๑. ข้ันสรา้ งความสนใจ ๑) นักเรียนและครูสนทนากันถึงเรื่อง ความส�ำคัญ ของการเรยี นรภู้ าษาไทย และการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง ๒) นกั เรยี นฟังครชู ี้แจงจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓) นักเรียนวางแผนการเรียนรู้เรื่องมาตราภาษาไทย รว่ มกัน ๒. ข้ันดตู ัวอยา่ งแลว้ ทำ� ตาม โดยครูน�ำเสนอตัวอย่าง เช่น บทร้อยกรอง หรือ บทความ หรือแถบประโยคให้ผู้เรียนดูหรือฟังจนจบ แล้วให้ ผเู้ รียนทำ� ตามตวั อย่างทลี ะข้ันจนจบ ๓. ขน้ั เรียนรผู้ ่านเกม เป็นขั้นที่ให้ผู้เรียน เรียนรู้โดยใช้เกมหรือนิทานหรือ เพลง ประกอบเนื้อหาน�ำข้อสังเกตต่าง ๆ จากตัวอย่างมาสรุป เป็นหลกั การ กฎเกณฑห์ รอื นิยามด้วยตวั ผเู้ รยี นเอง ๔. ขน้ั อธิบายค�ำส�ำคัญ เป็นการอธิบายความหมายของค�ำ หรืออธิบาย สิง่ ท่ีผ้เู รยี นได้เรียนรใู้ หเ้ กิดความเขา้ ใจที่ชัดเจนย่งิ ข้ึน เช่น เรียนรู้ เรื่องพยัญชนะ ครูอธิบายเพิ่มเติมว่าเสียงออกมาจากส่วนใด ของอวัยวะในช่องปาก หรืออธิบายความหมายของค�ำศัพท์ ประเภท ชนดิ ของคำ� หรืออืน่ ๆ 94
๕. ข้ันฝกึ ซำ้� เป็นขั้นท่ีให้ผู้เรียนท�ำตามครู เช่น ครูอ่านบทร้อยกรอง หรือ บทความ หรือแถบประโยค แล้วใหผ้ เู้ รียนอา่ นตามอกี ครัง้ ทำ� ซำ้� หลาย ๆ คร้ังจนผ้เู รยี นสามารถเกดิ การเรียนรู้ ๖. ขนั้ น�ำไปใช้ เป็นข้ันร่วมกันสรุปข้อคิดท่ีได้จากการอ่าน โดยการต้ัง ค�ำถามกระตุ้น แต่ไม่ควรให้ในลักษณะบอกค�ำตอบ เพราะ วิธีสอนน้ีมุ่งให้ผู้เรียนได้คิด ท�ำความเข้าใจด้วยตนเอง ควรให้ ผู้เรียนได้ร่วมกันคิดวิเคราะห์เป็นกลุ่มย่อย เพื่อจะได้แลกเปล่ียน ความคิดเหน็ ซ่ึงกนั และกัน โดยเนน้ ใหผ้ ู้เรียนทุกคนมสี ่วนร่วม ๗. ข้นั สรุป เป็นการให้ผู้เรียนท�ำแบบฝึกและครูเฉลยค�ำตอบ ซ่ึงขั้นน้ีช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนน�ำความรู้ท่ีได้รับไปใช้ในชีวิตประจ�ำวัน และจะท�ำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจอย่างลึกซ้ึงย่ิงข้ึน รวมท้ัง เป็นการทดสอบความเข้าใจของผู้เรียนว่าหลักการที่ได้รับน้ัน สามารถน�ำไปใชแ้ กป้ ัญหาและท�ำแบบฝกึ หดั ไดห้ รอื ไม่ สื่อการเรยี นการสอน ๑. แผนภมู ภิ าพ และแผนภูมิ การแจกลกู สะกดค�ำ ๒. แบบฝึกตา่ ง ๆ ๓. สถานการณ์จริง สถานการณ์จำ� ลอง ๔. หนังสืออ่านเสริม ๕. ส่ือออนไลน์ ๖. หนงั สอื อิเล็กทรอนกิ ส ์ ๗. เกมตา่ ง ๆ เพลง นิทาน 95
การวดั และประเมินผล ๑. แบบทดสอบ ๒. สงั เกตการฟัง พูด อ่าน เขยี น ๓. สงั เกตการตอบคำ� ถาม ผลสำ� เรจ็ ๑. ดา้ นผู้เรยี น ๑) ผเู้ รยี นสามารถอ่านออก เขยี นได้และใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารได้ ๒) ผูเ้ รียนสนใจเรยี น แสวงหาความรู้จากแหล่งเรยี นรู้ต่าง ๆ ไดม้ ากขึ้น ๓) ผู้เรยี นมนี สิ ยั รกั การอ่าน ๔) ผู้เรยี นกลา้ แสดงออกดว้ ยความมั่นใจ ร่าเรงิ แจม่ ใส มีมนษุ ยสัมพนั ธ์ท่ีดตี ่อผ้อู ืน่ ๕) ผ้เู รียนสามารถเข้ากับเพื่อนและสถานการณ์ตา่ ง ๆ ไดด้ ี ๒. ด้านครผู สู้ อน ๑) ครูสามารถจัดกระบวนการเรยี นรู้ได้อย่างเปน็ ระบบ ๒) สามารถเป็นแบบอย่างได้ ๓. โรงเรียน/ชมุ ชน ๑) ผู้ปกครองมคี วามพงึ พอใจและเห็นความสำ� คญั ของการศึกษา ๒) ผู้ปกครองให้ความสนใจและใหค้ วามรว่ มมือกับโรงเรยี นมากขึน้ ปจั จยั สูค่ วามส�ำเรจ็ ๑. ภายใน ๑) ผบู้ รหิ ารใหค้ วามส�ำคญั ต่อการแก้ปัญหาการอา่ นออกเขียนไดข้ องผเู้ รยี น ๒) ผู้บรหิ ารให้การสนบั สนนุ งบประมาณ ๓) ครผู ู้สอนมีความตง้ั ใจและมคี วามรับผิดชอบสงู ๒. ภายนอก ๑) ผปู้ กครองให้ความสนใจและสนบั สนุนในการแก้ปัญหาอ่านออกเขียนได้ของผ้เู รยี น ๒) องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ ให้ความส�ำคัญและสนบั สนนุ งบประมาณในการจดั การศกึ ษา 96
ข้อเสนอแนะ ๑. ในการจดั กระบวนการเรยี นร้ตู ามรปู แบบการสอนสุนันท์สเุ ณร์ ในแต่ละขน้ั ตอนน้นั ครผู ู้สอน ไมค่ วรเรง่ รบี หากผู้เรียนไม่เข้าใจเนือ้ หาในขั้นตอนใด ครผู ู้สอนสามารถยอ้ นกลบั ไปสอนใหม่ได้ ๒. ครคู วรใช้สือ่ ประกอบการสอนทกุ ขัน้ ตอน ๓. ครูควรมกี ารเตรียมการสอนไวล้ ว่ งหน้า 97
แผนการจัดการเรยี นรู้ กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ เรอ่ื งสระพ้ืนฐานชดุ ท่ี ๑ สระอะ อา อิ อี อุ อ ู เวลา ๑๕ ช่วั โมง แผนที่ ๕ บทร้องเลน่ กินจุ เวลา ๑ ช่วั โมง สอนวนั ที.่ ..............เดือน...........................พ. ศ.................. ผสู้ อน..................................... _แ_ผ_น_ก_า_ร_ส_อ_น_ช__ุด_น_ี้ใ_ช_ร้ _ูป_แ_บ_บ__ก_า_ร_ส_อ_น__แ_บ_บ_ส_นุ__นั _ท_ส์ _ุเ_ณ_ร_์____________________________________ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือน�ำไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหา ในการด�ำเนินชีวติ และมนี สิ ัยรกั การอ่าน ตวั ชวี้ ัด ป.๑/๑ อา่ นออกเสียงค�ำ ค�ำคลอ้ งจองและขอ้ ความสน้ั ๆ สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย อย่างเห็นคณุ ค่าและน�ำมาประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ ตวั ชี้วัด ป.๑/๒ ท่องจำ� บทอาขยานตามทกี่ ำ� หนด และบทรอ้ ยกรองตามความสนใจ สาระส�ำคญั การร้อง บทร้องเล่นพร้อมกับตบมือหรือเคล่ือนไหวด้วยท่าทางต่าง ๆ ช่วยกระตุ้นให้สมองฝึก การออกเสยี งจัดจงั หวะ รวมทัง้ เป็นการกระตนุ้ ความสามารถในการจดจำ� การพัฒนาการเรยี นรู้อยา่ งจรงิ จัง สาระการเรยี นรู้ ๑. บทรอ้ งเลน่ “กนิ จุ” จุดประสงค์ ๑. นักเรียนสามารถอา่ นบทร้องเลน่ กนิ จุ ไดถ้ ูกต้อง ๒. นักเรียนสามารถฝกึ แจกลูกสะกดค�ำสระ อุ ได้ถูกต้อง ๓. นกั เรยี นมคี วามสขุ ในการเรียนรู้ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ สมรรถนะ ความสามารถในการคิด 98
กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ที่ ๑ ขนั้ สรา้ งความสนใจ n ครูกับนักเรยี นร่วมสนทนาเร่อื งการรับประทานอาหารท่ีมปี ระโยชน์ แล้วใหน้ ักเรียน ทำ� กจิ กรรม Brain Gym เพ่ือสร้างความพร้อมและความสนใจให้กับนักเรยี น ขน้ั ท่ี ๒ ขั้นดูตัวอยา่ งแล้วทำ� ตาม ๑. ครใู หน้ ักเรยี นดูและฟังการอา่ นบทร้องเล่น “กินจุ” จาก youtube แลว้ ใหน้ กั เรียน อ่านตาม ใน youtube ๒. ครูน�ำเสนอแผนภูมิบทร้องเล่น “กินจุ” ให้นักเรียนอ่านตามครู ๒ - ๓ เที่ยว หลังจากน้ันนักเรียนอ่านพร้อมกับครู ๒ - ๓ เที่ยว ให้นักเรียนอ่านเองพร้อมกันท้ังห้อง ๒ - ๓ เที่ยว และใหน้ กั เรียนอ่านเองทลี ะคนตามลำ� ดับ โดยท�ำตามตัวอย่างทลี ะขั้นจนจบ ขน้ั ท่ี ๓ ขั้นเรียนรผู้ า่ นเกม n ครใู ห้นักเรียนเลน่ เกมแข่งขันการเรยี งคำ� ให้เป็นประโยคโดยมอี ปุ กรณ์ ได้แก่ n บัตรคำ� คำ� วา่ กนิ , จุ, จน, อว้ น, ฉ,ุ มุ, ทะ, ล,ุ อย่า, ด,ุ ซิ, ถา้ , ลงิ , กนิ , กะ, ป,ิ คอย, ด,ู ซ,ิ ลิง,ด,ุ นัก n วิธีเลน่ ๑. ครูตดิ บตั รคำ� บนกระดานแมเ่ หลก็ ๒. ให้นักเรียนไปหยบิ บัตรค�ำคนละ ๒ แผน่ ๓. ครูออกค�ำส่งั ให้นกั เรยี นเรียงค�ำใหเ้ ปน็ ประโยค ๔. ใครเรียงไดถ้ ูกตอ้ งและหมดก่อนเปน็ ผ้ชู นะ ข้ันท่ี ๔ ข้นั อธิบายคำ� สำ� คัญ ๑. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อธบิ ายความหมายของคำ� เช่น จุ หมายถึง จำ� นวนทบี่ รรจหุ รอื ใส่ลงไป ฉุ หมายถงึ อว้ น ดุ หมายถึง น่ากลวั ลุ หมายถงึ สำ� เรจ็ ทุ หมายถึง แตก หรอื ผดุ ออกมาดว้ ยแรงดัน ๒. นักเรยี นฝึกการแจกลูกสะกดค�ำ ค�ำทป่ี ระสมด้วยสระ อุ ขั้นที่ ๕ ขั้นฝกึ ซ�้ำ ให้นักเรียนอา่ นแผนภูมบิ ทรอ้ งเลน่ กินจุ ตามครแู ละฝกึ อ่านเป็นรายบุคคลหลาย ๆ ครง้ั จนนกั เรียนเกดิ การเรยี นรู้ ขน้ั ท่ี ๖ ขนั้ นำ� ไปใช้ ให้นักเรียนท�ำใบงานหรือแบบฝึกหัดท่ีเกี่ยวข้องกับสระอุ และครูเฉลยค�ำตอบ ให้นักเรียนดู ข้นั ที่ ๗ ข้นั สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปข้อคิดท่ีได้จากแผนภูมิบทร้องเล่น กินจุ และการอ่าน แผนภมู ิการแจกลูกสะกดคำ� 99
ส่อื และแหล่งเรยี นรู้ ๑. แผนภูมิ การอ่านบทร้องเลน่ กนิ จุ ๒. แผนภมู ิ การแจกลกู สะกดคำ� ๓. บตั รคำ� ๔. แบบฝึก “เร่อื งการใชค้ ำ� ท่ปี ระสมดว้ ยสระ อ”ุ การวดั ผลประเมินผลการเรียนรู้ ๑. ทดสอบการอ่านแจกลูกสะกดคำ� สระ อุ ๒. ทดสอบการอา่ นบทรอ้ งเล่น กนิ จุ ๓. ทดสอบการเขียนจากการท�ำแบบฝกึ เครื่องมอื การวดั ผลประเมนิ ผล ๑. แบบทดสอบการอา่ นแจกลูกสะกดคำ� สระ อุ ๒. แบบทดสอบการอา่ นบทร้องเลน่ กินจุ ๓. แบบทดสอบการเขยี นจากการท�ำใบงาน ๔. แบบบนั ทึกการอ่าน ๕. แบบบันทกึ การเขยี น 100
