ผลสำ� เรจ็ ๑. ดา้ นผูเ้ รียน นักเรียนสามารถสนทนา ตอบคำ� ถาม แตง่ ประโยค และอ่านคำ� ประโยคส้นั ๆ ง่าย ๆ ได้อย่างน้อย คนละ ๕๐ ประโยค นักเรียนสามารถอ่านออกเขียนได้ ใช้ภาษาไทยในการส่ือสาร ตอบค�ำถามและล�ำดับ เหตุการณใ์ นประโยค ได้ถูกต้อง นกั เรียนมีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนสงู ขึ้น และในปกี ารศึกษา ๒๕๕๘ ๒. ดา้ นครผู ้สู อน ได้รับการยอมรับจากชุมชนและกรรมการสถานศึกษาในการพัฒนาการเรียนการสอนให้นักเรียน ในชุมชน อ่านออกเขยี นไดแ้ ละไดร้ บั รางวลั ดงั ต่อไปนี้ ๑. ครูดีในดวงใจประจ�ำปีพุทธศกั ราช ๒๕๕๔ ๒. เกียรตบิ ัตรการพฒั นาทกั ษะการอา่ นสกู่ ารคดิ ตามโครงการยกระดับคุณภาพการศกึ ษาระดับ ประถมศกึ ษา ปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ จากสำ� นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ๓. เกียรติบัตรครูผู้สอนนักเรียน รางวัลเกียรติบัตรระดับเหรียญเงิน กิจกรรม การแข่งขัน การเขยี นเรียงความและคดั ลายมือ ระดับชั้น ป.๑ - ป.๓ ในงานศลิ ปหัตถกรรมนักเรยี นภาคใต้ ครั้งที่ ๖๔ ปกี ารศึกษา ๒๕๕๗ จากส�ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน ๔. เกียรติบัตร หน่ึงแสนครูดี ประจ�ำปีพุทธศักราช ๒๕๕๗ จากคุรุสภา เกียรติบัตรครูผู้สอน นักเรยี นรางวลั เกยี รตบิ ัตรเหรียญทอง ชนะเลิศ กจิ กรรม เขยี นเรียงความและคัดลายมอื ระดบั ชน้ั ป.๔ - ป.๖ ในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับเขตพ้นื ที่การศกึ ษา ครงั้ ที่ ๖๕ ประจำ� ปีการศึกษา ๒๕๕๘ จากส�ำนักงานเขต พื้นท่ีการศกึ ษาประถมศึกษานราธวิ าส เขต ๓ ๓. โรงเรียน/ชมุ ชน โรงเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนดีข้ึน และชุมชนมีความภาคภูมิใจในบุตรหลานที่สามารถ อา่ นออกเขียนได้สือ่ สารในชวี ิตประจำ� วนั รว่ มกันในสงั คมได้ 144
ปัจจยั สู่ความส�ำเรจ็ ๑. ภายใน ผู้บริหารให้การสนับสนุนในเรื่องเคร่ืองมืออุปกรณ์ในการท�ำส่ือการเรียนการสอน ครูและ นักเรียน ตลอดจนบุคลากรที่มีความเกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการผลิตส่ือพร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ ในทกุ ๆ ด้าน ท�ำใหป้ ระสบผลสำ� เรจ็ ๒. ภายนอก ได้รับการสนบั สนุนในเร่อื งเทคนคิ การสอน การจัดกจิ กรรมการสอนท่หี ลากหลาย ในการกระต้นุ สมองจาก สบย. ๑๒ (ศกึ ษาธิการภาค ๘) การให้ความรว่ มมอื ของ องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลและชาวบา้ น ในชุมชนโดยการส่งบุตรหลานมารับการสอนจากครูอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การจัดการสอนมีผลสัมฤทธ์ิ ทนี่ า่ พอใจ นกั เรียนอ่านออกเขียนไดค้ ดิ เป็นร้อยละ ๘๐ ข้อเสนอแนะ ในการสอนทุกกระบวนการครูควรใช้ภาษาไทยในการสอน และแปลความหมายด้วยภาษามลายูท้องถิ่น หรือภาษาท้องถ่ินของแต่ละชุมชนในทุกประโยค เม่ือนักเรียนเข้าใจ ส่ือความหมายในค�ำได้แล้ว จึงใช้ การสนทนาในระหว่างเรียนเป็นภาษาไทย 145
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๓ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓ หน่วยการเรียนรู้ เรือ่ ง ประสานความหว่ งใยดว้ ยถ้อยค�ำวนั ละประโยค เวลา ๒๔ ชว่ั โมง เร่อื ง การแตง่ ประโยค เวลา ๑ ชวั่ โมง ใ_ช_้ส__อ_น_ว_นั _ท_ี่._.._.._.._.._.._.._. _เด_ือ__น_.._.._.._.._.._.._.._.._.._..._.._.._.._.._.._.พ__.ศ_._._.._.._.._.._.._.._..____ภ__า_ค_เร_ีย_น__ท_่ี ๑__ป__กี _า_ร_ศ_ึก_ษ_า__๒_๕_๕_๘__ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพ่ือน�ำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหา ในการด�ำเนนิ ชีวิตและมีนิสยั รักการอา่ น ตวั ชีว้ ดั ป. ๓/๑ อา่ นออกเสยี งคำ� ข้อความ เร่อื งสั้น ๆ และบทรอ้ ยกรองงา่ ย ๆ ไดถ้ กู ต้องคล่องแคล่ว ป. ๓/๒ อธิบายความหมายของค�ำและข้อความที่อ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียน เขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราว ในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้า อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ตวั ชว้ี ดั ป. ๓/๒ เขียนบรรยายเกย่ี วกบั ส่ิงใดส่ิงหน่งึ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน ป. ๓/๕ เขยี นเรอ่ื งตามจนิ ตนาการ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และ ความรู้สกึ ในโอกาสตา่ ง ๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชี้วดั ป. ๓/๒ บอกสาระส�ำคัญจากการฟงั และการดู ป. ๓/๕ พูดสอื่ สารได้ชัดเจนตรงตามวัตถปุ ระสงค์ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและ พลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ ตวั ชว้ี ดั ป. ๓/๑ เขียนสะกดค�ำและบอกความหมายของค�ำ ป. ๓/๔ แตง่ ประโยคง่าย ๆ ป. ๓/๕ แตง่ ค�ำคล้องจองและคำ� ขวญั สาระส�ำคัญ การพูด อ่านและเขียนประโยคเป็นการแปลความหมายของประโยคจากประโยคบอกเล่า ในภาษามลายูท้องถน่ิ และน�ำมาใช้ในการสอ่ื สารเป็นภาษาไทย จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. สามารถแต่งประโยคได้ ๒. สามารถแปลภาษามลายถู ิ่นเป็นภาษาไทยได้ ๓. สามารถนำ� ไปใชส้ ือ่ สารตรงตามวตั ถุประสงคไ์ ด้ 146
สาระการเรียนรู้ การแต่งประโยค สมรรถนะของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ขอ้ ที่ ๓ มีวนิ ัย ขอ้ ท่ี ๔ ใฝเ่ รียนรู้ ข้อท่ี ๖ มุ่งมัน่ ในการทำ� งาน กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขนั้ น�ำเขา้ สู่บทเรยี น ๑. สนทนาทกั ทายนกั เรียนและทบทวนความรู้เดิม ๒. ครูน�ำแผนภูมิเนื้อเพลงข้าวโพดสาลี มาติดบนกระดาน ให้นักเรียนอ่านตามครูพร้อมกัน ๒ รอบ ครูร้องให้ฟงั และนกั เรยี นรอ้ งตาม และร้องเพลงเองอีก ๒ คร้ัง เพลงข้าวโพดสาลี (ภาษามลายถู ่นิ ) จาโกลาเวตาเนาะ เนาะตาแน ยากง (ซ�ำ้ ) โอ....อาเดะจอแม กาเซะซาแยอาแบ ตาแนยากง ตาแนยากง ปะกีตอปากะมาแก (ซำ้� ) เพลงข้าวโพดสาลี พรวนดินกนั เสียให้หมด จะปลกู ขา้ วโพดสาลี (ซำ�้ ) โอ....แม่นวลดารา เจ้าไมเ่ มตตาตวั พ่ี ข้าวโพดสาลี ปา่ น ฉะนจี้ ะโรยรา (ซ�้ำ) 147
ขัน้ สอน ๑. นักเรียนแบง่ ออกเปน็ กลมุ่ โดยนบั จำ� นวนจากมากหาน้อยเร่มิ จากเลขทีห่ ลงั สุด กลมุ่ ละ ๕ คน ๒. นักเรียนแต่ละกลุ่มรับใบความรู้ การแต่งประโยค มาศึกษา ครูจะเป็นผู้คอยแนะน�ำ ชแ้ี นะเพิ่มเติมวา่ ในการแตง่ ประโยคจะประกอบด้วย ประธาน กริยา กรรม ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแต่งประโยคใหม่ ๓ ประโยค เพ่ือท�ำบัตรประโยคและติดท่ีป้าย ประชาสัมพันธ์หน้าชั้นเรยี น ขั้นสรุป ๑. ครูกลา่ วชื่นชมนกั เรียนและอบรมความประพฤติ ระเบียบวนิ ัย การตรงตอ่ เวลา ความรับผิดชอบ ในการเปน็ ผเู้ รียนทด่ี ีและการทำ� งานรว่ มกับผู้อืน่ เพ่ือน�ำไปใชใ้ นชีวติ ประจ�ำวนั ๒. นักเรียนร่วมกันท�ำแบบฝึกหัดท่ี ๒ เพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองการเรียงค�ำ เป็นประโยค ๓. เม่ือนักเรียนท�ำในแบบฝึกเสริมทักษะการเรียงค�ำเป็นประโยคแล้วให้น�ำส่งครูเพื่อตรวจ ความถูกต้อง ๔. ให้นักเรียนแสดงบทบาทสมมุติโดยการสนทนาเป็นภาษาไทยระหว่างเพ่ือน ๒ คน ในการสนทนานั้น ครูก�ำหนดสถานการณ์ขน้ึ เช่น กามารูดนิ พบกบั อามีนท่ีคลอง ๕. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรูค้ วามเข้าใจในส่ิงทไ่ี ด้เรยี นมา การแตง่ ประโยคจะประกอบด้วย ประธาน กริยา กรรม สอื่ และแหล่งเรียนรู้ ๑. แบบฝึกเสริมทักษะที่ ๓ เรอ่ื ง การแต่งประโยค ๒. แหล่งสบื คน้ ขอ้ มลู ภายในโรงเรยี น เช่น ห้องสมดุ หอ้ งคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ๓. แผนภมู ิเนอ้ื เพลงข้าวโพดสาลี ๔. อุปกรณ์ในการจดั ทำ� บัตรประโยค กระบวนการวัดผลประเมินผล ๑. วิธีการวดั ผลและประเมนิ ผล ๑.๑ สังเกตการอ่านและการเขียนประโยค ๑.๒ ตรวจผลงานการทำ� แบบฝกึ เสริมทักษะ ๒. เครื่องมอื วดั ผลและประเมนิ ผล ๒.๑ แบบสงั เกตการอา่ นและเขียนประโยค ๒.๒ แบบบนั ทึกการตรวจผลงานการทำ� แบบฝึกเสริมทักษะ ๓. เกณฑ์การวดั ผลและประเมนิ ผล ๓.๑ การประเมินผลสังเกตการอ่านแจกลูก การเรียงประโยค และการแต่งประโยคของ นกั เรียนเกณฑก์ ารผ่านร้อยละ ๘๐ 148
แบบประเมินทักษะ/กระบวนการเรยี นรู้ ผลการประเมนิ ทักษะกระบวนการทางการเรียนรู้ เลขท่ี ช่ือ-สกุล การแก้ ัปญหา เฉล่ยี ผา่ น ไม่ผ่าน การให้เหตุผล การสื่อสาร การเชื่อมโยง ความ ู้ร ความ ิคด ิรเ ่ิรม ส ้รางสรร ์ค ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ เกณฑ์การให้คะแนน - พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ิชัดเจนและสม่�ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบัตชิ ดั เจนและบ่อยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน - พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบัตบิ างครง้ั ให้ ๑ คะแนน เกณฑก์ ารประเมินระดบั คุณภาพ - คะแนน ๑๓ - ๑๖ คะแนน ระดบั คณุ ภาพ ๔ หมายถึง ดีมาก - คะแนน ๙ - ๑๒ คะแนน ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถึง ดี - คะแนน ๕ - ๘ คะแนน ระดบั คุณภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ - คะแนน ๑ - ๔ คะแนน ระดับคณุ ภาพ ๑ หมายถงึ ต้องปรบั ปรงุ เกณฑ์ผ่านการประเมิน ไดร้ ะดับคุณภาพ ๒ ขนึ้ ไป บันทึกและขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ าร …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… ลงช่ือ………………………….............. (.........................................) ผู้อ�ำนวยการโรงเรยี นผดงุ มาตร วนั ที่ .......... เดือน ..................พ.ศ. ................ 149
บนั ทึกผลหลงั การสอน …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… ปัญหา/อปุ สรรค …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… แนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… …………………………………………………………………………….....................................................………………………… (ลงชอ่ื )…........................................... (นางรอฮานา สดุ นิ ) ครโู รงเรยี นผดุงมาตร วันที่ ........... เดือน ...................พ.ศ. ............ 150
