298
299 ๒๙๙ ๒๙๙
300
301
302 ไคเมจา้าต่ วอ้อ่ายไคงเมจใขู่หาช้า่ตวอัวอ้อ่าดยเงใดใังขู่หหชนชอัว้้ใดน้ัเชะใดงัห้คนชคแ้ใานั้ชะาตก้คก่กคแรารา่อาตกากบ่กนรบรา่อบใาบบนชังบงับคใ้แบคชังมกังค้แมคท่พมกทมูลทร่พูลทสะูลรลู มสมะสมมสเมหดเมหเดา็จดเาก็จดพกจ็ พจ็ษษพรพรัตะัตะรรนรนะิยิยาาบ์เ์งเงรรพพเเมจมจียีย้รา้รางาเงาเพสชพสชารินารินวะนี วะภอนีาภองาถาคผงาถ์จเค่อผดงึ ์จเงี่อยเดศปงึวงียเรลศตปีว่ยี พ่อรลนตมีร่ยีไพ่อาะปนเมบรตมไาะราป่ือมมเบพตมพรุทราื่อารมมธชพะศพริบนุทัการีนธรชมะาาศริบนถชัการีน๒ชเรมสโา๔าอมรถช๓องากด๙๒ชเาส้วโ๔ไรยอมดดค๓อง้มังากด๙ีปกกา้วลรรไรยาะ่าดดบวคก้มบังาาีปกศังกคพลรรมาะ่ารทบะวกูลบบาพรศังรมคพะรมมราทหชะาูลโบกอพรษงรมกัตะารรมริยาให์ชนเาวพโก้นอรษแงะตกัตบ่คาราารทิยวใส์่านเมวพบเ้นดรรแม็จะตพบแ่ครลาะาะทจวพสุล่าจมรบะอเกดมรรม็จเกุณพลแาร้าละะจพุลจระอกมรเกุณลา้า พระมพหระามกหษาัตกรษิยัต์เรมิย่ือ์เมท่ือรทงรงับรรับารชาสชสมมบบัตัติแิแลล้ว แต่ยยังังมมิไิไดด้ร้รับับบรมรรมารชาาชภาิเษภกิเษอกอกอพอรกะพนารมะแนตา่เมพแียตง ่เสพมียเงด็จสพมรเะดเจ็จ้าพอรยะู่หเัวจ้าคอากยรู่หาัวบบคังาคกมรทาูลบทบ้ังทังี่ขคึ้นมตท้นูลหทร้ังือทลง่ีขท้ึน้าตย้นหรือลงท้าย ยงั ไม่ตยัง้อไงมต่ขอ้ องเดขอชเะดชะ ๓๐๒๓๐๒
303
๓๐๔ 304
๓๐๕ 305
306 * * **พพรระะบบาาททสสมมเเดด็จ็จพพรระะเจเจ้า้าออยยหู่ หู่วั ัวทรทงรพงรพะรกะรณุกราณุโปารโดปเกรลด้าเกโปลรา้ ดโกปรระดหกมรอ่ ะมหใหมส้อ่ ถมาใปหน้สาถขาึ้นปเปน็นาเขจ้ึนา้ ฟเป้า็นต่าเจงก้ารฟมา้ ฝต่าา่ยงใกนรมมพีฝรา่ ะยนใานมตมาพี มรทะจ่ี นาารึกมใตนาพมรทะจ่ีสพุารรึกรณในบพัฏรวะ่าสุพรรณบัฏว่า “สส“มสมสเมเดมดเจ็เดจ็ดพ็พจ็จรรพพะะรรเเจะจะา้เา้เจลจล้ากู้ากู ลเลเธูกธูกอเอธเเธอจเอจ้าเฟา้จเฟา้้จากฟ้า้ารก้ฟามพร้าหมัชพลหรวัชกลงริตรวกาิยงชิตราสาิภยาชาารสภณินาาเสีรริริณนนิพเีสทัชรริิรรนิพามทเัชทหิรรพาาวมยเชัทวหรดพารีวายกชัชวรธรมดิดรหีาากลชเรมวธมง่ือดิ รหวาาันลชเทมวสี่ งื่อ๒ารวร๘ิาณันชกทีสรสิ่ีรก๒าิพฎร๘ัชาิณรคกีมสมริรหกพิพาฎุทัวชธาัชรศครักมมรราหาพชชาุทธว๒ิดธัช๕ศาร”ัก๖รร๒ดาาังชช(ปรธาร๒ิดยา๕าลกะ”๖ฏเอ๒ใดนยี ังป(ดปรหราระนยากา้ลกาะ๓ฏศเ๑อใเน๖รีย่ือ-ปด๓งหร๑ะสน๗กถ้า)าา๓ปศ๑นเา๖รื่อ-๓ง๑ส๗ถ)าปนา ๓๐๖๓๐๖
๓๐๗ 307
๓๐๘ 308
309
๓๑๐ 310
๓๑๑ 311
๓๑๒ 312
๓๑๓ 313
๓๑๔ 314
๓๑๕ 315
316
3๓1๑7๗
คาขึน้ ต้น คาลงทา้ ยในการทลู พระอนวุ งศช์ นั้ หมอ่ มเจา้ (๑) สรรพนาม การเขียนหนังสือทลู คาขน้ึ ต้น/คาลงท้าย การทลู ดว้ ยวาจา สรรพนามบรุ ุษท่ี ๑ คาข้ึนต้น ทลู ฝา่ บาท คาข้นึ ตน้ - กระหมอ่ ม (ชาย) ทูล (ระบุพระนาม) - หม่อมฉัน (หญิง) กระหมอ่ ม (ชาย) หรอื หม่อมฉนั (หญงิ ) กระหมอ่ ม (ชาย) หรือ หม่อมฉัน (หญงิ ) สรรพนามบุรษุ ที่ ๒ [ออกชอ่ื ผู้ทลู และตาแหน่ง (ถา้ มี)] ขอทูล [ออกชอื่ ผู้ทลู และตาแหนง่ (ถ้ามี)] ขอทูล - ฝ่าบาท คาลงท้าย คาลงทา้ ย 318 แล้วแตจ่ ะโปรด แลว้ แตจ่ ะโปรด กระหมอ่ ม (ชาย) (ลงชื่อ) หรอื หมอ่ มฉัน (หญงิ ) (ลงชอ่ื ) (๑) พระอนุวงศช์ ัน้ หม่อมเจา้ เช่น ๑. พลเรอื เอก หมอ่ มเจ้าปุสาณ สวัสดวิ ัตน์ ๒. หมอ่ มเจ้าภีศเดช รชั นี ๓. หมอ่ มเจ้ามงคลเฉลมิ ยคุ ล ๔. หมอ่ มเจ้าชาตรเี ฉลมิ ยุคล ๕. พลเอก หม่อมเจา้ จลุ เจมิ ยุคล ๖. พลเอก หมอ่ มเจา้ เฉลมิ ศกึ ยคุ ล ๗. หมอ่ มเจา้ ฑิฆมั พร ยคุ ล ๘. พันโท หม่อมเจา้ นวพรรษ์ ยคุ ล ๙. หม่อมเจ้าอทุ ยั กญั ญา ภาณพุ ันธ์ุ
คากราบบังคมทลู ในกรณีต่าง ๆ การกราบบงั คมทูลตามธรรมดา เชน่ มีกระแสพระราชดารัสถามว่า ชื่ออะไร ให้กราบบงั คมทูลวา่ ข้าพระพทุ ธเจา้ ชอื่ ...พระพทุ ธเจ้าข้า คากราบบงั คมทูลถงึ ความสะดวกสบายหรือรอดพน้ อนั ตรายของตน ใชค้ าข้นึ ต้นวา่ เดชะพระบารมปี กเกล้าปกกระหม่อม... แล้วจึงกราบบังคมทูลต่อไป คากราบบังคมทูลถึงการทไ่ี ด้ทาผดิ พลาด หรอื ไม่สมควร ใชค้ าขึ้นต้นว่า พระราชอาญาไม่พ้นเกล้าพ้นกระหมอ่ ม คากราบบังคมทลู ขอพระราชทานพระมหากรุณา ใช้คานาว่า ขอพระบารมปี กเกลา้ ปกกระหม่อม คากราบบังคมทลู เปน็ กลาง ๆ เพื่อจะได้ทรงเลือก ให้ลงท้ายวา่ การจะควรมิควรประการใดแล้วแตจ่ ะทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ ม หรือ การจะควรมิควรประการใดสดุ แตจ่ ะทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม คากราบบังคมทูลความเหน็ ของตน ใชว้ ่า เหน็ ด้วยเกล้าด้วยกระหมอ่ มว่า คากราบบงั คมทูลถึงส่ิงท่ีทราบมา ใช้ว่า ทราบเกลา้ ทราบกระหม่อมว่า คากราบบังคมทลู ถงึ การทาสง่ิ หนึ่งสง่ิ ใดถวาย ใชว้ า่ สนองพระมหากรณุ าธคิ ณุ หรือ สนองพระเดชพระคุณ คากราบบังคมทูลเก่ียวกบั การแสดงถวายทอดพระเนตร ใชว้ ่า แสดงเฉพาะพระพกั ตร์ หรือ แสดงหนา้ ทีน่ ั่ง ๓๑๙ 319
บทที่ ๔ คำขน้ึ ต้น คำสรรพนำม คำลงท้ำย ในกำรเขยี นหนังสือ และกำรกลำ่ วรำยงำนพระสงฆ์ พระสงฆ์มีหลายช้ัน และมีสามานยนามบอกสมณศักดิ์นาราชทินนามและนาม ต่างกนั ตามชัน้ ดังนี้ คำสำมำนยนำมบอกสมณศักด์ิ ใชน้ าหนา้ ราชทินนาม มดี งั น้ี ๑. สมเดจ็ พระมหำสมณเจ้ำ ๒. สมเดจ็ พระสังฆรำชเจำ้ ๓. สมเด็จพระสังฆรำช ๔. สมเดจ็ พระรำชำคณะ ใชค้ า สมเด็จพระ นาหนา้ ราชทินนาม และจะลงนามเดิม นามฉายา เพือ่ ใหแ้ นช่ ัดดว้ ยก็ควร เชน่ สมเด็จพระพฒุ าจารย์(๑) (นวม(๒) พทุ ธสฺ โร(๓)) ๕. พระรำชำคณะเจำ้ คณะรอง เชน่ พระวิสทุ ธาธบิ ดี พระพรหมมุนี ๖. พระรำชำคณะช้ันธรรม ใช้คา พระธรรม นาหน้าราชทินนาม เช่น พระธรรมกิตติวงศ์ พระธรรมวราจารย์ (เขียนปกติจะไม่ใช้นามเดิม ใช้แต่ราชทินนาม จะใชน้ ามเดิมเม่ือทาทาเนยี บหรอื ทาประวตั ิ) ๗. พระรำชำคณะชั้นเทพ ใช้คา พระเทพ นาหน้าราชทินนาม เช่น พระเทพ ปัญญาสธุ ี พระเทพประสิทธิคุณ ๘. พระรำชำคณะช้ันรำช ใช้คา พระรำช นาหน้าราชทินนาม เช่น พระราช ปัญญาวิสารัท พระราชสารโกศล ๙. พระรำชำคณะช้ันสำมัญ ใช้คา พระ นาหน้าราชทินนาม เช่น พระประศาธนโ์ สภณ พระปรยิ ัตโิ สภณ ๑๐. พระครู ใชค้ า พระครู นาหน้าช่ือ ๓ ลักษณะ คือ ๑๐.๑ พระครูสัญญำบัตร คือ พระภิกษุซ่ึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาสมณศักด์ิ พระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ และได้รับ ราชทินนามดว้ ย เชน่ พระครวู ิบูลโชติวัฒน์ พระครไู พโรจน์โพธวิ ัฒน์ (๑) ราชทินนาม (๒) นามเดมิ (๓) นามฉายา ๓๒๐ 320
ราชาศัพท์ เฉลเฉมิ ลพิมรพะรเะกเยีกรียตรเิตนิเ่อืนงื่อใงนในโอโอกกาาสสมมหหาามมงงคคลลพพรระะรราาชชพพธิ ธิ ีบบี รรมมรราาชชาาภภิเิเษษกก พทุ ธศักราช ๒๒๕๕๖๒๒ ๑๐.๒ พระครูฐานานุกรม คือ พระภิกษุที่พระราชาคณะตั้งแต่ช้ันสามญั ขึ้นไปได้รับพระบรมราชานญุ าตให้ต้ังเป็นฐานานกุ รมได้ตามจานวนช้ันของพระราชาคณะ ดังนี้ ก. พระราชาคณะช้ันสามัญ ต้ังฐานานุกรมได้ ๓ รูป คือ พระปลัด (ตามด้วยชื่อและนามฉายา) พระสมุห์ (ตามด้วยช่ือและนามฉายา) พระใบฎีกา (ตามด้วยชื่อและนามฉายา) เช่น พระปลัดชอบ ปิยวณฺโณ พระสมุห์อิ่ม เปมงฺกโร พระใบฎกี าเนยี ม ปภากโร ข. พระราชาคณะตั้งแต่ชั้นราชข้ึนไป ตั้งฐานานุกรมโดยเปล่ียน คาว่า พระ เป็น พระครู นาหน้าชื่อ เช่น พระครูปลัด พระครูสมุห์ พระครูใบฎีกา เป็น ตาแหน่งพระครูฐานานุกรมของพระราชาคณะชั้นราช และยังมีตาแหน่งพระครู ฐานานกุ รมอ่นื อกี ตามลาดบั ชน้ั ของพระราชาคณะที่สงู ขน้ึ ไป ๑๐.๓ พระครูประทวน สมณศักด์ิประเภทหน่ึงในระดับชั้นประทวน สมณศักด์ิช้ันน้ไี ม่มรี าชทินนาม สมเด็จพระสังฆราชมพี ระบญั ชาแต่งตั้งพระภิกษทุ ี่ยังไมไ่ ด้ รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร แต่มีคุณสมบัติ คือ เป็นผู้สนับสนุนด้าน การศึกษาท้ังด้านปริยัติธรรม และการศึกษาของเด็ก เยาวชน เป็นพระครูประทวน โดยใช้คา พระครู นาหน้าช่ือตามด้วยนามฉายา เช่น พระครูดวงทิพย์ เทววโส พระครูบุญศรี ธมฺมกาโม พระครเู จียม วร าโณ แต่ในปัจจุบนั ไมน่ ยิ มขอต้งั สมณศกั ด์ิประเภทน้แี ลว้ ๑๑. พระภิกษุท่ีเป็นเปรียญ หมายถึง พระภิกษุที่สอบไล่ได้ตามหลักสูตร พระปรยิ ตั ิธรรม แผนกบาลี ต้งั แตเ่ ปรียญธรรมสามประโยคข้ึนไป ใชค้ า พระมหา นาหน้า ช่ือและนามฉายา อาจจะบอกเปรียญธรรมเท่าประโยคที่สอบไล่ได้ด้วยก็ได้ เช่น พระมหาทมิ เขมิโก ป.ธ. ๓ พระมหาบุญชุม อคคฺ ธมโฺ ม ป.ธ. ๙ ๑๒. พระภิกษุที่มีตำแหน่งต่ำง ๆ ก็มีคาสามานยนามนาหน้าช่ือต่างกันไป ตามตาแหนง่ คอื ๑๒.๑ เจ้ำอธิกำร หมายถึง พระภิกษุชั้นปกครองระดับเจ้าคณะ ตาบล ซ่ึงยังไม่ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ เช่น เจ้ำอธิกำรดวงทิพย์ เทววโส เจ้ำอธิกำรสิริ สิริคุตฺโต ๑๒.๒ พระอธิกำร หมายถึง พระภิกษุชั้นปกครองระดับเจ้าอาวาส ซึ่งยังไม่ได้รับพระราชทานสมณศักด์ิ เช่น พระอธิกำรดวงทิพย์ เทววโส พระอธิกำรสิริ สิริคุตฺโต ๓3๒2๑1
เฉลิมพระเกียรตเิ นื่องในโอกาสมหามงคลพระรเาฉชลพมิ ธิ พีบรระมเกรายี ชราตภิเนิเษื่อกงในพโุทอธกศาักสมราหชาม๒ง๕ค๖ลพ๒ระราชพิธบี รมราชาภิเษก ราชาศพั ท์ พุทธศักราช ๒๕๖๒ ๑๓. พระอนุจร ใช้คา พระ นาหน้าช่ือ นามฉายา และ (นามสกุล) เช่น พระผิน าณทีโป (เกิดชอบ) หากสอบได้นักธรรมจะลงวุฒิต่อท้ายก็ได้ เช่น พระผิน าณทีโป (เกดิ ชอบ) น.ธ.เอก ๑๔. สามเณร ใช้คา สามเณร นาหน้าชื่อ นามสกุล และจะลงวุฒิเปรียญ หรือนักธรรม หรือลงทั้งสองประการด้วยกันก็ได้ เช่น สามเณรสุโข สราญใจ สามเณรสุโข สราญใจ น.ธ.เอก สามเณรสุโข สราญใจ น.ธ.เอก, ป.ธ. 4 คาสรรพนามหรอื คาแทนชือ่ คาสรรพนามที่ใชแ้ ก่พระสงฆ์ต่างชน้ั กนั มใี ช้เป็นแบบแผน ดังน้ี บุรุษที่ ๑ ผพู้ ดู คำสรรพนำม พูดกบั พระภิกษุ เกล้ากระผม สมเด็จพระราชาคณะ พระภกิ ษุ กระผม พระราชาคณะ พระครสู ญั ญาบตั ร พระครูฐานานกุ รม พระครูประทวน พระเปรียญ พระภกิ ษุ ผม พระภกิ ษุด้วยกนั พระภิกษุ อาตมภาพ บคุ คลทัว่ ไป บคุ คลทว่ั ไป เกล้ากระผม สมเดจ็ พระราชาคณะ บคุ คลทั่วไป กระผม (ภาษาปาก) พระราชาคณะ ผม (ภาษาปาก) (ชาย) พระครสู ัญญาบัตร ดฉิ ัน (หญงิ ) พระครูฐานานุกรม ผม (ชาย) พระครปู ระทวน ดิฉนั (หญิง) พระเปรยี ญ บคุ คลทว่ั ไป ผม (ชาย) พระภิกษุทัว่ ไป ดีฉนั (๑), ดฉิ ัน (หญงิ ) (๑) คาว่า ดีฉัน เป็นคาสรรพนามบุรุษท่ี ๑ ที่ผู้ชายใช้แทนตัวเอง เม่ือกล่าวกับผู้ที่เคารพนับถือ ภายหลังกร่อนลงเหลอื เพียงคาว่า ดิฉัน แตใ่ ช้เปน็ คาสรรพนามบรุ ุษท่ี ๑ สาหรบั ผหู้ ญงิ 32๓2๒๒
ราชาศพั ท์ เฉลมิ พระเกียรติเนอื่ งในโอกาสมหามงคลพระราชพิธบี รมราชาภเิ ษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๒ เฉลมิ พระเกียรตเิ นอ่ื งในโอกาสมหามงคลพระราชพธิ บี รมราชาภิเษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๒ บรุ ุษที่ ๒ ผู้พดู คำสรรพนำม พดู กบั พระเดชพระคณุ ท่านเจ้าพระคณุ , สมเดจ็ พระราชาคณะ พระภกิ ษุ พระเดชพระคุณทา่ นเจา้ ประคุณ, บุคคลทว่ั ไป ท่านเจ้าพระคณุ , พระภิกษุ ท่านเจ้าประคณุ บคุ คลทว่ั ไป พระเดชพระคุณท่านเจา้ คุณ, พระราชาคณะ พระคุณเจ้า, ท่านเจ้าคณุ (ภาษาปาก) พระภิกษุ ท่านพระครู พระครูสัญญาบตั ร บคุ คลทว่ั ไป พระครูฐานานุกรม พระครปู ระทวน บคุ คลท่วั ไป พระคณุ เจ้า พระครูสญั ญาบตั ร พระครูฐานานุกรม พระภกิ ษุ ท่าน พระครปู ระทวน พระเปรียญ พระภิกษุ พระภกิ ษุ สมเดจ็ บรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า พระมหากษัตริย์ พระภิกษุ สมเดจ็ พระบรมราชินีนาถ บรมบพิตรพระราชสมภารเจา้ , สมเดจ็ พระบรมราชนิ ี มหาบพิตร สมเดจ็ พระบรมราชชนก สมเด็จพระบรมราชชนนี สมเดจ็ พระยพุ ราช สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกฎุ ราชกมุ าร สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี บพติ ร(๑) พระภกิ ษุ พระบรมวงศช์ นั้ สมเด็จเจ้าฟ้าถงึ หมอ่ มเจา้ (1) ถ้าเป็นการเขียนหนังสือ พระสงฆ์มีแบบใช้สรรพนามบุรุษที่ 2 เปลี่ยนไปตามพระอิสริยยศของเจ้านาย เช่น สมเดจ็ พระราชภคนิ บี พติ ร สมเดจ็ พระบรมวงศบพติ ร พระบรมวงศบพติ ร พระเจา้ วรวงศบพติ ร พระวรวงศบพิตร 32๓3๒๓
เฉรลาิมชพาระศเกพั ียทรต์ ิเน่ืองในโอกาสมหามงคลพระราชพิธบี รมราชาภิเษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๒ เฉลมิ พระเกยี รตเิ นอ่ื งในโอกาสมหามงคลพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๒ บุรุษท่ี ๓ ผพู้ ดู คาสรรพนาม พระภิกษุ พดู กบั ผูน้ อ้ ย ท่าน คากริยา ผู้พูด ใช้แก่ คากริยา บุคคลทั่วไป สมเดจ็ พระสังฆราช พระภิกษุ พระภิกษุ ทรงโปรดให้ (ใหป้ ฏบิ ัติ) บุคคลทั่วไป พระภิกษุ ฉัน (กิน, ดม่ื ) ถงึ แก่มรณภาพ, บคุ คลท่วั ไป พระภิกษุ บุคคลทัว่ ไป สมเดจ็ พระสังฆราช ถงึ มรณภาพ, มรณภาพ บคุ คลทว่ั ไป พระภิกษุ (ตาย) ถวาย (ให)้ ขอประทาน นมัสการ (กราบ, ไหว้, บอก) คาวิเศษณท์ เ่ี ป็นคาขึ้นตน้ และคารบั คาวิเศษณ์ ผู้พูด ใชแ้ ก่ ขอถวายพระพร พระภิกษุ พระมหากษัตรยิ ถ์ ึงหม่อมเจ้า เจรญิ พร พระภิกษุ บคุ คลท่วั ไป ศัพท์เฉพาะสาหรับพระภกิ ษ(ุ 1) ๑. คานาม ความหมาย คาท่ีใชแ้ ก่พระภิกษุ ไทยธรรม, ไทยทาน ของถวายพระ, ของทาบุญตา่ ง ๆ ญตั ติ คาประกาศให้สงฆ์ทราบเพ่ือทากจิ รว่ มกัน ถวายพระพร คาเริ่มและคารับที่พระภิกษุใชแ้ ก่ พระมหากษัตรยิ ์ถึงหม่อมเจ้า เจริญพร คาเริ่มและคารับท่ีพระภิกษุใชแ้ กค่ นทั่วไป (1) โยม(๒) คาท่ีพระภิกษุเรียกฆราวาส และคาท่ีฆราวาส (๒) ใช้แทนตัวเองเมื่อพูดกับพระภิกษุ ข้อมลู จากหนงั สือ ราชาศพั ท์ ฉบับราชบณั ฑติ ยสภา พิมพพ์ ุทธศกั ราช 25๖๓ หน้า ๓๘๓ เชน่ โยมพ่อ โยมแม่ โยมป้า โยมอา 3๓2๒4๔
เฉลิมพระเเฉกลียริมตพิเรนะอ่ื เงกใยีนรโอตกเิ นาื่อสงมใหนาโมองกคาลสพมรหะารมาชงคพลิธพบี รรมะรราาชชพาภิธเิบี ษรกมรพาทุ ชธารศภาักเิ ษรชกาชาพศ๒ทุ ๕ัพธ๖ศท๒กั ์ราช ๒๕๖๒ คำทใี่ ช้แก่พระภิกษุ ควำมหมำย อัฐบริขาร เครื่องใช้จาเป็นของพระภิกษุ มี 8 อย่าง คือ สบง จีวร สังฆาฏิ(๑) บาตร มีดโกน เข็ม รัดประคด และกระบอกกรองนา จตุปจั จยั เ ค รื่ อ ง อ า ศั ย เ ลี ย ง ชี วิ ต ข อ ง พ ร ะ ภิ ก ษุ ใ น พระพุทธศาสนามี 4 อย่าง คือ จีวร (ผ้านุ่งห่ม ) บิณ ฑ บ า ต (อ า ห า ร ) เสนาสนะ (ท่ีอยู่) คิลานเภสัช (ยา) นติ ยภัตร เงินค่าอาหารท่ถี วายภกิ ษุสามเณรเป็นรายเดือน ปจั จยั เงนิ ตรา พระพุทธรูปประจาวันประสูติ พระพุทธรูปประจาวันประสูติของสมเด็จ พระมหาสมณเจ้า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า สมเด็จพระสังฆราช (คือ วันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร ฯลฯ) พระมหาสมณสาสน์ จดหมาย ใช้แกส่ มเด็จพระมหาสมณเจ้า พระสมณสาสน์ จดหมาย ใช้แก่สมเด็จพระสงั ฆราชเจา้ และสมเดจ็ พระสงั ฆราช ลิขติ จดหมาย ใชแ้ ก่พระภิกษุทั่วไป พระมหาสมณวนิ จิ ฉัย คาวินจิ ฉยั , การวนิ ิจฉยั ใช้แก่สมเด็จพระมหาสมณเจา้ พระวนิ ิจฉยั คาวนิ ิจฉยั , การวินจิ ฉัย ใชแ้ ก่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า และสมเด็จพระสงั ฆราช ฉายา ช่ือภาษาบาลีท่ีพระอุปัชฌาย์ตังให้แก่ พระภิกษุเม่ืออุปสมบท อาสนะ ท่ีน่ัง, เคร่อื งปรู องนง่ั เสนาสนะ ทน่ี ่งั , ที่นอน, ท่อี ยู่ อาสนส์ งฆ์ ทย่ี กพนื สาหรบั นั่ง (๑) สบง จวี ร สังฆาฏิ เรียกรวมวา่ ไตรจีวร ๓๒๕ 325
เฉรเฉลาลิมชมิ พพารรศะะเเกพักยีียทรรตต์ เิเิ นนอื่อ่ื งงใในนโโออกกาาสสมมหหาามมงงคคลลพพรระะรราาชชพพธิ ิธีบีบรรมมรราาชชาาภภเิ ษเิ ษกกพพทุ ุทธศธศักรกั ารชาช๒๕๒๖๕๒๖๒ คาที่ใชแ้ ก่พระภกิ ษุ ความหมาย ธรรมาสน์ ที่สาหรับน่ังแสดงธรรม กฏุ ิ ท่ีอยู่อาศัย อาบัติ โทษที่เกดิ จากการละเมิดสิกขาบท อัฐบาน น้าที่คั้นจากผลไม้ มี 8 อย่าง คือ น้าผล มะม่วง น้าผลชมพู่หรือน้าผลหว้า น้ า ผ ล ก ล ้ว ย ม ีเ ม ล ็ด ห ร ือ น้ า ผ ล ก ล ้ว ย ไม่มีเมล็ด น้าผลมะซาง น้าผลจันทน์ หรือน้าผลองุ่น น้าเหง้าบัว และน้าผล มะปรางหรอื น้าผลลนิ้ จ่ี เจ้าอาวาส ตาแหนง่ พระภกิ ษผุ ปู้ กครองวดั อธิบดีสงฆ์ คาเรียกเจ้าอาวาสเฉพาะวัดพระเชตุพน วิมลมังคลารามและวัดมหาธาตุยุวราช รังสฤษฎ์ิ เพียง ๒ วัด ใช้เฉพาะภายใน กิจการของวัดเท่านั้น คิลานเภสัช ยารักษาโรค อันเตวาสิก บ ร ร พ ชิ ต ห รื อ ค ฤ หั ส ถ์ ที่ เ ป็ น ศิ ษ ย์ อ ยู่ ใ น ปกครองหรือท่ีอาศัยอยู่กับพระภิกษุที่ เปน็ อาจารย์ หรือผทู้ ีเ่ คยอย่ใู นฐานะนัน้ สัทธิวิหาริก, สัทธิงวหิ ารกิ ค า เ ร ีย ก ผู ้ไ ด ้ร ับ ก า ร อ ุป ส ม บ ท แ ล ้ว ถ้าอุปสมบทกับพระอุปัชฌาย์รูปใด ก็เปน็ สทั ธิวหิ าริกของพระอปุ ัชฌาย์รูปนัน้ ฎกี า หนังสือที่เขียนนมิ นต์พระสงฆ์ให้ไปในงานต่าง ๆ ภัตตาหาร, จงั หนั อาหาร ภตั ตาหารเช้า, จังหันเช้า อาหารเช้า ภตั ตาหารเพล, จังหันเพล อาหารเพล 2. คากริยา คาทีใ่ ชแ้ ก่พระภิกษุ ความหมาย นมสั การ กราบ, ไหว้ ฉัน กิน, ดื่ม 3๓2๒6๖
เฉลิมพระเกยี รตเิ น่ืองในโอกาสมหามงคลพระราชพิธบี รมราชาภิเรษากชพาุทศธศพั กั ทรา์ช ๒๕๖๒ เฉลิมพระเกยี รติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ คาที่ใช้แก่พระภกิ ษุ ความหมาย ฉันจังหนั ,(1) ฉันภตั ตาหาร กินอาหาร ฉนั จังหันเช้า, ฉนั ภตั ตาหารเช้า, กนิ อาหารเชา้ ฉันเช้า (ภาษาปาก) ฉันจงั หันเพล, ฉันภัตตาหารเพล, กนิ อาหารกลางวัน ฉนั เพล (ภาษาปาก) ปลงค้ิว โกนคิว้ ปลงผม โกนผม ปลงหนวด โกนหนวด ขอนสิ ยั ขอฝากตวั เป็นศษิ ย์ของพระอุปัชฌาย์หรือ ขอฝากตัวเป็นศิษยข์ องพระภิกษุรปู อนื่ อาราธนา ขอใหพ้ ระภิกษุทาอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ นิมนต์ เชญิ เผดยี งสงฆ์ แจ้งใหส้ งฆท์ ราบ อาพาธ เจบ็ ปว่ ย ถงึ แกม่ รณภาพ, ถึงมรณภาพ, ตาย มรณภาพ จาวัด นอน, นอนหลบั พานกั พกั อาศยั อยูท่ ี่ ครองผา้ น่งุ หม่ อปุ สมบท บวชเป็นพระภิกษุ บรรพชา บวชเปน็ สามเณร ถวายพระพรลา บอกลาเฉพาะพระมหากษัตรยิ ์ สมเด็จพระบรมราชนิ ีนาถ สมเดจ็ พระบรมราชินี(๒) ในการบาเพ็ญพระราชกุศล ในพระราชวัง (1) คาวา่ ฉันจงั หนั เป็นคาทีม่ ใี ช้มากอ่ น ต่อมาจงึ มีคาว่า ฉนั ภตั ตาหาร (๒) พระบรมวงศแ์ ละพระอนวุ งศ์ นอกจากนไ้ี มม่ ีการถวายพระพรลา ๓๒๗ 327
เฉรลามิ ชพารศะเกัพยี ทรต์ เิ นอ่ื งในโอกาสมหามงคลพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๒ เฉลมิ พระเกยี รตเิ นือ่ งในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภเิ ษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๒ คาท่ีใช้แก่พระภิกษุ ความหมาย ปวารณา เปิดโอกาสให้ขอหรือเรยี กร้องเอาได้ ไปหอ้ งนา้ , ไปถาน ไปสว้ ม ร่วมสังฆกรรม(๑) ร่วมทากจิ ของสงฆภ์ ายในพทั ธสีมา เช่น การร่วมฟังสวดพระปาตโิ มกข์ ในวันข้นึ 15 ค่า วันแรม 15 คา่ หรอื วนั แรม 14 ค่าในเดือนขาด รับบิณฑบาต รับของใสบ่ าตร รบั นมิ นต์ รบั เชญิ ลงอโุ บสถ, ลงอโุ บสถกรรม ลงสวดและฟงั พระปาตโิ มกขใ์ นพระอโุ บสถ และอุโบสถในวันขึ้น 15 ค่า วันแรม 15 ค่า หรือวันแรม 14ค่าในเดอื นขาด กราบลา ลา (ใชแ้ ก่พระภิกษุทีน่ บั ถือ) ลาสิกขา ลาสกึ จากพระ องั คาส เลยี้ งพระ, ถวายอาหารพระ ทาวัตรเชา้ สวดมนตไ์ หวพ้ ระตอนเชา้ ทาวัตรเย็น สวดมนตไ์ หวพ้ ระตอนเยน็ ทาวัตรค่า สวดมนตไ์ หว้พระตอนคา่ เทศน์, เทศนา แสดงธรรม ครองจวี ร ห่มจวี ร ถวาย ให้ ประเคน การส่งของถวายใหถ้ งึ มอื พระภิกษุภายใน หัตถบาส คอื ห่างประมาณศอกหน่งึ และยกให้สงู จากพื้นพอสมควร แลว้ นอ้ มถวายดว้ ยความเคารพ ส่งิ ของที่ประเคนนัน้ เป็นของไม่ใหญ่โต หรือหนกั เกนิ ไปจนคน ๆ เดียวยกไมไ่ ด้ ถ้าเป็นส่งิ ของยกไมไ่ ด้ใหใ้ ช้สายสญิ จน์ (๑) พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พุทธศักราช 25๕๔ นิยามคาวา่ สงั ฆกรรม วา่ “[สังคะกา] น. กิจท่พี ระสงฆ์ต้งั แต่ 4 รปู ขน้ึ ไปรวมกันทาภายในสมี า เชน่ การทาอุโบสถ การสวดพระปาติโมกข.์ (ส. สฆ + กรมฺ น;ฺ ป. สงฆฺ กมมฺ ).” 3๓2๒8๘
เฉลิมพระเกยี รตเิ นื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธบี รมราชาภรเิ ษากชพาทุศธัพศกั ทรา์ ช ๒๕๖๒ เฉลมิ พระเกยี รติเน่อื งในโอกาสมหามงคลพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๒ คาทีใ่ ชแ้ ก่พระภกิ ษุ ความหมาย วงรอบสิ่งนน้ั แล้วถวายสายสิญจนแ์ ทน หากผู้ประเคนเปน็ สตรี พระภิกษผุ ้รู ับของ จะทอดผา้ สาหรับรบั ประเคนออกมารบั พงึ วางสิ่งของบนผ้านน้ั ผู้ประเคน สิ่งของท้งั บุรษุ และสตรี ตอ้ งใช้มือ ทัง้ สองยกสิ่งของทปี่ ระเคนนนั้ เมือ่ ประเคนเสร็จแล้วพึงกราบหรือ ยกมอื ไหว้แล้วแตก่ รณี ถวายอดเิ รก(๑) ให้พรพิเศษแดพ่ ระมหากษัตรยิ ์ สมเดจ็ พระบรมราชนิ ีนาถ สมเด็จพระบรมราชินี สรงน้า อาบน้า ปลงอาบัติ แสดงความผดิ เพ่อื เปลอื้ งโทษ ท่ีเกิดจากการล่วงละเมิด สิกขาบทขนาดเบา ทเ่ี รียกวา่ “ลหุกาบัติ” ปรับอาบัติ เอาโทษเป็นผดิ ตามพระวินัย (๑) พระสงฆ์ที่ถวายอดิเรกได้จะต้องเป็นพระราชาคณะ และใช้พัดยศสมณศักด์ิ หรือพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะ จังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด และเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก ซึ่งถือพัดเปลวเพลิง และต้องตั้งพัดยศสมณศักดิ์ ในการถวายอดิเรก ๓๒๙ 329
๑. การใช้คาขึ้นต้น คาสรรพนาม คาลงท้ายในการเขียนหนังสือกราบทูลสมเด็จพระมหาสมณเจ้า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า สมเด็จพระสังฆราช และถึงพระภิกษุ และการจา่ หน้าซอง ผูร้ ับหนังสอื คาขึ้นตน้ คาสรรพนาม คาลงท้าย คาท่ใี ชใ้ นการจ่าหนา้ ซอง ๑. สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า ขอประทานกราบทลู สรรพนามบรุ ษุ ท่ี ๑ (ระบุพระนาม) ข้าพระพทุ ธเจ้า ควรมคิ วรแลว้ แต่จะโปรดเกลา้ ขอประทานกราบทลู ๒. สมเด็จพระสงั ฆราชเจา้ , ทราบฝ่าพระบาท สรรพนามบุรษุ ท่ี ๒ โปรดกระหม่อม (ระบพุ ระนาม) สมเดจ็ พระสงั ฆราช ขา้ พระพุทธเจ้า [ออกชอ่ื เจ้าของ ใตฝ้ า่ พระบาท ข้าพระพทุ ธเจ้า (ลงชอื่ ) หนงั สือและตาแหน่ง (ถา้ มี)] ๓. สมเด็จพระราชาคณะ, ขอประทานกราบทลู สรรพนามบรุ ุษที่ ๑ ควรมคิ วรแลว้ แตจ่ ะโปรด กราบทลู (ระบุพระนาม) 330 พระราชาคณะเจ้าคณะรอง กราบทูล (ระบุพระนาม) เกลา้ กระหมอ่ ม (ชาย) เกลา้ กระหม่อม (ชาย) ทราบฝ่าพระบาท เกลา้ กระหม่อมฉัน (หญงิ ) (ลงช่ือ) หรอื ๔. พระราชาคณะ เกลา้ กระหม่อม (ชาย) หรือ สรรพนามบุรุษที่ ๒ เกล้ากระหมอ่ มฉัน (หญิง) เกล้ากระหมอ่ มฉนั (หญงิ ) ฝ่าพระบาท (ลงชอื่ ) [ออกชือ่ เจ้าของหนงั สือและ ตาแหนง่ (ถ้ามี)] ขอกราบทูล สรรพนามบรุ ุษท่ี ๑ ขอนมัสการด้วยความเคารพ นมสั การ (ระบุนาม) นมัสการ (ระบนุ าม) กระผม, ดฉิ นั อย่างย่งิ สรรพนามบุรษุ ท่ี ๒ นมสั การ (ระบนุ าม) พระคณุ เจ้า ขอนมสั การดว้ ยความเคารพ นมัสการ (ระบนุ าม) สรรพนามบุรุษที่ ๑ อยา่ งสงู กระผม, ดิฉนั สรรพนามบรุ ุษท่ี ๒ พระคณุ ท่าน ๓๓๐
ผรู้ บั หนังสือ คาขน้ึ ต้น คาสรรพนาม คาลงท้าย คาทใี่ ช้ในการจา่ หนา้ ซอง ๕. พระภกิ ษุทัว่ ไป นมัสการ (ระบนุ าม) สรรพนามบรุ ษุ ท่ี ๑ ผม, ดฉิ ัน ขอนมสั การด้วยความเคารพ นมสั การ (ระบนุ าม) สรรพนามบุรุษท่ี ๒ พระคุณทา่ น, ท่าน ๒. การใชค้ าขน้ึ ตน้ คาสรรพนาม คาลงท้าย ในการกราบทูลสมเด็จพระมหาสมณเจ้า สมเดจ็ พระสังฆราชเจ้า สมเด็จพระสงั ฆราช และกล่าวรายงานพระภกิ ษุ 331 ผฟู้ งั คาขึ้นตน้ คาสรรพนาม คาลงท้าย ๑. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ขอประทานกราบทูลทราบฝ่าพระบาท สรรพนามบุรษุ ที่ ๑ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกลา้ [ออกชอื่ ข้าพระพทุ ธเจ้า ผกู้ ราบทูลและตาแหน่ง สรรพนามบุรุษที่ ๒ โปรดกระหมอ่ ม (ถา้ มี)] ใต้ฝ่าพระบาท ขอประทานกราบทูล ๒. สมเด็จพระสงั ฆราชเจ้า, กราบทลู ทราบฝา่ พระบาท สรรพนามบุรษุ ท่ี ๑ ควรมคิ วรแลว้ แตจ่ ะโปรด สมเด็จพระสังฆราช เกล้ากระหม่อม (ชาย) หรือ เกลา้ กระหมอ่ ม (ชาย) เกล้ากระหมอ่ มฉนั (หญิง) เกล้ากระหม่อมฉนั (หญงิ ) [ออกช่อื ผู้กราบทลู และ สรรพนามบุรุษท่ี ๒ ตาแหนง่ (ถ้ามี)] ขอกราบทลู ฝ่าพระบาท ๓๓๑
ผฟู้ งั คาขึน้ ต้น คาสรรพนาม คาลงท้าย ๓. สมเดจ็ พระราชาคณะ, นมัสการ พระคุณเจา้ สรรพนามบุรษุ ที่ ๑ ขอนมัสการด้วยความเคารพ กระผม, ดฉิ นั พระราชาคณะเจ้าคณะรอง สรรพนามบุรุษที่ ๒ อย่างย่งิ พระคณุ เจา้ 332 ๔. พระราชาคณะ นมัสการ พระคณุ ทา่ น ขอนมสั การด้วยความเคารพ สรรพนามบรุ ุษท่ี ๑ อยา่ งสงู ๕. พระภิกษุทว่ั ไป นมัสการ พระคณุ ทา่ น กระผม, ดฉิ นั สรรพนามบุรษุ ที่ ๒ ขอนมสั การดว้ ยความเคารพ พระคุณทา่ น สรรพนามบรุ ุษท่ี ๑ ผม, ดฉิ ัน สรรพนามบรุ ษุ ที่ ๒ พระคณุ ท่าน, ท่าน
ภาคผนวก ๓๓๓ 333
ภาคผนวกที่ 1 ภาคคผานสุภวากพที่ 1 คาสุภาพ หมายถึงคาที่ไม่หยาคบากสระุภดา้าพงน่ารังเกียจ สมควรจะใช้กราบบังคมทูล พระกรุณคาาสหุภราือพใชห้เปม็านยภถาึงษคารทาี่ไชมก่หายราบเปก็นระภดา้าษงานแ่าบรังบเแกีผยจน สใชม้แคกวร่พจระะใสชง้กฆร์าขบ้าบรังาคชมกทาูลร แพลระบกคุ รคุณลาท่วัหไรปือใช้เป็นภาษาราชการ เป็นภาษาแบบแผน ใช้แก่พระสงฆ์ ข้าราชการ และบุคคลคทาท่วั ไี่ใปชแ้ ก่ข้าราชการและบคุ คลท่ัวไป ค๑า.ทคใ่ี าชสแ้ ากม่ขาา้นรยานชากมานรแาลหะนบา้ คุชคื่อลใทช่วัแ้ ไกป่ข้าราชการและบุคคลท่วั ไปมี 2 อยา่ ง คือ ๑. ๑ค.า1สาคมาาสนายมนานามยนนาาหมนบา้อชก่ือยศใชใ้แชก้ท่ข่ัว้าไรปากชับกขาร้าแราลชะกบาคุ รคลปทัจว่ัจไุบปันมนี 2ี้มีแอตย่ยา่ ศงทหคือาร กับตารวจ(๑)ซ๑ึ่ง.ท1รคาบากสันามแาพนร่หยนลายมอบยอู่แกลย้วศแตใช่ย้ทศท่ัวไาปงพกลับเขร้าือรนาซชึ่งกปาัจรจุบปันจไจมุบ่มันแี นลี้ม้วีแนตนั้ ่ยแศตท่กห่อานร กเคับยตมาีทรว่ั จก(๑ัน)ทซึุ่งกทฝร่าายบทกุกันกแรพะรท่หรลวายงอทยั้งู่แชลั้นวสแัญต่ยญศาทบาัตงพรแลเลระือปนรซะ่งึ ปทัจวจนุบจันะไขมอ่มกีแล้ว่านวเัน้ ฉพแตาะ่กช่อั้น สเคัญยญมีทาบั่วกัตันรพทอุกใฝห่า้เยปท็นุกคกวราะมทรู้ รดวังงนี้ทั้งชั้นสัญญาบัตรและประทวน จะขอกล่าวเฉพาะชั้น สัญญาบัตรพอใหย้เปศ็นฝค่าวยาพมลรู้เดรังือนน้ี มี มหาอามาตย์นายก มหาอามาตย์ (เอก โท ตรี) อามาตย์ (เอก โยทศตฝร่าี)ยรพอลงเอราือมนาตมยี ์ ม(เหอากอาโทมาตตรยี)์นแาตย่ฝก่ายมรหาาชอสาามนาักตมยีย์ ศ(เตอ่ากงอโทอกตไรปี) อทาง้ั แมยากตอยอ์ (กเตอากมหโทน้าตทรี่ ี)กรมอกงองาอมกี าตย์ (เอก โท ตรี) แต่ฝ่ายราชสานักมียศต่างออกไป ทงั้ แยกออกต๑าม.2หนคา้ าทสี่ การมมากนองยอนกี ามที่เป็นคานาชื่อ ได้แก่ บรรดาศักดิ์ กับคาที่ กฎหมายเรียก๑ว.2่า คคาานสาานมามานจยะกนลา่ามวถทงึ ี่เพปว็นกหคลางันกา่อชนื่อ ได้แก่ บรรดาศักดิ์ กับคาท่ี กฎหมายเรียกว่า คชานยาทน่ีมาีอมายจุะ1ก5ล่าปวีลถงงึ มพาวกมหิใชล่ผงั ู้กท่อีเน่ืองในพระราชวงศ์ ใช้คานาหน้าชื่อ พร้อมกับนามสกุลวช่ายเดท็ก่ีมชีอายุ เ1ช5่นปเดีล็กงมชายมชิใอชบ่ผู้ทเ่ี กนิด่ืองงาใมนพทรี่มะีอราายชุเวกงินศ1์ ใ5ช้คปาีขน้ึนาไหปน้แาชลื่อะ มพิใรช้อ่ผมู้ทกี่เับนน่ือางมในสกพุลรวะ่าราเดช็กวงชศา์ยใชเช้ค่นานเาดห็กนช้าชยื่อชพอบร้อมเกกิดับงนามามทส่ีมกีอุลาวย่าุเกนินาย15เชป่นีขึ้นไาปยชแอลบะ มเกิใดิชง่ผาู้ทมี่เนื่องในพระราชวงศ์ ใช้คานาหน้าชื่อพร้อมกับนามสกุลว่า นาย เช่น นายชอบ เกดิ งาม หญงิ โสดท่มี ีอายุ 15 ปีลงมา ซงึ่ มิใช่ผ้ทู เี่ น่ืองในพระราชวงศ์ ใช้คานาหน้า ช่ือว่า เด็กหญิง เชห่นญเิงดโส็กดหทญีม่ ิงีอชาดยชุ 1้อ5ย ปใีลจงเมยา็นซหง่ึ ญมใิ ิงชโผ่สู้ทดเี่ทนี่มื่อีองาในยพุ 1ระ5ราปชีขวึ้นงศไป์ ใชซค้ ่ึงามนิใชาห่เปน็น้า ผชืู่้อทวี่เน่า่ือเดงใ็กนหพญริงะรเชา่นชวเงดศ็ก์หใชญ้คิงาชนดาชห้อนย้าชใจ่ือเวย่า็นนหาญงิงสโาสวดทเช่ีม่ีนอานยุา1ง5สาปวีขชึ้นดไชป้อซย่ึงมใิ จช่เปย็น แผตู้ท่เีเดนมิ ื่อหงญในงิ สพมระสแรลาช้ววซงง่ึ ศม์ใิ ใชชผ่ ้คทู้ าี่เนื่อางหในพ้ารชะื่อรวา่ชาวนงศา์ งใชสค้ าาวนาเชห่นา้ นชื่อาวง่าสนาวางชเดชช่น้อนยางชใจดชเย้อ็นย แอตุ่น่เใดจิมแหตญ่ใงินสปมัจรสจแุบลัน้วใชซ้่ึงนมาใิ ชง่ผหู้ทรี่เือนื่อนงาในงพสาระวรหาชรวืองใศช์ ้นใชา้คมาสนกาุหลนเด้าิมชอ่ืกว็ได่า้ นตางมพเชร่นะรนาาชงบชดัญชญ้อัตยิ อคุ่านนใจาหแนต้า่ในนาปมัหจจญุบงิ ันพใทุชธ้ นศาักงราหชร๒ือ๕น๕า๑งสาว หรือใช้นามสกุลเดิมก็ได้ ตามพระราชบัญญัติ คานาหน้านามหญงิ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (๑) ยศทหารและตารวจ แต่เดิม ถ้าเป็นนาย (ไม่ใช่พล) มีคา นาย นาหน้าเสมอ เช่น นายพล นายพัน นายร้อย ยจจตต่่าาาาศรรนนทววาาหจจยยาเเสสปปริิบบแ็นน็ ลหหนนะญญาาตยยงงิิ าสสใใริิหหบบวเเ้้จตตตติมมิ่่ออแคคมมตาา่เาาดววสสา่่าิมตตหหรรถีีเเญญ้าปปเิงิง็็นนปทททท็นหหา้า้นยยาาายยรรยแแศศลล(นนไะะ้นัั้นมตต่ใๆๆชาารร่พดดวว3ล33้ว้วจจ)ยย3๓๓คคม๔๔4าาีคววา่่าา นนาายย นจาึงหถูนกล้าเบสทม้ิงอไปเชแ่นละนถา้ายผพู้ทล่ีไดน้ราับยยพศันทนหาายรแร้อลยะ (๑) นาย จึงถูกลบท้ิงไป และถ้าผู้ท่ีได้รับยศทหารและ
เฉลมิ พระเกียรติเน่ืองในโอกาสมหามงคลพระราชพิธบี รมราชาภเิ ษก พทุ ธรศาักชราาชศ๒พั ๕๖ท๒์ เฉลิมพระเกียรติเนอื่ งในโอกาสมหามงคลพระราชพธิ บี รมราชาภิเษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๒ นอกจากคานาหน้าช่ือสาหรับสามัญชนดังกล่าว ก็มคี า “หม่อมราชวงศ์” กับ “หมอ่ มหลวง” สาหรบั นาหน้าชื่อผทู้ ่ีเนื่องในพระราชวงศอ์ กี สองช้ัน อนึ่ง เด็กชาย เด็กหญิง นาย นางสาว และ นาง ผู้ที่ใช้นามสกุลท่ีเป็น ราชสกุล ให้ลงคาวา่ ณ อยุธยา(๑) ตอ่ ท้ายนามสกุลด้วยทุกกรณี ผู้มีบรรดาศักดิ์อีกพวกหนึ่ง ซึ่งแม้จะไม่มีการแต่งต้ังแล้วโดยปกติ แตก่ ็ยงั ต้องกล่าวอ้างถงึ อยู่ จงึ ควรทราบไว้ด้วย ดังน้ี สมเดจ็ เจา้ พระยา เช่น สมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาศรีสุรยิ วงศ์ เจา้ พระยา เช่น เจา้ พระยาภธู ราภัย พระยา เช่น พระยาสีหราชเดโชชยั เจา้ หมืน่ เชน่ เจา้ หมื่นไวยวรนาถ หม่อม เชน่ หมอ่ มราโชทยั พระ เชน่ พระพรหมพิจิตร จมนื่ เช่น จมน่ื ทพิ เสนา หลวง เชน่ หลวงคเชนทรามาตย์ นาย เชน่ นายวรกจิ บรรหาร ขนุ เช่น ขุนสุนทรภาษิต จา่ เชน่ จ่าผลาญอรพิ ษิ หม่นื เชน่ หม่นื พากยฉ์ นั ทวัจน์ พัน เชน่ พันพฒุ อนุราช ทางฝ่ายสตรีผู้มีบรรดาศักด์ิ ก็มีสามานยนามเป็นคานาหน้าช่ือเป็น พเิ ศษตา่ งจากสามัญชนอีกมาก ควรทราบไวด้ ว้ ย เช่น ท่านผู้หญิง(๒) แต่ก่อนมาใช้นาหน้าชื่อภรรยาเอกของ เจ้าพระยา และเป็นผู้ได้รับพระราชทานเคร่ืองยศท่านผู้หญิง ปัจจุบันนี้ใช้แก่สตรีที่มิใช่เจ้านายหรือ มิใช่หม่อมห้ามของเจ้านาย และเป็นผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้าฝ่ายในช้ันทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษข้ึนไป และคา ท่านผู้หญิง นี้ ในกรณีแรก (๑) เดมิ ใช้ “ณ กรงุ เทพ” (๒) ดูพระราชกฤษฎีกาคานานามสตรี พุทธศักราช 2460 พระราชกฤษฎีกาคานานามสตรี เพิ่มเติม พุทธศักราช 2464 คาส่ังนายกรัฐมนตรี เร่ืองคานานามสตรี ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2498 หนังสือกรมสารบัญ คณะรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ที่ น.ว. 267/2498 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2498 เรื่องการใช้คานานามสตรี และ หนงั สอื สานกั เลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี ที่ ส.ร.0204/ว.75 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2525 เรอื่ งการใชค้ านานามสตรี ๓3๓3๕5
เรฉาลิมชพารศะเัพกียทรต์ เิ นอ่ื งในโอกาสมหามงคลพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒ เฉลิมพระเกยี รตเิ น่ืองในโอกาสมหามงคลพระราชพธิ ีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ (ทใี่ ชก้ ับเอกภรรยาของเจ้าพระยา) และสามียงั มีชีวิตอยู่ ใหใ้ ช้คานน้ี าหน้าราชทินนามของ สามีทเี ดยี ว เชน่ “ท่านผู้หญิงยมราช” แต่หากสามีถึงอสัญกรรมแล้ว จะต้องลงช่ือตัวเพ่ิม ลงหน้าราชทินนามด้วย เป็น “ท่านผู้หญิงตลับ ยมราช” ในกรณีหลัง ที่เป็นท่านผู้หญิง เพราะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้ันทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษฝ่ายในข้ึนไปน้ัน ให้อนุโลมตามกรณีแรก คือ ใช้คา ท่านผู้หญิง นาราชทินนามของสามี เช่น “ท่านผู้หญิง ดิฐการภักดี” “ท่ำนผู้หญิงละมูล บริรักษ์เวชชกำร” แต่ถ้าสามีไม่มีบรรดาศักดิ์ ให้ใช้คา “ท่านผู้หญิง” นาหน้าชื่อตัวและนามสกุล เช่น “ท่านผู้หญิงพงา ธรรมศักด์ิ” ส่วนผู้เป็น “หม่อมราชวงศ์” และ “หม่อมหลวง”(๑) เมื่อได้เป็นท่านผู้หญิง ให้ใช้คา ท่านผู้หญิง นาหน้าชื่อ แทนคา หม่อมราชวงศ์ หรือ หม่อมหลวง ได้ทีเดียว เช่น “หม่อมราชวงศ์ พรพรรณ ทวีวงศ์ถวัลยศักด์ิ” เป็น “ท่านผู้หญิงพรพรรณ ทวีวงศ์ถวัลยศักด์ิ” “หม่อมหลวงมณรี ตั น์ บุนนาค” เป็น “ท่านผหู้ ญงิ มณีรตั น์ บุนนาค” คุณหญิง ใช้นาหน้าชื่อภรรยาเอกของ พระยา และใช้นาหน้าชื่อสตรี ที่ไ ด้รับ พระราชทานเค ร่ืองราชอสิ รยิ าภรณจ์ ลุ จอมเก ล้าฝ่ายใน ต้ังแตช่ ้ั น จตุตถจุลจอมเกล้าขึ้นไปจนถึงชั้นทตุ ิยจุลจอมเกล้า คา คณุ หญงิ มวี ธิ ใี ช้นาหนา้ ช่ือทานอง เดียวกับคา ท่านผู้หญิง ที่กล่าวมาแล้ว เว้นแต่ผู้ท่ีเป็น หม่อมราชวงศ์ กับ หม่อมหลวง ให้ใช้ หม่อมราชวงศ์ หรือ หม่อมหลวง นาหน้าช่ืออย่างเดิม ห้ามมิให้ใช้คา คุณหญิง แทนหรือเติมเข้าอีกคาหนงึ่ ภรรยาของผู้มีบรรดาศักดิ์ต่ากว่า พระยา และมิได้เป็น หม่อมราชวงศ์ หรือ หมอ่ มหลวง ใหใ้ ช้คาว่า นาง นาหน้าราชทนิ นามของสามีเมื่อสามียังมีชวี ิตอยู่ แต่ถ้าหาก สามีถึงแก่กรรมแล้ว ให้ลงชื่อตัวลงหน้าราชทินนามของสามีด้วย ส่วนผู้ที่เป็น หม่อมราชวงศ์ และ หม่อมหลวง ใช้คาว่า หม่อมราชวงศ์ หรือ หม่อมหลวง นาหน้าชื่อตัว และราชทินนามของสามีโดยตลอด สตรีโสด ที่มิใช่ หม่อมราชวงศ์ หรือ หม่อมหลวง ถ้าได้รับ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายใน ไม่ว่าชั้นหนึ่งชั้นใด ให้ใช้คา นาหน้าชื่อว่า คุณ ตลอดเวลาที่เป็นสมาชิกแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าอยู่(๒) เช่น คุณนงลักษณ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยธุ ยา คณุ มานา บุญค้นั ผล (๑) คา “หม่อมราชวงศ์” และ “หม่อมหลวง” ตามทางราชการและภาษาราชาศัพท์ ไมเ่ ขยี นย่อด้วยวิธใี ด ๆ ก็ตาม (๒)พระราชกฤษฎีกาคานานามสตรี พุทธศักราช 2460 มีข้อความสาคัญเกี่ยวด้วยการใช้คานานามสตรี ข้อ 7 สตรีที่มีคานานามว่า “ท่านผู้หญิง” “คุณหญิง” และ “นาง” ตามที่กล่าวมาแล้วใน ข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4 น้ัน ให้พึงเข้าใจว่า เฉพาะสาหรับผู้อื่นกล่าวถึง ถ้าจะเขียนนามของตนเองไซร้ไม่ต้องมีคานานามด้วย ตัวอย่างเช่น “แย้ม มขุ มนตรี” “นวล เอกะวตั วสิ ฐิ ” ผู้ที่มีคานานามว่า “คุณ” ตามพระราชกฤษฎีกาคานานามสตรีเพิ่มเติม พุทธศักราช 2464 ก็ควรต้องถือตาม พระราชกฤษฎีกา พทุ ธศักราช 2460 ดว้ ย 3๓3๓6๖
เฉลมิ พระเกียรติเนือ่ งในโอกาสมหามงคลพระราชพิธบี รมราชาภิเษก พทุ ธรศากั ชราาชศ๒ัพ๕๖ท๒์ เฉลิมพระเกียรติเนอ่ื งในโอกาสมหามงคลพระราชพิธบี รมราชาภเิ ษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ทา้ ว เป็นคานานามข้าราชการฝ่ายในตาแหน่งท้าวนาง ใช้นาหนา้ ราชทินนาม เช่น “ท้าวอินทรสุริยา” “ท้าวศรีสัจจา” “ท้าวโสภานิเวศน์” “ท้าวพิทักษ์อนงคนิกร” “ท้าวอนงครักษา” ๒. คาสรรพนามหรอื คาแทนชื่อ ในไวยากรณ์ คาสรรพนามที่จะต้องเปล่ียนแปลงใช้ตามบุคคล คือบุรุษสรรพนาม และมีคาใชม้ ากสาหรบั บคุ คลตา่ งชน้ั กัน ท่ใี ช้กนั เปน็ แบบแผนแตก่ อ่ นมดี ังนี้ บุรษุ ที่ 1 ผูพ้ ูด คาสรรพนาม พูดกับ ผู้น้อย (ชาย) เกลา้ กระผม ข้าราชการผู้ใหญ่ ผนู้ ้อย (ชาย) กระผม ขา้ ราชการชั้นรอง ขา้ ราชการผูใ้ หญ่ ผม ขา้ ราชการเสมอกัน ขา้ ราชการ อฉี ัน, อิฉัน ขา้ ราชการผูน้ ้อยกวา่ บุคคลทั่วไป (คานปี้ จั จบุ ันสตรี บุคคลทัว่ ไป ผู้นอ้ ย (หญิง) ไมน่ ิยมใช)้ ผู้ใหญ่ ผู้เสมอกัน (หญิง) ผเู้ สมอกัน ผใู้ หญ่ ฉนั ผนู้ ้อย บคุ คลทว่ั ไป บคุ คลทัว่ ไป บุคคลทว่ั ไป (ชาย) ข้าพเจา้ ,กระผม,ผม ผใู้ หญ่ บคุ คลทั่วไป (หญิง) ขา้ พเจา้ , ดฉิ ัน บุคคลทั่วไป ผูใ้ หญ่ บคุ คลทั่วไป ๓๓๗ 337
เรฉาลิมชพารศะเพักยี ทรต์ ิเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๒ เฉลมิ พระเกยี รตเิ นอื่ งในโอกาสมหามงคลพระราชพิธบี รมราชาภิเษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒ บรุ ษุ ที่ 2 ผู้พดู คาสรรพนาม พูดกบั ผนู้ อ้ ย ใตเ้ ท้ากรุณาเจ้า, สมเดจ็ เจา้ พระยา ใตเ้ ท้ากรณุ า ขนุ นางชน้ั สงู สตรผี มู้ ีบรรดาศกั ด์ิสูง ผนู้ อ้ ย ใตเ้ ท้า ขุนนางชั้นผ้ใู หญ่ สตรีผมู้ ีบรรดาศกั ด์ิ ผใู้ หญ่ เธอ ผนู้ ้อยท่ยี กย่อง ผใู้ หญ่ เจ้า(1) ผนู้ อ้ ย บคุ คลทว่ั ไป ท่าน ผใู้ หญ่ ชาย หล่อน บุคคลท่วั ไป หญิง หญิง บุคคลทว่ั ไป คณุ บุคคลท่วั ไป บรุ ุษท่ี 3 คาสรรพนาม ใช้แก่ ผู้พูด ทา่ น เจา้ นาย ขา้ ราชการ ข้าราชการ ผู้ใหญ่ ผู้นบั ถือ บุคคลท่ัวไป บุคคลท่ัวไป เธอ บคุ คลท่วั ไป บุคคลทวั่ ไป หล่อน ผูห้ ญงิ บคุ คลทัว่ ไป เขา ผเู้ สมอกัน บุคคลท่ัวไป มัน ผไู้ ม่สนทิ สนมกนั สัตว์ สง่ิ ของ (1) ดูตัวอย่างในพระบรมราโชวาทในรัชกาลที่ 6 ท่ีพระราชทานแก่เสือป่า นักเรียนมหาดเล็กหลวง นักเรียนใน พระบรมราชูปถัมภ์ ฯลฯ 3๓3๓8๘
เฉลมิ พระเกยี รตเิ น่ืองในโอกาสมหามงคลพระราชพธิ บี รมราชาภิเษก พรุทาธศชกั ารศาชพั ๒ท๕๖์ ๒ เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธบี รมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ๓. คากรยิ า คากรยิ า คาสภุ าพ ใชแ้ ก่ กิน รบั ประทาน บุคคลท่ัวไป สัง่ มพี ระประศาสนส์ ่งั สมเด็จเจ้าพระยา มบี ัญชาส่งั ขุนนางชั้นผใู้ หญ่ นายกรฐั มนตรี มคี าสงั่ ขุนนางช้นั รองลงมา ขา้ ราชการระดบั ปลดั กระทรวงถงึ อธบิ ดี บอก กราบเรยี น ขนุ นางชัน้ ผู้ใหญ่ ผู้ดารงตาแหน่ง : - ประธานองคมนตรี - นายกรฐั มนตรี - ประธานรัฐสภา - ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร - ประธานวฒุ ิสภา - ประธานศาลฎีกา - ประธานศาลรัฐธรรมนูญ - ประธานศาลปกครองสูงสดุ - ประธานกรรมการการเลือกตั้ง - ประธานกรรมการสทิ ธิมนุษยชนแหง่ ชาติ - ประธานกรรมการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริตแหง่ ชาติ - ประธานกรรมการตรวจเงนิ แผ่นดนิ - ประธานผ้ตู รวจการแผน่ ดนิ หรอื ผูต้ รวจการแผน่ ดิน - อยั การสงู สุด - รัฐบุรุษ เรยี น ข้าราชการ บคุ คลท่ัวไป ๓๓๙ 339
เฉลริมาพชระาเกศยี ัพรตทิเน์ ่ืองในโอกาสมหามงคลพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๒ เฉลมิ พระเกยี รตเิ นอื่ งในโอกาสมหามงคลพระราชพธิ ีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ คากริยา คาสภุ าพ ใช้แก่ ตาย ถงึ แก่พริ าลยั เจา้ ประเทศราช สมเดจ็ เจ้าพระยา เจา้ คณุ จอมมารดา ผู้ท่ไี ด้ทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมเป็นกรณีพิเศษ ถงึ แก่อสัญกรรม เจา้ พระยา หรือเทียบเทา่ ผทู้ ี่ไดร้ ับพระราชทานเครอ่ื งราชอิสริยาภรณ์จลุ จอมเกลา้ ชนั้ ปฐมจุลจอมเกล้า ทง้ั ฝา่ ยหนา้ และฝา่ ยใน ผู้ดารงตาแหนง่ : - ประธานองคมนตรี - องคมนตรี - นายกรฐั มนตรี - รัฐมนตรี - ประธานรัฐสภา - ประธานสภาผ้แู ทนราษฎร - ประธานวุฒสิ ภา - ประธานศาลฎกี า - ประธานศาลรัฐธรรมนญู - ประธานศาลปกครองสงู สุด - ประธานกรรมการการเลือกตง้ั - ประธานกรรมการสทิ ธมิ นุษยชนแห่งชาติ - ประธานกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแหง่ ชาติ - ประธานกรรมการตรวจเงินแผน่ ดนิ - ประธานผตู้ รวจการแผน่ ดนิ หรอื ผู้ตรวจการแผ่นดิน - อยั การสงู สุด - รฐั บุรุษ ถงึ แก่อนจิ กรรม พระยา หรอื เทียบเท่า ผทู้ ไ่ี ด้รับพระราชทานเคร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์ ชน้ั ประถมาภรณม์ งกุฎไทยขึ้นไป ปฐมดเิ รกคุณาภรณ์ ทตุ ยิ จุลจอมเกล้าขน้ึ ไป 34๓0๔๐
เฉเลฉิมลพิมพระรเะกเียกยีรตรติเนิเนอื่ ื่องใงนในโโออกกาาสสมมหหาามมงงคคลลพพรระะรราาชชพพธิิธีบีบรรมมรราาชชาาภภเิิเษษกก พพุททุ ธธรศศาักักรชราาชาชศ๒๒๕ัพ๕๖๖ท๒๒์ คำกรยิ ำ คำสุภำพ ใชแ้ ก่ ถงึ แก่กรรม ขุนนางตา่ กวา่ พระยา ลม้ บคุ คลทัวไป สตั ว์ใหญ่ (เชน่ ช้างลม้ ) อสรู (เชน่ ทศกัณฐ์ล้ม) ตาย สัตว์ ๔. คำวิเศษณ์ที่แสดงคำรบั ผู้พูด คำวิเศษณ์ ใช้แก่ บุคคลทวั ไป ขอรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม, สมเดจ็ เจา้ พระยา ขอรับกระผม ขนุ นางชน้ั สงู ขุนนางชน้ั รองลงมา ขุนนางเสมอกัน ขอรบั ขุนนางเสมอกัน บุคคลทวั ไป (ชาย) ครบั ผม, ขอรับ, ครบั ขา้ ราชการ บคุ คลทวั ไป บุคคลทัวไป (หญิง) คะ่ ข้าราชการ ผู้น้อย (หญิง) เจา้ คะ่ , ค่ะ บุคคลทวั ไป ข้าราชการ ผใู้ หญ่ จ้ะ บคุ คลทัวไป คนสามัญ จ้ะ ขุนนาง ผนู้ อ้ ย คนสามญั ๕. ลักษณะคำสภุ ำพ ค่าธรรมดาทีต้องเปลียนใช้ให้สุภาพ มีลักษณะตามทีกล่าวในต่ารา เป็น 5 ลกั ษณะ ดังน้ี ๕.1 ไม่ใช่ค่ากระด้าง ทีกล่าวอย่างขาดความเคารพ เช่น หือ หำ เออ โว้ย หรือค่าพูดห้วน ๆ เช่น ไม่มี ไม่ใช่ ไม่อยู่ เปล่ำ หรือใช้อาการพยักหน้า แทนค่ารับ ใช้สนั ศีรษะ แทนค่าปฏเิ สธ ควรมีค่าลงท้ายตามขอ้ ๔ แล้วแตค่ วามเหมาะสม ๓๔๑ 341
เรฉาลิมชพารศะเพักยี ทรต์ ิเนอ่ื งในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภเิ ษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ เฉลิมพระเกียรตเิ นือ่ งในโอกาสมหามงคลพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก พทุ ธศักราช ๒๕๖๒ ๕.2 ไม่ใช่คาด่า คาหยาบ คาโลน คาที่ถือว่าสกปรก เช่น อ้าย อี(1) ข้ี เย่ยี ว โกหก ห่า เหี้ย ตูด คาเหล่านี้มีอยู่ในที่แห่งใดต้องหาทางเปล่ียนแปลงหรือตัดออกเสีย เช่น อ้ายนั่น อ้ายนี่ เปล่ียนเป็น คนน้ัน คนนี้ หรือ สิ่งนั้น สิ่งนี้ ปลาอ้ายบ้า ตัดเป็น ปลาบ้า อีเลิ้ง อีแอ่น เปลี่ยนเป็น นางเลิ้ง นางแอ่น อีสุกอีใส อีแร้งอีกา ตัดเป็น สุกใส แร้งกา ข้ี เย่ียว ต้องใช้ อุจจาระ ปัสสาวะ หรอื คูถ มูตร ข้ีนก ข้ีดิน ตอ้ งเปล่ียนเป็น มูลนก มูลดิน ขี้มูก ว่า น้ามูก ดอกขี้เหล็ก ว่า ดอกเหล็ก ขนมขี้หนู ว่า ขนมทราย โกหก ว่า พดู ปด หรือ พดู เท็จ ๕.3 ไมใ่ ช่คาท่ีมักนามาพูดเปรียบกบั ของหยาบ มเี ปรยี บกบั อวยั วะเพศ เปน็ ต้น ๕.4 ไมใ่ ช่คาผวนทผ่ี วนกลับมาแล้วกลายเปน็ คาหยาบ ๕.5 เมื่อจาเป็นต้องกล่าวถึงคาหยาบหรือสกปรก เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ ตอ้ งใชค้ านาข้ึนกอ่ น เชน่ ใชค้ าวา่ ขอโทษ กับบุคคลท่วั ไป ใช้ ไมค่ วรจะกราบเรียน กับขนุ นาง (1) คาวา่ “อา้ ย” กับ “อ”ี ถ้ามิได้ใช้ในความหมายทหี่ ยาบ กไ็ ม่เขา้ กรณีน้ี เชน่ เดอื นอา้ ย พอี่ า้ ย เจา้ อา้ ยพระยา วา่ วอลี ุม้ เรอื อโี ปง อีโหน่อเี หน่ ๓๔๒ 342
ภาคผนวกที่ ๒ คำข้ึนตน้ คำสรรพนำม คำลงทำ้ ย ในกำรเขียนหนังสือ และกำรกล่ำวรำยงำนบุคคลท่วั ไป 1. การใชค้ าข้ึนต้น คาสรรพนาม คาลงท้าย ในการเขียนหนงั สอื ถึงบคุ คลทั่วไป และการจา่ หนา้ ซอง ผรู้ ับหนังสอื คาขน้ึ ตน้ คาสรรพนาม คาลงทา้ ย คาทใี่ ชใ้ นการจ่าหนา้ ซอง ๑. บคุ คลธรรมดา กราบเรยี น สรรพนามบรุ ุษที่ ๑ ขอแสดงความนบั ถอื อยา่ งยิง่ กราบเรียน ๑.๑ ประธานองคมนตรี (ระบุตาแหนง่ ) ข้าพเจา้ , กระผม, (ระบุนามและตาแหนง่ ) ผม, ดิฉัน นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร สรรพนามบุรุษท่ี ๒ ประธานวุฒิสภา ท่าน ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรฐั ธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสงู สุด 343 ประธานกรรมการการเลือกต้ัง ประธานกรรมการสิทธมิ นุษยชนแหง่ ชาติ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริตแห่งชาติ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ประธานผ้ตู รวจการแผ่นดนิ หรอื ผูต้ รวจการแผ่นดนิ อัยการสงู สุด รัฐบรุ ุษ ๑.๒. บคุ คลทวั่ ไป (นอกจาก ๑.๑) เรียน [ระบนุ าม สรรพนามบรุ ุษที่ ๑ ขอแสดงความนบั ถือ เรียน [ระบุนามหรือตาแหน่ง หรอื ตาแหน่ง ขา้ พเจ้า, กระผม, (ถา้ มี)] (ถา้ ม)ี ] ผม, ดฉิ นั สรรพนามบุรุษท่ี ๒ ทา่ น ๓๔๓
2. การใชค้ าขน้ึ ต้น คาสรรพนาม และคาลงทา้ ย ในการกล่าวรายงานบคุ คลทั่วไป 344 ผู้ฟัง คาข้ึนต้น คาสรรพนาม คาลงท้าย ๑. บุคคลธรรมดา กราบเรยี น (ระบุตาแหนง่ ) สรรพนามบุรุษที่ ๑ - ๑.๑ ประธานองคมนตรี ขา้ พเจ้า, กระผม, เรยี น (ระบุตาแหนง่ ) - นายกรัฐมนตรี ผม, ดิฉัน ประธานรัฐสภา สรรพนามบุรษุ ที่ ๒ ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร ท่าน ประธานวุฒสิ ภา ประธานศาลฎีกา สรรพนามบุรษุ ที่ ๑ ประธานศาลรัฐธรรมนญู ขา้ พเจา้ , กระผม, ประธานศาลปกครองสงู สุด ประธานกรรมการการเลอื กต้งั ผม, ดิฉนั ประธานกรรมการสิทธมิ นุษยชนแหง่ ชาติ สรรพนามบุรษุ ท่ี ๒ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปราม ทา่ น การทุจรติ แห่งชาติ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดนิ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดนิ หรือผูต้ รวจการแผ่นดิน อัยการสงู สดุ รัฐบรุ ษุ ๑.๒. บุคคลท่ัวไป (นอกจาก ๑.๑) ๓๔๔
ภาคผนวกที่ ๓ คาสุภาพเรียกสัตวแ์ ละอื่น ๆ คาสภุ าพ คาสามัญ กระบือ ควาย กลว้ ยสัน้ กล้วยกุ กลว้ ยเปลือกบาง, กล้วยกระ กลว้ ยไข่ ขนมทราย ขนมขห้ี นู ขนมสอดไส้ ขนมใสไ่ ส้ โค วัว เครอื่ งเคียง เคร่อื งจม้ิ , เครื่องแนม จติ รจูล, จิตรจลุ เต่า เจ็ดประการ เจด็ อยา่ ง ชา้ งนรการ ชา้ งสีดอ (ช้างพลายมีงาส้ัน) ชัลลุกะ, ชลั ลกุ า ปลงิ ชา้ ง ๒ ช้าง, ชา้ ง ๒ เชือก ช้าง ๒ ตวั ดอกขจร ดอกสลดิ ดอกซ่อนกลิ่น ดอกซ่อนชู้ ดอกถันวิฬาร์ ดอกนมแมว ดอกทอดยอด ดอกผักบุ้ง ดอกมณฑาขาว ดอกย่หี บุ ดอกสามหาว ดอกผกั ตบ ดอกเหล็ก ดอกข้ีเหล็ก ตกลกู ออกลูก (สาหรบั สัตว์ท้ังปวง) ต้นจะเกรง ต้นเหงอื กปลาหมอ ต้นปารฉิ ัตร, ต้นปารชิ าติ ตน้ ทองกวาว, ตน้ ทองหลาง ๓๔๕ 345
ราชาศัพท์ เเฉฉลลิมิมพพรระะเเกกียียรรตตเิ เินนอื่อื่ งงใในนโโออกกาาสสมมหหาามมงคงคลลพพระรระารชาพชพธิ ีบธิ ีบรมรมรารชาาชภาภเิ ษิเษกกพุทพธทุ ศธกั ศรัการชาช๒๕๒๖๕๒๖๒ คาสภุ าพ คาสามัญ ต้นหนามรอบขอ้ ตน้ พงุ ดอ ต้นอเนกคณุ ตน้ ตาแย เถาศีรษะวานร เถาหวั ลิง เถากระพังโหม เถาตูดหมตู ดู หมา ถา่ ยมลู สัตว์ขี้ เช่น นกถ่ายมูล ถ่วั เพาะ ถว่ั งอก เถามุย้ เถาหมามยุ้ นางเกง้ อเี ก้ง นางเล้ิง อเี ลิ้ง นางเหน็ อเี ห็น บางชีโพ้น บางชีหน บางนางรา้ บางอรี า้ ปลาหาง ปลาช่อน (เมื่อสดเรยี กปลาหางสด เมือ่ แห้ง เรียกปลาหางแห้ง) ปลาใบไม้ ปลาสลดิ ปลายาว ปลาไหล ปลามัจฉะ ปลารา้ ปลาลน้ิ สุนัข ปลาล้ินหมา ปลกี ล้วย หวั ปลี ผล ลูก (ใช้เรียกลกู ไม้ทง้ั ปวง) ผลมลู กา ลูกขี้กา ผลมูลละมงั่ ลูกตะลงิ ปลงิ ผลนางนูน ลกู อีนนู ผลอุลิด ลกู แตงโม ๓๔๖ 346
คาสุภาพ ราชาศัพท์ ผกั สามหาว ผกั ทอดยอด เฉลมิ เพฉลริมะเพกรยี ะรเกตยีเิ นร่ือตงิเนในื่อโงอในกโาอสกมาหสามมหงาคมลงคพลรพะรราะชรพาชิธพีบริธมีบรรามชราาภชิเาษภกิเษพกทุ พธุทศธกั ศรกั ารชาช๒๕๒๖๕๒๖๒ ผกั ร้นู อน ผักไผ่, ผักไห่ คาสามญั ผักนางริน้ ผกั ตบ ฟอง ผักบุง้ ฟักเหลอื ง ผกั กระเฉด มุสกิ ะ ผักปลาบ มูล ผกั อีร้ิน มลู ดนิ ไข่ เช่น ฟองไข่ ฟองจ้ิงจก เยื่อเคย ฟักทอง รากดิน หนู โรคกลาก ขข้ี องสตั ว์ โรคเกลื้อน ขีด้ ิน โรคเรื้อน กะปิ ล่ันทม ไสเ้ ดือน ศิลา ขก้ี ลาก สกุ ร ขเี้ กลือ้ น สุนขั ขีเ้ รือ้ น เหด็ ปลวก ดอกลัน่ ทม หอยนางรม หิน หมู หมา เห็ดโคน หอยอีรม ๓๔๗ 347
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426