แผนภูมกิ ารอา่ นบทรอ้ งเลน่ สระ อุ กนิ จุ กนิ จุ จน อว้ น ฉุ มุ ทะ ล ุ อย่า ด ุ ซิ ถ้า ลงิ กนิ กะ ปิ คอย ดู ซ ิ ลิง ดุ นกั (จากหนังสืออ่านออกเขยี นได้ หน้า ๕๒ ของทานปญั ญา) แผนภมู ิการฝึกแจกลูกสะกดค�ำ (พยัญชนะ) ก จ ด ต บ ป อ สระ -ุ (สระ) -ุ (คำ� สำ� หรับอ่านแจกลกู สะกดค�ำ) กุ ก - ุ กุ จ ุ จ - ุ จ ุ ดุ ด -ุ ดุ ต ุ ต - ุ ต ุ บุ บ -ุ บุ ปุ ป - ุ ปุ อุ อ - ุ อุ กุ จุ ด ุ ต ุ บ ุ ปุ อุ ตาด ี กะดะ อกี าดุ กะปะ กะป ิ ปีติ อุตุ 101
แบบฝึกส�ำหรบั นักเรยี น ค�ำสั่ง ใหน้ ักเรียนนำ� ค�ำต่อไปน้ีไปเตมิ ในช่องว่าง ยุ ดุ ทุ ลุ มุ จุ สุ ฉุ กินจุ กนิ ..... จน อว้ น ...... ...... ทะ ..... อยา่ ...... ซิ ถ้า ลงิ กิน กะ ปิ คอย ด ู ซิ ลิง ....... นัก เฉลยคำ� ตอบ กินจุ กิน ..จุ... จน อว้ น ...ฉุ... ..มุ.... ทะ ...ล.ุ . อยา่ ....ดุ.. ซิ ถ้า ลงิ กนิ กะ ปิ คอย ดู ซ ิ ลิง ...ด.ุ ... นกั 102
บัตรค�ำ จุ ฉุ มุ ดุ ลุ ทุ เกม แข่งขันการเรียงค�ำให้เป็นประโยค อุปกรณ์ : บตั รค�ำ (กนิ , จ,ุ จน, อ้วน, ฉุ, มุ, ทะ, ล,ุ อย่า, ดุ, ซ,ิ ถ้า, ลิง, กนิ , กะ, ปิ, คอย, ดู, ซ,ิ ลงิ , ด,ุ นกั ) วธิ ีเลน่ : ๑. ครูตดิ บัตรค�ำบนกระดานแม่เหลก็ ๒. ให้นักเรียนไปหยบิ บัตรค�ำคนละ ๒ แผน่ ๓. ครูออกคำ� ส่งั ให้นกั เรยี นไปเรยี งค�ำให้เปน็ ประโยค ๔. ใครตดิ ไดถ้ ูกต้องและหมดก่อนเปน็ ผูช้ นะ 103
แบบทดสอบสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๑ คำ� ชีแ้ จง แบบทดสอบน้ีมี ๓ ตอน ดงั นี้ ตอนท่ี ๑ อ่านแจกลกู สะกดคำ� สระอุ จ�ำนวน ๑๐ คำ� ตอนที่ ๒ อา่ นบทร้องเลน่ กินจุ ตอนท่ี ๓ เขียนตามคำ� บอกคำ� ทมี่ สี ระอุ ตอนที่ ๑ อ่านแจกลูกสะกดคำ� สระอุ จ�ำนวน ๑๐ ค�ำ ค�ำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นอา่ นแจกลกู สะกดคำ� ต่อไปน้โี ดยท�ำเครื่องหมาย ✓ เมื่อนกั เรยี นสะกดถูกและ ท�ำเครอ่ื งหมาย X เมื่อนักเรียนสะกดผิดลงในชอ่ งวา่ ง ตวั อยา่ ง คุ สะกดว่า ค -ุ ค ุ ข้อ ค�ำ ช่องทำ� เคร่อื งหมาย ขอ้ คำ� ช่องทำ� เครอ่ื งหมาย ๑ กุ ๖ ตุ ๒ ฉุ ๗ นุ ๓ ดุ ๘ มุ ๔ ทุ ๙ ลุ ๕ ปุ ๑๐ ยุ ตอนท่ี ๒ อา่ นบทรอ้ งเล่นกินจุ ค�ำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านออกเสียงบทร้องเล่นกินจุ นักเรียนอ่านได้ถูกต้อง ให้คะแนนค�ำละ ๑ คะแนน กนิ จุ กนิ จ ุ จน อ้วน ฉุ ม ุ ทะ ลุ อย่า ดุ ซิ ถ้า ลิง กนิ กะ ปิ คอย ดู ซ ิ ลิง ด ุ นัก (จากหนงั สอื อา่ นออกเขียนได้ หนา้ ๕๒ ของทานปญั ญา) เกณฑ์การใหค้ ะแนน ตอนที่ ๓ เขียนตามค�ำบอกค�ำทีม่ ีสระอุ คำ� ช้ีแจง ให้นกั เรียนเขยี นตามคำ� บอก จำ� นวน ๑๐ ค�ำ โดยครูอ่านคำ� ให้นักเรียนฟังค�ำละ ๒ ครงั้ ค�ำส�ำหรบั เขยี นตามคำ� บอก กุ ตุ ดุ มุ ทุ ยุ ลุ นุ ปุ ทุ 104
แบบบนั ทกึ การอา่ น ค�ำช้ีแจง ให้นักเรียนอ่านแจกลูกสะกดค�ำต่อไปนี้โดยท�ำเคร่ืองหมาย ✓ เมื่อนักเรียนสะกดถูก และทำ� เครื่องหมาย X เมื่อนกั เรียนสะกดผิดลงในช่องว่าง ตัวอย่าง คุ สะกดว่า ค -ุ ค ุ ที่ ชอ่ื - สกลุ กุ ฉุ ดุ ทุ ค�ำ นุ มุ ลุ ยุ รวม หมายเหตุ ปุ ตุ ลงชื่อ...........................................................ผู้ประเมนิ (...........................................................) เกณฑก์ ารประเมนิ นกั เรยี นต้องอา่ นใหไ้ ด้ ร้อยละ ๗๐ แบบบันทกึ การเขยี นตามค�ำบอก คำ� ชแ้ี จง ครอู ่านค�ำ คำ� ละ ๒ คร้งั แลว้ ให้นักเรียนเขยี นตามคำ� บอก ท่ี ชอ่ื - สกุล กุ ฉุ ดุ ทุ คำ� นุ มุ ลุ ยุ รวม หมายเหตุ ปุ ตุ ลงชอ่ื ...........................................................ผ้ปู ระเมนิ (...........................................................) เกณฑก์ ารประเมนิ นักเรยี นตอ้ งเขยี นให้ได้ รอ้ ยละ ๗๐ 105
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีสอดคลอ้ ง กับกระบวนการท�ำงานของสมอง (Brain - Based Learning : BBL) “ชนเผ่า ม้ง/เมย่ี น/เหนอื /อีสาน” โดย: มกุ ดา วิชา ครูโรงเรยี นบา้ นแวนโคง้ สพป.พะเยา เขต ๒ เหตุผลและความจ�ำเป็น จากนโยบายของส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ต้องการให้นักเรียนอ่านออก เขียนได้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ จึงมีความส�ำคัญ เป็นอย่างยิ่ง อันเน่ืองจากภาษาไทยในระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถือได้ว่า เป็นรากฐานท่ีส�ำคัญ ในการพัฒนาทักษะทางด้าน การอ่านออกเขียนได้ของนักเรียน ซ่ึงจะส่งผลต่อการเรียนรู้ในกลุ่มสาระ การเรียนรู้อนื่ ๆ และการเรียนรูใ้ นระดับชั้นทีส่ ูงขึน้ การจัดกิจกรรมการเรียนรสู้ ำ� หรบั นักเรียนทใี่ ชภ้ าษาท้องถ่ิน จึงถือได้ว่าเป็นส่ิงท่ีท้าทายสำ� หรับครูผู้สอนเป็นอย่างมาก เนื่องจากพ้ืนฐานทางภาษาที่เด็กใช้ในชีวิตประจำ� วัน มีความแตกต่างจากภาษาไทย ย่อมก่อให้เกิดปัญหาในการใช้ภาษาไทย ด้านการฟัง การพูด การอ่านและ การเขียน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีสอดคลอ้ งกบั กระบวนการท�ำงานของสมอง (Brain - Based Learning : BBL) ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เป็นแนวทางที่น�ำเข้ามาใช้แก้ปัญหาทางด้านกระบวนการจัด การเรียนรู้ ในหอ้ งเรียน ซง่ึ การจัดกิจกรรมการเรยี นร้ทู ี่สอดคลอ้ งกบั กระบวนการท�ำงานของสมอง เปน็ รปู แบบ การจดั กจิ กรรมทีค่ รตู อ้ งร้จู ักและเข้าใจระบบการท�ำงานของสมองนักเรียน นำ� ไปส่รู ปู แบบของการออกแบบ การเรียนรู้ท่ีหลากหลายน่าสนใจ ตื่นเต้น สนุกสนาน สร้างความท้าทายในการอยากเรียน อยากรู้ ตามธรรมชาตขิ องนักเรยี น กระบวนการเรียนร้เู น้นการฝึกย้�ำ ซ้ำ� ทวน จนสามารถสรา้ งทักษะและองคค์ วามรู้ ใหเ้ กดิ ขนึ้ และคงอย่อู ยา่ งคงทน วตั ถุประสงค์ เพ่อื พฒั นาความสามารถของนกั เรยี นด้านการอ่านออก เขยี นได้ กลุ่มเป้าหมาย นกั เรยี นระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ 106
วธิ กี ารจัดกิจกรรม/กระบวนการจดั การเรยี นการสอน กลมุ่ เป้าหมาย : นกั เรยี นระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ข้นั ตอนกระบวนการจัดการเรียนการสอน ขั้นตอนการสอนทสี่ อดคลอ้ งกับกระบวนการทำ� งานของสมอง ขน้ั อุน่ เครอื่ ง บรหิ ารสมอง (Brain-gym) Warm-up stage ยืดเส้นยดื สาย (stretcher (Energizer)) กิจกรรมเคล่อื นไหว (Movement) เพลง เกม (Song, Games) ข้ันเรียนรู้ กระตุ้นความสนใจด้วยสื่อท่แี ปลกใหม่ ทา้ ทาย (challenging) Learning stage สิ่งที่สอนด้วยต้องมีความหมายใกล้ตัว เช่ือโยงกับบริบทชีวิตจริง (Meaningful) จดั กิจกรรมการเรยี นร้อู ยา่ งหลากหลาย (Multiple Learning Activities) และมบี รรยากาศตน่ื ตัวหรือสนุกเพลิดเพลนิ สรปุ โดยใช้แผนผัง ตาราง กราฟและรหสั ช่วยจำ� (Memory Encoding) ถ้าเป็นไปได้ ขนั้ ฝึก ทำ� การฝึกซ้ำ� ๆ จนเกิดความเขา้ ใจและความชำ� นาญ Practice stage (Practice, Practice and Practice) ปรบั ปรุงและพฒั นาผลงาน โดยใชใ้ บงานและช้ินงานท่กี ้าวหนา้ ขน้ึ (Improvement and Development) ขน้ั สรปุ สรปุ ความคิดรวบยอดของบทเรยี น ซ�้ำอกี คร้งั หนงึ่ Conclusion stage ประเมินผลการเรยี นรู้ตามตัวชีว้ ัด ขั้นนำ� ไปใช้ ประยกุ ต์ใช้ความร้ใู นสถานการณ์ใหม่ เช่น ท�ำใบงานใหม่ ๆ Application stage โครงงานใหม่ ๆ สร้างสรรคผ์ ลงานและชนิ้ งาน 107
สอน BBL งา่ ย ๆ ในแบบครูมกุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่สี อดคล้องกับกระบวนการทำ� งานของสมอง (Brain - Based Learning : BBL) ตามแนวทางของครูมุก สิ่งส�ำคัญคือ นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุขควบคู่กับการสร้างองค์ความรู้ มขี ั้นตอนการสอน ดงั น้ี ๑. ขั้นอ่นุ เครอื่ ง จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้เคลื่อนไหวร่างกายก่อนที่จะเข้าสู่การเรียนรู้ในช่ัวโมงปกติ เพื่อพัฒนาสมาธิในการเรียนให้มีความพร้อมในการท�ำกิจกรรมและกระตุ้นการท�ำงานระหว่างสมองกับ รา่ งกายให้สมั พนั ธ์กนั ดว้ ยการทำ� Brain Gym ๒. ขนั้ เรียนรู้ เป็นการน�ำเสนอเน้ือหา สื่อ ให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมท่ีกระตุ้นความสนใจ ต่ืนเต้น ท้าทาย บรรยากาศตืน่ ตัว สนุกสนานเพลดิ เพลิน จัดกิจกรรมอย่างหลากหลาย และมีรหัสชว่ ยจำ� รหัสช่วยจ�ำ คอื ตัวส่อื หรือเทคนิคการสอนท่คี รูออกแบบขน้ึ เพอ่ื ให้เกิดการเช่อื มโยงระหวา่ ง องค์ความรู้กบั ตวั สือ่ หรอื เทคนิคการสอน ซง่ึ จะทำ� ใหก้ ารเรียนรขู้ องนกั เรยี นคงทนถาวร ตวั อยา่ งรหสั ชว่ ยจ�ำ รหสั ชว่ ยจ�ำ ผลที่เกิด รหสั ช่วยจ�ำ ผลทเี่ กิด สอื่ ท่ีแปลกใหม่ การใช้ปากกาเนน้ ทำ� ให้ นกั เรียนสนใจ ข้อความ ชว่ ยให้ และเช่ือมโยงความรู้ นกั เรยี นเห็นประเดน็ สูเ่ นื้อหาได้ง่าย สำ� คัญของเน้อื หา สามารถจับใจความ การจัดหมชู่ ุดขอ้ มลู ส�ำคัญได้ ดว้ ยสี จะทำ� ให้นักเรียน เห็นความแตกตา่ ง และ การใช้แผนภาพใน จ�ำแนกข้อมูลได้ การจัดกล่มุ ท�ำให้ นกั เรยี นจำ� แนกชุด ของข้อมูลได้ชัดเจน 108
