บนั ทึกผลการสอน ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ......................................... (นางสุคนธรตั น์ ชูเชดิ ) ตำ� แหน่ง ครู อันดบั คศ. ๓ โรงรียนบา้ นตากลาง ใบกจิ กรรมการศกึ ษาคน้ ควา้ เรือ่ ง ศาลปะกำ� (จากภาษาท้องถิ่น เรื่อง ซุอาเจียง) ระดับช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ - ๖ คำ� ช้ีแจง นกั เรียนเข้ากล่มุ ละ ๓ คน ไปศกึ ษา เรอ่ื ง ศาลปะก�ำ ในแหลง่ เรยี นรู้ ศูนย์คชศกึ ษาจากภูมิปญั ญา ทอ้ งถ่นิ แลว้ วาดภาพระบายสี และร่วมกันอภิปรายในชั้นเรียน เรื่อง ศาลปะก�ำ ความส�ำคัญ...................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... พธิ กี รรม........................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... แนวปฏบิ ัติ........................................................................................................................................................ ......................................................................................................................................................................... ชือ่ กลมุ่ ...................................................... ชัน้ ................ สมาชิกกลุม่ ๑ ………………………………………………..………………………………..……. ๒ …………………………………………………………………………...………….. ๓ …………………………………………………………………...………...……….. ๔ ……………………………………………………….…………….………………… 44
การจัดการเรียนการสอนภาษาไทย โดยใช้หนังสอื รปู ภาพ “ชนเผ่าม้ง” โดย: กาญจนา ปราศรัย ครูโรงเรียนบา้ นรกั แผ่นดนิ สพป.เชยี งราย เขต ๔ เหตผุ ลและความจ�ำเป็น เน่ืองจากนักเรียนทุกคนในโรงเรียนเป็นนักเรียนชนเผ่าม้ง ที่ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาท่ีสอง ในชีวิตประจ�ำวัน นักเรียนจะมีปัญหาในเรื่องการฟัง การพูดภาษาไทย จึงท�ำให้เกิดปัญหาด้านการสื่อสาร ระหว่างครูกับนักเรียน เพราะนักเรียนฟังเนื้อหา เร่ืองราวท่ีครูสอนไม่เข้าใจ การจัดกิจกรรมการเรียน การสอนภาษาไทยโดยใชห้ นังสือรูปภาพเปน็ การฝึกทักษะการฟงั การพูดภาษาไทยอยา่ งเขา้ ใจ และสง่ เสริม ให้นักเรียนม่ันใจ ในการพูดภาษาไทย นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างพื้นฐานด้านการฟัง การพูดภาษาไทย ให้กับนักเรียน ดังน้ันการจัดกิจกรรมการสอนหนังสือรูปภาพจึงเป็นการแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอน ในด้านการฟัง การพูดภาษาไทยในระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ในภาคเรียนที่ ๑ ในกลุ่มสาระภาษาไทย ในกิจกรรมการเรียนการสอนหนังสือรูปภาพน้ันเป็นกิจกรรมที่ฝึกทักษะการฟังอย่างเข้าใจโดยใช้ประโยคง่าย ๆ และภาพที่สอดคลอ้ งกับเนื้อเรื่อง ซ่ึงเป็นค�ำพูดสั้น ๆ และนำ� ไปสู่การคิดเป็น ทำ� เป็นและแกป้ ัญหาเป็น วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อพฒั นาทกั ษะการฟงั การพูดของผูเ้ รยี นท่ใี ชภ้ าษาไทยเปน็ ภาษาทส่ี อง กลุ่มเปา้ หมาย นักเรียนระดับชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ 45
วิธกี ารจดั กิจกรรม/กระบวนการจัดการเรยี นการสอน กระบวนการจดั การเรียนการสอนหนังสอื รปู ภาพ ๑. แนะน�ำคำ� ศัพท์ภาษาไทย TPR (คำ� ศัพท์ทเี่ กยี่ วขอ้ งกับเนอ้ื หาของหนงั สอื รูปภาพ) ๒. ครนู �ำภาพมาใหน้ ักเรยี นดทู ีละภาพให้นักเรียนสนทนากันวา่ นักเรียนเหน็ อะไรในภาพบา้ ง ๓. นกั เรียนสนทนาภาพท่นี ักเรียนเหน็ จะเปน็ ค�ำ เปน็ ประโยคสน้ั ๆ ๔. ครูพูดประโยคตามภาพให้นกั เรยี นฟงั จนจบเรือ่ ง ๑ รอบ ๕. ครพู ดู ประโยคตามภาพให้นักเรยี นฟัง ๑ รอบแล้วต้ังค�ำถามให้นกั เรยี นตอบเป็นคำ� ถามปลายปิด ๖. อาสาสมัครนักเรยี นพดู พร้อมครู ๗. อาสาสมัครนกั เรยี นพูดเอง ๘. นักเรยี นพดู พร้อมกันทงั้ หอ้ ง ๙. อาสาสมคั รนักเรียนออกมาเลา่ เรอ่ื งใหเ้ พ่อื นฟงั โดยใหน้ ักเรียนเลือกภาพแล้วใหน้ ักเรยี น เลา่ ประโยคตามภาพทน่ี ักเรียนถอื ๑๐. ครูและนกั เรียนรว่ มกันวางแผนการแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๑๑. นักเรียนออกมาแสดงบทบาทสมมุติตามเน้ือเรื่อง โดยให้นักเรียนที่ไม่ได้แสดงเป็นคนเล่า นักเรียนทเี่ ป็นอาสาสมัครเป็นผูแ้ สดง ๑๒. นกั เรยี นวาดภาพระบายสตี ามความเขา้ ใจ สอื่ การเรยี นการสอน หนงั สือรปู ภาพ การวัดและประเมินผล วัดและประเมนิ ทกั ษะการฟงั การพดู ของผเู้ รยี นท่ใี ช้ภาษาไทยเปน็ ภาษาท่สี อง 46
ผลส�ำเรจ็ ๑. ด้านผูเ้ รยี น ๑) นักเรียนฟังภาษาไทยด้วยความเข้าใจเพราะเป็นประโยคสั้น ๆ ง่าย ๆ และมีภาพประกอบ ท่ีสอดคล้องกับประโยค ๒) นักเรียนม่ันใจในการตอบค�ำถามเพราะเป็นค�ำถามปลายปิด เน่ืองจากนักเรียนยังไม่สามารถ ท่ีจะพูดอธิบายค�ำตอบท่ียาวโดยใช้ภาษาไทยได้ ถ้าครูจะให้นักเรียนตอบค�ำถามโดยการอธิบายยาว ๆ น้ัน นกั เรียนจะไมม่ น่ั ใจในการตอบคำ� ถาม ๓) นักเรียนไม่อึดอัดในการฟัง และพูดภาษาไทยเนื่องจากนักเรียนได้ฟังประโยคน้ันซ้�ำ ๆ และ ท�ำใหน้ ักเรียนมั่นใจในการพดู เลา่ เรือ่ งจากภาพ ๔) นักเรียนสามารถจับใจความส�ำคัญของเร่ืองได้ และสามารถเล่าเรื่องย้อนกลับได้ พร้อมท้ัง สามารถทจ่ี ะปรบั เปลย่ี นเรือ่ งราวให้เป็นไปตามความตอ้ งการ ซง่ึ เปน็ การต่อยอดของความคิด ๒. ดา้ นครผู สู้ อน ๑) ครูไดร้ ับคดั เลือกเป็นครูผู้สอนดเี ด่น เนอื่ งในงานสมชั ชาการศกึ ษาชนเผ่าพน้ื เมือง ครั้งที่ ๓ ๒) ครไู ดร้ ่วมเปน็ วทิ ยากรการจัดการเรยี นการสอนภาษาไทยโดยใชภ้ าษาท้องถ่ินร่วมจดั การเรียนรู้ ๓) มีโอกาสได้เผยแพร่ผลงานการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยโดยใช้ภาษาท้องถ่ินร่วม จดั การเรียนรู้ ๓. โรงเรียน/ชมุ ชน ชุมชน ผูป้ กครองนกั เรียนมคี วามภูมใิ จในการใช้หนังสือรปู ภาพ เนือ่ งจากหนงั สือรปู ภาพเปน็ ภาพ ทเี่ กย่ี วข้องกบั วฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ของตนเอง ไมว่ ่าจะเป็นวฒั นธรรมการกิน วฒั นธรรมดา้ นอาชพี วฒั นธรรม ด้านประเพณี ความเป็นอยู่ 47
ปัจจัยส่คู วามสำ� เร็จ ๑. ภายใน ๑) ด้านโครงสร้างและนโยบาย มกี ารวางแผน ทำ� ให้การปฏบิ ัติงานบรรลุตามเปา้ ประสงค์ ๒) มีการพัฒนาบุคลากรครูอย่างสม�่ำเสมอ ครูมีความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการสอน หนังสือรปู ภาพ มคี วามกระตอื รอื ร้นท่จี ะพัฒนาตนเอง ปฏิบตั ิงาน อยา่ งเต็มความสามารถ ๓) ด้านการบริหารจัดการ โรงเรียนมีการบริหารงานแบบมีส่วนร่วม โรงเรียนมีการวางแผน การปฏิบัติงาน แนวทางอย่างเป็นระบบ อย่างชัดเจน มีการนิเทศติดตาม ประเมินผลความก้าวหน้า การปฏบิ ตั ิงานอย่างตอ่ เนอื่ ง และน�ำมาพฒั นาปรับปรงุ เสมอ ๒. ภายนอก ๑) องค์กรภายนอกให้การสนับสนุน โรงเรียนได้รับการสนับสนุนการจัดท�ำสื่อการจัดการเรียน การสอนจากหน่วยงานภายนอก เช่น มูลนิธิศุภนิมิต ได้รับการสนับสนุนเงินเพ่ือจ้างครูท้องถิ่นจากมูลนิธิ ภาษาศาสตรป์ ระยกุ ต์ ๒) การนิเทศติดตามอยา่ งตอ่ เนือ่ งจากศึกษานเิ ทศก์ และมลู นธิ ภิ าษาศาสตร์ประยกุ ต์ ๓) ปัจจัยด้านชุมชน ท่ีสามารถเอื้อต่อการจัดการศึกษาของโรงเรียน คือ ชุมชนเล็งเห็น ความส�ำคัญของการจัดการศึกษาโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาท้องถ่ินร่วม จัดการเรียนรู้ ขอ้ เสนอแนะ ๑. การผลิตหนังสอื รปู ภาพควรจดั ท�ำใหค้ งทนถาวร ๒. ภาพและสีสันควรมีความสวยงามเพือ่ กระตุน้ ความสนใจของนกั เรียน 48
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ เร่อื ง หนงั สอื รปู ภาพเร่ือง ไปตัดฟืน เวลา ๑ ชวั่ โมง แผนที่ ๑ เร่อื ง หนงั สือรูปภาพเรอื่ ง ไปตดั ฟนื เวลา ๑ ชั่วโมง _ส_อ_น_ว_ัน_ท__่ี ._.._.._.._.._.._เด_อื_น__.._.._.._.._.._.._..._.._.._พ_._ศ_._._.._.._..._.._ ____________________ผ_้สู_อ__น_น__า_งก__า_ญ_จ_น__า_ป_ร_า_ศ_ร_ยั มาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๓ การฟัง การดแู ละการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรูส้ กึ ในโอกาสตา่ ง ๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชี้วดั ป. ๑/๒ ตอบคำ� ถามเล่าเร่ืองทีฟ่ ัง และดู ท้งั ทเี่ ปน็ ความรแู้ ละความบันเทงิ ป. ๑/๓ พูดแสดงความคดิ เห็นและความรูส้ กึ จากเรื่องทฟ่ี ังและดู ป. ๑/๔ พดู สือ่ สารไดต้ ามวตั ถุประสงค์ ป. ๑/๕ มีมารยาทในการฟงั ดู และการพดู สาระส�ำคัญ หนังสอื รปู ภาพเปน็ การฝกึ ทกั ษะการฟัง การพดู อยา่ งเข้าใจ และรู้ความหมายของคำ� เปน็ การฝกึ ทักษะการเรียบเรียงเร่ืองราวอย่างต่อเนื่องเป็นล�ำดับ พัฒนาการคิดวิเคราะห์ในการเรียงล�ำดับภาพ พัฒนา ความมนั่ ใจในการพูดของนกั เรยี น สาระการเรยี นรู้ การฟังและการตอบคำ� ถามเรือ่ ง ดอกไมก้ บั ผีเส้อื จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรียนสามารถพูดเรยี บเรยี งเรอื่ งราวไดเ้ ปน็ ล�ำดบั ต่อเนอ่ื ง (ม) ๒. นักเรียนสามารถตอบคำ� ถามได้ (ม,ต) คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๑. ใฝ่เรียนรู้ สมรรถนะทสี่ ำ� คัญ ๑. ความสามารถในการส่ือสาร กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นท่ี ๑ ข้นั น�ำเขา้ ส่บู ทเรียน ๑. ครสู นทนากบั นักเรียนเกีย่ วกบั การปรงุ อาหารวา่ นกั เรยี นใช้อะไรก่อไฟ ๒. ครูสนทนากับนกั เรยี นเกี่ยวกับการก่อกองไฟเรามีวธิ ขี ้นั ตอนอย่างไร ๓. ครูน�ำหนงั สอื รปู ภาพเร่อื งไปตัดฟนื เพื่อแนะน�ำค�ำศพั ท์ตามวิธกี ารสอนแบบ TPR - P ไดแ้ ก่ ฟนื กระบงุ มดี ขั้นที่ ๒ ข้นั สอน ๑. ครูเตรยี มหนงั สอื รูปภาพเร่ืองไปตัดฟืนให้นักเรยี นดูตามกล่มุ 49
๒. ครูน�ำภาพมาใหน้ กั เรียนดูทลี ะภาพใหน้ กั เรียนสนทนาภาพว่านกั เรียนเห็นอะไรในภาพบา้ ง ๓. ครูแจกภาพให้นกั เรียนไดเ้ วียนกนั ดูครบทุกคน เพ่ือใหน้ ักเรียนไดส้ มั ผัสและไดด้ รู ปู ภาพทว่ั กัน นักเรียนสนทนาภาพท่นี กั เรยี นเห็นจะเปน็ คำ� เปน็ ประโยคส้นั ๆ ก็ได้ นกั เรยี นชว่ ยกันบอกรายละเอยี ดของ ภาพแตล่ ะภาพ จนครบทุกภาพ ว่านักเรยี นเห็นอะไรในภาพบ้าง ๔. ครูพดู ประโยคตามภาพใหน้ ักเรยี นฟัง จนจบเรอ่ื ง ๑ รอบ ๑) มีกระบงุ กับมีด ๒) พแ่ี บกกระบุงและถือมีดไปตดั ฟืน ๓) พก่ี ำ� ลงั ตดั ฟนื ๔) พ่เี อาฟืนกลบั บ้าน ๕) พ่เี อาฟืนมาหุงข้าว ๕. ครพู ูดประโยคตามภาพใหน้ ักเรียนฟงั ๑ รอบแลว้ ตัง้ ค�ำถามใหน้ ักเรยี นตอบเปน็ ค�ำถามปลายปดิ ดังน้ี เชน่ ๑) มีกระบงุ กับมีด คำ� ถาม ๑) มกี ระบุงกบั มดี ใช่หรอื ไม่ ๒) มีกระบุงกบั อะไร ๓) มีมีดกบั อะไร ๔) มีจอบกับมีดใชห่ รือไม่ (ครูพดู และตั้งคำ� ถามจนจบเรอื่ ง) มกี ระบงุ กับมีด คำ� ถาม ๑. มีกระบงุ กบั มดี ใช่หรอื ไม่ ๒. มีกระบุงกับอะไร ๓. มีมีดกับอะไร ๓. มจี อบกบั มดี ใชห่ รอื ไม่ พี่แบกกระบงุ และถอื มีดไปตดั ฟนื ค�ำถาม 50 ๑. พี่แบกกระบงุ และจอบไปตัดฟนื ใช่หรอื ไม่ ๒. พ่ีแบกกระบุงและถอื ฟืนใชห่ รือไม่ ๓. พีแ่ บกกระบุงและมดี ไปตัดฟืนใชห่ รือไม่ ๔. พจ่ี ะไปทำ� อะไร ๕. พ่ีไปตัดฟืนใชห่ รอื ไม่
พี่กำ� ลังตัดฟืน คำ� ถาม พ่เี อาฟืนมาหงุ ข้าว ๑. พี่กำ� ลงั ตดั ฟนื ใชห่ รือไม่ ๒. พี่กำ� ลังตดั หญ้าใชห่ รอื ไม่ ๓. พก่ี ำ� ลงั ตดั ตน้ ไม้ใชห่ รอื ไม่ ๔. พี่กำ� ลงั ท�ำอะไร ค�ำถาม ๑. พี่เอาฟนื มาหงุ ขา้ วใช่หรือไม่ ๒. พี่เอาฟนื ไปท�ำอะไร ๓. พี่ใช้อะไรกอ่ ไฟหงุ ข้าว ๕) อาสาสมคั รนกั เรยี นพดู พร้อมครู ๖) อาสาสมัครนกั เรียนพดู เอง ๗) นักเรียนพดู พร้อมกนั ท้งั ห้อง ๘) อาสาสมัครออกมาถือภาพและช่วยกันเรียงล�ำดับภาพ ให้นักเรียนท่ีไม่ได้ถือภาพ มาเรียงล�ำดับเพ่ือน ๆ ทถ่ี อื ภาพอยู่ ๙) นกั เรยี นท่ถี ือภาพเปน็ ผ้เู ลา่ เร่ืองราวของภาพท่ีตนเองถอื เป็นลำ� ดบั ต่อกันจนจบ ๑๐) ครูถามนักเรียนว่าใครอยากสลับภาพบ้าง ถ้ามีให้นักเรียนคนนั้นมาสลับภาพและ เลา่ เรอ่ื งใหเ้ พอ่ื นฟงั ใหม่ ๑๑) ครูและนักเรียนรว่ มกนั วางแผนการแสดงบทบาทสมมุติ ๑๒) นักเรียนออกมาแสดงบทบาทสมมุติตามเน้ือเร่ือง โดยให้นักเรียนที่ไม่ได้แสดง เปน็ คนเลา่ นกั เรยี นท่ีเป็นอาสาสมคั รเป็นผูแ้ สดง ๑๓) นกั เรยี นวาดภาพระบายสีตามความเข้าใจ ข้ันที่ ๓ ขั้นสรุป นักเรียนเล่าเร่ืองดอกไม้กับผเี สื้อให้เพอื่ นฟงั โดยใชก้ จิ กรรมการเลา่ เรือ่ งผลัด คือ การเวยี นกันเล่า คนละประโยคจนจบเร่ือง และสนทนาซักถามนักเรียนว่านักเรียนอยากเปล่ียนตอนจบของเรื่องหรือไม่ ถ้านกั เรยี นอยากเปล่ยี นนกั เรยี นจะเปล่ียนอยา่ งไรและเพราะอะไรถงึ เปลยี่ น 51
สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ หนังสือรปู ภาพ การวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. สงั เกตการพดู เรียบเรยี งเร่ืองราวได้เป็นลำ� ดบั ต่อเนอ่ื งของนกั เรยี น ๒. ประเมินการตอบคำ� ถามของนกั เรียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สังเกตพฤติกรรมการใฝเ่ รยี นรู้ของนักเรียนจากความกระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม สมรรถนะทสี่ ำ� คัญ สงั เกตความสามารถในการส่อื สารจากการพดู เรียบเรยี งเรอ่ื งราวได้เปน็ ลำ� ดบั ต่อเน่ืองของนักเรยี น เครอื่ งมือการวัดผลและประเมนิ ผล ๑. แบบสังเกตการพูดเรียบเรียงเรื่องราวได้เป็นล�ำดับต่อเน่ืองของนักเรยี น ๒. แบบประเมินการตอบคำ� ถามของนกั เรียน ๓. แบบสังเกตพฤติกรรมการใฝ่เรยี นรู้ ๔. แบบสงั เกตความสามารถในการส่อื สาร ภาคผนวก เกณฑ์การให้คะแนนการตอบคำ� ถามจากหนงั สือรปู ภาพ นกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ คะแนน เกณฑ์ คะแนน ๓ คะแนน นักเรียนสามารถตอบคำ� ถามได้จำ� นวน ๑๖ ค�ำถามขน้ึ ไป คะแนน ๒ คะแนน นักเรยี นสามารถตอบค�ำถามได้จ�ำนวน ๑๒ - ๑๕ ค�ำถาม คะแนน ๑ คะแนน นกั เรยี นสามารถตอบค�ำถามไดจ้ �ำนวน ๑๐ - ๑๑ ค�ำถาม คะแนน ๐ คะแนน นกั เรียนสามารถตอบคำ� ถามไดน้ ้อยกวา่ ๑๐ ค�ำถาม 52
การพัฒนาทักษะการอ่าน - เขยี น ภาษาไทยโดยใชห้ นงั สอื เลม่ ยกั ษ์ “ชนเผ่า โทรํ (โส้)” โดย: วาสนา บวั ศรี ครูโรงเรยี นบ้านกุดสะกอย สพป.สกลนคร เขต ๑ เหตุผลและความจ�ำเปน็ นกั เรยี นโรงเรียนบา้ นกุดสะกอยเป็นชาติพันธ์โุ ทรํ (โส้) ใช้ภาษาโทรํ (โส้) พดู สอ่ื สารในชีวิตประจำ� วนั ภาษาโทรํ (โส)้ มีความแตกตา่ งจากภาษาไทยท้งั ค�ำและความหมายของคำ� ทำ� ใหค้ รู และนักเรียนสอื่ ความหมาย ไม่ตรงกัน ก่อให้เกิดปัญหาในการจัดการเรียนการสอนของครูโดยเฉพาะวิชาภาษาไทยซ่ึงเป็นวิชาพ้ืนฐาน ในการเรยี นวชิ าอืน่ ๆ และเชอ่ื วา่ ถ้านกั เรยี นมผี ลการเรยี นวิชาภาษาไทยดี ผลการเรยี นวิชาอื่น ๆ ก็จะดขี ึ้น ตามล�ำดับพัฒนาการการเรียนรู้ฟัง พูด อ่าน เขียน โรงเรียนบ้านกุดสะกอยจึงน�ำเอาภาษาโทรํ (โส้) มาจัดทำ� เปน็ บทเรยี นโดยใช้ระบบตวั เขียนภาษาโทรํ (โส)้ โดยใช้อักษรไทย เปน็ ตัวเขียน เพือ่ ให้นักเรียนไดใ้ ช้ ทกั ษะกระบวนการคดิ เปน็ ภาษาของตนเองคอื ภาษาโทรํ (โส)้ จนเกิดทกั ษะและเกิดความมนั่ ใจในการเรยี นรู้ สามารถน�ำเอาความรู้ท่ีได้มาเช่ือมโยงสู่การเรียนรู้วิชาภาษาไทยเป็นการเรียนรู้จากส่ิงท่ีใกล้ตัวคือภาษาโทรํ (โส้) ของตนเองเชอ่ื มโยงสู่ การเรียนรู้ภาษาไทย ท�ำใหเ้ กดิ การเรียนรูแ้ ละเรียนรูอ้ ย่างมีความสขุ นักเรยี นใฝ่ร้ใู ฝเ่ รยี น มากย่งิ ข้ึน วตั ถปุ ระสงค์ ๑. นกั เรียนอ่านนิทาน เรอื่ ง “กะลางนง่ึ กะแซญ็ ” และ “เหยย่ี วกับงู” ได้ถกู ต้องและมมี ารยาท ในการอ่าน ๒. นักเรียนอธิบายความหมายของ ค�ำ ประโยค ส�ำนวนทั้งภาษาโทรํ (โส้) และ ภาษาไทย จากเรื่องทอ่ี า่ นได้ ๓. นักเรยี นสามารถเขยี นเรื่องเป็นภาษาโทรแํ ละภาษาไทยได้ ๔. นักเรียนสามารถเปรียบเทียบและเชอ่ื มโยงภาษาไทยกับภาษาโทรํ (โส)้ ได้ ๕. นกั เรียนสามารถแยกขอ้ เท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่านได้ ๖. นกั เรียนสามารถเปรยี บเทียบและเชื่อมโยงภาษาไทยกับภาษาโทรํ (โส)้ ได้ กลุ่มเปา้ หมาย นักเรียนระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ 53
วิธกี ารจัดกิจกรรม/กระบวนการจดั การเรยี นการสอน สาระการเรียนรู้ นทิ านเร่อื ง กะลางนงึ กะแซ็ญ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้/วิธีการสอนหนังสือเล่มยกั ษเ์ ร่ือง กะลางนงึ กะแช็ญ ๑. ครูทบทวนความรู้เดิมโดยใช้บทสนทนาเก่ียวกับชีวิตประจ�ำวันของนักเรียนเสร็จแล้วครูน�ำหนังสือ เล่มยักษ์ที่เตรียมมาให้นักเรียนดูโดยยกข้ึนอยู่ในระดับอกของครูพร้อมกับเปิดหนังสือเล่มยักษ์ให้นักเรียนดู และถามนักเรียน ว่านักเรียนเห็นอะไรบ้างบนหนังสือเล่มยักษ์นี้นักเรียนตอบค�ำถามตามประสบการณ์เดิม ของนักเรยี น อยา่ งอสิ ระทีละหนา้ จนจบเร่ืองเปน็ ภาษาโทรํ (โส)้ (ใหเ้ รมิ่ อ่านจากปกจนจบเลม่ ) ๒. ครูถามนักเรียนว่านักเรียนอยากอ่านหนังสือเล่มยักษ์นี้หรือไม่ นักเรียนตอบ อยากอ่าน หนังสือเล่มยักษ์ค่ะ/ครับ ครูจะอ่านให้ฟัง ครูอ่านหนังสือเล่มยักษ์ด้วยภาษาโทรํ (โส้) จนจบ (ขณะท่ีอ่าน ครชู คี้ �ำทอ่ี ่านไปดว้ ยโดยการลากใตค้ �ำอา่ นไปเรอื่ ย ๆ จากซ้ายไปขวาจากบนลงลา่ ง) ๓. ครูขออาสาสมัครหน่ึงคนออกมาอ่านหนังสือเล่มยักษ์ อ่านหนังสือเล่มยักษ์พร้อมครูจนจบ นกั เรยี นอ่านหนงั สอื เล่มยักษ์ด้วยตนเองอีกครง้ั จนจบ (ชคี้ �ำอา่ นไปด้วยโดยการลากไปเรื่อย ๆ) ๔. ครูขออาสาสมัครเป็นกลุ่ม ๆ ๒ คน ๓ คน ๕ คน ออกมาอ่านหนังสือเล่มยักษ์พร้อมครู อาสาสมคั รอา่ นเองพรอ้ มกนั จนจบ ๕. ครูและนักเรียนอ่านพร้อมกันอีกคร้ัง นักเรียนทั้งหมดอ่านเองพร้อมกันเสร็จแล้วครูสรุป เรื่องจากหนงั สือเลม่ ยกั ษ์โดยการเปดิ หนงั สอื เล่มยักษป์ ระกอบ ครูสรปุ เร่ืองราวทอี่ า่ นสน้ั ๆ ๖. ครแู จกบตั รคำ� ค�ำศพั ท์จากหนังสอื เลม่ ยกั ษ์ทีน่ กั เรยี นอ่านให้นักเรยี นทกุ คน ๗. ครูและนักเรียนอ่านหนังสือเล่มยักษ์พร้อมกันทีละหน้าโดยเม่ืออ่านจบหนึ่งหน้าให้หยุดอ่าน ครูถามนักเรียนว่านักเรียนคนใดมีบัตรค�ำตรงกับค�ำอ่านในหนังสือเล่มยักษ์ในหน้านี้บ้างให้นักเรียนยกมือข้ึน และให้ออกมาอ่านคำ� นนั้ โดยการยกบตั รคำ� ชูข้ึนในระดบั อกเสรจ็ แล้วอ่านสามครงั้ ๘. น�ำบัตรค�ำที่อ่านวางทับลงไปบนค�ำที่ตรงกันนักเรียนอ่านค�ำนั้นอีกครั้งสามครั้งเสร็จแล้วอ่าน เรื่องในหน้าน้ันท้ังหมดอีกครั้ง ครูกล่าวชมเชยนักเรียนกลับไปน่ังที่เก้าอี้ของตนเองท�ำตามข้ันตอนนี้ จนครบทกุ หนา้ ๙. ครแู ละนักเรยี นอา่ นหนังสอื เล่มยักษ์เรอื่ ง กะลางนึงกะแซ็ญอีกครัง้ จนจบครอู ่านสรปุ ใจความส�ำคัญ ให้นักเรียนฟังอีกครัง้ พรอ้ มกับใหน้ ักเรียนตอบค�ำถามจากเร่ืองทอ่ี ่านเปน็ ภาษาโทรํ (โส้) นักเรยี นอ่านหนังสอื เล่มยกั ษ์พรอ้ มกันอีกครงั้ ๑๐. ครูอ่านเช่ือมโยงหนังสือเล่มยักษ์เรื่อง กะลางนึงกะแซ็ญเป็นภาษาไทยคือเรื่อง “งูกับเหยี่ยว” ซึ่งเป็นเนื้อเร่ืองเดียวกันแต่คนละภาษา (ค�ำแปลน้ีจะอยู่ ท้ายเล่มของหนังสือเล่มยักษ์) งูกับเหยี่ยวให้นักเรียนฟัง/ ครูอ่านเรื่องพร้อมนักเรียน/นักเรียนอ่านพร้อมกัน/ครูและ นกั เรยี นสรุปเร่ืองพร้อมกนั อีกคร้งั ๑๑. ครูให้นักเรียนเขียนสรุปเร่ืองท่ีอ่านด้วย ภาษาไทยอกี ครง้ั 54
สื่อการเรยี นการสอน ๑. หนงั สอื เล่มยกั ษ์ ๒. บตั รคำ� ภาษาโทรํ (โส)้ สอ่ื การเรียนการสอน (หนังสอื เล่มยักษ)์ การวัดและประเมินผล แบบทดสอบวดั ผลการเรียนรภู้ าษาโทรํ ๑. ให้นักเรยี นเติมค�ำภาษาไทยทม่ี ีความหมายตรงกบั ภาษาโทรํ ๑) กะลาง คือ................. ๒) กะแซญ็ คือ.................... ๓) ปรั คอื ................. ๔) แปอะ คือ.............. ๕) เจยี คือ................ ๖) ปะไล อะลว่ าง คอื ..................... ๗) ปะไล มะตมู กา คือ....................... ๘) กะแซญ็ ตู่ร คือ.............. ๙) มด่ั ปลัก่ คอื ...................... ๑๐) ปรยุ่ ฮ แดอะ เวย่ี ะ คอื ................... 55
เฉลย ๑. เหย่ยี ว ๒. งู ๓. บนิ ๔. ไป ๕. กนิ ๖. ผลไม้ ๗. ผลมะตูมกา ๘. งูเห่า ๙. ตาฟาง ๑๐. พ่นพิษ ๒. ใหน้ กั เรียนเขยี นค�ำต่อไปนี้ให้ถูกตอ้ งเป็นภาษาไทย เหยี่ยว งูเห่า งสู งิ หด์ ง มะตมู กา ผลไม้ พน่ พษิ ตาฟาง โฉบ นำ�้ ลาย มองเหน็ ๓. ใหน้ กั เรียนวิเคราะห์ลกั ษณะนิสัยของตวั ละครตามหัวขอ้ ที่ก�ำหนด (๑๐ คะแนน) ๓.๑) ลักษณะนิสัยท่ีดีของเหย่ียว คือ.........................................................สามารถน�ำมาเป็น แบบอยา่ งได้คือ................................................................................................................................................ ๓.๒) ลักษณะนสิ ัยของงสู งิ ห์ดงกับงูเหา่ ต่างกนั อยา่ งไร……………………………..…………………….. ......................................................................................................................................................................... สามารถน�ำมาเป็นแบบอย่างไดค้ ือ................................................................................................................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดับคะแนน คณุ ภาพ ผา่ น ไม่ผา่ น ๑๐ ดมี าก ๘-๙ ๖-๗ ดี พอใช้ ผลสำ� เรจ็ ๑. ด้านผเู้ รียน ๑) นักเรยี นมคี วามกระตอื รือรน้ และเรยี นรู้อย่างมคี วามสุขเกิดความภาคภูมใิ จในอัตลกั ษณ์ของตน ๒) นักเรียนกล้าแสดงออกและสามารถตั้งค�ำถามตอบค�ำถามได้ถูกต้องมีประสิทธิภาพ สามารถอ่านนิทานภาษาโทรํ (โส้) ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีที่โรงเรียน ท่านผ้หู ญิงจันทมิ า พง่ึ บารมี เม่อื เดือนกมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๓) นักเรียนสามารถอ่านเร่ือง “กะลางนึงกะแซ็ญ” และ “เหย่ียวกับงู” ได้ และมีมารยาท ในการอ่าน ๔) นักเรียนมีทกั ษะในการคดิ และสามารถเชือ่ มโยงภาษาโทรํ (โส้) กับภาษาไทยได้ ๕) นกั เรียนมคี วามใฝร่ ู้ใฝ่เรียนและมีคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สามารถเขียนเรือ่ งได้ ๖) ผลการเรียนของนักเรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๘ ในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรมสูงขนึ้ 56
๒. ด้านครผู ู้สอน ๑) ครูโรงเรียนบ้านกุดสะกอยได้รับรางวัลนักวิจัยเพื่อท้องถ่ินดีเด่นประเด็นการฟื้นฟูภาษา สาขาผู้ถ่ายทอดภาษาแม่เนื่องในโอกาสวันภาษาแม่สากลปลดล็อกปัญหาการศึกษาด้วยภาษาแม่ วันท่ี ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ จากศูนยศ์ กึ ษาและฟื้นภาษาวฒั นธรรมในภาวะวิกฤต สถาบันวิจยั ภาษาและวฒั นธรรมเอเชยี มหาวิทยาลัยมหิดลร่วมกับมูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูภาษาและภูมิปัญญาท้องถ่ิน ได้แก่ นางวาสนา บัวศรี ต�ำแหน่ง ครูช�ำนาญการพิเศษ นายไกร ฮาดคะดี ต�ำแหน่ง ครูช�ำนาญการพิเศษ และนางสาวอรอนงค์ ฮาดทักษ์วงศ์ ครภู ูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ๒) ครูผู้สอนได้รับรางวลั ครูดีในดวงใจประจำ� ปกี ารศึกษา ๒๕๕๘ ๓. โรงเรยี น/ชมุ ชน จากการที่ครูสามารถแก้ปัญหาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรู้ วิชาภาษาไทยของนักเรียนให้สูงข้ึน จึงทำ� ให้โรงเรียนผา่ นการประเมินภายนอกรอบสาม จาก สมศ. ไดร้ ับรางวัลต่าง ๆ ดงั น้ี ๑) รางวัลโรงเรยี นสขี าว ปลอดยาเสพตดิ ๒) โรงเรยี นบา้ นกดุ สะกอย เปน็ ศนู ยเ์ ฝา้ ระวังทางวฒั นธรรม และไดร้ ับเป็น “สถานศกึ ษาพอเพียง” ๓) ครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนบ้านกุดสะกอยรับพระราชทานเข็มเชิดชูเกียรติ จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจ�ำปีการศกึ ษา ๒๕๕๙ ปจั จยั สคู่ วามส�ำเร็จ ๑. ภายใน ๑) ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาให้การสนบั สนนุ และมีวิสยั ทัศน์ มีความเป็นกลั ยาณมติ ร ๒) ครูโรงเรียนบ้านกุดสะกอย นายไกรสร ฮาดคะดี เป็นคนโทรํ (โส้) เรียนภาษาศาสตร์ ที่สถาบันวจิ ัยภาษาและวฒั นธรรมเอเชีย มหาวทิ ยาลัยมหิดล ๓) ครูโรงเรียนบา้ นกดุ สะกอย มคี วามสามคั คีและใหค้ วามร่วมมือกนั ในทกุ ดา้ น ๔) ครูโรงเรียนบ้านกุดสะกอย เป็นผู้มีศักยภาพ มีคุณธรรม จริยธรรม และมีครูที่พูด ภาษาโทรํ (โส)้ ได้ ๕) โรงเรียนบ้านกุดสะกอย ผ่านการประเมินภายนอกรอบสาม จากส�ำนักงานรับรอง มาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษา (องคก์ ารมหาชน) ๒. ภายนอก ๑) ชุมชนบ้านกุดสะกอยเป็นชาวโทรํ (โส้) ท่ีให้ความร่วมมือและสนับสนุนกิจกรรมของ โรงเรียน เปน็ อย่างดี และการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการทเี่ กย่ี วขอ้ ง ๒) สพป.สกลนคร เขต ๑ ใหก้ ารสนบั สนนุ และก�ำกับ ติดตาม นเิ ทศโรงเรยี นบ้านกุดสะกอย เป็นอยา่ งดี 57
๓) โรงเรียนบ้านกุดสะกอย เป็นโรงเรียนในโครงการพระราชด�ำริ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารีสนับสนนุ การอนุรกั ษว์ ัฒนธรรมทอ้ งถ่ิน ๔) ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และ สถาบันวจิ ยั ภาษาและวัฒนธรรมเอเชยี มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล ข้อเสนอแนะ ๑. ครคู วรมคี วามรูแ้ ละใชภ้ าษาท้องถิ่นเปน็ อยา่ งดี ๒. สามารถน�ำวิธีการสอนไปบรู ณาการกับวิชาอน่ื ได้ ๓. นำ� ความรูท้ ีไ่ ด้ไปจดั ท�ำหนังสือเล่มเลก็ และฉากภาพวฒั นธรรมได้ ๔. โรงเรยี นทมี่ ีบริบทคลา้ ยกนั สามารถน�ำไปเปน็ แนวทางในการจัดการเรียนการสอนของตนเองได้ ๕. ครผู ้สู อนมีความเช่อื ว่าเดก็ ทุกคนสามารถพัฒนาได้ 58
การพฒั นาทกั ษะภาษาไทย โดยใช้แบบเรยี นเช่ือมโยง “ชนเผา่ ม้ง” โดย: ภคพร สนั ธิ ครโู รงเรยี นบา้ นรกั แผ่นดิน สพป.เชียงราย เขต ๒ เหตุผลและความจ�ำเปน็ โรงเรียนบ้านรักแผ่นดินมีการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยโดยน�ำภาษาท้องถ่ินร่วมจัดการเรียนรู้ (ภาษาไทย - ท้องถิ่น) เน่ืองจากนักเรียนเป็นเด็กชนเผ่าม้งท่ีใช้ภาษาท้องถิ่นในการส่ือสารในชีวิตประจ�ำวัน มกั จะมีปัญหาในเร่อื ง การสือ่ สาร ซึง่ เป็นเรือ่ งทีส่ ำ� คัญเป็นอยา่ งยงิ่ ดงั น้นั การจัดการเรียนรู้ จึงเปน็ การแก้ปญั หา การจัดการเรียนรู้ ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ โดยเฉพาะกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพราะทักษะการฟัง พูด อ่านและเขียน เป็นหัวใจหลักในการสื่อสาร ในกิจกรรมการเรียนรู้ ซ่ึงเป็นกิจกรรมเช่ือมโยงระหว่าง ภาษาท้องถ่ิน มาสู่ภาษาไทย จึงเป็นกระบวนการหน่ึงท่ีสร้างให้นักเรียนเกิดความเข้าใจในภาษาอย่างลึกซ้ึง และน�ำไปสกู่ ารส่ือสารได้ ส่งผลให้เกดิ การคิดเป็น ท�ำเป็นและแก้ปัญหาเป็น วตั ถุประสงค์ ๑. เพอ่ื พัฒนาศักยภาพผูเ้ รยี นด้านการใชภ้ าษาไทย ๒. เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นในกลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย กล่มุ เปา้ หมาย นักเรียนระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๒ 59
วธิ กี ารจดั กจิ กรรม/กระบวนการจดั การเรียนการสอน กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการอ่านแบบเรียนเช่ือมโยงตามแนวทางการสอน ภาษาไทย - ท้องถิ่น ๑. แนะนำ� คำ� ศัพท์ทางวิชาการ ตัวอยา่ ง บทท่ี ๒๔ โดยครูอา่ น ๓ ครั้ง ๒. แนะน�ำภาพ ๒ คร้งั ๓. สนทนาและดภู าพโดยครูถามวา่ ภาพอะไร ๔. บอกค�ำใตภ้ าพ วา่ ภาพนเ้ี ขยี นอย่างนเ้ี ชน่ ชานบ้าน ๕. บอกนักเรยี นว่า อ่านวา่ ชานบ้าน ๖. แนะน�ำค�ำเรื่องท่ตี นเองสอน เชน่ (-น ) ตัวสะกดในมาตราแม่ กน - โดยครอู า่ นใหฟ้ ัง ๓ ครง้ั - นกั เรียนอ่านพร้อมครู ๓ ครงั้ - อาสาสมัครอ่านพรอ้ มครู ๓ ครั้ง - อาสาสมัครอ่านเอง ๓ ครั้ง - อ่านพร้อมกนั ทั้งห้อง หมายเหตุ การอ่านตอ้ งอา่ นต้งั แตแ่ นะนำ� คำ� ใหม่ ๗. แนะนำ� การเขียน สระ พยญั ชนะ วรรณยุกต์ ที่สร้างใหมโ่ ดยการเขียนบนอากาศ หรอื กระดานดำ� หรอื กระดานสว่ นตวั ของนกั เรยี นเอง ๘. อา่ นค�ำในกลอ่ งค�ำ - โดยครอู า่ นใหฟ้ ัง ๓ คร้ัง - นักเรียนอ่านพรอ้ มครู ๓ คร้ัง - อาสาสมคั รอ่านพร้อมครู ๓ คร้งั - อาสาสมคั รอา่ นเอง ๓ ครงั้ - อ่านพร้อมกนั ท้ังหอ้ ง ๙. อ่านค�ำในกล่องพรอ้ ม ๆ กันโดยการเรยี งค�ำ หลังจากนน้ั สลบั ทอ่ี า่ น เช่น เฉียงซ้าย เฉยี งขวา บนลงลา่ ง ล่างข้นึ บน ๑๐. เขยี นค�ำในกล่องค�ำ โดยให้นกั เรยี นเขียนหาค�ำทีเ่ หมือนกบั ภาพขา้ งบน หรอื ค�ำขา้ งบน ๑๑. การเขียนควรใหน้ ักเรยี นชค้ี ำ� กอ่ นและอา่ นใหฟ้ งั กอ่ น ถึงจะเขยี นได้ ๑๒. ทบทวนโดยการให้นักเรยี นอา่ นค�ำท่นี ักเรยี นสรา้ งใหมพ่ ร้อม ๆ กันอีกครั้ง ๑๓. ท�ำแบบฝกึ หัดโดยการท�ำทลี ะข้อ ขั้นสรุป ให้นักเรียนเล่นเกมจับบัตรค�ำคู่กับภาพให้มีความหมายตรงกันและให้นักเรียนวาดภาพจากค�ำศัพท์ ท่นี ักเรียนมีอยู่ในมือ 60
สื่อการเรียนการสอน ๑. แบบเรยี นอา่ นเขยี นภาษาไทย (บทที่ ๒๔) 61
การวดั และประเมินผล วดั และประเมนิ ผลทักษะการฟัง การพูด การอา่ น และการเขยี นของผูเ้ รียนทใ่ี ช้ภาษาไทยทเี่ รยี น ดว้ ยแบบเรียนเชือ่ มโยง ผลส�ำเร็จ ๑. ด้านผู้เรยี น ๑) นักเรยี นสามารถอ่านคำ� อ่านประโยค และอา่ นเรือ่ งราวบทความสั้น ๆ ได้ ๒) นักเรียนสามารถอธิบายความหมายค�ำศัพท์พูดภาษาไทยได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นและมั่นใจ ในการพดู ภาษาไทย สามารถพดู ส่ือสารกับครแู ละการพูดเล่าเรือ่ งไดอ้ ย่างม่นั ใจ ๓) นกั เรียนแยกแยะเสยี งเหมอื น เสียงตา่ งของ พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และตวั สะกดได้ถูกต้อง ๔) นักเรียนเขียนกล่องค�ำ แต่งประโยค เรียงประโยค เขียนเป็นเรื่องราว เขียนเชิงสร้างสรรค์ ได้ถูกต้อง แบบประเมินระดับชาติ การสอบ LAS ปีการศึกษา ๒๕๕๘ โรงเรียนบ้านรักแผ่นดิน ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๒ สรุปผลการสอบ LAS ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๒ จากคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยจากคะแนนเต็ม ๖ คะแนน นักเรียนมีคะแนนเฉล่ีย ๔.๐๖ คิดเป็น ร้อยละ ๖๗.๖๗ ๒. ด้านครผู สู้ อน ๑) เปน็ วิทยากรการจัดการเรยี นการสอนโดยใช้ภาษาทอ้ งถิ่นรว่ มจัดการเรยี นรู้ ๒) การเผยแพร่ผลงานการจดั การเรียนการสอนภาษาไทยส�ำหรบั ผเู้ รยี นทีเ่ ปน็ กลุ่มชาตพิ ันธุ์ ๓. โรงเรียน/ชุมชน ชุมชน ผู้ปกครอง นักเรียนมีความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบเรียนเชื่อมโยง เน่ืองจากนักเรียนสามารถ ฟัง พูด อ่านและเขียนให้ผู้ปกครองฟัง โดยครูให้นักเรียนน�ำแบบเรียนเช่ือมโยง ไปอ่านให้ผ้ปู กครองฟงั ทบี่ า้ นและท�ำการบ้าน ผูป้ กครองมโี อกาสไดเ้ ห็นพฒั นาการของลูก 62
ปจั จยั ส่คู วามส�ำเรจ็ ๑. ภายใน ปจั จัยภายในประกอบดว้ ย ดา้ นโครงสร้างและนโยบาย ดา้ นผลผลติ และบรกิ าร ดา้ นบคุ ลากร ด้านประสิทธิภาพทางการเงิน ด้านวัสดุอุปกรณ์ ด้านบริหารจัดการ ซ่ึงสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียน บา้ นรักแผน่ ดิน ๒. ภายนอก สภาพแวดล้อมด้านปัจจัยภายนอก ได้แก่ ด้านสังคมและวัฒนธรรม ด้านเทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจ และด้านการเมืองและกฎหมาย ในด้านสังคมและวัฒนธรรมท่ีเอ้ือต่อการจัดการศึกษาได้แก่ ชุมชนมีความเป็นเอกลักษณ์ในด้านศิลปหัตถกรรมท่ีโดดเด่น ประชากรร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี ในท้องถิ่น ในชุมชนมีส�ำนักปฏิบัติธรรมท�ำให้นักเรียนได้ร่วมกิจกรรมทางศาสนา ชุมชนมีสถานีอนามัย ต้งั อยทู่ �ำให้นกั เรียนได้รบั การสนบั สนนุ ด้านอนามัย และส่งเสรมิ สขุ ภาพของนักเรยี น ข้อเสนอแนะ ๑. รปู ภาพควรมีสีสันสวยงาม น่าสนใจ ๒. ครูไทยควรเตรียมส่ือท่ีเป็นของจริงท่ีมีอยู่ในท้องถ่ินมาประกอบการเรียนการสอน เพ่ือสรา้ งแรงจงู ใจในการเรยี นรู้ของผเู้ รียน 63
แผนการจดั การเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๑ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๔ เรอื่ ง ตัวสะกด (-น) เวลา ๔ ชวั่ โมง แผนท่ี ๒ เรอ่ื ง แนะนำ� คำ� ศัพทว์ ชิ าการ เวลา ๑ ช่วั โมง _ส_อ_น_ว_ัน_ท_่.ี_.._.._.เ_ด_อื _น_._.._.._.._.._.._.._.._.._.._.._พ_.ศ__. _.._.._.._..._.._.._ ____________________ผ_ู้ส_อ_น__น_า_ง_ภ_ค_พ__ร_ส_นั__ธ_ิ _____ สาระท่ี ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ การใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคิดเพื่อน�ำไปใช้ตัดสินใจ ๑. บอกความหมายของค�ำ และขอ้ ความท่ีอ่าน ๒. ตอบคำ� ถามเกยี่ วกบั เรือ่ งทอี่ ่าน ๓. บอกความหมายของเคร่อื งหมาย หรือสัญลกั ษณส์ �ำคัญทมี่ ักพบเห็นในชีวิตประจ�ำวัน ๔. มีมารยาทในการอ่าน สาระที่ ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ การใชก้ ระบวนการเขยี นอย่างมีประสทิ ธิภาพ ๑. คัดลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทัด ๒. เขยี นส่ือสารด้วยค�ำและประโยคง่าย ๆ ๓. มีมารยาทในการเขยี น สาระที่ ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ การเข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย ๑. บอกและเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยกุ ต์ และเลขไทย ๒. เขียนสะกดคำ� และบอกความหมายของค�ำ ๓. เรยี บเรยี งคำ� เปน็ ประโยคงา่ ย ๆ สาระส�ำคญั การอ่านและการเขียนค�ำศัพท์วิชาการเป็นการเรียนรู้ความหมายของค�ำศัพท์และการน�ำไปใช้ แตง่ ประโยคและเขียนเร่อื งราวตลอดจนใชส้ อื่ สารในชีวติ ประจ�ำวัน สาระการเรยี นรู้ แนะนำ� ค�ำศัพท์ ตัวสะกด (-น) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. อ่านและบอกความหมายของคำ� และเข้าใจความหมายของเรือ่ งทอ่ี ่านได้ (ม) ๒. ตอบค�ำถามง่าย ๆ เปน็ ภาษาไทยในหนงั สอื ได้และถกู ต้อง (ต, ม) 64
๓. บอกและมีมารยาทในการอ่านได้ (ม) (ต) ๔. คัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดตามรูปแบบ การเขยี นอกั ษรไทยไดถ้ ูกต้อง (ต) ๕. เขยี นค�ำและบอกความหมายของคำ� ท่เี ขยี นได้ถกู ตอ้ ง (ต) ๖. แยกเสยี งวรรณยุกต์ และเสยี งตัวสะกดได้ (ต) ชนิ้ งาน/ภาระงาน - แบบฝกึ อ่านและแบบฝึกเขยี นคำ� ศัพท์วชิ าการในแบบเรยี นเชื่อมเรียนเช่อื มโยง บทที่ ๒๔ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - ใฝ่เรยี นรู้ สมรรถนะท่ีส�ำคญั ๑. ความสามารถในการสือ่ สาร ๒. กระบวนการคดิ กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำ� - ทบทวนคำ� ศพั ท์ ในบทที่ ๒๔ ขนั้ สอน ๑. แนะนำ� ค�ำศัพท์ทางวิชาการ (บทที่ ๒๔) โดยครูอ่าน ๓ ครง้ั ๒. แนะน�ำภาพ ๒ ครั้ง ๓. สนทนาและดภู าพโดยครถู ามว่าภาพอะไร ๔. บอกคำ� ใตภ้ าพ วา่ ภาพน้ีเขยี นอย่างน้ี เชน่ ชานบา้ น ๕. บอกนกั เรียนวา่ อา่ นว่า ชานบา้ น ๖. แนะนำ� คำ� เรื่องที่ตนเองสอน เช่น (-น) ตัวสะกดในมาตราแม่ กน - โดยครอู ่านให้ฟัง ๓ คร้ัง - นกั เรยี นอา่ นพรอ้ มครู ๓ ครั้ง - อาสาสมัครอา่ นพร้อมครู ๓ ครัง้ - อาสาสมัครอ่านเอง ๓ คร้ัง - อา่ นพรอ้ มกนั ทงั้ หอ้ ง หมายเหตุ การอ่านต้องอา่ นตัง้ แตแ่ นะน�ำคำ� ใหม่ ๗. แนะน�ำการเขียน สระ พยญั ชนะ วรรณยกุ ต์ ที่สร้างใหม่โดยการเขียนบนอากาศ หรือกระดานดำ� หรอื กระดานส่วนตวั ของนกั เรียนเอง 65
๘. อา่ นคำ� ในกลอ่ งค�ำ - โดยครูอา่ นใหฟ้ ัง ๓ ครัง้ - นกั เรยี นอ่านพร้อมครู ๓ ครั้ง - อาสาสมัครอา่ นพร้อมครู ๓ ครง้ั - อาสาสมัครอา่ นเอง ๓ คร้ัง - อ่านพรอ้ มกันท้งั ห้อง ๙. อา่ นคำ� ในกล่องพร้อม ๆ กันโดยการเรียงคำ� หลังจากน้ันสลับท่ี อา่ นเช่น เฉยี งซา้ ย เฉียงขวา บนลงล่าง ล่างข้นึ บน ๑๐. เขียนค�ำในกลอ่ งคำ� โดยใหน้ ักเรียนเขยี นหาคำ� ท่ีเหมือนกบั ภาพขา้ งคน หรอื คำ� ขา้ งบน ๑๑. การเขยี นควรให้นกั เรยี นช้ีคำ� กอ่ นและอ่านให้ฟงั กอ่ น ถึงจะเขียนได้ ๑๒. ทบทวนโดยการให้นักเรยี นอ่านค�ำท่ีนกั เรียนสรา้ งใหม่พรอ้ ม ๆ กนั อีกคร้ัง ๑๓. ท�ำแบบฝกึ หัดโดยการทำ� ทลี ะข้อ ข้นั สรปุ ให้นักเรียนเล่นเกมจับบัตรค�ำคู่กับภาพให้มีความหมายตรงกันและให้นักเรียนวาดภาพจากค�ำ ศพั ท์ ทน่ี กั เรยี นมอี ยู่ในมือ ส่อื และแหล่งเรยี นรู้ - แบบเรียนเชอ่ื มโยงภาษาไทย บทท่ี ๒๔ - บตั รภาพ บตั รค�ำศพั ท์ คำ� ศัพท์ การวดั ผลและประเมินผลการเรียนรู้ - การสงั เกตพฤติกรรมการเรยี น - การตรวจใหค้ ะแนนแบบฝึกหัดและฝกึ อ่าน - แบบสงั เกต (บันทึกหลงั การสอน) จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารวัดผล ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ๑. การพดู /การฟัง แบบเรียนเชื่อมโยงภาษาไทยบทท่ี ๒๔ แบบฝกึ หดั บตั รค�ำศัพท์ บตั รภาพ ๒. การอ่าน/การเขียน แบบเรยี นเช่ือมโยงภาษาไทย บทที่ ๒๔ แบบฝกึ หัด บตั รคำ� ศัพท์ บัตรภาพ 66
การพฒั นาทกั ษะการฟัง - พดู ภาษาไทย โดยใชก้ ารสอนแบบตอบสนองทางร่างกาย (TPR - Total Physical Response) “ชนเผ่า มง้ ” โดย: อนุชติ สุวรรณผูก ครโู รงเรยี นบ้านห้วยหาน สพป.เชยี งราย เขต ๔ เหตุผลและความจำ� เป็น เน่ืองจากโรงเรียนบ้านห้วยหานตั้งอยู่ในชุมชนท่ีเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง เมื่อนักเรียนท่ีก้าวเข้าสู่ โรงเรียน เริ่มจากช้ันอนุบาลปีท่ี ๑ ทั้งหมดนั้นมีการใช้ภาษาท้องถ่ิน (ม้ง) เพ่ือการส่ือสารในชีวิตประจ�ำวัน ของตนเองและมักจะมีปัญหาในเรื่องของการไม่เข้าใจภาษาไทยซ่ึงเป็นภาษาที่เด็กไม่คุ้นเคย เด็กก็ต้องใช้ ความพยายามอย่างมากท่จี ะตอ้ งทำ� ความเข้าใจในสงิ่ ทีค่ รูพดู จงึ ท�ำให้เด็กเกิดปญั หาในการเรยี นรู้เพราะการที่เดก็ ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง ซงึ่ เปน็ อปุ สรรคท่สี �ำคญั ดังนั้นจึงได้ใช้แนวทางการสอนแบบตอบสนองทางร่างกายหรือ ทีพีอาร์ เพ่ือจะช่วยท�ำให้เด็ก เรยี นรูภ้ าษาไทยได้อย่างถาวร สง่ เสรมิ พฒั นาทักษะการฟัง - พูดภาษาไทยทเี่ หมาะสมตามวัย เรยี นร้คู ำ� ศัพท์ ภาษาไทย เกิดการกระตนุ้ และเตรียมความพร้อมการเรยี นรขู้ องผ้เู รียน วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เรียนท่ีใช้ภาษาไทยเป็นภาษาท่ีสอง มีทักษะการฟังและการพูดภาษาไทย ปฏิบัติตาม และโตต้ อบได้ด้วยการเน้นความหมายและความเข้าใจ กลมุ่ เปา้ หมาย นกั เรียนระดับชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ 67
วธิ กี ารจดั กจิ กรรม/กระบวนการจัดการเรียนการสอน แบบตอบสนองทางร่างกาย ๑. ขัน้ เสนอบทเรียน ๑) ครอู อกค�ำสั่งทมี่ ีค�ำศัพท์ชุดใหม่ (๓ คำ� ศัพท)์ โดยครทู ำ� เปน็ ตน้ แบบให้เดก็ ดู ๓ ครัง้ เช่น…สงั่ วา่ (นงั่ ) ครกู ็ท�ำทา่ น่ัง, ครสู ั่งว่า (ยนื ) ครกู ท็ ำ� ทา่ ยืน, ครสู งั่ วา่ (กระโดด) ครกู ็ทำ� ท่ากระโดด โดยทำ� ซำ�้ ๆ ๓ รอบ ๒. ขั้นปฏิบัติ ๑) ครูออกค�ำสัง่ เดมิ และท�ำพร้อมกบั อาสาสมคั ร ๓ คนอกี ๓ ครัง้ ๒) ครอู อกค�ำสั่งเดมิ โดยไม่ทำ� แตใ่ หอ้ าสาสมัครฟงั และทำ� ด้วยตนเอง ๓ ครง้ั ๓) ครอู อกคำ� สง่ั ใหน้ กั เรยี นทง้ั ชน้ั ทำ� พรอ้ มกัน ๓. ข้ันทดสอบการปฏิบตั ิ ๑) นกั เรียนกลุ่มย่อยท�ำ ๒) นกั เรียนทำ� ทลี ะคน ๔. ข้ันประเมนิ ผล ครูออกค�ำสั่งตามท่ีก�ำหนดไว้ในแผนการจัดประสบการณ์โดยเร่ิมต้นด้วยการให้นักเรียน ทำ� พร้อมกันท้ังชั้นเรยี น และตามด้วยการท�ำเป็นกลุ่มย่อยหรอื รายบคุ คล ตวั อย่าง ภาพกจิ กรรมการจัดการเรยี นการสอน แบบตอบสนองทางร่างกายประเภท TPR - P (แปะ - ดึงออก) ขั้นเสนอบทเรียน ครูออกคำ� สั่งและท�ำใหด้ ู ๓ คร้งั ข้นั ปฏิบัติ ครอู อกคำ� สง่ั และท�ำพรอ้ มกนั ๓ ครงั้ ขั้นปฏิบตั ิ ครูออกค�ำสงั่ แลว้ ใหอ้ าสาสมคั รทำ� เอง ๓ ครงั้ ขนั้ ปฏบิ ตั ิ ครูออกค�ำสง่ั ให้นักเรียนทง้ั ช้ันทำ� พร้อมกัน ๓ ครั้ง 68
ขน้ั ทดสอบการปฏิบตั ิ และขน้ั ประเมนิ สือ่ การเรยี นการสอน ประเภทของส่อื วธิ กี ารสอนแบบตอบสนองดว้ ยท่าทาง (TPR - Total Physical Response) มีอยู่ ๔ ประเภท ดงั น้ี ๑. TPR - B (Body) เปน็ การสอนดว้ ยค�ำสง่ั ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับการเคล่ือนไหวของรา่ งกาย เช่น…นั่ง, ยืน, กระโดด โดยปฏบิ ตั ติ ามขัน้ การสอน ๒. TPR - O (Object) เปน็ การสอนด้วยคำ� สงั่ ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับสิง่ ของ ซง่ึ สว่ นใหญจ่ ะสอนควบคู่ กับค�ำสั่งท่ีเก่ียวกับร่างกาย เช่น หยิบดินสอวางดินสอ, หยิบแก้วน�้ำวางแก้วน้�ำ, หยิบสีเทียนวางสีเทียน โดยปฏิบตั ิ ตามข้นั การสอน ๓. TPR - P(Picture) เป็นการสอนเก่ยี วกับการออกค�ำส่ังทเ่ี กยี่ วข้องกบั รปู ภาพ ไดแ้ ก่ ๑) TPR - P (วาด - ลบ) เป็นทีพีอาร์ ท่ีใช้การวาดรูปบนกระดาน โดยมีจุดประสงค์ เพือ่ ฝึกการขดี - เขียน การลากเส้น สว่ นคำ� ศัพทก์ ็จะเป็นรูปทไี่ ม่สามารถนำ� ของจรงิ มาให้ดไู ด้ เช่น วาดดวง อาทิตย์ ลบดวงอาทิตย,์ วาดดวงจันทร์ ลบดวงจนั ทร,์ วาดภูเขา ลบภูเขา โดยปฏบิ ตั ติ ามขน้ั การสอน ๒) TPR - P (แปะ - ดึงออก) มจี ดุ ประสงค์เพอื่ แสดงรูปสัตว์ บคุ คลหรอื อปุ กรณ์ท่ีไมส่ ามารถ นำ� ของจรงิ มาให้นักเรียนดไู ด้ เชน่ ครูออกคำ� ส่งั วา่ แปะรูปทหาร, แปะรปู ตำ� รวจ, แปะรปู พระสงฆ์ แล้วออก ค�ำสั่ง ดึงรูปทหารออก, ดึงรปู ต�ำรวจออก, ดงึ รปู พระสงฆ์ออก โดยปฏิบัติตามข้ันการสอน ๓) TPR - P (ชี้) มจี ดุ ประสงคเ์ พ่ือแสดงสง่ิ ต่าง ๆ ท่ไี ม่สามารถนำ� เอาของจรงิ มาใหเ้ ด็กดไู ด้ โดยนำ� ภาพมาติดในชั้นเรยี น เช่น ครอู อกค�ำสัง่ วา่ ชี้ทะเล ชตี้ น้ มะพร้าว ชี้เรอื โดยปฏิบตั ิตามขัน้ การสอน ๔) TPR - P (เดนิ ทาง) เปน็ ทีพีอาร์ ทีเ่ ก่ียวกับสถานท่ี โดยนำ� รูปภาพหรอื วาดรปู แล้วน�ำไป ติดบริเวณต่าง ๆ รอบ ๆ ห้องเรียน เช่น ครูออกค�ำสั่งว่า เดินไปที่สะพาน, เดินไปท่ีวัด, เดินไปท่ีแม่นำ�้ โดยปฏิบัติ ตามข้นั การสอน 69
๕. TPR - S (Story) เป็นการสอนภาษาด้วยการเล่าเรอื่ ง ซง่ึ ควรใช้เมื่อผเู้ รียนมคี วามพรอ้ ม ด้านภาษาไทย โดยครูเล่าเร่ืองราวที่คล้ายคลึงกับชีวิตประจ�ำวันของผู้เรียน โดยผู้เรียนไม่ต้องพูดเพียงแต่ แสดงท่าทางประกอบเรอื่ งเทา่ นั้น การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการประเมิน เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ สังเกตการณพ์ ฤติกรรมเดก็ ดงั น้ี แบบสังเกตพฤตกิ รรม ๑. การเข้าใจความหมายของค�ำศัพท์ ๒. การปฏิบตั ิตามคำ� สัง่ ได้ เกณฑก์ ารประเมิน รายการประเมิน ๓ ระดับคุณภาพ ๑ ๒ ๑. การเข้าใจความหมาย แสดงท่าทางตามค�ำศัพท์ แสดงท่าทางตามค�ำศัพท์ แสดงท่าทางตามค�ำศัพท์ ของคำ� ศพั ท์ ได้ทง้ั ๓ ค�ำ ได้ ๒ ค�ำ ได้ ๑ คำ� หรอื แสดง ท่าทางไมไ่ ดเ้ ลย ๒. การปฏบิ ัติตามคำ� ส่ัง ปฏิบตั ติ ามคำ� สั่งได้ทัง้ ปฏบิ ตั ติ ามค�ำสั่งได้ ๒ คำ� ปฏบิ ัตติ ามค�ำสงั่ ได้ ๑ คำ� ๓ ค�ำ หรือปฏบิ ัติไม่ไดเ้ ลย แบบสงั เกตพฤติกรรมทักษะการฟังโดยใชว้ ิธีการสอนแบบตอบสนองทางร่างกาย (TPR - total Physical Response) เลขท่ี ชอ่ื - สกุล รายการประเมิน ๑ การเข้าใจความหมาย การปฏิบตั ติ ามค�ำสงั่ ๒ ของค�ำศพั ท์ ๓ ๔ รวม คะแนนเฉลี่ย รวมคะแนนเฉลี่ย 70
ผลสำ� เร็จ ผรู้ บั ประโยชน์ ผลของการจัดประสบการณ์ ด้านผู้เรียน ผลดี/ความส�ำเรจ็ ที่ปรากฏ ตัวชีว้ ดั ความส�ำเร็จท่ีปรากฏ ดา้ นครู ด้านชุมชน นักเรยี นมคี วามสขุ ในการเรยี น - เด็กชอบมาโรงเรยี นขาดเรยี นนอ้ ยลง - ร่วมกจิ กรรมอยา่ งสนกุ สนาน - มคี วามม่นั ใจและกล้าแสดงออก - บรรยากาศในหอ้ งเรยี นมีความสุข - เกดิ ความอยากร้อู ยากเห็น นกั เรยี นมีพฒั นาการด้านภาษาท่ีดขี ึน้ - มีทักษะภาษาทดี่ ขี ้นึ /สามารถพดู โต้ตอบกับครูได้มากขน้ึ - ซมึ ซับภาษาไทยดกี วา่ การสอนแบบเดิม มีก�ำลงั ใจและความสขุ ในการท�ำงาน - ไมเ่ ครยี ดขณะท�ำงาน มากข้นึ - ประเมนิ พัฒนาการเดก็ ได้ตามวัย ชุมชนมีความพึงพอใจต่อพัฒนาการ - ผู้ปกครองใหค้ วามร่วมมอื และให้ ที่ดีของผู้เรียน การสนับสนุนกับทางโรงเรียน ปัจจยั สู่ความส�ำเร็จ ๑. ภายใน ผูบ้ รหิ ารให้การสนบั สนนุ งบประมาณในการจัดท�ำส่อื ๒. ภายนอก ส�ำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา มูลนิธิภาษาศาสตร์ประยุกต์และองค์กรส่วนท้องถิ่น สนบั สนุนงบประมาณในการด�ำเนนิ การ ข้อเสนอแนะ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องร่วมกันสร้างความตระหนักให้กับผู้ปกครองและชุมชน ได้เห็นความส�ำคัญ กับแนวการสอนนี้ สามารถน�ำไปปรับใช้กับทักษะการสอนภาษาท่ีสองอ่ืน ๆ ได้ เช่น ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาต่างประเทศอนื่ ๆ 71
ตวั อยา่ งแผนการจดั ประสบการณ์ แผนการจัดประสบการณ์วิธีการสอนแบบตอบสนองดว้ ยท่าทาง (Total Physical Response -TPR) ช้นั อนุบาลศึกษาปที ่ี ๑ ภาคเรียนที่ ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๕๘ ________________ส_ปั_ด__าห__์ท_ี่ ๑__เ_ว_ล_า_๑__๕__น_า_ท_ี /__แ_ผ_น__ว_ัน_ท_ี่ _๑_พ__ฤ_ศ_จ_กิ _า_ย_น__๒_๕_๕__๘________________ สาระสำ� คญั การยืน นั่ง กระโดด เป็นค�ำศัพท์พ้ืนฐานเด็กเล็กก�ำหนดโดยส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพื้นฐานในหมวดค�ำกิริยา ซ่ึงเด็กปฐมวัยสามารถน�ำไปใช้ในชีวิตประจ�ำวันได้รวมทั้งเป็นพ้ืนฐานส�ำหรับ การเรียนร้คู ำ� ศัพทท์ ย่ี ากขึน้ ตอ่ ไปได้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. เขา้ ใจความหมายของคำ� ศัพท์ ยืน, นั่ง, กระโดด ๒. ปฏบิ ัติตามค�ำสัง่ ได้ สาระการเรยี นรู้ ประสบการณส์ ำ� คัญ สาระการเรียนรู้ ด้านสตปิ ญั ญา - การเลยี นแบบการกระทำ� และเสียงตา่ ง ๆ เรอ่ื งราวเกยี่ วกบั ตัวเด็ก - การรว่ มกจิ กรรมดว้ ยความสนใจ ค�ำส่งั ชุดที่ ๑. ยนื , นัง่ , กระโดด - การเชอ่ื มโยงความรู้ตา่ ง ๆ ไปใช้ในชวี ติ ประจ�ำวนั วธิ ีด�ำเนินกจิ กรรม ค�ำส่ังท่ี ๑ คำ� สั่งท่ี ๒ ค�ำส่งั ที่ ๓ คำ� สง่ั ใหม่ นัง่ ยนื กระโดด ค�ำส่งั ชดุ ท่ี ๑ 72
การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั ตอนการสอน ค�ำ / กิจกรรม ขน้ั เสนอบทเรียน ครพู ดู ทักทายกล่าวค�ำสวสั ดีกบั เด็ก ครทู �ำให้ดู ๑. ครูพูด : นง่ั ครูสาธิตการน่ังหลงั จากทีพ่ ดู “นั่ง” จบแล้ว ๒. ครูพดู : ยืน ครสู าธิตการยืนหลังจากทพ่ี ูด “ยนื ” จบแลว้ ๓. ครูพูด : กระโดด ครูสาธติ การกระโดดหลงั จากทพี่ ดู “กระโดด” จบแล้ว ๔. ครทู �ำซ�ำ้ ขอ้ ๑ - ๓ อกี ๒ รอบ ครูทำ� พร้อมอาสาสมคั ร ๑. ครถู าม : ใครจะอาสาออกมาทำ� พร้อมครูบา้ งยกมอื ขน้ึ ๒. ครคู ดั เลอื กอาสาสมคั รออกมาทำ� กจิ กรรมหนา้ ช้ันเรยี น ๔ - ๕ คน ๓. ครแู ละอาสาสมัครท�ำท่าทางพรอ้ มกนั โดยครเู ปน็ ผู้ออกค�ำสั่งทลี ะคำ� สั่งนั่ง, ยนื , กระโดดพร้อมท�ำท่าทางประกอบแต่ละค�ำสั่ง ๓ รอบ ครูส่ังโดยไมท่ �ำ ๑. ให้อาสาสมัครท่ีท�ำพร้อมครูในข้ันที่ ๒ ท�ำเองตามค�ำส่ังของครู น่ัง, ยืน, กระโดด ๓ รอบ ๒. เปลีย่ นอาสาสมคั รชุดใหม่อกี ๒ - ๓ ชุด ออกมาท�ำโดยครอู อกค�ำสง่ั เหมือนขอ้ ที่ ๑ ขั้นปฏบิ ตั ิ ๑. ครสู ่งั นัง่ , ยืน, กระโดด ให้เดก็ ทง้ั หอ้ งทำ� พรอ้ มกนั ๓ รอบ ๒. ครแู บ่งกลุม่ ยอ่ ย จ�ำนวน ๕ กล่มุ ๆ ละ ๔ - ๕ คน ๓. ครูสัง่ นัง่ , ยนื , กระโดด ให้เดก็ กลุม่ ยอ่ ยท�ำทีละกลุม่ ๆ ละ ๓ รอบ จนครบ ทุกกลุ่มโดยครเู ป็นผสู้ งั เกตเด็กทำ� ถูกต้องหรือไม่ ข้นั ทดสอบการปฏิบตั ิ ๑. ครูสั่งเด็กท�ำทีละคนโดยเฉพาะเด็กท่ีท�ำตามค�ำส่ังไม่ถูกต้อง ให้เด็กคนนั้น ท�ำพรอ้ มครู และทำ� ตามค�ำสั่งครโู ดยไมต่ ำ� หนิ ๒. หากเด็กทำ� ไดค้ รูจะสลับค�ำส่ังจากคำ� ส่งั ที่ ๑, ๒, ๓ เป็นค�ำสงั่ ท่ี ๑, ๒, ๓ หรือ ๑, ๒, ๓ เป็นต้น เพื่อให้เป็นการสังเกตเด็กว่าเด็กเข้าใจค�ำส่ัง อยา่ งแท้จรงิ และใหค้ �ำชมเชย ข้นั ประเมินผล ครูน�ำเอาค�ำส่ังที่เคยเรียนไปแล้วมาผสมกับค�ำสั่งใหม่ให้เป็นประโยคที่มีค�ำส่ัง ซอ้ นแลว้ สง่ั ให้เดก็ ทำ� ดงั น้ี ยนื น่ัง, ยืนกระโดด, น่ังยนื 73
สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือท่ใี ช้ การวัดและประเมนิ ผล แบบสงั เกตพฤตกิ รรม วธิ กี ารประเมิน สงั เกตการณพ์ ฤติกรรมเด็กดังนี้ ๑. การเขา้ ใจความหมายของคำ� ศัพท์ ๒. การปฏิบตั ิตามค�ำสง่ั ได้ เกณฑ์การการประเมนิ รายการประเมิน ๓ ระดบั คุณภาพ ๑ ๒ ๑. การเขา้ ใจความหมาย แสดงท่าทางตามค�ำศัพท์ แสดงท่าทางตามค�ำศพั ท์ แสดงทา่ ทางตามคำ� ศัพท์ ของค�ำศัพท์ ไดท้ ้งั ๓ ค�ำ ได้ ๒ ค�ำ ได้ ๑ ค�ำหรือแสดงท่าทาง ไมไ่ ดเ้ ลย ๒. การปฏบิ ตั ิตามค�ำสง่ั ปฏบิ ตั ติ ามค�ำส่งั ได้ทัง้ ปฏบิ ัตติ ามค�ำส่งั ได้ ๒ คำ� ปฏบิ ัติตามค�ำสั่งได้ ๑ ค�ำ ๓ คำ� หรอื ปฏบิ ัตไิ ม่ไดเ้ ลย แบบสงั เกตพฤตกิ รรมทักษะการฟังโดยใช้วิธกี ารสอนแบบตอบสนองทางร่างกาย (TPR - Total Physical Response) ของเด็กปฐมวยั ชนั้ อนุบาลศึกษาปีที่ ๑ โรงเรียนบา้ นหว้ ยหาน เลขที่ ช่อื - สกลุ รายการประเมิน ๑ การเข้าใจความหมาย การปฏบิ ตั ิตามคำ� ส่ัง ๒ ของค�ำศัพท์ ๓ ๔ รวม คะแนนเฉล่ยี รวมคะแนนเฉลยี่ 74
สุนนั ท์ สุเณร์ การสอนแบบสนุ นั ท์สุเณร์ บณั ฑติ า คงสกุล ฉากภาพวฒั นธรรม สู่ทกั ษะการคิดและการส่ือสาร สพุ รรณี สุทธปิ ระภา เจษฎส์ ุดา หนทู อง ทีพอี าร์พฒั นาทกั ษะ โครงการครูอาสาแกป้ ัญหาเด็ก การเขียนภาษาไทย อา่ นไมอ่ อกเขยี นไมไ่ ด้ แก้งา่ ยนิดเดยี ว น�ำ้ ผงึ้ ยเี่ ป็ง การสอนภาษาไทยแบบบูรณาการ BBL + TPR + การแจกลกู สะกดคำ� มุกดา วิชา รอฮานา สดุ นิ สอน BBL งา่ ยๆ ประสานความหว่ งใย ในแบบครูมกุ ดว้ ยถอ้ ยคำ� วันละประโยค 75
การพฒั นาทักษะการเขียนภาษาไทย ด้วยวิธีการจดั การเรยี นรู้ (ทีพีอาร)์ “ชนเผ่าชอง” โดย: สพุ รรณี สุทธปิ ระภา ครูโรงเรียนวดั ตะเคียนทอง (เพชโรปถัมภ์) สพป.จนั ทบรุ ี เขต ๒ เหตผุ ลและความจำ� เป็น ๑. ภาษาไทยมีความส�ำคญั ในฐานะทเี่ ป็นเคร่ืองมือในการเรียนรู้ ๒. ถา้ นกั เรยี นประสบความส�ำเรจ็ ในการเรียนภาษาไทย กจ็ ะมีผลท�ำใหน้ กั เรยี นประสบความส�ำเรจ็ ในการเรียนรู้ในกลุม่ สาระการเรยี นรู้อื่น ๆ ๓. ในการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอน พบว่า นักเรียนเขียนสะกดค�ำภาษาไทยผิด โดยเขียนตาม การออกเสียงภาษาชอง ๔. การจัดการเรียนรู้ภาษาที่สองวิธีการท่ีเหมาะสมกับนักเรียนที่ใช้ภาษาชองในชีวิตประจ�ำวัน วิธกี ารหนงึ่ คอื วธิ กี ารจัดการเรยี นรู้แบบ (TPR/Total Physical Response) วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือพัฒนาทักษะการเขียนภาษาไทยของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ จากสื่อวิถีชีวิตและ ภาษาชอง ด้วยวธิ ีการจัดการเรียนรู้แบบทีพีอาร์ (TPR/Total Physical Response) กลมุ่ เปา้ หมาย นกั เรียนระดับช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ 76
วิธีการจัดกิจกรรม/กระบวนการจดั การเรยี นการสอน การจัดการเรียนรู้แบบ TPR : Total Physical Response ประเภท TPR - S (Total Physical Response - Stories - telling) เป็นการสอนภาษาใหม่ด้วยการเล่าเรอ่ื งราว โดยตอ้ งการให้ผู้เรียนฟงั ครูพูด ให้เขา้ ใจเรอ่ื งราวท่ีเล่า และทำ� ท่าทางตามความหมายของเร่อื งท่ฟี ังนัน้ โดยผ้เู รียนไม่ตอ้ งพูด เพยี งแตแ่ สดง ท่าทางประกอบเรือ่ งเทา่ น้ัน ตวั อย่าง เรอ่ื ง งานรืน่ เรงิ หลังฤดเู ก็บเก่ยี ว วธิ ีด�ำเนินกิจกรรม ๑. ข้ันกอ่ นการจดั ประสบการณ์ นักเรียนศึกษาวิถีชีวิตชุมชนจากภูมิปัญญาและสถานท่ีส�ำคัญ โดยยึดตามวิถีชีวิตวัฒนธรรม ชองตง้ั แตต่ ้นปจี นถึงปลายปเี ปน็ หลกั เรอื่ ง งานร่ืนเริงหลงั ฤดเู กบ็ เก่ยี วไดแ้ ก่ พธิ ีท�ำบญุ ทงุ่ และงานเล้ียงรนื่ เริง หลงั ฤดูเก็บเกยี่ ว ครูแนะนำ� คำ� ศัพทใ์ หม่ แล้วจงึ เลา่ เรอ่ื งทลี ะตอนโดยครแู สดงทา่ ทางตามเรื่องท่เี ลา่ หลงั จากนน้ั ครูจะเลา่ เรอ่ื งน้ันซ้�ำอกี ครั้ง ๒. ข้นั การจัดประสบการณ์ ๑) ขน้ั สาธิต ครภู ูมิปัญญาสาธิตบทบาทสมมตุ ิ พธิ ีทำ� บญุ ท่งุ และงานเลย้ี งรืน่ เรงิ หลงั ฤดูเก็บเกี่ยว ตามล�ำดับ ๒) ขน้ั การปฏิบัติ ๒.๑ นักเรียนอาสาสมัครออกมาแสดงเร่ืองราว (ตามที่ครูเล่า) โดยยังไม่ต้องพูด จนกว่า เมื่อนักเรียนพร้อมจะพูดแล้วครูก็จะให้นักเรียนเล่าเร่ืองแทนครู แล้วให้นักเรียนคนอื่นออกมาแสดงท่าทาง ตามเรือ่ งที่เลา่ นัน้ ๒.๒ นักเรียนแสดงบทบาทสมมุติตามล�ำดับเร่ืองราวงานรื่นเริงหลังฤดูเก็บเก่ียวพิธีท�ำบุญทุ่ง และงานเล้ยี งรืน่ เริงหลังฤดูเกบ็ เกี่ยว ๒.๓ นักเรียนน�ำล�ำดับเรื่องราวพิธีท�ำบุญทุ่งและงานเลี้ยงร่ืนเริงหลังฤดูเก็บเก่ียวจาก การแสดงบทบาทสมมุติ มาฝึกทักษะการเขียนภาษาไทยในหัวข้อเรื่อง งานรื่นเริงฤดูเก็บเกี่ยว โดยเริ่มจาก ค�ำศัพท์เก่ียวกับร่างกาย วัตถุส่ิงของ สถานที่ บุคคลท่ีคุ้นเคย และไกลตัวออกไปเรียงความหมายจากค�ำ ไปสู่กลุ่มค�ำ และประโยค จากประโยคเดียวสู่กลุ่มประโยคท่ีร้อยเรียงกันเป็นกลุ่มความหมาย หรือข้อความ ที่ยาวมากขึ้นจนเป็นเรอ่ื งราวท่นี า่ สนใจ ๒.๔ นกั เรยี นน�ำผลงานการเขยี นเรอื่ ง งานรืน่ เรงิ ฤดูเกบ็ เก่ยี ว มารวบรวมเปน็ หนังสอื เล่มเลก็ 77
๓. ขั้นหลังการจัดประสบการณ์ ครูประเมินทักษะการเขยี นภาษาไทย ๑) ล�ำดบั การเขยี นเรือ่ งราวพธิ ที ำ� บุญทงุ่ และงานเลย้ี งรืน่ เรงิ หลังฤดเู ก็บเก่ียว ๒) ผลงานเชิงประจักษ์การเขยี นหนังสือเลม่ เล็ก เรือ่ ง งานรืน่ เรงิ หลงั ฤดเู ก็บเกี่ยว ส่อื การเรยี นการสอน ๑. สอื่ ของครภู มู ิปญั ญา เรอ่ื ง งานร่ืนเรงิ ฤดูเกบ็ เกย่ี ว ๒. สอ่ื /อุปกรณท์ ใ่ี ช้ในการแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๓. สื่อ/อุปกรณ์ ท่ีใช้ในการเขียนเร่ืองราวพิธีท�ำบุญทุ่งและงานเล้ียงรื่นเริงหลังฤดูเก็บเกี่ยว และ การเขียนหนงั สือเล่มเลก็ เรอื่ ง งานรื่นเรงิ ฤดเู กบ็ เก่ยี ว การวดั และประเมนิ ผล การประเมินทกั ษะการเขยี นตามตวั ช้ีวดั กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ผลสำ� เร็จ ๑. ดา้ นผู้เรยี น ทักษะการเขยี นภาษาไทยของนักเรียนระดับทพ่ี ึงพอใจ ๒. ดา้ นครผู ้สู อน จัดการเรยี นรูท้ กั ษะการเขยี นภาษาไทยได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผล ๓. โรงเรียน/ชุมชน ชุมชนพึงพอใจและให้ความร่วมมือในการเป็นภูมิปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาไทย ของนกั เรยี นเป็นอยา่ งดี 78
ปัจจัยสู่ความสำ� เรจ็ ๑. ภายใน ๑) ผู้อ�ำนวยการโรงเรียนให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เช่น สื่อ อุปกรณ์ ค่าตอบแทนแก่วิทยากรทอ้ งถิน่ ๒) นักเรยี นให้ความร่วมมอื ในการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน ๒. ภายนอก ๑) ภมู ิปัญญาท้องถ่นิ เห็นความสำ� คัญในการพัฒนาทักษะการเขียนภาษาไทยของนกั เรยี น ขอ้ เสนอแนะ ครูผู้สอนควรท�ำความเข้าใจแนวการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาไทยแบบทีพีอาร์ (TPR/Total Physical Response) โดยเฉพาะทีพีอาร์ : เรือ่ งราว TPR - S (Total Physical Response - Stories - telling) 79
ตัวอย่างแผนการจดั การเรยี นรู้ ภาษาและวฒั นธรรมท้องถิ่นชอง ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ _ห_น_ว่ _ย_ท_ี่_๑__แ_ผ_น_ท__่ี ๑__:_ง_า_น_ร_่นื_เ_ร_ิง_ห_ล_ัง_ฤ_ด_ูเ_ก_บ็ _เ_ก_ย่ี _ว_ ____________ ____________เว__ล_า_๑__ช_ัว่_โ_ม_ง______ สาระสำ� คัญ เขียนเล่าเร่อื งราวเกีย่ วกับงานรนื่ เรงิ หลังฤดูเกบ็ เก่ียว จดุ ประสงค์ ๑. นกั เรยี นสามารถเขยี นเร่ืองราวเปน็ ภาษาชองทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั งานร่นื เรงิ หลงั ฤดเู ก็บเก่ียวได้ ๒. นกั เรียนสามารถบอกลกั ษณะของวฒั นธรรมงานร่ืนเรงิ หลังฤดเู กบ็ เก่ียวได้ ๓. นักเรียนเกดิ ความตระหนักในการอนุรักษ์วฒั นธรรมประเพณี การบูรณาการกับสาระอื่น ภาษาไทย การฟัง พูด อ่าน เขียนประโยคอย่างง่าย ค�ำศัพท์ อ่าน เขียนประโยค วลี เขียนเพื่อการส่ือสาร เข้าใจธรรมชาติของภาษาที่เกี่ยวกับงานรื่นเริง หลังฤดเู กบ็ เกยี่ ว (ท ๑.๑.๑ ท ๑.๑.๒ ท ๒.๑.๑) คณติ ศาสตร์ การนบั วันเวลาการประมาณคา่ (ค ๑.๑.๑) วิทยาศาสตร ์ ส่งิ แวดล้อมการดูแลรักษาแหลง่ น�้ำป่า (ว ๒.๒.๑ ว ๒.๑.๑) สงั คมศึกษาฯ การปฏิบัติเก่ียวกับพระพุทธศาสนา การอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี เข้าใจ ความเป็นมาวัฒนธรรมประเพณี ความภาคภูมิใจในวัฒนธรรม การบริหาร จดั การทรัพยากรตามแนวเศรษฐกจิ พอเพยี ง (ส ๑.๑.๑ ส ๑.๑.๓ ส ๑.๑.๗) สขุ ศกึ ษาฯ การเลน่ เกมการละเลน่ กีฬา มนี �้ำใจ เคารพกฎกติกา (พ ๓.๒.๔) ศลิ ปะ วาดภาพระบายสีเกี่ยวกับงานรื่นเริงหลังฤดูเก็บเก่ียว เข้าใจความสัมพันธ์ ของดนตรกี ับวฒั นธรรม แสดงออกทา่ ทางนาฏศลิ ปอ์ ยา่ งสรา้ งสรรค์ (ศ ๑.๑.๗) การงานอาชพี ฯ การทำ� อาหารพื้นบา้ น การใชก้ ระบวนการทางเทคโนโลยีในการสบื คน้ ขอ้ มูล (ง ๑.๑.๒ ง ๑.๑.๓) ภาษาต่างประเทศ การเชือ่ มโยงภาษา (ต ๔.๑.๑) กิจกรรมการเรียนการสอน ๑. ขน้ั กอ่ นการจดั ประสบการณ์ ๑.๑ นักเรียนศึกษาวิถีชีวิตชุมชนจากภูมิปัญญาและสถานที่ส�ำคัญ โดยยึดตามวิถีชีวิต วัฒนธรรมชอง ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายปีเป็นหลัก เร่ืองงานร่ืนเริงหลังฤดูเก็บเกี่ยวได้แก่ พิธีท�ำบุญทุ่งและ งานเลี้ยงร่ืนเริงหลังฤดูเก็บเกี่ยว ครูแนะน�ำค�ำศัพท์ใหม่ แล้วจึงเล่าเรื่องทีละตอนโดยครูแสดงท่าทาง ตามเรอื่ งทเ่ี ล่า หลงั จากนัน้ ครูจะเลา่ เรื่องนนั้ ซ�้ำอกี คร้งั 80
๒. ขน้ั การจดั ประสบการณ์ ๒.๑ ขัน้ สาธิต ครูภูมิปัญญาสาธิตบทบาทสมมุติ พิธีท�ำบุญทุ่งและงานเลี้ยงร่ืนเริงหลังฤดูเก็บเกี่ยว ตามล�ำดบั ๒.๒ ขั้นการปฏบิ ัติ ๑) นักเรียนอาสาสมัครออกมาแสดงเรื่องราว (ตามท่ีครูเล่า) โดยยังไม่ต้องพูด จนกว่า เม่ือนักเรียนพร้อมจะพูดแล้ว ครูก็จะให้นักเรียนเล่าเร่ืองแทนครู แล้วให้นักเรียนคนอ่ืนออกมาแสดงท่าทาง ตามเรื่องท่เี ล่าน้ัน ๒) นักเรียนแสดงบทบาทสมมตุ ิตามลำ� ดับ เรอ่ื งราวงานร่นื เรงิ หลังฤดูเก็บเกี่ยวพิธีท�ำบุญทุง่ และงานเลย้ี งร่นื เรงิ หลงั ฤดูเกบ็ เกย่ี ว ๓) นักเรียนน�ำล�ำดับเรื่องราวพิธีท�ำบุญทุ่งและงานเลี้ยงรื่นเริงหลังฤดูเก็บเก่ียวจากการแสดง บทบาทสมมุติ มาฝึกทักษะการเขียนภาษาไทยในหัวข้อเร่ือง งานร่ืนเริงฤดูเก็บเกี่ยว โดยเริ่มจากค�ำศัพท์ เกย่ี วกับรา่ งกาย วัตถสุ ิ่งของ สถานที่ บคุ คลท่ีคุน้ เคย และไกลตัวออกไปเรยี นความหมายจากค�ำ ไปส่กู ลมุ่ ค�ำ และประโยค จากประโยคเดยี วสกู่ ลุ่มประโยค ทร่ี อ้ ยเรียงกนั เป็นกลมุ่ ความหมาย หรอื ข้อความทีย่ าวมากขน้ึ จนเปน็ เรือ่ งราวทนี่ า่ สนใจ ๔) นักเรยี นน�ำผลงานการเขยี นเร่ือง งานรนื่ เรงิ ฤดูเกบ็ เก่ยี ว มารวบรวมเปน็ หนงั สอื เล่มเล็ก ๓. ขน้ั หลังการจดั ประสบการณ์ ครปู ระเมินทกั ษะการเขยี นภาษาไทย ๓.๑ ลำ� ดบั การเขยี นเร่อื งราวพิธีท�ำบุญทุง่ และงานเล้ียงร่นื เรงิ หลงั ฤดูเกบ็ เกี่ยว ๓.๒ ผลงานเชงิ ประจกั ษ์ การเขยี นหนงั สอื เล่มเลก็ เรอ่ื ง งานรื่นเรงิ ฤดูเก็บเกี่ยว การวดั ผลประเมนิ ผล ๑. สังเกตจากพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมของนักเรียน ๒. การประเมนิ ทักษะการเขยี นตามตวั ช้วี ัด กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ๓. ประเมินผลจากกิจกรรม ใบงาน ผลงาน ผลงานการเข้ากจิ กรรมกลมุ่ การอภิปรายของนกั เรียน ส่ือการเรยี นการสอน ๑. สอ่ื ของครูภมู ิปญั ญาเร่ือง งานรื่นเริงฤดเู กบ็ เกย่ี ว ๒. ส่อื /อุปกรณ์ ท่ีใชใ้ นการแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๓. สื่อ/อุปกรณ์ ที่ใช้ในการเขียนเร่ืองราวพิธีท�ำบุญทุ่งและงานเล้ียงรื่นเริงหลังฤดูเก็บเก่ียว และ การเขยี นหนังสือเลม่ เล็ก เรื่อง งานรื่นเริงฤดเู กบ็ เกี่ยว 81
การพฒั นาทักษะการคดิ และการส่อื สาร โดยฉากภาพวฒั นธรรม (เทคนคิ การถาม - ตอบ) “ชนเผ่า เขมรถ่ินไทย” โดย: บณั ฑิตา คงสกลุ ครโู รงเรยี นบา้ นโพธิก์ อง สพป.สุรนิ ทร์ เขต ๓ เหตผุ ลและความจำ� เป็น จังหวัดสุรินทร์มีแนวชายแดนติดกับอาณาเขตกับราชอาณาจักรกัมพูชา มีภาษาท้องถิ่นที่ใช้สื่อสาร และสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ภาษาท้องถิ่นท่ีใช้ส่ือสารในชีวิตประจ�ำวัน ได้แก่ ภาษาเขมรถ่ินไทย ซ่ึงในปัจจุบัน พบว่า ภาษาและวัฒนธรรมเขมรถ่ินไทยอยู่ในภาวะถดถอยและ เกิดความเส่ียงต่อการสูญเสียวัฒนธรรมทางภาษาท่ีมีคุณค่าและเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์ นักเรียน เกิดความอายไม่กล้าพูดภาษาแม่ของตนเอง ภาษาเขมรถิ่นไทยถูกกลืนไปกับยุคสมัยค่านิยม แต่ด้วย ผู้ปกครองยังใช้ภาษาเขมรถ่ินไทยอยู่ จึงท�ำให้นักเรียนพูดไทยปนกับภาษาท้องถ่ิน ท�ำให้ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าพูด และไม่ออกความคิดเห็น ซ่ึงที่พบจากนักเรียนโรงเรียนบ้านโพธ์ิกอง คือ นักเรียนมีปัญหา ท้ังการใช้ภาษาเขมรถิ่นไทยและภาษาไทย มีความสับสนไม่ชัดเจนในแง่ของการสื่อความหมายและ ความไมส่ อดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมการใชภ้ าษา เช่น ความสภุ าพ และการใช้ภาษาให้สอดคล้องกบั หลักไวยากรณ์ เป็นตน้ โรงเรียนบ้านโพธ์ิกอง ได้จัดการเรียนการสอนบูรณาการโดยการน�ำภาษาท้องถิ่น (เขมรถ่ินไทย) และสอดแทรกวัฒนธรรมเพ่ือปลูกฝังให้นักเรียนอนุรักษ์และฟื้นฟูภาษาเขมรถ่ินไทย การใช้ภาษาเขมรถ่ินไทย ในการสือ่ สารตงั้ แตช่ น้ั อนุบาลโดยผา่ นสือ่ การเรยี นรู้ ได้แก่ ฉากภาพวฒั นธรรม และฝกึ ฝนการคดิ อยา่ งเปน็ ล�ำดับผ่านภาษาท่ีเด็กคุ้นเคยมากท่ีสุด ต้ังแต่ขั้นรู้/จ�ำได้, เข้าใจ, ประยุกต์ใช้, วิเคราะห์, ประเมินค่า และสร้างสรรค์ ตามหลกั ของ Bloom Taxonomy (สวุ ไิ ล เปรมศรรี ตั น,์ ๒๕๕๓: ๒๐ - ๒๑) เพอื่ ให้นกั เรียน ฝึกทักษะการคดิ และการส่อื สารภาษาเขมรถ่นิ ไทยมากขน้ึ เน้นกระบวนการซกั ถาม - พดู โต้ตอบ การแสดง ความคิดเห็นร่วมกัน โดยเน้นการเรียนรู้ด้วยภาษาท้องถิ่นและวิถีชีวิตวัฒนธรรมในท้องถิ่น ผู้เรียนจะเรียนรู้ ในห้องเรียนได้อย่างมีความสุข คือ ความสนุกในสิ่งใหม่ท่ีได้รับรู้จากกิจกรรมในห้องเรียน และการกล้าท่ีจะ แสดงความคิดเห็นในภาษาของตนเอง วตั ถุประสงค์ ๑. พัฒนาทกั ษะการคิดและการสอื่ สารภาษาโดยใช้กระบวนการซกั ถาม - พูดโต้ตอบ ๒. เพ่ือปลูกฝงั ใหน้ กั เรียนอนุรกั ษ์ภาษาท้องถน่ิ และภูมิปัญญาของชมุ ชน กลุ่มเปา้ หมาย นกั เรยี นระดบั ชั้นอนบุ าลปีท่ี ๒ 8 2
วธิ ีการจดั กจิ กรรม/กระบวนการจดั การเรียนการสอน ขน้ั ตอนการสอน ๑. ครเู ตรยี มความพร้อมก่อนเขา้ ส่กู ระบวนการเรยี นการสอนดว้ ยเพลง เตา๊ ะแก, แพลเฌอ ๒. ครชู ักชวนให้นกั เรียนดูภาพตา่ ง ๆ ในฉากภาพใหญ่ (ฉากภาพวฒั นธรรม เรอ่ื ง ชุมชนบ้านโพธิ์กอง) ๓. ครูตั้งค�ำถามเพื่อเกรนิ่ นำ� เขา้ ส่บู ทเรยี น ก. ต้งั คำ� ถามเกี่ยวกบั ภาพรวมของฉากภาพ (ให้พูดโต้ตอบ) เช่น คำ� ถามข้ันท่ี ๑: รู/้ จำ� ได้ มใี คร ทำ� อะไร อยู่ในภาพนบ้ี า้ ง ตวั อยา่ งคำ� ถาม เช่น ๑. ในรูปภาพมใี ครบา้ ง ๒. ในรูปท�ำอะไรบา้ ง ค�ำถามข้นั ท่ี ๒: อธบิ ายได้ หนคู ดิ ว่าภาพน้เี ก่ียวข้องกบั อะไร ข. ตั้งค�ำถามท่ีน�ำไปสู่หน่วยการเรียนรู้ท่ีต้องการสอน (ให้นักเรียนพูดโต้ตอบและปฏิบัติ) เชน่ การใชค้ �ำถามข้นั ท่ี ๑: รู้/จำ� ได้ ตัวอย่างค�ำถาม เชน่ ๑. ใครร้บู ้างคะวา่ คนหาบน�้ำอยูต่ รงไหน ออกมาชใ้ี ห้เพอ่ื นดู ๒. ใครรู้บ้างคะว่าคนขีม่ า้ อยตู่ รงไหน ออกมาชใ้ี หเ้ พอ่ื นดู ๔. ครูต้ังค�ำถามเพ่ือกระตุ้นให้เด็กเกิดพัฒนาการคิดในระดับท่ีสูงขึ้น (เน้นพัฒนาทักษะในขั้นท่ีสูงกว่า ที่เด็กม)ี โดยการใช้คำ� ถามแบบปลายปิด และปลายเปิด เชน่ คำ� ถามข้นั ที่ ๓: ขั้นประยกุ ต์ ตวั อย่างคำ� ถาม เช่น ถา้ นักเรยี นไม่มีถังตกั น้ำ� นักเรียนจะใช้อะไรตักนำ�้ ได้บ้าง คำ� ถามขัน้ ท่ี ๔: ข้นั วิเคราะห์ ตวั อยา่ งค�ำถาม เช่น คนเอาน�้ำไปท�ำอะไร และท�ำไมจึงเอาไป ค�ำถามขั้นท่ี ๕: ข้นั ประเมิน ตัวอยา่ งคำ� ถาม เชน่ ควาย ๒ ตัว ตัวไหนวงิ่ ไดเ้ ร็วกว่ากนั เพราะอะไร คำ� ถามข้นั ที่ ๖: ขัน้ สร้างสรรค์ ตัวอย่างค�ำถาม เชน่ ถ้าควายมีปกี บินได้ นกั เรยี นคดิ วา่ คนจะใหค้ วายทำ� อะไร ๕. ครูตง้ั คำ� ถามเพอื่ นำ� ไปสกู่ ารจัดกจิ กรรม “การเขียนเชิงสร้างสรรค์” เพอ่ื พัฒนาทกั ษะนกั เขยี น รุน่ เยาว์ โดยพฒั นาการจากการวาดรปู (อนบุ าล ๑) สู่การอา่ น - เขยี น (อนบุ าล ๒) ตวั อยา่ งค�ำถามนำ� ไปสู่ กิจกรรม เช่น คำ� ถามนำ� กจิ กรรม: ตัวอยา่ งค�ำถาม เช่น ๑. ในรปู ภาพมีอาชีพอะไรบา้ ง ๒. นักเรยี นชอบอาชพี อะไร และทำ� ไมถึงชอบ ๓. โตขึน้ นักเรียนอยากเป็นอะไร เพราะอะไร กจิ กรรม: (วาด) เขยี นเชงิ สร้างสรรค์ ตัวอยา่ งคำ� ถาม เช่น ๑. ใหน้ กั เรียนวาดรูปอาชีพทีน่ กั เรยี นชอบ ๒. นักเรยี นคนไหนวาดรปู เสรจ็ กอ่ นจะให้ออกมาเลา่ ให้เพ่ือนฟงั ประเมินนักเรยี น: ครูประเมนิ นกั เรยี นระหว่างการสอน 83
ส่ือการเรยี นการสอน u ฉากภาพวฒั นธรรม การวดั และประเมินผล ๑. แบบบนั ทกึ การสังเกต ๒. ผลงานและการนำ� เสนอ ๓. สังเกตการสนทนาโตต้ อบ ๔. เลน่ และทำ� กจิ กรรมรว่ มกับผูอ้ ่ืนไดอ้ ย่างมคี วามสขุ ผลสำ� เร็จ ๑. ด้านผ้เู รียน ๑) นกั เรียนเรยี นรูอ้ ย่างมีความสขุ ๒) เด็กสอ่ื สารกบั คณุ ครูและบคุ คลอืน่ ได้ ๓) นักเรียนอยากมาโรงเรียน ตนื่ ตวั กลา้ ซักถาม ๔) นกั เรียนมนั่ ใจในตวั เองมากขน้ึ ๕) นกั เรียนพฒั นาการทางดา้ นภาษา (ฟัง - พดู ) ทั้งภาษาเขมรถนิ่ ไทยและภาษาไทย ๖) นกั เรียนสนทนาสอื่ สาร/โต้ตอบเปน็ ภาษาเขมรถ่ินไทยเปน็ ประโยคที่ยาวขึ้น ๒. ดา้ นครผู ูส้ อน ๑) ครไู ด้พัฒนาตนเอง เรยี นรกู้ ารฟืน้ ฟภู าษาและภูมปิ ัญญาของชุมชน ๒) ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้รบั โลร่ างวลั ครูดีศรีปราสาท การสอนระดบั ปฐมวัย สำ� นกั งาน เขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาสรุ ินทร์ เขต ๓ 84
๓. โรงเรยี น/ชมุ ชน ๑) ท�ำให้โรงเรียนบ้านโพธ์ิกองกลายเป็นจุดสนใจของหน่วยที่เก่ียวข้องในพ้ืนที่ที่มีการใช้ภาษา เขมรถิ่นไทยท้งั เขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา โรงเรียน นักศึกษา ๒) หน่วยงานราชการ สง่ ผลให้โรงเรยี นบ้านโพธิก์ องเป็นพืน้ ทใี่ นการศกึ ษาดงู าน ๓) ชุมชนหมู่บ้านเขตบริการโรงเรียนบ้านโพธ์ิกองให้ความส�ำคัญกับกิจกรรมที่ทางโรงเรียน ท�ำมากขนึ้ ๔) ความร่วมมือในการผลิตสื่อ นิทานเล่มยักษ์ ฉากภาพวัฒนธรรมซึ่งเป็นเรื่องราวของวิถี ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถ่ินที่ถ่ายทอดจากคนของชุมชน และน�ำมาสร้างเป็นภาพวาด ประกอบด้วย หลายเร่อื งราวรวมกนั ปจั จยั สู่ความสำ� เรจ็ ๑. ภายใน ๑) คร/ู บคุ ลากร มงุ่ ม่ันในการพฒั นานักเรียน มีความกระตอื รือร้นที่จะพฒั นาตนเอง บคุ ลากร ในสถานศึกษามีความรัก ความสามัคคีร่วมมือกันปฏิบัติงาน อย่างเต็มความสามารถ บุคลากรมีความรู้ ความสามารถทห่ี ลากหลายท�ำใหน้ ักเรียนไดร้ ับประสบการณท์ หี่ ลากหลาย ๒) นกั เรียน กระตอื รอื ร้นในการเรียนรู้ มสี ว่ นร่วมในการทำ� กจิ กรรม ๓) ชมุ ชมเข้าร่วมในการผลติ ส่อื และนำ� ผลผลติ ท่ีไดม้ าใช้กับนักเรียน ๒. ภายนอก ๑) ผู้อ�ำนวยการโรงเรียนให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ ค�ำแนะน�ำ อ�ำนวยการความสะดวก ชมุ ชนเขา้ รว่ มในการผลติ ส่อื และน�ำผลผลิตทีไ่ ด้มาใชก้ ับนักเรียน ๒) ศึกษานิเทศก์ จากส�ำนักเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๓ ให้แนะน�ำ การจดั ทำ� แผนการจดั ประสบการณ์ ข้อเสนอแนะ ควรทำ� สอื่ ทค่ี งทนแข็งแรงเหมาะกบั การใช้เป็นส่ือการสอนในระยะยาว 85
86 แผนการจดั ประสบการณภ์ าษาไทย - ทอ้ งถิน่ (เขมรถน่ิ ไทย) ระดับปฐมวยั ชัน้ อนุบาลปที ่ี ๒ ภาคเรียนท่ี ๑ หนว่ ย ชุมชนของเรา สปั ดาหท์ ี่ ๗ วันจันทร์ ท ี่ เดือน พ.ศ. ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือการเรียนรู้ การวดั ผลประเมินผล มาตรฐานที่ ๙ ตัวบ่งชีท้ ่ี ๑ ภาษาเขมรถ่ินไทย ฉากภาพใหญ่ - ฉากภาพใหญ่ เน้นความหมาย มาตรฐานที่ ๑๑ ตวั บง่ ชที้ ่ี ๓ (๓๐ นาท)ี ๑. ครูเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่กระบวน ชุมชนของเรา - สังเกตจากการเล่าเรอ่ื งจากภาพ ตัวชี้วัดท่เี นน้ ความหมาย - ฉากภาพใหญ่ การเรยี นการสอนด้วยเพลง เต๊าะแก, แพลเฌอ - สงั เกตจากการเล่าเร่อื งจาก - เลา่ เร่อื งจากภาพได้ (คำ� ถามปลายเปิด) ๒. ครชู ักชวนให้นกั เรยี นดูภาพต่างๆ ในฉากภาพใหญ่ ประสบการณไ์ ด้ - เลา่ เรอื่ งจากประสบการณ์ได้ ชุมชนของเรา (ฉากภาพวฒั นธรรม เร่ือง ชมุ ชนบ้านโพธ์ิกอง) - วาดภาพตามจนิ ตนาการได้ มาตรฐานที่ ๙ ตัวบง่ ช้ที ี่ ๒ ๓. ครูต้ังค�ำถามเพ่อื เกร่นิ นาเข้าสูบ่ ทเรยี น เครื่องมอื การวดั ตวั ชี้วดั ทเี่ นน้ ความหมาย ๔. ครูตั้งค�ำถามเก่ียวกับภาพรวมของฉากภาพ แบบบนั ทกึ การสังเกต - วาดภาพตามจินตนาการได้ (ให้พูดโตต้ อบ) ๕. ครูต้ังค�ำถามที่น�ำไปสู่หน่วยการเรียนรู้ท่ีต้องการ สอน (ให้นักเรียนพูดโตต้ อบและปฏิบตั ิ) ๖. ครูต้ังค�ำถามเพื่อกระตุ้นให้เด็กเกิดพัฒนา การคิดในระดับทส่ี งู ข้ึน (เนน้ พัฒนาทักษะในขนั้ ทสี่ ูงกวา่ ที่เด็กม)ี โดยการใชค้ �ำถามแบบปลายปดิ และปลายเปิด ๗. ครูตง้ั ค�ำถามเพื่อนำ� ไปสู่การจดั กิจกรรม “การเขียน เชิงสร้างสรรค์” เพื่อพัฒนาทักษะนักเขียนรุ่นเยาว์ โดยพัฒนาการจากการวาดรูป ๘. ครใู ห้ตัวแทนของนักเรยี นออกมานำ� เสนอหน้าห้อง
แผนการจัดประสบการณภ์ าษาไทย - ทอ้ งถ่นิ (เขมรถ่ินไทย) ระดบั ปฐมวัย ช้นั อนุบาลปที ี่ ๒ ภาคเรยี นที่ ๑ หนว่ ยชุมชนของเรา สัปดาห์ท่ี ๗ วัน ท่ี เดือน พ.ศ. บนั ทึกการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ วิชาสุขศกึ ษา (กจิ กรรมเคล่อื นไหวและจงั หวะ) ...................................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................................................... วชิ าภาษาเขมรถน่ิ ไทย (กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ+์ สรา้ งสรรค)์ ...................................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................................................... วชิ าคณิตศาสตรแ์ ละเกมการศึกษา (กิจกรรมเกมการศึกษา) ...................................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................................................... วชิ าวถิ ชี ีวติ ชมุ ชน สิง่ แวดลอ้ ม และศิลปวัฒนธรรม (กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ+์ สรา้ งสรรค์) ...................................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................................................... วิชาพละศึกษา การละเลน่ พนื้ บ้าน เลน่ อิสระ (กิจกรรมกลางแจง้ /เลน่ เสรตี ามมุม) ...................................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................................................... ปญั หา/อปุ สรรค/ขอ้ เสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ............................................................................................ผู้บันทกึ ลงช่ือ............................................................................................ผตู้ รวจสอบ (นางสาวบณั ฑติ า คงสกุล) (.........................................................) ครทู อ้ งถิ่น/ครปู ระจ�ำชัน้ ผูอ้ ำ� นวยการโรงเรยี นบา้ นโพธิก์ อง 87
เครอ่ื งมือและเกณฑ์การประเมนิ ทกั ษะทางภาษา ๑. การพูด แบบบนั ทกึ การประเมินการพูด เลขที่ ประเด็น/คะแนน ความถูกตอ้ ง ความ การแสดงท่าทาง/ รวมคะแนน ชือ่ - สกลุ คล่องแคล่ว น�้ำเสียงประกอบการพูด ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ลงชื่อ.......................................................................ครผู สู้ อน (......................................................................) .........../........../.......... 88
เกณฑก์ ารให้คะแนนการพูด ระดบั คะแนน เกณฑ์การให้คะแนน น�้ำหนกั / คะแนน ประเดน็ ความสำ� คัญ รวม การประเมิน ๓ ๒ ๑ การสนทนา การสนทนา ความถกู ตอ้ ง การสนทนา โต้ตอบกบั ครไู ดด้ ี โตต้ อบกบั ครูได้ โตต้ อบกบั ครูได้ โดยครูแนะน�ำ โดยครแู นะนำ� ๑ ครัง้ มากกว่า ๒ คร้ัง ความคลอ่ งแคลว่ พูดตอ่ เนือ่ ง พดู ตะกกุ ตะกัก พดู เป็นค�ำๆ ไมต่ ิดขัด บา้ ง แตย่ งั พอ หยุดเปน็ ช่วงๆ พดู ชดั เจน สอ่ื สารได้ เพ่ือทำ� ใหส้ ่ือสาร ทำ� ใหส้ อื่ สารได้ดี ได้ไมช่ ดั เจน การแสดงท่าทาง/ แสดงทา่ ทางและ พดู ด้วยน้�ำเสียง พูดไดน้ ้อยมาก น้ำ� เสียงประกอบ พูดด้วยน�้ำเสยี ง เหมาะสมกับ การพูด เหมาะสมได้ดี บทบรรยาย แตไ่ มม่ ที า่ ทาง ประกอบ รวม 89
๒. การฟัง แบบบันทกึ การประเมินการฟงั เลขท่ี ประเด็น/คะแนน ความเข้าใจ การจบั ใจ การรู้ ปฏบิ ตั ติ าม รวม ชือ่ - สกุล ความสำ� คญั ความหมาย ค�ำสั่ง คะแนน คำ� ศพั ท์ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ลงชือ่ .......................................................................ครูผสู้ อน (.......................................................................) .........../........../.......... 90
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการฟัง ระดับคะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน น�ำ้ หนกั / คะแนน ประเดน็ ๓๒๑ ความสำ� คญั รวม การประเมิน ความเขา้ ใจ สามารถตอบ สามารถตอบ สามารถตอบ คำ� ถามหลังจาก คำ� ถามหลังจาก ค�ำถามหลังจาก ท่ีฟงั ไดท้ งั้ หมด ท่ฟี งั ได้เป็น ท่ีฟงั ไดน้ ้อยมาก ส่วนใหญ่ การจับใจ จับใจความส�ำคัญ จับใจความส�ำคัญ จบั ใจความสำ� คญั ความส�ำคญั ของเน้ือหาได้ดี ของเน้ือหาได้โดย ของเนอ้ื หาได้ ครูแนะน�ำ ๑ ครัง้ โดยครแู นะน�ำ มากกวา่ ๒ คร้ัง การร้คู วามหมาย รูค้ วามหมาย รคู้ วามหมาย ร้คู วามหมาย คำ� ศพั ท์ คำ� ศัพทท์ ัง้ หมด ค�ำศพั ท์ไดโ้ ดยครู ค�ำศัพทโ์ ดยครู แนะนำ� ๑ ครั้ง แนะนำ� มากกวา่ ๒ ครั้ง การปฏบิ ัตติ ามค�ำส่งั ปฏบิ ัติตามคำ� สั่ง ปฏบิ ัตติ ามค�ำสงั่ ปฏิบตั ติ ามคำ� สัง่ ได้ถูกตอ้ งและ ได้โดยครูแนะน�ำ ได้โดยครแู นะนำ� คลอ่ งแคลว่ ๑ ครั้ง มากกวา่ ๒ ครง้ั รวม 91
การสอนแบบ “สุนนั ทส์ ุเณร”์ “ชนเผา่ มลายถู นิ่ ” โดย: สุนนั ท์ สุเณร์ ครโู รงเรยี นบา้ นใหม่ สพป.ปตั ตานี เขต ๑ เหตุผลและความจำ� เปน็ สภาพปัญหาการเรียนการสอนภาษาไทยในปัจจุบัน ท้ังในด้านนโยบายท่ีมีชั่วโมงเรียน ของวิชาภาษาไทย ในทุกระดับชั้นลดลง ซ่ึงมีผลกระทบการจัดการสอนของครู นโยบายท่ีไม่ให้มีเด็กตก หรือซ�้ำชั้น เป็นการเพิ่มตัวเลขผู้เรียนที่อ่านหนังสือไม่ออกเขียนไม่ได้เพ่ิมข้ึนเป็นอย่างมาก ผู้บริหารไม่ได้ให้ ความส�ำคัญกับการสอนภาษาไทย ท้ังการก�ำหนดอัตราก�ำลังและงบประมาณสนับสนุน ด้านครูผู้สอนวิชา ภาษาไทยส่วนใหญ่ท่ีไม่ได้จบวิชาเอกภาษาไทยโดยตรง จึงมีผลต่อคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียน ซ่ึงต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน และด้านผู้เรียนส่วนใหญ่ เขียนหนังสือไม่ถูกต้อง มีความผิดพลาด ในการเขียนตัวสะกด ตัวการันต์ ผู้เรียนอ่านหนังสือไม่ออก จับประเด็นไม่ได้ และขาดทักษะในการคิด วิเคราะห์ อันเนื่องมาจากขาดการฝึกแสดงความคิดอย่างเป็นระบบ และปัญหาเรื่องนวัตกรรมสื่อการสอน ซึง่ ครูผู้สอนหรอื ผู้เกย่ี วขอ้ งควรจัดเตรยี มใหเ้ หมาะสมสอดคลอ้ งกับการจัดการเรียนรู้ จากผลการประเมินการอ่านการเขียน ปีการศึกษา ๒๕๕๘ พบว่า นักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ ของโรงเรียนบ้านใหม่ สำ� นกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษาปัตตานี เขต ๑ พบว่า อ่านไมอ่ อก เขียนไม่ไดค้ ดิ เป็นรอ้ ยละ ๑๐ ซ่งึ มสี าเหตุมาจากครูผู้สอนขาดเทคนิคการสอนที่เหมาะสมกบั นักเรยี นแต่ละคน ครูไม่ใช้สื่อในการจัดการเรียนรู้ ตลอดจนผู้เรียนไม่ได้ให้ความสำ� คัญต่อการเรียนวิชาภาษาไทย เด็กขาดเรียนบ่อย ผู้ปกครองขาดการเอาใจใสด่ แู ลต่อบตุ รหลานและไม่เหน็ ความสำ� คญั ของการศกึ ษา เป็นต้น ดังน้ันโรงเรียนบ้านใหม่ สังกัดส�ำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต ๑ จึงเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวและประกอบกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ในโรงเรียนมีปัญหา ด้านการอ่านออกเขียนได้ จึงพัฒนาแนวทางเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวโดยการใช้วิธีการจัดการเรียนการสอน แบบสนุ ันทส์ ุเณร์ข้นึ วัตถปุ ระสงค์ เพื่อแก้ปัญหาการอ่านออกเขียนได้ส�ำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ที่ใช้ภาษามลายูถิ่น สำ� หรับการสอื่ สารในชวี ิตประจำ� วัน กลุม่ เป้าหมาย นกั เรยี นระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ 92
วิธีการจดั กิจกรรม/กระบวนการจดั การเรยี นการสอน วิธกี ารจดั กิจกรรม/กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน การสอนแบบสุนนั ท์สเุ ณร์ มี ๗ ข้ันตอนต่อไปนี้ แผนภาพ การจัดการเรียนการสอนแบบ “สนุ ันท์สุเณร”์ โรงเรยี นบ้านใหม่ สำ� นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาปัตตานี เขต ๑ ข้ันสรา้ งความสนใจ ขนั้ ดตู ัวอย่างแลว้ ทำ� ตาม ข้นั เรียนรู้ผ่านเกม ข้ันอธบิ ายความส�ำคญั ข้นั ฝกึ ซำ้� ขนั้ นำ� ไปใช้ ขั้นสรุป 93
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226