ใบความรู้ ความรเู้ กยี่ วกับหลกั ภาษา การสะกดค�ำ หมายถึง การอ่านโดยน�ำพยัญชนะต้น สระ วรรณยุกต์ และตัวสะกดมาประสม เป็นค�ำอ่าน ถือเป็นเครื่องมือการอ่านค�ำใหม่ ซึ่งต้องให้นักเรียนสังเกตรูปค�ำพร้อมกับการอ่านการเขียน เมอื่ สะกดคำ� จนจำ� คำ� อ่านไดแ้ ล้ว ต่อไปกไ็ ม่ตอ้ งใช้วธิ ีการสะกดคำ� นัน้ ใหอ้ ่านเปน็ คำ� ได้เลย จะท�ำใหน้ ักเรียน อ่านจับใจความได้และอา่ นไดเ้ รว็ การสะกดค�ำ มีหลายวิธี ๑. สะกดตามรูปค�ำ เชน่ กา สะกดวา่ กอ - อา - กา คาง สะกดว่า คอ - อา - งอ - คาง ค้าง สะกดวา่ คอ - อา - งอ - คาง - ไมโ้ ท - คา้ ง ๒. สะกดโดยสะกดแม่ ก กา กอ่ น แล้วจึงสะกดมาตราตัวสะกด เช่น คาง สะกดว่า คอ - อา - คา - คา - งอ - คาง คา้ ง สะกดว่า คอ - อา - คา - คา - งอ - คาง - คาง - โท - ค้าง ๓. คำ� ท่มี ีสระอยหู่ น้าพยัญชนะ ให้สะกดพยัญชนะก่อนสระเสมอ เชน่ เก สะกดวา่ กอ - เอ - เก ไป สะกดว่า ปอ - ไอ - ไป ๔. ค�ำท่ีเปน็ สระลดรปู หรือสระเปลีย่ นรปู อาจสะกดได้ดังน้ี เช่น กัน สะกดว่า กอ - อะ - นอ - กนั หรอื กอ - ไม้หนั อากาศ - นอ - กัน คน สะกดวา่ คอ - โอะ - นอ - คน หรือ คอ - นอ - คน แข็ง สะกดว่า ขอ - แอะ - งอ - แขง็ หรือ ขอ - แอะ - ไม้ไต่คู้ - งอ - แขง็ เค็ม สะกดวา่ คอ - เอะ - มอ - เคม็ หรอื คอ - เอะ - ไมไ้ ต่คู้ - มอ - เคม็ ๕. คำ� อกั ษรควบ อาจสะกดไดด้ ังนี้ ๕.๑ สะกดเรยี งตวั อักษร มุง่ เพอ่ื การเขียนให้ถูกตอ้ ง เช่น กลอง สะกดวา่ กอ - ลอ - ออ - งอ - กลอง พราง สะกดวา่ พอ - รอ - อา - งอ - พราง กวาง สะกดวา่ กอ - วอ - อา - งอ - กวาง ๕.๒ สะกดตัวควบพร้อมกนั มุ่งเพ่ือออกเสยี งค�ำควบกลำ้� ใหช้ ดั เช่น กลอง สะกดว่า กลอ - ออ - งอ - กลอง พราง สะกดว่า พรอ - อา - งอ - พราง กวาง สะกดว่า กวอ - อา - งอ - กวาง 151
๖. ค�ำอกั ษรนำ� อาจสะกดได้ดงั นี้ ๖.๑ สะกดเรียงตวั อักษร มุ่งเพื่อการเขียนให้ถกู ตอ้ ง เชน่ อยาก สะกดวา่ ออ - ยอ - อา - กอ - อยาก หนา สะกดวา่ หอ - นอ - อา - หนา สนาม สะกดวา่ สอ - นอ - อา - มอ - สนาม ๖.๒ อา่ นอักษรน�ำแลว้ จงึ สะกด มุ่งเพ่อื ออกเสยี งคำ� ใหถ้ ูกตอ้ ง เช่น อยาก สะกดว่า หยอ - อา - กอ - อยาก หนา สะกดวา่ หนอ - อา - หนา สนาม สะกดว่า สะหนอ - อา - มอ - สนาม ๗. ค�ำทีต่ วั สะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด ค�ำทีม่ ีตัวการนั ต์ ใหใ้ ชห้ ลกั สงั เกตรูปคำ� รคู้ วามหมาย ของคำ� และจำ� ค�ำใหไ้ ดโ้ ดยอา่ นและเขียนอยู่เสมอ เชน่ เหตุ จันทร์ ประโยค คือ ถ้อยค�ำท่ีมีความเก่ียวข้องกันถูกต้องตามระเบียบของภาษาและมีเน้ือความ บริบรู ณ์ ประกอบดว้ ยภาคประธานและภาคแสดง องค์ประกอบของประโยค ค�ำท่ีน�ำมาเรียงกันจะเป็นประโยคได้ก็ต่อเม่ือมีภาคประธานและ ภาคแสดง นอกจากน้ีประโยคยังมีองคป์ ระกอบอื่น ๆ อีก การจ�ำแนกประโยคตามเจตนาผ้สู ง่ สาร มี ๔ ชนดิ ๑. ประโยคบอกเล่าหรือประโยคแจง้ ใหท้ ราบ เช่น ทกุ คนเกดิ มามีกรรม ๒. ประโยคค�ำถาม จะมีค�ำที่แสดงค�ำถามก�ำกับอยู่ ๒ ลักษณะ คือ ต้องการค�ำตอบที่เป็น เนื้อความ และต้องการเพียงการตอบรับหรือปฏเิ สธเท่านั้น ๓. ประโยคปฏิเสธ จะมคี ำ� ว่า ไม่ ประกอบอยู่เพ่ือแสดงให้เห็นวา่ มีความหมายตรงกนั ข้ามกบั ประโยคบอกเล่า เชน่ นิธิโรจน์ไม่ข้เี กียจเรยี นหนงั สือ วันนาไม่เคยกนิ ส้มต�ำ ๔. ประโยคค�ำส่ังและขอร้อง เป็นประโยคที่มีลักษณะสั่งให้ท�ำหรือขอร้องให้ปฏิบัติ ซึ่งสามารถละประธานไว้ได้ เพราะผู้ส่งสารและผู้รับสารต่างเข้าใจและทราบว่าสั่งหรือขอร้องใคร เช่น ห้ามเดินลดั สนาม โปรดทำ� ความเคารพประธานในพธิ ี กรณุ าถอดรองเทา้ ก่อนเข้าหอ้ งเรยี น 152
แบบฝึกเสริมทกั ษะที่ ๓ ค�ำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นนำ� ค�ำทกี่ ำ� หนดให้แต่งเปน็ ประโยคที่สมบูรณ์ พรอ้ มทั้งฝึกอ่าน ตวั อยา่ ง 153
ตอบไดถ้ ูกตอ้ ง.........ขอ้ ผา่ น ไมผ่ า่ น (เกณฑก์ ารประเมิน ตอบได้ ๘ ขอ้ ถอื วา่ ผา่ น) 154
บรรเลง สปุ ี การจัดประสบการณเ์ สรมิ ทักษะ การฟงั และดภู าษาไทยแบบ ทีพีอาร์ บุญเจริญ บญุ เชดิ ศิรลิ กั ษณ์ สุทธพิ งศธร การนเิ ทศแบบ ดาวเจ็ดดวง กลั ยาณมิตรนเิ ทศถงึ หอ้ งเรยี น ธัญลกั ษณ์ จันทรศ์ รี การนเิ ทศแบบ ดอกแกว้ เมอื งสรุ ินทร์ โศรยา ธัญญประกอบ การนิเทศแบบ วิ ๖ 155
การนิเทศการศึกษาเพอ่ื พัฒนาความสามารถ ดา้ นภาษา (Literacy) ดว้ ยเทคนคิ การนิเทศ แบบ “ดาวเจด็ ดวง” โดย: บญุ เจรญิ บญุ เชดิ ศึกษานเิ ทศก์ สพป.สรุ นิ ทร์ เขต ๓ เหตุผลและความจำ� เป็น เนื่องด้วยบริบทพืน้ ที่สภาพทางภูมิศาสตร์ สังคมวฒั นธรรม ความเช่อื ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ของโรงเรยี น แนวชายแดนไทย - กมั พูชา ส�ำนกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาสรุ ินทร์ เขต ๓ มีความเปน็ เอกลกั ษณ์ เฉพาะท้องถ่ินซึ่งมีโรงเรียนอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน ชุมชนท้องถิ่นมีความหลากหลายในการใช้ภาษาท้องถิ่น สอื่ สารในชีวิตประจำ� วัน ประกอบด้วย ภาษาเขมรถนิ่ ไทย รอ้ ยละ ๔๕ ภาษากยู รอ้ ยละ ๒๕ ภาษาไทยอีสาน ร้อยละ ๓๐ ซึ่งนับว่ามีข้อจ�ำกัดที่หลากหลายทางสังคมและวัฒนธรรม ภาษา ความเชื่อ สภาพภูมิศาสตร์ ท่ีมีความท้าทายในการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยได้สอดคล้องตามบริบทในทุกมิติเป็นอย่างย่ิง ปัจจุบันงานด้านการนิเทศการศึกษาได้เจริญก้าวหน้าไปมาก ประกอบกับเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านการศึกษา มีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน อาทิ หลักสูตร ความรู้ในสาขาต่าง ๆ และแนวการเรียนการสอนใหม่ ๆ ท่ีมีประสิทธิภาพเพ่ิมขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายรวมทั้งจุดมุ่งหมายของการศึกษา แต่ยังพบว่า ยังมีปัญหาด้านการบริหารงานวิชาการ ของผู้บริหารสถานศึกษา รวมทั้งเทคนิควิธีจัดกิจกรรมการเรียน การสอนของครผู ้สู อนภาษาไทย ใหเ้ ท่าทนั ความเปลยี่ นแปลง และบริบทในทอ้ งถนิ่ ทุกมติ ิอย่างก้าวกระโดด รวมทง้ั ปัญหาการอ่านไมอ่ อก เขียนไมไ่ ดแ้ ละผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนภาษาไทยตำ่� กวา่ ค่าเฉลยี่ ระดับประเทศ ในปจั จบุ นั พบวา่ นักเรียนในระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑ - ๓ ในสงั กดั ส�ำนักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษา ประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๓ มีปัญหาในการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เป็นจ�ำนวนมาก ซ่ึงจะก่อให้เกิดปัญหา ในการเรียนรู้กลุม่ สาระการเรยี นร้อู น่ื ๆ ท�ำให้ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนในแตล่ ะกลุม่ สาระการเรียนร้ตู ำ่� ไปดว้ ย จากการสังเคราะห์ ข้อมูลพ้ืนฐานของส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๓ พบว่า มีปัญหาในทุกภาคส่วน เช่น ขาดการเสริมต่อจากผู้ปกครอง ความยากจน ตลอดจนความแตกต่าง ด้านการใช้ภาษาท้องถิ่นของนักเรียน ได้แก่ ภาษาพ้ืนเมืองอีสาน ภาษากูย ภาษาเขมรถิ่นไทย ซึ่งในบริบทและสภาพทางภูมิศาสตร์สภาพสังคมและวัฒนธรรม ความเช่ือ ซ่ึงเป็นลักษณะพิเศษ และข้อจำ� กัดท่ีมผี ลกระทบ ต่อการพัฒนาการอ่านการเขยี นภาษาไทย ในสงั กดั สำ� นกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษา ประถมศึกษาสรุ ินทร์ เขต ๓ ซง่ึ มีลักษณะเฉพาะทอ้ งถิน่ จากผลการวินิจฉัยและคัดกรองนักเรียนด้านการอ่าน การเขียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปที ่ี ๑ - ๓ ในแตล่ ะปกี ารศึกษา พบว่า มีนกั เรียนท่ีมีปญั หาในการอา่ นไมอ่ อก เขียนไม่ได้ รวมถึงนักเรยี น ไม่เข้าใจค�ำศัพท์ ความหมายในภาษาไทยกลาง ท�ำให้การส่ือสารผิดเพ้ียนไป ซ่ึงพบว่าในแต่ปีการศึกษา 156
จะมีนักเรียนท่ีอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้จ�ำนวนมาก อยู่ในระดับปรับปรุง และไม่น่าพึงพอใจ นอกจากน้ี ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนยังต�่ำกว่าค่าเฉล่ียระดับประเทศมาอย่างต่อเนื่อง (ส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ี การศกึ ษาประถมศึกษาสรุ ินทร์ เขต ๓ : ๒๕๕๘) ซ่งึ สง่ ผลต่อความสามารถในการเรยี นรู้ของนกั เรียน และ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ผลการวิเคราะห์สภาพปัญหา พบว่า ครูผู้สอนบางส่วน ไม่ได้จบเอกภาษาไทย หรือครูท่ีไม่เข้าใจในภาษาท้องถ่ิน ท�ำให้การสื่อสารกับนักเรียนมีข้อจ�ำกัด และบกพร่องได้ด้วย ครูผู้สอนขาดสื่อนวัตกรรมท่ีเหมาะสมกับการเรียนการสอนภาษาไทย ปัญหา ด้านนักเรียน ปัญหาด้านชุมชนผู้ปกครองมีการอพยพย้ายถ่ิน ความยากจน ตามแนวชายแดนร่วมด้วย จึงมีความจ�ำเป็นที่จะต้องด�ำเนินการแก้ไขปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้และยกระดับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนภาษาไทยของนักเรียน ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ ด้วยวิธีการท่ีหลากหลายสอดคล้อง ตามบริบทในท้องถิ่น ซ่ึงกิจกรรมและโครงการ ท่ีด�ำเนินการแล้วประสบผลส�ำเร็จเป็นรูปธรรม ได้แก่ “โครงการรวมพลังสร้างสรรค์สอนลกู หลานใหอ้ ่านออกเขียนได้ ๑๐๐ % ภายในปี ๒๕๕๙” ซง่ึ โครงการ ดังกล่าว ได้ด�ำเนนิ การมาอย่างตอ่ เนอ่ื ง ตัง้ แต่ปีการศกึ ษา ๒๕๕๕ จนถึงปัจจุบนั จากเหตุผลความส�ำคญั ดังกล่าว ผศู้ กึ ษาค้นคว้า ซงึ่ เป็นศึกษานเิ ทศก์ผรู้ ับผิดชอบ กลุ่มงานนเิ ทศ ติดตามและประเมินผลระบบบริหารการจัดการศึกษาและกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โครงการแก้ไข ปัญหานกั เรียนที่อ่านไมอ่ อก เขยี นไมไ่ ด้ โดยเฉพาะนกั เรียนท่ีใช้ภาษาท้องถ่นิ ในชีวิตประจ�ำวัน เชน่ ภาษากยู ภาษาเขมรถ่นิ ไทย และยกระดับผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยให้สงู ข้นึ ได้ศกึ ษาทำ� ความเข้าใจ หลักการ กระบวนการ เทคนิค รปู แบบและวธิ ีการนเิ ทศการศึกษาใหเ้ ปน็ ระบบ ทงั้ ด้านปัจจยั ตัวปอ้ น กระบวนการ ผลผลิต เพื่อน�ำไปใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนและการนิเทศการศึกษาให้ครอบคลุมในทุกมิติ จงึ ไดพ้ ัฒนารูปแบบการนิเทศการศกึ ษาในหัวขอ้ เร่อื ง “การนิเทศการศึกษาเพ่ือพัฒนาความสามารถด้านภาษา (Literacy) ส�ำหรับครูผู้สอนภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๓ ด้วยเทคนิคการนิเทศแบบ “ดาวเจ็ดดวง” ขึ้น ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยให้ การบริหารงานวิชาการ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาไทย และผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ความสามารถ ด้านภาษา (Literacy) ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๓ ของโรงเรียนในสังกัดส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาสรุ นิ ทรเ์ ขต ๓ เพิ่มสูงข้ึน วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อพัฒนาครูผู้สอนภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๓ ความสามารถด้านภาษา (Literacy) โดยใช้ชดุ ฝกึ อบรมเชงิ ปฏิบัตกิ าร ๒. เพื่อนิเทศการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครูผู้สอนภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๓ ความสามารถด้านภาษา (Literacy) ด้วยเทคนิคการนเิ ทศแบบ “ดาวเจด็ ดวง” ๓. เพื่อพัฒนาความสามารถด้านภาษา (Literacy) การอ่านรู้เรื่องและส่ือสารได้ ของนักเรียน ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ 157
กลุม่ เปา้ หมาย ๑. ครูผสู้ อนภาษาไทยชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ จำ� นวน ๒๕๙ คน มีความรู้ความเขา้ ใจและสามารถ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนความสามารถดา้ นภาษา (Literacy) อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ๒. ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนภาษาไทย ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ ความสามารถด้านภาษา (Literacy) เพม่ิ สงู ขึน้ ๓. นกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ มคี วามสามารถในการรูเ้ รอ่ื งและสอื่ สารไดท้ กุ คน การนเิ ทศการศึกษาเพ่อื พัฒนาความสามารถดา้ นภาษา (Literacy) ส�ำหรับครผู ้สู อนภาษาไทยชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓ ด้วยเทคนคิ การนิเทศ ๗. ผดงุ ไว้ ๑. การสร้าง ๒. รหู้ ลกั การ เชิดชเู กยี รติ ความตระหนัก หลากวิธี ให้ยัง่ ยนื ๓. สวู่ ถิ ี ๖. กอ่ เกดิ เทคนคิ การนิเทศ การปฏิบัติ การวิจัย แบบดาวเจ็ดดวง ๕. นำ� สู่ ๔. พัฒนา ความเป็นเลิศ นวัตกรรม แผนภาพ : รูปแบบและกระบวนการนเิ ทศการศกึ ษา โดยใช้เทคนิคการนิเทศแบบดาวเจด็ ดวง พฒั นาโดย นายบุญเจริญ บุญเชดิ ศึกษานิเทศก์ สพป. สรุ นิ ทร์ เขต ๓ 158
แผนภาพแสดง : การนิเทศการศึกษา การพัฒนาความสามารถด้านภาษา (Literacy) ครูผสู้ อนภาษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ ดว้ ยเทคนคิ การนเิ ทศแบบ “ดาวเจ็ดดวง” ดวงท่ี ๑ การสรา้ งความตระหนกั ๑. ประชมุ สัมมนาผู้บรหิ าร/ครูผู้สอนฯ ๒. วเิ คราะห์ปัญหา/สาเหตุ ๓. กำ� หนดทางเลือกในการแกป้ ญั หา ๔. เลือกทางเลือกท่ีเหมาะสม ดวงที่ ๒ รหู้ ลักการหลากวิธี ๑. ประชมุ ปฏบิ ัตกิ าร (เครือข่าย, โรงเรียน) ดวงที่ ๓ สวู่ ิถกี ารปฏิบัติ ๒. อบรมสรา้ งสื่อนวตั กรรม/ชดุ ฝึก/แบบฝึก ฝึกอบรมเทคนิคการสอน การอ่านการเขียนฯ ๑. ครูจดั การเรยี นการสอน/ผู้บริหารโรงเรียน นเิ ทศ ติดตาม กำ� กับ ๒. ศกึ ษานิเทศก์ นเิ ทศ ติดตาม สง่ เสริม ชแี้ นะ ฯลฯ ดวงท่ี ๔ พัฒนานวตั กรรม ๑. ก�ำหนดแนวทางการพัฒนานวตั กรรม ดวงท่ี ๕ นำ� สู่ความเปน็ เลศิ ๒. สรา้ งและพฒั นานวัตกรรม ๓. น�ำนวัตกรรมไปใช้ (เชน่ ฉากภาพวัฒนธรรม, เล่มใหญ่ รปู แบบการสอนทวภิ าษา ฯลฯ) ๑. ครสู รา้ งนวัตกรรมทีเ่ ปน็ เลศิ /มีประสทิ ธภิ าพ ๒. โรงเรียนสรรหานวตั กรรมระดบั โรงเรียน ๓. นิเทศ ติดตาม/จัดประกวดแข่งขัน นักเรียน ครู ผูบ้ ริหาร ดวงที่ ๖ ก่อเกิดการวิจัย ๑. สพป. จดั เวทนี ำ� เสนอผลงานวิจัยดีเดน่ /การสอนดีเด่น ๒. จัดกิจกรรมแลกเปลีย่ นเรียนรู้/น�ำผลการวิจัยพัฒนาไปใช้ ดวงท่ี ๗ ผดุงไวเ้ ชิดชเู กียรติ ๑. โรงเรยี น สร้างเครอื ขา่ ยพัฒนาต่อเนอื่ ง ให้ยง่ั ยืน ๒. เครอื ข่ายวิชาการจัดยกย่องเชดิ ชเู กยี รติ แลกเปลี่ยน เรียนรู้ ๓. สพป. ยกย่องเชิดชูเกียรติ ครู นักเรียน ผู้บริหาร ท่มี ีผลงานดเี ดน่ พฒั นารปู แบบโดย บญุ เจรญิ บุญเชิด ศกึ ษานเิ ทศก์ชำ� นาญการพิเศษ ส�ำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสรุ ินทร์ เขต ๓ 159
ดวงท่ี ๑ การสร้างความตระหนกั ๑. ศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหานักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ โดยให้โรงเรียนทุกโรงเรียนส�ำรวจวิเคราะห์ปัญหาเพ่ือให้สอดคล้องกับ จุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผูเ้ รยี น ๒. คัดกรองนักเรียนท่มี ปี ัญหาทางการเรยี นรู้ โดยการวิเคราะห์ อยา่ งทว่ั ถงึ ทุกปญั หาของเด็กเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะนักเรยี นท่ใี ชภ้ าษา ท้องถิ่นในชีวติ ประจำ� วนั ภาษาเขมรถิน่ ไทย ภาษากูย ๓. จัดประชุมปฏิบัติการครูผู้สอนภาษาไทย เร่ือง แนวทาง การแกไ้ ขปญั หานักเรยี นทีอ่ า่ นไมอ่ อกเขยี นไม่ได้ อ่านไมค่ ล่อง เขียนไมค่ ลอ่ ง และยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย โดยเชิญวิทยากรและ คณะผเู้ ชีย่ วชาญเฉพาะดา้ นมาให้ความรู้ จำ� นวน ๒๕๙ คน ๔. โรงเรียนจัดเด็กกลุ่มที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ และด�ำเนินการแก้ไขและพัฒนาด้วยสื่อวิธีการ ท่ีสำ� นักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษากำ� หนด ๕. เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย (Participation) เพ่ือการพัฒนา ประกอบด้วย (๑) ระดบั ส�ำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๓ (๒) ระดับเครือข่าย (๓) ระดบั โรงเรียน (๔) ระดบั ชมุ ชน ดวงที่ ๒ รูห้ ลักการหลากวธิ ี ๑. จัดประชุมปฏิบัติการ ให้กับครูผู้สอนภาษาไทย เร่ือง การพัฒนาสื่อและนวัตกรรมท่ีใช้ในการแก้ไขปัญหาการอ่านไม่ออก เขยี นไมไ่ ด้ การสร้างสอื่ นวตั กรรม ดา้ นการอ่านรู้เรอ่ื งและสอ่ื สารได้ ฯลฯ ๒. จัดท�ำบนั ทกึ ขอ้ ตกลงความร่วมมอื ในการใหบ้ ริการสาธารณะ (PISA) ระหว่าง ผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา สุรนิ ทร์ เขต ๓ กับผบู้ รหิ ารโรงเรยี น จ�ำนวน ๒๓๔ โรงเรยี น ๓. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การพัฒนาความสามารถด้านภาษา (Literacy) ครผู ู้สอนภาษาไทยชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ โดยใชช้ ดุ ฝกึ อบรม ๔. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการการท�ำวิจัยในชั้นเรียน ให้กับ กลุ่มสนใจ ร่วมกับชมรมครูภาษาไทยในการพัฒนาครูผู้สอนกลุ่มสาระ การเรียนรภู้ าษาไทย 160
ดวงที่ ๓ สวู่ ถิ กี ารปฏบิ ตั ิ ๑. ครูผู้สอนภาษาไทย มีโครงการพัฒนาการเรียนการสอน ภาษาไทยทุกคน ๒. ผู้บริหาร บริหารงานโครงการ มีความรู้ความเข้าใจสามารถ นิเทศ ติดตามประเมินผลได้ ๓. ครูวิชาการโรงเรียน คณะกรรมการบริหารเครือข่าย ประธานเครือข่ายสร้างและพัฒนา กระบวนการเรียนรู้ไดเ้ หมาะสมตามสภาพและบรบิ ทของแตล่ ะโรงเรยี น ๔. ศกึ ษานิเทศก์ ส�ำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสรุ นิ ทร์ เขต ๓ ร่วมกบั คณะกรรมการ บริหารเครอื ข่าย ประธานเครือขา่ ย ครูวิชาการโรงเรียน นเิ ทศ ติดตามก�ำกับผลการดำ� เนินงานเปน็ ระยะ ๕. ส�ำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ จัดประกวด แข่งขันทักษะความสามารถของนักเรียนท่ีมี ความสามารถพเิ ศษ ด้านภาษาไทย ส่งเสริมใหโ้ รงเรยี นจัดกิจกรรมทเ่ี ก่ยี วกบั ภาษาไทย เชน่ ประกวดแข่งขัน นวัตกรรมต่าง ๆ มีข้อมูลสารสนเทศ รายชื่อนักเรียนที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ รายโรงเรียน รายช้ัน รายบุคคล ดวงท่ี ๔ เรง่ รดั พฒั นานวัตกรรม ๑. ครูผู้สอนศึกษาสภาพปัญหา ของนักเรียนเป็นรายบุคคลท่ีมี ปญั หาในการเรยี นรู้ แล้วสังเคราะหเ์ พอื่ พฒั นานวตั กรรม ๒. พฒั นาและวจิ ัยในช้ันเรียน มาแกไ้ ขปัญหาอยา่ งเหมาะสม ๓. ครูผู้สอนภาษาไทยพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอนภาษาไทย เชน่ การสรา้ งฉากภาพวฒั นธรรม big book หนังสอื นิทานภาพ พจนานกุ รม ไทย เขมร นิทานคุณธรรม หนังสอื ส่งเสริมการอา่ น ฯลฯ ดวงท่ี ๕ นำ� สคู่ วามเป็นเลศิ ๑. ศึกษานิเทศก์สร้างนวัตกรรมด้านการอ่าน การเขียนต้นแบบ ใหค้ รเู อาไปใช้ ๒. จัดประกวดแข่งขัน ส่ือนวัตกรรมท่ีมีความเป็นเลิศ ของครู แต่ละโรงเรียน ๓. ครใู นแต่ละเครอื ข่าย รว่ มกันพฒั นานวตั กรรมการแก้ไขปัญหาการอา่ น และการเขยี น ๔. จัดกิจกรรมมีความหลากหลายท่ีประสบผลส�ำเร็จ เช่น เสียงตามสาย นักข่าวรุ่นเยาว์ หมอภาษาโดยการมีส่วนรว่ มของทุกฝา่ ย ๕. ใชร้ ปู แบบในการประเมินโดยการมสี ่วนรว่ มของผูเ้ กี่ยวขอ้ ง แบบสามเสา้ (Triangulation) คอื สำ� นักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสุรนิ ทร์ เขต ๓ โรงเรียน (ครผู ู้สอน ผ้บู รหิ าร นักเรียน) และชมุ ชน เช่น คณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน ผูป้ กครองนกั เรยี น องคก์ รหลกั ในชุมชน 161
ดวงท่ี ๖ ก่อเกดิ การวจิ ยั (Best – Practice) ๑. ส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ให้ครูผู้สอน น�ำเสนอผลการวิจัยการอ่าน การเขียนที่ประสบ ผลส�ำเรจ็ ๒. จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ผลงานวิจัยดีเด่น (Best – Practice) ของแต่ละโรงเรียน ตามบริบท ทีห่ ลากหลายเน้นรูปแบบการบรหิ ารแบบเครอื ขา่ ยพฒั นาการเรยี นรู้ ๓. จัดเวทวี ชิ าการ การอ่านเคล่ือนท่ี ตลาดนดั วชิ าการตามบริบทของโรงเรยี น ๔. ส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๓ จัดแลกเปล่ียนเรียนรู้การน�ำเสนอ ผลงานดีเด่น การสะท้อนผลและถอดบทเรยี น ของครผู สู้ อนภาษาไทย ดวงที่ ๗ ผดุงไวเ้ ชดิ ชูเกยี รติใหย้ ัง่ ยนื ๑. จัดยกย่องเชิดชูเกียรติ ให้กับนักเรียนท่ีมีความสามารถพิเศษ ท่ีได้รับรางวัลจากการประกวด แข่งขันทักษะด้านภาษาไทย ในระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๓ ได้แก่ โครงการรักษ์ ภาษาไทย กจิ กรรมวนั ภาษาไทยแห่งชาติ การประกวดแขง่ ขนั ความเปน็ เลิศของนกั เรยี น ๒. จัดมอบรางวัลให้กับครูผู้สอน ผู้บริหารโรงเรียน ที่มีผลงานดีเด่นด้านภาษาไทย เช่น การพฒั นานวตั กรรมเป็นเลศิ ๓. ยกย่องเชิดชูเกียรติครูผู้สอนที่ชั้นเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงสุด ๑๐ ล�ำดับแรก ของเขตพนื้ ท่กี ารศึกษา โรงเรียนทม่ี ีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกวา่ ระดบั ประเทศ ด้านภาษา (Literacy) ๔. ครทู ่ีมผี ลการวิจยั ดเี ดน่ และพัฒนานวัตกรรมที่เป็นเลศิ เปน็ ต้น ๕. มอบรางวัลและติดดาว ให้ห้องเรียนที่อ่านออก เขียนได้ ๑๐๐% หรือห้องเรียนที่ปลอด นักเรยี นอา่ นไมอ่ อกเขียนไมไ่ ด้ ผลส�ำเร็จในการด�ำเนินงาน ๑. ผเู้ รียน ๑) นกั เรียน ในสงั กัด ส�ำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสุรินทร์ เขต ๓ ไดร้ ับรางวัลจาก การประกวดความสามารถด้านภาษาไทย โครงการรักษ์ภาษาไทย ในระดับประเทศ ต้ังแต่ ปี ๒๕๕๕ ถึง ปีการศึกษา ๒๕๕๗ ทุกปี ๒) นักเรยี นได้รบั รางวลั จากการประกวดแข่งขนั กิจกรรมในงานศลิ ปหัตถกรรมนักเรียน ในระดบั ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ในระดบั ประเทศ ทุกปีการศึกษา ๓) นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนความสามารถด้านภาษา (Literacy) สูงกว่าคา่ เฉลย่ี ระดบั ประเทศ จากปกี ารศึกษา ๒๕๕๔ – ๒๕๕๘ ตดิ ต่อกันทุกปี ๔) นักเรียนอ่านออก เขียนได้ อ่านรู้เร่ือง พูดส่ือสารได้เหมาะสมตามมาตรฐานตัวช้ีวัดของ หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ และมคี วามสามารถในอ่านจับใจความ ไดท้ กุ คน 162
๒. ครผู สู้ อน ๑) ครูผู้สอนภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๓ มีความรู้ความสามารถในการพัฒนาการเรียน การสอนภาษาไทย ความสามารถดา้ นภาษา (Literacy) ไดป้ ระสบผลสำ� เรจ็ ทกุ คน ๒) ครูผู้สอนมีเทคนิควิธีการพัฒนาส่ือนวัตกรรม ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาไทย ความสามารถด้านภาษา (Literacy) และมีเทคนิคการสอนภาษาไทย ส�ำหรับนักเรียนที่ใช้ภาษาท้องถิ่น ในชวี ิตประจำ� วนั ๓) ครูผูส้ อนสามารถพฒั นาเทคนคิ การสอนภาษาไทย และมีผลงานเชิงประจักษ์ ไดร้ ับรางวลั จาก การประกวดแข่งขัน ทง้ั ในระดับภาค ระดบั ประเทศ ๓. ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ๑) ผู้บริหารสถานศึกษา มีความตระหนักและสามารถบริหารจัดการ งานวิชาการด้านการส่งเสริม สนับสนุนใหจ้ ัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาไทยได้อยา่ งมคี ณุ ภาพ ๒) ผู้บริหารโรงเรียนสามารถนิเทศ ติดตามประเมินผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ความสามารถด้านภาษา (Literacy) โดยใช้คู่มอื การนเิ ทศภายในแบบมสี ว่ นรว่ มไดค้ รอบคลุมทุกโรงเรยี น ๔. ศกึ ษานิเทศก์ ๑) ได้รับการยกย่อง เป็นผู้ท่ีมีความรู้ความสามารถ ดีเด่นในการพัฒนาส่ือและส่งเสริมการเรียน การสอนภาษาไทย จากส�ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ๒) ได้รับรางวัลเชดิ ชเู กียรติ เป็นผใู้ ช้ภาษาไทยดีเดน่ เน่อื งในวนั ภาษาไทยแหง่ ชาติ จากส�ำนกั งาน คณะกรรมการวฒั นธรรมแหง่ ชาติ กระทรวงวฒั นธรรม ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓) ได้รบั รางวัลเครือ่ งหมายเชดิ ชเู กยี รติ ครุ ุสดุดี จากสำ� นกั งานเลขาธกิ ารครุ ุสภา ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๔) ได้รับรางวัลอันทรงคุณค่า สพฐ. (OBEC AWARDS) ประเภทศึกษานิเทศก์ยอดเยี่ยม ดา้ นการพัฒนางานวิชาการ ชนะเลศิ เหรียญทอง ระดบั ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเหรียญเงนิ ระดบั ชาติ ปี ๒๕๕๘ ๕) ได้รับเกียรติบัตร ทีมนักวิจัย การฟื้นฟูภาษาและวัฒนธรรม กลุ่มชาติพันธุ์เขมรถ่ินไทย จากส�ำนักงานกองทุนสนับสนนุ การวจิ ัย ปี ๒๕๕๕ ๖) ศึกษานิเทศก์ ได้รับการยอมรับจากสังคม ครู ผู้บริหาร องค์กร ในการเป็นนักวิชาการ ในการนเิ ทศ พฒั นาคณุ ภาพและยกระดับผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน ๕. โรงเรียน ๑) โรงเรียนทุกแห่งในสังกัดส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๓ จ�ำนวน ๒๓๔ โรงเรียน มีแนวทางในการบริหารจัดการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนภาษาไทย ความสามารถด้านภาษา ๒) โรงเรียนมีการแลกเปล่ียนส่ือนวัตกรรมการเรียนการสอนส�ำหรับนักเรียนที่ใช้ภาษาท้องถ่ิน ในชวี ิตประจ�ำวนั 163
๓) โรงเรียนในสังกัดมีความตระหนักแสวงหาแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาไทย ให้นักเรียนอ่านออก เขียนได้ โดยการสนับสนุนจากมูลนิธิ องค์กรภาคประชาชน การมีส่วนร่วมต่าง ๆ ซ่งึ ผลมาจากการใช้เทคนคิ การนิเทศแบบดาวเจด็ ดวง เพ่อื พัฒนากระบวนการเรยี นรู้ ๔) มีโรงเรียนแกนน�ำ โรงเรียนต้นแบบในการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทย นักเรียนอ่านออก เขียนได้ทุกคน ไดแ้ ก่ รายชอื่ สถานศกึ ษา รปู แบบ/หลกั การ/วิธกี าร โรงเรียนบา้ นโพธก์ิ อง ๑. การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนภาษาไทย รูปแบบทวภิ าษา ๒. การจดั ท�ำพจนานุกรมภาษาไทย - ภาษาเขมรถน่ิ ไทย ๓. รูปแบบการสอนดว้ ยภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ภาษาเขมรถิน่ ไทย ๔. จดั ทำ� หนงั สือเลม่ เล็ก เล่มใหญ่ นทิ านภาพ ฉากภาพวฒั นธรรม โรงเรียนบ้านจารย์ รูปแบบการบริหารจัดการแบบบูรณาการและมีส่วนร่วมของชุมชน เพอ่ื แกไ้ ขปญั หาการอ่านการเขียน โรงเรยี นบา้ นราวนคร การพัฒนานวัตกรรมการอ่าน เขียนแบบแจกลูกสะกดค�ำ ด้วยเทคนิค การใชป้ ระสาทสัมผัสทงั้ ๕ โรงเรียนบา้ นตะคร้อ ๑. การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนภาษา รูปแบบทวภิ าษา ๒. รูปแบบการสอนภาษาไทยด้วยกิจกรรมบูรณาการกับกลุ่มสาระ การเรียนร้อู ื่น ๆ โรงเรยี นบา้ นตอกตรา เทคนิคการเรียนรู้ภาษาไทยด้วยกิจกรรมการแจกลูกสะกดค�ำแบบ ประสาทสัมผสั ทงั้ ๕ โรงเรยี นบ้านล�ำดวนพัฒนา การพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยโดยใช้สื่อออนไลน์ โรงเรยี นสังขะวทิ ยาคม เทคนิคการสอนซ่อมเสริมโดยใช้แนวทางกิจกรรมลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้ ส่กู ารสร้างพฒั นาการอา่ นการเขียน โรงเรยี นอนบุ าลปราสาทศกึ ษาคาร การสอนซ่อมเสริมและบูรณาการการเรียนรู้การอ่านแจกลูกสะกดค�ำ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ - ๓ ในกลุม่ สาระการเรยี นร้หู ลัก โรงเรยี นบ้านหนองเหลก็ การสอนซอ่ มเสริมและกิจกรรมการสอนแบบคละชั้นเรียน (กองทัพบกอุปถัมภ)์ โรงเรียนบ้านจารย์ การสอนซ่อมเสริม และกิจกรรมการเรยี นการสอนแบบประสาทสมั ผสั ทัง้ ห้า ในการแจกลกู สะกดคำ� โรงเรยี นบา้ นพะเนาว์ การสอนซอ่ มเสรมิ และกิจกรรมการสอนแบบคละช้นั เรียน โรงเรยี นบ้านณรงค์ การพัฒนาการเรียนรู้จากสื่อออนไลน์และสร้างนวัตกรรมการอ่านแจก ลูกสะกดคำ� โดยใชน้ ิทานภาพ โรงเรยี นพระจนั ทร์ศรีสขุ สร้างนวัตกรรมการอา่ นแจกลูกสะกดคำ� ในมาตราตัวสะกด โรงเรียนบา้ นโคกบฯุ สร้างนวัตกรรมการอ่านการเขียนโดยใช้นิทานภาพคุณธรรม ค่านิยม หลกั ของคนไทย ๑๒ ประการ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๓ 164
๖. ผลที่เกดิ ข้ึนกับสำ� นกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสุรนิ ทร์ เขต ๓ จากการด�ำเนินงานพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้ และการยกระดับ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนภาษาไทย ความสามารถด้านภาษา (Literacy) ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๓ ผลปรากฏ ดงั น้ี ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนภาษาไทย จากผลการประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ระดับชาติ (Ordinary Nationnal Education Test : NT) ความสามารถดา้ นภาษา (Literacy) ปีการศกึ ษา ๒๕๕๔ ถงึ ปีการศกึ ษา ๒๕๕๘ มคี ่าเฉลย่ี สงู กว่าระดบั ประเทศติดตอ่ กัน ปจั จยั ทีส่ ่งเสริมใหป้ ระสบความสำ� เร็จ ในการด�ำเนินงานเพื่อพัฒนานักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ อ่านออกเขียนได้ มีความสามารถ ด้านภาษาซึ่งสำ� นักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสรุ ินทร์ เขต ๓ ไดด้ �ำเนนิ การตามกรอบแนวทาง ดงั นี้ ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการ จากผลการด�ำเนินงานและข้อสะท้อนจากปีการศึกษา ๒๕๕๕ มาก�ำหนดเป้าหมายการพัฒนา ท้ังด้านการบริหารการศึกษา การพัฒนาบุคลากร กลุ่มนักเรียน ครูผู้สอนผู้ปกครอง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและองค์ประกอบที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน ผลกระทบ จุดเด่น จุดด้อย ทีค่ ณะศึกษานเิ ทศก์ไดส้ งั เคราะห์ โดยใช้รปู แบบการนเิ ทศแบบ “ดาวเจด็ ดวง” ส�ำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษา ๑. กำ� หนดนโยบาย มาตรการ วธิ กี ารอยา่ งชดั เจน ประถมศกึ ษาสุรนิ ทร์ เขต ๓ ๒. สนับสนุนการดำ� เนินงานของโรงเรียน โรงเรยี นทกุ โรงเรยี น ๓. นิเทศ ติดตามผลการด�ำเนนิ งาน ๑. ก�ำหนดนโยบาย มาตรการ วิธีการอยา่ งชัดเจน ครูผสู้ อนทกุ คน ๒. สง่ เสริมใหค้ รทู ุกคนจดั ทำ� ข้อมูลนักเรยี นรายบุคคล ๓. สนับสนนุ ในการด�ำเนนิ งานทกุ ดา้ น ๔. นเิ ทศ ติดตามผล เปรียบเทียบความกา้ วหน้า อยา่ งตอ่ เน่อื ง ๑. จดั ท�ำข้อมูลนักเรียนรายบคุ คล ๒. กำ� หนดวิธีการแก้ปัญหาและพัฒนาผเู้ รยี น ๓. จดั ท�ำสอ่ื /เคร่ืองมือในการแกป้ ญั หา ๔. จัดกิจกรรมการเรียนการสอน ด้วยความเอาใจใส่ ช่วยเหลือดูแล อย่างจรงิ จัง 165
ปัญหา/อปุ สรรค ๑. ปัญหาและอปุ สรรค/ข้อจ�ำกดั ๑.๑ ปญั หาด้านตัวผเู้ รยี น สาเหตุทีน่ ักเรียนอา่ นไมอ่ อก เขยี นไม่ได้ ๑) นักเรียนบางสว่ น มีสมาธสิ ้ัน ไม่เพียรพยายาม ขาดทกั ษะการคิดอยา่ งเปน็ ระบบ ๒) สภาพแวดลอ้ มด้านการอ่านไมเ่ อื้อ นกั เรยี นขาดความสนใจในการอา่ นการเขยี น ๓) นักเรยี นใช้ภาษาทอ้ งถิน่ ในชีวติ ประจำ� วัน ท�ำให้การสือ่ สารภาษาไทยขาดความสมบรู ณ์ ๑.๒ ปัญหาดา้ นครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ๑) ครผู ู้สอนภาษาไทย ร้อยละ ๙๐ ไมไ่ ดจ้ บเอกภาษาไทยโดยตรง แต่ถา้ จบเอกภาษาไทย ก็ยังไม่กระจ่างในหลักภาษาไทยและการสอนภาษาไทยอย่างถูกต้อง เช่น การสอนแบบแจกลูกสะกดค�ำ รวมทั้ง ไม่มีเทคนคิ การสอนภาษาไทย ส�ำหรบั นกั เรยี นที่ใชภ้ าษาท้องถน่ิ ในชีวติ ประจำ� วัน ขาดหลกั จิตวิทยา การสอน ๒) ครมู ภี าระงานดา้ นอนื่ ๆ ที่ไม่ใชก่ ารเรยี นการสอนมากขนึ้ ๓) ปัญหาการขาดแคลนครู รวมท้งั ครูผสู้ อนภาษาไทย ไม่เข้าใจค�ำศพั ทแ์ ละความหมาย ภาษาทอ้ งถิน่ ของนักเรียน เปน็ ต้น ๑.๓ ปัญหาดา้ นผู้บรหิ าร/และการบริหารจดั การ ๑) ผ้บู ริหารบางสว่ นขาดความตระหนักหรอื ไม่ใหค้ วามส�ำคญั ในการพฒั นางานวิชาการ ๒) การนเิ ทศภายใน และการนิเทศ ติดตามที่ไมต่ ่อเนอื่ ง ขอ้ เสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหา ๑. จัดอบรมเข้มการสอนภาษาไทย การอ่านแจกลูกสะกดค�ำ การคัดลายมือ หลักการใช้ภาษา รวมท้งั วธิ ีการสอนภาษาไทย ๒. ส่งเสริมให้ครูเข้ารับการฝึกอบรมการสอนภาษาไทย เช่น การอ่านรู้เรื่องและภาษา เพ่อื การสอ่ื สาร ๓. จัดสอื่ การเรียนการสอนภาษาไทยโดยใช้ภาษาท้องถนิ่ รว่ มจัดการเรยี นรู้ ๔. สร้างความตระหนักและความคุ้นเคยในภาษาทอ้ งถนิ่ หรอื เขา้ ใจเขา้ ถงึ วัฒนธรรมในทอ้ งถนิ่ ๕. จัดอบรมหลักสูตรเร่งรัดแบบเข้ม ส�ำหรับครูที่ต้องการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียน การสอนภาษาไทยโดยเน้นการน�ำภาษาท้องถิ่นเขา้ มารว่ มจดั การศึกษา 166
ขอ้ เสนอแนะเพอื่ การนำ� ไปใช้ ๑. เน้นให้ครูผู้สอนวิเคราะห์ปัญหาของนักเรียนรายบุคคล ในการอ่าน การเขียน เช่น นักเรียน อ่านแจกลูกสะกดค�ำไม่ได้ นกั เรยี นไม่รู้จักพยัญชนะ นักเรียนอา่ นข้าม อา่ นเกิน นักเรียนขาดทักษะการอ่าน แบบแจกลูกสะกดค�ำ ๒. การจัดให้ครูผู้สอนท�ำวิจัยในชั้นเรียนกับนักเรียนที่มีปัญหาการอ่าน การเขียน เป็นกลุ่มหรือ เป็นรายบคุ คล และปญั หาเฉพาะดา้ นของนกั เรียน ซึ่งตอ้ งจัดหา พฒั นาสอื่ นวตั กรรมในการด�ำเนินกิจกรรม ๓. ควรมกี ารแสวงหาสอ่ื นวัตกรรมทีห่ ลากหลาย น่าสนใจกบั นกั เรียนในแตล่ ะระดบั ช่วงวยั ๔. ควรมีการสอนซอ่ มเสรมิ และส่งเสริมใหน้ กั เรยี นไดฝ้ กึ การอ่าน การเขียนอยา่ งต่อเนื่อง ๕. การจัดครูเข้าชั้นเรียนท่ีเหมาะสม เช่น ครูในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๓ ควรมีเวลา ที่สามารถอยใู่ นชน้ั เรียนได้ต่อเนอื่ ง ภาระงานน้อยลง รกั เด็กและรู้หลักการสอนภาษาไทย ๖. แสวงหาหน่วยงาน มลู นิธิ วทิ ยากรทเี่ ช่ยี วชาญมาร่วมการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทย จดุ ที่ควรพฒั นา ๑) การพัฒนาครูผู้สอนภาษาไทยต้นแบบ เพอ่ื ขยายเครอื ขา่ ยท้งั ดา้ นการสร้างสือ่ นวตั กรรมและ กระบวนการเรยี นรู ้ ๒) การพัฒนานักเรียนที่มีความสามารถโดดเด่นด้านภาษาไทย การขยายเครือข่าย นักเรียนดี นักเรยี นเกง่ ๓) พัฒนาโรงเรียนท่ีประสบผลส�ำเร็จเป็นโรงเรียนต้นแบบด้านการผลิตสื่อนวัตกรรมการเรียน การสอนภาษาไทยแบบทวภิ าษาและเผยแพรไ่ ปยังโรงเรียนอืน่ เช่น กรณีโรงเรียนบ้านโพธกิ์ อง เปน็ ต้น แนวทางการพฒั นา ๑) จดั กิจกรรมการเรียนการสอนภาษาไทยแบบเครอื ขา่ ย กจิ กรรมโรงเรียนพโ่ี รงเรียนนอ้ ง ๒) หมุนเวียนการใช้สื่อและนวัตกรรมท่ีมีคุณภาพดีเด่น หรือแลกเปลี่ยนนวัตกรรมระหว่าง โรงเรยี น ๓) พฒั นาการสอนภาษาไทยท่ีประสบผลส�ำเร็จ และแก้ไขปัญหานกั เรียนกลุ่มออ่ น โดยการมสี ่วนร่วม ของผู้เก่ียวข้อง การเขา้ ค่ายสร้างสรรค์ในชว่ งปิดภาคเรยี นเพื่อให้สามารถเรยี นร้ไู ปด้วยกัน 167
การจดั ประสบการณเ์ สรมิ ทักษะการฟงั และดภู าษาไทย ด้วยวิธกี ารจดั การเรียนรู้ แบบ Total Physical Response (TPR) โดย: บรรเลง สปุ ี ศึกษานเิ ทศก์ สพป.เชียงใหม่ เขต ๔ เหตผุ ลและความจ�ำเปน็ ภาษาไทยมีความส�ำคัญในฐานะท่เี ป็นเครื่องมอื ในการเรยี นรู้ ถ้าเดก็ ประสบความสำ� เรจ็ ในการเรยี น ภาษาไทย ก็จะมีผลท�ำให้เด็กประสบความส�ำเร็จในการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน ๆ จากรายงาน การใช้ภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์และการฟื้นฟูภาษาชาติพันธุ์ของชุมชนโรงเรียนพื้นท่ีพิเศษของส�ำนักงานเขต พนื้ ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต ๔ พบวา่ มีเดก็ ชนั้ อนุบาลปที ี่ ๑ เป็นชาวไทยภเู ขาและชาวไทย ท้องถน่ิ เดิมและพดู ภาษาท้องถ่ินของตนเองในชีวิตประจำ� วนั เกินรอ้ ยละ ๕๐ ในโรงเรยี น จ�ำนวน ๙ โรงเรียน ไดแ้ ก่ เด็กชาวไทยภูเขาเผา่ กะเหรี่ยง จำ� นวน ๖ โรงเรยี น เด็กชาวไทยภูเขาเผา่ มง้ (แมว้ ) จำ� นวน ๒ โรงเรียน และ เดก็ ชาวไทยทอ้ งถน่ิ เดมิ ชนเผา่ ล๊ัวะ (ละว้า) จำ� นวน ๑ โรงเรยี น ในการจัดการเรียนร้ขู องครผู ูส้ อน พบว่า “เด็กมีความยากล�ำบากในการเรียนรู้ภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง ดังนั้นในการเรียนรู้ภาษาท่ีสอง ส�ำหรับเดก็ ดังกล่าว ควรมีการเตรียมความพรอ้ มต้งั แตช่ ้นั ปฐมวยั โดยเฉพาะชัน้ อนุบาลปที ่ี ๑ และควรเริ่มต้น จากทักษะการฟังและดู ท้ังนี้เพราะคนเราเริ่มรู้จักใช้ภาษาด้วยการฟังและดูเป็นอันดับแรก เม่ือสามารถ ฟังได้แล้วจึงจะสามารถพูด อ่าน และเขียนตามมา ซ่ึงในการจัดการเรียนรู้ภาษาท่ีสองวิธีการท่ีเหมาะสม กับเดก็ วิธกี ารหนงึ่ คือ วธิ กี ารจัดการเรียนรแู้ บบ Total Physical Response (TPR)” ส�ำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต ๔ ได้ส่งเสริมให้โรงเรียนพ้ืนท่ีพิเศษในสังกัด จัดประสบการณ์เสริมทักษะการฟังภาษาไทย ส�ำหรับเด็กปฐมวัย ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ Total Physical Response (TPR) มาอย่างตอ่ เน่ืองตัง้ แต่ปีการศึกษา ๒๕๕๑ และในปกี ารศึกษา ๒๕๕๓ ได้พัฒนา และจัดท�ำคู่มือครูแผนการจัดประสบการณ์เสริมทักษะการฟังและดูภาษาไทย และรูปแบบวิธีการจัดการ เรยี นรู้แบบ Total Physical Response (TPR) ให้สอดคล้องกบั สภาพของเด็กและทอ้ งถิ่น และการจัดการศกึ ษา ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๔๖ วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อพัฒนาและจัดท�ำคูม่ ือครู การจัดประสบการณ์เสรมิ ทกั ษะการฟงั และดูภาษาไทยส�ำหรบั เด็กปฐมวัย ช้ันอนุบาลปีท่ี ๑ - ๒ ในโรงเรียนพ้ืนที่พิเศษ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ Total Physical Response (TPR) ให้สอดคลอ้ งกบั การจดั การศกึ ษาตามหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๔๖ 168
๒. เพื่อพัฒนาและจัดท�ำแผนการจัดประสบการณ์เสริมทักษะการฟังและดูภาษาไทย ส�ำหรับ เด็กปฐมวัย ช้ันอนุบาลปีท่ี ๑ - ๒ ในโรงเรียนพ้ืนที่พิเศษ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ Total Physical Response (TPR) ให้สอดคล้องกบั สภาพของเด็กและท้องถิ่น และการจัดการศกึ ษาตามหลักสตู รการศึกษา ปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๔๖ ๓. เพื่อพัฒนารูปแบบ/วิธีการ ในการจัดประสบการณ์เสริมทักษะการฟังและดูภาษาไทย ส�ำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ ๑ - ๒ ในโรงเรียนพ้ืนที่พิเศษ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ Total Physical Response (TPR) รูปแบบและกระบวนการนิเทศ รปู แบบการจัดการเรยี นรแู้ บบ Total Physical Response (TPR) มี ๒ รูปแบบ ดงั นี้ รปู แบบท่ี ๑ การพูดออกค�ำส่ังและการสาธิตหรือปฏิบัติตามค�ำส่ัง โดยใช้ค�ำสั่งทีละค�ำสั่ง จนครบท้ัง ๓ ค�ำส่งั ในแตล่ ะชดุ คำ� สัง่ ตัวอยา่ ง สำ� หรบั เด็กปฐมวยั ช้ันอนบุ าลปที ี่ ๑ ชุดค�ำสง่ั ชดุ ที่ ๑ นัง่ ยืน กระโดด ครูอยู่ในท่ายืน ค�ำสั่ง การปฏบิ ัติ ครูสาธติ ๑. ครูพดู ออกคำ� ส่งั “นงั่ ” ๒. ครูพูดออกค�ำสง่ั “ยืน” ๑. ครนู ่ัง ลงบนเกา้ อ้ี ๓. ครูพูดออกค�ำสงั่ “กระโดด” ๒. ครลู กุ ขึน้ ยืน ๓. ครกู ระโดดขน้ึ ๑ คร้ัง 169
รปู แบบท่ี ๒ การพูดออกค�ำสั่งและการสาธิตหรือปฏิบัติตามค�ำสั่งโดยเรียงค�ำสั่ง พร้อมกัน ท้ัง ๓ ค�ำสง่ั ในแตล่ ะชุดคำ� ส่ัง ตวั อยา่ ง สำ� หรับเด็กปฐมวยั ชัน้ อนุบาลปที ่ี ๑ ชดุ ค�ำส่งั ชดุ ที่ ๑ นงั่ ยนื กระโดด ครอู ยู่ในทา่ ยนื ค�ำส่ัง การปฏบิ ตั ิ ครสู าธิต ครั้งท่ี ๑ ครพู ดู ออกคำ� สง่ั “นง่ั ยืน กระโดด” ครนู ง่ั ลงบนเกา้ อี้ แล้วลกุ ข้ึนยืน และกระโดดขน้ึ ๑ คร้ัง ขั้นตอนในการสอนด้วยวธิ ีการจัดการเรียนรูแ้ บบ TPR มี ๓ ข้นั ตอน ดังนี้ ข้นั ท่ี ๑ ครูพดู ออกคำ� สัง่ และสาธติ ใหเ้ ดก็ ดูเปน็ ต้นแบบ จ�ำนวน ๓ ครัง้ ข้ันท่ี ๒ ครูพดู ออกคำ� สง่ั และสาธติ พรอ้ มอาสาสมัคร จำ� นวน ๓ ครง้ั ขั้นที่ ๓ ครูพดู ออกค�ำสัง่ ใหน้ กั เรยี นปฏิบัติ โดยเร่ิมจาก ๑. ให้อาสาสมัครปฏบิ ัติ ๒. ให้เดก็ ๆ ทุกคนปฏบิ ตั ิพร้อมกันทง้ั ช้ัน ๓. ใหเ้ ด็กปฏบิ ตั เิ ปน็ กลุ่มย่อย ๔. ใหเ้ ด็กปฏิบตั ทิ ลี ะคน (ทดสอบ) ในการสอนครูต้องยดึ “กฎของสาม” อยา่ งเครง่ ครดั ดังน้ี ๑. ชดุ ค�ำศัพท์ (คำ� ส่งั ) ใหม่ ๓ ชุด ๒. ครพู ูดออกค�ำสั่งและสาธติ ให้เดก็ ดู ๓ คร้ัง ๓. ครูพูดออกคำ� สั่งและสาธิตใหเ้ ด็กดพู ร้อมอาสาสมัคร ๓ ครง้ั ๔. ครพู ูดออกคำ� สัง่ และให้เดก็ ทุกคนปฏบิ ตั พิ รอ้ มกันอย่างน้อย ๓ ครงั้ เครอ่ื งมอื /สื่อ หรอื นวัตกรรมที่ใช้ ๑. แผนการจดั ประสบการณ์เสรมิ ทกั ษะการฟังและดูภาษาไทย สำ� หรับเดก็ ปฐมวัย ชนั้ อนบุ าลปีที่ ๑ - ๒ ๒. คูม่ อื ครูการจดั ประสบการณเ์ สรมิ ทกั ษะการฟงั และดภู าษาไทย ส�ำหรบั เด็กปฐมวัยชน้ั อนุบาลปีท่ี ๑ - ๒ ๓. ค่มู ือการนเิ ทศการจดั ประสบการณเ์ สริมทักษะการฟงั และดภู าษาไทย ส�ำหรบั เด็กปฐมวยั ช้นั อนุบาลปที ่ี ๑ - ๒ 170
เครอ่ื งมือที่ใช้สื่อหรือนวตั กรรม/เครอ่ื งมอื วดั และเครอ่ื งมอื การนิเทศ ติดตามและประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื ที่ใช้ในการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผลการจัดประสบการณ์เสริมทักษะการฟังและดู ภาษาไทย ส�ำหรับเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีท่ี ๑ - ๒ ในโรงเรียนพ้ืนที่พิเศษ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ Total Physical Response (TPR) มดี ังนี้ ๑) แบบสังเกตการสอน ๒) แบบสมั ภาษณค์ รผู สู้ อน/ผูจ้ ดั ประสบการณ์ ๓) แบบบนั ทึกผลการประเมนิ พฤตกิ รรมกอ่ น - หลงั การจัดประสบการณ์ ๔) แบบบันทกึ หลังการจัดประสบการณ์ ปัจจัยสู่ความสำ� เร็จ กรอบแนวคดิ ของการศึกษา INPUT PROCESS OUTPUT ๑. คมู่ อื ครู การจดั ๑. รูปแบบการจัด ประสบการณเ์ สริม กระบวนการนเิ ทศ กระบวนการ PDCA ประสบการณเ์ สริมทักษะ ทกั ษะการฟงั และดู ๑. ศกึ ษาสภาพ ๑. P (Plan) คือ การฟงั และดภู าษาไทย ภาษาไทยส�ำหรบั ปจั จบุ ันปัญหาและ การวางแผนงาน ท่ีเหมาะสมส�ำหรบั เด็ก เด็กปฐมวัย ชนั้ ความตอ้ งการของ ๒. D (Do) คือ การนำ� ปฐมวัย ชัน้ อนุบาลปที ี่ อนุบาลปที ี่ ๑ - ๒ ครูผู้สอน แผนไปปฏบิ ตั ิใหเ้ กิด ๑ - ๒ ในโรงเรียนพืน้ ที่ ในโรงเรยี นพ้ืนที่ ๒. วางแผนการ ผลตามทีว่ างไว้ พเิ ศษ ดว้ ยวิธกี ารจดั พเิ ศษ ดว้ ยวิธีการ ด�ำเนินการนเิ ทศ ๓. C (Check) คือ การเรียนรู้แบบ TPR จดั การเรียนรแู้ บบ ๓. สร้างเคร่ืองมือ การควบคมุ ติดตาม ๒. ผลการจัด TPR การนิเทศ และประเมินผล ประสบการณต์ าม ๒. การนเิ ทศการจดั ๔. ด�ำเนนิ การตาม ๔. A (Act) คือ นำ� ผล แผนการจดั ประสบการณ์ ประสบการณเ์ สรมิ แผนการนเิ ทศ ที่ได้จากการประเมิน เกี่ยวกบั พฤติกรรม ทักษะการฟังและดู ๕. สรปุ และรายงาน มาปรับปรุงแกไ้ ข การจดั ประสบการณข์ องครู ภาษาไทยตาม ผลการนิเทศ แลว้ วางแผนใหม่ พฤตกิ รรมการเรียนรู้ กระบวนการนเิ ทศ ใหเ้ กิดความก้าวหนา้ ของเด็ก และพฤติกรรม และวงจรคณุ ภาพ ของงานท่ีท�ำอยเู่ สมอ ด้านทักษะการฟังและ PDCA เป็นวงจร ดูภาษาไทยของเด็ก 171
ขอ้ เสนอแนะ จากการศึกษาการนิเทศการจัดประสบการณ์เสริมทักษะการฟังและดูภาษาไทย ส�ำหรับเด็ก ปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ ๑ - ๒ ในโรงเรียนพ้ืนท่ีพิเศษ ด้วยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบ Total Physical Response (TPR) มีข้อเสนอแนะดงั น้ี ๑. ดา้ นการจัดการเรียนร้แู บบ Total Physical Response (TPR) ๑) ควรน�ำรปู แบบการจดั การเรียนรแู้ บบ Total Physical Response (TPR) รูปแบบท่ี ๑ มาจดั ประสบการณ์เสริมทกั ษะการฟงั และดภู าษาไทย สำ� หรบั เดก็ ปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ ๑ ในโรงเรยี นพน้ื ที่พเิ ศษ ซง่ึ เปน็ เดก็ ทเี่ รมิ่ เขา้ เรียนในโรงเรียนและเร่ิมเรียนภาษาไทยเปน็ ภาษาท่ีสอง อย่างต่อเนอ่ื ง ทกุ ปีการศกึ ษา ๒) ควรน�ำรูปแบบการจดั การเรยี นรู้แบบ Total Physical Response (TPR) รูปแบบที่ ๒ มาจัด ประสบการณ์เสรมิ ทักษะการฟงั และดภู าษาไทย ดว้ ยวิธีการจัดการเรยี นรแู้ บบ Total Physical Response (TPR) สำ� หรบั เด็กปฐมวัย ชนั้ อนบุ าลปีที่ ๑ - ๒ ในโรงเรียนพื้นทพ่ี เิ ศษ ทมี่ พี ัฒนาการด้านการฟงั และดภู าษาไทย อย่ใู นระดบั ดี และใช้ในการขยายบทเรยี นในการจดั ประสบการณ์ในแต่ละแผนการจดั ประสบการณ์ ๒. ดา้ นการศกึ ษาวจิ ยั ครงั้ ตอ่ ไป ๑) ควรมีการศึกษาการนิเทศการจัดประสบการณ์เสริมทักษะการพูดภาษาไทย ด้วยวิธีการ จัดการเรยี นรู้แบบ Total Physical Response (TPR) ส�ำหรับเดก็ ปฐมวัย ช้ันอนุบาลปีท่ี ๑ - ๒ ในโรงเรียน พ้นื ที่พเิ ศษ ๒) ควรมีการศึกษาผลการเปรียบเทียบรูปแบบการจัดประสบการณ์เสริมทักษะการพูดภาษาไทย ดว้ ยวธิ ีการจัดการเรยี นรแู้ บบ Total Physical Response (TPR) ส�ำหรบั เด็กปฐมวยั ช้ันอนบุ าล ปที ี่ ๑ - ๒ ในโรงเรยี นพนื้ ทีพ่ เิ ศษ 172
การพฒั นาความสามารถดา้ นการอ่านออกเสียง คำ� ศัพท์ภาษาไทยโดยใช้เทคนคิ การนิเทศ แบบ วิ ๖ “ภาษาถ่นิ ไทเลย” โดย: โศรยา ธญั ญประกอบ ศึกษานิเทศก์ สพป.เลย เขต ๒ เหตผุ ลและความจ�ำเป็น จากการส�ำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลในระบบ E - MES และการนิเทศเย่ียมช้ันเรียนของครู ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ในกลุ่มคุณภาพท่าช้างคล้องฯ สังกัดส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาเลย เขต ๒ จำ� นวน ๙ โรงเรยี น พบว่า นักเรยี นช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๑ มคี วามสามารถในการอา่ นเขยี นไมผ่ า่ น เกณฑ์การประเมินเป็นจ�ำนวนมาก และในจ�ำนวนนั้นมีการใช้ภาษาท้องถิ่นโดยเฉพาะภาษาถิ่นไทเลย เป็นอุปสรรคหนึ่งท่ที ำ� ให้ผูเ้ รยี นอ่านเขยี นไมถ่ ูกต้อง เมื่อสงั เกตการออกเสยี งจากวัฒนธรรมการใชภ้ าษาถิน่ ไทเลย ของผู้เรียนในพื้นท่ี พบว่า การใช้ภาษาถิ่นไทเลย ที่ผู้เรียนได้รับจากการถ่ายทอดวัฒนธรรมจากผู้ปกครอง การออกเสยี งคำ� ที่มพี ยัญชนะต้นหน่วยเสียงพยัญชนะ พ ผ ถ ท จึงมักจะออกเสียงลกั ษณะไม่มอี วัยวะในปาก ปิดกั้น ท�ำให้การจัดกิจกรรมการสอนอ่าน มีปัญหาการออกเสียงค�ำ ของหน่วยเสียงพยัญชนะกลุ่มน้ี ส่งผลให้การใช้ค�ำภาษาไทย โดยการอ่านผิดเพ้ียนผิดตามหลักการอ่านในภาษาไทย ออกเสียงค�ำจากล�ำคอ การเดินทางของเสียงมีลักษณะผ่านล�ำคอ ทั้งที่เสียงพยัญชนะที่เกิดข้ึนต้องใช้ริมฝีปากช่วยในการออกเสียง เช่น พอ่ เพือ่ น พ่ี ถาม ฝัง ที่ เปน็ ต้น ในฐานะท่ีท�ำหน้าทีศ่ กึ ษานิเทศก์ ซ่งึ ตอ้ งดำ� เนนิ การนิเทศการสอนน้ันหมายถึง ผู้นิเทศตอ้ งทาํ งาน ร่วมกันกับครูเพื่อพัฒนาและแก้ไขปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนของครูเพ่ือให้ผู้เรียนได้ประสบผลส�ำเร็จ ทางการเรียนรู้ การนิเทศการสอนที่ดีจึงควรดําเนินไปในลักษณะของการสร้างความรวมมือ ดังนั้น ผู้ศึกษา จึงได้ พัฒนาเทคนิคการนิเทศแบบวิ ๖ ท่ีประกอบด้วยหลักการของความร่วมมือและการนิเทศแบบ กัลยาณมติ รข้นึ เพอ่ื ใชแ้ นวทางในการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี นเร่ืองการอา่ นออกเสยี งค�ำศพั ทภ์ าษาไทย ร่วมกัน กับครชู ้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ เพอ่ื ให้ผู้เรียนที่ใชภ้ าษาท้องถ่นิ ออกเสยี งคำ� ได้ถูกตอ้ ง และสามารถใช้ภาษาไทย มาตรฐานสอ่ื สารในชีวติ ประจำ� วนั ในโอกาสตอ่ ไป วัตถุประสงค์ ๑. เพ่อื พฒั นาความสามารถในการสอนอ่านออกเสียงค�ำศัพทภ์ าษาไทยของครูประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ๒. เพอื่ แกป้ ญั หาการออกเสียงค�ำศัพท์ภาษาไทยของนักเรียนประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ 173
กลุ่มเป้าหมาย ๑. ครูท่ีสอนภาษาไทยชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ ในกลุ่มคณุ ภาพทา่ ชา้ งคลอ้ ง จ�ำนวน ๙ คน ๒. นกั เรียนประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ในกลมุ่ คุณภาพท่าช้างคล้อง จำ� นวน ๓๒ คน รูปแบบนิเทศแบบ วิ ๖ เทคนคิ นิเทศแบบวิ ๖ วิเคราะห์ วนิ จิ วิธี วิเนต วิสชั นา วพิ ากษ์ ขั้นตอนการนเิ ทศแบบ วิ ๖ เปน็ การนเิ ทศทน่ี ำ� แนวคดิ การมีสว่ นร่วมและแนวคดิ ของกลั ยาณมติ ร มาผสมผสานในการร่วมจดั การศกึ ษา ในคร้ังน้นี ำ� มาใช้ สำ� หรบั การแก้ปัญหาการออกเสยี งคำ� ศัพทภ์ าษาไทย ของนักเรยี นใชภ้ าษาถ่ินไทเลย มีดงั น้ี ๑. วิเคราะห์ ศึกษานิเทศกก์ บั ครูรว่ มกันวางแผนวิเคราะหข์ ้อมูล สภาพปญั หาการออกเสยี งคำ� ท่ีเกิดข้ึนว่ามีปัญหาอย่างไรบ้าง โดยใช้ข้อมูลสารสนเทศด้านต่าง ๆ ทั้งกระบวนการสอน ผลสัมฤทธ์ิและ ตัวผู้เรียน ตลอดจนบริบททางสังคมของผู้เรียน ในการอ่านออกเสียงค�ำของนักเรียน ท่ีใช้ภาษาถ่ินไทเลย พบวา่ ค�ำทม่ี ปี ัญหาของผ้เู รียนคอื ค�ำท่มี พี ยญั ชนะต้น ในหนว่ ยเสียงพยญั ชนะ พ ผ ถ ท ๒. วินิจ ศึกษานิเทศก์กับครูร่วมกันหาแนวทางการแก้ปัญหา การสร้างความตระหนัก ในการพฒั นาคุณภาพของผเู้ รยี น ให้เหน็ ความจ�ำเป็นถงึ การมสี ่วนร่วม (participation) รว่ มกันตงั้ เปา้ หมาย ในการแก้ปัญหา พิจารณาพฤติกรรมตนเองในการปรับเปล่ียนการท�ำงานและบทบาทของครูที่มีต่อผู้เรียน เพื่อส่งผลให้เกิดประสิทธิผลและความส�ำเร็จร่วมกันในการแก้ปัญหาการออกเสียง การศึกษาแนวคิดและ วิธีการท่ีมีความสอดคล้องมาพิจารณาร่วมกันออกแบบเคร่ืองมือในการแก้ปัญหาการออกเสียงค�ำศัพท์ ของผูเ้ รียน ๓. วิธี ศึกษานิเทศก์กับครูร่วมกันแสวงหาวิธี โดยให้ครูเป็นผู้หาแนวทางปฏิบัติของตน ศึกษานเิ ทศกเ์ ปน็ ฝ่ายเสนอแนะใหค้ �ำแนะน�ำ เกีย่ วกบั สอื่ วธิ กี ารทใี่ ช้ในการแก้ปัญหาการออกเสยี งค�ำศพั ท์ ในครั้งน้ี ครูผู้สอนได้เลือกใช้เป็นแบบฝึกการออกเสียงค�ำและพยัญชนะ ประกอบค�ำศัพท์ที่ประกอบด้วย ภาพและคำ� ท่เี กดิ จาก พยญั ชนะ พ ผ ท ถ มที งั้ หมด ๘ แบบฝกึ โดยเริ่มจากแนะนำ� ให้ครู ส�ำรวจคำ� ศพั ท์ ภาษาไทเลยกับภาษาไทยมาตรฐานของนักเรียน ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ ท่ีมีปัญหาของนักเรียน ซ่ึงพบว่า คำ� ทน่ี ักเรียนออกเสยี งไมถ่ กู ตอ้ งได้แกค่ �ำทีใ่ ช้พยญั ชนะต้น พ ผ ท ถ ไดแ้ ก่ พอ่ เพือ่ น ฟัง ฟา้ แพ้ ผา้ ผู้ ผี ผ้ึง ทอง แท้ ทาง ถงุ ถาม ถาง นำ� คำ� ที่ไดห้ าภาพประกอบเพอื่ ให้ผู้เรียนได้เรยี นรูค้ วามหมายและฝกึ ออกเสยี งไปดว้ ย ท�ำเป็นชุด เม่ือได้แบบฝึกครบแล้ว เป็นกระบวนการตรวจสอบแบบฝึกให้มีความถูกต้องตามหลักวิชา โดยศึกษานิเทศก์และครูอธิบายการสร้าง สุดท้ายร่วมกันก�ำหนดปฏิทินการทดลองใช้แบบฝึกการอ่าน ออกเสียงคำ� ศัพท์ 174
๔. วิเนต เป็นข้ันที่น�ำแบบฝึกไปใช้ตามแผนจัดกิจกรรมท่ีได้ร่วมกันก�ำหนดขึ้น ศึกษานิเทศก์ คอยติดตามผลการปฏิบัติงานของครู ๙ โรงเรียน ที่โรงเรียนครูใช้แบบฝึกการออกเสียง โดยฝึกหัด ช้ีแนะ แนวทางให้ผ้เู รียนประสบผลส�ำเร็จในการออกเสยี ง โดยใช้แบบฝกึ การออกเสียงค�ำศัพท์ทีส่ ร้างขน้ึ มาใช้จริง กบั ผ้เู รียน โดยน�ำมาฝึกกบั นักเรียนทีใ่ ช้ภาษาท้องถ่นิ ร่วมกับการใชภ้ าษาไทย จำ� นวน ๓๒ คน เป็นเวลา ๒ สปั ดาห์ ประกอบแบบฝึกชุดค�ำศัพท์ พ ผ ถ ท แต่ละแบบฝึกเปน็ คำ� พน้ื ฐานทใี่ ช้ในชีวิตประจ�ำวัน ๕. วิสัชนา ข้ันน้ีเป็นขั้นท่ี ศึกษานิเทศก์และครู ต้องพิจารณาร่วมกันต้ังค�ำถามซึ่งกันและกัน จากการใช้แบบฝึกเกี่ยวกับการหาวิธีการเสริมทักษะให้กับผู้เรียนเพ่ือให้เกิดความช�ำนาญในค�ำศัพท์เหล่าน้ัน ย่ิงขึ้น เช่น หาบทอา่ นให้นักเรียนอ่านเพม่ิ เตมิ ดไี หม ฝกึ เขียนประโยคจากค�ำศพั ทท์ ี่กำ� หนด หรอื เขียนเรือ่ ง จากภาพ (ศัพท์ที่มี พ ผ ถ ท เป็นพยัญชนะต้น) หรือเปล่า ทั้งผู้สังเกตการใช้และผู้ใช้หรือครู น�ำผลและ กิจกรรมต่างๆ ท่ีเกิดขึ้น มาซักถาม พูดคุยเพ่ือได้ตอบ ข้อเท็จจริงในการปฏิบัติงาน เพื่อสร้างความเข้าใจ ซึง่ กันและกัน ภายใตข้ ้อตกลงการยอมรบั ในสิง่ ทตี่ ้องปรบั ปรุงต่อไป ๖. วิพากษ์ ข้ันนี้ ศึกษานิเทศก์กับครูร่วมกันสะท้อนคิดผลการปฏิบัติงานท้ังหมดร่วมกันสรุป ประเมินผล จากประเด็นที่ศึกษาในการจัดการเรียนการสอน เป็นร่วมกันตอบค�ำถามตามวัตถุประสงค์ ที่ตั้งไว้ว่าบรรลุผลมากเพียงใด เป็นการประเมินผลให้กับตนเอง ว่าจากกระบวนการที่ปฏิบัตินั้น แบบฝึก ตอบค�ำถามตามวัตถุประสงค์ได้มากน้อยเพียงใด มีส่ิงใดท่ีจะน�ำไปพัฒนาเพ่ิมเติมบ้าง เป็นการสรุปผล หรอื รายงานคำ� ตอบจากวตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื เผยแพร่ผลงานต่อไป เครื่องมือท่ีใช้ในการนิเทศ แบบสังเกตการสอนการใช้แบบฝกึ การออกเสียงค�ำศพั ท์ องค์ประกอบในกระบวนการสอน พฤติกรรมท่ปี รากฏ ความคิดเห็นเพ่มิ เติม มี ไม่มี ๑. ขนั้ น�ำ ทบทวนความสนใจ ๒. การแจง้ จดุ ประสงค์ ๓. ดำ� เนนิ การตามกิจกรรมทอี่ อกแบบ ๔. การให้ความรู้ ความส�ำคัญ ๕. การท�ำแบบอย่างใหด้ ู สาธติ ๖. การฝกึ โดยครูแนะนำ� ๗. การฝึกอิสระ ๘. การเสริมแรง 175
ผลส�ำเรจ็ ในการดำ� เนนิ งาน ๑. ครูไดร้ บั ก�ำลงั ใจและประสบผลสำ� เรจ็ ในการปฏบิ ตั ิการสอนอ่านเขยี นภาษาไทย ๒. การมีสว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ิงานสรา้ งความมั่นใจใหก้ บั ครูในการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา ๓. นักเรียนจ�ำนวน ๓๒ คน ออกเสียงค�ำศัพท์ในภาษาไทยได้ถูกต้อง และมีความมั่นใจ ในการใช้ภาษาไทยมาตรฐาน ๔. นักเรยี นของโรงเรยี นมคี ณุ ภาพในการอา่ น ส่งผลให้ผู้บริหารไดร้ ับความม่นั ใจในการบริหารงาน ยง่ิ ข้นึ ๕. ผลการอา่ นและเขยี นจากการประเมนิ ในระบบ E - MES ของนกั เรียนโรงเรียนในกลุ่มคุณภาพ การศกึ ษาท่าช้างคล้อง มจี �ำนวนนกั เรียนอ่านออกเขยี นไดเ้ พิม่ ขึ้น ๖. ศึกษานิเทศก์มีความภาคภูมิใจทีม่ สี ว่ นขบั เคล่อื นคณุ ภาพการศึกษาสำ� เร็จ ปจั จัยสู่ความสำ� เร็จ ๑. ครูเปิดใจยอมรับการเปล่ยี นแปลง เปิดใจยอมรับส่ิงตอ้ งแก้ไข ๒. ผบู้ รหิ ารสนับสนุนในการพฒั นาขบั เคล่อื นคุณภาพการอา่ นการเขียน ๓. ผู้ปกครองให้ความรว่ มมอื ในการพัฒนาคุณภาพผูเ้ รยี น ๔. ครู ผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ ตลอดจนผู้ปกครองให้ความเอาใจใส่ต่อการขับเคลื่อนคุณภาพ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งเป็นระบบ ทงั้ การตดิ ตาม ประเมนิ และตรวจสอบ ๕. ความต้งั ใจและใสใ่ จตอ่ หน้าท่ีของผู้ท่ีเก่ียวข้องในการพฒั นาคุณภาพการศึกษา ข้อเสนอแนะ ๑. เทคนิคการนเิ ทศ แบบฝึกการออกเสยี งและแผนการจดั กจิ กรรม สามารถปรบั ใช้เป็นแนวทาง ในการแกป้ ญั หากับกิจกรรมอื่นได้ เช่น ปัญหาการออกเสยี ง สระ หรอื พยัญชนะตัวอน่ื ๒. การนำ� ไปใช้ควรปฏิบตั อิ ยา่ งตอ่ เนอื่ งสม่ำ� เสมอ เพราะวฒั นธรรมของผู้ใชภ้ าษาหลักย่อมมีอทิ ธพิ ล ต่อการใช้ภาษาทส่ี อง 176
ภาคผนวก ตัวอย่าง แบบฝกึ การออกเสยี งคำ� ศพั ท์ภาษาไทย สำ� หรบั นกั เรียนใช้ภาษาถิ่นไทเลย พยญั ชนะ พ และค�ำที่ออกเสยี ง พ ให้นักเรยี นสังเกตการออกเสยี งพยัญชนะ ค�ำ จากครู แลว้ ออกเสยี ง ครสู าธิตออกเสยี งพยัญชนะ พ (พอ) นักเรียนสงั เกตริมฝีปากครแู ล้วออกเสยี ง พ (พอ) ครสู าธติ ออกเสียงค�ำ พาน นกั เรยี นสงั เกตริมฝีปากครูแลว้ ออกเสียงค�ำ พาน ครสู าธติ ออกเสยี งตามภาพ พอ พาน นักเรยี นสงั เกตรมิ ฝปี ากครแู ลว้ ออกเสียงตามภาพ พาน รว่ มกนั สนทนาภาพ แลว้ ครูสาธติ ออกเสยี ง พ่อ นักเรียนสงั เกตริมฝปี ากครแู ลว้ ออกเสยี งตามภาพ พอ่ รว่ มกันสนทนาภาพ แล้วครสู าธติ ออกเสยี ง พ่ี นกั เรียนสงั เกตริมฝปี ากครแู ล้วออกเสียงตามภาพ พ่ี 177
แบบฝกึ การออกเสียงคำ� ศัพท์ คำ� ที่ออกเสยี ง พ ใหน้ ักเรียนสงั เกตการออกเสียงพยัญชนะ คำ� จากครู แลว้ ออกเสยี ง พระ เพ่อื น ไม้พาย พุง ใบโพธ ์ิ ขา้ วโพด พรกิ มะพรา้ ว พังพอน ฝกึ อ่านค�ำ พ คำ� รอ้ ยกรอง แพง พูด โพย เพ่มิ พ่อฉนั ชื่อว่าเพม่ิ เพอ่ื นเราเร่ิมไดร้ ูจ้ กั เพอื่ นพอ้ ง เพราะพรงิ้ พริม้ เพรา พ่ึงพา เพยี งเห็นกร็ อ้ งทัก เพราะพอ่ มกั พดู เสยี งดงั พอ่ เพมิ่ มีเพือ่ นพ้อง มลี กู น้องพล่ี ุงม่ัง พ่งึ พาอยา่ งจรงิ จัง พ่อเพมิ่ สั่งก็ท�ำตาม 178
ตัวอยา่ ง แบบฝกึ การออกเสยี งพยัญชนะและค�ำศพั ท์ คำ� ท่อี อกเสียง ถ ใหน้ ักเรยี นสงั เกตการออกเสียงพยญั ชนะ คำ� จากครู แล้วออกเสียง ครสู าธิตออกเสียงพยัญชนะ ถ (ถอ) นกั เรียนสังเกตรมิ ฝีปากครแู ล้วออกเสยี ง ครูสาธติ ออกเสียง ถุง นกั เรยี นสังเกตรมิ ฝีปากครูแลว้ ออกเสียง ถุง ครสู าธติ ออกเสยี งตามภาพ ถอ ถุง นกั เรยี นสงั เกตริมฝปี ากครแู ล้วออกเสียงตามภาพ ถอ ถงุ ครูและนกั เรียนร่วมสนทนาภาพ ครูสาธติ ออกเสียงตามภาพ ถว้ ย นักเรียนสงั เกตรมิ ฝีปากครูแลว้ ออกเสยี งตามภาพ ถ้วย ครแู ละนักเรียนรว่ มสนทนาภาพ ครสู าธติ ออกเสยี งตามภาพ ถอน นักเรยี นสังเกตรมิ ฝีปากครแู ลว้ ออกเสียงตามภาพ ถอน 179
แบบฝกึ การออกเสียงคำ� ศพั ท์ ค�ำทอ่ี อกเสยี ง พ ให้นักเรียนสังเกตการออกเสยี งพยญั ชนะ คำ� จากครู แล้วออกเสยี ง กระโถน ถางป่า เครอ่ื งหมาย คำ� ถาม วง่ิ ถอย หลัง ถ้วย กาแฟ ถอดถุงเทา้ บริเวณ ใตถ้ นุ บ้าน ถาด ถา่ น ไฟฉาย ฝกึ อา่ นค�ำ ถ ร้อยกรอง ค�ำ ถา้ ฉนั ได้ไถนา จะถามหาถงึ ถา้ ถงึ ถ่าย ถ้อย เถอ่ื น ถุย ถอยคันไถให้ดี ถงุ ยา่ มมใี หพ้ ร้อมนำ� เถา้ ถอย ถาม ถงุ แถม ไถ ถา่ ยท้ิงออกเหลือเพียง เถ้าถ่านเลยี่ งเพราะสีด�ำ ถางปา่ แถมจนค่ำ� ถอ่ งแทท้ ำ� นาของเรา 180
แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ เรอ่ื ง รปู เสยี งเรยี งรอ้ ย เวลา ๒๐ ช่ัวโมง แ__ผ_น_ท_่ี _๑_๔__เ_ร_่ือ_ง_พ__ย_ญั _ช_น__ะ_ไม_ล่__ะ_เล_ี่ย_ง_ _____________________________เว__ล_า_๑__ช_ัว่_โ_ม_ง__________ มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี ๑ การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือน�ำไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหา ในการดำ� เนนิ ชวี ิตและมนี สิ ัยรักการอา่ น ตัวชว้ี ัด ป. ๑/๑ อา่ นออกเสียงคำ� คำ� คลอ้ งจอง และข้อความสน้ั ๆ สาระส�ำคญั พยัญชนะไทย พ ภ เป็นหน่วยเสียงพยัญชนะ ที่จัดอยู่ในกลุ่มอักษรต�่ำ การออกเสียงได้ถูกต้อง ชัดเจน จะส่งผลให้ออกเสียงค�ำและท�ำให้ค�ำเกิดความหมาย สามารถส่ือสารในภาษาไทยมาตรฐานได้ อย่างเขา้ ใจ สาระการเรียนรู้ การออกเสียงพยัญชนะและค�ำทีม่ ี พ ภ เป็นพยญั ชนะต้น จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรยี นสามารถออกเสียงพยัญชนะ และคำ� ที่มี พ ภ เป็นพยญั ชนะตน้ ไดถ้ ูกตอ้ ง คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ สมรรถนะท่สี ำ� คญั ความสามารถในการส่อื สาร กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั น�ำ ๑. ครูนำ� รอ้ งเพลง พายเรอื “พาย พาย พาย แล้วก็ แจว แจว แจว แสนสนกุ สขุ สบาย ลงเรือพายเรือแจว” ๒. ครูตงั้ ค�ำถามเก่ียวกบั เนือ้ เพลง นำ� สู่กจิ กรรมการออกเสยี งพยัญชนะ พ ข้ันสอน ๓. นักเรียนออกเสียงคำ�จากเพลง ตามครู พาย แล้วตอบคำ�ถามเก่ียวกับพยัญชนะท่ีปรากฏ ในคำ�อา่ น และร่วมกนั ออกเสยี งพยัญชนะ พ ภ โดยใชแ้ บบฝกึ การออกเสยี งคำ� ขนั้ สรุป ๕. นกั เรียนรว่ มกันหาคำ� อ่ืน ๆ ท่มี ี พ ภ เป็นพยญั ชนะตน้ ครชู ่วยเขียนบนกระดาน และร่วมกัน ออกเสยี งคำ� ทช่ี ว่ ยกันคิดไดบ้ นกระดาน 181
ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ ๑. เพลง ๒. แบบฝึก การวัดผลและประเมินผลการเรยี นรู้ สังเกตการออกเสียงพยัญชนะและค�ำ เครอ่ื งมือการวัดผลและประเมินผล แบบสงั เกต แบบสังเกตการอ่าน คำ� หมายเหตุ ท่ี ชอ่ื -สกลุ พยญั ชนะ พ ผ ท ถ สรปุ พ่อ เพ่อื น พี่ พูด สรุป 182
แนวทางการพฒั นาการเรียนการสอนภาษาไทย เพ่ือยกระดบั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น “ดอกแกว้ เมืองสรุ ินทร์” โดย: ธญั ลักษณ์ จันทร์ศรี ศึกษานิเทศก์ สพป.สุรินทร์ เขต ๒ เหตุผลและความจ�ำเปน็ ภาษาไทยเป็นทักษะท่ีต้องฝึกฝนให้เกิดความช�ำนาญในการใช้ภาษาเพ่ือการส่ือสาร การอ่าน และการฟังเป็นทักษะของการรับรู้เรื่องราว ความรู้และประสบการณ์ การพูดและการเขียนเป็นทักษะ ของการแสดงออกด้วยการแสดงความคิดเห็น ความรู้และประสบการณ์ การเรียนภาษาไทยจึงต้องเรียน เพื่อการส่ือสารให้สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างพินิจพิเคราะห์ สามารถเลือกใช้ค�ำ เรียบเรียงความคิด ความรู้ และภาษาได้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ได้ตรงตามความหมาย และถูกต้องตามกาลเทศะ บุคคล และ มีประสทิ ธิภาพตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ จากการประเมินคุณภาพการจัดการศึกษาตามเกณฑ์การประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนระดับชาติ NT และ O – NET ของนกั เรยี นชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖ และชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ของส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๒ ที่ผ่านมาพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ยังต�่ำกว่าค่าเฉล่ียระดับประเทศ ในช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และยังพบว่าค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนไม่สอดคล้อง กับจดุ เน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยยกระดบั ผลสมั ฤทธภิ์ าษาไทยทกุ ระดบั ชัน้ อยา่ งนอ้ ยร้อยละ ๓ นอกจากนี้ในระดับการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนของโรงเรียนในสังกัดส�ำนักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษาสุรินทร์ เขต ๒ พบว่า สถานศึกษาในสังกัด มีบริบทที่ใช้ภาษาในการส่ือสารแตกต่างกัน ตามชาติพนั ธ์ุ เช่น ภาษาเขมร ภาษากูย และภาษาลาว ซึ่งภาษาทอ้ งถิน่ มีส่วนที่ทำ� ให้การเรยี นของนักเรยี น มปี ัญหาในการเรียนรู้ โดยเฉพาะนักเรยี นช่วงช้นั ท่ี ๑ และ ๒ ยังมีปญั หาเร่ืองการอ่านภาษาไทยไม่ออก และเขียนไม่ได้ รวมท้ังทักษะในการส่อื สาร มอี ยู่เปน็ จำ� นวนมาก จนกลายเปน็ ปัญหาระดบั ชาติอยู่ในขณะน้ี ดว้ ยเหตุผลและความจ�ำเปน็ ดังกล่าว จงึ ควรจัดทำ� แนวทางการพัฒนาการเรยี นการสอนภาษาไทยเพ่อื ยกระดับ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นขนึ้ วัตถุประสงค์ ๑. เพ่อื สง่ เสรมิ และพัฒนาการเรยี นการสอนภาษาไทยทกุ ระดับช้นั ๒. เพอื่ ยกระดับผลสมั ฤทธกิ์ ารเรียนการสอนภาษาไทย 183
กลมุ่ เปา้ หมาย ๑. โรงเรียนในสงั กัดมหี ลักสูตรรายวิชาพ้นื ฐาน สาระภาษาไทยทุกโรงเรยี น ๒. ครูทุกระดับช้ันได้รับการพัฒนาด้าน การอ่านออกเขียนได้ การอ่านรู้เรื่องและส่ือสารได้ อย่างตอ่ เน่ืองและย่ังยนื ๓. ผู้เรียนทุกระดับช้ัน ได้รับการพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ การอ่านรู้เร่ืองและสื่อสารได้ อยา่ งต่อเนอื่ งและย่งั ยนื ๔. ผ้เู รยี นมีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นสาระภาษาไทย เพมิ่ ขนึ้ อย่างนอ้ ยร้อยละ ๓ รปู แบบและกระบวนการนเิ ทศ ส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๒ ก�ำหนดให้มีการนิเทศสถานศึกษา ภาคเรยี นละ ๒ ครัง้ รวมปกี ารศกึ ษาละ ๔ คร้ัง หรือมากนอ้ ยตามภาระงาน ผ้นู เิ ทศจึงเลือกใช้การนิเทศแบบ COACHING เพอ่ื ให้การนเิ ทศมีประสิทธภิ าพสงู ขนึ้ COACHING เป็น “การชี้แนะ” เป็นการบอกทิศทางให้ การแนะก็เป็นการเสนอแนวทางให้เดินไปสู่ทิศนั้น ส่วนการจะเดินไปทิศใด หรือจะเลือกเดินทางใดนั้น ก็ข้ึนอยู่กับการตัดสินใจเลือกของผู้รับการชี้แนะเป็นหลัก การช้ีแนะ คือ วิธีการในการพัฒนาสมรรถภาพ การท�ำงาน ของบุคคล โดยเน้นไปท่ีการท�ำงานให้ได้ตามเป้าหมายของงานน้ัน หรือ การช่วยให้สามารถ น�ำความรู้ ความเข้าใจท่ีมีอยู่และ/หรือ ได้รับการอบรมมาไปสู่การปฏิบัติได้ โดยใช้หลักการที่คน ๆ หนึ่ง ช่วยให้ใครก็ตามพัฒนาขีดความสามารถในการท�ำงาน การสอนงานไม่ได้หมายถึงสาระของการสอน หรือบอกถึงวิธีการท�ำงานเท่าน้ัน แต่หมายรวมถึงการช่วยเหลือ การให้ค�ำแนะน�ำ การให้ก�ำลังใจ และใหโ้ อกาสในการทำ� สง่ิ ต่าง ๆ ใหด้ ขี ึน้ เพื่อจะน�ำไปสู่ความสำ� เร็จของงาน กระบวนการนิเทศได้มีการระดมพลังท้ังจ�ำนวนอัตราก�ำลังบุคลากร เทคนิควิธีการและเช่ือมโยง เครือข่ายในการนิเทศให้เกิดคุณภาพท้ังในเชิงปริมาณและคุณภาพ เพ่ือส่งผลให้เกิดการเปล่ียนแปลง และ ขับเคล่ือนคุณภาพการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการนิเทศด้วย ๑ ตรง ๒ เต็ม คือ ตรงประเด็น เป็นการนิเทศที่ตรงประเด็นที่เป็นจุดเน้นการขับเคล่ือนเชิงนโยบายสู่การปฏิบัติและประเด็นท่ีเป็นปัญหา ของกลุ่มเป้าหมาย ซ่ึงศึกษานิเทศก์จะต้องสามารถวินิจฉัยปัญหา ค้นหาสาเหตุและด�ำเนินการนิเทศ เพื่อแก้ปัญหาได้จริงเต็มก�ำลัง เป็นการนิเทศอย่างเต็มก�ำลังความสามารถ เป็นการระดมสรรพก�ำลังท่ีมี ท้งั กำ� ลังกาย ก�ำลังใจ กำ� ลงั สตปิ ัญญา/วชิ าการ และทรัพยากรต่างๆ เพอื่ ร่วมมือกับครู ผู้บริหารแก้ไขปญั หา คุณภาพการเรียน การสอนของโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายให้เห็นผลอย่างรวดเร็ว และเต็มพื้นท่ี เป็นการนิเทศ ท่ีท่ัวถึง ครอบคลุมพ้ืนท่ีเป้าหมาย และมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ รวมท้ัง ต้องเช่ือมโยงเครือข่ายในพ้ืนที่ให้มาเป็นพลังหนุนเสริมการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนในเขตพ้ืนท่ีการศึกษา อย่างเป็นรปู ธรรม 184
รูปแบบแนวทางการพัฒนาการเรยี นการสอนภาษาไทย เพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน “ดอกแกว้ เมืองสุรินทร”์ ดอกท่ี ๑ สรา้ งความตระหนกั ร่วมกนั - เพอ่ื สง่ เสรมิ และพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยทกุ ระดบั ช้ัน - เพอ่ื ยกระดบั ผลสมั ฤทธิก์ ารเรยี นการสอนภาษาไทย ดอกท่ี ๒ ให้ความสำ� คัญแกค่ รแู ละนกั เรียน - อบรมครู ป.๑ - ๓ เพอ่ื ให้มีทักษะการแจกลกู สะกดค�ำ - คดั กรองนักเรยี นเป็นระยะ ๆ เพื่อทราบความกา้ วหน้า - มอบหมายครูสอนภาษาไทย โดยค�ำนึงถึงวิชาเอก ประสบการณ์ในการสอนและครูที่เขียน ลายมอื สวย ดอกท่ี ๓ พากเพยี รน�ำวิธสี อนสู่การปฏบิ ัติ - สอนการแจกลูกประสมคำ� - สอนโดยค�ำนึงถึงความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล - สร้างนวัตกรรมการสอนแกป้ ญั หานักเรียนเป็นรายบุคคล - สอนการใช้ภาษาท้องถนิ่ เพื่อการเรยี นรู้ ดอกท่ี ๔ เร่งรัดนิเทศติดตามอยา่ งกัลยาณมติ ร - ประเมินก่อนเรยี น ระหว่างเรียนและหลงั เรียน - ประเมินกระบวนการอ่านคิดวเิ คราะห์และเขียน - พฒั นาทกั ษะใหแ้ ก่นกั เรยี นทกุ กลุ่มเป้าหมาย - วจิ ัยและพฒั นาส่อื และนวตั กรรม ดอกที่ ๕ ประเมินผลสัมฤทธเิ์ พ่อื การพฒั นา - ประเมนิ ก่อนเรียน ระหว่างเรียนและหลังเรยี น - ประเมินกระบวนการอา่ นคดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น - พฒั นาทกั ษะให้แกน่ ักเรยี นทุกกลุ่มเปา้ หมาย - วิจยั และพัฒนาส่ือและนวตั กรรม 185
การสรา้ งและพฒั นานวัตกรรม ๑) แนวทางการพัฒนาการเรยี นการสอนภาษาไทยเพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธิ์ ชัน้ ป.๓ ๒) แนวทางการพัฒนาการเรยี นการสอนภาษาไทยเพ่อื ยกระดับผลสัมฤทธ์ิ ชน้ั ป.๖ ๓) แนวทางการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยเพื่อยกระดับผลสมั ฤทธ์ิ ชั้น ม.๓ ๔) แบบฝึกเสริมทักษะพัฒนากระบวนการเรียนรู้ การอ่านและการเขียนภาษาไทย ชุดท่ี ๑ พยัญชนะ สระ และวรรณยกุ ต์ ๕) แบบฝึกเสริมทักษะพัฒนากระบวนการเรียนรู้ การอ่านและการเขียนภาษาไทย ชุดท่ี ๒ การประสมคำ� ๖) แบบฝึกเสริมทักษะพัฒนากระบวนการเรียนรู้ การอ่านและการเขียนภาษาไทย ชุดที่ ๓ ค�ำทมี่ ีตัวสะกด ๗) แบบฝึกเสริมทักษะพัฒนากระบวนการเรียนรู้ การอ่านและการเขียนภาษาไทย ชุดท่ี ๔ คำ� ควบกล้ำ� ผลส�ำเร็จในการด�ำเนนิ งาน ๑. โรงเรยี น ๑) โรงเรียนทุกโรงในสังกัดส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๒ มีวิธี แก้ปญั หาการเรียนการสอนภาษาไทยและยกระดบั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนภาษาไทยให้สูงขน้ึ ๒) นักเรียนทุกคนได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย ให้สูงข้ึนเชิงคณุ ภาพ ๓) ครผู ู้สอนสามารถจดั การเรยี นการสอนได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ๔) นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกลุม่ สาระภาษาไทยให้สูงขนึ้ ๒. ผลทเี่ กดิ กับส�ำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษา ๑) ส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๒ มีค่าเฉล่ียผลการประเมินคุณภาพ การศึกษาขั้นพ้ืนฐานเพ่ือการประกันคุณภาพผู้เรียน (NT) ด้านภาษา (Literacy) ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๓ สูงกว่าค่าเฉล่ียระดบั ประเทศ ปีการศึกษา ๒๕๕๖ – ๒๕๕๘ ๒) ส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๒ มีค่าเฉล่ียผลการประเมินคุณภาพ การประเมินคณุ ภาพการศึกษาข้ันพ้นื ฐานเพอ่ื การประกนั คุณภาพผเู้ รียน (O - NET) ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ และชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ สูงกว่าคา่ เฉลย่ี ระดบั ประเทศ ปีการศึกษา ๒๕๕๖ - ๒๕๕๘ 186
๒. ผลทีเ่ กิดกับสำ� นักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา ๑) นางธัญลักษณ์ จันทร์ศรี ได้รับรางวัลระดับประเทศศึกษานิเทศก์ ระดับดีเด่นผู้ส่งเสริม พัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทยที่ประสบผลส�ำเร็จ ประจ�ำปี ๒๕๕๘ ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ ๒) นางธญั ลกั ษณ์ จันทร์ศรี ได้รับรางวัล เปน็ ผู้มผี ลงานดีเดน่ ด้านการพฒั นาการเรยี นการสอน ภาษาไทย การเสวนากาแฟ กระทรวงศึกษาธิการ จังหวดั สุรนิ ทร์ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๗ ๓) นางธัญลักษณ์ จันทร์ศรี ได้รับรางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ปี ๒๕๕๘ ส�ำนักวัฒนธรรม จังหวดั สรุ นิ ทร์ การเผยแพรผ่ ลงานดีเดน่ ด้านภาษาไทย ๑) นางธญั ลกั ษณ์ จันทรศ์ รี ศึกษานเิ ทศก์ สพป.สรุ นิ ทร์ เขต ๒ ไดน้ ำ� เสนอผลงาน ทางวิชาการ : วันครูโลก ๒๕๕๗ ในงานสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “ครูไทย ก้าวไกล สู่สากล” ณ ห้องประชุมช้างเผือก คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฎั สรุ นิ ทร์ ระหวา่ งวันท่ี ๔ – ๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒) นางธัญลักษณ์ จันทร์ศรี ศกึ ษานิเทศก์ สพป.สุรนิ ทร์ เขต ๒ ไดเ้ ขา้ รว่ มเสวนา ดา้ นการพัฒนา การเรียนการสอนภาษาไทย การเสวนากาแฟ กระทรวงศึกษาธิการ จังหวัดสุรินทร์ ปีการศึกษา ๒๕๕๗ วนั ท่ี ๒ เมษายน ๒๕๕๗ ๓) ส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต ๒ ได้การเผยแพร่ผลงานของครู นักเรียน การประกวดด้วยวธิ ีตา่ ง ๆ เช่น เอกสาร แผ่นพับ ป้ายประชาสัมพันธ์ และ Website สพป.สรุ ินทร์ เขต ๒ www.srn2.go.th และ www.sr2-test.net และกลุ่ม Facebook กลุ่ม Line รักษ์ภาษาไทย สพป.สุรนิ ทร์ เขต ๒ ปัจจัยสู่ความส�ำเร็จ จากการด�ำเนนิ งานของเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาสุรินทร์ เขต ๒ ไดม้ กี ารนิเทศ ตดิ ตามผล การด�ำเนินงานตามกลยุทธ์ท้ังระดับเขตและระดับเครือข่าย โดยมีผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา รองผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา ศึกษานเิ ทศก์และ กตปน. ออกตรวจเยย่ี มโรงเรียน อยา่ งน้อย ภาคเรียนละ ๒ คร้ังและผู้บริหารเครือข่ายโรงเรียนนิเทศติดตาม เดือนละ ๑ คร้ัง ส่งผลท�ำให้นักเรียน สามารถอ่านออก เขียนได้ อ่านคล่องเขียนคล่อง และมีผลการประเมิน NT ชนั้ ป.๓ และ O-NET ป.๖ และ ม.๓ สงู กวา่ คา่ เฉลยี่ ระดบั ประเทศ ปัจจัยสู่ความส�ำเร็จ ดงั น้ี 187
๑. ดา้ นการวางแผนการนิเทศ ๑) พฒั นาระบบข้อมลู สารสนเทศ เพ่ือการบรหิ ารและการนิเทศ ๒) พัฒนากระบวนทัศน์ในการท�ำงานของบุคลากรให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร และ ส่งเสริมการทำ� งานแบบบูรณาการ ๓) สง่ เสริมวัฒนธรรมคณุ ภาพในการทำ� งาน มอบหมายภาระงานหน้าท่ีของศกึ ษานเิ ทศก์แตล่ ะคน รับผดิ ชอบในการนเิ ทศ พรอ้ มรายชอื่ โรงเรียนและเครอื ข่ายโรงเรยี นทร่ี ับผดิ ชอบในการนเิ ทศและเปน็ ท่ีปรกึ ษา ๔) พัฒนากลุ่มนิเทศให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ เน่ืองจากศึกษานิเทศก์ทุกคนต้องด�ำเนินการ นิเทศแบบบูรณาการ และจะต้องเป็นท่ีปรึกษาของเครือข่ายโรงเรียน จึงต้องมีความรอบรู้ในทุก ๆ เร่ือง กลุ่มนิเทศจึงจัดให้มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประชุมศึกษานิเทศก์และประชุมประธานเครือข่ายโรงเรียน เพอื่ สรา้ งข้อสรปุ เป็นแนวปฏิบตั ิร่วมกนั ๒. ด้านผลการนเิ ทศ จากการนิเทศ ติดตามผลการด�ำเนินงาน ตามกลยุทธ์ ท้ังระดับเขต และระดับเครือข่าย อย่างมสี ว่ นร่วมทำ� ให้ ๑) นักเรียนสามารถอา่ นออก เขยี นได้ อ่านคล่องเขยี นคล่อง เพิม่ ขน้ึ รอ้ ยละ ๔ ๒) มีผลการประเมนิ NT ชน้ั ป.๓ และ O - NET ป.๖ และ ม.๓ สงู กว่าคา่ เฉลยี่ ระดบั ประเทศ ๓) ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา สามารถพัฒนาการเรียนการสอนตรงตามมาตรฐานการเรียนรู้ และประสบความสำ� เร็จต่อวชิ าชพี ๓. การน�ำผลการนเิ ทศไปใช้ในระดบั เขตพน้ื ที่ ๑) ควรมีการพัฒนาครูให้มีความรู้และทักษะที่เหมาะสมกับบทบาทหน้าท่ีภารกิจ เช่น ความรู้ ด้านเน้ือหาในกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สอน เทคนิคการจัดการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ เหมาะกับลักษณะ ของเนอื้ หา กิจกรรมการเรยี นรูแ้ ละวิธกี ารเรยี นรขู้ องผูเ้ รียน ๒) ควรส่งเสริมใหโ้ รงเรยี นใชแ้ หล่งการเรียนรู้ ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน สื่อการเรียนรแู้ ละศูนยก์ ารเรยี นรู้ ในการจดั การเรียนรไู้ ดอ้ ยา่ งหลากหลายและมีประสทิ ธิภาพ ๓) ก�ำหนดมาตรฐานความสามารถในการอ่านการเขียน และทักษะการคิดค�ำนวณของนักเรียน ทุกระดับช้ัน และมีมาตรการในการพัฒนาความสามารถในการอ่านและเขียน ทักษะการคิดค�ำนวณ ทม่ี ีประสิทธิภาพ ๔) ส่งเสริมให้โรงเรียนมีระบบนิเทศภายในท่ีเข้มแข็งเพ่ือให้ครูจัดการเรียนการสอนได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามตัวช้ีวัดและมาตรฐานการเรียนรู้ อันจะท�ำให้ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนเป็นไปตามเป้าหมายที่ก�ำหนด เช่ือมโยงกระบวนการการนิเทศจากภายนอก (ส�ำนักงานเขต พื้นที่การศึกษา) และกระบวนการนิเทศภายในโรงเรียนให้ประสานสอดคล้องกันท้ังในด้านวัตถุประสงค์ เป้าหมายและกิจกรรม การนเิ ทศอย่างมีประสทิ ธภิ าพ 188
ข้อเสนอแนะ ปัญหา อุปสรรค ๑. นกั เรียนยงั มีปัญหาดา้ นการอ่านการเขียนอยู่ ในกลมุ่ นกั เรยี นที่ใช้ภาษาทอ้ งถิน่ (เขมรและกยู ) โดยเฉพาะนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ - ๓ ซ่งึ ยงั ไม่สามารถแก้ไขไดใ้ นปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๘ สถานศกึ ษา จึงต้องดูแลแก้ไขเป็นรายบุคคล ตลอดจนค้นคว้าหานวัตกรรมมาสอนซ่อมเสริมเพ่ือให้นักเรียนอ่านออก เขยี นไดต้ ามช่วงชน้ั ๒. ครูผู้สอนภาษาไทยยังไม่มีเทคนิคการสอนช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ จึงควรจัดอบรม ให้ความรู้ด้านการสอนอ่านและเขยี นแจกลูกสะกดคำ� และการพัฒนาทกั ษะกระบวนการคดิ ขอ้ เสนอแนะเพื่อการพัฒนา ๑. ควรสอนอ่านและเขียนภาษาไทย โดยใช้ภาษาท้องถ่ินเพ่ือการเรียนรู้ มาใช้ในช่วงกิจกรรม เพมิ่ เวลารู้ ๒. ควรพัฒนาการสอนแบบสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการคิด มาใช้ในช่วงกิจกรรม เพม่ิ เวลารู้ 189
แนวทางการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาไทย เพ่ือยกระดับผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรยี น นวัตกรรม การพัฒนาการเรยี น การสอนภาษาไทย รางวัลชนะเลิศ การเขยี นเรียงความ และการแต่งกลอนสภุ าพระดบั ประเทศ เนอ่ื งในวนั ภาษาไทยแหง่ ชาติ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๕๙ รางวัลรองชนะเลศิ อนั ดบั สอง การคัดลายมือและการเขียนตามคำ� บอก ระดับประเทศ เนอื่ งในวันภาษาไทยแห่งชาติ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ 190
อบรมครผู สู้ อนภาษาไทย โครงการพฒั นาการเรยี นการสอนภาษาไทย การพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นการสอนภาษาไทย โดยใช้ภาษาท้องถ่ินเพอื่ การเรยี นรู้ 191
การพัฒนาครูผู้สอนภาษาไทย เนน้ การอ่านออกเขียนได้ โดยรูปแบบของกลั ยาณมติ รนิเทศถงึ หอ้ งเรยี น โดย: ศริ ลิ ักษณ์ สทุ ธิพงศธร ศึกษานเิ ทศก์ สพป.ยะลา เขต ๒ เหตผุ ลและความจำ� เปน็ จากสภาพความไม่สงบในพ้ืนที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการด�ำเนิน การจดั การเรียนการสอนของโรงเรียน อกี ท้ังสภาพการใชภ้ าษาของผเู้ รียน พบว่า รอ้ ยละ ๙๕ การใช้ภาษา ท้องถ่ินส่ือสารในชีวิตประจ�ำวัน ได้แก่ คือ ภาษามลายูถ่ิน นอกจากนี้ยังประสบปัญหา การเคล่ือนย้าย ของครูตลอดเวลา และส่วนใหญ่เป็นครูที่ไม่จบวิชาเอกภาษาไทย จากการทดสอบการอ่านออกเสียง เป็นรายบุคคลนักเรียนจะออกเสียงอักษรสูงไม่ได้และเสียงท่ีอ่านจะเพี้ยน เพราะนักเรียนแยกเสียงไม่ออก นักเรยี นบางคนอ่านออกแตอ่ อกเสียงไมช่ ัด ทำ� ใหข้ าดความม่ันใจ นกั เรยี นไมก่ ล้าแสดงออก ขาดความรว่ มมอื ในการจัดกิจกรรม และผู้เรียนจะใช้ภาษาไทยเฉพาะเวลามาเรียนที่โรงเรียนเท่าน้ัน จากเหตุผลดังกล่าว ทำ� ให้นักเรยี นอ่านไมอ่ อกเขยี นไมไ่ ด้ ส่งผลตอ่ การเรียนทุกกลมุ่ สาระการเรียนรแู้ ละมผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนต�่ำ ดงั นั้นส�ำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษายะลา เขต ๒ จึงเรง่ มุ่งพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา โดยเฉพาะระบบการนิเทศ และศึกษารูปแบบการสอนเพ่ือช่วยเหลือครูผู้สอนภาษาไทยในการพัฒนา การอา่ นการเขียนของนักเรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ ให้สามารถอ่านออกเขยี นได้ทุกคน วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื พัฒนาครูผสู้ อนภาษาไทย ในการจดั การเรียนรทู้ ่ีเน้นการอา่ นออกเขียนได้ กล่มุ เปา้ หมาย ครูผู้สอนภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดส�ำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต ๒ 192
รปู แบบและกระบวนการนิเทศ การนิเทศแบบกัลยาณมิตรนิเทศถึงห้องเรียน เพ่ือปรับปรุงคุณภาพในด้านการวางแผน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน บรรยากาศการเรียนรู้ ท่ีมีความสุข โดยผู้นิเทศ และผู้รับการนิเทศร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ด้วยความเป็นมิตรท่ีดีต่อกัน เพื่อเพ่ิม ประสทิ ธภิ าพและประสิทธิผลในการจัดการเรยี นรู้ การพฒั นาสรา้ งแนวทางการนเิ ทศ ๕ ขน้ั ตอน ดงั น้ี สรา้ งความเปน็ มติ ร คดิ วางแผนร่วมกนั หมัน่ ติดตามเยีย่ มชม น�ำผลกลับมาวิเคราะห์ พฒั นาคุณภาพ การพฒั นาสรา้ งแนวทางการนิเทศ ๕ ข้นั ตอน คือ ขั้นที่ ๑ สร้างความเป็นมิตร ขน้ั ท่ี ๒ คิดวางแผนร่วมกนั ขน้ั ที่ ๓ หมน่ั ติดตามเย่ียมชม ขั้นที่ ๔ น�ำผลกลับมาวิเคราะห์ ขน้ั ที่ ๕ พฒั นาคณุ ภาพ 193
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226