Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการเรียนการสอนวรรณคดีไทย หน่อเนื้อเชื้อไข ในวรรณคดีไทย

คู่มือการเรียนการสอนวรรณคดีไทย หน่อเนื้อเชื้อไข ในวรรณคดีไทย

Description: คู่มือการเรียนการสอนวรรณคดีไทย หน่อเนื้อเชื้อไข ในวรรณคดีไทย

Search

Read the Text Version

๖) ชวนประดษิ ฐ์ บ้านเรอื นไทย/บา้ นที่ชอบใจ อปุ กรณ์ ๑. เศษไม้ เศษลังกระดาษอ่ืน ๆ ๒. ลวดเสน้ เล็ก กาว กรรไกร ๓. แผ่นไม้เรียบ เพื่อตกแตง่ เป็นบริเวณบา้ นและภูมิทศั น์ การประดษิ ฐ์ ๑. ค้นควา้ ค�ำทเี่ รยี กทีอ่ ยอู่ าศัย และผู้อาศยั ใหไ้ ดม้ ากทส่ี ุด ๒. สนทนาวา่ บา้ นท่อี ยอู่ าศัยจะมีความสขุ ประกอบดว้ ย อะไรบ้าง ๓. ค้นหารปู บา้ น จากหนังสอื รปู ภาพ และอินเทอรเ์ น็ต ๔. ออกแบบบา้ นที่ชอบดว้ ยตนเอง ๑ หลัง ๕. ประดิษฐบ์ ้านดว้ ยเศษวัสดตุ ามการออกแบบของตน ๖. ตกแต่งและทาสบี ้านให้สวยงาม ๗. ปรับปรงุ ภมู ิทศั น์รอบบ้านให้สวยงามตามใจชอบ ๘. คิดค�ำนวณราคาบา้ นของตน หากเป็นทอี่ ยู่อาศัยไดจ้ รงิ 44 คู่มือการเรยี นการสอนวรรณคดีไทย หนอ่ เนอ้ื เช้อื ไข ในวรรณคดไี ทย

๗) ชวนคิดสร้างสรรค์ กิจกรรมที่ ๑ เขียนสลับอักษรเปน็ คำ�ใหม่ ตัวอย่าง ขุนแผน = ขนุน แขน ผนุ แนน ๑. ขนุ ชา้ ง = ............................................................................................. ๒. พลายชมุ พล = ............................................................................................. ๓. พลายงาม = ............................................................................................. ๔. วนั ทอง = ............................................................................................. ๕. แก้วกริ ยิ า = ............................................................................................. กิจกรรมท่ี ๒ เขียนเรียงล�ำ ดับ อาวโุ ส ตระกลู พลาย พลายชุมพล พลายแกว้ พลายเพชร พลายยง พลายงาม พลายบัว พลายณรงค์ (หลวงตา่ งใจ) ๑ ......................................... ๒ ๓ ๔ ......................................... ......................................... ......................................... ๖ ๕ ......................................... ......................................... ๗ ......................................... คมู่ อื การเรยี นการสอนวรรณคดีไทย หน่อเนื้อเชือ้ ไข ในวรรณคดีไทย 45

แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ภาษาไทย เร่ือง พลายงาม ๑. วิเคราะหส์ าระการเรียนร้ใู นกลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย บรรยายบา้ นเรือนไทย วเิ คราะหส์ ภาพที่อยู/่ ความเป็นอยู่ บทร้อยกรอง กลอนเสภาเรอื่ งขุนชา้ ง ขุนแผน ตอน ก�ำ เนดิ พลายงาม มารยาทในการเขียน แสดงความร้สู กึ เม่อื แม่ลกู ขบั เสภา ต้องจากกัน บทรอ้ ยแก้วประวตั ติ ัวละคร การเขยี น คัดลายมือ การอ่าน มารยาทในการอา่ น การวเิ คราะห์สภาพความเปน็ อยู่ เรยี งความเก่ียวกับ “แม่” การฟงั มายาทในการฟงั พรรณนาความเสยี ใจของแมว่ ันทอง พลายงาม ความรกั ท่ีมีต่อพอ่ /น้อง ความมงุ่ มั่น การอ่านบทรอ้ ยกรอง กลอนเสภา หลักการใชภ้ าษา คุณธรรม การพูดอยา่ งมเี หตผุ ล ฉันทลักษณก์ ลอนเสภา ความออ่ นน้อม ค�ำ ศพั ท์ และความหมาย การพูด ปญั หาในเรอื นขนุ ชา้ ง ความแตกตา่ งระหว่างการอา่ น มารยาทในการพดู ความกตัญญู กลอนเสภาและกลอนสภุ าพ ใฝร่ ู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์สภาพความเป็นอยู่ วเิ คราะห์ตัวละครสำ�คัญ กลา้ หาญ ความจงรักภกั ดี ๒. วิเคราะหก์ ารบรู ณาการการสอนตา่ งกลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา การงานอาชพี ศาสนาและวฒั นธรรม และเทคโนโลยี - ชุมชนและความเปน็ อยู่ - ประดษิ ฐบ์ า้ นเรอื นไทยโดย - การศกึ ษาหาความรใู้ นยุคนั้น ใช้ไม้ตอกแบนๆ หรือไม้ไอศกรีม - ความรูเ้ มืองกาญจนบุรี /เศษวัสดุ - ความรู้เมอื งสุพรรณบรุ ี - เยบ็ ไถ/้ ถุงผา้ ใส่ของ - ประเพณกี ารรับขวัญ พลาย ง า ม - คณุ ธรรมของพลายงาม ศลิ ปศกึ ษา/ดนตรี คณติ ศาสตร์ - รอ้ งเพลงเชิญขวญั (สือ่ IT) - ศึกษาแผนทีแ่ ละระยะทาง - เพลงสายใจแม่ จากเมอื งสพุ รรณบรุ ไี ป เมอื งกาญจนบรุ ี - เพลงแม่/ค่าน้�ำนม 46 ค่มู ือการเรยี นการสอนวรรณคดไี ทย หนอ่ เนือ้ เช้ือไข ในวรรณคดีไทย

๓. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ๓.๑ น�ำสาระเน้ือหาจากวรรณคดีไทย/ประวัติตัวละคร มาน�ำอ่าน น�ำพูด ฝกึ จับใจความส�ำคญั ๓.๒ น�ำสาระเนื้อหาต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้มาบูรณาการการสอนโดยใช้การ แบง่ กลุ่มศกึ ษาค้นคว้าโดยใชก้ ารอ่าน การเขียน การบันทึก การจบั ใจความ การสรปุ ใจความ การวเิ คราะหค์ วาม การเขยี นรายงาน การพูดน�ำเสนอจากการศึกษาคน้ คว้า ฯลฯ ๓.๓ ครูสรปุ ความรู้ทถี่ กู ตอ้ งแกน่ ักเรียน ๓.๔ ใหน้ กั เรยี นสร้างชนิ้ งานดว้ ยตนเองตามใจชอบ แลว้ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ วพิ ากษ์ วิจารณ์เชิงบวกดว้ ยค�ำว่า “ถ้า... ถ้าจะเพม่ิ ... ปรบั ...” ๓.๕ การวัดผลประเมินผลตามตัวชวี้ ดั จุดประสงค์ หรอื สมรรถนะทางภาษาไทย จากผลงานของนักเรียน ผลงานกลุ่ม ใช้การทดสอบ การตรวจ การสังเกต การฟัง การพูด การเขยี น เป็นตน้ คมู่ อื การเรียนการสอนวรรณคดีไทย หนอ่ เนอ้ื เช้ือไข ในวรรณคดไี ทย 47

๑.๔ พลายชมุ พล ๑.๔.๑ ลำ�ดบั วงศข์ นุ แผนจนถงึ พลายชุมพล (หลวงนายฤทธ์ิ) ขนุ ไกร นางทองประศรี เจ้าเมืองสุโขทยั นางเพ็ญจนั ทร์ พลายแก้ว (ขนุ แผน) นางแกว้ กริ ิยา พ ลายชมุ พล (หลวงนายฤทธิ์) ๑.๔.๒ ความเดมิ เมอ่ื ครง้ั ขนุ แผนขน้ึ เรอื นขนุ ช้างเพอ่ื พานางวนั ทองไปจากขนุ ช้าง ไดส้ ะกดคนใหห้ ลบั หมดแล้วจงึ เขา้ ไปค้นหานางวนั ทอง แตห่ ลงเขา้ หอ้ งนางแกว้ กิริยา บตุ รีพระยาสุโขทัย ซง่ึ บิดา ได้น�ำนางมาขัดดอกไว้กับขุนช้าง จึงได้นางแก้วกิริยาเป็นภรรยา และได้มอบเงิน ๑๕ ต�ำลึง ใหน้ างแกว้ กริ ยิ าไวไ้ ถต่ วั จากขนุ ชา้ งพรอ้ มกบั แหวนวงหนง่ึ กอ่ นจะพานางวนั ทองไปจากขนุ ชา้ ง ตอ่ มาขนุ แผนตอ้ งโทษเรอื่ งทลู ขอนางลาวทองภรรยาอกี คนหนงึ่ ทถ่ี กู พรากมาไวใ้ นวงั ท�ำให้สมเด็จพระพันวษาทรงพิโรธว่าขุนแผนก�ำเริบ ให้น�ำตัวไปจ�ำคุกโดยไม่มีก�ำหนด นางแก้วกิริยาได้ขอติดตามเข้าไปรับใช้ขุนแผนด้วยความซื่อสัตย์ที่ทิมริมคุก ซ่ึงขุนแผนก็ได้ สะเดาะโซต่ รวนออกมาหานางอยู่เนอื ง ๆ ต่อมาเจ้าเมืองล้านช้างได้ถวายพระธิดา นางสร้อยทองแก่สมเด็จพระพันวษา แต่เจ้าเมืองเชียงใหม่ใช้ให้แสนตรีเพชรกล้ามาดักจับทูตไทยและชิงนางสร้อยทองไปไว้ท่ ี เมอื งเชียงใหม่ สมเดจ็ พระพันวษาทรงทราบกพ็ โิ รธ โปรดให้จดั ทัพไปรบทเ่ี มืองเชยี งใหมท่ นั ที พลายงามได้ถวายตัวอาสาไปรบพร้อมกับทูลขอพระราชทานอภัยโทษให้ขุนแผน ผู้เปน็ บิดาไปรว่ มดว้ ย ในวันที่จัดทัพออกเดินทางไปราชการทัพที่เมืองเชียงใหม่นั่นเอง นางแก้วกิริยา ไดค้ ลอดบตุ รชาย ขนุ แผนจึงให้ชอ่ื ว่า “พลายชมุ พล” 48 คูม่ ือการเรยี นการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเนื้อเชอื้ ไข ในวรรณคดไี ทย

๑.๔.๓ ประวัตติ วั ละคร พลายชมุ พล (หลวงนายฤทธ์ิ) พลายชมุ พลเปน็ บตุ รของขนุ แผนทเ่ี กดิ กบั นางแกว้ กริ ยิ า เปน็ หลานของปขู่ นุ ไกรและ ยา่ ทองประศรี เปน็ หลานตาเจ้าเมอื งสุโขทยั และยายเพญ็ จนั ทร์ เมอ่ื ชนะศกึ เมอื งเชยี งใหม่ ขนุ แผนไดร้ บั บรรดาศกั ดเิ์ ปน็ “พระสรุ นิ ทรฦ์ ชยั มไหสรู ย์ ภักด”ี ต�ำแหน่งเจ้าเมอื งกาญจนบุรี ไดพ้ านางแก้วกิริยาและนางลาวทองกลับไปอยูท่ ่เี มอื งกาญจนบุรี นางทองประศรขี อพลายชมุ พลจากนางแกว้ กริ ยิ ามาเลย้ี งเปน็ หลานรกั และขออยกู่ บั พลายงาม ซึ่งหลังจากชนะศึกเมืองเชียงใหม่ได้รับต�ำแหน่งเป็นจมื่นไวยวรนาถ และได้รับ พระราชทานนางสรอ้ ยฟ้าเปน็ บ�ำเหน็จรางวัล นางศรีมาลาและนางสร้อยฟ้า ภรรยาท้ังสองของจมื่นไวยมักวิวาทไม่ลงรอยกัน ทะเลาะกนั อยเู่ นอื ง ๆ นางสรอ้ ยฟา้ จงึ ใหเ้ ถรขวาดท�ำเสนห่ ใ์ หพ้ ระไวยหลงใหลและไมย่ อมเชอ่ื ฟงั ผใู้ ด ขนุ แผนเดนิ ทางมาจากเมอื งกาญจนบรุ หี วงั จะมาชว่ ยไกลเ่ กลยี่ ยตุ คิ วามบาดหมาง แตก่ ลบั ถูกพระไวยล�ำเลิกบุญคุณ ท�ำใหข้ ุนแผนโกรธมากถงึ กบั ตดั พอ่ ตดั ลกู กนั พลายชุมพลหนีออกจากบ้านจมื่นไวย เดินทางไปหาท่านตาเจ้าเมืองสุโขทัย และได้บวชเณรอยู่ ๘ ปีเศษ จนอายุ ๑๕ ปี ไดศ้ ึกษาเลา่ เรียนวิชาต่าง ๆ จากหัวเมืองตา่ ง ๆ เพิ่มเติม จากต�ำราของปู่ขุนไกรและพ่อขุนแผน ได้เรียนปลุกเสกยักษ์ พลทหารจากพงหญ้า ร่�ำเรียนวิชากับท่านสมภาร เรียนภาษาขอม ภาษาไทย แปลคัมภีร์ เรียนวิชาจากใบลาน ท่ีขอมด�ำดินเมอื งหงสาน�ำมามอบให้ วชิ าล่องหน หายตวั และด�ำดิน (พสธุ า) จนมวี ชิ าอาคม แกก่ ล้า กมุ ารทองพาพลายชุมพลแอบหนีย่าทองประศรีไปบอกพอ่ ขุนแผนทก่ี าญจนบรุ ี ภาพจิตรกรรมฝาผนงั เร่ือง ขนุ ข้างขุนแผน ที่วัดป่าเลไลยก์ จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี คู่มือการเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเน้อื เช้ือไข ในวรรณคดไี ทย 49

ต่อมาขนุ แผนขอใหพ้ ลายชุมพลไปชว่ ยแกเ้ สนห่ ใ์ หพ้ ระไวย พลายชุมพลจึงปลอมตวั เปน็ “มอญ” คุมทพั ทหารซ่งึ เป็นห่นุ ฟางปลกุ เสกมารบกบั ทัพเมืองอยธุ ยา ซ่งึ มจี ม่นื ไวยน�ำทัพ มาปราบมอญ เมอ่ื ปะทะทัพ จมื่นไวยจึงรู้ว่าสกู้ ับน้องชายและพ่อจึงหนไี ป สมเด็จพระพันวษาได้เข้ามาไกล่เกลี่ยให้คืนดีกัน และให้หาตัวหมอท่ีท�ำเสน่ห์กับ พระไวยมาลงโทษ พลายชมุ พลรับอาสา จบั ได้ตวั เถรขวาดหมอท�ำเสน่หแ์ ละเณรจวิ๋ ระหวา่ ง คมุ ขังรอการพพิ ากษา เถรขวาดและเณรจิ๋วไดห้ นีจากที่คุมขงั ไปได้ เถรขวาดไม่หายแค้นพลายชุมพล จึงแปลงตัวเป็นจระเข้ใหญ่ล่องลงมาอาละวาด กดั กนิ คนถึงเมอื งอยธุ ยา พลายชุมพลอาสาปราบจระเข้เถรขวาดได้ส�ำเร็จ สมเด็จพระพนั วษา จงึ แตง่ ตงั้ ใหร้ บั ราชการในต�ำแหน่ง “ทห่ี ลวงนายฤทธ์”ิ ๑.๓.๔ ชวนทำ�กิจกรรม ๑) ชวนอ่านเป็นท�ำนอง แลว้ จัดแจงแตง่ กายพลายชมุ พล ปลอมตนเปน็ มอญใหมด่ คู มสัน นงุ่ ผา้ ตาหมากรกุ ของรามัญ ใสเ่ สือ้ ลงยันต์ย้อมว่านยา คอผูกผ้าประเจยี ดของอาจารย์ โอมอ่านเสกผงผดั หน้า คาดตะกรดุ โทนทองของบิดา โพกผา้ สที ับทมิ ริมขลิบทอง ถือหอกสัตตะโลหะชนะชยั เหมอื นสมิงมอญใหมด่ ไู วว่อง ..... หมายเหต ุ เชิญครูนาฏศิลป์มาสอนร้องเพลงไทย ค้นหาวิธีการร้องเพลงไทย ท�ำนอง “มอญดดู าว” จากอินเตอร์เน็ตหรือเปดิ ใหน้ กั เรยี นฟัง แล้วชวนนักเรียนรอ้ ง เพลงไทยเปน็ ท�ำนองไทย “มอญดูดาว” ๒) ชวนรู้เรอ่ื ง สโุ ขทัยเมอื งมรดกโลก จังหวัดสุโขทัยเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยมาก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระมหากษัตริย์ราชวงศ์ “พระร่วง” หลายพระองค์ปกครองกรุงสุโขทัย ใช้รูปแบบ การปกครองแบบพ่อปกครองลกู ชาวเมืองจึงเรียกวา่ “พอ่ ขนุ ” ดังเชน่ 50 คู่มอื การเรยี นการสอนวรรณคดไี ทย หนอ่ เนื้อเชอ้ื ไข ในวรรณคดีไทย

พ่อขุนศรอี ินทราทติ ย์ ปฐมราชวงศ์พระร่วง พ่อขนุ บานเมือง พอ่ ขุนรามค�ำแหงมหาราช (ทรงประดษิ ฐ์อักษรไทย พ.ศ. ๑๘๒๖) กรงุ สุโขทยั มีความเจริญรงุ่ เรืองหลายด้าน เชน่ ด้านการปกครอง ปกครองแบบพ่อปกครองลูก หากมีทุกข์ร้อนให้มา ส่ันกระด่งิ รอ้ งเรยี นได้ทุกเมอ่ื ด้านเศรษฐกิจ “พ่อเมือง บ่ เอาจังกอบ” คือ ค้าขายแบบปลอดภาษี ใครใครค่ า้ ชา้ งค้า ใครใครค่ า้ ม้าค้า ด้านการศึกษา ทรงประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นใช้ เม่ือ พ.ศ. ๑๘๒๖ ทรงให้มจี ารึกเหตุการณ์ตา่ ง ๆ บนแผน่ ศิลา เรียกว่า “ศิลาจารึก” และเกิดมีวรรณคดีเรื่องแรก คือ “ไตรภมู พิ ระร่วง” ด้านศาสนาและวัฒนธรรม ทรงสร้างสถานที่เทศนาธรรม มีการสรา้ งวดั และพระพทุ ธรปู ศลิ ปะสโุ ขทยั ทง่ี ดงามทส่ี ดุ นอกจากนย้ี งั ไดม้ พี ระราชพธิ หี ลวง คอื พระราชพธิ ี จองเปรียง หรือท่ีปัจจุบันเรียกว่า ประเพณีลอยกระทง มีการละเล่น การเผาเทียนเล่นไฟ เปน็ มรดกตกทอดสืบมาถงึ ลกู หลานจนถงึ ทกุ วันนี้ และเป็นที่นยิ มแพร่หลายไปทัว่ โลก แมเ้ วลาจะผ่านไป ๗๐๐ กวา่ ปี สุโขทยั ยงั มรี ่องรอยความเจรญิ รุ่งเรืองปรากฏ ให้เห็น และได้รับการข้ึนทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๔ จาก องคก์ ารยเู นสโก ใหเ้ ปน็ อทุ ยานประวตั ศิ าสตรส์ โุ ขทยั และเมอื งบรวิ าร ซงึ่ รวมเมอื งก�ำแพงเพชร และเมืองศรีสชั นาลยั ด้วย ชวนคดิ พลายชุมพลเคยลอยกระทงท่ีจงั หวัดสุโขทัยหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ๓) ชวนกันเลน่ มอญซ่อนผ้า จ�ำนวนผเู้ ลน่ ไม่จ�ำกัดจ�ำนวน อุปกรณ์การเลน่ ผ้า ๑ ผนื วิธีการเล่น ๑. ผู้เล่นทั้งหมดจับไม้ส้ันไม้ยาว ใครได้ไม้สั้นที่สุดจะต้อง ออกไปถอื ผา้ ยืนนอกวง คมู่ อื การเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเนอ้ื เชอ้ื ไข ในวรรณคดีไทย 51

๒. ผู้เล่นนอกนั้นน่ังล้อมวงหันหน้าเข้าในวง ให้มีช่องว่าง ระหวา่ งกนั ประมาณ ๑ ศอก หา้ มหนั หลงั มอง หา้ มบอกกนั เอามอื พาดตักหรอื จะรอ้ งเพลงเพื่อความสนุกกไ็ ด้ ๓. ผู้ถือผ้าต้องซ่อนผ้าไว้ไม่ให้ผู้น่ังเห็น แล้วเดินหรือวิ่งไป รอบ ๆ วง เดินบ้างว่งิ บา้ ง ท�ำหน้าตาเฉยไม่แสดงสีหนา้ ให้จับได้ ท�ำเป็นวางผ้าบ้างเพื่อหลอกล่อผู้น่ังที่เผลอตัว เมอื่ มโี อกาสกแ็ อบวางผา้ ลงไวข้ า้ งหลงั ผเู้ ลน่ คนใดคนหนงึ่ เมื่อวางผ้าแล้วให้รีบเดินหรือว่ิงไปให้เร็ว เพ่ือกลับมาถึง ท่ีเดิมที่แอบวางผ้าไว้ แล้วหยิบข้ึนตีหรือฟาดก้นผู้ที่น่ัง ตรงผ้าวางน้ันทันที จนกว่าผู้ท่ีนั่งจะลุกจากที่และรับผา้ แลว้ เดินรอบวงตอ่ ไป ผู้ทถี่ ือผ้ากจ็ ะนง่ั ลงแทนที่ ๔. หากผู้น่ังท่ีถูกวางผ้าไว้ข้างหลังรู้ตัว ให้หยิบผ้าไว้ก่อน เม่ือผู้วางผ้ามาถึง ต้องยินยอมให้ผู้นั่งท่ีหยิบผ้าได้ น�ำไปตกี น้ ผทู้ นี่ �ำผา้ มาวาง แลว้ คนื ผา้ ให้ ผถู้ อื ผา้ ตอ้ งเดนิ หรือว่ิงต่อไป จนกว่าจะได้แทนท่ีนั่งของผู้น่ังท่ีเผลอตัว คนตอ่ ไป หมายเหตุ ๑. การวางผ้าอย่าให้หา่ งเกินกวา่ จะเอนตัวมาควานหาได้ (ประมาณ ๑ ศอก) ๒. นอกจากผืนผ้าแลว้ อาจจะเปน็ ตกุ๊ ตาผ้าทใ่ี ช้ตแี ล้วไมเ่ กดิ อนั ตราย ๔) ชวนร้องเล่น เพลง มอญซอ่ นผ้า มอญซ่อนผา้ ต๊กุ ตาอยูข่ า้ งหลัง มองโน่นมองนี่ ฉันจะตกี ้นเธอ มอญซ่อนผา้ ตกุ๊ ตาอยขู่ า้ งหลัง ใครเผลอไม่ทันระวัง (ซำ้� ) ตุ๊กตาอยขู่ า้ งหลงั ระวงั จะถูกตี (ของเก่า) 52 คมู่ ือการเรยี นการสอนวรรณคดไี ทย หนอ่ เนอ้ื เช้ือไข ในวรรณคดีไทย

๕) ชวนเขยี นประวตั ิ ประวัติพลายชมุ พล ช่ือ วงศ์สกุล ชื่อบิดา ชอ่ื มารดา ท่อี ยปู่ ัจจบุ ัน ลกั ษณะเด่น ประวตั กิ ารศึกษา พ่ีนอ้ งร่วมบิดามารดา สถานภาพ ชอ่ื ภรรยาหรือสามี ชอ่ื บตุ รหรือธิดา อาชีพ/สถานทีท่ ำ� งาน ตำ� แหน่ง ความสามารถพิเศษ ผลงานดเี ดน่ หลักในการทำ� งาน คณุ ธรรมความดีงาม คมู่ ือการเรยี นการสอนวรรณคดีไทย หน่อเน้อื เช้อื ไข ในวรรณคดไี ทย 53

๖) ชวนประดษิ ฐ์ กระทงนอ้ ยลอยคงคา อปุ กรณ ์ ๑. วัสดุธรรมชาติ เชน่ หยวกกล้วย ใบตอง ๒. วสั ดุทย่ี อ่ ยสลายงา่ ย เชน่ กระดาษ ขนมปัง ฯลฯ ๓. ดอกไม้ ธปู เทยี น ๔. ไมก้ ลัด ไมป้ ลายแหลม ๕. กาว ยางรดั การประดิษฐ ์ ๑. สนทนาถึงจดุ ประสงค์ในการท�ำกระทงและลอยกระทง ๒. คน้ หารูปแบบกระทงท่ปี ระดษิ ฐจ์ ากวสั ดุธรรมชาติ และวัสดุทีย่ อ่ ยสลายงา่ ย จากหนงั สือ รปู ภาพ และ อินเทอรเ์ น็ต ๓. ออกแบบกระทงของตนเองตามใจชอบ ๔. ประดิษฐ์กระทงตามทอี่ อกแบบ ๕. ตกแต่งกระทงใหส้ วยงามด้วยดอกไม้ ธปู เทยี น ๖. ให้ทกุ คนเขยี นค�ำอธิษฐานใสไ่ วใ้ นกระทง ๗. สรุปค�ำอธิษฐาน ควรจะเปน็ ไปในทางว่า ขอให้เป็นคนดี เปน็ ผ้ใู ห้ เปน็ ผสู้ ะอาดทางกาย วาจา ใจ บรสิ ุทธผ์ิ ่องใส เหมือนพระจนั ทรใ์ นวันเพญ็ 54 ค่มู ือการเรยี นการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเนอ้ื เชื้อไข ในวรรณคดไี ทย

แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ภาษาไทย เรือ่ ง พลายชุมพล ๑. วเิ คราะหส์ าระการเรียนรใู้ นกลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เปรียบเทยี บระหว่างสโุ ขทยั กับอยุธยา มารยาทในการเขียน อ่านบทรอ้ ยกรองตัดตอนจากเรอ่ื งขนุ ชา้ งขนุ แผน เรยี งความประเพณีลอยกระทง อ่านบทรอ้ ยแกว้ ประวัติตวั ละคร การเขยี น คัดลายมือ การอ่าน มารยาทในการอา่ น การอา่ นบทร้อยแก้ว/บทร้อยกรอง เขยี นบนั ทกึ การคน้ คว้า การฟัง มารยาทในการฟัง เขียนพรรณนาภาพกระทง พลายชมุ พล การนำ�เสนอรายงานการค้นควา้ คุณธรรม หลักการใช้ภาษา มารยาทในการพดู ใฝ่รูใ้ ฝ่เรยี น การพูด มคี วามจงรักภกั ดี มีความกล้าหาญ คำ�ทใ่ี ช้ส�ำ หรบั สามเณร พูดในหวั ข้อ ณ เณรต้องนมิ นต”์ ความรกั พอ่ ศึกษาค�ำ ศัพทแ์ ละความหมายทีใ่ ชใ้ นการบรรพชาสามเณร ศกึ ษาค�ำ ศัพทแ์ ละความหมายของค�ำ ในบทอ่าน การแตง่ ตวั เป็นมอญของพลายชุมพล ๒. วเิ คราะห์การบรู ณาการการสอนต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ สังคมศกึ ษา - ศึกษาแผนทก่ี ารเดนิ ทาง ศาสนาและวัฒนธรรม ของพลายชุมพล - ความรเู้ รอ่ื งกรุงสุโขทยั จากอยธุ ยา - กาญจนบุรี - - ประเพณลี อยกระทง สโุ ขทยั - ประเพณบี รรพชาสามเณร - คณุ ธรรมของพลายชมุ พล การงานอาชีพ พลายชมุ พล ศิลปศกึ ษา/นาฏศลิ ป์ และเทคโนโลยี - ประดิษฐก์ ระทง - เพลงลอยกระทง - ชมการรำ�มอญแปลง เพื่อการอนรุ กั ษน์ �้ำ คณติ ศาสตร์ ทำ�นองมอญดดู าว หลาย ๆ แบบ - ค�ำ นวณ จากสอ่ื IT ราคากระทง แต่ละแบบ คมู่ ือการเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเนอ้ื เชอ้ื ไข ในวรรณคดไี ทย 55

๓. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๓.๑ น�ำสาระเน้ือหาจากวรรณคดีไทย/ประวัติตัวละคร มาน�ำอ่าน น�ำพูด ฝกึ จบั ใจความส�ำคัญ ๓.๒ น�ำสาระเนื้อหาต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้มาบูรณาการการสอนโดยใช้การ แบ่งกลุ่มศกึ ษาค้นคว้าโดยใชก้ ารอ่าน การเขียน การบันทึก การจบั ใจความ การสรปุ ใจความ การวเิ คราะหค์ วาม การเขียนรายงาน การพูดน�ำเสนอจากการศกึ ษาคน้ ควา้ ฯลฯ ๓.๓ ครูสรุปความรทู้ ีถ่ ูกตอ้ งแกน่ กั เรียน ๓.๔ ใหน้ กั เรยี นสร้างชน้ิ งานดว้ ยตนเองตามใจชอบ แลว้ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ วพิ ากษ์ วิจารณเ์ ชิงบวกดว้ ยค�ำว่า “ถา้ ... ถา้ จะเพ่มิ ... ปรบั ...” ๓.๕ การวัดผลประเมินผลตามตัวช้ีวัด จุดประสงค์ หรือสมรรถนะทางภาษาไทย จากผลงานของนักเรียน ผลงานกลุ่ม ใช้การทดสอบ การตรวจ การสังเกต การฟัง การพูด การเขยี น เป็นตน้ พลายชมุ พลมาถึงบา้ นขนุ แผนและนางแก้วกริ ิยาทีเ่ มอื งกาญจนบุรี เรื่อง ขนุ ชา้ งขนุ แผน จากจติ รกรรมฝาผนงั วดั ปา่ เลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบรุ ี 56 คู่มือการเรียนการสอนวรรณคดีไทย หนอ่ เน้ือเช้อื ไข ในวรรณคดไี ทย

๒ หนอ่ เน้อื เชอ้ื ไข ในวรรณคดีไทย เร่ือง เงาะป่า

เรอ่ื ง เงาะป่า ๒.๑ ประวัตวิ รรณคดีไทย วรรณคดไี ทย เร่ือง เงาะปา่ เปน็ วรรณคดีอนั ทรง คุณค่าของชาติเรื่องหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทรงพระราชนิพนธ์เป็นกลอน บทละคร ตวั ละครเป็นเงาะป่า (ซาไก) “หนังสือที่แต่งนี้ไม่ได้ตั้งใจส�ำหรับที่เล่นละคร... เพราะแต่งเรื่องชาวป่า ซึ่งกันดาร เหลอื ประมาณ แต่ครัน้ เสรจ็ แลว้ ก็ดมู นั งามด”ี “หนงั สอื นไี้ มไ่ ดต้ งั้ ใจทแี่ ตง่ ใหถ้ กู ถว้ น และไมต่ งั้ ใจทจ่ี ะเดนิ ตามแบบ ไดเ้ ขยี นตามนำ�้ ใจ ที่นึกจะท�ำอย่างไรก็ท�ำ เพราะเวลาที่เขียนนั้นเป็นเวลาที่ต้องการจะเปิด ไม่ให้มีอะไรบังคับใจ เม่ือเขียนเสร็จแล้วเห็นว่าควรจะน�ำสู่ผู้ซึ่งชอบพอกันฟัง จึงได้ให้พิมพ์ขึ้นไว้เป็นฉบับแรก ส�ำหรบั แกไ้ ข จะไดไ้ มเ่ ลอะเลือนในเวลาคดั กนั ตอ่ ๆ ไป” ซมพลาและลำ�หบั กบั โศกนาฏกรรมความรัก 58 ค่มู ือการเรยี นการสอนวรรณคดีไทย หนอ่ เน้อื เช้ือไข ในวรรณคดีไทย

พระราชนิพนธ์เร่ืองเงาะป่าน้ี แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถเชิงวรรณศิลป์ การใช้ภาษา ทรงน�ำภาษากอย (ภาษาของชาวป่าซาไก) มาแทรกในบทกลอนได้เหมาะสม กบั เรอื่ ง เปน็ เรอ่ื งราวความรกั หนง่ึ หญงิ สองชาย น�ำมาซงึ่ ความโศกสลดรนั ทด เปน็ โศกนาฏกรรม ท่ีไม่ปรากฏในวรรณคดีไทยเร่ืองใด ซึ่งมีความยาว ๘๙๙ บทกลอน เช่น ตอนคนังและไม้ไผ ่ ออกเที่ยวป่าล่าสัตว์ กล่าวถึงเงาะดอลซมพลา ล�ำหับเท่ียวป่า ขบวนแห่เจ้าบ่าว ฮเนาคล่ัง ซมพลาตาย ไปจนกระทั่งถึงตอนมีค�ำสั่งให้หาลูกเงาะ ได้ตัวคนัง สุดท้ายตอนท�ำขวัญคนัง และเพลงยาว (ซงึ่ ตอ่ มาคนงั ไดแ้ สดงละครเรอ่ื ง เงาะปา่ ) วรรณคดเี รอื่ งนแ้ี สดงถงึ พระอจั ฉรยิ ภาพ อันสูงส่งด้วยจินตนาการทางด้านวรรณศิลป์ คีตศิลป์ ทรงแสดงให้เห็นว่าความรักต้องม ี ความเสยี สละ ทรงสอดแทรกความรกั ของครอบครัว ความรักในธรรมชาตแิ ละผนื ปา่ ดงั เช่น ค�ำสอนเจ้าบ่าว ลูกรกั จงดเู ยีย่ งพยคั ฆ์โคร่งใหญ่ ถึงรา้ ยกาจอาจหาญสกั ปานใด กม็ ไิ ด้ทำ� ร้ายลกู และเมีย ค�ำสอนเจ้าสาว บุญเหลือ จงดเู ย่ยี งแม่เสืออย่าออ่ นเอ้ีย รกั ตวั ผู้ดูแลเฝ้าคลอเคลยี มศี ัตรูสเู้ สยี ชวี ิตแทน วรรณคดีเรื่องเงาะป่าน้ี นอกจากทรงสอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับความรักแล้ว ยังใหค้ ตชิ ีวิต ความเปน็ อยู่ ความเชื่อและประเพณีของชาวเงาะปา่ (ซาไก) ทีพ่ ่งึ พาธรรมชาต ิ คือ ป่า ต้ังแต่แรกเกดิ จนตราบสิน้ ชีวติ วรรณคดีไทย เรื่อง เงาะป่า มีหลายตอน ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้เลือกน�ำ ตอน คนังและไม้ไผ่ออกเที่ยวป่าล่าสัตว์ มาก�ำหนดให้เป็นสื่อการอ่านเพ่ือการเรียนรู้ในหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต วรรณคดีล�ำน�ำ ช้ันประถมศึกษา ๔ ในบทเรียนบทท่ี ๔ และตั้งช่ือบท อา่ นว่า เรอื่ งเล่าจากพัทลุง จังหวัดพัทลุงเป็นถ่ินเกิดของคนัง เงาะป่า (ซาไก) ตัวน้อย ที่โชคชะตาพลิกผัน จากเด็กน้อยที่น่ังชมการแสดงมโนราห์ในขณะท่ีหลับใหลถูกพาตัวเข้าสู่ราชส�ำนักวังหลวง และได้ฝากอตั ลักษณแ์ หง่ ชาตภิ มู ิไวเ้ ปน็ ท่ีปรากฏจนถงึ ปจั จบุ นั คู่มือการเรยี นการสอนวรรณคดไี ทย หนอ่ เนอ้ื เชอ้ื ไข ในวรรณคดไี ทย 59

๒.๒ คนัง ๒.๒.๑ ล�ำ ดับความเกย่ี วขอ้ งกบั คนงั เด็กชายชาวเงาะปา่ (ซาไก) มีถิ่นก�ำเนิดในจังหวดั พัทลงุ มเี พื่อนสนทิ เป็น คนัง เจ้าเมืองพทั ลงุ เด็กชายชาวเงาะปา่ เดก็ ก�ำพรา้ ชาวเงาะป่า (ซาไก) ได้คดั เลือกเด็กเงาะปา่ ช่อื ไม้ไผ่ และเลอื กไดค้ นัง จึงพาไปมอบให้ - เป็นแรงบันดาลใจให้พระบาท พระยาสขุ มุ นยั วินติ สมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (ปั้น สขุ มุ ) เพอื่ น�ำเข้า พระราชนพิ นธ์บทละครเรือ่ ง เงาะปา่ ถวายตวั เป็นมหาดเลก็ - เปน็ ผู้แสดงละครเรื่อง เงาะป่า ในวงั หลวง พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อย่หู วั พระราชทานนามสกุลใหแ้ กค่ นังว่า “กิราตกะ” ๒.๒.๒ ความเดมิ เม่อื ครัง้ ทพ่ี ระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยูห่ วั เสดจ็ ฯ เมอื งนครศรีธรรมราช ทางเมืองได้น�ำเงาะป่าจากพัทลุงมาถวายให้ทอดพระเนตร ทรงมีพระราชด�ำริที่จะลองเลี้ยง เงาะป่าดูบ้าง ทรงรับส่ังให้เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ซ่ึงขณะน้ันเป็นพระยาสุขุมนัยวินิต สมหุ เทศภบิ าล ส�ำเร็จราชการเมืองนครศรีธรรมราช ใหห้ าลกู เงาะป่าสักคน ขนาดพอเล้ียงได ้ ไม่อ่อนวัยเกินไป จึงมีการคัดเลือกเงาะป่าจากจังหวัดพัทลุง และได้ข้อมูลวา่ มีเงาะป่าก�ำพร้า กลุ่มหน่ึง ซึง่ คนงั เป็นหนึง่ ในกลุ่มนด้ี ้วย 60 คู่มือการเรียนการสอนวรรณคดีไทย หนอ่ เนื้อเชอ้ื ไข ในวรรณคดีไทย

คนังได้ถูกคัดเลือกและน�ำตัวมาขณะชมมโนราห์ในช่วงเวลาที่หลับอยู่ เมื่อรู้สึกตัว กร็ อ้ งไหง้ อแง จนตอ้ งให้คนทีพ่ ดู ภาษาซาไกไดม้ าพูดปลอบ และเอาดอกไมแ้ ดงใหจ้ งึ สงบลง คนังถูกพาตัวออกจากพัทลุงมายังจังหวัดสงขลา มีท่านผู้หญิงยมราช (ตลับ) ดูแล อบรมสงั่ สอน ซึ่งคนงั เองก็ปรบั ตัวได้รวดเร็ว จึงเตรยี มตัวเขา้ กรุงถวายตวั เป็นมหาดเลก็ เม่ือคนังเข้าวังหลวง ได้อยู่ในความดูแลของพระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้า สายสวลีภริ มย์ เม่ือเขา้ รับราชการเป็นมหาดเล็ก ท�ำงานสนองพระเดชพระคุณ เมื่อพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงต่ืนบรรทม คนังก็แต่งตัวสวย ๆ เพ่ือมาเข้าเฝ้าฯ เมื่อถึงเวลา เสวยพระกระยาหาร คนังจะมาน่ังใกล้ชิด รัชกาลท่ี ๕ จะทรงซักถามเร่ืองความเป็นอยู ่ ของพวกเงาะป่าในพัทลุง เก่ียวกับค�ำศัพท์ของเงาะ ภาษาเงาะ เพ่ือเป็นข้อมูลส�ำหรับ พระราชนพิ นธ์เรือ่ งเงาะป่า พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชนพิ นธว์ รรณคดเี รอื่ ง เงาะปา่ ในระหว่างการพักฟื้นหลังทรงพระประชวร โดยใช้เวลาเพียง ๘ วันเท่าน้ัน ทรงประพันธ ์ แลว้ เสร็จเม่อื วันศุกรท์ ี่ ๒ กุมภาพันธ์ ร.ศ. ๑๒๔ (พ.ศ. ๒๔๔๘) แล้วโปรดให้จัดพิมพเ์ ผยแพร่ ครั้งแรก เมอื่ พ.ศ. ๒๔๕๖ ๒.๓.๓ ประวตั ติ ัวละคร คนงั คูม่ ือการเรยี นการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเน้ือเชอื้ ไข ในวรรณคดไี ทย 61

คนงั เป็นเดก็ เงาะป่า (ซาไก) มีถ่นิ ก�ำเนิดในจงั หวัดพทั ลุง เป็นเด็กก�ำพรา้ บดิ ามารดา มเี พียงพช่ี ายซึง่ แยกยา้ ยไปอย่ทู อ่ี น่ื เม่ือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชด�ำริที่จะทรงเลี้ยง เงาะป่าดูบ้าง คนังเด็กก�ำพร้าจึงได้รับการคัดเลือกจากหัวหน้าเงาะ และจากเจ้าเมืองพัทลุง ไดส้ ่งตวั คนงั ให้พระยาสุขุมนัยวนิ ิต (ปน้ั สขุ มุ ) และมอบให้ทา่ นผ้หู ญิงยมราชดูแลอบรม และ ถวายตัวเข้าเป็นมหาดเล็กในวังหลวง อยู่ในความดูแลของพระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้า สายสวลภี ริ มย์ ซ่งึ ทรงโปรดปรานคนังน้อยเป็นทส่ี ดุ คนงั เปน็ เดก็ ฉลาดหลกั แหลมมไี หวพรบิ รจู้ กั ประจบประแจงมากทส่ี ดุ รจู้ กั ประมาณตน มีความจ�ำแม่นย�ำ มีโวหารดี ทั้งมคี วามสามารถแสดงละครไทยได้ ท่าร�ำทย่ี าก คนังกส็ ามารถ ท�ำไดด้ ี ถูกจงั หวะจะโคน แม่นย�ำ ทง้ั ที่มีเวลาฝึกซอ้ มนอ้ ย คนังเป็นแรงบันดาลใจให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชนิพนธ์ วรรณคดีเรอ่ื ง เงาะป่า และคนงั ยังได้แสดงเป็นตวั น�ำในละครเร่ือง เงาะป่า นี้ด้วย ในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั พระราชทานนามสกลุ แกค่ นงั ว่า “กริ าตกะ” ทรงรบั เลยี้ งคนงั ไวใ้ นราชการเปน็ พลเสอื ปา่ อยกู่ บั พวกมหาดเลก็ ฝา่ ยหนา้ ซง่ึ ตอ่ มา คนังได้ปว่ ยด้วยโรคร้ายและถึงแกค่ วามตาย คนงั เงาะปา่ ซาไกตวั นอ้ ยเปน็ เสมอื นตวั แทนพสกนกิ รทสี่ ะทอ้ นถงึ พระมหากรณุ าธคิ ณุ อันหาท่ีสุดมิได้แห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงแผ่ความร่มเย็นแก่ ประชากรทุกหมูเ่ หล่า ทุกชนชั้น ภายใต้พระบรมโพธิสมภารอย่างท่วั ถงึ เสมอกนั คนัง เงาะป่าซาไกตัวน้อยได้ฝากชาติภูมิของตนจารึกไว้ในแผ่นดิน ผ่านวรรณศิลป์ วรรณคดีท่มี ชี ื่อเรื่องวา่ เงาะป่า ไปอกี นานเทา่ นาน 62 คู่มอื การเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเน้อื เชื้อไข ในวรรณคดไี ทย

๒.๓.๔ ชวนท�ำ กิจกรรม ๑) ชวนอา่ นเป็นท�ำนอง เงาะนอ้ ยเงาะใหญ่ไปคกึ คัก อกึ ทกึ เล่ือนล่ันสนั่นป่า เต้นโลดลากเลือกเกลือกตา ตบขาเขย่งเก็งกอย จั๊บจบ๊ั ปงั ปงั ประดังเสยี ง ดงั แผ่นดนิ จะเอยี งทรดุ ดอ้ ย กวัดแกว่งบอเลาเป่าลูกลอย ถกู นกตกผลอยแยง่ กนั พรู ตกี ลองปะตุงตงุ้ ตุ้งผลง อแิ นะสง่ เสยี งเพราะเสนาะหู คา่ งลิงยิงฟนั หูชันชู ตุน่ อ้นอดุ อลู้ งอยู่โพรง ระมาดเม่นหมหู มีเท่ยี วหนเี รน้ เลยี งผาโจนเผน่ ไหล่ผาโหยง ควายเถ่ือนถกึ กระทิงวิง่ ตะโพง เสือโคร่งโดดผบั ไปลบั ตา หมายเหต ุ ๑. เมือ่ อา่ นเป็นท�ำนองกลอนสภุ าพแลว้ ให้นักเรียนอ่านตามจังหวะเปน็ ท�ำนอง เพลงกราวเงาะ และออกแบบทา่ ทางประกอบเพลง ๒. นักเรยี นเปิดวีดทิ ศั น์/อินเทอร์เน็ตดูการแสดงระบ�ำเงาะป่า ค่มู อื การเรยี นการสอนวรรณคดีไทย หนอ่ เนอ้ื เชอื้ ไข ในวรรณคดีไทย 63

๒) ชวนร้เู รื่อง เงาะปา่ (ซาไก) เงาะปา่ (ซาไก) เป็นคนพ้นื เมือง อาศัยอยู่ในป่าจงั หวัดพทั ลงุ แถบภเู ขาจงั หวดั นครศรีธรรมราชและจงั หวดั ตรงั เงาะปา่ มรี ปู พรรณไมส่ งู ใหญ่ตามกั จะแหลมจมกู กวา้ งแบนปากกวา้ งรมิ ฝปี ากหนา มีเส้นผมอ่อน ผู้ชายจะไว้ผมหยิกม้วนคล้ายก้นหอยรอบศีรษะเช่นเดียวกับรูปเงาะหัวโขน ผูห้ ญิงไว้ผมยาว ไว้ผมมวยก็มี ผวิ ด�ำเจือแดง เป็นคนแข็งแรง ดา้ นความคดิ คอ่ นขา้ งฉลาด จ�ำแมน่ ไมด่ รุ ้าย ไมถ่ นดั ทางเพาะปลกู หรอื เลยี้ งสตั ว์ ชอบหาสง่ิ ของทเ่ี กิดจากธรรมชาติ เช่น ตัดหวาย ตัดเตย ตีผงึ้ ลนน้ำ� มันยาง ขดุ มัน วิชาชา่ ง ทท่ี �ำได้คือ สานสมุกใบเตย สานตะกรา้ สานเสื่อ กระสอบใบเตย ทอี่ ยู่ เรยี กว่า “ทบั ” สร้างโดยใช้กง่ิ ไม้งา่ มเป็นตอหมอ้ มงุ ด้วยใบปาล์ม หนา้ ฝน จะเข้าอาศัยอยู่ในถ�ำ้ การสรา้ งทบั จะสร้างให้ใกลก้ ับล�ำน�้ำ และมเี ผอื ก มนั ให้ขุดไดใ้ นบรเิ วณ ไมไ่ กลนกั หากมคี นตายกต็ อ้ งย้ายถน่ิ ท่อี ยู่ไปตั้งทบั ที่อน่ื ภาษาพดู เปน็ ภาษากอยแท้ ซง่ึ มคี �ำนอ้ ยนกั จงึ ตอ้ งใชภ้ าษาไทยและภาษามลายปู น อาหาร เงาะป่าจะกินเผือก มัน และข้าว ซึ่งได้มาจากการแลกเปลี่ยนสินค้า กนิ ผลไมท้ ุกอยา่ ง เนื้อสตั ว์ เช่น นก ค่าง และมกั ละเว้นการกินสตั ว์ ๔ เท้า ซง่ึ ถอื วา่ มีรงั ควาน หรอื น�ำความเดอื ดรอ้ นมาให้ ยา ทเ่ี ปน็ ขนานวเิ ศษ คอื ยาที่ใช้ในการคลอดลกู พวกกอยมลี กู ติด ๆ กนั โดย ใช้ยาที่ท�ำมาจากพฤกษชาติ (สมุนไพร) ซ่ึงคนไทยหรือคนมลายูบริเวณน้ันไปขอมาใช้กันมาก สว่ นการเจ็บไข้อย่างอืน่ ไม่นิยมใช้ยา จะรกั ษาดว้ ยการอาบนำ้� ผิงไฟเปน็ สว่ นใหญ่ สีท่ีชอบ สีแดงใช้กับเคร่ืองนุ่งห่ม ดอกไม้ และเครื่องประดับ เช่น ก�ำไล ร้อยด้วยเม็ดมะกล่�ำ อาวุธ คือ กล้องลูกดอกส�ำหรับเป่าในการต่อสู้หรือล่าสัตว์ ยาวประมาณ ๔ ศอกเศษ เรียกว่า “บอเลา” ลกู ดอกท�ำดว้ ยไม้เหนียวเหลาแหลมหยกั คอ เรียกวา่ “บลิ า” 64 คมู่ อื การเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หนอ่ เนือ้ เช้ือไข ในวรรณคดไี ทย

การเล่น มีเครอ่ื งดนตรที เี่ รียกตามภาษามลายู ดงั น้ี กลอง เรยี กวา่ “ปะตุง” ปี ่ เรยี กวา่ “อแิ นะ” มเี หลก็ ส�ำหรบั ดดี ในปาก เรยี กวา่ “จองนอง” เครอื่ งเลน่ ทที่ �ำดว้ ยกะลามะพรา้ ว มคี ันชักเรยี กวา่ “บองบง” เวลาเตน้ และร�ำใช้ “กรบั ” และ “โกร่ง” เคาะประกอบการผิวปาก มีการเลน่ กันทั่วไป สิ่งที่นับถือ ตามความเชื่อโชคลาง นับถือผี ยักษ์ นางไม้ เวทมนตร์คาถา และความบรสิ ุทธข์ิ องหญิงสาว ฯลฯ ปัจจุบนั เงาะปา่ เป็นกลมุ่ ชาติพนั ธุ์หนึง่ ทีไ่ ดร้ บั การพฒั นาในด้านความเป็นอยู่ ให้ดีขนึ้ ในฐานะท่เี ป็นประชากรไทย ๓) ชวนกันเล่น สมนุ ไพรในครัวเงาะ จ�ำนวนผเู้ ลน่ ๑. ทีมละ ๓ คน ไม่จ�ำกัดทีม ๒. ทีมเชียรแ์ ละร้องเพลง เจา้ เงาะงามแงะ/เงาะหรอื แงะ (ก่อกวนสมาธิ) อุปกรณ์การเล่น ๑. กระดาษส�ำหรบั เขยี น ปากกา/ดินสอ ๒. พชื ผกั สวนครัวทห่ี ามาได้จากครวั จากท้องถิ่น ไมน่ อ้ ยกว่า ๑๐ ชนดิ ตะไคร้ ใบมะกรูด ลกู มะกรูด มะนาว ใบมะยม ใบขเี้ หล็ก พริกข้หี นู พริกชีฟ้ ้า พริกไทย หวั หอมแดง ใบเตย กะเพรา สะระแหน่ ใบโหระพา ข้นึ ฉา่ ย ผักชี ตน้ หอม เผือก มนั แห้ว ขงิ ขา่ กระชาย ฯลฯ วธิ กี ารเลน่ ๑. ต้งั ชื่อทมี เลอื กหัวหนา้ ในทมี เปน็ ผ้เู ขยี นชอ่ื สมุนไพร ลงในกระดาษอกี ๒ คน สลบั กันว่ิงไปดสู มุนไพร แลว้ จ�ำให้ได้เทยี่ วละ ๑ ชื่อ ๒. เมอ่ื เรม่ิ เลน่ ลูกทมี คนท่ี ๑ วงิ่ ไปดสู มุนไพรแลว้ วิ่งกลับมา ใช้นวิ้ เขยี นช่ือสมนุ ไพรลงท่ีหลงั หัวหนา้ (ห้ามสง่ เสียง พูดหรือบอก) คมู่ อื การเรียนการสอนวรรณคดีไทย หนอ่ เน้อื เชอ้ื ไข ในวรรณคดไี ทย 65

๓. หัวหนา้ ทายชอ่ื สมุนไพรทเ่ี พอ่ื นเขียนลงท่ีหลงั จากนั้น เขียนช่ือสมนุ ไพรลงบนกระดาษ ๔. ขณะลกู ทีมคนที่ ๑ เขียนทีห่ ลงั หัวหน้า ลกู ทมี คนท่ี ๒ ก็วิ่งไปดสู มนุ ไพรและกลบั มาใช้นิ้วเขียนที่หลงั หัวหน้า หวั หน้าก็เขียนลงบนกระดาษ ๕. ขณะเล่นแตล่ ะทมี รอ้ งเพลงเพอื่ ก่อกวนสมาธิของผู้เลน่ อีกฝา่ ยหน่ึง ๖. หมดเวลา ๒๐ นาที ยตุ กิ ารเลน่ หวั หน้าทีมวางปากกา/ ดินสอ ๗. กรรมการตรวจ จ�ำนวนชอ่ื สมนุ ไพร เฉลยค�ำเขียน และความถูกตอ้ งของค�ำ ทีมทไ่ี ดค้ ะแนนสูงสดุ เปน็ ผู้ชนะ ๘. ช่วยกนั สรุป ประโยชน์ของ : - การเล่นครง้ั นี้ - สมุนไพรใบหญา้ มีคุณคา่ ทง้ั นน้ั หมายเหตุ ควรจะชวนร้องเพลงกอ่ นชวนกนั เล่น เพอื่ จะน�ำเพลงมาประกอบการเลน่ ๔) ชวนร้องเลน่ เพลง เจา้ เงาะงามแงะ เจ้าเงาะ เจ้าเงาะ มนั น่าหวั เราะ เจ้าเงาะงามแงะ แต่งตัวกระไรสวยโก้ (ซำ้� ) ปากหนา ตาโต พุงโย้ เหยอะแยะ (หนงั สือ “สนุกกบั วรรณคด”ี ) เพลง เงาะหรอื แงะ ค�ำร้อง อ.ทองหล่อ ไกรเภา เงาะหรอื แงะ มันแปลกดีแฮะ นั่นแงะหรอื เงาะ กลม ๆ และมีขนด้วย (ซ�้ำ) โอแ้ มค่ นสวยนัน่ เงาะหรือแงะ 66 คมู่ อื การเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเน้ือเช้อื ไข ในวรรณคดีไทย

๕) ชวนเขยี นประวตั ิ ประวตั ิคนัง ชื่อ วงศ์สกุล ชื่อบดิ า ชื่อมารดา ทอ่ี ยปู่ ัจจุบัน ลักษณะเดน่ ประวตั ิการศกึ ษา พน่ี อ้ งร่วมบิดามารดา สถานภาพ ชอ่ื ภรรยาหรอื สามี ช่อื บตุ รหรือธดิ า อาชีพ/สถานท่ีท�ำงาน ต�ำแหน่ง ความสามารถพเิ ศษ ผลงานดเี ด่น หลักในการท�ำงาน คุณธรรมความดงี าม คูม่ ือการเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หนอ่ เน้อื เชื้อไข ในวรรณคดไี ทย 67

๖) ชวนประดษิ ฐ์ กิจกรรมตกแต่งแปลงกายเป็นคเู่ งาะงามแงะ คูเ่ งาะงามแงะ จ�ำนวนผู้เลน่ จับคู่ ๒ คน อุปกรณ ์ ๑. เครอ่ื งส�ำอางแตง่ หนา้ ๒. เตรยี มประดษิ ฐพ์ วงมาลัยดอกไมส้ แี ดง - พวงมาลยั สวมศีรษะ - พวงมาลยั ข้อมือ - พวงมาลัยขอ้ เท้า - พวงมาลยั สวมคอ วิธีการเล่น ๑. จบั คเู่ ปน็ เพอ่ื นกัน ๒ คน ๒. ต่างคนต่างตกแตง่ แปลงกายเพอ่ื นใหเ้ ปน็ ชาวเงาะ สวยงาม สง่า คงเป็นเอกลักษณ์ ผวิ ด�ำแดง ปากกวา้ ง ริมฝปี ากหนา ตาโต ประดบั ด้วยดอกไม้สีแดง (เวลา ๒๐ นาท)ี ๓. ทกุ คู่ออกมาแสดงการร�ำ ท�ำท่าทางอย่างชาวเงาะ (คิดทา่ ทางเอง) ตามเพลงเงาะหรือแงะหรอื เพลงอนื่ ๆ ๔. กรรมการ (ครู + หัวหน้านักเรียน) ก�ำหนดเกณฑ ์ ใหค้ ะแนนคดั เลือกและประกาศรางวัล ได้แก่ - ดา้ นการแตง่ กาย อนั ดับ ๑ - ๒ - ๓ - ด้านการแสดงดี อันดับ ๑ - ๒ - ๓ - ดา้ นมคี วามสามคั คีกนั ดี อนั ดับ ๑ - ๒ - ๓ - ดา้ นมคี วามแข็งแรง เขม้ แขง็ อนั ดับ ๑ - ๒ - ๓ ฯลฯ ๕. ชว่ ยกนั สรปุ ประโยชนข์ องกจิ กรรมน้ี 68 คมู่ ือการเรยี นการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเนือ้ เชอื้ ไข ในวรรณคดีไทย

๗) ชวนคดิ สรา้ งสรรค์ กิจกรรมท่ี ๑ เขียนสลับอักษรเปน็ ค�ำ ใหม่ ตัวอย่าง พทั ลงุ = พุง ทุง ทพั ลัง ลัพ พุท พลุ พงั ๑. มหาดเลก็ = ............................................................................................. ๒. เงาะคนัง = ............................................................................................. ๓. มโนราห ์ = ............................................................................................. ๔. ราชสำ�นัก = ............................................................................................. กิจกรรมท่ี ๒ เรียงล�ำ ดบั ช่อื ตามพจนานุกรม แลว้ เขยี นอธบิ ายคำ� ซมพลา ฮเนา ล�ำ หับ คนัง ไมไ้ ผ่ ๑. .................... .................................................................................................... ๒. .................... .................................................................................................... ๓. .................... .................................................................................................... ๔. .................... .................................................................................................... ๕. .................... .................................................................................................... กจิ กรรมท่ี ๓ คนงั ถกู พาตัวเขา้ ราชส�ำ นกั เด็กเงาะอนื่ ๆ คิดอย่างไร ยินดี หรือไมย่ ินดี ใหเ้ หตุผลประกอบ .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. ค่มู ือการเรยี นการสอนวรรณคดีไทย หนอ่ เนอื้ เชอื้ ไข ในวรรณคดไี ทย 69

แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรูภ้ าษาไทย เร่ือง คนัง ๑. วิเคราะห์สาระการเรียนรใู้ นกล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย มารยาทในการเขยี น ค�ำ แนะน�ำ ตวั ให้คนงั บทรอ้ ยกรองตดั ตอนจากเรอื่ งเงาะป่า คดั ลายมือ บทรอ้ ยแก้วประวัติคนงั การเขยี น การอ่าน มารยาทในการอา่ น เรยี งความเร่อื งปา่ คือ บา้ นของฉัน การอ่านบทร้อยแก้ว/บทรอ้ ยกรอง การฟัง คนัง มารยาทในการฟัง การพูดนำ�เสนอการค้นคว้า คุณธรรม หลักการใช้ภาษา การพดู การอนรุ กั ษป์ ่า มารยาทในการพูด ความอ่อนนอ้ ม คำ�ที่มีความหมายเดยี วกัน การพูดนำ�เสนอรายงาน การมสี ัมมาคารวะ ค�ำ พื้นถน่ิ วาจาไพเราะ ค�ำ ศัพท์และความหมาย ความเชือ่ ฟัง คำ�ราชาศัพท์ ๒. วิเคราะห์การบรู ณาการการสอนตา่ งกล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ สังคมศกึ ษา - ความรู้เรอื่ ง ป่า ศาสนาและวัฒนธรรม พืชสมุนไพร - ความเปน็ อยู่และความเชอ่ื ของเงาะป่า - ความรู้เรอ่ื งชาติพนั ธุ์อืน่ ๆ การงานอาชพี - คุณธรรมของคนงั และเทคโนโลยี - ผลติ ภัณฑจ์ ากพืช สมุนไพร คนงั ศิลปศกึ ษา/ดนตรี - ระบำ�เงาะปา่ จากสอื่ IT คณติ ศาสตร์ - วาดภาพปา่ /รูปเงาะ - ศกึ ษาแผนที่เสน้ ทางระหว่าง กรงุ เทพฯ - พัทลุง และ แล้วระบายสี ระยะทางที่ผา่ น 70 คูม่ ือการเรียนการสอนวรรณคดีไทย หนอ่ เน้ือเชือ้ ไข ในวรรณคดีไทย

๓. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ๓.๑ น�ำสาระเน้ือหาจากวรรณคดีไทย/ประวัติตัวละคร มาน�ำอ่าน น�ำพูด ฝึกจบั ใจความส�ำคญั ๓.๒ น�ำสาระเน้ือหาต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้มาบูรณาการการสอนโดยใช้การ แบง่ กลุ่มศึกษาค้นคว้าโดยใช้การอา่ น การเขยี น การบนั ทกึ การจบั ใจความ การสรปุ ใจความ การวเิ คราะหค์ วาม การเขียนรายงาน การพูดน�ำเสนอจากการศึกษาค้นควา้ ฯลฯ ๓.๓ ครูสรุปความรูท้ ี่ถกู ตอ้ งแก่นกั เรยี น ๓.๔ ใหน้ กั เรยี นสร้างชนิ้ งานดว้ ยตนเองตามใจชอบ แลว้ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ วพิ ากษ์ วจิ ารณ์เชงิ บวกด้วยค�ำวา่ “ถา้ ... ถ้าจะเพมิ่ ... ปรบั ...” ๓.๕ การวัดผลประเมินผลตามตัวชี้วัด จุดประสงค์ หรือสมรรถนะทางภาษาไทย จากผลงานของนักเรยี น ผลงานกลมุ่ ใช้การทดสอบ การตรวจ การสังเกต การฟงั การพูด การเขียน เป็นตน้ คู่มือการเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเน้ือเชื้อไข ในวรรณคดีไทย 71



๓ หนอ่ เน้อื เชื้อไข ในวรรณคดีไทย เรอื่ ง ไชยเชษฐ์

เรอ่ื ง ไชยเชษฐ์ ๓.๑ ประวตั วิ รรณคดไี ทย วรรณคดีไทย เร่ือง ไชยเชษฐ์ เป็นนิทานพ้ืนบ้านมีผู้น�ำมาเล่นเป็นกลอนบทละคร เลน่ กันในหมรู่ าษฎรสมยั กรงุ ศรอี ยุธยา มเี นื้อเรื่องสนุกสนาน มีการเลือกสรรค�ำ การใช้ภาษา สร้างอารมณข์ บขนั เสยี ดสี แฝงคตเิ ตอื นใจ การเชอ่ื คนง่าย การขาดการไตรต่ รองจนครอบครวั เกดิ ปัญหาประสบเคราะหก์ รรม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงน�ำนิทานเรื่องนี้มา พระราชนพิ นธเ์ ปน็ กลอนบทละครนอกของหลวง มเี พลงหน้าพาทยก์ �ำหนดไวเ้ หมอื นอย่างเชน่ ละครนอกครัง้ กรงุ ศรอี ยธุ ยา ละครนอก เป็นละครร�ำแบบหน่ึงพัฒนามาจากละครชาตรี มีบทเจรจา การแสดง สามารถเสริมเติมต่อบทเล่นออกนอกเรื่องได้ ไม่ต้องตามแบบแผนมากนัก สมัยโบราณใช้ ตวั แสดงเปน็ ผู้ชายลว้ น ภายหลังจึงมผี ู้หญงิ มาร่วมแสดงดว้ ย วรรณคดีเร่ืองนี้สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตครอบครัวของผู้ชายท่ีนิยมมีภรรยาหลายคน มักเกิดความไม่สงบสุขในครอบครัว ด้วยความอิจฉาริษยากัน ท�ำให้ครอบครัวแตกแยก เกิดปัญหาเด็กเป็นก�ำพร้า ญาติผู้ใหญ่ต้องคอยช่วยเหลืออุ้มชู ดูแล ประคับประคอง ทงั้ เร่ืองความเป็นอยูแ่ ละสภาพจติ ใจ 74 คมู่ อื การเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเนอ้ื เชอ้ื ไข ในวรรณคดไี ทย

พระไชยเชษฐพ์ ระราชทานพระธรรมรงคใ์ ห้แกน่ างสวุ ญิ ชาไว้ วรรณคดีไทย เร่ือง ไชยเชษฐ์ น้ี นอกจากสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการครองชีวิตค ู่ การมีครอบครัวท่ีไม่ประสบความสุข เหมือนดังปัญหาครอบครัวในปัจจุบัน ปัญหาน้ันมิได ้ เกดิ กบั ผใู้ หญท่ เี่ ปน็ บดิ ามารดาเทา่ นน้ั แตย่ งั สง่ ผลกระทบถงึ เดก็ เลก็ ๆ ในครอบครวั ซงึ่ ในเรอื่ งน้ี พระนารายณ์ธิเบศร์เปรียบเสมือนตัวแทนของเด็กท่ีเกิดในครอบครัวท่ีประสบปัญหา ในครอบครวั ส�ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้น�ำเรือ่ งนี้ มาก�ำหนดให้เป็นสื่อการอ่านเพื่อการเรียนรู้ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพอ่ื ชวี ติ วรรณคดลี �ำน�ำ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ บทเรยี นบทท่ี ๖ ตงั้ ชอ่ื บทอา่ นวา่ ธนดู อกไม้ กับเจ้าชายน้อย ซ่ึงเป็นเหตุการณ์ตอนท่ีพระนารายณ์ธิเบศร์ยิงธนูหมายท�ำร้ายพระไชยเชษฐ์ ด้วยไม่ทราบว่าเป็นพระบิดา แต่ธนูที่ยิงไปนั้นกลับกลายเป็นดอกไม้บูชาคุณพระบิดาแทน ทจ่ี ะสงั หาร คู่มือการเรียนการสอนวรรณคดีไทย หนอ่ เนือ้ เช้ือไข ในวรรณคดไี ทย 75

๓.๒ พระนารายณธ์ เิ บศร์ มเหสี ๓.๒.๑ ล�ำ ดบั วงศ์พระไชยเชษฐแ์ หง่ เหมันตน์ คร เจา้ เมืองเหมนั ต ์ มเหส ี ท้ายอภัยนุราช ไชยเชษฐ์ นางสุวิญชา (จ�ำปาทอง) พระนารายณ์ธิเบศร์ ๓.๒.๒ ความเดิม ทา้ วอภยั นรุ าช เจา้ เมอื งเวสาลี มพี ระธดิ านางหนง่ึ เมอื่ นางรอ้ งไหจ้ ะมดี อกจ�ำปาทอง ร่วงลงมา จึงต้งั ช่ือธดิ าว่า “จ�ำปาทอง” ครั้นนางจ�ำปาทองเจริญวัยขึ้น ได้น�ำไข่จระเข้จากสระในสวนมาฟักจนเป็นตัวและ เล้ียงจระเข้ไว้ในวงั เม่อื จระเข้ตัวใหญ่ขน้ึ ไดไ้ ล่กัดชาวเมืองจนได้รบั ความเดอื ดร้อน เป็นเหตุให ้ นางจ�ำปาทองถกู เนรเทศออกจากเมือง นางไดไ้ ปอาศัยอยกู่ ับพระฤ ษใี นป่าพร้อมกับนางแมว พี่เลยี้ งที่ติดตามไปด้วย ต่อมาท้าวสิงหล เจ้าเมืองสิงหล ซึ่งเป็นยักษ์ได้ไปขอนางจ�ำปาทองจากพระฤ ษี มาเปน็ พระธดิ า และตงั้ นามใหม่ว่า “สุวญิ ชา” พระไชยเชษฐ์โอรสเจ้าเมืองเหมันต์ เสด็จประพาสป่าและหลงทางเข้าไปในสวน เมอื งสงิ หล จงึ ได้พบกบั นางสวุ ญิ ชา และขอเขา้ รบั ราชการในเมอื งสิงหล ต่อมามีศึกมาตีเมืองสิงหล พระไชยเชษฐ์อาสาสู้ศึกได้ชัยชนะ ท้าวสิงหลจึงยก นางสุวิญชาใหเ้ ป็นชายา พระไชยเชษฐจ์ ึงพานางสุวิญชากลบั เมอื งเหมันต์ ท่ีเมืองเหมันต์ นางสุวิญชาตั้งครรภ์และใกล้คลอด นางสนมท้ังเจ็ดมีความอิจฉา ริษยาจึงออกอุบายให้พระไชยเชษฐ์ไปคล้องช้างเผือกที่ในป่า เมื่อนางสุวิญชาคลอดพระโอรส 76 คมู่ อื การเรยี นการสอนวรรณคดีไทย หน่อเนอื้ เชื้อไข ในวรรณคดไี ทย

ออกมาก็น�ำพระโอรสใส่หีบไปฝังใต้ต้นไทร และกล่าวให้ร้ายนางสุวิญชาว่า คลอดบุตร เป็นทอ่ นไม้ พระไชยเชษฐห์ ลงเช่ือจงึ ขบั ไลน่ างออกจากเมอื ง นางแมวพเ่ี ลยี้ งจงึ พานางสวุ ิญชา ไปยังต้นไทรเพื่อช่วยพระโอรสซ่ึงยังมีชีวิตอยู่ และพากันเดินทางกลับไปยังเมืองสิงหล ท้าวสิงหลตง้ั ชื่อพระโอรสของนางสุวญิ ชาว่า “พระนารายณธ์ เิ บศร์” ๓.๒.๓ ประวัติตวั ละคร พระนารายณ์ธิเบศร์ พระนารายณ์ธิเบศร์เป็นโอรสของพระไชยเชษฐ์กับนางสุวิญชา (เดิมช่ือ นางจ�ำปาทอง) แรกประสูติได้ถูกนางสนมท้ังเจ็ดของพระไชยเชษฐ์ท�ำร้ายจับใส่หีบฝังไว ้ นางแมวพี่เลี้ยงของนางสุวิญชาได้ขุดเอาหีบขึ้นมาและพากันเดินทางกลับไปยังเมืองสิงหล ท้าวสิงหลจึงตั้งชื่อว่า “พระนารายณ์ธิเบศร์” ซ่ึงพระนารายณ์ธิเบศร์เข้าใจผิดว่า ท้าวสิงหล เปน็ พระบดิ ามาตลอด คมู่ ือการเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเนื้อเชื้อไข ในวรรณคดไี ทย 77

เม่ือเยาว์วัย พระนารายณ์ธิเบศร์ ได้ศึกษาการยิงธนู การขี่ม้า และวิชาต่าง ๆ จนมีความสามารถ แตส่ ่ิงหน่งึ ท่สี รา้ งความหงดุ หงิดในหัวใจคอื การทพ่ี วกเดก็ ๆ มักจะถามว่า ท�ำไมพระบดิ ามีอายมุ าก พระบิดาชรามากกวา่ บิดาของเดก็ คนอื่น ๆ พระนารายณธ์ เิ บศรก์ ับท้าวสงิ หลผเู้ ป็นพระอยั การหรือตา เม่ือพระนารายณ์ธิเบศร์มีชันษา ๗ ปี ได้ประพาสป่า พบพระไชยเชษฐ์ซ่ึงมาตาม นางสุวิญชา พระนารายณ์ธิเบศร์กับพระไชยเชษฐ์ต่างไม่รู้จักกัน เกิดสู้รบกันแผลงศรใส่กัน แต่ศรไม่ท�ำอันตรายแก่กัน ศรของพระนารายณ์ธิเบศร์กลับกลายเป็นข้าวตอกดอกไม้แสดง ความเคารพพระไชยเชษฐ์ ศรของพระไชยเชษฐก์ ลายเปน็ อาหารทิพยต์ กลงหน้าพระนารายณธ์ เิ บศร์ ที่เรียกว่า “ศรศิลป์ไม่กินกัน” หมายความว่า ลูกธนูที่แต่ละฝ่ายยิงใส่กันน้ันไม่สามารถ ท�ำอันตรายกันได้ จึงท�ำให้พระนารายณ์ธิเบศร์ได้รู้ความจริงว่าพระไชยเชษฐ์เป็นพระบิดา และ ท้าวสงิ หลเปน็ พระอยั กาหาใชพ่ ระบิดา 78 คู่มือการเรยี นการสอนวรรณคดีไทย หนอ่ เนือ้ เชอ้ื ไข ในวรรณคดไี ทย

พระนารายณธ์ เิ บศรไ์ ดท้ ลู ขอโทษพระบดิ าไชยเชษฐจ์ ากทา้ วสงิ หล สดุ ทา้ ยทา้ วสงิ หล ให้พระไชยเชษฐ์อภิเษกสมรสกับนางสุวิญชาอีกคร้ังหน่ึง ท�ำให้พระนารายณ์ธิเบศร์มีความสุข ทไ่ี ดอ้ ยพู่ รอ้ มหนา้ พร้อมตากับพระบดิ าและพระมารดา ชวนคดิ ๑. เปน็ จรงิ หรือไม่ท่ียิงศรไปแล้วจะกลายเปน็ ดอกไม้และอาหาร ๒. หากตอ้ งการให้ศรทย่ี งิ ไปกลายเปน็ ดอกไมแ้ ละอาหารได้จริงจะท�ำอย่างไร ๓. ผู้แต่งคิดอย่างไรทใี่ ห้เหตกุ ารณ์ยิงศรเป็นเชน่ น้ี ๓.๒.๔ ชวนท�ำ กิจกรรม ๑) ชวนอ่านเป็นท�ำนอง (กลอนบทละคร) เมือ่ นั้น พระนารายณธ์ ิเบศร์โอรสา อยู่ในสงิ หลพารา จนชันษาอายไุ ดเ้ จด็ ปี รูปทรงละม่อมพรอ้ มพรงิ้ งามยิง่ เทวาในราศี เสวยรมยส์ มบัตสิ วสั ดี กับพระชนนโี ฉมตรู เมอื่ วนั จะพบพระบิตเุ รศ ให้บงั เหตโุ อรสคิดอดสู น่าเจบ็ ใจใครหนอเปน็ พอ่ กู จึงถามมารดาดูทันใด อนั พระบิตุเรศของลูกรัก ไม่รจู้ กั รปู ทรงว่าองคไ์ หน เห็นแต่แมผ่ เู้ ดียวเปลี่ยวใจ กบั ท้าวไทอยั กาเปน็ สองคน พระสุรยิ วงศ์พงศ์ประยูรที่คุน้ เคย ชา่ งไมม่ บี ้างเลยในสงิ หล โปรดเกลา้ เล่าแถลงแจ้งยุบล เหตผุ ลเปน็ ไฉนพระชนนี ๒) ชวนร้เู ร่อื ง ดอกจำ�ปา จ�ำปาเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ออกดอกเดี่ยว มีสีเหลืองอมส้ม กลีบดอก ยาวใหญ่ มีกลีบเล้ียงและกลีบดอกรวมกัน ๑๒ - ๑๕ กลีบ กลีบด้านนอกเป็นรูปหอกกลับ ปลายกลบี ดอกเรยี วแหลม กลบี ดอกชนั้ ในสน้ั และแคบกว่าชน้ั นอก มกี ลน่ิ หอม ตามคตคิ วามเชอื่ ตอ่ ๆ กนั มาวา่ จ�ำปาเปน็ ตน้ ไมศ้ กั ดสิ์ ทิ ธเิ์ ชน่ เดยี วกบั ตน้ โพธ์ิ มกั จะปลกู ไวต้ ามสถานทที่ ศ่ี กั ดสิ์ ทิ ธ ิ์ และไม่นิยมฟันหรือหักก่ิงก้านทิ้ง นอกจากนี้ยังมีความเช่ือว่าต้นจ�ำปาจะเป็นต้นไม้ท่ีประทับ ตรัสรู้ของพระอัตถทัสสพี ทุ ธเจ้าในอนาคต คมู่ ือการเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หนอ่ เน้อื เชือ้ ไข ในวรรณคดีไทย 79

ดอกจ�ำปาเปน็ ดอกไมม้ งคลนยิ มน�ำไปบชู าสง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ คนจึงนยิ มน�ำมาทัดหู แซมผม หอ้ ยประดบั มงกุฎ ดอกจ�ำปาเปน็ ดอกไมช้ นั้ สงู ทใี่ ชใ้ นราชส�ำนกั ใชต้ กแตง่ หอ้ งหรอื สถานทที่ ใ่ี ชส้ �ำหรบั ตอ้ นรบั แขกบ้านแขกเมอื งหรอื บคุ คลส�ำคญั ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพอย่างสูง ใช้ประดับในพระราชพิธ ี หรือพิธีกรรม โดยปรากฏดอกจ�ำปาห้อยประดับอยู่ขอบชายฉัตรชั้นล่าง เป็นการส่ือถึง ความเปน็ สริ มิ งคลแกผ่ คู้ รอบครองอีกด้วย การแขวนดอกจ�ำปาทเี่ ครอ่ื งสงู เครอื่ งประกอบอสิ รยิ ยศในพระราชพธิ สี �ำคญั ซ่ึงอยู่ในต�ำแหน่งช้ันสูง มีความเชื่อว่าดอกจ�ำปาเป็นดอกไม้ที่เหล่าเทวดานางฟ้าโปรยมาจาก สวรรค์เป็นการอวยพรแก่พระมหากษัตรยิ ์ หรือเจ้านายที่อยภู่ ายใต้เศวตฉัตรหรือเครอ่ื งสงู ดอกจ�ำปาจงึ มคี ณุ คา่ ควรแกก่ ารเรยี นรแู้ ละรกั ษาใหเ้ ปน็ ทรพั ยส์ นิ อนั มคี า่ ของ แผ่นดินไทย ๓) ชวนกันเลน่ แข่งมา้ จ�ำนวนผู้เลน่ จ�ำนวนเลขคู่ ไมจ่ �ำกดั จ�ำนวน อุปกรณ์การเล่น ผา้ ปดิ ตา วิธีการเล่น ๑. แบ่งผูเ้ ลน่ เป็น ๒ ฝา่ ย ๒. แตล่ ะฝา่ ย ให้จบั คกู่ นั ๒ คน จะเป็นกคี่ ่กู ็เขา้ แถว ต่อค่กู นั แต่ละค่คู นหนึ่งจะเปน็ มา้ คนหน่ึงจะเป็นผขู้ ่ี (ไมข่ ้นึ ข่ีแตจ่ ะเป็นผู้บอกทศิ ทาง) ๓. เริม่ เล่นคู่ที่ ๑ ใช้ผา้ ปิดตาคนเป็นม้า ผูกมอื และแขน เป็นขาหน้าของม้า เม่ือสัญญาณเร่ิมเล่นใหจ้ ับตัวมา้ หมุนรอบตัวเอง ๓ รอบ และผู้ขจี่ ะบอกทศิ ทาง ให้ม้าเดินไปซา้ ย ขวา ตรง ๆ ประมาณ ๑๐ เมตร จนถึงจุดกลบั ตวั โดยหา้ มถูกตวั ม้า หากถูกตัวม้า ปรับแพท้ ัง้ ทีม 80 คู่มอื การเรียนการสอนวรรณคดีไทย หน่อเน้ือเช้ือไข ในวรรณคดไี ทย

๔. เมอ่ื ถงึ จดุ กลับตัวให้ม้าถอดผ้าผกู ตาออก แล้วทั้งมา้ ท้งั ผขู้ ่ีรีบว่ิงมาทจี่ ุดเรมิ่ ตน้ แตะตัวมา้ ตัวท่ี ๒, ๓, ๔, ….. ทีก่ �ำลังรอที่จะออกตวั ตอ่ ไป ๕. ม้าฝา่ ยใดวิ่งไดค้ รบกอ่ นเปน็ ฝา่ ยชนะ ๖. ขณะทม่ี า้ เดินอย่ใู ห้กองเชียร์ส่งเสียงรอ้ งเพลงม้ารอ้ ง เพอ่ื ก่อกวนสมาธิการฟงั ของผเู้ ลน่ ฝ่ายตรงขา้ ม หมายเหต ุ หากมผี ้าผกู เป็นหวั ม้าหรือมงกฎุ หนา้ ม้าสวมศรี ษะจะยง่ิ เพ่ิมความนา่ รกั แก่ผู้เล่น ๔) ชวนร้องเลน่ เพลง ม้ารอ้ ง ท�ำ นอง อัศวลีลา ค�ำร้อง ละเอียด สดคมข�ำ ม้ามันร้องดงั ดัง ฟงั ซิฟงั ฮีฮ้ ี้ ฮอ่ ฮอ่ ม้ามนั ร้องดงั ดัง ฟังซฟิ ัง ฮีฮ้ ้ี ฮ่อฮ่อ ม้ามนั ร้องบางที ฟงั ให้ดี ฮฮ้ี ้ี ฮอ่ ฮอ่ ม้ามนั รอ้ งบางที ฟงั ใหด้ ี ฮ้ฮี ี้ ฮอ่ ฮอ่ ลนั ลนั ลนั ลนั ลา ลนั ลัน่ ลนั ลา ลันลา ลนั ลา ลนั ลนั ลนั ลันลา ลันลา ลันลา ลันลา ลั่นลา คู่มือการเรยี นการสอนวรรณคดีไทย หน่อเนื้อเชือ้ ไข ในวรรณคดีไทย 81

๕) ชวนเขยี นประวตั ิ ประวัตพิ ระนารายณธ์ ิเบศร์ ชื่อ วงศ์สกลุ ชื่อบดิ า ชอ่ื มารดา ทอ่ี ยปู่ ัจจุบัน ลกั ษณะเด่น ประวัติการศกึ ษา พี่นอ้ งร่วมบดิ ามารดา สถานภาพ ช่ือภรรยาหรอื สามี ชื่อบุตรหรอื ธิดา อาชีพ/สถานที่ท�ำงาน ตำ� แหน่ง ความสามารถพิเศษ ผลงานดีเดน่ หลักในการทำ� งาน คุณธรรมความดงี าม 82 ค่มู ือการเรียนการสอนวรรณคดีไทย หน่อเนื้อเชอ้ื ไข ในวรรณคดไี ทย

๖) ชวนประดิษฐ์ ดอกจ�ำ ปา อุปกรณ์ ๑. กระดาษสเี หลือง สีสม้ สีทอง และสเี ขยี ว (เปน็ กระดาษยน่ จะสวยงามกวา่ กระดาษธรรมดาและดดั กลบี ใหเ้ ขา้ รปู ไดง้ า่ ย) ๒. ดอกรัก ลูกปัด ๓. กรรไกร เขม็ ด้ายสเี หลือง การประดิษฐ ์ ๑. ค้นควา้ หารปู แบบดอกจ�ำปาจากหนงั สอื รูปภาพ หรือ อนิ เทอรเ์ นต็ ๒. ออกแบบกลบี ดอกจ�ำปาคลา้ ยใบหอกใหม้ ขี นาดเลก็ กลาง ใหญ่ จ�ำนวน ๑๒ - ๑๕ กลบี แตล่ ะกลบี กวา้ งประมาณ ๑ - ๑.๕ ซม. และมีความยาวประมาณ ๔ - ๔.๕ ซม. ๓. ใชก้ ระดาษมว้ นเปน็ แกนไส้ดอก ๔. จับกลีบขนาดเล็กกับแกนไส้ดอก ใชด้ า้ ยพนั โดยรอบ ใหแ้ นน่ จ�ำนวน ๓ - ๔ กลีบ ๕. จบั กลีบดอกจ�ำปาขนาดกลาง วางสบั หวา่ งกลบี ขนาดกลาง ใชด้ า้ ยพนั โดยรอบใหแ้ น่น แล้วพนั ทับ ก้านดอกดว้ ยกระดาษยน่ สเี ขียว ๖. จับกลีบดอกจ�ำปาขนาดใหญ่ วางสับหว่างกลีบ ขนาดกลาง ใชด้ ้ายพนั โดยรอบใหแ้ น่น แลว้ พันทบั กา้ นดอกดว้ ยกระดาษยน่ สีเขยี ว ๗. ตกแตง่ กลีบโดยดัดกลบี ใหง้ ุ้มงอเขา้ หากนั ๘. ท�ำอุบะ โดยใช้เข็มรอ้ ยดา้ ย ร้อยดอกจ�ำปาก่อน แลว้ จะใช ้ ดอกรักหรือลกู ปดั รอ้ ยตอ่ ใหไ้ ด้ความยาวตามตอ้ งการ จะไดอ้ บุ ะดอกจ�ำปา ๑ ขา ๙. น�ำอุบะ ๓ ขา หรือ ๕ ขา มาผูกรวมกนั สามารถน�ำไป ผกู ตอ่ กับชายเครอื่ งแขวน ทดั หู ประดับศรี ษะ หรอื หอ้ ยเป็นอุบะหรอื ชายพวงมาลยั ได้ คมู่ อื การเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเนื้อเชื้อไข ในวรรณคดีไทย 83

๗) ชวนคดิ สร้างสรรค์ กิจกรรมที่ ๑ เขียนสลบั อักษรเป็นค�ำ ใหม่ ตวั อยา่ ง จระเข้ = ขระ เจ ้ ขร จะ้ จเร ๑. จ�ำ ปาทอง = ............................................................................................. ๒. เวสาล ี = ............................................................................................. ๓. แผลงศร = ............................................................................................. ๔. พระนารายณ์ธิเบศร์ = .................................................................................. ๕. ทา้ วสงิ หล = ............................................................................................. กจิ กรรมที่ ๒ เขียนสิ่งท่เี กิดข้ึนจากการยงิ ธนูอธษิ ฐานระหว่างไชยเชษฐ์ และพระนารายณ์ธิเบศร์ พระไชยเชษฐ ์ พระนารายณธ์ ิเบศร์ อาหารทิพย ์ ดอกไม้ทิพย์ ๑. ........................................................... ๑. ........................................................... ๒. ........................................................... ๒. ........................................................... ๓. ........................................................... ๓. ............................................................. ๔. ........................................................... ๔. ........................................................... ๕. ........................................................... ๕. ........................................................... ๖. ........................................................... ๖. ........................................................... ๗. ............................................................ ๗. ........................................................... 84 คู่มอื การเรียนการสอนวรรณคดีไทย หนอ่ เนอ้ื เชือ้ ไข ในวรรณคดีไทย

แนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นร้ภู าษาไทย เร่อื ง พระนารายณธ์ เิ บศร์ ๑. วิเคราะห์สาระการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย วิเคราะห์อย่างมีเหตผุ ล บทร้อยกรอง กลอนบทละครเร่ืองไชยเชษฐ์ จากความรสู้ ึก การคมัดาลรยายาทมใือนการเขยี น บทร้อยแก้วประวตั ิตัวละคร การอา่ นบทร้อยกรอง ค�ำ ศพั ท์ยากและความหมาย การอ่านเรอื่ งย่อ การเขยี น การอ่าน มารยาทในการอา่ น กล้าหาญไม่เกรงกลัว ความรักครอบครวั การฟัง การพูดเลา่ เรอ่ื งตา่ งๆ มารยาทในการฟงั พระนารายณ์ธเิ บศร์ ปัญหาของพระนารายณ์ธเิ บศร์ วิเคราะหป์ ัญหาครอบครวั ที่พบเหน็ คณุ ธรรม หลักการใชภ้ าษา การพดู มารยาทในการพดู ความมสี ติในการแก้ปญั หา ฉนั ทลักษณ์กลอนบทละคร วเิ คราะห์อารมณ์/ความรู้สึกของ ความรอบคอบ ไตร่ตรองกับปญั หา พระนารายณธ์ ิเบศร์ ความเคารพผู้ใหญ่ คำ�ศพั ท์ยาก ความหมาย วิเคราะห์การยงิ ศรกลายเป็นอาหาร ค�ำ ราชาศพั ท์ และดอกไม้ คำ�ท่ีมตี วั การนั ต์ การสรา้ งคำ�ใหมโ่ ดยสลับอักษรจากชือ่ ตัวละคร ๒. วิเคราะหก์ ารบูรณาการการสอนตา่ งกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ กแ--แาลผกลระลงาะเติารททนปภคำ�รอณัอโะนาบุ ฑดชโะจ์ลษิพี ายฐกด์ี จอรกะจเข�ำ ป้ า - สัตวเ์ ลอื้ ยคลาน ฯลฯ - วงจรชวี ิตของจระเข้ - ความรู้เรือ่ งฟารม์ จระเข้ - ความรู้เร่ืองปา่ และการอนุรักษป์ ่า ศส-ังา-ปคสกทัญมนาำ�ศ-าหรใแกึชหกาลค่วษา้ปยะรราัญปอเวหหฒับฏลาคบินือลรัตธจดัวิตรานทอ่รกอ้ี่กมญญยรพาาะลตตทงริผผิะบใูู้้ในถหหางึ ญญเรด่่า็กยณธ์ ิเบพพค-ศวเรรขราะะยี์มไนชนคายเดิรสเาลช้นยำ�ษกณดคฐรบั ์ธจ์ณาเเินฟรบติ มื่อแศศาผงราพน์ สบทตี่ ร์ - คุณธรรมของ พระนารายณ์ธเิ บศร์ ค่มู ือการเรียนการสอนวรรณคดีไทย หน่อเน้อื เช้อื ไข ในวรรณคดไี ทย 85

๓. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๓.๑ น�ำสาระเนื้อหาจากวรรณคดีไทย/ประวัติตัวละคร มาน�ำอ่าน น�ำพูด ฝกึ จบั ใจความส�ำคัญ ๓.๒ น�ำสาระเน้ือหาต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้มาบูรณาการการสอนโดยใช้การ แบ่งกลุ่มศึกษาค้นคว้าโดยใช้การอ่าน การเขียน การบันทึก การจับใจความ การสรุปใจความ การวิเคราะห์ความ การเขยี นรายงาน การพูดน�ำเสนอจากการศกึ ษาค้นคว้า ฯลฯ ๓.๓ ครสู รุปความรู้ท่ถี ูกต้องแก่นกั เรยี น ๓.๔ ใหน้ กั เรยี นสร้างชน้ิ งานดว้ ยตนเองตามใจชอบ แลว้ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ วพิ ากษ์ วจิ ารณ์เชิงบวกด้วยค�ำว่า “ถ้า... ถ้าจะเพม่ิ ... ปรบั ...” ๓.๕ การวัดผลประเมินผลตามตัวช้ีวัด จุดประสงค์ หรือสมรรถนะทางภาษาไทย จากผลงานของนักเรียน ผลงานกลุ่ม ใช้การทดสอบ การตรวจ การสังเกต การฟัง การพูด การเขียน เปน็ ตน้ 86 คมู่ ือการเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเน้ือเชือ้ ไข ในวรรณคดไี ทย

๔ หนอ่ เนอื้ เช้อื ไข ในวรรณคดไี ทย เรือ่ ง พระอภยั มณี

เรอื่ ง พระอภยั มณี ๔.๑ ประวัติวรรณคดีไทย วรรณคดไี ทย เรอื่ ง พระอภยั มณี เปน็ วรรณคดปี ระเภทนทิ านค�ำกลอน เปน็ บทประพนั ธ์ ของพระสุนทรโวหาร (ภู่) หรือเรียกว่า สุนทรภู่ แต่งด้วยค�ำประพันธ์ประเภทกลอนสุภาพ (กลอนแปด) จ�ำนวน ๖๔ ตอน เร่มิ ตัง้ แต่ตอนท่ี ๑ พระอภยั มณี ศรีสุวรรณ เรียนวิชา จนถึง ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช อนสุ าวรยี ส์ นุ ทรภู่ ที่อำ�เภอแกลง จงั หวัดระยอง วรรณคดีเรื่องนี้สันนิษฐานว่าสุนทรภู่เริ่มแต่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ- เลศิ หลา้ นภาลยั และคงแตง่ จบในรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั พ.ศ. ๒๓๘๘ วรรณคดีเร่ืองน้ีได้เผยแพร่คร้ังแรกโดยหมอสมิธ เจ้าของโรงพิมพ์ท่ีบางคอแหลม เป็นผจู้ ดั พิมพจ์ �ำหน่าย วรรณคดีไทย เร่ือง พระอภัยมณี เป็นเร่ืองแปลก สูงส่งด้วยจินตนาการ และ ร้อยเรียงประสบการณ์ของผู้แต่งมาผูกเป็นเรื่องราวให้ทุกคนได้อ่าน ผ่านกระบวนการ กลอนโวหาร สอดแทรกคติในการด�ำรงชีวิตท่ีเข้าถึงจิตใจและความเป็นอยู่ของผู้คน จึงท�ำให ้ ไดร้ ับความนิยมอยา่ งแพร่หลาย 88 คมู่ ือการเรยี นการสอนวรรณคดีไทย หน่อเน้อื เชอ้ื ไข ในวรรณคดไี ทย

วรรณคดีไทย เร่ือง พระอภัยมณี เป็นนิทานเรื่องยาว มีหลายตอน ส�ำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้น�ำตอน ก�ำเนิดสุดสาคร มาก�ำหนดให้เป็นสื่อการอ่านเพ่ือการเรียนรู้ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพื่อชีวิต วรรณคดีล�ำน�ำ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ บทเรยี นบทที่ ๒ ตงั้ ช่อื บทอ่านวา่ การผจญภยั ของสดุ สาคร การผจญภัยของสดุ สาครเร่ิมเมื่อสุดสาครมอี ายุ ๓ ขวบ และออก ติดตามหาพระบดิ า คือ พระอภัยมณี สุดสาครมีพระเชษฐาต่างมารดา คือ สินสมุทร มีอายุมากกว่าสุดสาครประมาณ ๑๐ ปี สนิ สมุทรไดเ้ ดนิ ทางมาพักทเี่ กาะแกว้ พสิ ดาร และได้เป็นศิษย์ของพระฤ ษกี อ่ นสุดสาคร เม่ือสดุ สาครเกดิ สินสมุทรไดอ้ อกจากเกาะแก้วพสิ ดารไปแล้ว เร่ืองราวของสินสมุทรจึงควรค่าแก่การศึกษาไว้เป็นความรู้เช่นเดียวกับเร่ืองราว ของสดุ สาคร คมู่ อื การเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเน้ือเช้ือไข ในวรรณคดีไทย 89

๔.๒ สนิ สมุทร ๔.๒.๑ ลำ�ดบั วงศ์พระอภยั มณีแห่งรัตนานคร และล�ำ ดบั วงศส์ นิ สมทุ ร ท้าวสุทศั น ์ นางปทุมเกสร นางผเี ส้ือสมุทร พระอภัยมณี นางเงอื ก (พระนางจนั ทวดีพันปีหลวง) สนิ สมทุ ร สุดสาคร นางละเวงวณั ฬา อรุณรศั ม ี ยุพาผกา มงั คลา สุลาลีวัน เสาวคนธ์ วายพุ ฒั น์ นางสุวรรณมาลี หัสกัน นรนิ ทรร์ ตั น์ สร้อยสุวรรณ จันทรส์ ดุ า ล�ำ ดบั วงศส์ นิ สมุทร พระอภัยมณี นางผีเสอื้ สมทุ ร นางอรุณรศั มี สนิ สมทุ ร นางยพุ าผกา วายุพฒั น์ 90 คู่มอื การเรียนการสอนวรรณคดไี ทย หน่อเนื้อเชอ้ื ไข ในวรรณคดีไทย

๔.๒.๒ ความเดมิ พระอภยั มณเี ลา่ เรยี นวชิ าเปา่ ปท่ี �ำใหท้ า้ วสทุ ศั นพ์ ระบดิ าพโิ รธ จงึ ขบั ไลอ่ อกจากเมอื ง พร้อมดว้ ยศรีสวุ รรณ พระอนุชา ซงึ่ เล่าเรียนวิชากระบก่ี ระบอง พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณมาพบกับสามพราหมณ์ ช่ือ วิเชียร โมรา สานน พราหมณท์ ้งั ๓ คน สงสยั ว่าวชิ าเป่าป่ีดอี ย่างไร พระอภยั มณจี งึ เปา่ ปีใ่ ห้ฟัง เสียงปที่ �ำให้ทกุ คน เคลม้ิ หลบั ไป นางผีเสื้อสมุทรซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณน้ัน ได้ฟังเสียงปี่แล้วเกิดความรักในเสียงปี่ และผู้เป่าปี่ จึงจู่โจมลักพาตัวพระอภัยมณีไปอยู่ในถ้�ำทองท่ีนางเนรมิตไว้ นางได้แปลงกาย เปน็ มนษุ ย์และอยู่กนิ กับพระอภยั มณี พระอภัยมณีอยู่กินกับนางผีเสื้อสมุทรจนมีโอรสด้วยกัน ๑ คน ชื่อว่า สินสมุทร และได้สอนเพลงป่รี วมทงั้ การต่อส้ใู หแ้ ก่สนิ สมทุ ร ๔.๒.๓ ประวัติตวั ละคร สนิ สมุทร สินสมุทรเป็นโอรสของพระอภัยมณีกับนางผีเส้ือสมุทร เกิดในถ้�ำทอง มีรูปร่าง ลกั ษณะมาทางมนษุ ย์ เคา้ หนา้ คลา้ ยพระอภยั มณี มดี วงตาแดงและผมหยกิ คลา้ ยนางผเี สอ้ื สมทุ ร สินสมุทรสนิทสนมกับพระอภัยมณีพระบิดามากกว่าผีเสื้อสมุทรผู้เป็นมารดา เพราะ นางผเี สื้อสมุทรจะออกจากถ้ำ� ไปหาอาหารและผลไม้ในปา่ อยเู่ สมอ เมอื่ สินสมทุ รอายไุ ด้ ๘ ปี สินสมทุ รไดผ้ ลกั หนิ ปิดปากถ้�ำเปดิ ออก แล้วลงไปเลน่ น้ำ� ในมหาสมุทร จับได้เงือกเฒ่าน�ำมาให้พระอภัยมณีดู พระอภัยมณีจึงคิดแผนการหนีไปจาก นางผีเส้ือสมุทร โดยได้รับความช่วยเหลือจากพ่อเงือก แม่เงือก และลูกสาวเงือก สินสมุทร ได้ติดตามพระอภัยมณไี ปอาศัยอยกู่ ับพระฤ ษที ่เี กาะแกว้ พสิ ดาร สินสมุทรบวชเป็นฤ ษีตามพระบิดา พระฤ ษีให้เล่าเรียนภาษาฝรั่งกับพวกเรือแตก จนฟงั และพดู สอ่ื สารภาษาฝรงั่ ได้ “พวกเรอื แตกแขกฝรง่ั แลองั กฤษ ขนึ้ เปน็ ศษิ ยอ์ ยสู่ ำ� นกั นน้ั หนกั หนา” เนื่องจากเกาะแก้วพิสดารของพระฤ ษีต้ังอยู่บนเส้นทางการคา้ ในทะเลอันดามัน จึงมีชาวเรือ ชาตติ า่ ง ๆ ทป่ี ระสบวาตภัยจนเรือแตกได้มาพักอาศัยอยทู่ ่ีเกาะแกว้ พิสดารแห่งนี้ คมู่ อื การเรียนการสอนวรรณคดีไทย หน่อเนือ้ เชอื้ ไข ในวรรณคดไี ทย 91

สินสมุทรได้รู้จักกับนางสุวรรณมาลี เม่ือเรือของนางถูกพายุพัดมาเกยหาดท ่ี เกาะแก้วพิสดาร สนิ สมทุ รได้ฝากตัวเป็นลกู ด้วยความรักนางสุวรรณมาลีดุจมารดา สินสมุทรได้ช่วยเหลือนางสุวรรณมาลี เมื่อเรือของนางได้ออกจากเกาะแก้วพิสดาร แต่ถกู นางผีเสื้อสมุทรอาละวาดจนเรอื แตก สนิ สมทุ รพลดั หลงกบั พระอภยั มณี และได้วา่ ยนำ้� แบกนางสวุ รรณมาลีอยู่หลายวนั จนกระทง่ั มาถึงเกาะกาวนิ ต่อมาสินสมุทรกับนางสุวรรณมาลีได้โดยสารเรือโจรสุหรั่งมาจากเกาะ สินสมุทร ได้สังหารโจรสุหรั่งท่ีลวนลามนางสุวรรณมาลี เม่ือได้ครอบครองเรือจึงส่ังห้ามลูกเรือออกจี้ปล้น แล้วเดินเรือออกหาเสบียงอาหารจนเข้าถึงเมืองรมจักร เม่ือได้พบกับศรีสุวรรณจึงรู้ว่าเป็น อาหลานกัน สินสมุทรกับศรีสุวรรณออกเรือติดตามหาพระอภัยมณี พบเรือของอุศเรน คู่หม้ัน ของนางสุวรรณมาลี ซึ่งได้รับพระอภัยมณีโดยสารมาด้วย อุศเรนขอนางสุวรรณมาลีคืน แต่สินสมุทรไม่ยอมจึงเกิดการต่อสู้กัน อุศเรนพ่ายแพ้กลับไปเมืองลังกา ส่วนพระอภัยมณ ี นางสวุ รรณมาลี และสนิ สมทุ รกลบั ไปเมอื งผลกึ ตอ่ มาพระอภยั มณไี ดอ้ ภเิ ษกกบั นางสวุ รรณมาลี สินสมุทรได้ช่วยท�ำสงครามกับอุศเรนท่ียกทัพมาแก้แค้นจนได้ชัยชนะ และตาม ศรีสุวรรณและนางอรุณรัศมี (ธิดาของศรีสุวรรณ) ไปเยย่ี มท้าวสทุ ศั นท์ เี่ มอื งรัตนา นางละเวงวัณฬาได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เมืองลังกา เน่ืองจากพระบิดาและอุศเรน ซงึ่ เปน็ พระเชษฐาเสยี ชวี ติ นางไดจ้ ดั ศกึ ใหญเ่ กา้ ทพั จากเมอื งลงั กามาประชดิ เมอื งผลกึ สนิ สมทุ ร ไดก้ ลับมาช่วยรบและพาสดุ สาครเขา้ วัง เพือ่ ปราบปศี าจทสี่ งิ อยใู่ นรปู นางละเวงวณั ฬาท่ที �ำให้ พระอภัยมณีหลงใหลคลุ้มคล่ังได้ส�ำเร็จ สินสมุทรถูกน�้ำมันไฟอาวุธของจีนตั๋งแม่ทัพคนหนึ่ง ในเก้าทัพจนสลบไป พราหมณ์สานนท�ำพิธีเรยี กลมเรียกฝนมาล้างพิษ สินสมทุ รจงึ ฟ้นื ขึน้ พระอภัยมณียกทัพติดตามไปเมืองลังกา ศึกคร้ังน้ีสินสมุทรถูกปืนใหญ่สลบและ จมลงใตส้ ะดอื ทะเล พอนำ้� ซดั รา่ งสนิ สมทุ รมาเกยฝง่ั และไดไ้ อแดดจงึ ฟน้ื คนื สติ และออกตดิ ตาม พระอภัยมณีซ่ึงถูกมนตร์เสน่ห์อีกคร้ัง ท�ำให้หลงรักนางละเวงวัณฬาจนไม่คิดท�ำสงครามและ ยังหนีทัพไปอยู่เมืองลังกา ส่วนสินสมุทรก็พลอยหลงเสน่ห์นางยุพาผกาและอยู่กินกับนางจน นางตงั้ ครรภม์ ีบุตร ช่อื ว่า “วายพุ ัฒน”์ 92 คมู่ ือการเรยี นการสอนวรรณคดีไทย หน่อเนือ้ เชื้อไข ในวรรณคดไี ทย

เมอื่ พระฤ ษมี าถอนมนตรเ์ สนห่ แ์ ละสงครามสงบลง พระอภยั มณจี งึ จดั การใหส้ นิ สมทุ ร อภิเษกกบั นางอรณุ รัศมี แต่นางก็บา่ ยเบี่ยงมีแง่งอนไม่รับรักสนิ สมุทร ด้วยไม่พอใจท่ีสินสมุทร ไปได้นางยุพาผกาก่อน จนนางสุวรรณมาลีได้สอนอุบายในการเอาชนะใจหญิง สินสมุทร จงึ สมหวงั ในความรัก ต่อมาเกิดสงครามชิงโคตรเพชรที่นางเสาวคนธ์ได้รับมาจากเมืองลังกา สินสมุทรได ้ มาช่วยหัสไชยและนางเสาวคนธ์แห่งเมืองการะเวกท�ำสงครามกับฝ่ายลังกา ซึ่งมีมังคลา วลายุดา วายุพัฒน์ และหัสกัน เม่ือได้ชัยชนะและสงครามสงบ สินสมุทรกลับเข้าเมืองลังกา ได้พบกับนางยุพาผกาอีกครั้งและยังได้รู้จักวายุพัฒน์ จึงรู้ว่าเป็นพ่อลูกกัน เม่ือพระอภัยมณี ออกบวช สนิ สมทุ รจงึ ไปครองเมอื งผลกึ ๔.๒.๔ ชวนทำ�กิจกรรม ๑) ชวนอา่ นเปน็ ท�ำนอง (กลอนสภุ าพ) ไม่คลาดเคลือ่ นเหมอื นองค์พระทรงเดช แต่ดวงเนตรแดงดดู ังสรุ ิยฉาย ทรงกำ� ลงั ดงั พระยาคชาพลาย มเี ขย้ี วคลา้ ยชนนีมีศักดา พระบติ รุ งค์ทรงศกั ดกิ์ ็รกั ใคร่ ด้วยเนอื้ ไขมไิ ดค้ ดิ รษิ ยา เฝา้ เล้ยี งลูกผูกเปลแลว้ เห่ชา้ จนใหญ่กล้าอายุได้แปดปี จึงให้นามตามอย่างข้างมนษุ ย ์ ชอื่ สนิ สมทุ รกุมารชาญชัยศรี ธำ� มรงคท์ รงมาคา่ บรุ ี พระภูมีถอดผูกใหล้ ูกยา เจยี ระบาดคาดองคก์ ท็ รงเปลื้อง ให้เป็นเคร่ืองนงุ่ ห่มโอรสา สอนให้เจ้าเปา่ ปีม่ ีวชิ า เพลงศาตราสารพัดหดั ช�ำนาญ ชวนคิด ๑. สนิ สมทุ รมลี ักษณะเดน่ อยา่ งไร ๒. สนิ สมุทรมีความสามารถทางด้านใดบ้าง ๓. ออกแบบรูปร่างสินสมทุ รหากมรี ปู ร่างไปทางยักษ์ ค่มู อื การเรียนการสอนวรรณคดีไทย หน่อเนื้อเชอื้ ไข ในวรรณคดีไทย 93