Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานนำเสนอการจัดกิจกรรมทางศิลปะระดับการศ

งานนำเสนอการจัดกิจกรรมทางศิลปะระดับการศ

Published by Anusorn Thanongbua, 2020-10-20 16:55:14

Description: งานนำเสนอการจัดกิจกรรมทางศิลปะระดับการศ

Search

Read the Text Version

การประเมิน เคร่ืองม • การ ทอแรนซ์ • การ • เสียงและภาษา • รูปภาพ • การ • ปฏิบตั ิและเล่ือนไหว • ส่งเ เจลเลน & เออร์บัน • แบบทสอบ TCT - DP

มือการวดั ความคิดสร้างสรรค์ รสังเกต รวาดภาพ รเขียนเรียงความ , งานศิลปะ เสริมพฒั นาการการใชค้ าถามกระตุน้ การคิด สิริมาศ กาญจนโอภาส.2557 มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ

การวเิ คราะห์ตาม หลกั ปรัชญาของเศ ปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียง สามารถนาํ มา ใ พัฒนางานในทุกระบบรวมถึงนํามาพัฒนาการศึก กระบวนการเรียนรใู้ หเ้ กิดผลสัมฤทธ์ิกบั เด็ก ทาํ ใหเ้ ด็ก พัฒนาทกุ ดา้ นโดยองคร์ วม เด็กสามารมีวิถีทางในการ สิ่งทเี่ ป็ นประโยชน์ เกดิ คณุ คา่ แหง่ ตนและสงั คมโดยรวม

มหลกั การ แนวคดิ ศรษฐกจิ พอเพยี ง ใชใ้ นการ กษา จัด กสามารถ รเลือกใน สิริมาศ กาญจนโอภาส.2557 มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ

❑3 ห่วง • ความพอประมาณ คอื การยบั ยง้ั ชง่ั ใจ • มีเหตผุ ล คอื การจดจาเพื่อใชง้ าน และการวางแผน • มีภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี ี คอื การยดื หยุน่ ทางความคดิ

❑2 เงอ่ื นไข • เง่ือนไขความรู้ คอื การวางแผน • เง่ือนไขคณุ ธรรม คอื ยบั ยงั้ ชง่ั ใจ สิริมาศ กาญจนโอภาส.2557 มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ

ในสหราชอาณาจกั รโรงเรียน อนบุ าลจะเรียกวา่ “playgroups”

โรงเรียนอนบุ าลในประเทศจนี

ของเลน่ จากถุงกระดาษคราฟทส์ ีน้าตาล

ศิลปะสร้างสรรคจ์ ากจานกระดาษ



กลา้ มเน้อื

อมดั เลก็

ความห ความสามาร กลา้ มเน เลก็

หมาย รถในการใช้ น้ือมดั ก

ความห นภเน สตปิ ญั การใช ตา่ งๆใ ลากเส ตน้ กรรณ กรุงเท มัดเลก็ ความส ความส

หมายความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนอื้ มดั เลก็ นตร ธรรมบวร (2546). กระตนุ้ กล้ามเนือ้ มัดเล็กเสริมสร้าง ญญา. บนั ทกึ คุณแม่.9(118): 110 – 114.) กล่าววา่ ความสามารถใน ชก้ ล้ามเนอ้ื มัดเล็กเป็นความสามารถในการบังคบั กลา้ มเนอื้ เลก็ ส่วน ใหท้ างานประสานกนั เช่น ตากับมือ นว้ิ มือ ไดแ้ ก่ การวาดภาพ การ ส้น การตัดกระดาษ การร้อยลูกปดั และการลากเสน้ ตามรอยปะ เป็น ณกิ าร์ วิจิตรสคุ นธ์ (2529). (คู่มืออบรมและเลี้ยงดเู ด็กเล็ก. ทพฯ: เทพรัตน์การพิมพ์) กล่าวว่า ความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนือ้ ก คือ การใช้กล้ามเน้อื มอื เปน็ พฤตกิ รรมที่แสดงให้เห็นถึง สามารถในการประสานงานระหวา่ งมือกับตาซ่ึงแสดงออกใหเ้ หน็ ทาง สามารถในการใช้มอื ของเด็ก

ความหมายความสามารถในการใชก้ ล ควา เอือ้ พร ส พฒั นาทกั กรงุ เทพฯ มอื และน ความสา ความสา อาศัยกา ควบคุมก สัมพันธก์ ต่างๆ แ ประสทิ ธ

ลา้ มเนอ้ื มดั เลก็ ามหมายความสามารถในการใชก้ ล้ามเน้อื มดั เล็ก สมั มาทิพย์ (2537). “แนวการจัดกิจกรรมและส่ือการสอนเพ่ือ กษะกลไกกล้ามเน้อื เล็กสาหรบั เด็กปฐมวัย” หน้า 220 – 225. ฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย) กลา่ วว่า ความสามารถในการใช้ นิว้ มือในการทากิจกรรมต่างๆโดยสัมพันธก์ บั การใชส้ ายตา ามารถในการใช้กล้ามเน้อื มดั เลก็ หมายถงึ ามารถในการใช้กล้ามเนื้อท่ีมีความละเอียด ท่ีไม่ต้อง ารเคลื่อนท่ีของร่างกาย เป็นความสามารถในการบังคับ การเคลื่อนไหวของกล้ามเน้ือมือ น้ิวมือ ไหล่ให้ประสาน กับสายตาและประสาทสมั ผสั ทาให้สามารถทากจิ กรรม แ ล ะ ช่ ว ย เ ห ลื อ ต น เ อ ง ใ น ชี วิ ต ป ร ะ จ า วั น ไ ด้ อ ย่ า ง มี ธิภาพ

พฒั การใช ม

ฒนาการ ชก้ ลา้ มเนอ้ื มดั เล็ก

อธิษฐาน พลศลิ ปศ์ กั ดิ์กลุ . (2546). กระตุ้นกลา้ มเน้ือมดั เลก็ เสริมสรา้ งสติปญั ญา. บันทึกคณุ แม.่ 9(118): 110 – 114. 01อายุ สามารถใช้นิ้วโป้งและนิ้วชไี้ ดแ้ ต ปี และลากเสน้ เป็นแนวตงั้ จากบน อายุ02 สามารถเขยี นโดยลากเส้นตอ่ เ ปี แนวนอนสลบั ซา้ ยขวา

กล่าวถึง พัฒนาการความสามารถในการใช้กล้ามเน้ือ มัดเล็ก ข้ึนอยู่กับระดับสติปัญญาตามวุฒิภาวะของ สมองท่ีเป็นไปตามวัย โดยการพัฒนาจากต้นแขนไปสู่ ปลายแขนหรอื จากตน้ ไปสูป่ ลาย ดังนี้ ตย่ ังไมค่ ลอ่ ง จงึ กาส่งิ ของทั้งมือ นลงลา่ งข้ึนๆลงๆได้ เนอ่ื งกนั กอ่ นจะร้จู ักลากเสน้ ตาม

จนั ทรเ์ พญ็ ศรีมันตะ. (2531). คู่มือดแู กล่าวถงึ พฒั นาการความสามารถในการใ อายุ 03 สามารถหยิบส่ิงของได้โดยปิดตาข ปี ได้ เขียนวงกลมทบั ตามแบบและอกั อายุ 04 สามารถปิดตาข้างเดียวหยิบและว ปี ได้ แตย่ งั รอ้ ยรเู ขม็ ไมไ่ ด้ เขียนทับก บางตัวเช่น ง บ ป อายุ 05 ปี สามารถร้อยรูเข็มได้ เขียนทับร บางตัวได้โดยไมต่ อ้ งมีคนบอก ระ อายุ 06 เขียนทับรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสได้อย สเ่ี หลี่ยมขนมเปยี กปนู วาดรปู สามเ ปี

แลลกู รกั . กรงุ เทพฯ: แปลนพบั ลชิ ชงิ่ ใช้กล้ามเนอื้ มดั เลก็ ไวด้ ังน้ี ข้างหน่ึง ตัดกระดาษด้วยกรรไกร กษรได้ วางวัสดุเล็กๆไว้ที่เดิมได้ ร้อยลูกปัด กากบาทและเขียนตัวหนังสือที่ง่ายๆ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสได้ และตัวอักษร ะบายสภี าพดว้ ยความระมดั ระวงั ย่างถูกต้อง พยายามจะวาดรูป เหลย่ี มไดถ้ กู ต้องกวา่ เม่ืออายุ 5 ปี

ทฤษฎีทเ่ี ก กับพัฒนา กลา้ มเนอื้ ม

กยี่ วขอ้ ง าการ มดั เลก็

— อารโ์ นลด์ กีเซลล์ (Arnold บดิ าทฤษฎพี ฒั นาการทางรา่ งกาย นกั จิตวิท รวพิ ร ผาดา่ น. (2557).ความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนื้อมดั เล็กของเดก็ ปฐมวยั ทไี่ ด้รับการจดั กจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ ฉีก ตดั ปะวสั ด.ุ แนวคดิ กีเซลล์ ไดศ้ ึกษาความสามารถของเดก็ ตามแบบธ เกดิ จนเติบโตเตม็ ท่ี หลกั การ ความสามารถของเดก็ มีเปน็ ระยะและขน้ั ตอน แ 1. พฤติกรรมด้านการเคลอ่ื นไหว ความสามารถของรา่ งกายท 2. พฤตกิ รรมด้านการปรับตวั ความสามารถในการประสานง 3. พฤตกิ รรมทางดา้ นภาษา การเคลอื่ นไหวท่า ทางของรา่ ง 4. พฤติกรรมทางด้านนสิ ยั ส่วนตวั และสังคม ความสามารถก และการฝกึ ต่อสภาพสังคม

d Gesell) ทยาชาวอเมรกิ นั ธรรมชาติ โดยสงั เกตพฤตกิ รรมของเด็กตัง้ แต่ แรก แบง่ 4 ขั้นตอน คือ ทุมการบงั คบั อวัยวะตา่ ง ๆ งานระหว่างระบบการเคลือ่ นไหวกบั ระบบความรู้สกึ งกายประกอบด้วยวธิ ีสือ่ สาร การฝกึ ปฏบิ ตั สิ ว่ นตวั เชน่ การกินอาหาร การขบั ถ่าย

— อาร์โนลด์ กีเซลล์ (Arno บิดาทฤษฎพี ฒั นาการทางรา่ ง ทฤษฎีเกยี่ วกบั กลา้ มเนือ้ มัดเลก็ : การหยิบอาหารใสป่ ากข ข้ันแรก ทารกจะใชม้ ือตะปบ ขน้ั ท่ีสอง จับของดว้ ยมอื 4 นวิ้ ติดกนั กับฝา่ มอื โดยเร่ิมใ กลางมอื แล้วหวั แมม่ ือเลอ่ื นมาชว่ ยจบั ขั้นสุดท้าย คอื การหยิบของด้วยหัวแมม่ อื กับปลายน้วิ กเี ซลได้ต้งั ขอ้ สงั เกตว่าการควบคุมปฏบิ ตั กิ ารแห เด็กเล็ก ๆ เมื่อเขียนหนงั สือมกั จะตวั โตเพราะกล้ามเนื้อมือยัง แลว้ ทาใหเ้ ขยี นตวั เล็กๆได้ เพราะสามารถบังคบั กลา้ มเน้ือมือ

old Gesell) งกาย ของทารก มกี ารเรยี นรูเ้ ปน็ ขนั้ ตอน ใช้ฝา่ มือตอนใกล้ ๆ สนั มือ ต่อมาจะเลอื่ นไปใช ห่งกลา้ มเน้ือมัดเลก็ ของคนเรามีใชม้ อื คล่องก่อน นว้ิ ดังนน้ั งใช้ไม่คลอ่ ง ตอ่ มาเมอ่ื การบงั คับกล้ามเนอ้ื บรรลวุ ฒุ ภิ าวะ อและน้วิ ได้

— เคปฮารท์ แนวคิด เคปฮาร์ท ได้กล่าวถงึ พัฒนาการเป็นลาดับขั้น หลักการ พัฒนาการเปน็ ลาดบั ขั้นของเดก็ คือ เร่มิ จา innate (ระยะของปฏกิ ริ ิยาการกระตุ้น – ตอบสนองโดยอ สะดุ้ง หมนุ ตัวและทาอะไรตามแบบอตั โนมตั ิ ระบบประส ท่ีละน้อยปฏกิ ิรยิ าอัตโนมตั บิ างอยา่ งจะมีการปรับให้เข้าตา เช่ือมโยงหรือปรบั ให้เด็กแยกภาพและพ้นื ได้ โดยอาศัยปร จะต้องอาศัยกลา้ มเนื้อมดั เล็ก ทฤษฎเี ก่ยี วกับกล้ามเนอื้ มัดเลก็ การจับวัตถุเลก็ ๆ เดก็ จะกระตนุ้ น้วิ หัวแมม่ อื และนิ้วชใ้ี หบ้ ีบเข้ามาในทศิ ท อย่างเดยี วโดยไมต่ อ้ งออกแรงกระตุน้ สว่ นอ่นื ๆ เมื่อเดก็ เกิดการเรียนรู้ เด็กจะสามารถบงั คับมือใหเ้ ขยี เคลอ่ื นไหวกลา้ มเนือ้ ไปสูส่ งิ่ นั้นได้ และเริ่มพัฒนาการไปสูก่ ารค และประสาทสมั ผัสต่างๆ

นของเด็ก ากการรับข่าวสารขอ้ มูลของเดก็ เรยี กวา่ อัตโนมัติ) ระยะน้เี ดก็ จะมองกระพรบิ ตา สาทและกล้ามเนอ้ื จะค่อยๆเจรญิ เตบิ โตข้นึ มา ามสถานการณ์ จากนน้ั ข้นั การรบั รจู้ ะ ระสบการณ์ ของเดก็ เมอ่ื เดก็ มีกิจกรรม ทางตรงกันข้ามเพยี ง ยนหนังสือโดยการ คน้ หาโดยอาศัยตา

-เพียเจต์ (Piaget) เป็นนักชีววิทยาชาวสวิสเซอร์แลนด์ แต่มีความสนใจศึกษาทางด้าน กระบวนการพฒั นาทางสติปญั ญาของเดก็ ตงั้ แตว่ ัยแรกเกิดจนถึงวยั ร่นุ เป็นบุคคลแรกที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ศึกษาพัฒนาการด้านควา ระเบยี บ ฐิกาญจน์ บญุ รักษา อนิ ทาปัจ. (2562).แนวคดิ ทฤษฎพี ฒั นาการ. หลักการ เพยี เจต์เชอ่ื ว่าโดยธรรมชาตแิ ล้วมนษุ ย์ทุกคนมคี วามพร้อม แนวคดิ เพยี เจตไ์ ด้แบง่ ลาดับขน้ั พัฒนาการทางสติปัญญาไว้ 4 ขัน้ 1. ขั้นใชป้ ระสาทสมั ผสั และกลา้ มเนือ้ พัฒนาการระยะน้ีอยู่ในช่วงแรก-เ 2. ขัน้ กาหนดความคดิ ไว้ลว่ งหน้า อยู่ในชว่ ง 2-7 ปี ขั้นนจ้ี ะมโี ครงสร้าง อยา่ งเต็มที่ 3. ขั้นปฏบิ ตั กิ ารคิดด้วยรปู ธรรม ขั้นนี้ เรม่ิ จากอายุ 7-11 ปี เด็กจะสาม ขนั้ 4. ข้นั ปฏิบตั ิการคดิ ด้วยนามธรรม ต้งั แตอ่ ายุ 11 ปี จนถงึ วัยผู้ใหญเ่ ป็น และอนาคต

จิตวิทยา โดยเฉพาะในด้าน ามคิดมนุษย์อย่างเป็นระบบ มทีจ่ ะมีปฏิสัมพันธแ์ ละปรับตัวใหเ้ ข้ากบั สิ่งแวดลอ้ มตัง้ แต่เกิด น เกดิ 2 ปี งทางสตปิ ญั ญา แต่ยังไม่สามารถใช้สตตปิ ญั ญากระทาสง่ิ ตา่ ง ๆ ได้ มารถคดิ อยา่ งมีเหตผุ ล แบ่งแยกสิ่งแวดล้อม ออกเป็นหมวดหมู่ลาดับ นช่วงที่เด็กจะสามารถจินตนาการเงื่อนไขของปญั หาในอดตี ปจั จุบนั

-เพียเจต์ (Piaget) พฒั นาการทางการรู้คดิ ของเดก็ ในช่วงอายุ 6 ปแี รกของชวี ิต ซึ่งเพียเจ มี 6 ขัน้ ได้แก่ 1. ขนั้ ความรูแ้ ตกตา่ ง (Absolute Differences) เด็กเร่ิมรบั รใู้ นความแ 2. ขนั้ รสู้ ่ิงตรงกันข้าม (Opposition) ขนั้ นีเ้ ดก็ รู้ว่าของตา่ งๆ มลี กั ษณะ 3. ขั้นรหู้ ลายระดับ (Discrete Degree) เดก็ เริม่ รจู้ กั คิดสิ่งที่เกย่ี วกบั ล นอ้ ย 4. ขั้นความเปล่ียนแปลงตอ่ เนือ่ ง (Variation) เด็กสามารถเข้าใจเก่ียว ของตน้ ไม้ 5. ขัน้ ร้ผู ลของการกระทา (Function) ในขั้นน้ีเด็กจะเขา้ ใจถงึ ความสมั 6. ข้นั การทดแทนอย่างลงตัว (Exact Compensation) เดก็ จะรวู้ ่ากา ทดั เทยี มกนั

จต์ ไดศ้ ึกษาไวเ้ ปน็ ประสบการณ์สาคัญท่ีเด็กควรไดร้ ับการสง่ เสรมิ แตกตา่ งของสิ่งของที่มองเห็น ะตรงกันขา้ มเป็น 2 ด้าน เชน่ มี-ไมม่ ี หรือ เลก็ -ใหญ่ ลกั ษณะท่อี ย่ตู รงกลางระหว่างปลายสุดสอง ปลาย เชน่ ปานกลาง วกับการเปลี่ยนแปลงของส่งิ ต่างๆ เช่น บอกถึงความเจรญิ เตบิ โต มพนั ธข์ องการเปลีย่ นแปลง ารกระทาใหข้ องส่ิงหนงึ่ เปลีย่ นแปลงย่อมมีผลต่ออีกส่ิงหนงึ่ อยา่ ง

-เพียเจต์ (Piaget) ทฤษฎีทีก่ ลา่ วถงึ กลา้ มเน้อื มัดเลก็ เพยี เจต์กลา่ ววา่ ความสามารถในการคิดและทกั ษะทางภาษาของเด็กเ สามารถพัฒนาทางภาษาได้ ถา้ ปราศจากพนื้ ฐานทีม่ ั่นคงทางดา้ นประ เด็กจะเรียนรู้จากการท่ไี ด้สัมผสั กบั ส่ือวัสดุต่าง ๆ ผ่านประสาทสมั ผสั ดงั ทฤษฎีขั้นท่ี 1 คือ ขนั้ ใชป้ ระสาทสัมผสั และกลา้ มเน้อื แรกเกดิ - เดก็ จะพดู เปน็ ภาษาไดเ้ ปน็ ขั้นทีเ่ ริ่มพฒั นาการโดยการใช้ประสาทสัมผ เป็นในลกั ษณะของการกระทา หรอื การแสดงพฤตกิ รรมตา่ ง ๆ ในลกั ไขว่คว้า ทย่ี งั ไม่เกี่ยวกบั การเรยี นรู้ ซ่ึงส่วนใหญ่จะขน้ึ อยกู่ บั การเคลอ่ื

เก่ียวโยงกบั พื้นฐานและประสบการณ์ดา้ นกลา้ มเนอ้ื เด็กจะไม่ ะสบการณอ์ อกกาลังกายและการหยบิ จับสง่ิ ของรอบ ๆ ตวั เพราะ สทัง้ หา้ 2 ปี เปน็ ขั้นพฒั นาการทางความคิดและสติปญั ญากอ่ นระยะเวลาที่ ผสั ตา่ ง ๆ เช่น ตา หู จมูก มือ เทา้ กษณะของการสะท้อน (Reflex-Action) เช่น การดดู การมอง การ อนไหว

หลกั ป เศรฐ พอเพ

ปรชั ญา ฐกิจ พียง

หลกั การ



การนามาประยกุ ตใ์ ชก้ บั การจัดกิจกร พอประมาณ มเี หต -การนาส่อื การสอนที่มีอยใู่ น -มีแนวทางการจ ท้องถนิ่ มาจัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนา จัดกจิ กรรมความ กลา้ มเนือ้ มัดเล็กอย่างเหมาะสม ใชก้ ล้ามเนือ้ มดั เล -การแบ่งเวลาในการปฏิบัตกิ ิจกรรม เหมาะสมกับเดก็ ไดอ้ ย่างเหมาะสมตามชว่ งวยั -การจัดการเรียน -ใชส้ ถานท่ี สื่อการเรยี นรแู้ ละ กบั สังคมรอบตัว วสั ดุอุปกรณ์ไดอ้ ย่างคมุ้ คา่ ตวั ชวี้ ัดของมาตร กลา้ มเนือ้ มดั เล็ก

รรมพฒั นากล้ามเนอ้ื มดั เลก็ ตผุ ล มภี ูมคิ มุ้ กนั ใน ตัวทีด่ ี จัดทาแผนในการ -พัฒนากลา้ มเนื้อมัดเล็ก การ มสามารถในการ ประสาทสัมพันธร์ ะหวา่ งมอื กบั ล็กของเดก็ ได้ ตาใหเ้ ดก็ สามารถการใช้ได้ กตามชว่ งวยั เหมาะกบั สถานการณ์ต่างๆ นร้ใู ห้สอดคล้อง -การปฏิบตั ิกจิ กรรมท่พี ัฒนา วเดก็ ตรงตาม กลา้ มเน้อื มัดเลก็ อย่างระมัดระวัง รฐานการพฒั นา และมคี วามปลอดภัยตอ่ เด็ก ก สริ มิ าศ กาญจนโอภาส. (2557). ศกึ ษาการสร้างกิจกรรมศิลปสรา้ งสรรค์ ตามแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งของเดก็ ปฐมวยั ระดับช้ันอนบุ าลปีท่ี 2.

การนามาประยกุ ตใ์ ชก้ บั การจดั กจิ กร เงื่อนไขความรู้ เง่ือ คณุ ธ มีความรู้ ความเข้าใจใน หลกั การ แนวคิดและ เดก็ รจู้ กั แบ่งป ทฤษฎีของการพัฒนากล้าม อุปกรณใ์ หก้ ับ เนื้อมดั เลก็ และสามารถนา และยังรู้จักกา ความรทู้ ม่ี ีมาประยุกต์ใช้ใน อย่ใู หเ้ กดิ ความ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ใหก้ บั เดก็

รรมพฒั นากลา้ มเนอ้ื มดั เล็ก อนไข พฒั นาไปสู่ ธรรม ปนั วสั ดุ การเตรียมความพร้อมในการใช้ บเพือ่ นในกลุ่ม กลา้ มเนอื้ มดั เล็กใหก้ ับเด็ก เพ่ือ ารใชว้ ัสดทุ ่ีมี รับมอื กบั การเปลย่ี นแปลงของ มคุ้มค่าที่สุด สังคมและสิง่ แวดลอ้ มใหเ้ กดิ ความสมดุล สิรมิ าศ กาญจนโอภาส. (2557). ศกึ ษาการสร้างกิจกรรมศิลปสร้างสรรค์ ตามแนวปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งของเดก็ ปฐมวยั ระดบั ชั้นอนบุ าลปีที่ 2.

ความสัมพนั ธข์ อ ทางานของกลา้

องสมองกบั การ ามเนอื้ มดั เลก็

โครงสรา้ งและหนา้ ของสมองแตล่ ะ สุพรรฌทิพย์ อติโพธิ.สรปุ ชีววทิ ยามธั ยมปลาย.(พิมพค์ ร้ังท่ี 9). บริษทั :กรนี ไลฟพ์ รน้ิ ต้ิงเฮา้ สจ์ ากัด, 2557. 320 หนา้ (169).


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook