Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานนำเสนอการจัดกิจกรรมทางศิลปะระดับการศ

งานนำเสนอการจัดกิจกรรมทางศิลปะระดับการศ

Published by Anusorn Thanongbua, 2020-10-20 16:55:14

Description: งานนำเสนอการจัดกิจกรรมทางศิลปะระดับการศ

Search

Read the Text Version

ะสว่ น ประกอบด้วย 3 ส่วน 1. สมองสว่ นหน้า (Forebrain) -ออลเฟกทอรบี ลั บ์ (olfactory bulb) ทาหน้าที่เกยี่ วกบั การดมกล่ิน -ซีรบี รมั (Cerebrum) ทาหน้าท่ีเกีย่ วกับการเรียนรู้และอารมณ์ -Frontal lobe ทาหน้าที่ควบคมุ การ เคล่อื นไหว การออกเสยี ง ความคดิ ความจา สติปัญญา บคุ ลิก ความรสู้ กึ พน้ื อารมณ์ -Temporal lobe ทาหนา้ ที่ควบคุมการไดย้ นิ การดมกล่นิ -Occipital lobe ทาหนา้ ทีค่ วบคุมการ มองเหน็ -Parietal lobe ทาหน้าท่ีควมคุมความรูส้ กึ ด้านการสัมผัส การพดู การรบั รส

โครงสรา้ งและหนา้ ของสมองแตล่ ะ สุพรรฌทิพย์ อติโพธิ.สรปุ ชีววทิ ยามธั ยมปลาย.(พิมพค์ ร้ังท่ี 9). บริษทั :กรนี ไลฟพ์ รน้ิ ต้ิงเฮา้ สจ์ ากัด, 2557. 320 หนา้ (169).

ะสว่ น ประกอบด้วย 3 สว่ น 1. สมองส่วนหนา้ (Forebrain) -ทาลามสั (Thalamus) ทาหน้าที่ถ่ายทอดกระแสประสาทเพื่อส่งไปจุด ต่างๆในสมอง รับรู้และตอบสนองความรสู้ กึ -ไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ท า ห น้ า ที่ เ ป็ น ศู น ย์ ก ล า ง ข อ ง ร ะ บ บ ป ร ะ ส า ท อัตโนมัติ และสร้างฮอร์โมนเพ่ือควบคุมการผลิต ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองซึ่งจะทาการควบคุม สมดุลของปริมาณน้าและสารละลายในเลือด และยังเก่ียวกับการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย อารมณ์ความรู้สึก วงจรการต่ืนและการหลับ การหวิ การอิ่ม และความรสู้ ึกทางเพศ

โครงสรา้ งและหนา้ ของสมองแตล่ ะ สุพรรฌทิพย์ อติโพธิ.สรปุ ชีววทิ ยามธั ยมปลาย.(พิมพค์ ร้ังท่ี 9). บริษทั :กรนี ไลฟพ์ รน้ิ ต้ิงเฮา้ สจ์ ากัด, 2557. 320 หนา้ (169).

ะสว่ น 2. สมองส่วนกลาง (Midbrain) เป็นสมองที่ต่อจากสมองสว่ นหน้า เป็นสถานีรับส่งประสาท ระหว่าง สมองส่วนหน้ากับส่วนท้ายและส่วน หน้ากับนัยน์ตาทาหน้าที่เก่ียวกับการ เคล่อื นไหวของลกู ตาและมา่ นตา

โครงสรา้ งและหนา้ ของสมองแตล่ ะ สุพรรฌทพิ ย์ อติโพธิ.สรปุ ชีววทิ ยา มัธยมปลาย.(พมิ พ์ครั้งที่ 9). บริษทั :กรีนไลฟพ์ ร้ินต้ิงเฮา้ ส์จากดั , 2557. 320 หนา้ (169).

ะสว่ น 3. สมองส่วนทา้ ย (Hindbrain) -พอนส์ (Pons) ทาหน้าที่ควบคุมการ เคล่ือนไหวของกล้ามเน้ือบริเวณใบหน้า การหายใจ การฟังการเคี้ยวอาหาร การ หลง่ั น้าลาย -เมดัลลา (Medulla) เป็นทางผ่านของ กระแสประสาทระหว่างสมองกับไขสัน หลัง เป็นศูนย์กลางการควบคุมการทางาน เหนืออานาจจิตใจ เช่น ไอ จาม สะอึก หายใจ การเตน้ ของหวั ใจ เปน็ ต้น -ซีรเี บลลมั (Cerebellum) ควบคมุ ระบบ การเคล่ือนไหวของอวัยวะต่างๆ ควบคุม การทรงตัวของร่างกาย การประสานงาน ของกลา้ มเนือ้ มดั เล็กใหส้ มั พนั ธ์กัน

วิเคราะหค์ วามสมั พนั ธข์ องสมองก สมองส่วนซีรีเบลลัม (Cerebellum) คือสมองส่วนหลักทาห ของอวยั วะต่างๆ ควบคุมการทรงตัวของรา่ งกาย ควบคมุ กลา้ ม ปาก และแขนขาดว้ ย รวมถงึ การประสานงานของกล้ามเนื้อให้ส ความสาคัญกับการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะต้องอาศัยการ มัดเลก็ ใหส้ มั พนั ธก์ ันกบั ของประสาทการมองเห็น รวมถงึ การทา ตัวอยา่ งของการทางานของกล้ามเนอ้ื มัดเล็ก จะเก่ยี วขอ้ งกบั การผูกเชอื ก การวาดรปู การทางานฝีมอื ซ่ึงการทางานเหล่าน ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กต้ังแต่เด็กก็จะทาให้เด็กขาดประสิทธิภาพด อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อการใช้ชีวิตของเด็กเอง เช่น กล้ามเน้ือมัดเล็กไม่แข็งแรงพอ ทาให้ความสามารถในการจ มองเห็นเป็นไปได้ไมด่ ีเทา่ ท่ีควร

กบั การทางานของกลา้ มเนอ้ื มดั เลก็ หน้าที่ควบคุมระบบการเคลื่อนไหว มเน้ือใบหน้า การหลับตา การขยับ สัมพันธ์กัน ดังน้ันสมองส่วนนี้จึงมี ประสานการทางานของกล้ามเนื้อ างานของอวัยวะอืน่ ๆอกี ดว้ ย บการเขียนหนังสือ การติดกระดุม น้ถี ้าหากขาดการฝึกฝนเก่ียวกับการ ด้านในการใช้กล้ามเน้ือมัดเล็ก ซึ่ง เด็กเขียนหนังสือไม่คล่องเพราะ จับดินสอประสานสัมพันธ์กับการ

การวเิ กจิ กรร กล้ามเน

เคราะห์ รมทพี่ ัฒนา นอื้ มดั เลก็

ตารางกจิ กรรมพฒั นากลา้ มเนอื้ มดั เลก็ พอเพยี งและการพฒั น

ก หลกั ปรชั ญาเศรฐกจิ นาสมอง

ตารางกจิ กรรมพฒั นากลา้ มเนอื้ มดั เลก็ พอเพยี งและการพฒั น

ก หลกั ปรชั ญาเศรฐกจิ นาสมอง

ตารางกจิ กรรมพฒั นากลา้ มเนอื้ มดั เลก็ พอเพยี งและการพฒั น

ก หลกั ปรชั ญาเศรฐกจิ นาสมอง

การวิเคร แบบประ

ราะห์ ะเมนิ

รวพิ ร ผาด่าน ปฐมวัยท่ีไดร้ แบบประเมนิ กลา้ เครือ่ งมอื ทีใ่ ชใ้ นการประเมิน: วธิ ีการประเมนิ : แบบสงั เกตพ ตัวอย่าง ตางรางการประเมินพฒั นาการกล

น. (2557).ความสามารถในการใช้กล้ามเนอ้ื มดั เลก็ ของเด็ก รบั การจดั กิจกรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ ฉกี ตัด ปะวัสดุ. ามเนอื้ มดั เล็ก : การสังเกตพฤตกิ รรมการใช้กล้ามเนอื้ มดั เลก็ พฤติกรรมการพฒั นากลา้ มเนอ้ื มัดเล็ก ลา้ มเนอ้ื มดั เลก็

รวิพร ผาด่าน ปฐมวยั ทไ่ี ดร้ แบบประเมนิ กจิ กรรมศ เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในการประเมิน: การตรวจ วิธกี ารประเมนิ : บันทึกคะแนนรวมแบบท การปฏบิ ัติกิจกรรมศิลป ตัวอย่าง ตารางแบบบันทึกคะแนนรวมแบบทดสอบวัดความสามา ศิลปะการการฉดี ตดั ปะของเด็กปฐมวัย

น. (2557).ความสามารถในการใช้กล้ามเนือ้ มดั เล็กของเดก็ รบั การจัดกิจกรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ ฉีก ตดั ปะวัสดุ. ศลิ ปะทพี่ ฒั นากลา้ มเนอ้ื มดั เลก็ จงานจากผลงานท่นี ักเรยี นปฏิบตั จิ กรรม ทดสอบวดั ความสามารถการใช้กลา้ มเนอ้ื มัดเลก็ ใน ปะการการฉดี ตัด ารถการใชก้ ลา้ มเนอ้ื มัดเล็กในการปฏิบัติกิจกรรม

Thank

k You

สมา นางสาวชลธิชา ลอิ มจันทึก รห นางสาวสรุ ีรัตน์ แชกระโทก รห นางสาวมายุรี นนั ทะสงิ ห์ รห นางสาวนพมาศ จาเรญิ ไกร รห

าชกิ หสั นักศกึ ษา 62128186033 หัสนักศกึ ษา 62128186036 หัสนกั ศกึ ษา 62128186052 หัสนกั ศกึ ษา 62128186057



ภาษาและการส่ือส การวิเคราะห์ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอ

สารกบั การประเมิน มหลักการ แนวคดิ อเพียงและการทางานของสมอง

ภาษ แล การส่ือ

ษา ละ อสาร

ภาษา ห ภาษาเป็นเครื่องมือของมนุษยท์ ี่ใชใ้ นการสื่อควา ระเบียบของคาและเสียงเป็ นเครื่ องกาหนดในพจนานุกรมฉ คาวา่ ภาษา คือ เสียงหรือกิริยาอาการท่ีทาตามความเขา้ ใจก

หมายถึง ามหมายใหส้ ามารถส่ือสารติดตอ่ ทาความเขา้ ใจกนั โดยมี ฉบบั ราชบณั ฑิตสถานพ.ศ.2542 ใหค้ วามหมายของ กนั ไดค้ าพูดถอ้ ยคาที่ใชพ้ ูดจากนั

ภาษามีความสาคญั ต่อการดา ภาษามคี วามสาํ คญั ต่อการดาํ รงชวี ต สอ่ื กลางในการตดิ ต่อสอ่ื สารและแสดงใหเ้ ห ภาษาทุกภาษายอ่ มมคี วามแตกต่างกนั ออ

ารงชีวิตของมนุษยอ์ ย่างไร?? ติ ของมนุษยเ์ พราะภาษาเป็นเครอ่ื ง หน็ ถงึ วฒั นธรรมอนั ยาวของคนในชาติ อกไปตามบรบิ ทและทอ้ งถน่ิ นนั้ ๆ

ภาษามีความสาคญั อ มีความสาคญั สาหรับเดก็ ปฐมวยั เพราะ ภาษาเป็นเคร่ืองมือ ของเดก็ ทาใหเ้ ดก็ มีปฏิสัมพนั ธ์กบั ผอู้ ื่นและตอบสนองตอ่ ค การเรียนรู้ตา่ ง ๆ ของเดก็ ปฐมวยั เดก็ สามารถใชภ้ าษาในกา ครูปฐมวยั ควรจดั ใหม้ ีกิจกรรมที่มีการพฒั นาทางภาษาของ การฟัง การพดู การอา่ น และ การเขียน

อย่างไรกบั เดก็ ปฐมวยั อในการถ่ายทอดความคิดความตอ้ งการและความเป็นตวั ตน ความตอ้ งการในการอยากเรียนรู้ของเดก็ ภาษาเป็นพ้นื ฐานใน ารควบคุมพฤติกรรมของผอู้ ื่นใชใ้ นการสืบคน้ ขอ้ มูล งเดก็ ตามวยั และส่งเสริมใหเ้ ดก็ ไดใ้ ชภ้ าษาอยา่ งถูกตอ้ งท้งั ฟัง

ความหมายแล

ละความสาคญั ความหมายของการฟั ง การทม่ี นุษย์รับรู้เรื่องราวต่างๆจากแหล่งของเสียงและการ มองเหน็ ซ่ึงอาจหมายถึงฟังจากผู้พดู โดยตรงหรือฟังพดู ผ่าน อปุ กรณ์ช่วยบันทกึ เสียงแบบต่างๆ โดยแหล่งของเสียงน้ันจะส่ง เสียงผ่านประสาทสัมผสั ทางหูแล้วผู้ฟังเกดิ การรับรู้ความหมาย ของเสียงทไ่ี ด้ยนิ จากน้ันนาความหมายของเสียงให้ได้ยนิ ทไี่ ด้ รับรู้น้ันไปพจิ ารณาทาความเข้าใจกบั วตั ถุประสงค์ของผู้พดู ความสาคญั ของการฟั ง การฟังเป็ นทกั ษะการสื่อสารทม่ี นุษย์ใช้มากทสี่ ุดใน ชีวติ ประจาวนั การฟังเป็ นเครื่องมือเรียนรู้สิ่งต่างๆรอบตัวสั่งสม ความรู้สึกต่อกนั มาต้งั แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั เป็ นพฤตกิ รรมการ ใช้ภาษาทช่ี ่วยให้มนุษย์อยู่ร่วมกนั อย่างเป็ นสุข

ความหมายแล

ละความสาคญั ความหมายของการพูด การพดู คือกระบวนการในการสื่อสารอย่างหน่ึงของมนุษย์เป็ น การส่ือสารความคดิ จากคนหน่ึงไปยงั อกี คนหนึ่งหรือไปยงั อกี กล่มุ หนึ่งเพ่ือต้องการแสดงออกถงึ อารมณ์และความรู้สึก ความสาคญั ของการพูด มนุษย์ใช้การพดู เป็ นเคร่ืองมือในการสื่อสารให้เกดิ ความเข้าใจ ซึ่งกนั และกนั ช่วยในการแสวงหาความรู้

ความหมายแล

ละความสาคญั ความหมายของการอา่ น การอ่าน คือ การรับรู้ข้อความในการเขยี นของตนเองหรือของ ผู้อ่ืน รวมถึงการรับรู้ความหมายจากเคร่ืองหมายและสัญลกั ษณ์ ต่างๆ เช่น สัญลกั ษณ์จราจรเครื่องหมายทแ่ี สดงบนแผนท่ี เป็ นต้น ความสาคญั ของการอา่ น การอ่านเป็ นวธิ กี ารส่งเสริมให้คนมคี วามคดิ อ่านและฉลาดรอบ รู้ เพราะประสบการณ์ทไ่ี ด้จากการอ่านเพื่อเกบ็ สะสมเพม่ิ พูน นานวนั เข้า กจ็ ะทาให้เกดิ ความคดิ เกดิ สตปิ ัญญาเป็ นคนฉลาด รอบรู้ได้

ความหมายแล

ละความสาคญั ความหมายของการเขยี น การเขยี นสื่อสารเพื่ออธบิ ายความหมายหรือขยายความของคา หรือเร่ืองราวต่างๆ ในรูปแบบ ตวั อกั ษร สัญลกั ษณ์ รูปภาพ เป็ นต้น ความสาคญั ของการเขยี น ผู้อ่านเข้าใจความหมายของคาและข้อความและสามารถ นาไปใช้สื่อสารได้ถูกต้อง

พฒั นาการทางภาษา ทารกแรกเกิด-3 เดือน ทารกจะมีอาการสะด้งุ ตกใจ หรือร้องไห้เมอ่ื ได้ยิน เสียงดงั ๆ และมีการทาเสียงในลาคอ คาราม และ ส่งเสียงฮมั เบา ๆ เม่อื ร้สู ึกสบายและพึงพอใจ ทารกอายุ 3-6 เดือน ทารกจะทาท่าคลา้ ยหยดุ ฟัง เม่ือคณุ พ่อคณุ แม่มา คยุ ด้วย มีการกลอกตาหรือหนั หาท่ีมาของเสียงที่ เกิดขึน้ รอบ ๆ ตวั แมจ้ ะเป็นเสียงเบา ๆ นอกจากนี้ยงั สามารถจะออกเสียงคล้ายพยญั ชนะ และสระรวมกนั เช่น กากา บาบา ทารกอายุ 6-9 เดือน ทารกสามารถจะหนั ศีรษะไปมา เพอื่ หาเสียงเรียกได้ รวมทงั้ สามารถออกเสียงพยญั ชนะและสระได้มากขึน้ โดยทาเสียงติดต่อกนั ยาว ๆ ได้ 4-6 พยางค์ เช่น ลาลา ลาลา บาคาบาคา HAPPY MOM. LIFE

การฟัง ทารกอายุ 9 เดือน-1 ปี ทารกจะเริ่มมีการเล่นเสียงยาวต่อเน่ืองคลา้ ยคาพดู ที่เป็นประโยคยาว ๆ ในการโต้ตอบสื่อสาร ทาตาม คาสงั่ งา่ ย ๆ ได้ เช่น สวสั ดี บา๊ ยบาย และเริ่มพดู คา แรก ซึ่งฟังดคู ลา้ ย ๆ ทารกกาลงั พดู คาวา่ เหล่านี้ เช่น แม่ หมา่ ไป เดก็ อายุ 1 ปี -1 ปี 6 เดือน ทารกสามารถหนั หาเสียงได้ถกู ต้อง เร่ิมพดู เป็นคาท่ีมีความหมาย 1 พยางค์ โดยสามารถ พดู ได้อย่างน้อย 10-15 คา เช่น พอ่ แม่ แมว นม เอา ไป ไม่ เดก็ อายุ 1 ปี 6 เดือน-2 ปี ทารกสามารถจะทาตามคาสงั่ งา่ ย ๆ ได้ ชี้อวยั วะได้ อย่างน้อย 2 อย่าง ชี้ส่ิงของท่ีค้นุ เคยได้ พดู ได้ ประมาณ 40-100 คา และเริ่มพดู เป็นวลีสนั้ ๆ เช่น เอามา ไม่ไป

https://www.parentsone.com/

การอ่าน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook