะสม 214 BBLProof

ขัน้ ตอน จุดสำ�คัญ 5. สรปุ และกระตุน้ ให้แมน่ �ำความรู้ท่ีได้ไปปฏบิ ัติ : วิทยากรทบทวนว่า จะเลี้ยงลกู ให้มีฟันดี แม่ต้องตระหนัก ว่าการปล่อยลกู ฟนั ผุ มีผลเสียตลอดชวี ิต และ ฟันลูกจะดี หรือไม่อยู่ท่ีการเลย้ี งดขู องพ่อแม่ ซ่ึงการจัดการอาหารของ ลูกในขวบปีแรกอย่างเหมาะสม เป็นการกา้ วแรกของการ ฝึกวินัยการกินให้กบั ลูก เปน็ จุดเรม่ิ ต้นของการเล้ยี งลกู ให้มี สขุ ภาพดี ซ่ึงเช่อื มน่ั วา่ พอ่ แมท่ ุกคนสามารถท�ำได้ ความสอดคล้องของกิจกรรมตามหลกั การพัฒนาสมอง Brain-based Learning (BBL) 1. เปน็ การเรียนรู้ในบรรยากาศทผ่ี อ่ นคลาย คอ่ ยๆ เรียนท่ลี ะเร่ือง 2. เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้ร่วมกิจกรรมเข้าใจเหตุผล/ความส�ำคัญ/ประโยชน์ของการดูแล/รักษาสุขภาพ ชอ่ งปากลูก รสู้ าเหตขุ องปญั หา และวิธีการแก้ปัญหา 3. เป็นการเรียนรู้แบบสองทาง มีการซักถามจะท�ำให้ผู้ร่วมกิจกรรมมีเวลาได้คิดทบทวนด้วยตนเอง และได้ เรยี นรูจ้ ากประสบการณข์ องกล่มุ 4. มสี อื่ ทชี่ ว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ จนิ ตนาการและมคี วามเขา้ ใจตอ่ เนอื้ หาวชิ าการเพมิ่ ขน้ึ และสามารถนำ� ไปเรยี นรไู้ ด้ หลายครง้ั ส่อื /เครอื่ งมือ รูปภาพ หรอื ภาพพลิก หรอื สไลด์ power point หรอื วดิ ิทัศน์ เวลา ๔๕ นาที - ๑ ชั่วโมง การวดั ประเมนิ ผลกิจกรรม จากการสังเกตความสนใจ ปฏิกิริยาตอบโต้ การตงั้ คำ� ถามและตอบคำ� ถามของผรู้ ว่ มกจิ กรรม 215 BBLProof

ใบความร้ทู ่ี ๑ ปล่อยลูกฟนั ผุ มีผลเสยี ตลอดชวี ิต โรคฟนั ผุในเดก็ เล็ก หรือโรคฟันน�้ำนมผเุ ป็นโรคทีป่ อ้ งกนั ได้ แต่กลบั พบว่าเดก็ ไทย มากกว่าร้อยละ ๕๐ เปน็ โรค ฟนั น้�ำนมผุ ทีเ่ ปน็ เช่นนี้เพราะมปี จั จัยเสี่ยงในกระบวนการเล้ยี งดูเด็กหลายอยา่ งท่ีสง่ ผลให้เดก็ ฟันผุ ปจั จยั เสยี่ งเหลา่ นี้ ถูกละเลยท่ีจะแก้ไข เพราะพ่อแม่คนเลี้ยงดูเด็กเห็นเด็กฟันผุจนชาชิน มองเห็นว่าเด็กฟันผุเป็นเรื่องปกติ และยังมี ความเข้าใจผิดๆ ท่เี กดิ จากความไมร่ ู้ ว่าฟันนำ�้ นมผไุ มเ่ ปน็ ไร เพราะอยู่ไม่นาน เมอ่ื เดก็ โตข้นึ กจ็ ะมีฟันแท้ (หรือฟัน ถาวร) ขน้ึ มาแทนท่ี ดังน้นั เราจงึ จ�ำเป็นต้องใหค้ วามรทู้ ีถ่ กู ต้อง เพราะการปลอ่ ยให้เดก็ มีฟนั น้�ำนมผุ จะสง่ ผลกระทบต่อ การเจรญิ เตบิ โต พัฒนาการและสขุ ภาพเดก็ รวมทั้งยงั มีมีผลเสียต่อเนอ่ื งในระยะยาวเมอื่ เดก็ เตบิ โตเป็นผ้ใู หญด่ ้วย ดงั น้ี 1. ฟนั นำ้� นมผเุ ปน็ แหลง่ แพรเ่ ชอ้ื ทำ� ใหเ้ กดิ การอกั เสบตดิ เชอื้ ทอ่ี วยั วะตา่ งๆ โรคฟนั ผใุ นฟนั นำ้� นมจะลกุ ลามเรว็ มากเพราะฟนั นำ้� นมซเ่ี ลก็ และเนอื้ ฟนั บาง ถา้ ดแู ล ไม่ดี ไมน่ านรอยผุก็จะทะลโุ พรงประสาทฟนั ท�ำใหเ้ กดิ การติดเชือ้ และอักเสบเป็น หนองท่ีรากฟนั เด็กจะเจบ็ ปวดทุกขท์ รมาน และยงั เปน็ ชอ่ งทางทำ� ใหเ้ ช้อื โรคแพร่ ไปยงั อวยั วะอนื่ ๆ ทงั้ บรเิ วณคอและใบหนา้ หรอื เขา้ สกู่ ระแสโลหติ เกดิ การตดิ เชอื้ ที่ อวยั วะตา่ งๆ ไดท้ ว่ั รา่ งกาย ทพ่ี บบอ่ ยคอื ฟนั ผเุ ปน็ แหลง่ ของ การตดิ เชอ้ื ในหู ในปอด และกอ่ ใหเ้ กดิ โรคภมู แิ พ้ ซงึ่ อาจมอี นั ตรายรา้ ยแรง เพราะเดก็ เลก็ ๆ มภี มู ติ า้ นทานตำ่� 2. การนอนหลบั มคี วามสำ� คญั ตอ่ การเจรญิ เตบิ โต ทำ� ใหเ้ ดก็ มพี ฒั นาการและ สมองทีด่ ี แต่ความเจ็บปวดจากการปวดฟันอาจรบกวนการนอนหลับพกั ผอ่ นของเดก็ จึงส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต และการเรียนรู้ ความเจ็บปวดเร้ือรังจากฟันผุยัง ท�ำให้เด็กหงุดหงิด ไม่อยากเล่น ไม่อยากเรียน มีปัญหาพัฒนาการด้านอารมณ์และ จิตใจ 3. เดก็ ทฟ่ี นั นำ�้ นมผจุ ะมปี ญั หาการบดเคย้ี ว จงึ กนิ อาหารไดน้ อ้ ยลง ทำ� ใหข้ าด สารอาหาร เตบิ โตไมส่ มวยั แคระแกรน หรอื อาจอว้ นใหญ่แต่อมโรค เพราะเด็กจะ เลอื กกนิ เฉพาะอาหารทน่ี ม่ิ ออ่ น เหลว ซงึ่ สว่ นใหญเ่ ปน็ อาหารจำ� พวกแปง้ และนำ�้ ตาล เดก็ บางคนกนิ แตน่ ม นำ�้ อดั ลม และขนม ทำ� ใหไ้ ดพ้ ลงั งานมากเกนิ ไป แตข่ าดสารอาหาร สำ� คญั ทจ่ี ำ� เปน็ ต่อรา่ งกาย เช่น เน้อื สตั ว์ ผักและผลไม้ 4. พฤติกรรมการกินเช่นน้ีในท่ีสุดจะกลายเป็นความเคยชินต่อเนื่องถึงวัย ผู้ใหญ่ ทำ� ใหเ้ ปน็ ผ้ใู หญ่ทีม่ ีพฤตกิ รรมการกนิ ที่เสี่ยงต่อการเปน็ โรคเบาหวาน มไี ขมัน ในเลือดสงู และความดนั โลหิตสงู เสย่ี งตอ่ การเปน็ โรคหวั ใจ และโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพรึด อัมพาต) 216 BBLProof

5. การบดเคยี้ วจะชว่ ยกระตนุ้ พฒั นาการของสมอง เพราะทำ� ใหเ้ ลอื ดมาเลยี้ งสมองไดด้ ขี นึ้ และอาหารทต่ี อ้ งบด เคีย้ ว เช่น เนอื้ สัตว์ ผักและผลไม้ มีสารอาหารท่สี �ำคญั ตอ่ การเจริญเติบโตของรา่ งกายและสมอง จากการทดลองพบ หนูที่เล้ยี งดว้ ยอาหารแข็ง มสี มองโตกว่า มีการเชอื่ มต่อของใยประสาท และการ flow ของเลอื ด ดกี ว่าหนูท่ีกนิ อาหาร ออ่ น การศึกษาในคนพบเด็กทีม่ ีฟันนำ�้ นมผมุ ีเส้นรอบวงสมองเล็ก และมีภาวะแคระแกร็นกวา่ เดก็ ทีไ่ ม่มีปัญหาน้ี รวม ทงั้ ยังพบวา่ เดก็ อายุ 0-2 ปี ทมี่ ภี าวะแคระแกรน็ มีระดับสตปิ ญั ญาและความสามารถในการเรียนรเู้ ม่ืออายุ 8 และ11 ปี น้อยกว่าเด็กปกติ 6. เด็กท่ีมีฟันผุมากเม่ือเติบโตเป็น ผใู้ หญ่ มกั มปี ญั หาดา้ นสขุ ภาพชอ่ งปาก ทง้ั นี้ เพราะเด็กท่ีฟันน้�ำนมผุ ขากรรไม่ค่อยขยาย ท�ำใหฟ้ นั แท้ขึ้นซ้อนเก การมฟี ันซ้อนเกทำ� ให้ การดแู ลอนามัยช่องปากยากขนึ้ ประกอบกบั ขาดการฝึกทักษะการดูแลช่องปากต้ังแต่เด็ก จึงทำ� ใหเ้ กดิ ปัญหาสุขภาพช่องปากตอ่ เน่อื ง ปัญหาสขุ ภาพช่องปากในวยั ผูใ้ หญ่ เป็นสาเหตุหนง่ึ ทท่ี ำ� ให้โรคเรื้อรงั ต่างๆ เชน่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจหลอด เลือด โรคหลอดเลอื ดสมอง ภาวะสมองเสอ่ื ม ปอดตดิ เช้อื โรคอัลไซเมอร์ เกิดปัญหารนุ แรงมากขึน้ ท�ำให้เกดิ ผลเสีย ต่อสุขภาพทว่ั ไปทงั้ ด้านร่างกาย และจิตใจ และยงั เปน็ สาเหตุของการเสียชวี ติ ที่ส�ำคัญของประชากรไทย 217 BBLProof

ใบความรู้ท่ี ๒ ฟนั นำ้� นม และปญั หาฟนั ผุในเดก็ เลก็ ” ฟนั นำ�้ นม เรมิ่ สรา้ งตวั ฟนั ตง้ั แตท่ ารกยงั อยใู่ นครรภม์ ารดา เมอื่ เดก็ เกดิ จะมหี นอ่ ฟนั นำ�้ นมในกระดกู ขากรรไกร แล้ว และเม่ือเมอื่ เด็กอายุ 6 + 2 เดอื น จะมฟี ันน�้ำนมซแ่ี รกข้นึ มาในชอ่ งปาก และทยอยขึน้ จนครบ 20 ซ่ี เมอื่ เด็กอายุ 2 ½ - 3 ปี เด็กเมื่อแรกคลอดในช่องปากปราศจากเชื้อ เด็กจะค่อยๆ ได้รับเช้ือชนิดต่างๆ เข้าสู่ช่องปากผ่านอาหารท่ีรับ ประทาน และการสัมผัสติดต่อจากคนใกล้ชิด ดังนั้นถ้าแม่และคนเล้ียงเด็กมีปัญหาฟันผุมากก็จะส่งต่อเชื้อโรคฟันผุไป สูเ่ ดก็ ได้มาก เดก็ จึงมคี วามเสีย่ งท่ีฟนั จะผุมาก แมห่ รอื คนเล้ียงจงึ ควรดูแลฟนั ของตนเองใหด้ ี หากมีฟนั ผคุ วรรีบรักษา ในเด็กไทยพบปัญหาฟันน�้ำนมผุต้ังแต่เด็กอายุ 9 เดือน ซ่ึงเป็น ช่วงเวลาเพียง 3 เดอื น หลงั จากมฟี ันขน้ึ มาในช่องปาก ปจั จัยทที่ ำ� ให้เดก็ ไทยมีปัญหาฟันน้�ำนมผุสูงมาจากพฤติกรรมการเลี้ยงดูเด็กท่ีไม่เหมาะสม เช่น ให้เด็กดูดนมและหลับคาขวดนม ให้เด็กด่ืมนมหวาน ให้เด็กดูดนม มือ้ ดึก หรือดูดนมจากขวดทง้ั ๆ ทถี่ ึงวัยควรเลิกไดแ้ ล้ว (ควรเลกิ นมม้อื ดกึ เม่ืออายปุ ระมาณ ๖ เดอื น และเลกิ ด่ืมนมจากขวดเม่ืออายุประมาณ 1 ป)ี การปลอ่ ยใหเ้ ดก็ กนิ ขนมมากกวา่ วนั ละ 2 ครง้ั (กนิ จบุ จบิ ) รวมถงึ ขาดการ ทำ� ความสะอาดชอ่ งปากเดก็ อย่างเหมาะสม 218 BBLProof

การป้องกันฟันน้�ำนมผุ มีหลักปฏิบัติท่ีส�ำคัญเร่ืองแรกคือ การจัดการอาหารลูกที่ให้ความส�ำคัญกับส่งเสริมให้ ลูกมีสุขภาพช่องปากดี ซ่ึงการจัดอาหารในขวบปีแรกอย่างเหมาะสม จะเป็นการก้าวแรกของการฝึกวินัยการกินให้กับ ลูก และเม่อื ลกู มีฟันข้ึนมาในชอ่ งปาก ก็ต้องดูแลความสะอาดชอ่ งปากลูกเป็นประจำ� ทกุ วนั อยา่ งสม�่ำเสมอ ซ่ึงชว่ งแรกที่ มฟี นั ขนึ้ อาจใช้ผา้ สะอาดชุบนำ�้ ต้มสกุ เช็ดคราบอาหารท่ตี ิดบนฟนั และสนั เหงือก หรอื แปรงฟนั ให้ลกู ต้งั แต่มีฟันซแ่ี รกข้ึน มาในช่องปาก การแปรงฟันให้ลูกตง้ั แต่ซ่แี รกมขี ้อดคี ือ ทำ� ไดง้ ่าย เพราะมฟี ันไม่กีซ่ ี่ และอย่ดู ้านหน้า แม่จะคอ่ ยๆ เรยี น รกู้ ารแปรงฟนั และลูกจะค่อยๆ เรียนรทู้ ีจ่ ะยอมรับการแปรงฟนั ได้ นอกจากนใ้ี นชว่ งการเลย้ี งดลู กู สขุ ภาพชอ่ งปากของแมแ่ ละผเู้ ลย้ี งดู จะมผี ลตอ่ การเกดิ ฟนั ผขุ องลกู โดยแมแ่ ละ ผเู้ ล้ยี งดูทีส่ ุขภาพชอ่ งปากไม่ดี มฟี ันผุมาก ลูกกจ็ ะมปี ัญหาฟนั ผมุ ากดว้ ยเช่นกัน ท้งั นเี้ พราะเช้อื โรคฟนั ผุ จะส่งต่อจากแม่ หรอื คนเลีย้ งดไู ปสเู่ ด็กผา่ นทางนำ�้ ลาย เช่น จากการใชช้ ้อน/ถ้วยนำ้� ร่วมกัน การเป่าอาหาร ชมิ อาหารเดก็ การจูบ และ อมมือเด็ก การเกดิ ฟันผใุ นเดก็ จะเกดิ ได้งา่ ยขึน้ หากไดร้ บั เชื้อซ้�ำๆ และบ่อยครัง้ 219 BBLProof

ใบความร้ทู ี่ ๓ “ดแู ลอาหารลูกขวบปีแรกอย่างไร ให้ลกู มีฟนั ดี” การจดั อาหารของลกู ในชว่ งขวบปแี รก นบั เปน็ กา้ วแรกของการฝกึ วนิ ยั การ กนิ ใหก้ บั ลกู เดก็ แรกเกดิ ถงึ ๖เดอื น อาหารทดี่ ที สี่ ดุ ของลกู คอื นมแม่ ควรใหก้ นิ นม แม่อยา่ งเดียว ไม่ตอ้ งใหอ้ าหารอ่นื แมแ้ ต่นำ้� เด็กทีก่ นิ นมแมจ่ ะมอี ัตราการเกิดฟันผุ ตำ�่ กวา่ เดก็ ทกี่ นิ นมผสมใสข่ วด เพราะนมแมม่ ภี มู คิ มุ้ กนั และมเี อน็ ไซมช์ ว่ ยยบั ยงั้ การ เจรญิ เติบโตของเช้อื โรค รวมทั้งกลไกการดูดนมแม่ นำ้� นมจะพ่งุ ไปส่บู ริเวณโคนล้ิน ท�ำให้ฟันมีโอกาสสัมผัสกับน�้ำนมน้อย และการออกแรงดูดนมยังกระตุ้นให้ใบหน้า และขากรรไกรเดก็ เจริญเติบโตสมสว่ น ในกรณีทีแ่ ม่ทำ� งานนอกบ้านไมส่ ามารถให้เด็กดม่ื นมจากเต้า และไดเ้ ลอื กวิธใี ห้นมจากขวด ควรเลอื กขวดนม ทไี่ ดร้ บั การรบั รองวา่ ปลอดภยั โดยดจู ากเครอื่ งหมายมาตรฐานมอก. สว่ นจกุ นมควรมรี ขู นาดพอดี เมอื่ ใสน่ ำ�้ และควำ�่ ขวด นมลง นำ้� จะไหลเปน็ สายในชว่ งแรก และเปล่ยี นเปน็ หยดๆ จกุ นมทีม่ รี ูใหญ่ เด็กไมต่ อ้ งออกแรงดดู ท�ำให้ขากรรไกรและ ใบหนา้ ขาดการกระตนุ้ รวมทง้ั นำ�้ นมทไ่ี หลเรว็ เกนิ ไป และทำ� ใหเ้ ดก็ สำ� ลกั จงึ ตอ้ งเอาลน้ิ มาดนุ จกุ นม ทำ� ใหพ้ ฒั นาการกลนื ทผี่ ิดปกติ ส่งผลใหก้ ารเรียงตัวของฟนั ผิดปกตไิ ด้ รวมท้งั ยังทำ� ใหฟ้ ันมโี อกาสสมั ผัสนำ้� นม จึงเสย่ี งตอ่ การผสุ ูง ในการใหน้ มลกู ไมว่ า่ จะใหโ้ ดยดดู จากเตา้ หรอื จากขวด แมค่ วรนง่ั และอมุ้ ให้ เด็กนอนในอ้อมแขน ไม่ควรให้เด็กนอนราบ เม่ือให้นมเสร็จแล้วจึงให้เด็กนอนราบ ได้ ถา้ จ�ำเป็นต้องใชน้ มผงเช่นแม่บางคนมนี ำ�้ นมไม่พอต้องใหน้ มผงเสรมิ ควรเลือก นมสำ� หรบั เดก็ ชว่ งวยั นเ้ี ทา่ นน้ั และตอ้ งไมเ่ ตมิ สารใหค้ วามหวานใดๆในนำ�้ นม ใหเ้ ดก็ ดูดนมและดืม่ นำ�้ ตามห้ามหลบั คาขวดนม เพราะเปน็ สาเหตทุ ที่ �ำให้เดก็ มีฟันผุมาก เมอ่ื เดก็ อายุ 6 เดือน ควรเลกิ นมมอ้ื ดึก เพราะเดก็ สามารถนอนหลับช่วงกลางคนื ตดิ ต่อกันไดโ้ ดยไม่หิว การ ให้นมมือ้ ดกึ จะเปน็ การรบกวนวงจรการนอนของเดก็ ถา้ เด็กตื่นใหก้ อด กล่อม ตบกน้ เบาๆ เดก็ จะหลบั ต่อได้ และควร เร่ิมให้อาหารเสริมควบคู่กับนมแม่ การให้อาหารเสริมยึดหลัก สมวัยตามความพร้อมของเด็ก เพียงพอ ตามปริมาณ พลังงานและสารอาหารที่ต้องการในแต่ละวัย และปลอดภยั จากสงิ่ สกปรกและสารเคมี ผปู้ กครองควรปรงุ อาหารเอง จากวตั ถดุ ิบในทอ้ งถิ่น เพ่ือให้ไดอ้ าหารทสี่ ด ใหม่ มคี ุณค่าทางโภชนาการ ประหยดั และเป็นการฝึกให้ทารกกนิ อาหารท่ี มใี นท้องถนิ่ ไม่ควรใสเ่ คร่ืองปรงุ รส หรือผงชูรส เพือ่ ให้ทารกคุน้ เคยกบั รสอาหารตามธรรมชาติ ไม่ตดิ รสหวาน ส�ำหรับ นมแม่สามารถให้ได้จนเดก็ อายุถงึ ๒ ปี 220 BBLProof

การปรับเปลย่ี นเรอ่ื งการกนิ น้ี จะมผี ลตอ่ สุขภาพในช่องปากของลูก เพราะลกู เร่ิมจะมฟี นั ขนึ้ มาในชอ่ งปากแลว้ ควรใหล้ กู ดมื่ นำ้� ตามหลงั กนิ อาหารเสรมิ และตอ้ งแปรงฟนั ใหล้ กู ทกุ วนั สำ� หรบั เดก็ นอกจากชนดิ และการจดั เตรยี มอาหาร แล้ว วิธกี ารกินก็มคี วามสำ� คัญ ในการปอ้ นอาหารและน้�ำใหเ้ ดก็ ควรใช้ภาชนะแยกส�ำหรบั เดก็ ไมค่ วรใหเ้ ดก็ ใช้ช้อน ถ้วย น�้ำรว่ มกับผอู้ น่ื และไม่ใช้ปากเป่าหรือเคย้ี วอาหารปอ้ นเด็ก เพือ่ ป้องกนั ไม่ให้เดก็ ได้รบั เช้ือโรคฟนั ผขุ องผู้เลีย้ งดผู า่ นทาง น�้ำลายของผู้เลี้ยงดู เมอ่ื ลกู อายุ ๖ เดอื น ควรเรมิ่ ฝกึ ใหเ้ ดก็ กนิ นมจากถว้ ย โดยเรมิ่ แบง่ นมใสถ่ ว้ ยใหล้ กู ดม่ื จำ� นวนนอ้ ยๆ และคอ่ ยๆ เพิ่มจำ� นวน ถา้ ฝึกอย่างต่อเนือ่ งเมือ่ เดก็ อายไุ ดป้ ระมาณ 1 ปี เดก็ กจ็ ะคนุ้ ชนิ กบั การดม่ื นมจากถ้วย และสามารถเลกิ ขวด นมได้ 221 BBLProof

แผนการสอนท่ี ๘ ลกู ฟนั ดี ฝีมือพ่อแม่ ตอนท่ี ๒ “ลกู รกั ฟนั ดี เริม่ ทีซ่ ่ีแรก” เป้าหมายรวม กจิ กรรมนี้จดั ทำ� ในการนดั ตรวจสุขภาพชว่ งอายุเดก็ ๖ เดือน หรือ ๙ เดือน – ๑๒ เดือนเพอ่ื ๑. ทบทวนความรจู้ ากกจิ กรรม “เตรยี มพรอ้ มใหล้ กู มฟี นั ด”ี และประเมนิ การนำ� ไปปฏบิ ตั ิ ในกรณที ไี่ มไ่ ดป้ ฏบิ ตั ิ ร่วมเรยี นรู้หาแนวทางแก้ไขปญั หาอปุ สรรคทพี่ บ ๒. ฝกึ แม่ใหแ้ ปรงฟนั ลูกเป็น และร้วู ธิ ีเลกิ นมขวด สาระสำ� คัญ 1. ทบทวนความรูจ้ ากกิจกรรม “เตรียมพร้อมใหล้ ูกมีฟนั ด”ี (สาเหตุ และผลเสยี ถ้าเดก็ ฟันผุ การเลกิ นมมือ้ ดึก การฝกึ ใหล้ ูกดื่มนมจากแกว้ การปอ้ นอาหารให้ลกู การเล้ยี งลูกไม่ใหต้ ดิ รสหวาน และการดูแลสขุ ภาพช่อง ปากตนเองของแม/่ ผเู้ ลีย้ งดู) 2. เรยี นรู้ และฝกึ ปฏบิ ัตแิ ปรงฟันใหล้ กู กิจกรรมที่ก�ำหนด มี ๑ กิจกรรม “แปรงฟนั ลูกได้ ไม่ยากอยา่ งท่ีคิด” ประโยชนท์ ีไ่ ด้รบั พอ่ แม/่ ผเู้ ลีย้ งดู ใส่ใจดแู ลอนามยั ช่องปากลกู และสามารถแปรงฟนั ใหล้ กู ได้ ระยะเวลาทั้งหมด ๔๕ นาที - ๑ ช่ัวโมง รูปแบบ/วิธีการสอน บรรยาย แลกเปล่ียนเรยี นรปู้ ระสบการณ์จากผรู้ ่วมกจิ กรรม และฝึกปฏบิ ัติ 222 BBLProof


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook