สดุธรรมชาตมิ าจากกจิ กรรมสําหรับเดก็ ปฐมวยั ปสตั วห์ รือจดั เรียงตามจินตนาการของตนเองแลว้ ทากาวบน
พมิ พ์ลายใบไม้เป็ นภาพ การจดั กจิ กรรม นาํ ใบไมม้ าใชเ้ ป็นแม่พิมพแ์ ลว้ ผสมสีโปสเตอร์ หลงั ของใบไมแ้ ลว้ พิมพล์ งไปบนกระดาษ วทิ ยานิพนธ์ศูนยว์ ทิ ยทรัพยากรจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
รไวห้ ลายๆสี จากน้นั นาํ ไปทาบน
เล่นสีจากใบไม้และดอกไม้ การจดั กจิ กรรม นาํ ใบไมแ้ ละดอกไมม้ าทาํ โดยการการนาํ มาวาดรูปล วทิ ยานิพนธ์ศูนยว์ ทิ ยทรัพยากรจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
ลงกระดาษดว้ ยวธิ ีการถู ขย้ี เพ่อื นาํ มาใชเ้ ป็นผลงาน
การจดั กจิ ก ความหมายของกจิ กรรมศิลปะ กิจกรรมที่เก่ียวขอ้ งกบั งานศิลปศึกษาต่างๆเช่น การ และการประดิษฐเ์ ศษวสั ดุฯลฯ ที่มุ่งพฒั นากระบวน ความสําคญั ของกจิ กรรมสิลปะ ช่วยใหเ้ ดก็ สามารถแสดงความคิดเห็นและความรู้สึก ผลงานทางศิลปะเป็นผลดีต่อการพฒั นาของเดก็ ทุกๆ ศิลปะเป็นทางออกในการส่ือถึงส่ิงต่างๆท่ีเดก็ ไม่อาจ ศิลปะเป็ นความสนุกสนานและความพึงพอใจของเด วทิ ยานิพนธ์ศูนยว์ ทิ ยทรัพยากรจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
กรรมศิลปะ รวาดภาพ ระบายสี การป้ัน การพบั ตดั ฉีก ปะ นการคิดสร้างสรรค์ ก ๆดา้ น จบอกใหท้ ราบดว้ ยวาจาได้ ดก็ เลก็
การจดั กจิ กรรมศิลปะในป ตะวนั ตกเฉียงใต้ การจดั กจิ กรรมในประเทศมองโกเลยี สถานทใี่ นการจดั กจิ กรรมศิลปะในเมืองอูลานบาต ศูนย์ศิลปะสําหรับเดก็ มองโกเลยี Mongolian child การจดั กจิ กรรม การเยย่ี มชมสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิค การเยย่ี มชมผลงานนิทรรศการผลงานทกั ษะและพ สนทนาและเปิ ดอบรมในภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มท่ีป จุดมุ่งหมาย เพ่อื ใหเ้ ดก็ มีความคิดสร้างสรรคแ์ ละใชค้ ุณค่ากบั ค พฒั นาการเรียนรู้เกี่ยวกบั งานฝีมือและภูมิปัญญาท สอดคลอ้ งกบั ความกา้ วหนา้ ในปัจจุบนั ของวทิ ยาศ https://www.jointtravel.com/mongolia-travel-information/mongolian-childre
ประเทศและต่างประเทศ ตาร์ dren’s art center พรสวรรคข์ องเดก็ มองโกเลีย ปลอดภยั และเป็นมิตรกบั เดก็ ความเป็ นมืออาชีพ ทอ้ งถ่ินบนพ้ืนฐานของเทคโนโลยที ่ีทนั สมยั ท่ี ศาสตร์และเทคโนโลยี en-art-center.html
