(ตอนรถเกราะ) ซ่ึงอยู่กับฐานยิง อาจจะย้ายท่ีตั้งยิงของตนก็ได้ หรือเพื่อหลบเล่ียงการยิง เห ่ลาทหาร ้มา 141 ของข้าศกึ ข. ส่วนด�ำเนินกลยุทธ์ ต้องท�ำการยิงไปยังข้าศึกก่อนท่ีฐานยิงจะเลื่อนฉาก การยงิ หรือย้ายพื้นทก่ี ารยิงไปจากข้าศกึ ในขณะท่ฐี านยิงเร่ิมย้ายพ้นื ท่ีการยิง ส่วนดำ� เนิน กลยุทธ์จะต้องรีบเคล่ือนที่ตรงไปยังที่หมายเพื่อเข้าประชิดข้าศึก รถถัง (รถเกราะ) ใช้ปืน ใหญ่และปืนกลท�ำการยิงเมื่อเข้าประชิดข้าศึกรถของหมู่ปืนเล็กใช้ปืนกลสนับสนุนการยิง เม่อื เข้าประชดิ ข้าศกึ หน่วยลงรบเดนิ ดนิ ท�ำการยิงในระยะประชิด การเข้าประชิดข้าศึกต้อง กระทำ� การอยา่ งรวดเรว็ และรนุ แรง ตอ่ เนอ่ื ง และประสานกนั อย่างดี เขา้ สงั หารหนว่ ยขา้ ศกึ ทที่ ำ� การตา้ นทานโดยการทำ� ลายใหห้ มด, ยดึ อาวธุ , จบั เฉลยศกึ ทงั้ หมด จากนน้ั ตอ้ งจดั การ ระวงั ป้องกนั ท่หี มายท่ยี ึดได้อย่างรวดเรว็ ค. ฐานยงิ จะเคลอ่ื นทไ่ี ปขา้ งหน้า เพอ่ื เตรยี มสนบั สนนุ การยงิ ของหมวดในการ เข้าตตี ่อไป หรอื ระวังป้องกนั ท่ีม่นั 13. การปฏบิ ัติ ณ ท่ีหมาย หลังจากยึดทหี่ มายได้ ก. เมื่อหมวดเข้ายึดที่หมายได้ จะท�ำการเสริมความมั่นคงและจัดระเบียบ ใหมท่ นั ที การเสรมิ ความมนั่ คงกระทำ� เพอ่ื ปอ้ งกนั ทหี่ มายทย่ี ดึ ได้ จะตอ้ งวางการระวงั ปอ้ งกนั ออกไปทางดา้ นหนา้ และทางปกี และดา้ นหลงั ทนั ที ในการจดั ระเบยี บใหม่ ทหารบาดเจบ็ ตอ้ ง ให้การปฐมพยาบาลและส่งกลบั ถ้าจ�ำเป็นการส่งกลบั อาจใช้ยานรบในหน่วย หรือส่งกลับ โดยชุดพยาบาลซ่ึงกองร้อยส่งมา จัดการแต่งต้ังผู้ท�ำการแทนกับบุคคลท่ีส่งกลับ ท�ำการ ส่งก�ำลังเพม่ิ เติมน้�ำมันและกระสนุ เชลยศึก (จะกล่าวในหวั ข้อต่อไป) ผู้บังคบั หมวดจะต้อง รายงานผลการปฏิบัติโดยทันที ในรายงานควรกล่าวถึงผลของการเข้าตี ทหารบาดเจ็บ เชลยศึกและแผนทจ่ี ะต้องปฏบิ ัตติ ่อไป ข. การเสรมิ ความม่นั คง 1) ตอนคอยเหตุ (ตอน ลว.) ทำ� การระวงั ปอ้ งกนั ขา้ งหนา้ และทางปกี ของทห่ี มาย 2) ตอนรถถงั (ตอนรถเกราะ) และหมปู่ นื เลก็ จดั ทมี่ น่ั และเตรยี มการปฏบิ ตั ิ เมอื่ ขา้ ศกึ ทำ� การตโี ตต้ อบ เตรยี มทจี่ ะทำ� การรกุ ตอ่ ไปหรอื ปอ้ งกนั ทม่ี นั่ ตามความจำ� เปน็ ของ ภารกิจท่ไี ด้รับมอบ
142 เหล่าทหารมา้ 3) หมเู่ ครอื่ งยงิ ลกู ระเบดิ (หมสู่ นบั สนนุ ) เตรยี มสนบั สนนุ การยงิ เพอ่ื ปอ้ งกนั ที่ม่ันหรือเพื่อจะท�ำการรุกต่อไป ให้การระวังป้องกันที่มั่นด้านหลัง เตรียมวางแผนการ ร้องขอการสนบั สนุนจากปืนใหญ่ ค. การจดั ระเบยี บใหม่ 1) ทุกตอนและหมู่ รายงานสถานการณ์ ก�ำลังพล ยทุ โธปกรณ์ และน้�ำมนั กระสุน 2) จดั การเพม่ิ เติม เฉล่ยี กำ� ลังพล นำ�้ มนั กระสนุ ตามความจำ� เป็น 3) ผบู้ งั คบั หมวด รายงานใหผ้ บู้ งั คบั กองรอ้ ยทราบถงึ สถานการณข์ องหมวด 4) จัดการส่งกลับทหารบาดเจบ็ เชลยศกึ และยุทโธปกรณ์ทชี่ ำ� รุดเสยี หาย และที่ยดึ ได้ 5) จดั การสง่ กำ� ลงั เพมิ่ เตมิ ให้เสรจ็ สน้ิ ตามโอกาสและสถานการณ์ทอ่ี ำ� นวยให้ 14. การควบคมุ และการปฏิบัติตอ่ เชลยศกึ ก. เม่ือจับได้จะต้องปลดอาวุธโดยทันที ต้องตรวจตามร่างกายเพ่ือให้แน่ใจ ว่าเชลยศึกมิได้ซุกซ่อนอาวุธหรือเอกสารท่ีมีค่าทางทหารไว้ โดยธรรมดาต้องไม่เอาเส้ือผ้า ป้ายประจำ� ตวั เคร่อื งหมาย และของมคี ่าส่วนตวั ไปจากข้าศกึ ข. ต้องแยกเชลยศึกทเี่ ป็นนายทหาร นายสิบ และพลทหาร ออกจากกัน เพอ่ื ท�ำให้การซกั ถามเชลยศกึ ง่ายข้นึ ค. ต้องส่งเชลยศึกกลับโดยเร็วท่ีสุด เพราะเชลยศึกท่ีก�ำลังตระหนกตกใจ เนื่องจากผลแห่งการรบจะตอบค�ำถามท่ีเป็นประโยชน์แก่ฝ่ายเรา ได้ดีกว่าเชลยศึกที่ถูก จบั นาน ๆ และถ้ารบี ส่งกลับเรว็ เท่าใด ข่าวที่ได้จากเชลยศกึ ย่อมทนั เวลามากเท่าน้นั การ ส่งกลับเชลยศึกจะใช้รถคันใดก็ได้ถ้าจ�ำเป็น ปกติใช้รถขนส่ิงอุปกรณ์ ซึ่งจะต้องวิ่งกลับไป ข้างหลงั หรือใช้รถของเชลยศกึ ที่ยดึ ได้ ง. เมื่อน�ำเอกสารและสิ่งของมีค่าทางทหารออกมาจากเชลยศึกแล้ว ต้องท�ำ หลักฐานว่ายึดมาจากเชลยศึกคนใด แล้วส่งกลับไปข้างหลัง โดยมีผู้ควบคุมโดยแน่ชัด ไปพร้อมกับเชลยศึก เอกสารและแผนการปฏิบัติต่าง ๆ ที่ส�ำคัญอาจใช้พลน�ำสาร น�ำส่ง กองบงั คบั การหนว่ ยเหนอื ทนั ที สว่ นขา่ วสารทมี่ คี วามสำ� คญั เรง่ ดว่ น จะตอ้ งสง่ ทางวทิ ยทุ นั ที
จ. เชลยศึกที่จับได้จากหน่วยซึ่งไม่ทราบต้นสังกัดมาก่อน จะต้องรายงานให้ เห ่ลาทหาร ้มา 143 หน่วยเหนอื ทราบทันทโี ดยบ่งถงึ เวลาและสถานทีท่ ่ีจบั ได้ด้วย ฉ. ต้องควบคุมเชลยศึกให้อยู่ในวินัยอย่างดีท่ีสุด ทหารฝ่ายเราจะต้องไม่ สนิทสนมกบั เชลยศึกและไม่ทารณุ ต่อเชลยศกึ ช. ผซู้ กั ถามเชลยศกึ คนแรก ควรเปน็ ผมู้ คี วามชำ� นาญในการซกั ถาม โดยเฉพาะ ภาษาท่ีใช้พูด อาจซักถามเชลยศึกเก่ียวกับสิ่งที่เกี่ยวข้องทางยุทธวิธีกับหน่วยงานของตน สน้ั ๆ ซ. เชลยศึกที่ได้รับบาดเจ็บ จะต้องถูกส่งกลับไปพร้อมกับทหารฝ่ายเดียวกัน ทบ่ี าดเจบ็ จ. ถา้ เชลยศกึ มมี าก จะต้องแยกเชลยศกึ ออกเปน็ พวก ๆ จดั ยามควบคมุ และ รายงานทต่ี งั้ ใหห้ นว่ ยเหนอื ทราบ ถา้ มคี วามจำ� เปน็ จดั การควบคมุ ในขณะทใ่ี หข้ า้ ศกึ เดนิ ไป หมวดลาดตระเวนในการปฏิบตั กิ ารตง้ั รบั 1. กล่าวท่ัวไป ก. หมวดลาดตระเวนในการต้ังรับ หมวดอาจต้องท�ำการตั้งรบตามล�ำพัง เมอื่ ขา้ ศกึ ทำ� การเขา้ ตี เมอื่ ตอ้ งรกั ษาทมี่ นั่ ตง้ั รบั หรอื เครอ่ื งปดิ กนั้ ถนน หมวดอาจตอ้ งทำ� การ ตั้งรับ โดยเป็นส่วนหนง่ึ ของกองร้อยในการตั้งรับแบบยดึ พื้นท่ี หรอื แบบคล่องตวั ข. หมวดลาดตระเวนเป็นส่วนหนึ่งของกองร้อยในการต้ังรับแบบยึดพื้นที่ เม่ือส่วนใหญ่ทำ� การต้งั รบั แบบยึดพน้ื ที่ โดยหมวดเป็นส่วนหนง่ึ ของส่วนระวงั ป้องกัน เป็น กำ� ลังส่วนหนง่ึ ของก�ำลงั ในพืน้ ทตี่ ้งั รบั หน้าหรือเป็นส่วนหนงึ่ ของกองหนุน ค. หมวดลาดตระเวนเป็นส่วนหน่ึงของกองร้อยในการต้ังรับแบบคล่องตัว เมื่อส่วนใหญ่ท�ำการต้ังรับแบบคล่องตัว โดยหมวดเป็นส่วนหน่ึงของส่วนระวังป้องกัน เป็นกำ� ลงั ส่วนหนง่ึ ของส่วนตรงึ หรอื เป็นกำ� ลังส่วนหนง่ึ ของกองหนนุ ง. ผู้บังคับหมวดลาดตระเวน จะต้องวางแผนการประสานการยิงกับหน่วย ขา้ งเคยี งความรบั ผดิ ชอบรว่ มกนั ทางปกี ตามทหี่ นว่ ยเหนอื มอบหมายให้ ถา้ ปกี ทร่ี บั ผดิ ชอบ เป็นปีกปิดจะต้องพจิ ารณาใช้เครอ่ื งกีดขวางให้ได้ผลดสี งู สดุ
144 เหล่าทหารมา้ 2. การลาดตระเวนและการเลือกท่มี นั่ ตัง้ รบั ก. เม่ือได้รับมอบภารกิจตั้งรับ ผู้บังคับหมวดลาดตระเวนท�ำการลาดตระเวน พนื้ ทซ่ี ง่ึ จะทำ� การตง้ั รบั ร่วมกับผู้บงั คบั ตอนและผู้บังคบั หมู่ ข. ท่ีมั่นต้ังรับของหมวดจะต้องคุ้มครองพ้ืนท่ีที่ได้รับมอบท้ังหมด ใช้เคร่ือง กดี ขวางให้เป็นประโยชน์มากทส่ี ุด ท่มี ั่นตง้ั รบั ต้องมพี ื้นท่ยี ิงดี มีการตรวจการณ์ท่ดี ี มีการ ก�ำบังและซ่อนพรางดีและมีเส้นทางที่ซ่อนพรางไปข้างหลัง ภูมิประเทศข้างหน้าควรบังคับ ให้ข้าศกึ ต้องเคลื่อนท่ีเข้ามาอย่างเสยี เปรียบและเส้นทางท่ใี ห้การก�ำบังน้อยท่สี ุด ค. ผู้บังคับหมวดลาดตระเวน จัดท�ำแผนโดยละเอียดเกี่ยวกับการยิงของรถ ถงั (รถเกราะ) อาวธุ อตั โนมตั ิ เคร่อื งยิงลกู ระเบดิ และอาวุธสนบั สนุนอื่นที่มี เลอื กทต่ี ้ังยิง หลกั สำ� รอง และเพิม่ เติมส�ำหรบั รถถัง (รถเกราะ) และอาวธุ ที่มพี ลประจ�ำ มอบเขตการยิง และฉากการยงิ ปอ้ งกนั ขน้ั สดุ ทา้ ยของปนื กล เพอื่ ประกนั วา่ พนื้ ทท่ี งั้ หมดซงึ่ หมวดรบั ผดิ ชอบ ได้รับการคุ้มครอง 3. คำ�สง่ั การต้ังรับของหมวดลาดตระเวน ผบู้ งั คบั หมวดลาดตระเวนออกคำ� สง่ั ดว้ ยวาจาใหก้ บั ผบู้ งั คบั หนว่ ยรองของหมวด ณ ทม่ี นั่ ซง่ึ จะทำ� การตงั้ รบั ซง่ึ จะทำ� ใหท้ กุ คนคนุ้ เคยกบั ภมู ปิ ระเทศโดยตลอด และขจดั ความ ไม่เข้าใจอันอาจเกิดข้ึนได้ ค�ำสั่งควรให้เวลาแก่ผู้บังคับหน่วยรองส�ำหรับลาดตระเวนพ้ืนท่ี ซ่งึ จะทำ� การตัง้ รบั 4. การเข้ายึดและการเตรียมทมี่ น่ั ต้ังรับของหมวดลาดตระเวน ก. ผบู้ งั คบั หมวดลาดตระเวน มอบเขตรบั ผดิ ชอบ โดยเฉพาะใหแ้ ตล่ ะสว่ นของ หมวด จัดการระวังป้องกันเฉพาะบริเวณออกไปข้างหน้าและทางปีกของที่ม่ัน โดยจัดตั้ง ที่ตรวจการณ์ขึ้น เพื่อแจ้งการเข้าท�ำของข้าศึกแต่เน่ิน ที่ฟังการณ์ใช้ในเวลากลางคืนและ ในช่วงเวลาที่ทัศนวิสัยเลว จัดหมู่ตรวจคุ้มครองพ้ืนที่ซึ่งไม่สามารถตรวจการณ์พื้นท่ีได้ โดยใช้ตอนคอยเหตุ (ลว.)
ข. ท่มี นั่ ตงั้ รบั ของหมวดจดั วางกำ� ลงั รอบ ๆ ตอนรถถงั (รถเกราะ) ซง่ึ เป็นแกน เห ่ลาทหาร ้มา 145 กลางของหมวด, ท่ตี ั้งยิงหลกั , ท่ตี ้ังยิงสำ� รองของรถถงั (รถเกราะ) จะคุ้มครองเส้นทางซึง่ ยานเกราะขา้ ศกึ นา่ จะเคลอ่ื นทเี่ ขา้ มามากทส่ี ดุ เตรยี มทตี่ ง้ั ยงิ เพม่ิ เตมิ ไวเ้ พอ่ื คมุ้ ครองเสน้ ทาง เคลื่อนที่จากปีกและด้านหลังถ้ามีเวลาปรับพ้ืนท่ียิง และให้รถถัง (รถเกราะ) เตรียมการ เคลื่อนที่ไปเข้าท่ีตั้งยิงส�ำรองและเพ่ิมเติมพลประจ�ำรถทุกนายท�ำการระวังป้องกันตนเอง อยา่ งนอ้ ยจะตอ้ งมพี ลประจำ� รถหนง่ึ นายอยบู่ นปอ้ มปนื และเตรยี มพรอ้ มตลอดเวลาในเวลา กลางคืนและในเวลาท่ที ศั นวสิ ยั จ�ำกัด ปกติรถถัง (รถเกราะ) จะเข้ามาจอดใกล้กนั เพ่ือให้ มกี ารช่วยเหลอื กันและกนั และมกี ารระวังป้องกันดยี ่ิงข้นึ เตรียมแผ่นจดระยะสำ� หรบั รถถัง (รถเกราะ) แต่ละคนั ค. หมู่ปืนเล็กอยู่ ณ ที่ซึ่งสามารถท�ำการยิงได้ดีท่ีสุดไปยังข้างหน้า และทาง ปีกของท่ีม่ันและป้องกันรถถัง (รถเกราะ) จากอาวุธต่อสู้รถถังของข้าศึกได้ ผู้บังคับหมวด ก�ำหนดท่ีต้ังยิงหลัก ส�ำรอง และเพ่ิมเติมให้กับอาวุธที่มีพลประจ�ำ และมอบเขตการยิงที่ จะต้องคุ้มครองให้หมู่ปืนเล็กสามารถท�ำการยิงไปข้างหน้า และทางปีกของท่ีม่ันตั้งรับของ หมวดได้ ถ้าท�ำได้ใช้รถ รสพ. (รถเกราะ) ของหมู่ ปล. ให้เป็นประโยชน์โดยปืนกลติดต้งั บนรถ ใช้เพ่มิ อ�ำนาจการยงิ ในการตัง้ รับของหมวด โดยจอดอยู่ในท่ซี ึ่งมีการก�ำบังได้ ทหาร ทกุ คนขดุ หลมุ บคุ คลและใชก้ ารกำ� บงั และซอ่ นพรางใหเ้ ปน็ ประโยชนท์ สี่ ดุ ผบู้ งั คบั หมปู่ นื เลก็ อยู่ ณ ทซ่ี ง่ึ สามารถควบคมุ การปฏบิ ัตขิ องหมู่ได้ดีท่สี ุด อย่างน้อยจะต้องมที หาร 1 นาย ประจ�ำอยู่กบั อาวุธอตั โนมัตแิ ละมกี ารระวังป้องกันดยี ่ิงขึน้ ง. ตอนคอยเหตุ (ลว.) ทำ� การระวังป้องกันทีม่ ่นั หรือท�ำหน้าที่เป็นพลปืนเล็ก ถ้าใช้ตอนคอยเหตุ (ลว.) ท�ำหน้าท่ีระวงั ป้องกันท่มี ่นั ของหมวด ปกติจะจดั ต้งั ทต่ี รวจการณ์ และท�ำหน้าที่หมู่ตรวจหมู่คอยเหตุ (ลว.) สามารถแจ้งการเข้ามาของข้าศึกได้เป็นอย่างดี หมู่คอยเหตุ (ลว.) ท่ีเหลือจะท�ำหน้าท่ีเพ่ิมเติมก�ำลัง หรือเพ่ิมความลึกให้กับที่ม่ันต้ังรับ ของหมวดซ่งึ อาจจัดเป็นหมู่ปืนเลก็ ได้ โดยถอนปืนกลขนาด 7.62 มม. จากรถมาตง้ั ยิงบน พืน้ ดนิ เม่อื ตอนคอยเหตุ (ลว.) ทำ� หน้าที่เป็นพลปืนเล็กจะใช้เป็นหมู่ จ. หมู่เครอ่ื งยงิ ลกู ระเบดิ (81 มม.) สนับสนุนด้วยการยิงเล็งจำ� ลองโดยใกล้ชิด ให้กับหมวดตั้งยิงไกลออกไปข้างหลัง พอที่จะท�ำการยิงไปข้างหน้าและภายในที่มั่น
146 เหล่าทหารมา้ ตงั้ รบั ได้ ในขณะทำ� การยงิ หมเู่ ครอ่ื งยงิ ลกู ระเบดิ ยอ่ มมขี ดี ความสามารถในการระวงั ปอ้ งกนั จำ� กดั เม่อื หมวดเข้ายดึ ส่วนหนง่ึ ของเขตของกองร้อยอาจใช้หมู่เครือ่ งยิงลูกระเบิด ภายใต้ การควบคุมของกองร้อยได้ทั้งหมด เมื่อหมู่เคร่ืองยิงลูกระเบิดอยู่ในความควบคุมของ หมวด ผู้บงั คับหมวดปกติกำ� หนดทต่ี ัง้ ยิงหลกั ส�ำรอง และเพม่ิ เตมิ ให้ ฉ. หมวดสามารถเตรียมเครื่องกีดขวางและวางดงระเบิดได้ แต่จะต้องไม่ไป ท�ำความยุ่งยากให้กับการเคล่ือนที่ของก�ำลังฝ่ายเดียวกัน ดงระเบิดที่วางไว้และเครื่อง กีดขวางที่เตรียมข้ึน จะต้องรื้อถอนเสียก่อนที่จะผ่านท่ีม่ันตั้งรับออกไปข้างหน้า การใช้ ดนิ ระเบิดทำ� ลายสะพาน โค่นต้นไม้ และทำ� ให้ถนนเสียหาย เป็นสิ่งที่ผู้บงั คบั หมวดจะต้อง พิจารณาให้ประสานกบั แผนของหน่วยเหนอื และจ�ำต้องเป็นเรอ่ื งท่ีกำ� หนดไว้ในแผนตงั้ รับ ด้วย อาจใช้ควันเพ่ือลดผลในการตรวจการณ์ของข้าศึก และท�ำให้ข้าศึกสับสน อย่างไร ก็ตามต้องมีการประสานกันอย่างใกล้ชิดกับหน่วยข้างเคียง เพื่อประกันว่าการใช้ควัน ไม่ไปท�ำให้แผนตง้ั รบั ของหน่วยข้างเคยี งนัน้ เสียไป หมวดจะดดั แปลงท่มี น่ั ตั้งรบั ให้แข็งแรง ขึ้น เมือ่ เวลาและวสั ดุอำ� นวย 5. การปฏิบตั กิ ารตั้งรบั ของหมวดลาดตระเวน ก. ผลสำ� เรจ็ ในการตงั้ รบั ของหมวด สว่ นใหญข่ นึ้ อยกู่ บั การดดั แปลงทมี่ นั่ ตง้ั รบั และการใช้อำ� นาจการยงิ อย่างได้ผล การต้งั รบั ของหมวดจะต้องทำ� ให้ข้าศกึ ถูกปะทะอย่าง ต่อเน่ืองนับแต่เริ่มเคล่ือนท่ีเข้ามาอยู่ภายในระยะยิงหวังผลของอาวุธต่าง ๆ หมวดท�ำการ ตั้งรับ ณ ที่ม่ันของตนต่อไปจนกว่าข้าศึกจะถูกผลักดันกลับไป หรือหมวดได้รับค�ำส่ังให้ ถอนตัว ข. การยิงในการต้ังรับของส่วนต่าง ๆ ในหมวดจะประสานกัน เพื่อประกัน ว่าการยิงได้ผลสงู สุดท้ังในเวลากลางวันและเวลากลางคืน รถถัง (รถเกราะ) ในท่ีต้ังยิงซ่ึง สนบั สนนุ กนั และกนั คมุ้ ครองเสน้ ทางทยี่ านเกราะขา้ ศกึ นา่ จะเคลอื่ นทเี่ ขา้ มา การยงิ ตดั รอน ของปืนกลจะคุ้มครอง เขตของหมวดทง้ั หมด หมู่เคร่อื งยงิ ลกู ระเบิดท�ำการยิงไปยงั พ้ืนทีซ่ ึง่ อาวธุ อน่ื ของหมวดไม่สามารถยงิ ถงึ หรือเป็นต�ำบลอบั กระสุน โดยเฉพาะคุ้มครองพ้นื ทีซ่ ึ่ง ขา้ ศกึ อาจใชเ้ ปน็ ทร่ี วมพลและทำ� การรกุ และเตรยี มการยงิ ไปยงั ภายในทม่ี น่ั ตงั้ รบั ของหมวด
ค. ในสถานการณ์ตั้งรับ หมวดจัดการระวังป้องกันตนเอง ตามธรรมดาตอน เห ่ลาทหาร ้มา 147 คอยเหตุ (ลว.) ท�ำการระวงั ป้องกนั ไปทางด้านหน้าและทางปีก และหมู่เครือ่ งยิงลกู ระเบิด ท�ำการระวงั ป้องกนั ทางด้านหลงั หมวดลาดตระเวนในการปฏบิ ตั ิการรบหนว่ งเวลา 1. กล่าวทัว่ ไป - การรบหนว่ งเวลาเปน็ แบบหนงึ่ ของการรบดว้ ยวธิ รี น่ ถอย ซง่ึ หมวดลาดตระเวน อาจน�ำมาใช้เพ่ือให้ภารกิจลาดตระเวนและระวังป้องกันบรรลุผลส�ำเร็จ ภายในกรอบของ หน่วยเหนอื - การรบหน่วงเวลา หน่วยปฏิบัติยอมเสียพื้นท่ีบางส่วนให้กับข้าศึก เพ่ือให้มี เวลาในการปฏบิ ตั แิ ละเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเสยี หายอยา่ งหนกั กบั ขา้ ศกึ โดยทไ่ี มพ่ ยายามทำ� การ รบตดิ พนั แตกหกั กับข้าศกึ - โดยปกติการรบหน่วงเวลาจะใช้ปฏิบัติต่อก�ำลังของข้าศึกท่ีมากกว่า ในเม่ือ ไม่ประสงค์จะท�ำการรบด้วยวิธีรับ โดยปกติหน่วยเหนือจะเป็นผู้ก�ำหนดพ้ืนที่ซ่ึงจะต้อง ทำ� การรบหนว่ งเวลาให้ รวมทง้ั เวลาทห่ี นว่ ยซงึ่ ทำ� การรบหนว่ งเวลาจะตอ้ งทำ� การหนว่ งเหนย่ี ว ขา้ ศกึ ไว้ โดยทวั่ ไปแลว้ หนว่ ยทป่ี ฏบิ ตั กิ ารรบหนว่ งเวลาจะตอ้ งทำ� การเกาะขา้ ศกึ ตง้ั แตข่ า้ ศกึ ยังอยู่ระยะไกล และต้านทานข้าศึกไว้โดยต่อเน่ืองตลอดเวลา เพ่ือบังคับให้ข้าศึกจ�ำต้อง ใช้ก�ำลังท้ังหมดเข้าปฏิบัติการ และท�ำให้ข้าศึกต้องเสียเวลาในการด�ำเนินกลยุทธ์ หน่วย ที่ปฏิบัติการรบหน่วงเวลาจะต้องใช้ภูมิประเทศที่มีอยู่ให้เกิดผลดีสูงสุด การรบหน่วงเวลา นบั ว่ามคี วามยุ่งยากมากทส่ี ุดทงั้ ในการปฏิบัติและการควบคุม 2. มาตรการควบคมุ ในการรบหน่วงเวลา การควบคุมโดยใกล้ชิดในการเคลื่อนท่ีของหน่วยต่าง ๆ มายงั ขา้ งหลงั และการประสานการปฏบิ ตั ริ ะหวา่ งหนว่ ยขา้ งเคยี งเปน็ สง่ิ ทมี่ คี วามสำ� คญั ซงึ่ ก. ท่ีม่ันร้ังหน่วงของกองร้อย ภายในเขตที่กองร้อยได้รับมอบ ผู้บังคับ กองร้อยจะเลอื กทม่ี ั่นร้งั หน่วงตามลำ� ดบั ขน้ั ซงึ่ จะท�ำให้กองร้อยสามารถปฏิบตั ิภารกจิ ท่ไี ด้
148 เหล่าทหารมา้ รบั มอบเปน็ ผลสำ� เรจ็ ผบู้ งั คบั กองรอ้ ยจะกำ� หนดทม่ี น่ั รง้ั หนว่ งตามลำ� ดบั ขน้ั ของกองรอ้ ยขนึ้ ตามความจำ� เป็นตามสถานการณ์ ข. เส้นแบ่งเขต ผู้บังคับกองร้อยจะก�ำหนดความรับผิดชอบในเขตข้ึน โดย ก�ำหนดเขตปฏิบัติการให้กับแต่ละหมวด ในภูมิประเทศท่ีเห็นได้ชัด โดยใช้เส้นแบ่งเขต ลากไปข้างหน้าจนสดุ ระยะหวงั ผลของอาวธุ ภายในหมวด และยดื ลงมาข้างหลงั อย่างน้อย ทีส่ ุดจนถงึ ที่มัน่ รงั้ หน่วงของกองร้อยถดั ไป ค. เสน้ ทางถอนตวั ภายในเขตของหมวด ผบู้ งั คบั กองรอ้ ยจะกำ� หนดเสน้ ทาง ถอนตวั ให้ ซง่ึ กำ� ลงั ส่วนใหญ่ของหมวดจะใช้ท�ำการถอนตวั ต่อไป ง. จดุ ประสานเขต ผู้บังคับกองร้อย จะกำ� หนดจุดประสานเขตขึน้ ทัง้ นีเ้ พอื่ เปน็ หลกั ประกนั วา่ ไดม้ กี ารประสานระหวา่ งหนว่ ยขา้ งเคยี งแทจ้ รงิ จดุ ประสานเขตทก่ี ำ� หนด ข้ึนจะต้องเป็นต�ำบลท่ีสามารถมองเห็นได้โดยง่าย และจะต้องให้หน่วยท้ังสองสามารถ เคลอ่ื นทเ่ี ข้าไปยงั ตำ� บลนั้นโดยง่ายด้วย และจะต้องก�ำหนดข้ึนในพ้นื ทีท่ ม่ี องเหน็ ว่ามคี วาม จำ� เป็นทจ่ี ะต้องให้มกี ารประสานการปฏบิ ัติซึ่งกันและกนั ด้วย จ. เส้นขั้น เส้นขั้นก�ำหนดขึ้น เพื่อใช้ควบคุมการเคล่ือนที่ของกองร้อยมายัง ข้างหลงั เส้นข้นั กำ� หนดขน้ึ จะต้องสามารถเหน็ ได้ง่ายจากทางพนื้ ดนิ และทางอากาศ และ อาจจะใช้เป็นท่มี ่นั ร้ังหน่วงของกองร้อยหรือหมวดในภายหลงั ก็ได้ 3. ข้อพจิ ารณามลู ฐานในการรบหน่วงเวลา ก. การควบคุมแบบรวมการ และปฏิบัติแบบแยกการ ทัง้ น้ี เนอื่ งจากในการ ปฏบิ ตั กิ ารรบหน่วงเวลานน้ั มลี กั ษณะเป็นการปฏบิ ตั กิ ว้างด้านหน้ามาก กท็ ำ� ให้ต้องจดั วาง กำ� ลงั หนว่ ยตา่ ง ๆ ใหส้ ามารถปฏบิ ตั กิ ารเปน็ อสิ ระเตม็ กวา้ งดา้ นหนา้ ซงึ่ ผบู้ งั คบั บญั ชาแตล่ ะ คนจะต้องมีเสรีในการปฏิบัติด้วย ในการปฏิบัติการรบหน่วงเวลา การเคลื่อนท่ีของส่วน ต่าง ๆ ภายในหมวด จะต้องได้มีการประสานกันโดยใกล้ชิด ด้วยการประสานกันโดย ใกล้ชิดจะท�ำให้ข้าศึกไม่สามารถอ้อมผ่านหรือเข้าปฏิบัติการโดยตรงต่อก�ำลังท่ีท�ำการรบ หนว่ งเวลาหรอื เคลอ่ื นทที่ ะลผุ า่ นแนวทร่ี ง้ั หนว่ งเขา้ มาได้ ซง่ึ จะทำ� ใหห้ นว่ ยไมส่ ามารถปฏบิ ตั ิ ภารกจิ ในการรบหน่วงเวลาได้เป็นผลสำ� เร็จ การปฏิบัตดิ งั กล่าวแล้วจะเกิดผลส�ำเรจ็ ได้โดย ท�ำการควบคมุ แบบรวมการและปฏบิ ัตแิ บบแยกการ
ข. ใชภ้ มู ปิ ระเทศใหเ้ กดิ ผลดสี งู สดุ หนว่ ยทปี่ ฏบิ ตั กิ ารรบหนว่ งเวลา จะตอ้ ง เห ่ลาทหาร ้มา 149 ได้ใช้ภูมิประเทศทั้งหมดท่ีมีอยู่ต้านทานและหน่วงเหนี่ยวข้าศึกไว้ให้ได้นานท่ีสุด ท่ีมั่นรั้ง หนว่ งจะตอ้ งเลอื กไวบ้ นภมู ปิ ระเทศซงึ่ สามารถคมุ้ ครองเสน้ ทางเคลอ่ื นทเี่ ขา้ มาของขา้ ศกึ ได้ ค. ใช้เคร่ืองกีดขวางให้เกิดผลดีท่ีสุด เครื่องกีดขวางที่ใช้ กินความถึงการ ใช้วัตถุระเบิด ดงระเบิด เครื่องกีดขวางท่ีมีอยู่ตามธรรมชาติและดัดแปลงขึ้นให้มากท่ีสุด เพอ่ื ทำ� การหน่วงเหน่ยี วข้าศึกไว้ให้นานที่สดุ เท่าทจี่ ะทำ� ได้ ง. บังคับให้ข้าศึกต้องกระจายก�ำลังและด�ำเนินกลยุทธ์ หน่วยท่ีปฏิบัติ การรบหน่วงเวลาจะต้องท�ำการยิงข้าศึก ต้ังแต่ระยะยิงหวังผลไกลสุดของอาวุธทุกชนิด ทม่ี อี ยภู่ ายในหนว่ ยของตน ดว้ ยการปฏบิ ตั ดิ งั นี้ จะทำ� ใหข้ า้ ศกึ ตอ้ งกระจายกำ� ลงั ออก ทำ� การ คลค่ี ลายสถานการณ์ และดำ� เนนิ กลยทุ ธ์ เพอ่ื ขบั ไลต่ อ่ กำ� ลงั รบหนว่ งเวลาซง่ึ วางกำ� ลงั อยู่ ณ ท่ีม่ันด้วยการใช้เทคนิคในการปฏิบัติแบบน้ีอยู่ตลอดเวลา จะท�ำให้การเคลื่อนที่ของข้าศึก ตอ้ งหยดุ ชะงกั หรอื ชา้ ลง ซงึ่ จะทำ� ใหท้ ราบทป่ี ฏบิ ตั กิ ารรบหนว่ งเวลา ไดม้ เี วลาในการถอนตวั หรือในการปฏบิ ัติภารกจิ อ่ืนต่อไป จ. หลีกเล่ียงการรบแตกหัก ในการรบหน่วงเวลาหน่วยท่จี ดั วางกำ� ลังอยู่ ณ ที่มั่นรั้งหน่วงจะต้องยึดอยู่ให้นานเพียงพอท่ีจะท�ำให้ข้าศึกต้องกระจายก�ำลังออก ท�ำการ คลค่ี ลายสถานการณแ์ ละดำ� เนนิ กลยทุ ธ์ เพอื่ เขา้ ทม่ี น่ั แตล่ ะแหง่ หนว่ ยทป่ี ฏบิ ตั กิ ารรบหนว่ ง เวลาจะถอนตัวไปยังที่มั่นร้ังหน่วงข้ันถัดไปก่อนที่จะต้องเข้ารบติดพันกับข้าศึก ด�ำรงการ เกาะข้าศึกไว้ ในการรบหน่วงเวลาจะต้องท�ำการลาดตระเวนโดยต่อเนื่องเพ่ือให้สามารถ เกาะข้าศึกไว้ได้ตลอดเวลา ก�ำลังของข้าศึกท่ีปฏิบัติการได้โดยอิสระ ย่อมพยายามท่ีจะ อ้อมผ่านหรือโอบปีกหน่วยที่ปฏิบัติการรบหน่วงเวลา ฉะนั้นด้วยการเกาะข้าศึกอยู่ตลอด เวลา จะทำ� ให้สามารถป้องกนั การอ้อมผ่านหรือโอบปีกของข้าศึกได้ 4. การเลือกทมี่ ั่นร้ังหนว่ งในการรบหนว่ งเวลา ก. เมอื่ หมวดจะตอ้ งปฏบิ ตั กิ ารรบหนว่ งเวลา ผบู้ งั คบั หมวดจะเลอื กพน้ื ทท่ี ว่ั ไป ของทม่ี นั่ รง้ั หน่วงข้นั แรก และทม่ี นั่ รง้ั หน่วงตามลำ� ดบั ขน้ั จากแผนทผี่ ู้บงั คบั กองร้อยมอบให้ แก่หมวด และถ้ามเี วลากจ็ ะทำ� การลาดตระเวนที่มัน่ ที่ได้เลอื กไว้น้นั ด้วยตนเอง
150 เหล่าทหารมา้ ข. โดยธรรมดาท่ีมั่นรั้งหน่วงขั้นแรกมักจะพิจารณาจากการติดพันกับข้าศึก ที่มั่นตามล�ำดับข้ันทุกข้ันควรจะอยู่บนชัยภูมิซึ่งข้าศึกจะโอบหรือผ่านไปได้ยาก ควรมีการ ตรวจการณแ์ ละพน้ื ทย่ี งิ ดี (นอกจากในกรณที ตี่ อ้ งการดดั แปลงเพอ่ื ซมุ่ ยงิ ) มกี ารซอ่ นพรางดี และมเี สน้ ทางถอนตวั ซง่ึ มกี ารซอ่ นพรางดี ระยะระหวา่ งทม่ี นั่ รงั้ หนว่ งแตล่ ะขนั้ จะตอ้ งหา่ งกนั มากพอทจ่ี ะทำ� ให้ข้าศกึ ต้องหยดุ การรกุ และต้องเตรียมการเข้าตตี ่อทม่ี น่ั ข้ันถัดไป เหตผุ ล ก็เพือ่ บังคับให้ข้าศกึ ต้องเสียเวลา 5. การลาดตระเวนที่มนั่ รั้งหนว่ ง รองผู้บังคับหมวด เป็นผู้ลาดตระเวน, เตรียม และจัดระเบียบท่ีม่ันรั้งหน่วง ตามล�ำดับในขณะที่หมวดเข้ายึดท่ีมั่นแห่งหนึ่ง รองผู้บังคับหมวดก็ถอยไปยังที่มั่นขั้น ถดั ไป ซง่ึ ผบู้ งั คบั หมวดเปน็ ผกู้ ำ� หนดให้ รองผบู้ งั คบั หมวดใชร้ ถ 1/4 ตนั ทม่ี วี ทิ ยแุ ละพลทหาร ไปด้วย 4 - 5 คน เพือ่ ช่วยเหลอื ในการเตรียมและจัดท่มี น่ั รองผู้บงั คับหมวดลาดตระเวน ท่ีม่ัน เลือกที่ตั้งยิงของอาวุธ และตรวจการณ์เส้นทางทุกเส้นซ่ึงอาจมีผลต่อการปฏิบัติ แลว้ แนะนำ� ใหท้ หารทม่ี าดว้ ย เตรยี มการทกุ อยา่ งภายในทมี่ นั่ เทา่ ทเ่ี วลาจะอำ� นวยให้ ลำ� ดบั ความเร่งด่วนแรก คอื การเตรียมท่ตี ง้ั ยงิ และการถากถางพ้ืนท่ยี งิ ของรถถัง ลำ� ดับต่อมาคอื การสร้างเคร่ืองกีดขวางและการวางดงระเบิดบนเส้นทาง ซ่ึงคาดว่าข้าศึกน่าจะเคลื่อนท่ี เข้ามา แล้วรองผู้บงั คับหมวดวางคนนำ� ทางสำ� หรบั นำ� ส่วนต่าง ๆ ของหมวดเข้าทีต่ งั้ และช้ี เขตการยงิ ใหก้ บั ใหแ้ นะนำ� ตา่ ง ๆ เกย่ี วกบั การปอ้ งกนั รกั ษาทมี่ นั่ และเสน้ ทางถอนตวั ผบู้ งั คบั หมวดจะตอ้ งตดิ ตอ่ กบั รองผบู้ งั คบั หมวดและทราบสถานการณต์ ลอดเวลากบั ตอ้ งบอกเวลา ท่ีหมวดจะเรม่ิ ถอนตัวให้รองผู้บงั คบั หมวดทราบด้วย 6. การจดั ระเบียบที่มน่ั รั้งหนว่ ง ก. ส่วนต่าง ๆ ของหมวด 1) ตอนคอยเหตุ (ลว.) จะถกู ใชใ้ หป้ ฏบิ ตั ทิ างดา้ นหนา้ และทางปกี โดยจดั ท่ี ตรวจการณ์ข้นึ เพอ่ื ท�ำหน้าทใ่ี นการแจ้งเตือนการเคลือ่ นทีเ่ ข้ามาของข้าศกึ เกาะข้าศกึ และ ปรบั การยงิ ของอาวธุ ยงิ สนบั สนนุ ในระยะไกลและลาดตระเวนเสน้ ทางและพนื้ ทที่ ไ่ี ดร้ บั มอบ
2) ตอนรถถงั (รถเกราะ) จะเปน็ แกนกลางในการจดั ทมี่ น่ั รงั้ หนว่ งของหมวด เห ่ลาทหาร ้มา 151 รถถงั (เกราะ) ทจ่ี ดั วางไว้ มหี น้าท่ที ำ� การยิงด้วยอาวุธยิงเลง็ ตรง และป้องกนั ต่อสู้รถถังให้ กบั หมวด รถถงั (รถเกราะ) 2 คนั จะใช้ร่วมกนั และจะต้องจัดวางให้สามารถสนบั สนุนกัน และกันด้วยการยิง และสามารถคุ้มครองเส้นทางเคล่ือนท่ีเข้ามาของข้าศึกได้ ดังน้ัน ควรวางตอนรถถงั (รถเกราะ) ไว้ในย่านกลาง 3) หมู่ปืนเล็ก จัดวางก�ำลังให้สามารถป้องกันโดยใกล้ชิดให้กับตอนรถถัง (รถเกราะ) นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในการคุ้มครองเคร่ืองกีดขวางด้วยการยิง อาวุธอัตโนมัติ จะวางไว้ทางปีกท้งั สองด้านของหมู่ปืนเลก็ 4) หมู่เครื่องยิงลูกระเบิด มีหน้าท่ีสนับสนุนด้วยการยิงเล็งจ�ำลอง โดย ก�ำหนดพื้นที่การยิงไว้ข้างหน้าร้ังหน่วง และรับผิดชอบในการระวังป้องกันพ้ืนท่ีด้านหลัง และคมุ้ ครองดว้ ยการยงิ ไปยงั พนื้ ทซ่ี งึ่ ไมส่ ามารถทำ� การยงิ ดว้ ยอาวธุ ยงิ เลง็ ตรงได้ อกี ทงั้ ตอ้ ง เตรยี มการยงิ กระสนุ ควนั เพอ่ื กำ� บงั การถอนตวั ของหมวดด้วย ข. ทมี่ นั่ รง้ั หนว่ งทกุ แหง่ ควรมเี สน้ ทางถอนตวั ทมี่ กี ารกำ� บงั และซอ่ นพราง ซงึ่ เมอ่ื ยามรบถอนตวั จะไดไ้ มเ่ ปดิ เผยตอ่ การตรวจการณห์ รอื การยงิ ของขา้ ศกึ ในบางโอกาส อาจใช้หมู่เคร่อื งยงิ ลกู ระเบิดทำ� การยงิ กระสนุ ควนั เพ่ือกำ� บงั การถอนตวั ให้เมือ่ จำ� เป็น ค. เครอ่ื งกดี ขวางทเ่ี ตรยี มอยา่ งเรง่ รบี (ตน้ ไมล้ ม้ ระเบดิ รถถงั หรอื ลวดหนาม ซึ่งอาจจะวางได้โดยเร็ว) ควรวางทันที เพราะอย่างน้อยก็ท�ำให้ข้าศึกต้องช้าลง หรือต้อง หยดุ ชวั่ ขณะ ง. การจัดที่มั่นรั้งหน่วยเพื่อซุ่มโจมตี อาจจะจัดได้ทั้งในภูมิประเทศทึบ ซ่ึงจ�ำกดั การเคลื่อนทขี่ องยานเกราะ จ�ำกดั การตรวจการณ์ และพื้นท่ียงิ ใกล้ย่อมได้ผลกว่า อย่างไรก็ตาม จะต้องระลึกเสมอว่าข้าศึกก็ควรจะผ่านภูมิประเทศเช่นน้ันมาด้วยความ ระมัดระวังและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ การซุ่มโจมตีในภูมิประเทศโล่งแจ้ง ซึ่งมีท่ีม่ันการ ซ่อนพรางอย่างเพียงพอ ควรจะให้ผลในการยิงเล็งตรงที่แม่นย�ำกว่ามีระยะยิงไกลกว่า และมีโอกาสจู่โจมข้าศกึ ได้มากท่สี ุด เมอ่ื จะต้องเตรยี มที่มัน่ เพื่อการซุ่มโจมตใี นภูมปิ ระเทศ ท่ีโล่งแจ้ง จะต้องพยายามเลอื กภูมปิ ระเทศท่จี ำ� กดั เสรีในการดำ� เนนิ กลยุทธ์ของข้าศึก เพื่อ ป้องกันมใิ ห้ข้าศกึ อ้อมผ่าน หรอื พยายามเข้าตีหน่วยซุ่มโจมตี
152 เหล่าทหารมา้ จ. การซุ่มโจมตีจะได้ผล ต่อเม่ือภูมิประเทศจะต้องอ�ำนวยให้ถอนตัวได้เร็ว และยากต่อการตดิ ตามอาวธุ และทหารทกุ คนจะต้องซ่อนพรางอย่างดที สี่ ดุ เครอื่ งกดี ขวาง ทว่ี างไวจ้ ะตอ้ งไมใ่ หข้ า้ ศกึ ทราบไดจ้ นกวา่ ขา้ ศกึ จะหลดุ เขา้ ไปในกบั โดยธรรมดาจะวางตอน รถถงั (รถเกราะ) และเคร่อื งยงิ ลกู จรวดต่อสู้รถถงั ให้สามารถทำ� การยิงยานยนต์ ข้าศกึ ทาง ด้านข้างในระยะที่ได้ผล หมู่ปืนเล็กเข้าท่ีต้ังในท่ีซึ่งสามารถท�ำการยิงข้าศึก และให้การ ป้องกันตอนรถถัง (รถเกราะ) โดยใกล้ชิด เครื่องยิงลูกระเบิดเข้าท่ีก�ำบัง และสามารถยิง ไปได้ถึงหน้าที่ม่ันและภายในที่ม่ันทั้งหมด ตอนคอยเหตุ (ลว.) จัดต้ังที่ตรวจการณ์และ ให้การระวงั ป้องกนั เท่าท่จี �ำเป็น อย่างไรกต็ าม ปืนกลของตอนคอยเหตกุ ็จะต้องเตรยี มรวม อำ� นาจการยงิ ไปยงั ขา้ ศกึ การจดั ทม่ี น่ั เพอื่ ซมุ่ โจมตขี องหมวด เพอื่ ผลในการหนว่ งเหนย่ี วนน้ั ควรจะจดั เพอ่ื ดกั ยงิ แต่เฉพาะรถนำ� ขบวน 2 - 3 คนั เท่านัน้ อย่างดีกถ็ ้าเป็นไปได้ จะต้อง พยายามยิงไปยังรถท่ีอยู่ไกลออกไปข้างหลังด้วย เพ่ือหน่วงเหน่ียวการเคลื่อนที่ของข้าศึก ในการท�ำลายที่มั่นซุ่มโจมตี ถ้าหมวดลาดตระเวนซุ่มโจมตีข้าศึกท่ีมีขนาดใหญ่เกินไปอาจ จะกลายเปน็ การยงิ ตดิ พนั ซงึ่ ไมอ่ าจจะถอนตวั ได้ พงึ ระลกึ ไวเ้ สมอวา่ การหนว่ งเหนย่ี วขา้ ศกึ คอื ความมุ่งหมายหลกั ไม่ใช้เพ่อื ท�ำลายข้าศกึ 7. การจัดเตรียมทีม่ นั่ รงั้ หน่วง เมอ่ื สว่ นตา่ ง ๆ ของหมวดได้เขา้ วางกำ� ลงั ในทม่ี นั่ รง้ั หน่วงแล้ว จะตอ้ งจดั เตรยี ม ท่ีมั่นร้ังหน่วงโดยเร็วท่ีสุดเท่าท่ีเวลาจะอ�ำนวยให้ การจัดเตรียมท่ีม่ันรั้งหน่วงโดยท่ัวไป จะประกอบด้วยเร่อื งต่าง ๆ ตามลำ� ดับความเร่งด่วน ดงั น้ี ก. จดั วางรถถงั (รถเกราะ) ในที่ก�ำบงั ตัวรถ ข. ถากถางพ้นื ท่ี ค. ดัดแปลงทม่ี ่นั เพม่ิ เติม ซงึ่ ผู้บงั คับหมวดก�ำหนดให้ ง. พราง จ. จดั ท�ำแผ่นกะระยะ ฉ. วางเครอ่ื งกีดขวาง ช. จดั วางและบนั ทกึ ดงระเบดิ ป้องกันตนเองตามคำ� ส่งั ซ. ประสานการปฏบิ ตั กิ ับหน่วยข้างเคยี ง
8. การปฏบิ ตั กิ ารรบหน่วงเวลาของสว่ นตา่ ง ๆ ภายในหมวดลาดตระเวน เห ่ลาทหาร ้มา 153 ก. ตอนคอยเหตุ (ลว.) ในขั้นต้นจะถูกใช้ให้ปฏิบัติการออกไปข้างหน้าท่ีม่ัน รั้งหน่วงของหน่วยเพ่อื แจ้งเตือนการเคล่ือนที่เข้ามาของข้าศกึ แต่เนิน่ เป็นส่วนระวังป้องกัน ที่จะต้องเกาะข้าศึกด้วยสายตาตลอดเวลา และท�ำการยิงรบกวนข้าศึกตั้งแต่ระยะไกล ในขณะที่ข้าศึกรุกเคลื่อนที่ใกล้เข้ามายังท่ีมั่นรั้งหน่วงของหมวด ตอนคอยเหตุ (ลว.) ถอนตัวทีละหมู่ไปทางปีกของท่ีม่ัน หมู่คอยเหตุ (ลว.) จะต้องอาศัยการซ่อนพรางท่ีมีอยู่ และจะตอ้ งไมเ่ ปดิ เผยทตี่ งั้ ของตนใหข้ า้ ศกึ ทราบดว้ ยการใชอ้ าวธุ ทำ� การยงิ เวน้ แตใ่ นกรณที ี่ จำ� เปน็ เพอ่ื ปอ้ งกนั ตนเอง หมคู่ อยเหตุ (ลว.) ตอ้ งเกาะขา้ ศกึ อยตู่ ลอดเวลาและจะตอ้ งรายงาน ให้หมวดทราบทนั ทเี มอื่ ข้าศึกพยายามท่จี ะอ้อมผ่านหรอื โอบทีม่ ่ันของหมวด ข. หมู่เคร่ืองยิงลูกระเบิด โดยปกติจะเป็นหน่วยแรกท่ีท�ำการยิงตั้งแต่ระยะ ไกล เพ่ือทำ� การรบกวนต่อการปฏบิ ตั ขิ องข้าศกึ ท่มี อี ยู่ ซง่ึ มรี ะยะยิงหวงั ผลไกลสุด 5.5 กม. (ส�ำหรบั ค.81 3 กม.) ท�ำให้หมู่เครอ่ื งยิงลูกระเบิดสามารถท�ำการยิงต่อข้าศึกได้ตงั้ แต่ระยะ ไกลสุด ค. ตอนรถถัง (รถเกราะ) ในขณะทข่ี ้าศึกรกุ เคลอ่ื นท่ีใกล้ที่มั่นรงั้ หน่วงเข้ามา กจ็ ะเรมิ่ ทำ� การยงิ ต่อขา้ ศกึ ในระยะยงิ หวงั ผลไกลสดุ การยงิ นจ้ี ะทำ� ใหข้ ้าศกึ จำ� ตอ้ งกระจาย ก�ำลงั กนั ออกตง้ั แต่เน่ิน และทำ� ให้เกิดผลเสยี หายต่อข้าศกึ อย่างหนกั ง. หมู่ปืนเล็กใช้อาวุธประจ�ำกายและอาวุธอัตโนมัติป้องกันตอน ถ. (รถเกราะ) ให้ปลอดภัยจากหมู่ลาดตระเวนของข้าศึกทีอ่ าจแทรกซมึ เข้ามา และนอกจากน้ี ยังท�ำหน้าท่ีคุ้มครองเครื่องกีดขวางไว้ หมู่ ปล. จะไม่ท�ำการยิงจนกว่าข้าศึกจะเคล่ือนที่ เข้ามาในระยะยงิ หวังผลของอาวธุ เบา 9. การถอนตัวจากทีม่ ั่นรั้งหนว่ ง ก. การถอนตัวต้องกระท�ำด้วยความรวดเร็วแต่มีระเบียบ ทุกหน่วยถอนตัว ตามคำ� สง่ั ของผู้บงั คับหมวดลาดตระเวน ข. ตอนคอยเหตุ (ลว.) ซึง่ ตามธรรมดามกั เป็นหน่วยทต่ี ิดพนั กบั ข้าศกึ น้อยกว่า หน่วยอ่นื มกั จะเป็นหน่วยแรกทเ่ี รม่ิ ถอนตวั จะเร่มิ ถอนตวั ไปยงั ทม่ี ั่นขัน้ ถดั ไปโดยเร็ว และ
154 เหล่าทหารมา้ เขา้ มาทม่ี น่ั ชว่ั คราว เพอื่ คมุ้ ครองการถอนตวั ของสว่ นทเี่ หลอื ของหมวดเมอื่ ทกุ หนว่ ยถอนตวั เข้าท่มี น่ั แล้วตอนคอยเหตุ (ลว.) จะออกไปวางการตรวจการณ์ทางปีกต่อไป ค. หมู่เคร่ืองยิงลูกระเบิด จะเป็นหน่วยที่สองในการถอนตัว ถ้าจ�ำเป็นก่อนที่ จะเรม่ิ ถอนตวั จะท�ำการยงิ กระสุนควนั เพ่อื กำ� บังการถอนตวั ของตอนรถถัง (รถเกราะ) และ หมู่ปืนเลก็ จากนั้นหมู่กถ็ อนตวั เป็นหน่วยสุดท้ายอย่างใกล้ชดิ ง. หมู่ปืนเล็ก และตอนรถถัง (รถเกราะ) เป็นหน่วยสุดท้ายในการถอนตัว ที่ให้สองหน่วยน้ีถอนทีหลังเพราะมีเกราะป้องกัน ไม่เป็นอันตรายต่อการยิงจากอาวุธเบา หรือสะเก็ดระเบิดของกระสุนปืนใหญ่ ในภูมิประเทศโล่งแจ้งควรให้หมู่ปืนเล็กถอนตัวก่อน แต่ถ้าภูมปิ ระเทศเป็นป่า ควรจะให้ตอนรถถัง (รถเกราะ) ถอนตวั ก่อน 10. การควบคุมหมวดลาดตระเวน การควบคุมหมวดของผู้บังคับหมวดในการรบหน่วงเวลาเป็นสิ่งส�ำคัญและ กระทำ� ได้ยากมาก ฉะนั้นจึงต้องอาศยั การควบคุมและก�ำกบั ดูแลเจ้าหน้าท่ีทกุ ๆ คน เพอื่ ทีจ่ ะให้การควบคมุ ได้ผลดที ่ีสุดและหน่วงเหนีย่ วข้าศึกไว้ให้นานท่ีสดุ ผู้บังคบั หมวดจะต้อง อยู่กบั หน่วยทถ่ี อนตวั เป็นหน่วยสดุ ท้าย
บทท่ี เห ่ลาทหาร ้มา 155 แผน่ จดระยะของรถถงั แผน่ จดระยะ คอื แผนผงั หรอื ภาพลายเสน้ ของทต่ี ง้ั ยงิ รถถงั ตอ่ พนื้ ทเี่ ปา้ หมาย ท่ีเป็นไปได้และลักษณะของภูมิประเทศซ่ึงได้ก�ำหนดลงไปให้สัมพันธ์กับรถถัง หน้าที่ หลกั ของแผน่ จดระยะ คอื ชว่ ยใหพ้ ลประจำ� รถสามารถใชอ้ ปุ กรณค์ วบคมุ การยงิ เพมิ่ เตมิ ท�ำการยิงต่อเป้าหมายท่ีไม่สามารถท�ำการยิงด้วยกล้องยิงเล็งตรง เนื่องจากทัศนวิสัย จำ� กดั หรือไม่มกี ารส่องสว่างจากอาวธุ ยงิ เลง็ จ�ำลอง แผ่นจดระยะก็คอื แผนการยิงของ พลประจำ� รถถงั น่นั เอง แผ่นจดระยะจะต้องทำ� ท้ังทีต่ ้งั ยิงหลัก ทต่ี ัง้ ยงิ รอง และท่ตี ้ังยิง เพมิ่ เตมิ ของทมี่ น่ั ตงั้ รบั หรอื สำ� หรบั ทมี่ น่ั อยกู่ บั ทเี่ มอ่ื คาดวา่ การปะทะนา่ จะเปน็ ได้ อยา่ ง น้อยที่สุดแผ่นจดระยะจะต้องบรรจุด้วยข้อมูลทั้งหมดท่ีพลประจ�ำรถต้องการท�ำการยิง เปา้ หมายในขณะทที่ ศั นวสิ ยั จำ� กดั ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ จะตอ้ งทำ� ใหพ้ ลประจำ� รถทกุ นายเขา้ ใจ ได้ง่าย ก่อนท่ีจะจดั ทำ� แผ่นจดระยะ ผบ. รถต้องเลือกที่ต้งั ยิงซ่ึงเป็นทกี่ ำ� บังตวั รถและ มีเขตการยงิ ครอบคลุมท่ัวเขตรบั ผิดชอบทไี่ ด้รับมอบ
156 เหล่าทหารมา้ การเลอื กที่ต้ังยงิ แบบของแผ่นจดระยะ แผ่นจดระยะมอี ยู่ 2 แบบ คอื แบบวงกลมและแบบแผนทส่ี งั เขป ผบ.รถ จะเป็น ผู้ตกลงใจว่าจะเลอื กใช้แผ่นจดระยะแบบใด ซึ่งขนึ้ อยู่กบั • ลักษณะภมู ปิ ระเทศ • เขตการยิงทไ่ี ด้รับมอบ • การแจกจ่ายการยงิ และจ�ำนวนของเป้าหมาย แผ่นจดระยะแบบวงกลม แผ่นจดระยะแบบวงกลมเป็นแผ่นจดระยะที่ง่าย ในการเตรยี มและการอ่าน อย่างไรกต็ าม สามารถก�ำหนดทต่ี ง้ั ยงิ ของรถถงั บนแผ่นจดระยะ ได้แห่งเดยี วเท่าน้นั จดุ ศูนย์กลางของแผ่นจดระยะใช้แทนท่ตี ้งั ยิงของรถถงั และวงกลมทม่ี ี ศนู ย์กลางเดยี วกนั แต่ละวง 5 วง ใช้แทนค่าของระยะ วงกลมวงนอกสดุ ใช้แทนค่าของระยะ ที่คาดว่าเป็นระยะไกลสดุ ของเป้าหมายในเขตการยงิ ทีไ่ ด้รบั มอบท่ีเป็นไปได้ และทำ� หน้าท่ี เป็นค่ามมุ ทิศทส่ี นองตอบกบั เครื่องก�ำหนดมมุ ภาคของทิศ แผ่นจดระยะแบบวงกลมจะใช้เมอ่ื • ภมู ปิ ระเทศโล่งแจ้งและย่านการตรวจการณ์ดี • เขตการยิงทไ่ี ด้รบั มอบกว้าง • เป้าหมายทเ่ี ป็นไปได้มจี �ำนวนน้อย และคาดว่าแจกจ่ายการยงิ ได้ดี
แผน่ จดระยะแบบวงกลม เห ่ลาทหาร ้มา 157 แผ่นจดระยะแบบแผนท่ีสังเขป แผ่นจดระยะแบบแผนที่สังเขปเป็นภาพ วาดอย่างง่าย ๆ ของเขตการยงิ ในรถถัง เนอ่ื งจากไม่ได้วาดตามมาตราส่วน ลักษณะของ ภูมิประเทศและเป้าหมายสามารถกระจายออกไป เพื่อขจัดแนวเส้นที่ตัดกันและข้อมูลที่ เขียนทับกันแผ่นจดระยะแบบน้ีสามารถใส่ที่ตั้งยิงของรถถังได้มากกว่าหน่ึงที่ต้ังยิง โดย มองภาพสงั เขปท้งั สองภาพได้จากภูมิประเทศเดียวกัน แผ่นจดระยะของรถถังแต่ละคันจะ ตอ้ งทำ� สำ� เนา 1 ชดุ สง่ ไปยงั ผบ.มว. แผน่ จดระยะประกอบดว้ ยขอ้ มลู ทส่ี �ำคญั ทพ่ี ลประจำ� รถ ตอ้ งการใชท้ ำ� การยงิ ตอ่ เปา้ หมายในขณะทศั นวสิ ยั จำ� กดั และตอ้ งจดั ทำ� ในแตล่ ะทต่ี ง้ั ยงิ หลกั , รองและเพ่ิมเตมิ แผ่นจดระยะแบบแผนทส่ี งั เขปจะถูกน�ำมาใช้เม่ือ • ภมู ิประเทศรกทบึ ยากแก่การตรวจการณ์ • เขตการยิงทไ่ี ด้รับมอบแคบ • เปา้ หมายทเ่ี ปน็ ไปไดม้ จี ำ� นวนมาก และคาดวา่ จะอยใู่ กลช้ ดิ กบั เปา้ หมายอน่ื ๆ
158 เหล่าทหารมา้ แผ่นจดระยะแบบแผนทีส่ งั เขป การกำ�หนดข้อมูลลงในแผน่ จดระยะ ข้อมูลแผ่นจดระยะจะถูกก�ำหนดให้ในขณะที่ทัศนวิสัยดี และใช้ส�ำหรับอ้างอิง ในขณะทท่ี ศั นวสิ ยั ดแี ตเ่ ครอื่ งหาระยะชำ� รดุ ขอ้ มลู บนแผนจดระยะกำ� หนดโดยตงั้ ชนดิ กระสนุ ระเบิดต่อสู้รถถงั (HEAT-T) เข้ากบั เครอื่ งค�ำนวณ เพราะว่าเป็นชนิดกระสนุ ท่ีมอี ยู่ท่ีสามารถ ใช้ท�ำการต่อสู้ได้มากท่ีสุด ถ้าสามารถมองเห็นเป้าหมายผ่านกล้องเล็งตรงได้กระสุนชนิด อนื่ ๆ กส็ ามารถนำ� มาใชท้ ำ� การยงิ ไดโ้ ดยเปลยี่ นชนดิ กระสนุ ทต่ี ง้ั กบั เครอื่ งคำ� นวณ หลงั จาก ที่วางปืนท้งั ทางทศิ และทางระยะแล้ว กลอ้ งเลง็ ทใ่ี ชส้ ำ� หรบั การกำ� หนดขอ้ มลู บนแผน่ จดระยะ เปน็ กลอ้ งเลง็ ชนดิ เดยี ว กบั ทพี่ ลยงิ ใชท้ ำ� การยงิ เลง็ ตรง ปกตแิ ลว้ ใชช้ อ่ งเลง็ กลางวนั ระยะกำ� หนดไดโ้ ดยใชเ้ ครอ่ื งหา ระยะ ถ้าเครื่องหาระยะชำ� รุด ผบ.รถ จะเป็นผู้กะระยะหรือใช้ระยะทีไ่ ด้รบั มาจากรถถงั คัน ขา้ งเคยี งทเ่ี ครอ่ื งหาระยะใชง้ านได้ คำ� อธบิ ายของหวั ขอ้ ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ของแผน่ จดระยะมดี งั นี้ ชนิดทตี่ ัง้ ยงิ ของแผ่นจดระยะ ตัวอักษรท่ีอยู่มุมบนด้านขวาใช้บอกชนิดที่ต้ังยิงของแผ่นจดระยะที่จัดท�ำ (“ล” ส�ำหรับที่ต้งั ยิงหลกั , “ร” ส�ำหรบั ที่ตง้ั ยงิ รอง, “พ” ส�ำหรบั ทีต่ งั้ ยงิ เพ่มิ เติม) การเพม่ิ ต�ำแหน่งของที่ตั้งยิงรองและเพิ่มเติมจะบอกโดยใช้ตัวเลขประกอบกับตัวอักษร (ร-1, ร-2, พ-1, พ-2) ใต้ตวั อักษรท่เี ป็นทต่ี ง้ั ยิง จะเป็นหมายเลขของรถถังและชนดิ กระสนุ ท่จี ดั ทำ� แผ่น จดระยะนอกเหนือไปจากกระสุนระเบิดต่อสู้รถถัง ถ้ามีที่ต้ังยิงมากกว่า 1 ท่ีต้ังบนแผ่น จดระยะเดยี วกันต�ำแหน่งของรถถงั ควรจะใช้ตวั อกั ษร (ล, ร, พ)
บทท่ี เห ่ลาทหาร ้มา 159 การปรับการยิง ป. และ ค. 1. กลา่ วทัว่ ไป ก. ผู้ตรวจการณ์เป็นบุคคลส�ำคัญในการสนองตอบการยิงสนับสนุนให้กับ หน่วยด�ำเนินกลยุทธ์ ทั้งน้ี เพราะว่าผู้ตรวจการณ์เป็นส่วนหน่ึงของชุดหลักยิง ซ่ึงอยู่ ในต�ำแหน่งที่สามารถก�ำหนดที่ตั้งเป้าหมายยิงและปรับการยิงลงบนเป้าหมายน้ันได้ ปัจจุบันนี้ผู้ตรวจการณ์จะต้องได้รับการฝึกให้มากกว่าแต่ก่อน ไม่เพียงแต่ฝึกในเรื่อง ของการปรบั การยงิ ค. เท่านนั้ แต่ต้องเข้าใจถงึ สถานการณ์ทง้ั ของฝ่ายเราและของฝ่าย ขา้ ศกึ เปน็ อยา่ งดี ทง้ั จะตอ้ งคาดการณล์ ว่ งหนา้ ถงึ ความตอ้ งการของหนว่ ยดำ� เนนิ กลยทุ ธ์ อย่างสม�่ำเสมอ, ผู้ตรวจการณ์จะเป็นผู้ให้ค�ำแนะน�ำแก่ผู้บังคับหน่วยด�ำเนินกลยุทธ์ เกี่ยวกบั เทคนคิ ในการใช้อาวธุ ยิงสนับสนุนท้งั ปวง ข. ผตู้ รวจการณเ์ ปน็ เสมอื นดวงตาของเครอ่ื งยงิ ลกู ระเบดิ แหลง่ ขา่ วทไ่ี ดม้ า จากการใช้สายตาจะต้องส่งข่าวต่าง ๆ ซง่ึ ได้มาจากการเฝ้าตรวจสนามรบให้กับ ฝอ.2 ของกองร้อยให้ทนั เวลา การรายงานข่าวสารของผู้ตรวจการณ์นั้นจะต้องให้ “ทันเวลา” และ “ถกู ต้อง” เพอ่ื โจมตีข้าศกึ ให้ได้ก่อนท่ีข้าศกึ จะโจมตฝี ่ายเรา ค. กล่าวโดยท่ัวไปแล้ว ทหารพลรบคนใดก็ตามเมื่อตรวจเห็นเป้าหมาย ควรจะต้องขอให้ ศอย.ส่งั ค. ทำ� การยิงได้ เมือ่ ปรากฏเป้าหมายท่คี ุ้มค่า ในขณะทไ่ี ม่มี ผู้ตรวจการณ์ ค.อยู่ด้วยจะได้ไม่ท�ำให้พลาดโอกาสอย่างน่าเสียดาย ด้วยเหตุน้ีทหาร พลรบทกุ คนควรจะได้เตรยี มตวั ให้สามารถทีจ่ ะร้องขอการยงิ และปรบั การยิง ค. ได้
160 เหล่าทหารมา้ 2. เครือ่ งมือตรวจการณ์ (1) กล้องส่องสองตา (2) เขม็ ทิศ (3) แผนทแ่ี ละหลกั ฐานเพม่ิ เติมแผนที่ (4) แผ่นพดั ตรวจการณ์ (5) บรรทดั ฉาก (6) การวดั มุมด้วยมอื (7) ภาพภมู ปิ ระเทศสังเขป (1) กล้องส่องสองตา กลอ้ งสอ่ งสองตาเปน็ เครอื่ งมอื สำ� หรบั ตรวจการณ,์ ปรบั การยงิ ค. ใชว้ ดั มมุ ทางราบและมมุ สงู ได้ เมอ่ื ทำ� การวดั มมุ ทางราบได้แล้ว ผตู้ รวจการณก์ จ็ ะด�ำเนนิ การแกเ้ พอ่ื ให้กระสุนไปตกถกู เป้าหมายต่อไป มาตราวดั มุมในกลอ้ งสอ่ งสองตา
(2) เข็มทิศ เห ่ลาทหาร ้มา 161 เขม็ ทศิ เป็นเครอ่ื งมอื สำ� หรบั วดั มมุ ภาคของเป้าหมาย เมอื่ เรายกเขม็ ทศิ เลง็ ไปยังเป้าหมายให้อ่านตัวเลขบนมาตราเข็มทิศ มุมที่อ่านได้จะเป็นมุมภาคของเป้าหมาย ผตู้ รวจการณอ์ าจจะใชเ้ ขม็ ทศิ แบบ เอม็ .2, เขม็ ทศิ เลนซาตกิ หรอื เขม็ ทศิ ทม่ี ขี ายตามทอ้ งตลาด ก็ได้วดั มมุ จะต้องให้เขม็ ทิศอยู่ห่างจากสง่ิ รบกวนแม่เหลก็ พอควร (3) แผนท่แี ละหลักฐานเพม่ิ เตมิ แผนท่ี แผนที่เป็นเคร่ืองมืออย่างหน่ึงที่ผู้ตรวจการณ์จ�ำเป็นต้องมีไว้เพื่อใช้ในการ พิจารณาภูมิประเทศประกอบแผนที่ และเพื่อความสะดวกในการหาที่อยู่ของตนเอง และ หาทอี่ ยู่ของเป้าหมายส�ำหรับส่งคำ� ขอยิงให้ ศอย. สง่ั ค. ทำ� การยิงต่อไป หลักฐานเพิ่มเติมแผนท่ี ผู้ตรวจการณ์อาจเพ่ิมเติมแผนที่ของตนโดยการ ลากเส้นลงบนแผนท่ีเป็นรัศมีจากท่ีต้ังของตนห่างกันเป็นมุมตามความเหมาะสม ปกติ ห่างกนั 200 มิล. เขยี นเส้นโค้งส้นั ๆ ตดั เส้นรัศมี เพ่อื ใช้แทนระยะจากที่ตงั้ ท่ตี รวจการณ์ ตามปกตใิ ช้ห้วงละ 1,000 เมตร หลกั ฐานเพ่ิมเติมแผนท่นี จ้ี ะช่วยเหลอื ผู้ตรวจการณ์ในการ ก�ำหนดทต่ี งั้ เป้าหมายได้รวดเรว็ และถูกต้องยงิ่ ข้ึน หลกั ฐานเพม่ิ เตมิ แผนที่
162 เหล่าทหารมา้ (4) แผน่ พดั ตรวจการณ์ แผ่นพัดตรวจการณ์เป็นเคร่ืองมือในการช่วยก�ำหนดที่ต้ังเป้าหมายลงบน แผนที่เพื่อให้อ่านพิกัดได้ถูกต้องย่ิงขึ้น แทนท่ีจะขีดเส้นรัศมีและส่วนโค้งลงบนแผนท่ี ผู้ตรวจการณ์อาจเอาแผ่นพัดตรวจการณ์ทาบลงบนแผนท่ีก็ได้เช่นเดียวกัน, แผ่นพัด ตรวจการณ์มีรูปร่างเหมือนพัด สร้างขึ้นด้วยวัสดุใส มีเส้นรัศมีห่างกันเส้นละ 100 มิล. วดั มมุ ได้ 1,000 มลิ . เสน้ โคง้ แทนระยะจากทต่ี รวจการณท์ กุ ๆ ระยะ 1,000 เมตร จะมเี สน้ โคง้ ตัดเส้นรศั มจี นถึง 6,000 เมตร แผน่ พดั ตรวจการณ์ใช้กำ� หนดทีต่ ั้งเปา้ หมาย (5) บรรทดั ฉาก บรรทดั ฉากเปน็ เครอ่ื งมอื ทช่ี ว่ ยในการอา่ นพกิ ดั อยา่ งละเอยี ด พกิ ดั เปา้ หมาย ทกี่ ำ� หนดลงในแผนที่ ถ้าอา่ นดว้ ยตาสามารถอ่านได้อย่างหยาบ (พกิ ดั 6 ตวั เชน่ 634 - 843) มีความละเอยี ดเพียง 100 เมตร ถ้าใช้บรรทัดฉากอ่านพกิ ัดได้ถึง 8 ตัว (ใกล้เคียง 10 เมตร) กจ็ ะทำ� ให้การยงิ ของปืน ค. มคี วามแม่นย�ำย่ิงขนึ้
การใชบ้ รรทดั ฉากอา่ นพิกัด เห ่ลาทหาร ้มา 163 (6) การวดั มุมดว้ ยมือ ผู้ตรวจการณ์อาจใช้มือและน้ิวมือของตนเป็นเครื่องมือในการวัดมุมได้ ซ่ึงผู้ตรวจการณ์แต่ละคนควรจะได้เทียบมือและน้ิวของตนไว้เพ่ือให้ทราบค่ามุมที่แน่นอน การวดั มมุ ดว้ ยมอื ผตู้ รวจการณจ์ ะตอ้ งเหยยี ดแขนไปจนสดุ เพอื่ จะไดใ้ หร้ ะยะหา่ งจากสายตา มีระยะเท่ากนั เสมอ หลังจากท่วี ัดมุมออกเป็นมลิ เลียมแล้ว ผู้ตรวจการณ์ก็ใช้สูตรมิลเลยี ม หาการปรบั แก้ทางข้างระหว่างต�ำบลระเบดิ กับเป้าหมายออกมาเป็นเมตร (ระยะทศิ ) ได้ การเทียบมอื และนว้ิ มอื เพื่อใช้ในการวัดมมุ
164 เหล่าทหารมา้ (7) ภาพภูมปิ ระเทศสังเขป ภาพภมู ปิ ระเทศสงั เขปหรอื ทเ่ี คยเรยี กกนั วา่ ภาพพาโนรามา (PANORAMA) เปน็ ภาพอยา่ งหยาบของภมู ปิ ระเทศในเขตตรวจการณท์ ผี่ ตู้ รวจการณม์ องเหน็ จากทต่ี งั้ ของ ตน ภาพภูมิประเทศสังเขปนี้จะช่วยผู้ตรวจการณ์พจิ ารณาหาทตี่ ง้ั ของเป้าหมายได้รวดเร็ว ขนึ้ เนอ่ื งจากวา่ ผตู้ รวจการณไ์ ดเ้ ขยี นตำ� บลทเี่ หน็ เดน่ ชดั และทสี่ ำ� คญั ลงไวใ้ นภาพภมู ปิ ระเทศ สงั เขป พรอ้ มทงั้ ไดว้ ดั มมุ ภาคและกะระยะไวแ้ ลว้ ดว้ ย ดงั นนั้ เมอื่ เปา้ หมายปรากฏขนึ้ ใกล้ ๆ กับที่ต้ังท่ีได้ก�ำหนดไว้แล้วนั้น ก็จะท�ำให้ผู้ตรวจการณ์ก�ำหนดท่ีตั้งเป้าหมายได้รวดเร็ว ซง่ึ เปน็ ผลทำ� ให้ ศอย. ไดห้ ลกั ฐานยงิ และสง่ั ค. ทำ� การยงิ และทำ� ลายเปา้ หมายไดร้ วดเรว็ ดว้ ย ภาพภมู ปิ ระเทศสังเขป
เห ่ลาทหาร ้มา 165 การก�ำหนดที่ต้งั เป้าหมาย
3. วธิ ีกำ�หนดที่ตัง้ เปา้ หมาย กล่าวน�ำ ก. การก�ำหนดท่ตี ั้งเป้าหมายมี 3 วิธี ซึง่ ผู้ตรวจการณ์จะก�ำหนดได้จากวิธใี ด วิธหี น่ึงดงั ต่อไปน้ี (1) วิธีพกิ ดั ตาราง (พิกดั ฉาก, พิกัดแผนท)่ี (2) วิธพี ิกดั โปล่าร์ (3) วธิ ยี ้ายจากจดุ ทที่ ราบหลักฐาน ข. ความถกู ต้องในการรายงาน หลกั ฐานทง้ั หมดในการก�ำหนดท่ตี งั้ เป้าหมาย ทจี่ ะส่งเป็นคำ� ขอยงิ และการแก้ขนั้ ตอนต่อไปนี้ ผู้ตรวจการณ์จะต้องปัดเศษเป็นจำ� นวนเตม็ แล้วจงึ รายงานไปยงั ศนู ย์อ�ำนวยการยงิ ดงั นี้ (1) มุมภาค บอกเป็นจ�ำนวนเตม็ 10 มลิ . (2) การย้ายทางข้าง บอกเป็นจ�ำนวนเตม็ 10 เมตร (3) การย้ายทางระยะ บอกเป็นจ�ำนวนเตม็ 100 เมตร (4) การย้ายทางสูง บอกเป็นจ�ำนวนเตม็ 5 เมตร 166 เหล่าทหารมา้ (5) พิกดั (ละเอียด) 8 ตวั บอกเป็นจ�ำนวนเตม็ 10 เมตร (6) พกิ ัด (หยาบ) 6 ตวั บอกเป็นจ�ำนวนเตม็ 100 เมตร การก�ำหนดท่ตี ้ังเปา้ หมายโดยวธิ ีพกิ ดั ตาราง ก. พิกดั ตาราง คือ ค่าเป็นเมตรตามแกนราบและแกนตัง้ ใช้แสดงที่อยู่ของจดุ โดยสัมพันธ์กบั ศูนย์ก�ำเนิด ข. องค์ประกอบที่ผู้ตรวจการณ์จะต้องหาและส่งให้ศนู ย์อ�ำนวยการยิงทราบ (1) พิกัด เช่น “พิกดั 945 526” (พกิ ัดเป้าหมาย) (2) มุมภาค เช่น “มมุ ภาค 1420” (มมุ ภาคจาก ผตน.ไปเป้าหมาย) การก�ำหนดที่ต้ังเป้าหมายโดยวิธีพิกัดตารางจะรวดเร็วขึ้น ถ้าก�ำหนดเป็น จุดที่ทราบหลกั ฐานแล้ว เช่น เป้าหมายทเ่ี คยยงิ มาแล้ว หรือที่ตั้งอ่ืน ๆ ทีผ่ ู้ตรวจการณ์และ ศูนย์อ�ำนวยการยงิ ทราบหลักฐานแล้ว เช่น “เป้าหมาย กข 701 มมุ ภาค 4560” การก�ำหนดท่ตี ้ังเป้าหมายวธิ ีนีไ้ ม่ต้องหาความสงู ของเป้าหมาย
ค. การก�ำหนดทต่ี ัง้ เป้าหมายวธิ พี กิ ัดตารางอาจกระท�ำได้ เห ่ลาทหาร ้มา 167 (1) วิธีการตรวจ หลังจากผู้ตรวจการณ์วางแผนท่ีถูกทิศและก�ำหนดจุด ที่อยู่ของตนลงบนแผนท่ีแล้ว ผู้ตรวจการณ์ก็พิจารณาแผนที่ประกอบภูมิประเทศเปรียบ เทียบลกั ษณะต่าง ๆ ของส่งิ ท่ปี รากฏอยู่ในภูมปิ ระเทศจรงิ กับส่งิ ท่ีปรากฏในแผนทีแ่ ละได้ พจิ ารณาภมู ิประเทศทเ่ี หน็ เด่นชดั และมปี รากฏในแผนทป่ี ระกอบด้วย เช่น ยอดเนิน, บ้าน, โรงเรียน, วดั เป็นต้น (2) วธิ กี ารกรุย ใช้แผ่นพัดตรวจการณ์หรือหลักฐานเพม่ิ เตมิ ท่ดี ำ� เนนิ การดังน้ี (ก) ก�ำหนดจดุ ท่ีอยู่ของตน (ข) วดั มมุ ภาคจากผตู้ รวจการณไ์ ปยงั เปา้ หมาย (เชน่ มมุ ภาค 600 มลิ .) (ค) วัดระยะจากผู้ตรวจการณ์ไปยังเป้าหมาย (เช่น ระยะ 2,000 เมตร) (ง) วางแผ่นพัดตรวจการณ์ให้จุดศูนย์กลางทับจุดท่ีอยู่ของตนและให้ ตรงทศิ (หรอื ท�ำหลักฐานเพ่มิ เตมิ แผนท)ี่ (จ) ตามเส้นรศั มี 600 มิล. กรุยจดุ ลงบนแผนท่ี ณ ระยะ 2,000 เมตร ตามท่ีกะประมาณไว้ (ฉ) อ่านพกิ ัดแล้วส่งไปให้ศูนย์อำ� นวยการยงิ (ช) องค์ประกอบทใี่ ช้กำ� หนดท่ตี ้ังเป้าหมาย “พกิ ดั 536 271, มมุ ภาค 600” การกำ� หนดท่ีต้ังเปา้ หมายโดยวิธพี ิกัดตารางเมื่อใช้ หลักฐานเพิม่ เติมแผนที่หรือแผน่ พดั ตรวจการณ์
การกำ� หนดที่ต้ังเป้าหมายโดยวิธีพิกดั โปลา่ ร์ ก. พกิ ดั โปลา่ ร์ คอื ทต่ี ง้ั ของจดุ ทแ่ี สดงดว้ ยระยะและทศิ ทางจากจดุ ทเ่ี ปน็ หลกั จดุ หนง่ึ พกิ ดั โปลา่ ร์ ประกอบดว้ ย มมุ ภาค ระยะจากผตู้ รวจการณถ์ งึ เปา้ หมาย และการยา้ ย ทางสงู (ถอื แตกต่างสงู ระหว่างเป้าหมายกบั ท่ตี รวจการณ์) ข. ผู้ตรวจการณ์จะต้องบอกที่อยู่ของตนให้ศูนย์อ�ำนวยการยิงทราบด้วย เช่น เสอื ด�ำอยู่ที่พกิ ัด 252, 566 หรอื อยู่ที่ยอดเนิน 494 เป็นต้น ค. องคป์ ระกอบทผี่ ้ตู รวจการณจ์ ะตอ้ งหา และสง่ั ใหศ้ นู ยอ์ ำ� นวยการยงิ ทราบ (1) มุมภาค เช่น “มุมภาค 1060” (มุมภาคจากผู้ตรวจการณ์ไปยังเป้าหมาย) (2) ระยะ เช่น “ระยะ 2000” (ระยะจากผู้ตรวจการณ์ไปยังเป้าหมาย) (3) การย้ายทางสูง เช่น “สงู ข้นึ (ต่�ำลง) 40” (แตกต่างสงู ระหว่างทีต่ งั้ ที่ตรวจการณ์กบั เป้าหมาย ถ้าทีต่ ัง้ ที่ตรวจการณ์กบั เป้าหมายสงู เท่ากันก็ไม่ต้องรายงานให้ ศูนย์อำ� นวยการยงิ ทราบ) ง. ตัวอย่างที่ 1 (ทต่ี ั้งตรวจการณ์กับเป้าหมายสงู เท่ากนั ) 168 เหล่าทหารมา้
การกำ� หนดท่ตี ั้งเป้าหมายด้วยวธิ ีพิกดั โปล่าร์ (1) ส่ิงก�ำหนดให้ (ก) มุมภาคทท่ี ราบแล้ว (ต้นไม้เดย่ี ว) 1,270 มลิ . (ข) มุมข้างจากต้นไม้เด่ยี วไปยังเป้าหมาย 270 มลิ . (ค) ระยะจากผู้ตรวจการณ์ไปยงั เป้าหมาย 2,000 เมตร (2) ส่งิ ทต่ี อ้ งการ (ก) มมุ ภาคเป้าหมาย (ข) ระยะจากผู้ตรวจการณ์ไปยงั เป้าหมาย (3) วิธีท�ำ (ก) มมุ ภาคเป้าหมาย 1,000 มลิ . (1270 - 270) (ข) ระยะ 2,000 เมตร (ใช้วธิ ปี ระมาณ) (4) องคป์ ระกอบทใ่ี ช้ก�ำหนดที่ตง้ั เปา้ หมาย “มมุ ภาค 1000 ระยะ 2000” จ. ตวั อยา่ งที่ 2 การย้ายทางสงู (ทต่ี ้งั ทต่ี รวจการณ์กับเป้าหมายสูงไม่เท่ากนั ) เห ่ลาทหาร ้มา 169
(1) สิ่งท่กี ำ� หนดให้ (ก) วดั มมุ พื้นทไี่ ปยงั เป้าหมายได้ -5 มิล. (เป้าหมายอยู่ตำ่� กว่าระดับ สายตา) (ข) ระยะจากผู้ตรวจการณ์ไปยังเป้าหมาย 2,000 เมตร (2) สิ่งทีต่ อ้ งการทราบ หาแตกต่างสงู ระหว่างท่ตี รวจการณ์กบั เป้าหมาย (3) วิธที �ำ ก. = 51×00ม = 2,010,000×0 5 = 10 (เป้าหมายอยู่ต่�ำกว่าท่ตี รวจการณ์ 10 เมตร) (4) องคป์ ระกอบทใ่ี ช้กำ� หนดที่ตงั้ เปา้ หมาย “มุมภาค...ระยะ...ต่ำ� ลง 10” การก�ำหนดทีต่ ง้ั เป้าหมายโดยวิธียา้ ยจากจดุ ที่ทราบหลกั ฐาน ก. จดุ ทท่ี ราบหลักฐาน คือ จดุ ในบริเวณเป้าหมายซ่ึงผู้ตรวจการณ์ทราบที่ต้งั 170 เหล่าทหารมา้ และศนู ยอ์ ำ� นวยการยงิ ไดก้ รยุ จดุ นไ้ี วบ้ นแผน่ เรขายงิ แลว้ ผตู้ รวจการณห์ รอื นายทหารอำ� นวย การยงิ อาจเลอื กจดุ ตา่ ง ๆ นส้ี ำ� หรบั ใชเ้ ปน็ จดุ ทที่ ราบ ทง้ั ผตู้ รวจการณแ์ ละศนู ยอ์ ำ� นวยการยงิ ต้องทราบทต่ี งั้ และชอื่ ของจดุ เหล่านนั้ โดยธรรมดาแล้วมกั ใช้จดุ ยงิ หาหลกั ฐาน ภมู ปิ ระเทศ เด่น ๆ หรอื เป้าหมายทเ่ี คยยิงไว้แล้วเป็นจุดที่ทราบ ข. องค์ประกอบท่ีผู้ตรวจการณ์จะต้องท�ำ และส่งให้ศนู ย์อำ� นวยการยงิ (1) มุมภาค เช่น มมุ ภาค 1070 (มุมภาคจากผู้ตรวจการณ์ไปยังเป้าหมาย) (2) การย้ายทางข้าง เช่น “ขวา (ซา้ ย) 250” (การย้ายจากจุดทีท่ ราบไป ต้ังฉากกับแนว ตม.) (3) การย้ายทางระยะ เช่น “เพม่ิ (ลด) 400” (เพิม่ -ลดตามแนว ตม.) (4) การยา้ ยทางสงู เชน่ สงู ขน้ึ (ตำ่� ลง) 25 (แตกตา่ งสงู ระหวา่ งทต่ี ง้ั เปา้ หมาย กบั จดุ ทท่ี ราบ ถา้ ทต่ี ง้ั เปา้ หมายกบั จดุ ทที่ ราบสงู เทา่ กนั กไ็ มต่ อ้ งรายงานใหศ้ นู ยอ์ ำ� นวยการยงิ ทราบ) ค. การก�ำหนดที่ต้ังเป้าหมายโดยวิธีย้ายจากจุดที่ทราบ อาจจะกระท�ำได้โดย การประมาณหรอื โดยการค�ำนวณ
การย้ายจากจดุ ท่ีทราบ เห ่ลาทหาร ้มา 171 ง. การค�ำนวณการย้ายทางข้าง ทางระยะแบ่งเป็น 2 กรณี (1) กรณีมุมข้างมีค่าน้อยกว่า 600 มิล. เพ่ือเป็นการง่ายแก่การค�ำนวณ จงึ ให้สมมตุ ิฐานว่า ระยะ ตฉ. = ตจ. และใช้สตู รมลิ เลยี มค�ำนวณการย้ายทางระยะและ ทางข้างได้ดงั นี้ (ก) ตัวอยา่ งท่ี 1
1) สิ่งที่กำ� หนดให้ ก) มุมภาคเป้าหมาย 620 มลิ . ข) มุมข้าง 200 มลิ . ค) ระยะจากผู้ตรวจการณ์ไปยังเป้าหมาย 4,000 เมตร ง) ระยะจากผู้ตรวจการณ์ไปยงั จุดทท่ี ราบ 3,000 เมตร 2) ส่ิงทต่ี ้องการทราบ ก) มมุ ภาคเป้าหมาย ข) การย้ายทางข้าง ค) การย้ายทางระยะ 3) วิธีท�ำ ก) มมุ ภาค 620 มิล. (ใช้เข็มทิศวัด) ข) การย้ายทางข้าง 172 เหล่าทหารมา้ ก = ร 1×00ม = 300100×00200 = 600 ค) การย้ายทางระยะ = ระยะ ตม. - ระยะ ตจ. = 4000 - 3000 = 1000 4) องคป์ ระกอบทใ่ี ช้กำ� หนดทต่ี ้งั เป้าหมาย “มุมภาค 620, ขวา 600, เพมิ่ 1000”
(ข) ตวั อย่างที่ 2 เห ่ลาทหาร ้มา 173 1) ส่ิงที่ก�ำหนดให้ ก) มุมภาคจุดท่ที ราบ 800 มลิ . ข) มุมข้าง 250 มลิ . ค) ระยะจากผู้ตรวจการณ์ไปยังเป้าหมาย 1,500 เมตร ง) ระยะจากผู้ตรวจการณ์ไปยงั จดุ ท่ที ราบ 2,000 เมตร 2) ส่ิงที่ตอ้ งการทราบ ก) มุมภาคเป้าหมาย ข) การย้ายทางข้าง ค) การย้ายทางระยะ 3) วิธที ำ� ก) มมุ ภาคเป้าหมาย 550 มิล. (800 - 250) ข) การย้ายทางข้าง
ก = ร 1×00ม = 200100×00250 = 500 ค) การย้ายทางระยะ = ระยะ ตจ. - ระยะ ตม. = 2000 - 1500 = 500 4) องค์ประกอบทใ่ี ช้ก�ำหนดทต่ี ้ังเปา้ หมาย “มุมภาค 550, ซา้ ย 500, ลด 500” (2) กรณมี ุมข้างมคี ่าตัง้ แต่ 600 มลิ . ข้นึ ไป เมอ่ื มุมข้างจากจดุ ท่ที ราบมคี ่า ตั้งแต่ 600 มิล. ขึ้นไป ความถูกต้องของมิลเลียมย่อมหมดไป เพราะเม่ือมุมข้างโตขึ้น การทจี่ ะถอื ว่า ระยะ ตจ. = ระยะ ตฉ. ตามตวั อย่างที่ 1, 2 ในข้อ ง. (1) น้นั ย่อมไม่เป็นการ ถูกต้องเพราะความปกติระยะ ตฉ.ย่อมสั้นกว่าระยะ ตจ. ฉะน้ัน เพื่อให้การค�ำนวณ ถกู ตอ้ งดขี นึ้ จงึ ใหค้ ำ� นวณโดยใชส้ ตู ร SINE (สมั พนั ธก์ บั ตรโี กณมติ )ิ โดยใชค้ า่ ไซนอ์ ยา่ งหยาบ 174 เหล่าทหารมา้ รูปสัมพนั ธไ์ ซน์ (SINE FUNCTION) SINE A = ด้านตรงข้ามมุม A ด้านตรงข้ามมุมฉาก
ตารางค่าไซนอ์ ยา่ งหยาบ มมุ เป็น มลิ . ค่าไซน์อย่างหยาบ 0 1 100 0.1 200 0.2 300 0.3 400 0.4 500 0.5 600 0.6 700 0.6 คู่บน 800 0.7 900 0.8 1000 0.8 คู่กลาง 1100 0.9 คู่ล่าง เห ่ลาทหาร ้มา 175 1200 0.9 1300 1.0 1400 1.0 1500 1.0 1600 1.0 คู่บน คู่กลาง คู่ล่าง ผู้ตรวจการณ์จะน�ำค่าไซน์อย่างหยาบไปใช้ค�ำนวณการย้ายทางข้าง และทาง ระยะได้ดงั นี้
SINE = SAI N= AWD× D W = เมื่อ A คอื ค่าไซน์อย่างหยาบของมุม A (ใช้ค่ามุมเป็นจ�ำนวนเต็ม 100 มิล.) W คอื ความกว้างของด้านทอ่ี ยู่ตรงข้ามกับมุม A D คือระยะจากผู้ตรวจการณ์ไปยังจุดท่ีทราบ (ใช้ระยะเป็นจ�ำนวนเต็ม 100 จำ� ไว้ว่า ระยะ D นน้ั ไม่คดิ เป็นกิโลเมตร คือ ไม่ต้องเอา 1000 ไปหาร) (ก) ตัวอยา่ งท่ี 1 176 เหล่าทหารมา้ 1) สง่ิ ทก่ี ำ� หนดให้ ก) มมุ ภาคเป้าหมาย 560 มลิ . ข) มุมข้าง 700 มลิ . ค) ระยะ ตม. 4,000 เมตร ง) ระยะ ตจ. 3,000 เมตร
2) สิ่งทีต่ อ้ งการทราบ ก) มมุ ภาคเป้าหมาย ข) การย้ายทางข้าง ค) การย้ายทางระยะ 3) วธิ ที �ำ ก) มมุ ภาคเป้าหมาย 560 (วดั ด้วยเครอื่ งมอื ) ข) การย้ายทางข้าง (ด้านตรงข้ามมมุ 700) W = SINE 700 (ด้านตรงข้ามมุมฉาก) = 0.5 × 3000 = 1800 (จาก จล.ขวา 1800) ค) การย้ายทางระยะ (ด้านตรงข้ามมมุ 900) W = (1600 - 700) × D = SINE 900 × D = 0.8 × 3000 = 2400 เห ่ลาทหาร ้มา 177 = ระยะ ตม. _ W = 4000 _ 2400 = 1600 4) องค์ประกอบทีใ่ ชก้ �ำหนดทต่ี ั้งเปา้ หมาย มมุ ภาค 560 ขวา 1800 เพ่มิ 1600
178 เหล่าทหารมา้ 4. คำ�ขอยงิ กล่าวนำ� เมื่อผู้ตรวจการณ์ก�ำหนดท่ีตั้งเป้าหมายเพื่อจะท�ำการโจมตีด้วยการยิงของ ค. แล้ว ผู้ตรวจการณ์จะส่งหลกั ฐานการก�ำหนดที่ตง้ั เป้าหมายให้ศนู ย์อำ� นวยการยงิ ทราบ หลกั ฐานการกำ� หนดทตี่ ง้ั เปา้ หมายทสี่ ง่ ใหศ้ นู ยอ์ �ำนวยการยงิ นเี้ ราเรยี กวา่ “คำ� ขอยงิ ” คำ� ขอ ยงิ ได้จดั เรยี งไว้ตามล�ำดับมีอยู่ด้วยกนั 6 องค์ประกอบ องคป์ ระกอบค�ำขอยิง ก. การแสดงตนของผู้ตรวจการณ์ ข. ค�ำสงั่ เตือน ค. การก�ำหนดท่ตี ง้ั เป้าหมาย ง. ลักษณะเป้าหมาย จ. วิธีโจมตี ฉ. วิธียงิ และการควบคุม
การแสดงตน เห ่ลาทหาร ้มา 179 การทผ่ี ตู้ รวจการณใ์ ชน้ ามเรยี กขานหรอื ประมวลลบั ทเ่ี หมาะสมตดิ ตอ่ ไปยงั ศนู ย์ อ�ำนวยการยงิ เพอ่ื จะส่งค�ำขอยงิ เป็นการแสดงตนอย่างหนงึ่ เช่น เสอื ด�ำ 25 (นามเรยี กขาน ของ ศอย.) จากเสอื ด�ำ 27 (นามเรยี กขานของ ผตน.) ค�ำส่ังเตอื น เป็นการแสดงความเร่งด่วนในการตดิ ต่อสอื่ สารและเพอ่ื เตอื นเจ้าหน้าทใ่ี นศนู ย์ อำ� นวยการยงิ ให้เตรียมตวั เพอื่ ปฏิบัติภารกจิ ยิง ค�ำสั่งเตอื นประกอบด้วย ก. ชนดิ ของภารกจิ ซึ่งมี 4 ชนิด ดังนี้ (1) ปรับการยงิ แสดงว่าผู้ตรวจการณ์ต้องการปรับการยงิ ก่อนท่ีจะท�ำการ ยิงหาผลเมอ่ื ปืนพร้อมก็จะยงิ ไปได้เลย (2) ยิงหาผล เมื่อผู้ตรวจการณ์เช่ือแน่ว่าก�ำหนดที่ต้ังเป้าหมายได้ถูกต้อง แน่นอน เช่น เป้าหมายอยู่บนยอดเนนิ หรอื เป้าหมายท่เี คยยิงไว้แล้ว ก็จะระบุในค�ำขอยิงว่า “ยิงหาผล” (3) ยิงข่ม เป็นภารกิจยิงชนิดหนึ่งซ่ึงผู้ตรวจการณ์ต้องการให้ปืนยิงอย่าง รวดเร็วลงบนเป้าหมายตามค�ำขอซึ่งเป็นเป้าหมายที่ได้วางแผนไว้แล้ว (ไม่ใช่เป้าหมาย ตามเหตกุ ารณ)์ เชน่ กอ่ นออกลาดตระเวนไดว้ างแผนยงิ ตอ่ เปา้ หมายคมุ้ ครองไว้ ขณะทำ� การ ลาดตระเวนเมอ่ื ตรวจเหน็ หรอื รวู้ า่ ขา้ ศกึ อยทู่ เ่ี ปา้ หมายยงิ คมุ้ ครองใด หรอื ขา้ ศกึ อาจจะแสดง ให้รู้ด้วยการยงิ จากเป้าหมายท่ไี ด้วางแผนไว้ ผู้ตรวจการณ์กข็ อยงิ ข่มต่อเป้าหมายนนั้ เช่น “เสือดำ� 25 จาก เสอื ดำ� 27 ยงิ ข่ม สิงโต 100 เปลย่ี น” ปกติหลังจากผู้ตรวจการณ์ส่งคำ� ขอ ยิงข่ม ไปแล้วประมาณ 20 - 30 วินาท ี ปืนจะยิงให้ทันที 1 ชุด ส�ำหรับเป้าหมายอันตรายใกล้ฝ่ายเรา หรือ 2 - 3 ชุด ส�ำหรับ เปา้ หมายทมี่ รี ะยะไกลกวา่ ระยะอนั ตรายใกลฝ้ า่ ยเรา (มากกวา่ 600 เมตร) เมอ่ื ปนื ยงิ ขม่ ใหแ้ ลว้ แต่ยงั ข่มข้าศกึ ไม่ได้ผลหรอื ผู้ตรวจการณ์ยงั ไม่พอใจในผลการยิงกใ็ ห้ขอปรับการยงิ ต่อไป
180 เหล่าทหารมา้ “ปรับการยงิ จาก สิงโต 100 เปลย่ี น” “มมุ ภาค 5600 ซ้าย 100 เพิ่ม 200 เปล่ยี น” “ปก.2 กระบอก กำ� ลงั ยงิ ในปา่ ละเมาะ เปลย่ี น” ผู้ตรวจการณ์ปรบั การยงิ ต่อไปจนจบภารกิจ (4) ยิงข่มฉับพลัน เป็นภารกิจยิงชนิดหนึ่งซึ่งผู้ตรวจการณ์ต้องการให้ยิงอย่าง รวดเรว็ ลงบนเปา้ หมายทไ่ี ดว้ างแผนไวแ้ ลว้ หรอื เปา้ หมายตามเหตกุ ารณ์ เพอื่ ยบั ยงั้ มใิ หฝ้ า่ ย ตรงข้ามด�ำเนินกลยุทธ์ต่อไป เม่ือผู้ตรวจการณ์ต้องการจะยิงข่มฉับพลันก็ระบุว่า “ยิงข่ม ฉบั พลัน” เช่น “เสอื ดำ� 25 จาก เสอื ดำ� 27 ยงิ ข่มฉับพลัน, ยอดเนิน 176 เปลี่ยน” เป้าหมายท่ขี อยงิ ข่มกบั ยงิ ข่มฉับพลันคล้าย ๆ กัน คอื เป็นเป้าหมายวางแผน ไว้แล้ว ต่างกันทว่ี ่ายิงข่มฉบั พลนั นน้ั ยิงต่อเป้าหมายท่เี กดิ ขนึ้ ตามเหตกุ ารณ์ด้วย และต่าง กันด้วยวธิ กี ารยงิ ของปืน กล่าวคอื ยงิ ข่มฉบั พลนั จะยิงให้เรว็ กว่ายิงข่มธรรมดา ข. ขนาดของหน่วยที่ท�ำการยิงหาผล ผู้ตรวจการณ์อาจจะระบุขนาดของ หน่วยทจ่ี ะท�ำการยิงหาผล และร้องขอต่อจากชนิดของการปรบั การยงิ เช่น “เสอื ด�ำ 25 จาก เสือดำ� 27 ปรบั การยงิ , กองพนั ...เปลย่ี น” ค. วธิ ที ่ใี ชใ้ นการกำ� หนดทต่ี ้ังเปา้ หมาย (1) วิธีพิกัดโปล่าร์ ถ้าก�ำหนดที่ตั้งเป้าหมายด้วยวิธีพิกัดโปล่าร์ก็ระบุว่า “โปล่าร์” ในค�ำส่ังเตอื น เช่น “เสือดำ� 25 จาก เสือด�ำ 27 ปรบั การยงิ โปลา่ ร์ เปลย่ี น” (2) วิธีย้ายจากจุดท่ีทราบหลักฐาน ถ้าก�ำหนดที่ต้ังเป้าหมายด้วยวิธีย้าย จากจดุ ท่ที ราบหลักฐานกร็ ะบุไปว่า “จาก... (จุดที่ทราบ)” เช่น
“เสือดำ� 25 จาก เสอื ด�ำ 27 เห ่ลาทหาร ้มา 181 ยิงหาผล จาก กช.001 เปล่ยี น” (3) วธิ พี กิ ดั ตาราง ถา้ กำ� หนดทต่ี ง้ั เปา้ หมายดว้ ยวธิ พี กิ ดั ตาราง ไมต่ อ้ งระบวุ า่ “พิกัดตารางไว้” ในค�ำส่ังเตือน (ถ้าไม่ระบุการก�ำหนดท่ีต้ังเป้าหมายด้วยวิธีโปล่าร์หรือ วิธยี ้ายจากจดุ ทที่ ราบให้หมายความว่า เป็นการก�ำหนดทต่ี ง้ั เป้าหมายด้วยวิธีพิกดั ) เช่น “เสอื ดำ� 25 จาก เสือดำ� 27 ปรับการยงิ เปลีย่ น” การก�ำหนดท่ตี ง้ั เป้าหมาย องค์ประกอบในการก�ำหนดท่ีตั้งเป้าหมายแต่ละวิธีเช่นเดียวกับท่ีกล่าวมาแล้ว ในบทก่อน ลกั ษณะเป้าหมาย ผู้ตรวจการณ์ควรบอกลกั ษณะเป้าหมายส้นั ๆ แต่ให้ได้ความชัดเจน ข้อสำ� คญั ควรจะบอก ก. ชนดิ ของเปา้ หมาย เปา้ หมายนน้ั เปน็ อะไร เชน่ ทหาร, ยานพาหนะ, รถถงั , คลงั สิ่งอปุ กรณ์ เป็นต้น ข. จ�ำนวนของเป้าหมาย เป้าหมายนั้นมีจ�ำนวนเท่าไร เช่น หมู่, หมวด, รถบรรทุก 3 คนั เป็นต้น ค. การเคล่ือนไหวของเป้าหมาย เป้าหมายน้ันก�ำลังท�ำอะไร เช่น ก�ำลัง ขุดหลุม, กำ� ลังเคลอื่ นท่ี หรืออยู่ในท่รี วมพล ง. การปอ้ งกันของเป้าหมาย เป้าหมายนน้ั อยู่ในหลมุ บคุ คล, อยู่ในบังเกอร์ หรืออยู่ในทโ่ี ล่งแจ้ง เป็นต้น วธิ โี จมตี เป็นวิธีการต่าง ๆ ที่ต้องการใช้ในการโจมตเี ป้าหมาย ซ่ึงประกอบด้วยชนิดของ การปรบั ยงิ , กระสนุ วิถ,ี กระสนุ , ชนวน และการวางต�ำบลระเบิด (กรวยพ้ืนยิง) วธิ ียงิ และการควบคุม ก. วิธียงิ ในการยงิ เป็นพน้ื ทป่ี กตใิ ช้ ป. 1 กระบอก ท�ำการปรับ ข. วธิ ีควบคมุ (1) “ตามค�ำส่ังข้าพเจ้า” เม่ือผู้ตรวจการณ์ต้องการควบคุมเวลาท่ีจะยิง ให้ระบุว่า “ตามค�ำส่ังข้าพเจ้า” ศูนย์อ�ำนวยการยิงจะบอกผู้ตรวจการณ์ให้ทราบเมื่อปืน พร้อมทจี่ ะยงิ เช่น
182 เหล่าทหารมา้ “กองรอ้ ย พร้อม เปลย่ี น” และเมื่อผู้ตรวจการณ์พร้อมท่ีจะให้ยิงก็บอกว่า “ยิง” ปืนจะยิงตามค�ำส่ัง ของผู้ตรวจการณ์ไปเรอ่ื ย ๆ จนกว่าผู้ตรวจการณ์จะบอกว่า “ยกเลกิ ตามคำ� สั่งขา้ พเจ้า เปลีย่ น” (2) “ตรวจไมไ่ ด้” เมื่อผู้ตรวจการณ์ไม่สามารถปรับการยิงได้ แต่มเี หตผุ ล เชื่อได้แน่นอนว่า ณ ท่ีน้ันมีเป้าหมายอยู่จริง และมีความส�ำคัญเพียงพอท่ีจะท�ำการยิง ในกรณีน้ี ผู้ตรวจการณ์จะขอให้ท�ำการยงิ หาผล และระบไุ ปว่า “ตรวจไม่ได้” ตวั อยา่ งและวรรคตอนสง่ ค�ำขอยงิ ก. ไม่ว่าจะก�ำหนดทต่ี งั้ เป้าหมายด้วยวธิ ีใด ผู้ตรวจการณ์ควรแบ่งส่งคำ� ขอยงิ เป็น 3 ส่วน (เมอ่ื ส่งไปแต่ละส่วนแล้ว ศนู ย์อ�ำนวยการยิงจงึ ทวนกลับ) คือ (1) การแสดงตนและค�ำส่ังเตือน (2) หลกั ฐานในการก�ำหนดทต่ี ง้ั เป้าหมายทง้ั หมด (3) องค์ประกอบทเ่ี หลอื ท้ังหมดของค�ำขอยงิ “อนิ ทรยี ์ จาก เสือด�ำ ปรบั การยงิ โปล่าร์ เปล่ียน” “มมุ ภาค 4560 ระยะ 2000 ต่�ำลง 40 เปลีย่ น” “ผกค. ประมาณ 100 คน กำ� ลงั ยึดสถานรี ถไฟ ชนวนไวและวที ี ในการยงิ หาผล เปลี่ยน” ปรับการยงิ โดยผตู้ รวจการณท์ างพน้ื ดิน
5. การปรบั การยิงเปน็ พ้ืนที่ เห ่ลาทหาร ้มา 183 1. ชนดิ ของการปรับการยิง การปรบั การยงิ มี 2 ชนิด คอื การยงิ เป็นพน้ื ท่ี และการยิงประณีต การปรบั การยงิ ทเ่ี หลา่ ทหารพลรบควรสนใจและทำ� ความเขา้ ใจเพอ่ื นำ� ไปปฏบิ ตั คิ อื “การปรบั การยงิ เปน็ พน้ื ท่”ี 2. ความมุ่งหมายในการยงิ เปน็ พื้นท่ี เพื่อให้กระสนุ ตกครอบคลมุ เป้าหมายท่ีท�ำการยงิ อย่างหนาแน่น ให้บังเกดิ ผลตอ่ เปา้ หมายมากทส่ี ดุ เทา่ ทจ่ี ะมากได้ เพอ่ื ตดั รอนกำ� ลงั ขา้ ศกึ และบงั คบั ใหข้ า้ ศกึ เปลยี่ น หรือหนั เหความต้งั ใจในการปฏบิ ตั ภิ ารกจิ นั้น ๆ 3. ความมงุ่ หมายในการปรบั การยิงเป็นพ้ืนท่ี เพ่อื ให้ได้ทางทิศ ทางระยะทีถ่ กู ต้อง ซ่ึงจะท�ำให้การยงิ บังเกดิ ผล ก. ทางทิศถกู ต้อง คือ ทศิ ทางทต่ี �ำบลระเบิดตกอยู่ในแนว ตม. ข. ทางระยะถกู ต้อง คอื ระยะก่งึ กลางห้วงควบทเ่ี หมาะ (ปกติ 100 เมตร) 4. ขั้นการยงิ เป็นพนื้ ท่ี มี 2 ขนั้ ก. ขนั้ ปรบั การยิง เร่มิ เมือ่ กระสุนนัดแรกกระทบพื้น และสนิ้ สุดเมอ่ื เข้าข้นั ยงิ หาผล ข. ขนั้ ยงิ หาผล เรมิ่ เมอ่ื จบขน้ั ปรบั การยงิ และสนิ้ สดุ เมอ่ื ไดผ้ ลตามตอ้ งการ 5. การด�ำเนินการปรบั การยิงเปน็ พนื้ ที่ ก. ขั้นปรับการยิง (1) การปรับทางทศิ
(ข) การแก้ ให้เอาแฟคเตอร์ ตม. (ฟตม.) คณู กบั มมุ ขา้ งทวี่ ดั ไดเ้ ป็น มลิ . ผลลัพธ์ทไี่ ด้เป็นตวั แก้ทางข้างเป็นเมตร (ระยะทิศ) - ฟตม. คอื ระยะจากผตู้ รวจการณถ์ งึ เปา้ หมายทจ่ี ะทำ� การยงิ คดิ เปน็ กโิ ลเมตร น่นั คือ ระ ย1ะ00-ต 0มถ.้าระยะ ตม. ตั้งแต่ 1,000 เมตรขน้ึ ไป ให้ใช้ค่าเป็นจ�ำนวนเต็ม และเศษทศนยิ ม 1 ตำ� แหนง่ เชน่ ระยะ ตม. 1,000 เมตร, ตม. เทา่ กบั 1, ระยะ ตม. 1,500 เมตร ฟตม. เท่ากบั 1.5, ระยะ ตม. 2,500 เมตร ฟตม. เท่ากับ 2.5 เป็นต้น - ถ้าระยะ ตม. น้อยกว่า 1,000 เมตร ให้ใช้ค่าทศนยิ ม 1 ตำ� แหน่ง เช่น ระยะ ตม. 800 เมตร ตม. เท่ากับ .8 เป็นต้น (2) การปรับทางระยะ 184 เหล่าทหารมา้ การตรวจ การแก้ หน้า เพ่ิม หลัง ลด เป้าหมาย (ผลการตรวจน้ี ยิงหาผลใช้เฉพาะการยิงประณีตเท่านน้ั ) สงสยั ไม่แก้ทางระยะ (แต่แก้ทางทศิ ) หาย ยิงซำ้� , กระสนุ ควันขาว ยงิ ซ�้ำ (3) หว้ งควบ คอื ระยะระหวา่ งตำ� บลระเบดิ 2 นดั ซงึ่ นดั หนงึ่ ตกหลงั และ อกี นัดหนง่ึ ตกหน้าเป้าหมาย
(ก) การสร้างห้วงควบ เป็นวิธีการปรับการยิงอย่างหน่ึงซ่ึงอาศัยการสร้าง เห ่ลาทหาร ้มา 185 หว้ งควบโดยการไดผ้ ลการตรวจเปน็ หนา้ และหลงั ตามแนวตรวจการณ์ จากนนั้ กผ็ า่ หว้ งควบ จนกระท่งั ถกู เป้าหมายหรอื ได้ห้วงควบตามทีต่ ้องการ (ข) ถ้าได้ผลการตรวจทางระยะแน่ชัดครั้งแรก ผู้ตรวจการณ์ก็ควรแก้ทาง ระยะเพอื่ จะใหไ้ ดร้ ะยะ ตม. 2000 เมตรขนึ้ ไป ใชห้ ว้ งควบ 200 สำ� หรบั ระยะ ตม. 1000 - 1899 เมตร และใชห้ ว้ งควบ 100 สำ� หรบั ระยะ ตม. 0 - 899 เมตร (หลกั นยิ มในการแกท้ างพจิ ารณา ใช้ห้วงควบระยะคอื 400 200 100 เมตร) และด�ำเนนิ การผ่าห้วงควบจนกระทง่ั ได้ห้วงควบ ที่เหมาะ (ปกติ 100 เมตร) ข. ขน้ั ยงิ หาผล (1) การยิงหาผลในภารกิจยิงเป็นพื้นท่ี เป็นการยิงเพ่ือวางจุดปานกลาง มณฑลของกลุ่มต�ำบลระเบดิ ลงบนจดุ ปรบั การยงิ หรอื เป้าหมายเพือ่ ให้ได้ผลตามต้องการ (2) “ยิงหาผล” เป็นข้อความที่ผู้ตรวจการณ์ส่งมาเพื่อแสดงว่าข้ันปรับ การยิงเสรจ็ สน้ิ และต้องการให้ยงิ หาผล (3) เม่ือการยงิ หาผลสน้ิ สุดลง ผู้ตรวจการณ์จะส่งั ไปว่า “จบภารกิจ” และ จะต้องรายงานการยงิ ท�ำลายทต่ี รวจเห็นให้คอยทราบด้วยทกุ ครงั้ (4) จะเริ่มยิงหาผลเมื่อใด? ตามปกติในการยิงเป็นพื้นที่ ผู้ตรวจการณ์ ขอให้ท�ำการยิงหาผลเม่ือเสร็จส้ินการปรับการยิง คือได้ทางทิศ (ทางข้าง) และทางระยะ ถูกต้องแล้ว (ก) ทางทศิ ในชนั้ ปรบั การยงิ จะแกท้ างทศิ เมอื่ ความคลาดเคลอ่ื นทางทศิ ตงั้ แต่ 30 เมตรข้นึ ไป เว้นแต่เม่อื เข้าขั้นยิงหาผล ความคลาดเคล่อื นทางทิศ 10 - 20 เมตร ให้ท�ำการแก้ด้วย
186 เหล่าทหารมา้ (ข) ทางระยะ การปรับทางระยะส้ินสุดลงเมื่อกรณีดังต่อไปน้ี เม่ือได้ ผ่าห้วงควบทางระยะท่เี หมาะ - ถ้าเป้าหมายอยู่กับท่ีมีความลึกเพียงเล็กน้อยและมองเห็นได้ ชดั เจน เหมาะท่จี ะผ่าห้วงควบเม่อื ได้ห้วงควบ 50 เมตร - ถ้าเป้าหมายก�ำลังเคลื่อนท่ีมีความลึกพอควรและมองเห็นไม่ ชัดเจน เหมาะท่จี ะผ่าห้วงควบ 100 เมตร) (5) ผู้ตรวจการณ์ต้องพยายามโจมตีเป้าหมายด้วยกระสุนจ�ำนวนมากให้ เร็วทสี่ ุดเท่าท่จี ะท�ำได้ วิธปี ฏบิ ตั ทิ นี่ ่าจะท�ำได้ คอื (ก) ยิงหาผลชดุ แรก ถ้าก�ำหนดทต่ี งั้ เป้าหมายได้ถูกต้องและคิดว่าเมื่อ ยงิ ชดุ แรกไปแล้วจะบงั เกดิ ผลลงบนเป้าหมายกใ็ ห้ผู้ตรวจการณ์ขอ “ยงิ หาผล” ได้เลย (ข) การยา้ ยชนดิ กลา้ ไดก้ ลา้ เสยี ดว้ ยความมน่ั ใจ เมอื่ กระสนุ นดั แรกทยี่ งิ ไปมีความคลาดเคลื่อนทางทิศ หรือท้ังทางระยะและทางทิศ ถ้าเป็นไปได้ การย้ายเข้าสู่ เป้าหมายเลยทเี ดียวพอท่ีจะวางการยิงท่ไี ด้ผลของกระสนุ ชดุ ต่อไปลงบนเป้าหมายได้ ก็ให้ ย้ายด้วยความมนั่ ใจเข้าสู่เป้าหมายเลยทเี ดยี ว เช่น “ซา้ ย 60, ลด 100, ยงิ หาผล” เป็นต้น ในระยะ 400 เมตร และไม่น้อยกว่า 200 เมตร 6. การปรบั วธิ ียงิ คืน เม่ือผู้ตรวจการณ์ขอปรบั การยงิ ต่อเป้าหมาย ซงึ่ อยู่ใกล้กบั ฝ่ายเราในระยะ 400 เมตร และไม่น้อยกว่า 200 เมตร ควรขอยงิ นดั แรกให้ไปตกในระยะที่ปลอดภัยแก่ฝ่ายเรา ผู้ตรวจการณ์ควรแก้ทางระยะเข้าหาเป้าหมายทลี ะน้อย ๆ โดยพจิ ารณาถึงความปลอดภยั แก่ฝ่ายแรกเป็นสำ� คญั ไม่จำ� เป็นทจ่ี ะพยายามให้ควบเป้าหมายในการแก้คร้งั ต่อ ๆ ไป เม่ือ นำ� ตำ� บลใกลเ้ ปา้ หมาย การตรวจทางระยะอยา่ งแนช่ ดั กระทำ� ไดง้ า่ ยขนึ้ การยา้ ยตำ� บลระเบดิ ทลี ะนอ้ ยอยา่ งปลอดภยั นอ้ี าจทำ� ใหส้ น้ิ เปลอื งกระสนุ และเวลามากกวา่ วธิ สี รา้ งหว้ งควบตาม ปกติ แต่ย่อมมคี วามจ�ำเป็นเพ่อื ประกนั ความปลอดภยั แก่ฝ่ายเรา การปรบั การยิงท่ีกระท�ำ ในลกั ษณะนก้ี ็คือ “การปรับวธิ ียงิ คบื ” และควรใช้เฉพาะภารกิจยงิ อนั ตรายใกล้ฝ่ายเรา
ความจำ� เป็นทตี่ อ้ งท�ำการปรับวธิ ียิงคบื ในเมือ่ ใกลฝ้ ่ายเดียวกัน เห ่ลาทหาร ้มา 187 7. ตัวอย่างคำ�ขอยิงและการปรับการยิงเปน็ พืน้ ที่ ก. การก�ำหนดทตี่ ้งั เป้าหมายโดยวธิ ีพกิ ดั ตาราง (1) ทา่ นตรวจเหน็ ขบวนรถบรรทกุ 6 คนั กำ� ลงั เคลอ่ื นทล่ี งมาทางใต้ มงุ่ หนา้ ไปยงั ทางแยก 139 (หาพกิ ดั ตารางเอาจากรปู ) ใชเ้ ขม็ ทศิ วดั มมุ ภาคไปยงั ทางแยกได้ 6210 มลิ . ท่านส่งคำ� ขอยิงเพ่อื ท�ำการยงิ ต่อเป้าหมายดังนี้
188 เหล่าทหารมา้ “เสอื ด�ำ 18 จาก เสอื ดำ� 44, ยิงหาผล เปลี่ยน” “พิกดั 5615 3720 มมุ ภาค 6210 เปล่ียน” “รถบรรทกุ 6 คัน ก�ำลงั เคล่ือนท่ี กระสุนระเบดิ และกระสุนควนั ขาว ตามข้าพเจ้า, เปลย่ี น” (2) รูปข้างล่างนแ้ี สดงการยงิ หาผลต่อเป้าหมาย, ผลการตรวจการปรับแก้ ข้นั ต่อไปและผลท่ไี ด้ตรวจเหน็ ผลการตรวจ “เป้าหมาย” ผลทไี่ ด้ตรวจเห็นรถบรรทกุ ไฟไหม้ 2 คนั ทเ่ี หลือ กำ� ลังกลบั รถเพ่ือจะหนี การแก้ “ยงิ ซ�้ำ” ไม่แก้ การรายงานผลการยงิ “จบภารกจิ , รถบรรทกุ เสยี หาย 4 คนั ทเ่ี หลอื หนไี ป” (เมื่อยงิ ซ้�ำแล้วได้ผลเป็นท่นี ่าพอใจ, ผู้ตรวจการณ์สง่ั จบภารกจิ ) ข. ก�ำหนดทต่ี ั้งเปา้ หมายโดยวิธีโปล่าร์ (1) ทต่ี รวจการณข์ องทา่ นกรยุ ลงในแผน่ เรขายงิ แลว้ , จดุ ปรบั การยงิ ทห่ี มาย สงู 290 เมตร, ทต่ี รวจการณ์สูง 263 เมตร, ท่านส่งค�ำขอยงิ ดงั น้ี (ดูรปู )
“เสือดำ� 18 เสือด�ำ 44, ปรบั การยิง, โปลา่ ร,์ เปลี่ยน” “มุมภาค 5540, ระยะ 1800, สูงขึน้ 25 เปลยี่ น” “ปนื กล 2 กระบอกกำ� ลังยิง, เปล่ียน” (2) ตามรูปข้างล่างน้ี แสดงถึงต�ำบลระเบิดในข้ันปรับการยิงและข้ันยิง หาผล ผลการตรวจการปรบั แก้ขน้ั ต่อไป และผลทไ่ี ด้ตรวจเหน็ เห ่ลาทหาร ้มา 189
190 เหล่าทหารมา้ ค. การกำ� หนดท่ตี ง้ั เป้าหมายโดยวิธยี ้ายจากจดุ ทที่ ราบหลกั ฐาน (1) ท่ตี รวจการณ์ของท่านไม่ได้กรยุ ลงในแผ่นเรขายิง (ดูรูป) เป้าหมายสงู 378 เมตร, จดุ ท่ีทราบหลักฐาน (ทางแยก 190) สูง 358 เมตร “เสอื ด�ำ 18 จาก เสือดำ� 44 ปรบั การยงิ , จากทางแยก 190 เปลย่ี น” “มมุ ภาค 120, ขวา 170, เพม่ิ 400, สงู ขนึ้ 20 เปลยี่ น” “ผกค. 20 คน ในท่ีแจง้ , ชนวนวถิ ีในการยงิ หาผล, เปลี่ยน” (2) ตามรปู ข้างล่างนไ้ี ดแ้ สดงตำ� บลระเบดิ ใหเ้ หน็ ในชนั้ การปรบั การยงิ และ ในช้นั การยงิ หาผล, ผลการตรวจ, การปรับแก้ขนั้ ต่อไป และผลที่ได้ตรวจเห็น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255