รหสั ชว่ ยจ�ำ ผลทเี่ กดิ รหสั ชว่ ยจำ� ผลท่ีเกิด การเรยี นร้รู ว่ มกับ การนำ� เสนอข้อมลู จังหวะการเคาะ บนพื้นทท่ี ่แี ตกตา่ ง จะทำ� ใหน้ กั เรยี นแมน่ ยำ� ไปจากเดมิ ชว่ ยให้ ในการอา่ นสะกดคำ� นักเรียนเรียนรขู้ อ้ มูลได้ และแจกลูกค�ำ ดขี นึ้ สอื่ ท่ีเดก็ ชอบจะกระตุน้ การจดั ชดุ ข้อมูลไว้บนส่ือ ให้นักเรยี นสนใจ ทน่ี า่ สนใจ ชว่ ยในเรอื่ ง อยากเรียนรู้ มคี วามสุข กระบวนการสรา้ ง ในการเรยี น ความคิดรวบยอดแก่ นกั เรียน สือ่ ทีน่ ำ� เสนอข้อมลู เปน็ รปู ธรรม ท�ำให้นกั เรียน ใหน้ ักเรียนได้มสี ่วนรว่ ม เรยี นรู้ไดเ้ รว็ ขนึ้ ในการแกป้ ญั หาและ ใชส้ อื่ ครบทกุ คน ช่วยให้ การเรยี นรมู้ คี วามคงทน การเคล่ือนที่ของขอ้ มลู สื่อทแี่ ปลกใหม่ ช่วยให้ ช่วยให้นักเรยี นมองเหน็ นกั เรยี นเรยี นร้อู ยา่ งสนุก ภาพเป็นรูปธรรม เชน่ ต่นื เต้น ท้าทาย สระ โอะ หายไปเมื่อมี อยากเรียนรู้ ตวั สะกด 109
๓. ขน้ั ฝึก ๑. เน้นการฝึกเนน้ ยำ้� ซ�ำ้ ทวน จนเกิดองค์ความรู้ หลกั สำ� คญั คอื นักเรยี นต้องไดฝ้ ึกครบทกุ คน โดยมีกระบวนการฝกึ ดงั นี้ • ฝกึ ข้นั ท่ี ๑ ฝกึ ด้วยเกม ไมเ่ กิน ๑๐ นาที เพอื่ กระต้นุ ความสนใจของนักเรียน • ฝึกขั้นท่ี ๒ ฝึกด้วยใบงาน ซึ่งการออกแบบใบงานต้องให้ความส�ำคัญกับเนื้อหา มากกวา่ งานด้านศลิ ปะ ใชเ้ วลาฝกึ ๑๐ - ๒๐ นาที เพ่ือใหเ้ กดิ ความคลอ่ งแคล่ว แมน่ ยำ� 110
๔. ขน้ั สรุป เป็นการสรปุ องคค์ วามรซู้ �้ำอีกครง้ั หน่งึ โดยครูใชค้ ำ� ถามกระตุ้นใหน้ กั เรยี นในหอ้ งเรยี นรว่ มกนั สรุป และใช้ Graphic Organizers (GO) ในการสรุปความคดิ รวบยอดของนกั เรียน ๕. ขนั้ น�ำไปใช้ เป็นการน�ำเอาองค์ความรู้ที่ได้รับมาหลอมรวมแล้วน�ำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่ เช่น ทำ� ใบงานใหม่ ๆ สร้างสรรคผ์ ลงานและชนิ้ งานใหม่ ส่อื การเรยี นการสอนท่ีใช้ ๑. สอื่ ของจรงิ ๒. สื่อมลั ติมเี ดียจาก DLIT ๓. บตั รภาพ ๔. บัตรคำ� ๕. ใบงาน 111
การวัดและประเมนิ ผล ๑. วัดตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั ตัวช้ีวัดและมาตรฐานการเรยี นรู้ ๒. เครอื่ งมอื ท่ใี ชใ้ นการวัดหลากหลาย (ภาคผนวก) การวัดและประเมนิ ผล ๑. แบบบนั ทกึ ผลการประเมนิ การอ่านออกเสยี งค�ำ/การอ่านสะกดคำ� ๒. แบบบันทึกผลการตรวจใบงาน ๓. แบบบนั ทึกผลการประเมินมารยาทในการเขียน ๔. แบบบนั ทกึ ผลการประเมินมารยาทในการฟัง ดู และการพดู ๕. แบบสังเกตการเลา่ เรอื่ ง ผลส�ำเร็จ ๑. ดา้ นผ้เู รยี น ๑) นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมินด้านการอ่านออก เขียนได้ โดยใช้เครื่องมือจากส่วนกลาง คดิ เปน็ ๑๐๐% ๒) นักเรียนมที กั ษะทางด้านกระบวนการท�ำงาน ๒. ด้านครผู ู้สอน ๑) นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมินด้านการอ่านออก เขียนได้ โดยใช้เครื่องมือจากส่วนกลาง คิดเปน็ ๑๐๐% ๒) นักเรยี นมีทกั ษะทางดา้ นกระบวนการทำ� งาน ๓. โรงเรยี น/ชมุ ชน ๑) โรงเรียนกลายเป็นแหล่งศึกษาดูงานด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับการท�ำงาน ของสมอง (Brain - Based Learning : BBL) โดยปีการศึกษา ๒๕๕๘ มีหน่วยงานที่เข้ามาศึกษาดูงาน จ�ำนวน ๘๒ คณะ จำ� นวน ๓,๔๔๘ คน ๒) ผู้ปกครอง ชุมชน หน่วยงานต้นสังกัด มีความพึงพอใจต่อผลท่ีเกิดข้ึนจากการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 112
ปัจจยั สู่ความส�ำเรจ็ ๑. ภายใน ๑) นกั เรยี น หวั ใจสำ� คัญในการพลิกรูปแบบกระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๒) แรงบนั ดาลใจในการพัฒนาความสามารถทางดา้ นการอา่ นออก เขียนได้ ๒. ภายนอก ๑) นโยบายด้านการอา่ นออก เขียนได้ ๒) สังคมแห่งกัลยาณมิตร ซ่ึงเป็นสังคมแห่งโลกออนไลน์และเป็นช่องทางในการแบ่งปัน ประสบการณแ์ ก่ผบู้ ริหาร เพื่อนครู ผูป้ กครอง ผู้ทส่ี นใจ ข้อเสนอแนะ ๑) สื่อการสอนต้องตรงเนื้อหา ตรงประเด็นให้สามารถพัฒนาสมอง ครบทั้ง ๔ ส่วน คือ สมองส่วนหน้า ส่วนรับสัมผัส ส่วนรับภาพและส่วนรับเสียง ใช้วัสดุท่ีแปลกใหม่ น่าสนใจ สามารถน�ำกลับ มาใชใ้ หม่ได้ และนกั เรยี นทุกคนในชั้นเรยี นเป็นผสู้ รา้ งและใช้สือ่ ด้วยตนเอง ๒) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับกระบวนการท�ำงานของสมอง (Brain - Based Learning : BBL) ครผู สู้ อนควรศกึ ษาและท�ำความเข้าใจในด้านตา่ ง ๆ ดงั น้ี ใหช้ ดั เจน กุญแจดอกท่ี ๒ หอ้ งเรียนเปล่ียนสมอง กญุ แจดอกที่ ๓ กระบวนการเรยี นรู้ กุญแจดอกที่ ๔ หนงั สอื เรียนและใบงาน กญุ แจดอกที่ ๕ ส่อื และนวัตกรรมการเรยี นรู้ การท่ีครูผู้สอนมีความรู้ความเข้าใจตามกุญแจดอกท่ี ๒ - ๔ จะท�ำให้ครูสามารถออกแบบ การเรียนรู้ได้ตรงตามจดุ ประสงคข์ องการเรียนรู้และสอดคลอ้ งกบั การทำ� งานของสมอง อันจะน�ำพานักเรยี น ทกุ คนในช้นั เรยี นใหส้ ามารถกา้ วข้ามการอ่านไม่ออก การเขยี นไมไ่ ด้ “รอยย้ิมแรกแห่งความหวังของนักเรียนเบ่งบานข้ึน เมื่อการอ่านของเขาได้เร่ิมต้นข้ึน อย่างสวยสดงดงาม ภาพแห่งความภาคภูมิใจจากการอ่านออกของนักเรียนยังคงตราตรึงอยู่ใน ความทรงจ�ำของครูมิรู้วาย เพราะครูเป็นผู้สร้างส่ิงเหล่าน้ีให้เกิดข้ึนกับนักเรียน อ่านออก เขียนได้ เร่ิมตน้ ทีห่ วั ใจแห่งความเป็นครู” 113
แผนการจดั การเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑ เร่ือง กา้ วแรกสระไทย เวลา ๓๒ ช่ัวโมง แผนที่ ๑ เร่ือง บทร้องเลน่ คณุ ป้า เวลา ๑ ชว่ั โมง ส__อ_น_ว_นั _ท_ี่_._.._.._..._._เ_ด_ือ_น_._.._.._.._..._.._.._.._.._.._._พ_._ศ_._.._.._.._.._.._.._.._. _____________________ผ_สู้ _อ_น__น_า_ง_ม_กุ _ด_า__ว_ิช_า__ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคดิ เพอ่ื น�ำไปใชต้ ัดสนิ ใจ แกป้ ญั หา ในการดำ� เนินชีวติ และมนี สิ ัยรกั การอ่าน ตวั ชวี้ ดั ป๑/๑ อา่ นออกเสียงคำ� คำ� คล้องจอง และข้อความสน้ั ๆ สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย อยา่ งเหน็ คุณคา่ และน�ำมาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ จริง ตัวชว้ี ัด ป๑/๒ ทอ่ งจ�ำบทอาขยานตามที่ก�ำหนดและบทร้อยกรองตามความสนใจ สาระสำ� คญั การร้องบทร้องเล่น พร้อมกับตบมือหรือเคล่ือนไหวด้วยท่าทางต่าง ๆ ช่วยกระตุ้นให้สมอง ฝึกการอ่านออกเสียงค�ำ จัดจังหวะ รวมทั้งการสร้างความสามารถในการจดจ�ำเป็นการพัฒนาวงจร การเรยี นร้อู ยา่ งจรงิ จงั อันเปน็ ฐานในการเรยี นรู้ฉันทลักษณ์ สาระการเรยี นรู้ บทร้องเล่น คุณปา้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ นักเรียนสามารถทอ่ งจ�ำบทร้องเล่น คณุ ปา้ ไดถ้ กู ตอ้ ง คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ สมรรถนะทีส่ ำ� คัญ ความสามารถในการคิด กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั อนุ่ เคร่อื ง ๑. นกั เรยี นทำ� กิจกรรมขยับกาย ขยายสมอง เพลง พระอาทิตย์ย้ิมแฉง่ ข้ันเรียนรู้ ๒. ครสู นทนากบั นักเรยี นเกยี่ วกบั บทร้องเลน่ ท่ีนกั เรยี นเคยเลน่ และรูจ้ ัก เชน่ แม่งเู อ๋ย มอญซอ่ นผา้ นกั เรยี นทอ่ งใหค้ รฟู งั หากมีทา่ ประกอบใหน้ ักเรียนทำ� ท่าประกอบบทรอ้ งเล่นด้วย ๓. ครชู ีแ้ จงให้นักเรียนทราบว่า ครมู บี ทร้องเลน่ ใหม่มาใหน้ กั เรียนรูจ้ กั ๔. ครูทอ่ งบทรอ้ งเล่น คุณปา้ ใหน้ ักเรียนฟัง พรอ้ มกบั ท่าทางเคล่ือนไหว ดังนี้ 114
๕. นั ก เ รี ย น เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ร่างกายตามท่วงท่าท่ีครูแนะน�ำหลาย ๆ คร้ังจนคล่อง จากนั้นให้นักเรียนเปล่ง เสียงเป็นบทร้องเล่น สอดคล้องกับ จังหวะมือท่เี คล่อื นไหว ๖. ครูน�ำแผ่นชาร์ตท่ีมีเนื้อหาบท คุณป้า มาติดบนกระดาน เคล่อื นที่ นกั เรยี นนง่ั เปน็ รปู ครึง่ วงกลมลอ้ มรอบครู เพอื่ ให้มองเห็นกระดาน ได้ชัด ครูใช้ไม้ช้ีไปทีละค�ำตามค�ำท่ีเว้นวรรคไว้ นักเรียนเปล่งเสียง โดยไมต่ อ้ งทำ� ท่าทางประกอบ ๗. ครูให้นกั เรียนอ่านจนคล่อง เมือ่ นักเรยี นอ่านไม่ผดิ ครใู ชก้ ระดาษปิดค�ำบางคำ� เชน่ ปา อา มี กบ เปน็ ต้น ๘. ครูแจกบัตรค�ำ ซึ่งตรงกับค�ำที่ปิดไว้ก่อนหน้านี้ให้นักเรียนท�ำกิจกรรม โดยให้นักเรียนปิดลง บนคำ� ท่ีหายไปใหต้ รงกับคำ� น้ัน ๆ บนแผ่นชารต์ ๙. นกั เรียนอ่านบทร้องเลน่ บนแผน่ ชารต์ พรอ้ มกนั อีกครั้ง ขั้นฝกึ ๑๐. นักเรียนเล่นเกมฝึกสมอง ประลองความไว โดยครูออกเสียงค�ำ แล้วให้นักเรียนปฏิบัติตาม เง่ือนไข คือ ถา้ คำ� ท่ีครอู อกเสียงมีอยใู่ นบทร้องเล่น คณุ ปา้ ให้นักเรยี นปรบมอื ถ้าคำ� ท่คี รูออกเสียงไม่มีอย่ใู น บทรอ้ งเล่น คุณป้า ใหน้ กั เรยี นตบโตะ๊ ๑๑. ครูแจกใบงาน บทร้องเล่น คณุ ปา้ และชแี้ จงวิธีการปฏิบัตงิ านใหน้ ักเรยี นทราบ ๑๒. ครูตรวจสอบการอ่านบทร้องเล่น คุณป้า กับนักเรียนเป็นรายบุคคล ครูประเมิน ความสามารถท่องจำ� บทร้องเล่น คุณป้า ของนักเรยี น ขัน้ สรุป ๑๓. นกั เรยี นอ่านบทรอ้ งเลน่ คุณปา้ พร้อมเคลือ่ นไหวทา่ ทางประกอบอีก ๒ รอบ สอื่ และแหลง่ เรยี นรู้ ๑. แผน่ ชาร์ตบทร้องเลน่ คณุ ป้า ๒. เกมฝกึ สมอง ประลองความไว ๓. ใบงานที่ ๑.๑ บทร้องเลน่ คณุ ปา้ การวดั ผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์ วธิ กี ารวัดผล เครื่องมอื วดั / เกณฑก์ ารวดั การเรียนรู้ ประเมนิ ผล ประเมนิ ผล ประเมนิ ผล ๑. นักเรียนสามารถ การทอ่ งบทร้องเลน่ แบบบันทึกผล นกั เรยี นได้คะแนนจาก ทอ่ งจ�ำบทร้องเลน่ การประเมินการท่องบท การท่องบทร้องเลน่ คุณปา้ ไดถ้ ูกต้อง ร้องเล่น ระดับคณุ ภาพดขี ึ้นไป 115
ภาคผนวก ใบงานที่ ๑.๑ เรื่อง บทรอ้ งเลน่ คณุ ป้า ค�ำชี้แจง ให้นักเรียนตัดค�ำจากตารางด้านล่าง แล้วน�ำไปติดในบทร้องเล่นให้ถูกต้อง พร้อมระบายสี ให้สวยงาม 116
แบบบนั ทกึ ผลการสังเกตการร้องบทร้องเล่น แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑ เรอื่ ง สระ อา รายการประเมนิ เลขท่ี ช่อื -สกุล พูดบท ้รองเ ่ลนได้ถูกต้อง รวม ระดับ สรปุ ผล ัรกษาจังหวะการท่องได้ คุณภาพ การประเมิน ๖๖ ๑๒ ผ่าน ไม่ผ่าน ๑ ๒ เฉลย่ี /ร้อยละ เกณฑ์การผ่าน นักเรียนได้ระดับคุณภาพดีข้ึนไป ระดับคุณภาพ ๑๑-๑๒ คะแนน หมายถึง ดเี ย่ยี ม ๙-๑๐ คะแนน หมายถงึ ดี ๗-๘ คะแนน หมายถึง พอใช้ ๔-๖ คะแนน หมายถงึ ผา่ นเกณฑ์ ๐-๔ คะแนน หมายถงึ ไมผ่ า่ นเกณฑ์ เกณฑ์การใหค้ ะแนนการท่องจ�ำบทร้องเลน่ รายการประเมิน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน น้�ำหนกั ๓ ๒ ๑ คะแนน ๑. พดู บทร้องเล่นได้ พูดบทรอ้ งเล่นได้ พูดบทรอ้ งเล่นได้ พูดบทรอ้ งเล่นได้ ๒ ถกู ตอ้ ง ถูกต้องชดั เจน ตกหล่นเป็นบางที่ เลก็ น้อย ครบถ้วน ๒. รกั ษาจงั หวะ รกั ษาจังหวะการพดู รกั ษาจังหวะการพดู รกั ษาจงั หวะการพดู ๒ การท่องได้ บทร้องเล่นได้สัมพันธ์ บทร้องเลน่ ไมส่ มั พันธ์ บทรอ้ งเลน่ ไม่สัมพนั ธ์ กับจังหวะการเคาะไม้ กบั จงั หวะการเคาะไม้ กบั จงั หวะการเคาะไม้ ทกุ ครัง้ ไมเ่ กนิ ๒ ครง้ั เกิน ๓ คร้ังขน้ึ ไป 117
ตัวอยา่ งเคร่ืองมอื ท่ีใชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ แบบบนั ทึกผลการประเมนิ การอ่านออกเสียงค�ำ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรอื่ ง การอา่ นค�ำทป่ี ระสมดว้ ยสระ อา เลขที่ ชอ่ื - สกลุ จ�ำนวนคำ� ที่อา่ น ร้อยละ สรปุ ผล ออกเสียงได้ถกู ต้อง การประเมิน (................คำ� ) ๑๐๐ ผ่าน ไม่ผา่ น ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ เฉล่ีย/รอ้ ยละ เกณฑ์การผา่ น นกั เรียนไดค้ ะแนนจากการอ่านออกเสยี งค�ำร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป เกณฑก์ ารให้คะแนนการอ่านออกเสยี ง อา่ นถกู ๑ คำ� ได้ ๑ คะแนน 118
แบบบันทึกผลการประเมนิ การอ่านสะกดคำ� แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๓ เรอื่ ง การสะกดค�ำทปี่ ระสมด้วยสระ อา รายการประเมิน เลขที่ ชอ่ื - สกลุ สะกด �คำ ูถกต้อง สรปุ ผล สะกด �คำได้คล่อง การประเมิน ออกเสียงชัดเจน รวม เฉลี่ย ้รอยละ ๖ ๖ ๓ ๑๕ ๕ ๑๐๐ ผ่าน ไมผ่ า่ น ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ เฉลี่ย/ร้อยละ ๙๐ เกณฑก์ ารผา่ น นักเรยี นได้คะแนนจากการอา่ นสะกดค�ำ ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการสะกดคำ� รายการประเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน นำ้� หนกั ๓ ๒ ๑ คะแนน ๑. สะกดคำ� ถกู ต้อง สะกดคำ� ตามต�ำแหน่ง สะกดคำ� ตามต�ำแหน่ง สะกดคำ� ตามต�ำแหนง่ ๒ การออกเสยี งพยัญชนะ การออกเสยี งพยัญชนะ การออกเสยี งพยญั ชนะ สระ ตวั สะกดและ สระ ตวั สะกดและ สระ ตวั สะกดและ วรรณยุกต์ วรรณยุกต์ผดิ วรรณยุกต์ผดิ ถกู ต้องทุกคำ� ๑ - ๒ คำ� ๓ ค�ำขึน้ ไป ๒. สะกดคำ� ได้คลอ่ ง สะกดคำ� ไดค้ ลอ่ งทกุ คำ� สะกดค�ำไดค้ ล่อง สะกดค�ำไดค้ ลอ่ ง ๒ เปน็ ส่วนใหญ่ เป็นบางค�ำ ๓. ออกเสียงชดั เจน เสียงดัง ฟังชดั เสยี งดงั ฟงั ชัด เสยี งเบา ออกเสียง ออกเสยี งชดั เจน ออกเสยี งชัดเจน ไม่ชดั เจน บางคำ� 119
การจดั การเรียนการสอนภาษาไทยตามแนวทาง BBL บูรณาการกบั การสอนแบบ TPR และการแจกลูกสะกดค�ำ “ชนเผ่า ลาหู่และอาขา่ ” โดย: นำ้� ผงึ้ ยีเ่ ปง็ ครูโรงเรียนบา้ นหว้ ยอ้นื สพป. เชยี งราย เขต ๓ เหตุผลและความจ�ำเปน็ โรงเรียนบา้ นหว้ ยอื้น มีการจดั การเรยี นการสอนตัง้ แต่ระดับชั้นอนบุ าลจนถงึ ระดับชัน้ ประถมศึกษา ปีท่ี ๖ ได้ตระหนักถึงความจ�ำเป็นที่จะต้องพัฒนาคุณภาพนักเรียนให้ได้ตามมาตรฐานการศึกษาและตัวชี้วัด แตด่ ้วยขอ้ จ�ำกดั ของท่ตี ัง้ ของชมุ ชนซ่ึงตั้งอยตู่ ามพน้ื ท่ีชายขอบ พ้นื ท่สี งู และพนื้ ทพ่ี เิ ศษ ในอ�ำเภอแมฟ่ า้ หลวง จังหวัดเชียงราย เด็กนักเรียนเป็นเด็กชาวเขาเผ่าลาหู่ และอาข่า ซ่ึงส่วนใหญ่ไม่มีสัญชาติไทยใช้ภาษาลาหู่ และภาษาอาขา่ เปน็ ภาษาสื่อสารในชีวติ ประจำ� วัน ท�ำใหเ้ ปน็ ปญั หาในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ปัญหาเก่ียวกับเด็กกลุ่มชาติพันธุ์ที่ส�ำคัญที่สุดส�ำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครู คือ นักเรียนไม่เข้าใจภาษาไทย มีนักเรียนบางคนสื่อสารภาษาไทยได้ แต่ไม่เข้าใจความหมาย ท�ำให้ บรรยากาศ ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด�ำเนินไปไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ครูต้องใช้เทคนิควิธีต่าง ๆ ใช้ความพยายามอย่างสูงและต้องใช้ระยะเวลาท่ียาวนานพอสมควรกว่าจะส่ือสารให้เด็กเข้าใจในส่ิงท่ีครู สื่อสาร และเกิดการเรยี นรใู้ นกิจกรรมทีค่ รูจัดให้ในแตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ เดก็ กต็ ้องใชค้ วามพยายามย่ิงกว่า ที่จะตอ้ งท�ำความเข้าใจในสง่ิ ท่คี รูส่อื สารเหมอื นกับทต่ี ัวครูเองเป็นคนไทยแตต่ อ้ งเรียนภาษาองั กฤษในวยั เดก็ ความรู้สกึ กไ็ ม่ตา่ งไปจากเด็กกลุ่มชาติพันธุท์ ท่ี �ำการสอนอยใู่ นหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา โรงเรียนบ้านห้วยอ้ืนได้ด�ำเนินการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพ่ือพัฒนาด้านภาษาไทย โดยการบรู ณาการวธิ ีการสอนแบบ ๑) Brain - Based Learning (BBL) ๒) Total Physical Rerponse (TPR) และ ๓) การแจกลูกสะกดค�ำ เพ่ือให้เด็กระดับปฐมวัยที่ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาท่ีสองเกิดการเรียนรู้ได้เร็ว และสามารถใหเ้ ด็กช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ อา่ นออก เขียนได้ เพื่อเปน็ พ้ืนฐานในการเรียนระดับชั้นท่ีสงู ตอ่ ไป 120
วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ง่าย เพราะนักเรียนได้เรียนรู้จากสิ่งใกล้ตัว เรียนรู้จาก สภาพแวดล้อมทีเ่ ด็กเป็นอยู่ ท�ำให้นักเรียนได้เรยี นร้อู ย่างมคี วามสุข ๒. เพ่ือใหน้ ักเรยี นมปี ฏสิ มั พันธ์กบั ครผู สู้ อนและเพื่อน ๆ ไดเ้ รียนรู้ผ่านส่อื ท่หี ลากหลาย สามารถ จบั ตอ้ งได้ ๓. เพือ่ ใหน้ ักเรยี นสามารถสื่อสารภาษาไทยไดช้ ัดเจน มีความกลา้ แสดงออกในการพดู ภาษาไทย มากขนึ้ ๔. เพ่ือใหน้ ักเรียนสามารถอา่ นออก เขียนได้ ๕. เพ่ือใหน้ กั เรยี นสามารถนำ� เสนอผลงาน ความสามารถของตนเองตอ่ สาธารณชนได้ ต่อความภมู ใิ จ ในตนเอง ผ้ปู กครอง ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา และชุมชน กลุ่มเปา้ หมาย นักเรียนระดับชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ วธิ ีการจดั กิจกรรม/กระบวนการจัดการเรยี นการสอน กระบวนการจัดการเรยี นการสอน ๑. กระต้นุ ร่างกายและสมอง ๒. เรียนร้บู ทเรียน ๓. ลงมอื ปฏบิ ัติ ฝึกฝน ๔. สรุป ๕. พฒั นาผลงาน 121
กระบวนการจดั การเรียนการสอน ๑. ขัน้ กระตุ้นรา่ งกายและสมอง ๑) เล่นเคร่อื งเลน่ สนาม ๒) เคล่อื นไหวร่างกายประกอบเพลง และทา่ ทาง ๓) เคล่ือนไหวรา่ งกายตามคำ� สง่ั ๔) การเลน่ เกม ๒. ขั้นเรียนรูบ้ ทเรียน ๑) ทบทวนความรู้เดิมสู่ความรใู้ หม่ ๒) ทดสอบก่อนเรียน ๓) ใช้ข้ันตอนการแจกลูกสะกดค�ำ ฝึกทักษะด้วยบันไดทักษะ ๔ ข้ัน (ของ ผศ.ศิวกานท์ ปทุมสตู )ิ และสอดแทรกเทคนคิ การสอน แบบ TPR ตามขั้นตอนดังน้ี ๓.๑) ฝึกอา่ น แจกลูก - สะกดค�ำ - ผันเสยี ง ใชข้ นั้ ตอนในการสอนแบบ TPR มาบูรณาการ ประกอบดว้ ย ๓ ขั้น ดงั น้ี ขน้ั ท่ี ๑ ครอู า่ นให้ฟัง จ�ำนวน ๓ ครง้ั ขั้นที่ ๒ อาสาสมัครนกั เรียน ครูและอาสาสมัครอ่านพร้อม ๆ กัน ๓ คร้ัง ขน้ั ที่ ๓ ครใู ห้อาสาสมัครอา่ น ใหน้ ักเรยี นทงั้ ช้ันอ่านพรอ้ ม ๆ กัน ให้นกั เรียนอา่ น เป็นกลมุ่ ย่อย และใหน้ กั เรียนแต่ละคนอ่าน ๓ คร้งั ๓.๒) อ่านค�ำ กลุ่มค�ำ และเรื่อง จะใช้ข้ันตอนในการสอนแบบ TPR มาบูรณาการด้วย ประกอบดว้ ย ๓ ขั้น ดังน้ี ข้ันท่ี ๑ ครอู า่ นให้ฟงั จำ� นวน ๓ ครงั้ ขั้นที่ ๒ อาสาสมคั รนักเรยี น ครูและอาสาสมัครอา่ นพร้อม ๆ กนั ๓ คร้งั ขนั้ ที่ ๓ ครูให้อาสาสมคั รอ่าน ให้นกั เรยี นทงั้ ชั้นอ่านพร้อม ๆ กนั ให้นกั เรียนอา่ น เปน็ กลมุ่ ย่อย และให้นักเรยี นแตล่ ะคนอา่ น ๓ ครั้ง ๓.๓) คดั ลายมอื ๓.๔) เขียนตามคำ� บอก 122
๓. ขน้ั ลงมือปฏิบตั ิ ฝกึ ฝน ทดลอง ๑) ลงมือปฏบิ ัติใบงาน ฝกึ ฝนซ้ำ� เพ่ือเกดิ การเรียนรทู้ ถี่ าวร ๔. ขั้นสรุป ๑) รว่ มกนั สรุปความคดิ รวบยอดของบทเรยี น ๒) ทดสอบ ประเมินผลการเรยี นรู้ ๕. ขัน้ พัฒนาผลงาน ๑) หนังสืออ่านเพ่มิ เตมิ เชน่ หนงั สือภาษาพาที วรรณคดลี �ำน�ำ นิทาน ๒) คิดค้นรว่ มกันท�ำโครงงานบรู ณาการกบั กลมุ่ สาระอน่ื ๓) สรา้ งสรรค์ผลงานและชน้ิ งาน สอื่ การเรียนการสอน ๑) บทร้อยกรอง บทรอ้ งเล่น บัตรคำ� ๒) หนงั สอื ภาษาพาที ๓) หนงั สืออา่ นออกเขยี นได ้ ๔) แบบฝกึ อ่าน แบบฝกึ หดั ๕) ใบงาน ใบกจิ กรรม ๖) ส่ือตา่ ง ๆ เช่น Big Book, Pop up, Bingo 123
การวัดและประเมนิ ผล ๑) การสงั เกต พฤตกิ รรมการฟงั พดู ความสนใจ การท�ำงานเป็นกลุม่ - เด่ียว การตรงตอ่ เวลา การเก็บอุปกรณ์ ๒) ผลงาน จากการอา่ น การเขยี น ใบงาน ๓) แบบทดสอบ ก่อน/หลัง ๔) การวัดผลประเมินผลจากตัวผู้เรียนเป็นรายบุคคล โดยประเมินจากการทดสอบจากข้อสอบการอ่านการเขียนของ ผู้เรยี น - ข้อสอบภาคปฏิบัติ ฟงั พดู อ่าน เขียน - ขอ้ สอบภาคความรู้ - ขอ้ สอบจากหนว่ ยงานต้นสงั กัด เช่น สำ� นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน ผลสำ� เรจ็ ๑. ดา้ นผเู้ รียน ๑) นกั เรียนเกดิ การเรยี นรไู้ ดง้ า่ ย เพราะนักเรียนไดเ้ รยี นรู้จากส่ิงใกลต้ วั เรียนรจู้ ากสภาพแวดลอ้ ม ทนี่ ักเรียนเป็นอยู่ ทำ� ให้นักเรยี นได้เรยี นรอู้ ยา่ งมีความสขุ ๒) นกั เรยี นมปี ฏสิ มั พนั ธ์กบั ครูผู้สอนและเพื่อน ๆ ไดเ้ รียนรู้ผ่านสอื่ ท่หี ลากหลาย สามารถจับต้องได้ ๓) นักเรียนสามารถส่อื สารภาษาไทยได้ชัดเจน มีความกลา้ แสดงออกในการพดู ภาษาไทยมากข้นึ ๔) นักเรียนสามารถอ่านออก เขียนได้ มีผลทดสอบจากข้อสอบของส�ำนักงานคณะกรรมการ- การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน ครั้งที่ ๕ การอา่ น อยู่ในระดบั ดมี าก คดิ เป็นรอ้ ยละ ๗๕.๘๖ การอา่ นรเู้ รอื่ ง อยู่ในระดบั ดมี าก คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๗๕.๘๖ เขียนอยใู่ นระดบั ดมี าก คิดเป็นร้อยละ ๖๘.๙๖ ๕) นักเรียนสามารถน�ำเสนอผลงาน ความสามารถ ของตนเองต่อสาธารณชนได้ ตอ่ ความภูมใิ จในตนเอง ผปู้ กครอง ครูและบุคลากรทางการศึกษา และชุมชน จัดนิทรรศการ และน�ำเสนอวิธีการสอต่อท่านพลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รฐั มนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ณ สำ� นักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน เมอื่ วันที่ ๑๑ - ๑๒ มกราคม ๒๕๕๘ 124
การน�ำเสนองานตอ่ ทา่ นจาตรุ นต์ ฉายแสง รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง แนวทางการพัฒนา การจัดการเรียนการสอนโรงเรียนแนวชายแดน และพ้ืนท่ีพิเศษ การสอนแบบ TPR ณ โรงเรียนสันติคีรี อ.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชยี งราย เมื่อวนั ที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๗ ๒. ดา้ นครูผูส้ อน ผลที่เกิดกบั ตนเองเกดิ ความภาคภูมิใจในพัฒนาการของเดก็ หลงั จากการจัดการเรียนรตู้ ามแนวทาง การสอนภาษาไทย ตามแนวทาง BBL บรู ณาการกับ TPR และการแจกลูกสะกดคำ� ทำ� ใหเ้ ดก็ มีพฒั นาการ ด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน ผ่านตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดผลการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทยท่ีเหมาะสมตามวยั เพื่อเป็นพ้ืนฐานการเรียนในกลุ่มสาระอ่ืน ๆ และในระดบั ช้นั ตอ่ ไป ผลงานและรางวลั ที่ได้รบั ๑. ได้รางวัลครูดีเด่น จากส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศึกษาเชียงราย เขต ๓ ๒. ได้รับรางวัลวิธีการปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ (Best Practices) ระดับเหรยี ญทอง ประเภทส่ือการสอน จากสำ� นกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษา ประถมศกึ ษาเชียงราย เขต ๓ ๓. ได้เป็นวิทยากรการอบรมเชิงปฏิบัติการการจัดการเรียน การสอนและการผลิตสื่อประกอบการสอน ตามรูปแบบ BBL โรงเรียน สนั ติคีรี ในวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๘ ๔. ได้เป็นวิทยากรการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาเทคนิคการสอนและการผลิตส่ือประกอบ การสอนภาษาไทย สำ� นักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต ๓ วนั ที่ ๒๖ - ๒๗ มนี าคม ๒๕๕๙ ๕. ได้เป็นวิทยากรอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาเทคนิคการสอนและการผลิตส่ือประกอบการสอน ภาษาไทยรูปแบบ BBL (Brain-based learning) การแจกลูกสะกดค�ำ และ TPR (Total Physical Response) แก่ครูผู้สอนภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา เชยี งราย เขต ๓ วนั ท่ี ๑๑ - ๑๒ มถิ นุ ายน ๒๕๕๙ ๖. ได้เป็นวิทยากรอบรมตามโครงการพัฒนาการเรียนการสอนในวิชาภาษาไทย การอ่านคล่อง การเขียนคล่อง การใช้บทอาขยานและการคัดลายมือ ส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต ๓ ในวันที่ ๑๔ - ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ 125
๓. โรงเรียน/ชมุ ชน ผลที่เกิดกับสถานศึกษาผลการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนเป็นข้อมูลส�ำคัญในการพัฒนา คณุ ภาพการศึกษาในระดบั ต่อไป ผู้ปกครองนักเรียนให้ความร่วมมือในหลายเร่ือง ให้การยอมรับในการจัดการเรียนการสอน ของครู และยอมรบั จากผลการเรียนของบุตรหลานตนเอง ผลที่เกิดกับชุมชน ชุมชนมีความพึงพอใจในการจัดการเรียนรู้ตามแนวทาง BBL บูรณาการ กับการสอนแบบ TPR และการแจกลูกสะกดค�ำท่ีท�ำให้เด็กมีพัฒนาการใช้ภาษาไทยในการส่ือสารได้ เหมาะสมกบั วยั มผี ลกับสถาบนั ครอบครัว ท�ำใหช้ มุ ชนเขม้ แข็ง ปจั จัยสคู่ วามส�ำเร็จ ๑. ภายใน ผู้บริหาร สถานศึกษา ครูผู้สอน มีอุดมการณ์ และมีความมุ่งมั่นท่ีจะพัฒนาเด็กให้เป็นคนดี เป็นคนเก่ง มีความสุข และสามารถใช้ภาษาไทยในการส่ือสารได้ ครูผู้สอนมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ค้นคว้าหาความรู้ พัฒนานวัตกรรม ส่ือการสอนใหม่ ๆ สามารถแก้ปัญหานักเรียนท่ีมีปัญหาในด้านต่าง ๆ และพร้อมท่ีจะส่งเสริมผู้เรียนให้นักเรียนแสดงความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่ ได้รับการพัฒนาดูแล เอาใจใส่จากผู้ปกครอง นักเรียนให้ความร่วมมือในการจัดการเรียนการสอนเป็นอย่างดี มีความพร้อม ทีจ่ ะรบั การพัฒนาอยู่สมำ่� เสมอ เมอื่ ได้รับความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝา่ ย ท�ำใหก้ ารดำ� เนินการเรยี นการสอน ประสบผลส�ำเรจ็ ทำ� ใหส้ ่งผลดีต่อทกุ ๆ ฝา่ ย ๒. ภายนอก ได้รับความร่วมมือที่ดีจาก ผู้ปกครอง ชุมชนทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียน เป็นอย่างดี และหนว่ ยงานตน้ สังกัด มลู นิธดิ า้ นการศึกษา สง่ เสริมสนบั สนุนท้งั ด้านงบประมาณและให้ครผู สู้ อน ไดร้ ับการพฒั นาเทคนิคการสอน ผลิตส่ือประกอบการสอนอย่างสมำ�่ เสมอ ขอ้ เสนอแนะ จากวิธีการสอนตามแนวทาง BBL บรู ณาการกบั TPR และการแจกลกู สะกดคำ� มีความม่ันใจวา่ เป็นวิธีการสอนอีกวิธีหน่ึงที่เหมาะสม สามารถพัฒนาด้านภาษาไทยส�ำหรับเด็กโรงเรียนแนวชายแดนพื้นท่ีสูง และพ้ืนที่พิเศษ ท่ีเด็กกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใช้ภาษาแม่เป็นภาษาที่หน่ึงและใช้ภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง ในชีวิตประจ�ำวนั ได้ 126
แผนการจัดการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รหัส ท ๑๑๑๐๑ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๑ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔ เรือ่ ง ปา ปา ปา้ เวลา ๕ ชว่ั โมง ชัว่ โมงท่ี ๑๘ เรื่อง อา่ น เขยี นค�ำ สระ อา เวลา ๑ ชั่วโมง _ส_อ_น_ว_ัน_ท_่ี._.._.._.._.._.._.._.._.._.._.._.._เด_อื _น__.._.._.._..._.._.._.._.._.._.พ__.ศ_._.._.._.._.._.._.._..._.._.._ _________ค_ร_ูผ_้สู _อ__น_น__า_งส__าว__น_�้ำ_ผ_้ึง_ย_่เี_ป_็ง__ ๑. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด สาระ สาระท่ี ๑ การอา่ น สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพดู สาระที่ ๔ หลักการใช้ภาษา มาตรฐาน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดในการตัดสินใจ แก้ปัญหา ในการด�ำเนินชีวิต และมนี ิสัยรกั การอา่ น มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรสู้ ึกในโอกาสตา่ ง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติ ของชาติ ตวั ช้วี ัด ท ๑.๑ ป.๑/๑ อ่านออกเสยี งค�ำ ค�ำคลอ้ งจอง และข้อความสั้น ๆ ท ๑.๑ ป.๑/๒ บอกความหมายของค�ำและขอ้ ความทอี่ ่าน ท ๔.๑ ป.๑/๑ บอกและเขียนพยญั ชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย ท ๔.๑ ป.๑/๒ เขียนสะกดค�ำและบอกความหมายของค�ำ ๒. สาระสำ� คัญ/ความคดิ รวบยอด การมีความรู้ ความเข้าใจในการสร้างค�ำ ความหมายของค�ำและการเขียนค�ำท่ีประสมสระ อา ทถี่ ูกต้อง จะท�ำใหน้ กั เรยี นคน้ พบรูปแบบและพฒั นาทักษะและความสามารถทางภาษาของตนเองได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ๓.๑.๑ ค�ำและความหมายของคำ� ๓.๑.๒ การเขียนสะกดคำ� ๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ ๓.๒.๑ ฝกึ ทกั ษะการฟงั - การอา่ น ๓.๒.๒ ฝกึ ทักษะการเขยี นสะกดค�ำที่ประสมสระอา 127
๓.๓ เจตคติ ๓.๓.๑ ความสนกุ สนานจากการฟัง ๓.๓.๒ มารยาทในการอา่ น ๔. สมรรถนะส�ำคัญของผ้เู รยี น ๔.๑ ความสามารถในการสือ่ สาร ๔.๒ ความสามารถในการคดิ ๔.๓ ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๕. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๕.๑ มวี ินัย ๕.๒ ใฝ่เรียนรู้ ๕.๓ มงุ่ มน่ั ในการท�ำงาน ๖. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๖.๑ อา่ นและแจกลกู สะกดค�ำทป่ี ระสมสระ อา ได้ ๖.๒ เขยี นค�ำท่ปี ระสมสระ อา ได้ ๗. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๗.๑ ขนั้ กระตุ้นสมอง - นกั เรยี นเล่นเครอ่ื งเลน่ สนาม ประมาณ ๑๐ - ๑๕ นาที ลา้ งมือท�ำความสะอาดรา่ งกายเขา้ ช้นั เรียน ๗.๒ ขนั้ เรียนรูบ้ ทเรยี น - Brain Gym นักเรียนร้องบทรอ้ งเล่นสระอา “ปา ปา ปา้ ” พรอ้ มตบมอื ประกอบตามจงั หวะ - ทบทวนอ่านบทรอ้ งเล่นสระอา “ปา ปา ปา้ ” (จากแผนภมู ิ) - ครนู �ำบตั รพยญั ชนะ มาใหน้ กั เรยี นประสมคำ� ท่มี ีสระ อา แลว้ ฝึกอา่ นแจกลูกสะกดคำ� ขัน้ ท่ี ๑ ครอู ่านใหฟ้ งั จ�ำนวน ๓ ครง้ั ข้ันท่ี ๒ อาสาสมัครนกั เรียน ครแู ละอาสาสมคั รอ่านพร้อม ๆ กนั ๓ ครง้ั ขนั้ ที่ ๓ ครใู หอ้ าสาสมัครอ่าน ให้นกั เรียนท้งั ชน้ั อา่ นพร้อม ๆ กนั - ครนู ำ� บัตรพยญั ชนะ มาให้นักเรียนอ่านค�ำ กลมุ่ คำ� ขน้ั ท่ี ๑ ครอู า่ นใหฟ้ งั จ�ำนวน ๓ ครัง้ ขน้ั ท่ี ๒ อาสาสมคั รนกั เรยี น ครูและอาสาสมัครอา่ นพรอ้ ม ๆ กัน ๓ คร้งั ขนั้ ท่ี ๓ ครใู หอ้ าสาสมัครอา่ น ให้นักเรียนท้ังชัน้ อ่านพร้อม ๆ กนั ๗.๓ ข้ันลงมือปฏิบัติ ฝึกฝน ทดลอง - คดั ลายมอื - เขียนตามค�ำบอก ๗.๔ ขั้นสรุป - นกั เรียนอ่านแจกลูกสะกดคำ� และอา่ นเปน็ คำ� พร้อมกัน และทลี ะคน ๗.๕ ขน้ั พัฒนาผลงาน - ใหน้ ักเรียนอา่ นหนงั สอื นทิ าน เลอื กคำ� ท่ีมีสระ อา เขียนลงในสมุด 128
๘. ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ ๘.๑ บทรอ้ งเล่น “ปา ปา ปา้ ” ๘.๒ แผนภูมบิ ทรอ้ งเลน่ “สระอา” ๘.๓ บตั รพยญั ชนะ ๙. การวดั และการประเมินผล วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑ์ - การท�ำงานกลมุ่ - แบบประเมนิ การท�ำงานกล่มุ - มีผลการประเมินในระดับดขี ้นึ ไป - การอา่ นออกเสียงบทรอ้ งเลน่ - แบบประเมนิ การอ่าน หรือ มคี ่าเฉลยี่ ๒.๐๐ ขนึ้ ไป สระอา - เขยี นคำ� ได้ถูกตอ้ งทุกค�ำ - การเขยี นคำ� ที่ประสมสระอา ภาคผนวก หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๔ ช่ัวโมงท่ี ๑๘ 129
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๔ ช่ัวโมงท่ี ๑๘ กา ขา คา งา จา ชา ดา ตา ทา นา ปา ฝา 130
โครงการครูอาสาแก้ปญั หาเดก็ อ่านไม่ออก เขยี นไม่ไดแ้ กง้ า่ ยนดิ เดยี ว โดย: เจษฎส์ ดุ า หนทู อง ครโู รงเรยี นวดั บ้านกันทรารมย์ สพป.บรุ รี ัมย์ เขต ๒ เหตุผลและความจำ� เป็น เนื่องจากโรงเรียนวัดบ้านกันทรารมย์ เป็นโรงเรียนที่ต้ังอยู่ในเขตชุมชนที่ใช้ภาษาเขมรถิ่นไทย เพ่ือการส่ือสารในชีวิตประจ�ำวันปะปนกับภาษาไทยที่เป็นภาษาทางการ (ภาษาราชการ) เป็นผลท�ำให้ ส�ำเนียงและหรือการออกเสียงคำ� บางค�ำไม่ชัดเจนจนเกิดเป็นความเคยชิน และนักเรียนท่ีอยู่ในการปกครอง ของปู่ย่า ตายายหรือผู้ปกครอง เน่ืองจากบิดา มารดาไปท�ำงานรับจ้างต่างถิ่น ซ่ึงมีผลกระทบต่อผู้เรียน โดยเฉพาะ ด้านการพูด การอ่าน การเขียนภาษาไทยที่ถูกต้อง เป็นสาเหตุหน่ึงท่ีท�ำให้ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนโดยรวม ของโรงเรียนค่อนข้างไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ จึงได้ด�ำเนินการตามโครงการครูอาสา แก้ปัญหาเด็กอ่านไมอ่ อก เขยี นไม่ไดแ้ ก้ง่ายนดิ เดยี วขน้ึ มา วตั ถปุ ระสงค์ เพือ่ แกป้ ัญหาอา่ นไม่ออกเขยี นไม่ไดข้ องนักเรียนโรงเรยี นวดั บ้านกันทรารมย์ กลมุ่ เปา้ หมาย นกั เรยี นระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ ถงึ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ 131
วิธีการจัดกจิ กรรม/กระบวนการจัดการเรียนการสอน ขนั้ ท่ีหนึ่ง แจกลกู ใหผ้ กู จำ� ขัน้ ทสี่ อง อา่ นค�ำ ย�้ำวิถี ขั้นท่สี าม คดั ลายมือ ซ้�ำอีกที ขั้นทส่ี ่ี เขยี นค�ำบอก ทุกชั่วโมง สรปุ ผล ๑. สำ� รวจสภาพปญั หาด้วยการให้เดก็ ชั้น ป.๒ ข้ึนไปเขยี นตามค�ำบอกจาก “ค�ำทดสอบ ๕๐ คำ� ” โดยที่ค�ำทดสอบน้ีมีมาตรฐานพื้นทักษะระดับชั้น ป.๑ ซึ่งมีค่าความยากง่ายเฉลี่ยองค์ประกอบของ คำ� ครอบคลมุ พยัญชนะต้นอกั ษรสามหมู่ สะกดตรงมาตราทง้ั ๙ แม่ ประสมสระไมน่ อ้ ยกวา่ ๒๐ สระข้ึนไป รวมถงึ ค�ำควบกล้�ำอกั ษรน�ำและผันเสยี งวรรณยกุ ต์ ชุดค�ำทดสอบ ๕๐ ค�ำ เลือกในหนังสือ “เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แก้ง่ายนิดเดียว” จ�ำนวน ๒ ชดุ อาจมี “ค�ำทดสอบ” เพิ่มเตมิ ตามความเหมาะสม ถา้ พบว่าเดก็ ไดค้ ะแนนไม่ถึง ๒๕ คะแนน ให้คดั จ�ำแนกเดก็ เป็นกลมุ่ ๆ เข้าสโู่ ครงการแก้ปญั หาได้เลย ๒. จ�ำแนกเดก็ เปน็ กลุ่ม ๆ ละไมเ่ กนิ ๒๐ คน โดยพิจารณาให้เด็กเรยี นช้าอยู่กับชา้ เด็กเรยี นเร็ว อยู่กบั เร็ว รวมท้ังดวู ัยให้ใกล้เคียงกนั และดูคะแนนความสามารถทใ่ี กล้เคยี งกนั ให้อย่กู ลุ่มเดยี วกนั ดว้ ย ๓. จัดให้มี “ครูอาสา” เปน็ ผู้รับผดิ ชอบจดั การเรียนการสอนเพื่อการแกป้ ัญหาเป็นการเฉพาะครู อาสา คนหนึง่ จะรับผดิ ชอบเด็กไดไ้ มเ่ กิน ๕ กล่มุ หรือไมเ่ กิน ๑๐๐ คน ๔. ครูอาสาจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มละ ๑ ช่ัวโมงต่อวัน เช่น ถ้ามีเด็ก ๕ กลุ่ม กจ็ ะตอ้ งสอน วันละ ๕ รอบ รอบละ ๑ กลุม่ ตอ่ ๑ ชัว่ โมง ดงั น้ัน ครูควรจะต้องวา่ งจากภารกิจอน่ื อย่างส้นิ เชงิ เพื่อจะได้ทมุ่ เทเวลาเพื่อกิจกรรมการสอนแกป้ ัญหาอยา่ งแท้จริง ๕. ครูอาสาเขียน “แผน่ ผ้า” ประกอบการสอนตามแบบฝกึ ในหนงั สอื “เดก็ อ่านไม่ออกเขยี นไม่ได้ แก้ง่ายนดิ เดียว” ของ ผศ.ศวิ กานท์ ปทมุ สตู ิ และดำ� เนินการสอนไปตามล�ำดับเนือ้ หาอย่างครบถว้ น โดยใช้ กจิ กรรมการสอนแบบบันไดทกั ษะ ๔ ขั้นทุกชว่ั โมง 132
๖. ครูอาสาด�ำเนินการสอนแก้ปัญหาไปจนครบถ้วนเน้ือหาเป็นเวลาไม่น้อยกว่ากลุ่มละ ๙๐ ช่ัวโมงหรือไม่น้อยกว่า ๔ เดือน หรืออาจเกินกว่าเวลาท่ีก�ำหนดน้ีก็ได้ ท้ังนี้ให้ถือเอาความมีสัมฤทธ์ิผล ของทกั ษะของเด็กแตล่ ะกล่มุ (และแตล่ ะคน) เปน็ ส�ำคัญ ๗. เมื่อสอนครบตามเนื้อหาในแบบฝึกดังกล่าวแล้ว ให้ครูอาสาน�ำ “ค�ำทดสอบ ๕๐ ค�ำ” ที่ใช้ คร้ังแรกก่อนเข้าโครงการมาทดสอบให้เด็กเขียนตามค�ำบอกอีกคร้ัง เพื่อเปรียบเทียบพัฒนาการและ ผลสมั ฤทธใิ์ นการแกป้ ัญหา (โดยท่ัวไป ถ้าครูอาสาดำ� เนนิ การอย่างครบถ้วนตามเน้อื หาแบบฝึก กระบวนการ และขน้ั ตอนตา่ ง ๆ ดงั ที่กลา่ วแลว้ โดยไมม่ ีปญั หาหรอื อปุ สรรคแทรกซ้อน จะได้ผล ๑๐๐%) ส่ือการเรยี นการสอน ๑. ค่มู ือครู “เดก็ อ่านไมอ่ อกเขียนไมไ่ ดแ้ ก้ง่ายนดิ เดียว” ของ ผศ.ศวิ กานท์ ปทมุ สตู ิ ๒. สอ่ื แบบฝึกเสรมิ ทักษะการอา่ น 133
การวดั และประเมินผล ๑. ทดสอบการเขยี น โดยเขยี นตามคำ� บอกจากค�ำท่ีก�ำหนด ๒. ตรวจสมดุ เขียนตามคำ� บอก และสมดุ คัดลายมอื ๓. ทดสอบสอบการอา่ น การเขยี น เมือ่ ดำ� เนินการตามโครงการเสร็จส้นิ ๔. “แผ่นผ้าเขียนค�ำ”ประกอบการสอนตามแบบฝึกในหนังสือคู่มือครู “เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แก้ง่ายนดิ เดียว” ของ ผศ.ศิวกานท์ ปทุมสตู ิ จำ� นวน ๒๐๐ ผืน ผลส�ำเรจ็ ๑. ด้านผู้เรยี น ๑) นกั เรยี นอา่ นภาษาไทยไดถ้ ูกต้องชดั เจน ๒) นกั เรียนเขยี นภาษาไทยได้ถูกตอ้ ง ๓) ผ่านเกณฑ์การวัดและประเมินผลคิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ และผลการพัฒนาการอ่านออกเขียนได้น้ี ท�ำให้สาระการเรยี นร้อู ื่นมผี ลสัมฤทธท์ิ ั้ง O - NET และNT โดยรวมของโรงเรยี นวัดบา้ นกันทรารมย์ ทกุ สาระ การเรียนรูส้ ูงขน้ึ ๒. ด้านครผู ูส้ อน ๑) รับเกียรติบตั รครผู สู้ อนระดับชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ ทีม่ ีผลสัมฤทธค์ิ ะแนนทดสอบระดบั ชาติ (O-NET) สงู กวา่ ระดบั ประเทศทุกสาระการเรียนรู้ ๒) ครูผสู้ อนดเี ดน่ ครุ ุสภา ๓) Teacher awards สาขาคณิตศาสตร์ ๔) Master Teacher สาขาภาษาไทย ๕) เป็นวิทยากรร่วมกับส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา สาระการเรียนรู้ภาษาไทยและสาระ การเรียนร้คู ณติ ศาสตรร์ ะดบั ชั้นประถมศึกษา ๓. โรงเรยี น/ชมุ ชน ชุมชนมีความเช่ือม่ันศรัทธาต่อโรงเรียน ต่อครูผู้สอน ท�ำให้เกิดความร่วมมือระหว่างชุมชนและ โรงเรียนดีมาก 134
ปัจจยั สู่ความส�ำเรจ็ ๑. ภายใน ความศรัทธาระหว่างผู้เรียนกับครูผู้สอน ครูผู้สอนเข้าใจ เข้าถึงและมุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียน อยา่ งจริงจงั ๒. ภายนอก ผู้ปกครอง ชุมชน หน่วยงานท่ีเก่ยี วขอ้ งใหค้ วามร่วมมอื ข้อเสนอแนะ ๑. เมื่อเริ่มโครงการ ครอู าสาควรทำ� ความเขา้ ใจกบั ผปู้ กครองและผเู้ ก่ยี วขอ้ ง ๒. ควรมีการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนตามทักษะบันได ๔ ขั้น ส�ำหรับนักเรียนที่มีปัญหา ดา้ นการอา่ นไม่ออกการเขียนไม่ไดอ้ ยา่ งจรงิ จงั มกี ารวัดผลประเมนิ ผลต่อเน่ือง ๓. ในกรณีที่มีนักเรียนเรียนอยู่ในช่วงชั้นท่ีต่างกัน ควรแยกสอนในห้องเรียนที่เหมาะสม เพื่อให้ นักเรียนมเี จตคตทิ ี่ดตี ่อการเรยี น ๔. ครูประจ�ำชั้นให้นักเรียนในโครงการท�ำกิจกรรมส่งเสริมรักการอ่าน เช่น เขียนเรื่องจากภาพ หนังสือนทิ านเล่มเลก็ 135
แผนการสอนเสรมิ ทักษะภาษาไทย ตามโครงการครูอาสาแกป้ ัญหาเด็กอา่ นไม่ออกเขียนไมไ่ ดแ้ ก้ง่ายนดิ เดียว กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย นกั เรยี นในโครงการ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๑ เรื่อง แจกลูกผูกรกั เวลา ๕ ช่ัวโมง หนว่ ยย่อยที่ ๑.๑ แจกลกู พยญั ชนะและสระพื้นฐานชุดท่ีหนง่ึ พยัญชนะ : ก จ ด ต บ ป อ สระ : อะ อา อิ อี อุ อู แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑ เวลา ๑ ช่วั โมง _ส_อ_น_ว_ัน_ท_่ี_._.._.._..._.._.เ_ด_อื _น_._.._.._.._.._.._.._.._.._.._พ_.ศ__. _.._.._.._.._.._ __________________ผ__ูส้ _อ_น__น_า_ง_เจ_ษ__ฎ_ส์ _ุด_า__ห_น_ทู _อ__ง_ มาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือน�ำไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหา ในการด�ำเนินชีวติ และมีนิสยั รักการอ่าน ตวั ชี้วดั ป.๑/๑ อา่ นออกเสียงค�ำ ค�ำคลอ้ งจอง และข้อความส้นั ๆ สาระส�ำคญั การฝึกอ่านเขียนค�ำแจกลูกเบ้ืองต้นเป็นข้ันตอนท่ีส�ำคัญท่ีสุดท่ีครูจะต้องเน้นการฝึกอ่านค�ำ ที่ประกอบด้วยพยัญชนะประสมกับสระพื้นฐานให้มาก การเปล่งเสียงอ่านค�ำของนักเรียนชัดเจนถูกต้อง ท้ังเสียงพยญั ชนะและเสียงสระ โดยทค่ี รผู สู้ อนยังไม่สอนความหมายของคำ� การฝึกเขียน ให้ฝึกเขียนแบบคัดเขียนค�ำและเขียนตามค�ำบอก เพื่อเป็นการทดสอบทักษะ การอ่านได้ และเขียนได้ สลับควบค่กู นั ไป ผูส้ อนเนน้ การฝึกอา่ นออกเสียงแบบแจกลูกซำ้� ไปซ้ำ� มาจนกระท่ัง เกิดความช�ำนาญคล่องแคล่ว ตอนท้ายของการแจกลูกแต่ละสระให้อ่านเป็นค�ำย้�ำทักษะคนอ่านได้เป็น รายบุคคล สาระการเรียนรู้ แจกลูกพยญั ชนะและสระพนื้ ฐาน ก จ ด ต บ ป อ และสระ อะ อา จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนในโครงการสามารถแจกลกู พยัญชนะ ก จ ด ต บ ป อ และสระ อะ อา ไดถ้ ูกต้อง คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ผ้เู รยี นใฝ่เรยี นรู้ มวี นิ ัย รักความเปน็ ไทย ม่งุ มัน่ ในการท�ำงาน สมรรถนะทีส่ ำ� คญั ความสามารถในการคิด ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการแก้ปัญหาและ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 136
กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นทบทวน (๑) ทบทวนพ้ืนฐานความรู้เดิมนักเรียนและครูสนทนาเกี่ยวกับรูปพยัญชนะและชื่อพยัญชนะ เป็นท�ำนองทค่ี รแู ละนกั เรยี นชว่ ยกันคดิ และสร้างสรรค์ การทอ่ งสระเสยี งสัน้ สลบั สระเสียงยาว (๒) ครตู ิด “แผ่นผ้าเขยี นคำ� ” รูปพยัญชนะและรปู สระ ให้นักเรียนอา่ นออกเสียงทถ่ี กู ต้องตามครู ข้ันสอน สอนตามแนวการสอนของ ผศ.ศวิ กานท์ ปทมุ สูติ บนั ไดทกั ษะ ๔ ขั้น ขั้นท่ีหนึง่ แจกลกู ให้ผูกจ�ำ (๑) ครูตดิ “แผ่นผ้าเขียนคำ� ” การแจกลกู พยญั ชนะ ก จ ด ต บ ป อ และสระ อะ อา (๒) ครอู ่านน�ำนักเรยี นแจกลกู พยญั ชนะ ก จ ด ต บ ป อ และสระ อะ อา ด้วยนำ้� เสยี งภาษาไทย ทีช่ ดั เจน ถูกต้องทุกอกั ขระ นักเรียนอ่านตามอยา่ งตัง้ ใจทกุ คน ขัน้ ทสี่ อง อ่านค�ำ ยำ้� วถิ ี (๑) ครูแบง่ กลุม่ นักเรยี น ชาย หญงิ ใหฝ้ ึกอ่านแจกลกู สะกดคำ� ตามครสู ลับชาย - หญงิ (๒) นกั เรยี นอา่ นแจกลูกสระกดคำ� พร้อมกนั ครสู งั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ของผูเ้ รยี นอย่างใกล้ชดิ (๓) นักเรยี นอ่านแจกลกู สะกดค�ำรายบุคคล ขน้ั ที่สาม คดั ลายมือ ซ�้ำอกี ที (๑) นักเรียนคดั ลายมือตาม “แผ่นผ้าเขยี นคำ� ” ลงในสมดุ คัดลายมือ ขน้ั ที่ส่ี เขยี นคำ� บอก ทกุ ช่ัวโมง (๑) นักเรยี นเขียนตามคำ� บอกจาก “แผ่นผา้ เขียนค�ำ” ทไ่ี ด้ฝกึ อ่านแจกลูกสะกดคำ� ข้ันสรุป (๑) ครูตรวจผลงานความสำ� เร็จของนักเรียน ให้แรงเสรมิ แก่นักเรียน (๒) แจกแบบฝึกเสริมทักษะการอ่านการเขียนค�ำที่ได้เรียนผ่านมา โดยพิจารณาการให้แบบฝึก เป็นรายบุคคล สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ ๑. คูม่ ือครู “เดก็ อา่ นไมอ่ อกเขยี นไมไ่ ดแ้ ก้ง่ายนิดเดยี ว” ของ ศิวกานท์ ปทมุ สูติ ๒. “แผ่นผ้าเขยี นค�ำ” ชุดท่ีหน่ึง ชดุ ท่สี อง ๓. แบบฝึกเสริมทกั ษะการอ่านการเขียน การวดั ผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. แบบทดสอบการเขียนตามคำ� บอก ๒. แบบประเมินการคดั ลายมอื ๓. นักเรียนตอ้ งเขียนตามคำ� บอกผา่ นร้อยละ ๘๐ เครื่องมือการวดั ผลและประเมนิ ผล ๑. คำ� จาก “แผ่นผ้าเขยี นค�ำ” การแจกลกู พยัญชนะ ก จ ด ต บ ป อ และสระ อะ อา ๒. แบบประเมินการคัดลายมอื 137
แจกลูกพยัญชนะและสระพนื้ ฐาน ชุดที่ ๑ แบบฝกึ ที่ ๑ สระอะ แบบฝึกท่ี ๒ สระอา คำ� ชีแ้ จง ฝกึ อา่ นแจกลูกสะกดค�ำ ค�ำชแี้ จง ฝกึ อา่ นแจกลกู สะกดคำ� กะ ก- อะ - กะ กา ก - อา - กา จะ จ - อะ - จะ จา จ - อา - จา ดะ ด - อะ - ดะ ดา ด - อา - ดา ตะ ต - อะ - ตะ ตา ต - อา - ตา บะ บ - อะ - บะ บา บ - อา - บา ปะ ป - อะ - ปะ ปะ ป - อา - ปา อะ อ - อะ - อะ อา อ- อา - อา กะ จะ ดะ ตะ บะ ปะ อะ กา จา ดา ตา บา ปา อา จะปา จะปะ กะตา กะตะ กะดะ ตาจะปา อาจะปะ ภาพกจิ กรรม 138
ประสานความหว่ งใยดว้ ยถ้อยคำ� วนั ละประโยค “ชนเผา่ มาลายู” โดย: รอฮานา สดุ ิน ครโู รงเรียนผดุงมาตร สพป.นราธิวาส เขต ๓ เหตผุ ลและความจำ� เป็น สืบเน่ืองจากนักเรียนใช้ภาษามลายูถิ่นในการสื่อสาร ท�ำให้เกิดปัญหาในการอ่านและการเขียน ภาษาไทย ส่งผลให้การจัดการเรียนการสอนมีผลสัมฤทธิ์ค่อนข้างต่�ำ นักเรียนพูดสื่อสารภาษาไทย โดยการแปลความหมายจากภาษาท้องถ่ิน แล้วน�ำมาเรียงประโยคเป็นภาษาไทย ซึ่งค�ำในภาษาท้องถิ่นน้ัน มลี กั ษณะหลกั ภาษาท่แี ตกตา่ งกัน ทำ� ใหก้ ารเขียนประโยคไม่ถกู ต้อง ข้าพเจ้า ในฐานะครูผู้สอนสาระการเรียนรู้ภาษาไทยจึงคิดวิธีสอนแบบกีรออาตี ภายใต้ช่ือ ประสานความห่วงใยด้วยถ้อยค�ำวันละประโยค เพื่อแก้ปัญหาการอ่าน การพูด และการเขียน ตลอดจน การใช้ภาษาในการส่ือสารในชีวิตประจ�ำวัน รู้จักการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา มีกิจกรรม ที่หลากหลาย เพอ่ื ตอบสนอง ความตอ้ งการของแต่ละคน ส่งผลใหผ้ ู้เรียนเป็นคนเก่ง เปน็ คนดี และมคี วามสขุ ในที่สุด วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื ให้นกั เรยี นมีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนแตล่ ะกลมุ่ สาระภาษาไทยเป็นไปตามเกณฑ์ ๒. เพือ่ ใหน้ กั เรียนมีผลการประเมนิ การอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน เป็นไปตามเกณฑ์ ๓. เพ่ือใหน้ กั เรียนมผี ลการทดสอบระดับชาติเปน็ ไปตามเกณฑ์ กลุ่มเป้าหมาย นกั เรียนระดบั ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๒ 139
วิธกี ารจัดกจิ กรรม/กระบวนการจัดการเรียนการสอน ขน้ั ตอนการสอน ๑. การน�ำเข้าสู่บทเรียน สร้างความคุ้นเคยกับนักเรียนด้วย การร้องเพลง ประกอบท่าทาง หรือเล่านิทาน หรือเล่นเกม และครูปฏิบัติ รว่ มกบั เดก็ ดว้ ย ๒. เมื่อนักเรียนมีพร้อมแล้ว จึงเร่ิมการสอน โดยการแบ่งกลุ่ม ซึ่งจะใช้การนับจำ� นวนจากมากไปหาน้อย และจากน้อยไปหามาก เพือ่ สับเปล่ยี น สมาชิกกลุ่ม และเพื่อสร้างความรักสามัคคีกับเพื่อนทุกคนภายในห้องเรียน ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มใดกลมุ่ หน่งึ ๓. ครูและนักเรียน ร่วมกันคิดประโยคจากภาษาท้องถ่ินแปล เป็นภาษาไทย ๔. ครูแจกใบความรู้เกีย่ วกบั หลกั การอ่านการเขียนแจกลูกสะกดคำ� และโครงสรา้ งของประโยค ๕. นักเรียนระดมความคิดเพื่อท�ำกิจกรรมใบความรู้ (แบบฝึก เสริมทกั ษะ) ๖. นักเรียนมาส่งผลงานเป็นกลุ่มและอ่านร่วมกัน (ครูสังเกต นกั เรยี นในกลุม่ ) ๗. ครูให้คนเก่งในกลุ่มสอนเพ่ือนร่วมกลุ่มท่ีอ่านไม่ได้ แล้วอ่านใหม่ อีกครัง้ ๘. ข้ันสรุปความรู้ ครูให้นักเรียนอ่านใบงานทีละคนท่ีโต๊ะเพ่ือซ่อมและเสริม นักเรียนท่ีเก่ง ปานกลาง และอ่อน ๙. เมือ่ นกั เรยี นทำ� ใบงานเป็นกลมุ่ แลว้ ครูให้นักเรียนรว่ มกนั แจกลกู สะกดคำ� และแตง่ ประโยค ที่เก่ียวกบั กจิ วตั รประจ�ำวนั ๑ ประโยค เช่น ฉนั กนิ ข้าวย�ำตอนเช้ากอ่ นมาโรงเรยี น ฉันรกั เพอ่ื น ๆ ในกลมุ่ ที่ห้า ๑๐. หลังจากได้ประโยคท่ีสมบูรณ์แล้ว ครูและนักเรียนช่วยกัน แปลความหมายประโยค เปน็ ภาษามลายถู ิน่ เช่น ซายอ มาแก นาซิ กราบู ปากี ตาดี บือลง มารี เซอโกเลาะ ซายอ ซาแย ซาองิ ๆ ดาแล ปเู วาะ แมจอ ลมี อ ๑๑. ให้นักเรียนแสดงบทบาทสมมุติโดยการสนทนาเป็นภาษาไทยระหว่างเพ่ือน ๒ คน ในการสนทนานนั้ ครกู ำ� หนดสถานการณข์ ึ้น เช่น แอเสาะกบั รอมือละเจอกันทีต่ ลาด ๑๒. ครูให้การบ้านนักเรียนโดยการอ่าน และเขียนประโยคในวันน้ีทั้งสองภาษาโดยเขียน เปน็ ภาษาไทย 140
สื่อการเรยี นการสอน ๑. แบบฝกึ ทักษะ การอา่ นแจกลกู การเรยี งคำ� เป็นประโยค และการแต่งประโยค ๒. สถานการณ์จริง สถานการณ์จ�ำลอง ๓. หนังสอื อา่ นเสริม การวดั และประเมินผล ๑. สงั เกตการอ่านและการเขียนคำ� ๒. ตรวจผลงานการทำ� แบบฝึกเสริมทกั ษะ เครือ่ งมือวัดและประเมนิ ผล ๑. แบบสังเกตการอา่ นและเขียนคำ� ๒. แบบบนั ทึกการตรวจผลงานการทำ� แบบฝึกเสรมิ ทักษะ เกณฑก์ ารวดั และประเมินผล การประเมนิ ผลสังเกตการอ่านสะกดค�ำและแจกลกู ของนกั เรียน เกณฑก์ ารผ่าน ร้อยละ ๘๐ เกณฑ์การประเมิน การอา่ น ประเด็น เกณฑก์ ารประเมิน การประเมิน ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรับปรงุ (๑) แจกลกู สะกดค�ำ แจกลูกสะกดค�ำจากคำ� แจกลูกสะกดคำ� จากค�ำ แจกลกู สะกดค�ำจากคำ� จากคำ� ท่กี �ำหนดให้ ทีก่ ำ� หนดใหไ้ ด้ถกู ต้อง ทีก่ �ำหนดให้ไดไ้ ม่ทุกขอ้ ที่ก�ำหนดใหผ้ ิดมากกว่า ทุกขอ้ แตผ่ ดิ น้อยกว่า ๕ ข้อ ๕ ขอ้ บอกความหมาย บอกความหมายของคำ� บอกความหมายของค�ำ บอกความหมายของค�ำ ของคำ� ที่ก�ำหนดให้ ทก่ี �ำหนดให้ถูกต้อง ทีก่ ำ� หนดให้ไดถ้ ูกต้อง ทกี่ ำ� หนดใหไ้ ด้บา้ ง ไดใ้ จความ แต่วกวน แต่งประโยคปากเปล่า แต่งประโยคปากเปล่า แตง่ ประโยคปากเปลา่ แต่งประโยคปากเปล่า จากคำ� ทกี่ ำ� หนดให้ จากคำ� ทีก่ �ำหนดให้ได้ตรง จากค�ำทก่ี ำ� หนดให้ไดต้ รง จากค�ำที่กำ� หนดใหไ้ ด้ ประเดน็ และสมบรู ณ์ ประเดน็ แตไ่ ม่ต่อเนอ่ื ง แต่วกวน แสดงความคิดเห็น เสนอความคดิ เห็นด้วย เสนอความคิดเหน็ เสนอความคิดเห็น จากคำ� ทีก่ �ำหนดให้ เหตผุ ลและเปน็ ประโยชน์ ดว้ ยเหตผุ ล แต่ไมแ่ สดงเหตุผล เกณฑก์ ารตดั สิน : คะแนน ๑๐ - ๑๒ หมายถึง ดี คะแนน ๗ - ๙ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๑ - ๖ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ **เกณฑ์การผา่ น ต้งั แต่ระดับคุณภาพพอใช้ขึ้นไป 141
เกณฑก์ ารประเมิน การเขียน ประเดน็ เกณฑ์การประเมิน การประเมิน ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรับปรุง (๑) การสะกดคำ� ศพั ท์ สะกดคำ� ถูกตอ้ งทุกคำ� สะกดค�ำผดิ เลก็ น้อย สะกดค�ำผดิ มาก การเลือกคำ� ใช้ค�ำศัพทส์ อื่ ความหมาย ใชค้ �ำศพั ทส์ ่อื ความหมาย ใช้ค�ำศัพทส์ ือ่ ความหมาย ตรงกัน ไม่ตรงกับเนอื้ หาบางค�ำ ไม่ตรงกับเน้ือหาหลายคำ� โครงสรา้ งไวยากรณ์ เขยี นประโยคถกู ตอ้ ง เขียนประโยคไมถ่ กู ต้อง เขียนประโยคผิดหลัก ตามหลักไวยากรณ์ ตามหลกั ไวยากรณ์เลก็ นอ้ ย ไวยากรณ์ ทุกประโยค เครอื่ งหมาย ใชเ้ ครอ่ื งหมายวรรคตอน ใช้เครือ่ งหมายวรรคตอน ไมม่ เี ครอ่ื งหมาย วรรคตอน ถกู ต้อง ไมถ่ ูกต้องบางประโยค วรรคตอน เนอื้ หา เขยี นอธบิ ายเนอื้ หาชดั เจน เขยี นอธบิ ายเนือ้ หา เขยี นอธบิ ายเนือ้ หา พอเข้าใจ ไม่ชัดเจน เกณฑก์ ารตดั สนิ คะแนน ๑๑ - ๑๓ หมายถงึ ด ี คะแนน ๘ - ๑๐ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๑ - ๗ หมายถึง ควรปรับปรงุ **เกณฑ์การผ่าน ตั้งแตร่ ะดบั คุณภาพพอใช้ข้นึ ไป เกณฑก์ ารประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงคข์ องนักเรยี น พฤติกรรม ๔ เกณฑ์การใหร้ ะดับคะแนน ๑ ๓๒ ขอ้ ๓ มีวนิ ยั มีระเบียบวนิ ัยและ มรี ะเบียบวนิ ัยและ มรี ะเบยี บวินยั และ ไม่มีระเบียบวนิ ัย มีความเรยี บร้อยดีมาก มีความเรียบรอ้ ยดี มีความเรียบร้อย และไมม่ ี เปน็ บางครงั้ ความเรียบร้อย ขอ้ ๔ ใฝ่เรียนรู้ มีความใฝเ่ รียนรู้ มีความใฝ่เรยี นรู้ มคี วามใฝเ่ รยี นรู้ ไม่มีความใฝ่เรียนรู้ ตงั้ ใจ และสนใจเรยี น ตัง้ ใจและสนใจ ตั้งใจและสนใจเรียน และไมต่ ง้ั ใจเรียน ดมี าก เรียนดี เป็นบางครั้ง ข้อ ๕ ม่งุ มนั่ ท�ำงานเสรจ็ ตามท่ีได้ ท�ำงานเสร็จ ทำ� งานเสร็จตามที่ ทำ� งานไม่เสร็จ ในการทำ� งาน รบั มอบหมายได้ ตามท่ไี ดร้ ับ ได้รบั มอบหมาย ตามท่ีได้รบั อยา่ งมคี ุณภาพ มอบหมาย เป็นบางครั้ง มอบหมาย เสรจ็ ทันตามเวลา ท่กี ำ� หนด เกณฑ์การประเมนิ ระดับคณุ ภาพ คะแนน ๑๓ - ๑๖ คะแนน ระดบั คณุ ภาพ ๔ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๙ - ๑๒ คะแนน ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถงึ ดี คะแนน ๕ - ๘ คะแนน ระดบั คุณภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๑ - ๔ คะแนน ระดับคุณภาพ ๑ หมายถงึ ตอ้ งปรบั ปรุง **เกณฑผ์ า่ นการประเมิน ไดร้ ะดับคณุ ภาพ ๒ ข้นึ ไป 142
เกณฑ์ประเมินสมรรถนะผ้เู รียน ๕ ด้าน ค�ำชีแ้ จง : ใหส้ งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียนแล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกบั ระดบั คะแนน สมรรถนะที่ประเมิน ระดบั คะแนน ๓๒๑ ๑. ความสามารถในการส่อื สาร ๑.๑ มคี วามสามารถในการรบั - สง่ สาร ๑.๒ มคี วามสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใชภ้ าษาอยา่ งเหมาะสม ๑.๓ ใชว้ ิธีการส่อื สารท่ีเหมาะสม ๒. ความสามารถในการคดิ ๒.๑ มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ เพ่อื การสร้างองค์ความรู้ ๒.๒ มีความสามารถในการคดิ เปน็ ระบบ เพ่อื การสรา้ งองคค์ วามรู้ ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๓.๑ แกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตผุ ล ๓.๒ แสวงหาความรู้มาใชใ้ นการแก้ปญั หา ๓.๓ ตดั สินใจโดยค�ำนงึ ถึงผลกระทบตอ่ ตนเองและผู้อื่น เกณฑ์การให้คะแนน - พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ตั ิชัดเจนและสมำ�่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบัตชิ ดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ ๒ คะแนน - พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั บิ างครัง้ ให้ ๑ คะแนน เกณฑก์ ารประเมินระดบั คุณภาพ - คะแนน ๑๓ - ๑๖ คะแนน ระดบั คุณภาพ ๔ หมายถึง ดมี าก - คะแนน ๙ - ๑๒ คะแนน ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถึง ดี - คะแนน ๕ - ๘ คะแนน ระดบั คุณภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ - คะแนน ๑ - ๔ คะแนน ระดบั คุณภาพ ๑ หมายถงึ ต้องปรบั ปรุง เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ ได้ระดับคุณภาพ ๒ ขนึ้ ไป 143
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226