ตะวนั ออกเฉียงใต้ การจดั กจิ กรรมในประเทศไทย สถานทใี่ นการจดั กจิ กรรมศิลปะในกรุงเทพ พพิ ธิ ภณั ฑ์เดก็ กรุงเทพมหานครแห่งท1ี่ (จต การจดั กจิ กรรม อธิบายกิจกรรมและหวั ขอ้ ในการเรียน ทาํ การแจกอุปกรณ์และปล่อยใหเ้ ดก็ ๆสร้าง ใหน้ าํ เสนอผลงานของตนเองโดยผลงานข ผลงาน จุดมุ่งหมาย ส่งเสริมแสดงความคิดเห็นผา่ นงานศิลปะ เสริมสร้างจินตนาการความสูงและสมาธิ น https://www.museumthailand.com/th/museum/Childrens-Discovery-Museum-Bangk
พมหานคร ตุจกั ร) งสรรคผ์ ลงานตามจินตนาการของตนเอง ของเดก็ ๆจะถูกจดั แสดงในพ้ืนท่ีสาํ หรับแสดง นาํ ไปสู่การสร้างสรรคส์ ่ิงใหม่ๆ kok-1-Chatuchak
กิจก 1.Kahoot แบบทอสอบ 2.การพบั กระดาษเป็นรูปสตั วต์ ่า 3.การฉีดกระดาษใหเ้ ป็นเรื่องรา
กรรม างๆ าว
• สริ ญิ กร สดแสงจนั ทร์ (2547, หน้า 12) กล่าวว่า ความคิดสร้า งสรรค์เป็ นลักษณะการผสมผสา น ความคดิ เดมิ กบั ความคดิ ใหม่ ก่อใหเ้ กดิ สงิ่ ใหม่ โดย มีสิ่งเร้าเป็ นตัวกระตุ้นทาให้เกิดความคิดใหม่ ต่อเน่ืองกนั มคี วามยดื หยุ่นและพรอ้ มท่ีจะปรบั ให้ เข้ากับสิ่งใหม่ๆ ท่ีเหมาะสมกว่า ซ่ึงรวมทัง้ การ ประดิษฐ์คิดค้นพบสิ่งต่างๆ ตลิดจนวิธีการคิด ทฤษฎแี ละหลกั การไดส้ าเรจ็
• สุวิทย์ มูลคา (2547, หน้า 9) กล่าวว่า ความคิด สร้างสรรค์เป็นกระบวนการทางปัญญาท่สี ามารถ ขยายขอบเขตความคดิ ทม่ี อี ยเู่ ดมิ สคู่ วามคดิ ทแ่ี ปลก ใหมแ่ ตกต่างไปจากความคดิ เดมิ และเป็นความคดิ ท่ี ใชป้ ระโยชน์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ชลธิชา ปรีชา .2544 มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ
• อุทุมพร จนั ทยอม (2547 ส า ม่ ร ถ ข อ ง บุ ค ค ล ใ ความสัมพันธ์ของสิ่งต ประสบการณ์เดมิ เป็นอง เรา้ เป็นตวั กระตุ้น ทาให ตอ่ เน่อื งกนั ไป
7, หน้า 18) กล่าววา่ ความ น ก า ร คิ ด แ ล ะ ม อ ง เ ห็ น ต่างๆ โดยใช้ความรู้หรือ งคป์ ระกอบสาคญั และมีสงิ่ หเ้ กดิ ความคดิ ใหม่เช่อื มโยง ชลธิชา ปรีชา .2544 มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ
Davis (กรมวิชาการ. 2544 : 6 รวบรวมแนวคิดเก่ียวกบั ความคิดสรา้ ทฤษฎีของความคิดสรา้ งสรรค์ โดยแบ
6-7 ; อา้ งอิงจาก Davis.1973 ) ได้ างสรรคข์ องนกั จิตวิทยาท่ีไดก้ ล่าวถึง บง่ เป็ นกลมุ่ ใหญๆ่ ได้ 4 กลมุ่ กรมวชิ าการ. (2544). ความคิดสร้างสรรค.์ กรุงเทพฯ : กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธิการ
➢ทฤษฎีคว ามคิดสร้ างสรรค์ เชิ งจิต วิเคราะ ห์ นักจิตวิทยาทางจิตวิเคราะห์หลายคน เช่น ฟรอยด์ และคริส ไดเ้ สนอแนวคิดเก่ียวกบั การเกิดความคิด สร้างสรรคว์ า่ ความคิดสร้างสรรคเ์ ป็นผลมาจากความ ขดั แยง้ ภายในจิตใตส้ านึกระหวา่ งแรงขบั ทางเพศ กบั ความรู้สึกรับผิดชอบทางสังคม ส่วนคูไบ และรัค ซ่ึง เป็ นนักจิตวิทยาแนวใหม่ กล่าวว่า ความคิ ด สร้างสรรคน์ ้นั เกิดข้ึนระหวา่ งการรู้สติกบั จิตใตส้ านึก ซ่ึงอยใู่ นขอบเขตของจิตที่เรียกวา่ จิตก่อสานึก
➢ทฤษฎีความคิดสร้ างสรรค์ เชิงพฤติกรรมนิยม นักจิตวิทยากลุ่มน้ีมีแนวความคิดเกี่ยวกับเร่ื อง ความคิดสร้างสรรคว์ ่า เป็ นพฤติกรรมที่เกิดจากการ เรียนรู้ โดยเนน้ ท่ีความสาคญั ของการเสริมแรง การ ตอบสนองที่ถูกตอ้ งกบั ส่ิงเร้าเฉพาะหรือสถานการณ์ นอกจากน้ียงั เน้นความสัมพนั ธ์ทางปัญญา คือ การ โยงความสัมพนั ธ์จากสิ่งเร้าต่างๆ ทาใหเ้ กิดความคิด ใหม่หรือสิ่งใหม่เกิดข้ึน กรมวชิ าการ. (2544). ความคิดสร้างสรรค.์ กรุงเทพฯ : กรมวชิ าการ กระทรวงศกึ ษาธิการ
➢ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์เชิงมนุษย ความคิดสร้างสรรค์เป็ นส่ิงที่มนุษ ความคิดสร้างสรรค์ออกมาใช้ได้ค พอใจตนเอง และใชต้ นเองเตม็ ตามศกั สร้างสรรค์ของตนเองมาไดอ้ ย่างเต บรรยากาศที่เอ้ืออานวย ไดก้ ล่าวถึง บรรยากาศท่ีสา ความปลอดภยั ในเชิงจิตวิทยา ควา เล่นความคิดและการเปิ ดกวา้ งที่จะร
ยนิยม นกั จิตวิทยาในกลุ่มน้ีมีแนวคิดว่า ษย์มีติดตัวมาต้ังแต่เกิด ผูท้ ี่สามารถนา คือผูท้ ่ีมรสัจการแห่งตน คือรู้จกั ตนเอง กยภาพ มนุษยจ์ ะสามารถแสดงความคิด ต็มท่ีน้ันข้ึนอยู่กบั การสร้างสภาวะหรือ าคญั ในการสร้างสรรค์ว่าประกอบด้วย ามมน่ั คงของจิตใจ ความปรารถนาท่ีจะ รับประสบการณ์ใหม่ กรมวชิ าการ. (2544). ความคิดสร้างสรรค.์ กรุงเทพฯ : กรมวชิ าการ กระทรวงศกึ ษาธิการ
➢ทฤษฎีอูต้า ทฤษฎีน้ีเป็ นรูปแบบของ ในตวั บุคคล โดยมีแนวคิดว่าความค สามารถพฒั นาให้สูงข้ึนได้ การพฒั ประกอบดว้ ย
งการพฒั นาความคิดสร้างสรรคใ์ ห้เกิดข้ึน คิดสร้างสรรค์มีอยูใ่ นตวั มนุษยท์ ุกคนและ ฒนาความคิดสร้ างสรรค์ตามรู ปแบบอูตา้ กรมวชิ าการ. (2544). ความคิดสร้างสรรค.์ กรุงเทพฯ : กรมวชิ าการ กระทรวงศกึ ษาธิการ
การตระหนกั คือ ตระหนักถึงความสาคญั ของความคิดสร้างสรรคท์ ่ีมีต่อ ตนเอง สังคม ท้งั ในปัจจุบนั และอนาคต และตระหนักถึง ความคิดสร้างสรรคท์ ี่มีอยใู่ นตนเองดว้ ย เทคนิควธิ ี คือ การร็เทคนิกในการพฒั นาความคิดสร้างสรรคท์ ้งั ท่ีเป็น เทคนิคส่วนบุคลและเทคนิคส่วนที่เป็ นมาตรฐาน
ความเขา้ ใจ คือ มีความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซ้ึงในเร่ืงอราวต่างๆ ที่ เก่ียวขอ้ งกบั ความคิดสร้างสรรค์ การตระหนกั ใน ความจริงของสิ่ง ต่างๆ คือ การรู้จกั หรือตระหนกั ในตนเอง พอใจในตนเอง และ พยายามใชต้ นเองเตม็ ศกั ยภาพ รวมท้งั การเปิ ดกวา้ งรับ ประสบการณ์ต่างๆ โดยมีการปรับตวั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม การ ตระหนกั ถึงเพ่ือนมนุษญด์ ว้ ยกนั การผลิตผลงานดว้ ยตนเอง และมีความคิดที่ยดื หยนุ่ เขา้ กบั ทุกรูปแบบของชีวติ กรมวชิ าการ. (2544). ความคิดสร้างสรรค.์ กรุงเทพฯ : กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธิการ
พฒั นาการความคิดสร้า ➢แมคมลิ แลน (อารี รงั สนิ นั ท.์ 2526: 41 พฒั นาการทางจินตนาการของเด็กออกเ ข้ันที่ 1 เป็นข้นั ที่เดก็ เลก็ ๆ มีความรู้สึกเก่ียวกบั ความง ข้ันท่ี 2 เป็นระยะที่เดก็ เร่ิมเขา้ ใจถึงความเป็นจริง เดก็ “ทาไม” ข้ันท3ี่ เดก็ เริ่มเขา้ ใจคิดที่ละนอ้ ยๆ ในสิ่งท่ีเดก็ พบเห็น
างสรรคข์ องเดก็ ปฐมวยั 1-42; อา้ งอิงจาก Macmillan. n.d.) ไดแ้ บง่ เป็ น 3 ขนั้ คือ งาม ซ่ึงเป็นทางนาไปสู่ความจริง กจะเร่ิมมีคาถามถึงสาเหตุและผล ดว้ ยการถามวา่ นในโลกแห่งความจริง ชลธิชา ปรีชา .2544 มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ
พฒั นาการความคดิ สร้างส ➢ทอรแ์ รนซ์ (สวุ รรณา ทองกอ้ น. 2542: 29; กลา่ วถึง พฒั นาการทางความคิดสรา้ งสรรค • แรกเกิด - 2 ปี ในระยะขวบแรกของชีวิต เด็กเร่ิมพ ช่ือส่ิงตา่ งๆ การพยายามทาํ สิ่งตา่ งๆ หรือ จงั หวะเด มคี วามกระตอื รือรน้ ท่ีจะทาํ ท่ีจะคดิ สาํ รวจสิ่งต่ างๆ • ระยะ 2 - 4 ปี เด็กเรียนรสู้ ่ิงต่าง ๆ จากประสบกา แสดงออกและจินตนาการ
สรรคข์ องเดก็ ปฐมวัย (ต่อ) ; อา้ งอิงจาก Torrance. 1964: 87-88) ได้ ค์ ไวด้ งั นี้ พฒั นาการดา้ นจินตนาการ จะเห็นได้ จากที่เด็กเร่ิมถาม ด็กเร่ิมแสวงหาโอกาส ทาํ สิ่งแปลก ใหม่ไปกว่าเดมิ โดย ๆ มากขนึ้ ารณต์ รง แลว้ ถ่ายทอดประสบการณท์ ี่ รับรู้ โดยการ ชลธิชา ปรีชา .2544 มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ
พัฒนาการความคดิ สร้างส • ระยะ 4 - 6 ปี ในวยั นเ้ี ป็ นวยั ที่เด็กมีจนิ ตนาการสงู เ สิ่งท่ีเกิดขึ้นจากการเล่น เด็กเร่ิมเล่นเรียนแบบผใู้ พยายามคน้ หาขอ้ เท็จจริง เด็กเริ่มเขา้ ใจความรสู้ ึกข ตอ่ บคุ คลอื่น จากการเลน่ และการแสดงบทบาทสมม
สรรคข์ องเดก็ ปฐมวัย (ต่อ) เด็กเริ่มสนกุ สนานกบั การวางแผน และการคาดคะเนใน ใหญ่หรือผใู้ กลช้ ิด มีความอยากรู้ อยากเห็น เด็กจะ ของผอู้ ่ืน และเร่ิมคิดคาํ นงึ ถึงการ กระทาํ ของคนที่มีผล มตติ ามจนิ ตนาการ ชลธิชา ปรีชา .2544 มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ
องคป์ ระกอบควา กลิ ฟอรด์ (อารี พนั ธม์ ณี. 2545: 35 – 42;อา้ งอ องคป์ ระกอบของความคดิ สรา้ งสรรค์ ไวด้ งั น้ี ➢1. ความคดิ ริเริ่ม คอื ความคิดแปลกใหม่ ไมซ่ า้ํ กบั ค ความคดิ ริเร่ิมอาจเกิดจากความคดิ จากของเดมิ ที่มอี ความคิดเกา่ มาปรบั ปรงุ ผสมผสานจนเกดิ เป็ นของให
ามคิดสร้างสรรค์ อิงจาก Guilford. 1967: 145 -151) กลา่ วถึง ความคดิ ของคนอ่ืนและแตกตา่ งจากความคิดธรรมดา อยแู่ ลว้ ใหแ้ ปลกแตกตา่ งจากที่เคยเห็น เป็ นการนาํ เอา หม่ ชลธิชา ปรีชา .2544 มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ
องคป์ ระกอบความค ➢2. ความคิดคลอ่ งแคลว่ ปริมาณความคิดทไ่ี มซ่ า้ํ กนั ใ 2.1 ความคดิ คลอ่ งแคลว่ ทางดา้ นถอ้ ยคาํ เป็ นความสา 2.2 ความคดิ คลอ่ งแคลว้ ทางดา้ นการโยงสมั พนั ธ์ เป็ น มากที่สดุ เทา่ ท่ีจะมากได้ ภายในเวลาท่กี าํ หนด 2.3 ความคิดคลอ่ งแคลว่ ทางการแสดงออก เป็ นความส รวดเร็ว เพอื่ ใหไ้ ดป้ ระโยคที่ตอ้ งการ 2.4 ความคลอ่ งแคลว่ ในการคดิ เป็ นความสามารถทจ่ี ะ ประโยชนข์ องหนงั สือพิมพใ์ หไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ ภายในเวลาทก่ี า
คดิ สร้างสรรค์ (ตอ่ ) ในเร่ืองเดยี วกนั แบง่ เป็ น 4 ประเภท คือ ามารถในการใชถ้ อ้ ยคาํ นความสามารถทจี่ ะคดิ หา ถอ้ ยคาํ ที่เหมอื น หรือคลา้ ยกนั ได้ สามารถ ในการใชว้ ลีหรือประโยค และนาํ คาํ มาเรียงกนั อย่าง ะคิด ในสง่ิ ทตี่ อ้ งการภายในเวลา ที่กาํ หนด เชน่ ใหค้ ดิ าํ หนดให้ ชลธิชา ปรีชา .2544 มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ
องคป์ ระกอบความค ➢3. ความคดิ ยืดหยนุ่ คอื ประเภทหรือแบบของการค 3.1 ความคิดยืดหยนุ่ ท่เี กดิ ขนึ้ ไดท้ นั ที คือ ความสามารถ กลมุ่ ไดห้ ลายทิศทางหรือหลายดา้ น 3.2 ความคิดยืดหยนุ่ ทางการดดั แปลง คือ ความสามา ประโยชนห์ ลายๆ ดา้ นซ่ึงมปี ระโยชนต์ อ่ การแกป้ ัญหาผทู้ ➢4.ความคดิ ละเอียดลออ หมายถึง ความคดิ ในรายละ หรือเป็ นแผนงานทีส่ มบรู ณข์ น้ึ ความคิดละเอียดลออ แรกใหส้ มบรู ณข์ น้ึ
คดิ สร้างสรรค์ (ต่อ) คิด โดยแบ่งเป็ น ถทพ่ี ยายามคดิ ไดห้ ลายทางอยา่ งอสิ ระ สามารถจดั ารถในการดดั แปลงความรหู้ รือประสบการณใ์ หเ้ กิด ทม่ี คี วามคดิ ยืดหย่นุ จะดดั แปลงไดไ้ มซ่ าํ้ กนั ะเอียดเป็ นขนั้ ตอน สามารถอธบิ ายใหเ้ ห็นภาพชดั เจน อจดั เป็ นรายระเอียดท่นี าํ มาตกแตง่ ขยายความคดิ ครงั้ ชลธิชา ปรีชา .2544 มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ
➢สรา้ งสรรค์ คือ ความสามารถของม ประดษิ ฐผ์ ลติ ผลงานใหมๆ่ การคดิ รเิ ร่มิ ตนเองและผอู้ นื่ (ครูจระกฤตย์ โพธร์ิ ะหง
มนุษยท์ ่ีจะคิดแกป้ ัญหาและพฒั นาจนสามารถ มในสงิ่ ทแ่ี ปลกใหม่ เพื่อสนองความตอ้ งการของ งส)์
➢ประเภทความคิดสรา้ งสรรค์ ความคิดสรา้ งสรรคแ์ บ่งออกเป็ น 3 ประเภท ไดแ้ ก่ • ความคิดสรา้ งสรรคท์ างความคิด คอื การ การบริหารงานใหป้ ระสบความสาํ เร็จ และ เจริญ และแนวทางแกป้ ัญหาเพื่อนาํ มาวางแผนงานตอ่ • ความคิดสรา้ งสรรคท์ างความงาม คอื การ คณุ คา่ ยิ่งขนึ้ ซ่ึงเป็ นความคิดสรา้ งสรรคใ์ นทาง หอ้ งเรียน สาํ นกั งาน ใหม้ คี วามแปลกใหม่
รคิดแสวงหาแนวทางการแกป้ ัญหาและพฒั นางาน หรือ ญกา้ วหนา้ รจู้ กั การวิเคราะหป์ ัญหา สาเหตขุ องปัญหา อไป รสรา้ งสรรคค์ วามงามทแี่ ปลกใหมใ่ หง้ ดงามและมี งปฏิบตั ิ เชน่ การสรา้ งสรรคง์ านศิลปะ การตกแตง่ บา้ น สิริมาศ กาญจนโอภาส.2557 มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ
• ความคิดสรา้ งสรรคท์ างประโยชนใ์ ชส้ อย คือ ก เชน่ งานสง่ิ ประดษิ ฐ์ งานศิลปะท่ีนาํ วสั ดตุ า่ งๆ มาผ ➢กระบวนการสรา้ งสรรคง์ านศิลปะ การสรา้ งสรรคง์ านศิลปะมกี ระบวนการหรือขน้ั ต • การรบั รู้ คือ การที่มนษุ ยใ์ ชป้ ระสาทสมั ผสั ดา้ นตา่ ง • ประสบการณ์ คือ การทมี่ นษุ ยผ์ า่ นการรบั รู้ ไดเ้ ห็น ประสบการณแ์ ละความชาํ นาญ • จินตนาการ คือ การสรา้ งภาพในจิตใจกอ่ นท่ีจะสร สมั ผสั รบั ธรรม และสภาพแวดลอ้ มจนเกิดแรงบนั ด
การสรา้ งสรรคด์ ดั แปลงส่ิงตา่ งๆ ใหม้ คี ณุ คา่ ทางประโยชนใ์ ชส้ อย ผลติ ผลงานขนึ้ ใหเ้ กิดประโยชนใ์ ชส้ อย ตอนตามลาํ ดบั ดงั นี้ งๆ รบั รแู้ ละชน่ื ชมในธรรมชาตแิ ละสภาพแวดลอ้ มรอบตวั น ไดฟ้ ัง และไดป้ ฏิบตั ดิ ว้ ยตนเองมาแลว้ บอ่ ยครง้ั จนสงั่ สมเป็ น รา้ งสรรคอ์ อกมาเป็ นผลงานศิลปะ โดยมพี ้นื ฐานมาจากการได้ ดาลใจในการสรา้ งสรรคง์ านศิลปะ สิริมาศ กาญจนโอภาส.2557 มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407